ตอนที่๒๑ ๔๐%
การที่องค์วิรัลท้าประลองกับคาลหัวหน้าหมู่บ้านแห่งมาลันเคียนั้น ย่อมเป็นที่สนใจของผู้คนเป็นธรรมดาทันทีที่รู้ว่าจะมีการประลองเกิดขึ้น ชาวบ้านก็ต่างมาจับกลุ่มพดคุยและรอคอยให้ถึงเวลาอย่างใจจดจ่อ
“องค์วิรัลท่านจะลงประลองทำไมกัน เดี๋ยวพลาดพลั้งเจ็บตัวขึ้นมาได้ไม่คุ้มเสียนะกระหม่อม “ เธราบ่นอย่างไม่ชอบใจนัก การประลองฝีมือของผู้ชายในหมู่บ้านนั้นมีเป็นประจำทุกครั้งที่มีการจัดงานประเพณีจริงๆเธราไม่ได้อยากคัดค้านอะไร แต่การใช้กำลังแบบนี้หากพลาดพลั้งเจ็บตัวกันขึ้นมาจะทำยังไง ไม่ว่าจะเป็นคาลหรืองค์วิรัลเขาก็ไม่อยากให้เจ็บอยู่ดี
วิรัลไม่ได้ตอบอะไรร่างสูงกำลังเตรียมอาวุธในการประลองให้พร้อม ดวงตาคมเหลือบมองเธราที่ยังคงบ่นงึมงัมพลางอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“แคริชนี่ไม่ชอบหน้าเจ้าหรือเธรา” โชบุถามขึ้นอย่างสงสัย เธราพยักหน้ารับก่อนถอนหายใจแล้วนั่งข้างๆองค์วิรัล
“ใช่ ออกจะเกลียดด้วยซ้ำเมื่อก่อนตอนเด็กๆก็เที่ยวป่าวประกาศห้ามใครเล่นกับข้า เพราะข้ามันตัวประหลาด” เธราเล่าเรื่องอดีตให้ฟังอย่างง่ายๆ เขาไม่ได้ยึดติดหรือเจ็บปวดกับสิ่งที่ผ่านมาแล้ว เพียงแต่แม้จะถึงตอนนี้เองเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมแคริชถึงเกลียด เพราะแค่เขาไม่มีญาณเหมือนคนอื่นแค่นั้นหรือ
ธันมองเธราที่เล่าเรื่องราวของตัวเองด้วยท่าทีสบายๆนั้นอย่างนึกนิยม เธราไม่เคยอคติกับใครไม่เคยคิดร้ายกับใคร สายตาที่ฉายแววห่วงใยคนรอบข้างตลอดเวลานั้นช่างจับตา แม้กระทั้งกับตัวเขาที่มีท่าทีกระด้างกระเดื่องใส่ตั้งแต่แรกพบ เธราก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจ คำพูดและท่าทางง่ายๆของเธรานั้นแตกต่างจากข่าวลือที่เขาเคยได้ยินมา ธันเองก็ไม่เข้าใจว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาละสายตาจากรอยยิ้มนั้นไม่ได้ เขารู้ รู้ว่าผิด ไม่ถูกต้องด้วยประการทั้งปวงแต่เขาไม่อาจห้ามหัวใจตัวเองที่เต้นแรงทุกครั้งเมื่เห็นรอยยิ้มนั้นไม่ได้จริงๆ
“ธันก็เหมือนกัน จะหาเรื่องลงประลองทำไมกัน” เธราหันไปว่าธันที่ลงประลองเหมือนกัน
ธันไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ก้มหน้าก้มตาดูความเรียบร้อยของอาวุธไปตามเรื่อง ดวงใจเต้นโครมครามไม่คิดว่าอยู่ดีๆเธราจะหันมาพูดด้วย
ชุนที่นั่งมองธันอย่างเงียบๆถึงกับถอนหายใจอย่างคิดหนัก ก่อนหันไปมองโชบุที่กำลังมองไปทางเดียวกัน แล้วลูกครึ่งอสรพิษก็หันมามาชุนด้วยแววตาแวววาวราวเด็กกำลังได้ของเล่นใหม่ “ไม่เล่นอะไรไม่เข้าท่านะโชบุ” ชุนเอ่ยเตือนกลัวโชบุจะนึกสนุกทำอะไรแผลงๆ
“ข้าก็ไม่ได้จะทำอะไรนี่” โชบุเถียง
“เถียงอะไรกันน่ะ” เธราเอ่ยทักก่อนลุกมานั่งข้างๆโชบุ “ทำไมชอบหาเรื่องเจ็บตัวกันนัก” เธราบ่นอย่างไม่สบอารมณ์
“เจ้าจะห่วงอะไรนักหนา ทั้งองค์วิรัลทั้งธันหาใช่เด็กน้อยอมมือ ฝีมือขนาดนี้จะไปแพ้ได้ยังไง” โชบุพูด
“ข้าไม่ได้กลัวแพ้”
“แล้วเจ้ากลัวอะไร”
“ข้ากลัวจะพลาดพลั้งเจ็บตัวกันขึ้นมาน่ะสิ” เธราพูดพลางหันไปมององค์วิรัลกับธันที่กำลังเตรียมตัว
“ห่วงงั้นรึ” โชบุถามก่อนเหล่มองเธราราอย่างจับผิด
“ห่วงสิ” เธราตอบออกมาแบบไม่คิดก็เขาห่วงจริงๆ ไม่อยากให้ใครต้องมาเจ็บตัวนี่นา
“ห่วงใครกันล่ะองค์วิรัลหรือพ่อทหารม้าคนนั้น หืม” โชบุถามพลางลากเสียงอย่างยียวนทำเอาเธราหันมามองอย่างไม่เข้าใจ
“โชบุ พูดจาไม่รู้เรื่อง” เป็นชุนที่เอ่ยดุขึ้นมา ดวงตาสีดำไร้ตาขาวหันมามองเธราที่ทำหน้าไม่เข้าใจ ก่อนถอนหายใจหนักๆ เธรานี่บางเรื่องก็ฉลาดบางเรื่องก็โง่จนเขาเหนื่อยใจ
“ไปช่วยองค์วิรัลเตรียมตัวเถอะ ดูสิพี่สะใภ้เจ้าแทบจะอุ้มพี่ชายเจ้าไปลานประลองแล้ว เจ้าจะไม่ไปส่งองค์วิรัลหน่อยรึ” ชุนพูดพลางพยัดเพยิดไปยังอีกฝั่ง แคริชนั่นกำลังดูแลคาลราวจะไปออกรบ ทั้งพัดทั้งนวดจัดเตรียมอาวุธจนคาลแทบจะไม่ต้องเตรียมอะไรเอง
เธราพยักหน้าก่อนลุกไปปหาองค์วิรัลอย่ง่ายๆ ก่อนพาตัวเองไปนั่งข้างๆองค์วิรัลอีกครั้ง
“หม่อมฉันช่วยอะไรได้บ้างกระหม่อม” เธราถาม
คนที่อยู่ดีๆถูกถามเงยหน้าขึ้นมามองก่อนยกมือขึ้นลูบหัวเธราเบาๆ “เป็นกำลังใจให้ข้าก็พอ”
เธรายิ้มรับคำพูดของวิรัล ก่อนจับเอามือที่ลูบผมตนลงมาจับ “หม่อมฉันต้องเป็นกำลังใจให้พระองค์อยู่แล้ว แต่ท่านพี่คาลเก่งนะจะบอกให้ ห้ามออมมือล่ะ” เธราก้มลงมองฝ่ามือขององค์วิรัลมือหน้านั้นแสนกระด้างเพราะเพียรจับดาบมาเนิ่นนาน ข้อนิ้วแตกราวคนทำงานหนักทั้งที่เป็นบุรุษที่อยู่เหนือคนทั้งปวง
“รอข้าสักครู่นะ” เราบอกก่อนลุกขึ้นแล้วเดินหายไปเป็นครู่ ก่อนกลับมาพร้อมกะละมังใบเล็กในมือพร้อมกับน้ำหอมๆที่แช่ริ้วผ้าที่ฉีกมาเป็นเส้น ก่อนนั่งลงของๆองค์รัลแล้วดึงมือขององค์วิรัลมาวางไว้บนตักตัวเอง
“พันผ้าเอาไว้ ข้าแช่ผ้ากับน้ำว่านเอาไว้จะได้ไม่เจ็บเวลากระแทก” เธราบอกก่อนพันผ้าลงบนมือของวิรัลทั้งที่ปากก็ยังคงเจื๊อยแจ๊วไปเรื่อย วิรัลมองคนที่พันผ้าให้เขานิ่งๆจริงๆแล้วมันไม่จำเป็นเลยเขาจับดาบมามากกว่าครึ่งชีวิตการประลองเล็กๆแค่นี้ไม่ทำให้เขาเป็นอะไรไปได้ หากเพราะคนตรงหน้าอยากทำให้เขาเลยไม่อยากที่จะขัด
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------
สหัสเดินตามพารัมไปยังที่พักของพวกนางกำนัลเงียบๆ พารัมบอกกับสหัสว่าหลังจากที่เกิดเรื่องตำหนักท้ายบึงก็ถูกปิดไม่ให้ใครเข้า รารีเองก็ย้ายกลับมาอยู่ยังที่พักของพวกนางกำนัลแต่ที่แปลกกว่านั้นคือรารีไม่เคยออกมาจากห้องนอนเลย
“ทางนี้ๆ” ร่างเล็กๆของพารัมหันมาบอกสหัสเสียงเบา ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายที่นางกำนัลทุกคนต้องไปทำหน้าที่ตัวเอง คงมีแต่เพียงรารีที่ไม่มีหน้าที่อะไรและยังคงเก็บตัวอยู่ในห้อง
ก๊อกๆ สหัสเคาะห้องของรารีเบาๆ แต่ดูเหมือนคนข้างในจะไม่ได้ยินหรือไม่ต้องการพบเจอ
“ไม่เปิดหรอก ข้าลองมาเคาะเรียกหลายทีแล้ว” พารัมหันมาบอกอย่างผู้รู้ ก่อนชูกุญแจในมืออย่างผู้ชนะ “ข้าขโมยของท่านป้ามา”
“ใขประตูสักที” สหัสจำเป็นต้องพูดออกมาอย่าเหลืออดในท่าทีของคนตรงหน้า พารัมยักใหล่อย่างไม่สนใจ ก่อนหันไปใขกุญแจ
ภาพของหญิงสาวตรงหน้านั้นแปลกตาจนสหัสต้องมองให้ชัดๆ รารีนั้นซูบผอมราวคนหมดอาลัยใบหน้าสะสวยนั้นหมองคล้ำดวงตาบวมเป่งราวคนพร่ำร้องไห้ตลอดเวลา
“อะ....องค์วิรัล ถ......ถวายบังคมเพคะ” รารีพูดกระท่อนกระแท่นก่อนพยายามลุกขึ้นทำความเคารพ แต่ด้วยความอ่อนแรงที่เกาะกุมทำเอาร่างบางเซถลาจนสหัสต้องเข้าไปประคอง
“พระสนมเป็นอย่างไรบ้างเพคะ หม่อมฉันห่วงเหลือเกิน” รารีเอ่ยถามถึงเธราก่อนยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่เอ่อคลอ
“รารี” สหัสเอ่ยชื่อคนตรงหน้าทำเอาเจ้าของชื่อเงยหน้ามองอย่างตกใจ รารีจำได้นี่ไม่เสียงองค์วิรัล
สหัสยืดตัวตรงก่อนค่อยๆกลายร่างกลับเป็นตัวเอง ผมสีเทาเข้มยาวจรดกลางหลังใบหน้าค่อนไปทางสะสวยจับตา ดวงตาสีเทาแวววาวแม้ในที่มืด รารีจำได้ดี
“สหัส” รารีเอ่ยออกมาเสียงเบา
มาก่อนครึ่งหนึ่งนะคะ
จะรีบมาต่อค่า
ฝาก #วิรัลลืมเมีย ด้วยค่า