┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[จบ]==
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[จบ]==  (อ่าน 289619 ครั้ง)

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[22]==[P.13]== [05/08/60]
«ตอบ #390 เมื่อ07-08-2017 03:40:44 »

 :กอด1:

ออฟไลน์ meyj4ever

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[22]==[P.13]== [05/08/60]
«ตอบ #391 เมื่อ07-08-2017 20:33:55 »

สู้ๆนะกระต่ายโง่ของพี่ภู
แค่สองปีเองเนอะ แป๊บเดียวเอง ✌✌

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[22]==[P.13]== [05/08/60]
«ตอบ #392 เมื่อ09-08-2017 15:58:51 »

เพิ่งเห็นนังก้อนดูเป็นคนปกติมีสาระก็ตอนนี้ 55555555555555555

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[22]==[P.13]== [05/08/60]
«ตอบ #393 เมื่อ09-08-2017 21:27:46 »

พี่เพิ่งจบล่มหนึ่งเองเหรอคะ เอื้ออออออออออออ หนทางยังอีกยาวไกล กลัวจะหน่วงๆเวลาสองคนไกลกัน  :ling3:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[22]==[P.13]== [05/08/60]
«ตอบ #394 เมื่อ11-08-2017 20:39:28 »

-23-


สำหรับภูริ เดรค สิ่งที่เคยสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาคือ ‘หน้าที่’...

ตั้งแต่มารดาเสียชีวิต หน้าที่ของเขาไม่ใช่แค่การเรียนให้จบเพื่อหางานดีๆ ทำแบบที่เคยวางแผนไว้ แต่เป็นการทำงานในตำแหน่งที่ใหญ่กว่านั้น และสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือการดูแลน้องชายให้ดีที่สุดเท่าที่พี่คนหนึ่งจะสามารถทำได้

ภูไม่เคยคิดว่าตัวเขาคือต้นเหตุที่ทำให้ภาม น้องชายของตัวเองกลายเป็นแบบนั้น เขาเพียงแค่คิดว่าจะดูแลภามให้ดีที่สุดตามหน้าที่ที่ได้รับ แม้ว่ามันจะเหนื่อย แต่เพื่อน้องชายที่ผูกพันมาเขายอมทำทุกอย่าง นั่นรวมถึงการยอมทิ้งระยะห่างจากทุกคนด้วย สิ่งที่ภูแบกอยู่บนบ่าคือภาระในการทำงาน และหน้าที่ในฐานะพี่ชาย เขายินยอมทิ้งความต้องการของตัวเองเพียงเพื่อให้น้องมีความสุขและไม่คิดสั้นอีก...แต่ทุกสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลง

หน้าที่ ‘เคย’ สำคัญที่สุด แต่ตอนนี้ภูกลับคิดว่ามีสิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญไม่แพ้กัน...นั่นคือ ‘ความรู้สึก’ และมันเกิดขึ้นตอนที่เขาได้พบเจอกับใครคนหนึ่ง…

‘แปลก’ คือคำจำกัดความของมัน เด็กคนนั้นชื่อเก้า เจอกันครั้งแรกก็เข้ามาสารภาพบอกว่าชอบ หลังจากนั้นก็ตามติดเขาเป็นตังเม ทำตัวเป็นเหมือนอากาศที่วนไปวนมาอยู่รอบกายทั้งที่เขาไม่ต้องการ แต่สุดท้าย ‘ความรู้สึก’ ที่ไม่ควรเกิดก็เกิดขึ้น…

ไม่ใช่แค่เอ็นดู แต่เพราะการกระทำของมันไม่ได้ทำให้รำคาญแบบที่คิด ทั้งยังทำให้สบายใจอย่างประหลาด เขาเลยเผลอปล่อยให้มันขยับเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัว นึกได้อีกทีก็หมดทางหนี จำต้องปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามความรู้สึก

“คุณเดรคคะ คุณออสตินกลับมาแล้วค่ะ”

ภูละสายตาออกจากจอโทรศัพท์ที่ใครบางคนกำลังบ่นเรื่องการเรียนของตัวเองไม่หยุด เขาขยับกายลุกขึ้น เรือนร่างสูงโปร่งดูดีแม้จะอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตธรรมดาเดินไปนั่งที่โซฟารับแขกของห้องทำงาน โดยไม่ลืมคว้าเสื้อสูทตัวนอกมาใส่ให้เรียบร้อย หลังจากนั้นไม่นานพ่อแท้ๆ ของเขาก็เดินเข้ามาในห้อง

“พ่อเห็นมิลินอยู่ข้างล่าง ทำไมไม่เชิญขึ้นมาล่ะ” ออสตินยกยิ้มให้ลูกชายก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆ

“น่ารำคาญ” ภูตอบกลับเสียงราบเรียบ ใบหน้าเย็นชาจับจ้องบิดาเพียงครู่เดียวแล้วผละออก สายตาคมยังคงให้ความสนใจกับโทรศัพท์ในมือมากกว่าชายสูงอายุวัยหกสิบตรงหน้า

“ตอนแรกเป็นเลขาอยู่ดีๆ ไม่ใช่หรือไง ทำไมโดนไล่ออกได้”

“เลขาห่วยๆ”

“หืม...นั่นลูกสาวท่านทูตเชียวนะ” ออสตินส่ายหน้าหน่าย เขาไม่ได้สนใจท่าทีของภูเพราะเข้าใจดีอยู่แล้วว่านิสัยที่แท้จริงของลูกชายเป็นยังไง ถึงอย่างนั้นก็อยากให้สนใจหน้าตาท่านทูตที่ส่งลูกสาวมาทำงานด้วยเสียหน่อย แม้การผิดใจกับฝั่งนั้นจะไม่ได้ทำให้เขาเสียหาย แต่ก็ยังนับเป็นสหายที่สนิทกันมานาน

“เลิกพูดเรื่องนั้นได้แล้ว อยากให้ผมแต่งงานกับเธอมากหรือไง”

“หนูมิลินก็นิสัยดีออก”

ภูกลอกตาเมื่อได้ฟังคำพูดของพ่อตัวเอง จริงอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้นนิสัยใช้ได้ หน้าตาก็ดี คำพูดคำจาสุภาพตามประสาคุณหนูที่ถูกเลี้ยงมาแบบเอาใจใส่ แต่เรื่องทำงานกลับไม่เอาไหน อีกทั้งยังชอบยุ่งในเรื่องที่เขาไม่ต้องการให้ใครยุ่งอีกต่างหาก คนแบบนี้อย่างดีก็เป็นได้แค่คนรู้จัก เขาไม่มีวันเอามาอยู่ข้างตัวเด็ดขาด

“หรือลูกมีใครในใจแล้ว”

“...”

“หืม…” ออสตินเหลือบตามองด้วยความแปลกใจ คนแบบภูเมื่อต้องตอบมักจะตอบตรงๆ โดยไม่เสียเวลาคิด ยิ่งเมื่อต้องการปฏิเสธอะไรจะชัดเจนเป็นพิเศษ แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายกลับนิ่งเงียบ อีกทั้งสายตาคมที่เคยเย็นชายังทอประกายอ่อนลงยามมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์อีกต่างหาก “ลูกเปลี่ยนไปนะ”

“เปลี่ยน?”

“ตั้งแต่กลับมาจากไทยเมื่อปีก่อน ลูกมักจะสนใจโทรศัพท์อยู่เสมอทั้งที่ไม่เคยเป็น ไหนบอกว่าโทรศัพท์ส่วนตัวเครื่องนั้นมีไว้คุยแค่กับภามไง” แม้แต่เขาหรือเฮเลนที่เป็นแม่เลี้ยง ภูก็ยังไม่เคยติดต่อผ่านโทรศัพท์ส่วนตัว เขายังต้องโทรหาผ่านทางโทรศัพท์คุยงานเลยด้วยซ้ำ จะบอกว่าคุยกับภามก็ไม่ใช่ เพราะปกติจะคุยกันเป็นเวลา และตั้งแต่ภูกลับมาทั้งคู่ก็ไม่จำเป็นต้องคอลกันอีก เพราะงั้นก็เหลือแค่เหตุผลเดียว… “มีคนที่ชอบแล้วสินะ”

คนที่ชอบ…

คนฟังทวนคำพูดนั้นในใจ ได้ยินแล้วพาลนึกไปถึงตอนที่ได้เจอกับกระต่ายของเขาเป็นครั้งสุดท้าย กระต่ายบ้าที่พยายามทำตัวเป็นปกติ แต่พอเห็นกระเป๋าเดินทางกับตั๋วเครื่องบินของเขาก็ทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ ปากเบะเป็นตูดแบบที่มันชอบทำเวลาไม่พอใจ...ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามเข้าใจเขา

มันไม่เคยทำตัวงี่เง่า ยิ่งยามได้ยินเหตุผลที่จะไม่มาหากันเขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันคือคนที่ควรได้เจอแต่สิ่งดีๆ...ทั้งที่ดูก็รู้ว่าเป็นกระต่ายเอาแต่ใจ แต่จริงๆ แล้วกลับควบคุมตัวเองได้เก่งกว่าที่คิด คนทั่วไปบางครั้งเมื่อถึงเวลาต้องเลือกก็มักจะเลือกสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุข แต่เก้าไม่ใช่แบบนั้น…มันมองโลกทุกด้าน มองเผื่อไปถึงคนรอบข้าง มองไปถึงอนาคตของตัวเอง จะบอกว่าโลภมากจะเอาทุกอย่างไว้ในกำมือก็คงใช่ แต่ในทางกลับกัน...มันก็เป็นคนรอบคอบที่ไม่ผูกตัวเองไว้กับสิ่งที่มองไม่เห็น

ครืด

ภูก้มลงมองโทรศัพท์ที่สั่นเครืออยู่ในมือ บนหน้าจอปรากฎภาพไลน์ของคนที่กำลังนึกถึง คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าฝั่งนั้นทักมาถามคำถามราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดถึงเจ้าตัวอยู่

KAO: พี่คิดถึงผมไหม

หึ...จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เจ้าเด็กนี่ถามคำถามนี้คือวันแรกที่เขาบินกลับอังกฤษ ตอนนั้นเขาส่งสติกเกอร์ทำหน้าเอือมกลับไปให้ แต่ครั้งนี้…

PHU: อืม

ปากตรงกับใจบ้างก็น่าจะดี ไม่ได้เจอมันมาเป็นปีแล้วด้วย ไม่รู้จะเฉาตายไปหรือยัง

KAO: *สติกเกอร์กระต่ายเขิน*

ริมฝีปากหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อเห็นการตอบกลับกวนๆ ตามสไตล์มัน โดยที่ไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำอยู่ในสายตาของออสตินทั้งหมด ชายสูงวัยอมยิ้มตามเมื่อเห็นท่าทางลูกชายดูมีความสุข นานแล้วที่เขาไม่ได้เห็นภูยิ้มแบบนี้ คงต้องขอบคุณใครสักคนที่เป็นต้นเหตุ

นับตั้งแต่ภูกลับมาจากไทยเมื่อปีก่อน เขาก็ดูเปลี่ยนไปจากเดิม หากเป็นคนนอกคงไม่สังเกต แต่พ่อแท้ๆ อย่างออสตินย่อมรู้ดีว่าลูกชายตนเปลี่ยนไปมากขนาดไหน จากคนที่ไม่เคยใส่ใจอะไรนอกจากทำตามหน้าที่เหมือนเป็นหุ่นยนต์ กลับกลายเป็นคนที่ต้องหาเวลาคุยหรือกดโทรศัพท์อยู่เสมอ ออสตินเคยคิดว่าลูกชายอาจจะติดพันกับเพื่อนที่ไทย เวลาผ่านไปก็คงห่างกันไปเอง แต่ตลอดเวลาหนึ่งปีมานี้ ไม่มีวันไหนเลยที่เขาไม่เห็นภูแตะโทรศัพท์

ชักอยากเจอแล้วสิ…

“ถ้าจริงจัง อย่าลืมพามาหาพ่อนะ” เขาอดเอ่ยปากไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางเหมือนกำลังกลั้นขำของอีกฝ่าย ใจนึกไปถึงเรื่องที่เฮเลยเคยเล่าตอนไปรับภูกลับอังกฤษ

‘ภูของเรามีเพื่อนด้วยนะคะ เขาถึงขนาดให้เข้ามาอยู่ในห้อง ฉันเห็นแล้วดีใจมากๆ เลยค่ะ’

ตอนนั้นเขาก็ดีใจไม่แพ้กัน สำหรับคนเป็นพ่อ ลูกชายคนโตเองก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้คนเล็กเลยสักนิด กับคนที่ปิดกั้นตัวเอง พยายามกันทุกคนให้ออกห่าง พอได้ยินว่ามีคนที่ยอมให้เข้าใกล้ก็อดดีใจแทนไม่ได้

“อืม” ภูตอบรับคำพูดนั้นโดยไม่รู้ตัว เขาแค่ตอบรับไปโดยไม่ทันคิด เพราะสมาธิยังคงจดจ่ออยู่กับข้อความบนหน้าจอ กระต่ายบ้ายังส่งข้อความมาบ่นเรื่องการเรียนไม่หยุด บอกว่าโดนอาจารย์ใช้งานอย่างนั้นอย่างนี้ พอรู้ว่าจะจบก่อนก็ยิ่งโดนใข้งานหนัก แค่นึกถึงหน้ามันกำลังพ่นไฟก็ต้องหลุดยิ้มออกมาหลายที

เขาไม่ค่อยมีเวลาคอลแบบเห็นหน้ากับมันนัก ทั้งจากเวลาที่แตกต่าง และจากที่ต่างคนต่างไม่ค่อยมีเวลาว่าง เพราะงั้นช่องทางติดต่อเดียวที่เหลืออยู่ก็คือการพิมพ์คุยกันทางไลน์ มีบ้างนานๆ ครั้งที่จะได้คอลกัน ซึ่งวันนี้ที่มันดี๊ด๊าเป็นพิเศษก็เป็นเพราะเขาสัญญาไว้ว่าจะเปิดกล้องตอนช่วงพักกลางวัน

“แล้วชินกับตำแหน่งหรือยัง” ออสตินดึงความสนใจของลูกชายกลับมา ซึ่งฝั่งนั้นก็ยอมวางโทรศัพท์ลงเมื่อเห็นว่าเขาเริ่มพูดเรื่องงาน ภูก็เป็นแบบนี้เสมอ...จริงจังกับทุกเรื่อง

“ก็ไม่มีปัญหาอะไร”

ภูเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทแทนออสตินแบบเต็มตัวตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อน โดยที่เขาใช้เวลาเรียนรู้งานเพียงแค่หกเดือน หลังจากจัดการเรื่องเรียนจบเรียบร้อยแล้วเขาก็เข้ารับตำแหน่งทันที แน่นอนว่าย่อมมีคนคัดค้านเพราะอายุยังน้อย แต่สำหรับทายาทที่แท้จริงนั่นย่อมไม่ใช่ปัญหาสำคัญ อีกทั้งออสตินยังยืนกรานจะวางมือเพราะอายุที่มากแล้ว สุดท้ายภูเลยได้รับตำแหน่งโดยไม่จำเป็นต้องสนใจใคร และเพียงแค่หกเดือนเขาก็สามารถสร้างผลงานได้มากมาย เป็นการปิดปากพวกพูดมากไปโดยปริยาย

“พูดกับพ่อเยอะๆ หน่อยสิ” ออสตินพูดด้วยความน้อยอกน้อยใจ ยิ่งเมื่อได้เห็นสายตาเหนื่อยหน่ายของลูกชายก็ยิ่งทำหน้านอย ใช่ว่าเขากับภูมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน จริงๆ แล้วพวกเขาก็เป็นเหมือนพ่อลูกทั่วไป เพียงแต่ด้วยนิสัยของภูเลยทำให้ดูเหินห่าง พอได้มาเห็นลูกชายแสดงท่าทีแบบที่ตัวเองไม่เคยได้รับก็อดอิจฉาไม่ได้

“แก่แล้วยังทำตัวเป็นเด็ก”

“พ่อกลับก่อนดีกว่า อยู่ไปก็โดนว่า”

“ครับ เชิญ” ภูตอบสั้นๆ แล้วลุกขึ้นยืนตามมารยาท ไม่ได้สนใจสายตางอนๆ ของพ่อตัวเองเลยสักนิด รอจนออสตินเดินออกไปจากห้องแล้วเขาก็หันกลับมาสนใจโทรศัพท์ในมืออีกครั้ง

ครืด

เขากดรับสายแล้วเปิดกล้องเมื่ออีกฝ่ายคอลมา ภาพที่ปรากฎในจอเป็นอย่างแรกคือหน้ายุ่งๆ ของกระต่ายโง่ที่กำลังปรับกล้องอยู่ เขามองใบหน้าได้รูปนั้นแล้วก็หยุดยิ้มน้อยๆ ก่อนจะรีบหุบยิ้มฉับเมื่อสายตาของคนมองหันมาสบเข้าพอดี

[พี่ภูวววววววว] มันลากเสียงยาวแล้วยื่นหน้าเข้าหาจนติดกล้อง ท่าทางดูดีใจจริงจังจนเขาอดรู้สึกดีตามไม่ได้

“อืม”

[คิดถึง]

“รู้แล้ว” ภูถือกล้องเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้นิ่งๆ เพื่อให้เห็นกันได้ชัดทั้งคู่

[ทำงานอยู่เหรอ]

“พักอยู่”

กระต่ายของเขาพยักหน้าหงึกหงักแล้วจ้องจอตาแป๋วเหมือนอยากจะมุดจอมาหา ภูได้แต่อมยิ้มแล้วนั่งนิ่งๆ ให้มันมองต่อไป เห็นแก่ที่ไม่ได้เปิดกล้องกันมานาน คงต้องยอมมันเสียหน่อย

[ผมยังไม่ได้กินข้าวเลย] เก้าโอดครวญแล้วเอามือลูบท้องป้อยๆ ท่าทางของมันดูน่าสงสารปนน่าหมั่นไส้ไปพร้อมๆ กัน ถ้าอยู่ใกล้ๆ เขาคงผลักหัวมันสักที แต่เพราะอยู่ห่างไกลเลยทำได้เพียงส่งสายตามองแรงไปให้

“ขนาดไม่กินยังตัวเป็นก้อน”

[ผมผอมลงขนาดนี้พี่ยังว่าก้อนอีกเหรอ!]

“หึ” ภูกลั้นยิ้มเมื่อเห็นมันก้มลงมองพุงตัวเอง จริงๆ อีกฝ่ายก็ไม่ได้อ้วนอะไรมาแต่แรกแล้ว เพียงแต่เขาชอบมองปฏิกิริยาของมันเวลาโดนแซวก็เท่านั้น ยิ่งยามหูกระต่ายกับหางกลมๆ ของมันดุ๊กดิ๊กไปมาเหมือนกำลังกังวลว่าจะอ้วนก็ยิ่งสนุก

[น้ำหนักลงมาเกือบสองโล]

“ทำไมน้ำหนักลด” เขาขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วลอบสังเกตมันอีกครั้ง จะว่าไปก็ดูผอมลงจริงๆ อีกทั้งยังดูโทรมๆ เหมือนคนนอนน้อยด้วย “ไม่ดูแลตัวเอง”

[ผมดูแลแล้วนะพี่ แต่บางทีไม่ไหวจริงๆ] คนพูดถอนหายใจก่อนจะเอาคางพาดกับโต๊ะ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมละสายตาออกจากจอ เหมือนกลัวว่าจะเสียโอกาสที่ได้มองหน้าเขา

“เรียนหนักมากเหรอ” ภูทำหน้านิ่งทั้งที่ในใจนึกเป็นห่วง อยากจะลูบหัวมันให้รู้สึกดีขึ้น แต่เพราะรู้ว่าทำไม่ได้เลยหักห้ามใจไว้ “บ่นทุกวัน”

[เรียนมันไม่เท่าไหร่หรอกพี่ แค่หลายวิชาแต่ก็ไม่เกินแรง ผมเก่งอยู่แล้วด้วย แต่ประเด็นคือโดนใช้งานเหมือนทาสเลยนี่ดิ]

ภูอยากจะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก อยากจะบึ้งก็บึ้งไม่ลง นึกอยากขยี้หัวเจ้ากระต่ายอวดดีสักทีสองที แต่จะบอกว่ามันพูดเกินจริงก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะในสายตาคนอื่นเจ้ากระต่ายนั่นก็เป็นเด็กเก่งคนหนึ่งจริงๆ ออกจะมีความสามารถมากเกินชาวบ้านด้วยซ้ำ เพียงแต่เวลาอยู่กับเขามักจะทำตัวอีกแบบจนลืมไปบ่อยๆ ว่านั่นคือคนที่ใครๆ ต่างก็นับถือ เวลาเดียวที่เขาได้เห็นมันจริงจังและทำตัวเป็นผู้นำ คงเป็นยามอยู่บนเวทีที่มันจับไมค์ร้องเพลง แล้วก็ครั้งล่าสุด...ที่มันปกป้องเขา

‘กูชอบเขามาตั้งนาน รอมาเป็นปีจนได้ใกล้ชิดเขา ถึงจะสนิทกันแล้วกูยังไม่เคยพูดไม่ดีกับเขาสักคำ...แล้วมึงมีสิทธิ์อะไรมาแตะ’

สำหรับภู เขาไม่ได้ยอมคนอยู่แล้ว ใครมาหาเรื่องก่อนก็เอาคืน แต่ถ้าเป็นแค่คำพูดสั่วๆ เขาไม่เคยนึกเอามาใส่ใจ แต่ใครอีกคนกลับไม่ใช่แบบนั้น...แค่รู้ว่าเขาโดนดึงไปเอี่ยวก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสติคิดวางแผนอย่างรอบคอบ นับเป็นครั้งแรกที่มีใครสักคนปกป้องเขาอย่างออกนอกหน้า ความรู้สึกในตอนนั้นคงเป็นความดีใจลึกๆ...จำได้ว่าเขาเกือบโกรธมันอยู่เหมือนกันที่คิดจะทำให้ตัวเองเจ็บ แต่แค่มองหน้าก็รับรู้ได้ในทันทีว่ามันคิดไว้แล้วว่าเขาต้องช่วยทัน

เป็นกระต่ายที่คาดเดาอะไรไม่ได้เลยจริงๆ…

[พี่ภู...พี่ภู อย่าเหม่อสิ] คนในจอร้องเรียกเสียงงอแงเมื่อไม่ได้รับความสนใจ มันทำปากคว่ำเป็นสระอิ คิ้วขมวดน้อยๆ เหมือนจะขัดใจที่โดนเมิน ทุกการกระทำของมันน่าเอ็นดูไปหมด เหมือนกระต่ายตัวน้อยๆ ที่กำลังเรียกร้องความสนใจ

“ว่าไง”

[พี่ไม่ได้ฟังผมพูดเลยใช่ไหมเนี่ย...เหม่ออะไรก็ไม่รู้] มันบ่นพึมพำอยู่คนเดียว  แต่เมื่อหันไปมองนาฬิกาก็ทำตาโตแล้วหันมาหาอย่างรวดเร็ว [เหลืออีกสิบนาทีพี่ก็ต้องทำงานแล้วดิเนี่ย]

ขนาดเขาเองยังไม่รู้ตัว แต่มันกลับขี้สังเกตยิ่งกว่าใคร ทุกครั้งที่ได้เปิดกล้องคุยกันภูมักจะอยู่ในช่วงเวลาพัก พอได้เห็นหน้าแล้วก็ลืมเวลาอยู่บ่อยๆ แต่ฝั่งนั้นกลับเป็นฝ่ายเตือนยามที่เห็นเวลาเหลือน้อยตลอด เหมือนกับมันกลัวว่าจะไม่ได้พูดอะไรที่อยากพูดก่อนวางแล้วจะเสียใจทีหลัง

[เหลืออีกสามร้อยยี่สิบเอ็ดวันเองนะครับ] กระต่ายก้อนของเขาพูดเสียงอ่อนด้วยรอยยิ้มนิดๆ มันชูปฎิทินตั้งโต๊ะที่มีรอยขีดค่าให้เขาดูเหมือนทุกครั้งที่ได้เปิดกล้องคุยกัน

“นี่เลือกวันมาแล้วเหรอ”

[อื้อ ผมจองตั๋วล่วงหน้าไปแล้วด้วยนะ] มันหัวเราะอยู่กับตัวเอง จนสุดท้ายเขาก็ทนทำหน้านิ่งต่อไม่ไหว ต้องเผยรอยยิ้มให้ฝั่งนั้นดีใจจนได้ [คิดถึงรอยยิ้มของพี่จัง]

“ยิ้ม?”

[ใช่ อยากเห็นใกล้ๆ อีกจังเลย] ว่าแล้วก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้กล้องจนเขามองเห็นแค่ตาสองข้างของมัน

“หึ” ภูหัวเราะเบาๆ ก่อนจะขยับหน้าเข้าไปใกล้บ้าง “ใกล้พอยัง”

[ไม่เอาแล้ว] คราวนี้กระต่ายเจ้าอารมณ์ทำหน้ามุ่ย มันขยับหน้าถอยห่างแล้วทำท่าทางไม่พอใจ [แบบนี้คิดถึงมากกว่าเดิมอีก]

“อีกแค่สามร้อยยี่สิบเอ็ดวันเอง” ภูพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นการย้ำทั้งมัน...และตัวเขาเอง

[อื้อ สิ้นปีนี้เอง]

กับคนบางคนอาจเหมือนไม่นาน แต่สำหรับคนรอคอย...แค่นาทีเดียวก็รู้สึกเหมือนยาวนานเป็นปีได้

“กูต้องไปทำงานแล้ว” เขาจำต้องพูดในสิ่งที่ไม่อยากเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเตือนให้ไปประชุม ดวงตาคมดุมองไปทางประตูด้วยความหงุดหงิดทั้งที่เลขาไม่ได้ทำอะไรผิด

[งั้นไว้คุยกันต่อในแชทนะ] กระต่ายทำหน้าหงอยเมื่อรู้ตัวว่าจะต้องวางสาย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเป็นการปิดท้ายให้เขา [บ๊ายบาย]

“บาย” ภูถอนหายใจยาวเมื่อสายตัดไปแล้ว ร่างสูงโปร่งเอนกายพิงเก้าอี้แล้วหลับตาลงเพื่อพักกายและใจชั่วครู่...คงต้องยอมรับเสียทีว่าเขาเองก็ ‘หวง’ ช่วงเวลาที่ได้คุยกันไม่แพ้ใครอีกคน



ภูเดินนวดขมับที่ปวดตุบจากการทำงานเข้าไปในบ้านพักส่วนตัวขนาดใหญ่ที่เขาอาศัยอยู่กับครอบครัว การต้องประชุมและต่อสู้กับกรรมการบริหารหลายๆ คนพร้อมกันไม่ใช่สิ่งที่เขาชื่นชอบนัก ยิ่งผู้ช่วยที่เพิ่งขยับตำแหน่งเข้ามาใหม่มีความสามารถไม่เพียงพอเขายิ่งเหนื่อยกว่าเดิมเป็นเท่าตัว คิดดังนั้นแล้วก็นึกถึงสิ่งที่เคยคุยกับใครบางคนไว้

‘อีกสองปีพี่จะรับสมัครเลขาใหม่ไหม’ 

อาจจะบ้าที่นึกอยากให้เด็กดุริยางค์มาทำงานเป็นเลขา แต่ที่บ้ายิ่งกว่าคือการที่เขาคิดถึงมันไม่หยุดไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม

ไม่อยากเป็นอากาศที่ไร้ตัวตน...แต่อยากเป็นอากาศที่รู้ว่ามี

ดูเหมือนมันจะทำได้โดยไม่ต้องพยายามเลยสักนิด เพราะขนาดไม่ได้วนเวียนอยู่รอบกาย เขายังรู้สึกว่ามี มาเข้าใจว่าใครคนหนึ่งทำให้เป็นได้ขนาดไหนก็วันนี้เอง

“คุณเดรคคะ!”

ภูหลุดออกจากภวังค์เมื่อป้าเจนซึ่งเป็นแม่บ้านให้ครอบครัวของเขามานานวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา คิ้วเข้มขมวดมุ่นเพราะรู้ดีว่าเจนไม่ใช่คนที่แตกตื่นได้ง่ายๆ

“คุณหนูเธอไม่ยอมทานข้าวอีกแล้วค่ะ ป้าขอร้องยังไงก็ไม่ฟัง นี่ก็ไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้า แล้วก็ไม่ยอมออกจากห้องเลยด้วย ป้าเป็นห่วงจังเลยค่ะ”

ว่าแล้วว่าต้องเป็นเรื่องนี้…

 “เดี๋ยวผมจัดการเอง ขอกับข้าวง่ายๆ สักอย่างแล้วกัน” เขาสั่งก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านใน มุ่งตรงไปยังห้องนอนของน้องชายที่อยู่บนชั้นสองอย่างรวดเร็ว

ก๊อก ก๊อก

ความเงียบคือสิ่งที่ภูได้รับเมื่อลงมือเคาะประตู ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องปกติสำหรับคนอื่นแต่ไม่ใช่ภู เพราะภามไม่เคยพูดหรือยอมให้ใครเข้าไปด้านในอยู่แล้ว แต่เมื่อไหร่ที่พี่ชายตัวเองมาเคาะ เจ้าตัวมักจะเปิดประตูให้เหมือนรู้ว่าใครมาเสมอ

“ภาม เปิดประตู” เสียงทุ้มเยือกเย็นเอ่ยด้วยความไม่พอใจ ทั้งโกรธที่น้องไม่ยอมทานข้าวจนใครๆ เป็นห่วง และโกรธตัวเองที่มาช้าจนอีกฝ่ายไม่พอใจ

ไม่กี่วินาทีต่อมาประตูก็เปิดออกโดยฝีมือของคนที่กลัวพี่ชายโกรธมากที่สุด ภามเปิดประตูรับเขาด้วยใบหน้าซีดเซียวไร้เรี่ยวแรง ภูมองภาพนั้นด้วยความกังวลใจ ถึงจะรู้ว่าน้องชายป่วยและมีปัญหา แต่ภามก็พูดคุยรู้เรื่อง ไม่ใช่คนคิดอะไรไม่ได้ เขาเคยคิดว่าการคุยกับหมอจะทำให้เจ้าตัวดีขึ้นเรื่อยๆ แต่แทนที่จะดีกลับกลายเป็นน้องแย่ลงทุกวัน

‘พี่มาช้า’ เจ้าตัวใช้มือในการสื่อสาร ใบหน้าซูบทอแววไม่พอใจชัดเจนเหมือนจะตำหนิที่เขาไม่มาตามนัด

“ติดงาน”

‘ผมไม่ชอบ’

“อย่าเอาแต่ใจ” ภูดึงแขนน้องชายเบาๆ ให้เดินตามไปนั่งที่เตียง

‘ทำไมต้องทำงานด้วย พ่อก็อยู่’

“พ่อสมควรพักแล้ว” เขาอธิบายอย่างมีเหตุผล ถ้าเป็นคนอื่นภามคงแสดงอาการไม่พอใจ แต่เพราะเป็นภูเจ้าตัวเลยทำเพียงแค่สะบัดหน้าหนี “เดี๋ยวป้าเจนทำข้าวมาให้ กินข้าวแล้วกินยาซะ”

ภามหันหน้ากลับมามองแล้วส่ายหัว

“อย่าดื้อภาม” คนเป็นพี่จำต้องทำเสียงดุเมื่อน้องไม่ยอมฟัง แม้จะปวดใจเมื่อเห็นน้องชายทำหน้าเศร้าเพราะโดนดุ แต่ถ้าไม่ดุภามคงไม่ยอมง่ายๆ เขาจำเป็นต้องใช้จุดอ่อนเรื่องกลัวโดนโกรธของอีกฝ่ายมาจัดการ ทั้งหมดก็เพื่อตัวภามเอง

‘แต่ผมไม่หิว’

“ไม่หิวก็ต้องกิน ผอมจนเห็นกระดูกหมดแล้ว” ภูพูดเสียงอ่อนลง มือยกลูบหัวอีกคนอย่างอดไม่ได้ สุดท้ายเขาก็ใจอ่อนทุกที

ภามมีปัญหาเกี่ยวกับจิตใจตั้งแต่ที่แม่แท้ๆ ของพวกเขาตายไป เขาเคยคิดว่าครอบครัวใหม่ที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาจะช่วยน้องได้ แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามแผนเมื่อภามไม่เปิดรับใครเลย อีกทั้งยังเคยคิดฆ่าตัวตายมาแล้วถึงสองรอบ แพทย์ลงความเห็นว่าภามป่วย และน้องของเขาไม่ได้ป่วยที่กาย...แต่ป่วยที่ใจ

ถึงจะดูเหมือนภามยอมแค่พี่ชาย แต่ภูรู้ตัวดีว่าไม่ใช่แบบนั้น ถ้าเขาคือคนที่ภามต้องการจริงๆ น้องคงดีขึ้นนานแล้ว แต่เพราะไม่ใช่เลยทำได้เพียงยื้ออยู่อย่างนี้ เขาได้แต่หวัง...ว่าสักวันภามจะเจอใครสักคนที่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นโดยไม่ต้องพยายาม คนที่น้องจะเปิดรับให้เข้าหาเหมือนที่เขาเปิดรับใครบางคนเข้ามาในชีวิต

‘แค่ห้าคำ’ ภามชูนิ้วค้างไว้ เหมือนจะบอกว่าถ้ามากกว่านี้เขาจะไม่ยอมกิน แต่เมื่อพี่ชายชูนิ้วกลับมาสิบนิ้วก็ทำได้เพียงก้มหน้ารับทั้งที่ไม่พอใจ เพราะรู้ดีว่าถ้าเถียงเรื่องกินข้าวจะโดนพี่ชายโกรธ

“น่าจะเสร็จแล้ว เดี๋ยวไปยกมาให้’ ภูรอจนน้องชายตอบรับแล้วเขาก็ลุกขึ้น เดินออกจากห้องไปยกข้าวต้มที่เจนทำขึ้นมาให้น้องกิน

หลังจากจัดการให้น้องกินข้าวกินยาแล้วภูก็ไล่ภามไปอาบน้ำ เขานั่งรออยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียง รอจนน้องหลับสนิทเหมือนทุกวันที่ผ่านมาแล้วถึงได้ลุกขึ้นเดินออกจากห้องอย่างเงียบงัน

เหนื่อย...จะว่าแบบนั้นก็คงได้ การที่ต้องทำงานทุกวันทำให้เขาไม่มีเวลาพัก หลังจากกลับมาบ้านแล้วก็ต้องมาดูแลภามทุกคืน คุยเป็นเพื่อน รอจนน้องหลับแล้วถึงจะกลับห้องไปอาบน้ำนอนได้ ไม่ใช่ว่าภามงอแงว่าเขาต้องทำ แต่ภูรู้สึกเหมือนมันเป็นสิ่งที่เขาควรทำ และเขาก็เต็มใจทำ อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าน้องจะกินข้าว ไม่แอบเททิ้งบ่อยๆ เหมือนที่เจนฟ้อง

ครืด

อา...ดูเหมือนนอกจากการนอนแล้วจะมีอีกสิ่งที่ช่วยทำให้เขาผ่อนคลายได้

KAO: ฝันดีครับ

KAO: *สติกเกอร์กระต่ายหลับ*

รอยยิ้มบางปรากฎขึ้นที่มุมปากโดยไม่รู้ตัว รู้สึกราวกับความหนักหน่วงตลอดทั้งวันได้รับการบรรเทาลงไปหลายส่วน ภูเอนกายนอนลงบนเตียง ก่อนจะกดโทรศัพท์คุยกับกระต่ายดื้อที่ควรจะหลับไปนานแล้ว

PHU: ทำไมทักมาได้ ถึงเวลาตื่นแล้วเหรอ

KAO: ผมตื่นมาเข้าห้องน้ำ มองนาฬิกาแล้วน่าจะถึงเวลาพี่เข้านอนพอดีเลยทักมา

PHU: อืม ไปนอนต่อไป

KAO: ครับผม

เขาเองก็อยากคุยกับมันมากกว่านี้ ถ้าออกปากนิดเดียวกระต่ายบ้าคงยอมคุยต่อด้วยยันเช้า แต่ความเห็นแก่ตัวนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด เก้ายังต้องเรียน และเขาจะไม่มีทางเอาความเห็นแก่ตัวไปลงที่มันแน่ๆ

ภูหลับตาลงเพื่อเตรียมตัวนอน ถึงแม้ความเหนื่อยที่สะสมจะไม่ได้ทำให้รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย ใบหน้าราบเรียบเย็นชาเผยความอ่อนล้าออกมาเมื่อได้อยู่ตัวคนเดียว เขายกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาเพื่อตั้งสติให้พร้อมกับการรับความเหน็ดเหนื่อยในวันถัดๆ ไป เพียงแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกวันตรงที่…

ครืด

KAO: พี่ภูนอนยัง

KAO: ผมนอนไม่หลับเฉยเลย *สติกเกอร์กระต่ายร้องไห้*

KAO: *แนบรูปเซลฟี่ตัวเองกับลูกอมชาเขียว*

เป็นอีกครั้งที่คนๆ เดิมทำให้เขาสบายใจขึ้นโดยไร้เหตุผล ภูเลิกล้มความตั้งใจที่จะนอน เขาหยิบโทรศัพท์มาถือไว้เพื่อตอบกลับ มือกดเซฟรูปที่อีกฝ่ายส่งมาเหมือนทุกครั้งที่มันส่งหน้าตัวเองมาให้

PHU: ระวังฟันผุ

KAO: ระดับนี้แล้ว ไม่มีผุ *แนบรูปเซลฟี่ตัวเองยิงฟัน*

ใบหน้าราบเรียบยามไม่มีใครเห็นเผยรอยยิ้มอ่อนใจโดยไม่ต้องปิดบัง เขาขยับตัวนั่งพิงหัวเตียงแล้วมองภาพถ่ายกระต่ายบ้ายิงฟันนิ่งงัน ใจนึกสงสัยว่ามันมีเรดาห์รับความรู้สึกของเขาหรือเปล่า ทุกครั้งที่เขารู้สึกแย่มันถึงได้เข้ามาถูกเวลาตลอด ขนาดอยู่ไกลกันมากเท่านี้มันยังรับรู้ได้ ครั้งหน้าที่ได้เจอกันเขาคงปิดบังอะไรมันไม่ได้อีกแน่

KAO: พี่นอนไม่หลับเหมือนกันใช่ไหม

PHU: รู้ได้ไง

KAO: ก็ถ้าหลับไปแล้วพี่คงไม่ตอบผมหรอก

ภูนึกขันในใจกับความฉลาดปนกวนตีนของกระต่ายก้อน เขานึกอยากจับมันมาบีบให้หายบ้าอยู่หลายครั้ง แต่พอเห็นหน้าอ้อนๆ ก็ทำไม่ลง ต้องยอมมันทุกที

KAO: แต่พี่ต้องนอนได้แล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงไปทำงาน

ถึงจะพูดยังไง สุดท้ายมันก็ยังเป็นห่วงเขาอยู่ดี

PHU: อืม

KAO: เดี๋ยวอีกชั่วโมงผมก็ต้องตื่นไปเรียนแล้ว ที่นั่นขึ้นวันใหม่แล้วใช่ไหม

สายตาคมมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ตามคำพูดของอีกคน แต่ก่อนจะได้ตอบรับว่าใช่เขาก็ต้องเงียบไปเมื่อเห็นสิ่งที่มันพิมพ์มา

KAO: ขึ้นวันใหม่แล้ว...

KAO: เหลืออีกสามร้อยยี่สิบวันก็จะได้เจอกันแล้วนะ

KAO: ถ้าหมดแรง นึกถึงหน้าผมเหมือนที่ผมนึกถึงพี่นะครับ

KAO: *สติกเกอร์กระต่ายถือหัวใจ*

เก้ามันเก่ง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้...ทั้งมันหรือเพื่อนมันต่างก็บอกเขาแบบนั้น ภูไม่เคยนึกเชื่อเพราะในโลกนี้คงไม่มีใครทำได้ทุกอย่าง แต่มาตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าถ้าเป็นเรื่องที่อยากหรือตั้งใจทำ กระต่ายก้อนของเขาสามารถทำได้ทั้งหมดจริงๆ

การทำให้เขายิ้ม หายเหนื่อย และคิดถึงได้ไปพร้อมๆ กันในวันเดียวน่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด


-----------------------


ออฟไลน์ sahatsawat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #395 เมื่อ11-08-2017 21:01:55 »

 :-[ :-[ :-[  พี่ภูน่ารักกก ก้อนน่ารักกก  คนเขียนก้อน่ารักก  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #396 เมื่อ11-08-2017 21:29:26 »

อีกแค่สามร้อยกว่าวัน สู้ๆ :z3: :z3:

ออฟไลน์ missm2c

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #397 เมื่อ11-08-2017 21:40:06 »

อยากให้เก้ามาเจอกับพี่ภูเร็วๆจังเลยยยย ใจคนรอมันคิดถึงงง #พี่ภูของบ่าว

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #398 เมื่อ11-08-2017 21:42:51 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #399 เมื่อ11-08-2017 22:10:45 »

น้องก้อน~~~~~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
« ตอบ #399 เมื่อ: 11-08-2017 22:10:45 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #400 เมื่อ11-08-2017 22:36:32 »

โอย ดีใจ ได้รู้ความรู้สึกฝั่งพี่ภูบ้าง น้องเก้าของเรา มีความสำคัญต่อพี่ภูเหลือเกิน  :m3:
ภาระหน้าที่ของพี่ภู อ่านแล้วรู้สึกเหนื่อยแทน ทั้งงาน ทั้งภาม
ยังดีที่มีน้องเก้าเป็นที่พักพิงหัวใจ นี่ขนาดอยู่ห่างกัน น้องเก้ายังช่วยเยียวยาหัวใจพี่ภูได้ขนาดนี้
อยากให้ถึงวันที่น้องเก้ามาหาพี่ภูเร็ว ๆ จัง อยากให้เจอน้องภามเร็ว ๆ ด้วย
อ่านแล้วก็สงสารทั้งน้องภาม ทั้งพี่ภู ยังไงน้องเก้า สามารถเปิดใจภามได้แน่
แต่แอบกังวล ว่าถ้าอนาคต คนที่ภามเปิดรับและต้องการคือน้องเก้า แล้วพี่ภูจะทำยังไง
ชอบเรื่องนี้มาก ๆ รอตอนต่อไปน้า ขอบคุณคนเขียนค่ะ  :กอด1:


ออฟไลน์ PingPong_Hunlay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #401 เมื่อ11-08-2017 22:59:09 »

 :3123: :3123:

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #402 เมื่อ11-08-2017 23:14:04 »

ก้อนนนนนนน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #403 เมื่อ12-08-2017 03:54:32 »

 :pig4:

ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #404 เมื่อ12-08-2017 07:00:42 »

 :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ CLShunny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #405 เมื่อ12-08-2017 15:13:31 »

เพิ่งมาตามค่ะ รวดเดียวเลยยย แบบวางไม่ลงเลย เราเข้าใจเก้านะเวลาิยู่กับคนที่รักทุกอย่างที่ฉลาดดูโง่เลย และเก้าเก่งมากที่วางตัวเหมาะอ่ะ เหมือนเค้าคือคนที่ใช่คือคนที่ภูขาดไปสิ่งที่ภูไม่มีคือสิ่งที่เก้ามาเติมเต็ม อบอุ่นและขำมาก ชอบ55555

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #406 เมื่อ12-08-2017 15:58:34 »

ชอบเก้าอ่ะ อยู่ด้วยคงมีความสุขมากๆอ่ะ
พี่ภูรีบกลับมานะ

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #407 เมื่อ12-08-2017 16:06:26 »

ดีต่อใจมาก อ่านแล้วมีความสุข
เก้าเก่งมาก น่ารักมากด้วย
ชอบโมเม้นก้อนของพี่ภู
สงสารพี่ภูมากเลย สู้ๆนะพี่ภู

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #408 เมื่อ12-08-2017 20:39:07 »

พี่ภูสู้ๆนะ

ออฟไลน์ sangzaja122

  • บึนปากให้ทุกๆอย่าง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #409 เมื่อ12-08-2017 21:31:11 »

ฮือออวว น่ารักมากค่ะ อบอุ่น และให้ข้อคิดดีๆในการใช้ชีวิต ให้กำลังใจคุณCHEES รัวๆค่ะ  o14 o14

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
« ตอบ #409 เมื่อ: 12-08-2017 21:31:11 »





ออฟไลน์ Evergreen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #410 เมื่อ13-08-2017 01:00:50 »

ชอบบบบบบบบบ
อยากให้มาเจอกันเร็วววๆ
น้องภาม เจอก้อนแล้วห้ามแย่งไปจากพี่ภูนะ
ก้อนของพี่ภูคนเดียวววว

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #411 เมื่อ13-08-2017 10:15:16 »

เจอกันเร็วๆนะ  :กอด1:

ออฟไลน์ kiszy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 166
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #412 เมื่อ13-08-2017 12:04:39 »

งื่ออออ พี่ภูสู้ๆ  ไม่นึกว่าเปิดตอนมาจะได้อ่านพาร์ทพี่ภูเลยนะเนี่ยะะ อิอิ

เก้ามาช่วยภามได้แน่ๆ พี่ภูไม่ต้องห่วงงงงง(เนอะะะะ)

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #413 เมื่อ15-08-2017 01:15:36 »

สู้ไปด้วยกัน :กอด1:

เก้าสู้ พี่ภูสู้ คนอ่านก็จะสู้

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #414 เมื่อ15-08-2017 01:16:15 »

น้ำตาซึมตอนเขาต้องมาห่างกันนี่แหละ ก้อนเข้มแข็งและพยายามมาก มาเป็นผู้ช่วยพี่ภูมา
ห่างกันเป็นปีแล้วยังเหนียวแน่น น่ารักเนอะ แต่ถ้าต้องมาอยู่กับผู้ที่ ตปท. จ๋ากับป๋าจะยอมไหมนะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #415 เมื่อ15-08-2017 01:40:37 »

แม้ตัวห่างไกล แต่หัวจยังคงใกล้กันเสมอ  พี่ภูกับน้องเก้าน่าจะใช้นิยามนี้ได้ :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #416 เมื่อ15-08-2017 09:29:46 »

กระต่าย สู้ ๆน้าาา

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[23]==[P.14]== [11/08/60]
«ตอบ #417 เมื่อ19-08-2017 16:16:19 »



-24-



ผมไม่เชื่อว่าการรอคอยสามารถทำให้คนตายได้ ใครหลายๆ คนบอกว่ามันเจ็บและทรมาณแทบตาย ยิ่งกับการรอคอยที่ไร้จุดหมายยิ่งแล้วใหญ่ แต่เมื่อได้พบเจอกับเหตุการณ์ที่ต้องรอคอยเป็นครั้งแรกในชีวิต ผมเลยเริ่มเข้าใจสิ่งที่คนพวกนั้นพูดกันขึ้นมานิดหน่อย การรอคอยสำหรับผมคือการรอคอยที่มีจุดหมาย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกทรมาณที่ต้องคอยนับวันเวลา

การนับถอยหลังเจ็ดร้อยสามสิบวันเริ่มขึ้นตอนวันขึ้นปีใหม่เมื่อสองปีที่แล้ว ทุกๆ ครั้งที่ขีดปฏิทินมันคือระยะเวลาที่ผมได้เข้าใกล้จุดหมายมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะรู้สึกเหนื่อยเป็นสองเท่าเมื่อต้องเร่งเวลาในการเรียนหรือการทำทุกอย่าง แต่เมื่อได้เห็นเป้าหมายก็มีกำลังใจขึ้นมาทุกที

ตั้งแต่ขึ้นปีสี่ผมมีเวลาน้อยลงเพราะต้องเก็บรายละเอียดของงานทุกอย่างให้เสร็จภายในครึ่งปีแรก จะได้จบแบบไร้พันธะใดๆ แต่นั่นก็ทำให้เวลาที่มีน้อยอยู่แล้วระหว่างผมกับพี่ภูน้อยลงกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว เขาต้องทำงานหนัก ในขณะที่ผมต้องตั้งใจทำให้คะแนนออกมาเพอร์เฟคแบบที่ต้องการ หนึ่งอาทิตย์ผมมีโอกาสได้คุยกับพี่ภูแค่ครั้งเดียว หรือบางทีก็สองอาทิตย์ครั้ง แล้วแต่เวลาที่เราว่างตรงกัน การที่ช่วงเวลาแตกต่างกันมากทำให้ลำบากพอสมควร ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังหาเวลามาให้ผมได้สม่ำเสมอ

สองปี...จะว่าไวก็ไว แต่สำหรับคนรอแม่งช้าเหมือนเต่าคลาน ผมอยากเจอพี่ภูไวๆ อยากให้เขารู้ว่าผมเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากขนาด...

“เหม่อเป็นพระเอกเอ็มวี”

“เมื่อไหร่จะเลิกไอ้นิสัยชอบขัดความคิดคนอื่นวะไอ้หมากาก”

สองปีกับการเป็นเพื่อนมันยังคงเหนื่อยเหมือนเดิม ผมเอาเท้าเขี่ยไอ้หมาหน้าโง่ที่กำลังจัดกระเป๋าก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟา ข้างๆ กันคือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตัวเองที่จัดเรียบร้อยแล้ว

ผมกับไอ้โซเรียนจบพร้อมกันในเวลาสามปีครึ่ง แต่จุดหมายปลายทางของเราไม่เหมือนกัน ผมมาหามันก่อนจะเดินทางไปอังกฤษตามที่สัญญากับใครบางคนไว้ ส่วนมันจะบินตามแฟนไปที่ภูเก็ตเพื่อเจอกับพ่อตัวเอง ถึงจะใจหายอยู่หน่อยๆ ที่ต้องห่างกันหลังจากตัวติดกันมาเกือบสี่ปี แต่ใช่ว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก อย่างน้อยไอ้โซมันก็ต้องบินไปอังกฤษบ่อยๆ ถึงเวลานั้นค่อยเจอกันก็ยังไม่สาย คิดได้แบบนั้นแล้วเราเลยไม่มีอะไรต้องคุยกันมาก ผมแค่มานั่งรอมันเพราะจะไปสนามบินพร้อมกันเฉยๆ และอีกอย่าง…

ก๊อก ก๊อก

ไอ้โซเดินไปเปิดประตูต้อนรับคนที่ผมนัดไว้ วินาทีแรกที่ไอ้เจไดปรากฎตัวในห้อง หน้าตาของมันบูดบึ้งเหมือนโกรธใครมาสิบชาติ แต่พอเดินมาถึงโซฟาไอ้หมอปัญญาอ่อนก็ยกมือขยี้ตาแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“หนึ่งปีได้เจอกันแค่ครั้งสองครั้ง มานัดกูอีกทีตอนเรียนจบก่อนแล้วจะแยกย้ายเนี่ยนะ”

“ต่อให้พวกกูจบสี่ปีเต็มก็ยังจบก่อนมึงอยู่ดี” ผมบอกมัน แล้วก็ได้รับสายตามองแรงกลับมาจากว่าที่คุณหมอ จะโทษใครได้ ก็มันเสือกเรียนยากเอง กว่าจะจบก็อีกตั้งสองสามปี

“ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้เจอก่อนไปด้วยซ้ำ” ไอ้โซว่าแล้วเดินไปตบไหล่เจไดเบาๆ ให้มันนั่งลง ซึ่งผมก็รู้ดีว่ามันไม่ได้โกรธอะไรจริงจังหรอก แค่งอแงที่พวกผมจบก่อนก็เท่านั้น

“กูก็คิดว่าจะไม่ได้เจอพวกมึงเหมือนกัน ดีที่เร่งอ่านจบไปตั้งแต่เมื่อคืน วันนี้เลยมาหาได้”

ผมมองสภาพโทรมๆ ของเพื่อนแล้วก็ได้แต่สงสารมันในใจ เจอกันนานๆ ครั้งไอ้เจไดมันโทรมทุกครั้ง เกือบหมดมาดรองเดือนมหา’ลัย ดีที่มันดูแลตัวเองเลยไม่ได้ดูน่าอนาถนัก

“ไอ้เก้า”

“หือ”

“ไอ้โซมันบอกว่ามึงจะบินไปหาผัวถึงอังกฤษ เรื่องจริงเหรอวะ”

“ไอ้เหี้ยโซ” ผมหันไปด่าไอ้หมาทันทีที่ได้ยินคำพูดเจได ถึงจะเป็นเรื่องจริงแต่คำพูดแม่งโคตรน่าเหยียบ “เขายังไม่ใช่ผัวกู”

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง” มันตอบกลับหน้าตายก่อนจะหันหน้าหนีผม

“ยังกัดกันเหมือนเดิม” ไอ้เจไดบ่นเบาๆ มันส่ายหน้าหน่ายแล้วเลิกสนใจไอ้โซที่ทำท่าจะนอน แต่หันมาหาผมที่นั่งอยู่อีกฝั่งของมันแทน “ใช่คนเดิมที่มึงเคยบอกกูไหม”

“ใช่” ก็มีอยู่คนเดียวมาตลอด

“จะได้เจอแล้วดิ...ปีใหม่พอดีเลยนะมึง”

“เออ” ผมตอบมันแล้วนั่งยิ้มอยู่คนเดียวเมื่อหันไปเห็นกล่องของขวัญที่วางอยู่ข้างกระเป๋าเดินทาง กว่าจะทำใจซื้อของขวัญชิ้นนั้นได้ก็เล่นเอาเหนื่อย ยิ่งคิดภาพตอนบากหน้าไปซื้อเมื่อวานยิ่งอยากจะร้องยี๋ดังๆ แต่พอนึกถึงหน้าคนรับว่าจะดีใจขนาดไหนตอนได้เห็นก็ลืมเลือนทุกอารมณ์หงุดหงิดไปจนหมด

“แล้วนี่จะไปกันกี่โมง”

“เครื่องออกสิบเอ็ด...อีกครึ่งชั่วโมงก็ต้องออกจากที่นี่แล้ว” พอไอ้เจไดได้ยินคำตอบผมมันก็ทำหน้าเศร้า เหมือนจะซึมๆ ที่จะห่างกันไกลและแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง ผมเลยยื่นมือไปตบขามันเบาๆ แล้วยิ้มให้ “เดี๋ยวก็ได้เจอกัน รอมึงจบก็น่าจะมีเวลาเจอกันมากกว่านี้ละมั้ง”

“เออ” มันยิ้มออก “มึงไปนั่นก็อย่าไปทะเลาะกับชาวบ้านชาวช่องเขาล่ะ”

“จะพยายาม” จนตอนนี้ก็ยังนึกสภาพตอนญาติดีกับภามไม่ออกเลยกู ถึงจะคิดวางแผนอะไรไว้หลายๆ อย่าง แต่ถ้าได้เจอตัวจริงอาจจะเกินคาดก็ได้ แถมผมยังไม่เคยวางแผนไว้ใช้กับคนที่ไม่รู้นิสัยด้วยดิ แต่ก็ช่างมันเถอะ...ไปเจอแล้วเดี๋ยวก็รู้เอง วินาทีนี้ผมสนใจแค่การจะได้เจอหน้าคนที่คิดถึงมาตลอดเท่านั้นล่ะ

“จะว่าไป...เหมือนมึงจะดูสงบเสงี่ยมเรียบร้อยผิดปกตินะ” ไอ้เจไดหรี่ตามองผมขึ้นๆ ลงๆ เหมือนจะสำรวจ ก่อนมันจะหันไปสะกิดไอ้หมาที่นอนหันหลังให้อยู่ยิกๆ ส่วนไอ้โซ...พอมันขยับตัวนั่งได้ที่แล้วก็เริ่มปากหมาต่อทันที

“มันเก็บอาการอยู่ กลัวไปเจอเขาแล้วจะเผลอทำตัวน่าอาย”

“มึงจะรีบเก็บอาการอะไรนักวะ ได้ข่าวว่าต้องนั่งเครื่องเป็นสิบชั่วโมง” ไอ้เจไดยิ้มขำ ท่าทางมันดูดีใจที่ผมมีเรื่องให้แซว “ตอนจะลงจากเครื่องมึงค่อยเก็บก็ทันมั้ง”

ผมนั่งนิ่งเป็นรูปปั้นไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงคงเถียงไปนานแล้ว แต่เพราะเป็นเรื่องจริงเลยทำได้เพียงเงียบแล้วปล่อยให้มันเปลี่ยนเรื่องไปเอง ผมไม่มีทางบอกเด็ดขาดว่าจริงๆ เริ่มเก็บอาการมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ทำอย่างกับไม่เคยตื่นเต้นกับอะไรมากๆ ไปได้ ไม่เข้าใจหรือไงว่าการรักษาหน้ามันสำคัญ จะให้เจอแล้วดีใจออกนอกหน้ามันก็ดูไม่ดีใช่ไหมล่ะ

“กูอยากตามไปถ่ายคลิปแม่งจริงๆ อยากรู้ว่าจะเก็บอาการได้อย่างที่พยายามไหม” ไอ้หมาโซยังคงไม่เลิกปากมอมใส่ผม มันทำเหมือนถ้าไม่ได้ด่าเผื่อเวลาที่ไม่เจอหน้ากันแล้วมันจะนอนไม่หลับ

เอาเลย...เอาที่เพื่อนสบายใจ วันนี้กูต้องสะสมแต้มบุญ งดด่าหมาชั่วคราว

“แม่งไม่เถียงด้วยว่ะ” ไอ้เจไดหัวเราะเสียงดังแล้วหันไปตีมือกับไอ้โซเหมือนจะดีใจที่เล่นงานผมได้ ถามว่าผมทำอะไรไหม...นอกจากชูนิ้วกลางให้ก็ยังนิ่งเหมือนเดิม อย่างที่บอก ตอนนี้ต้องสะสมแต้มบุญเยอะๆ ก่อน เดี๋ยวค่อยเอาคืนแบบทบต้นทบดอกทีเดียว

“มึงจริงจังขนาดนั้นเลยเหรอวะไอ้เก้า” เจไดมันยังถามต่อไม่หยุด แต่คราวนี้มันเปลี่ยนท่าทีให้ดูจริงจังมากกว่าเดิม ผมเลยยอมตอบมันแบบดีๆ

“จริงจังไม่จริงจังกูก็รอมาสองปีแล้ว”

ขนาดตัวเองยังงงว่าผ่านมาถึงวันนี้ได้ยังไง บางทีอาจเป็นเพราะเราไม่ได้ขาดการติดต่อกันไปเลยผมถึงได้ไม่เหงานัก หรืออาจเป็นเพราะผมทุ่มเวลาให้กับการเรียนและกิจกรรมเต็มที่จนแทบไม่มีเวลาว่างคิดถึงเรื่องแย่ๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลไหนสุดท้ายผมก็ยังผ่านมาถึงวันนี้จนได้

“เออ งั้นก็พยายามเข้าแล้วกัน” มันตบไหล่ผมเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืนตามไอ้โซ ไม่ต้องพูดอะไรก็คงเข้าใจว่าถึงเวลาต้องแยกกันแล้ว “โชคดีนะมึง”

ไม่รู้ว่าแยกกันครั้งนี้อีกนานแค่ไหนจะได้กลับมาเจอกันอีก ถึงปกติจะไม่ได้เจอไอ้เจไดบ่อยนัก บางทีทั้งปีได้เจอกันหนเดียว แต่มันก็ยังเป็นเพื่อนสนิทของพวกผมเหมือนเดิม เพราะงั้นต่อให้ผ่านไปนานแค่ไหนความเป็นเพื่อนก็คงไม่หายไป

“มึงก็รีบจบล่ะ” ผมบอกมันแล้วเป็นฝ่ายเข้าไปกอดก่อน แต่ยังไม่ทันได้ผละออกไอ้บ้าอีกคนก็ขยับมากอดซ้ำ ถึงไอ้เจไดมันจะไม่ได้สูงเท่าไอ้โซแต่ก็ยังตัวแน่นกว่าผมอยู่ดี กลายเป็นล็อคกูไว้ตรงกลางระหว่างควายตัวโตสองตัว

“กระต่ายแบน” คือมึงก็รู้นะว่ากูจะแบนไอ้หมาโซ แล้วยังมีหน้ามาออกแรงดันพุงใส่กูอีก

“ถอยๆ ใกล้พวกมึงมากเดี๋ยวขี้กากขึ้น” ผมดันพวกมันออกแล้วยืนนวดตัวที่โดนรัดเบาๆ แม่งกะให้กระดูกหักเลยหรือไงก็ไม่รู้ คือมันกอดแบบไม่ได้มีความรักอะไรเลย ที่รัดมาเต็มแรงนั่นคือแกล้งผมอย่างเดียว...พวกเลว

ไอ้เจไดเดินไปส่งผมกับไอ้โซที่รถก่อนมันจะแยกกลับไปที่รถของตัวเอง พอเห็นหลังเหงาๆ ของเพื่อนแล้วผมก็อดรู้สึกสงสารมันไม่ได้ ถึงจะดูเฮฮาแต่ไอ้เจไดมันไม่ใช่คนที่มีเพื่อนเยอะนัก อย่างพวกที่เรียนด้วยกันส่วนใหญ่ทุกคนก็ตั้งใจเรียนกันหมด สังคมของมันเหมือนสังคมการแข่งขันและเอาตัวรอด ผมก็ได้แต่หวังให้มันมีใครสักคนมาอยู่เคียงข้างในสักวัน ถึงตอนนั้นผมกับไอ้โซคงดีใจกับมันมากกว่าใคร...แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่คิดในใจ ผมไม่มีทางยอมเสียมาดพูดออกไปเด็ดขาด

ครั้งนี้ไอ้โซไม่ได้ขับรถไปเองเพราะมันก็จะบินเหมือนกัน แต่ได้พนักงานคอนโดคนหนึ่งขับไปส่งแทน หลังจากถึงสนามบินเรียบร้อยแล้วผมก็แยกกับมันไปคนละทางโดยไม่ต้องลาอะไรกันอีก เพราะรู้ดีว่ายังไงไม่ช้าก็เร็วต้องกลับมาเจอกันอีกครั้งแน่นอน ที่สำคัญคือเครื่องมันออกไวกว่าผม แต่เพราะบินในประเทศเลยไม่ต้องเผื่อเวลาเยอะเท่า

ผมได้ขึ้นเครื่องในอีกประมาณสามชั่วโมงต่อจากนั้น ตลอดระยะเวลาที่อยู่บนเครื่องสิ่งที่ผมทำนอกจากการนอนคือการนั่งนิ่งๆ ทำสมาธิ เข้าใจนะว่าตัวเองโตขึ้นแล้วต้องควบคุมอารมณ์เก่งกว่าเดิม แต่ใครมันก็ต้องตื่นเต้นทั้งนั้นล่ะ…

สองปี...สองปีเลยนะ สองปีที่ไม่ได้เห็นหน้ากัน ยิ่งระยะทางลดลงเท่าไหร่ใจผมก็เริ่มสงบไม่ไหว ไม่รู้ว่าเพราะได้อยู่กับเพื่อนหรือเปล่าก่อนหน้านี้ถึงยังโอเคอยู่ แต่ตอนนี้พอได้อยู่คนเดียวความคิดมากมายกลับวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด

ลืมบอกพี่ภูหรือเปล่าวะว่าจะไปหาวันนี้...ไม่ได้บอกนี่หว่า แต่ก็นั่งไล่ปฏิทินให้เขาฟังอยู่ทุกครั้งที่คุยกันนะ

แล้วถ้าเขาไม่มารับผมจะไปหายังไง...ถึงที่นั่นค่อยติดต่อไปก็ได้มั้ง

เจอภามครั้งแรกจะทำยังไงดี...กำลังตัดสินใจอยู่ระหว่างมองเมินๆ กันไปหรือฉีกยิ้มทักทายเพื่อทดสอบความเป็นมิตร

ก่อนจะเจอภาม คิดก่อนไหมว่าเจอพี่ภูจะทำยังไง...เออ อันนี้ปัญหาโลกแตกของจริง

ลองจินตนาการดู กรณีที่ผมเลือกกระโดดกอด มีสองอย่างที่อาจเกิดขึ้น หนึ่งคือพี่ภูถีบกระเด็นกลับมาหน้าหงายเงิบ สองคือเขาขยับหลบจนผมหน้าจิ้มพื้น ไม่ว่าจะทางไหนก็เจ็บตัวทั้งนั้น ส่วนกรณีที่ผมเลือกยื่นของขวัญให้เป็นอันดับแรก รายนั้นคงมองนิ่งๆ แล้วถามว่าอะไรของมึงชัวร์ คือไม่ว่าจะเลือกกรณีไหนก็น่าจะเอ๋อพอๆ กัน เพราะงั้นเลิกคิดถึงประเด็นนี้แล้วเอาให้มันเป็นเรื่องของอนาคตจะดีกว่า

ส่วนตอนนี้จะทำอะไร...เหลือทางเดียวคือนอน นั่งเฟิร์สคลาสทั้งทีก็ต้องเอาให้คุ้มสิวะ




การเดินทางมาอังกฤษครั้งนี้ผมใช้เวลาทั้งหมดสิบเอ็ดชั่วโมงนิดๆ เวลาที่ว่าคือรวมเวลาทุกอย่างแล้ว เอาง่ายๆ คือพร้อมออกจากสนามบินตอนนี้เลย เพียงแต่ผมไม่รู้เส้นทางอะไรทั้งนั้น จะให้ไปเองก็ใช่เรื่อง ที่สำคัญคือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ภูอยู่ไหน ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ก็คือการติดต่อไปหาเขา แต่คิดไปคิดมา...อยากไปเซอร์ไพร์สเหมือนกันว่ะ

KAO: โซ

KAO: มึงรู้ที่อยู่พี่ภูเปล่าวะ

SOLO: เดี๋ยวให้คนไปส่ง

สายเยอะก็ดีแบบนี้แหละ หึ

ผมมองนาฬิกาที่ปรับเวลาเรียบร้อยแล้วอีกรอบ เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก็จะปีใหม่แล้ว ได้แต่หวังว่าคนที่ไอ้โซเรียกให้มารับจะพาไปถึงที่หมายทันเวลา

“คุณเก้า!”

“อ้าว พี่เองเหรอ” ผมจับมือทักทายพี่คนขับรถที่เดินเข้ามาหาหน้าตาตื่น ที่จำเขาได้เป็นเพราะเมื่อปีก่อนเขาเพิ่งบินไปไทยเพื่อคุยธุระกับไอ้โซ ทั้งยังอยู่ช่วยขับรถให้มันอีกเป็นเดือน ผมที่ติดสอยห้อยตามเลยมีโอกาสได้พูดคุยตามไปด้วย จนเขากลับอังกฤษไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนถึงไม่ได้ติดต่อกันอีก

“คุณชายบอกว่าคุณเก้ารีบ...เชิญทางนี้เลยครับ”

ผมพยักหน้าแล้วรีบเดินตามเขาไป และพอขึ้นรถเท่านั้นล่ะ...ผมก็ได้เข้าใจทันทีว่าคนขับรถของนักธุรกิจต้องเป็นแบบไหน เวลาไม่รีบก็สบายๆ ไป แต่ถ้ารีบขึ้นมาคือนรกแตก

บรรยากาศของถนนด้านนอกที่ไม่ได้เห็นมานานเรียกความสนใจจากผมได้มากพอควร ถ้านับจากที่ได้มาอังกฤษครั้งล่าสุดก็น่าจะเกือบสามปีแล้วที่ไม่ได้กลับมาเหยียบอีกเลย ผู้คนเต็มสองข้างทางที่รอเวลาฉลองวันขึ้นปีใหม่ทำให้ผมอดนึกถึงปีที่ผ่านๆ มาไม่ได้

จำได้ว่าปีก่อนก็กลับไปฉลองกับครอบครัวเหมือนกัน ตอนนั้นผมไม่ลืมทักไปหาคนอยู่ไกล แต่เขากลับบอกว่าตัวเองยังทำงานอยู่เลยคงไม่ได้ไปฉลองที่ไหน นับจากวันนั้นผมก็ปฏิญาณไว้กับตัวเองว่าจะต้องลากพี่ภูไปเที่ยวให้จงได้ ถ้าไม่ใช่ปีนี้...ก็ต้องเป็นปีถัดๆ ไป ต้องมีสักปีที่ผมพาเขาไปเที่ยวได้แน่นอน

“คุณเก้า ถึงแล้วครับ”

ผมรู้สึกตัวตอนที่พี่คนขับซึ่งไม่รู้ชื่อหันมาเรียก สายตาหันออกไปมองบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ตรงหน้าโดยอัตโนมัติ ผมบอกขอบคุณเขาก่อนจะลงมาจากรถ ไม่ขอรับความช่วยเหลือต่อเพราะคิดว่าเดี๋ยวก็ได้เจอพี่ภูแล้ว แต่เพราะมันมืดแล้วหรืออะไรก็ไม่รู้ถึงเริ่มกังวลขึ้นมา ไม่รู้พี่ภูคิดยังไงถึงมาอยู่ที่บ้านซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลจากผู้คนขนาดนี้ แถมต้นไม้ยังเยอะโคตรอีก

“คุณ...มาทำอะไรคะ” เสียงเรียกภาษาอังกฤษชัดเจนจากอีกด้านของรั้วทำให้ผมต้องละมือจากออดหน้าบ้านแล้วหันไปมอง ผู้หญิงวันกลางคนร่างท้วมยืนถือถุงขยะอยู่ตรงนั้น ท่าทางดูไม่ไว้ใจผมพอสมควร แต่เมื่อสบตากันท่าทางนั้นก็อ่อนลง

“ผมมาหาพี่ภูครับ” ผมรีบแสดงเจตนาที่จัดเจนของตัวเองออกไปก่อนจะโดนเข้าใจผิด ชั่วขณะหนึ่งเหมือนจะเห็นดวงตาอ่อนโยนของคุณป้าดูตกใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความยินดีอย่างรวดเร็ว

“คุณเก้าใช่ไหมคะ”

“ป้ารู้จักผมด้วยเหรอ” ผมทำตาโต ขาก้าวเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็วเมื่อป้าแกเดินมาเปิดประตูให้ เพราะเริ่มรู้สึกหนาวนิดๆ จนมือสั่นไปหมด โชคดีที่หิมะยังไม่ตก ไม่งั้นเสื้อผ้าที่ผมเตรียมมาคงไม่พอรองรับอากาศหนาวขนาดนั้นแน่

“เชิญทางนี้เลยค่ะ ตอนนี้มีแต่คุณผู้หญิงกับคุณหนูที่อยู่บ้าน คุณเดรคเธอยังไม่กลับเลย ยังไงเข้าไปทักทายคุณผู้หญิงก่อนเถอะนะคะ”

“ครับ” ผมพยักหน้าตกลงก่อนจะเดินตามเข้าไป สายตาสอดส่องมองไปรอบๆ เพื่อเก็บรายละเอียดบ้านขนาดใหญ่ของพี่ภู ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากนัก แค่ตกแต่งแบบดูดีมีสไตล์ตามแบบฉบับคนรวยเท่านั้นเอง

“คุณผู้หญิงคะ มีคนสำคัญมาหาค่ะ” คุณป้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูมีความสุขเมื่อเราเดินเข้ามาถึงห้องนั่งเล่น ก่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงโซฟาจะหันมาหาด้วยใบหน้าแปลกใจ แต่เมื่อมองเห็นผมท่านก็เบิกตากว้างก่อนจะรีบลุกขึ้นมาหา

“หนูเก้า”

“คุณแม่ สวัสดีครับ” โมเมไว้ก่อน แม่พี่ภูก็เหมือนแม่เรา

“มาได้ยังไงจ๊ะเนี่ย” แม่เฮเลนยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะดึงให้นั่งลงข้างๆ กัน ท่านลูบตาลูบตาผมแล้วถามยกใหญ่ว่าหนาวหรือเปล่า “ทานอะไรอุ่นๆ ก่อนดีกว่า”

“เดี๋ยวป้าจะไปเตรียมมาให้นะคะ” คุณป้าที่พาผมเข้ามายิ้มให้ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมอยู่กับแม่เฮเลนสองคน

“ผมว่าจะมาเซอร์ไพร์สพี่ภู แต่ดูเหมือนเขาจะยังไม่กลับ” ผมบอกเหตุผลเป็นอันดับแรกก่อนจะถามต่อแบบมีมารยาท “พี่ภูจะกลับมาทันปีใหม่หรือเปล่าครับ”

พอได้ยินคำถามผู้หญิงสวยตรงหน้าผมก็ขยับยิ้มกว้าง ท่านดูดีใจที่ได้ยินสิ่งที่ผมพูดจนผมอดแปลกใจไม่ได้

“น่าจะทันนะ แม่เพิ่งโทรไปหาเมื่อกี้ เห็นบอกว่าอีกสิบห้านาทีน่าจะถึง”

“ดีเลยครับ” ผมอดตื่นเต้นไม่ได้เมื่อได้ยินแบบนั้น ใจที่เต้นสงบมาได้พักใหญ่ๆ เริ่มเต้นระรัวด้วยความแตกตื่นอีกครั้ง อยู่ๆ ก็รู้สึกเย็นไม้เย็นมือขึ้นมา แต่ปากก็ยังหุบยิ้มไม่ได้อยู่ดี

“ทานหน่อยนะคะจะได้อุ่นขึ้น” คุณป้าเดินถือถ้วยชามาส่งให้ผมก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผมได้แต่มองสายตาเอ็นดูของผู้ใหญ่ทั้งสองคนแบบงงๆ แม่เฮเลนพอเข้าใจได้เพราะเคยเจอกันมาก่อน แต่คุณป้าคนนี้แลดูจะเอ็นดูผมมากเหลือเกินทั้งที่เราไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ

“แม่เล่าให้ป้าเจนฟังเองจ้ะ” แม่เฮเลนยกมือปิดปากหัวเราะเบาๆ เหมือนจะบอกว่าท่านเข้าใจสิ่งที่ผมกำลังสงสัย “ป้าเจนเป็นคนเลี้ยงภูมาตั้งแต่เด็ก พอแม่เล่าว่าภูยอมให้หนูเข้าห้องแล้วยังทำตัวสนิทด้วยก็เลยถามกันยกใหญ่ แถมคุณพ่อของภูยังมาเล่าอีกว่าภูยอมรับว่ามีคนที่ชอบแล้ว แม่ว่าแม่เดาไม่ผิดหรอก”

ผมก้มหน้าลงเพราะรู้สึกดีใจที่พี่ภูยอมรับว่ามีคนที่ชอบแล้วจนกลัวว่าจะเผลอแสดงท่าทางสมใจหรือหัวเราะฮี่ๆ ออกไป แต่ดูเหมือนผู้ใหญ่ทั้งสองคนจะเข้าใจผิด…

“ไม่ต้องเขินหรอกจ้ะ น่ารักจริงเชียว” ป้าเจนจับมือผมไปลูบแล้วยิ้มให้ เล่นเอาปฏิเสธอะไรไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้พวกท่านเข้าใจผิดต่อไป “มาอยู่ยาวๆ เลยนะคะ คุณเดรคเธอจะได้มีความสุข”

“ครับ...ว่าแต่ ทำไมคุณป้าถึงเรียกพี่ภูว่าเดรคล่ะครับ” ไม่ใช่แค่ป้าเจน แต่ไรอันก็เรียกพี่ภูว่าเดรคเหมือนกัน ผมไม่แน่ใจว่าทำไมแต่คิดว่าคนที่นี่น่าจะเรียกเขาแบบนั้นทั้งหมดยกเว้นพ่อแม่ของเขา

“จริงๆ เดรคเป็นเหมือนชื่อในวงการของคุณภูมาตั้งนานแล้วค่ะ ป้าเองก็ชินเพราะชื่อนี้เรียกง่ายกว่าชื่อไทยที่คุณผู้หญิงคนเก่าตั้งให้” ป้าเจนไขข้อข้องใจให้ผมก่อนจะคะยั้นคะยอให้ทานน้ำชาร้อนๆ ต่อ

“แบบนี้นี่เอง…”

“แล้วหนูเก้าคิดวิธีเซอร์ไพร์สไว้หรือยังจ๊ะ” แม่เฮเลนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ผมเลยส่ายหน้าตอบเพราะลืมคิดเผื่อไว้ เอาแต่ตื่นเต้นจนมึนงงไปหมด “งั้นเอาแบบนี้ดีไหม…”

การสุมหัวกับผู้หญิงสองคนทำให้ผมเหวอเบาๆ อยากจะบอกว่าในโลกนี้นอกจากจ๋าแล้วยังมีอีกสิ่งที่ร้ายกาจไม่แพ้กัน...นั่นก็คือคุณแม่สองคนที่ต้องการหาลูกสะใภ้ให้กับลูกชายตัวเอง

“ฮิๆๆๆ”

เสียงหัวเราะนี้น่ากลัวพอๆ กับจ๋าเลยล่ะ




แผนการของสองคุณแม่คือการให้ผมแอบไปนอนบนเตียงพี่เขาแล้วรอเซอร์ไพร์ส ทั้งคู่คาดหวังว่าจะได้เห็นใบหน้าตื่นเต้นดีใจของพี่ภูที่แตกต่างไปจากใบหน้าเย็นชาเหมือนปกติ แล้วก็ไม่ลืมย้ำผมให้เอามาเล่าให้ฟังด้วย แต่เพราะผมหน้าบางไปหน่อยก็เลยไม่กล้านอนลงบนเตียงเขา เอาง่ายๆ คือไม่รู้ว่าจะต้องทำหน้ายังไงถ้าพี่ภูเปิดผ้าห่มมาเจอ สุดท้ายเลยกลายเป็นแอบอยู่ข้างตู้แล้วเอาผ้าม่านปิดแทน

ผมยืนรอจนเมื่อย ตาเหลือบมองนาฬิกาอยู่หลายทีเพราะกลัวว่าใครอีกคนจะมาไม่ทัน แต่แล้วเขาก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง เมื่อเสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับที่ร่างของใครบางคนเดินเข้ามา

จากมุมที่ยืนอยู่ ผมมองเห็นร่างสูงโปร่งของคนที่แสนคิดถึงได้อย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่แค่ได้เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าแบบไม่รักษามาดของเขาแล้วก็รู้สึกร้อนขึ้นมาที่ขอบตา ใจที่เคยเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเหี่ยวแฟบลงทันทีที่ได้เห็นสภาพของเขา

ผอมลงเยอะเลย…

ยิ่งยามเจ้าตัวยกมือขึ้นนวดขมับผมก็ยิ่งใจหาย รู้สึกแย่ตามจนอยากเดินเข้าไปกอดเขาไว้ตามที่ใจคิด ถ้าผมมาแบบปกติ มาแบบที่เขารู้ตัวก่อนคงไม่มีทางได้เห็นพี่ภูในลักษณะนี้เลย อยากจะนึกขอบคุณความคิดในยามนั้นของตัวเองสักร้อยครั้ง และที่ต้องขอบคุณยิ่งกว่าคือแม่เฮเลนกับป้าเจนที่แนะนำให้ผมทำแบบนี้

ไม่ใช่ว่าท่านอยากให้ผมเซอร์ไพร์สพี่ภู แต่เป็นเพราะอยากให้ผมมาเห็นเขาในเวลาแบบนี้ต่างหาก

ไม่ใช่แค่ผอม...หน้าตาก็ดูซูบกว่าเดิมด้วย

ผมสำรวจเขาอย่างละเอียด ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี ถ้าให้เดาคนตรงหน้าคงปิดบังความทรุดโทรมของตัวเองต่อหน้าคนอื่นมาตลอด แม้แต่เวลาที่เปิดกล้องคุยกับผมก็แทบไม่ได้สังเกตเห็น แต่พอได้มาเจอตัวจริงแบบนี้มันต่างกันโดยสิ้นเชิง

ไม่ได้ไกลกันจนสัมผัสไม่ได้อีกแล้ว…

ตอนที่นาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มห้าสิบเก้า พี่ภูเดินมาเปิดระเบียงแล้วออกไปยืนด้านนอกอย่างโดดเดี่ยว ผมเลิกซ่อนตัวอยู่หลังม่าน แต่ยังคงยืนห่างจากเขาประมาณสามก้าว จ้องมองแผ่นหลังกว้างที่ดูเหนื่อยล้าด้วยความรู้สึกปวดใจ

พี่เองก็นับเวลาอยู่เหมือนกันกับผมใช่ไหม…

วินาทีที่พลุหลากสีถูกจุดขึ้นบนท้องฟ้า ผมก้าวเท้าเข้าไปหาเขาหนึ่งก้าว

เมื่อผ่านไปครึ่งนาที ผมขยับเท้าอีกครั้ง

และสุดท้าย...เวลาเดียวกันกับที่พลุลูกสุดท้ายกระจายบนท้องฟ้า ผมอ้าแขนทั้งสองข้างออกแล้วสวมกอดเขาไว้จากทางด้านหลัง

“สวัสดีปีใหม่ครับ” ผมซุกหน้าเข้ากับแผ่นหลังกว้างที่สะดุ้งเกร็งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะปล่อยให้ความร้อนในดวงตาที่สะสมมาตลอดไหลออกมาโดยไม่สนใจอะไรอีก

“ก้อน?” น้ำเสียงแหบแห้งของเขาทำให้ผมใจหาย จากที่น้ำตาไหลเฉยๆ เริ่มกลายเป็นการสะอื้นแบบที่ไม่เคยเป็น ผมรับรู้ได้ว่าคนที่ตัวเองกอดอยู่กำลังตกใจ แต่ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากก้มหน้าแล้วกัดริมฝีปากไว้แน่น

“พี่ภู…”

ผมทำหน้ามุ่ยเมื่อโดนแกะแขนออก แต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นก้มหน้าลงเมื่อคนตรงหน้าหันหลังกลับมาสบตา ดวงตาคมสีเทาเป็นประกายรับกับพระจันทร์ด้านหลัง ฝ่ามือที่ดูเหมือนจะหยาบขึ้นเล็กน้อยแตะแก้มผมเบาๆ ก่อนจะดันให้เงยขึ้นมองกันอีกครั้ง

“อย่าร้อง…” เขาใช้ปลายนิ้วไล้คราบน้ำตาให้ผมอย่างอ่อนโยน แต่เพราะมันมีมากเกินไปจนน่ารำคาญผมเลยทำได้เพียงกัดริมฝีปากและขมวดคิ้วมุ่นไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกมา ซึ่งดูเหมือนความพยายามจะไร้ผลเมื่อฝ่ามืออ่อนโยนข้างเดิมไล้ลงมาที่ริมฝีปากก่อนจะลูบเบาๆ เหมือนจะบอกให้ผมหยุดกัดปาก คราวนี้หน้าผมเลยยับยู่ยี่จนต้องเอื้อมสองแขนไปไขว่คว้าใครอีกคนเข้ามากอดอีกครั้ง

“คิดถึง” ผมสูดน้ำมูกอยู่ในอ้อมกอดของพี่ภู นึกขอบคุณที่เขาไม่ได้เตะกระเด็นแบบที่คิด ทั้งยังลูบหลังปลอบอีกต่างหาก

“อืม”

“พี่เหนื่อยมากไหม”

“ไม่หรอก…”

คนโกหก

พอเห็นว่าผมผละออกแล้วทำหน้าตาไม่พอใจคนหน้าดุก็หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะยอมพูดใหม่

“จริงๆ ก็เหนื่อย”

“เหนื่อยก็พูดว่าเหนื่อยสิ ไม่ต้องมาปิดบังผมเลย” เพราะไม่ได้สะอื้นอะไรแล้วเลยพูดได้แบบเป็นปกติ ผมใส่เอาๆ จนคนฟังยอมแพ้ต้องยกมือขึ้นปิดปากผมให้หยุดพูด

“คิดว่าหิมะไม่ตกแล้วมึงจะไม่มา” เขาว่าพร้อมรอยยิ้มบาง ก่อนจะใช้มือลูบหน้าลูบตาให้ผมเบาๆ เหมือนไม่อยากให้มีร่องรอยใดๆ เหลืออยู่

‘ตอนที่หิมะตก...ผมจะไปหาพี่’

“ตอนนั้นพูดไปแล้วลืมคิดว่าอังกฤษหิมะเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้” ผมว่าแล้วหัวเราะเสียงดัง เอาซะคนมองทำท่าเหมือนอยากตบกะโหลก แต่สุดท้ายเขาก็แค่วางมือลงบนหัวผมแล้วลูบเบาๆ

“แต่ดูเหมือนหิมะจะเข้าข้างมึงนะ”

ผมเงยหน้ามองพี่ภูด้วยความไม่เข้าใจ แต่เมื่อรู้สึกถึงอะไรเย็นๆ ที่แขนก็ต้องละสายตาออกไปมอง แล้วก็พบว่าสิ่งที่ผมกำลังพูดถึงกับเขากำลังตกลงมาจริงๆ

หิมะแรกของปี…

“อะไรก็เป็นใจเนอะ” ผมยิ้มกว้างยามได้แตะหิมะ ถึงจะเริ่มรู้สึกหนาวอยู่หน่อยๆ แต่ก็ยังสนใจการได้เห็นมันมากกว่า เอาเป็นว่าเพลินจนต้องหันไปเกาะขอบระเบียงมองท้องฟ้าอยู่เป็นเวลานาน มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่นึกได้ว่ามีใครอีกคนยืนอยู่ข้างๆ ผมรีบหันกลับไปหาพร้อมรอยยิ้ม แต่ทุกคำพูดกลับต้องกลืนหายไปเมื่อพบว่าคนๆ นั้นมองผมอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาอ่อนโยนอันหาได้ยาก

พี่ภูยกมือขึ้นปัดปอยหิมะที่ติดอยู่บนหัวให้ผมเบาๆ ก่อนเราจะยิ้มให้กันโดยไม่ต้องพูดอะไร ผมเข้าใจแล้วว่าความคิดถึงไม่ได้ทำให้คนเป็นบ้า แต่ยามได้เจอกันต่างหาก...ที่ทำให้มีความสุขจนแทบบ้า

“รอนานหรือเปล่า…” ผมยิ้มบางเมื่อได้เห็นสายตาเป็นคำถามของเขา “ตัวช่วยมาแล้วนะ”

มาหาถึงที่เลย…

พี่ภูยังคงยกยิ้มน้อยๆ เหมือนเดิม ผมหลับตาลงเมื่อเขาขยับหน้าเข้ามาใกล้ สัมผัสแรกที่รับรู้คือความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากบางที่กดลงบนหน้าผากผมอย่างอ่อนโยน และเพียงไม่นานมันก็จางหายไป ก่อนจะแทนที่ด้วยความแข็งของหน้าผากใครอีกคนที่วางทับลงมาบนหน้าผากผม...เหมือนที่เคยทำเมื่อสองปีก่อน

“ขอบคุณที่มา”



-----------------



กำลังจะปิดจองแล้วนะคะ พรุ่งนี้วันสุดท้าย ปิดวันที่20สิงหา โอนได้ถึงวันที่20สิงหาน้า




ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[24]==[P.14]== [19/08/60]
«ตอบ #418 เมื่อ19-08-2017 17:47:05 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: ก้อนกะพี่ภูน่ารัก  สู้ๆน้าาา

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: ┌▼Nitrogen ไนโตรเจน▲┘ ==[24]==[P.14]== [19/08/60]
«ตอบ #419 เมื่อ19-08-2017 18:13:42 »

ปริ่มมากกกกก :katai2-1: :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด