Chapter 1
Now: เลขาผู้เยือกเย็น
"คุณมธุวันสวัสดีค่ะ/ครับ"
"เอกสารที่ผมขอไว้ไปถึงไหนแล้ว"
ไม่มีคำทักทาย ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีแม้แต่สายตาเป็นมิตร ร่างโปร่งในชุดสูทสีกากีของมธุวันในวัยยี่สิบห้าปีเดินผ่านเหล่าพนักงานที่ทักทายเขาอย่างนอบน้อมแม้ชายหนุ่มจะอายุพอๆก็เด็กฝึกงานบางคนในบริษัทด้วยซ้ำ หลายคนที่ถูกเขาปรายตามองก็รีบกุลีกุจอเอางานที่ได้รับมอบหมายมาส่งอย่างรู้ตัว ทั้งที่มีตำแหน่งเป็นเพียงเลขาของประธานบริษัท แต่อำนาจของมธุวันเป็นที่เลื่องชื่อลือชาในหมู่พนักงานเป็นอย่างมาก
แต่ก็ไม่ใช่ในด้านที่ดีหรอกนะ
"คุณเชษฐ์อยู่ที่ไหน!"
ไม่ทันได้หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ หญิงสาวรูปร่างอวบอัดสัดส่วนล้นเหลือในเดรสสีแดงรัดติ้วแต่งหน้าหนาเตอะก็ปรากฎกายขึ้นราวกับจะมาเพื่อรบกวนความสงบสุขของเขาโดยเฉพาะ มธุวันดันแว่นไร้กรอบของตัวเองที่เพิ่งเริ่มใส่ได้เพียงสองปีหลังจากสายตาเริ่มสั้นขึ้น เปิดเอกสารโดยไม่คิดจะเงยหน้ามองคู่สนทนา
"ไม่ทราบว่าได้นัดไว้มั้ยครับ"
"นี่ แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร เป็นแค่พนักงานอย่ามาสะเออะเรื่องของเจ้านาย"
"แล้วคุณเป็นใครล่ะครับ?"
มธุวันเงยหน้าเมื่อเริ่มรับรู้ว่าสติปัญญาของหญิงสาวที่โวยวายอยู่ตรงหน้าอาจจะไม่มากพอที่จะสื่อสารเพียงครึ่งๆกลางๆด้วยได้
"หึ ฉันก็เป็นเมียคุณเชษฐ์น่ะสิ" ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบลิปสีแดงสดกรีดยิ้มอย่างเหนือกว่า คนฟังอยากจะกลอกตามองบนเหลือเกินแต่เหนื่อยใจเกินกว่าจะทำ
"เท่าที่ผมทราบ ท่านประธานยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับใครนะครับ"
"โอ๊ย นี่โง่หรือโง่ยะ ไม่เชื่อก็ไปถามคุณเชษฐ์ไป๊!" หญิงสาวตวาด "ถามเขาสิว่าเมื่อคืนฉันกับเขาทำอะไรกัน จะได้เลิกทำตัวไร้มารยาทกับคุณผู้หญิงคนใหม่ของที่นี่ซะที!"
"จนกว่าผมจะได้รับแจ้งจากท่านประธาน คุณผู้หญิงของที่นี่มีอยู่แค่คนเดียว คือคุณเกศรา" มธุวันลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แม้เขาจะไม่ได้สูงชะลูดเหมือนหลายคน แต่ด้วยรูปร่างที่เพรียวลมทำให้ชายหนุ่มดูสูงกว่าความสูงร้อยเจ็ดสิบห้าเซ็นติเมตตรของตนเล็กน้อย "อีกอย่าง ผมไม่ต้องถามคุณหรอกครับ ว่าพวกคุณทำอะไรกัน ในเมื่อตอนท่านกลับมาที่เตียงผม ท่านยังชมอยู่เลยว่าผมน่ะ 'เด็ด' กว่าคุณแค่ไหน"
"ฮะ?" ดูเหมือนสมองของหญิงสาวจะประมวลผลไม่ทัน ริมฝีปากอิ่มอ้าค้าง ดวงตาคมเฉี่ยวจากมาสคาร่าทั้งหลอดเบิกกว้างอย่างตกตะลึง "มะ...ไม่จริง..."
"ตอนที่ท่านอยู่ในตัวผม ท่านกระซิบที่ข้างหูผม ว่าคนก่อนหน้าหลวมโพรกแค่ไหน" ชายหนุ่มเอ่ยหน้าตาย "แต่ก็อย่างว่าละนะครับ รุ่น'ป้า'แล้ว จะให้มาฟิตๆเหมือนสาวๆคงยาก"
"กรี้ดดดดด ไอ้เด็กเวร!" คนถูกด่ากระทืบเท้าอย่างขัดใจ ส้นสูงคู่งามที่ใส่มาอวดเรียวขาดันเกิดทรยศพาให้สาวเจ้าล้มลงไปกองกับพื้น มธุวันกดโทรศัพท์เรียกรปภ.ขึ้นมาลากตัวการก่อความวุ่นวายออกไป ก่อนจะนั่งลงทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ติ๊ดๆไฟที่โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเขากระพริบขึ้น ร่างโปร่งถอนหายใจ ลุกขึ้นจากโต๊ะไปยังห้องทำงานของคนที่เรียกตัวเขาโดยไม่คิดจะรับสาย
"ฮ่าๆๆๆ ทำดีมากเลยหมอก เดี๋ยวปีนี้ฉันให้โบนัสเพิ่ม"
ธีรเชษฐ์ ท่านประธานตัวปัญหาของเรื่องหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง ปาดน้ำตาออกจากหางตา ก่อนจะพยายามควบคุมสติไม่ให้หลุดหัวเราะออกมาอีก ร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทราคาแพงเดินตรงมาหาเขา ใบหน้าคมประดับด้วยรอยยิ้มละลายใจ รับกับดวงตาสีควันบุหรี่อันเป็นเอกลักษณ์และท่าทางเพลย์บอยทั้งทีอายุอานามก็ปาเข้าไปสี่สิบกว่าแล้ว
"ผมแค่ทำตามหน้าที่" ชายหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบ
"เหรอ...แต่ฉันชักอยากจะรู้แล้วสิ ว่าเลขาคนเก่งของฉันจะเด็ดอย่างที่พูดมั้ย" นิ้วเรียวเชยคางมนขึ้น ใบหน้าคมขยับเข้ามาใกล้ มธุวันยังคงนิ่งเฉย ไม่สนใจคนที่โน้มเข้ามาจนจะแตะริมฝีปากของเขาอยู่แล้ว
"อะไรกัน สมยอมแบบนี้ก็ไม่สนุกสิ" คนแกล้งหัวเราะ
"ถ้าไม่มีธุระอะไร ผมขอตัวนะครับ"
ร่างโปร่งหันหลังเตรียมกลับไปที่โต๊ะ เขาไม่อยากอยู่กับอีกฝ่ายนานเกินความจำเป็น ไม่ใช่เพราะกลัวจะถูกทำอะไร เพราะถึงท่านประธานจะเป็นคนเจ้าชู้เพียงใด ก็ไม่มีทางทำอะไรพนักงานในบริษัท อีกอย่าง ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่เขาเรียนจบ มธุวันรู้ดีว่านิสัยของอีกฝ่ายเนื้อเนื้อเป็นคนดีคนหนึ่ง
แต่ที่เขาไม่ต้องการจะอยู่ตามลำพังกับเจ้านาย เพราะใบหน้าที่เหมือนกับคนรักเก่าแทบจะทุกกระเบียดนิ้วหากไม่นับความแตกต่างทางอายุ
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ในเมื่อ
ธีรเชษฐ์ ทรัพย์ดำรง เป็นบิดาแท้ๆของเมฆา
"เดี๋ยวสิๆ ฉันมีเรื่องจะไหว้วานหน่อย" ธีรเชษฐ์รีบเอ่ยรั้งตัวเลขาคนเก่งไว้ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
"อะไรครับ?" มธุวันเลิกคิ้ว อย่าบอกนะว่ายังมีสาวๆหนุ่มๆที่เขาจะต้องไล่ตะเพิดไปอีก
"วันนี้ลูกชายฉันจะกลับมาจากต่างประเทศ ไปรับให้หน่อยสิ ฉันมีนัดคุยกับลูกค้า"
เวลาทำงานชายหนุ่มก็จะอยู่ในโหมดทำงานจริงๆ จึงไม่แปลกที่เขาจะให้คนอื่นไปทำธุระเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ให้
"ครับ คุณซันกลับมาจากอเมริกาเร็วกว่าที่คิดนะครับ" มธุวันเอ่ยอย่างแปลกใจ เขาคิดว่าลูกชายคนเล็กที่เพิ่งเรียนจบของ
ท่านประธานจะขอเที่ยวแบกเป้ตะลุยอเมริกาสักสี่ห้าเดือนก่อนจะกลับไทยเสียอีก
"ไม่ใช่ซันหรอก" ร่างสูงยิ้มกว้าง "เมฆต่างหาก"
มธุวันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพยายามเหวี่ยงเขาให้เซจนไม่รู้ทิศทาง
ชายหนุ่มรู้สึกถึงมือที่สั่นเทาขณะยกกระดาษแข็งที่ติดชื่อของอดีตคนรักที่จุดรอรับผู้โดยสารชูขึ้นรอ ทั้งที่จดจำโครงหน้าของอีกฝ่ายได้เย่างชัดเจนราวกับเป็นเพียงเมื่อวานที่มือเรียวได้ไล้ผ่านใบหน้าคม สำรววจทุกรายละเอียดของใบหน้าราวกับว่าจะไม่มีโอกาสได้สัมผัส
ซึ่งมาถึงตอนนี้มธุวันรู้แล้ว ว่าต่อให้ตักตวงไว้แค่ไหน สุดท้ายก็ไม่พอให้หายคิดถึง
ถ้าไม่อย่างนั้น เขาคงไม่ดั้นด้นมาสมัครงานที่บริษัทของธีรเชษฐ์ เพียงเพื่อจะได้แอบมองอีกฝ่ายอยู่ห่างๆหรอก
แต่ก็เปล่าประโยชน์ เมฆาถูกบิดาส่งไปดูแลสาขาที่ออสเตรเลียแทบจะในทันทีที่ชายหนุ่มเรียนจบ สามปีที่ผ่านมา สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกใกล้ชิดกับเมฆาที่สุดคือการได้ดูแลธีรเชษฐ์แทนอีกฝ่าย ถึงแม้เจ้านายของเขาจะน่าปวดหัวแค่ไหนก็ตาม
ในที่สุดคนที่เขารอก็มาถึง ร่างสูงเด่นจากฝูงชนด้วยชุดสูทราคาแพงที่เจ้าตัวเคยบ่นนักบ่นหนาว่าไม่ชอบ ขายาวก้าวเดินพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบเขื่อง ดวงตาสีควันบุหรี่สอดส่ายมองหาคนที่จะมารับตัวเอง มธุวันชูป้ายขึ้นสูง เรียกความสนใจจากเมฆาได้ในที่สุด
"สวัสดีครับคุณเมฆา ท่านประธานให้ผมมารับคุณครับ" ร่างโปร่งรายงานเสียงเรียบ นึกดีใจที่น้ำเสียงของตัวเองไม่สั่นเครือตามการเต้นของหัวใจ รองประธานของบริษัทเพียงแต่พยักหน้า ยืนรอให้มธุวันนำทางเขาไปที่รถ
"กระเป๋า..."
มธุวันเอื้อมมือไปหากระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ของร่างสูงเพื่อช่วยลากตามหน้าที่ลูกน้องที่ดี แต่กลับถูกอีกฝ่ายดึงไปหลบไว้ข้างหลัง เมฆาชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ
“ของของฉัน ถ้าฉันไม่อนุญาต อย่ามาแตะต้อง"
เขาลืมไปได้ยังไงกันนะ ว่าคนตรงหน้าเกลียดการถูกล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัวแค่ไหน
อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นคนเดียว ที่เคยครอบครองพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่ายทุกตารางนิ้วไว้
"ขอประทานโทษครับคุณเมฆา" ร่างโปร่งก้มศีรษะให้ พยายามอย่างยิ่งไม่ให้ความเจ็บปวดฉายชัดในแววตา
วันที่หนึ่งของนรกทั้งเป็น...เริ่มได้
เมฆาไม่ขับรถจากคนที่เคยเป็นนักซิ่งสิงห์สนามแข่งก่อนจะถูกคนรักขอร้องให้เลิก และเป็นเจ้าของรถยนต์หายากราคาแพงมากมายนับไม่ถ้วน ชายหนุ่มกลายเป็นคนที่กลัวการขับรถหลังจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ในสมัยที่เรียนปีสี่ บางครั้งเวลาที่รู้สึกเหงา มธุวันมักจะไปแอบยืนรอตรงจุดที่คนขับรถจะวนมารับร่างสูงกลับ เพียงเพื่อจะได้เห็นอีกฝ่ายก้าวขึ้นรถเพียงไม่กี่วินาที
ทำให้หน้าที่สารถีตกเป็นของร่างโปร่งโดยปริยาย
ความจริงแล้วมธุวันไม่เคยขับรถอย่างจริงจังจนกระทั่งเข้ามาทำงานในบริษัท ก่อนหน้านี้บ้านที่เขาอาศัยอยู่กับป้าและยายที่ต่างจังหวัดค่อนข้างยากจน แม้จะพอมีพอใช้ตามสภาพ แต่ก็ไม่มากพอจะซื้อรถ พอเข้ามาเรียนในเมืองก็มีเมฆาคอยรับส่ง ซึ่งอีกฝ่ายไม่ยอมให้ใครขับรถให้มธุวันนั่งนอกจากตัวเอง มีแค่ครั้งหนึ่งตอนสมัยปีสองที่อีกเมฆาเคยลองสอนให้เขาขับไม่กี่ครั้งเป็นพื้นฐานเท่านั้น หลังจากนั้นการเรียนและเรื่องที่เกิดขึ้นมากมายทำให้ความคิดที่จะหัดขับรถต่อตกกระป๋องไปอย่างง่ายดาย
นึกถึงตอนนั้นก็ยังสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงได้โง่เชื่อว่าจะมีเขาอยู่ด้วยตลอดไป
"ครับ ผมถึงแล้ว" เสียงของชายหนุ่มคุยโทรศัพท์กับใครซักคนจะไม่ได้รับความสนใจจากมธุวันเลย หากน้ำเสียงที่เมฆาใช้ไม่ได้ฟังดูอ่อนโยนลงเล็กน้อย แม้จะไม่เหมือนกับตอนที่พวกเขาคบกัน แต่ก็ฟังดูเป็นมิตรจนใจของคนฟังกระตุก "ครับษา ถ้าคุณเคลียร์คิวที่นู่นได้เมื่อไหร่ ก็ตามมาก็แล้วกัน"
ทั้งที่รู้ว่าผ่านไปสามปี คนที่ไม่มีแม้แต่ความทรงจำเรื่องของเขาไม่ควรจะยังโสด แต่ความจริงที่รับรู้ทำให้มธุวันรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่
หวังอะไรอยู่เหรอมธุวัน...
หวังว่าเขาจะจำเรื่องทั้งหมดได้อย่างนั้นหรือ..
แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อความทรงจำสุดท้ายของชายหนุ่มที่มีเขาอยู่ในนั้น คือคำบอกเลิกที่ไร้เหตุผล กับเสียงโทรศัพท์ ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขารถคว่ำจนเกือบเสียชีวิต
เป็นแบบนี้ก็ดีเกินพอแล้ว
"ชื่ออะไร?" จู่ๆร่างสูงที่นั่งอยู่เบาะหลังก็ถามขึ้น
"มธุวันครับ" แม้จะแปลกใจ แต่ร่างโปร่งก็ตอบคำถามรองประธาน
"ชื่อเล่นไม่มีเหรอ?" จากกระจกมองหลัง มธุวันเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังขมวดคิ้วจ้องมองเขา ราวกับเขาเป็นวัตถุปริศนาที่ชายหนุ่มอยากไขให้ออกว่าภายในมีอะไรซ่อนอยู่
'เราชื่อสายหมอก แต่เรียกหมอกก็ได้'
'ชื่อน่ารักดีนะ'
'นะ...น่ารักตรงไหน?'
'ตรงที่มันเป็นชื่อของหมอกไง'
"ว่าไง?"
ชายหนุ่มเร่งอย่างหงุดหงิดเมื่อไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการเสียที
"ไม่...ไม่มีครับ"
อย่างอื่น เขาทนได้
แต่จะให้น้ำเสียงที่เมฆเรียกชื่อของเขาลบล้างความอบอุ่นที่เคยมาพร้อมกับเสียงทุ้มต่ำ ลบเลือนเยื่อใยที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดจากในอดีต เขาทนไม่ได้
"คุณมธุวัน เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!"ทั้งพนักงานและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกรูกันเข้ามาหาเขาราวกับผึ้งแตกรัง แค่นั้นร่างโปร่งก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ตัวแม่มาอีกแล้วสินะ
"คุณภรัณยู รบกวนพาท่านรองประธานไปที่ห้องรับรองด้วยครับ" ชายหนุ่มสั่งพนักงานที่อยู่ใกล้ที่สุด ภรัณยูเป็นคนไม่ค่อยพูด น่าจะไม่ทำให้เมฆารำคาญใจมากนักในช่วงระยะเวลาสั้นๆที่เขาไปจัดการปัญหาของท่านประธาน
"ฉันไปด้วย"
"ไม่เป็นไรครับท่านรอง นี่เป็นปัญหาส่วนตัวของท่านประธาน" ร่างโปร่งตัดบท พยักหน้าให้ภรัญยูมารับหน้าที่ต่อจากตนแล้วเดินไปยังลิฟท์แก้วที่มีเพียงสองคนในบริษัทที่ได้รับอภิสิทธิ์ให้ใช้ คือท่านประธาน และตัวเขา
"แซนดี้ไม่ยอมจริงๆนะคะเชษฐ์ นี่มันอะไรกันคะ โทรหาก็ไม่รับ ไลน์ก็ไม่ตอบ นี่ถ้าไอ้เลขาหน้าตุ๊ดของเชษฐ์อยู่แซนดี้คงไม่ได้เจอคุณแล้วใช่มั้ยคะ?!" เสียงหวีดสยองดังขึ้นจากห้องทำงานของท่านประธาน มธุวันนึกอยากจะจับเจ้านายของตัวเองขึ้นเขียงตอนให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องมาสร้างเรื่องปวดหัวให้เขาไม่เว้นแต่ละวันแบบนี้
ได้เงินเดือนเท่าไหร่ก็ไม่คุ้มจริงๆ
"ถ้าผู้ชายเขาทำขนาดนั้น คุณควรจะรู้แล้วนะครับว่าเขาไม่เอา"
หญิงสาวในชุดเดรสรัดติ้วที่มธุวันเริ่มสงสัยว่าคนพวกนี้ซื้อมาจากที่เดียวกันทุกคนรึเปล่าหันขวับกลับมาหาเขา แซนดี้เป็นหนึ่งในมนุษย์ป้าตายยากที่คลานกลับขึ้นมาจากหลุมไม่ว่าร่างโปร่งจะพยายามฝังกลบไปกี่ครั้ง จะโทษก็คงต้องโทษเจ้านายตัวดีที่ยังคงนัดเจอหญิงสาวเป็นครั้งคราวทำให้อีกฝ่ายได้ใจว่าตัวเองสำคัญกว่าคนอื่น
แต่ถ้ายังสร้างปัญหาจนบริษัทต้องปั่นป่วนแบบนี้ เขาคงไม่มีทางเลือกนอกจากจัดการขั้นเด็ดขาด ดูจากสายตาของธีรเชษฐ์ ชายหนุ่มก็คงคิดเช่นเดียวกับเขา
"มันมีดีกว่าแซนดี้ตรงไหนแซนดี้ไม่เข้าใจ ทำไมคุณเชษฐ์ยังเก็บมันเอาไว้อีก"
"สมอง...ล่ะมั้งครับ" การด่าอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบยิ่งทำให้หญิงสาวเต้นแร้งเต้นกามากขึ้น
"ไม่รู้แหละ วันนี้คุณเชษฐ์ต้องเลือก มัน หรือแซนดี้!”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับแซนดี้” ธีรเชษฐ์ตอบเสียงเอาใจ เรียกรอยยิ้มแสยะอย่างผู้ชนะจากหญิงสาวได้เป็นอย่างดี แต่รอยยิ้มนั่นเลือนหายไปทันตาเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“ต่อให้มีคุณสักพันคน ผมก็ยังเลือกหมอกอยู่ดีนั่นแหละ”
“กรี๊ดดดดดดด”
ร่างโปร่งนิ่วหน้า อยากจะยกมือปิดหูแต่มือใหญ่ของเจ้านายชิงทำหน้าที่นั้นเสียก่อน เมื่อหันไปหาก็พบใบหน้าคมฉีกยิ้มกว้างมาให้ ธีรเชษฐ์เรียกเจ้าหน้าที่มาพาตัวหญิงสาวออกไป ท่าทางปกป้องกันอย่างออกนอกหน้ายิ่งทำให้หญิงสาวกรีดร้องดังขึ้น ดิ้นพล่านเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมแต่ไม่มีผล
หมดหน้าที่ไม้กันหมาอย่างเขาไปอีกวัน...
“เมื่อกี้มันอะไรกันครับพ่อ”
มธุวันรีบผละออกจากร่างสูงของเจ้านายทันทีที่ได้ยินเสียงอดีตคนรัก เมฆาก้าวเข้ามาในห้องทำงานของบิดาอย่างไม่พอใจ ดวงตาคมสีควันบุหรี่ปรายตามองเลขาหนุ่มอย่างเย็นชา มธุวันก้าวถอยฉากไปด้านหลัง ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของอีกฝ่ายในตอนนี้
“ก็เหมือนเดิมแหละ ปกติ” ประธานบริษัทไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“สามปีมานี้ธุรกิจของเราผลประกอบการดีขึ้นมาก ผมคิดว่ามาจากการที่พ่อเลิกทำเรื่องแบบนี้แล้วซะอีก”เมฆาขมวดคิ้ว
“เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับหมอกต่างหาก” ธีรเชษฐ์รั้งแขนมธุวันให้มายืนข้างกาย เลขาหนุ่มขยับแว่น นึกอยาก
ให้ธรณีสูบตัวเองลงไปแล้วไม่ต้องคายขึ้นมาบนผิวโลกอีกตลอดกาล “ตั้งแต่หมอกเข้ามา ก็ช่วยพ่อได้เยอะเลย”
ทำไมเวลาแบบนี้ถึงไม่มีอุกาบาตพุ่งชนโลกซักลูกเลยนะ
เมฆากอดอกมองเจ้าของชื่อด้วยแววตาเย็นชา มธุวันเบือนหน้าหนี ไม่อยากฟังคำสบประมาทที่กำลังจะออกมาจากปากอีกฝ่าย
“ไหนว่าไม่มีชื่อเล่น”
แต่สิ่งที่เมฆาพูดมีแค่นั้น
“อ๋อ พอดีหมอกเขาถือเรื่องพวกนี้นะ กว่าจะเกลี้ยกล่อมให้เขายอมให้เรียกชื่อเล่นได้ ใช้เวลาเกือบปี เนอะ” ธีรเชษฐ์โอบไหล่ร่างโปร่งอย่างสนิทสนมเช่นที่ทำแทบทุกวัน แต่เวลานี้มธุวันกลับนึกเสียใจที่ปล่อยให้อีกฝ่ายแตะเนื้อต้องตัวตามอำเภอใจมาตลอดโดยไม่เอ่ยห้าม ถึงแม้เขาจะไม่ได้คิดจะให้เมฆาญาติดีกับเขา แต่เขาก็ไม่อยากถูกเกลียดนักหรอกนะ
“คนแบบนี้มีอะไรให้ถือตัวด้วยเหรอครับ?” ร่างสูงเลิกคิ้ว กวาดสายตามองร่างโปร่งในชุดสูทตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“กลับมาก็หาเรื่องเลขาพ่อเลยนะเจ้าเมฆ เดี๋ยวก็ไล่ออกซะหรอก” ประธานบริษัทเอ่ยทีเล่นทีจริง แต่ดวงตาสีควันบุหรี่เช่นเดียวกับลูกชายหรี่ลงเป็นเชิงปราม สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับลูกชายคนโตมากขึ้นไปอีก
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ” มธุวันโค้งกายให้ชายทั้งสอง เขาถึงขีดจำกัดของตัวเองที่จะรับได้ในวันนึงแล้ว หากอยู่ตรงนี้ต่อไป เขาคงจะร้องไห้ให้ทั้งคู่เห็นแน่
“เดี๋ยวสิหมอก ฉันมีเรื่องจะวานหน่อย” เจ้านายของเขาเรียกไว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้มีโอกาสหนี
“ครับ?”
“เมฆ เมื่อกี้ที่มาที่นี่ หมอกเขาขับรถดีมั้ย?” แทนที่จะสั่งงาน ประธานบริษัทกลับหันไปถามลูกชาย แม้จะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของบิดา แต่เมฆาก็ตอบตามความจริง
“ก็…ใช้ได้ครับ”
“ทีแรกพ่อก็จะให้หมอกเป็นเลขาให้แกซักระยะหรอกนะ แต่มาอีหรอบนี้คงตีกันตาย พ่อจะให้คุณแจนช่วยดูแทนไปก่อนแล้วกัน” ธีรเชษฐ์ว่า “แต่เรื่องคนขับรถ คนเก่าที่ขับให้แกแต่ก่อนเพิ่งลาออกไป ระยะนี้คงต้องให้หมอกเป็นธุระให้ไปก่อน แค่ระยะเวลาไม่กี่นาที คงไม่ฆ่ากันหรอกใช่มั้ย?”
ท่านประธานดูถูกความสามารถของลูกชายณเกินไปแล้วครับ!
“ผมคิดว่าคุณเมฆาคงไม่สะดวกใจ....”
“ถ้าไม่มีจริงๆ ผมก็ไม่มีปัญหา”
มธุวันหันขวับไปมองคนที่เขาคิดว่าจะมีปัญหากับเรื่องนี้มากที่สุดอย่างประหลาดใจ สีหน้าของเมฆายังคงเรียบเฉยไม่บ่งบอกว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่ ร่างสูงหมุนตัวกลับออกไปโดยไม่มีแม้แต่คำลา มธุวันหันกลับมาหาเจ้านายตัวดีของตนอย่างไม่เข้าใจ แต่ธีรเชษฐ์เพียงฉีกยิ้มกว้างให้เขาอย่างที่ทำประจำ
“แค่จนกว่าจะหาคนขับรถที่เจ้าเมฆมันโอเคด้วยได้เท่านั้นแหละ ลูกชายฉันเรื่องมากเรื่องพวกนี้จะตาย รบกวนด้วยนะหมอก”
บางครั้งเขาก็คิดว่าคนที่ประสบอุบัติเหตุจนสมองกระทบกระเทือนอาจจะเป็นธีรเชษฐ์รึเปล่า เพราะการกระทำของอีกฝ่ายหลายครั้งไม่สมเหตุสมผลไม่ว่าจะมองจากมุมใด แต่เมื่อเจ้านายสั่ง มธุวันก็ได้แค่ทำตาม เขายังมีปากมีท้องต้องเลี้ยง ยังไม่อยยากโดนไล่ออกตอนนี้หรอกนะ
“ขอตัวครับ”
ร่างโปร่งกลับออกไปนั่งประจำที่ของตัวเอง แค่คิดว่าต่อจากนี้จะต้องเจอคนที่เขาเคยมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ ทั้งตัว ทั้งหัวใจ ที่มองมาที่เขาด้วยสายตารังเกียจทุกวัน เลขาหนุ่มก็ไม่อยากให้ถึงตอนเย็นแล้ว
แต่ไม่ว่าเขาจะอ้อนวอนอย่างไร เวลาก็ยังคงเดินต่อไป
“เชิญครับคุณเมฆา”
ร่างโปร่งเปิดประตูหลังให้ชายหนุ่มเข้าไปในรถ รองประธานบริษัทเหลือบมองเขาด้วยหางตา ก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งในรถ มธุวันอยากจะถอนหายใจ แต่ด้วยภาพลักษณ์เลขาที่ดีทำให้ชายหนุ่มเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ รถยนต์สี่ประตูราคากลางๆที่เขาเก็บเงินซื้ออย่างยากกลำบากเคลื่อนตัวออกสู่ถนน เตรียมพร้อมเผชิญกับชั่วโมงเร่งด่วนของพนักงานบริษัทที่เลิกงานเวลาเดียวกันทั้งประเทศ
“ทำงานที่นี่มานานรึยัง?”
จู่ๆคนที่นั่งเงียบมาตลอดก็ถามขึ้น ทีแรกมธุวันไม่คิดว่าอีกฝ่ายพูดกับตน แต่พอเหลือบมองจากกระจกมองหลัง ชายหนุ่มไม่ได้ถือสายคุยโทรศัพท์กับใคร เขาจึงอนุมานว่าคำถามเมื่อกี้เจาะจงมาที่เขา
แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินก็แล้วกัน
“หูหนวกเหรอ?”
“สามปีครับ” ร่างโปร่งขยับแว่น หักเลี้ยวรถไปยังทางไปคอนโดของเมฆา แต่ไม่ใช่คอนโดที่พวกเขาเคยอยู่ด้วยกัน ห้องที่พวกเขาอยู่ด้วยกันถูกโอนเป็นชื่อของมธุวันตั้งแต่เดือนแรกที่พวกเขาย้ายมาอยู่ด้วยกัน ถึงแม้ชายหนุ่มจะค้านหัวชนฝา แต่คนอย่างเมฆา ทรัพย์ดำรง ไม่มีอะไรขวางชายหนุ่มได้
รถยนต์ของมธุวันเลี้ยวเข้ามาจอดที่ประตูทางเข้า มธุวันลงจากรถเพื่อเปิดประตูให้ลูกชายคนโตของเจ้านาย ทว่าร่างสูงกลับไม่ยอมขยับเขยื้อน ซ้ำยังจ้องตรงมาที่เขาด้วยแววตาไม่พอใจ
“ใครบอกนาย...”
“ครับ?” ร่างโปร่งทวนคำอย่างไม่เข้าใจ
“ใครบอกนายว่าคอนโดของฉันอยู่ที่นี่?”
ชิ_หายแล้ว!เมื่อกี้เขามัวแต่เหม่อลอยจนเผลอขับเข้ามาโดยไม่แม้แต่จะถามทาง เลขาหนุ่มจำได้แค่เมฆซื้อคอนโดอีกที่นอกจากห้องของพวกเขา แต่ร่างโปร่งไม่เคยถามคนรักในตอนนั้นว่าเรื่องนี้เป็นความลับหรือไม่
แค่วันแรกก็ความแตกแล้วเหรอเนี่ย
“ท่านประธาน...”
“พ่อไม่เคยรู้ว่าคอนโดของฉันอยู่ที่ไหน” ร่างสูงตัดบท กอดอกมองหน้าคนที่ยืนเปิดประตูให้เขาอย่างคาดคั้น
คิดสิหมอก คิด!
“ท่านประธานให้ผมจัดการเอกสารการเงินทุกอย่างของคุณระหว่างที่คุณไปต่างประเทศ ผมพบสัญญาซื้อขายของที่นี่ เลยจำได้”
ชายหนุ่มโกหกหน้าตาย และดูจากสีหน้าเคลือบแคลงของคนฟัง ความนิ่งของหน้าไม่น่าจะช่วยเขาไปได้ไกลในครั้งนี้ เมฆาก้าวออกมาจากรถ ความสูงของชายหนุ่มทำให้มธุวันต้องเงยหน้ามอง จากความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยที่ร่างสูงใหญ่มอบให้ในวันวาน บัดนี้กลับกลายเป็นความรู้สึกหวาดหวั่น ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเมฆาไม่ชอบใช้ความรุนแรง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าร่างสูงใช้ไม่เป็น
“งั้นเหรอ? นายเจอเอกสารซื้อขายของลูกชายเจ้านายที่นายไม่เคยเห็นหน้า แล้วนายก็บังเอิญจำที่อยู่ของเอกสารนั้นได้ขึ้นใจโดยไม่จำเป็นต้องให้ฉันบอกซ้ำ?”
“ผม..ผมจำได้เพราะตอนนั้นผมคิดว่ามันอยู่ใกล้คอนโดของผมเหมือนกัน” ร่างโปร่งแก้ตัว น้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างประหม่าที่ไม่เกิดขึ้นกับเขามาหลายปีทำให้ร่างสูงเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
คุณเลขาคนเก่ง ลนลานเป็นด้วยรึไงกัน?
“แล้วคอนโดนายอยู่ที่ไหน?” เมฆาขมวดคิ้ว ไม่ยอมให้อีกฝ่ายรอดไปง่ายๆ
“คอนโด XXY ที่อยู่ถัดไปอีกนิดน่ะครับ”
ด้วยความที่เรื่องเกิดขึ้นเร็วมาก ร่างโปร่งหลุดบอกที่อยู่จริงของเขาออกไป หลังจากวันที่ถูกอีกฝ่ายบอกเลิก มธุวันประกาศขายคอนโด นำเงินทั้งหมดเข้าบัญชีของเมฆา เนื่องจากอีกฝ่ายได้รับเงินปันผลจากหุ้นเป็นระยะทำให้ชายหนุ่มคิดว่าร่างสูงที่ยังวุ่นวายกับการทำกายภาพบำบัดคงจะไม่สังเกต ก่อนจะหอบข้าวของมาเช่าคอนโดราคาประหยัดที่บังเอิญอยู่ใกล้คอนโดของอีกฝ่ายจนน่ากลัว
แต่ในเมืองที่กว้างใหญ่ หากอีกฝ่ายไม่คิดจะมองหา อยู่ใกล้แค่ไหนก็ไม่ได้เจอกันง่ายๆ
อีกฝ่ายยังคงมีสีหน้าคลางแคลงใจ แต่เสียงบีบแตรไล่ของรถที่ต่อรออยู่ทำให้ร่างสูงต้องยอมปล่อยผู้ต้องสงสัยไป
แต่ก็แค่วันนี้เท่านั้นแหละ
“อย่าแตะต้องเอกสารของฉันอีก กลับไปได้แล้ว”
เมฆาเดินเข้าไปในคอนโด ร่างโปร่งถอนหายใจอย่างโล่งอก ก้มศีรษะขอโทษขอโพย และขอบคุณความใจร้อนของรถคันนั้นไปในที ก่อนจะรีบกลับไปขึ้นรถ แล้วขับออกไป
วันแรกยังขนาดนี้....
ต่อไปเขาจะยังไหวมั้ยนะ?
_______________________
เอามาให้ก่อนวาร์ป เดี๋ยวทิ้งช่วงเกินไปจะลืมเก๊าาาา
ถ้ามาต่อได้ก็จะมาต่อในสองสามวันนี้ แต่ถ้าไม่มาคือลาถึงสิ้นเดือนเน้อ เอามาให้ชิมกันก่อน555555
มาต่อแน่ค่ะไม่ได้หายไปไหน แต่คือถึงสิ้นเดือนจะไปที่ที่ไม่มีเน็ตอัพ55555