ไข่ฟองที่ 2 พี่ชายปอร์เช่
คนอย่างไข่ต้มมักมีแรงดึงดูดคนแปลกๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งคนแปลกหน้า กับผู้ชายที่ไม่รู้มาหลงเสน่ห์มันตั้งแต่ตอนไหน
ผมกับไข่ต้มยืนงงเหมือนตอนเรียนคณิตศาสตร์เมื่อจู่ๆ มีรถปอร์เช่คันหรูขับมาจอดหน้าที่ป้ายรถเมล์ตอนกำลังรอรถเมล์กลับกลับบ้าน ก่อนคนขับจะเลื่อนกระจกลง
ผู้ชายที่คาดว่าน่าจะวัยทำงานเพราะใส่เชิ้ตสีกรมท่าแต่อายุน่าจะไม่เกินสามสิบ เขาหยิบปากกาเขียนอะไรยุกยิกใส่เศษกระดาษ ก่อนหันมามองเราสองคนแล้วถอดแว่นกันแดดออก
หล่อแฮะ
"อะไรวะ" ไอ้คนมีเซนส์ขยับมายืนหลบหลังผม มันถามด้วยความระแวงเมื่อผู้ชายคนนั้นยื่นกระดาษมาให้
เขาพยักหน้าให้ผมหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่เพราะอยู่ด่านหน้าเลยเผลอก้าวเท้าไปหาพร้อมกับยื่นมือไปรับกระดาษแผ่นนั้น โดยลืมคิดไปเลยว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่ควรไว้ใจ
ผมก้มตัวเข้าไปกระจกรถที่เขาเปิดไว้ ทีแรกผมคิดว่าเขาอยากถามทางหรือขอความช่วยเหลือ แต่เขากลับชี้นิ้วไปข้างหลัง ไปยังคนที่ยืนทำหน้าตื่นตระหนกอยู่ หลังจากส่งแผ่นกระดาษให้ผมเรียบร้อยเขาก็ยิ้มแล้วขับรถจากไปท่ามกลางความงุนงง
ป้าบ!
"มึงตีกูทำไมเนี่ย" ผมยกมือจับต้นแขนที่โดนไอ้ไข่ต้มมันฟาด อยู่ดีๆ เป็นบ้าอะไรมาตีกันเฉย
"มึงไปคุยอะไรกับเขา"
"ก็เขาเรียกกูอ่ะ"
"ใครที่ไหนก็ไม่รู้ น่ากลัว"
ผมมองไข่ต้มที่ทำหน้าเครียดไม่เลิก มันกอดอกแสดงสีหน้าไม่พอใจระคนเป็นห่วง ผมรู้ว่าที่ทำไปเมื่อกี้มันไม่ปลอดภัย แต่ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นอะไรไง จะเป็นก็เพราะโดนมันทำร้ายร่างกายที่แหละ
"แล้วมึงไปรับอะไรจากเขามา"
ผมแบมือที่กำกระดาษของผู้ชายคนนั้นให้ไข่ต้มดู ในนี้มีตัวเลขเขียนไว้ด้วยปากกาดำ ดูๆ ไปมันอาจจะเป็น...
"เขาใบ้หวยให้เราป้ะวะ"
"หวยบ้านพ่อมึงสิมีสิบหลัก" ไอ้ไข่ต้มง้างมือทำท่าจะฟาดผมอีกรอบ
"มุกมั้ยล่ะมึง เอะอะก็ทำร้ายร่างกาย"
"เขาให้เบอร์มึงทำไมวะ"
"เปล่า เขาไม่ได้ให้กู" ผมส่ายหน้ารัว ถึงจะเดินไปรับมาแบบงงๆ แต่ผมจำได้แม่นว่าเขาชี้ไปข้างหลัง
เบอร์โทรศัพท์นี้ ผู้ชายคนนั้นตั้งใจจะให้ไอ้ไข่ต้ม
มันมองหน้าผมอย่างเข้าใจความหมายที่ต้องการสื่อแล้วส่ายหน้ารัว คว้ากระดาษที่อยู่ในมือผมไปแล้วเดินตรงไปที่ถังขยะก่อนโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี
"ทีหลังมึงห้ามรับของจากคนแปลกหน้าอีก" แล้วมันก็เดินกลับมาชี้หน้าว่าผม
"โอเคคร้าบ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว"
"แต่แม่งน่ากลัวจริงๆ เป็นใครที่ไม่รู้ แล้วมันให้เบอร์กูทำไมวะ"
"ถามจริงหรือแอ๊บ" ผมถามแกมด่า อย่างมันมีคนเข้าหาเป็นล้านรูปแบบมีหรือจะไม่รู้ ขนาดคนคนแก่วัยทำงานยังมีหลงมาเลย
"ก็อยากคิดเป็นอย่างอื่นบ้างมั้ยวะ"
"งั้นเขาคงมาขายประกันมั้ง มึงควรไปคุ้ยเบอร์เขากลับมาแล้วช่วยเขาทำมาหากิน"
"ขับปอร์เช่ขายประกันเลยเนอะ"
"หรืออาจจะเป็นแมวมองชวนมึงไปเป็นดารา"
"อืม...น่าคิด"
"หรือไม่ก็อยากจับมึงไปขาย"
"จับมึงสิ"
ผมหัวเราะให้กับคำด่าที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด เว้นแต่ตัวคนด่าเองที่ทำหน้าเครียดยิ่งกว่าเดิม ผมรู้ว่ามันกังวล สังคมที่อยู่ทุกวันนี้ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย มันเจอคนแปลกบ่อย ย่อมไม่แปลกที่มันจะกลัว
"อยู่กับกูมึงไม่ต้องกลัวหรอก" ผมยกมือขึ้นยีผมมันอย่างนึกมันเขี้ยว เกือบจะซึ้งอยู่แล้วถ้าไอ้ไข่ต้มมันไม่ปากเสียขัดขึ้นมา
"มึงอ่ะตัวดี พาคนแปลกๆ มาหากูตลอด"
"เอ้า!"
มันไม่พูดอะไรต่อ อมยิ้มก่อนเดินหนีไปนั่งรอ
ก็ได้ ผมยอมรับก็ได้ว่าเพราะความเอ๋อเลยพาคนแปลกๆ เข้ามาหามันก็ได้ แต่ผมจะยอมรับผิดโดยการอยู่เคียงข้างมันเอง ผมจะปกป้องมัน ไม่ให้คนแปลกหน้าหน้าไหนเข้ามาทำร้ายไอ้ไข่ต้มเพื่อนผมได้เป็นอันขาด
ปี๊ด!!
เสียงแตรรถที่ดังอยู่ไม่ไกลทำเอาทั้งผมทั้งไข่ต้มสะดุ้งสุดตัว เราละสายตาจากหน้าจอมือถือที่กำลังสุมหัวดูสิ่งน่าสนใจบนเฟซบุ๊กเงยหน้ามองหาต้นเสียง แล้วก็เจอกับปอร์เช่สีดำคันเดียวกับเมื่อวาน
ผู้ชายแปลกหน้า(แต่หน้าตาดี)มาอีกแล้ว
กระจกรถเลื่อนลงเขาก็ชะเง้อหน้ามามองพร้อมกวักมือเรียก ไข่ต้มเกาะแขนผมไว้แน่น สีหน้าหวาดระแวงขั้นสุด แต่พี่คนนั้นก็กวักมือเรียกไม่หยุดเหมือนกัน ดูท่าแล้วจะไม่ยอมละความพยายามง่ายๆ เสียด้วย
"เขาเรียกว่ะ"
"ก็ปล่อยให้เรียกไปดิ มึงห้ามไปนะ"
"ไม่ไปหาเขาหน่อยเหรอวะ"
"ไม่เอาเว้ย น่ากลัว เป็นใครก็ไม่รู้ กูตะโกนเรียกพี่ยามดีมั้ย"
"เขาคงไม่ทำอะไรหรอกมั้ง เดี๋ยวกูไปคุยเอง"
"มึง"
ผมแกะมือไข่ต้มออกโดยไม่ฟังคำคัดค้าน ลุกเดินอาดๆ เข้าไปหาพี่ปอร์เช่เพื่อเคลียร์ปัญหาให้รู้เรื่องกันไป ว่าเพราะเหตุใดพี่เขาต้องมายุ่งกับเพื่อนผมด้วย
"มีอะไรครับพี่"
"น้องคนนั้นชื่ออะไรเหรอ" พี่เขาบุ้ยปากไปยังคนที่นั่งทำหน้าน่ากลัวอยู่
"มันชื่อไข่ต้ม พี่มีปัญหาอะไรกับมันเปล่า"
"ไข่ต้มเหรอ ชื่อน่ารักจัง"
ผมตีหน้าขรึมใส่เมื่อได้ฟัง ถึงจะหล่อแต่แปลกหน้าแบบนี้เพื่อนผมมันไม่เอาหรอก ผมควรบอกพี่เขาไปเลยดีไหมว่าให้ตัดใจไปซะถ้าคิดจะจีบ
"สรุปพี่มีปัญหาอะไรป้ะครับ"
"น้องไข่ต้มมีแฟนหรือยัง"
หัวคิ้วผมกระตุกกึก โกหกไปเลยดีไหมว่ามันเป็นแฟนผม จะได้เลิกมาวุ่นวายสักที
"มันอ่ะแฟนผม"
"โธ่น้อง อย่ามาอำ"
เอ้า! ไม่เชื่ออีก
"ผมไม่ได้อำพี่ มันเป็นแฟนผมจริงๆ"
"งั้นพี่ฝากขนมให้แฟนน้องหน่อยนะ ฝากบอกด้วยว่ามาเป็นแฟนพี่ดีกว่า ขอบคุณครับ"
พี่เขายื่นกล่องขนมมาให้ ผมเลยรับมาด้วยความลืมตัว แถมยังแสดงความมีมารยาทสมกับเป็นลูกชายป้าสมพรบ้านขนมไทยด้วยการยกมือไหว้ขอบคุณ ก่อนคุณพี่ปอร์เช่จะปิดกระจกแล้วจากไป
"ทำอะไรของมึงเนี่ย" เสียงไข่ต้มแวดขึ้นมาทันทีเมื่อผมหันกลับไปหาพร้อมกล่องขนมในมือ
"พี่เขาฝากขนมให้มึงอ่ะ"
มันทำหน้าตึงคิ้วผูกโบว์ลุกเดินมาหาผม คว้าถุงขนมไปแล้วจ้องอย่างกับจะจับผมกินยังไงยังงั้น
"นี่มันขนมบ้านมึงไม่ใช่เหรอ"
ผมชะเง้อไปดูกล่องขนมในถุง ก็ว่าล่ะมันคุ้นๆ พี่เขาก็เป็นลูกค้าร้านขนมของแม่ผมด้วยเหรอ ถึงขั้นซื้อมาฝากด้วยแบบนี้
"อร่อยนะมึง"
ไข่ต้มทำหน้าเซ็งใส่ มันเดินตรงไปที่ถังขยะ เร็วกว่าความคิดผมถลาไปคว้าแขนมันไว้ ครั้งนี้มันไม่เหมือนใบใบ้หวยเมื่อวานเว้ย ห้ามทิ้ง!
"ถ้ามึงเอาทิ้งกูฟ้องแม่สมพรนะ"
"แล้วมึงไปรับของจากคนแปลกหน้ามาทำไมวะ ถ้ามันใส่ยาขึ้นมาทำไง"
"ยาเสน่ห์อ่ะเหรอ"
"เสน่ห์พ่อกู"
เกิดเดทแอร์ขึ้นมากลางคัน มันใช่เวลามาเล่นไหมเนี่ย
"กูรู้ว่ามึงอารมณ์ไม่ดีแต่อย่าเพิ่งกวน เอากลับไปเหอะ หรือถ้ามึงอยากทิ้งก็เอาไปทิ้งไกลๆ สายตากู ไม่งั้นกูจะฟ้องว่ามึงทิ้งขนมแม่"
"ขี้ฟ้องตั้งแต่เมื่อไร"
"ตอนนี้แหละ เก็บไปก่อนเชื่อกู ไม่มีระเบิดซ่อนอยู่หรอก หรือถ้าเขาคิดจะวางยาคงไม่ถามหรอกว่ามึงมีแฟนมั้ย เพราะเขาจะจีบมึง"
ไอ้ไข่ต้มกอดอกขมวดคิ้วมองผมไม่เลิก พูดไปแล้วก็ช้ำใจปนอิจฉานิดๆ คนอื่นเข้าหามันแถมยังบอกได้เต็มปากว่าจะจีบ แต่ผมกลับพูดไม่ได้ทั้งที่ใกล้ชิดมันที่สุด โอกาสไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะห่างจริงๆ
"เขาบอกมึงเหรอว่าจะจีบกู"
"ก็เออดิ มึงดูไม่ออกเหรอ"
"ออก"
"แล้วถามทำไมวะ"
"แล้วมึงตอบเรื่องแฟนกูไปว่าไง"
"กูบอกว่ามึงมีแฟนแล้ว" ผมยืดอกอย่างภูมิใจที่อย่างน้อยก็ช่วยเป็นไม้กันหมาให้มันได้
"แล้วพี่เขาว่าไง"
"เขาไม่เชื่อว่ะ" ถึงแม้จะไม่สำเร็จก็ตาม
"เอ้า!"
"เออน่า มึงก็อยู่ใกล้ๆ กูไว้แล้วกัน"
"อย่างกับทุกทีไม่ใกล้"
"งั้นก็ทำตัวให้เหมือนเป็นแฟนกูดิ พี่เขาจะได้คิดว่ามึงเป็นแฟนกู"
"แฟนมึงเนี่ยนะ" ไข่ต้มทำหน้าตะลึงเหมือนสิ่งที่ผมพูดไม่มีทางเป็นจริงได้ในชาตินี้ มองสีหน้ามันแล้วก็แต่เศร้าแล้วเศร้าอีก
"ก็แฟนกูเนี่ยแหละ ทำไม ไม่อยากเป็น?"
"ทำไงวะ มึงก็รู้..." มันเว้นจังหวะเอาไว้ให้ผมคิดตาม ซึ่งผมรู้ดีว่าไข่ต้มมันหมายถึงอะไร ในเมื่อเกิดมาจนอายุสิบเจ็ดปีแล้วมันยังไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักคน
ก็ไม่รู้จะสงสารใครดีระหว่างผมกับมัน
"เออๆ ช่างแม่ง เอาเป็นว่ากูจะปกป้องมึงเอง"
"โอ้โห ซึ้งจัง"
"จะซึ้งก็ทำหน้าให้มันเนียนๆ หน่อย" ผมดักทางอย่างไม่จริงจัง ไข่ต้มยิ้มกว้างเดินหนีไปรอรถเหมือนเดิม กับถุงขนมที่วางไว้บนตัก
มันก็เป็นซะแบบนี้ ต่อหน้าแข็งใส่ ลับหลังกลับอ่อนโยน แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ผมกลับชอบในจุดนี้ของมัน
พี่ชายที่ขับปอร์เช่สีดำคันนั้น หวังว่าไข่ต้มเพื่อนผมมันคงไม่เผลอใจตกหลุมรักคนแปลกหน้าหรอกนะ
วันที่สามกับพี่ชายปอร์เซ่ วันนี้พี่เขาก็มาอีกแล้ว จอดรถรออยู่หน้าโรงเรียนสักพักพอไม่เห็นพวกเราก็ขับรถจากไป รอบนี้ไข่ต้มมันวางแผนไว้ เพราะไม่อยากเจอเลยไม่ยอมออกจากโรงเรียน ดักรอจนคนร้ายยอมกลับถึงได้แสดงตัวออกมา
ด้วยเหตุนี้เองผมเลยต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ ตามคำบอกแกมบังคับของไข่ต้มจนเข้าวันที่เจ็ด ปอร์เซ่สีดำคันนั้นยังแวะมาจอดหน้าโรงเรียนเวลาเดิม ผมคิดว่าพี่เขาคงรู้ว่าโดนหลบหน้าแต่ก็ไม่รู้ต้องทำยังไงถึงได้มาเฝ้ารอทุกวันแบบนี้
"กูว่าเราควรเคลียร์ให้มันจบ" ผมโพล่งขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหวตอนเรากำลังแอบส่องพี่เขาจากในโรงเรียน
ไข่ต้มทำหน้าตึงทันที มันกลัวผมรู้ แต่การหนีไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเสมอไป จากที่ผมคุยมาสองครั้งพี่เขาก็ดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนัก เปิดอกคุยกันตรงๆ น่าจะดีกว่า แต่ถ้ามีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นมา ผมจะปกป้องไอ้ไข่ต้มเอง
"จะไปเคลียร์ยังไงวะ"
"มึงลองเข้าไปคุยกับพี่เขาสักครั้งดิ ปฏิเสธไปตรงๆ พี่เขาคงเข้าใจมากกว่าให้กูเป็นคนพูด"
มันทำหน้าคิดหนัก ผมเข้าใจว่าการปฏิเสธคนบ่อยๆ มันทำให้ลำบากใจ มันเองก็ผ่านเรื่องแบบนี้มาเยอะ บางคนเข้าใจยอมถอยออกตั้งแต่ถูกปิดประตูใส่ แต่บางคนก็ดื้อดึงอยากลองเคาะประตูดูเผื่อเจ้าของห้องจะใจดียอมเปิดให้ ซึ่งเจ้าของห้องคนนั้นไม่ใช่ไข่ต้มแน่นอน
"ไปเถอะมึง มีกูอยู่ด้วยไม่ต้องกลัว" ผมยิ้มให้กำลังใจสุดท้ายมันก็ยอมตอบตกลง
ผมบอกให้ไข่ต้มรอที่ซอยข้างโรงเรียนส่วนผมออกไปเจรจาเบื้องต้นกับพี่ปอร์เซ่ ให้เขาหาที่จอดแล้วลงมาคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราว
หลังจากพี่เขายอมตกลงผมก็กลับมาหาไข่ต้ม พี่เขาเลี้ยวรถเข้ามาจอดในซอย ปล่อยให้รออยู่นานกว่าจะยอมลงจากรถ พร้อมกับของพะรุงพะรังเต็มมือเดินเข้ามาหา
ไข่ต้มถอยกรูดปลุกวิญญาณบอดี้การ์ดในตัวผมให้กระโดดไปขวางหน้ามันไว้ กางแขนป้องกันจ้องหน้าคนร้ายอย่างเอาเรื่อง ถ้าพี่มันคิดจะทำอะไรแปลกๆ ผมจะถีบให้หงายเลย
"เฮ้ย ไม่ต้องกลัว" พี่เขาร้องบอก รอยยิ้มฉาบบนใบหน้าอย่างเป็นมิตรผมเลยยอมลดแขนลง
"พี่หอบอะไรมาเยอะแยะ" ผมชี้ไปที่ถุงต่างๆ นานาที่พี่เขาถืออยู่
"ขนมกับพวกของขวัญน่ะ แล้วก็นี่ด้วย"
พี่เขารวมถุงทั้งหมดไปถือไว้มือเดียว ก่อนหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมแล้วยื่นมันมาตรงหน้าผม เอ่อ...ไม่สิ น่าจะยื่นให้ไข่ต้มมากกว่า
"น้องไข่ต้มช่วยรับด้วยนะครับ จากนี้พี่คงไม่ได้แวะมาอีก ของกับขนมพวกนี้ด้วยนะ ตั้งใจซื้อมาให้จริงๆ"
ไข่ต้มมองผมสลับกับพี่เขาด้วยความหวาดระแวง แต่สุดท้ายมันก็ยอมออกจากที่กำบังแล้วยื่นมือไปรับซองสีขาวจากพี่เขา
มันคงไม่ใช่ซองผ้าป่าใช่ไหม
"ขนมกับของด้วย ช่วยรับหน่อยนะ"
"จะให้ผมจริงๆ เหรอเยอะขนาดนี้" มันถามด้วยความลังเล อยู่ๆ ใครก็ไม่รู้เอาของตั้งเยอะแยะมาให้ใครจะอยากรับ
"ก็เราไม่ออกมาเจอพี่มันก็สะสมแบบนี้ไง ช่วยรับหน่อยนะครับ" พี่เขาใช้น้ำเสียงอ้อนวอนเต็มที่ ถ้าเป็นคนอื่นเจอคนหล่อๆ หอบของมาให้แบบนี้คงยอมรับไว้อย่างไม่ลังเล แต่ไข่ต้มก็คือไข่ต้ม ผู้ที่ระแวงและกลัวไปหมดทุกอย่าง
"รับไปเหอะ" เห็นพี่ปอร์เช่ทำสายตาอ้อนวอนแล้วผมชักสงสาร เลยช่วยพูดกับมันอีกแรง
"จะดีเหรอวะ"
"ถ้ากินไม่หมดเดี๋ยวกูช่วย"
"กูไม่ได้ห่วงเรื่องนี้เว้ย"
"รับเถอะครับ" พี่เขายังใช้น้ำเสียงแบบเดิมจนสีหน้าไข่ต้มอ่อนลง แต่ห้ามใจอ่อนเด็ดขาดเลยนะเว้ย
"ทำไมต้องเอาให้ผมด้วยล่ะครับ"
"อ่านจดหมายที่พี่ให้ไปนะ แล้วไข่ต้มจะรู้"
มันยังคงมีท่าทางลังเล ผมเลยผลักมันให้ไปเผชิญหน้ากับพี่เขา แต่ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ผมจะกระโดดเตะพี่เขาทันที
"รับนะครับ"
"เอ่อ...งั้นก็...ขอบคุณครับ" สุดท้ายมันก็ยอมรับของทั้งหมดมาถือไว้
"ในที่สุดก็ได้คุยกันสักที" พี่เขาว่าแล้วอมยิ้ม
ดูเป็นคนไม่มีพิษมีภัยเลยสักนิด แถมยังดูรวยอีกต่างหาก น่าเสียดายที่ต้องอกหัก
"งั้นพี่ไปก่อนนะ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก น้องไข่ต้มอย่าลืมอ่านจดหมายนะครับ" พี่เขาร่ำลาเพียงเท่านี้แล้วขึ้นรถขับจากไป
ไข่ต้มวางถุงทั้งหลายไว้บนพื้นเปิดจดหมายอ่านทันทีที่คนให้กลับไปแล้ว มันคลี่กระดาษเอสี่ที่พับสามทบออก จดหมายที่เขียนด้วยลายมืออย่างกับเรียงความยาวเกือบเต็มหน้ากระดาษ ผมอ้อมไปยืนซ้อนหลังไข่ต้ม อ่านจดหมายจากพี่ปอร์เช่ไปพร้อมกับมัน
'ถึงน้องไข่ต้ม
พี่ชื่อกันต์นะครับ อายุ 26 แล้ว เป็นศิษย์เก่าที่นี่ กลับจากที่ทำงานขับรถผ่านหน้าโรงเรียนทุกวันแล้วก็เจอน้องไข่ต้มนั่งอยู่กับเพื่อนที่ป้ายรถเมล์ประจำด้วย (ฝากบอกน้องที่หล่อน้อยกว่าพี่ด้วยนะว่าหลอกเรื่องแฟนไม่เนียน)'
ผมทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างหมั่นไส้เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ บอกว่าไม่เชื่อต่อหน้าผมแล้วยังตามมาว่าในจดหมายอีก
'พี่ชอบน้องไข่ต้มนะครับ แอบมองทุกวัน น้องน่ารักมากแต่น้องคงไม่ชอบคนแก่แบบพี่ใช่มั้ยครับ ตัดสินใจอยู่นานว่าจะจีบดีมั้ย แต่สุดท้ายก็รวบรวมความกล้าลองดูสักตั้ง วันนั้นเลยตัดสินใจจอดรถเขียนเบอร์โทรแต่ดันทำน้องกลัวอีก ไม่ไหวเลยเนอะ
สุดท้ายแล้วครับ วันเสาร์นี้พี่ต้องไปอิตาลี ถูกส่งไปทำงาน คงไม่ได้ขับรถผ่านหน้าโรงเรียนแอบมองน้องไข่ต้มแล้ว ส่วนของขวัญกับขนมพี่ตั้งใจซื้อมาให้เลยนะ ขอบคุณที่น้องทำให้พี่มีความสุขหลังจากเหนื่อยจากการทำงานแทบทุกวัน ได้เห็นหน้าน้องแล้วพี่มีความสุขมากจริงๆ ครับ
ขอบคุณมากเลยนะ
ป.ล. kanx91x นี่ไอดีไลน์พี่นะครับ ถ้าอยากคุยก็แอดมาได้นะ คุยกันแบบพี่น้องก็ได้ รอเสมอนะครับ
ป.ล. 2 ถึงน้องเพื่อนไข่ต้มที่หล่อน้อยกว่าพี่ ดูแลน้องไข่ต้มให้ดีเหมือนเดิมนะ ถ้าไม่อยากเป็นแค่แฟนมโนก็พยายามเข้า สู้ๆ ครับ
ป.ล. สุดท้าย หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ'
ข้อความในจดหมายจบลงเพียงเท่านี้ อ่านไปก็ซึ้งใจไป แต่ผมติดใจตรง ป.ล.2 อยู่นิดหน่อย ไอ้พี่คนนี้มันกวนใช้ได้เลย
ผมไม่เคยคิดว่าการได้เห็นหน้าใครสักคนทั้งที่ไม่รู้จักจะทำให้เกิดความชอบได้ แต่ผมเข้าใจพี่กันต์นะ เพราะผมเองก็หายเหนื่อยและรู้สึกดีขึ้นตอนเห็นหน้าไข่ต้มมันเหมือนกัน คล้ายกับเป็นกำลังใจและสิ่งดีๆ ในชีวิต
ไข่ต้มพับจดหมายเก็บใส่ซองไว้เหมือนเดินหลังอ่านจบ ผมเดาอารมณ์จากสีหน้ามันไม่ค่อยถูก แต่คิดว่ามันคงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร บางทีการได้รับความรักและสิ่งดีๆ จากคนรอบข้างมากเกินไปคงทำให้มันลำบากใจ สิ่งดีๆ ที่มันไม่สามารถตอบแทนให้คนคนนั้นกลับไปได้
"มึงจะแอดไลน์พี่เขาไปมั้ย"
"ไม่อ่ะ"
"แล้วของพวกนี้"
"ขนกลับดิ จะแบ่งไปมั้ย"
"มึงเก็บไปเถอะ พี่เขาตั้งใจเอามาให้มึง เดี๋ยวกูช่วยขนไปส่งบ้าน"
ไข่ต้มไม่ว่าอะไรผมเลยแบ่งถุงบางส่วนมาถือไว้ เดินออกจากซอยแล้วโบกแท็กซี่กลับเพราะไม่สามารถขนของทั้งหมดขึ้นรถเมล์ได้
แล้วคนที่เข้ามาในชีวิตไข่ต้มเพื่อนผม ก็ได้ผ่านไปอีกคน
TBC
ตอนแรกตั้งใจให้เป็นเรื่องที่แต่ละตอนสั้นๆ ไม่เกินห้าหน้าแต่ตอนนี้ดันยาวซะงั้น
ขอโทษที่ดองไว้นานนะคะ เป็นเดือนเลยทีเดียว
ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ชื่อพระเอกเหมือนเดิม ฮา งั้นเรียกน้องพระเอกไปก่อนแล้วกันเนอะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ เจอกันตอนหน้าน้า