ตอนที่ 16 : ดูแล“เก็บซะเรียบเลยครับพี่ซิน” ผมเดินกลับเข้ามาในครัว หลังจากพาสามหนุ่มขนของเข้ามาและพาออกไปนั่งรอที่ห้องรับแขกเรียบร้อย
“ชู่วว” พี่ซินรีบส่งเสียงห้าม กลัวว่าสามหนุ่มที่ตามมาจะได้ยิน
“ไม่ได้ยินหรอกครับอยู่ตั้งห่าง”
“ก็ต้องเรียบสิ ใครจะกล้าปล่อยให้เห็น” พี่ซินทำเสียงอ่อย อะไรต่อมิอะไรที่เกี่ยวกับราม รับรองว่าพี่ซินมีไม่น้อยหน้าแฟนคลับคนไหน
“รีบกันแย่เลยสิครับ นี่ผมก็พยายามถ่วงเวลาให้”
“มึงถามกูดีกว่าว่ารีบไหม พี่ซินเอาแต่ลน ทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง”
“ก็พี่ตื่นเต้นนี่ รามจะมาบ้านพี่ นั่นรามนะ รามเชียวนะ เข้าใจพี่ไหม”
“ฮ่าๆ เข้าใจครับ” “ไม่เห็นเข้าใจ” ผมกับกล้าตอบพร้อมกัน
“เดี๋ยวกล้ามีคนที่ชอบก็เข้าใจพี่กับว่านเอง”
“ผมเคยมีแล้วพี่ แฟนก็เคยมีแล้วเพิ่งเลิกด้วย”
“แปลว่ายังไม่เจอคนที่ชอบจริงๆ มากกว่า หัวใจถึงไม่เต้นแรง”
ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่ซิน เพราะได้พบกับความรู้สึกนั้นเข้าแล้วผมจึงเข้าใจ
“พยักหน้าเหมือนรู้ดีเลยนะมึง” กล้าหันมากัดผม
“รู้สิ กูชอบตฤน” ผมระวังระดับเสียงไม่ให้ดังเกินไป
“พี่ซินเขาพูดถึงความรู้สึกชอบจริงๆ ไม่ใช่อย่างมึง”
“ก็นั่นแหละ กูชอบตฤนแบบนั้นเลย”
!!!
ผมคิดว่าผมอาจเลือกจังหวะบอกเพื่อนกับเจ้านายผิดไป
“แน่ใจแล้วเหรอว่าน ไม่ใช่แค่ปลื้มแบบแฟนคลับนะ ” พี่ซินถามผมด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“แน่ใจครับ ผมชอบตฤน” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สายตาจริงจัง
“ไอ้ตฤนมันผู้ชาย” กล้าทำหน้าเหมือนอยากจะร้องโอดโอยออกมา
“ก็ถ้าตฤนเป็นผู้หญิงกูก็รัก” ผมทำตาซื่อๆ ใส่เพื่อน
“กูปวดหัวกูอยากกลับบ้าน” กล้าถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ สุดท้ายก็ถอนใจออกมา “ตามใจมึง กูก็สงสัยอยู่แต่พอเป็นเรื่องจริงขึ้นมาก็แอบขนลุกเบาๆ”
“จะไหวเหรอว่าน พี่ไม่อยากเห็นว่านผิดหวัง เสียใจ”
“เพราะแบบนั้นพี่ซินเลยแกล้งทำเป็นไม่เห็นว่ารามสนใจพี่ซินเหรอครับ”
พี่ซินเงียบกริบ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ดวงตาหลุบลงต่ำ “ไม่ใช่หรอกว่านเข้าใจผิด รามนิสัยดี คอยชวนคุยคอยช่วยเหลือ เลยดูเหมือนสนใจพี่”
“พี่ซินพูดตรงกับที่รู้สึกจริงๆ ใช่ไหมครับ”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอก”
“ใครจะรู้ครับ ผมเองก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าหัวใจผมรู้สึกยังไง แค่นั้นมันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
“เอ่อ..อย่าหาว่ากูขัดจังหวะเลยนะ” กล้าค่อยๆ ชูมือขึ้น “กูอาสาไปดูสามคนนั้นให้แล้วกัน กลัวเบาหวานจะแดกตายขืนอยู่ในนี้นานๆ”
“ดีเลย ปล่อยให้นั่งกันเองยังไงก็ไม่รู้” ผมเห็นดีด้วย
“ปรึกษากันไปนะ ได้คำตอบยังไงบอกกูด้วย” กล้าเช็ดมือกับกางเกง ส่งยิ้มให้กำลังใจพวกผมก่อนเดินออกจากครัวไป
“คอยดูนะพูดแบบนี้จะหวานกว่าคนอื่น”
“ผมว่าน่าจะไม่นะครับ”
“เชื่อพี่สิ พี่อาบน้ำร้อนมาก่อน”
“สรุปคือเรารู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องของตัวเองใช่ไหมครับ”
“ใช่ๆ” พี่ซินหัวเราะชอบใจ ผมคลี่ยิ้มกว้างพลอยขำตามไปด้วย
• • • • • • • •
"ราม ไอ้ราม" ปอนตะโกนเรียกเพื่อนสนิทที่นอนหลับอยู่บนโซฟาตัวยาว หลังจากพวกผมช่วยกันยกอาหารออกมาตั้งที่โต๊ะกินข้าวเรียบร้อยแล้ว ผมเห็นพี่ซินมองร่างสูงด้วยสายตาเป็นห่วง
"ที่มันบอกว่ายังไม่ได้นอน มันไม่ได้ล้อเล่น" ตฤนพูดลอยๆ แต่ผมคิดว่าตฤนตั้งใจพูดให้พี่ซินฟัง "ผมฝากปลุกหน่อยครับ"
พี่ซินตาโตเมื่อจู่ๆ ตฤนก็หันมาขอให้ช่วยเอาดื้อๆ ทั้งที่ตัวเองก็ยืนอยู่ไม่ห่าง แต่เหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าเจ้านายผมคิดอะไร พอพูดจบก็เดินหายไปหาปอนกับกล้า พี่ซินหันมามองหน้าผม ผมเลยรีบเดินตามตฤนไปอีกคน
"ราม" พี่ซินหยูดยืนข้างโซฟาตัวยาวที่รามนอนอยู่ ก้มหน้าลงไปหาแต่ไม่กล้าเข้าใกล้มาก
"รามตื่นเถอะ"
เมื่ออีกฝ่ายยังนอนนิ่งพี่ซินจึงก้มลงไปใกล้อีกนิด สีหน้าลังเลก่อนที่มือเล็กจะแตะลงบนแขนของราม เขย่าเบาๆ "รามตื่นมากินข้าวก่อน"
“ขอบคุณครับที่มาปลุก” มือใหญ่คว้าข้อมือของพี่ซินเอาไว้ก่อนดวงตาคู่นั้นจะลืมขึ้น พี่ซินหน้าแดงจนถึงหู สบตาคู่คมของราม ดูเหมือนจะตกใจจนไม่กล้าละสายตา
“ขะ..ขอโทษนะที่ทำให้ลำบาก” พี่ซินพูดเสียงอึกอักวางตัวไม่ถูกเพราะรามไม่ยอมปล่อยแขนข้างนั้น
“ยิ่งกว่านี้ผมก็เต็มใจ”
“ขอบคุณมาก” พี่ซินก้มหน้างุด พยายามดึงแขนออกแต่มือใหญ่ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ รามขยับตัวลุกขึ้นนั่ง มองพี่ซินด้วยสายตาที่ไม่ปิดบังความรู้สึก
“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหมครับ อย่างเช่นเบอร์โทรศัพท์ก็ยังดี”
“เดี๋ยวกูให้เอง มึงลุกมาได้แล้วกูหิว” กล้าช่วยชีวิตพี่ซินไว้ได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนที่เจ้านายของผมจะเป็นลมไปเสียก่อน
“หึๆ” รามหัวเราะเบาๆ ดวงตาที่มองพี่ซินเป็นประกายวาววับ เจ้าตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินตรงมาที่โต๊ะกินข้าว มือยังจับจูงแขนพี่ซินดึงให้เดินตามมาด้วย
“หิวชะมัด” รามดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งออก หันไปพยักหน้าให้เจ้าของบ้านเป็นเชิงบอกให้นั่งลง พี่ซินอิดออดครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็ยอมนั่ง ผมว่านั่งไปเถอะครับท่าทางรามจะดื้อใช่ย่อย สุดท้ายก็คงต้องนั่งอยู่ดี
เมื่อทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อย การรับประทานอาหารจึงเริ่มต้นขึ้น ผมไม่แปลกใจเลยเมื่อไม่มีใครคุยเป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่ในช่วงต้น เพราะเราต่างเหนื่อยจากงานวันนี้ ทำให้อาหารบนโต๊ะหมดลงอย่างรวดเร็ว
“พี่ซินอยู่คนเดียวเหรอครับ” ปอนเริ่มชวนคุย หลังจากเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง
“ใช่ค่ะ”
“หมู่บ้านอยู่ห่างถนนใหญ่มากเหมือนกันนะครับ ขับเข้ามากลางคืนไม่น่ากลัวเหรอ” ปอนพูดเหมือนที่ผมเคยพูดเอาไว้ในครั้งแรกที่เข้ามา อดเป็นห่วงพี่ซินไม่ได้ว่าถ้ารถเสียกลางทางจะเป็นยังไงเพราะมันมืดมาก
“นิดหน่อย แต่ทำไงได้เงินพี่น้อย ไม่อยากซื้อพวกทาวน์เฮ้าส์อยากได้บ้านหลังเล็กๆ ก็ต้องยอมออกมาอยู่ไกลแบบนี้”
“ขอโทรศัพท์หน่อย”
“อะไรนะ?” พี่ซินหันไปมองหน้ารามงงๆ เมื่อคนนั่งฟังเงียบๆ ทะลุกลางปล้องขึ้นมา
“โทรศัพท์ครับส่งมาเร็ว” รามขยับมือที่ยื่นออกไปตรงหน้าพี่ซินเป็นการเร่งให้รีบส่งโทรศัพท์ให้ ดูเหมือนเจ้านายผมกำลังงงบวกเบลอ จึงหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างจานข้าวส่งให้แต่โดยดี
“นี่เบอร์โทรผมมีอะไรให้โทรหาทันที จะรถเสีย ไฟดับหรืออะไรก็ช่าง” สีหน้าของรามจริงจังจนพี่ซินไม่กล้าแย้งเมื่ออีกฝ่ายกดเบอร์โทรศัพท์ตัวเองและกดโทรออก
“ฟังผมอยู่หรือเปล่าครับ”
ผมชักไม่แน่ใจว่าใครแก่กว่าใคร เมื่อรามทำเสียงดุๆ ใส่พี่ซิน
“อะ..อืม”
“อย่าเกรงใจ มีอะไรต้องโทรหาผมทันทีเพราะผมเป็นห่วง”
“อืม” พี่ซินใช้นิ้วดันแว่นขึ้น ผมว่าพี่ซินคงทั้งเขินทั้งใจเต้นจนทำอะไรไม่ถูก ยอมยกนิ้วให้รามจริงๆ คนอะไรทำคะแนนได้ไวปานนั้น
“เอาเบอร์กูไปด้วยไหม เวลาไฟดับกูก็อยากให้มีคนมาช่วยเหมือนกัน” กล้าล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ายื่นไปตรงหน้าราม ทำหน้าตาย ผมขำแต่ต้องกลั้นไว้ เรื่องทำตลกให้บรรยากาศมันเบาสบายขึ้นต้องยกให้กล้า
“หึๆ” ผมเห็นปอนหัวเราะเบาๆ ดวงตาเป็นประกายรู้ทัน แววตาที่มองปอนคล้ายชอบใจ
“มึงโทรหาไอ้ตฤนได้เลย” รามคว้าโทรศัพท์จากมือกล้ายื่นให้ตฤนที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“เสียใจด้วยว่ะ กูมีคนต้องดูแลแล้ว” ผมหันขวับไปมองตฤน ประสานสายตากับดวงตาคมกล้าที่มองมาพอดี
“พวกมึงนี่พูดไม่รักษาน้ำใจกูเลย” กล้ายื่นมือข้ามตัวผมที่นั่งติดกับตฤนหมายคว้าโทรศัพท์คืน แต่ช้ากว่าปอนที่เอื้อมมือมาคว้าไปเสียก่อน
“กูเอง กูว่าง”
“มึงไม่ต้องเลย” กล้าชะโงกตัวข้ามโต๊ะดึงโทรศัพท์คืนจากมือของปอน
“รักษาน้ำใจกูหน่อยก็ได้ คนอุตส่าห์จะช่วยดูแล” ปอนส่ายหัว แซวด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“เปล่า กูไม่ได้บอกปัด แต่พวกมึงทุกตัวมีเบอร์กูตั้งแต่ปีหนึ่ง ไม่มีใครจำได้เลยใช่ไหม”
“ฮ่าๆ” ปอนหัวเราะเสียงดัง ดูเหมือนจะลืมกันไปแล้วจริงๆ เพราะแม้แต่ตฤนก็ยังหัวเราะออกมา ผมลอบสังเกตพี่ซิน ดูเหมือนเจ้านายผมกำลังโล่งอกที่การพูดคุยออกห่างจากตัวเอง ผมคิดว่าพี่ซินประมาทเกินไปเห็นสีหน้าและแววตาของรามแล้ว ผมว่ายังไงก็ไม่รอดแน่ๆ ผมละสายตาจากพี่ซินมามองใบหน้าด้านข้างของตฤนแทน ผมเองก็ต้องพยายามเหมือนกัน
• • • • • • • •
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หลังจากกินดื่ม พูดคุย ชนแก้วฉลองให้กับร้านหนังสือของพี่ซินแล้ว กล้าก็ชวนทุกคนกลับเพื่อให้พี่ซินได้พักผ่อน แต่ผมคิดว่าพี่ซินคงนอนไม่หลับหรอกครับ ถ้าให้ผมเดาตามประสาแฟนคลับด้วยกัน พี่ซินคงนั่งเพ้อนอนเพ้อถึงรามทั้งคืน
ขากลับผมแยกกลับกับตฤน ส่วนกล้ากับราม ปอนเป็นคนไปส่งเพราะอยู่ทางเดียวกัน วันนี้รามไม่ได้เอารถมา ปอนไปรับที่คอนโดเพราะไม่อยากให้เพื่อนขับรถทั้งที่ยังไม่ได้นอน
“ตฤนง่วงหรือเปล่า ผมไปส่งไหม” ผมทำใจกล้าพูดในสิ่งที่คิดออกมา
“นายขับรถเป็นเหรอ”
“ไม่เป็น แต่ผมจะนั่งไปส่ง”
“นั่งไปส่ง?”
“อืม นั่งไปเป็นเพื่อนแล้วก็นั่งรถเมล์กลับ วันนั้นที่ไปฝั่งธนผมก็นั่งรถเมล์กลับ”
“ทำไมไม่นั่งแท็กซี่กลับ” ตฤนนิ่วหน้า สีหน้ายิ่งดุเข้าไปใหญ่
“ประหยัดตังค์ดี กลางคืนไม่ร้อนนั่งได้สบาย ตกลงง่วงไหม”
“นายนี่มัน...” ตฤนส่ายหัวเบาๆ
“มีความพยายามดี” แต่ผมต่อประโยคจบเสียเอง พร้อมกับรอยยิ้มกว้างจนตาหยี ตฤนหันมามองผมนิดหนึ่งก่อนหันกลับไป
“หึๆ อยากไปส่งใช่ไหม”
“อื้อ” ผมพยักหน้ารัวๆ
“ก็ตามใจ”
“เยส~ ตฤนน่ารักที่สุด”
“เดี๋ยวเถอะ!”
“ฮ่าๆ” ผมชอบชมว่าตฤนน่ารัก เพราะตฤนจะเขินทุกครั้งที่ผมพูด
“หัวเราะพอหรือยัง ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากบอกนายก่อนจะลืม”
“อะไรเหรอ” ผมหยุดหัวเราะหันมาตั้งใจฟัง
“ไหนๆ นายก็สารภาพแล้วว่านายคือหวาน ไอ้เครื่องดื่มบำรุงขวดจิ๋วนั่นก็ไม่ต้องซื้อมาให้ฉันอีกแล้วนะ”
ผมหน้าจ๋อยทันที ท่าทางตฤนจะไม่ชอบดื่มจริงๆ “ไม่ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ มันดีนะโดยเฉพาะกับคนที่ทำงานอย่างตฤน พักผ่อนไม่เป็นเวลา นอนน้อย ไหนจะต้องเรียนไปด้วย...”
“บ่นจริง” น้ำเสียงดุๆ ของตฤนทำให้ผมยิ่งจ๋อย ไม่น่าไปเซ้าซี้อีกฝ่ายเลย “ฉันได้พูดหรือยังว่าไม่กิน”
“อ้าว! เมื่อกี้ตฤนบอกว่าไม่ให้ซื้อแล้ว”
“ใช่ เพราะฉันซื้อมาตุนที่บ้านแล้ว ดื่มทุกวัน”
ผมยิ้มหน้าบานทันทีที่ได้ยิน ดีใจที่ตฤนห่วงสุขภาพของตัวเอง “ดีแล้ว มันก็พอกินได้ใช่ไหมล่ะไม่ได้แย่อย่างที่คิด” ผมพูดด้วยน้ำเสียงโล่งใจปนดีใจ
“เปล่า ฉันไม่ชอบรสชาติมันเหมือนเดิม ไม่คิดอยากจะกินสักนิด”
“อ้าว!” คราวนี้ผมงงของจริง
“ก็นายสั่งว่าถึงไม่ชอบก็อยากให้กินไม่ใช่เหรอ” คนพูดมองตรงไปข้างหน้า ผมจึงเห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้างของตฤน รอยยิ้มที่กว้างอยู่แล้วของผมยิ่งกว้างออกไปอีก หัวใจพองโต คำพูดไม่กี่คำทำให้เรามีความสุขได้ถึงเพียงนี้เชียวเหรอ หรือเพราะว่าผมรู้สึกเป็นคนสำคัญของตฤนขึ้นมา
“ดีมาก” ผมส่งยิ้มให้ตฤนทั้งปากและตา รอจนอีกฝ่ายหันมามอง ผมอยากให้ตฤนรู้ว่ามันมีความหมายกับผมแค่ไหน “ตฤนน่ารักที่สุด”
“กระต่ายเอ๋อ!”
“ฮ่าๆ” ผมสนุกกับการได้ยั่วเย้าอีกฝ่าย มันเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกได้ใกล้ชิดกับตฤนมากที่สุด ตฤนที่เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง คนที่ทำอะไรโก๊ะๆ บ้าง ทำถูกบ้างผิดบ้าง นิสัยไม่ดีบ้างแต่ก็แตะต้องสัมผัสได้ ไม่ใช่รูปปั้นที่ตั้งไว้เพื่อโชว์ความหล่อให้คนมาถ่ายรูปด้วย
“ถึงแล้ว” ตฤนเลี้ยวเข้าคอนโดหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ห่างใจกลางเมืองนัก
“ผมนึกว่าตฤนอยู่บ้านแถวฝั่งธนซะอีก”
“นั่นก็ใช่ บ้านฉันอยู่ที่นั่น ส่วนที่นี่ฉันซื้อจากน้ำพักน้ำแรงตัวเอง ไปๆ มาๆ แล้วแต่ว่ามีงานหรือมีเรียนไหม”
“เก่งชะมัด”
“ก็ต้องขอบคุณโอกาสที่เข้ามา จริงๆ ต้องขอบใจปอน รายนั้นมีญาติเป็นโมเดลลิ่ง เลยดึงปอนกับฉันเข้าไป”
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง” ผมเพิ่งเข้าใจ เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมกลุ่มนี้ถึงได้เป็นดารานายแบบทุกคน ที่แท้ก็มีช่องทาง เขาถึงพูดว่าความสามารถเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ดวงอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ จึงประสบความสำเร็จ
“ลิฟท์ลงไปชั้นล่างอยู่ตรงไหนเหรอ” ผมถามหลังจากลงจากรถเรียบร้อย ตฤนวนรถขึ้นมาจอดบนชั้นห้า ผมเห็นป้ายเลขทะเบียนรถของตฤนติดอยู่ น่าจะเป็นที่จอดรถส่วนตัวของคนที่พักในคอนโด
“ตามมา” ตฤนเดินนำผมไปที่ลิฟต์
“ป้ายรถเมล์อยู่ทางซ้ายหรือขวา” ผมถามเมื่อตฤนเดินมาส่งที่ด้านหน้าคอนโด ติดกับถนนใหญ่
“กลับแท็กซี่”
“เดือนนี้ผมจนแล้ว ต้องประหยัด ตกลงซ้ายหรือขวา”
ตฤนไม่ตอบผมแต่กลับโบกมือเรียกแท็กซี่ ผมใจหายวาบ ต้องเสียเงินจริงๆ หรือนี่ จากตรงนี้กลับไปหอผมคงหมดไปร้อยกว่าบาทแน่ๆ
“ขึ้นได้แล้ว” ตฤนเปิดประตูรถด้านหลังให้ผม หลังจากชะโงกบอกปลายทางคนขับ
“อื้อ” ผมพยักหน้าหงอยๆ “ขอบคุณมากที่มาช่วยวันนี้ อาบน้ำพักผ่อน หลับฝันดีนะ”
สีหน้าของตฤนนิ่งไม่ตอบอะไร ผมจึงส่งยิ้มแหยๆ ไปให้ก่อนก้าวขึ้นรถ เตรียมกลับหอด้วยแท็กซี่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ไม่คิดว่าตฤนจะตามขึ้นมานั่งด้วย
“ทำไม..”
“ก็นายอยากมาส่งฉัน ฉันก็ให้มาส่ง ส่วนตอนนี้ฉันจะไปส่งนายบ้าง”
“แต่..”
“ฉันไม่ได้ขับรถไป นายไม่ต้องเป็นห่วงขากลับ”
“กลายเป็นวนไปวนมา” ผมพูดเสียงอ่อย แต่หัวใจพองโต
“ไม่ดีเหรอ จะได้อยู่ด้วยกันนานอีกนิด”
“นี่ล้อผมเรื่องไปฝั่งธนอีกแล้วใช่ไหม”
“หึๆ”
“ขอบคุณนะ”
“จะขอบคุณทำไม”
“ขอบคุณที่ตามใจผม”
“ฉันบอกไปแล้วว่าฉันมีคนต้องดูแล”
!!!
ผมเผยอปากค้าง ดวงตาของตฤนที่มองมาบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังขำ ผมไม่รู้ว่านี่คือการแซวกันเล่นหรือเปล่า แต่หัวใจของผมไปหมดแล้ว ไม่ใช่แค่ชอบหรอกแต่ผมรักคนคนนี้ รักผู้ชายที่ชื่อตฤนเข้าให้แล้ว
“ง่วงไหม ง่วงก็นอนถึงหอนายแล้วฉันปลุกเอง”
“อื้อ” ผมเอนตัวลง พิงศีรษะกับเบาะ หลับตาช้าๆ ในหัวใจเต็มไปด้วยความสุข วันนี้ขอผมซึมซับความรู้สึกนี้ให้เต็มที่แล้วพรุ่งนี้ผมจะบอกชอบตฤน
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin