"กูล่ะเซ็งจิต...ไอ้ติสต์แตก"
Introแม่งเอ้ย… เสียงเหี้ยไรเนี่ย
ผมหยิบหมอนข้างกายขึ้นมาปิดหัวปิดหู ซุกหน้าเข้ากับเตียงนอน แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยลดมลพิษทางเสียงที่คาดว่าน่าจะเกิดจากบริเวณใกล้ๆ ลงได้เลย
เวร กูจะหลับจะนอน มึงช่วยไปเสียงดังไกลๆ ได้มั้ยวะ… ในมันคอนโดชั้นเก้า ใจกลางกรุงนะ สาดดดด
แต่ก็ได้แค่คิดล่ะครับ ผมยังคงปิดหูปิดตา(แต่ไม่ปิดจมูก)นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง ปล่อยให้ผ่าห่มผืนบางปกปิดเพียงท่อนล่างของตัวเองอย่างหมิ่นเหม่ เสียงกลองรัวๆ จางลงกลายเป็นเสียง… อืม คุ้นๆ ว่ะเสียงนี้ เหมือนเครื่องดนตรีอะไรซักอย่าง แต่นึกไม่ออก
อืมมมม…. เสียง….
แคน!
ห่าเอ้ยยยยยยย มึงมาเป่าแคนทำซากไรวะ กูอยากตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เนื่องจากต่อมความอดทนผมใกล้ถึงจุดระเบิดเต็มที เลยตัดสินใจลุกขึ้นโตงเตงโป๊เปลือยไปคว้ากางเกงขาสั้นยับๆ ขึ้นมาสวม หัวเหอยุ่งเหยิงแต่ไม่สนแล้วครับ เดินกระแทกส้นไปเปิดประตูทันที
“อ่าว ไอ้ชิน” ผมเอ่ยทักเพื่อนตรงข้ามห้องที่มันเปิดประตูมาจังหวะเดียวกับผมพอดี
“สัตว์ ไงวะ” ดูมัน ทักทายเพื่อนคำแรกช่างรื่นหูเหลือเกิน
“เสียงเหี้ยนี่อะไรเนี่ย… ปลุกกูแต่เช้า มาจากไหน มึงรู้ป่ะ” ผมรีบถามอีกฝ่ายที่ยืนทำหน้างงไปต่างอะไรไปจากผมเท่าไรนัก
“อืม…กูว่ามาจากข้างห้องมึงว่ะ” มันตอบแบบงัวเงีย คาดว่าคงเพิ่งลุกจากที่นอนมาแบบเดียวกับผม
“สาด จะมาข้างห้องกูได้ไง ซ้ายนี่ก็ลุงสน แก่จนยืนยังจะไม่ไหว ขวานี่ก็น้องนิ้ง ว่าที่สะใภ้กู ไม่มีใครมาตีกลองร้องเพลงเล่นแคนลาวๆ นี่หรอกเว้ย” ผมว่าพลาง ส่ายหัวไปพลาง
“เชี้ย น้องนิ้งของมึงเค้าขายห้องไปตั้งแต่วันก่อนแล้ว… นี่คงคนมาซื้อต่อมั้ง”
“อ่าว เฮ้ย! ได้ไง ไมกูไม่รู้!?” ผมหน้าตาเหรอหรา ไรวะ เมื่อไหร่เนี่ย
“สาด มึงไปเมกามากี่วัน กว่าจะกลับมากูเห็นน้องเค้าขนข้าวขนของไปอยู่กับผัวเรียบร้อยแล้ว” ไอ้ชินมันตอบ พร้อมกับหาววอดๆ ไปด้วย
แล้วผมก็ถึงบางอ้อซะที แม่ง ไรวะ ไปทำงานนิดเดียว กลับมากิ๊กหายซะงั้น แต่ก็เอาเถอะ ไม่ได้จริงจังอะไรอยู่แล้ว รายนั้นเค้าก็มีผัวเป็นตัวเป็นตน กูก็แค่คู่นอนข้ามคืนยามเหงา…
แต่ตอนนี้ ช่วยทำอะไรกับไอ้เสียงบ้าๆ นี่ก่อนเหอะ!
“แล้วมึงจะมาเน็กซ์ท็อปโมเดลอะไรแต่เช้า กูใจสั่นนะเนี่ย” ไอ้ชินพูด สายตาทั้งคู่ก็มองผมตั้งตัวหัวจรดเท้าชนิดแทบจะกลืนไปทั้งตัว แถมยังแลบลิ้นเลียริมฝีปากกลืนน้ำลายดังเอือก มันชัดเจนจนเหมือนแสร้งให้ผมได้ยิน
“เชี้ย อย่าหวังได้แอ้ม กูไม่พิศวาสตูดมึงหรอกสัด” ถึงมันจะว่ายังงั้น ผมก็ยังคงยืนถ่างแข้งถ่างขา แขนข้างนึงท้าวเอว ข้างนึงยันประตูห้องเอาไว้…โชว์ซิกแพคงามๆ ขนรักแร้พรอมแพรม กล้ามน่องแข็งๆ และขนหน้าแข้งรำไรอย่างไม่อายผีอายสาง
“แม่ง…” ไอ้ชินทำปากงุบงิบ
“ไร”
“เปล่าคร้าบบบบ ดุจริง ขอครั้งสองครั้งทำเป็นเหนียว ชิ…” ไอ้ชินบ่นงึมงำๆ ไม่เลิก ผมได้ยินชัดเต็มสองรูหูแหล่ะครับ แต่ไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้หูทั้งสองมันโดนเสียงไอ้ห้องข้างๆ กลบจนแทบหมด ผมดุนลิ้นไปมาในปากอย่างไม่สบอารมณ์ ไอ้ชินท่าทางเห็นผมเริ่มอารมณ์เสียก็หน้าเจื่อนๆ
“มึงใจร่มๆ… กูเข้าห้องก่อนล่ะ เดี๋ยวมันก็เงียบเองเว้ย มาใหม่ก็งี้แหล่ะ”
ไอ้นั่นไม่ฟังคำตอบผม ถึงกับปิดประตูหนีทันที ส่วนผม…ยืนฟังเสียงแคน ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเสียงร้องเพลงกับโครมครามเหมือนเอาอะไรฟาดผนังแทน ไอ้ผมถึงกับส่ายหัวอย่างระอา ถึงคนเค้าจะไม่พูดกันเรื่องเสียงดังหรืออะไร แต่มันเป็นมารยาทขั้นพื้นฐานที่ควรจะรู้ได้ด้วยตนเองไม่ใช่หรือไงวะ … กูล่ะหน่าย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ผมเคาะประตูห้องข้างๆ อย่างใจเย็น ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าห้องอื่นมันทนไปได้ไง เสียงดังลั่นขนาดนี้ รึเพราะห้องผมอยู่ติดกับห้องมัน เลยได้ยินเสียงชัดกว่าปกติ แล้วห้องมันก็ดันอยู่ริมระเบียงซะอีกด้วย เพราะฉะนั้นผมกับไอ้ชินรับไปเต็มๆ ครับ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เงียบ…
สาดนรก ความอดทนผมเริ่มจะหมดไปกับมารยาทที่ถดถอยลงเรื่อยๆ
“เฮ้ย!” ผมตะโกนพร้อมกับทุบประตูสองสามทีต้านกับเสียงเพลงร็อคที่ดังมาจากข้างใน
“ห่าเอ้ย! เปิดประตูเว้ย!” เสียงเพลงเริ่มเบาลงเหมือนจะเงี่ยหูฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ผมบอกตัวเองว่าให้ใจเย็นๆ มึงเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา ใจเย็นเว้ย ใจเย็น…
“ใครอ่ะ!?” เสียงไอ้เวรตะไลนั่นตะโกนกลับมาจากข้างในโดยที่ไม่ได้เปิดประตู คาดว่ามันคงมายืนจ่อใกล้ๆ นี่แหล่ะครับ อาจจะกำลังมองผ่านตาแมวออกมาก็ได้
“ข้างห้อง!” ผมตอบไปอย่างมีน้ำโห สาดดด ไร้มารยาทการศึกษาสิ้นดี
“มีไร??” คราวนี้เสียงมันเบาลง แต่ลอดออกมาให้ได้ยินชัดเจน แน่นอนว่ามันต้องยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของบานประตูสีเข้มนี่แน่ๆ
“เสียงดัง ช่วยเบาเสียงด้วย”
“…คร้าบๆ” เสียงไอ้นั่นเงียบไปซักพัก แล้วค่อยตอบกลับมา
“เออ”
“มีไรอีกเปล่า” มันถาม
“ไม่มีละ…เอ่อ ย้ายมาเมื่อไหร่” ตอนแรกผมกะว่าจะเดินกลับห้อง แล้วก็คิดขึ้นได้ ควรจะถามข้อมูลอะไรมันไว้หน่อยเพื่อความปลอดภัยของตัวเองดีกว่า อยู่ตัวคนเดียวต้องมีหูมีตาเป็นสัปปะรดครับ ไม่งั้นเดี๋ยวไม่รอด
“เมื่อวาน” มันตอบลอดประตูออกมา แต่เสียงดูเบาลงเหมือนเดินไกลออกไป แล้วก็ตามด้วย….ตึง!
“เฮ้ย เป็นไร?? ทำไรอยู่??” ผมตกใจสะดุ้ง รีบทุบประตูมันทันที
“เปล่าๆ ไม่มีไร…มีไรอีกเปล่า ยุ่งอยู่” เสียงมันอู้อี้ๆ ตอบกลับมา…. ทำเชี้ยไรอยู่วะแม่ง แต่ก็เอาเถอะ ไม่ใช่เรื่องของกู
“เออๆ ไม่มีไรแล้ว อย่าทำเสียงดังอีกละกัน”
“คร้าบบบบบ” เสียงหมอนั่นตอบกลับมาเจือแววทะเล้นจนอดหมั่นไส้ไม่ได้
ผมกุมขมับ… ทำไมกูต้องมีข้างห้องเป็นอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย เอาน้องนิ้งกูกลับมาโว้ยยยยยยยยยยย
หันไปข้างขวา ไอ้เหี้ยชินยืนโผล่หน้าออกมาจากช่องประตูที่แง้มไว้ มันมองหน้าผมแบบแหยๆ… แล้วยิ้มเจื่อน
“มองไร ไอ้เชี้ยชิน เดี๋ยวกูจับตุ๋ยแม่ง” ผมด่ากราดแบบคนอารมณ์เสีย เดินท้าวเอวหมายจะเข้าห้อง
“จริงอ่ะ??” ไอ้บ้านี่ก็อีกคน มันยิ้มทำตาโตระริกระรี้เหมือนหมาได้กระดูกชิ้นโต (โตจริงๆ ครับ หมอนี่มันเห็นลูกชายผมมาแล้ว หึหึ)
เฮ้ออออออออออออออออออ กูจะรอดมั้ยวะเนี่ย เซ็งแต่หัววัน เบื่อ!!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มาลงสุขสันต์วันคริสมาสต์อีฟค่า อิอิ
อ่านให้สนุกน้า