ภารกิจที่ 12 : อ่อยเหยื่อ“เย็นนี้กินอะไร”
“มึงเพิ่งกินมาจะรีบถามไปไหน” อิฐถามสิงห์ด้วยความระอาใจ พวกเขานั่งอยู่ในร้านกาแฟเพื่อรอเวลาเข้าชมภาพยนตร์
“แล้วมึงจะให้กูเข้าไปถามในโรงหนังเหรอ ออกมาก็หิวแล้ว” จุนรีบพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับสิงห์ หึหึ เข้าทางเขาล่ะต้องลอง
ดูสักหน่อย
“กลางวันกินอาหารเกาหลีไปแล้วเย็นกินอาหารญี่ปุ่นกันไหม”
“อยากทานเหรอเรา” อิฐหันมาถามคนออกความคิดเห็น เขาอย่างไรก็ได้เอาที่คนอื่นอยากทานเป็นหลัก
“ครับ อยู่ๆ ก็นึกอยากทานปลาแซลมอน” จุนพยายามกลั้นยิ้มทำหน้าซื่อตาใสเข้าไว้ เอาสิ! ตะครุบเหยื่อเลย เขามั่นใจเกินร้อย
ว่าไอ้พี่เบตกระโจนลงหลุมที่เขาดักไว้แน่ คราวนี้ล่ะไอ้จุนจะได้กินของโปรดที่ไม่ค่อยมีตังค์ซื้อให้เต็มคราบ
“ไปทานร้านพี่อาร์ทเถอะบอกว่าจะเข้าไปหลายวันแล้ว” เหยื่อของจุนพูดไม่แคร์คำชวนสักนิด
“อ้าว!” อย่าว่าแต่จุนที่เผลออ้าปากค้าง สิงห์เองยังแปลกใจที่เพื่อนไม่ตามใจเป้าหมาย ผิดจากที่เขาคาดเดาไว้
“น้องมันอยากกินอาหารญี่ปุ่น ถ้าอย่างนั้นกินก่อนแล้วค่อยไปต่อร้านพี่อาร์ท” อิฐช่วยพูดกับทิเบตเพราะเขาเห็นสีหน้าผิดหวัง
ของจุน ถึงแม้อีกฝ่ายจะพยายามเก็บซ่อนอาการเอาไว้ก็ตาม
“วันหลังค่อยมาทาน นายเองที่รับปากพี่อาร์ทไว้ไม่ใช่เหรอว่าจะเข้าไป”
“เออ” อิฐหันไปมองหน้าจุน เขายกมือขึ้นตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ
“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่พามากิน”
“เฮ้ย!ไม่เป็นไรพี่ ผมเห็นพี่สิงห์ถามผมเลยเสนอเท่านั้นเอง ไม่ซีเรียส” จุนรีบปฏิเสธ เขาอยากกินก็จริงแต่ที่นั่งหน้าเหวออยู่นี่
เพราะผิดคาดมากกว่า ไม่คิดว่าทิเบตจะปฏิเสธเขา
“งั้นก็เอาตามนั้น ถ้ามิ้นติดต่อมามึงก็ให้ไปรอร้านพี่อาร์ทเลยจะได้ไม่เสียเวลาวนไปวนมา” อิฐหันไปสรุปกับทิเบต เขียวที่นั่งฟัง
อยู่เงียบๆ เหลือบตามองโชแปงก็เห็นสายตาของอีกฝ่ายจับจ้องอยู่ที่คนพูด เขียวรู้แล้วว่าทำไมโชแปงถึงเปลี่ยนใจไปชอบอิฐ
ผู้ชายคนนี้อ่อนโยนและเอาใจใส่คนรอบข้าง เป็นผู้ชายใจดีที่หายากในยุคนี้
เขียวเบนสายตากลับมาที่จุน คนที่เขาควรเป็นห่วงตอนนี้ไม่ใช่โชแปงหากแต่เป็นเพื่อนรักที่นั่งเอ๋ออยู่ข้างๆ มากกว่า เห็นท่าทาง
ก็รู้แล้วว่าเพื่อนเขากำลังงง นอกจากทิเบตจะไม่ตะครุบเหยื่อแล้วยังเมินแบบไม่ใยดี อย่างนี้ใครบ้างจะไม่สับสน เขียวได้แต่ถอน
ใจออกมาเบาๆ นึกสงสารเพื่อนขึ้นมา
ในขณะเดียวกันทิเบตทำเป็นไม่เห็นอาการของจุน เขานั่งพิงเก้าอี้ปล่อยตัวตามสบาย นานๆ ครั้งถึงยกกาแฟตรงหน้าขึ้นดื่ม เจ้าตัว
จุ้นมันคิดจริงๆ หรือว่าเขาจะไม่เห็น ท่าซุกตัวอยู่ในราวแขวนเสื้อผ้าทำให้เขาต้องกลั้นหัวเราะ ถ้าเจ้าตัวจุ้นมันดึงเสื้อผ้ามาคลุมหัว
ได้คงทำไปแล้ว เขานึกสงสารจึงหันหลังให้จะได้หายใจออกบ้าง
และที่สำคัญ ไอ้ตัวจุ้นคิดได้อย่างไรว่าเขาจะยอมพูดเรื่องนี้ในที่โล่งแจ้งและมีเจ้าตัวมาด้วยแบบนี้ ถึงจะอยู่ในร้านและนอกร้านคน
อย่างเขาก็ไม่โง่พอ การที่เขาไม่ได้ทักท้วงสิงห์เพราะตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยินเรื่องพนัน เขาอยากรู้ว่าไอ้ตัวจุ้นจะมีฤทธิเดชอะไรมา
จัดการกับเขา มันต้องแบบนี้ถึงจะสนุก
อยากกินอาหารญี่ปุ่นอย่างนั้นหรือ ทิเบตเผลอยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก ถ้าให้เขาเดาไอ้ตัวจุ้นคงคิดจะดัดหลังเขา ถือว่าเป็นเด็กฉลาด
มากคนหนึ่ง แทนที่จะลุกขึ้นมาโวยวายกลับเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส นายมันน่าสนใจดี แต่นายไม่มีทางทันฉัน เชื่อสิ
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“เดี๋ยว!” เขียวเผลอยกมือขึ้นดึงแขนของอินทรีย์ให้ถอยออกมาจากกลุ่ม เขาลืมตัวเพราะต้องการให้คนที่ก้าวตามอิฐเข้าไปใน
แถวที่นั่งเป็นโชแปง
อินทรีย์เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม มองใบหน้าหวานที่รั้งเขาเอาไว้
“ผมจะล้ม” เขียวหน้าแดงกับเหตุผลของตัวเอง เขาคิดได้แค่นี้จริงๆ โชคดีที่โรงหนังมีแค่แสงไฟสลัวไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงเห็น
หน้าเขาชัดว่ามันแดงขึ้นมากแค่ไหน
อินทรีย์มองมือที่จับแขนเขา ก่อนเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้กับเจ้าของมือ
“เข้าใจแล้ว” อินทรีย์ใช้มืออีกข้างจับมือของเขียวหวานออกจากแขน ก่อนสอดนิ้วเข้าประสานกับมือเล็กๆ ของอีกฝ่าย
“คราวนี้รับรองว่าไม่ล้ม” มือใหญ่กุมกระชับมือเล็ก ดึงเบาๆ ให้ก้าวเท้าตาม ความร้อนที่แผ่ออกมาทำให้เขียวใจเต้นแรง นึกดีใจ
ที่ที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก
“พี่อิน” เขียวเรียกด้วยเสียงแผ่วเบา โรงหนังปิดไฟและเริ่มฉายตัวอย่างหนังไปบ้างแล้ว
“ครับ” ศีรษะที่เอียงเข้ามาใกล้คล้ายคนฟังได้ยินคำพูดของเขาไม่ชัด แต่มันใกล้จนจมูกของอีกฝ่ายเกือบชนแก้มของเขา
“ปล่อยมือผมได้แล้วครับ” เขียวเอ่ยปากเมื่อพยายามดึงมือออกแล้วแต่ไม่สำเร็จ
“ไม่ล่ะ” เขียวเบิกตากว้างเมื่อเจอกับคำตอบของคนดื้อ เล่นง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ ไม่ต้องตีเนียนไม่ต้องมีข้ออ้าง ไม่ปล่อยคือไม่ปล่อย
“ผมนั่งไม่สบาย”
“งั้นยกที่ท้าวแขนขึ้น” คราวนี้เขียวเปลี่ยนเป็นกระพริบตาปริบๆ เอากับพ่อเจ้าประคุณสิพูดเสร็จก็ยกที่กั้นขึ้นแถมขยับตัวเข้า
มานั่งชิด เคลื่อนมือที่กุมมือเขาไว้มาวางที่ต้นขาเขาหน้าตาเฉย
“สบายขึ้นไหมครับ”
“พี่อินนน” เขียวเรียกอีกฝ่ายอย่างอ่อนใจ มือเขาไม่ได้กุมตอบอินทรีย์ยังไม่สน
“ชู่ว อย่ารบกวนคนอื่นครับ” มือใหญ่ข้างที่ว่างยกขึ้นแตะริมฝีปาก เขียวทั้งท้อแท้ทั้งไม่เข้าใจ ทำไมกลายเป็นเขาที่ถูกดุวะ
“มีอะไรหรือเปล่าเขียว” เขียวสะดุ้งเมื่อโชแปงชะโงกหน้าผ่านอินทรีย์เข้ามากระซิบถาม
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร” เขียวรีบดึงมือที่จับกันอยู่มาซุกไว้ข้างตัว เขากลัวโชแปงเห็น
“อ๋อ..อืม” เขียวค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อโชแปงกลับไปนั่งตามเดิม เกือบไปแล้วถ้าเห็นขึ้นมาเขาไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร
“ไม่อยากให้เห็นก็นั่งนิ่งๆ ครับ” เขียวสะดุ้งรอบสองเมื่อเสียงทุ้มดังขึ้นชิดหู
“เพิ่งสระผมมาเหรอ หอมดี” โว้ย!! เขียวอยากจะเลิกดูหนังแล้วเดินออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ อีกสองชั่วโมงกว่าเขาจะไหวหรือนั่น
“หึหึ ดูหนังไปเถอะสัญญาว่าพี่จะไม่ซน ขอแค่นี้พอ” มือที่กุมกระชับถูกยกขึ้นชูให้เห็น ก่อนจะวางลงบต้นขาอีกครั้ง เขียวคิด
กลับไปกลับมาอยู่ในหัว หากเขาดื้อดึงจะเข้าตัวมากกว่าเดิมหรือเปล่า เขียวเหลือบตาไปมองใบหน้าด้านข้างของอินทรีย์ ก็เห็น
ตั้งใจดูตัวอย่างภาพยนตร์ตรงหน้าไม่ได้มีทีท่าจะรบกวนเขาอีก
เอาไงดีวะ เขียวมองมือที่อยู่บนต้นขา จะทำเป็นขอตัวไปเข้าห้องน้ำดีไหมแต่เขาไม่ค่อยไว้ใจอินทรีย์เท่าไหร่ ยิ่งคาดเดาไม่ได้อยู่ด้วย
เฮ้อ เขียวถอนใจออกมาดังๆ สุดท้ายก็ปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งกุมมือเอาไว้ ความจริงมันก็อุ่นดีเหมือนกัน แอร์มันหนาวอย่าคิดอะไร
มากเลย
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“เบตไปไหน” อินทรีย์ถามเมื่อออกจากห้องน้ำไม่เจอเพื่อนนั่งอยู่ที่โต๊ะ พวกเขาเดินทางมาถึงร้านของพี่อาร์ทเมื่อสิบนาทีก่อน
แขกในร้านยังบางตา
“ออกไปข้างนอก สงสัยไปรับมิ้นมั้ง” สิงห์คาดเดาเอาเอง เพราะจู่ๆ ทิเบตก็ลุกออกไปบอกเพียงแค่ว่าให้สั่งอาหารกันได้เลยเดี๋ยวจะกลับมา
“อืม” อินทรีย์เลิกสนใจ เขาลงนั่งข้างโชแปง ฝั่งเดียวกับ อิฐและสิงห์ ฝั่งตรงข้ามมีจุน เขียวและอีกสองที่สำหรับทิเบตและมิ้น ใจ
จริงเขาอยากไปนั่งฝั่งเดียวกับเขียวมากกว่า ต้องโทษที่เขาช้าไปนิดตอนเดินเข้าร้านจึงไม่ทันทิเบตที่ทิ้งตัวจองที่ข้างจุนเสียก่อน
แต่ไม่เป็นไรนั่งฝั่งตรงข้ามก็ดี เขาจะได้มองหน้าหวานๆ ได้ชัด
“มึงไปไหนมา” สิงห์มองอย่างไรทิเบตก็เดินเข้าร้านมาเพียงลำพัง ไร้เงาของมิ้นติดสอยห้อยตามมาด้วย
“ซื้อของ” ทิเบตไม่อธิบายให้มากความ เขาเดินตรงดิ่งเข้าไปนั่งข้างไอ้ตัวจุ้น ก่อนวางถุงบางอย่างลงตรงหน้า
“นายทานไปก่อน ฉันรับปากพี่อาร์ทเอาไว้ว่าจะมาไม่อยากเสียคำพูด” จุนมองถุงและหันกลับไปมองคนให้อีกครั้ง เขาดึงกล่อง
ในถุงออกมาวาง จ้องมองเหมือนไม่เคยเห็นมันมาก่อนในชีวิต
กล่องแซลมอนซาซิมิที่ถูกหั่นเป็นชิ้นมาอย่างดี อย่าบอกนะว่าที่ไอ้พี่เบตมันหายไปคือหายไปหาซื้อแซลมอนให้เขา เขาบ่นอยาก
กินก็จริงแต่ไม่คิดว่าจะไปหามาให้
“ขอบคุณ” จุนพูดด้วยน้ำเสียงที่เพราะที่สุดเท่าที่เขาเคยพูดกับทิเบต เขาจะทำตัวไร้มารยาทได้อย่างไรถ้ามีคนทำให้ถึงขนาดนี้
“ทานเถอะ” รอยยิ้มแม้ไม่กว้างมากแต่ทำไมจุนรับรู้ถึงความอ่อนโยนได้ เขาไม่เคยมองทิเบตมุมนี้มาก่อน เป็นคนดีกว่าที่คิดแฮะ
“อืม” จุนพยักหน้า แกะฝากล่องพลาสติกออก
“ทานด้วยกัน” จุนใช้ตะเกียบไม้ที่ทางร้านแพ็คมาให้ คีบแซลมอนชิ้นหนึ่งวางลงบนจานของทิเบต ยิ้มกว้างให้อีกฝ่ายจน
ตาหยี
ทิเบตชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มซื่อๆ ของจุน เขาเหมือนโดนหมัดชกเบาๆ เข้าที่ท้อง บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้น
ติ๊ง! ติ๊ง! เสียงเตือนข้อความเข้าทำให้ทิเบตได้สติ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู ก่อนเงยหน้าขึ้นมองสิงห์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ร้ายนะมึง ปฏิเสธก่อนเพื่อทำคะแนนสองเท่าทีหลังเหรอ”
ทิเบตตอบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนก้มลงพิมพ์ข้อความส่งกลับไป
“กูร้ายกว่านั้น” ไม่ใช่แค่ต้องการทำคะแนนสองเท่า แต่เขาเลือกที่จะเมินหลุมที่จุนขุดดักไว้เพราะอยากให้อีกฝ่ายตั้งตัวไม่ติด
เด็กน้อยชอบเล่นกับไฟ เมื่อหลุมที่ขุดมันตื้นไปเดี๋ยวเจ้าตัวก็จะขุดหลุมให้ลึกขึ้น เข้าใกล้เขามากขึ้น เล่นกับเขามากขึ้น ผล
ประโยชน์จะตกกับใครถ้าไม่ใช่ตัวเขาเอง
เวลาเห็นเจ้าตัวจุ้นพยายามคิดแผนมันน่าสนุกออก เขาชอบเวลาเจ้าตัวจุ้นมันอยู่ไม่สุข น่ารักดี
“อะอีกชิ้น” แชลมอนคำโตถูกวางลงบนจานเขา เจ้าตัวจุ้นเคี้ยวแก้มตุ่ย มันคงชอบของมันจริงๆ เอาไว้พรุ่งนี้เขาพาไปมันกินที่ร้าน
อีกสักรอบก็แล้วกัน
✪✣✤✥✦✧✣✤TBC✥✦✧✣✤✥✦✧✪
ตกลงใครเป็นเหยื่อ ใครเป็นคนอ่อย 555
ปล. ไม่ต้องห่วงตัวจุ้นนะคะ ตัวจุ้นมีทีเด็ดแน่นอน หึหึ ^^
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin