][Short Story][ - คืนเหงา ... กับเงาในใจ : After Yesterday Before Tomorrow
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ][Short Story][ - คืนเหงา ... กับเงาในใจ : After Yesterday Before Tomorrow  (อ่าน 38948 ครั้ง)

ออฟไลน์ express_men

  • Catching Light.
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
    • SpeedlightTH
************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง
ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  
รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ
กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ
ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ
โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


*************************

แวะมาคุยกันก่อนนะครับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นเรื่องที่สองที่เขียน แต่เสร็จก่อนเรื่องแรก เลยเอามาลองให้อ่านเล่นกันนะครับ
สำนวนภาษาอาจจะยังไม่ดีมากมายนัก ยังไงก็ฝากเพื่อนๆช่วยกันแนะนำตักเตือนได้ครับ
ถ้ากระแสตอบรับดีมากพอ อาจจะมีเรื่องยาวออกมาให้อ่านกันในอีกไม่นานครับ
สำหรับเรื่องนี้ความยาวอยู่ที่ประมาณ 20 หน้า A4 ขนาดอักษร 14 ครับ ผมจะแบ่งลง 3-4 ครั้ง เพื่อให้ไม่ลำบากในการอ่านมากเกินไป
ผิดพลาดประการใด อภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ


*************************




*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2010 21:08:38 โดย THIP »

ออฟไลน์ express_men

  • Catching Light.
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
    • SpeedlightTH
คืนเหงา ... กับเงาในใจ

ประพันธ์ โดย

พดด้วง



-----


~RRRRRRRRRRRRRR~

'สวัสดีครับ นพพูดครับ'
'นพ นพหรอ แกอยู่ไหน ฮึก ฮึก '

เสียงสะอื้นเบาๆดังเข้ามาภายในโทรศัพท์ของนพดนัยอย่างชัดเจน
เสียงที่คล้ายกับคนสะอื้นไห้ แต่ฟังดูเหมือนมาจากความพยายามปกปิดอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ใครได้รับรู้
เพียงแต่ไม่สามารถปิดกั้นความเศร้าไว้ได้หมดเท่านั้น

'เกิดอะไรขึ้น จิ บอกกูมา ทำไมมึงร้องไห้' เสียงชายหนุ่มถามกลับไปด้วยความเป็นห่วง
'ไม่มีอะไร กูยังไม่อยากเล่า ฮึก ฮึก คืนนี้มึงว่างไหม' เสียงปลายสายตอบกลับมา เหมือนกับที่นพดนัยกะเอาไว้
'ว่าง มึงจะไปไหน บอกกูมา กูไปรับมึงเอง'
'ไม่ต้องมารับกู ฮึก ฮึก เดี๋ยวกูไปเอง ชวนต้อย กับ พลอยไปด้วย กูอยากกินเหล้า ขอร้อง ไปเป็นเพื่อนกูที นะนพ ไปกับกูที'

กินเหล้า ??? ร้อยวันพันปีเพื่อนของเขาไม่เคยคิดจะกินเหล้าหรือแตะต้องอัลกอฮอล์ แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้น
ทำไมคืนนี้เพื่อนสุดที่รักของเขาคิดอยากกินเหล้า มันต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างแน่ๆ
ทันทีที่คิดได้ นพดนัยจึงตอบรับการตัดสินใจของเพื่อน เพื่อช่วยปลอบประโลมและสังเกตรวมทั้งสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น
อย่างน้อย เพื่อนเค้าจะได้รู้สึกว่ามีเพื่อน ในยามที่เผชิญหน้ากับเรื่องราวต่างๆเพียงลำพัง

'เออ ได้ มึงจะไปร้านไหน เดี๋ยวกูไปพร้อมกับต้อยและพลอยเอง'
'ไปร้านGE แถวถนนนราธิวาส มึงรู้จักไหม กูจะไปรอก่อนนะ มึงต้องไปให้ได้นะ นพ กูไม่อยากอยู่คนเดียว ฮึก ฮึก'
'เออ มึงอย่าคิดอะไรมาก อีก 2 ชม พวกกูจะไปหา อย่าเพิ่งคิดอะไรมากนะมึง รอพวกกูก่อน กูกำลังเลิกงานแล้ว'
'อือ'

ตรูดดด ตรูดดด ตรูดดด .......

เสียงสัญญานจากโทรศัพท์ถูกตัดขาดหายไป พร้อมๆกับน้ำเสียงที่อมทุกข์และเศร้าสร้อยของเพื่อนรัก ... จิรัฏฐ์


จิรัฎฐ์ เป็นคนที่อัธยาศัยดี ตลอดระยะเวลา 4 ปีในรั้วมหาวิทยาลัย เขาไม่เคยทำตัวมีปัญหาอะไรกับใคร
ใครจะแกล้งยังไง ชายหนุ่มไม่เคยคิดตอบกลับ อย่างมากก็แค่ทำงอนไปซักสองสามนาทีก็หายเป็นปกติ
พอให้เพื่อนๆได้สนุกสนาน
จึงทำให้ตัวของชายหนุ่มกลายเป็นที่รักในหมู่เพื่อนฝูงทั้งในและนอกคณะ และด้วยหน้าตาที่ดี  ...
ผิวพรรณเนียนละเอียด ขาวสะอาด ริมฝีปากแดงอมชมพูอย่างคนมีสุขภาพดี  คางมนได้รูป  ตาคมขำ จมูกโด่งเป็นสัน
รองรับกับใบหน้าเรียวและคิ้วเข้มๆ ซึ่งเป็นเสน่ห์ส่วนตัว
ยิ่งเมื่อบวกรวมเข้ากับความารถในด้านการเรียนที่เป็นเลิศ ทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นคนที่โดดเด่น
มีหลายๆคนเข้ามาจีบ จิรัฏฐ์ แต่นพดนัยเอง ไม่เคยเห็นจิรัฏฐ์จะสนใจใคร
ตรงกันข้าม ชายหนุ่มกลับใช้เวลาทั้งหมดกับพรรคพวกของเขา และกลุ่มเพื่อนในคณะ มากกว่าจะไปสุงสิงกับใครที่ไหน

ถึงไหนถึงกันตลอด ... นิยามของจิรัฏฐ์
งานของคณะ หรือกิจกรรมมหาลัยครั้งใด จิรัฏฐ์ไม่เคยขาด เข้าร่วมด้วยช่วยกันเสมอทุกๆครั้ง โดยไม่ปริปากบ่น
และเมื่อมีคนเข้ามาแสดงท่าทีสนใจเค้า จะทั้งในคณะเองหรือนอกคณะ 
เขาไม่เคยรับ แต่ก็ฉลาดพอที่จะไม่ปฏิเสธกับไมตรีที่ถูกหยิบยื่นมาให้

แม้ว้าเพื่อนสนิทๆจะรู้กันอย่างเป็นทางการว่า จิรัฏฐ์ไม่ได้มีจิตพิศวาสในเพศตรงข้าม
แต่ด้วยความรักเพื่อนและคุณความดีของตัวชายหนุ่มเองที่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันภัย
จึงทำให้เรื่องนี้ถูกเก็บเงียบไว้ จนกระทั่งต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานตามแต่หน้าที่ที่แต่ละคนจะพึงมี
ซึ่งในเวลานั้น คงไม่มีใครใส่ใจ ว่าใครจะรักใคร หรือใครจะชอบใคร อะไร ยังไง ...


ในทุกๆครั้งที่ปัญหาเข้ามาย่างกราย ไม่ว่าจะใหญ่หรือน้อยก็ตาม ชายหนุ่มจะยิ้มสู้เสมอ
ไม่เคยทำตัวหมองเศร้าให้รอบคนข้างเป็นทุกข์ไปด้วย เพราะความเป็นห่วงเป็นใยในคนรอบข้าง
ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 6 ปีที่คบกันมา นพไม่เคยเห็นท่าทีของ จิรัฏฐ์ เพื่อนเค้า จะเศร้าสร้อยเลยซักครั้ง
ทุกครั้งจะมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ประดับอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่มอยู่เสมอ
แต่ทำไมวันนี้ น้ำเสียงจึงดูอมทุกข์และกลัดกลุ้มมากมายนัก ถึงขั้นเอ่ยปากอยากดื่มเหล้า
ทั้งๆที่ หนุ่มร่างบางแทบไม่เคยแตะต้องอัลกอฮอล์มาก่อน

นพดนัย รีบกดโทรศัพท์ต่อไปหาพลอยและต้อยทันที เพื่อ นัดเพื่อนทั้งสองคนไปด้วยกัน ตามคำขอของจิรัฏฐ์


'พลอย แกว่างไหม จิ มันโทรมาชวนไปกินเหล้า'
'เออ ยังไม่ต้องถาม เดี๋ยวเลิกงานกูไปรับ'
'ต้อย จิมันโทรมาชวนไปกินเหล้า ไปเป็นเพื่อนมันหน่อย'
'ได้ เดี๋ยวเข้าไปรับ ที่เดิมนะ'

.....
.....

สารพัดคำพูดที่ถูกกรอกใส่โทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อสื่อสารไปยังเพื่อนสาวทั้งสองคนของนพดนัยและจิรัฏฐ์
หลังจากที่ถามไถ่เรื่องราวและนัดหมายกันเสร็จสรรพ
ทุกคนต่างรีบจัดการภาระกิจของตัวเองให้เรียบร้อย ตามวิถีที่เร่งรีบของคนเมืองกรุง
เพื่อจะมุ่งไปยังจุดมุ่งหมายที่ได้นัดกันไว้
พร้อมกับความสงสัยที่เหมือนๆกันของกลุ่มเพื่อนทุกคน คือ เกิดอะไรขึ้นกับเขา หนุ่มร่างบางที่รักษาสุขภาพยิ่งชีวิต ?


---------------------------------------------------------


เวลาเคลื่อนคล้อยไปอย่างเชื่องช้า จากวินาทีเป็นนาที จากนาที เป็นหลายๆนาที และจากหลายๆนาทีกลายเป็นชั่วโมง
ดวงตะวัน สาดแสงสีส้มแดงอยู่ริมขอบฟ้าทางทิศประจิม ส่องแสงอย่างอ่อนระโหยโรยแรง ราวกับเหนื่อยล้าไร้ซึ่งพลัง
หมู่นกบางกลุ่ม พากันโผบินเพื่อกลับรวงรัง บินเรียงกันเป็นสาย ดูสวยงามยิ่งนัก
เมื่อภาพเหล่านี้มีฉากหลังเป็นเมืองใหญ่ มหานครของประเทศ
ดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้าไป ฝากลำแสงสีแดงสุดท้ายทอทาบทับพื้นปฐพี
ราวกับจะสั่งลาโลกใบนี้ให้อยู่ภายใต้ม่านกำมะหยี่แห่งรัตติกาล

ภาพอาคารสูงเสียดฟ้ากว่า 40 ชั้น ที่ถูกดัดแปลงตกแต่งเป็นคอนโดหรูริมแม่น้ำกลางเมืองใหญ่
มีลำแสงสุดท้ายจากพระอาทิตย์พาดผ่านไปตามความสูงของตึก
ประดับประดาไปด้วยสวนดอกไม้รายรอบตัวอาคาร
ผืนน้ำสีขุ่นของคุ้งน้ำ พากันสะท้อนแสงสุดท้ายของดวงตะวัน ระยิบระยับ งดงามน่าจับตามอง

ชายหนุ่มร่างบาง ยืนเหม่อลอยอยู่ริมหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่ไร้ซึ่งผ้าม่านประดับ
มีเพียงแค่กระจกใส กันระหว่างเขากับวิวของโค้งน้ำเจ้าพระยา
ความคิดที่ถูกปลดปล่อยจากพันธนาการ ได้พัดพาความรู้สึกที่หลากหลายล่องลอยออกไปไกลบนฟ้ากว้าง
ขอบตาที่แดงช้ำ ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง ยังคงมีน้ำตาใสๆ ไหลคลอ อยู่อย่างไม่แห้งเหือดหาย

เอ้อ ... หนอ มนุษย์เรานี้ก็แปลก ยามใดเมื่อดีใจหนักหนา น้ำตาก็พากันรินไหล
ยามใดที่ทุกข์ใจ ก็ได้น้ำตาเช่นเดียวกันที่ชำระล้างรอยมลทินในดวงกมล


วานนี้ ความรู้สึกปรีดิ์เปรมในตัวคนรักยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในอารมณ์
รสชาติที่ได้ดื่มด่ำด้วยอำนาจดำกฤษณา รอยแห่งรักที่ถูกฝากฝังประดับไว้บนเรือนกายอันขาวผ่อง


แต่เช้าวันนี้ เมื่อได้ฟังคำบอกให้เลิกลาจากกัน ความรู้สึกสวยงามทั้งหลายถูกฟาดฟันออกไป
จนกลายเป็นความว่างเปล่า เงียบงัน เหลือเพียงความเดียวดาย ความเหน็บหนาว และความรวดร้าวในจิตใจ
ความรู้สึกเคว้งคว้างผุดขึ้นมาในจิตสำนึก ราวก็นกที่โผบินออกสู่ทะเลกว้าง
เหนื่อยล้าอ่อนแรง ต้องการเพียงแค่ขอนไม้ซักชิ้นเพื่อให้เกาะกุมและได้พักพิงชั่วครู่ยาม
แต่ผืนนทีไพศาล กว้างใหญ่ ไร้ซึ่งที่ให้หยุดพักหายใจ มีแต่ต้องบินร่อนไป จวบจนกว่าแรงกายเฮือกสุดท้ายจะมาเยือน

สมองที่เคยโลดแล่น กับอื้ออึง ไร้สิ้นซึ่งสรรพเสียงและความนึกคิดใดๆ
มือที่ล้าอ่อนแรงปล่อยให้โทรศัพท์เครื่องน้อยหลุดลอย ร่วงลงสู้พื้น ตามแต่ยถากรรม
ปลายนิ้วรู้สึกชาระริกๆ จากการกำมือแน่นเป็นเวลานาน
ดวงตาที่เหม่อลอยไปเคว้งคว้างอย่างไร้จุดหมาย ... ทำไม คำถามสั้นๆที่พอจะคิดได้

จิรัฏฐ์ ไม่ได้เงยหน้ามองดูนาฬิกาแต่เช้าแล้ว ไม่สนใจวันเวลาที่จะล่วงเลยไป
จากเช้าเป็นสาย เป็นเที่ยง เป็นบ่าย จวบจนล่วงเข้ายามเย็น
หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากคนรัก ชายหนุ่มนั่งร้องไห้ นอนร้องไห้ และยืนร้องไห้อยู่ทั้งวัน
ในทุกอิริยาบท เขาไม่สามารถที่จะบังคับตัวเองได้เลย 
วันนี้จะอยู่อย่างไร แล้วคืนนี้ฉันจะผ่านมันไปได้ไหม แล้วพรุ่งนี้ ฉันจะอยู่เพื่อใคร ?

สารพัดสารพันคำถาม ถูกตั้งขึ้นมาในจิตใจ เมื่อคนที่รักดังชีวิต คนแรกที่ยอมพลีกายพลีใจให้ เดินจากลาไป
หยดน้ำตาหยาดแล้วหยาดเล่า รินไหลออกมาจากขอบตาที่แดงช้ำ
แต่เสมือนกับว่ามันจะยังไม่สามารถชำระล้างจิตใจที่เงียบเหงาและเศร้าโศกได้เลยแม้เพียงน้อย



~~~~~~~ จ๊อกกกกกกกก จ๊อกกกกกกกก ~~~~~~~


เสียงท้องของจิรัฏฐ์ร้อง มันโอดครวญเมื่อเจ้านายของมันไม่ยอมแตะต้องอาหารอันใด ตั้งแต่เช้า
จนกระทั่งบัดนี้เวลาได้ล่วงเลยมาจนค่ำมืด ชายหนุ่มจึงค่อยๆเกิดความรู้สึกหิว
เขาจำเป็นต้องหาอะไรเข้าไปรองรับการทำงานของกระเพาะ เพื่อประทังรักษาชีวิตให้อยู่ได้
ชายหนุ่มค้นเจอนมเปรี้ยวที่พร่องไปครึ่งกล่องอยู่ในภายตู้เย็นสีดำเมทัลลิค เขาพลิกกล่องดูเพื่อพิจารณาวันหมดอายุ

อื่ม อีกหลายวัน กว่าจะหมด

ชายหนุ่มคิดในใจพลางก้มลงงับหลอดเพื่อดูดนมเปรี้ยมรสชาติแปร่งๆเข้าปาก
มือก็สาละวนอยู่กับการขุดคุ้ยหาของกินในตู้เย็น

หลังจากที่ได้กินแซนด์วิชสำเร็จรูปกับนมเปรี้ยวเพื่อประทังความหิวแล้ว
ชายหนุ่มตัดสินใจโทรหาเพื่อนรัก นพดนัย เพื่อชักชวนออกไปดื่มเหล้าหมายจะบรรเทาความเงียบเหงาในใจ
ถึงแม้เขาจะไม่เคยแตะต้องอัลกอฮอล์มาก่อนก็ตาม แต่คืนนี้ คืนที่เขามีความทุกข์หนักหนา
เขาคงต้องพึ่งพาให้แอลกอฮอล์เป็นเพื่อนเขา และให้มันกล่อมเขาให้หลับไหลไปในค่ำคืนที่เหน็บหนาวนี้


---------------------------------------------------------------------------

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2009 17:37:30 โดย express_men »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
 :mc4: เจิมเรื่องใหม่ เดี๋ยวตามอ่าน จิ้มก่อน

ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14

bigrat

  • บุคคลทั่วไป
ตามหนึ่งกะแป๋วมาอีกที จิ้ม+เจิมด้วย  :z13:

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
เจิมด้วยยยยยยยยย

แปะไว้เดี๋ยวมาอ่านค่า

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
โห เร็วยังกะสั่งได้  :laugh:


แต่ไมเรื่องมันเศร้าจังเลย หวังว่าจบไม่เศร้านะ

สงสาร จิ  :monkeysad: รักแรกทุ่มเทไปก็ดดนทิ้งขว้าง

รีบมาต่อตอนต่อไปนะ

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: ][Short Story][ - คืนเหงา ... กับ&#
«ตอบ #7 เมื่อ04-02-2009 17:09:09 »

 :m15: :m15: เศร้าคะ อยู่ๆทำไมถึงมาบอกเลิกแบบนี้ล่ะ


 ใจร้ายที่สุด :o12: :o12:  :o12:

ชอบภาษาและสำนวนที่ใช้คะ อธิบายได้เป็นฉากๆ เห็นภาพเลย

สู้ๆนะคะ

andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป

imageriz

  • บุคคลทั่วไป
มาตอนแรกก็เศร้าแล้ว  :m15:


จะรออ่านตอนต่อไปนะ  :L2: :L2: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ไฉไล

  • บุคคลทั่วไป
มาจิ้ม มาเจิม มาเจ๊าะ มาแจ๊ะ  ด้วย อิอิ   :z13:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :mc4: :mc4: :mc4:

แวะมาเจิม และ +1 ให้คราบ
อ่านแล้วชอบชื่อ จิรัฎฐ์  จังเลยงะ  :impress2: :impress2: :impress2:
ชื่อเหมือนกับคนที่เรา เคยแอบชอบเมื่อนาน...... มาก.... แล้ว อิๆ

ออฟไลน์ express_men

  • Catching Light.
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
    • SpeedlightTH
โห เร็วยังกะสั่งได้  :laugh:
แต่ไมเรื่องมันเศร้าจังเลย หวังว่าจบไม่เศร้านะ
สงสาร จิ  :monkeysad: รักแรกทุ่มเทไปก็ดดนทิ้งขว้าง
รีบมาต่อตอนต่อไปนะ


ต้องรออ่านต่อๆไปครับ
กำลังรีไรท์ปรับภาษาของตอนตอ่ไปครับอีกซักพักคงเสร็จ


:m15: :m15: เศร้าคะ อยู่ๆทำไมถึงมาบอกเลิกแบบนี้ล่ะ
 ใจร้ายที่สุด :o12: :o12:  :o12:
ชอบภาษาและสำนวนที่ใช้คะ อธิบายได้เป็นฉากๆ เห็นภาพเลย
สู้ๆนะคะ


ขอบคุณมากครับ เรื่องนี้ไม่ยาวมาก เลยจำ็เป็นต้องขมวดเนื้อหาให้สั้นลงหน่ะครับ ไม่ได้เล่าปูพื้นหลัง เปิดฉากแรกมาก็เข้าจุดหลักเลย
ยังไงฝากตอนต่อไปด้วยนะครับ


:mc4: :mc4: :mc4:
แวะมาเจิม และ +1 ให้คราบ
อ่านแล้วชอบชื่อ จิรัฎฐ์  จังเลยงะ  :impress2: :impress2: :impress2:
ชื่อเหมือนกับคนที่เรา เคยแอบชอบเมื่อนาน...... มาก.... แล้ว อิๆ

ขอบคุณครับ ชื่อตัวละครต้องยกความดีความชอบให้กับตำราการตั้งชื่อ

ออฟไลน์ express_men

  • Catching Light.
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
    • SpeedlightTH
ตอนที่ 2


สายลมเริ่มกรรโชกแรง ฝุ่นผงใบไม้ปลิ้วคว้างกลางนครหลวง
หยาดฝนเม็ดน้อยๆเริ่มพร่างพรู โปรยปรายทิ้งตัวลงสู่พื้นเบื้องล่าง
ภาพหนุ่มสาวหลายคนวิ่งหลบสายฝนกันให้วุ่นวาย บ้างหลบตามป้ายรถเมลล์ บ้างก็อาศัยร่มเงาของกันสาดตามร้านรวงต่างๆ

โต๊ะริมสุดด้านหน้าของร้านGood Evening บริเวณตรงข้ามกับเวทีแสดงดนตรีสด
กระจกบานใหญ่ที่กางกั้นสายฝนไม่ให้สาดเข้ามาภายในนั้น มีไอเย็นจากหยดน้ำขึ้นเป็นฝ้า
ภาพชายหนุ่มรูปร่างบาง ผิวขาวนวลเนียน แก้มแดงระเรื่อเล็กน้อย
ส่วนสูงกำลังดีราว 170 กลางๆ กำลังเอานิ้วมือไล้ไปตามบานกระจก เขียนอะไรบางอย่างลงไปบนนั้น
แววตาที่หยาดเยิ้มเพราะฤทธิ์อัลกอฮอล์ ปลุกอารมณ์ให้กับรังสิมันต์ยิ่งนัก

เขาสังเกตเห็นหนุ่มร่างบางตั้งแต่ตอนเดินเข้ามาภายในร้านแล้ว
แต่เนื่องด้วยอากัปกิริยาที่ดูเหงาๆและเศร้าสร้อยทำให้เขาสงวนท่าทีไว้ ยังไม่ลุกเข้าไปเจรจาด้วยในทันที
เพราะนั่นอาจจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจอะไรผิดได้
ชายหนุ่มสังเกตเห็นหนุ่มร่างบางสั่งเหล้าและดื่มไปหลายแก้วแล้ว
รังสิมันต์นึกดีใจแต่ก็ระคนแปลกใจลึกๆว่าทำไมหนุ่มน้อยหน้าตาดีจึงต้องมานั่งคนเดียว
คนที่ผ่านประสบการณ์มาบ้างแบบเขา พอจะดูออกไม่มากก็น้อย ว่าชายหนุ่มที่ตนแอบลอบมองอยู่นั้น คงพบกับปัญหาหรือมีเรื่องราวบางอย่างในใจเป็นแน่แท้

'แหม ไอ้แซค มึงมองจนน้องเค้าจะละลายอยู่แล้วนะมึง'
'นั่นดิ กูเห็นมึงเริ่มมองตั้งแต่ตอนน้องเค้าเข้ามาในร้านแล้ว ทำไมวะ มึงรู้จักกับน้องเค้ารึไง รึว่า...'
เพื่อนๆของรังสิมันต์พากันถามแกมกระเซ้าเย้าแหย่ ก่อนจะทิ้งประโยคไว้พลางทำท่าครุ่นคิด

'รึว่ามึงชอบน้องเค้า ถ้ามึงชอบน้องเค้าทำไมไม่เข้าไปจีบวะ เกือบชั่วโมงแล้วนะเว้ยมึง ใครคาบไปแดกก่อน กูจะหัวเราะให้'

ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เสียงหัวเราะจากกลุ่มเพื่อนๆของเค้า ทำให้หนุ่มน้อยร่างบางที่รังสิมันต์หมายตาหันหน้ามาทางตะของเขาเพื่อมอง
ชายหนุ่มรีบก้มหน้าลงหลบสายตาเพื่อไม่ให้หนุ่มน้อยจับได้ว่าตนเองกำลังลอบมองเขาอยู่

'พอเลยพวกมึง เรื่องของกูเดี๋ยวกูจัดการเองได้ ว่าแต่พวกมึงเถอะ นั่งแดกมาเป็นชั่วโมงแล้ว
ไม่เห็นสั่งเชี่ยอะไรให้กูกินบ้าง กูหิวข้าว เหล้าแดกไปไม่อิ่ม'
รังสิมันต์บ่นพลางกวักมือเรียกบริกรเข้ามาเพื่อสั่งอาหารหนักมารองท้องบ้าง เนื่องจากชายหนุ่มเริ่มรู้สึกหิว

'ว่าไงครับพี่ รับอะไรเพิ่มดีครับ'
'พี่ได้ข่าวว่าร้านนี้แกงเขียวหวานอร่อย ของแกงเขียวหวาน1โถ แล้วก็เอาหมูแดดเดียวกับแหนมข้อไก่ทอดด้วย'
'ได้ครับพี่ รับอะไรเพิ่มอีกไหมครับ' เสียงบริกรหนุ่มคนเดิมถาม ในขณะที่มือกำลังจดรายการอาหารยิกๆ

'ไง พวกมึงจะเอาอะไรอีกไหม' รังสิมันต์หันไปถามกลุ่มเพื่อนๆของเขาที่มากัน 3 คน
'เออ จะว่าไปกูก็เริ่มหิวเหมือนกัน ไอ้แซค สั่งข้าวผัดปูให้กูจานนึง' เพื่อนตัวดีของเขาตอบกลับมา
'น้อง พี่เอาข้าวผัดปูเพิ่มอีกจาน แค่นี้ละ ไปได้แล้ว' ชายหนุ่มหันกลับไปบอกบริกรที่ยืนคอยรายการอาหารอยู่
'ครับ คอยซักครู่นะครับ'

บริกรหนุ่มเดินกึ่งวิ่งออกไปจากโต๊ะเขาเพื่อสั่งรายการอาหารให้กับทางห้องครัว
เสียงพูดคุยในโต๊ะของรังสิมันต์จึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

'เอ้า ชนแก้วกับกูก่อนมึง ไอ้แซค ไม่ต้องโยกโย้เลยมึง นั่งมาเกือบชั่วโมงแล้วกินไปแค่สองแก้ว เสียชื่อเสือแซคหมด'
'เออ ก็ได้วะ แม่งพวกมึงเนี่ย ยุ่งกับกูจริงๆ'
'เอ้าชน'

ชายหนุ่มยกแก้วขึ้นชนกับกลุ่มเพื่อน พลางพูดคุยกันถึงเรื่องราวในหนหลังที่ผ่านมา
สาเหตุเนื่องจากไม่ได้เจอกันเป็นเวลาเกือบปีแล้ว เพราะภาระหน้าที่การงานของรังสิมันต์ที่ไม่อยู่กับที่
ต้องตระเวณไปตามต่างจังหวัดบ้าง ต่างประเทศบ้าง ทำให้เขาขาดการติดต่อกับเพื่อนฝูง
จวบจนช่วงนี้ที่ปัญหาต่างๆลงตัวเรียบร้อยดีแล้ว
เขาจึงทำเรื่องย้ายเข้ามาประจำยังสำนักงานใหญ่ย่านสาธรทำให้ชีวิตเค้ามีระบบและระเบียบมากยิ่งขึ้น

'แฟนคนเก่าของมึงไปไหนแล้ว น้องกิตที่มึงคั่วๆอยู่ตอนนั้นหน่ะ'
เพื่อนอีกคนเอ่ยถาม ในขณะที่กำลังหยิบเอาเมล็ดถั่วคั่วเข้าปาก

'เลิกกันไปนานแล้วหว่ะ'
'ทำไมวะ ตอนนั้นกูเห็นมึงรักนักรักหนา รึว่ามึงมีเมียใหม่วะ'

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ... เพื่อนสุดที่รักพากันหัวเราะอย่างครื้นเครง

'เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น กูเลิกเจ้าชู้แล้ว กูจะสามสิบอยู่แล้วนะพวกมึง
ขืนทำตัวร่อนไปร่อนมาราวกับเจ้าไม่ศาล แล้วเมื่อไรกูจะเจอคนที่จริงใจกับกูวะ'

'น้องกิตเค้าก็แค่ทนกูไม่ได้แค่นั้น น้องเค้าหาว่ากูไปมีคนอื่น หาว่ากูไม่มีเวลาให้เค้า กูไม่รู้จะทำไงเลยต้องปล่อยน้องเค้าไป'
ชายหนุ่มตอบข้อสงสัยให้กับเพื่อนๆ  แววตามีความเศร้าไหววูบเล็กน้อย
แต่ก็ถูกปรับเปลี่ยนกลับมาเป็นปกติในเวลาไม่นาน

'เออ มึงไม่ต้องคิดมากหรอก มึงยังมีพวกกู อีกไม่นานมึงก็หาใหม่ได้
นั่นไง น้องคนนั้นไงที่มึงมองไม่หยุดหน่ะ เข้าไปจีบเค้าดิ' เพื่อนคนแรกเอ่ยปากยุชายหนุ่ม

'ถ้าเค้าสนใจกูก็ดีซิวะ พวกมึงไม่เห็นรึไง น้องเค้าดูเศร้าๆ กูไม่อยากเข้าไปทำให้เค้ารู้สึกแย่กว่าเดิม'
'มั่นใจหน่อยซิวะ หน้าตามึงก็ดี การศึกษารึก็ไม่น้อยหน้าใคร ฐานะก็ร่ำรวย ทำไมปอดแหกนักวะ
 แต่ว่าไปน้องมันก็น่ารักดีนะเว้ย กูยังแอบชอบเลย'

'พอเลยมึง อย่าเสือกของๆกู กูแค่ไม่มั่นใจแค่นั้น น้องเค้าออกจะน่ารักไม่รู้เค้าจะชอบกูไหม' ชายหนุ่มตอบกลับบทสนทนา
'อ่าว ไอ้นี่มาตู่เป็นของมึงเองซะแล้วแค่คุยยังไม่กล้า แล้วถ้ามึงไม่เข้าไปคุยกับน้องเค้าตอนนี้
แล้วมึงจะไปคุยกับน้องเค้าตอนไหน' เพื่อนคนที่สามในกลุ่ม เอ่ยออกมาพร้อมกับข้อคิด

'เออ จะว่าไปก็จริงของมึง แต่ช่างเถอะ คืนนี้ยังอีกยาวนาน เพิ่งจะสองทุ่มครึ่งเอง กับข้าวมาแล้ว กินก่อนค่อยคุย'
'เออ' อีกสามคนเอ่ยปากรับพร้อมๆกัน

รังสิมันต์ตัดบทสนทนาแล้วมุ่งความสนใจไปยังอาหารที่กำลังถูกลำเลียงมาเสริฟบนโต๊ะ
ข้าวผัดปูร้อนๆส่งกลิ่นหอมฉุย อีกทั้งแกงเขียวหวานที่กำลังร้อนส่งควันโชย
มีลูกชิ้นปลากรายลอยหน้าเคียงคู่กับมะเขือ พริกแดงและใบโหระพา
ทำให้ทั้งสี่หนุ่มพากันลืมหัวข้อสนทนา แล้วเริ่มกินอาหารที่สั่งมาอย่างเอร็ดอร่อย
แหนมข้อไก่ที่ทอดมาแบบกำลังดี รสชาติเปรี้ยวๆเค็มๆเคี้ยวกรุบกรอบ กินเคียงกับแตงกวาสดๆ เรียกน้ำย่อยได้ดีนัก
ไหนจะหมูแดดเดียวเนื้อนุ่ม ไม่เหนียวจนเกินไป ถูกอบมาอย่างดี รสชาติที่กลมกล่อม
เมื่อกินคู่กับข้าวผัดปูร้อนๆ ราดด้วยน้ำแกงเขียวหวาน อร่อยอย่าบอกใคร

เวลาไม่นานเกิน 10 นาที อาหารที่สั่งมาก็ถูกเสือหิวทั้ง 4 ตัว จัดการฟาดจนเรียบ
ไม่เหลือแม้แต่ผักเครื่องเคียงหรือน้ำแกงซักหยด
หลังจากนั้นทั้งหมดจึงเริ่มหันกลับมาดื่มเหล้าและฟังดนตรีสดที่เริ่มบรรเลงคลอเพื่อเพิ่มบรรยากาศคืนฝนโปรยเช่นนี้ ...


---------------------------------------------------------------------------


จิรัฎฐ์มาถึงร้านนานแล้ว ระหว่างที่นั่งรอกลุ่มเพื่อนๆ เขาค่อยๆจิบอัลกอฮอล์ที่เด็กเสริฟคอยชงให้เค้าอยู่เนืองๆ
ชายหนุ่มเริ่มมึนๆเล็กน้อย แต่เขาไม่สนใจ คืนนี้เขาจะปล่อยตัวเต็มที่ขอใช้เหล้าดับทุกข์ในใจซักครั้ง
หลังจากที่นั่งดื่มไปได้หลายแก้ว ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกตัวเหมือนคล้ายกับมีใครจ้องมองเขาอยู่
แต่เมื่อเขาหันหน้าไปมองดูรอบๆตัว ชายหนุ่มก็ไม่ได้พบใครที่ดูน่าสงสัยเป็นพิเศษ
บริกรเริ่มที่จะชงเหล้าแล้วส่งต่อให้หนุ่มน้อยรับมาแล้วดื่มต่อไปเงียบๆคนเดียว

จนกระทั่ง

~~~ RRRRR ~~~

'ฮัลโหล'
'จิ แกอยู่ไหนแล้ว นพกำลังขับรถอยู่จวนจะถึงร้านแล้ว'
'อยู่ในร้านแล้วพลอย โต๊ะริมกระจกหน้าร้าน เข้ามาแล้วเจอเอง แค่นี้นะ'

หนุ่มน้อยร่างบางตัดสายทิ้ง พลางละเลียดอัลกอฮอล์ต่อไปอย่าสบายอารมณ์
หลายๆครั้งที่มีเสียงหัวเราะเฮฮาดังแทรกเข้ามา ต้นเสียงมาจากกลุ่มชายหนุ่ม 4 คนที่นั่งเยื้องๆกับโต๊ะของเขา
แต่ค่ำคืนนี้เขาไม่ใคร่สนใจใครมากนัก ลำพังเรื่องของตัวเองก็หนักหนาพออยู่แล้ว

'นพ กูอยู่นี่'

หนุ่มน้อยลุกขึ้นพลางโบกมือเรียกเพื่อนๆทั้งสามคนของเขาที่กำลังเดินเข้ามาภายในร้าน

'ไงละมึง เกิดอะไรขึ้นทำไมกินเหล้าแต่วัน'

คำทักทายแรกจากปากของเพื่อนหนุ่ม

'นั่งก่อนก็ได้พวกมึง เรื่องของกูมันยาว ว่าไงพลอย รถติดมากไหม'

ชายหนุ่มแกล้งเสเปลี่ยนเรื่องพูดคุยเพื่อถ่วงเวลาเอาไว้ ในแววตาวูบไวระริก
ไม่รู้ว่าเนื่องจากฤทธิ์อัลกอฮอล์หรือจากอารมณ์ที่ถูกสะกดกลั้นเอาไว้กันแน่

'สั่งของกินตามสบายเลยนะ เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง'
หนุ่มร่างบางหันไปบอกเพื่อน พลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอักๆ ราวกับเป็นน้ำเปล่า

'จิ ใจเย็นๆ ค่อยๆกินก็ได้ เพิ่งจะมาเดี๋ยวก็เมาก่อนพอดี' พลอยเพื่อนสาวถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
'นั่นซิแก แกไม่เคยเป็นแบบนี้นิ เกิดอะไรขึ้น ลองบอกพวกเรามา ถ้าช่วยอะไรได้พวกเราก็ยินดีจะช่วยแกเอง'
ต้อยเพื่อนสาวอีกคน ที่เป็นห่วงไม่แพ้กันเอ่ยออกมา

'เอาละ เดี๋ยวถ้ามันอยากเล่ามันคงเล่าเองละ พวกแกสองคนจะกินอะไร จะสั่งของกินแล้วนะ'

นพพูดตัดบทให้จิรัฏฐ์ เพราะท่าทีของจิรัฏฐ์ที่ยังไม่อยากบอกหรือเล่าเรื่องราวอะไร
ทั้งสามคนสั่งของกินและเริ่มต้นลงมือทานกันไปพลางสอบถามสารทุกข์สุขดิบ
จนอาหารหลักบนโต๊ะพร่องลงใกล้จะหมด ทั้ง 3 จึงเริ่มหันมาสั่งให้บริกรชงเหล้า

'โซโค๊กสามแก้วนะน้อง ' นพดนัยหันไปบอกบริกรหนุ่มน้อยหน้ามน
'ครับพี่' บริกรหนุ่มตอบรับ
'เอาละ จิ มึงจะเล่าได้หรือยัง ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกกูเป็นห่วงมึง รู้ไหม' นพดนัยเอ่ยทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นบนโต๊ะ
'นั่นซิ จิ เล่ามาเถอะ ระบายออกมาบ้าง เผื่อแกจะรู้สึกดีขึ้น' ต้อยเอ่ยสนับสนุน

หนุ่มร่างบางเหม่อมองไปยังสายฝนที่โปรยปรายไม่หยุดหย่อน น้ำตาเริ่มรินไหลเคลียคลอหน่วยตา
เขาหันหลับมามองเพื่อนๆ แล้วยิ้มให้กับพวกเพื่อนทั้งสามขอเขา ทั้งๆที่น้ำตากำลังหยาดลงมา

'พี่ณัฐ ทิ้งกูไปแล้ว'

สิ้นคำกล่าว น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ค่อยๆไหลริน ชายหนุ่มก้มหน้าลงกับโต๊ะ พลางสะอื้น ฮั่กฮั่ก อย่างคนที่กลั้นไม่อยู่จริงๆ

นพดนัยดึงร่างจิรัฏฐ์เข้ามากอดเบาๆเพื่อปลอบโยนเพื่อน
เขาตบบ่าชายหนุ่มไปสองสามครั้งพลางค่อยๆขยับให้เพื่อนเขากลับไปนั่งที่เดิม
ต้อยและพลอยส่งกระดาษทิชชูให้จิรัฏฐ์เพื่อซับน้ำตา
ชายหนุ่มยิ้มขอบคุณเพื่อนทั้งสาม หลังที่เริ่มควบคุมอารมณ์ได้บ้างแล้ว

ไม่จำเป็นต้องมีคำกล่าวใดๆออกมาจากผองเพื่อนของหนุ่มร่างบาง
แต่ตัวจิรัฏฐ์เอง รับรู้ได้ถึงกระแสของความเห็นอกเห็นใจ และความห่วงใยของเพื่อนที่มีต่อเขาอย่างท่วมท้น

'ขอบใจพวกแกนะที่มาเป็นเพื่อน จริงๆเราเองก็คิดไว้แล้วละ ว่าวันนึงมันคงต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้'
'แต่เมื่อมันมาถึงจริงๆ เราก็ยังทำใจไม่ได้ พี่เค้าเป็นรักครั้งแรกของเรา ครั้งแรกในหลายๆสิ่ง หลายๆอย่าง'

'แล้วเค้าบอกว่าอย่างไรบ้างละ จิ' พลอยเอ่ยถามกลับ

'พี่เค้าบอกว่าเค้าเบื่อเราแล้ว เค้ามีคนใหม่แล้ว
นั่นแสดงว่าตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมาที่เราคบกันเค้าไม่เคยรักเราเลย เค้าคิดแต่ว่าเราเป็นของตายสำหรับเค้า พลอย เราเสียใจ'
ชายหนุ่มเอ่ยตอบ พลางเริ่มมีน้ำตาคลอๆอีกครั้ง

'อือ อย่าคิดอะไรมากเลยแก พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว พระอาทิตย์ก็ยังขึ้นเหมือนเดิม แกต้องเข้มแข็งก้าวเดินต่อไปให้ได้นะ'
ต้อยปลอบเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

'นั่นซิ จิ ถ้าแกไม่เข้มแข็ง แล้วแกจะได้เจอคนอื่นๆทีเค้าอาจจะดีกว่าพี่ณัฐ
และเค้าอาจจะรักแกจริงๆได้ยังไง ชั้นยังอยากให้แกมีศรัทธาอยู่นะ ศรัทธาในตัวของแกเอง และศรัทธาในคนรอบข้าง'
พลอยพูดปลอบอีกแรงพลางให้ข้อคิดดีๆ

'ยังไงมึงก็ยังมีพวกกูเป็นเพื่อน มึงไม่ต้องคิดมาก มีอะไรโทรหาพวกกูได้เสมอ
พวกเรามันเพื่อนตายกันไม่ใช่รึไง เอ้าชนแก้ว ...' นพดนัยเอ่ยปากชวนเพื่อนทั้งสามของเขาชนแก้ว

ทั้ง 4 คน ยกแก้วขึ้นชน แล้วต่างพากันดื่มน้ำสีอำพันลงคอเพื่อลืมความทุกข์ของเพื่อน
ถ้าเพื่อนทุกข์เราก็ทุกข์ด้วย เหมือนกับคำที่ว่า มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน นี่ละเพื่อนตายของหนุ่มน้อย จิรัฏฐ์

หลังจากหมดเหล้าไปอีกหลายๆแก้ว รอยยิ้มเริ่มจะเยือนใบหน้าของหนุ่มร่างบางอีกครั้ง
ฤทธิ์ของน้ำเมาช่วยเยียวยารักษาได้ผลดี เพียงแค่ไม่นานเสียงพูดคุยเริ่มดังมากยิ่งขึ้น

สายฝนซาไปแล้ว เหลือเพียงละอองเล็กน้อยที่ยังคงโปรยปราย
ดนตรีบนเวที กำลังบรรเลงขับกล่อมอารมณ์ของกลุ่มคนในร้าน
และเนื่องด้วยวันนี้เป็นวันทำงานกลางดือน จึงไม่ค่อยมีคนมากมายนัก
โต๊ะภายในร้านถูกจับจองไว้แล้วกว่า 10 ตัว เหลือปล่อยว่างอีกกว่าครึ่งร้าน
จิรัฏฐ์เริ่มรู้สึกมึนๆ งงๆ เพราะฤทธิ์ของน้ำเมา แต่เขาก็รู้สึกดีเช่นเดียวกัน ความเศร้าที่เคยมีมันค่อยๆมลายหายไป
ราวกับทุกคำพูด ทุกเสียงหัวเราะของเพื่อนๆที่พยายามชักชวนให้เค้าพูดคุยนั้นคือยาชั้นเลิศที่รักษาจิตใจของเขาได้

เวลาช่วงนี้ทำไมมันผ่านไปเร็วนัก ต่างจากเมื่อตอนกลางวัน
นี่กระมังที่คนเค้าพูดกันไว้ว่า เวลาที่เรามีความสุขมันมักจะผ่านไปรวดเร็วนัก

ขณะนี้นาฬิกาตีบอกเวลาว่า 23 นาฬิกาแล้ว จิรัฏฐ์หน้าแดงซ่านเพราะฤทธิอัลกอฮอล์
แต่เพื่อนๆอีกสามคน ไม่เป็นอะไรมากนัก โดยเฉพาะนพดนัยที่ต้องขับรถกลับเขาจึงจิบๆแค่พอเป็นพิธี

'น้องครับ ถ้าพี่จะขอขึ้นไปร้องเพลงเองจะได้ไหมครับ'
จิรัฏฐ์เอ่ยปากถามบริกรหนุ่มที่กำลังชงเหล้าให้เค้า ด้วยสายตาที่หยาดเยิ้ม

เมาแล้วแน่ๆ ไอ้จิเพื่อนกู ... นี่คงเป็นความคิดที่เหมือนๆกันของเพื่อนร่วมโต๊ะทั้งสาม

'วันนี้คนไม่เยอะ ได้ครับ พี่อยากร้องเพลงอะไรครับ ผมต้องไปถามนักดนตรีก่อน'
บริกรหนุ่มตอบกลับมา

'เอาแน่หรอแก ไอ้จิ' พลอยเริ่มไม่มั่นใจว่าเพื่อนเค้ากำลังคิดอะไรกันแน่
'เออดิวะ' ชายหนุ่มตอบ พลางก้มลงจดชื่อเพลงใส่กระดาษทิชชูแล้วยื่นให้บริกร

'พี่ฝากหน่อยนะน้อง ถามให้พี่ที'
'ได้ครับ เดี๋ยวผมมาครับ'


------------------------------------------------------------------------------------------------

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2009 18:23:10 โดย express_men »

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 o13 o13 o13
แหมงงานนี้ จิ เกิดชัวนะเนี่ย โฮะๆ
แล้วจะรอดูว่า นำอำพัน จะทำให้คนเปลี่ยนไปเช่นไรเวลาร้องเพลง
เอาให้หายเศร้าไปเลย  :L2: :L2: :L2:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: ][Short Story][ - คืนเหงา ... กับ&#
«ตอบ #15 เมื่อ04-02-2009 21:01:31 »

ดูถ้าจิรัฏฐ์จะมีคนอยากรักษาแผลใจเข้าให้แล้ว แซ็คจะมาเสียบจริงๆเหรอ

แผลเจ็บหมาดๆแบบนี้จะจู่โจมโผงผางก็มีแต่เสียกับเสียนะ ถ้าเป็นเนื้องอกกันจริง คงไม่แคล้วกันหรอก

ตอนนี้ก็ให้เพื่อนของจิ ปลอบใจจิไปพรางๆก่อนแล้วกัน

จิจะร้องเพลงอะไรนะ เพลงเศร้ารันทดอีกแน่ๆ

ปล.พูดเรื่องแกงเขียวหวาน กะข้าวผัดปู กลืนน้ำลายดัง เอื๊อกเลยทีเดียว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2009 21:03:31 โดย mecon »

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2


รอต่อปายยยค้าบบบบบ



สู้ ๆ น๊าคนแต่ง



 :z2:




katawoot

  • บุคคลทั่วไป
มาสวัสดีครับ
ทักทายก่อนอ่าน

จะเศร้าไม๊เนี่ย  :L2:

ออฟไลน์ express_men

  • Catching Light.
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
    • SpeedlightTH
ตอนที่ 3

http://media.imeem.com/m/7SWzRFh9Kx

------------------------------------------------------------------------------------------------


เวลาผ่านไปไม่นาน หลังจากที่บริกรเดินกลับมากระซิบกระซาบข้างๆหูของจิรัฏฐ์ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นหายไปหลังเวที
ปล่อยให้เพื่อนๆทั้งสามนั่งรอกันที่โต๊ะ พลางลุ้นว่าเพื่อนของเขาคิดจะทำอะไร

เสียงเพลงบนเวทีเงียบหายไป พร้อมๆกับที่นักร้องคนเดิมส่งเสียงบอกลูกค้าในร้าน

'ผมขอฝากไมค์ไว้กับนักร้องหน้าใหม่นะครับ ยังไงก็ขอเสียงปรบมือให้กับ คุณ จิรัฏฐ์ ชยางกูร ด้วยครับ'

เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมๆกับที่จิรัฏฐ์ก้าวออกมายืนหน้าเวที ก้มลงโค้งคำนับให้กับเหล่าลูกค้าในร้าน
ชายหนุ่มเอ่ยปากขอบคุณทุกๆคน

'ขอบคุณมากครับ ผมไม่ได้ร้องเพลงนานแล้ว ไม่แน่ใจว่าจะยังพอฟังได้หรือเปล่า ยังไงก็ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ'

ท่อนนำเพลงของดนตรีเริ่มขึ้นมา พร้อมๆกับเสียงเครื่องดนตรีและกีตาร์เบาๆสบายๆ
เพลงนี้หลายๆคนรู้จักดี ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่เข้ากับบรรยากาศร้านมากมายนัก
แต่คงเข้ากับอารมณ์ของหนุ่มน้อยบนเวทีได้ดีนัก

ชายหนุ่มยืนโยกศรีษะไปมาพลางหลับตาพริ้มเพื่อซึมซับกับดนตรีและบรรยากาศ


' ชายในฝัน เงาในน้ำ เหมือนเมฆลอยอยู่ในอากาศ
ดุจความรัก ที่ไม่เอื้อมอาจ แหวกสายธารไปใกล้ชิดเงา '


เสียงนุ่มๆพริ้วไหวที่เอื้อนเอ่ยไปตามทำนอง พลางโยกตัวเล็กน้อยเพื่อสร้างความรู้สึกให้คล้อยตาม
บรรยากาศภายในร้านเงียบกริบ ราวกับทุกคนกำลังตั้งใจฟังเพลงที่ชายหนุ่มขับร้องออกมา
เสียงที่กำลังดีไม่ขึ้นสูงหรือกดต่ำจนเกินไป การทอดจังหวะที่สม่ำเสมอพอดีกับเพลง
ช่วยให้อารมณ์ถูกถ่ายทอดออกมาราวกับใช้หัวใจในการขับร้อง


' เมฆบนฟ้าคอยตั้งเค้า เปลี่ยนรูปเงาไม่ยอมหยุดนิ่ง
ใจของคนไหวกว่าทุกสิ่ง เปรียบปอยเมฆผกผันเพียงชั่วยาม '


ทันทีที่ท่อนแรกจบลง มีหลายๆคนลุกขึ้นยืนปรบมือให้
ชายหนุ่มระบายยิ้มบางๆออกมา ก้มตัวลงเล็กน้อย พลางโบกมือให้กับกลุ่มเพื่อนของเค้าที่นั่งอยู่ไม่ไกล


' ค่ำบางคืนไม่กล้าเมา แต่คืนนี้เราไม่เมาไม่ได้
เพราะความรักที่พลัดพรากไป ยากเกินใจจะตัดได้ลง '


เสียงทุ้มนุ่มดูมีพลังอีกเสียงดังขึ้นมา ในจังหวะที่เปลี่ยนท่อนเพลง
ชายนุ่มมาดเข้มในชุดทำงานเดินออกมายืนเคียงข้างๆจิรัฏฐ์บนเวที
หนุ่มน้อยร่างบางมีสีหน้างุนงง แต่เขาก็ไม่ติดใจอะไร ยืนโยกตัวเบาเพื่อรอให้เพลงท่อนที่ชายแปลกหน้ากำลังขับร้องจบลง
ระหว่างที่ยืนรอ จิรัฏฐ์ชำเลืองสายตาเพื่อพิจารณาคนข้างๆเขา ดูดีมาก คือคำนิยามสั้นๆที่เขาพอจะนึกได้ในขณะนั้น
ใบหน้าเข้ารูป จมูกโด่งเป็นสัน ไรหนวดเขียวจางๆ รูปร่างที่บึกบึน และกลิ่นหอมอ่อนๆที่ลอยมาจากตัว
ทำให้ชายแปลกหน้าดูมีเสน่ห์และน่าหลงไหลยิ่งนัก


' คงเป็นเพราะสวรรค์ไม่ส่ง นรกไม่สร้าง รักจึงจางร้างใจ
เหลือแต่ตัวบาดรักท่วมกาย หล่นจมลงในสายธารที่สิ้นหวัง '


หลังจากท่อนเพลงที่ชายแปลกหน้าร้องจบลง
จิรัฏฐ์ได้ยินเสียงโห่ร้องของเพื่อนๆชายคนข้างๆ ดังมาจากโต๊ะที่ไม่ไกลเขานัก
ทำให้เขานึกได้ว่า ชายคนนี้นั่งอยู่ในร้านตั้งแต่ตอนที่เขาก้าวเท้าเข้ามาแล้ว
และเป็นโต๊ะเดียวกันกับที่เขาหันไปมองหลายครั้งเพราะเสียงเฮฮา


' กิ่งไผ่ไหวเอน พัดไปตามกระแสลม
ในราตรีที่ขื่นขม โต้สายลมเพียงลำพัง
น้ำค้างพร่างพรู คล้ายหยั่งรู้ความอ้างว้าง
ของราตรีที่เปราะบาง หยาดน้ำค้างต่างน้ำตา '

' ดอกไผ่บานพยานแห่งรัก บานเพื่อลาจาก เจ้าจงปล่อยวาง
ความเข้มแข็งจะคอยเข้าข้าง ความอ่อนแอจะต้องแพ้พ่าย
ดอกไผ่งามเบิกบานในใจ ยังเฝ้าเก็บไว้เพื่อใครคนนั้น
นานเท่าใดคงไม่สำคัญ จะคอยเติมฝันถึงวันที่ดอกไผ่บาน '


เสียงร้องของคนทั้งสองที่สอดประสานกันอย่างลงตัว ราวกับเป็นคู่ของกันและกัน
เสียงของชายหนุ่มร่างสูง เข้ม ทุ้ม กังวานเข้ากันกับเสียงนุ่มๆหวานๆของจิรัฏฐ์
ซึ่งทั้งสองกำลังช่วยกันขับขานอารมณ์แห่งท่วงทำนองออกมาได้อย่างสมบูรณ์ เติมเต็มซึ่งกันและกัน

น้ำเสียงทั้งคู่คลอเคลียไปด้วยเสียงดนตรีที่บรรเลงอย่างรับรู้ถึงอารมณ์ ที่ชายหนุ่มร่างบางตั้งใจจะถ่ายทอด
และความรู้สึกที่ชายหนุ่มตัวสูงคนข้างๆพยายามจะสื่อออกมาให้ชายหนุ่มร่างเล็กกว่าได้รับรู้เช่นเดียวกัน

รังสิมันต์ ก้มลงกระซิบที่ข้างหูของจิรัฏฐ์เบา

'ขอผมร้องเพลงด้วยคนนะครับ'

จิรัฏฐ์ยิ้มให้แทนคำตอบ ... พลางหลับตาลง และขับร้องบทเพลงในท่อนต่อไป ราวกับโลกนี้มีเพียงเขาคนเดียว
โดยที่ไม่ทันสังเกตว่าชายหนุ่มแปลกหน้าข้างๆตัวเค้านั้น ลอบมองเขาขณะร้องเพลงด้วยสายตาที่ชื่นชอบและชื่นชม
กับแววตาที่เป็นประกายและมีความสุข เมื่อรังสิมันต์ได้มองมายังหนุ่มร่างบาง ...


' กิ่งไผ่ไหวเอน พัดไปตามกระแสลม
ในราตรีที่ขื่นขม โต้สายลมเพียงลำพัง
น้ำค้างพร่างพรู คล้ายหยั่งรู้ความอ้างว้าง
ของราตรีที่เปราะบาง หยาดน้ำค้างต่างน้ำตา

ดอกไผ่บานพยานแห่งรัก บานเพื่อลาจาก เจ้าจงปล่อยวาง
ความเข้มแข็งจะคอยเข้าข้าง ความอ่อนแอจะต้องแพ้พ่าย
ดอกไผ่งามเบิกบานในใจ ยังเฝ้าเก็บไว้เพื่อใครคนนั้น
นานเท่าใดคงไม่สำคัญ จะคอยเติมฝันถึงวันที่ดอกไผ่บาน

นานเท่าใดคงไม่สำคัญ จะคอยเติมฝันถึงวันที่ดอกไผ่บาน '


เสียงเพลงจบลง พร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังต่อเนื่องและยาวนาน
ชายหนุ่มสองคนบนเวที โค้งตัวลงเพื่อขอบคุณลูกค้าท่านอื่นๆในร้าน แล้วเดินลงจากเวที
เสียงของนักร้องขาประจำแซวทั้งสองคน

'ขอเสียงปรบมือให้กับนักร้องคู่ของเราอีกครั้งนะครับ'
'แหม สองคนนี้ร้องเพลงได้อารมณ์ดีจริงๆนะครับ ราวกับเป็นคู่ของกันและกัน'

หลายๆโต๊ะโห่ร้อง แต่หลายๆโต๊ะก็ขำขันไปกับมุขที่นักร้องประจำร้านแซวออกมา
ทำให้หนุ่มร่างบางเริ่มอายคนข้างกายเขาเล็กน้อย แต่เพราะฤทธิ์อัลกอฮอล์ที่ทำให้หน้าเนียนใสนั้นแดงระเรื่ออยู่แล้ว
จึงไม่ได้ทำให้รังสิมันต์ผิดสังเกตคนข้างๆมากนัก
เขาเห็นแค่ว่า จิรัฏฐ์หลบสายตาเค้าหลายครั้งเพียงแค่นั้น

นักดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงตามปกติ เพื่อขับกล่อมเหล่านักดื่มต่อไป
ตามจังหวะและท่วงทำนองที่ถูกกำหนดไว้แล้ว

ที่ด้านหลังของเวที ในขณะที่จิรัฏฐ์และรังสิมันต์กำลังเดินกลับเข้ามาภายในร้าน

'ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณ จิรัฏฐ์ ชยางกูร ผม รังสิมันต์ ครับ'
ชายหนุ่มตัวสูงร่างหนา กล่าวแนะนำตัวเองกับจิรัฏฐ์

'เช่นกันครับ ว่าแต่จำชื่อกับนามสกุลผมแม่นจังเลยนะครับ'
หนุ่มร่างบางตอบบทสนทนากลับไปอย่างคึกคะนอง อาจจะเพราะฤทธิ์อัลกอฮอล์ทำให้เค้ากล้ามากกว่าปกติ

'คนน่ารักๆแบบคุณผมก็ต้องจำแม่นเป็นพิเศษซิครับ เดี๋ยวขอผมไปนั่งดื่มด้วยคนได้ไหมครับ'

รอยยิ้มกว้างแบบสดใสที่ได้รับกลับมา คือคำตอบของหนุ่มน้อยตรงหน้า
รังสิมันต์รู้สึกดีใจลึกๆที่คนตรงหน้าเขาไม่ตอบปฏิเสธ
แต่เขาเองก็ไม่มั่นใจมากนัก ว่าระหว่างเขากับหนุ่มหน้าใสคนนี้เรื่องราวจะคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหน
แค่รักข้ามคืน หรือแค่ความหลงใหลชั่ววูบ ? เขาตอบคำถามกับตัวเองไม่ได้
เขารู้แค่เพียงว่า เมื่อเขาได้พูดคุยก้วย ได้มอง แล้วทำให้เขารู้สึกมีความสุข เขาก็จะทำ อย่างน้อยก็เพื่อตัวเขาเอง
หากไม่เริ่มต้นเดิน แล้วจะมีวันถึงเส้นชัยได้อย่างไร ?


--------------------------------------------------------------------------------------------------


ออฟไลน์ express_men

  • Catching Light.
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
    • SpeedlightTH
ตอนที่ 4


เวลาไม่นานนักหลังจากที่จิรัฏฐ์กลับมานั่งที่เดิม
ชายหนุ่มนักร้องคู่ที่รูปร่างสูงใหญ่ก็เดินมาขอนั่งข้างๆจิรัฏฐ์ ทำให้กลุ่มเพื่อนๆของเขา แอบแซวกันไปมา
โดยเฉพาะสาวๆสองคนที่พากันขยับตัวขยุกขยิกหลายทีจนหนุ่มหน้าใสอดที่จะแขวะเพื่อนๆไม่ได้

'พวกแกเป็นอะไร ตั้งแต่คุณแซคมานั่งด้วย หยุกหยิกไม่ยอมหยุด'
'ก็ ก็ ... '

สาวๆสองคนพากันอ้ำอึ้งๆ ไม่กล้าตอบว่าเขิลอายชายหนุ่มผู้มาใหม่

'เอาเถอะเรื่องของแก ไม่สนใจละ'
'นั่นซิ ยังไงแกสองคนก็แห้วอยู่แล้ว ใช่ไม๊ครับคุณแซค'
นพดนัยออกอาการกระเซ้าหนุ่มร่างสูงตรงหน้าผู้มาใหม่

รังสิมันต์สงวนท่าทีด้วยอาการยิ้มน้อยๆ ทำให้นพดนัยหัวเราะเบาๆพลางพึมพำในลำคอ
.. สงสัยคืนนี้ จิ มันคงมีเพื่อนแล้วละ ..

'แล้วคุณแซคทำงานอะไรอยู่หรือครับ' จิรัฏฐ์เปิดบทสนทนาขึ้นอีกครั้ง

...
...

การพูดคุยยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ อัลกอฮอล์หลายๆแก้วถูกส่งมาให้จิรัฏฐ์ เขาดื่มไป พูดคุยไปอย่างออกรสชาติ
รังสิมันต์เริ่มสนิทสนมกับกลุ่มเพื่อนของจิรัฏฐ์อย่างรวดเร็ว
ด้วยความที่เขาไม่ถือตัวและคุยสนุก กลุ่มเพื่อนๆของหนุ่มหน้าใสจึงไว้วางใจและให้ความรู้สึกคุ้นเคยด้วย

น้ำสีอำพันพร่องไปกว่าค่อนขวด หนุ่มน้อยร่างบางเริ่มรู้สึกร้อนมากขึ้น ใบหน้าแดงซ่านด้วยฤทธิ์อัลกอฮอล์
สติสัมปชัญญะเริ่มลดน้อยถอยลงมาทุกที เสียงหัวเราะที่มีมากขึ้น รอยยิ้มที่ทำให้ใครบางคนวูบไหว ...

'จิ ดึกแล้ว เดี๋ยวพวกเราขอตัวกลับก่อนละกันนะ พรุ่งนี้พวกเรายังต้องทำงานนะแก'
'นั่นซิแก พวกชั้นไม่เหมือแกนะ ที่ทำงานอิสระ ชั้นง่วงแล้ว'

สองสาวพากันโอดครวญเมื่อเวลาล่วงเข้า 1 นาฬิกาของเช้าวันใหม่

'นันซิจิ พวกกูกลับกันก่อนนะ ไม่ไหวแล้ว เดี๋ยววต้องขับรถไปส่งสองคนนี้อีก' นพดนัยบอกลาเพื่อนรัก
'คุณแซคครับ ผมฝากเพื่อนผมด้วยนะครับ อย่าทำอะไรมันละ สงสารมันเหอะ'

'หนายยยย ครายยยจะทำอารายกับครายย' จิรัฏฐ์เริ่มส่งเสียงเมาอ้อแอ้ออกมาให้เห็นอาการบ้าง

'ยังไงผมรบกวนคุณแซคพาเจ้าจิกลับไปส่งที่คอนโดมันด้วยนะครับ คงไม่เป็นการรบกวนเกินไปนะครับ'
นพดนัยเอ่ยปากไหว้วานชายหนุ่มรุ่นพี่ตรงหน้าอย่างรู้ใจ ว่ายังไงซะเขาคงขอดูแลคนตัวเล็กข้างกายเขานี้เอง

'อย่าลืมนะครับ ห้ามทำอะไรเพื่อนผมนะ'
ชายหนุ่มแอบส่งสายตาล้อเลียนไปให้รังสิมันต์ที่ยิ้มรับอายๆอยู่

'ได้ครับ ไม่รบกวนหรอกครับ พรุ่งนี้ผมหยุดงาน เดี๋ยวผมดูแลเพื่อนคุณให้ครับ'
'ไปแล้วนะจิ ไว้พรุ่งนี้จะโทรหา อย่ากลับดึกมากละแก' พลอยบอกลาเพื่อนของเธอ
'เออ บ๋ายบายยยยยย' ชายหนุ่มร่างบางโบกมือไล่เพื่อนอย่างอารมณ์ดี

เพื่อนๆทั้งสามคนของเค้าพากันกลับไปเรียบร้อย ทิ้งไว้เพียงแค่ชายหนุ่มสองคน

'จิครับ กลับบ้านเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่งคุณเองนะครับ'

หนุ่มน้อย พยักหน้าตอบรับเบาๆ พลางส่งสายตาเลื่อนลอยไปยังท้องถนนที่กว้างใหญ่
ตนนี้เริ่มเข้าวันใหม่แล้ว ยามดึกเช่นนี้บนถนนไม่ค่อยมีรถมากมาย

'รอผมหน้าร้านซักครู่นะครับ เดี๋ยวผมไปขยับรถก่อนครับ'
'ครับ'

เพียงไม่นานนัก Lexas สีดำคันหรูก็มาจอดเทียบหน้าชายหนุ่ม เขาก้าวขึ้นไปนั่งข้างคนขับกิตติมศักดิ์
หนุ่มน้อยขยับตัวให้เข้าที่ขณะที่รถเริ่มออกตัว พร้อมๆกับคาดเข็มขัดนิรภัย
แอร์เย็นเฉียบที่เปิดภายในรถ ทำให้กระจกข้างเริ่มมีฝ้าน้อยๆ ละอองน้ำเริ่มขึ้นมาเกาะกุม
จิรัฏฐ์เผลอตัวเอานิ้วมือไปลูบไล้เล่นอย่างปล่อยอารมณ์ น้ำตาที่กักเก็บไว้เริ่มปริ่มๆคลอเคลียดวงตา
สมองปลดปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปไกลตามบทเพลงที่ถูกเปิดเบาๆในรถ เพื่อไม่ให้บรรยากาสเงียบจนเกินไป
ชายหนุ่มเหม่อมองสภาพสองข้างทาง แสงไฟจากร้านรวงต่างๆ ท้องถนนที่เงียบเหงาไร้รถราวิ่งแล่น
จนทำให้เขาลืมสนใจชายอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน

'จิครับ ได้ยินผมไหมครับ'

จิรัฏฐ์ค่อยๆหันหน้ากลับมามองรังสิมันต์

'ขอโทษทีครับ ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย แล้วก็ง่วงๆด้วย'
'ครับ ไม่เป็นไร ว่าแต่จิอยู่โครงการ เดอะริเวอร์หรือเปล่าครับ'
'ใช่ครับ ว่าแต่ คุณแซครู้ได้ยังไงครับว่าผมอยู่โครงการนั้น ผมจำได้ว่าผมไม่ได้บอกคุณแซคนี่ครับ'

ชายหนุ่มร่างหนาหัวเราะออกมาเบาๆ

'ก็ผมอยู่โครงการเดียวกับคุณไงละครับ ผมอยู่ห้องตรงข้ามคุณด้วยครับ
แต่ผมเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ยังไม่ถึงเดือนดี คุณเลยไม่ค่อยเห็นผม'
รังสิมันต์ตอบข้อสงสัยของจิรัฏฐ์ พลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี
แต่จิรัฏฐ์กลับอายหน้าแดง ... ที่แท้ก็คนใกล้ๆตัวกันนี่เอง น่าอายจริงที่เค้าไม่รับรู้อะไรเลย

'คุณนอนพักเถอะครับ เดี๋ยวถึงโครงการแล้วผมจะปลุกคุณเอง'
จิรัฏฐ์พยักหน้าน้อยๆ ไม่กล้าพูดตอบกลับเนื่องด้วยยังคงอายที่ตัวเองไม่รู้ว่าหนุ่มตรงหน้าเป็นใคร

หนุ่มน้อยหน้าใสหันหน้าออกพิงกระจก พลางหลับตาน้อยๆลง เปลือกตาที่เริ่มหนักอึ้งปิดสนิทในไม่ช้า
ลมหายใจที่ถูกผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เพียงไม่นานเขาก็เข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์อันแสนสุข


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



จะเกิดอะไรขึ้นในตอนต่อไป ห้ามพลาดนะครับ จวนจะจบแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2009 17:52:11 โดย express_men »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :o8: :o8: :o8:
แซคดูอบอุ่นจังเลยอะ อ่านทีเดียว 2 ตอนเลยมีความสุขอิๆ
+1 ให้คนเขียนขยันจริงๆเลยน๊า

ออฟไลน์ express_men

  • Catching Light.
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
    • SpeedlightTH
:o8: :o8: :o8:
แซคดูอบอุ่นจังเลยอะ อ่านทีเดียว 2 ตอนเลยมีความสุขอิๆ
+1 ให้คนเขียนขยันจริงๆเลยน๊า


+ คืนให้ครับ คนอ่านขยันกว่า

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :z1: อิๆขอบคุณสำหรับ +1 กับคำชมคับ
ว่าแต่ชื่อไรเนี่ยคนเขียน ชื่อ นิว นะคราบ

mecon

  • บุคคลทั่วไป
ได้ร้องเพลงคู่กันด้วยอ่ะ  ถึงเพลงจะเศร้าแต่ก็เป็นเพลงเปิดตัวแซคได้อย่างเท่เอาการเลยนะเนี่ย ไม่รุ้จักกันแต่อยากร้องเพลงคู่  ร้ายนะเนี่ย

เฮ้อ... พอฤทธิ์เหล้าทำงาน จิก็ดูจะร่าเริงเป็นพิเศษเลย อย่าเศร้าเลยนะ เวลาจะทำให้อะไรๆดีขึ้น

หึหึ แซคเป็นเพื่อนบ้านนี่เอง ร้ายจริงๆแบบนี้ถ้าจะเดินหน้าลุยเต็มตัวก็คงไม่ยากแล้ว โกๆๆ

imageriz

  • บุคคลทั่วไป
:o8: :o8: :o8:
แซคดูอบอุ่นจังเลยอะ อ่านทีเดียว 2 ตอนเลยมีความสุขอิๆ
+1 ให้คนเขียนขยันจริงๆเลยน๊า

คิดเหมือนน้องนิวเลย (จริงๆ ขี้เกียจคิดอ่ะ  :laugh:)
แต่เรามาอ่าน 3  ตอนรวด ถ้าคู่กันแล้วนะ ก็ไม่แคล้วจากกันหรอก
จะรออ่านตอนต่อไปนะ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคืนนี้  :laugh:


ออฟไลน์ express_men

  • Catching Light.
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
    • SpeedlightTH
newykung   -  ชื่อ เอ็กซ์คราบ ยินดีที่ได้รู้จักคราบ

mecon  -  ขอบคุณคราบที่ติดตามอ่าน เรื่องนี้เหลืออีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วคราบ อย่าลืมอ่านต่อนะครับ ตอนหน้ามีซี๊ดดดดดดดดด

imageriz  -  นั่นซิคราบ คืนนี้ จะมีอะไรดีๆเปล่า เอิ๊กๆ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
มาบอกว่าชอบเพลงนี้  :impress2:

แล้วแซคจะเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาโอบอุ้มจิ รึป่าวน๊าา

 :-[ :-[
ขอให้จบแบบอบอุ่นได้มั้ยยยยยย

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ออฟไลน์ Mint

  • นิสัย!!
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +881/-17

ออฟไลน์ express_men

  • Catching Light.
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
    • SpeedlightTH
เอ่อ คือ เพิ่งจะหัดเขียนบทอัศจรรย์เป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าจะแรงไปหรือเปล่า


----------
ตอนที่ 5


อรุณรุ่งเริ่มมาเยือน แสงแดดยามเช้าค่อยๆสาดส่องผ่านผ้าม่านสีน้ำตาลอ่อนเข้ามาภายในห้อง
ภาพที่ปรากฎเห็นเป็นลำแสงเล็กๆตกกระทบลงบนพื้นหินอ่อนสีดำ
เสียงเครื่องปรับอากาศจากบริษัทชื่อดังกำลังส่งเสียงครางเบาๆอยู่ริมผนัง
พร้อมกับปล่อยกระแสอากาศเย็นออกมาเพื่อปรับให้อุณหภูมิภายในห้องคงที่

รังสิมันต์ยันกายขึ้นมาจากผ้าห่มผืนหนา เขามองดูหนุ่มน้อยข้างกายเขาที่หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
ดวงหน้าที่ขาวสะอาด ขนตางอนยาว ริมฝีปากแดงระเรื่อ ช่างเป็นภาพที่น่าดูยิ่งนัก
หากเค้ามีโอกาสได้เชยชมภาพนี้ทุกๆเช้าคงจะดีไม่น้อย
ชายหนุ่มก้มลงจุมพิศที่แก้มขาวใสเบาๆ พลางถดกายลงในผ้าห่มอีกครั้ง
เขากระชับวงแขนแกร่งให้หนุ่มน้อยหน้าใสเข้ามาซุกเพื่อหาไออุ่น

หนุ่มร่างบางซุกกายเข้าหาอกกว้างของรังสิมันต์อย่างลืมตัว
กอดเอาไว้แน่นราวกับต้องการคนที่คอยปกป้อง คุ้มกันตัวเขาให้ปลอยภัยจากสิ่งอันตรายใดๆ
ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มให้กับตัวเอง ใช่ว่าเค้าจะหมดหวัง
เพราะถ้าเค้าไม่มีหวัง เมื่อคืนที่ผ่านมาเค้าคงไม่มีโอกาสได้นอนค้างที่ห้องนี้

ภาพเมื่อคืนยังคงติดตราตรึงใจเขา ราวกับอาหารรสชาติสุดวิเศษที่ได้ลิ้มรสก็ไม่ปาน


' จิครับ ถึงคอนโดแล้วครับ จิครับ'
รังสิมันต์ส่งเสียงเรียกริจัฏฐ์
เมื่อเห็นท่าทีว่าหนุ่มหน้าใสไม่ตื่นง่ายๆเค้าจึงเอื้อมมือไปปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยพลางเขย่าตัวเบาๆ
'จิครับ ตื่นได้แล้ว คนขี้เซา ถึงห้องแล้วครับ'

จิรัฏฐ์ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นช้า ท่าทางเขายังคนงัวเงียอยู่ไม่น้อยทีเดียว
'ถึงแล้วหรอครับพี่แซคขอบคุณมากครับ' หนุ่มน้อยหันไปกล่าวขอบคุณคนข้างๆ
'ไปเถอะ ขึ้นห้องได้แล้ว ดึกมากแล้วละ เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ'
'ครับ'
คำตอบรับสั้นๆที่ออกมาจากปากของจิรัฏฐ์

หลังจากนั้นไม่มีเสียงสนทนาใดๆเล็ดลอดออกมาจากบุคคลทั้งคู่เลย จนกระทั่งลิฟท์เลื่อนตัวไปถึงชั้นที่ 23
รังสิมันต์เดินมาส่งจิรัฏฐ์ที่หน้าห้อง เขาเอ่ยปากกล่าวราตรีสวัสดิ์กับชายหนุ่มในขณะที่ชายหนุ่มกำลังไขกุญแจห้อง

'หลับฝันดีนะครับจิ'

เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูถูกเปิดออกพอดี จิรัฏฐ์เดินเข้าไปในห้องได้ครึ่งตัวแล้วหันหลังกลับมาอีกครั้ง
หนุ่มน้อยมีท่าทีลังเล เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกับเขาแต่เหมือนไม่มั่นใจว่าสมควรจะพูดดีไหม

'ว่าไงครับ มีอะไรกับพี่หรือเปล่า เหมือนจะพูดอะไรกับพี่'
'เอ่อ คือว่า คือ ...'
'คืออะไรครับ มีอะไรก็บอกพี่มาเลย ไม่ตองกลัวนะครับ'
'คือว่า'

หนุ่มหน้าใสถอนหายใจหนึ่งครั้งแล้วก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาอีกฝ่าย พลางตัดสินใจเอ่ยปากสิ่งที่อยากถามออกไป

'คืนนี้พี่นอนค้างกับผมซักคืนได้ไหมครับ'

ประโยคเดียวที่ออกจากปากของจิรัฏฐ์ ทำให้เหมือนกับกาลเวลาถูกหยุดเอาไว้ เข็มวินาทีคงค่อยๆกระดิกอย่างเชื่องช้า
ความรู้สึกของคนสองที่ยืนหันหน้าเข้าหากัน แต่กลับแตกต่างกันออกไป
คนพูดรู้สึกอายและเขินอย่างเห็นได้ชัด แก้มที่เริ่มแดงขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ได้ตัดสินใจเอ่ยปาก
แต่ผู้ฟังกลับรู้สึกดีใจมากมายนัก ดีใจราวกับได้รับพรวิเศษจากสรวงสวรรค์

คนนึงลังเลไม่แน่ใจสิ่งที่ตนได้พูดออกไป แต่อีกคนกลับมั่นใจในบางสิ่งบางอย่าง
เขาพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าไปกับคนที่พูดให้เขาฟัง
ถึงแม้จะเป็นแค่คืนเดียว หรือจะหลายๆคืนก็ตาม เขาขอให้คืนนี้ๆเป็นคือที่วิเศษสำหรับเขาทั้งสองคน

รังสิมันต์พยักหน้าน้อยๆเพื่อตอบรับคำเชิญของอีกฝ่าย ถึงแม้อีกฝ่ายจะยังคงก้มหน้าอยู่ก็ตาม
ชายหนุ่มค่อยๆเอามือไปคลอเคลียที่แก้มนวลใสเบาๆพลางเชยคางให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมอง

'ได้ซิครับ'

คำตอบสั้นๆ ที่ออกมาจากใจของหนุ่มร่างสูงที่แสนอบอุ่น ทำให้จิรัฏฐ์โผเข้ากอดรังสิมันต์อย่างโหยหา
ราวกับผู้เดินทางพเนจรที่ร่อนเร่ไปกลางทะเลทรายแล้วค้นพบกับหยาดน้ำเพื่อดับกระหาย
ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ ถูกริมฝีปากของหนุ่มร่างสูงประกบทับลงไป
พลางใช้ลิ้นชอนไชเพื่อแสวงหาความหอมหวานจากกลีบปากคู่งาม คล้ายฝูงภมรคลุกเคล้ากลีบเกสรดอกไม้
หนุ่มหน้าใสเผลอกายโอบคออีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัวเนื่องจากอารมณ์ที่ถูกกระตุ้นจนตะเลิดไปไกล

รังสิมันต์ตัดสินใจอุ้มจิรัฏฐ์ขึ้น ชายหนุ่มโอบจิรัฏฐ์ไว้ด้วยวงแขนแข็งแกร่ง
พลางสบตาหนุ่มร่างบางแล้วยิ้มให้ด้วยสายตาเสน่หา
ในขณะที่อีกฝ่ายกอดเขาไว้แน่นราวกับลูกนกตัวน้อยๆที่ต้องการแสวงหาไออุ่น
ชายหนุ่มอุ้มคนตัวเล็กมาวางไว้บนเตียงนอนสีเบจที่หนานุ่ม
เขาค่อยๆคร่อมตัวทาบทับจิรัฏฐ์ พลางใช้ลิ้นเลาะเล็มที่ริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า
แล้วจึงค่อยเปิดโพรงปากหนุ่มน้อยด้วยปลายลิ้นของเขา แล้วชอนไชเข้าไปภายในเพื่อแสวงหาอมฤตรส
กลิ่นอัลกอฮอล์อ่อนๆที่มาจากโพรงปาก และจากลมหายใจของหนุ่มน้อยหน้าใส รวมกับนัยย์ตาที่หยาดเยิ้ม
ปลุกอารมณ์คึกคะนองให้กับรังสิมันต์ยิ่งนัก เสมือนหนึ่งม้าป่าหนุ่มที่กำลังคึกคัก โลดโผนสู้ไพรกว้าง
ร่างกายของคนทั้งสองพากันกอดเกี่ยว รัดรึงเอาไว้จนแนบแน่น หนั่นเนื้อแทบจะหลอมละลายเป็นร่างเดียวกัน

เสื้อผ้าของคนทั้งคู่ค่อยๆถูกปลดเปลื้องออกจากร่างกาย ทีละชิ้นอย่างบรรจง จนไร้สิ้นซึ่งอาภรณ์ใดปกปิด
รังสิมันต์ใช้ปลายลิ้นเลาะเล็มต่ำเรื่อยลงมาจากริมฝีปาก มายังซอกคอที่ขาวผ่อง
เขาขบเม้มเบาๆเพื่อสร้างความกระสันต์ให้อีกฝ่าย

อ่าห์ .....

เสียงครางเบาๆอย่างพึงพอใจดังลอดไรฟันออกมาจากปากของจิรัฏฐ์
หนุ่มน้อยบิดตัวไปมาเล็กน้อยด้วยความกระสันต์ พลางจิกมือลงบนผ้าปูที่นอน ขยำไว้จนแน่น
เมื่อชายหนุ่มร่างกำยำด้านบนกำลังหยอกเอินกับเม็ดทับทิมสีชมพูบนยอดอก

'พี่ครับ ผมเสียว'

ในที่สุด จิรัฏฐ์ก็กลั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหวต้องเอ่ยปากออกมา

หืมมมมม

เสียงตอบรับบสั้นๆจากรังสิมันต์ที่กำลัง โลมเลีย ปุ่มสีชมพูบนยอดอกของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ
เขาค่อยๆไล้ปลายลิ้นจากยอดอกต่ำลงมายังหน้าท้องที่เนียนนุ่ม แต่ก็มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยพองาม
ปลายลิ้นค่อยๆลากผ่านรอยบุ๋มกลางหน้าท้อง
เขาเลาะเล็มช้าๆให้ต่ำลงไปเรื่อยๆจนถึงพงไหมสีดำที่ปกคลุมบางสิ่งบางอย่างที่เริ่มจะแข็งตัวและชูชันเอาไว้
รังสิมันต์จรดปลายจมูกอย่างช้าๆลง เพื่อสูดกลิ่นหอมอ่อนๆจากพงไหมสีดำ
เขาค่อยๆใช้ปลายลิ้นหยอกเอินกับจิน้อยที่แข็งตัวรอท่าอยู่

'อย่าครับพี่ อย่า อ่าห์..........'

เสียงครวญครางดังออกมาจากปากของหนุ่มร่างบาง

รังสิมันต์ยังคงหยอกเอินจิน้อยด้วยปลายลิ้นต่อไป
เขาค่อยๆลากปลายลิ้นเรื่อยลงมาตามความยาวของแท่งทวน
จนกระทั่งถึงก้อนกลมสองก้อนบริเวณเนินฐานที่ไวต่อการสัมผัสยิ่งนัก
ชายหนุ่มเม้มปากเล็กน้อยพลางไล้ปลายลิ้นไปมา จากนั้นค่อยๆลากกลับขึ้นมายังปลายแท่งทวน
ชายหนุ่มอ้าปากครอบแท่งทวนยาวเข้าไปภายใน ใช้ปลายลิ้นดูดดุนเล็กน้อย

'พี่ครับ ผม ผม ผม...... ผมเสียว จะทำอะไรผมก็ทำเถอะครับพี่'
'พี่แซค อ่าห์....... ซี๊ดดดดด'

เสียงครวญครางดังออกมาจากปากของหนุ่มหน้าใสตรงหน้า จนทำให้รังสิมันต์อดใจไว้ไม่ไหว
ชายหนุ่มควานหาเจลใสสูตรน้ำมานำร่องก่อน เพื่อป้องกันความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายอาจจะได้รับ
จิรัฏฐ์บิดตัวไปมา เมื่อนิ้วมือของรังสิมันต์กำลังแหวกเข้าไปในถ้ำน้อยของเขา

'อย่าเกร็งนะครับจิ ถ้าเจ็บก็กอดพี่แน่นๆนะครับ'

รังสิมันต์เอ่ยปากบอกหนุ่มน้อยตรงหน้า
เขาฉีกซองปลอกอนามัยพลางครอบคลุมตลอดท่อนลำอันใหญ่โตของเขา
ชายหนุ่มค่อยๆสอดแก่นกายของเขาให้มุดหายเข้าไปในกลางลำตัวของอีกฝ่ายอย่างช้าๆ
จิรัฏฐ์ผวาเฮือกขึ้นมากอดรังสิมันต์อย่างลืมตัว ด้วยความอึดอัด คับแน่นของช่องทางและความใหญ่ของแก่นกายอีกฝ่าย

เพลิงแห่งราคะลุกโชน เสียงคนทั้งสองครวญครางดังลั่นอยู่ภายในห้อง
แอร์ตัวน้อยทำหน้าที่พ่นลมเย็นออกมาเพื่อดับร้อน แต่คงไม่สามารถดับการหายและความเร่าร้อนจากเพลิงราคะได้
แรงกระแทกกระทั้นที่รังสิมันต์กระทำ ส่งผลให้หนุ่มน้อยกระดอนไปมาบนที่นอนหนานุ่ม
เสมือนหนึ่งกับพายุหนักที่กำลังโหมกระหน่ำใส่ลำเรือ รามกับคลื่นลมในท้องทะเลที่สาดซัดกระแทกผาหินอย่างรุนแรง

เสียงเตียงลั่นเพราะแรงเสียดสีครั้งแล้วครั้งเล่ากินเวลาเนิ่นนานกว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนที่พายุรักจะค่อยๆสลายตัวลง
ชายหนุ่มร่างหนาปล่อยธารลาวาแห่งรักสีขาวขุ่นออกมามากมาย
หยดเหงื่อที่รินไหลไปตามแผงอกและใบหน้าคมเข้มทำให้จิรัฏฐ์เผลอตัวที่จะเอื้อมมือไปลูบไล้อย่างหลงไหลไม่ได้
หยาดเหงื่อบางเม็ด หยดลงบนตัวของหนุ่มร่างบาง แต่เขาไม่ได้รังเกียจแม้แต่น้อย
เขาเอื้อมมือขึ้นไปไขว่คว้าชายหนุ่มตรงหน้ามากอดไว้แน่นราวกับกำลังหวาดเกรงสิ่งใด
รังสิมันต์ก็กอดตอบชายหนุ่มอย่างแนบแน่นเช่นเดียวกัน



---------------------------------------------------------------------------------------------------


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด