มาต่อให้ตอนเช้าๆ ครับ ง่วงเป็นบ้าเลย เมื่อคืนทำงานไม่ได้หลับได้นอน T ^ T แล้วจะเอาเวลาที่ไหนปั่นต้นฉบับล่ะเนี่ย
เรื่องนี้จะเหงาๆ ชาๆ แบบนี้แหละครับ
เรื่องกุ๊กกิ๊กมีเยอะแล้ว ผมถนัดเล่าแบบนี้อ่ะฮะ

ขอนอนยันว่า Happy ending นะฮับ ^ ^ แหะๆๆ
ต้องรีบปั่นต้นฉบับเพราะว่าเดี๋ยวจะติดช่วงรับปริญญา จะได้มี stock ลง
รู้ตัวว่าเพิ่งเอาเรื่องมาลง แล้วเล้าก็มีเรื่องเยอะมากกกมากกกกกกก แต่ละเรื่องก็สนุกทั้งนั้น แม้คนจะตอบรับน้อย แต่ก็ขอบคุณมากกๆๆ เลยนะฮะ

อ่อ ตอนนี้เศร้าสักหน่อยนะ
ตอนที่ 4 โชคชะตาโชคชะตามีจริงไหมครับถ้ามีจริงผมจะชวนมากินเหล้าพูดคุยสักหน่อยว่าทำไมถึงได้ทำตัวแย่แบบนี้
หลังจากเรื่องวันนั้นข่าวว่าผมกับปิงเป็นแฟนกันก็ยิ่งโหมกระหน่ำเข้าไปใหญ่ คืนนึงผมถามมันเล่นๆ หลังจากมันมานอนดูบอลที่บ้านผม (แน่นอนครับ ผมมีขนมกินฟรี)
“มึงไม่เครียดบ้างเหรอวะ เรื่องข่าว”
“ข่าวอะไรวะ”
“ก็ที่มึงกับกูเป็นแฟนกันไง”
“ไม่เห็นต้องเครียด ทำไมวะมึงคิดมากเหรอ”
ผมเงียบ
“สาดด คิดไรมาก ถ้ามึงเป็นผู้หญิงกูจะแย่งจีบมึงคนแรกเลย”
คำว่า
‘ถ้ามึงเป็นผู้หญิง’ นี่เล่นเอาเจ็บใช้ได้เลยนะครับ ตอนนั้นก็เลยคว้าเบียร์มาซดเอาซดเอาหน้าซีดเผือกเลย (แปลกไหม ปกติเวลาคนเมาแล้วหน้าจะแดง แต่ผมนี่ยิ่งเมายิ่งซีด ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน) เมาแล้วก็เวียนหัว ดูบอลไม่รู้เรื่อง แว๊บเดียวก็บ้านหมุนติ้วแล้วก็หลับไป
แล้วผมก็ฝันครับเป็นเรื่องสมัยตอนเด็ก แต่ก่อนผมเป็นเด็กตัวเล็ก เป็นคนโตช้าน่ะครับ ช่วงประถมเพื่อนรุ่นเดียวกันสูงเอาสูงเอาผิดกับผมที่ไม่สูงขึ้นสักที ก็ตามประสาเด็กที่จะแกล้งกันเป็นประจำ เป้าหมายจะใครล่ะครับนอกจากเจ้าตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม
ผมตกเป็นฝ่ายโดนแกล้งอยู่บ่อย แม้ว่าจะสู้ขาดใจแต่ขนาดตัวมันต่างกัน ผมจำได้ว่ามีอยู่ทีนึงพวกเราเล่นโจรสลัดกัน แต่ละคนแย่งกันเป็นกัปตันส่วนผมโดนไปเป็นคนกวาดเรือ ไอ้ปิงซึ่งหัวโจกของกลุ่มให้เป็นรองโจรสลัดปฎิเสธตำแหน่ง มันบอกว่าจะมาเป็นคนกวาดเรือเป็นเพื่อนผม ตอนนั้นดีใจมาก มันเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ นะเวลาที่รู้ว่ายังไงก็ตามจะมีคนอยู่ข้างๆ เราเสมอ
ความฝันตัดสลับไปสลับมาผมคิดว่าอาจจะเพราะว่าผมเมามากและก็คงครึ่งหลับครึ่งตื่น ภาพความทรงจำเปลี่ยนฉากหลังมาเป็นโรงเรียนมัธยมที่ผมกับปิงเรียนอยู่ด้วยกัน วันสอบเสร็จวันสุดท้าย ผมกับเพื่อนนั่งเล่นอยู่ที่โรงเรียนจนเช้า เป็นคืนที่ผมจะจำไปจนวันตาย ตอนนั้นผลเอ็นทรานซ์ยังไม่ออกครับต่างคนก็ต่างไม่รู้อนาคตของตัวเอง มันเคว้งคว้างเป็นบ้าเลย พวกเราถูกเลี้ยงดูมาแบบมีหนทางตายตัวตลอด ตื่นเช้ามาโรงเรียนตกเย็นเรียนพิเศษกลับบ้านอ่านหนังสือเตรียมสอบ แต่คราวนี้เมื่อสอบเสร็จแล้วมันดันไม่มีทางไปต่อน่ะสิครับ ทุกอย่างหยุดลงอย่างกระทันหัน พรุ่งนี้ไม่ต้องมาโรงเรียนแล้ว ไม่ต้องมานั่งหลับสัปหงกในห้องเรียนแล้วก็ภาวนาให้กริ่งหมดคาบดังอีกต่อไป ผมนั่งกอดเข่ามองขึ้นบนท้องฟ้าสีหม่น ไอ้ปิงนั่งเอาหลังพิงผมอยู่ เพื่อนอีกห้าหกคนที่สนิทกันก็อยู่ด้วย พวกเราพูดคุยถึงอนาคตที่ยังไม่แน่นอน กระดาษคำตอบไม่กี่ร้อยข้อที่จะตัดสินชีวิตที่เหลือของเรา คิดไปก็บีบหัวใจเหลือเกิน
“แล้วถ้าต่อไปไม่ได้เรียนที่เดียวกัน จะลืมกันหรือเปล่าวะ” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นมา
ผมเงียบ... เงียบเพราะว่าผมไม่มีคำตอบให้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่ปิงกลับตอบฉะฉาน “ห้ามลืม ห้ามลืมกันเด็ดขาด ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องติดต่อกันไว้ กูไม่ยอมเสียเพื่อนไปหรอกหว่ะ”
ตอนนั้นปิงเขยื้อนตัวแล้วมือของผมกับมันก็สัมผัสกัน ผมกำลังจะชักมือหนีเพราะอาย แต่ปิงจับมือผมเอาไว้แน่น ไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากมันอีกในคืนนั้น มีแต่น้ำตา ไม่บ่อยนักที่ผมจะเห็นปิงร้องไห้ สักพักไฟบนตึกก็ปิดครับ ผมควักเทียนไขหลายเล่มขึ้นมาจุด มันเป็นคล้ายๆ ธรรมเนียมที่เด็กม.หกที่จบจะค้างโรงเรียนในคืนสุดท้ายแบบนี้ และอุปกรณ์ให้แสงสว่างก็จำเป็นในเวลาที่พี่ยามเดินมาปิดตึก ดูจากแสงเทียนที่สว่างขึ้นหลายจุดในโรงเรียนพวกผมคงไม่ใช่กลุ่มเดียวที่ยังยึดติดในธรรมเนียมเดิม
ผมถอดเสื้อนักเรียนแล้วก็แลกกันเซ็น ผมกับปิงจงใจให้กันและกันเซ็นเป็นคนสุดท้าย ความจริงแล้วผมเขินนิดหน่อย อาจจะเพราะว่าสนิทกันมากเวลามาทำซึ้งอะไรแบบนี้มันก็ดูขัดๆ แถมไอ้ปิงน้ำตาคลอตลอด เห็นแล้วก็ใจหวิว ตอนนั้นคิดว่าจะไม่ได้เรียนที่เดียวกับมันอีกต่อไปผมก็รู้สึกแย่ลงไปอีก
พระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า ผมสวมเสื้อนักเรียนที่เปรอะไปด้วยหมึกสีดำ ท่ามกลางคำพูดมากมายที่ปรากฎอยู่นั้น หนึ่งข้อความที่มีความหมายกับผมมากถูกเขียนโดยเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิต
‘Don’t walk in front of me, because I may not follow
Don’t walk behind me, because I may not lead
Just walk beside me, and be my friend
ตลอดไปนะมึง เข้าใจป่ะ/ปิง...เพื่อนชั่วชีวิตของมึง’ .... ผมสะดุ้งตื่นมากลางดึก ภาพของความฝันชัดเจนจนเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
ได้ยินเสียงไอ้ปิงนอนกรนอยู่ข้างๆ ผมสำรวจตัวเองแล้วก็สรุปได้ว่าปิงคงแบกผมขึ้นมานอนบนเตียงจนสำเร็จก่อนที่ผมจะหลับ เพราะจำได้ว่าก่อนจะสลบไปผมยังอยู่ที่โซฟาข้างล่าง มันเองก็คงเมาไม่น้อยเหมือนกัน
สายตาผมจับจ้องไปที่ปิง โครงหน้ารูปไข่บวกกับแก้มยุ้ยๆ ของปิงแดงระเรือเหมือนกับริมฝีปากของมัน ปิงเป็นคนขาวแล้วก็ผิวดีมากเพราะมันแทบจะยกเค้าร้านขายของขโมยครีมบำรุงผิวมาละเลงบนเนื้อตัว ไม่รู้ครีมห่าอะไรของมันมากมาย อันนี้ทาหน้า อันนี้ทาตัว อันนี้ใต้ตา อันนี้ก่อนล้างหน้า อันนี้ทากลางคืน ฯลฯ
ผมนอนยิ้มอยู่คนเดียว แล้วก็สำรวจไอ้ปิงต่อ ไรผมจางๆ ของมันไล่มาที่ต้นคอ หัวไหล่ที่มีมัดกล้ามพองามสะท้อนแสงไฟสลัว หน้าอกที่เปลื่อยเปล่า หน้าท้องราบเรียบ กลิ่นของแอลกอฮอล์... ใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ
หรือบางทีผมควรจะบอกมันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าผมเป็นอะไร บอกว่าผมคิดกับมันเกินไปมากกว่าเพื่อนกัน
อยู่ดีๆ น้ำตาก็ไหลออกมา
ไม่มีเหตุผล
ผมไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมต้องร้องไห้ อาจจะเพราะฤทธิ์ของเบียร์ก็ได้ล่ะมั้ง รู้แต่ว่ามันอึดอัดครับ ผมเป็นเพื่อนของปิงมานาน ผมรู้ว่ามันรับไม่ได้ถ้าผมต้องเปลี่ยนไป อย่างไรก็บอกไม่ได้ แต่ยิ่งนานไปมันก็ยิ่งทรมาน ยิ่งเข้ามาใกล้ชิดกันแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้ผมหวั่นไหวเข้าไปทุกที ผมไม่ได้อยากรู้สึกแบบนี้ ถ้าเลือกได้ผมอยากเป็นเพื่อนกับมันแบบบริสุทธิ์ใจมากกว่า ผมไม่ได้อยากจะต้องรู้สึกแบบนี้สักหน่อย ต...แต่มันเป็นของมันเอง ผมไม่เข้าใจเลย
ทรมานนะ ทรมานมากๆ....
ปิงอยู่ใกล้แค่นี้เอง... แก้มผมยังสัมผัสลมหายใจของมันได้เลย ถ้าผมเอื้อมมือไปอีกนิดผมก็ได้กอดมันไว้แล้ว แต่สิ่งที่ผมทำได้ก็คือนอนนิ่งและพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมามากกว่านี้