✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 22-23 END / P.13 [22.09.2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 22-23 END / P.13 [22.09.2018]  (อ่าน 181626 ครั้ง)

ออฟไลน์ Riik

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 19 P.12 [23.07.2018]
«ตอบ #360 เมื่อ24-07-2018 11:36:33 »

โอ้ยยยยยวงวาร คนนึงก็ขี้กลัว อีกคนก็อึนจริง :katai1:

ออฟไลน์ Primpraii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 19 P.12 [23.07.2018]
«ตอบ #361 เมื่อ25-07-2018 04:58:08 »

20






ผมนั่งจ้องภาพถ่ายในมืออยู่นาน ปลายนิ้วลูบไปที่บุคคลที่เห็นในภาพ ราวกับว่าจะสามารถสัมผัสเขาได้จริงๆ


รูปถ่ายใบนี้ เพื่อนตัวเล็กให้ผมหลังจากที่ครามออกเดินทางไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ หนึ่งและพี่ชายเขา พร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ รวมทั้งสมาชิกครอบครัวของครามถ่ายรูปหมู่รวมกัน โดยมีครามอยู่ตรงกลางกลุ่ม


ในรูป เดือนร่างสูงยังคงโดดเด่นเหมือนเคย โครงหน้าคมคายหล่อเหลาเผยยิ้มเล็กๆ ชวนให้อยากลูบมือที่มุมปากนั้น สิ่งที่แตกต่างจากภาพในความทรงจำของผมก็คือ ครามตัดผมสั้นอันเดอร์คัท ไม่ได้ไว้ผมยาวอย่างเคย


...มิน่า ตอนที่เรียกเขาหน้าจุดตรวจตอนนั้น ถึงไม่ได้หันมา


ผมคิดตอนที่ได้เห็นรูปนี้ครั้งแรก


เส้นผมดำสั้นปัดไปข้างหนึ่ง ทำให้เห็นหนังศีรษะด้านข้างที่ไถจนสั้น แม้จะแปลกตา ทว่าปฏิเสธไม่ได้ว่าผมทรงนี้รับกับดวงหน้าคมเข้ม ส่งให้เขาดูสมเป็นชายชาตรียิ่งกว่าเก่า


ไม่รู้อะไรดลใจ ให้เขาตัดผมที่ไว้ยาวจนสั้นขนาดนี้เหมือนกัน หวังแต่เพียงว่าเขาไม่ได้ตัดผมเพราะอยากตัดความรู้สึกบางอย่างเท่านั้น


ผมเก็บรูปใบนั้นสอดไว้ในสมุดบันทึก แล้วเริ่มเก็บของลงกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวเดินทางออกจากห้อง


หลังจากเปิดภาคเรียนใหม่ หลายสิ่งหลายอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป อย่างน้อยๆ ก็ไม่มีใครได้เห็นเดือนของคณะสถาปัตย์รุ่นผมเดินในมหาวิทยาลัย ต่อให้จะไปลอบแอบมองจากที่ไกลๆ ณ แห่งหนใดก็จะไม่พบเจอ เพราะเวลานี้เขากำลังยืนอยู่คนละซีกโลก ไกลสุดขอบฟ้า


ผมจินตนาการเสมอว่าครามจะใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานที่ต่างประเทศ ได้พบเจอคนใหม่ๆ ได้ประสบการณ์ดีๆ มากมาย และจินตนาการเหล่านั้นก็ช่วยหล่อเลี้ยงหัวใจผมในแต่ละวัน


ครามเป็นคนเก่ง หัวดี มีความรับผิดชอบ แล้วยังมีน้ำใจกับคนรอบข้าง เขาเคยช่วยผมในหลายๆ เรื่อง ให้ผมในหลายๆ อย่าง


แล้วสิ่งที่ผมให้เขาตอบแทนคืออะไร?


อาจจะเป็นความผิดหวัง


แต่แล้วยังไงล่ะ หลังจากที่ความคิดผมตกตะกอน ผมเลือกที่จะเดินหน้าต่อ ทิ้งความหวาดกลัวไปจนหมด เลิกที่จะฟูมฟายและเลิกคิดถึงแต่ตัวเอง


ผมพยายามในการเรียนมากขึ้น ทำทุกอย่างอย่างสุดตัวมากขึ้น เดินทางไปที่ต่างๆ แล้วเก็บภาพที่ผมเห็นผ่านเลนส์กล้อง แล้วแชร์ภาพเหล่านั้นลงไปในบล็อกทุกๆ วัน


และทุกๆ วัน ผมจะอัพเดตภาพถ่ายเก่าที่เคยเก็บซ่อนเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นวันละภาพ


แก้วน้ำคู่ แปรงสีฟันที่วางเคียงกัน ท้องฟ้ายามเช้าที่ถ่ายจากระเบียง และภาพต่างๆ ที่เป็นหนึ่งเดียวกัับความทรงจำของผมในอดีต


มีเพียงรูปที่เป็นรูปของคราม ที่ผมจะอัพโดยไม่เปิดพับลิค หากจะเข้าไปดูก็ต้องใส่พาสเวิร์ด 12 ตัวลงไป


เคยคิดว่าจะไม่มีวันให้ใครเห็นรูปพวกนี้ เพราะคิดว่าผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะมีสิทธิ ทว่าต่อให้ผมจะเคยมีสิทธินั้น ตอนนี้ผมก็ได้ทำมันหลุดมือไปเสียแล้ว ดังนั้นการอัพภาพเหล่านี้เป็นการเตือนตัวผมเอง ว่าแต่ละภาพที่ผมเคยเก็บไว้ มันจะค่อยๆ ลดน้อยลงไปทุกวัน และวันหนึ่งมันก็คงหมดไป


ผมไม่รู้ว่าถ้าวันที่รูปถ่ายหมดลงมาถึง ผมจะเสียใจมากแค่ไหน แต่ผมรู้อยู่อย่างว่า ผมจะไม่เลิกรักเขา


เวลาแต่ละวัน แต่ละอาทิตย์ แต่ละเดือนที่ผ่านไป ผมยังคงเว้นที่ว่างข้างกายเอาไว้สำหรับใครบางคน แม้มันอาจจะหมายความว่าพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์นั้นจะว่างเปล่าตลอดกาล ผมก็จะไม่เสียใจเพียงเพราะได้รักใครอย่างสุดความสามารถ หากจะเสียใจ ก็คงเพราะอดีตไม่ได้ทำอย่างเต็มที่


หลังจากผมเก็บของลงกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็หันไปดูความเรียบร้อยของตัวเองในกระจก เสื้อเชิ้ตนักศึกษาติดกระดุมเรียบร้อย ส่วนข้าวของในกระเป๋าก็ครบถ้วนดี ไม่ลืมที่จะใส่พอร์ตภาพถ่ายลงไปด้วย


ผมก้าวออกจากคอนโดแล้วมุ่งหน้าไปเพื่อสัมภาษณ์การฝึกงาน


ถ้าหากสัมภาษณ์ผ่าน ผมจะได้ฝึกงานกับช่างภาพที่มีชื่อเสียงระดับโลกในสตูดิโอชื่อดัง


หากเป็นเมื่อก่อนผมคงจะคิดในแง่ลบและล้มเลิกกลางคันไม่คิดแม้แต่จะลองสู้ ทว่าตอนนี้ผมเลือกที่จะพยายามอย่างเต็มที่ และพกความมั่นใจไปเต็มเปี่ยม เพราะผมเชื่อว่าหากเราได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว ต่อให้ต้องผิดหวังก็จะไม่เสียใจเพราะไม่ได้แม้แต่จะลงมือทำเหมือนอดีตของผมที่ผ่านมา


.

.



ผมมาถึงหน้าสตูดิโอที่คุณ ธรณ์ ช่างภาพฝีมือดีทำงานอยู่ก่อนเวลา


ทว่านั่งรอไม่นาน ผมก็ถูกเรียกตัวให้เข้าไปสัมภาษณ์ เห็นว่าคุณธรณ์ยุ่งๆ เลยอยากสัมภาษณ์ให้เสร็จไป


แม้จะเคยเห็นรูปของช่างภาพคนนี้ตามสื่อบ้าง พอได้มาเจอตัวจริงต่อหน้าก็รู้สึกประหม่าไม่น้อย เพราะเขาดูดีกว่าในรูปมาก อายุก็ยังน้อย ไม่น่าเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จได้มากขนาดนี้ ผมนับถือและชื่นชมเขาจากใจจริง


เขาอยู่ในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีส้มอิฐเรียบกริ๊บ กางเกงแสลคสีดำเข้ากับสองขาวยาวและรองเท้าหนังราคาแพง รูปร่างของเขาสูงโปร่ง ผอม ทว่าไม่ผอมจนเหมือนหนังหุ้มกระดูก


นิ้วมือของเขาเรียวยาว รูปเล็บก็สวย สมกับเป็นลักษณะมือของศิลปิน


คำถามสัมภาษณ์ของช่างภาพตรงหน้าเป็นคำถามทั่วๆ ไป เช่นแนะนำตัว และกิจกรรมที่เคยทำ ใบหน้าของเขาตอนที่สัมภาษณ์ไม่ได้ดูสนใจผมเท่าไหร่ หรือตอนที่เปิดดูพอร์ทภาพถ่าย ก็แค่ยักไหล่ธรรมดา


สัญญาณแบบนี้ไม่ใช่สัญญาณที่ดี ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ถอดใจง่ายๆ และบอกเขาว่าผมอยากได้โอกาสฝึกงานกับเขา และผมจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง


“ไหนบอกเหตุผลมาหน่อย ว่าทำไมผมต้องเลือกคุณ คุณมีข้อดีอะไร?”


ผมยิ้มเมื่อได้ยินคำถาม


เคยคิดหาข้อดีของตัวเองแทบตายสุดท้ายก็หาไม่เจอ เพราะไม่ได้คิดจะอย่างหาจริงๆ จังๆ


คนเราหากไม่เห็นคุณค่าตัวเองเลย แล้วจะมีใครมาเห็นคุณค่าของเราล่ะ


“ผมรักการถ่ายภาพ รักที่จะเก็บโมเมนต์ต่างๆ ในมุมมองของผมออกมาเป็นภาพ ผมรู้ว่าผมไม่ใช่คนเก่ง ภาพถ่ายไม่ได้โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ จนเคยคิดท้อแท้และล้มเลิก แต่ผมก็เลือกที่จะสู้ใหม่ เพราะผมเรียนรู้ที่จะยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง ยอมรับ...แล้วทำในสิ่งที่ผมชอบต่อไป พัฒนาตัวเองและไม่ยอมแพ้ง่ายๆ อีก และจากสิ่งที่ผมทำและเรียนรู้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมน่าจะสามารถเป็นประโยชน์ให้พี่ได้...อืม...ผมสร้างบล็อกของตัวเอง และมีคนติดตามภาพที่ผมถ่ายหลายพันคนด้วย แล้วก็ภาพถ่ายของผมเข้ารอบการประกวดระดับอินเตอร์ด้วย ถ้าพี่อยากดู...”


ผมตอบพลางเหลือบเมืองอีกฝ่าย โชคดีที่เขาเริ่มแสดงความสนใจขึ้นมา


“อืม...ไหนรูปล่ะ”


ผมพยักหน้าขออณุญาตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเปิดภาพถ่ายที่ส่งเพิ่งใช้ส่งประกวดไปไม่นานให้เขาดู


มันเป็นภาพท้องฟ้าและผืนน้ำ ประดับด้วยพระจันทร์ส่องแสง ภาพนี้ไม่ได้มืดดำ หากแต่ทั้งท้องฟ้าและแผ่นน้ำเป็นสีครามตัดกับแสงสว่างของดวงจันทร์


ผมตั้งชื่อภาพนี้ว่า 'คราม'


ชายร่างสูงเพรียวนิ่งมองภาพอยู่ครู่


“คุณคิดถึงอะไรตอนถ่ายภาพนี้...แฟน?”


ผมหยุดคิด ส่ายหน้า แล้วเอ่ยตอบ


“ผมคิดถึงตัวเอง...คิดว่าตัวเองกำลังถูกสีครามของท้องฟ้าและผืนน้ำกลืนกิน คิดว่าตัวเองจมอยู่ตรงนั้น ขณะนั้น”


เป็นครั้งแรกที่ช่างภาพมือฉมังเงยขึ้นมามองหน้าผมตรงๆ และจ้องผมอยู่นานพอดู


“ผมเลือกคุณ”


“........” สติผมประมวลผมไม่ทันอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะโพล่งออกมา “หา? จริงเหรอครับ!”


“หรือคุณจะเปลี่ยนใจไม่ฝึกงานกับผมแล้ว?”


“ไม่เปลี่ยนแน่นอนครับ! ขอบคุณ...ขอบคุณมากครับคุณธรณ์!”


รีบเอ่ยด้วยความตื่นเต้น


ไม่ได้รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงแบบนี้มานานแล้ว นี่คงเป็นความดีใจแรก หลังจากไม่ได้รู้สึกมาเนิ่นนาน


.

.



ผมกลับมาถึงห้องก็เปิดคอมพิวเตอร์ทันที


แล้วอัพเดตภาพถ่ายที่คิดว่าเหมาะกับอารมณ์ดีใจของผมตอนนี้ที่สุด นั่นคือรูปของเด็กน้อยที่ได้รับขนมแล้วยิ้มร่าจนตาหยี พร้อมกับภาพถ่ายใหม่อื่นๆ ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นสดใส


และคงเพราะเซ็ตภาพที่ลงเป็นโทนเดียวกันเกินไปต่างจากทุกทีที่จะสลับอารมณ์บ้าง ข้อความลับก็เด้งขึ้นมาหาผม


[อารมณ์ดีเหรอคะวันนี้]


[เจอเรื่องดีๆ มาครับ ^^]


บางครั้งบางคราวก็จะมีคนที่ติดตามภาพถ่ายทักมาคุยกับผมบ้าง อย่างเช่นพี่สาววัยกลางคนที่ชื่อเจนคนนี้จะทักมาหาผมบ่อย และผมก็คุยกับแกได้ง่าย คงเพราะรู้สึกเหมือนคุยกับแม่ที่ให้ความดูลูกชาย


[เรื่องอะไรเหรอ]


[ผมสัมภาษณ์ฝึกงานกับคุณธรณ์ผ่านครับพี่]


[โห ธรณ์ที่ดังๆ คนนั้นใช่มั้ย สุดยอดไปเลย]


[ดีใจด้วยน้องแดน พี่ภูมิใจในตัวน้องมาก]


[ขอบคุณครับ]


[ถ้ามีใครบางคนบอกผมอย่างนี้เหมือนพี่ก็ดีสิ]

[ใครเหรอ แฟนปะ?]


[ความลับ]


[ขี้งกจัง]


[:)]


ผมยิ้มขณะที่พิมพ์ตอบ


ถ้าหากครามจะรู้สึกภูมิใจในตัวผมสักนิดก็คงดี และเพียงแค่นิดเดียว ผมก็คงจะดีใจยิ่งกว่านี้หลายร้อยเท่าพันเท่าเลย


[จริงสิ พี่เข้าไปดูเวบประกวดภาพถ่ายมา เห็นรูปที่แดนส่งเข้ารอบด้วย]


[ใช่ครับ ตกใจมากเลยตอนเห็นรูปตัวเอง]


[ชื่อภาพคูลดีอะ]


[แน่นอน ชื่อนี้คูลสุดในสามโลก]


[ถ้าชนะก็ดีเนอะ ได้ตั๋วเครื่องบินไปงานที่ยุโรปด้วย]

[ผมสมัครก็เพราะอยากได้ตั๋วไปนี่แหละ]


[ขอเงินแม่ซื้อตั๋วแล้วแม่เอามะเหงกให้ผมกินหลายมื้อเลย]


[5555+ อยากไปเที่ยวเหรอ]

[อยากไปหาใครบางคน]


[แฟน?]


[ความลับ]


[อีกละ ความลับเยอะ]


[คายออกมาเดี๋ยวนี้]


[อิอิ]


ไม่อยากพิมพ์บอกพี่เจนไปหรอกว่าคนที่จะทำให้ผมคายความลับได้ มีแค่คนเดียว


และคนนั้นก็คือครามเท่านั้น

.

.



CONT.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2018 05:02:06 โดย Primpraii »

ออฟไลน์ wildride

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 20 P.13 [26.07.2018]
«ตอบ #362 เมื่อ25-07-2018 05:36:59 »

  :pig4:

ช่วงก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมชื่อเรื่องนี้ เพราะดูทั้งคู่สปาร์คกันแบบทันที แทบจะไม่ต้องพยายามอะไรเลยมั้ย
 
จนมาถึงตอนนี้ ก็พอจะเอออออ ในที่สุดก็เริ่มจะ คว้าเดือน แบบจริงๆจังๆแล้วสินะ

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 20 P.13 [26.07.2018]
«ตอบ #363 เมื่อ25-07-2018 05:42:42 »

ถึงแดนจะพลาดที่เคยขี้ขลาดไป จนทำให้ครามเสียใจ
แต่เชื่อว่าครามคงไม่หมดรักแดนง่ายๆหรอกใช่มั้ย
แล้วพี่เจนที่มาคุยนี่ มีสิทธิเปนครามปลอมมารึเปล่าน้า
นี่มโนเองไปไกล 555 แต่เชื่อว่าครามก็ยังตามส่องแดนแน่ๆ
สู้ๆน้าแดน ขอให้ได้ไปเจอคราม

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 20 P.13 [26.07.2018]
«ตอบ #364 เมื่อ25-07-2018 07:48:35 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

สู้ ๆ นะแดน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 20 P.13 [26.07.2018]
«ตอบ #365 เมื่อ25-07-2018 10:19:04 »

จะได้ไปหาใครบางคนที่อยู่ไกลแล้วนะ  :กอด1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 20 P.13 [26.07.2018]
«ตอบ #366 เมื่อ25-07-2018 12:22:18 »

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 20 P.13 [26.07.2018]
«ตอบ #367 เมื่อ25-07-2018 17:20:03 »

เฮ้อ...หวังว่าแดนจะไม่ทำมันพังอีกนะครับ ถ้าหากภาพถ่ายชนะ และไปได้ต่างประเทศจริงๆ //ตอนนี้สงสารครามมากกว่าแดนอีก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 20 P.13 [26.07.2018]
«ตอบ #368 เมื่อ25-07-2018 17:32:25 »

พยายามเข้า

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 20 P.13 [26.07.2018]
«ตอบ #369 เมื่อ25-07-2018 19:13:17 »

แดนเริ่มเปลี่ยนแล้ว รู้จักไขว่คว้าหาโอกาสของตัวเอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 20 P.13 [26.07.2018]
« ตอบ #369 เมื่อ: 25-07-2018 19:13:17 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 20 P.13 [26.07.2018]
«ตอบ #370 เมื่อ25-07-2018 19:52:20 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 20 P.13 [26.07.2018]
«ตอบ #371 เมื่อ30-07-2018 12:07:28 »

ครามสู้ๆ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 20 P.13 [26.07.2018]
«ตอบ #372 เมื่อ18-08-2018 17:54:31 »

อ่านแล้วชอบมากๆเลยค่ะ :L2:
รออ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ Primpraii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 20 P.13 [26.07.2018]
«ตอบ #373 เมื่อ01-09-2018 14:03:51 »

21







ตั้งแต่เริ่มฝึกงานมา ผมกลับห้องมืดค่ำแทบทุกวัน


จะว่าคุณธรณ์ใช้งานผมหนักก็ไม่ใช่ หากแต่เป็นผมที่อยู่จนดึกเพื่อดูการทำงานของมืออาชีพจนไม่รู้ตัวว่าเวลาแต่ละวันผ่านไปนานเท่าไหร่


แม้ว่างานของผมจะไม่มีโอกาสได้จับกล้องถ่ายรูปแม้กระทั่งสายกล้อง ทว่าผมสนุกกับทุกอย่าง จัดฉาก ถือไฟ แบกของ หรือแม้แต่วิ่งซื้อกาแฟให้คุณธรณ์


ช่างภาพมากฝีมือเคยถามผมว่า “ฝึกงานที่นี่ ถ้าไม่ได้จับกล้องเลยจะโอเคไหม?”


“โอเคครับ”


“ทำไมล่ะ ไม่อยากถ่ายรูปเหรอ?”


ผมนิ่งไปครู่ ก่อนตอบ “ทุกอย่างที่ผมทำคือการเรียนรู้ครับ ต่อให้ไม่ได้จับกล้อง แต่ผมเห็นและเก็บภาพผ่านสายตาของผม แค่ได้เห็นคุณธรณ์ทำงานจริงๆ ก็เป็นโอกาสที่ดีมากแล้วครับ”


ชายร่างสูงเพรียวกอดอกแล้วพยักหน้าอืม ไม่รู้ว่าเขาจะคิดว่าผมพยายามเยินยอเขาหรือเปล่า แต่ผมไม่มีความตั้งใจแบบนั้นแม้แต่น้อย


ผมตื่นตาตื่นใจทุกครั้ง ที่เห็นช่างภาพคนนี้จับกล้อง


ไม่ว่าโมเดลจะมีประสบการณ์มากหรือน้อย คุณธรณ์ก็สามารถดึงสิ่งที่ดีที่สุดจากอีกฝ่ายออกมาได้ ทุกภาพเต็มไปด้วยอารมณ์ และสะกดให้คนมองราวกับมีเวทมนต์ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโมเดลหรือดาราที่เพิ่งเข้าวงการต่างอยากให้เขาเป็นคนถ่ายภาพให้ด้วยกันทั้งนั้น หรือแม้แต่คนที่อยู่ในวงการมานานก็อยากจะร่วมงานกับเขาอีก


ถึงกับมีคำพูดบอกกันว่า ธรณ์ วงศ์กีรติ ปั้นดินให้เป็นดาวได้ หากใครได้ธรณ์ถ่ายภาพให้ ได้เกิดได้ดังกันทุกคน


ผมเองก็คิดว่าคำพูดนี้ไม่ได้เกินจริง เพราะผมได้ประจักษ์แก่สายตาตนเอง ว่าฝีมือของเขา สมกับที่ได้รับสมญานามว่าเป็นช่างภาพมือหนึ่ง


ถ้าผมสามารถถ่ายภาพได้เก่งสักเสี้ยงหนึ่งของเขาก็คงจะดี แม้ว่าตอนนี้ฝึมือของผมจะยังไม่เข้าขั้น หากผมก็ไม่ย่อท้อง่ายๆ เพราะคุณธรณ์เองก็เริ่มจากไม่มีประสบการณ์ เริ่มจากงานจิปาถะเล็กๆ ในสตูดิโอไร้ชื่อเสียง


ผมเสียอีกที่มีโอกาสมากกว่าเขาในอดีต ดังนั้นผมจะไม่ยอมแพ้ และทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อที่จะไม่รู้สึกเสียใจภายหลัง


ทุกๆ วันที่ฝึกงานเป็นไปอย่างสนุก ผมได้เห็นมุมมองใหม่ๆ มากมาย ได้เปิดโลก และได้เอาเรื่องราวหลายอย่างที่เรียนรู้มาเล่าให้เพื่อนอย่างหนึ่งฟัง บางครั้งก็เล่าให้คนที่ติดตามบล็อกผมฟังด้วย


อย่างวันนี้ ผมอยู่ที่สตูดิโอถึงดึกเหมือนเคย กว่าจะกลับถึงคอนโดก็ปาไปห้าทุ่มกว่า เลยได้อัพบล็อกตัวเองช้ากว่าปกติไปหน่อย


ผมเลือกอัพรูปท้องฟ้าสีต่างๆ ทั้งท้องฟ้าตอนยามรุ่งสาง กลางวัน กลางคืน ยามโพล้เพล้ แทบจะมีทุกเฉดสี นอกจากนี้ก็ลงแคปชั่นเพิ่มว่า อยากลองถ่ายรูปท้องฟ้าและทางช้างเผือกในเมืองหนาวบ้าง


เห็นว่าต่างประเทศจะเห็นสีของทางช้างเผือกต่างกันด้วย


โพสต์ลงได้ไม่นาน ข้อความส่วนตัวก็เด้งเข้ามา


พี่เจนทักมาคุยกับผมเหมือนเคย


[เดี๋ยวก็ได้ไปถ่ายรูปที่เมืองหนาวแล้ว]


[รู้ได้ไง ผมฝึกงานได้เบี้ยเลี้ยงวันละสามร้อยเอง ต้องฝึกกี่ปีเนี่ย]


[อะไร นี่ยังไม่รู้เหรอ!]


หืม?


ผมแปลกใจขมวดคิ้วเมื่อพี่เจนทักมาอย่างนั้น


[บ้างานจนลืมวันลืมคืนล่ะสิ รีบเข้าไปดูเวบประกวดเร็ว ]


หัวใจของผมเต้นแรงทันที รีบกดเข้าไปดูเวบประกวดภาพถ่ายอย่างที่พี่เจนว่า


วันนี้เป็นวันประกาศผล รางวันถ่ายภาพ และผลรางวัลก็น่าจะประกาศตั้งแต่หลายชั่วโมงก่อน ผมทำงานจนลืมไปเสียสนิท


พี่เจนคงไม่ได้ทำให้ผมดีใจเก้อใช่ไหม?


[ผมไม่กล้าเปิดดูอะพี่ ทำไงดี]


[เปิดเร็วๆ ถ้าไม่ดีให้จุ๊บเลย]


[…]


พี่ก็เล่นมุกตลอด


ผมมือสั่นตัวสั่นไปหมดตอนที่คลิ้กเข้าไป สองตาหลับปี๋แล้วค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ เหมือนดูหนังสยองขวัญ


และสุดท้าย ผมก็เห็นภาพท้องฟ้าและทะเลมีคราม ผสานกับภาพดวงจันทราสีเงินยวงลอยเด่น


พร้อมตัวอักษรเหนือภาพถ่าย


The winner of the contest is 'My Indigo : คราม'


ผมกระโดดและส่งเสียงดังลั่นห้องด้วยความดีใจ


ดีใจเหมือนคนบ้าเลย



.

.




ข่าวเรื่องที่ผมชนะรางวัลถ่ายภาพ ทำให้พี่ๆ ที่สตูดิโอแสดงความยินดีกับผมกันยกใหญ่ รวมทั้งเพื่อนๆ ของผมด้วย มีพี่ที่ทำงานหลายคนทำท่าจะฝากผมซื้อของ หากแต่ก็ถูกคุณธรณ์สั่งห้ามเสียก่อน


“ห้ามฝากแดนไทซื้อของ ใครฝาก ผมจะตัดเงินเดือน เป็นผู้ใหญ่กันซะเปล่าจะฝากเด็กฝึกงานซื้อได้ยังไง แล้วคิดว่าผมไม่รู้เหรอว่าพวกคุณชอบฝากแต่ไม่ชอบจ่ายน่ะหืม?”


แต่ละคนได้แต่ยิ้มแหะๆ ให้ช่างภาพชื่อดัง ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งเขาสักคนหรอก


แล้วพอคุณธรณ์รู้ข่าว ก็เรียกให้ผมเข้าไปคุยส่วนตัว แล้วก็ยื่นซองให้


ผมได้แต่ทำหน้าตกใจ เพราะคิดว่าเขาจะไล่ผมออก


“ผ..ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ ผมขอลาห้าวัน...ไม่ได้จริงๆ เหรอครับ ผ...ผม...ผมขอไม่รับเบี้ยเลี้ยงทั้งเดือนเลยก็ได้ครับ อย่าไล่ผมออกเลยนะ”


“แดนไท ตั้งสติหน่อย ไม่ต้องพูดติดอ่าง”


“........”


“ผมบอกหรือยังว่าจะไล่ออก”


“ย..ยังครับ...” นิสัยตื่นง่าย บางทีก็แก้ยากเหมือนกัน


“เปิดซองดูก่อน”


“ค..ครับ”


ผมทำตาม นิ้วสั่นๆ เปิดซองออก แล้วผมว่าข้างในเป็นธนบัตรสีเทาๆ หลายใบ


“พ็อกเก็ตมันนี่ เอาไว้ใช้ตอนไปเที่ยว”


ดวงตาเล็กๆ ของผมเบิกโต ปากรีบเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก


“ผม...ผมรับไว้ไม่ได้หรอกครับคุณธรณ์ เยอะขนาดนี้...”


“หรือจะเอาใบลาออก”


“........”


ผมรีบเก็บเงินใส่กระเป๋ากางเกงด้วยความรวดเร็ว


ให้เลือกระหว่าง 'เงิน' กับ 'ซองขาว' ยังไงก็ต้องเลือกเงินอยู่แล้ว


“แล้วซื้อช็อกโกแล็ตไวน์มาให้ผมด้วย” ใบหน้าขาวหยุดพูดครู่หนึ่ง “ผมฝากได้ เพราะผมให้เงินคุณแล้ว”


ผมพยักใบหน้ารัวๆ มิชชั่นที่คุณธรณ์ฝากฝัง ยังไงก็ต้องทำให้สำเร็จ!


“แล้วเอากล่องเดียวพอล่ะ ไม่ต้องซื้อมาด้วยเงินทั้งหมดนั่น”


“ครับ! ขอบคุณครับคุณธรณ์”


สายตาเห็นคนร่างสูงเพรียวเจิดจ้าขึ้นมาทันตา หน้านิ่งๆ ดูเย็นชา แต่ความจริงเขาโคตรจะใจดี ผมนี่โชคดีจริงๆ ที่ได้ฝึกงานกับเขา หวังก็แค่ว่าผมจะไม่ได้เอาโชคมาใช้กับการฝึกงานและงานประกวดหมดแล้วเท่านั้น


.

.



หลังจากกลับมาถึงห้อง ผมก็นั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ของครามว่าตั้งอยู่ที่ไหน เดินทางยังไงจากอินเตอร์เน็ต


ผมได้ที่อยู่นี้มาจากหนึ่ง หลังจากที่เขาเดินทางไปได้สักพัก ไม่รู้ว่าทำไมหนึ่งถึงมีที่อยู่ครามเหมือนกัน ตอนที่สงสัย เพื่อนตัวเล็กก็บอกว่า


“พี่ทักษ์ให้มา คิดว่าแดนอาจจะอยากได้”


“พี่ทักษ์ติดต่อกับครามเหรอ”


“ไม่รู้สิ ไม่รู้ว่าได้มายังไงเหมือนกัน บอกแค่ว่ากว่าจะได้มานี่ใช้เวลาหลายชาติเลย”


ไม่รู้ว่าหนึ่งพยายามจะพูดให้ผมสบายใจหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านั้นผมเคยจะหาทางติดต่อคราม ทว่าเขาไม่ได้ใช้เบอร์โทรศัพท์ไทยในต่างประเทศ เฟสบุ๊คหรือโซเชียลมีเดียอะไรก็ไม่เล่น ลืมเรื่องไปถามหาทางติดต่อจากพ่อของเขาไปได้ จนผมจนปัญญา


ทว่าหนึ่งก็ให้ที่อยู่นี้มา ตั้งแต่นั้นผมก็ส่งโปสการ์ดไปตามที่อยู่นี้เป็นระยะ แต่ไม่เคยได้รับการตอบกลับสักครั้ง


ผมทำใจไว้แล้วว่าจะเป็นอย่างนี้ เพราะก่อนที่ครามจะไป เราก็จากกันไม่ดีนัก แล้วผมยังสร้างบาดแผลให้เขาอีก เขาจะไม่ตอบอะไรก็ไม่แปลก


ผมเตรียมข้อมูลเส้นทางและสถานที่ต่างๆ ไว้พร้อม ปริ้นต์ออกมาใส่สมุดบันทึกเรียบร้อย แล้วยังเก็บข้อมูลไว้ในโทรศัพท์กันเหนียวไว้ด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถใช้เวลาที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมของการประกวดเดินทางไปได้


การเดินทางร่วมกิจกรรมในยุโรปใช้เวลา 6 คืน 7 วัน


2 คืนในฝรั่งเศส 2 คืนในอิตาลี และ 2 คืนในอังกฤษก่อนจะกลับไทย


ครามไปแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส ดังนั้นผมมีเวลาหลังเลิกกิจกรรมในวันที่สองตอนบ่าย และวันที่สามก่อนเดินทางต่อไปอิตาลีที่จะไปเจอเขา


[แดนนน]


พี่เจนทักมาหาผมตอนที่ผมกำลังเหม่อๆ


[ครับ]

[อีกไม่กี่วันจะเดินทางแล้ว พร้อมยัง]



[ยังเลย ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าจะหาที่อยู่คนที่ผมจะไปหาเจอ]


[หายากเหรอ อยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวช่วยดู]


ผมส่งรูปแผนที่ที่ผมค้นให้พี่เจนดู แล้วก็ส่งที่อยู่ที่ผมต้องการไปให้ พี่สาวใหญ่คนนี้มีประสบการณ์เที่ยวประเทศบ่อย แล้วก็ให้คำแนะนำเรื่องต่างๆ ให้ผมอย่างดีเสมอ


[ปารีส?]


[ไม่ใช่ลอนดอนเหรอ? รางวัลนี้ต้องไปลอนดอนด้วยไม่ใช่เหรอ?]


[ครับ ไปทั้งฝรั่งเศส อิตาลี แล้วก็อังกฤษเลย]


[แต่คนที่ผมจะไปหาอยู่ฝรั่งเศสอะครับ]


พี่เจนนิ่งไปนาน


ผมจึงนั่งจดอะไรต่อมิอะไรลงบันทึกต่อ เพราะปัญหาใหญ่ก็คือผมพูดฝรั่งเศสไม่ได้ ต้องเตรียมประโยคถามทางเผื่อไว้หน่อย ได้ยินว่าชาวปารีเซียงไม่ค่อยยอมพูดอังกฤษเสียด้วย


[แดนพักอยู่ที่ไหนในปารีสเหรอ ]


[น่าจะที่นี่ครับ]


มือกดส่งเวบของโรงแรมไป


[คนละที่กับตึกทีแดนส่งมาเลย]


[ครับ แต่ผมดูแล้วมันไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์ที่ผมต้องไปร่วมกิจกรรมในวันนั้นนะ]


[เหรอ ตารางกิจกรรมมีอะไรบ้างล่ะ]


คราวนี้ผมส่งแผนการเดินทางไปให้พี่เขา


[วันที่สองใช่ปะ? ช่วงบ่ายหลังไปพิพิธภัณฑ์]


[ใช่ครับพี่]


[งั้นไม่น่ามีปัญหา]


[แดนขึ้นรถตามนี้นะ จากหน้าพิพิธภัณฑ์จะถึงที่ย่านนั้นเลย แล้วอย่าไปเรียกแท็กซี่ล่ะ เดี๋ยวมันพาอ้อมแล้วจะเสียเวลาเปล่า]


พี่เจนส่งสายรถบัสกลับมาให้ ผมเห็นแล้วก็รู้สึกขอบคุณอย่างมาก


[โห ดีมากเลยครับพี่ ช่วยผมได้มากเลย]


[ขอบคุณมากๆๆๆๆ เลยนะครับ]


[ขอจุ๊บแทนได้ปะ]

[อย่างอื่นได้มั้ย]


[จุ๊บผมให้ได้แค่คนเดียวจริงๆ]


แล้วพี่เจนก็ส่ง GIF รูปตัวการ์ตูนตัวนึงดึงอีกตัวเข้าไปหอมฟอด


เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้



.

.



เมื่อการเดินทางมาถึงจริง กิจกรรมทุกอย่างมันรัดตัวจนผมแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง


อาจเพราะผมได้รับรางวัลชนะเลิศจึงต้องไปร่วมกิจกรรมหลายอย่างของกองประกวดร่วมกับผู้ชนะจากประเทศอื่นๆ นอกจากนี้แล้วยังต้องพรีเซนต์ภาพถ่ายตัวเองให้คนอื่นฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกจนน้ำลายแห้ง


งานไม่ได้ชิลแม้แต่น้อย อย่างวันที่ไปเยี่ยมชมพิพิธภันฑ์ กว่าจะได้ออกมาจากสถานที่ก็ตอนเย็นเข้าไปแล้ว ผมหาข้ออ้างอยู่นานที่จะไม่ไปร่วมดินเนอร์หรูกับคนอื่นๆ รีบพาตัวเองขึ้นรสบัสจากหน้าพิพิธภันฑ์ไปยังตึกที่ครามพักโดยเร็วที่สุด


ผมไม่มีเวลาชื่นชมกับความสวยงามของบ้านเมือง ไม่ใช่ว่าไม่อยาก แต่ไม่มีอารมณ์จะดื่มด่ำกับอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้เป้าหมายของผมมีแค่อย่างเดียวเท่านั้นเอง


ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเพียงอย่างเดียว เพื่อแค่พบเขาอีกครั้ง


ผมไม่รู้ว่าครามจะทำหน้ายังไงเมื่อเห็นผม อาจจะไม่พอใจ ไม่อยากเจอหน้า ร้ายที่สุดก็คงเกลียดขี้หน้ากัน ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่แคร์ เพราะผมมีความตั้งใจแน่วแน่ของตัวเองที่จะบอกเขา


ยังไงก็ต้องบอกเขาให้ได้แม้ว่าเขาจะไม่อยากรับฟัง


อยากขอโทษ แม้ว่าจะสายเกินไป


อยากขอโอกาส แม้ว่าเขาจะไม่มีให้


ต่อให้ผมจะขออะไรไม่ได้อีกแล้ว หากแต่ผมยังมีสิ่งที่อยากจะให้ แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการ แม้ว่าเขาจะไม่รับไว้ หรือจะโยนมันทิ้งอย่างไม่ไยดีก็ช่าง


ยังไงผมก็ต้องการให้มันกับคราม เพียงแค่คนเดียว


สองขาทั้งเดินทั้งวิ่งหาตึกอยู่หลายสิบนาที


ท้องฟ้าก็มืดเร็วกว่าที่คิด ต่อให้เตรียมตัวมาดีเท่าไหร่ แต่เมื่อมาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง และด้วยข้อจำกัดทางภาษา จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาที่อยู่ในสถานที่ที่ไม่เคยแม้แต่จะมาเหยียบ


ผมวิ่งวนจนเหนื่อยหอบ กระทั่งเจอตึกๆ หนึ่งที่น่าจะใช่อพาร์ทเม้นต์ที่ครามพัก


ป้ายชื่อของตึกมันเลือนรางจนเกือบมองไม่เห็น


ผมกดกริ่งหน้าประตู และรอให้คนมาเปิด


กดอยู่นานสองนาน จึงมีชายผมทองร่างท้วมทำหน้ามุ่ยเดินมาเปิดประตูออก


“Is Krarm here?” ผมพ่นทั้งอังกฤษ ทั้งฝรั่งเศสงูๆ ปลาๆ ใส่ ไม่รู้ว่าสำเนียงของผมมันฟังยากหรือเปล่า อีกฝ่ายถึงทำหน้าไม่เข้าใจ ผมจึงหยิบเอารูปของครามออกมาแล้วชี้ๆ ให้เขาดู


ชายตรงหน้าโบกมือแล้วทำท่าไล่ผม ก่อนจะปิดประตูใส่หน้า


ผมทั้งเคาะทั้งกดกริ่งเรียกต่อ ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมีเพียงเสียงด่า แถมได้ยินแว่วๆ ว่า โบลิซโปลิซด้วย


พอได้ยินผมก็ถอยจากหน้าประตู สองคิ้วขมวดมุ่น ในหัวว่างเปล่าไปหมด ทว่าในอกกลับอึดอัดจนอยากจะตะโกนออกมาดังๆ


ความไม่พอใจ ความสับสนแทบจะล้นปรี่ ทั้งใบหน้าของผมร้อนผ่าว สองมือที่ถือแผนที่และที่อยู่สั่นอย่างห้ามไม่อยู่


ผมจะไม่ยอมกลับทั้งอย่างนี้หรอก ผมอาจจะมาผิดที่ก็ได้ จึงก้าวเท้าเตรียมเดินหาจุดหมายอีกครั้ง


ตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงดังจากด้านหลัง


“แดน!”


ร่างผมแข็งค้าง เท้าก้าวไม่ออก ใบหน้าค่อยๆ หันไปตามเสียงด้วยหัวใจเต้นระรัว


เสียงนั้น...ผมไม่มีทางลืม


แค่ได้ยินเสียง สองตาก็ร้อนรุ่มและชื้นไปด้วยหยาดน้ำใส


เบื้องหน้าม่านน้ำตาที่ปกคลุม ในที่สุดผมก็เห็นกายสูงใหญ่ที่เฝ้ามองหา


และผมหวังว่าภาพดวงหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้มตรงหน้า จะไม่ได้ถูกบิดเบือนไปจากความจริง เพราะน้ำตาที่ไหลออกมา


.

.


CONT.








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 14:07:22 โดย Primpraii »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 21 P.13 01.09.2018]
«ตอบ #374 เมื่อ01-09-2018 14:45:20 »

 o13

ออฟไลน์ lune

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 21 P.13 01.09.2018]
«ตอบ #375 เมื่อ01-09-2018 14:50:24 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ aurusma

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 21 P.13 01.09.2018]
«ตอบ #376 เมื่อ01-09-2018 15:28:43 »

ฮื่อออออ ลุ้นไปด้วยเลยอ่ะ :monkeysad:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 21 P.13 01.09.2018]
«ตอบ #377 เมื่อ01-09-2018 16:48:08 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

จริงใช่มั้ย?

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 21 P.13 01.09.2018]
«ตอบ #378 เมื่อ01-09-2018 17:55:22 »

ลุ้นมากกกก

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 21 P.13 01.09.2018]
«ตอบ #379 เมื่อ01-09-2018 20:56:32 »

ลุ้นนนนนน มากๆๆๆๆๆๆ หวังว่าจะคุยกันดีๆนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 21 P.13 01.09.2018]
« ตอบ #379 เมื่อ: 01-09-2018 20:56:32 »





ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 21 P.13 01.09.2018]
«ตอบ #380 เมื่อ02-09-2018 03:58:18 »

ใช่  ใช่มะ คนนั้นจริง ๆ ใช่มะ  :hao5:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 21 P.13 01.09.2018]
«ตอบ #381 เมื่อ02-09-2018 09:23:24 »

เจอแล้วใช่ใหม

เจอแล้วใช่หรือเปล่า

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 21 P.13 01.09.2018]
«ตอบ #382 เมื่อ02-09-2018 10:27:29 »

 :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 21 P.13 01.09.2018]
«ตอบ #383 เมื่อ02-09-2018 14:49:12 »

เจอกันแล้วก็เปิดใจคุยกันนะ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 21 P.13 01.09.2018]
«ตอบ #384 เมื่อ02-09-2018 16:48:19 »

ติดตามมมม

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 21 P.13 01.09.2018]
«ตอบ #385 เมื่อ07-09-2018 00:09:13 »

ตามอ่านทันแล้ว มาติดตอนลุ้นๆซะด้วย

ออฟไลน์ Primpraii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 21 P.13 01.09.2018]
«ตอบ #386 เมื่อ22-09-2018 14:35:08 »

22







ผมทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนนิ่ง ลมหายใจติดขัดคล้ายมีก้อนอากาศหนักอึ้งติดอยู่ที่ลำคอ


จมูกและดวงตาแสบร้อนจนทรมาน หัวใจบีบรัดแน่นอก


คนตรงหน้าก้าวขาเข้ามาใกล้ ทว่าผมไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาชัด ภาพทุกอย่างแสนจะพร่าเลือน


“คราม...”


เสียงแหบเครือหลุดจากลำคอ สองเท้าไม่มั่นใจว่าจะก้าวไปหาร่างสูงใหญ่ตรงหน้าได้หรือไม่ เราอยู่ใกล้กันเพียงแค่นี้แล้ว ผมจะยังก้าวไปหาเขาได้หรือเปล่า


“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน จะไม่เข้ามากอดเราแน่นๆ หน่อยเหรอ”


ผมปล่อยเสียงสะอื้นออกมาอย่างหยุดไว้ไม่ได้ หลังมือยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไม่ยอมหยุดไหล


แม้ภาพเบื้องหน้าจะแสนมัวราวกับถูกหมอกจางบดบัง หากแต่สองหูของผมได้ยินเสียงทุ้มต่ำชัดเจน


ไม่ว่าเมื่อไหร่ เสียงของครามก็ทำให้หัวใจของผมหวามไหวเสมอ


แล้วครามก็เป็นฝ่ายเข้ามา สองแขนแกร่งรวบตัวผมเข้าไปกอด


แผงอกอบอุ่นเข้ามาซับน้ำตาที่ไหลริน ผมกอดเขาแน่นจนสุดแรง


“คราม” ทุกๆ คำที่เปล่งออกจากลำคอขาดๆ หายๆ เพราะเอาแต่สะอื้นไห้ “ขอโทษ...ขอโทษ”


“อยากได้ยินคำว่าคิดถึงมากกว่า”


“คิด..คิดถึง...คิดถึงจนจะบ้า...ขอโทษ”


แล้วริมฝีปากก็เอ่ยชื่อ “คราม” ซ้ำๆ และเอ่ยคำว่า “ขอโทษ” วนเวียนอยู่อย่างนั้น


ครามเพียงกอดผมไว้ ปล่อยให้ผมได้ฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอย่างมั่นคง เคล้าไปกับเสียงร้องไห้และพร่ำเรียกเขาไม่หยุดของตัวเอง



.

.




ไม่รู้ว่าผมยืนร้องไห้ในอ้อมกอดของครามนานเท่าไหร่เหมือนกัน


รู้แต่รู้ตัวอีกที ทั้งน้ำตาน้ำมูกน้ำลายของผมก็ทำเอาเสื้อเขาเปียกชุ่ม ถึงอย่างนั้นน้ำตาก็ยังคงไหลไม่หยุด แต่ไม่ฟูมฟายเท่าเดิมแล้ว


ผมผละออกจากอกเปียกๆ มาสูดน้ำมูกเช็ดน้ำตา ช่างเป็นการพบกันอีกครั้งที่น่าอายกว่าที่คิด เพราะผมทำเสื้อเขาสกปรกไปหม


“นิ่งแล้วหรือยัง”


“........”


ผมตอบไม่ออก เพราะถ้าขืนพูดอะไร คงได้ปล่อยโฮออกมาอีกรอบ


“กลับโรงแรมกัน”


ครามหยิบหมวกออกมาจากกระเป๋าสะพายของเขา แล้วให้ผมใส่ หลังจากนั้นก็จูงมือผมออกจากย่านอยู่อาศัยไปรอขึ้นรถบัส


ผมเดินตามเขาไปสะอื้นไป คล้ายกับว่าทำนบน้ำตาที่พยายามอดกลั้นมานานแตกเอาวันนี้ ตาที่ตี่อยู่แล้วบวมจนลืมแทบไม่ขึ้น


ในหัวจมอยู่กับห้วงอารมณ์ที่บอกความรู้สึกไม่ถูกตลอดเวลาที่นั่งอยู่บนรถบัสโดยมีครามอยู่ด้านข้าง สมองไม่คิดถึงอะไรสักอย่าง คิดแต่เพียงว่าไม่อยากจะปล่อยมือจากครามอีกแล้ว ไม่สนด้วยว่าเขาจะพาผมไปที่ไหน จะพาผมไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกก็ช่าง แค่ไม่อยากปล่อยมือจากเขา


เมื่อรถบัสเคลื่อนตัวมาหยุดที่ป้ายโรงแรม คนร่างสูงพาผมเดินลงจากรถ แล้วจูงให้เดินตามเข้าไปข้างใน


ผมก้าวเท้าตามอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงห้องพัก


แล้วครามก็ให้ผมนั่งลงข้างเขาบนเตียงใหญ่ หยิบดึงกระดาษทิชชู่จากหัวเตียงออกมาให้ผมสั่งน้ำมูกลงไป


“เสื้อเราเปียกจนไม่พอให้แดนเช็ดน้ำมูกแล้ว”


“........”


ผมรับกระดาษมา แล้วสั่งน้ำมูกดัง 'พรืด' จนกระดาษทิชชู่กองหลายแผ่นถึงจะเริ่มมีสติคืนมา


“นิ่งแล้วใช่ไหม? สองชั่วมองละ นิ่งได้แล้วเนอะ”


ตอนนี้น้ำตาไม่ไหลแล้ว แต่อารมณ์ยังคงจมดิ่งอยู่


สายตาเห็นภาพใบหน้าของครามชัดขึ้น เขาผมสั้นกว่าครั้งสุดท้ายที่ผมเจอเขามาก หากแต่โครงหน้าคมคายยังคงเจิดจ้าเหมือนเก่า ไม่เว้นแม้แต่รอยยิ้มที่ยังคงอบอุ่นไม่เปลี่ยนแปลง


เพียงแค่เห็น ผมก็อยากจะร้องไห้อีกรอบ หยาดน้ำคล้ายจะซึมออกมาจากดวงตา


“เสียใจที่เจอหน้าเราขนาดนั้นเลยเหรอ”


“เปล่า...ไม่ใช่นะ” ผมรีบบอก “ดีใจมากต่างหาก”


รีบยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดหยดน้ำใสก่อนที่จะร่วงผล็อยลงมา


“ขอโทษ...”


“รอบที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย”


“ขอโทษ...”


อีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกเมื่อผมยังคงไม่ยอมหยุดเอ่ย ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรนาน จนผมเอ่ยออกมา


“ขอโทษที่ตัดสินใจเอาเองโดยไม่นึกถึงคราม ขอโทษที่ตัวแย่ๆ ขอโทษที่ทำร้ายความรู้สึก ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ขอโทษที่ไม่ได้ไปหาวันนั้น ขอโทษ ขอโทษทุกๆ อย่าง”


“........”


“อย่าเกลียดได้ไหม จะไม่ยกโทษให้ก็ได้ แต่อย่าเกลียดเราได้ไหม”


มือใหญ่ทับกับหลังมือผม เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น กระทั่งเราห่างกันเพียงแค่ห้วงลมหายใจ


ตั้งแต่พบเขาอีกครั้งจนถึงตอนนี้ ผมไม่ได้มองดวงตาเขาให้ลึกลงไปชัดๆ พอได้เงยหน้ามองเขาเต็มๆ ตาแบบนี้ ผมถึงตระหนักว่าผมโหยหาคนตรงหน้ามากแค่ไหน


มันมากจนความรู้สึกผิดกดทับร่างกายผมให้หายใจไม่ออก


“ถึงอยากเกลียด ก็เกลียดไม่ลงหรอก” เขาตอบ


ริมฝีปากของผมเม้มเข้าหากัน สองหูเงี่ยฟังเสียงทุ้มต่ำ


“เราไม่เคยผิดหวังในตัวแดน แค่ไม่เข้าใจว่าแดนคิดอะไร”


“........”


“ไม่โกรธด้วย”


“........”


“โอเค ตอนแรกก็โกรธเหมือนกัน ว่าทำไมต้องหนี ทำไมต้องหายไป แค่ไปส่งยังไม่ยอมไปเลย จนคิดว่าที่ผ่านมาเราคิดไปเองฝ่ายเดียว รู้สึกไปเองฝ่ายเดียวหรือเปล่า”


ผมพยายามกลืนน้ำลายลงคอ คิดจะบอกบางอย่าง ทว่าครามยังคงเอ่ยต่อ


“แต่พอเห็นรูปที่แดนอัพเดตทุกวัน รูปที่เราไม่เคยเห็นมีมากขนาดนั้น...เราโกรธไม่ลง”


“........”


“จะโกรธคนที่ไม่เคยละสายตาไปจากเราเลยได้ยังไง” ครามเอ่ยด้วยรอยยิ้ม


แค่ได้ยินก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้ ผมโผเข้าไปกอดเขาแน่น


กอดแน่นด้วยความรู้สึกว่าอยากทดแทนช่วงเวลาที่ผมปล่อยเขาไป แม้จะทดแทนไม่ได้ แต่ผมก็กอดเขาแน่นที่สุด เท่าที่แรงจะมี


.

.




ร่างสูงใหญ่ขยับกายออกเล็กน้อย ให้ผมที่ยังคงร้องไห้เงยขึ้นไปสบตา


ริมฝีปากตรงหน้าโน้มเข้ามาหา ปลายลิ้นอุ่นแตะสัมผัสที่หยาดน้ำใสจากปลายคางขึ้นมาบนแก้ม แล้วประทับกลีบปากใต้เปลือกตาแผ่วเบา จูบซ้ำที่แนวแพขนตาเปียกชื้นทั้งสองข้าง ก่อนจะผละออก


“หวานปนขมไปหน่อย”


ครามยิ้มน้อยๆ ปลายจมูกโด่งเข้ามาคลอเคลียคืบใกล้ ให้สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น


ผมหยุดสะอื้น นัยน์ตาจ้องมองเขาที่ค่อยๆ แนบจุมพิตบดเบียดกับริมฝีปากผม


รสชาติหวานปนขมที่ว่าแทรกซึมเข้ามาในปาก เรียวลิ้นรับรู้ถึงหยาดหยดที่เรียกว่าน้ำตา ลิ้มรสจนความขมปร่าลิ้นเลือนหาย และถูกทดแทนด้วยความหวานละมุน


จังหวะของปลายลิ้นอีกฝ่ายนุ่มนวล เนิบช้า ราวกับจะทำให้ตายใจ ก่อนที่จะเร่งเร้า ดูดดื่ม


ลิ้นของผมถูกเขาดูดกลืนพร้อมกับลมหายใจ ไออวลอากาศที่คนตรงหน้ากลืนกินเข้าไปทำให้ผมรู้สึกราวกับจะขาดใจ ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ขัดขืน


หากเขาต้องการให้ผมขาดใจตายเสียตรงนี้ ผมก็ยินยอม


สองมือยกขึ้นไปกอดรอบคอกายสูงใหญ่ ปลายนิ้วขยำหลังเสื้อเขา เลือดในกายสูบฉีดถี่แรง หากผมได้แต่ส่งเสียงครางเครือในลำคอ


แล้วครามก็ถ่ายทอดลมหายใจของเขากลับมาให้ผม ต่อชีวิตให้หัวใจของผมยังคงเต้น


เมื่อเขาผละออกไปแล้ว ดวงตาของผมก็ได้แต่จ้องมองเขา


ภายในอกสงบนิ่งลง เมื่อตระหนักได้ว่าครามอยู่ตรงหน้าผมแล้วจริงๆ


“ค่อยหวานขึ้นหน่อย”


รอยยิ้มสวยวาดบนใบหน้าหล่อเหลา ทำให้ผมส่งยิ้มกว้างตาม


หลังจากที่สงบจิตสงบใจได้แล้ว ผมถึงเพิ่งจะสังเกตไปรอบตัว


หลายสิ่งผิดปกติ อย่างเช่นลักษณะห้อง ดูไม่เหมือนกับครั้งสุดท้ายที่ผมออกจากโรงแรม แล้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่เคยวางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้าก็หายไป


ผมเริ่มขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยออกมา


“กระเป๋าเราหายไป”


“เหรอ แล้วมีอะไรหายไปอีกหรือเปล่า”


คราวนี้ผมลุกขึ้นไปเดินสำรวจรอบห้อง เดินเปิดโน่นดูนี่ แล้วเดินออกไปนอกห้องเพื่อดูหมายเลขหน้าประตู พอเห็นแล้วก็ได้แต่เบิกตาอ้าปากค้าง เพราะเลข


ห้องไม่ใช่ห้องของผมไม่พอ ยังเป็นคนละชั้นอีกด้วย


จะว่าไป ผมไม่ได้ไปขอคีย์การ์ดจากฟร้อนต์ของโรงแรมด้วยซ้ำ


“กว่าจะรู้ตัว ความรู้สึกช้าจัง”


ครามพูดพลางหยิบเอากุญแจออกมาชูให้ผมดู


“ทำไม...”


ผมอ้าปากพะงาบ สองขาเดินกลับไปหาร่างสูงใหญ่


“นั่นสิ ทำไมนะ”


พยายามใช้สมองประมวลความคิด คนที่จะมีกุญแจห้องพักของโรงแรมได้ ก็ต้องเป็นแขกของโรงแรมไม่ผิดแน่


“เดี๋ยว อย่าบอกนะว่าครามพักอยู่โรงแรมนี้”


“ใช่ เราพักอยู่ที่นี่”


ผมยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ ใบส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ


“แล้วอพาร์ทเม้นต์นั้นล่ะ...”


“เราย้ายออกจากที่นั่นตั้งแต่เดือนสองเดือนแรกแล้ว”


“ย้ายออก?”


ถ้าย้ายออก ผมก็ชักจะเข้าใจว่าทำไมคนที่มาเปิดประตูถึงทำท่าไม่รู้จักคราม


“จะบอกอีกอย่าง แล้วอย่าตกใจล่ะ ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ฝรั่งเศส แต่อยู่อังกฤษ”


“หา!? อยู่อังกฤษ!” เขามาเรียนต่อที่ฝรั่งเศส แล้วทำไมถึงไปอยู่ที่อังกฤษได้


เหมือนอีกฝ่ายจะมองความสงสัยของผมออก ถึงได้ตอบ


“เราเทคคอร์สจบตั้งแต่เทอมแรก เลยเลือกไปฝึกงานที่โน่น”


โอเค...เขาจะไปฝึกงานคนละประเทศก็ได้ แต่อยู่ๆ จะโผล่มาที่นี่ แล้วยังมาเจอผมหน้าอพาร์ทเม้นที่ย้ายออกไปหลายเดือนไม่ได้!


เรื่องบังเอิญเหรอ?


“แล้ว...แล้วครามมาที่นี่ได้ยังไง”


“นั่งเครื่องบินมา”


“........”


จากอังกฤษมาที่นี่ จะนั่งเครื่องบินมาก็ไม่แปลกหรอก ทว่าที่ผมสงสัยไม่ใช่ว่าเขามาที่นี่ด้วยอะไรเสียหน่อย


“ลาหยุดมาเลยนะ กะว่าจะอยู่กับแดนจนกว่าแดนจะกลับ”


สองคิ้วยิ่งขมวดเข้าหากันหนักขึ้น


“ครามรู้เหรอ ว่าเราจะมาที่นี่”


“รู้สิ”


ใครบอกครามกัน หรือว่าจะเป็นหนึ่ง...แต่เท่าที่ผมจำได้ ผมบอกกับหนึ่งแค่เรื่องวันเดินทาง ไม่ได้บอกว่าจะแวะไปที่ไหน หรือพักอยู่ที่โรงแรมอะไร


“รู้ได้ยังไง...”


“นั่นสิรู้ได้ยังไงนะ”


“........”


“คิดเร็ว” ครามยิ้มเหมือนกำลังสนุกที่เห็นผมทำหน้าเด๋อด๋า


“ขอใช้สิทธิรีดความลับได้มั้ย”


ครามเลิกคิ้วขึ้น คลี่ยิ้มที่ริมฝีปาก


รอยยิ้มที่ประดับบนโครงหน้าคมคายดูแปลกตาไม่น้อย คงเพราะอีกฝ่ายไว้ผมสั้นไม่เหมือนก่อน ทว่ายังคงดูเจ้าเล่ห์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน


.

.



ผมตกใจเมื่อรู้ว่าพี่เจนที่ผมคุยด้วยมาตลอดคือคราม


ไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดี


จะบอกว่าตัวเองโง่ได้ไหมนะ? เพราะผมไม่เคยระแคะระคายสักนิด


พอผมถามครามว่าทำไมถึงไม่ยอมบอกว่าตัวเองคือพี่เจน เขาก็ตอบว่า


“ตอนแรกก็แค่ทักไปเพาะไม่รู้ว่าจะเริ่มคุยยังไง เลยทำเป็นแฟนคลับภาพของแดนเข้าไปทัก หลังจากนั้นก็เริ่มอยากรู้ว่าแดนจะหวั่นไหวกับใครบ้างหรือเปล่า แล้วก็อยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะรู้ตัวสักทีด้วย”


“หวั่นไหวกับรุ่นแม่อะนะ” พี่เจนบอกว่าอายุรุ่นแม่ผม บอกมาแค่นี้ผมก็วางพี่เจนอยู่ในฐานะคนที่ผมต้องให้ความเคารพแล้ว


“ถ้าบอกว่าเด็กกว่านี้แล้วแดนหวั่นไหวจริงจะทำยังไง”


“........”


ก็ถ้าหวั่นไหว คนคนนั้นก็คือครามอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?


ผมไม่เข้าใจความคิดของเขาเท่าไหร่


“อีกอย่าง...ตอนที่แดนคุยกับเราที่แกล้งเป็นพี่เจน ไม่เหมือนตอนที่แดนคุยกับเรา ถ้ารู้ว่าเป็นเรา ก็คงไม่บอกเราตรงๆ หรอกว่า 'จะเก็บจูบของแดนให้คนเพียงคนเดียว' ”


สองแก้มผมร้อนผ่าวขึ้นมาทันที


ใช่สิ ใครจะกล้าบอกเจ้าตัวตรงๆ ล่ะ คุยกับคนในเน็ตไม่เคยเห็นหน้าค่าตา มันไม่เหมือนกับคุยกับคนที่รู้จักกันต่อหน้านะ


ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้ผมจะไม่ได้คุยกับพี่เจนลึกอะไร ทว่าก็เปิดใจคุยกับเขาเรื่องที่ผมพยายามที่จะเปลี่ยนตัวเอง พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อใครคนนึง และสุดท้ายถึงแม้ว่าจะล้มเหลว ผมก็จะไม่เสียใจที่พยายามทุกอย่างแล้ว


“เรานึกว่าเราไม่มีหวังแล้ว” พอรู้ว่าความจริงแล้ว ครามคอยอยู่ให้กำลังใจผมมาตลอด บ่อน้ำตาก็ชักจะตื้นขึ้นอีกครั้ง “เห็นครามไม่เคยตอบโปสการ์ดที่เราส่งให้ เราคิดว่าเราแทบไม่มีโอกาสจะทำให้ครามยกโทษให้แล้ว”


“โปสการ์ด?”


ผมพยักหน้า


“เราส่งไปที่ที่อยู่เก่าที่ได้มาจากหนึ่ง พอรู้ว่าครามย้ายออกไปตั้งนานแล้วก็ค่อยโล่งใจ”


แล้วครามก็หุนหันลุกขึ้น หยิบเสื้อออกมาใส่แล้วสะพายกระเป๋า จนผมต้องเอ่ยปากถาม


“จะไปไหนเหรอ”


“ไปทวงโปสการ์ด!”


ผมหลุดหัวเราะออกมา ไม่รู้ว่าพวกเราจะไปทวงได้มาสักใบหรือเปล่าเหมือนกัน ผมเองไม่เสียใจหรอกถ้าไม่ได้คืน เพราะผมสามารถเขียนให้เขาใหม่ได้เป็นพันเป็นหมื่นเป็นล้านๆ ใบ แต่ดูท่าครามจะหัวเสียเอามากๆ ถ้าเอาคืนมาไม่ได้


ในอกเต็มตื้นไปด้วยความสุขจนล้น


แค่ผมกับครามเดินจับมือกัน โอบกอดกันและกันไปตลอดทาง แค่นี้ผมก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว



.

.



CONT.





ออฟไลน์ Primpraii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 21 P.13 01.09.2018]
«ตอบ #387 เมื่อ22-09-2018 14:35:29 »

23






ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในยุโรป ครามจะคอยอยู่กับผมเสมอ ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่ผมทำกิจกรรมของกองประกวด


ผมเห็นคนร่างสูงถ่ายวีดีโอตอนที่ผมอธิบายเรื่องภาพถ่ายที่ชนะการประกวดเก็บไว้ทุกช็อต ทุกรอบ ถ่ายไปยืนยิ้มกริ่มไปไม่หยุด


ปกติเคยแต่แอบถ่ายเขา พอโดนถ่ายเองก็ไม่คุ้นชินสักที แล้วถูกถ่ายไม่พอ ครามยังจะเล่นคลิปช่วงที่ผมพูดซ้ำๆ ให้ผมได้ยิน จากเดิมที่รู้สึกอายเอามากๆ หลังๆ ก็เริ่มไม่อาย และชักจะอยากลบคลิปทิ้งไปให้หมด


เสร็จจากกิจกรรม เราก็จะท่องไปในที่ต่างๆ ด้วยกันจนกระทั่งดึกดื่น บางทีจนถึงเช้าไม่ได้นอนก็มี เพื่อที่จะได้อยู่มองดูพระอาทิตย์ขึ้น เก็บเกี่ยวทุกวินาทีให้ได้มากที่สุด


ช่วงเวลาที่อยู่กับเขา ทำให้หัวใจของผมกลับมาสัมผัสความสุขที่ล้นปรี่อีกครั้ง ถึงอย่างนั้นความสุขก็ช่างสั้นเหลือเกิน


“พรุ่งนี้ต้องกลับไทยแล้ว”


ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงหมองหม่น


คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ผมจะอยู่ที่นี่ รุ่งเช้าก็ต้องเดินทางไปสนามบินและเดินทางกลับประเทศ


เพิ่งได้เจอกันแท้ๆ แต่ก็ต้องห่างกันอีกจนได้


ถึงแม้การห่างกันคราวนี้ จะไม่ใช่การจากกันด้วยความไม่เข้าใจเหมือนคราวก่อน ทว่าผมก็รู้สึกห่อเหี่ยวอย่างบอกไม่ถูก


“ซื้อของครบแล้วเนอะ คุณธรณ์เขาไม่ได้ฝากซื้ออะไรอย่างอื่นนอกจากช็อกโกแล็ตไวน์ใช่ไหม” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามขณะที่ช่วยผมเก็บข้าวของใส่กระเป๋า


ใบหน้าของผมพยักให้แทนคำตอบ


“เป็นอะไร ทำหน้าเศร้าเชียว” เจ้าของกายสูงใหญ่ละจากกระเป๋าเดินทางแล้วเดินมาหาผมที่นั่งมองเขาอยู่ข้างเตียง


พยายามปั้นยิ้มบนใบหน้า และเปลี่ยนเรื่องพูด


“คราม...เราจะทำยังไงให้ครามรู้สึกดีได้บ้าง”


คนตรงหน้าเลิกคิ้ว แล้วเปลี่ยนมานั่งลงข้างกายผม


“นั่นสิ แดนต้องทำยังไงดี” เสียงอีกฝ่ายเหมือนติดสนุกเล็กๆ ไม่รู้ทำไมตอนนี้เวลาที่เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ถึงรู้สึกว่าดูแบ๊ดบอยกว่าแต่ก่อนมาก


อาจเพราะเขาไว้ผมสั้นละมั้ง? เพราะความจริงเรือนผมยาวบางครั้งก็ช่วยส่งให้โครงหน้าคมคายดูอ่อนลง หากแต่พอเขาตัดผมทรงอันเดอร์คัท ข้างหูเกือบเผยให้เห็นหนังศีรษะ ความหล่อเหลาก็ยิ่งถูกขับให้คมเข้ม


ผมตัดสินใจขยับเข้าไปใกล้คราม ก่อนย้ายกายขึ้นมานั่งทับคร่อมตักอีกฝ่าย


แต่ไหนแต่ไร ผมไม่เคยคิดหรือกล้าทำแบบนี้ ถึงอย่างนั้นคืนนี้กลับรู้สึกอยากทำอะไรที่แตกต่างจากผมคนเก่า


“อยากทำให้ไม่ลืม”


ครามมองผมนิ่ง คอยจับจ้องทุกการกระทำว่าผมจะทำอะไรต่อจากนี้


ผมยืนหยัดด้วยเข่าบนเตียง ให้ร่างกายตนเองอยู่สูงกว่า ใบหน้าโน้มเข้าใกล้เขา กระทั่งปลายจมูกของเราชนกัน


ปล่อยเวลาให้ต่างฝ่ายได้รับรู้ถึงกระแสลมหายใจอุ่นที่วนเวียนเหนือกลีบปากชั่วครู่ ก่อนจะหลอมรวมอวลอากาศนั้นผ่านริมฝีปาก


ริมฝีปากที่ไม่ว่าจะลิ้มลองกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ แล้วยังทำให้ลุ่มหลงมากขึ้นได้ทุกๆ ครั้งที่แนบสัมผัส


เรียวลิ้นชื้นของผมเป็นฝ่ายแทรกเข้าหา โดยที่ครามรับไว้อย่างอ่อนโยน ใจเย็น จนผมเป็นฝ่ายอยากจะมอบความรุ่มร้อนให้เสียเอง


ละเลียดชิมรส ไม่ปล่อยหยาดน้ำหวานสีใสไปแม้แต่หยาดหยด แม้จะผละออกจากกัน ก็ยังไม่รู้สึกว่าเพียงพอแม้แต่น้อย


สองมือประคองโครงหน้าไร้ที่ติ ดวงตาประสานกับนัยน์ตาอีกฝ่าย


“ถ้าแค่นี้ อาจจะลืมก็ได้”


เจ้าของเสียงทุ้มยิ้มกริ่ม ทำให้ผมตอบออกไป


“ไม่ใช่แค่นี้หรอก”


เอ่ยพลางขยับตัวลงจากเตียง และลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ร่างกายอยู่ตรงกลางหว่างขาคนร่างสูง สายตาหลุบมองต่ำเมื่อมือสั่นค่อยๆ เคลื่อนไปจับที่ขอบกางเกงขายาวของคราม


หัวใจของผมเต้นแรง ไอร้อนแผ่ออกจากกาย มือปลดกระดุมกางเกงตรงหน้าออก ก่อนเหลือบดวงตาขึ้นมองเจ้าของกายกำยำที่กำลังมองผมอย่างเร่าร้อน จนแทบจะหลอมละลายผมได้ตรงนี้


ผมก้มใบหน้าลง แนวฟันลากซิปให้เปิดออก กระทั่งส่วนที่แสดงถึงความเป็นชายดุนดันออกมาให้เห็น


ปลายนิ้วแตะส่วนที่ยังไม่ตื่นตัวถึงที่สุดเบาๆ ผ่านเนื้อผ้ายืด เกี่ยวขอบกางเกงชั้นในลงเพื่อให้ริมฝีปากของผมแตะรับส่วนนั้น


.

.




ผมหวังว่าบทรักที่ดำเนินไปต่างจากทุกครั้ง จะทำให้ความทรงจำใหม่ระหว่างผมและครามจะติดตรึงอยู่กับเราไม่ลืม


เวลาที่ขยับกาย และทอดมองลงสบนัยน์ตาคม ราวกับว่าผมจะสามารถหลอมละลายอยู่บนร่างเขาได้


เสียงครางเคล้าเสียงลมหายใจหอบดังก้องผสานจนแยกไม่ออก สองร่างหลอมรวมกลายเป็นหนึ่ง แม้แต่หยาดเหงื่อก็แทบจะแยกกันไม่ได้อีกต่อไป อารมณ์ของผมควบคุมไม่อยู่ จนต้องซุกใบหน้าลงกับซอกคออีกฝ่าย และกอดเขาแน่นราวกับไม่ต้องการปล่อยไปไหนอีก แม้ช่องท้องจะดูดกลืนหยาดธารร้อนรุ่มจนเต็ม ผมก็ยังไม่รู้สึกเพียงพอสักนิด


“คราม...”


“ครับ” ริมฝีปากร้อนฉ่าจรดเสียงกระซิบข้างหู


“มากกว่านี้...อยากได้มากกว่านี้”


“แดนรับเราเข้าไปเต็มขนาดนี้แล้ว ยังไม่พอเหรอ”


“ไม่พอ...”


“........” อีกฝ่ายจ้องผมเขม็ง ดวงตาทอประกายแรงกล้าราวสัตว์ป่า ก่อนจะเป็นฝ่ายจับร่างผมให้นอนลง


สองแขนถูกกดจมไปกับที่นอน ผ้าปูเตียงยับยู่ยี่ซับหยาดเหงื่อเม็ดละเอียดจากแผ่นหลัง ต่อให้มีเรี่ยวแรงเหลือมากกว่านี้ก็ไม่คิดอยากต่อต้าน


“พูดยั่วขนาดนี้ ที่อุตส่าห์ทนเป็นคนดีก็เสียหมดสิ”


ครามเอ่ย ก่อนจะเริ่มขยับส่วนที่ยังเชื่อมติดอีกครั้งอย่างดุดัน


.

.



เสียงโทรศัพท์ในห้องของโรงแรมดังขึ้นตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง


ครามเป็นคนเอื้อมมือไปยกหูรับสาย เป็นฟร้อนต์ของโรงแรมที่โทรขึ้นมาปลุกเรา เพราะอีกไม่นาน คณะของกองประกวดก็จะต้องเดินทางไปสนามบินแล้ว


ผมลืมตาอย่างงัวเงีย ใบหน้าซุกหาแผงอกเปลือยอบอุ่นอย่างไม่อยากผละไปไหน


“แดน...ตื่นเร็ว ไปอาบน้ำแต่งตัวกัน”


สองแขนยิ่งกอดคนร่างสูงแน่น ครามเห็นว่าผมดื้อไม่ยอมเชื่อฟัง ก็อุ้มผมขึ้นจากเตียงแล้วพาผมเข้าไปในห้องน้ำ


เขาทำให้ผมทุกอย่าง และผมก็ทำตามทุกอย่างที่เขาบอกเช่นกัน


บอกให้อ้าปากก็อ้า บอกให้ยกแขน หันซ้าย หันขวาก็ทำ แต่ผมก็ไม่ยอมทำอะไรเอง ปล่อยให้อีกฝ่ายแปรงฟัน อาบน้ำ ถูสบู่ให้เสร็จสรรพ


ที่ทำตัวเหมือนทำอะไรเองไม่ได้เพราะอยากประท้วงเล็กๆ ว่าผมไม่อยากไป ครามไม่ได้หงุดหงิดใส่ หากยังยิ้มเหมือนเป็นเรื่องสนุก มือใหญ่จับโน่น ถูนี่ ไม่เว้นแม้แต่สักส่วนเดียวให้เล็ดรอด กระทั่งสิ่งที่เขาปลดปล่อยอยู่ในกายผมเมื่อคืน ก็ถูกปลายนิ้วยาวแทรกเข้าไปล้าง


เพราะเผื่อเวลาตื่นเอาไว้ เราจึงมีเวลาลงไปแช่น้ำอุ่นในอ่างน้ำต่อ


ผมเอนหลังนอนพิงกับแผ่นอกกว้าง ยามขยับตัวก็ได้ยินเสียงน้ำกระฉอกออกจากขอบอ่าง แขนข้างหนึ่งของครามพาดกับขอบอ่างไว้ ส่วนอีกข้างรวบกับเอวผม


“ไม่อยากไปเลย” น้ำเสียงหงอยๆ แฝงไว้ด้วยความกังวล


เวลากระชั้นเข้ามาทุกที ผมยังทำใจจากไปไม่ได้จริงๆ ไม่รู้ว่าตอนนั้นผมกลั้นใจจะไม่ไปส่งเขาที่สนามบินได้ยังไงเหมือนกัน


“แดนไม่ไว้ใจเราเหรอ”


“เปล่า”


“หรือไม่ไว้ใจตัวเอง”


“ไม่มีทางหรอก” ผมโพล่ง ใบหน้าเอี้ยวกลับไปหาเจ้าของกายกำยำ แล้วก็ต้องพบกับรอยยิ้มสะกดสายตา


“ทำแบบนี้ เราจะยิ่งไม่อยากปล่อยให้แดนกลับนะ”


“ก็ไม่ต้องปล่อยสิ” ผมเอียงใบหน้าซบกับบ่าเขา กลิ่นกายหอมดึงดูดยิ่งทำให้ไม่อยากจาก


ครามไม่ตอบอะไร เขาลูบหัวไหล่ผมเบาๆ คล้ายปลอบประโลม


ทั้งๆ ที่รู้ว่าระหว่างผมกับคราม จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแท้ๆ แต่ก็ยังอดอาลัยอาวรณ์ไม่ได้ คงเพราะความรู้สึกผิดจากคราวก่อนยังติดอยู่ในใจของผมเสมอ


“ไปใส่เสื้อผ้ากัน”


เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเอ่ยในที่สุด เรียกให้ผมออกจากถ้ำที่สร้างขึ้นเพื่อหนีความจริง


คนร่างสูงอุ้มผมขึ้นจากอ่าง แล้วพาไปใส่เสื้อผ้า ผมยังคงดื้อดึงจนวินาทีสุดท้าย


ตลอดเวลาที่ครามเช็ดตัวและใส่เสื้อผ้าให้ เราต่างนิ่งเงียบไม่พูดอะไร


ความเงียบไหลบ่าท่วมท้น หากแต่ในความเงียบงัน ผมยังคงได้ยินเสียงขับกล่อมคลอเคลียอยู่ในสองหู และเสียงนั้นจะไม่มีทางเลือนหาย


นั่นคือเสียงหัวใจเต้นของครามที่หนักแน่น มั่นคง อยู่ทุกจังหวะ


และผมหวังว่าครามเอง ก็จะรู้สึกเช่นเดียวกันกับเสียงหัวใจเต้นของผม



.

.



ผมเดินทางออกจากโรงแรมพร้อมกับพี่เลี้ยงจากคณะของกองประกวดภาพถ่าย ส่วนครามเรียกรถแยกตามไป


ในใจเกิดคิดหวังลมๆ แล้งๆ ตลอดการเดินทางที่อยู่บนรถ ว่าการจราจรจะติดขัดหนัก จนผมไปสนามบินไม่ทัน และไม่สามารถเดินทางกลับได้ ขอแค่ยืดเวลาออกไปอีกนิดก็ยังดี


ทว่าเรามาถึงสนามบินได้ตรงตามกำหนดการ ไม่มีข่าวเลื่อนหรือยกเลิกไฟลท์ใดๆ ทั้งสิ้น


ได้แต่จินตนาการว่าถ้าคราวที่แล้วผมกับครามได้ร่ำลากันที่สนามบิน ผมจะรู้สึกอย่างในตอนนี้หรือไม่


จะเศร้า จะอาลัยอาวรณ์ ไม่อยากจากกันสักแค่ไหน


แต่สิ่งหนึ่งที่คงเหมือนกันก็คือ เราไม่มีคำสัญญาที่จะเอ่ยต่อกัน


หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้ว ผมยืนอ้อยอิ่งอยู่ด้านนอก รอให้จวนเจียนจะวินาทีสุดท้าย เก็บเกี่ยวทุกขณะให้มากที่สุด


ผมพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ฟูมฟาย และยิ้มอย่างมีความสุขให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปในจุดตรวจ ส่วนครามเองก็พยายามที่จะที่แบบเดียวกัน เขากดจูบที่หน้าผากผมเนิ่นนานกว่าจะผละออก


ครั้งนี้ครามไม่เอ่ยบอกให้ผมรอ ผมเองก็ไม่พูดออกไป คงเพราะหากยิ่งเอ่ย หัวใจของพวกเราคงจะยิ่งรู้สึกว่าเราจะต้องจากกันและห่างกันจริงๆ


สุดท้ายจึงเลือกที่จะทำทุกอย่างให้ปกติ จับมือกันจนกว่าจะถึงเวลา ระลึกไว้ว่าการแยกกันครั้งนี้แค่เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น


เพียงแค่ชั่วพริบตา พวกเราก็จะกลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว


ทุกก้าวที่เดินหันหลังจากครามเพื่อเข้าไปด้านใน ผมจะหันไปมองคนร่างสูงไม่หยุด ดวงตาของเราประสานกัน จับจ้องกันและกันจนกว่าจะลับสายตา


แม้จะใจหาย สองตารื้นไปด้วยหยาดน้ำ ทว่าอย่างน้อยพวกเราก็ยิ้มให้กัน และเอ่ยให้กันก่อนจะพบกันใหม่


“แล้วเจอกันนะแดน!” ครามตะโกนไล่หลัง


“แล้วเจอกัน!”


ผมส่งเสียงดังบอกเขา


แล้วเราจะกลับมาพบกันใหม่ อย่างที่เราว่าไว้


และคราวนี้ พวกเราจะไม่จากกันไปไหนอีก


.

.




TO BE CONTINUED IN EPILOGUE








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2018 14:39:26 โดย Primpraii »

ออฟไลน์ Primpraii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Re: ✻✻ ค ว้ า เ ดื อ น ✻✻ Chapter 21 P.13 01.09.2018]
«ตอบ #388 เมื่อ22-09-2018 14:40:05 »

Epilogue







[ทำไรอยู่]


แม้ว่าแอคเคาท์ที่ทักผมมาจะยังเป็นแอคเคาท์พี่เจน ทว่าเจ้าของตัวจริงไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น 'คราม' ที่ไม่คิดจะเปลี่ยนชื่อ ทำให้ผมอดรู้สึกขำทุกครั้งไม่ได้ที่คุยกับเขา


[กำลังตื่นเต้น พรุ่งนี้แฟนจะกลับมาแล้ว]


[ไปนอน เดี๋ยวตื่นไม่ไหวไปรับแฟนไม่ทันทำไง]


[ให้นอนตั้งแต่ห้าโมงเย็น จะหลับลงได้ไงครับ]


[ดื้อเหรอ]


[ดื้อแล้วไง]


[เดี๋ยวโดนทำโทษ]


[รีบมาทำโทษเร็วๆ รอ]


[:P]


[เดี๋ยวโดนแน่!]


[กำลังจะออกจากที่พักแล้ว อยากเจอเร็วๆ]


[เหมือนกัน]


[เดินทางดีๆ นะ]


[ครับแฟน]


[see you soon honey :)]


ผมยิ้มเมื่ออ่านข้อความก่อนที่ครามจะออกไป แล้วจัดการปิดคอมพิวเตอร์ เก็บข้าวของลงกระเป๋าสะพาย


อีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนี้ การรอคอยก็จะสิ้นสุด


ฤดูร้อนผ่านไป หยาดฝนเข้ามาแทนที่ แล้วความหนาวเย็นเล็กๆ ก็มาเยือน จนกระทั่งหน้าร้อนหมุนเวียนกลับมาอีกครั้ง


แม้กาลเวลาจะผันเปลี่ยน หลายสิ่งหลายอย่างไม่เหมือนเดิม ผมอยู่ปีสี่เทอมสุดท้าย แล้วยังย้ายออกจากคอนโดเก่า


มันน่าเสียดายที่ต้องย้ายออกจากห้องเดิมที่เคยอยู่ ที่ที่มีความทรงจำหลายอย่างเกิดขึ้น ห้องที่เคยเต็มไปด้วยความทรงจำของผม ต่อไปเมื่อมีคนย้ายเข้ามาใหม่ ก็จะสร้างความทรงจำอื่นขึ้นมาแทน ถึงอย่างนั้นผมเชื่อว่าสิ่งที่ฝังลึกและตราตรึงอยู่ในนั้น จะยังอยู่กับผมเสมอ


ผมทยอยขนของออกจากห้องได้หลายวันแล้ว และครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่จะยืนอยู่ในห้องนี้


ก่อนจะออกจากห้อง ผมหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า หันไปมองรอบห้องที่ดูโล่งกว่าเดิมมาก


รู้สึกใจหายไม่น้อย แต่ไม่ว่ายังไงคนเราก็ต้องเดินหน้าต่อ ผมก้าวออกจากห้องในที่สุด ปิดประตู แล้วมุ่งหน้าไปยังที่พักแห่งใหม่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดของผมเท่าไหร่


ห้องที่ผมจะไปอยู่ อยู่ถัดออกไปสองซอยเท่านั้น ซึ่งก็เป็นห้องของครามนั่นเอง


สาเหตุที่เราตกลงจะย้ายมาอยู่ด้วยกันก็เพราะว่าผมใกล้จะเรียนจบแล้ว ส่วนครามยังต้องเรียนต่อปีห้า ครามบอกว่าพอผมจบไปคงไม่ได้เจอกันบ่อยๆ เหมือนตอนเรียนมหาวิทยาลัย แล้วผมก็ได้ทำงานที่สตูดิโอของคุณธรณ์ต่อด้วย เขาจึงงอแง กลัวว่าผมจะบ้างาน แล้วเราจะไม่ได้เจอหน้ากัน


ผมยืนยันว่ายังไงผมก็ต้องเจอเขาอยู่แล้ว คอนโดเราอยู่ห่างกันสองซอยเอง แล้วเราก็ค้างด้วยกันได้บ่อยๆ เหมือนเดิม ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมท่าเดียว และยื่นคำขาดให้ผมย้ายไปอยู่ด้วยตอนเขากลับมา


ถึงแม้ผมจะคิดว่าเขาคิดมาก แต่ผมก็ไม่คิดจะขัด เพราะหลังจากที่เราต้องห่างกันมานาน ผมเองก็อยากอยู่กับเขาเหมือนกัน


ผมมาเตรียมจัดข้าวของ และทำความสะอาดคอนโดของครามได้ระยะหนึ่งแล้ว ทั้งเอาของใช้ตัวเองมาวาง ซื้อของมาเพิ่ม และเปลี่ยนตู้เก็บของเหนือเคาน์เตอร์ครัวเป็นไม้แทนตู้กระจก


ไม่รู้ว่าพอครามกลับมาถึง จะประหลาดใจและคิดว่านี่ไม่ใช่ห้องของตัวเองหรือเปล่า


ถึงเขาจะคิดอย่างนั้นก็สายเกินไปที่จะเปลี่ยนใจ ตอนนี้ถ้าเขาไล่ผมออกไป ผมก็ดึงดันจะอยู่อยู่ดี


เมื่อผมมาถึงห้องของคราม ผมก็วางข้าวของ แล้วเดินไล่ดูความเรียบร้อยของสิ่งต่างๆ เปิดดูตู้เย็นว่ามีของกินใส่เต็มครบถ้วน เปิดดูตู้เสื้อผ้าว่ามีเสื้อผ้าของผมแขวนและพับเรียบร้อย โดยเว้นพื้นที่รอให้ครามมาใส่ของตนเพิ่ม


แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วว่าผมกับครามจะสร้างความทรงจำใหม่ๆ ในห้องนี้เพิ่มขึ้น เราเคยเริ่มต้นความสัมพันธ์ในห้องนี้ จากกันในห้องนี้ และจะดำเนินความสัมพันธ์ต่อไปในห้องนี้เช่นกัน


หลังจากกินอาหารเย็นคนเดียว อาบน้ำและเข้านอนเร็วอย่างที่ครามกังวลว่าผมจะตื่นไปรับไม่ไหว


คืนนี้ดวงจันทร์นอกหน้าต่างสว่างไสวสวยงามเกินบรรยาย แต่ต่อให้ดวงจันทร์ด้านนอกจะสวยและเกินเอื้อมเพียงใด ก็ไม่มีทางสวยได้เท่ากับเดือนที่เป็นของผมเพียงคนเดียว


เดือนที่สอนให้ผมไม่ยอมแพ้


เดือนที่สอนให้ผมรู้จักที่จะลงมือไขว่คว้าสิ่งที่ต้องการมาเป็นของตัวเอง


เดือนที่สอนให้ผมรู้ว่า ไม่มีอะไรที่จะได้มาง่ายๆ โดยไม่พยายาม


ผมหลับตาลง รู้สึกโหวงเหวงข้างกายนิดหน่อย ที่ไม่มีใครอยู่ข้างๆ


แต่มันก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น เพราะเมื่อยามเช้ามาถึง ผมรู้ว่าผมจะไม่ต้องนอนคนเดียวและอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป


ผมจะมีเดือนที่ผมรักที่สุดคอยอยู่เคียงข้าง ทั้งกลางวัน กลางคืน


และผมก็จะอยู่เคียงข้างเดือนดวงนั้นไปตลอดเช่นกัน







#คว้าเดือน

- E N D -
[/b][/size]




จากใจไรท์เตอร์:


ในที่สุดเรื่อง 'คว้าเดือน' ก็จบลงแล้วค้าบ รู้สึกใจหายนิดๆ แต่ไม่เป็นไร ยังไงเราก็รู้ว่าความรักของครามและแดนจะยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ

ไรท์อยากจะขอบคุณนักอ่านทุกคน ที่คอยติดตามเรื่องนี้

ขอบคุณที่รักครามกับแดน ขอบคุณมากๆ จนไม่รู้จะขอบคุณยังไง

พวกคุณทุกคนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ครามกับแดนเติบโตอย่างสวยงาม

ถ้าหากครามกับแดนสามารถทำให้พวกคุณรู้สึกมีกำลังใจในการเดินหน้าต่อไปได้ แม้จะแค่เล็กน้อย ก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆ แล้ว

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับมิตรภาพและกำลังใจที่มีให้ ขอให้กำลังใจเหล่านี้ กลับไปสู่นักอ่านทุกคนเช่นกันนะคะ ^^

จนกว่าจะพบกันใหม่


Primpraii


ใครคิดถึง และอยากติดตามข่าวสาร พูดคุยกับไรท์ ไปเจอกันได้ที่ทวิต @Primpraii นะคะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2018 14:43:33 โดย Primpraii »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

หายไปนาน​  กลับมารอบนี้จบเรื่องเลย

ยินดีกับครามและแดนด้วย  ที่สุดท้ายก็ได้ครองรักกัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด