ตอนที่ 6
กล้าหาญ
‘ไอ้พี่เซียนนี่ยังไงวะ’
‘เพื่อนกูไง’
‘พี่ตงล่ะ’
‘เพื่อน’
‘พี่วัฒน์’
‘ก็เพื่อนนั่นแหละ’
‘พี่ยิม’
‘นั่นก็เพื่อน...เดี๋ยวไอ้ท่าน นี่มึงถามเอาโล่หรือไง’
‘ก็เห็นสนิทกัน ไปไหนก็ไปกัน’
‘...’
‘ถึงเนื้อถึงตัวกัน’
‘ก็เพื่อนกันป่ะวะ มันไม่มีอะไรหรอก’
‘แน่ใจเหรอ’
‘แน่ใจสิ’
‘...’
‘แล้วทำไมกูต้องมาแก้ตัวกับมึงด้วยเนี่ย มึงเป็นพ่อกูเหรอ’
‘มึงถามตัวเองดีกว่า อย่ามาถามกู ฮ่าๆๆ’
‘ไปซื้อนมเปรี้ยวแป๊บ’
‘ทำมาเป็นเปลี่ยนเรื่อง’
‘ไม่ใช่!’
‘แต่จะซื้อมาให้กูด้วยใช่ป่ะ’
‘ก็ใช่อีก’
‘อยากง้อกูล่ะซี่’
‘กูไม่ได้ทำผิด’
‘ตกลงพี่ยิมนี่ใช่เพื่อนมึงแน่หรือเปล่า กูเห็น...’
‘มึงจะเอากี่กล่อง!’
ผมเอาศาลเจ้าพ่อนมเปรี้ยวสองกล่องมาวางคู่กันที่ใต้ถุนคณะผมอีกแล้ว
“ห้ามใครแตะ!” และผมก็ร้องลั่นบอกเพื่อนร่วมคณะแบบเดิมๆ เช่นเดียวกับเมื่อวาน เพื่อนผมแม่งก็น่ารัก เห็นผมทำอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้ก็คิดว่าผมบ้า จึงไม่มีใครยุ่งอะไรเลย
ระหว่างที่กำลังทำกิจกรรมไป ผมก็ยืดคอส่องไปยังพวกดาวเดือนที่น่าจะซ้อมกันอยู่ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่เห็นแม้แต่เงาของไอ้นายท่านเลยตั้งแต่เช้า
แม่งโดดซ้อมหรือเปล่าวะ
“เซ็งอ่ะ นายท่านไม่อยู่ ไม่รู้จะแทะโลมใคร” เสียงอมรบ่น แม่งทำเอาผมอยากรู้เรื่องนี้มากกว่าเดิม
“มันไม่มาเหรอ”
“มึงไปไกลๆ เลยนะ มึงคิดจะแย่งนายท่านกับกู กูรู้ กูเรียนมา!”
“บ้า กูเป็นผัวมึงนี่ อย่าลืมสิ” พูดเอาใจแม่งไปก่อน
“จริงเหรอ ห้องน้ำเลยมั้ย ตอนนี้เลย” มันทำท่าจะลากผมไปจริงๆ ผมรีบหลบแขนมันที่เตรียมจะโอบรอบผมอย่างรวดเร็ว “ไอ้ผัวเฮงซวย”
“ตกลงมันไม่อยู่จริงๆ เหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ” อมรกระฟัดกระเฟียด “เจ่เจ๊บอกว่ามีอีเวนต์ เพื่อนๆ ของนายท่านก็พากันเข้ากรุงเทพฯ กันหมด สงสัยคงมีงานใหญ่อ่ะนะ”
เซ็ง...ศาลเจ้าพ่อนมเปรี้ยวแม่งโคตรไม่ศักดิ์สิทธิ์อ่ะ ผมนี่นึกอยากทำลายศาลซะตั้งแต่ตอนนั้นด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่พอนึกถึงความฟินของเมื่อวาน ผมก็เลยคิดว่าน่าจะปล่อยทิ้งเอาไว้ก่อน
คิดว่าอีกนิดผมคงจะหาเชือกมาล้อมศาลของผมเอาไว้แล้วล่ะ
“คิกคิก” สวัสฯ สามตัวมันกำลังหัวเราะผม ผมรู้สึกได้เพราะว่าพวกมันมองผมกับมองจอสลับกัน
“มีเหี้ยไรอีก” เมื่อคืนกูยังไม่หายโกรธพวกมึงนะ พูดเลย
“ไม่มีอาไร้” วิบัติขนาดนี้ ยังไงพวกแม่งก็ต้องมีอะไร ผมรีบเขย่าคอไอ้เซียนอย่างไร้ซึ่งความปราณี “โอ้ย ก็ได้ๆ” เซียนส่งโทรศัพท์มันให้ผมดู
หน้าจอของมันคือกรุ๊ปไลน์ที่มันเพิ่งตั้ง มีไอ้เซียน ไอ้ตง ไอ้หมูหัน และก็...
เหยดดดดดดดดดดด นี่มันไลน์ของไอ้นายท่านนี่ รูปโพรไฟล์แม่งหล่อสัดรัสเซียขนาดนี้ นอกจากนี้ยังมีไลน์ไอ้ทิมกับไอ้นุกอีก ไอ้เหี้ย ผมจำทุกคนได้เพราะรูปโพรไฟล์!
มีไลน์ไอ้ท่านว่าเด็ดแล้ว ชื่อกลุ่มแม่งเด็ดกว่า...
‘กล้าหัวจวย’ เด็ดในความกากอ่ะ โธ่เอ๊ยยยยย ชื่อกลุ่มโคตรเหี้ยยยยย
“ไอ้พวก...” ไม่รู้จะด่าแม่งยังไงแล้ว ชื่อกลุ่มแม่งเป็นชื่อผม แต่ผมดันไม่ได้เข้า มันใช้ได้มั้ยเนี่ย
“อ่านดูๆ” เซียนขยับให้ผมอ่านข้อความในจอสนทนา
Tepsianxx : /แนบรูป ‘ศาลเจ้าพ่อนมเปรี้ยว’
Tepsianxx : กล้ามันคิดถึงมึงมากเลยไอ้ท่าน ฮ่าๆๆ
Tongmongmiawkue : มันเป็นบ้า
Mr.Moohan : เมื่อวานก็ทำ แถมขู่ด้วยว่าอย่าให้ทุกคนเข้าใกล้
Nooknick_Pyj : นมเปรี้ยวสองกล่องนี่แปลว่าอะไรนะ เอ๊ะๆ
Tim_Gy : นับจากวันนี้ไอ้ท่านคงไม่แดกรสส้มแล้วล่ะ
Naaytan_Lkh : อืม
Naaytan_Lkh : ตลก มันเห็นแล้ว และมันก็น่าจะรู้แล้วด้วยว่าผมทำไปทำไม เชี่ยเซียนแม่งไม่น่าถ่ายรูปส่งไปให้ไอ้ท่านมันดูเลย
ไอ้เพื่อนทรยศเอ๊ยยยยยย
“-วย” ผมโยนโทรศัพท์ไปคืนไอ้เซียน “-วยทั้งหมด -วยแม่งทุกคน ย้ายไปเป็นเพื่อนไอ้พวกลูกค่ายละครไปให้หมดทุกคนเลยไป”
“มันงอนว่ะ” เซียนหัวเราะก่อนจะเข้ามาโอบผม ผมถีบมันให้มันออกไปไกลๆ
“สาดดดด กลุ่มนี้ไอ้ท่านมันดึงพวกกูเข้าไปเอง” ตงอธิบาย
ผมชะงักกึก “มันตั้งชื่อกลุ่มเองเหรอ”
“เปล่า ตอนแรกมันตั้งว่า ‘กลุ่มคนหล่อแห่ง RoV’ แต่กูไปเปลี่ยน”
สรุปก็คือไอ้เซียนนี่เองที่เป็นคนเหี้ยยยยย เมิงนะเมิง แต่ไอ้เหี้ยท่านเองก็ไม่เบา หลงตัวเองกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ยอมใจในความครีเอทชื่อกลุ่มของพวกแม่งแต่ละคนจริงๆ
“มันไม่ดึงกูเข้าอ่ะ” ผมโวยวาย
“ไปโวยวายกับมันโน่น มาโวยวายกับกูทำไม”
“อย่างกับกูจะโวยวายได้” มันบล็อกไลน์ผมนะอย่าลืม
“มานี่” เซียนลากผมไปเซลฟี่ แม่งถ่ายไวมากจนผมผงะ ไม่ทันได้เก๊กหน้าเหี้ยไรทั้งนั้น นอกจากจะถ่ายไวแล้ว มันยังส่งรูปลงกรุ๊ปได้ไวปานวอกอีก
เรื่องแจกข้าวน้องมึงเอาจริงเอาจังขนาดนี้มั้ยวะสาดดดด
“รอดูฟีดแบ็ก” เซียนเขย่าโทรศัพท์อย่างกับเซียมซี
“มึงคิดว่าทายาทค่ายละครที่ไปออกอีเวนต์จะว่างมาคุยเรื่องไร้สาระกับมึงมั้ย”
มันโชว์ข้อความใหม่ที่เด้งในกลุ่มไลน์ให้ผมดู “กูว่าพวกมันว่างนะ”
Nooknick_Pyj : มีคนเหวอหนึ่งอัตรา ฮ่าๆๆ
Tim_Gy : น่าร๊ากกกกกกก
Naaytan_Lkh : จมูกบาน เรือกำลังแล่นดีอยู่แล้ว แต่เสือกมาคว่ำตอนไอ้นายท่านมันพิมพ์นี่แหละ
“พอเลยสาด” ผมผลักเพื่อนเซียนออกไปเบาๆ “ไม่เห็นสนุกเลย”
“แต่กูสนุกนะ”
“สนุกไปคนเดียวเลยมึงอ่ะ”
“กูก็หนุกนะ”
“เงียบปากไป ไอ้หมูหัน”
รู้สึกเหมือนโดนทรยศยังไงไม่รุ้ แค่เล่นเกมอ่อนบวกกับเคยมีปัญหากับนายท่าน ทำไมผมถึงได้รู้สึกเหมือนโดนเตะออกมาจากกลุ่มแบบนี้ พวกแม่งได้เข้ากลุ่มแต่ผมไม่ได้เข้า มันน่าน้อยใจป่ะล่ะ
คิดไปคิดมาก็ช่างแม่งเหอะ คนแมนๆ มันไม่ควรมาคิดเล็กคิดน้อย เอาเวลาไปทำหน้าที่สวัสฯ ดูแลน้องๆ ดีกว่า หึ
เมื่อไปถึงพวกน้องๆ ที่แดกน้ำอย่างกับเป็นต้นไม้ แทนที่ผมจะหนีคำว่าไอ้นายท่านพ้น กลับกลายเป็นว่าคำว่านายท่านแม่งลอยเข้ามากระแทกหน้าผมเต็มๆ
ยังไงน่ะเหรอครับ
“น้องคะ ฟังพี่อยู่หรือเปล่า สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนไปงานรับน้องมหา’ลัย...” เอ้ที่พยายามเรียกร้องความสนใจสุดฤทธิ์เริ่มสังเกตอะไรบางอย่างได้ “นี่ฟังฉันกันอยู่มั้ยยะ พวกชะนีหอยน้อยนี่!”
ไอ้พวกน้องผู้ชายได้แต่นั่งกอดเข่าอยู่ในแถวแถมยังเงยหน้ามามองดูไอ้เอ้กันหน้าสลอน ส่วนพวกผู้หญิงน่ะเหรอ...แม่งจับกลุ่มเม้าท์มอยบางสิ่งบางอย่างในโทรศัพท์
ผมทำสีหน้างงงัน จนกระทั่งไอ้หมูหัน ผู้ที่เล่นทวิตเตอร์เพียงคนเดียวในกลุ่มขยับหน้าจอโทรศัพท์มาให้ผมดู
“นายท่านค่ะพี่เอ้”
“วันนี้นายท่านหล่อมากกก”
“ทิมก็หล่อ แต่นายท่าน...ฮือออออ หล่อจนมดลูกสั่น”
ไอ้นายท่าน...มันกำลังติดเทรนด์ไทยในทวิตเตอร์
สาเหตุที่มันติดเทรนด์ก็เพราะ...แม่เจ้าโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ไม่ใช่เพราะแม่เจ้าโว้ยครับ (เจ้าโว้ยมันคือใครผมยังไม่รู้จักเลย) แต่เป็นเพราะความหล่อของมันต่างหากที่ทำให้มันติดเทรนด์ไทย เมื่อเช้าค่ายละครยักษ์ใหญ่ทั้งสามค่ายจับมือทำละครร่วมทุนสร้างบลาๆๆ ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น...มันอยู่ที่เด็กหนุ่มสามคนที่แย่งซีนดารานักแสดงนำกันใหญ่นี่แหละ
แม้หน้าไอ้นายท่านจะบึ้งแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ความหล่อของมันลดลงเลย การใส่สูทง่ายๆ สบายๆ สีน้ำเงินเข้มไร้เนกไทยิ่งปรับลุคให้มันดูพอดีๆ ระหว่างความเนี้ยบกับความเป็นตัวมัน
ไอ้เหี้ย...หล่อแบบนี้ไม่ติดเทรนด์ไทยได้อย่างไรไหว แถมยังติดคนเดียวโดดๆ ไม่เกรงใจไอ้ทิมกับไอ้นุกเลยสักนิด
ไม่เชื่อก็ไปส่องในทวิตเตอร์ในตอนนี้ได้เลยครับที่ #นายท่านอรุณกิตตินิวัฒน์ บอกเลยว่าท่านจะต้องอ้าปากค้างกับความยาวของแท็กและความหล่อหน้าขาวใสของมัน!
“ถึงกับยืนนิ่ง” หมูหันยิ้มแฉ่ง
“ขอยืมส่องได้ป่ะ”
“มึงสมัครแอคทวิตเตอร์เลยง่ายกว่า”
“สมัครเพราะอยากส่องแฮชแท็กไอ้ท่านเนี่ยนะ”
“...”
“กูสมัครก็ได้” ผมรีบหลบไปด้านหลังเพื่อจัดการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว ไอ้เอ้ที่ตอนแรกทำตัวจริงจัง ตอนนี้ก็เริ่มใจสั่น อยากรีบนัดหมายให้เสร็จและก็รีบจรลีไปส่องนายท่าน ทุกคนให้ความสนใจไอ้นี่กันใหญ่ในวันนี้เพราะวันนี้มันหล่อฉิบหายวายป่วง เป็นหน้าเป็นตาให้มอ ให้ครอบครัว และก็ให้ตัวมันเอง
ความคิดของผมตอนนั้นไม่มีเหี้ยอะไรครับ นอกจากส่องและก็กดเซฟ...กดยิกๆ จนเครื่องจะเม็มเต็มก็หาได้แคร์ไม่ วันนี้ไอ้นายท่านมันหล่อแบบกร๊าวใจมากกกกกกก มากจนผมยอมไม่เป็นการเป็นงาน นั่งส่องทวิตเตอร์อย่างเดียวเกือบสองชั่วโมง
งานเพิ่งจัดตอนสายของวันนี้นี่เอง (ว่าแต่งานอีเวนต์ตอนสายเนี่ยนะ...ถ้าไม่มีค่ายติสต์อย่างค่าย Gy ทำไม่ได้นะเออ) มีแฟนๆ ในทวิตฯ บางคนเดาว่าจัดเพื่อที่จะเอื้อให้กับลูกชายทั้งสามคนของเจ้าของค่ายที่มาร่วมงานในวันนี้สามารถกลับมาร่วมงานรับน้องของมหา’ลัยได้ทันแบบไม่เหนื่อยมาก เพราะมันเป็นกิจกรรมบังคับครับ ถ้าขาดก็คือจบเห่...ไม่สามารถเรียนจบได้
ถ้าเป็นงั้นจริงผมก็นับถือใจพ่อๆ แม่ๆ ของไอ้เด็กสามคนนี้นะครับ ลูกมาก่อน งานมาทีหลัง...
ในที่สุดก็มีคนมาดึงผมให้ออกมาจากโลกทวิตฯ นั่นก็คือไอ้อมร มันบอกว่าเลิกส่องนายท่านได้แล้ว มันหวง!
“ไปแจกข้าวกลางวันน้องค่ะสวัสฯ น้องทานเสร็จก็ได้แยกไปพักผ่อนกันก่อนประชุมอีกทีตอนเย็นนี้”
“ประชุมอีกแล้วเหรอ” กูจะเป็นลม...ประชุมเหี้ยไรนักหนา แค่เป็นฝ่ายขนข้าวขนน้ำของงานรับน้องมอนี่ต้องวางแผนกันขนาดนั้นเลยเหรอ
“เขาสั่งมาก็ต้องไป”
“อยากรู้จริงๆ ว่าเขานี่ใคร ให้ตายสิ”
“พ่อมึงมั้งกล้า”
“หลังๆ นี่ด่ากูจังเลย ไม่รักกูแล้วเหรออมร”
“ไม่รักแล้ว กูจะไปรักหมารักปลาแทน หมายังดีกว่ามึงอ่ะคิดดู”
“ไอ้เหี้ย”
“ฮือออออ ไม่รู้ทำไมกูคิดว่ากูต้องแพ้มึงแน่ๆ” มันจีบปากจีบคอร้องไห้จนผมตกใจ นี่มึงดราม่าจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย
“แพ้เรื่องไหนวะ”
“เรื่องนายท่าน”
“...”
“มึงต้องได้แดกน้องแน่ๆ เลย”
“เดี๋ยวก่อน” รู้สึกอยากจะสำลัก แต่ไม่มีอะไรอยู่ในคอ “อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้น”
“ไม่รู้ดิวะ” อมรกอดอก “มึงน่ารักแถมยังเตี้ย รูปร่างมึงมันกะทัดรัด เหมาะที่จะหิ้วไปนอนด้วยที่ไหนก็ได้”
“บ้านมึง” นั่นตัวกูหรือหมาชิวาว่า...
“ตุ๊ดหมีๆ อย่างกูก็อดไปสิ” มันสะบัดตูดหนีผม “กูไปหาเทพเซียนดีกว่า...ว่าแต่นมเปรี้ยวนั่นกูแดกได้มั้ยน่ะ”
“ไม่ได้!”
“บ้าบอ”
“กูไม่ได้บ้า”
“ไปแจกข้าวไป๊”
“ไปหาแอมโมเนียมาให้น้องไปมึงอ่ะ”
มีคู่อริเป็นตุ๊ดนี่ถือว่าผมแมนมั้ยครับ ไอ้เหี้ยอมรนี่แม่งทำพี่อั้ม พัชราภาของผมเสียหมดเลย มึงต้องให้พี่เขาลาออกจากการเป็นไอดอลของมึงซะ
ศาลเจ้าพ่อนมเปรี้ยวยังคงต้องการความศักดิ์สิทธิ์...แต่วันนี้แม่งทดสอบให้ตายยังไงผมก็ไม่มีทางมีโมเมนต์ร่วมกับไอ้นายท่าน มันอยู่กรุงเทพฯ ถ้ามันขับรถกลับมาที่นี่อย่างเร็วก็ตอนเย็นๆ นู่น
ผมหยิบนมเปรี้ยวหนึ่งกล่องในนั้นขึ้นมาดื่มอย่างเศร้าๆ หลังจากนั้นผมก็ทำหน้าที่ของผมต่อไป โดยที่ไม่ลืมขู่เพื่อนว่าห้ามแตะนมเปรี้ยวอีกหนึ่งกล่องที่เหลือโดยเด็ดขาด!
ยอมรับว่าบ้า แต่ไอ้นมเปรี้ยวพวกนี้แม่งคือที่ยึดเหนี่ยวทางใจเรื่องของผมกับนายท่านมันจริงๆ
ที่ยึดเหนี่ยวของผมคนเดียวนี่แหละครับ ไอ้นายท่านน่ะมันสนใจเรื่องนี้ซะที่ไหนกัน
ตอนบ่ายของวันนี้ให้ทายว่าผมทำอะไรระหว่างรอประชุมสตาฟฟ์งานรับน้องมหา’ลัย
ผมก็ประชุมรอน่ะสิครับ
รู้สึกอยากร้องไห้...ชีวิตทำไมมีแต่การประชุม ไหน ใครคือผู้ใหญ่ลี ทำไมตีกลองประชุมบ่อยจังเลย
สถานที่ประชุมของผมก็คือใต้ถุนคณะเหมือนเดิม เอ้เป็นคนเรียกประชุมเพื่อวางแผนแบ่งหน้าที่ดูแลน้องๆ คณะหลังจากที่จะมีรุ่นพี่บางส่วนกลายเป็นสตาฟฟ์ของมหา’ลัย คนเหล่านั้นอาจจะไม่ได้มีเวลามาดูแลน้องคณะตัวเองมากนัก เนื่องจากต้องดูแลน้องปีหนึ่งทุกๆ คณะ
ผมไม่มีความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น...ได้แต่นั่งมองเหม่อ ดูพวกดาวเดือนเดินเข้าๆ ออกๆ ห้องประชุมโดยไร้ซึ่งเงาของนายท่าน คนที่เขาว่ากันว่าเป็นตัวเต็งตำแหน่งเดือนมหา’ลัยในปีนี้
อย่าเรียกมันว่าตัวเต็งเลย เรียกว่าตำแหน่งนอนมาให้มันเลยจะดีกว่า เอ้มันเล่าว่าเจ่เจ๊แทบจะยกถ้วยรางวัลกับสายสะพายให้มันเลยโดยไม่ต้องประกวด เพราะขณะนี้พวกเดือนที่ประกวดด้วยกันก็เกือบจะสละสิทธิ์กันหมดแล้ว
นี่คืออิทธิฤทธิ์ของเทรนด์ไทย...อิทธิฤทธิ์ของแฮชแท็กอันแสนจะยาวเหยียดว่า #นายท่านอรุณกิตตินิวัฒน์
ฟังไอ้เอ้วางแผนงานนานก็ชักจะง่วง มันใช้หลังไอ้ตงกับไอ้เซียนเป็นที่บังไม่ให้ประธานชั้นปีอย่างเอ้มันเห็นผม ก่อนที่จะฟุบลงไปกับโต๊ะ จากนั้นก็หลับไปเลย...
ตื่นขึ้นมาอีกทีเขาก็เลิกประชุมกันแล้ว และที่สำคัญ...ไอ้นายท่าน อรุณกิตตินิวัฒน์ตัวจริงเสียงจริงก็กำลังนั่งมองดูผมอยู่ฝั่งตรงข้ามโดยใช้แขนซ้ายค้ำไปที่ขมับ
“ไอ้เหี้ยยยยย!” ตกใจฉิบหาย ไม่รู้จะตกใจเรื่องไหนก่อนดี เรื่องที่ไอ้นายท่านมันนั่งอยู่นี่ เรื่องที่มันถอดเสื้อนอกออกเหลือแต่เสื้อเชิ้ตตัวที่ใส่ออกงาน หรือเรื่องที่มันจ้องผมตะกี้
กูตกใจทุกเรื่องเลยก็แล้วกัน!
“เหี้ยเต็มหน้ากูเลย” มันยืดตัวขึ้น ข้างหน้ามันคือเศษซากศาลเจ้าพ่อนมเปรี้ยวอีกกล่องหนึ่งที่โดนมันจัดการจนหมดแล้ว
“เมื่อเช้าออกงานไม่ใช่เหรอ”
“ก็เสร็จแล้วนี่ไง”
“...”
“ถามไรหน่อยดิ”
ผมกลืนน้ำลายก่อนพูด “ถามว่า?”
“ที่แบบนี้มึงก็นอนได้เหรอ”
“นอนได้ดิวะ เย็นสบาย เพื่อนก็เยอะแยะ”
“ไหนเพื่อนมึง”
ผมเพิ่งมีโอกาสได้มองซ้ายมองขวา สิ่งที่ผมเห็นมีเพียงแต่ไอ้ทิมกับไอ้นุกที่กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่มุมไกลๆ ทั้งคู่ก็ยังอยู่ในชุดออกงานแบบไม่มีเสื้อนอก บริเวณนี้ไม่มีแม้แต่เงาของเด็กคณะเศรษฐศาสตร์คนไหนแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นปีสองหรือปีหนึ่งก็ตาม
ไอ้ฉิบหายเอ๊ย กูโดนทิ้งแล้ววววววววววววววววว
“นี่ถ้ากูไม่อยู่มึงทำไงเนี่ย” น้ำเสียงของมันยานคาง คล้ายกับคนขี้เกียจพูด สีหน้าของมันดูเหนื่อยอย่างปิดไม่มิด
“ก็แย่น่ะสิ” เคยตื่นขึ้นมาแล้วมองไม่เห็นใครทั้งๆ ที่คิดว่าจะมีคนเต็มไปหมดมั้ยครับ...มันคงเป็นความรู้สึกที่เหี้ยน่าดูเลย
“ง่วงก็ไปนอนไป”
“ไม่ได้ ต้องไปประชุม” รีบตบแก้มตัวเองเพื่อให้หายง่วง
“ประชุมกี่โมง”
“สี่โมงเย็น”
“ตอนนี้สี่โมงสิบห้า”
“เหี้ยยยยย” ผมรีบลุกขึ้น ในใจนึกคำด่าไอ้แก๊งชายโฉดโหดเยี่ยงหมาเตรียมไว้แล้ว
พวกมึงตายยยย พวกมึงตายชัวร์ๆ ตายด้วยน้ำมือน้ำตีนกูนี่แหละ!
“ไปนะ” ผมบอกลาไอ้นายท่าน เอาไว้ไปฟินกับการที่โดนมันจ้องผมตอนนอนทีหลัง
“ประชุมอยู่ไหน”
“ตึกอเนกประสงค์ 4 อ่ะ”
“มันอยู่ตรงไหน”
เกือบลืมไปว่าคนฟังมันอยู่ปีหนึ่ง “ใกล้ๆ กับตึกอเนกประสงค์ 3”
“นี่มึงกวนตีนกูเหรอ ไม่เห็นจะรู้จักสักที่”
“กลับมาพูดเหมือนเดิมแล้วด่ากูใหญ่เลยนะ”
“ไม่เกรงใจหรอก”
“...”
“ตกลงมันอยู่ที่ไหน”
“ถามไปทำไม ไปซ้อมดาวเดือนของมึงโน่น” กว่าจะประกวดก็วันสุดท้ายของงานรับน้อง แต่ถึงอย่างนั้นซ้อมให้มันแม่นๆ ไว้ไม่ดีกว่าเหรอวะ
“กูจะไปส่ง”
“ให้ทิมกับนุกไปส่งก็ได้”
“กูไม่ให้พวกมันไป”
“อ้าว มึงนี่”
“เร็ว” มันไม่ลืมที่จะเก็บซากกล่องนมเปรี้ยว จากนั้นก็เดินนำผมไปโดยที่ พยักหน้าให้ไอ้ทิมกับไอ้นุกด้วย เดี๋ยวนะ แค่พยักเหรอ ไม่พูดอะไรกันหน่อยเหรอวะ นี่แก๊งคุณชายจากนิเทศศาสตร์ของมึงสื่อสารกันด้วยพลังจิตหรือไง
“โอ้โห” ผมอ้าปากค้างเติ่งเมื่อเห็นรถไอ้นายท่าน “กลัวไม่เด่นเหรอ”
“แล้วไง บ้านกูมีตังค์”
จ้า กูยอมแล้วจ้า
ผมนึกไปถึงตอนที่ผมสัญญาไว้กับมันว่าจะไม่ขับรถอีก เพราะมันต้องการที่จะขับรถให้ ตอนนี้คำพูดนั้นได้เป็นจริงหลังจากเวลาผ่านไปทั้งสิ้นสองปีเต็มๆ
แม่งอดอึ้งไม่ได้จริงๆ ว่ะ
“สายแล้วนะ” มันเอ่ย
“อื้มๆๆ” ผมรีบขึ้นรถก่อนที่คุณชายมันจะเปลี่ยนใจ หรือไม่ก็กลัวมันจะเทผมลงกลางทาง
[ มีต่อนะคะ]