-11-
“อันนี้ซ้อมของงานไหนนะ”
“มึงซ้อมมาครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่รู้อีกเหรอไอ้เก้า”
ผมเกาหัวมึนๆ จะตอบว่าใช่ก็เสี่ยงโดนด่า อยู่เฉยๆ แลดูจะเข้าท่าสุด
“มึงนี่นะ…” พี่วินส่ายหน้า ไม่ได้ด่าต่อเพราะรู้ว่าผมคงไม่สนใจ แต่ก็ยังใจดีปาตารางงานมาให้
“โห...น้อยกว่าที่คิดนะเนี่ย”
ดูตารางงานแล้วก็มองเห็นความสบายอยู่ลิบๆ ถ้าเทียบกับปีที่แล้วถือว่าต่างกันมาก ยิ่งช่วงเทอมสองผมแทบไม่ได้พัก อยู่ซ้อมดึกดื่นทุกวัน วันดีคืนดีนักร้องไม่สบายก็ยังอุตส่าห์มาลากผมไปขึ้นเวทีทั้งที่ไม่ได้ซ้อมมาก่อน คุณอชิราสารพัดประโยชน์สุดๆ
“อาจมีงานแทรกบ้างแต่คงไม่เยอะ เพราะกูดีลไปแล้วว่าจะรับเฉพาะงานที่บอกล่วงหน้า”
ผมพยักหน้าเข้าใจ เอาแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน จะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นกันบ้าง ไม่ใช่อุดอู้อยู่ในห้องซ้อมทุกวัน
“เออ…สรุปว่าค่ายไปหลังสอบนะ มึงไปเคลียร์คิวให้ดีๆ ด้วย”
“ทำเรื่องขอจารย์แล้วเหรอ” ผมหันไปถามพี่วินด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าพี่แกจะทำเรื่องไวขนาดนี้
“เรียบร้อยละ จารย์เราเป็นไงมึงก็รู้อยู่”
“คนคอนเฟิร์มกันเยอะยัง”
“เรื่องแบบนี้พวกแม่งไม่พลาดหรอก” พี่วินยักไหล่แล้วลุกขึ้นยืน แต่ก่อนไปไม่วายหันมาแซวอีกรอบ “จะชวนคนสำคัญของมึงไปด้วยก็ได้นะ ฮ่าๆ”
แหม...คิดว่าคนแบบผมจะเขินบิดให้แซวเล่นหรือไง ดูท่าพี่วินเองก็รู้ตัวว่าเล่นผิดคนเลยทำท่าจะเดินหนี แต่ไม่ทันละพี่
“ผมชวนอยู่แล้วไม่ต้องห่วง”
“ลำไย!”
ค่ายที่พี่วินบอกเป็นค่ายที่เด็กดุริยางค์จัดกันเอง ปกติเห็นว่าจัดทุกปี ใครจะไปก็ตามความสมัครใจ ลักษณะเหมือนไปรับน้อง แต่ปีก่อนพวกรุ่นพี่ไปตกลงกับพวกวิศวะไว้ว่าจะไปรับน้องด้วยกัน เลยกลายเป็นว่าพวกผมที่โดนรับน้องพร้อมวิศวะสนิทกันจนเหมือนเพื่อนร่วมคณะไปแล้ว
ถึงจะบอกว่าค่ายแต่จริงๆ แล้วก็เหมือนไปเที่ยวกันมากกว่า แต่เพราะไปกันทีเกือบยกคณะเลยต้องขออาจารย์ให้เป็นเรื่องเป็นราว และเพราะคณะผมไม่มีว้าก ไม่มีการรับน้องในมหา’ลัยเหมือนคณะอื่นๆ เวลาไปแบบนี้เลยเหมือนไปสนุกกัน ส่วนพวกกิจกรรมแกล้งเด็กพวกนั้นเป็นแค่อะไรเล็กๆ น้อยๆ
“ดังใหญ่แล้วนะน้องเก้าของเรา” เสียงแซววี้ดว้ายดังมาจากกลุ่มคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องซ้อม พวกนั้นหัวเราะกันยกใหญ่ก่อนจะชูหน้าจอโทรศัพท์ให้ผมดู “ถึงขั้นใช้คำว่าคนสำคัญเลยว่ะ”
ผมโบกมือทักทายแล้วเอนตัวนอนบนโซฟา ไม่สนใจเสียงนกเสียงกาที่ยังแซวไม่หยุด หลังจากที่โพสต์ข้อความไปแล้วผมก็ไม่ได้เข้าไปดูอีกเลย แค่ปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ แอปเดียวที่ผมให้ความสนใจคือไลน์ที่เอาไว้คุยกับพี่ภูเท่านั้น
ถึงจะพิมพ์อยู่คนเดียวแต่ขึ้นว่าอ่านผมก็ถือว่าคุย
“แล้วคิดยังไงจะไปว่ายน้ำที่คอนโด” เสียงคนที่นั่งเงียบเป็นเป่าสากดังขึ้นจากด้านข้าง โซมันหาวหวอดก่อนจะบิดขี้เกียจ ท่าทางเหมือนจะตื่นนานแล้วแต่เนียนไม่ไปซ้อม
“กูชวนพี่ภูไปว่ายด้วย” ผมตอบแล้วขยับตัวไปนอนพิงตักมันก่อนจะเปิดเกมเล่น “เขามีธุระตอนเย็น ถ้าอยากให้เขาว่ายด้วยก็ต้องไปที่คอนโดมึง”
“อืม...แล้วจะว่ายห้องใคร”
เออ...ลืมไปเลยว่าชั้นบนสุดที่มีอยู่แค่สองห้องมันมีสระว่ายน้ำในตัวด้วย อลังการงานสร้างไปอีก ปกติไปก็เอาแต่เล่นเกมเลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่
“กูจำได้ว่าชั้นอะไรสักชั้นมันมีสระวีไอพีที่ปิดตอนทุ่มใช่มะ”
“อืม สระเฉพาะของพวกวีไอพี ถ้าจะใช้หลังหนึ่งทุ่มหรือจะจัดงานต้องจองไว้ก่อน”
“แต่เผอิญว่าเพื่อนกูเป็นเจ้าของคอนโด…” ผมเหยียดยิ้มแล้วเงยหน้ามองทั้งที่ยังพิงขามันอยู่ ซึ่งโซมันก็ก้มลงมองกลับด้วยสายตาง่วงๆ ก่อนจะกลอกตาแล้วรับคำ
“เออ”
บอกแล้วว่าให้ใช้ความรวยให้เป็นประโยชน์ แบบนี้ค่อยสมกับเป็นเพื่อนผมหน่อย
จริงๆ สระในห้องมันหรือพี่ภูก็ไม่ได้เล็กอะไรมากหรอก แต่มันออกแนวเป็นสระสวยงามเอาไว้แช่น้ำเล่นหรือนั่งชิวมากกว่า ไม่เหมาะกับการเอาไว้ว่ายน้ำออกกำลังกายเท่าไหร่ อีกอย่าง...จากการวิเคราะห์แล้วผมคิดว่าพี่ภูกับไอ้โซน่าจะเป็นประเภทหวงพื้นที่ส่วนตัวพอกัน พวกนั้นคงไม่อยากไปอยู่ห้องคนอื่นๆ นาน แต่ถ้าถามว่าผมไม่อึดอัดเหรอที่ไปอยู่ในห้องของคนแบบนั้น ตอบได้เลยว่าไม่...เพราะเขาเต็มใจ และผมอยากอยู่ ดังนั้นไม่แคร์
“อยากว่ายน้ำจังเลยว่ะไอ้วิน”
“กูก็อยากว่ะไอ้เจมส์”
“เมื่อกี้ได้ยินใครบอกว่าจะไปว่ายน้ำที่ไหนนะ”
“เห็นว่าคอนโดใครสักคน สระวีไอพีด้วยนะมึง ท่าทางจะเป็นส่วนตัวด้วยว่ะ”
เอาแล้วไง…
“อะไรวะเฮีย ผมก็อยากว่าย”
“ไปด้วยดิ”
“กูไปด้วย”
“ไปๆๆ พรุ่งนี้วันหยุด ต้องโต้รุ่งดิวะ”
พี่วินเล่นกูแล้วไง
“ไม่ต้องห่วงไอ้เก้า กูไม่กวนมึงหรอก พวกกูสัญญาว่าจะนั่งแดกเหล้าเงียบๆ”
สมาชิกดุริยางค์คละชั้นปีกว่าสิบคนในสภาพเปลือยท่อนบนใส่แค่กางเกงขาสั้นกำลังนั่งกินเหล้าไปเล่นกีตาร์ไปอยู่ริมสระ ทั้งยังส่งเสียงดังโหวกเหวกโวยวายแบบที่ถ้าผมนอนอยู่คงมีฆ่ากันตายไปข้าง
เนี่ยนะไม่ต้องห่วง...ไม่ห่วงก็เหี้ยแล้ว!
“จะเอาไง”
นี่ก็อีกตัว...พูดเหมือนจะเห็นใจนะ แต่ยิ้มเหมือนปวดขี้ตลอดเวลาคือไร
“ก็คงต้องไปบอกเขา...ถ้าไม่ยอมมาก็ต้องทำใจ”
ทำใจวันนี้แล้วหาโอกาสชวนใหม่แบบไม่ให้ใครรู้
“จะขึ้นไปเลยไหม” มันหันมาถามแล้วลุกขึ้นยืน
“อ่า มึงจะไปหาพี่กีล์ด้วยใช่ไหม”
“อือ กีตาร์ทำของว่างอยู่”
ผมเบะปากด้วยความอิจฉาปนหมั่นไส้ พี่กีล์คนดีจะทำของว่างให้ใครถ้าไม่ใช่พวกเรา รายนั้นใจดีจะตายไป ไม่มีทางปล่อยให้คนรู้จักหิวแน่
รอก่อนเถอะ...ผมจะให้พี่ภูทำให้กินบ้าง
หันไปมองเสียงโหวกเหวกอีกรอบแล้วก็ต้องถอนหายใจ ดีที่สระวีไอพีที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของชั้นนี้ค่อนข้างเป็นส่วนตัวพอควร ทั้งยังเก็บเสียงได้เพราะเอาไว้สำหรับจัดงานเลี้ยงโดยเฉพาะ เลยไม่ต้องห่วงว่าเสียงจะดังไปกระแทกหูใครจนเขาออกมาตะโกนด่าหรือเปล่า
ผมแยกกับโซหน้าห้อง มันเดินเข้าห้องไปก่อนโดยมีพี่กีล์เดินมาเปิดประตูให้ พอทักทายกันเรียบร้อยเขาก็เข้าห้องไป ส่วนผมก็ยืนอยู่หน้าประตูห้องฝั่งตรงข้าม กำลังคิดว่าควรจะเคาะเลยดีไหม เพราะไม่รู้ว่าพี่ภูทำธุระของตัวเองเสร็จหรือยัง
KAO: พี่ ถ้าเสร็จธุระแล้วเปิดประตูให้หน่อยนะ
ผมตัดสินใจส่งไลน์ไป รอไม่นานนักข้อความก็ขึ้นว่าอ่านแล้วโดยไม่มีการตอบรับใดๆ กลับมา แต่เสียงปลดล็อคประตูจากด้านในบ่งบอกให้รู้ว่าคนที่ทักไปรับทราบแล้ว
“สวัสดีครับ” ผมยิ้มโดยอัตโนมัติเมื่อประตูเปิดออก เจ้าของห้องแค่พยักหน้าเงียบๆ โดยไม่ได้ทักทายกลับแต่เดินนำเข้าไปด้านในแทน
ตอนนี้พี่ภูยังอยู่ในชุดนักศึกษา ท่าทางของเขาดูธรรมดาไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ที่ผมต้องมองเขาด้วยความเป็นห่วงนั่นก็เพราะเจ้าตัวกำลังจุดบุหรี่แล้วยกขึ้นสูบต่อหน้าต่อตาผม…ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นพี่ภูสูบบุหรี่ เพราะนอกจากตอนที่เจอที่มหา’ลัยวันแรกผมก็ไม่เคยเห็นเขาแตะมันอีกเลย
“พี่โอเคหรือเปล่า” ผมทรุดตัวนั่งข้างๆ เขา ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเรื่องบุหรี่ออกไปถึงแม้จะไม่ชอบมันเท่าไหร่
“ทำไมถึงถาม”
“ผมไม่ค่อยเห็นพี่สูบเท่าไหร่เลยคิดว่าไม่น่าใช่สูบเพราะติด แต่พี่อาจจะเครียดเรื่องอะไรอยู่เลยต้องสูบ” ผมพูดออกไปตามที่คิด
“ช่างสังเกตนะมึง”
“ก็เป็นเรื่องของพี่นี่นา”
บรรยากาศอึดอัดแปลกๆ ไม่เหมือนปกติทำให้ผมต้องขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะควันบุหรี่กับกลิ่นของมันที่วนเวียนอยู่ในบริเวณนี้หรือเพราะผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของพี่ภู
และผมจะไม่ปล่อยมันไปไม่ว่าจะเป็นเหตุผลไหนก็ตาม
“ผมมีเพื่อนหลายคนที่สูบบุหรี่…” ผมจ้องตาพี่ภูก่อนจะเอาขาทั้งสองข้างขึ้นมาบนโซฟาแล้วนั่งคุกเข่า “เพราะงั้นผมถึงไม่รู้สึกอะไรเวลาเห็นคนสูบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ชอบกลิ่นของมันเท่าไหร่”
“...”
“จ๋าบอกว่าเวลาเราเครียดให้ทำอะไรที่มีความสุข ทำสิ่งที่ช่วยระบายอารมณ์และสามารถทำให้เรายิ้มได้” ผมวางมือทั้งสองข้างลงบนโซฟาก่อนจะคลานเข้าไปหาคนหน้าดุช้าๆ “บุหรี่ทำให้พี่เป็นแบบที่ผมว่าหรือเปล่า”
ความเงียบคือคำตอบของคำถามนั้น…
ผมยื่นมือไปดึงบุหรี่ที่เหลืออยู่เกินครึ่งมวนออกมาจากริมฝีปากซีดจางก่อนจะกดมันลงในที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะจนดับมอดแล้วหันมาหาคนตรงหน้าอีกครั้ง
“ตัวช่วยของพี่ไม่ใช่บุหรี่…” ผมดึงซองบุหรี่ที่ดูท่าทางน่าจะเพิ่งซื้อมาใหม่ออกจากกระเป๋ากางเกงของคนที่นั่งนิ่งเป็นหิน จากนั้นใช้ความสามารถส่วนตัวโยนมันลงในถังขยะที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
“...”
ผมสบตาพี่ภูด้วยความจริงจัง รวมถึงถือวิสาสะเนียนจับนิ้วเขาไว้แน่น
“แต่เป็นผมต่างหาก”
พี่ภูก้มมองมือผมแล้วเลิกคิ้วน้อยๆ ผมเลยต้องยอมเอามือออกแล้วนั่งหน้าตึง อดจึ๊ปากเบาๆ ด้วยความหงุดหงิดไม่ได้
รู้ตัวเร็วกว่าที่คิดอีก…
“สารพัดประโยชน์จริงนะ”
เอาเถอะ...อย่างน้อยบรรยากาศอึดอัดที่ผมไม่ชอบก็หายไปหมดแล้ว แถมเขายังดูผ่อนคลายมากกว่าเดิมด้วย
“แน่นอน...นี่ใครครับ ดูด้วย” ผมยืดอกด้วยความภูมิใจแล้วยักคิ้วกวนๆ “เพอร์เฟคขนาดนี้หาที่ไหนไม่ได้แล้ว”
“เห็นแต่กระต่ายหน้าตากวนตีน” คนพูดเอนตัวพิงโซฟาด้วยมาดเท่ๆ ก่อนจะมองผมด้วยสายตาเป็นประกายขบขันทั้งที่หน้ายังเรียบสนิท
“ผมยอมก็ได้ เห็นว่าพี่ขำหรอก” ผมประกาศยอมแพ้แม้ในใจจะยังคงยี้กับกระต่ายอยู่เหมือนเดิม
“กูขำตอนไหน”
“สายตาพี่ไง”
พี่ภูทำหน้าประหลาดใจไปครู่หนึ่ง เหมือนเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำสายตาแบบนั้นออกมาจริงๆ ผมได้แต่มองงงๆ เพราะไม่แน่ใจนักว่าเขาไม่รู้ตัวจริงหรือเปล่า แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อคนที่เอนตัวพิงโซฟาก็ลุกขึ้นยืนเสียก่อน
“มึงมันตัวอันตราย” ว่าแล้วก็เดินหนีเข้าไปในห้องนอน ไม่ปล่อยให้ผมได้ถามอะไรสักคำ
สรุปว่านอกจากจะเป็นกระต่ายบ้า งี่เง่า น่ารำคาญ ผมยังอันตรายด้วยใช่ไหม...มีอันไหนดีบ้างวะเนี่ย
ผมเดินตามเข้าไปในห้องนอนของพี่ภูเพราะเห็นว่าเขาไม่ได้ปิดประตู ตอนนี้เจ้าของห้องกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ตรงตู้เสื้อผ้า ผมเลยได้โอกาสมองสำรวจห้องนอนของเขาอีกครั้ง แม้ทุกอย่างจะยังคงเรียบง่ายเหมือนเดิม แต่วันนี้แปลกตรงที่โน้ตบุ๊กของพี่ภูวางอยู่บนโต๊ะ ทั้งยังเปิดโปรแกรมบางอย่างทิ้งเอาไว้ด้วย
ผมไม่คิดหยุดความอยากรู้ของตัวเอง แต่เลือกมองผ่านๆ แค่ให้พอรู้ แล้วก็พบว่าโปรแกรมนั้นเป็นโปรแกรมคุยทางไกลที่น่าจะเหมือนกับพวกเฟสไทม์…และชื่อผู้ติดต่อที่มีอยู่ชื่อเดียวก็เตะตาสุดๆ โดยไม่ต้องพยายามเพ่งมองเลยสักนิด
ภาม
สั้นๆ ง่ายๆ ทั้งยังเป็นภาษาไทยอีกต่างหาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใคร
ภาม...น้องพี่ภู
“มุดจอเลยไหม” เสียงราบเรียบที่เหมือนจะแซวก็ไม่ใช่จะจริงจังก็ไม่เชิงดังขึ้นพร้อมกับที่ผ้าเช็ดตัวถูกโยนลงบนหัว ผมรีบมุดหน้าออกมาแล้วยิ้มแห้งให้คนที่กอดอกอยู่
ตอนแรกก็ว่าเนียนแล้วนะ สงสัยเผลอยื่นหน้าไปดู...เสียเรื่องเลย
“ขอโทษครับ” ผมรีบเดินออกห่างจากโน้ตบุ๊ก ดีที่พี่ภูไม่ได้ว่าอะไรนอกจากส่ายหน้าหน่ายๆ
“จะไปสระไหน”
“สระวีไอพีข้างล่าง...แต่ว่าพวกรุ่นพี่คณะผมมากินเหล้ากันด้วย พี่จะโอเคหรือเปล่า” ผมกอดผ้าผืนใหญ่แล้ววิ่งตามพี่ภูออกไปด้านนอก
“อืม” เขาตอบสั้นๆ แล้วเดินไปทางประตู
ค่อยโล่งหน่อย…
“พี่ภู ผมขอยืมผ้าเช็ดตัวสักผืนได้ไหม ไม่อยากไปรบกวนไอ้โซกับแฟนมัน”
“ก็นั่นไง”
“นี่ของผมเหรอ” ผมชูผ้าที่กอดไว้เป็นเชิงถาม “แล้วของพี่ล่ะ”
“กูไม่ลงสระ”
ผมพยักหน้าเข้าใจ ไม่เซ้าซี้อะไรต่อ เพราะแค่เขายอมมาด้วยกันแถมยังหาผ้าเช็ดตัวให้โดยไม่ต้องขอก็ดีใจจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
ดีนะที่ผมเก็บอารมณ์เก่ง…
“ไอ้เก้ามาแล้วเว้ย!”
“หน้าบานเป็นจานดาวเทียมเชียวนะมึง!”
“ไอ้เด็กบ้านั่นดูเหมือนคนปกติได้ด้วยว่ะ!”
“...”
พัง
ผมหรี่ตามองพวกที่ส่งเสียงโหวกเหวกในทันทีที่ผมกับพี่ภูเดินเข้ามาถึงทีละตัว ไม่ลืมชี้หน้าคาดโทษจนพวกนั้นหลบสายตากันเป็นแถวซ้ำอีกที...มันน่าจับเชือดนัก
“เก้า” พี่กีล์ส่งเสียงเรียกจากขอบสระ ผมหันไปมองแล้วก็พบว่าเขากำลังนั่งหย่อนขาลงน้ำป้อนของกินให้ไอ้โซที่เปลือยท่อนบนเกาะขาอ้อนอยู่ในสระ
หมั่นไส้!
“พี่ทำแซนวิสง่ายๆ มาให้ ถ้าจะดื่มเหล้าก็ทานอะไรรองท้องก่อนนะครับ”
“พี่กีล์คนดี” ไม่น่าหลงมาคบไอ้โซได้เลย…
ผมต่อประโยคด่าในใจก่อนจะมองเมินไอ้หมารู้ทันที่ส่งสายตาขุ่นเคืองมาให้
“แซนวิสอะไรเหรอพี่”
“มีทูน่ากับแฮมครับ ส่วนไส้กรอกโดนกลุ่มนั้นเอาไปหมดแล้ว” พี่กีล์ยิ้มก่อนจะผงกหัวทักทายพี่ภูแล้วชี้ไปทางกลุ่มพี่วินที่เฮฮาอยู่อีกมุม
“ขอบคุณนะพี่” ผมหยิบแซนวิสมาห้าชิ้น ยื่นให้พี่ภูที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมสระไปสอง ส่วนอีกสามชิ้นที่เหลือของตัวเอง
“พี่ได้ข่าวว่าเก้าจะแข่งว่ายน้ำเหรอ”
“อื้อ”
“สู้ๆ นะครับ”
ผมไม่ได้เต็มใจแข่งเท่าไหร่หรอก แต่โดนบังคับมาอีกที กีฬามหา’ลัยปีนี้เพิ่มกีฬาเข้ามาหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือว่ายน้ำ คณะที่คนน้อยอยู่แล้วอย่างคณะผมเลยแทบจะต้องลงแข่งทุกคน กระจายกันไปตามประเภทกีฬา โชคร้ายที่ผมเคยโชว์ฝีมือไว้เยอะ เลยโดนลงชื่อมันทุกอย่างตั้งแต่เตะบอลยันปิงปอง ดีที่พวกรุ่นพี่ยังใจดีใส่ชื่อผมแค่ตำแหน่งตัวสำรองยกเว้นว่ายน้ำที่เป็นตัวจริง ไม่งั้นคงได้เล่นมันทุกอย่างแน่
“พี่ภูไม่ลงน้ำจริงเหรอ” ผมหันไปถามคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เก้าอี้ยาว ซึ่งเขาก็ยังคงพยักหน้ายืนยันคำตอบเดิม “ถ้างั้นพี่กินเหล้าไหม”
“ไม่เป็นไร…”
“ไอ้เก้า! เอาคนสำคัญของมึงมาเล่นเกมด้วยกันมา”
ทำดีมากพี่วิน!
ผมยิ้มนิดๆ เมื่อคิดอะไรได้ แต่ลืมไปว่าตอนนี้หันหน้าเข้าหาใครอยู่ เลยกลายเป็นโดนเขามองด้วยความไม่ไว้วางใจแทบจะทันที
“พี่ภูไปด้วยกันนะ” ผมเริ่มอ้อนโดยการขยับเข้าไปใกล้คนที่ก้มลงอ่านหนังสือไม่สนใจใคร มือสะกิดขาเขาสองทีแล้วหยุดรอ
“ไม่”
“ไปนั่งเฉยๆ ไม่ต้องเล่นก็ได้...นะ นั่งตรงนี้เหงาจะตาย”
“ไม่เหงา”
“ผมจะแนะนำเพื่อนๆ ให้พี่รู้จักด้วยไง ต่อไปจะได้เป็นเพื่อนกัน” ผมฉีกยิ้มและพยายามโฆษณาชวนเชื่อเต็มที่ แต่ใจจริงไม่อยากให้พี่ภูไปสนิทกับพวกนั้นนักหรอก...มีแต่คนบ้า
“...”
“ผมไม่อยากให้พี่อยู่ตรงนี้คนเดียว ไปด้วยกันนะ”
“อึดอัดเปล่าๆ”
ผมอมยิ้มเมื่อสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เขาพูดมาไม่ได้หมายถึงตัวเองจะอึดอัด แต่กลัวว่าพวกพี่วินจะอึดอัดต่างหาก
“เพื่อนผมไม่เหมือนคนพวกนั้นหรอก”
เมื่อพี่ภูนิ่งไปแล้ว ผมเลยถือวิสาสะจับมือเขาแบบไม่กลัวตาย รวมถึงมองเมินสายตาคมดุที่ไม่ได้น่ากลัวคู่นั้นด้วย ถึงจะเหมือนบังคับให้เดินตามมา แต่จริงๆ แล้วถ้าพี่ภูไม่ยอมผมคงลากเขามาไม่ได้หรอก มือที่จับไว้ก็จับแบบหลวมๆ ไม่ได้ออกแรงดึงเลยสักนิด แค่ชักจูงให้เดินตามเท่านั้นเอง
“มาๆ นั่งเลยครับพี่” พี่วินกวักมือเรียก ชี้ให้พี่ภูนั่งลงริมขอบสระ ผมเลยปล่อยมือออกก่อนจะถอดเสื้อแล้วโดดลงน้ำเกาะขอบสระอยู่ข้างๆ เขา
“ไอ้โซ! มาด้วยเลยมึง!” เฮียเจมส์หันไปกวักมือเรียกไอ้โซที่อยู่อีกด้านของสระ มันชักสีหน้านิดหน่อยแต่ก็ยอมว่ายมาอยู่ข้างๆ ผมโดยมีพี่กีล์เดินตามมาหย่อนขาลงน้ำใกล้ๆ เหมือนเดิม
“จะเล่นอะไร” ผมถาม
“ระดับนี้แล้ว...แถมคนยังเยอะแบบนี้” พี่วินกรีดยิ้มชั่วร้ายก่อนจะควักอุปกรณ์เล่นเกมที่ว่าออกมา “ป๊อกเด้งสิวะ!”
เสียงถอนหายใจของทุกคนยกเว้นพี่ภูกับพี่กีล์ดังกลบความอารมณ์ดีของพี่วินจนเจ้าตัวหน้าบูด
“อะไรวะ...กินเหล้าแล้วก็ต้องเล่นไพ่ดิ”
“เล่นในที่แบบนี้เนี่ยนะ” เฮียเจมส์โบกหัวเพื่อนไปทีจนพี่วินหน้างอ ท่าทางยังข้องใจไม่หายว่าทำอะไรผิด
“เล่นได้”
ผมหันไปมองไอ้โซที่ลอยตัวอยู่ข้างๆ ด้วยความแปลกใจ มันพยักหน้ายืนยัน เห็นแบบนั้นทุกคนเลยเออออไปด้วย…ในเมื่อเจ้าของเขาว่าได้ก็คงได้ล่ะ
“พวกกูไม่ได้พกเงินมา...อย่ามามองกูแบบนั้นไอ้เก้า! พวกกูแค่ประหยัด”
“อ๋อเหรอ” ผมเบะปากมองพี่วินเย้ยๆ หมดตูดเพราะเป็นอาทิตย์ปลายเดือนล่ะสิไม่ว่า
“เออ...เพราะงั้นใครแพ้ก็กระดกเหล้าแล้วโดดน้ำ ว่ายสามรอบแล้วกัน”
“เดี๋ยวเฮีย แบบนี้กว่าจะครบรอบก็รอกันตายเลยดิ” ใครสักคนเถียงขึ้นมา ซึ่งผมก็เห็นด้วยอยู่เหมือนกัน
“เน้นเฮฮาเว้ย!”
ไม่รู้จะด่าอะไรพี่แกดี...แต่จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน นอกจากได้เล่นแล้วยังได้ออกกำลังด้วย เพราะเหตุผลหลักที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อออกกำลังอยู่แล้ว
“พี่กีล์เล่นด้วยกันนะครับ” พี่วินบอกพี่กีล์ด้วยน้ำเสียงสุภาพที่โคตรแตกต่างกับตัวจริง จากนั้นก็หันไปหาพี่ภูด้วยท่าทางเกร็งๆ “พี่ก็ด้วยนะครับ”
บรรยากาศที่ดูกดดันโดยไม่ทราบสาเหตุทำให้ผมต้องถอนหายใจ ยิ่งเห็นว่าใบหน้าพี่ภูดูเย็นชาแปลกๆ ก็ยิ่งปวดหัวกับไอ้พวกบ้าที่นั่งล้อมวงอยู่
ผมเอามือเปียกน้ำของตัวเองวางทับลงบนมือของพี่ภูโดยไม่สนใจสายตาใคร
“ที่ดูเกร็งๆ กับพี่ภูนี่เพราะอะไรกัน” ผมเลิกคิ้วถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องการให้ใครบางคนได้ยินชัดๆ
“กูพูดได้เหรอวะ” พี่วินพูดเสียงอุบอิบ คนอื่นเลยเงียบตามด้วย
“เอาตรงๆ เลยพี่”
“ก็นั่นมันใครล่ะ!” พี่แกทำเสียงตื่นตระหนกแบบไม่รักษามารยาทอีกต่อไป “นั่นคุณภูริ เดรคนะครับผม พวกกูเพิ่งนินทาไปเองว่านามสกุลคุ้นๆ ก็คิดว่าเหมือนทายาทคนดังของอังกฤษเฉยๆ ที่ไหนได้...กูเกิลแล้วเจอหน้าเต็มๆ เลยไอ้สัตว์! มึงก็ไม่บอกพวกกูเลยว่าพี่เขาเป็นใคร! ทำอะไรผิดไปพวกกูก็โดนเชือดสิวะ!”
“เล็บพี่เขามีค่ากว่าชีวิตกูอีก”
“เออใช่”
ผมส่ายหน้าก่อนจะเอียงคอมองใบหน้าแปลกใจของพี่ภูยิ้มๆ ถึงใบหน้าจะเย็นชาเหมือนเคยแต่สายตาของเขาก็ดูผ่อนคลายกว่าเดิมหลายเท่า
“แล้วไม่คิดเหรอว่าถ้าสนิทได้จะเป็นยังไง” โซพูดขึ้นลอยๆ ก่อนจะอ้าปากกินผลไม้ที่พี่กีล์ป้อนให้ ผมเห็นมันช่วยเลยไม่อยากด่า ปล่อยให้มันทำตัวตอแหลต่อไป
“เออว่ะ”
พวกบ้าเริ่มมองหน้ากันเหมือนจะปรึกษา ก่อนเฮียเจมส์จะเป็นคนแรกที่ขยับตัวเข้าใกล้พี่ภูแล้วกะพริบตาใส่ปริบๆ
“ดีพี่ ผมเจมส์นะ เป็นพี่ชายสุดที่รักของไอ้เก้า มีไรเรียกใช้ได้เลยนะครับผม”
“เฮ้ยไอ้เจมส์ ถอยไปเลยมึง ผมวินนะพี่…”
“เฮียหลบไป ผม…”
ผมมองแต่ละคนที่แข่งกันขยับเข้าใกล้พี่ภูเงียบๆ พวกนั้นเองก็รู้หน้าที่ไม่มีใครแตะโดนตัวพี่ภูแม้แต่คนเดียว ส่วนคนโดนประจบก็นั่งมองใครต่อใครที่เข้ามาแนะนำตัวด้วยความสนใจ ถึงจะไม่ได้ตอบแต่แค่เขาเข้าใจว่าพวกนั้นล้อเล่นและไม่ได้จะประจบขออะไรจริงจังก็พอแล้ว
ถึงจะหงุดหงิดใจนิดหน่อยที่ต้องแบ่งพี่ภูให้คุยกับคนอื่น แต่ผมก็คิดว่าเขาน่าจะมีความสุขมากกว่าถ้าได้มี ‘เพื่อน’ จริงๆ บ้าง ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่มีเพื่อน ไม่ไว้ใจใคร ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ แต่ในเมื่อผมได้เป็นคนแรกแล้ว ผมก็จะชักจูงคนที่ดีให้เขารู้จักทีละน้อย
เขาต้องมีเพื่อนบ้าง...มีสังคมที่จริงใจและหวังดี ในเมื่อเขาไม่ต้องการหา อาจเพราะมีแต่คนต้องการผลประโยชน์หรืออะไรก็ตาม ผมเลยอาสาหาให้เอง
ถ้าถามว่ามีผมคนเดียวไม่พอเหรอ...ตอบเลยว่าไม่
เพราะผมไม่ใช่เพื่อน แต่ตอนนี้เป็นกระต่าย และในอนาคตจะเป็นแฟน!
“ทำหน้าโรคจิต” คนหน้าดุจิ้มนิ้วลงบนหน้าผากจนผมรู้สึกตัว
“พี่อารมณ์ดีแล้วใช่ไหม” ผมถามก่อนจะหันไปสบตาไอ้โซที่อยู่ข้างๆ เป็นอันรู้กัน
“ถามทำไม”
“ผมถือว่าดีนะ”
สิ้นประโยค…ผมใช้แขนทั้งสองข้างรัดเอวของคนตัวใหญ่กว่าไว้แล้วออกแรงทั้งหมดดึงเขาลงมาในน้ำโดยมีไอ้โซช่วยอีกแรง
ตูม!
“ไอ้เก้า! มึงทำอะไรพี่กู! ยังไม่ได้เล่นไพ่เลยนะเว้ย!” พี่วินโวยวายเสียงดัง ผมอยากจะถามเหลือเกินว่าไปนับญาติกันตอนไหนมิทราบ
“ก้อน…”
“เอ่อ…” ผมหันซ้ายหันขวามองหาตัวช่วย แต่มองยังไงก็ไม่เจอผู้ร่วมขบวนการ มีแค่พี่กีล์ที่นั่งหัวเราะอยู่กับพวกพี่วิน
ไอ้เหี้ยโซ! ไอ้เพื่อนเลว! แม่งว่ายหนีไปอยู่ขอบสระอีกด้านตอนไหนวะ
“ก้อน…” เสียงเย็นๆ ที่ดังขึ้นเป็นครั้งที่สองทำให้ผมต้องหันหลังกลับไปหาเจ้าของเสียงอย่างช่วยไม่ได้
คนตัวสูงหน้าดุยืนนิ่งอยู่ด้านหลังและกำลังมองมาที่ผม เส้นผมของเขาเปียกลู่ละไปกับใบหน้าคมคายซึ่งเสริมให้เจ้าตัวดูมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ยิ่งรวมเข้ากับดวงตาสีเทาดุที่มองผมเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อยิ่งทวีความดูดีจนน่ากลัว ไหนจะกล้ามเนื้อที่มองเห็นผ่านเสื้อสีขาวที่เปียกลู่ไปกับตัวอีก…
“คือว่า…” จะบอกว่าอยากเล่นด้วยก็พูดไม่ออก เวรกรรม
“เดี๋ยวโดน…” พี่ภูพูดเสียงเย็นเยียบก่อนจะถอนหายใจยาวราวกับต้องการระงับอารมณ์ เขาหลับตาลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองฟ้าจนหยดน้ำที่เกาะอยู่ไหลลงมาตามกรอบหน้า ตั้งแต่เส้นผม คิ้วเรียว จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง ก่อนจะหยดลงในสระน้ำ และวินาทีต่อมาดวงตาคมดุสีเทาก็เปิดออกพร้อมกับที่เจ้าตัวยกมือเสยผมไปด้านหลังด้วยท่าทางเท่ๆ แบบที่เรียกได้ว่า...
“ฮอตสัตว์” ใครสักคนพึมพำออกมาด้วยเสียงเหม่อๆ และมันดันตรงกับสิ่งที่ผมคิดเหลือเกิน
ขนาดผู้ชายมีเมียแล้วอย่างพวกมันยังเป็นขนาดนั้น...แล้วคนที่ชอบเขาแบบผมจะเหลือเหรอ…
ฮือออ
ใจก้อนบางไปหมดแล้ว…
--------------