Hurt Love
"Kiss Me Goodbye" @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
..เราเจอกันครั้งแรกในงานแต่งงานของอาผม..
ในความจริง เรารู้ว่าแต่ละฝ่ายมีตัวตน แต่ต่างคนต่างไม่เคยสนใจกันและกัน ผมรับรู้..ว่าเขาคือลูกชายของน้า เขารับรู้..ว่าผมคือลูกชายของป้า
แม่ผมย้ายมาอยู่กรุงเทพหลังจากแต่งงานกับพ่อ แม่แทบจะไม่ได้กลับไปบ้านเกิดเลย เราลงใต้ไปเยี่ยมตากับยายกันนับครั้งได้
ในขณะที่เพลงบรรเลง คู่บ่าวสาวขึ้นไปบนเวที แสงไฟรอบด้านมืดลง ทุกสายตาจับจ้องเจ้าของงาน หากสายตาผม..มองแต่เขาเท่านั้น
คิดดูแล้ว เราน่าจะเคยเห็นกันตอนเด็ก..พี่ชายที่แก่เดือนกว่าไม่เท่าไหร่ ผมคงไม่สนิทกับเขาเพราะเราอยู่กันคนละบ้าน ผมจะนอนบ้านตา แต่เขานอนบ้านพ่อตัวเอง ไม่มีอะไรแปลก..เราแค่ยังเด็กด้วยกันทั้งคู่
ชั่ววินาทีหนึ่งนั้น เขาหันกลับมา สายตาเราประสานกัน
..เขายิ้มให้..และเป็นยิ้มที่อ่อนโยนเสียด้วย..
“คืนนี้เรานอนบ้านไหน” พี่สาวที่เป็นลูกของน้าอีกคนออกปากถาม
ตากับยายผมเป็นคนจีน แกมีลูกทั้งหมดห้าคน แต่ละคนแยกย้ายไปมีครอบครัวจนหมด จะมีแต่แม่ของผมเท่านั้นที่ย้ายมาอยู่กรุงเทพถาวร ผมไม่ค่อยสนิทกับญาติฝั่งแม่นัก แต่ถือว่าความสัมพันธ์ก็ไม่ได้เลวร้ายเสียทีเดียว
ผมขยับปากจะตอบว่าคงนอนบ้านตา แต่เขา..เดินเข้ามาแทรกกลางวงแล้วเท้าแขนลงกับพี่สาวที่ตัวเล็กกว่า
“นอนบ้านพี่ก็ได้ เดี๋ยวจัดห้องให้”
ผมไม่ปฏิเสธ พ่อแม่ผมก็ไม่ปฏิเสธ
..คืนนั้น..เราจูบกัน..
มันเกิดขึ้นตอนไหน ผมแทบไม่รู้ตัว รู้เพียงว่าเราดูทีวีด้วยกัน ผมนั่งเงียบ เขาก็นั่งเงียบ เขาไปอาบน้ำ ผมนั่งเฉย พอเขากลับมานอน ผมก็ออกไปบ้าง
“ให้ปิดไฟเลยมั้ย” ผมถามคนที่นอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง
“อืม..” เขาตอบโดยไม่ลืมตามอง “ง่วงแล้ว”
ผมกลับเข้ามา ล้มตัวเบาๆลงบนฟูกก่อนจะขยับไปทางตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ในห้องที่เขาได้มันมาจากการจับฉลาก เขาคลี่ผ้าห่มออก ตวัดมาทางผม
ในความมืด..ผมได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ เมื่อคิดว่าเขาคงนอนหลับไปแล้ว ผมถึงได้พลิกตัวกลับมา จ้องมองใบหน้าคมสันนั้นผ่านแสงสลัวจากนอกหน้าต่าง ไล่สายตาลงไปยังฝ่ามือที่วางทาบอยู่บนแผ่นอก
ตอนนั้นผมอยู่แค่ม.สาม สาบานได้ว่าไม่ได้คิดเกินเลยไปจากความสงสัยของตนเองเลยสักนิด ผมแค่ลองเอามือไปทาบกับมือเขาเท่านั้น
..แค่อยากรู้ว่าทำไมเราจึงต่างกันมากมาย..
เขาไม่ได้ตื่น แต่ฝ่ามือเขาขยับแผ่วเบา รวบปลายนิ้วผมไว้พร้อมกับพลิกตัวนอนตะแคง ผมชะงักกึก แทบหยุดหายใจกับปลายจมูกที่แนบข้างแก้ม
ในความมืดนั้น เขาค่อยๆขยับเข้าหา นิ้วยาวเกลี่ยไล้ลงกลางฝ่ามือ ผมกลั้นใจด้วยความตระหนก ลมร้อนผ่าวรินรดอยู่ข้างซอกคอ
ริมฝีปากเราสัมผัสกันบางเบา หัวใจผมเต้นรุนแรง มันดังระรัวคล้ายกำลังจะระเบิดออกมานอกอก เขาทาบปากอีกครั้ง..และผมก็แย้มรับ
เขาถือโอกาสนี้ขบกัดเพียงนุ่มนวลที่ริมฝีปากล่าง ผมหลับตานิ่ง ในอกซ้ายยังคงมีเสียงก้องดัง ทั้งตื่นเร้า ทั้งตกใจ และมีความสุข
..ผมคงชอบเขาเข้าแล้ว..
เขาหยุดเพียงแค่นั้น รวบตัวผมมากอดไว้ด้วยสองแขน ร่างเราแนบชิดกันจนกระทั่งใกล้เช้า ผมเป็นฝ่ายผละออกมาก่อนแล้วหันหลังให้
..ต่างฝ่ายต่างทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น..
เราคุยกันตามปกติ บ่อยครั้งที่ผมมักเสหลบดวงตาคมกล้านั้น เขาเป็นเพื่อน เป็นญาติ และเป็นพี่..ที่แสนดี
ผมไปงานแต่งงานของอาที่บ้านเกิดแม่แค่สองวัน ดังนั้น..เราจึงได้อยู่ใกล้กันแค่คืนเดียว แน่นอน..เป็นคืนเดียวที่ผมมีความสุขที่สุด
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
..เราเจอกันครั้งต่อมาในงานแต่งงานของพี่สาวเขา..
ผมช่วยแจกของชำร่วย เดินดูตามโต๊ะว่ามีอะไรขาดเหลือ ในขณะที่เขาเป็นคนต้อนรับแขก คอยพูดคุยและเอาใจใส่ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
ผมลอบมองเขา ส่วนเขา..ยิ้มตอบมาให้
“คืนนี้นอนที่ไหน” เจ้าสาวของงานยังคงห่วงผมเสมอ
ในระยะเวลาหลายปีที่เราไม่ได้ติดต่อกัน แม่ของผมกับลุงมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง แม่ลั่นปากว่าจะไม่กลับมานอนบ้านตาที่ลุงอาศัยอยู่ด้วยอีกเพราะฉะนั้น มาคราวนี้ผมจึงต้องอาศัยนอนที่อื่น “จองโรงแรมไว้แล้ว”
“บ้านพี่ก็ได้” และเขา..ก็ยังคงชักชวนด้วยคำเดิม
หกปี..ที่ผมไม่ได้เจอเขา ความคิดถึงมันกลุ้มรุมอยู่ในอกจนแทบแหลกสลายเพราะความอัดอั้น เขาเป็นพี่ เขาเป็นญาติ และเราอยู่ห่างกัน
..ผมไม่สามารถบอกความในใจนี้ไปได้..
“อันนี้ใครทำให้” ผมจ้องมองครอสติซที่ใส่กรอบไว้ข้างฝาผนัง
เขาปลดเสื้อออก ดึงผ้าเช็ดตัวมาคลุมท่อนล่าง “คนที่มาชอบพี่”
ผมนิ่งอึ้ง ดวงตาหม่นแสงลงด้วยความเจ็บปวด “แฟนเหรอ”
“ไม่หรอก” เขาส่ายหัว ชี้มือให้ดูของขวัญกองอื่นด้วยความภูมิใจ “ยังมีอีกนะ ภาพวาดนั่นก็ใช่ แต่เป็นคนละคน”
“ป็อปจริง” ในขณะที่หยอกล้อเขา..ผมก็ยอมรับว่าเจ็บ “ถ้าทำให้บ้าง พี่จะรับไว้มั้ย” สุดท้าย..ผมก็ถามออกไปในสิ่งที่ไม่ควร
“เอาสิ” เขายิ้มละมุน “จะตั้งไว้บนหัวเตียงเลย”
..คืนนั้น..เราจูบกัน..
ผมเป็นฝ่ายเข้านอนก่อน หัวใจเจ็บร้าวด้วยความไม่สงบ สายตามองผ่านความมืดไปที่กรอบรูปครอสติซ มันเป็นลายของเด็กชายและเด็กหญิงคู่กัน
..ผมไม่กล้าจะถามว่าเขามีคนที่ชอบหรือยัง..
ผมไม่อาจปั้นหน้านิ่งได้ในขณะที่ปากถามสิ่งที่ทำให้ใจเจ็บปวด ผมไม่อาจทนกลั้นน้ำตาได้..ถ้าหากคำตอบที่ได้รับคือการบอกว่ามี
..แต่คนๆนั้น..ไม่ใช่ผม..
มนุษย์เรามักเห็นแก่ตัว และผมขอเก็บความสุขที่ได้มาจากการเห็นแก่ตัวนั้นไว้นานๆ ถึงแม้เราจะไม่ได้คบกัน แต่เขาจะยังมีผม ผมจะยังมีเขา
..แม้ในฐานะญาติคนหนึ่ง..ก็ยังดี..
เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ ผมหันกลับไปด้านหลังอีกครั้ง ไล้ปลายนิ้วลงกับท่อนแขนแข็งแรง เวลาหกปีที่ผ่านมา เขาเปลี่ยนแปลงไปมาก
ใบหน้าหล่อเหลาอย่างคนใต้นั้นมีไรหนวดบางๆ ดวงตาสีดำสนิทมักมีแววฉ่ำหวานแอบซ่อนอยู่ภายใน เสียงนุ่มนวลเปลี่ยนเป็นทุ้มต่ำ ริมฝีปากที่ผมเคยสัมผัส..สุดท้ายก็อยากรู้ว่าเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใด
ผมโน้มตัวเข้าหาเขา แตะปากเบาๆด้วยความไม่กล้า
เขาไม่ลืมตาขึ้น แต่กลับยกแขนขึ้นโอบรัดตัวไว้ ออกแรงกดต้นคอให้ผมก้มต่ำ เขาขยับเพียงนิด เอียงหน้าเพื่อรับจูบทั้งหมดให้ถนัดขึ้น
มือข้างที่เหลือของเขาเลื่อนมาตรงราวเอว ฝ่ามืออุ่นร้อนสอดเข้าใต้ตัวเสื้อ เลิกมันขึ้นแล้วลูบไล้ผะแผ่วผ่านผิวเนื้อ ปัดป่ายมาถึงยอดอกทั้งสอง
ผมครางเบาๆด้วยความกลัว ห้องของตากับยายอยู่ไม่ไกลออกไปนัก
..นอกเหนือไปจากเสียงจูบแว่วหวาน เราไม่ได้พูดคุยอะไรกัน..
ผมเผยอริมฝีปากขึ้น เขาบรรจงสอดลิ้นเข้ามาภายใน เล็มเลียตามไรฟันและกระตุ้นเร้าให้ผมยอมตาม ปลายนิ้วใหญ่บีบคลึงไปทั่วตัว
มีเสียงฝีเท้าคนอยู่ด้านนอก ผมขยับตัวหนีอย่างรวดเร็ว น้าเปิดประตูเข้ามาข้างในเพื่อมาเข้าห้องน้ำที่มีอยู่ในห้องของพี่
แสงไฟสว่างวาบ ผมหลับตานิ่ง บังคับตัวเองให้อยู่เฉยที่สุด ส่วนเขา ยังคงหลับตาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ตามเดิม
เมื่อน้าออกไป เราต่างฝ่ายต่างทำเป็นมองเมินและไม่มีใครหันกลับมา
ตอนเช้า..ด้วยความละอายใจที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ผมยังคงนอนแช่อยู่บนเตียงอย่างนั้นกระทั่งเขาออกไปเรียน เมื่อประตูปิดลงแล้วผมจึงลืมตา
เย็นวันนั้น ผมต้องกลับกรุงเทพ เขามาส่งที่สนามบิน
..เราต่างฝ่ายต่างทำเหมือนเรื่องเมื่อคืนเป็นแค่ความฝัน..
“ตั้งใจเรียนนะ” เขายิ้มให้ ฝากขนมไว้ถุงหนึ่ง “หวัดดีป้าให้ด้วย”
ผมพยักหน้า รับของมาพร้อมโบกมือลา
“อีกปีเดียวจะรับปริญญาแล้ว จะมามั้ย” สุดท้าย ผมกลั้นใจถามไป
“แน่นอน” เขาสัญญา
..ผมน่าจะรู้อยู่แล้ว..ว่าเขาไม่มา..
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
..เราเจอกันครั้งสุดท้ายในงานแต่งงาน..ของเขา..
อีกหกปีที่ผ่านมา..ผมติดต่อกับเขานับครั้งได้ รู้ดีว่าเราไม่อาจเปลี่ยนความสัมพันธ์ที่มีอยู่ รู้ดีว่าเขาเป็นพี่ รู้ดีว่าผมเป็นน้อง
..รู้ดีว่าสุดท้าย..เราเป็นได้แค่ญาติกัน..
แต่ผมกลับทำใจไม่ไหว..เมื่อได้การ์ดเชิญจากเขา
“ใคร..” ผมโทรหาเขา ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุยกันทางโทรศัพท์ แต่เป็นครั้งแรกที่ผมใช้น้ำเสียงสั่นเครือเพื่อถามสิ่งที่ตนเองอยากรู้ “เจ้าสาว..ใคร”
ดูเหมือนเขาจะนิ่งอึ้งไป
“ตั้งแต่เมื่อไหร่..ตอนไหน..” ผมกลั้นเสียงสะอื้น
..เรื่องราวที่ผ่านมา..มันคืออะไร..
..อะไรคือความจริง..อะไรคือความกระจ่างในความคลุมเครือ..
..เราจูบกัน..เพื่ออะไร..
..หรือมีแต่ผมเท่านั้นที่คิดเกินเลย..
‘ถ้าเราจำได้’ เขาพึมพำ ‘เธอเป็นคนที่ปักครอสติซให้พี่’
..หัวใจผมขาดวิ่นด้วยความรวดร้าว..
“แต่งวันไหนล่ะ” ผมปรับเสียงตัวเอง หมดความพยายามในการทำงาน
‘ธันวานี้..จะมามั้ย’ เขาอ้อนวอน ‘มาให้ได้นะ อยากเจอ..’
ด้วยคำขอจากเขา ผมจองตั๋วเครื่องบินเพื่อไปร่วมงานแต่งงาน
ในระหว่างเดินทาง ผมได้แต่นึกขัน เรามักจะมาเจอกันและกันในวันแห่งความสุขของคนอื่นเสมอ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมดีใจที่ได้เห็นหน้าเขา
..แต่มาวันนี้..ผมทุกข์จนแทบขาดใจ..
“มาจริงๆด้วย” เขายิ้มให้ผมอย่างเคย ลากตัวไปถ่ายรูปคู่กัน
ผมก้มหัวให้เจ้าสาว เธอไม่ได้สวยโดดเด่น แต่ในรอยยิ้มนั้นมีความอ่อนหวานและน่ารักอยู่ในที เธอเดินเข้ามาหา ยกมือไหว้ขอบคุณที่ผมมา
“เขาเล่าให้ฟังเรื่องน้องชายเสมอ” เธอยิ้ม “เขารักคุณมากค่ะ”
ผมมองหน้าพี่ชาย และเขามองหน้าผม
..มีอะไรบางอย่างที่แอบซ่อนไว้ในใจของเรา..
..สิ่งที่เราไม่เคยเอ่ยมันออกมา..
..สิ่งที่เราทำมองข้ามไป..
..สิ่งที่เรา..ต่างทำเหมือนไม่มีมันเกิดขึ้นมาก่อน..
“เขาก็เป็น..” ผมข่มเสียงสั่นพร่า “พี่ชาย..ที่ผมรักมาก”
หญิงสาวในชุดราตรีสีขาวยิ้มงดงาม เธอจูงผมให้มายืนตรงกลาง
แสงแฟลชสว่างวูบ ความรู้สึกผมด้านชา
..และน้ำตา..กำลังไหลลงในใจ..
“เขาเอาครอสติซที่คุณปักแขวนไว้ข้างผนัง” ผมบอกเธอ “เขารักคุณมาก..และเพราะคุณเป็นคนสำคัญ” ผมมองหน้าพี่ “ผม
เลยอยากฝากเขาด้วย”
เธอหัวเราะด้วยความสดใส “ของฉันอยู่ข้างผนัง แต่หมอนที่คุณปักแล้วส่งพัสดุมาให้เขาจากกรุงเทพ เขาวางไว้ตรงหัวนอนนะคะ”
ผมนิ่งงัน เขาเองก็นิ่งไป
เมื่อถึงเวลา พิธีกรเชิญคู่บ่าวสาวเข้าไปด้านใน ผมเดินตาม ญาติๆจะได้โต๊ะหน้าสุด ผมอยากเลี่ยงไปที่อื่น แต่ในเมื่อหลีกไม่ได้
ผมจึงต้องนั่งดูพรีเซ็นเตชั่นความรักของเขากับเธอ..ด้วยน้ำตา
“เจ้าสาวเล่าว่าเธอจีบเจ้าบ่าวก่อน” พิธีกรหยอกล้อ
“ปักครอสติซจีบเขาค่ะ” เธอแก้มแดงด้วยความเขินอาย
“แล้วก็ติดจริงๆด้วย” มีเสียงหยอกล้อดังมา
ผมเงยมองเพดาน ทำทีสนใจแชนเดอเลียร์คริสตัลแสนสวยด้านบน
..แต่น้ำตาผมยังคงไหลรินลงต่ำ..
“เจ้าบ่าวล่ะครับ..สนใจเจ้าสาวตอนไหน”
เขารับไมค์ไปถือ “คงเพราะ..เราได้คุยกัน”
ผมหันไปมองเขา ส่วนเขา..ยังคงมองผม
..ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา..เราไม่เคยได้คุยกัน..
..ทำไมเราจึงคิดถึง..ทำไมเราถึงอยากเจอหน้า..
..ทำไมเรากอดกัน..ทำไมเราถึงได้จูบ..
..เพราะอะไร..และเพื่ออะไร..
..เรากลับปล่อยให้มันผ่านเลยไปถึงสิบสองปี..
..และเขาเลือกที่จะไม่รอ..
“ผมจะเก็บความประทับใจนี้ไว้กับตัว..จนวันตาย” เขาปิดท้ายแค่นั้น
ผมร้องไห้เบาๆ
..เขาพูดให้ใคร..
“คืนนี้เรานอนที่ไหน” พี่สาวที่มีลูกแล้วสองคนเดินเข้ามาถาม
ผมยิ้ม แววตาอ่อนระโหย ได้แต่มองเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ยืนรอส่งแขกอยู่หน้างาน เขาเองก็ได้ยินที่พี่สาวถาม แต่ครั้งนี้..ไม่มีคำชวนเดิมๆ
“ไม่ได้ค้างหรอกครับ จะกลับเลย”
ผมจองตั๋วกลับกรุงเทพคืนนี้ เพราะผมรู้ดี..ไม่มีที่ในบ้านนั้นสำหรับผมอีก สองครั้งที่ผ่านมา เขาออกตัวชวน แต่เพราะครั้งสุดท้ายเขาเจอเธอแล้ว
..บนเตียงของเขา ที่ที่เราเคยกอด เคยจูบ..
..จะไม่ใช่ที่สำหรับผมอีกต่อไป..
“ทำไมไม่ค้าง” เขาถามด้วยสายตาเป็นกังวล
เบื้องหลังความห่วงใยนั้น..มีบางสิ่งบางอย่างที่เรารับรู้กัน
..มันสายเกินไป..
“ขอให้มีความสุข” ผมทิ้งท้าย อวยพรคนทั้งคู่
เขาพยักหน้า มีแววเจ็บปวดซุกซ่อนภายใน “ขอโทษ..คงไม่ได้ไปส่ง”
“ไม่เป็นไร” ผมยิ้ม รับไหว้จากเจ้าสาวอีกครั้ง “มีน้องเร็วๆนะ”
ดวงตาของเขามีหยดน้ำเอ่อคลอ เขาผละจากเจ้าสาวของตัวเองเพื่อตามผมมายังลานจอดรถของโรงแรม ฝ่ามือใหญ่ฉุดรั้งแขนผมไว้แล้วดึงเข้าหาตัว
ผมยันอกเขาออกห่างโดยสัญชาตญาณเมื่อเขาโน้มลงชิด
“ขอให้มีความสุข” และเมื่อผมอวยพรเขาอีกครั้ง เขาจึงได้สติ
เขาปล่อยตัวผม ความเจ็บปวดที่เราต่างกักเก็บมันเอาไว้เหมือนจะปะทุขึ้นอย่างพลุ่งพล่าน หากสุดท้าย..เราเลือกที่จะเก็บกลืนมันลง
“ขอให้มีความสุข..เหมือนกัน”
ผมพยายามกลั้นน้ำตา เมื่อมันไหลลง ผมต้องซ่อนมันไว้ด้วยการยกมือไหว้เขาตามประสาคนที่อายุอ่อนเดือนกว่า “ขอบคุณครับ”
“จะได้เจอกันอีกมั้ย” เขายังรั้งเมื่อผมเดินออกไป
ผมเงยมองท้องฟ้าของเดือนธันวาคม มันช่างสวยงาม
..แต่ก็หนาวเหน็บในคราวเดียว..
“อย่าดีกว่า” ผมปฏิเสธ
“ครั้งสุดท้าย!” เขาเลือกที่จะตะโกน “ครั้งสุดท้าย..ก่อนเราจะไม่เจอกัน”
ผมอยากใจแข็ง อยากพาสองขาออกห่าง..แต่ผมกลับวิ่งเข้าไป
..ในคืนนั้น..เราจูบกัน..
ทุกอย่างเหมือนความฝัน เราสัมผัสกันและกันในยามที่มีสติ ไม่มีใครหลับตา ไม่มีใครทำเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น เรารับรู้ และ
เราเต็มใจ
We choose it, win or lose it
..เราต่างเลือกหนทางนี้เอง..
Love is never quite the same
..ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิม..
I love you, now I've lost you
..ฉันรักเธอ..แต่หลังจากนี้..ฉันต้องสูญเสียเธอ..
Don't feel bad, you're not to blame
..ไม่ต้องห่วงที่รัก..ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองเลย..
So kiss me goodbye and I'll try not to cry
..ดังนั้น..เพียงครั้งนี้..ได้โปรดจูบลากัน..จะพยายาม..ไม่มีน้ำตา
All the tears in the world won't change your mind
..เพราะแม้ว่าฉันจะร้องไห้จนขาดใจ..
..มันก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก
There's someone new and she's waiting for you
..ยังมีใครบางคนรอคอยอยู่ตรงนั้น..รอคอยเธอกลับไปหา..
Soon your heart will be leaving me behind
..และอีกไม่นาน..เธอคงจะทิ้งฉันไว้เบื้องหลัง..
Linger awhile, then I'll go with a smile
..ขอเวลาสักพัก..แล้วฉันจะจากไป..ด้วยรอยยิ้ม..
Like a friend who just happened to call
..เหมือนกับเพื่อนคนหนึ่ง..ที่ไม่มีอะไรลึกซึ้งระหว่างกัน..
For the last time pretend your are mine
..แต่ได้โปรดเถิด..ครั้งสุดท้ายเท่านั้น..ช่วยเสแสร้งว่าเธอเป็นของฉัน..
My darling, kiss me goodbye
..ที่รัก..ขอเพียงหนึ่งจูบลา..
FINนักอ่านถามว่า แล้ว "ผม" คือใคร และ "เขา" ล่ะใคร
ก็เลยบอกว่า "ไม่รู้" 555+
นานๆที อ่านแบบไม่มีชื่อตัวละครบ้างเนอะ
