[เรื่องสั้น]พอเพียงรัก (ตอนพิเศษ 2 : เมีย) 7เม.ย.2557 [ย้ายได้เลยค่ะ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น]พอเพียงรัก (ตอนพิเศษ 2 : เมีย) 7เม.ย.2557 [ย้ายได้เลยค่ะ]  (อ่าน 23440 ครั้ง)

ออฟไลน์ เงาใต้น้ำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +116/-3
ส่วนที่เอาไปแปะไว้ที่กระทู้ก่อนลงนิยาย อยู่ในระหว่างเส้น *** นะคะ (ข้อ 1-17 ก๊อปเฉพาะหัวข้อที่ทำตัวทึบไว้ก็ได้
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

เรียน   ท่านสมาชิกทุกท่านทราบและโปรดดำเนินการอย่างเคร่งครัด

เรื่อง  กฎกติกาและมารยาท

          กรุณาอ่านข้อความข้างล่างที่แนบมาด้วยข้าล่างนี้   ด้วยความระมัดระวังยิ่ง

เพราะเป็นบรรทัดฐานที่พึงยึดและปฏิบัติตามอย่างไม่สามารถพิจารณาเป็นอื่นได้

หากผู้ใดฝ่าฝืน  ทางเราจะดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาดต่อไป


      จึงเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน

                                                                                 นับถือ

                                                                            อิเจ้  โมดุเรเตอร์


..................................................................................................
หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าคงได้รับความร่วมมือจากทุกท่านนะครับ

ถ้าพบเห็นกระทู้ได้ละเมิดกฎข้างต้น Webmaster,Administrator,Moderator สามารถลบกระทู้ดังกล่าวได้ทันที โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

หากผู้ได้ฝ่าฝืน การทำการดังกล่าว ทาง Webmaster,Administrator,Moderator จะมี message ไปแจ้งเตือน

หากยังกระทำความผิดดังกล่าวอีก ทางWebmaster,Administrator,Moderator จะลบaccoutสมาชิกท่านนั้นออกจากระบบทันที

ขอบคุณในความร่วมมือ

พูห์

Junrai_Hyper

Global Moderator










พอเพียงรัก


เรื่องราว  ตัวละคร  เหตุการณ์  สถานที่
เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีจริงบนโลกสีฟ้า...



ชีวิตบางคน ดิ้นรนจนเกินคำว่าพอดี
ที่มีก็ดูว่าน้อย อะไรได้มาก็ยังไม่ค่อยพอใจ
ฉันอาจจะเป็นอย่างนั้นกำลังแข่งขัน แก่งแย่งชิงกันไป
แต่เหตุที่ฉันไม่เป็นอย่างใคร

บังเอิญว่าฉันมีเธอ ก็เลยไม่ค่อยต้องการไขว่คว้าอะไร
ไม่ดิ้นให้ทรมานหวั่นไหว หยุดและมั่นคงกว่าเดิม
ตั้งแต่ที่ฉันมีเธอก็รู้ว่าความต้องการหมดแล้วไม่มี
ไม่ต้องทะเยอทะยานแค่นี้ก็สุข ทุกวันแค่มีเธอฉันยังไงก็เพียงพอ

ชีวิตบางคน วิ่งวนไม่เจอคำว่าพอดี
เพราะมัวแต่มองที่หมายไกลๆ ไม่เคยจะลองค้นหาข้างกาย
ฉันอาจจะเป็นอย่างนั้นกำลังแข่งขัน แก่งแย่งชิงกันไป
แต่เหตุที่ฉันไม่เป็นอย่างใคร

บังเอิญว่าฉันมีเธอ ก็เลยไม่ค่อยต้องการไขว่คว้าอะไร
ไม่ดิ้นให้ทรมานหวั่นไหว หยุดและมั่นคงกว่าเดิม
ตั้งแต่ที่ฉันมีเธอก็รู้ว่าความต้องการหมดแล้วไม่มี
ไม่ต้องทะเยอทะยานแค่นี้ก็สุข ทุกวันแค่มีเธอฉันยังไงก็เพียงพอ

ฉันอาจจะเป็นอย่างนั้นกำลังแข่งขัน แก่งแย่งชิงกันไป
แต่เหตุที่ฉันไม่เป็นอย่างใคร

บังเอิญว่าฉันมีเธอ ก็เลยไม่ค่อยต้องการไขว่คว้าอะไร
ไม่ดิ้นให้ทรมานหวั่นไหว หยุดและมั่นคงกว่าเดิม
ตั้งแต่ที่ฉันมีเธอก็รู้ว่าความต้องการหมดแล้วไม่มี
ไม่ต้องทะเยอทะยานแค่นี้ก็สุข ทุกวันแค่มีเธอฉันยังไงก็เพียงพอ


เพียงพอ : โปเตโต้...อ้างอิง http://sz4m.com/t3695




เงาใต้น้ำ : ร่างทรงจ้าวเสน๋ห์  คุณ...ไม่ได้ไปต่อ
เจอกันกับเรื่องใหม่กระทู้เก่าค่ะ (เผื่อได้รางวัลใช้กระทู้คุ้มค่ายอดเยี่ยม)
พอเพียงรัก แต่งเกือบจบแล้วค่ะ  หลังจากแป้กกับร่างทรงฯ ไป
คิดว่านะ  เหลือแค่ตอนพิเศษคู่หลักกับคู่รอง 
แต่เพราะหลายคู่  ก็อาจจะได้เห็นตอนพิเศษของคู่อื่นไปก่อน
อยากบอกว่าครั้งแรกที่เขียนสามพีด้วย  แม้จะในตอนพิเศษ...เหลือใจ

หวังว่าจะอ่านได้นะคะ  พักที่ทำงานลงลำบากมาก จะพยายามมาลงให้
แต่ไม่ขอตัดประโยค  ไม่อย่างแค่เช็คคำผิดก็นานแล้วอ่า...

ขอบคุณค่า



รวมผลงานค่ะ :
รักคืออะไร
พอเพียงรัก
อสรพิษที่รัก,เธอที่รัก,พลังอธิษฐาน
ยุคไหนวะ?
รักข้ามสายพันธุ์ (เมื่อสามีไม่ใช่คน)
เจ้าชาย&อสูร



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-07-2014 00:41:29 โดย OIL1982 »

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
Re: ร่างทรงจ้าวเสน่ห์ บทนำ
«ตอบ #1 เมื่อ01-03-2014 21:56:14 »

ติดตามจ้าาาาา  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: ร่างทรงจ้าวเสน่ห์ บทนำ
«ตอบ #2 เมื่อ01-03-2014 23:06:31 »

ชื่อเรื่องน่าดูชมทีเดียว :hao3:

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
เนื้อเรื่องชวนติดตามค่ะมีกลิ่นอายความลึกลับน่าค้นหา
ที่มาที่ไปของการมาเป็นร่างทรง...ซะเอง

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เนื้อเรื่องน่าสนุกมาก แล้วจะรอติดตามค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ หมูน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
 :mew3:

สนุกน่าติดตามคะ เสียดายที่ไม่สามารถลงบ่อยได้

 :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
รอตอนต่อไป  :hao7:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ติดตามตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ เงาใต้น้ำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +116/-3
จะรบกวนอ่านกระทู้บนสุดด้วยนะคะ  เผื่อบางอย่างสำคัญ ???
สีไม่ขึ้น คำผิดด้วยเวลาไม่แน่ใจ การตัดประโยค ไม่มีเวลาจริงๆ 
จะตามแก้ไขเรื่อยๆ ค่ะ
เมนท์ที่เห็นมาจากร่างทรง  ไม่ลบๆ  เอาไว้อ่านเล่นค่ะ
(อันนี้แจ้ง เดี๋ยวมีคุยตอนลงเรื่องอีกนะ...วะคึวะคึ)






พอเพียงรัก : 1





“ไอ้พฤกษ์โว้ย...” 
เสียงเรียกดังลั่นบริเวณ  ทำให้คนที่กำลังให้อาหารปลาต้องชะงักมือหันมองต้นเสียงอย่างประหลาดใจ  ไอ้เพื่อนตัวโตปานหมีควายวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา  ปากมันก็พยายามจะอ้าปากพูดแต่ก็ยังได้ยินแค่เสียงหอบหายใจเท่านั้น

“อะไรของมึงไอ้นพ  วิ่งเป็นหมาถูกน้ำร้อนลวกมาหากูเชียว  หาเรื่องโดนตีนนะมึง  มาหอบแดดเอาแถวคณะกูเนี่ย”  พูดพลางหว่านอาหารปลาลงไปในบ่ออีกรอบ  คล้ายจะคลายความสนใจจากอีกฝ่ายไปได้แล้ว

“เดี๋ยว...กูเหนื่อย...”  สะกิดเรียกเพื่อนยิกๆ ตอนนั่งแหมะลงบนพื้น  “ไอ้เพลงมันโดนรถเฉี่ยว  ไอ้พี่ปีสามคณะบริหารฯ”
“ฮะ!!!  แล้วเพลงเป็นอะไรมากมั้ย  ตอนนี้อยู่ไหนวะ”  คราวนี้พฤกษ์สาดอาหารปลาทั้งถังลงไปในบ่อ  แล้วนั่งลงไปคุยกับนพด้วยความตกใจ  “ไอ้พี่คนไหนวะที่ขับรถชนเพื่อนกู” 

“ไอ้พี่พราว...” 

สิ้นคำบอกเล่า  สายตาที่จ้องมองกันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย...





“ไม่เป็นไรแน่นะเพลง  หมอเชื่อได้แน่นะโว้ย  มึงไม่ได้ช้ำในตรงไหนใช่มั้ย”  พฤกษ์กับนพประคองเพื่อนเดินออกมาโบกรถที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงพยาบาล   ออกจะแปลกใจไม่น้อยที่พอพวกเขามาถึงก็เจอเพลงนั่งรออยู่  คิดว่าจะเห็นมันนอนร้องโอดโอยอยู่บนเตียงเสียอีก

“เออ  ไม่เป็นอะไรหรอก  แค่ถากๆ เอง  เพลงไม่อยากอยู่นานว่ะ  เดี๋ยวพี่พราวจะลำบากใจอีก” 

พฤกษ์ยืนมองคนเจ็บที่ดูเหมือนจะแค่มีแผลที่ขาซ้ายอย่างไม่วางใจ  ถึงแม้ว่าจะเห็นอีกฝ่ายเดินกระโผลกกระเผลกเพียงนิดหน่อยแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี  พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่จำความได้  พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ติดที่เดียวกัน  เพียงแต่พฤกษ์เรียนเกษตร  ส่วนเพลงและนพเรียนวิศวะฯ  ก็เท่านั้น

“เดี๋ยวตอนเรียนกูดูมันเอง  มึงไม่ต้องห่วง”  นพขันอาสาเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของพฤกษ์  แต่คำพูดของเขากลับยิ่งทำให้เพื่อนสีหน้าแย่กว่าเดิม

“อย่างกับมึงไว้ใจได้นักนี่  กูเห็นมึงตามผู้หญิงจนไม่เหลียวแลแล้วเพื่อนน่ะ”

“กูแยกแยะได้น่า  คราวนี้ไอ้เพลงมันเจ็บตัวอยู่  กูก็ต้องดูแลมันบ้างอะไรบ้างสิวะไอ้พฤกษ์  ไอ้เลวนี่   ว่าแต่กู...เออ  กูไม่ใช่คนพึ่งได้อย่างมึงนี่”  นพทำท่าน้อยใจจนเพื่อนรักสยอง 

แต่ยังสยองไม่เท่ากับคำพูดของคนเจ็บ

“เอาน่า  ทำแบบนี้เพลงลำบากใจว่ะ  อย่าทะเลาะนะ  เพลงรักทุกคน...”

“เจี้ยเพลง  อย่ามายุ่งกับกู  ไปเทใจให้เพื่อนพี่มึงนู่น  แหมๆ กูเห็นนะว่ามึงฟินอะ”  นพผลักหัวเพื่อนจนแทบตกเก้าอี้  อดแซวไม่ได้เมื่อนึกได้ว่ามันมาโรงพยาบาลได้เพราะใคร

“เพลงเกลียดมึงว่ะนพ...”  คนพูดก้มหน้าก้มตาสนใจแผลที่ขา  เรียกเสียงหัวเราะเยาะจากเพื่อนพ้องได้เป็นพักใหญ่





“กลับห้องกัน...”

เสียงเรียกทำให้นพกับเพลงต้องเงยหน้าจากหนังสือมองคนเรียกตาเบิกค้าง  พวกเขารีบพากันลุกขึ้นจากโต๊ะ  เมื่อเห็นรุ่นพี่โต๊ะข้างๆ มองมาแบบไม่ค่อยพอใจนัก  ก็ช่วงนี้เหมือนรุ่นพี่สองคณะจะทำตัวเป็นอริกันเหลือเกิน  ตั้งแต่รุ่นพี่คณะเกษตรคนหนึ่งสอยดาวไปครอง  หลังจากฝ่าความเลวของรุ่นพี่ปีสี่ของพวกเขาไปได้ด้วยคะแนนความดีล้วนๆ

“มึงไม่โทรมาวะ  เดี๋ยวพวกกูก็ต้องพามึงฝ่าดงตีนหนีพี่ๆ กูหรอก  พวกแม่งยังแค้นพี่มึงอยู่นะโว้ย  ช่วงนี้ก็ฟัดกันบ่อยเหลือเกิน  กูนึกว่าเรียนหนักแล้วจะลดความกร่างลงกันได้บ้าง  ที่ไหนได้...”  นพบ่นอย่างหัวเสีย  จะว่าไปพวกเขาก็คนใกล้ตัวกันทั้งนั้น  ก็ไอ้พี่ที่อกหักมันลุงรหัสเขา  ส่วนไอ้คนได้ครองดาวก็พี่รหัสไอ้พฤกษ์เสียอีก

“เพลง...”  อยู่ๆ พฤกษ์ก็หยุดเดิน  แล้วดึงแขนเพื่อนที่เดินเซไปเซมาเพราะเจ็บแผลไว้  “เขามาว่ะ...”

นพกับเพลงหันไปตามสายตาของเพื่อนก็เห็นรถหรูจอดอยู่ไม่ไกล  ก่อนเจ้าของรถจะก้าวลงมาพร้อมเพื่อนสนิท  สายตาจับจ้องอยู่ที่พวกเขาแบบที่ไม่ต้องบอกกันอีกรอบว่าตั้งใจมาหาใครกันแน่

“กูไปเอารถก่อนนะ  พวกมึงคุยกันเองแล้วกัน”  นพเดินเลี่ยงออกมา  ตั้งใจไปเอารถมอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่อีกทางมาคอยรับเพื่อน

พฤกษ์ยืนมองรุ่นพี่คณะบริหารฯ  ที่หนึ่งในนั้นเป็นอดีตเดือนมหาวิทยาลัย  กับอีกคนที่มีโครงหน้าคล้ายคลึงกับเพื่อนสนิทเขาอยู่เงียบๆ  รู้ดีกว่าต่างคนก็ต่างลำบากใจในการมาเจอกัน  แต่บางครั้งความบังเอิญก็เหมือนกับโชคชะตานั่นแหละ  บางทีสายใยบางอย่างมันก็ตัดกันไม่ขาดจริงๆ  โดยเฉพาะถ้าเป็นสายเลือดเดียวกันด้วยแล้ว

“ดีขึ้นแล้วเหรอ  หมอบอกว่าเราออกจากโรงพยาบาลวันนั้นเลย...”  แขกต่างถิ่นตั้งคำถามก่อนเมื่อเดินเข้ามาใกล้  ท่าทางไม่สนิทใจฉายชัดเมื่อต้องมายืนสบตากันใกล้ขนาดนี้


“เพลงไม่ได้เจ็บอะไรมากครับ...”  ประหม่าจนต้องก้มหน้าลงมองพื้นขณะตอบ  จนเพื่อนสะกิดเตือนเพลงจึงเงยหน้าขึ้นสบตากับฝ่ายตรงข้าม  “ขอบคุณที่เป็นธุระเรื่องการรักษาให้ครับ”

“หึ...อวดดี”  คนพูดเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจ  สายตาที่มองฉายแววเหยียดหยันเอาเรื่อง

“พราว  มึงมาเยี่ยมน้องนะ  หาเรื่องเก่งเหลือเกินนะมึง”  เมื่อเห็นเพื่อนอารมณ์ขึ้นคนที่ยืนข้างๆ ก็เอ่ยเสียงปราม  แล้วหันมาหาคนเจ็บกับเพื่อน  “มันไม่ค่อยสบายใจ  กลัวน้องจะเป็นอะไรมาก  พราวมันนิสัยเสีย  อย่าคิดมากล่ะ”

“อะไรของมึงเนี่ย?”  พราวหันไปเอาเรื่องกับเพื่อนที่เหมือนตั้งใจจะทำให้เขาต้องมาเสียฟอร์มต่อหน้าคนอื่น  “กูไม่ได้เยอะขนาดนั้น”

พายยกมือตบหัวเพื่อนแล้วทำหน้ากวน  “เออ...มึงเยอะกว่านั้นอีก  ถ้ามึงสบายใจแล้วก็กลับ  รู้แบบนี้กูให้มาคนเดียวก็ดี”

“เออ  กูไม่อยู่หรอก”  ว่าแล้วก็หันหลังทำท่าจะกลับไปแบบไม่ร่ำลา  ถ้าไม่ติดว่าถูกดึงไว้ก่อน

“เดี๋ยวครับ  คุณขอโทษเพลงหรือยัง”  พฤกษ์เอ่ยถามคนที่เขาดึงข้อมือไว้ด้วยท่าทีจริงจัง  “เรื่องมันเกิดเพราะคุณขับรถไม่ระวัง  อย่างน้อยก็ควรจะขอโทษ  ที่ผมทวงก็เพราะคิดว่าคนอย่างคุณคงยังไม่ได้พูดคำนั้นแน่ๆ”

พราวสะบัดมืออีกฝ่ายออก  แล้วตะโกนถามเสียงกราดเกรี้ยว  “ทำไมกูต้องขอโทษ”

พฤกษ์ไม่พอใจนัก  แม้เพลงจะสะกิดเขาหลายครั้งเขาก็ทำไม่สนใจ  “ก็เพราะคุณประมาท  ถึงทำให้เพลงเจ็บตัว  ถ้าไม่ใช่เพลงก็คงเป็นคนอื่นได้เหมือนกัน  แล้วถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เพลง  คุณจะขอโทษหรือเปล่า?”

“ไม่จำเป็น  กูก็พามันไปโรงพยาบาลแล้วนี่”  พราวโต้กลับอย่างไม่ลดละ  “กูไม่ทิ้งไว้ข้างทางก็ดีแค่ไหนแล้ว”

“นี่คุณ...”  พฤกษ์ผลักคนพูดจนเซไปด้านหลัง  ถ้าไม่ติดว่าพายคอยดึงไว้อีกฝ่ายคงล้มไปกองกับพื้นเพราะขนาดของแรงที่แตกต่างแล้ว

“เอาล่ะๆ พี่ขอโทษแทนไอ้พราวด้วยแล้วกัน  เมื่อวานพี่ก็ผิดเหมือนกัน  มัวแต่แกล้งมันจนมันไม่ทันระวัง  พี่ขอโทษนะครับน้องเพลง”  พายพยายามจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น  แต่เขาคิดผิดเพราะเรื่องมันดูแย่ลงไปอีก

“มึงไม่ต้องไปขอโทษมัน  รถไม่ใช่คันเล็กๆ  จะได้มองไม่เห็น”  พราวหันไปเอาเรื่องกับเพลงที่ยืนหน้าซีด  อยู่ๆ เรื่องราวก็บานปลายจนต่างฝ่ายต่างมีอารมณ์กันเสียได้

“พฤกษ์  นพเอารถมาแล้ว  กลับกันเถอะนะ”  เพลงพยายามจะลากเพื่อนไปที่รถด้วยกัน  แต่ก็ไม่ลืมจะหันขอโทษพราว  “ขอโทษนะครับ...”

“เพลง!!”  พฤกษ์เรียกเพื่อนเสียงดังอย่างไม่พอใจ  “ยอมให้มันอีกแล้วนะ”

“พฤกษ์อย่าเรียกพี่พราวแบบนี้...”  เพลงกระซิบบอกเพื่อนเสียงเบา  ยังพยายามจะออกแรงลากอีกฝ่ายไปที่รถ  แม้จะลำบากอยู่ไม่น้อย

“ขายังเจ็บอยู่  จะอัดสามไปแบบนั้นได้ยังไง  มานี่”  พราวดึงแขนเพลงออกมาจากพฤกษ์  “มึงกลับกันเองแล้วกัน  เดี๋ยวกูไปส่งมันเอง  ไอ้พายมึงขับรถ” 

พายรับกุญแจที่เพื่อนโยนมาให้อย่างแม่นยำแล้วหันมาบอกรุ่นน้องต่างคณะ  “คุณกลับกันเถอะ  เดี๋ยวผมพาน้องเพลงตามไป  เออ...อาจจะไปรอก็ได้นะ”

พฤกษ์มองตามรถหรูที่แล่นออกไปจากบริเวณนั้นด้วยความหงุดหงิด  เขาก็พอจะรู้มาบ้างว่าอีกฝ่ายนิสัยเสีย  แต่ก็ไม่คิดว่าพอมาเจอกับตัวแล้วจะทำให้อารมณ์เสียขนาดนี้ 

“นิสัยขัดกับหน้าตาฉิบหาย...”

“อะไรของมึงวะ?”  นพได้ยินเสียงเพื่อนบ่นแว่วๆ จึงเอ่ยปากถาม  “แล้วนี่พี่พราวเขาไปส่งไอ้เพลงเหรอ  กูว่านะก็ท่าเยอะไปงั้นแหละ  เมื่อวานตอนลงรถมากูเห็นหน้าซีดมือสั่นเลย  ตอนเห็นไอ้เพลงมันนั่งกองกับพื้นอะ  คนละพ่อก็พี่น้องกันอยู่ดี  ตัดกันไม่ขาดหรอกว่ะ”

“ไม่รู้ดิ  แต่นิสัยแย่มาก...”

“อคติแล้วมึง”  นพบ่นให้เพื่อนแล้วรีบบึ่งรถกับห้อง






“นี่...” 

เสียงเรียกทำให้นพต้องหันไปมอง  ก่อนจะรีบยกมือไหว้คนเรียกเพราะอย่างน้อยอีกฝ่ายก็อาวุโสกว่า  เริ่มจะรู้สึกคุ้นชินขึ้นมาบ้าง  เพราะระยะหลังก็นับว่าเจอกันแทบทุกวัน  พราวดูเป็นห่วงเพลงมาก  ถ้าไม่นับอาการปากแข็งที่ชอบพูดจากระทบกระเทียบ  ก็ฟันธงได้เลยว่าพี่น้องคู่นี้ต้องรักและผูกพันกันมากอย่างแน่นอน

“พี่พราวมาเยี่ยมไอ้เพลงเหรอครับ  มันอยู่บนห้องอะ”

พราวยกมือเกาหัวแก้เก้อ  ก่อนจะดึงถุงในมือพายออกมายื่นให้นพ  “ซื้อมาฝาก  แต่ว่าไม่ต้องบอกก็ได้นะ  พอดีมีธุระต่อคงต้องกลับแล้วล่ะ”

“ฮะ!!  นี่มึงปลุกกูมาแค่นี้เหรอ”  พายยกมือตบหน้าผากอย่างหงุดหงิด  ต้องไปเดินตามมันซื้อของต้อยๆ  อดหลับอดนอนเพราะเมื่อคืนพวกเขาก็เมาฉลองวันเกิดเพื่อนอีกคนจนเกือบเช้า

“มึงแก่แล้วหรือไงวะ  บ่นอยู่ได้”  พราวหันไปถลึงตาใส่เพื่อนเมื่อพวกเขาขึ้นมาบนรถแล้ว

“อย่ามาแขวะกูนะ  นี่กูอุทิศตัวเป็นเพื่อนที่แสนดีขนาดไหน  เวร...ห่วงน้องแต่เสือกวางฟอร์ม  น้องเพลงก็น้องมึงแท้ๆ”

“ไม่ใช่น้องแท้ๆ”  คนพูดกัดปากตัวเองจนเลือดซิบ  ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ

พายเอื้อมมือตบไหล่ปลอบใจเพื่อน  “ขอโทษว่ะ  กูไม่ได้ตั้งใจ”

พ่อกับแม่ของพราวเลิกกัน  เพราะแม่มีชู้  พราวจึงมีเพลงเป็นน้องชายคนละพ่อ  และหลังจากพ่อแต่งงานใหม่ก็มีลูกกับแม่เลี้ยงอีก  คราวนี้เขาก็ต้องมีน้องชายคนละแม่อีกหนึ่งคน  ต่างกันตรงที่ลูกชายของแม่เลี้ยงเป็นคนที่แย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา  แย่งแม้กระทั่งความรักจากพ่อ 

เมื่อไม่ได้รับความรักจากพ่อ  พราวจึงไม่เคยคิดจะมอบความรักให้ใครคนอื่น  แต่น้องเพลงแตกต่างออกไป






“พราวมึงกินอะไรขนาดนี้วะ?”  พายประคองเพื่อนออกจากร้านเหล้าอย่างทุลักทุเล  “วันนี้คุณหญิงแม่เรียกกูกลับบ้านด้วย  แล้วมึงจะอยู่ยังไงวะ  เฮ้ย...คุณ”


“ครับ...”  เสียงตอบรับดังจากคนที่กำลังยืนชะเง้อชะแง้อยู่ริมฟุตบาท

พายยัดเพื่อนขึ้นรถแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาพฤกษ์  “ผมฝากไอ้พราวไปอยู่กับคุณได้มั้ยวันนี้  มันเมามากเลย  ผมอยู่ดูแลมันไม่ได้ด้วย  แม่ให้กลับบ้านน่ะ” 

พฤกษ์มองไปที่รถคันหรูด้วยสีหน้าลำบากใจ  “ผมว่าเพื่อนพี่คงไปอยู่กับพวกผมไม่ได้แน่...”

“ถ้าอย่างนั้น  ผมรบกวนคุณไปส่งมันที่คอนโดได้มั้ย  เดี๋ยวผมจะไปต่อรองกับแม่ผมอีกที”  พายมีสีหน้าลำบากใจ  เขากับพราวสนิทกันเหมือนพี่น้อง  จึงไม่กล้าทิ้งอีกฝ่ายไว้ตามลำพังในเวลาที่เมาจนไม่รู้เรื่องแบบนี้

“เอางี้  เดี๋ยวผมจะโทรบอกเพื่อนไม่ต้องมารับ  คืนนี้ผมจะดูเพื่อนพี่ให้”

“จริงอะ  ขอบใจมาก”  พายตบไหล่รุ่นน้องแล้วล้วงกุญแจรถยื่นให้  เขาไว้ใจอีกฝ่ายก็เพราะเป็นเพื่อนสนิทน้องชายเพื่อนเขานั่นแหละ  “งั้นผมฝากเลยนะ  คีย์การ์ดอยู่ในกระเป๋าเสื้อมัน  ห้อง  2005”

พายหยิบกระดาษแผ่นเล็กซึ่งเป็นข้อมูลคอนโดของพราวออกจากกระเป๋าสตางค์แล้วยื่นให้  ก่อนจะเดินไปขึ้นรถอีกคัน  พฤกษ์ก้มมองกุญแจรถ BMW  ในมือแล้วได้แต่ถอนใจ  เขาจะผ่านคืนนี้ไปแบบไหนกัน?






“อือ...จะนอน...ไม่เอา  หนาว...” 

เสียงคนเมาเพ้อไม่หยุดตอนที่พฤกษ์ถือวิสาสะเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้พราว  ที่พยายามจะเบี่ยงตัวหลบตลอดเวลา  มือใหญ่ตรึงอีกคนไว้แล้วเช็ดซับไปบนผิวขาวผ่อง  อย่างน้อยถ้าไม่สร่างก็คงจะนอนสบายขึ้นบ้าง

“สมแล้วที่เป็นพี่น้องกัน  ขาวเหมือนกันเลย...”  พฤกษ์ดึงผ้าห่มคลุมให้คนหลับ  แล้วยกกะละมังหายเข้าไปในห้องน้ำ

“ไอ้พาย  ไปไหนวะ?”  เสียงตะโกนเรียกเมื่อพฤกษ์เดินออกมาจากห้องน้ำ  พราวตาโตแทบสร่างเมา  “เฮ้ย...มาไงวะ?”

“หายเมาแล้วเหรอคุณ  เร็วจริง” 

“ไม่ต้องมาถามหน้าซื่อ  มึงมาโผล่ในห้องกูได้ไงเนี่ย”  พราวก้มลงมองตัวเองนี่มีใส่เพียงกางเกงในแล้วยิ่งตกใจ  “นี่มึงคิดจะทำอะไรกู”

พฤกษ์ยิ้มร้าย  เดินเข้าไปคนถามอย่างคุกคาม  “ยังคิดไม่เสร็จเลยว่าจะทำอะไรบ้าง”

“ออกไปนะ  ไอ้เลวเอ๊ย...”  พราวพยายามผลักคนตัวโตออก แต่พฤกษ์ก็กลับขยับตัวเข้ามาคร่อมเขาไว้  “จะทำอะไรวะ  ถอยไปนะ”

“ปากดีนักนะ”   พูดจบก็เหมือนอยากรู้เมื่อก้มหน้าลงไปปิดปากอีกคนด้วยปากเขาเอง 

เพราะกำลังตกใจจึงปล่อยให้อีกฝ่ายรุกล้ำเข้าไปได้ง่ายๆ  ก่อนรู้สึกเหมือนล่องลอยเมื่อลิ้นถูกพัวพัน  ดูดดึงอย่างไม่ยอมเลิกรา  ไม่รู้ว่าจะโทษความไม่เคยดีไหม  ถึงทำให้กลายเป็นคนหลงทาง  ไร้สติ  เมื่อได้รับจูบกระชากวิญญาณแบบนี้

“เอ๋อไปเลยแฮะ...”  พฤกษ์มองคนที่หอบหายใจใต้ร่างเขาอย่างบอกอารมณ์ไม่ถูก  ถ้ามีคนถามก็คงตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงได้คิดจูบผู้ชายเหมือนกัน  หรือว่าเป็นเพราะคนๆ นี้น่าสนใจ

“อย่ามายุ่ง...จะนอน”  อีกคนพลิกตัวหนี  ทำท่าจะนอนอย่างไม่สนใจสิ่งแปลกปลอมในห้องตัวเอง  พฤกษ์ไม่ได้พูดอะไรต่อ  เขาเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ  แล้วกลับมานอนกอดเจ้าของห้องเหมือนเป็นเรื่องปกติ  จนต่างฝ่ายต่างหลับไป





“นี่...อย่ากอดแน่นได้มั้ยเล่า  หายใจไม่ออก”  พราวพึมพำ  ง่วงจนไม่อยากจะลืมตาตื่น

“ครับๆ  นอนซะนะ  อย่าโวยแต่เช้าสิ”  คนที่กอดร่างบางอยู่คลายอ้อมกอดเพียงนิดทั้งที่ยังไม่ลืมตา   แล้วหลับไปด้วยกันอีกรอบเหมือนทุกอย่างคือเรื่องปกติ

ครืดดดด!!!

เสียงดังจากโต๊ะหัวเตียงทำให้พราวต้องเอื้อมไปควานหาอย่างหงุดหงิด  นี่ตกลงเขาจะนอนอย่างสุขสบายไม่ได้เลยใช่ไหม  เมื่อหยิบต้นตอได้เจ้าตัวก็ส่งให้คนด้านหลัง  แรงที่กระแทกลงบนแขนทำให้คำที่เคลิ้มหลับต้องลืมตา  ทำลายความฝันตัวเองสิ้น

“อะไรครับ?”  พฤกษ์เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ  เมื่อรับโทรศัพท์ที่กำลังสั่นมา

“รับให้หน่อย  ใครโทรมาก็บอกว่านอนอยู่”  พราวงัวเงียบอก  แล้วหลับไปอย่างรวดเร็ว

“ครับ...”

[ใครวะ?  พราวอยู่ไหนวะ?]

“พราวหลับอยู่ครับ  ไม่ต้องการให้ใครรบกวน”

[อ๋อ...มันตื่นยาก  นี่พฤกษ์เหรอ  พี่เองนะ  จะโทรมาถามพราวมันว่าวันนี้ไปไหนมั้ย  แต่ถ้ามันหลับอยู่ไม่ต้องปลุกหรอก 

เดี๋ยวมันอยากไปมันคงโทรมาชวนเอง  แค่นี้นะ  ขอบใจมากพฤกษ์ที่ดูแลมันให้]

“ครับ...”  พฤกษ์รับคำก่อนที่พายจะวางสายไป  ดูแลเวลาเกือบสองโมงเช้า  ปกติเขาไม่ค่อยตื่นสายแต่อาจจะเพราะนอนกับพราวสบายดี  ก็เลยอยากจะนอนนานๆ

“ไปไหน...”  เสียขุ่นเอ่ยถามเมื่อพฤกษ์ขยับตัวลุกขึ้น

“เดี๋ยวผมทำอะไรให้ทาน...”

“ไม่กิน...”  คนกำลังนอนสบายพลิกตัวมาอีกทาง  แล้วดึงคนที่นั่งงงลงมานอนเป็นเพื่อน  “นอนก่อน...”

“ครับ...”  พฤกษ์นอนลืมตาแบบมึนงง  หันมองอีกคนก็หลับอีกแล้ว 

ยื่นมือเกลี่ยผมที่ปรกใบหน้าออกให้   อดไม่ได้จะประทับริมฝีปากไปบนหน้าผากนวล  ตามด้วยแก้มและจมูก  น่าหลงใหล...เป็นคำเดียวที่พฤกษ์จะคิดออก 

ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าพราว  คือตอนที่พวกเขาไปซุ่มแอบมองพี่ชายของเพลง  เมื่อตอนที่รู้ว่าพี่ชายต่างแม่ของเพลงเรียนอยู่ปีสองมหาวิทยาลัยเดียวกัน  ครั้งแรกก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าพี่ชายต่างแม่ทำไมถึงได้เรียนห่างกันแค่ปีเดียว  แต่เพลงเล่าให้ฟังว่าช่วงที่พราวกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย  คุณย่าของพราวป่วยหนัก  พราวตัดสินใจเลือกไปดูแลคุณย่าก่อน  แต่ก็คุ้มค่าเพราะเพียงแค่สามเดือนหลังจากนั้นคุณย่าก็เสีย  พราวจึงต้องเรียนช้าไปหนึ่งปี 

พราวเกือบจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าไปแล้ว  ถ้าเพื่อนสนิทอีกสองคนไม่ตัดสินใจสละสิทธิ์เรียนในปีนั้นเพื่ออยู่เป็นเพื่อน  เพลงเคยเล่าว่าพี่ชายโตมาได้เพราะมีคุณย่าคอยดูแล  และมีเพื่อนที่คอยเป็นให้ทุกอย่าง  เป็นเพื่อนสนิทที่สุดตั้งแต่เด็กจนโต  แทบจะไม่เคยห่างกัน  เพราะเรียนห้องเดียวกันมาทุกปี

ที่กล้าไว้ใจคนแปลกหน้า  คงเป็นเพราะได้รับอภิสิทธิ์จากการเป็นเพื่อนน้องชาย  ที่แม้จะทำท่าไม่สนใจแต่ดูก็รู้ว่าเป็นห่วงเป็นใยเสียมากมาย  อีกอย่างคงเพราะความเหงา...ขาดความอบอุ่น  ต้องการความรัก  นั่นแหละที่พราวเป็น

“จะไปไหนอีก  ไม่กินนะข้าว  ไม่กิน”  คนนอนอยู่โวยวายเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ  เมื่อพฤกษ์จะขยับตัวลุกอีกรอบ

“ครับ  นอนครับคนเก่ง  ไม่ไปๆ”  พฤกษ์ลูบผมคนเอาแต่ใจ  แล้วกระชับอ้อมกอดแน่นเข้า  “หลับซะนะ  เดี๋ยวตื่นพร้อมกัน”

“ห้ามไปนะ...”  เสียงงัวเงียบอกแล้วเงียบไปอีกรอบ

“เฮ้อ...”  พฤกษ์ถอนใจ  ก็ว่าขยับเบาๆ แล้วเชียวยังรู้สึกตัวได้อีก  แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรอกนะ...ชอบมากต่างหาก








“ตื่นแล้วเหรอ...”  พฤกษ์มองดูคนกำลังขยี้ตา  แล้วดึงมือนั้นออกมา  “ไปอาบน้ำก่อน  เดี๋ยวจะได้ทานข้าวด้วยกัน”

“ทำตอนไหน...”  พราวถามงงๆ 

“ยังไม่ได้ทำ  ก็เดี๋ยวดูทีวีรอก่อนไง  เดี๋ยวผมลองดูในตู้เย็นก่อน”

“ไม่ได้ซื้ออะไรมา...”  คนกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำหันมาบอก  “ไปกินข้างนอกมั้ย”

พฤกษ์ตกใจกับคำพูดที่ดูเหมือนชวน  แต่ก็ส่ายหน้า  “เดี๋ยวผมลงไปข้างล่าง  ไปหาซื้อของสด”

“ไม่ให้ไป...”  ขาที่กำลังจะก้าวเข้าห้องน้ำรีบวิ่งเข้ามาดึงไว้   “คิดจะกลับโดยไม่บอก”

“ไปหาซื้อของสดมาทำกับข้าวครับ...”

“ไม่เอา   วันหลังจะซื้อมาไว้  วันนี้จะไปกินที่ห้องมึง”

“พูดไม่เพราะ  ไม่น่าให้ไปด้วย”

“ไอ้นพก็พูดกับมึงแบบนี้”

“แต่เพลงไม่พูด...”

“เกี่ยวอะไรด้วย”

“เป็นพี่น้องกัน  ก็ต้องน่ารักเหมือนกันสิ”

“ไม่เหมือน  ไม่อยากจะเหมือนใคร”

“อ๋อ  ก็เลยเลิกทำตัวน่าเกลียด”

“ไอ้บ้า  ไอ้หมาบ้า  อย่ามาว่านะโว้ย”  พราวผลักอีกคนลงบนเตียงแล้วกระโดนขึ้นไปบนตัวอีกฝ่าย  ส่งกำปั้นทุบลงบนอกแกร่งไม่หยุด  แต่ก็โดนพฤกษ์จับพลิกลงมาคร่อมได้อีก

“อาละวาดอีกแล้ว  โห...หัวหอม”  คนด้านบนฝังหน้าไว้กับเส้นผมนุ่ม   แล้วตะโกนเสียงดัง  “หัวหอมอาละวาด  ว๊ากๆ”

“หัวหอม...พ่อมึง...”  ไม่ทันจะพูดต่อปากก็โดนปิดด้วยริมฝีปากอีกคน  จูบกระชากวิญญาณถูกนำมาใช้อีกรอบ

“อย่าลามปามครับ  ถ้าได้ยินอีก  ไม่ว่าที่ไหนก็เตรียมตัวอายได้เลย”

“ไอ้หมาบ้า...”

“ครับ  หัวหอม  จะตอบคนอื่นยังไงถ้ามีคนถามว่าทำไมผมเรียกพราวว่าหัวหอม”

“กูรุ่นพี่มึงนะ”  พราวท้วง  แต่ก็คิดอยู่ว่าแล้วจะตอบยังไง  เพราะมันเคยหอมหัวเขาน่ะเหรอ...จะกล้าพูด?

“รุ่นเดียวกันครับ  ผมไม่เคยบอกว่าเรียนช้า  เพราะไม่มีเงินเรียน”

“อะไรวะ...” 

“ไม่ต้องมาอะไร  ไปอาบน้ำให้เรียบร้อย  กว่าจะขับรถไปถึงห้องพวกผมอีก  หิวไส้ขาดแน่ๆ”

“ชิ...”  ส่งเสียงหมั่นไส้ก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำ  เพราะอีกคนจะดึงกลับไปหาตัวอีกรอบ

“ร้ายจริง...”  พฤกษ์บ่นแล้วดึงเป้มาค้นหาของใช้ส่วนตัวที่มักจะติดไว้ประจำ





“พี่พราว...”  เพลงกระโดดลุกจากโซฟาขยับเข้ามาใกล้  แล้วก็ยืนยิ้มอยู่แบบนั้น

“กินอะไรหรือยัง  พี่ซื้อของสดมา”  พราวมองคนที่เดินแซงเขาไปอีกทาง  ก่อนจะมองห้องที่น้องชายอยู่อย่างไม่ชอบใจ  “ห้องแคบนะ  อยู่กันสามคนแล้วนอนยังไง  อย่าบอกนะว่านอนห้องเดียวกันหมด”

“มีสองห้อง  เพลงนอนคนเดียว  สบาย...ส่วนสองคนนั้นนอนด้วยกัน  นพมันไม่ค่อยค้างห้องหรอก  ติดสาวอะไปเฝ้าตลอด  มันบอกนอนเฝ้าหน้าห้องเขาอะ”

“แล้วนี่ก็ไปนอนเฝ้า?”  พราวถามเมื่อไม่เห็นเพื่อนอีกคนของน้อง

“ไม่แน่ใจ  มันไม่โทรบอกเพลงอะ”  เพลงดึงพี่ชายมานั่งดูทีวีด้วยกัน  การ์ตูนเช้าวันเสาร์

“เด็กนะเรา”  พราวยื่นมือขยี้หัวน้อง  อีกฝ่ายจึงทำเนียนเข้ากอดเขาไว้  เล่นเอาพี่ชายอดรู้สึกเขินไม่ได้  “อาบน้ำยัง...หัวหอมเปล่า” 

“ไม่หอมเท่าพี่พราวหรอก”  น้องยืดตัวขึ้นดมผมพี่ชายแล้วว่า 

“ที่บ้านเป็นไงบ้าง?”  อยู่ๆ พราวก็ถามขึ้นมา

“เพลงอยู่กับพ่อสองคน  พ่อเป็นครู  อยากให้พี่พราวไปที่บ้านบ้าง  พ่อก็อยากเจอพี่พราว”

“ปิดภาคนี้เรากลับบ้านกัน”  เสียงพฤกษ์ตะโกนบอก  “พาพราวไปด้วย  อยู่นี่ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอก”

“รู้ได้ไง?”  พราวตะโกนถามอีกฝ่าย  ทำบึ้งจนน้องชายกลัว

“พี่พราวอย่าโกรธเลย...”

“เปล่า  พี่ไม่ได้โกรธ  ก็หน้ามันเป็นแบบนี้”

“หน้าตาก็น่ารักหรอก  ชอบทำหน้าบูด”  พฤกษ์เดินเข้ามาแซว  ก้มสูดกลิ่นผมที่ชอบ   “ทำตัวดีๆ นะหัวหอม  เดี๋ยวให้รางวัล”

“ไอ้บ้า...”  พราวหันไปด่า

“ทำไมพี่พราวสนิทกับพฤกษ์”  คนน้องถามอย่างสงสัย

“ไม่ได้สนิท  คืนเดียวจะไปสนิทอะไร”  พราวรีบตอบ  แต่พอนึกได้ว่านอนกอดกันทั้งคืนก็เงียบไป  “หรือจะสนิทวะ?”

มื้อแรกในชีวิตที่พราวได้กินข้าวกับน้องชาย  เขาลอบมองเพลงอยู่บ่อยครั้ง  น้องยังคงน่ารักน่าเอ็นดูเสมอในสายตาเขา  รอยยิ้มและเสียงพูดคุยออดอ้อนที่ส่งตรงมาให้ตลอดมื้อ  ทำให้พราวแทบจะอิ่มโดยไม่ต้องแตะอาหาร

บางทีนี่ก็คงเป็นสิ่งที่พราวคาดหวังมาตลอด  นับจากช่วงเวลาที่แม่จากไป  เขากับน้องเพลงไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบแปดปี  และทั้งที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน เกือบสองปี  วันที่เขาได้พบน้องดันเป็นวันที่เขาเกือบจะทำให้น้องบาดเจ็บร้ายแรงเสียอีก 

คงต้องขอบคุณทิฐิตัวเองด้วย  ที่ไม่ได้สูงจนต้องหันหลังให้กับคนที่รัก...ตลอดไป






เงาใต้น้ำ : ในความจริงเรื่องนี้ไม่ได้มีการคั่นตอนไว้  เอามาลงแบบตัดมาเป็นระยะ ๆ
เราแต่งแบบว่าไปเรื่อยๆ แล้วเข้ามาเพิ่มนู่นนี่นั่น  กลัวเรื่องเนื้อเรื่องโดด
แต่ก็เน้นพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ มากกว่าค่ะ  เผื่อจะเขียนเรื่องราวได้ซักที  5555
เรื่องนี้เคยเป็นเรื่องที่ชีวิตรันทด  กว่ารักคืออะไรอีก  เพียงแต่ไม่ได้ให้ใครตายตั้งแต่แรก
แต่ตอนที่มาแต่งจริงจัง  ความเสียใจหายไปหมดแล้ว  เรื่องนี้จึง...ไปเรื่อยๆ
หาความดราม่าไม่เจอ  น้ำไม่ต้องต้ม  นิยายแบบไหนที่คุณจะเนียนอ่านไปไร้ดราม่า
อาจจะเป็น...คนนี้  เอ่อ...เรื่องนี้อะค่ะ


ขอบคุณที่ติดตามค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2014 21:04:50 โดย OIL1982 »

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ตอนแรกเหมือนไม่ชอบขี้หน้ากัน

นอนกอดกันแล้ว มุ้งมิ้งทันที
ไอ้บรรยากาศฉันสามีภรรยานี่มันอะไร  :a5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ตอนแรกเหมือนไม่ชอบขี้หน้ากัน

นอนกอดกันแล้ว มุ้งมิ้งทันที
ไอ้บรรยากาศฉันสามีภรรยานี่มันอะไร  :a5:

เห็นด้วยค่ะ งงเลย 555

ออฟไลน์ เงาใต้น้ำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +116/-3
พอเพียงรัก : 2




“พราว  ผมทำกับข้าวไว้แล้ว  ทานก่อนออกไปเรียนนะ”  พฤกษ์ก้มลงผูกเชือกรองเท้าผ้าใบสีขาวตุ่นขณะร้องบอกเจ้าของ  ห้องก่อนจะเปิดประตูเดินออกไปเหมือนหลายๆ ครั้งที่เคยทำ

“โอ๊ะ!”  เพราะรีบเดินไม่ทันดู  ทำให้เผลอชนเข้ากับคนอื่นจนข้าวของตกพื้นเรี่ยราด

“ขอโทษครับ”  พฤกษ์ก้มลงช่วยอีกฝ่ายเก็บบรรดาหนังสือเรียนกับเครื่องดื่มในถุง 7-11  ทั้งที่ฝ่ายนั้นเพียงแค่กอดอกยืนมองเขาด้วยสายตาหยามเหยียด

“มึงอยู่ที่นี่ด้วยเหรอวะ?  ท่าทางไม่น่าจะมีเงิน  หรือว่าเป็นผู้ช่วย รปภ.  แต่ว่าชั้นนี้มีไม่กี่ห้อง  หรือว่ามึงเป็นคนใช้ไอ้พราววะ  ห้ามสะเออะบอกกูว่าเพื่อนมัน  เพราะไอ้พราวมันไม่เคยคบคนระดับต่ำ”

“ก็ตามที่คุณเข้าใจครับ”  พฤกษ์อึกอักบอก  รีบยื่นของคืนให้  ฝ่ายนั้นก็เพียงแค่รับแล้วเดินต่อไป  ไม่ได้มีข้อสงสัยอะไรมาให้ตอบอีก

หลายวันที่ได้รู้จักกัน  พฤกษ์พูดได้เลยว่าพราวเป็นคนน่ารัก  แม้จะนิสัยจะเสียไปบ้าง  แต่ด้วยตัวตนที่อีกฝ่ายเป็นอยู่ก็จะรู้สึก ‘รัก’ ได้ไม่ยาก  หากไม่รู้สึกตัวเสียก่อนว่า...สูงส่งเกินไป









“อะไรของมึงไอ้แพท  รองเท้ากูเปื้อนหมด”  เสียงโวยวายดังขึ้นให้พรรคพวกต้องหันมาสนใจ  ท่ามกลางแสงสลัวและเสียงเพลงดังในผับ  ทำให้พอเดาเหตุการณ์ได้แต่ก็ไม่แน่ชัด

“อะไรวะ?”  พายที่นั่งถัดจากแพทหันมาถามเพื่อน  เมื่อได้ยินเสียงไอ้บอสแว่วๆ ประกอบท่าทางร้อนรนของมัน

“กูทำเหล้าหกเลอะรองเท้ามันว่ะ  คงจะรำคาญผิว”  แพทเอียงตัวบอกเพื่อนข้างหูอย่างไม่สะทกสะท้าน  หันมองอีกทีไอ้บอสมันก็โบกมือเรียกเด็กเสิร์ฟให้มาหา

“มึงจะสั่งอะไรวะ?”  พราวตะโกนถามเพื่อนแข่งกับเสียงเพลง  บางคนได้ยินแต่บางคนก็ไม่ได้ยิน  ยังคงให้ความสนใจกับสิ่งรอบตัวไปตามเรื่อง

“ไม่ใช่ของกินว่ะ  สงสัยมันจะสั่งรองเท้ามาใส่”  ไอ้คนต้นเรื่องหันไปบอกเพื่อนด้วยรอยยิ้มชอบใจ  แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนแปลกหน้าเดินเข้ามาที่โต๊ะ  ดูการแต่งตัวแล้วเหมือนจะเป็นเด็กในร้านเพียงแต่ไม่ใช่เด็กเสิร์ฟ

“เฮ้ย...คนใช้ไอ้พราวนี่”  ไอ้บอสเอ่ยทักช่างตรงกับจังหวะที่เพลงหยุดลง  ทำให้พรรคพวกต้องเงยหน้ามองตามมัน

พราวอ้าปากค้าง  ไม่คิดว่าจะเจอพฤกษ์ในสถานที่แบบนี้  แถมในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ด้วยแล้ว  เขาก็ไม่รู้จะแก้ตัว  หรือพูดอะไรออกไป  เพราะเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าเขาจัดอีกคนไว้ในสถานะแบบไหน  เพียงแต่ไม่ใช่คนใช้อย่างแน่นอน

“มีอะไรให้รับใช้ครับ”  พฤกษ์ถามด้วยน้ำเสียงปกติ  ไม่ได้มีแววประชดแต่อย่างใด

“ร้องเท้ากูเปื้อนว่ะ  ช่วยหาผ้ามาเช็ดให้หน่อยได้มั้ย”  บอสก็ดูเหมือนจะจริงจังกับเรื่องนี้เอามากๆ

พฤกษ์มองผ้าในมืออย่างชั่งใจ  ผ้าที่เขาถืออยู่เป็นผ้าเช็ดโต๊ะ  มันจะเสียของไปไหมถ้าจะเอาไปเช็ดรองเท้าให้ลูกค้า  แต่ช่วงเวลาที่กำลังลำบากใจ  พายก็เอ่ยถามขัดขึ้นมา

"มันจะมากไปมั้ยวะไอ้บอส  กูพามึงไปล้างที่ห้องน้ำดีมั้ย”

“แต่ว่าระหว่างล้าง  เท้ากูไม่เปื้อนเหรอวะ  กูไม่อยากเท้าเปล่าเหยียบพื้นห้องน้ำ”  บอสยังไม่พอใจ

“งั้นมึงถอดรองเท้าให้มันเอาไปล้างมาให้ดิ  ง่ายจะตาย”  คุณเล็กของเพื่อนๆ หันหน้าออกห่างจากหญิงสาวข้างตัว  พร้อมเอ่ยเสนอ  “แล้วมึงก็เช็ดมาให้สะอาดด้วย”

“จะแน่ใจได้ยังไงวะว่ารองเท้ากูจะไม่หาย”  บอสยังไม่ยอม

“ผมไม่ได้ใส่เบอร์นี้”  พฤกษ์ชิงตอบ  แต่ทำเอาแพทยกมือตบหน้าผากด้วยความเซ็งชีวิต

“มันเป็นความผิดกู  เดี๋ยวกูเอาไปล้างแล้วก็เช็ดมาให้  กูไม่ได้ใส่เบอร์เดียวกับมึงเหมือนกัน  ไม่ชอบยี่ห้อนี้ด้วย”  แพทตัดบทเอื้อมมือจะถอดรองเท้าเพื่อนออกมา  แต่บอสดึงขาหลบเสียก่อน

ความจริงแพทก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่เพียงเพราะการที่เขาซุ่มซ่ามทำเหล้าหกใส่รองเท้าเพื่อน  แต่ถ้าจะต้องให้มีคนเดือดร้อนเพราะเขาก็ไม่แฟร์เท่าไหร่  อีกอย่างที่ทนดูต่อไปไม่ได้  เพราะอีกคนก็ดูจะซื่อเกินเหตุ  เขาไม่อยากให้มันถูกรังแกเพียงเพราะการไม่ยอมต่อสู้อะไร

พราวที่เงียบไปนาน  ยื่นมือมาสะกิดแพทไว้   “มึงให้มันเอาไปเถอะ  ไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวกูรับประกันให้ถ้าหาย”

ได้ยินแบบนั้นบอสก็รีบถอดรองเท้าให้พฤกษ์ที่รับแล้วรีบเดินออกไปทันที  ไม่มีใครคิดอะไรหรือติดใจกับเรื่องรองเท้าของบอสอีก  นอกจากแพทกับพายที่หันมองพราวอย่างไม่ค่อยจะพอใจเท่าไร

“เรื่องคนใช้ของมึงกูยังไม่เคลียร์  ยังเสือกหาเรื่องไอ้มันอีก  มึงนี่เกินไปจริงๆ นะพราว”  แพทไม่รู้ว่าเพื่อนเขาทั้งสองคนรู้จักกับพฤกษ์  แต่ก็ไม่พอใจกับเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก

พายยกมือตบหัวเพื่อนแรงๆ แล้วด่าต่อ  “มึงทำแบบนี้ก็ดูถูกมันเกินไป  มันเป็นเด็กในร้านก็ไม่ใช่ว่าจะให้ทำอะไรได้ทุกอย่างนะ  ไม่สนใจความรู้สึกมันบ้าง  ถ้ามันไม่เห็นแก่มึง  กูว่ามึงตายไปแล้ว”

“กูผิดตรงไหน  กูไม่อยากให้ไอ้แพทลำบาก  กูถึงได้ทำแบบนี้”  พราวยกมือลูบหัวตัวเอง  แล้วเชิดหน้าเถียงเพื่อนด้วยคิดว่าตัวเองทำถูกที่สุดแล้ว

“อย่ามารักกูแบบนี้  ถ้ามึงรักกูแล้วทำให้กูต้องเสียผู้เสียคน  ไม่มีเหตุผล  กูยอมเกลียดกับมึงก็ได้นะพราว”  แพทหัวเสียลุกหนีออกไป  ทิ้งพราวที่นั่งหน้าเหวออยู่กับพาย  โดยที่เพื่อนคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ความสนใจเรื่องนี้กันแล้ว









“นี่...ไม่เป็นไรนะ”  แพทเอ่ยทัก  เมื่อเห็นพฤกษ์กำลังฟาดรองเท้าเพื่อนตัวเองลงกับพื้นอย่างหัวเสีย  “มึงไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้เลยนะ  รู้จักกับไอ้พราวมาก่อนเหรอ”

“ก็ตามที่ได้ยินครับ”  พฤกษ์ก้มลงเก็บรองเท้าของบอสมาล้างต่อ 

“กูไม่ใช่ไอ้บอสที่ไอ้พราวมันเรียกว่าเพื่อนได้  แต่ก็ไม่ได้สนิทสนม  กูกับไอ้พราวสนิทกัน  กูดูท่าทางมันออก”
พฤกษ์เงยหน้ามองคนพูด  แล้วก้มลงล้างรองเท้าต่อเหมือนตั้งใจมาก  “ก็  ไปค้างที่คอนโดเป็นเพื่อนบ่อยๆ  ผมเป็นเพื่อนกับเพลง”

“เพลงน้องไอ้พราวน่ะนะ”  แพทถามเสียงดัง   “อย่าบอกนะว่ามันเจอน้องมันแล้ว”

“แปลกเหรอครับ”  พฤกษ์หันมองแพทด้วยความสงสัย 

แพทพยักหน้า  อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดอยู่พักหนึ่ง  “อือ...ก็นะ  มันไม่ได้เจอน้องมันมาเกือบเจ็ดปี  จะไปตามหาก็ตามไม่ถูก  ทั้งชีวิตมันมีแค่เรื่องน้องมันนี่แหละที่ดึงมันให้เป็นคนดีอยู่ได้  มันรักน้องมากเลยนะ”

“ไม่เห็นจะทำท่าว่ารักอะไร  ตอนไปเจอเพลงก็เฉยๆ”  พฤกษ์ไม่อยากจะเชื่อ  เพราะเขาก็พาพราวไปที่ห้องบ่อย  แต่นอกจากนั่งเงียบๆ  ให้น้องชายอ้อนแล้ว  อีกฝ่ายก็แทบจะไม่ทำอะไรอีก

“มันมีพวงกุญแจตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆ  เคยเห็นรึเปล่า”  แพทถามต่อเหมือนเป็นเรื่องสำคัญ  พฤกษ์พยักหน้ามันเป็นพวงกุญแจที่แขวนกุญแจรถกับกุญแจห้องรวมกัน  “น้องมันให้ไว้  มันใช้มาตั้งแต่ประถมจนถึงตอนนี้”

“หา...”  พฤกษ์แทบจะไม่เชื่อหู  “มันไม่ได้ดูเก่าขนาดนั้น”

“มีกี่เหตุผลล่ะ  ทีจะรักษาของชิ้นหนึ่งไว้อย่างดี”  แพทตบไหล่พฤกษ์  แล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร  เขาแย่งรองเท้าของบอสมาถือไว้  “กูดีใจที่พราวมันเจอน้อง  ส่วนมึงไม่ว่าจะเป็นอะไรสำหรับมัน  กำแพงมันสูง  ถ้ามันยอมลงมาเองก็คงดี”

พฤกษ์เพียงแค่มองตามแพทที่เดินจากไป  เขาพอจะรู้จักอีกแพทเพราะเป็นแฟนกับเพื่อนที่ทำงานอยู่ด้วยกัน  แต่อีกฝ่ายคงจะไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ  จากการพูดคุยกันเท่านี้เขาก็อดดีใจแทนเพื่อนและพราวไม่ได้  ที่คนหนึ่งมีแฟนดี  ส่วนอีกคนมีเพื่อนดี








“พราวมึงจะกลับยังไง” 

เสียงตะโกนถามทำให้พฤกษ์ที่กำลังจะก้าวไปหาพราวต้องเดินช้าลงอย่างอัตโนมัติ  ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ จากเพื่อนของพราว  ทั้งที่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา  ก็แค่พี่ขายของเพื่อนสนิทเท่านั้น

“ก็ขับรถกลับ”  พราวตอบเพื่อนทั้งที่สายตายังคงมองพฤกษ์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล

บอสเจ้าเก่าหันมองตามสายตาเพื่อน  แล้วเบ้หน้า  “คนใช้มึงอีกแล้ว  นี่ต้องเอากลับด้วยหรือไงวะ  เดี๋ยวนี้มึงทำตัวแปลกนะพราว  กูหาทางกลับเองก็ได้วะ  ว่าจะขอกลับด้วยเสียหน่อย”

“เออ  กูไปส่ง  ไม่ต้องหาเรื่องไปลำบาก  เดี๋ยวกูไปคุยกับมันก่อน”  พราวเดินเลี่ยงออกไปหาพฤกษ์  ลากอีกฝ่ายออกไปคุยห่างๆ  “วันนี้กลับไปนอนห้องแล้วกันนะ  กูไปส่งไอ้บอสมันก่อน”

“ครับ...”  พฤกษ์ไม่ได้พูดอะไร  เพียงแต่มองตามพราวที่ดึงเพื่อนขึ้นรถแล้วขับออกไปจากตรงนั้น  ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเพื่อนสนิท  “นพมารับกูหน่อยสิ  กวนมึงมั้ย...เออ  กูรอที่เดิมนะ  ขอบใจมึงมากเลยเพื่อน”







“พราวมึงมาซื้ออะไร?”

เสียงถามจากไอ้บอสเจ้าเดิมที่ยังคงตามมารบกวนเวลาของพราวกับพฤกษ์ได้อย่างสม่ำเสมอ  ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหนก็ได้เจอมันตลอด  แถมสุดท้ายมันยังคงลากพราวไปกับมันได้ทุกครั้ง  ส่วนสาเหตุที่พราวยอมไปกับมัน  เพราะอายเพื่อนที่ต้องเดินกับพฤกษ์นั่นแหละ

“อยากไปดูนาฬิกา”  พราวตอบสั้นๆ  รู้สึกเซ็งเป็นรอบที่ร้อยที่ต้องเจอไอ้บอส  แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร

“อยากได้ของใหม่ล่ะสิ  กูซื้อให้วันเกิดดีปะ”  บอสหันมองพฤกษ์แล้วพูดขึ้นมาลอยๆ  เดินนำไปที่ร้านนาฬิกายี่ห้อโปรดของเพื่อน  ก่อนที่จะพาตรงไปยังรุ่นล่าสุดที่รู้ว่าเพื่อนคงอยากได้  “อีกสามเดือนวันเกิดมึง  เดี๋ยวกูมาดูให้แล้วกัน”

พฤกษ์มองตามนาฬิกาเรือนที่ว่า  ราคาเหยียบแสนทำให้ต้องกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก  ถ้าทำได้เขาก็อยากเป็นคนซื้อให้พราวบ้างเหมือนกัน...แต่มันก็เป็นไปไม่ได้

“สนใจเหรอ  แต่กูไม่ได้ว่านะ  ตกรุ่นไปแล้วมึงก็คงไม่มีปัญญาซื้ออะ”  บอสหันมาบอกพฤกษ์ด้วยรอยยิ้มร้าย  “พราวกูหิวว่ะ  นัดไอ้คุณเล็กไว้  ไปกินข้าวกัน  แต่ไม่เอาคนใช้มึงไปได้เปล่า  กูกลัวกินไม่ลง”

พราวหันมองคนที่มาด้วยกัน  “พฤกษ์กลับก่อนแล้วกันว่ะ  เดี๋ยวกูจะไปกับบอส”

“ครับ”  พฤกษ์รับคำแล้วเดินออกจากร้านนาฬิกาดัง  แม้จะรู้สึกขุ่นใจแต่ก็รูดีว่าสถานที่แบบนี้ไม่เหมาะกับคนอย่างเขา

เผลอใจ...คำนี้มันมีความหมายว่าอะไร? 
บางทีกว่าจะได้รู้จักความหมายของมันจริงๆ ก็อาจจะสายไปแล้วที่จะใช้คำว่ากลับใจ  พฤกษ์เดินไปบนฟุตบาทด้วยความสับสน  การที่เขาเอาตัวเองเข้ามาพัวพันกับคนอย่างพราว  ครั้งแรกอาจเป็นเพียงเหตุบังเอิญ  แต่ด้วยอะไรบางอย่างที่เขาไม่สามารถให้เหตุผลตัวเองได้  เขาก็ถลำลึก  เผลอใจให้กับพราวไปแล้ว

เสน่ห์  ความน่ารัก  และการให้ความหวัง 
พราวมีสิ่งที่ว่ามาอย่างครบครัน  และเจ้าตัวมักใช้มันอย่างไม่รู้ตัว  ในขณะที่ไม่เคยลดตัวลงมาให้ต้องตกต่ำสักครั้ง  ยังคงเป็นเหมือนดาวที่ส่องแสงบนฟ้าได้ในทุกค่ำคืน  คนแบบพราวนี่แหละที่สามารถเกลือกกลั้วกับคนจนๆ อย่างพฤกษ์ได้  โดยที่เจ้าตัวยังคงดูสูงส่ง  ไม่เปรอะเปื้อนมีราคีไปด้วยกัน









วันนี้พราวโทรบอกให้พฤกษ์มารอตรงลานจอดรถ  พวกเขาจะกลับด้วยกันเพราะวันนี้พฤกษ์ว่างไม่ต้องไปทำงานพิเศษ  เขาจึงมานั่งรอพราวตรงที่รถจอดอยู่  แต่ก็ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่เป็นใจ  เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรถคันข้างๆ  มีร่องรอยบางอย่าง  แม้จะไม่รู้ว่าเป็นรถใคร   เขาก็รู้ดีกว่าการวนเวียนอยู่แถวนี้  ไม่เป็นผลดีกับตัวเขาเลย

“เฮ้ย...มึงอะ  ทำอะไรวะ”  เจ้าของเสียงทำให้คนที่กำลังจะเดินหนีออกไปต้องชะงัก  บอส?

“ผมเปล่าทำนะ”  พฤกษ์รีบแก้ตัวด้วยความตกใจ  รู้นิสัยบอสมาไม่น้อย  อย่างไรเสียเขาต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยแน่นอน

บอสขมวดคิ้ว  เดินเข้ามาหาพฤกษ์ที่ดวงตาเหลือบจ้องรอยขูดขีดบนรถสีเหลืองคันหรู  “นี่มึง...ทำกันขนาดนี้เลยเหรอวะ”

พฤกษ์ส่ายหน้า  เขาบอกไปแล้วว่าเขาไม่ได้ทำ  ดังนั้นจึงไม่พูดซ้ำอีกรอบให้น่ารำคาญ  แต่เพราะไม่แก้ตัวอีกฝ่ายก็คิดว่าเขายอมรับ  หมัดหนักๆ ซัดโดนแก้มพฤกษ์  ปากแตกจนมุมปากมีเลือดซึม  แต่บอสก็ไม่หยุดเมื่อซัดกำปั้นหนักๆ ใส่ตัวการไปอีกหลายครั้ง  จนพฤกษ์ล้มไปกองกับพื้น

“เฮ้ย...อะไรวะไอ้บอส”  แพทที่จอดรถข้างๆ พราวเดินเข้ามาเร็วรี่  เห็นลางๆ ว่าเพื่อนกำลังมีเรื่อง

“มันทำรถกู...”  บอสหันไปฟ้องเพื่อน  “คงโกรธที่กูขัดขวางมันกับไอ้พราว  มึงดูมันทำกับกูสิแพท”

แพทสะดุ้งเมื่อเห็นสภาพของคนที่นอนกองกับพื้น  ไอ้บอสยังซ้ำด้วยการแตะไปที่ท้องจนตัวมันงอเป็นกุ้ง  “มึงพอก่อน  กูเห็นแต่มึงทำมันนะตอนนี้  หยุด...กูให้มึงหยุดก่อน”

บอสฮึดฮัดเมื่อโดนแพทลากออกมา  เขากำลังจะซ้ำมันอย่างหนำใจเสียหน่อย  อดจะเสียดายไม่ได้ตอนเห็นพายเดินเข้ามาอีกคน  ไอ้เพื่อนสองคนนี้เสือกใจดีกับมนุษย์โลก  ยังเคยคิดเหมือนกันว่าที่บ้านเลี้ยงพวกมันมาแบบไหน  นอกจากเจ้าอารมณ์ในบางครั้ง  พวกมันแทบจะเป็นเทพบุตรในสายตาเขาไปแล้ว

“อะไรวะ  พฤกษ์...ทำไมคุณสภาพแบบนี้  ไอ้บอสมึงทำอะไร”  พายที่เหตุการณ์ตรงหน้าเอ่ยถาม  เข้าไปพยุงพฤกษ์ด้วยความตกใจ  คิดว่าจะพาอีกฝ่ายออกจากตรงนี้ก่อนที่เพื่อนสนิทตัวเองจะมา  ก็คนอย่างไอ้พราวจะทำอะไรได้  นอกจากตอกย้ำให้คนอย่างพฤกษ์ต้องเจ็บใจเพิ่มขึ้นอีก

“มันทำรถกู”  บอสยังตะโกนคำเดิม  เริ่มหงุดหงิดกับเพื่อนทั้งสองคน   พวกมันจะเข้าข้างไอ้นี่ไปถึงไหน...มันไม่ได้น่าสงสารขนาดนั้นเสียหน่อย

“มึงดูกล้องในรถมึงหรือยังถึงมาพูด”  พายหันไปกระชากเสียงใส่เพื่อน  “รถมึงกับรถไอ้พราวมีกล้อง  กูว่าจะไม่พูดแล้วนะ  ถ้ากูเปิดดูแล้วไม่ใช่มันทำ  มึงจะว่ากูไม่ได้นะ”

“เออ...”  แพทพึมพำ  คว้ากุญแจรถสำรองของพราวออกมาเปิดรถ  เข้าไปดึงกล้องออกมาดู 

พายมองบอสหน้าตาบอกบุญไม่รับ  จนอีกฝ่ายฮึดฮัด  เปิดรถหยิบกล้องตัวเองมาเปิด  เพียงแต่ระยะเวลาที่จอดรถในมหาวิทยาลัยทั้งวัน  ไม่มีเหตุการณ์ความผิดปกติ  แทบจะไม่มีใครเฉียดมาบริเวณที่พวกเขาจอดรถกันเลย  พอนึกได้ว่าพวกเขาจ้างพี่ยามมาดูแลให้เป็นพิเศษ  ก็ใจหายวาบ  นี่โทษคนผิดไปจริงๆ

“ไม่มีว่ะ  หรือกล้องไอ้พราวมันไม่เห็นแถวนี้วะ”  แพทที่สายตาจ้องอยู่ที่หน้าจอกล้องบ่นพึมพำกับตัวเอง  พายที่ไม่รู้ไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาทำแผลให้พฤกษ์เมื่อไหร่หันมามองอย่างสงสัยไปด้วย

“มีอะไรกันวะ?”  พราวที่โผล่มาแบบไม่ให้ใครรู้ตัวส่งเสียงถาม  ตกใจอย่างชัดเจนเมื่อเห็นสภาพพฤกษ์  “มึง...ใครทำเนี่ย”

“ไอ้บอส  มันคิดว่าพฤกษ์ขูดรถมัน”  พายตอบสั้นๆ  แทบจะไม่อยากฟังเพื่อนพูดต่อ

“แล้วไงอะ  มึงทำหรือเปล่า?”  พราวถามอย่างตกใจ  หันไปมองบอสที่ยังคงดูกล้องอยู่  “กูเคลียร์ค่าซ่อมให้ได้นะไอ้บอส”

“พูดหมาๆ นะพราว  มันไม่ได้ทำ”  พายด่าเพื่อนกลางแสกหน้า  “ไม่ใช่หน้าที่มึงด้วย  ถ้าสองคนนี้จะมีเรื่องกัน”

“มึงไม่ได้ทำเหรอ?”  พราวหันไปถามพฤกษ์  เพียงแต่ฝ่ายนั้นไม่ตอบ  ยังคงนั่งนิ่งจนเขาเริ่มโมโห  “กูไม่รู้ว่ามึงจะขี้อิจฉา”

เป็นคำพูดที่พฤกษ์เหลืออด  ทั้งที่น่าจะชิน  ปกติพราวก็ไม่เคยปกป้องเขาจากเพื่อนนิสัยเสียของตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร  เขาต้องยอมให้ไอ้บอสมาหลายครั้งก็เพราะเห็นแก่พราว  ยอมกระทั่งลดศักดิ์ศรีความเป็นคน  ทั้งๆ ที่เขาเคยหยิ่งในศักดิ์ศรีตัวเองมาตลอด

“ไอ้เนท!!!”  เสียงไอ้บอสตะโกนขึ้นมา  ก่อนที่มันจะถอยรถด้วยความเร็ว  “ไอ้พฤกษ์กูผิดเอง  กูขอโทษมึงด้วยแล้วกัน  วันหลังกูจะไถ่โทษให้”  พูดจบมันก็ขับรถกระชากออกไปจากแถวนั้น

“ไอ้เนทเหรอวะ  มันมีเรื่องกันตอนไหน?”  พายสบตากับแพทที่หันมองมา  ก่อนจะแปลกใจที่เห็นพฤกษ์ลุกขึ้นยืน

“ผมไปก่อนนะครับ”  จบคำเจ้าตัวก็เดินออกจากตรงนั้น  ไม่สนใจพราวที่ตะโกนเรียกอย่างหัวเสีย

พฤกษ์เงยหน้ามองฟ้า  เขามักจะทำแบบนี้เสมอ  เวลาที่รู้สึกว่าความรู้สึกกำลังดิ่งลงจนถึงขีดสุด  มันก็เหมือนกับวิธีเรียกกำลังใจให้กลับคืนมา  เรื่องทุกอย่างคงจะไม่หยุดแค่นี้  เขามาไกลเกินกว่านั้น...









“พรุ่งนี้จะกลับบ้านแล้วนะ  ไม่เจอพี่พราวเลย”  เพลงนอนกลิ้งอยู่บนโซฟาแล้วฟาดแขนฟาดขาอาละวาด

พฤกษ์เดินไปหาเพื่อนดึงมันลุกขึ้นแล้วนั่งลงใกล้ๆ  เอื้อมมือแตะหน้าผากวัดอุณหภูมิอย่างเป็นห่วง  เพลงมันนอนซมเพราะพิษไข้เกือบสามวัน  ด้วยเหตุการณ์ที่พวกเขาและพราวแทบจะยืนไม่อยู่  เหตุการณ์ที่ใครก็ไม่ได้ตั้งใจ  แต่เพื่อนเขากลับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ  และตัดสินใจหักห้ามใจตัวเอง  ทั้งๆ ที่มันตกเป็นของ...พี่พาย

“เดี๋ยวพฤกษ์จะพาไปรับพราว  แล้วเราก็กลับบ้านกัน  ไอ้นพมันคงกลับตามหลัง”  พฤกษ์ลูบผมเพื่อนแล้วเอ่ยบอก

เพลงตาโต  ยิ้มพราย  “จริงเหรอ  แต่...พี่พราวจะไปด้วยเหรอ  บ้านเราออกจะลำบาก”

“ไปสิ  แต่เราคงต้องเอารถพราวไป พาขึ้นรถบัสคงได้แวะพาเข้าโรงพยาบาลก่อนถึงบ้าน”  พฤกษ์บอกเพื่อน  แต่สีหน้าก็ยังครุ่นคิดวุ่นวาย  หวังว่าแผนการที่คิดเอาไว้จะลากอีกฝ่ายไปบ้านกับเขาได้บ้าง  ถึงมันจะลำบากแต่เขาก็รอเวลานี้มาเกือบสองเดือน

“โทรไปบอกพี่พายหรือยัง?”  อยู่ๆ พฤกษ์ก็เอ่ยถามขึ้นมา  ทำเอาสีหน้าเพ้อฝันของเพลงหายไปทันที

“ไม่ต้องบอกหรอกน่า...”

“พี่เขาเป็นห่วงเพลงนะ  แค่โทรไปบอกว่าหายป่วยแล้ว  เขาจะได้สบายใจไง  หรือว่า...อยากให้พี่พายห่วง  ถึงไม่ยอมโทรบอก”  พฤกษ์แสร้งล้อเพื่อน  ความจริงก็ไม่อยากให้มันโทรไปหรอก  แต่เขาต้องยอมรับว่าพี่พายมันเป็นคนดี

“เอาโทรศัพท์มาสิ”  เพลงร้องบอกเพื่อน  สายตาเหลือบมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ  พฤกษ์ถอนใจแล้วหยิบส่งให้  ก่อนจะลุกหนีไป 

หลังจากจดจ้องโทรศัพท์ในมืออยู่นาน  เพลงก็ตัดใจกดโทรออก  แล้วรอสายด้วยใจระทึก

[เพลง  หายป่วยหรือยัง?]  เสียงปลายสายดังมาโดยที่เพลงไม่ได้เอ่ยปากก่อน

“หายแล้วครับ  เพลงจะกลับบ้านพรุ่งนี้”

“อย่าบอกนะว่าจะเราพาพราวไปด้วย”  เสียงพฤกษ์ตะโกนมาจากด้านหลัง  เพลงหันไปมองงงๆ แต่ก็พยักหน้า

[เหรอ...กลับยังไง  พี่ไปส่งให้เอามั้ย]

“ไม่เป็นไรครับ”  เพลงรีบปฏิเสธ  แล้วกระซิบเสียงเบา  “พี่พายห้ามไปบอกใครนะ  พฤกษ์จะพาพี่พราวกลับบ้านด้วย”

[ฮะ...จะยอมคุยกับไอ้พราวแล้วเหรอ  โอเคๆ  พี่ไม่บอกมันหรอก  แต่เอาไว้วันหลังพี่จะไปเยี่ยมที่บ้านนะ]

“บ้านพราวลำบากอะ  แล้วไหนพี่พายจะต้องเตรียมหมั้นอีกไง”  ประโยคหลังคนพูดสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยออกมา

[ก็นะ...พี่เป็นห่วงเพลง  อย่าโกรธพี่นะที่เหมือนให้ความหวังแบบนี้  พี่เป็นห่วงมากจริงๆ]

“เพลงรู้  ว่าพี่พายนิสัยดี...เพลงรู้  ไม่โกรธพี่พายหรอก  แต่พูดแล้วไม่ไป  อาจจะน้อยใจนะ”

[ฮะๆ  ไปสิครับ  พี่บอกแล้วไงว่าเป็นห่วงมาก  อยากไปเห็นว่าเพลงสบายดี]  เพลงสังเกตได้ว่าน้ำเสียงของพายฟังดูร่าเริงขึ้น  เพียงเพราะเขายอมให้ไปเยี่ยมที่บ้านได้เท่านั้น 

“ครับ  งั้นเท่านี้นะครับ  เพลงจะต้องไปเก็บกระเป๋าก่อน  ไม่ต้องอยากช่วยนะครับ  พี่พายก็มีธุระของพี่พายเยอะแยะ”  เพลงเอ่ยตัดบทเมื่อได้ยินเสียงเหมือนพายจะพูดขัดขึ้นมา

[รู้ทันได้ไง?  โอเคครับ  แล้วเจอกันที่บ้านพาย  พี่จะโทรหาตอนจะไปนะ]

“ครับ...บายครับ”

[ครับ  ฝันดีครับคนเก่ง]

เพลงนั่งนิ่งจ้องโทรศัพท์ในมือ  เขาก็รู้และได้ยินมาบ่อยว่าพี่พายเป็นเหมือนเจ้าชาย  กระทั่งแอบรักแบบไม่รู้ตัวช่วงที่คอยไปแอบมองพี่พราวที่คณะ  หลายครั้งที่ซุ่มซ่ามเดินชนฝ่ายนั้น  ทำน้ำหกเลอะเสื้อนักศึกษา  และอีกสารพัด  จนในที่สุดเขาก็ได้คุยกับพี่พายก่อนพี่พราวเสียอีก  เพราะฝ่ายนั้นจำเขาได้หลังจากซุ่มซ่ามเดินชนในครั้งที่สอง

ครั้งต่อๆ มาที่เพลงซุ่มซ่ามอีก  พี่พายมักจะยิ้มแล้วก็อดไม่ไหวหัวเราะออกมา  และสุดท้ายก็จบลงด้วยการพูดคุยและบอกให้เดินระวังกว่านี้  แต่ก็เหมือนจะเป็นนิสัยของเพลง  ขนาดเพลงไม่ได้ไปเดินชนฝ่ายนั้นถึงโรงอาหารคณะ  ก็ยังอุตส่าห์โดนพี่พราวขับรถเฉี่ยวจนบาดเจ็บเสียได้

“เพลงอาบน้ำนอนได้แล้วนะ  เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย”  เสียงพฤกษ์เรียกสติของเพลงกลับคืนมา  เขาจึงลุกขึ้นเดินโซซัดโซเซเข้าห้องนอน  คิดฝันถึงวันพรุ่งนี้  ที่จะได้พาพี่พราวกลับไปที่บ้านด้วย





ต่อด้านล่างค่ะ


ออฟไลน์ เงาใต้น้ำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +116/-3
“มีอะไร”  พราวอดแปลกใจไม่ได้  ที่เห็นพฤกษ์มาหาแต่เช้า  เขาเบี่ยงตัวให้อีกคนเดินเข้าห้องไปก่อนจะปิดประตู 

พฤกษ์ไม่ยอมรับโทรศัพท์และไม่มาหาตั้งแต่วันที่พราวเผลอปากว่าอีกฝ่าย  ตอนที่รถของบอสโดนขูด  เรียกว่ากรีดดีกว่า  เพราะไอ้เนทมันใช้คัตเตอร์กรีดรถเพื่อน  เพียงเพราะมันทะเลาะกันเรื่องไปเที่ยวปิดเทอม  สองคนนั้นมันสนิทกันจนพราวยังแปลกใจว่าทำไมมันถึงได้โกรธกันแรงขนาดนั้น  แถมสุดท้ายไอ้บอสยังยอมเสียเงินซ่อมรถเอง  ไม่บ่นสักคำ  ตอนหลังมันยังมาเล่าอีกว่าไปขอโทษพฤกษ์ถึงคณะแล้ว  มีแต่พราวเสียอีกที่ได้แต่ซึมอยู่คนเดียวเพราะโดนหลบหน้า

“เก็บกระเป๋าครับ  จะพาไปบ้าน”

“ไม่เอา”  พราวบ่น  นั่งลงตรงโซฟาหน้าทีวีจอยักษ์

“ผมเก็บกระเป๋าให้  จะเอาอะไรไปบ้าง  เอาฟอร์จูนเนอร์ไปนะ”  พฤกษ์เดินเข้าห้องพราวเหมือนเป็นห้องตัวเอง  เปิดตู้เสื้อผ้า แล้วหันมาหาอีกคนที่เดินตามเข้ามานั่งบนเตียงรอ

“เอาแถวนั้นไปทั้งแถวเลย”  พราวชี้นิ้วสั่ง  พฤกษ์ก็ดึงกระเป๋าออกจากตู้อีกฝั่งมาใส่  มีคนบนเตียงบงการอยู่ทุกระยะ

“ไม่ต้องเอาไปถึงสิบชุดหรอกนะ  ผมซักผ้าทุกสองสามวันอยู่แล้ว  เอาไปแบบนี้ซักไม่ไหวหรอก”

พราวหน้าง้ำหน้างอ  “ก็ใส่ไม่ซ้ำไม่ได้หรือยังไงเล่า”

“ก็ได้ๆ”  พฤกษ์ยอมตามใจ  “ของใช้ส่วนตัวด้วยนะ  ที่ซื้อตุนไว้  ผมจะเอาไปเผื่อให้  บ้านพวกผมลำบากนะ  อาจจะอยู่ยากหน่อย  แต่ก็อยากให้อยู่จนกลับมาพร้อมกัน  เผื่อเพลงมันจะลืมเรื่องพี่พายได้บ้าง”

“อือ...”  พราวไม่ได้พูดต่อ  มัวแต่คิดเรื่องน้องชาย 

หลังจากเกิดเรื่องขึ้น  ไอ้เพื่อนแสนดีก็รีบโทรมาขอโทษเขา  ตอนนั้นโกรธจนคุยกันไม่รู้เรื่อง  แต่เพราะเป็นเพื่อนกันมานานพราวถึงได้แพ้ทางมัน  ก็ขนาดไอ้บอสที่เรียกว่าเพื่อนสนิทได้ไม่เต็มปาก  พราวยังแพ้ทางให้มันจนทะเลาะกับพฤกษ์มาแล้วหลายรอบ   

เก็บของเสร็จพฤกษ์ก็ลากกระเป๋าเดินนำพราวออกจากห้อง  ก่อนออกมาพราวฝากพี่ที่ประชาสัมพันธ์เรื่องการทำความสะอาดห้อง  เผื่อกลับมาจะได้เข้าพักได้ทันที  เพราะพราวมีปัญหาเรื่องฝุ่น  พฤกษ์ที่แอบได้ยินหวั่นใจอยู่ไม่น้อย  เพราะบ้านเขาก็ไม่ได้ฝากใครดูแลไว้  ช่วงแรกอาจจะต้องฝากพราวไปนอนบ้านเพลงก่อน

“พี่พราว...”  เสียงเพลงที่นั่งรออยู่ตรงล็อบบี้ด้านหน้าร้องเรียก  พราวจึงรีบเดินเข้าไปหาน้อง  ดึงอีกฝ่ายมากอดอย่างห่วงหา  “คิดถึงอ่า...”

“อือ...กลับบ้านกันเนาะ”  พราวกระซิบบอก  แล้วจูงมือน้องออกเดินตามพฤกษ์มาที่รถ  ที่ยังคงคลุมผ้าไว้เพราะไม่ค่อยได้ใช้  รถคันนี้พราวซื้อเอาไว้เวลาเพื่อนอยากไปเที่ยวกันไกลๆ  ยังมีสองคันเอาไว้ขับอยู่ในกรุงเทพฯ

“พราวนั่งกับเพลงด้านหลังแหละ”  พฤกษ์บอกพราวเมื่อเห็นสายตาเพื่อนจ้องมองมาที่เขา 

ปกติเพลงมันขี้อ้อนมาตั้งแต่เด็ก  พ่อแม่มันทั้งรักทั้งหลง  อีกอย่างเพราะมันเป็นลูกครู  เด็กในหมู่บ้านถึงได้คอยเอาใจมันตลอด  มันเลยมีนิสัยเอาแต่ใจบ้างเป็นบางเวลา  แต่ขี้อ้อนนี่แทบไม่ขาด  กับเขาและนพมันจะพูดเพราะด้วย  ถ้าเป็นคนอื่นมันจะดูนักเลงเลยทีเดียว  เห็นแบบนี้มันเป็นหัวโจกชอบยกพวกตีกับหมู่บ้านใกล้ๆ  หลายครั้งมันเจ็บตัวนอนโรงพยาบาลจนพ่อมันโกรธ  ลูกน้องมันเลยซวยไปด้วย  ขึ้นชื่อว่าครู...เด็กกลัวทุกคน

“พี่พราวหิวมั้ย?”  เพลงเอ่ยถามพี่ชาย  หยิบกล่องพลาสติกมาถือไว้  “พฤกษ์ทำแซนวิชมาให้ด้วยนะ  อันนี้ไส้กรอกทอด  มีนมกล่อง  กับน้ำผลไม้ด้วยนะ”

“เพลงกินหรือยัง?”  พราวถามน้องที่ส่ายหน้าจนผมสะบัด  “ทำไมล่ะ?”

“อิ่ม...”  พราวบอกหันเก็บกล่องอาหารรวมกันไว้ด้านหนึ่งแล้ว  เอนตัวลงนอนตักพี่ชาย  ที่ดึงหมอนมารองหัวให้

“พี่พายโทรมาแต่เช้า  คุยกันนานจนถึงคอนโดพราวยังไม่วาง  เห็นแต่นั่งอมยิ้มฟังพี่เขาฝ่ายเดียว  คงอิ่มทิพย์กินพายไปหลายชิ้น”  พฤกษ์แซวเพื่อนแล้วหัวเราะ  ไม่สนใจค้อนหลายวงที่เพลงส่งให้  ก็หันหลังให้แบบนี้  ไม่เห็นง่ายๆ หรอก

“คุยอะไรกัน  เล่าให้พี่ฟังหน่อย”

เพลงเงยหน้ามองพี่ชายแล้วยิ้มคนเดียว  “ไม่เอาอะ  พี่พายก็พูดไปเรื่อยแหละ  ขานั้นพูดเก่ง”

“ใครบอก  ไอ้พายมันเป็นคนเงียบนะ”  พราวแก้ความเข้าใจให้น้องใหม่  “มันจะไม่พูดหรอก  ถ้าไม่สนิทด้วยจริงๆ  มันใจดีทุกคนรู้  แต่ไม่ใช่ว่าจะเอ่ยปากพูดกับใครก็ได้  มีไม่กี่คนหรอกที่มันจะพูดด้วย  ถ้าว่าพูดเก่งนี่  ไอ้แพทก็เถียงเหอะ”

“เพื่อนพี่พราวที่  พ  หมดเลย  พราว  พาย  แพท  เหมือนพฤกษ์กับเพลงแหละ  ครั้งหนึ่งไอ้นพมันน้อยใจที่ชื่อมันไม่เหมือนพวกเรา  มันเลยบอกว่าให้เรียกมันว่า  พบ  แต่ใครจะไปชิน  สุดท้ายมันก็เลยชื่อนพเหมือนเดิม  ฮะๆ”

พราวยิ้มลูบผมน้องเบาๆ  เห็นเพลงหัวเราะได้แบบนี้เขาก็สบายใจ  เรื่องราวคงไม่ได้หนักหนาอย่างที่คิดเอาไว้  คงเพราะนิสัยของคนทั้งคู่นั่นแหละ  พราวแอบคิดว่าถ้าเพื่อนเขามันทำได้  มันก็คงจะขอรับผิดชอบน้องชายเขาไปแล้ว  ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันก็เถอะ  ก็นิสัยมันโคตรดีเลย

“น้องพี่พราวคนนั้น...”  อยู่ๆ เพลงเอ่ยถามขึ้นมา  หน้าตาหมองลงอย่างเห็นได้ชัด

“พี่มีน้องเพลงเป็นน้องคนเดียว...”  พราวเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง  นึกถึงเรื่องเลวร้ายในอดีตระหว่างเขากับเด็กพ่อเดียวกันอีกคน  อดแปลกใจไม่ได้  ปกติเวลานึกถึงมัน  เขาบอกเลยว่าเกลียดมัน  แต่ครั้งนี้ต่างออกไป  ความโกรธเกลียดดูเหมือนจะจางลงไปเยอะแล้ว

“ชื่อฟอง”  อยู่ๆ พราวก็บอกขึ้นมา

เพลงดึงมือพี่ชายมาจับไว้  “อือ...”  เสียงนั้นพึมพำให้คนบนรถหันมาสนใจ 

“ทำไม?”  พฤกษ์เอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนเงียบไป  มันผิดปกติ

“เพลงเจอฟอง  ก่อนพี่พายจะมาส่งที่ห้อง  ฟองไปหาพี่พาย  ฟองสนิทกับพี่พายนะ  ฟองน่ารักอะ”  เพลงเล่าให้พี่ชายและเพื่อนฟัง  อดน้อยใจไม่ได้ที่ฟองไปหาพายได้ตามใจต้องการ  แม้พายจะวางอีกคนไว้เป็นน้องเหมือนกัน  แต่เพลงก็ทำตามใจแบบนั้นไม่ได้

“แม่ของมันสนิทกัน”  พราวเล่า  “แต่พี่ไม่รู้ว่าพายมันสนิทกับเด็กนั่น  มันไม่เคยเล่า  แต่ว่า...มันคงไม่เล่าหรอก  เพราะแค่มันพูดชื่อ  หน้าพี่ก็หงิกจนมันหวั่นใจแล้ว  คงเป็นเพราะแบบนี้แหละพี่ถึงไม่รู้  แต่เพลงน้อยใจอะไร”

“เพลงอยากไปหาพี่พายแบบนั้นบ้าง  ถ้าฟองเป็นน้องที่สนิทกันได้  เพลงก็อยากเป็นอะ  แต่ฟองน่ารักอะ  เพลงชอบฟองนะ  แต่ฟองก็บอกว่าเขาไม่ถูกกับพี่พราว”

“แม่เรากับแม่เด็กนั่น  เป็นพี่น้องกัน...”  พราวเอ่ยบอกเรื่องที่น้องชายไม่เคยรู้  และเพลงก็ตกใจมากจริงๆ  “แต่ว่าก็ไม่ถูกกันเหมือนพี่กับเด็กคนนั้นล่ะมั้ง”

“ถึงว่า  พี่พายพูดว่าเพลงกับฟอง  มีบางอย่างคล้ายๆ กัน”  เพลงพึมพำก่อนจะหลับไปหลังจากนั้น

พอเพลงหลับ  พราวก็มองทิวทัศน์ข้างทาง  จนเผลอหลับไป  ตื่นมาอีกทีหัวเขาก็อยู่บนตักน้องชายแล้ว  รถไม่ได้เคลื่อนไปไหน  มันจอดนิ่งอยู่กับที่   พราวจึงลุกขึ้นดู  บรรยากาศรอบๆ มีต้นมะม่วงปลูกเต็มไปหมด 

“ตากแอร์บนรถก่อนนะ  อากาศข้างนอกร้อน  พฤกษ์ไปดูที่บ้านอยู่ว่าได้ทำความสะอาดหรือเปล่า  พี่พราวบ้านพฤกษ์อยู่กลางสวนนู่น  ลำบากมากเลยแหละ  พี่พราวไปนอนกับเพลงก็ได้นะ  พฤกษ์คงไม่ห้าม”

“ไม่เป็นไร  วันหลังพี่ค่อยไปดีกว่า  เดี๋ยวพ่อเพลงจะตกใจ”  พราวรีบปฏิเสธ  เขายังไม่พร้อมจะไปเจอพ่อของเพลง

“แต่ว่าบ้านพฤกษ์หลังเล็กด้วยนะ  แอร์ก็ไม่มี  แต่มันเย็นอยู่แล้วอะ  ใหญ่กว่าห้องที่กรุงเทพฯ นิดเดียวเอง”  เพลงยังบอกต่อ  เขาอยากให้พี่ชายทำใจไว้

“แล้วไงอีก”  พราวลูบผมน้อง  ถามด้วยรอยยิ้ม  ไม่ได้คิดตามคำพูดน้องชายเพราะนึกภาพตามไม่ออก

“เครื่องใช้ไฟฟ้าก็มีแค่หม้อหุงข้าว  ไม่มีทีวี  ตู้เย็น  เครื่องซักผ้า  เตาอบ  แต่มีพัดลมนะ  นึกออกแค่นี้ครับ”  เพลงยิ้มแหย ก่อนเปิดประตูรถออกไป  เมื่อเห็นเพื่อนเดินเข้ามา

“ป้าให้คนไปทำความสะอาดให้  ถางหญ้ารอบๆ แล้วด้วย  ไม่มีฝุ่นหรอก  ลุงก็สั่งเปลี่ยนหลังคาเป็นกระเบื้องให้  เห็นว่าลูกเห็บตกสังกะสีเป็นรู”  พฤกษ์เอ่ยบอกเพื่อน  แล้วเปิดท้ายรถหยิบกระเป๋า

“จอดรถไว้บ้านลุงกำนันเหรอ  แล้วจะพาพี่พราวไปไหว้ลุงกำนันตอนไหนอะ”  เพลงที่ช่วยเพื่อนถือของถามขึ้นมา  จูงมือพี่ชายตามเพื่อนเดินเข้าสวนมะม่วงไป

ผ่านดงกล้วย  พราวมองพื้นที่รอบๆ อย่างหวาดๆ  ลมเย็นพัดเรื่อยเฉื่อย  ใบตองเสียดสีกันเสียงน่ากลัวพิลึก  กว่าจะพ้นดงกล้วยมาเขาก็แทบจะหลับตาเดิน  แอบคิดในใจว่าขอให้อย่าเป็นกล้วยตานีเลย  มันน่ากลัวเกินไป

บ้านหลังเล็ก  เล็กกว่าเรือนคนใช้ที่บ้าน  ทำให้พราวมองตาโต  มันคงจะลำบากอย่างที่สองเพื่อนพยายามจะบอกเขา  แต่อากาศข้างนอกเย็นเยียบแปลกๆ  ก็เลยต้องรีบตามเจ้าของบ้านเข้าไปด้านในก่อน

“ช่วงนี้เห็นลุงว่าฝนตกแทบทุกวัน  น้ำเยอะจนน่ากลัว”  พฤกษ์ดูเหมือนจะบอกเพื่อนมากกว่าแขกที่พามาด้วย  “เดี๋ยวพราวรออยู่นี่ก่อน  ผมจะไปส่งเพลงแล้วก็เอารถไปจอดไว้บ้านลุง  จะรีบไปรีบกลับ  กลัวฝนจะตกด้วย”

พราวพยักหน้า  มองห้องว่างๆ แทบจะไม่มีอะไรเลย  แล้วนั่งลงบนเตียงที่พอจะนอนได้สองคน  เป็นเครื่องใช้ที่ดูแปลกตาสำหรับบ้านหลังเล็กแบบนี้  “รีบไปเถอะ  เดี๋ยวเพลงจะโดนฝน”  บอกด้วยความเป็นห่วงน้อง

“แล้วเพลงจะมาหา”  เพลงเดินเข้าไปกอดพี่ชาย  แล้วเดินออกมาพร้อมกับพฤกษ์







ลมพัดกระหน่ำ  เสียงกิ่งมะม่วงไหวเอนตามแรงลม  ก่อนที่ฝนจะซาดสัดลงมาห่าใหญ่  พราวนั่งกอดเข่าบนเตียงด้วยความกลัว  ฟ้าร้องดังเป็นระยะๆ  ปกติเขาไม่เคยต้องใกล้ชิดธรรมชาติมากมายถึงขนาดนี้  และมันจะไม่น่ากลัวเลย  ถ้าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียว

“พราว”  เสียงเรียกพร้อมประตูห้องที่เปิดออก  พราวเห็นพฤกษ์ตัวเปียกโชก  อีกฝ่ายถอดเสื้อโยนทิ้งไปด้านนอกห้อง  แล้วเดินมาเปิดตู้หาผ้าเช็ดตัว  “ผมอาบน้ำก่อนนะ”

เสียงดังภายนอกกลบเสียงน้ำภายในห้องน้ำ  พราวจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำภารกิจถึงไหนแล้ว  แต่ไม่นานพฤกษ์ก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำ  ยืนใส่เสื้อผ้าตรงตู้ปลายเตียง  เขาเช็ดผมลวกๆ  แล้วทยอยเอาของจากกระเป๋าพราวเก็บใส่ตู้จนหมด  เหลือเพียงของใช้ส่วนตัวที่วางไว้ที่โต๊ะกระจกข้างตู้  ก่อนจะคลานขึ้นเตียงมากอดพราวไว้

“กลัวเหรอ”  พฤกษ์เอ่ยปากถาม  เห็นพราวนั่งกอดเข่าตั้งแต่เข้ามาแล้ว  “ป้าให้ผักกับของแห้งมาด้วย  จะได้เอาไว้ทำกับข้าวกิน”

“ไม่มีตู้เย็น  จะไม่ได้กินหมูเหรอ”  พราวถามอย่างสงสัย  เอื้อมมือกอดพฤกษ์แล้วซบหน้าลงกับอกแกร่ง

“มีถังน้ำแข็งอยู่  พรุ่งนี้จะซื้อน้ำแข็งมาใส่  เอาไว้แช่ของสด  แต่น้ำกินน้ำฝนนะ  อย่ากินน้ำเย็นเลย”  พฤกษ์เลื่อนมือดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเขากับอีกคนบนเตียง  พราวจึงดึงผ้าที่พาดบนคอขึ้นเช็ดผมให้พฤกษ์อย่างที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน

“ตั้งใจพามาลำบาก  แต่ตอนนี้ชักกลัวพราวอยู่ไม่ได้แล้วสิ”  พฤกษ์พึมพำ  มองหน้าพราวอย่างหนักใจ

“ทำไมอยากให้ลำบาก”  พราวสงสัย  จ้องคนพูดไม่วางตา

“ก็โกรธ...เรื่องวันนั้น”  พฤกษ์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น  จนอีกคนเช็ดผมให้ไม่ได้  จึงหยุดเสีย

“งั้นก็ไม่เป็นไร  จะได้หายกันไง”







“คนนี้เหรอลูก”  ป้าพิศเมียลุงกำนันถามด้วยรอยยิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นคนที่หลานชายพามาเที่ยวบ้านช่วงปิดเทอม  พราวยกมือไหว้ป้าแล้วขยับเข้าไปกอดเอวไว้  เขายอมนั่งอยู่บนพื้นเอาใจผู้ใหญ่  อดนึกถึงคุณย่าที่เสียไปไม่ได้

พฤกษ์มองภาพพราวอย่างไม่เชื่อสายตา  ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรแบบนี้ได้  “ครับ  พราวเป็นพี่ชายเพลงด้วย”

“ออ...”  ป้าก้มลงมองคนที่กอดเอวตัวเองอยู่  ยกมือลูบผมเบาๆ  “ลูกแม่แพรนี่เอง  แล้วแม่ไหมสบายดีไหม?”

พราวอ้ำอึ้ง  เขาแทบจะไม่เคยรู้ความเคลื่อนไหวของเมียพ่ออีกคนเลย  เจอคำถามแบบนี้ก็ตอบไม่ถูก  “ไม่ทราบครับ”

“พฤกษ์ไปดูลุงไปลูก  เดี๋ยวป้าจะชวนหนูพราวคุยเรื่อยเปื่อยแถวนี้แหละ  ลุงรอพฤกษ์มาหลายวัน  ป้าอยากให้แกดีใจบ้าง” 

“ครับ”  พฤกษ์รับคำ  ลุกขึ้นเดินลงจากเรือนไป

ป้าก้มลงมองพราวที่ดูจะเคลิ้มๆ  “หนูพราวไปทำกับข้าวกับป้าดีไหมลูก  อาจจะไม่สนุกเท่าไหร่  แต่ดีกว่านั่งอยู่คนเดียวนา”

พราวขยับตัวออกตาเป็นประกาย  “พราวขอหัดด้วยครับ  พฤกษ์ทำกับข้าวเก่งจนน่าอิจฉา  พราวอยากทำได้บ้าง”

“ถ้าอย่างนั้นระหว่างอยู่ที่นี่พราวมาเรียนทำอาหารกับป้านะ  พฤกษ์จะต้องไปคอยช่วยลุงเขา  ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่หรอก  กว่าจะเรียนจบ  พฤกษ์คงได้ลองปลูกผักสักสองสามแปลงบนที่เขาแล้วล่ะ”

วันนั้นทั้งวันพราวเป็นลูกมือช่วยป้าพิศทำกับข้าว  เขาพยายามจดจำทุกขั้นตอน  ดีว่าได้สมุดกับปากกาจากป้ามาจดสูตรและขั้นตอนต่างๆ เอาไว้ด้วย  แต่เรื่องนี้พราวตั้งใจให้เป็นความลับ  และขอให้ป้าช่วยปิดพฤกษ์ด้วย







“ลุงนี่พราวครับ” 
กว่าพฤกษ์จะได้แนะนำพราวให้ลุงรู้จักก็เข้าอาทิตย์ที่สอง  เพราะลุงไม่เคยกลับมากินข้าวบ้านตรงเวลาเลย  ช่วงนี้มีนโยบายรัฐหลายอย่าง  กำนันอย่างลุงก็มีบทบาทเป็นประธานกลุ่มต่างๆ  ไหนจะคอยดูเรื่องบัญชีเบิกจ่ายของแต่ละกลุ่ม  ไหนจะต้องเข้าเมืองพาลูกบ้านไปเบิกเงินที่ ธ.ก.ส. ยังไม่รวมเรื่องเทือกสวนไร่นายังวุ่นวายขนาดนี้  จึงไม่น่าแปลกใจที่ลุงจะไม่เคยเจอหน้าพราวเลย

“ไหว้พระไอ้หนู”  ลุงยกมือรับไหว้พราวด้วยรอยยิ้ม  ก่อนจะตบไหล่หลานรัก  “ไอ้หมานี่มีเพื่อนขาวจั๊วะหลายคนเลยเว้ย  ลุงว่าแม่เอ็งขาวแล้วนะ  สงสัยแม่ไอ้หนูนี่จะขาวเอาชนะแม่เอ็งได้อีก”

“ฉันว่าก็ขาวพอกันแหละ  หนูพราวนี่ลูกแม่แพร  แต่ที่ขาวกว่าสงสัยเพราะได้พ่อมาด้วย”  ป้าคาดเดา  ซึ่งไม่ผิดเท่าไหร่นัก 

“พ่อผมขาวกว่าแม่อีกครับ”  พราวพูดขึ้นมา  ก็ปู่มีเชื้อสายจีน  แถมย่ายังมีเชื้อเจ้าทางเหนืออีก

“เออ  คนกรุงฯ  ก็แบบนี้แหละ”  ลุงพูดแล้วก็หัวเราะตามแบบฉบับคนอารมณ์ดี  “แล้วไอ้ภพมันไม่กลับบ้านหรือไง  มีลูกกับเขาสามคนก็เสือกผู้ชายหมด  เลยไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาเท่าไหร่  ถ้าไม่ได้ไอ้หมากูตาย...”

“โธ่ลุง  เดี๋ยวความดันขึ้น  กินข้าวกัน”  พฤกษ์กอดแขนลุงพามานั่งตรงพื้นที่ปูเสื่อจัดสำรับไว้  พฤกษ์สนิทกับลุงมากจนบางทีเขาก็ติดนิสัยอ้อนทั้งลุงทั้งป้า  กอดกันนี่บอกได้เลยว่าบ่อยกว่าลูกแท้ๆ ของทั้งสองคนเสียอีก

“คิดถึงไอ้ภพมัน”  ลุงบ่นขึ้นมาอีก  “มันเรียนวิศวะฯ ปีสุดท้ายแล้วไอ้หนู  มันมีเมียแล้วด้วยนะ  เด็กกรุงเทพฯ  น่ารักขาวจั๊วะเลย  เหมือนเอ็งนี่แหละ”

พราวยิ้ม  เหมือนลุงจะอวดลูกสะใภ้อยู่  “ครับ...”

“แต่มันทะเลาะกัน  เพิ่งเลิกกัน”  ลุงเงียบไป  เห็นป้าพิศกับพฤกษ์ยื่นมือไปแตะเข่าลุง  แกดูฮึดขึ้นมา...เล่าต่ออีก  “มันไปตามง้อเมียมันอยู่  ลูกลุงไม่เจ้าชู้หรอกนะ  แต่ว่านะคนรักกันมันก็ต้องมีระหองระแหงบ้าง”

“ครับ...”  พราวรับคำ  มื้อนั้นทั้งมื้อเขานั่งฟังลุงเล่าเรื่องลูกชายทั้งสามคน  จนแทบจะสนิทกันได้โดยไม่ต้องเห็นหน้า

ก่อนกลับบ้านป้ายังห่อกับข้าวเอาไว้กินมื้อเย็น  แถมด้วยของสดของแห้งเต็มไม้เต็มมือ  แต่เพราะฝนใกล้ตกพฤกษ์เลยรีบพากลับบ้าน  สุดท้ายก็เปียกม่อลอกม่อแลกกันทั้งคู่  และเพราะหนาวจนสั่นจึงเป็นครั้งแรกที่พราวได้อาบน้ำพร้อมกับพฤกษ์  แม้จะอายอยู่บ้างก็ยังพยายามทำให้เหมือนเป็นเรื่องปกติ  จนตอนหลังก็ได้อาบน้ำด้วยกันบ่อยๆ







วันนี้พราวก็มาขลุกอยู่กับป้าพิศเหมือนทุกวัน  พฤกษ์กับเพลงไม่ยอมให้พราวออกไปที่นาด้วยกัน  เห็นว่าแดดมันร้อนมาก  อีกอย่างช่วงนี้ฝนตก  ถนนเต็มไปด้วยโคลนรถตุ๊กก็ติดหล่มแทบทุกวัน  นับว่าการไปนาจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากสำหรับพราว  ทุกคนจึงลงความเห็นว่าให้พราวอยู่บ้านกับป้าจะเหมาะกว่า

ป้าพิศสอนทำอาหารประเภทแกงกะทิหลายอย่าง  ก็พวกแกงเขียวหวาน  พะแนงหมู  มีแถมมัสมั่นมาด้วย  พราวนึกว่าจะเป็นสำรับเย็นนี้  แต่ป้าบอกว่ามีคนสั่งทำมาเพื่อเอาไปจัดโต๊ะจีนคืนนี้  ตอนหลังพราวจึงเห็นแกงหม้อใหญ่หลายหม้อวางรอคนมารับไป

พราวทำอาหารได้หลายชนิดแล้วทั้งแกงป่า  แกงกะทิ  รวมถึงขนมไทยโบราณ  มีน้องชายมาเป็นลูกมือช่วยแทบทุกวัน  พราวทั้งรักทั้งหลงน้อง  เพราะเพลงเป็นเด็กขี้อ้อน  แถมยังทนอยู่ในครัวกับเขาได้แทบทั้งวัน  แม้จะมีเพื่อนมาเรียกไปซ่าอยู่เนืองๆ  น้องเขาก็ปฏิเสธไปอย่างไม่แยแส  พราววางใจได้นิดหน่อย  เพราะได้ข่าวมาจากพ่อของน้องว่าประวัติต่อยตียาวเหยียดกว่าหางว่าวเสียอีก

พราวไปไหว้พ่อของน้องหลังจากมาพักที่บ้านพฤกษ์ได้หนึ่งอาทิตย์  ครูชุนเป็นคนใจดีจนพราวนึกแปลกใจไม่ได้  ว่าทำไมถึงได้ไปเป็นชู้กับแม่เขา  แล้วเรื่องทั้งหมดก็เล่าออกมาจากครูชุนเอง  ว่าแท้จริงแล้วพ่อของเขาต่างหากที่ไปแอบได้เสียกับน้องสาวของแม่  จนแม่ต้องยอมหลีกทางให้  เพียงแต่เรื่องมันเลวร้ายเพราะพ่อเข้าใจผิดและไม่ฟังเหตุผล  ครูชุนสนิทกับแม่เพราะสอนโรงเรียนเดียวกัน  และเพราะครูชุนเป็นคนดีแม่ถึงได้เลือกครูชุนในที่สุด

“น้องพราว  วันนี้ป้าทำผัดบวบ  แกงส้ม  แกงฟักทอง  แล้วก็ยำเล็บมือนางนะลูก”  ป้าเอ่ยบอกเมื่อเห็นพราวจมอยู่กับความคิดตัวเอง  หลังๆ ป้าเรียกน้องพราว  แทนหนูพราวแล้ว

พราวเงยหน้าจากการเด็ดใบโหระพา  “ครับ  ไม่เคยทำเลย”  คนพูดยิ้มชอบใจ  ลุกขึ้นไปหยิบสมุดกับปากกามาวางใกล้ตัว  เปิดไปแต่ละหน้าด้วยความภูมิใจ  สูตรอาหารของเขาที่ได้จากป้าพิศมีเกินสามสิบหน้าไปแล้ว

“น้องพราวมีพรสวรรค์  ป้าจะสอนให้ครบทุกอย่าง  รับรองทำอาหารอร่อยกว่าเจ้าพฤกษ์อีก”  ป้าบอกด้วยรอยยิ้ม  “ถ้าไม่คิดว่าเป็นคนกรุงฯ  ป้าจะชวนมาเปิดร้านอาหารที่นี่เสียเลย”

พราวยิ้มกับคำพูดของป้าพิศ  อดคิดในใจไม่ได้ว่าเขาจะอยู่ในที่แบบนี้ได้นานหรือเปล่า  จะว่าไปมันก็ไม่ได้ลำบากอะไร  แต่นั่นก็เป็นเพราะพฤกษ์คอยให้ความดูแลเขาทุกย่างก้าว  แทบจะไม่ต้องทำอะไรเองเลย  แม้แต่ซักผ้าล้างจาน  พฤกษ์ก็รับไปทำทั้งหมด  ถ้าต้องทำทุกอย่างเองพราวก็ไม่แน่ใจว่าจะทำไหวหรือเปล่า









“พราวเหรอครับ  แม่พูดให้ฟังบ่อยๆ”  เสียงทักทำให้พราวที่กำลังสอยดอกแคอยู่หันไปมอง  แล้วยกมือไหว้อีกฝ่ายที่รับไหว้ด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร

“พี่ภพเหรอครับ”  พราวมองดูอีกคนอย่างแปลกใจ  ภพให้ความรู้สึกเหมือนเด็กนักเรียนนอก  ดูต่างจากพฤกษ์ราวฟ้ากับเหว  “ไม่คิดว่าจะหน้าตาแบบนี้  คิดว่าจะคล้ายพฤกษ์เสียอีก”

ภพหัวเราะชอบใจ  คนเพิ่งรู้จักทักกันแบบนี้ก็ได้แฮะ  “พี่มันผ่าเหล่า  สงสัยพ่อเก็บมาเลี้ยงแต่ไม่ยอมบอกความจริง  พี่ชายพี่ก็คล้ายไอ้พฤกษ์อยู่นะ”

“เก็บมาเลี้ยง...ฟังดูรันทดอะ”  พราวทำหน้าแหย  เขาคนหนึ่งแหละไม่อยากเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยง

“ไอ้พฤกษ์ก็คล้ายๆ แบบนั้นแหละ  มันถึงได้ขี้น้อยใจไง”  ภพว่า  ยื่นมือเกลี่ยปอยผมที่ตกระหน้าพราว  ไม่มีบรรยากาศที่สื่อไปในทางชู้สาวแต่อย่างใด  “ผมยาวนะเรา  กลับกรุงเทพฯ แล้วไปตัดออกสักนิด  กำลังดี...”

“พี่ภพเรียนที่ไหนครับ  เห็นว่าจบแล้ว” 

“เฮ้ย...ยังไม่จบ  อีกปีนึงอะ  แต่ว่านะควรจะจบตั้งแต่ปีที่แล้ว  แต่ว่าโปรเจคไม่ผ่าน”  คนพูดซึมไปพัก  ก่อนจะยิ้มได้เหมือนเดิม  “พฤกษ์มันไม่เคยพาเพื่อนมาบ้าน  พราวคงรับมันได้สินะ  ถึงได้กล้าพามา  มันชอบดูถูกตัวเองว่ามีบ้านเล็กๆ”

พราวเงียบไป  คิดในใจคนเดียวว่าถ้าไม่มีเรื่องโกรธกัน  ฝ่ายนั้นคงไม่พาเขามาที่นี่แน่ๆ  “ก็  ตอนแรกอยากให้ลองลำบาก  ตอนนี้ก็เห็นเปลี่ยนใจ  ห่วงนู่นห่วงนี่ทุกวัน”

“แล้วพราวลำบากหรือเปล่าล่ะ?”  ภพจ้องมองอีกคนด้วยแววตาใคร่รู้ 

“ไม่ลำบากครับ  สนุกดี”  พราวหัวเราะ  หันไปสอยดอกแค  ฮัมเพลงในคอ  ดูมีความสุขดี

สองคนคุยกันไปเรื่อยเปื่อย  ไม่ทันเห็นว่ามีคนมาลอบมองอยู่ไม่ไกล  ท่าทางหยอกล้อเหมือนสนิทกันเสียมากมายทำให้คนมองใจแป้ว  ทั้งที่น่าจะเพิ่งรู้จักกัน  ทำไมถึงสนิทกันได้เร็วนัก...

พฤกษ์ก้าวเดินเข้าไปใกล้  ดึงข้อมือพราวออกห่างจากภพ  เพราะเห็นสองคนกำลังหยอกล้อเล่นตบแปะกันสนุกมือ  คนถูกดึงหันมองพฤกษ์อย่างไมเข้าใจ  ยิ่งเห็นสีหน้าบูดบึ้งก็ยิ่งหวาดหวั่น  ก็อีกฝ่ายเคยทำหน้าตาแบบนี้ที่ไหน

“กลับบ้านเหอะ  ฝนจะตกแล้ว”  พฤกษ์บอกพราว  ไม่สนใจจะมองภพด้วยซ้ำ

“แต่ว่าดอกแค...”  พราวเงียบเมื่อเห็นสายตาอีกคน  ยื่นขันในมือส่งให้ภพ  “ฝากพี่ภพไปให้ป้าพิศด้วยนะ”

พอขันที่บรรจุดอกแคถึงมือภพ  พฤกษ์ก็ลากข้อมือเล็กตามตัวเองไปทันที  ภพทำท่าจะตามไปด้วยความเป็นห่วง  แต่ก็ติดที่เหลือบไปมองเห็นใครบางคนยืนน้ำตาอาบแก้มอยู่ไม่ไกลนัก

“ที่รัก...”  ภพวิ่งไปหาอีกคนด้วยรอยยิ้ม  ตกใจที่เห็นคนรักร้องไห้  แล้วรีบคว้าข้อมือฝ่ายที่กำลังจะเดินหนี  ก่อนจะทั้งดึงทั้งฉุดขึ้นเรือนไปด้วยกัน...






เงาใต้น้ำ : เครียดนิดนึง  ที่ต้องบอกว่าเรื่องนี้มันมุ้งมิ้งกันทั้งเรื่องเลยยยยย  เป็นทุกคู่ด้วย
บางคู่ก็หนักกว่านี้อีกนะ  จะรับได้มั้ยกับการที่ไร้ที่มาที่ไปเหลือเกิน  ทั้งๆ ที่ไม่ได้สนองนี้ดด้วยนะ
คือเป็นลักษณะพิมพ์ทีละนิดๆ แล้วก็คิดไปเรื่อย  มันอาจจะรวบรัดไปเยอะเพราะอยากจบเร็วๆ อะค่ะ
ก็เลยออกมาประมาณนี้  แต่ดูโดยรวมแล้วเราไม่อยากทำอะไรใหม่นะคะ  มันนิสัยงี้จริงๆ แหละ
จนตอนนี้กำลังคิดว่าถ้าคนอย่างพราวอกหักจากพฤกษ์  ชีวิตจะเป็นแบบไหนต่อ...
แต่เรื่องนี้มันไม่มีซีนอารมณ์  ช่วงนี้อ่อนโยนทำร้ายใครไม่ลงอะค่ะ  เหอๆๆๆ
เอาไว้ไปเริ่มเรื่องใหม่เลยดีกว่า  555  คือมีแนวเป็นของตัวเอง  (แนวบ้า...)
ชอบน้องพราวเป็นพิเศษ  ทั้งชื่อและตัวน้องด้วย  คนอ่านคงไม่ชอบ   5555
อาจจะมีตัวเองชื่อพราวอีก  เพียงแต่ไม่ใช่คนเดียวกัน ก็ประมาณ พราวฟ้า พราวลดา  พราวนภา
คือชื่อเล่นเดียวกันทำนองนั้น  อย่างเขียนเรื่องที่นายเอกชื่อพราว พระเอกชื่อเพลงซักเรื่องค่ะ
ลืมบอกว่าเรื่องของภพเราไม่ขยายนะคะ  แล้วก็วันพุธอาจจะมาอีกทีค่ะ
จันทร์ พุธ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์   ถ้าเป็นไปได้นะคะ  แต่สามวันหลังได้แน่นอน  จนกว่าจะจบ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :serius2: มุ้งมิ้งตรงไหนเนี่ย รึต่อมเราเสีย

ตอนนี้ซีนอารมณ์หน่วงมาเต็ม ผิดกับตอนที่แล้วลิบลับ
สงสารพฤกษ์อ่ะ รักพราวอยู่ฝ่ายเดียว  :hao5:
พราวก็เปิดโอกาสทำเหมือนชอบพฤกษ์ แต่ก็ไม่ได้ชอบ
ไม่รู้ทำไมอยากให้พฤกษ์ไปรักคนใหม่จัง


ปอลิง : คนเขียนจ๋าไปต่อ ตอนพิเศษ "รักคืออะไร" หน่อยสิ นานแล้วน้า อยากอ่านอ่ะ

ออฟไลน์ เงาใต้น้ำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +116/-3
เงาใต้น้ำ : วันนี้คุยก่อนพอดีแว้บมาได้  ก็เลยรีบมาก่อนค่ะ  งานมันยุ่งไม่แน่นอน  พรุ่งนี้อาจลงไม่ได้ค่ะ
อ่านเมนท์คุณ IsDeer  แล้วรู้สึกว่าอาจจะเป็นตัวเราเองที่ต่อมความรู้สึกมีปัญหา
เพราะบอกตรงๆ ว่าเรื่องนี้อารมณ์ที่แต่งคือชิวมาก  มีช่วงที่ร้องไห้ตอนพิมพ์ตอนท้ายๆ
แต่ก็ไม่ได้เศร้ามากมาย  ปกติถ้าเอาจริงจังเราสามารถร้องไห้ไปแต่งไปได้ทั้งเรื่องนะคะ  5555
ส่วนตอนพิเศษ  รักคืออะไร  จะพยายามเข็นให้ได้ภายในวันอาทิตย์  ช่วงอารมณ์แบบนี้
ไม่อย่างนั้น  มีดรามาอีกรอบแน่นอน  ตอนนี้ทุกคนจะได้รู้จักว่าน   คนๆ นี้มีตอนพิเศษที่จบแล้วด้วย
แต่พอคิดว่าจะต่อเรื่องว่านอีก  เรื่องที่คิดไว้นี่ร้องไห้ได้เป็นวรรคเป็นเวรเลย  ก็เลยคิดว่าจะจบที่ตอนพิเศษ
ณ ปัจจุบันที่มีอยู่  รออ่านนะค้า... พยายามเปลี่ยนว่านมาจากวิน  ตอนแรกตัวละครตัวนี้กะให้ผ่านมาแล้วผ่านไป 
แต่สุดท้ายเขาไม่ไป  ก็เลยมาเปลี่ยนชื่อ  เพราะเราชอบชื่อไทยๆ  น่ารักดีค่ะ
เรื่องนี้ประมาณ  9 ตอนจบนะคะ  เหลืออีก 2 ตอนที่กำลังคิดไปเรื่อยๆ  ตอนพิเศษเพลงพาย  พราวพฤกษ์
ลืมอีก...เราบอกยังว่าเรื่องนี้น้องพลงท้องด้วยนะ....55555






พอเพียงรัก : 3





ฝนตกหนักอีกแล้ว  พฤกษ์พาพราววิ่งฝ่าสายฝนกลับกระท่อมปลายนาของเขา  กว่าจะเข้ามาให้บ้านได้ก็เปียกโชกกันไปทั้งตัว  พฤกษ์ดึงอีกคนจะพาเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำด้วยกัน  แต่พราวที่รู้สึกแปลกๆ ก็ยื้อข้อมือตัวเองไว้ไม่ยอมเดินตาม  ทำเอาคนที่กำลังโกรธเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้าอดคิดไม่ได้ว่า  พราวมีนอกมีในกับพี่ภพ

ความโกรธทำให้พฤกษ์ดึงตัวพราวเข้าไปในห้องน้ำ  ไม่ได้ห่วงว่าจะทำอีกคนให้เจ็บตัวหรือเปล่า  ฝักบัวที่เพิ่งติดตั้งได้ไม่นานถูกเปิดใส่ตัวที่เปียกโชก  ก่อนที่พฤกษ์จะดันพราวติดผนัง  แล้วตามจูบกระชากวิญญาณอีกฝ่ายอย่างที่เขาถนัดนักหนา

พราวออกแรงทุบอกอีกคนเมื่อเริ่มหายใจไม่ออก  พฤกษ์ยอมละออกมาง่ายดาย  มองดูพราวที่หรุบตาต่ำและหอบหนัก  เนิ่นนานจนลมหายใจเป็นปกติจึงเชยคางขึ้นมาแล้วขยับหน้าเข้าไปแนบชิดอีกรอบ  พฤกษ์ไม่ได้ดิบเถื่อนเหมือนพระเอกยากจนในนิยาย  เพียงแต่พฤกษ์สนุกสนานกับการใช้ลิ้นก็เท่านั้น  เขาทั้งพัวพัน  ดูดดึงลิ้นของพราวไม่หยุดหย่อน  อะไรที่อยากทำก็แค่ทำลงไปให้หมด  จะได้ไม่ติดค้างหรือเสียดาย

เสื้อผ้าถูกถอดออกด้วยมือพฤกษ์จนเปล่าเปลือยทั้งคู่  ครีมอาบน้ำกลิ่นหอมของพราวถูกลูบไล้ไปทั่วกาย  พอหันหลังให้แทนที่พฤกษ์จะหยุด  กลับยิ่งเพลินไม่สนใจเจ้าของร่างที่สั่นสะท้านด้วยอารมณ์ที่ถูกกระพือขึ้นสูง

พออาบน้ำสระผมเสร็จ  พฤกษ์ก็อุ้มคนที่เริ่มอวบเพราะกินเก่งมาวางบนเตียง  พราวถดตัวหนีแต่ก็ไม่รอดเงื้อมมือเจ้าของบ้าน  ที่ไม่เสียสละเวลาลุกไปไหน  แค่ดึงผ้าเช็ดตัวปลายเตียงมาเช็ดผมให้พราวพอหมาด  แล้วปูวางรองหัวไว้ให้  ผมยังไม่แห้ง  กิจกรรมที่จะทำต่อก็อาจจะทำให้อีกฝ่ายไข้ขึ้นได้เหมือนกัน

อีกครั้งที่พฤกษ์ก้มหน้าลงจูบพราวในแบบที่เขาชอบทำ  มือไม้ไล้ไปตามผิวเนื้อนุ่ม  พราวไม่ได้ผอมบางมีแต่กระดูกเหมือนที่เจอกันครั้งแรก  คงเพราะอาหารที่เขาให้ในตอนเช้าถึงจะเพียงแค่สองเดือน  แต่การพามาที่บ้าน  รสมือป้าก็ทำให้พราวดูมีเนื้อมีหนังน่ากอดขึ้นเยอะ

“ทำไร?”  พราวถามสั้นห้วน  ขณะยังคงหอบรสจูบของพฤกษ์

“ไม่บอก...”  พฤกษ์ตอบเพียงแค่นั้น 

ริมฝีปากพรมจูบไปทั่วผิวขาว  ดูดึงสร้างรอยไว้ตรงซอกคอสองสามจุด  แต่บนหน้าอกแทบนับไม่ได้  ก่อนลิ้นจะละเล่นกับยอดอกที่ชูชันเชื้อเชิญเพราะอากาศเย็น  ฝนภายนอกยังคงตกหนัก  ได้ยินเสียงลมหวีดก้องเป็นระยะ  และไม่มีทีท่าจะหยุดง่ายๆ เสียด้วย

“อื้อ...”  พราวบิดกายเร่า  ซาบซ่านทนไม่ไหว  เมื่อปากพฤกษ์ไล้ลงต่ำไปเรื่อยๆ  ก่อนจะครบครองตัวตนของเขาไปทั้งหมด 

พฤกษ์ไถลตัวลงจากเตียง  เปิดลิ้นชักตู้หยิบขวดสารหล่อลื่นยี่ห้อเดียวกับถุงยางมาวางบนเตียง  ก่อนรีบกลับไปปรนเปรอให้พราวต่อ  คนรับสัมผัสก็ทำให้แค่บิดกายดิ้นเร่าอย่างทรมานปนสุขสม

“ไป...ไหน”  พราวร้องถามเมื่อเห็นพฤกษ์ลุกขึ้นอีกรอบ  เขาเพียงแค่สงสัย  แต่ก็เข้าใจเมื่อพฤกษ์กลับเข้าห้องมาพร้อมกับขันใส่น้ำแข็งในมือ

พฤกษ์เทสารหล่อลื่นลงทั่วมือ  มีสายตาของพราวมองตามอย่างลุ้นระทึก  แต่ไม่กล้าเอ่ยปากถามอะไร  เพราะคิดมาตลอดว่าสักวันเขากับพฤกษ์คงไปไกลกว่าที่เป็นอยู่  ความคิดหยุดชะงัก...เมื่อนิ้วของพฤกษ์รุกล้ำเข้ามา

“เจ็บ...”  พราวร้อง  มุดหน้าลงกับผืนผ้าเปียก  แต่ไม่ได้บอกให้หยุด

พฤกษ์ยังคงขยับนิ้วไปมาอย่างใจเย็น  เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพราวเริ่มเงียบเสียง  เพียงแค่ส่งเสียงครางแผ่วเบาปลุกอารมณ์กันครั้งแล้วครั้งเล่า  เมื่อช่องทางเริ่มขยาย  พฤกษ์หยิบน้ำแข็งหลอดที่เริ่มละลายกดลงไปในตัวพราว  ที่เงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจในสัมผัสเย็นเฉียบ

“เย็นอะ...”  คนพูดทำหน้าบึ้งใส่พฤกษ์ที่ส่งยิ้มล้อเลียนมาให้  ปลายเท้าจิกลงบนเตียงเมื่อสัมผัสนั้นให้ความรู้สึกแปลกๆ

“มันจะละลายข้างใน  ใส่ไปสองสามก้อน  เผื่อจะชา” 

พฤกษ์ขยับตัวขึ้นมากระซิบข้างหูพราว  หอมแก้มนุ่มๆ ไปอีกหลายที  ขณะที่เลื่อนตัวมาหยอกล้อยอดอกสีสวย  พฤกษ์ก็ไม่รามือที่จะกดน้ำแข็งเข้าไปในตัวพราวอีกสองก้อน  เสียงร้องท้วงพึมพำไม่ได้ศัพท์  ทำให้เงยหน้าขึ้นมอง  พราวหลบสายตาด้วยความอาย  ที่เผลอเรียกร้องฝ่ายนั้นไป...ดีแล้วที่ไม่ได้ยิน

“ช่วยหน่อยสิ...”  พฤกษ์ดึงมือพราวลงไปหาลูกชายสุดที่รัก  ฝ่ายนั้นยอมช่วยอย่างว่าง่าย  เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ขอแบบนี้  ตั้งแต่พามาที่บ้านเขากับพราวช่วยกันแทบทุกวัน   

“จะลองเข้าไปหาพราวแล้ว...”  พฤกษ์กระซิบบอก  ทำอีกคนอายเบือนหน้าหลบ  แต่พฤกษ์ยึดคางกลับมากระซิบอีกหน  “เดี๋ยวเจ็บ  แล้วกัดบ่าเลยนะ”

พราวตาโตก่อนจะหลับตาแน่น  เมื่อรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอม  ที่พยายามรุกล้ำเข้าสู่ภายใน  พฤกษ์ขยับถอยเข้าออกอย่างยากลำบากหลายรอบ  จับจ้องดูหน้าตาเหยเกของพราวเป็นระยะ  เผื่ออีกฝ่ายไม่ไหวจริงๆ  เขาคิดว่า...จะหยุดให้

“เจ็บมากมั้ย?”  พฤกษ์ยกมือปาดเหงื่อบนหน้านวลออกอย่างกังวล  พราวยังหลับตาแน่นแถมกัดริมฝีปากจนห้อเลือด  “หยุดดีกว่า...”

พราวลืมตาพรึบจนพฤกษ์ตกใจ  ยิ่งตกใจขึ้นอีกเมื่อพราวยกตัวขึ้นกอดคอเขาไว้ทำให้เสียหลักล้มทับลงไป  “เดี๋ยวจะกัดบ่านะ  แล้วเข้ามาให้สุดเลย”

“บ้า...”  พฤกษ์เอ็ดอีกคนที่ยังมีเวลามาพูดอะไรแบบนี้  “เดี๋ยวก็เลือดออก”

“มันก็ต้องมีบ้างแหละ”  พราวเถียงเหมือนเป็นเรื่องปกติ  “คิดถึงตอนที่กูเข้าข้างไอ้บอสสิ  จะได้กล้า”

“กัดบ่า...”  พฤกษ์พูดอย่างหัวเสีย  พราวจึงอ้าปากงับบ่าอีกฝ่ายทันที

พฤกษ์ขยับตัวเข้าออกอยู่หลายที  ก่อนจะตัดสินใจกดตัวลงลึกจนแนบชิดเป็นเนื้อเดียวกับพราว  “เฮ้อ...ได้เมียจนได้กู”

พราวออกแรงกัดมากกว่าเดิมจนพฤกษ์ร้องเสียงดัง  ก่อนทิ้งหัวลงบนผ้าเปียก  แล้วหอบหายใจ  สีหน้าดูเจ็บปวด  พฤกษ์จึงพยายามไม่ขยับตัว  แต่เพียงแค่ก้มลงหอมแก้ม  พราวก็ร้องเสียงดัง  น้าตามซึมออกมาตามขอบตา

“ขอโทษๆ”  พฤกษ์เอ่ยบอกข้างหู  หอมแก้มพราวปลอบใจอยู่หลายครั้ง  จนหน้าซีดๆ เริ่มขึ้นสีเพราะเขินที่เขานัวเนียอยู่ข้างๆ  ก็เลยถือก็โอกาสนั้นขยับตัว

ช่วงแรกพราวก็ร้องเสียงดังเหมือนเจ็บมาก  แต่พอเริ่มจะชิน  เสียงก็เปลี่ยนเป็นครางแผ่วฟังดูแว่วหวานในโสตของพฤกษ์  เขาจึงเร่งเร้าขยับตัวรุนแรงในหลายครั้ง  เสียงทั้งหมดแทบจะถูกกลืนหายไปกับเสียงฝนตกกระทบหลังคา  มีเพียงที่ดังข้างหูเท่านั้นที่ได้ยินชัดเจน









“เช็ดผมให้แห้งก่อน  เดี๋ยวเอายาแก้ไข้แก้อักเสบให้”  พฤกษ์ส่งผ้าแห้งสนิทให้พราว  แล้วลุกขึ้นไปหยิบยามาให้  ดึงผ้ามาเช็ดผมให้อย่างทะนุถนอมยิ่งกว่าเก่า

หลังจบช่วงเวลาแห่งความสุข  พฤกษ์อุ้มพราวไปอาบน้ำอีกรอบ  คราวนี้นึกในใจว่าถ้ามีอ่างอาบน้ำก็คงดี  เพราะพราวเจ็บตัวจนยืนแทบไม่ได้  เป็นครั้งแรกที่พฤกษ์คิดแบบอ่างไม้ไว้ในใจ  เขาคงจะต้องหาความสะดวกสบายเข้าบ้านเสียบ้าง  ถึงวันหนึ่งเขาจะต้องกลับมาอยู่ที่นี่คนเดียวก็ตาม

“มันยังชื้นอยู่เลย  เดี๋ยวกินยานอนก่อนนะ  พฤกษ์จะไปยืมไดร์เป่าผมจากป้ามาเป่าให้”  เพราะคิดว่าพราวต้องไข้ขึ้นแน่ๆ  พฤกษ์ถึงได้กังวลนัก  เขาทำท่าจะลุกไปตามที่พูด  แต่ก็ติดที่พราวดึงรั้งไว้ก่อน

“ไม่เอา  อย่าทิ้งกัน”  คนพูดลืมตาแทบไม่ขึ้น  แต่ก็พยายามจะดึงพฤกษ์นอนลงพร้อมกับตัวเอง  “มึงคงโกรธมากสินะ  ที่กูทำกับมึงแบบนั้น  พอบอกให้นึกถึงไอ้บอส  ถึงได้ไม่ปราณีกูอีกเลย”

พฤกษ์มองคนที่พลิกตัวหนีแล้วอึ้ง  อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคงน้อยใจเขา  “ไม่ใช่แบบนั้น  แต่ตอนนั้นมันทนไม่ไหว  ตอนแรกก็อยากจะหยุด  พอเห็นหน้าพราวแล้ว...ก็อยากเข้าไปลึกๆ  ก็เลยถือโอกาสตอนนั้นไง  พราวก็เตรียมใจแล้วนี่”

“บ้า...”  พราวซุกหน้าลงกับเตียง  ยังคงนอนหันหลังให้ 

พฤกษ์ไม่ค่อยสบายใจเมื่อผมของพราวยังชื้นอยู่  แต่ล้มตัวลงกอดเอวบางแล้วรั้งเข้ามาแนบชิดกว่าเดิม  “ต้องซื้อไดร์เป่าผมด้วย”  เสียงพึมพำทำให้พราวหันมามอง

“นอนเถอะ  จะกอดไว้ทั้งคืนเลย”

“ไม่เอา...พรุ่งนี้ก็ต้องทั้งวันด้วย”  พราวทำหน้างอ  ขยับตัวอย่างยากลำบาก  เพื่อจะซุกหน้ากับอกพฤกษ์

“ครับ  ทุกวันทุกคืนเลย”  เสียงสุดท้ายในค่ำคืนที่พราวได้ยิน  ก่อนจะหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าและฤทธิ์ยา 
 








“มันจะทะเลาะกันไปถึงไหนวะ  ไม่เห็นใจเด็กตาดำๆ นั่งร้องไห้บ้าง”  เสียงลุงบ่นมาแต่ไกล  ก่อนจะเห็นแกก้าวขึ้นบ้านมาด้วยหน้าถมึงทึง   “ด่าผัวแบบนั้น  คงเจริญหรอกมึง”

พราวขมวดคิ้วมองลุงกำนันที่เดินขึ้นเรือนมาด้วยความหงุดหงิด  สามวันที่นอนซมอยู่ที่บ้าน  อ้างว่าเพราะป่วย  โดยที่สามวันนั้นพฤกษ์ก็ไม่ได้ออกมาช่วยงานลุงเหมือนปกติ  พอเริ่มอาการดีขึ้นพราวก็คะยั้นคะยอจะมาหาป้า  เพราะกลัวสูตรอาหารตัวเองจะไม่ครบเล่ม  ซึ่งพฤกษ์ก็ยังคงไม่รู้เรื่องนี้เหมือนเดิม

“ลุงเป็นอะไรครับ”  พฤกษ์ถามลุงอย่างสงสัย  เมื่อลุงยังนั่งเงียบ  มีถอนหายใจเป็นระยะ

“นังใบบัวน่ะสิ  มันซ้อมผัว  กูจะบ้าตาย...”  พราวตาโต  งงที่ผู้หญิงซ้อมผู้ชายได้  “ไอ้ลพก็ช่างแสนดี  ยอมให้เมียตบตี  มันไม่เห็นใจลูกมันนั่งร้องไห้ตกใจกลัวอารมณ์บ้าแม่มันอยู่  นังนี่ก็ติดไพ่  ผัวไม่ให้เงินก็ดื้อจะเอาให้ได้  ไม่คิดหรอกว่าลูกมันจะไม่มีข้าวกิน  ไม่มีเงินไปโรงเรียน  มันคงเจริญล่ะนังใบบัว”

“ด่าผัวนี่ไม่เจริญเหรอครับลุง”  พราวอดถามไม่ได้  ก็ได้ยินลุงพูดอยู่

“โบราณเขาถือไอ้หนู  แต่ก่อนผู้ชายเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว  ก็คงไม่เหมือนตอนนี้สินะ”

พราวพยักหน้า  “ครับ  เดี๋ยวนี้สิทธิเท่าเทียมกันแล้วผัวเมีย”

“เออ...จริง  แต่ก็นะ  บางทีการให้เกียรติกันก็สำคัญนะไอ้หนู  ไม่ใช่ว่าทำงานทั้งคู่  แล้วจะจิกหัวด่าพ่อล่อแม่หรือดูถูกกันได้  มันอาจจะเจริญในการงาน  แต่ความรักความศรัทธาคงหมดลงสักวันแหละ  ไอ้หนูเอ็งดูจะให้เกียรติผู้หญิงมากเลยนะ  ลุงว่านิดหน่อยรีบเถียงช่วย”  ลุงหัวเราะชอบใจ  อารมณ์เริ่มดีอีกครั้ง

พราวสะดุ้งสุดตัว  เผลอนึกว่าตัวเองเป็นเมียพฤกษ์อีกแล้ว...ถึงอดไม่ได้  ถามลุงไปแบบนั้น  สิ่งที่ลุงพูดก็ยังคงติดอยู่ในความรู้สึก  แม้ตัวเขาจะไม่ได้ดูถูกพฤกษ์  แต่ก็ยอมรับตัวตนของพฤกษ์ไม่ได้ทั้งหมด  การให้เกียรติอาจจะเป็นสิ่งที่เขาต้องพยายามทำให้ได้...ถ้าจะยอมเป็นเมียมัน

“คงไม่ใช่เป็นเมียใครไปแล้วหรอกนะ  ถึงได้ร้อนตัว”  เสียงภพดังขึ้นพร้อมกับที่เจ้าตัวจูงใครอีกคนเข้ามานั่งเก้าอี้ข้างๆ พ่อ  ทิ้งพราวให้นั่งบนพื้นอยู่คนเดียว  เพราะพฤกษ์ก็นั่งอยู่อีกด้านของลุง

“นี่เมียไอ้ภพมัน  น้องเมษา”  ลุงดูปลาบปลื้มกับลูกสะใภ้คนนี้มาก  แต่พราวตาค้างเพราะน้องเมษาของลุงเป็นผู้ชาย  “ดีกันตั้งแต่สามวันที่แล้วนู่น  เพิ่งหายไข้วันนี้เอง  ไอ้ภพก็เล่นเมียเสียหนักเลย  ไม่เจอกันเกือบเดือน”

“พ่อครับ...”  เสียงเมษาเรียกลุงกำนันแว่วๆ  ก่อนจะทรุดตัวคลานเข่ามาหาเพื่อรับก้อมกอดจากพ่อสามี  “ขอโทษนะครับ  ต่อไปจะมีเหตุผลให้มากกว่านี้”

“ไม่เอาๆ”  ลุงกำนันยกมือปาดน้ำตา  จนลูกชายแอบขำ  ก็พ่อเขาน่ะแพ้ทางเมษาอย่างกับอะไรดี  รักยิ่งกว่าลูกแท้ๆ  ได้ยินแม่บอกว่าบ่นคิดถึงลูก  ก็คงอายนั่นแหละที่จะบอกว่าคิดถึงลูกสะใภ้  “ไอ้ภพก็นิสัยเสีย  พ่อไม่ว่าน้องเมษาหรอก”

“เอียน...”  ภพว่า  แล้วก็ต้องโดนแม่ตีแขนเข้าให้  เขาลูบแขนตัวเองหน้าเบ้

“วันนั้นลุงบอกว่าพี่ภพนิสัยดีมาก”  พราวพูดขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ 

“ฮึ้ย...ลุงก็ชมให้ไอ้หนูคิดว่ามันเป็นคนดีไปอย่างนั้นแหละ  ลุงลืมบอกว่าน้องเมษานิสัยดีกว่า”  ลุงกำนันแก้ตัว  ยกมือลูบผมลูกสะใภ้ที่นั่งกอดขาซบหน้าอยู่กับตักตนเอง  “คนนี้ลุงแห่ขันหมากไปขอพ่อนายพลมาเองเลย  ตอนนี้รึสนิทกับนายพลอย่างกับเพื่อนรัก  คราวไอ้หมาก็จะไปขอให้เหมือนกัน  แต่มันไม่ค่อยมีวี่แวว”

“มีแล้วแอบซุกหรือเปล่าพ่อ”  ภพรีบว่า  “โอ้ย...ที่รัก  เจ็บครับ”  ภพร้องโอดโอยเมื่อโดนเมียหยิกขาเข้าให้

“วันนั้นน้องพราวไม่ได้กินแกงส้มดอกแค  วันนี้ป้าจะทำอีกรอบ  น้องเมษาพาน้องพราวไปเก็บดอกแคนะลูก”  ป้าพิศเอ่ยบอกทั้งสองคน  แล้วเตรียมเข้าครัว

เมษามองพราวแล้วลุกขึ้นเดินลงเรือนไปก่อน  พราวจึงตามลงไปบ้าง  ทั้งสองหยุดอยู่ใต้ต้นดอกแคต้นสูง  อายุคงหลายปี  พราวเอาไม้มาสอยดอกแค  ไม้สอยลักษณะคล้ายตะกร้อสอยมะม่วงแต่ความยาวน้อยกว่า  และตัวที่เหมือนตะกร้อมีตาข่ายแทนซี่ไม้สาน

“พราวเป็นแฟนพฤกษ์เหรอ”  เมษาเอ่ยคุยกับพราวด้วยการถามคำถาม

พราวทำหน้ายุ่ง  ไม่รู้จะตอบแบบไหน  “ไม่ใช่ครับ  แต่ว่า...ไม่รู้อะ”

“สถานะคลุมเครือว่างั้น”  เมษาพูดด้วยรอยยิ้ม  ก้มหยิบดอกแคออกจากตาข่ายมาใส่ขัน  ก่อนที่พราวจะยกไม้ขึ้นสอยต่อ

“เรียกแบบนั้นน่าจะใกล้เคียงแล้วครับ”

พอคุยกับเมษา  พราวก็ได้รู้ว่าเมษาเป็นรุ่นน้องของภพสองปี  แสดงว่าเป็นพี่พราวแค่ปีเดียวเท่านั้น  พราวชวนเมษาคุยกันไปเรื่อยเปื่อย  หัวเราะกันเป็นระยะ  เพราะเมษาดูเป็นคนร่าเริงไม่มีพิษมีภัย  เพียงแต่พูดน้อยถนัดฟังมากกว่า 

“พี่เมษาน่ารักอะ  ถึงว่าลุงรักมากเลย”  พราวว่าหลังจากเอาไม้สอยไปเก็บ  สองคนเดินคู่กันขึ้นเรือน

“แต่ก่อนก็ไม่ชอบหรอก  แต่มีเหตุให้ต้องดูแลกันน่ะ  ก็เลยผูกพันมั้ง  เหมือนพ่อลูกแท้ๆ  แต่พ่อก็เอ็นดูน้องพราวนะ”  เมษาบอกด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจของเจ้าตัว

“เรียกพราวเฉยๆ ได้มั้ยอะ”  พราวอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ที่ถูกเรียกเสียน่ารัก

“ไม่เป็นไรหรอก  จะได้ชินไง  คนแถวนี้เขาจะชอบเรียกลูกหลานแบบนี้แหละ  ตอนแรกพี่เองก็ไม่ชินหรอกนะ  พออยู่ไปก็ชินเหมือนกัน”

พราวพยักหน้าดึงขันในมือไปให้ป้า  แล้วชวนเมษามาตำน้ำพริกด้วยกัน  เพราะเรื่องตำน้ำพริกนี่พราวยังไม่เก่งเท่าไหร่  แล้วก็ได้รู้ว่าเมษาเองก็ไม่ถนัดเรื่องนี้นัก  เพราะที่บ้านไม่ค่อยกินน้ำพริกผักต้มกัน  เหตุผลคือมันเผ็ด

จบมื้ออาหารเย็นพฤกษ์ก็จูงมือพราวกลับบ้าน  ลมพัดแรงทำให้เร่งฝีเท้ากันอีกนิด  โชคยังดีที่เข้าบ้านได้สักพักฝนถึงตกลงมา  พฤกษ์พาพราวเข้าไปอาบน้ำ  กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเสียงดังลั่น  พอออกมาอีกทีพราวก็ตาปรือเพราะความง่วง 

พฤกษ์ดึงพราวนั่งลงบนตัก  ใช้ไดร์เป่าผมให้จนแห้งสนิท  พราวหลับไปทั้งอย่างนั้น  เขาจึงอุ้มพราวนอนลงบนเตียงก่อนจะเอื้อมกอดคนหลับเอาไว้  แล้วหลับไปด้วยกันอีกคืน










“อือ...”  เสียงงัวเงียทำให้พฤกษ์กระชับอ้อมกอดเข้ามาอีก  อากาศตอนกลางคืนเย็นจัด  เข้าใจว่าพราวคงจะหนาว  “พฤกษ์หลับยัง”  เสียอู้อี้ยังถามขึ้นมาอีก

“ตื่นอยู่ครับ”

“เราจะกลับวันไหน?”  พราวถาม  ซุกตัวเข้าหาพฤกษ์จนแทบไร้ช่องว่าง

“คงอาทิตย์หน้า...อยากกลับแล้วเหรอ”  คนถามรู้สึกกังวล  กลัวความสุขที่กอดรัดเอาไว้เกือบสองเดือนจะลอยหายไป  กลับไปคราวนี้  ชีวิตของพวกเขาจะเปลี่ยนไปหรือยังเหมือนเก่า  ก็ไม่อาจแน่ใจได้

“อยากลาออก  มาทำงานที่นี่”  พราวพึมพำ  “ไม่อยากกลับไปแล้ว  กลับไปก็คงเหมือนเก่า”

พฤกษ์ยิ้มในความมืด  เขาดีใจอยู่ลึกๆ  คิดเอาเองว่าไม่ว่าพราวจะเป็นแบบไหน  เขาก็คงจะอดทนฝ่ามันไปให้ได้จนกว่าพราวจะเรียนจบ  บางทีสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน  กลุ่มเพื่อนเปลี่ยน  นิสัยบางอย่างของพราวอาจจะเปลี่ยนไปบ้างก็ได้








หลังจากเปิดเรียนความสัมพันธ์ของพฤกษ์กับพราวก็ถอยกลับไปเป็นเหมือนเดิม  พราวยังคงเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มเดิม  โชคดีที่บอสมองพฤกษ์เปลี่ยนไป  อีกฝ่ายไม่ได้ขัดขวางเหมือนเก่า  แต่ก็ไม่โชคดีอะไรนัก  เพราะพราวยังมีคนที่นิสัยเสียกว่าบอสอีกหลายคน  นั่นทำให้พฤกษ์ต้องเจอกับเรื่องลำบากใจบ่อยครั้ง

การดูถูก  เป็นเรื่องที่พบเจอแทบทุกครั้ง  มีเพียงพายและแพทเท่านั้นที่จะช่วยพฤกษ์จากสถานการณ์แบบนั้น  บอสเองเคยบอกพฤกษ์ว่าให้อดทน  เพราะตัวเองก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องแบบนี้  ด้วยฐานะและชื่อเสียงของแต่ละคน  มีผลให้การคบเพื่อนต้องดูแล้วว่าเท่าเทียม  เพื่อจะได้เกื้อกูลกันไม่เกิดการเอารัดเอาเปรียบ  เพราะเพื่อนพราวหลายคนก็ได้นิสัยแย่ๆ มาจากการถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจ   แต่กลับเห็นแก่เงินมากกว่าความรู้สึก

“เฮ้ย  มึงมานี่อีกแล้วเหรอ”  เป็นอีกวันที่พฤกษ์ต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนคนหนึ่งของพราว  “ไอ้พราวมึงเคลียร์เลยนะ  เมื่อไหร่ถึงจะเลิกยุ่งกับมันเสียที  กูชักสงสัยแล้วสิว่าพวกมึงเป็นอะไรกัน”

“จะอะไรนักหนาวะ”  พราวบ่นอย่างหัวเสีย  ตั้งใจซื้อของสดมาจะทำกับข้าวกินกัน  ก็มาเจอไอ้ว่านจนได้  มันเพิ่งออกจากโรงพยาบาล  แล้วมันก็พักที่นี่เหมือนกันเพียงแต่คนละชั้น  ที่สำคัญมันมีปัญหาชีวิตทำให้ชอบหวาดระแวง  “ว่านมึงเยอะไปนะกูว่า...”

“นี่มึงว่ากู?”  ว่านถามอย่างตัดพ้อ  “เออ  ช่างเหอะ  แล้วแต่มึงนะ  กูจะไม่ยุ่งอีก”

“ว่าน  มึงใจเย็น”  พราวดึงแขนเพื่อนไว้  ไม่สนใจอีกคนที่ยืนมองตาขวาง  “พฤกษ์กลับไปก่อนไป  วันหลังค่อยว่ากัน”

“กูจะดู  ว่าจะมีวันหลังมั้ย...”  ว่านหันมองพฤกษ์ที่กระทืบเท้าเดินหนีไป  “พ่อมึงสอนงี้เหรอวะ”

พฤกษ์หยุดเดินหันมามองว่านด้วยความโกรธ  ‘พ่อ’  ผู้ชายที่พฤกษ์แทบจะไม่รู้จัก  คนที่ใครก็ไม่เคยกล้าเอ่ยเรียกต่อหน้าเขา  แล้วไอ้หมอนี่มันใคร  ถึงได้กล้าถามคำถามแบบนี้กับเขา  พราวมองคนที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาหาเพื่อนเขาแล้วหวั่นใจ  ไม่เคยเห็นพฤกษ์โกรธขนาดนี้มาก่อน 

“ถ้ากูจะไม่ดี  ก็เพราะตัวเอง  อย่าพาดพึงถึงใครอีก...”  พฤกษ์คำรามเสียงดัง  ผลักพราวที่ยืนบังเพื่อนไว้จนเซชนผนัง  แต่เขาไม่สนใจ  ส่งหมัดเสยคางว่านจนล้มไปกองกับพื้น  “ถ้ายังไม่พอ  จะเอาอีกก็ได้นะ”

“มึงคบคนแบบนี้เหรอวะ?”  ว่านลุกขึ้นมาหาเรื่องเพื่อน  แทนคนที่เดินจากไปแล้ว  “มึงน่าจะคิดให้มากกว่านี้”

พราวเงียบ  แต่ก็เพียงไม่นาน  “มันไม่เหมือนไอ้นัทนะ...”

“อย่าพูดถึงมัน”  เสียงว่านแทบจะกลายเป็นหวีดร้อง  ลมหายใจหอบกระชั้นจนยืนไม่อยู่  พราวรีบเข้าไปประคองเพื่อนที่ทรุดลง  “กูขอร้อง  อย่าพูด”

“พฤกษ์มันไม่เคยเจอพ่อ  มึงยังพูดกับมันแบบนั้น”  พราวกอดเพื่อนไว้  อดพูดแทนพกฤษ์ไม่ได้  “มันก็เสียใจเหมือนกัน”

ว่านเงียบเกิดรู้สึกผิดขึ้นมา  “มันไม่มีคนปลอบใช่มั้ยวะ?  มึงตามมันไปสิ  กูโอเค”

พราวส่ายหน้า  “มันเข้มแข็ง  เดี๋ยวมันก็กลับมา  คราวนี้มึงอย่าว่ามันอีกนะ”  ว่านพยักหน้า  พราวจึงพยุงเพื่อนเข้าห้อง  “กูทำกับข้าวให้กิน  เดี๋ยวนี้กูเก่ง”




ออฟไลน์ เงาใต้น้ำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +116/-3
“มีเรื่องเหรอวะ?”  พายกับแพทเดินเข้ามาในห้องพร้อมตั้งคำถาม  “เจอพฤกษ์ร้านพี่หนึ่ง  ถามถึงมึงก็เงียบไม่ตอบ  แล้วไอ้ว่านมันมานอนนี่ได้ไงวะ?”

“ก็มันมีเรื่องกับไอ้ว่านนี่แหละ  มันโวยวายที่เจอพฤกษ์  ไปเล่นถึงพ่อเขาเลยโดนชกเข้าให้  กูก็ปากหมาพูดถึงไอ้เลวนัทอีก  เกือบทำเพื่อนกูตายแล้ว  อย่าให้กูเจอ...”  พราวหงุดหงิดวางแก้วน้ำที่ดื่มลงโต๊ะอย่างแรง

พายพยักหน้าทำความเข้าใจ  “มึงก็เลยห่วงไอ้ว่าน  ไม่ไปง้อมัน”

“เออ  ไอ้ว่านบอกให้กูตามไปเหมือนกัน  แต่ถ้ามึงเห็นสภาพมันตอนนั้น  มึงก็ต้องอยู่  กูไม่อยากให้มันมีแผลบนข้อมือเพิ่ม  หรือไม่กูอาจจะกลัวว่ามันอาจจะมีวิธีใหม่  ที่พาตัวเองไปจากโลกนี้ได้จริงๆ  มันเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่ถึงเดือน  กูห่วง”  พราวบอกอย่างหนักใจ  ไม่ต่างจากเพื่อนสองคนที่รู้สึกไม่ต่างกัน 

เมื่อตอนอยู่โรงพยาบาลมันแทบตัดขาดจากเพื่อน  ไม่ยอมให้ไปเยี่ยม  เป็นตายแทบไม่รู้  รู้แค่ว่ามันพยายามฆ่าตัวตายอีกครั้ง  และถ้าพวกเขาไปหามัน  มันขู่จะโดดลงมาจากตึก

“พามันไปปรับความเข้าใจกับพฤกษ์สิ  เผื่อว่าปีหน้าฝากมันไปทำงานแถวนั้น  ชีวิตมันคงดีขึ้น  อยู่นี่ไปก็เจอแต่เรื่องเลวร้าย  กูอยากให้มันอยู่ในที่ปลอดภัย”  แพทออกความเห็น  เขาเคยไปบ้านเพลงพร้อมกับพายมาแล้ว  รู้สึกว่าที่นั่นเงียบสงบดี

พายเดินถือผ้าห่มออกมาจากห้องของพราว  เขาคลี่ห่มให้ว่านแล้วเดินกลับมานั่งกับเพื่อน  “กูจะพยายามเข็นให้มันจบพร้อมเราให้ได้  แล้วต่อไปก็หาทางกันอีกที” 








“เอ่อ...”  พฤกษ์พูดไม่ออกเมื่อเห็นคนที่เปิดประตูให้

ว่านยกมือขยี้ตางัวเงียด้วยเพิ่งตื่นนอน  “เข้ามาสิ”  หลีกทางให้พฤกษ์เดินเข้ามาแล้วปิดประตูห้อง  “ขอโทษนะ” 

พฤกษ์จ้องคนที่เอ่ยปากขอโทษเขา  พยักหน้ารับคำขอโทษนั้นเพราะไม่รู้จะพูดอะไร

“พราวอาบน้ำอะ  วันนี้กูจะนอนนี่  แต่อีกห้อง...”  ว่านว่าแล้วเดินไปนั่งดูทีวีต่อ  “พราวบอกว่ากับข้าวอยู่ในตู้เย็น  อุ่นกินได้เลย  มึงกลับดึกทุกวันเหรอ”

“ไม่ได้มาค้างทุกวันครับ”  พฤกษ์ตอบแล้วเดินเข้าครัว  เปิดตู้เย็นดูกับข้าวที่ว่า  เดี๋ยวนี้พราวไม่ค่อยกินอาหารสำเร็จรูป  แต่กับข้าวพวกนี้เขาก็ว่าอร่อย  ไม่รู้หาซื้อมาจากที่ไหน

“ไอ้พายไอ้แพทเพิ่งกลับ  มันบอกว่าที่บ้านมึงมีงานที่กูทำได้”  วินขยับมานั่งที่โต๊ะกินข้าวเมื่อไหร่ไม่รู้เอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มที่พฤกษ์ไม่คิดว่าจะได้เห็น  “กูอยากไปนะ”

“คุณไม่เหมาะกับการทำไร่ทำนาหรอกนะ”  พฤกษ์มองคนพูดแล้วเอ่ยบอก  ก็ผอมซูบผิวซีดขนาดนี้

“ไอ้พายบอกว่าไปเป็นครูได้”  ว่านพูดอย่างเหลืออดกับความคิดของอีกฝ่าย  “ใครจะไปทำนาเล่า  เคยทำที่ไหน”

“จริงเหรอ”  พฤกษ์หันมาสนใจคนพูด  โรงเรียนหมู่บ้านเขามีครูสองคน  ถึงมีไปประจำเพิ่ม  สุดท้ายก็อยู่กันไม่ได้อยู่ดี  “มันลำบากนะคุณ  กว่าจะเข้าตัวเมืองได้  แถมทางลูกรังอีก”

“ไม่เป็นไร  ไม่ได้อยากไปไหนหรอก”  ว่านพูดอย่างไม่แยแส  “ก็ดี  จะได้ตั้งใจเรียนให้จบ  ไม่อยากอยู่แถวนี้”

พฤกษ์มองคนที่ย้ายตัวเองไปอยู่หน้าโซฟาอีกรอบแล้วส่ายหน้า  ทำตัวล่องลอยจริง  เขาตั้งหน้าตั้งตาอุ่นกับข้าวด้วยความหิว  ไม่ทันมองว่าเจ้าของห้องเดินมาใกล้  รู้สึกตัวตอนอีกฝ่ายโอบกอดรอบเอวนั่นแหละ

“มาแล้วเหรอ...”

“ครับ”  พฤกษ์ดึงอีกคนมาหอมแก้ม  แล้วก้มมองสีหน้ายิ้มแย้มนั่นอย่างสงสัย  “ยิ้มอะไรเนี่ย”

“นึกว่าจะโกรธ  ไอ้ว่านมันเข้าใจแล้ว  อย่าโกรธมันนะ  มันเจอเรื่องไม่ค่อยดีมาเยอะ”  พราวหันออกไปมองเพื่อนที่นั่งดูทีวีไม่สนใจพวกเขา

“แล้วทำแบบนี้ไม่กลัวโดนเห็นเหรอ”  พฤกษ์สงสัย  พราวส่ายหน้า  ยิ้มอีกแล้ว

“บอกมันแล้ว...สำหรับไอ้ว่านบอกมันได้ทุกเรื่องแหละ”

เป็นคืนที่พฤกษ์สบายใจในการนอนค้างที่ห้องพราว  เพราะว่านเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไร  บอกอะไรไปก็เพียงแค่พยักหน้ารับรู้  ไม่ขี้สงสัยซักถามอะไรเพิ่มเติม  ส่วนเรื่องที่ไม่เชื่อใจใคร  มองโรคในแง่ร้ายก็เป็นประสบการณ์ที่ผ่านมา  พฤกษ์ที่ฟังเรื่องว่านจากพราวยังอดสงสารในโชคชะตาของอีกฝ่ายไม่ได้

 








“อาทิตย์หน้าวันเกิดพี่พราว  ซื้ออะไรให้ดีนะ”  เพลงนั่งเพ้อไม่สนใจเพื่อนร่วมห้อง 

“กูว่ามึงไม่ต้องซื้ออะไรให้พี่พราวหรอก  มึงไม่มีปัญญาแน่นอน  ของที่พี่พราวอยากได้คงแพงจนพวกเราต้องหาเงินหลายปีไปซื้อให้อะ”  นพตัดบททำลายความหวังสองเพื่อนทั้งสองคนในคราวเดียวกัน

พฤกษ์ก้มลงมองกระปุกออมสินในมืออย่างเศร้าใจ  ไม่ใช่ครั้งแรกที่รู้สึกถึงความแตกต่างของพวกเขาสองคน

“เพลง  นพ  มีเงินให้กูยืมบ้างรึเปล่าวะ?” 

คนถูกถามหันหน้ามองเพื่อนที่นั่งซึมอยู่ตรงมุมหัวเตียง  แล้วส่ายหน้า  “มึงอย่าพยายามเลยน่าพฤกษ์  มึงจะเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์  ยิ่งถ้าพี่พราวโยนทิ้งต่อหน้ามึง  มึงขาดใจตายแน่”

“แต่กูอยากลองดู”  พฤกษ์ยังคงดื้อดึง

นพเริ่มหัวเสีย  ลุกขึ้นดึงหมอนปาใส่เพื่อน  “แล้วมึงจะเอาอะไรไปลอง  มึงมีปัญญาหรือไง”

สิ้นคำเพื่อนพฤกษ์เพียงแค่ก้มหน้านิ่ง  นพหันไปมองหน้าเพลงอย่างกังวล  อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ต่อว่าเพื่อนไปแบบนั้น  เขาเห็นมันนั่งซึมแบบนี้มาหลายวันแล้ว  แถมยังยุ่งกับงานพิเศษจนแทบจะไม่ได้พักผ่อนอีก 

แต่จะให้พูดหรือโกหกมันแบบไหนมันถึงจะยอมเข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะบอก  นพรู้ดีว่าพราวกับพฤกษ์ใช้ชีวิตที่ผ่านมาต่างกันแค่ไหน  อย่าว่าแต่ชีวิตที่เติบโตขึ้นมาเลย  แม้แต่ชาติกำเนิดยังต่างกันราวฟ้ากับเหว

“ของที่พี่พราวใช้  เราหาเงินทั้งชีวิตก็คงซื้อไม่ได้  ข้าวที่พี่พราวกินเราอาจจะกินได้เป็นเดือนเป็นปี  แล้วมึงจะตะเกียกตะกายไปเพื่ออะไรวะพฤกษ์  มึงต้องพยายามอีกมากแค่ไหน  ถึงจะไปยืนในจุดนั้นได้”

คำพูดนพเหมือนจะดังก้องอยู่ในใจคนฟัง  ร่างที่นั่งนิ่งเริ่มสั่น  เสียงสะอื้นไห้ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบในห้อง  ทำเอาเพื่อนใจเสีย  มีกี่เรื่องที่ทำให้พฤกษ์ร้องไห้ได้  เพียงแต่ไม่อยากจะเชื่อว่าเพียงเรื่องของพี่พราว  จะทำให้เพื่อนของพวกเขาต้องเสียน้ำตา  ความรักมีอิทธิพลกับมันมากเกินไปแล้ว...









“รถเป็นอะไร?”  พราวถามเมื่ออยู่ๆ รถมอเตอร์ไซด์ก็ดับไป

วันนี้อากาศเย็น  พฤกษ์เลยชวนพราวมานั่งรถเล่น  แต่ดูเหมือนอะไรๆ ก็ไม่เป็นใจ  เมื่อรถเกิดดับไปดื้อๆ  พอรู้สาเหตุพฤกษ์แทบจากจะตบหัวตัวเองให้หลุด  น้ำมันหมด...เขาลืมดูได้อย่างไรกัน

“น้ำมันหมด  ขอโทษที...ผมลืมดู”

“โธ่เอ๊ย!!  แล้วจะทำไงเนี่ย?”  พราวดูลนลานเมื่อมองไปรอบตัว  คนขับรถผ่านไปมามองพวกเขาเป็นตาเดียว

“เดี๋ยวผมเข็นไปเติมที่ปั๊ม...”

“เข็น...”  พราวทำท่าเหมือนขยะแขยง  “ไปคนเดียวแล้วกัน  กูจะกลับแท็กซี่  แต่กูลืมกระเป๋าเงินไว้บนรถ  ทำไงดีวะเนี่ย”

“นี่...”  พฤกษ์หยิบเงินจากกระเป๋าส่งให้พราว  แล้วเรียกแท็กซี่ให้  รอจนพราวขึ้นแท็กซี่ไปแล้ว  จึงหยิบโทรศัพท์มาโทรหาเพื่อน  “เพลง...รถน้ำมันหมดว่ะ  อยู่แถวถนนข้างมหาวิทยาลัยอะ  เฮ้ย...ไม่ต้องมาหรอก  มันไกลอยู่นะ  เออ...เอางั้นก็ได้”

พฤกษ์เข็นรถเข้าข้างทางแล้วนั่งรอเพื่อนที่บอกว่าจะรีบมาหา  เขารู้ดีว่าพวกนั้นคงจะเดินแน่ๆ  เพราะพวกเขามีรถใช้คันเดียว  ซึ่งเป็นรถที่บ้านเพลงเอามาไว้ให้ใช้ขับไปมหาวิทยาลัย

“อ้าวมึง  มานั่งทำอะไรตรงนี้เนี่ย”  ว่านจอดรถใกล้ๆ แล้วเดินลงมาหา

“รถผมน้ำมันหมด  คุณน่าจะมาเร็วกว่านี้  ผมส่งพราวขึ้นแท็กซี่ไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน  คุณตามไปรับทีสิ”

“อ้าวแล้วทำไมไม่อยู่ด้วยกันก่อนล่ะ?”  ว่านถามอย่างสงสัย  แต่พอนึกถึงนิสัยเพื่อนและเห็นสีหน้าของพฤกษ์ก็เงียบเสีย 
รอสักพักก็เห็นเพลงกับนพเดินมาแต่ไกล  ทั้งสองคนเหงื่อไหลท่วมตัว 

“ว่านก็อยู่ด้วย”  นพเอ่ยทักที่เห็นว่านอยู่ผิดที่ผิดทางไปหน่อย 

“พอดีกูขับรถผ่านมาเจอ  เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำมันมาให้แล้วกัน  จะได้ไม่ต้องลำบากเข็นไป  ไปด้วยกันก่อนมั้ย  รอตรงนี้มันร้อน”

พฤกษ์รีบปฏิเสธอย่างเกรงใจ  “ไม่เป็นไรคุณแค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว”

“เอาน่าขึ้นรถเถอะ”  ว่านคะยั้นคะยอ  แล้วขับรถพาทั้งหมดไปซื้อน้ำมัน  ก่อนจะขับพามาส่งที่เก่า

“ขอบคุณมากนะคุณ”  พฤกษ์เดินมาบอกว่านหลังจากเติมน้ำมันเสร็จแล้ว  มีนพเดินตามมาใกล้ๆ

“ไปไหนต่ออะ”  นพเอ่ยถามว่าน  ที่ส่ายหน้าแทนการตอบ  “ไปด้วย...”  คราวนี้ว่านพยักหน้า 

พฤกษ์มองเพื่อนกระโดดขึ้นรถว่านแบบไม่ร่ำลาแล้วได้แต่สงสัยว่าทั้งสองไปรู้จักกันตอนไหน  แต่ก็คิดว่าจะถามนพทีหลัง  หันมองไปที่รถก็เห็นเพลงยืนปาดเหงื่ออยู่  ท่าทางเหมือนไม่สบาย  จึงต้องรีบพากลับห้องก่อน











“ช่วงนี้ดูเหนื่อยผิดปกตินะ  ให้พี่พายพาไปหาหมอเถอะ”

พฤกษ์พยุงเพื่อนที่บ่นว่าเวียนหัวเข้ามาในห้อง  เพลงนอนแผ่ไปบนโซฟายกมือก่ายหน้าผากเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง  ความจริงเขาก็พอจะรู้อาการของตัวเอง  เพียงแต่ยังไม่พร้อมจะบอกใครก็เท่านั้น

“ไม่เป็นไรหรอกว่ะ  เพลงไหว  ช่วงนี้มันร้อนนะ”

“เพลง  ช่วงนี้อากาศเย็นจะตาย  ไม่ขำว่ะ  มุกนี้”  พฤกษ์ตีขาเพื่อนแล้วเดินเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

เพลงอดแปลกใจไม่ได้  ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกหนาวเท่าไหร่เลย  หรือร่างกายเขาผิดปกติ  สงสัยจะต้องไปหาหมอจริงๆ  เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาดูชื่อที่คุ้นเคย  แต่พอคิดว่าอาจจะทำให้ฝ่ายนั้นลำบากใจ  ก็นึกใครอีกคนขึ้นมาได้  มือจึงเลื่อนไปหาอีกชื่อ

“ฟองว่างมั้ย?” 

[เพลงจะชวนไปไหนเหรอ  ถามแบบนี้]

“อยากไปหาหมอ  ฟองไปเป็นเพื่อนหน่อยสิวะ” 

[เพลงเป็นอะไร  เป็นมากเปล่าวะ  ฟองไปรับเลยนะ]

“เฮ้ย...เดี่ยว  ให้เพลงทำใจก่อนสิ  เอาไว้เพลงพร้อมจะโทรบอกนะ  ฟองเตรียมตัวไว้เลย”

[เออ...เพลงรีบทำใจนะ  ไม่อย่างนั้นฟองโทรบอกพี่พายไปรับนะโว้ย  จะหาว่าไม่เตือน]

“อย่าขู่สิ  เดี๋ยวจะรีบทำใจ...”










“วันนี้มึงจะเลี้ยงวันเกิดกูจริงเหรอ?”  พราวถามพฤกษ์อย่างไม่เชื่อตามที่อีกฝ่ายบอก  “ร้อยวันพันปีไม่เห็นอยากให้มากินอะไรข้างนอก”

หลังจากไม่ได้เจอกกันหลายวันตั้งแต่วันที่มอเตอร์ไซด์เสีย  พราวก็ไม่กล้าโทรไปหาพฤกษ์  ส่วนพฤกษ์ก็วุ่นวายกับงานพิเศษ  ตั้งใจหาเงินมาเลี้ยงวันเกิดพราว  เป็นเดือนที่เขาเก็บเงินได้มากที่สุดตั้งแต่เข้ากรุงเทพฯ มาเรียน  ลองนับดูแล้วก็เกือบหมื่นบาท  พอจะชวนพราวมากินข้าวและจ่ายเงินซื้อของขวัญวันเกิดได้

“แล้ววันนี้พราวอยากกินอะไร”  พฤกษ์ถามด้วยรอยยิ้ม  ไม่ได้เจอกันหลายวันรู้สึกคิดถึงพราวจนแทบทนไม่ไหว

“อาหารญี่ปุ่นก็ได้”  พราวยิ้มแล้วเดินนำไปทางร้านที่ตัวเองชอบ

ตลอดมื้อพฤกษ์มองอาหารที่พราวสั่งมาอย่างลำบากใจ  เขาไม่ค่อยถูกโรคกับอาหารต่างชาติเท่าไหร่  เรียกว่าไม่ถูกปากเอาเสียเลย  แถมดูแล้วก็ยังห่วงเรื่องราคาอีก  แล้วก็เป็นจริงดังคาดเมื่อถึงคราวต้องจ่ายเงิน...

คาดว่าเดือนนี้ทั้งเดือนคงต้องยืมเงินเพื่อนใช้ก่อน  ส่วนข้าวปลาอาหารคงต้องกินเท่าที่จำเป็น  แม้พราวจะดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรจนทำให้ยิ่งรู้สึกถึงความแตกต่างราวกับอยู่กันคนละชนชั้น  แต่พฤกษ์ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องทำสิ่งนี้เพื่อพราวให้ได้  ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน  เพราะต่อไปอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้ว...อนาคตของพวกเขาอาจจะสั้นกว่าที่คิด

“พราวไปไหนต่อรึเปล่า?”  พฤกษ์ถามเมื่อออกจากร้านอาหารญี่ปุ่นมาแล้ว  ในใจหดหู่อย่างบอกไม่ถูก

“ไปร้านพี่หนึ่งต่อ  นัดเลี้ยงวันเกิดกับพรรคพวกว่ะ  ไปด้วยกันมั้ย?” 

“ผมก็ต้องทำงานพิเศษอยู่แล้วนี่...”










“คุณ...นี่”  พฤกษ์ส่งกล่องเล็กๆ ในมือให้พราวที่รับไปด้วยความสงสัย  เขารอจนพราวแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนมาเข้าห้องน้ำ  จึงรีบเดินตามมาหา

“อะไร  ของขวัญวันเกิดหรือไง?”  พราวยิ้มร้าย  รับมาเปิด  แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นของในกล่อง  “นาฬิกา...ยี่ห้ออะไรวะ  ไม่เคยได้ยิน  กูไม่ใส่ของปลอมหรอกนะ...”

“เฮ้ยไอ้พราว  มึงมาเข้าห้องน้ำเมื่อไหร่วะ?  เอ๊ะ! อะไรน่ะ”  คนที่เพิ่งทักดึงกล่องในมือพราวออกไปเปิดดู  “นาฬิกาตลาดนัดเหรอวะ  อย่าบอกนะว่าของมึง”

“เปล่า”  พราวส่ายหน้า  เหมือนกล่องนั้นเป็นของร้อนขึ้นมาทันที

“งั้นก็ทิ้งไปเหอะ  อยากได้ก็บอกกู  เดี๋ยวกูไปดูที่ Shop ให้” 

กล่องเล็กถูกโยนลงพื้นอย่างไม่ใยดี  พร้อมกับที่พราวโดนเพื่อนกอดคอพากลับไปที่โต๊ะ  พฤกษ์ก้มลงหยิบกล่องนาฬิกาขึ้นมามือไม้สั่น  ดวงตาแดงก่ำเพราะอดกลั้นอารมณ์บางอย่างเอาไว้ภายใน  เขาตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในร้าน  คิดว่าวันนี้คงฝืนอารมณ์ภายในไว้ไม่ไหวเป็นแน่

“พี่หนึ่ง  วันนี้ผมไม่ค่อยสบาย  ยังไงขอกลับไปพักนิดนะครับ  วันหลังจะชดเชยให้”

เจ้าของร้านมองลูกน้องคนขยันด้วยความแปลกใจ  ตาแดงก่ำหลุบลงไม่สบตาด้วย  ดูเหมือนตัวมันจะสั่นคล้ายจับไข้  เขาจึงพยักหน้าตบไหล่มันเป็นการอนุญาต  “พักเยอะๆ แล้วกัน  ช่วงนี้มึงก็โหมงานเหลือเกิน”

“ขอบคุณครับพี่”  พูดจบพฤกษ์ก็หันหลังเดินออกมาทันที

พฤกษ์เดินไปบนถนน  เงยหน้ามองฟ้าเหมือนที่เคยทำ  ถึงอย่างนั้นน้ำที่คลอในดวงตาก็ไม่ไกลกลับคืนสู่ภายในอย่างใจหวัง  มันร่วงหล่นไหลอาบแก้ม  ความพยายามและความตั้งใจทั้งหมดถูกทำลาย  ความเจ็บปวดที่คุ้นชินแต่ยังความรู้สึกยังไม่ด้านชา  ต่อให้พยายามมากกว่านี้ก็ให้ในสิ่งที่พราวต้องการไม่ได้

คนที่รัก...อยู่สูงเกินไป









“พฤกษ์  มึงนั่งเงียบแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วนะ  มึงไม่เป็นไรแน่นะ”  นพที่นั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆ เพื่อนเอ่ยถามขึ้นมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจ  แต่เขากลับไม่เคยได้รับคำตอบจากคนข้างๆ สักครั้ง

“เขาไม่เอา  ไม่ได้หมายความว่าของๆ มึงจะไม่มีค่านะโว้ย  เพียงแต่คนเรามันต่างกันไง”  เห็นเพื่อนเงียบก็นพก็พูดต่ออีก  “ก่อนหน้านี้มึงก็ร้องไห้จะเป็นจะตาย  ตอนที่มายืมเงินพวกกูแล้วพวกกูไม่มีให้  ตอนนี้พอราคามันไม่ถึง  มึงก็มานั่งน้ำตาซึมอีก  มึงจะหยุดเมื่อไหร่วะ  ต้องท้ออีกกี่ครั้ง  ถึงจะเข้าใจ”

“กูแค่อยากจะมีสักอย่าง  ที่เขาจะรับไว้ด้วยความพอใจ”  พฤกษ์เงยหน้าขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้ม  เหมือนมีแรงฮึดขึ้นมาอีกรอบ  “กูสัญญา  ถ้าเขายอมรับของสักชิ้นจากกูอย่างเต็มใจ  กูจะหยุดทันที”

“สัญญากับกูด้วย  ว่าของชิ้นนั้นต้องไม่เกินตัวมึง”

“อือ...กูสัญญา”

พฤกษ์คาดหวังให้พราวไม่ลืมเขา  ต่อให้ความรักของเขาจะไม่สมหวัง  ต้องแยกจากกัน  แต่ถ้าพี่สิ่งหนึ่งที่ดึงยึดความทรงจำเกี่ยวกับเขาไว้กับหัวใจพราวได้มันก็คงดี  เขาแค่กำลังค้นหาสิ่งนั้น

ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้รักสมหวัง  แต่เป็นสิ่งที่จะทำให้ความรักนี้คงอยู่ต่อไป...





ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao5: กีสสสสสสสสสสสสสสสสสส
หน่วงไม่ไหวแล้ว ปวดใจมากอ่ะ
สงสารพฤกษ์มากกกก พราวเหมือนไม่รักพฤกษ์เลย
ยอมมีอะไรกับพฤกษ์ ให้พฤกษ์มาอยู่ด้วย อยู่ใกล้ตัว
เรารู้สึกว่า พราวไม่ได้รักพฤกษ์จริงๆนะ เหมือนมองพฤกษ์เป็นคนใช้อะไรประมาณนี้
คือแค่ปกป้องพฤกษ์จากเพื่อนก็ยังทำไม่ได้ เอาแต่สบายไม่อยู่กับพฤกษ์
เข้าใจว่าชาติกำเนิดต่างกัน แต่พราวทำยังงี้ไม่สงสารพฤกษ์เลยเหรอ

พฤกษ์ก็ไม่รู้ทำไมถึงรักพราวขนาดนั้น ทั้งๆที่พราวดูเป็นคนที่ไม่น่าคบเลยด้วยซ้ำอ่ะ ดีแต่รูป
อยากให้พฤกษ์ไปรักคนอื่นจัง ไม่ค่อยชอบพราวเลย ทำไมทำกับพฤกษ์อย่างนี้
ส่วนพฤกษ์ก็เพราะรักถึงได้ทำให้ทุกอย่าง อดทนจากสิ่งแวดล้อมของพราวที่ทำร้ายพฤกษ์

"คนที่รัก...อยู่สูงเกินไป"  :hao5:
ประโยคนี้ทำให้เราแทบจะร้องไห้จริงๆ ถ้าพราวไม่รัก ทำไมถึงแอบให้ความหวังพฤกษ์

ใจจริงไม่อยากให้พฤกษ์คู่พราวเลย ให้พฤกษ์คู่กับคนที่รักพฤกษ์จริงจะดู happy กว่าเยอะ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
เจ็บแทน.....ตอนโยนนาฬิกาลงพื้นน้ำตาจะไหล

ตอนที่นพชอบพูดให้พฤกษ์หยุดเราแอบนึกในใจ..ทำไมไม่ให้กำลังใจเพื่อนเลย...

แต่พอเจอทั้งปกป้องไม่ได้ รับตัวตนอีกฝ่ายไม่ได้ ทำร้ายจิตใจอีก

พราวรักพฤกษ์บ้างไหม...แล้วรู้หรือเปล่า

ความอดทนของคนเรามีจำกัด

สิ่งที่สูญเสียไปแล้ว มันยากที่จะเรียกคืนมา

อย่ามาเสียใจทีหลังละกัน



ปล.อินค่ะอิน55555

ออฟไลน์ เงาใต้น้ำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +116/-3
พอเพียงรัก : 4





พฤกษ์ทำงานพิเศษอย่างหนัก  ปกติเขาจะทำสต๊อกอยู่กับเพื่อนอีกคน  แต่ช่วงหลังเพราะไม่มีเงินเลยต้องขอพี่หนึ่งทำงานเพิ่ม  ทั้งเป็นงานชงเหล้าตามโต๊ะ  ทั้งงานเสิร์ฟ  รวมไปถึงงานทำความสะอาดภายในร้านทั้งหมด  เขาเริ่มขาดเรียนบ่อย  เพราะเหนื่อยจนไปเรียนไม่ไหว  อาจจะเพราะต้องอดข้าวด้วย  ทำให้เรี่ยวแรงที่มีลดน้อยถอยลง 

ความจริงเพื่อนของพฤกษ์ก็พึ่งพาได้  แต่เขาก็ไม่อยากเอาภาระของตัวเองไปโยนให้กับคนอื่นด้วย  ไหนๆ สิ่งที่เกิดขึ้นก็มาจากความตั้งใจของเขาเอง  ไม่ว่ามันจะหนักหนาแค่ไหน  ก็อยากผ่านไปได้ด้วยความตั้งใจที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมด  และเมื่อไหร่ที่หมดความตั้งใจกับเรื่องนี้แล้ว  เขาคงจะหยุดมันเสียที

วันนี้พฤกษ์มีเวลาพัก  เขานั่งมองท้องฟ้าอยู่หลังร้าน  อากาศเย็นทำให้คิดอะไรได้เรื่อยเปื่อย  แต่ใจเขาก็ยังคงคิดถึงแค่ใครบางคนที่ไม่ได้เจอกันมาสองอาทิตย์แล้ว  ไม่บ่อยนักที่เขากับพราวจะห่างกันนานเกินอาทิตย์แบบนี้  อาจจะเพราะมีเรื่องที่ไม่พอใจกันอยู่  ทำให้อยากลองให้เวลากับตัวเองบ้าง

แต่ว่า...สักวันคงกลับไปตรงที่เดิมของความสัมพันธ์

พฤกษ์เฝ้าถามตัวเองว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาควรจะดำเนินไปในรูปแบบไหน  ควรจะหยุด...หรือไปต่อ  แม้จะถามตัวเองแทบทุกวันจนจะครบเดือน  เขาก็ยังคงหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้

จนเสี้ยวหนึ่งในความคิดที่แวบขึ้นมา...

ที่ไม่กล้าตัดสินใจ  เพราะเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบมาตลอด  หากเขาทิ้งพราวก็คงไม่ต่างอะไรจากการได้แล้วทิ้ง  ที่บอกว่าเป็นผู้ชายแล้วคงไม่เสียหายอะไร  ในมุมมองของพฤกษ์มองว่ามันก็เหมือนกับการเห็นแก่ตัว  พราวอาจจะไม่ได้ลดศักดิ์ศรีกับเรื่องนั้น  แต่ความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายได้รับในช่วงเวลานั้นต่างหากที่พฤกษ์มองว่าเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ และพราวก็เสียเปรียบ  แม้จะอย่างยินยอม  ก็ไม่ได้หมายความว่าจะละเลยช่วงเวลานั้นไปได้ 

พฤกษ์ยอมรับได้หากสักวันเขาจะโดนทิ้ง  ถ้าพราวอยากเดินจากไปด้วยตัวเอง  เขาคงทำอะไรไม่ได้อีก  แม้จะอยากฉุดรั้งให้จมไปตัวเอง  แต่พฤกษ์ก็จะไม่ทำแบบนั้น  เมื่อไหร่ก็ตามที่พราวไม่ต้องการเขา...เขาจะปล่อยพราวไป

“พฤกษ์มาทำอะไรตรงนี้”  เสียงเพื่อนร่วมงานทำให้พฤกษ์เงยหน้ามอง  แล้วรีบลุกขึ้น

“มิน...แค่มาแอบพักน่ะ  แล้วมินมาทำไมเนี่ย  เดี๋ยวก็เลอะหรอก”

“มินหนีแฟนมา  พี่หนึ่งยังไม่เห็นมิน  คงตอบไม่ได้ว่ามินหายไปไหน”

“ทะเลาะกันเหรอ  ทำไมล่ะ?”  พฤกษ์ถามอย่างสงสัย  มินเป็นคนนิสัยดี  ความอดทนสูง  แทบจะไม่โกรธเกลียดใครเลย  ทำไมถึงได้มีปัญหากับแฟนได้

“มินเข้ากับเพื่อนพี่เขาไม่ค่อยได้อะ  ฐานะเราต่างกันเกินไป  ก็ไม่ได้โดนแกล้งหรืออะไรนะ  เพียงแต่เหมือนยังไม่ถูกยอมรับ  มินอาจจะท้อ  เหนื่อยที่ต้องนั่งเงียบท่ามกลางเสียงคุย  เหมือนพวกเขาจะวัดใจมิน  ว่ามินจะทำอะไรต่อ...”  มินยกมือขึ้นปาดน้ำตา  แต่ก็ฝืนยิ้ม

พฤกษ์ไม่รู้จะปลอบแบบไหน  แต่เรื่องมินก็คล้ายกับเขาอยู่  “มินจะเลิกเหรอ?”

มินส่ายหน้า  เพียงแต่มันไม่ใช่การปฏิเสธ  “มินไม่รู้นะ  ดูก่อนว่าพี่เขาจะว่ายังไงถ้ามินหายไป  ถ้าไม่รู้สึกว่าขาดอะไรไป  บางทีเราอาจจะจบกันเท่านี้”

“แฟนมินนิสัยแย่มั้ย...”

“นิสัยดีมากเลย  หล่อด้วยนะ  ถ้าไม่ติดเรื่องฐานะทางบ้าน  มินคงเสียใจไปตลอดชีวิตที่เสียความรักครั้งนี้ไป”

“ดีแล้ว...ที่รักคนดี”









“พฤกษ์  พี่พราวถามหาทุกวันเลย”

เพลงพูดเสียงเบาเมื่อพฤกษ์ทิ้งตัวลงนั่งใกล้ๆ  ช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้กลับมาค้างที่ห้องเท่าไหร่  แต่ก็กลับไปเรียนได้ตามปกติแล้ว  เงินก็พอมีซื้อข้าวกินได้ครบมื้อ  เพียงแต่ยังคงติดหนี้เพื่อนทั้งสองอยู่  คิดว่าอีกสองเดือนคงใช้ได้หมด

“อือ...”  พฤกษ์ทิ้งหัวลงบนพนัก  สายตามองเพดานไม่ได้พูดอะไรต่อ

“โกรธพี่พราวเรื่องของขวัญเหรอ  พี่พราวว่าจะรับไว้ก็ได้นะ”

“ทิ้งไปแล้ว...”  พฤกษ์ตอบเพียงสั้นๆ

“พฤกษ์...”  เพลงเรียกเพื่อนเสียงเบา  “ขอโทษนะ  ที่ห่วงแต่พี่พราว  ไม่สนใจความรู้สึกเพื่อนแบบนี้”

พฤกษ์ขยับตัวมองเพื่อน  ยกมือลูบผมมันเป็นการปลอบใจ  “เฮ้ย...คิดมากว่ะเพลง  เดี๋ยวลูกก็เป็นเด็กมีปัญหาหรอก  แล้วพี่พายว่าไง  ตั้งแต่เพลงท้อง  ไม่เห็นมาเยี่ยมมาเลยนะ”

เพลงเงียบ  นั่งน้ำตาซึม  “ไม่รู้สิ  หมั้นไปแล้วนี่  เห็นว่าต้องคอยไปรับไปส่งคู่หมั้นอะ”

“ทั้งที่รู้ว่าเพลงท้องอะนะ  ผู้ชายท้องนี่มันง่ายที่ไหน  น่าจะมาดูแลบ้าง  พฤกษ์จะโทรคุย”

“อย่านะ...”  เพลงรีบห้าม  “เพลงไปเป็นไร  ฟองก็โทรมาคุยด้วยบ่อยๆ  หายเหงาได้บ้างเหมือนกัน”

“น้องพราวน่ะเหรอ...”

“อือ  น่ารักดี”  เพลงพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงพราว  “หน้าตาดูหยิ่งแต่นิสัยดีมากมาย”

พฤกษ์ผลักหัวเพื่อนจนตัวเซ  “เห็นชมว่าน่ารักทุกรอบ  อะไรวะ...ผู้ชายเหมือนกัน”

เพลงถลึงตามองเพื่อนที่รังแกเขา  “แล้วพี่พราวน่ารักเปล่า?”

พฤกษ์ไม่ตอบไถลตัวลงจากโซฟาลงไปนอนแผ่กับพื้น  สายตาจับจ้องเพดานไม่สนใจอย่างอื่นจนเพลงท้อ  เลื่อนตัวลงนอนบนโซฟา  แล้วมองเพดานบ้าง  ต่างคนต่างคิดเรื่องของตัวเอง  เหมือนเจอทางตันกันทั้งคู่  ถ้าเสี่ยงฝ่าออกไปจะเจ็บตัว  หรือกำแพงด้านหน้าจะพังก็ไม่แน่ใจ  เพียงแต่ไม่กล้าเสี่ยงก็เท่านั้น









“นพ  พฤกษ์หายไปไหนเหรอ  เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นเลย”

นพเงยหน้าจากหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดขึ้นมองผู้มาเยือน  ถอนใจเพราะรู้สึกถึงความอัดอั้นบางอย่าง  มันทับถมอยู่ภายในใจของเขามานานหลายเดือน  พอเจอต้นตอของปัญหาทั้งหมดก็เลยอดที่จะพูดมาออกไม่ได้

“พี่พราว...อย่าว่าผมอย่างนู้นอย่างนี้เลยนะ  แต่ผมขอร้อง  อย่ามาสนใจไอ้พฤกษ์อีกเลย...”

“หมายความว่ายังไงวะ?”

“ช่วงนี้มันทำงานทั้งวันทั้งคืน  ข้าวปลาก็ไม่ค่อยได้กินครบมื้อ  มันไม่ค่อยมีเงิน  ผมไม่ได้นินทาเพื่อนให้พี่ฟังนะ  แต่ว่าไอ้พฤกษ์มันเป็นลูกกำพร้า  ลุงมันเป็นกำนันมีอันจะกินก็จริง  แต่มันก็แค่หลาน  มันไม่อยากรบกวนทางนั้นมาก  บ้านมันก็แค่เพิงเล็กๆ  พี่พราวก็รู้นี่”

“กำลังจะพูดอะไรกันแน่...”

“ช่วงที่ผ่านมาไอ้พฤกษ์ไม่มีเงินกินข้าว  ตอนหลังมันยืมเงินไอ้เพลงด้วย  ปกติมันถือเรื่องพวกนี้  ที่มันต้องยืมเงินไอ้เพลงใช้คงเพราะเงินมันหมดจริงๆ  ผมรู้ว่าพี่พราวคงไม่อยากยุ่งกับมัน  ไม่อยากให้มันต้องจ่ายเงินให้  แต่เพื่อนผมมันอยากจะเลี้ยงพี่บ้างอะไรของมันบ้างนั่นแหละ  ขืนมันยังทำเกินตัวต่อไป  ผมกลัวมันทำงานหนักจนล้มเจ็บ”

“แค่เงินกินข้าวก็ไม่มีเนี่ยนะ  เวอร์ไปมั้ย?”

“พี่พราวรวย  พี่ไม่เข้าใจมันหรอก  เดือนๆ หนึ่งมันมีเงินใช้สักห้าพันได้  รวมค่าหอค่ากินค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งหมด  ที่เหลือมันก็ทำงานหาเงินมาให้พออยู่ได้  ไอ้พฤกษ์มันมีเงินเก็บอยู่กับลุงกำนัน  แต่ส่วนนั้นมันเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในสวนผักมัน  มันถึงได้อดๆ อยากๆ อยู่แบบนี้”

“กูก็ไม่ได้บังคับมันนี่”  นิสัยเอาแต่ใจเริ่มโผล่

“ครับ  เพราะมันเต็มใจทำให้พี่นั่นแหละ  ผมถึงได้ขอร้องให้พี่ปล่อยมัน  แค่พี่ไม่ต้องมาสนใจ ปล่อยมันไว้ในที่ของมันก็พอแล้ว  มันไม่ดีตรงไหน  อย่างน้อยก็ไม่ต้องอายที่รู้จักกับคนจนๆ คนหนึ่ง  พี่ไม่กล้าแม้แต่จะบอกเพื่อนพี่ว่ารู้จักกับมัน  พี่อายไม่กล้าเดินคู่มันเวลารถน้ำมันหมด  พี่รังเกียจของขวัญวันเกิดของมัน  ที่กว่าจะหามาให้พี่ได้  มันแทบจะร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดมาแล้ว  ตอนนี้ยังอยากจะได้อะไรจากมันอีกเหรอครับ”   นพมองหน้าคนที่เขากำลังจะถามอย่างตัดพ้อ  ทุกคำพูดเอ่ยออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ  เพราะอีกคนเป็นเพื่อนรัก  คนเพียงไม่กี่คนที่เขาพร้อมจะประคับประคองเอาไว้

พราวไม่ได้โต้ตอบอะไรอีก  เพียงแค่เดินจากมาด้วยความผิดหวัง  เขาพยายามจะบอกตัวเองว่าที่เขาผิดหวังก็เพียงเพราะมาตามหาพฤกษ์แล้วไม่เจอมันก็เท่านั้น  ไม่ได้นึกเสียใจกับคำพูดของเพื่อนไอ้หมาบ้านั่นหรอก  แต่สุดท้ายมันก็คือการหลอกตัวเอง  เพราะพราวก็รู้แก่ใจ  ว่าเขาเสียใจแค่ไหนกับเรื่องที่ได้ยินมา

“พฤกษ์...”  เสียงนั้นพึมพา  เมื่อมองเห็นคนที่ตั้งใจมาหา 
พราวยืนมองพฤกษ์ยืนคุยกับรุ่นน้องคนหนึ่ง  ถ้าจำไม่ผิดเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนของเพื่อนเขา  ‘น้องมิน’  เธอเรียนวิศวะฯ เอกเดียวกับเพลงและนพ  นอกจากนั้นก็ไม่มีจุดร่วมอื่นเลยที่โยงความสัมพันธ์กับคนทั้งคู่ให้มาบรรจบกันได้  ด้วยความสงสัยโทรศัพท์จึงถูกดึงออกมาจากกระเป๋า  แล้วกดโทรออกทันที

“แพท...กูเอง  เออ...ไม่มีอะไรหรอก  กูแค่สงสัยว่ามึงเลิกกับน้องมินแล้วเหรอวะ”

[เวรแล้วมึง...กูไม่ได้เลิก  แค่ทะเลาะกันนิดหน่อย  มีอะไรวะ]

“กูเห็นน้องมินซ้อนรถคนอื่นว่ะ”

[ผู้ชายเหรอวะ...]

“เออ  ก็ถ้าผู้หญิงกูจะสงสัยมั้ย?  มึงทะเลาะกันหนักหรือเปล่า  เรื่องอะไรวะ  น้องจะเลิกกับมึงแล้วมึงไม่รู้หรือเปล่า”

[เฮ้ย...กูว่าไม่นะ...น้องมินโครตรักกูเลย  น้องจะทิ้งกูไปหาคนอื่นได้ไงวะ”

“เพราะมึงไม่รักน้องรึเปล่า...”

[กูจะไปเคลียร์  กูไม่ไหวแล้ว...]

“มึงจะไปเคลียร์ที่ไหนวะ  นี่กูยังไม่รู้เลยว่าน้องจะไปไหน”

[น้องมินทำงานพิเศษที่ผับที่หนึ่ง  แต่ทำงานสต๊อก  มึงคงไม่เคยเห็น  เดี๋ยวกูไปผับพี่หนึ่งเดี๋ยวนี้]

แพทวางโทรศัพท์ไปแล้ว  พราวก็ปะติดเรื่องราวต่อได้ทันที  ที่แท้ทั้งสองคนก็ทำงานพิเศษที่เดียวกัน  นี่ก็คงจะไปทำงานด้วยกัน  ความเข้าใจที่เคยมีเหมือนจะหายไป  เมื่อภาพที่เห็นคือพฤกษ์กำลังยื่นเสื้อคลุมให้น้องมินเอาไปใส่  พราวพยายามจะบอกตัวเองว่าเพราะแดดมันร้อน  สุภาพบุรุษอย่างพฤกษ์ถึงต้องทำแบบนั้น  ข่มอารมณ์ตัวเองอยู่นานก็นึกได้รีบวิ่งไปที่รถตัวเอง  และขับตามสองคนนั้นไปห่างๆ

เหมือนอะไรก็ไม่เป็นใจ  เพียงออกมาได้ไม่ถึงสิบนาที  มอเตอร์ไซด์เจ้ากรรมก็เกิดปัญหา  ให้พฤกษ์กับน้องมินต้องลงจากรถมาเข็นอีก  ภาพคุ้นเคยกับคำพูดที่ได้ยินดังแว่วอยู่ข้างหูเมื่อพราวได้แต่มองตามภาพนั้น  ชายหนุ่มกับหญิงสาวที่เห็นตรงหน้าไม่ได้มีท่าทางลำบากใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น  ทั้งสองคนยังคงเดินคุยกันไปตามริมถนนอย่างร่าเริง  รอยยิ้มที่ไอ้แพทเพื่อนเขาเองก็คงไม่เคยเห็น  ช่างต่างจากรอยยิ้มฝืนใจเวลาน้องมินต้องนั่งร่วมโต๊ะกับกลุ่มเพื่อนเขาเสียเหลือเกิน

พราวกำลังนึกอิจฉา  ผิดหวัง  ที่คนที่เดินอยู่กับพฤกษ์ไม่ใช่เขา  ทั้งที่เคยทอดทิ้งอีกฝ่ายมาแล้วในสถานการณ์เดียวกัน  แต่พอมีใครสักคนที่พร้อมจะเดินไปข้างพฤกษ์ในเหตุการณ์ที่พราวเคยนึกรังเกียจ  เขากลับรู้สึกยอมไม่ได้  และวาดหวังเอาไว้ว่า  ต่อไปจะมีเพียงเขาที่จะเดินข้างพฤกษ์ได้ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเลวร้ายสักแค่ไหนก็ตาม

“เออ...ว่าไงวะ?”  พราวกรอกเสียงถามลงไปในโทรศัพท์  เมื่อเห็นปลายสายเป็นไอ้แพท  คนที่เพิ่งวางหูไปไม่นาน

[กูมาถึงแล้ว  แต่กูไม่เจอน้องว่ะ  หรือว่าน้องจะไปเที่ยวกับคนอื่นจริงๆ วะ  แต่ว่าน้องไม่ลาพี่หนึ่งไว้นะโว้ย]

“รถน้องเสียว่ะ  ดูเหมือนจะเข็นไปหาร้านซ่อมอยู่  กูขับตามห่างๆ”

[น้องมากับใครวะ  ทำไมมึงต้องขับตาม  อย่าบอกกูนะว่าน้องมากับแฟนมึง]

“เวรแพท  ไม่ใช่แฟนกู  แค่สนิทกัน...”  อีกครั้งพราวที่เริ่มไม่แน่ใจความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพฤกษ์

[กูรู้เลยว่าใคร  อย่าคิดว่ากูกับไอ้พายโง่สิวะ  มึงไม่รู้หรือไงเวลาไอ้วินพูดถึงพฤกษ์  มันเรียกพฤกษ์ว่าผัวไอ้พราว]

“พวกมึงนี่  เลวจริงอะไรจริง  แต่ว่า...พอเป็นไอ้พฤกษ์  มึงเลยวางใจ  ว่างั้น...”

[จะว่างั้นก็ได้...กูรู้ว่ามันขอบใครนี่]

“หมายความว่ายังไงวะ?  มันชอบใคร?” 

[กูไม่บอก  เดี๋ยวกูไปเคลียร์เอง]

พราวแทบจะโยนโทรศัพท์ทิ้งเมื่อเพื่อนตัวดีวางสายไป  ดวงตาที่ยังจ้องมองภายนอกรถ  เห็นเพียงแค่พฤกษ์คุยโทรศัพท์เพียงครู่แล้วก็วางสาย  ก่อนจะเข็นรถต่อไปกับน้องมิน  รวมเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงที่ทั้งสองคนเข็นรถไปตามทาง  กว่าจะมาเจอร้านซ่อมรถเล็กๆ ร้านหนึ่ง

นักสืบจำเป็นจอดรถเอาไว้ห่างๆ  และคอยนั่งมองเห็นการณ์จากด้านในรถ  เพียงไม่นานก็รับรู้ว่ามีรถมาจอดต่อทางด้านหลัง  ก่อนจะเห็นเพื่อนสนิทเดินละลิ่วผ่านรถเขาไปที่ร้านด้านหน้า  ยังไม่ทันจะเปิดประตูลงจากรถ  พราวก็เห็นพฤกษ์โดนต่อยลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว

“เฮ้ย...ไอ้แพท”  พราวรีบลงจากรถวิ่งไปที่ร้านซ่อมรถ  เห็นน้องมินประคองพฤกษ์อย่างเป็นห่วง  และเพื่อนที่ยังบันดาลโทสะไม่เลิก

“พี่แพทต่อยพฤกษ์ทำไม  ทำไมพี่แพทอันธพาลแบบนี้ล่ะคะ”  เสียงหวานๆ ของน้องมินสั่นพร่าเมื่อเธอเริ่มร้องไห้


“แล้วน้องมินมากับมันทำไมกัน  พี่โทรหาน้องก็ไม่รับ  หมายความว่ายังไงกันแน่ล่ะ”

“พี่แพทจะมายุ่งกับมินอีกทำไม  พี่แพทก็มีคนอื่นแล้ว...”  ใครเป็นคนฟังก็คงจะรู้ว่าน้องมินอยากจะพูดต่อ  แต่ไม่สามารถเอ่ยเป็นคำออกมาได้  เมื่อเธอร้องไห้หนักขึ้น

“อย่าคิดว่าจะเลิกกับพี่ได้ง่ายๆ”  แพทตะคอกด้วยความโมโหจัด

“ถ้าไม่อยากให้น้องบอกเลิก  มึงก็บอกเลิกน้องสิ  จะได้จบ”  พราวพูดขึ้นมาเสียงนิ่ง  อดรู้สึกสงสารน้องมินไม่ได้  แต่ก็รู้แก่ใจว่าพวกเขานิสัยเสียกันแค่ไหน

“เชี่ย...กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”  แพทหันด่าเพื่อนที่ยังทำหน้าระรื่นอยู่ได้อีก  แล้วก็อดไม่ได้หันไปกระชากคอเสื้อพฤกษ์ขึ้นมา  “ขออีกหมัดเถอะว่ะ  กูหมั่นไส้เพื่อนกู” 

“มึงอย่านะ”  พราวรีบเข้ามาห้ามเพื่อนเอาไว้  “มึงก็พาน้องไปเคลียร์สิ  เรื่องเข้าใจผิดแค่นี้  มึงยังทำเป็นเรื่องใหญ่  เดี๋ยวกูช่วยยุอีกรอบเลย  เออ...มึงจ่ายเงินไว้ด้วยแล้วกัน  เผื่อวันหลังให้คนมาเอารถให้”

“มึงจะพามันไปไหน?”  แพทตะโกนถามเพื่อน  เมื่อเห็นอีกฝ่ายดึงพฤกษ์ขึ้นรถตัวเองไป  แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่เพื่อนเรียก  เขาแค่จะบอกมันว่าเป็นละครที่โทรบอกกันไว้ก่อนแล้วต่างหาก  ไอ้เพื่อนก็ไม่ยอมฟังกันก่อนเลย












“เอ่อ...”  พฤกษ์มองลานจอดรถในตลาดนัดด้วยความมึนงง  ถ้าเป็นโรงพยาบาลเขาอาจจะไม่ระแวงเท่านี้

“ไปซื้อของ”  พราวพาพฤกษ์ลัดเลาะไปตามร้านต่างๆ จนพฤกษ์แน่ใจว่าอีกฝ่ายตั้งใจมาซื้อเสื้อผ้า 

“พราวจะซื้อที่นี่แน่เหรอ?”  เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจนัก 

“ให้มึงซื้อ”  พราวตอบสั้นๆ ก่อนจะดึงเข้ามาในร้านที่เต็มไปด้วยเสื้อแจคเกต  “เลือกเร็วๆ แล้วก็จ่ายเงินจะได้กลับ  ถ้าช้ากูซื้อให้ไปเลือกที่ห้องแน่ๆ  ร้อนจะตายอยู่แล้ว...”

ไม่ปล่อยให้อีกคนต้องรอนาน  พฤกษ์เลือกแจคเกตตัวที่ชอบ  แล้วหยิบเงินจ่ายแบบไม่ต่อรองราคา  ก่อนจะรับถุงเสื้อแล้วดึงพราวกลับมาที่รถ  แต่ก็เหมือนจะช้าไปนิดเมื่อผิวขาวๆ ขึ้นผื่นแดงตามข้อพับ  พราวแพ้เหงื่อ...

แอร์ในรถถูกเปิดจนเย็นเฉียบ  พฤกษ์ค้นหาคาลาไมด์ในกระเป๋าเป้ออกมาทาให้คนที่ทำท่าจะเกาแขนตัวเองให้ได้  ถ้าไม่ติดมือของเขาที่จับสองมือรวบไว้ในมือเดียวก่อน

“ใจเย็นๆ เดี๋ยวพากลับไปอาบน้ำ  แล้วทาให้อีกรอบ”  ทายาเสร็จพฤกษ์ก็เช็ดมือเตรียมออกรถ  แต่พราวก็แบมือมาตรงหน้าเสียก่อน  “อะไรครับ”

“เสื้ออยู่ไหน  เอามา”  พฤกษ์ส่ายหน้าเอนตัวเก็บถุงเสื้อที่โยนไว้ตรงปลายเท้า  จะส่งให้หมดก็กลัวเปื้อนก็เลยดึงเสื้อออกจากถุงมาส่งให้แทน

พราวพลิกเสื้อในมือไปมาด้วยท่าทีพออกพอใจ  อากาศเย็นในรถทำให้คลี่เสื้อตัวใหม่จะมาห่ม  แต่ก็ติดที่พฤกษ์หันมาดึงไว้ก่อน  “มันยังไม่ซัก  เดี๋ยวก็คันไปทั้งตัว...พราว  เดี๋ยว  พราว...”

ต่างคนต่างยื้อจนพฤกษ์ประคองพวงมาลัยไม่อยู่  เอียงไปซ้ายทีขวาที  สุดท้ายก็อดไม่ไหว  ขว้างเสื้อตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมาไปที่เบาะหลัง  พออีกคนขยับตัวจะหันไปดึงกลับก็ส่งเสียงขู่

“อย่านะ  นั่งเฉยๆ  ถ้าดื้อไม่เลิก  จะจอดรถเอาทิ้งขยะข้างทางแน่”

“ไอ้บ้าพฤกษ์  ไอ้หมาบ้า”  ส่งเสียงก่นด่า  ทำหน้างอ  ก่อนจะเอนเบาะหันหน้าหนี  เงียบไม่พูดไม่จาจนกระทั่งถึงห้อง










“ไปอาบน้ำก่อนครับ  พราว...”  แทบจะเป็นการวิ่งไล่จับ  เมื่อต้องคอยตะครุบตัวคนที่ถือเสื้อเขาวิ่งหนีไปทั่วห้อง  “พราว...ไปอาบน้ำก่อน  เอาเสื้อมานี่  พราว...”

“จะเอาไปซักก่อนนี่ไงเล่า  เอาไปปักชื่อให้ด้วย”

“ปักทำไมครับ  เดี๋ยวผมเอาลงไปซักเอง  ไปอาบน้ำก่อน  เดี๋ยวต้องทายาอีก”

“ไม่เอา...”

“เอาล่ะๆ  พราวไปเขียนชื่อมา  เดี๋ยวผมจะปักให้  อาบน้ำออกมา   ซักสะอาดแถมปักชื่อเสร็จด้วย  ดีไหม?”

พราวทำท่าคิด  ก่อนจะพยักหน้า  เอาเสื้อไปวางบนโต๊ะ  แล้วทำท่าจะเขียนชื่อ  “เอาภาษาไทยนะ  ตรงไหนดี”  ยังคงเลือกไม่ได้ว่าจะเขียนลงตรงไหนดี

พฤกษ์เดินเข้าไปดูพลิกซ้ายพลิกขวา  แล้วชี้ตรงขอบเสื้อด่านล่าง  “ตรงนี้ดีไหม?  ถึงใส่อยู่ก็พลิกออกมาดูได้  จะได้รู้ว่าเสื้อใครไง”

คนฟังทำท่าพอใจ  แล้วนั่งลงบรรจงเขียนชื่อเจ้าของชื่อลงไป  พฤกษ์ดูคนที่ตั้งใจจดจ่อเขียนชื่อเขาแล้วได้แต่ยิ้มหน้าบาน  วันนี้แค่เจอหน้าก็ดีใจแทบตาย  พราวยังทำตัวน่ารักเกินบรรยายอีก  ไม่รู้จะฟินไปถึงชาติไหนเลย...


“ดีมั้ย...”  พราวยื่นเสื้อส่งให้เจ้าของ 

“สวยดี  พราวเก่งเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่  เดี๋ยวไปอาบน้ำนะ  เดี๋ยวผมเอาเสื้อไปซัก  แล้วจะทำอะไรให้ทาน”  พฤกษ์ขยี้ผมนุ่มแล้วก้มลงหอมเส้นผมนุ่มลื่นอย่างจงใจ  “สระผมด้วยนะ  ไปเจอความร้อนมา  เหงื่อท่วมตัวแล้วเนี่ย”

“ก็มาดมทำไมเล่า?”  คนถามกระโดดหนีไปไกล  กลัวอีกฝ่ายได้กลิ่นเหงื่อจนยกมือขึ้นมากอดอกไว้  จะวิ่งเข้าห้องน้ำก็ไม่ได้ก็ฝ่ายนั้นยืนขวางอยู่แบบไม่รู้ตัว

“ไม่เหม็นหรอกน่า  ยังหอมอยู่เลย”  พฤกษ์อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะวิ่งหนีอีก  “พราว  หัวหอมมานี่เร็ว”

“ไอ้หมาบ้า”  ถึงปากจะว่าแต่ก็ยังขยับตัวเข้ามาใกล้

“ห้ามหลับตอนอาบน้ำนะ”  เอ่ยเตือนแล้วก้มลงหอมแก้มนุ่มที่เริ่มขึ้นสีเรื่อ  “ถ้าทำตัวดีจะหอมอีกข้างด้วย  ดีเปล่า”

พราวหน้าหงิก  อยากจะตอบประชดว่าไม่เอา  ก็ติดว่าไอ้หมาบ้ามันขี้ใจน้อย  เขาก็เลยเลือกไม่พูดอะไร  เดินหนีไปเข้าห้องอาบเป็นการตัดบทไปเสียก่อน  ฮึดฮัดนิดหน่อยที่ฝ่ายนั้นไม่เข้ามาเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างรออย่างเคย  แต่คิดไว้ว่าต้องรีบเอาเสื้อไปซัก  แล้วยังต้องปักขื่ออีก  ก็เลยยอมๆ กันไป

“กลิ่นนี้ก็หอม  นี่ก็หอม...โห  หอมทุกกลิ่นเลย”  พราวยืนเลือกครีมอาบน้ำที่พฤกษ์ซื้อมาให้เมื่อเดือนก่อน  แล้วตัดสินใจเลือกมาขวดหนึ่งมาเทใส่น้ำในอ่าง  “หลายบาทเหมือนกันนะ  ซื้อมาตั้งหลายขวดอีก...”  พึมพำเมื่อลงไปนอนแช่ในอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยฟองสบู่

“สระผมก่อนดีกว่า”  คิดได้คนไม่มีวินัยเรื่องการอาบน้ำอย่างพราวก็ลุกขึ้นมายืนสระผมในห้องฝักบัว  สระไปหลายรอบจนพอใจก็กลับไปนอนแช่น้ำในอ่างอีก  เพลินจนเกือบหลับก็นึกได้ว่าพฤกษ์บอกเตือนเรื่องนอนหลับเอาไว้  ก็เลยลุกขึ้นเปิดน้ำออกจากอ่าง  แล้วล้างตัวด้วยน้ำอุ่นๆ อีกรอบ



ออฟไลน์ เงาใต้น้ำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +116/-3
“นึกว่าจะนอนหลับไปแล้ว”  พฤกษ์เงยหน้าจากการปักชื่อบนเสื้อแล้วเอ่ยทักเมื่อเห็นพราวเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ  “เช็ดไปก่อนนะ  เดี๋ยวก็ปักเสร็จแล้วผมจะเช็ดต่อให้  ห้ามเข้ามาตอนนี้นะ  เดี๋ยวผมไม่มีสมาธิ  เข็มจะทิ่มนิ้วเอา”

“ก็ได้...”  รับปากแล้วก็เดินไปนั่งเช็ดผมที่เบาะนุ่มตรงมุมห้อง  อดเหลือบตามองคนที่ตั้งใจปักเสื้อไม่ได้  ก็เลยแอบมองอยู่หลายรอบ  เกือบครึ่งชั่วโมงพฤกษ์ถึงได้ตัดด้ายออก  ก่อนจะยกผลงานขึ้นโชว์

“ไหนดูหน่อยๆ”  พราวรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความตื่นเต้น  มีมือพฤกษ์คอยรับตัวเขาไปนั่งบนตักแล้วกอดเอวไว้หลวมๆ

“ชอบรึเปล่า”  คำถามเหมือนเสื้อตัวนั้นไม่ใช่ของเขาเสียแล้ว  แต่พอเห็นอีกคนอมยิ้มพยักหน้าก็อดยิ้มตามไม่ได้

“มีคำว่า ‘พราว’ ด้วยอะ”  พราวพึมพำบอก  ยกเสื้อขึ้นมาดูลายปักใกล้ๆ เส้นด้ายแทบจะไม่ออกนอกลายเส้นเลย  เขาเองก็เพิ่งรู้ว่าพฤกษ์ทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย  คงเพราะต้องทำอะไรเองตั้งแต่เด็กนั่นแหละ  คิดแล้วก็นึกได้ว่าชื่อบนเสื้อนักเรียนสมัยเด็กๆ พฤกษ์ก็คงปักเองกระมัง

“พฤกษ์กับพราว  ก็พราวอยากให้ผมซื้อเสื้อตัวนี้นี่  ก็เหมือนมีส่วนร่วมนั่นแหละ”

พราวขยับตัวขึ้นนิดหน่อย  ดวงตาคู่สวยสบตากับพฤกษ์ส่งแววข่มขู่  “อย่าให้เห็นว่าเอาไปให้ใครยืม  หรือเอาไปคลุมให้ใครนะ  นอกจากกูอะ”

พฤกษ์ขมวดคิ้ว  เหมือนพอจะนึกอะไรบางอย่างออก  พราวคงจะเห็นเขาส่งเสื้อตัวโปรดให้มินยืมสินะ  ก็แดดร้อนปานนั้น  ขืนขับมอเตอร์ไซด์ไปจนถึงร้านพี่หนึ่งด้วยชุดนักศึกษา  มีหวังผิวนวลๆ ของมินได้ลอกแดงเพราะแดดแน่  ถึงจะเป็นแค่เพื่อนกันแต่ผู้หญิงบอบบางน่ารักอย่างมินก็ควรได้รับการถนอมอยู่ดี  ถึงจะเป็นตอนที่ทะเลาะกับพี่แพทคนรักก็เถอะนะ

“เห็นตั้งแต่แรกเลยเหรอ  ไปทำอะไรคณะวิศวะฯ อะ”

“ไปตามหาลูกหมา  มันหลุดออกจากกรงไปนาน  กลัวกลับบ้านไม่ถูก  โอ้ย...ดึงทำไมเล่า”  ตอนหลังพราวโวยวายเสียงดัง  มันดึงเสื้อหนีมือเขาอีกแล้ว  มันเป็นอะไรมากรึเปล่า

“เสื้อใคร?”  พฤกษ์ถามเสียงแข็ง  คราวนี้ไม่ยอมง่ายๆ  “แล้วห้ามอะไรนะ?”

“ก็เสื้อมึงไง  แล้วก็ห้ามเอาไปคลุมให้คนอื่น  เข้าใจ?”  พราวตะโกนใส่หูพฤกษ์อย่างไม่ลดละ  มือก็พยายามจะยื้อเสื้อไว้

“พูดใหม่  ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้จะทำให้ดูอีก  เอาให้สวยกว่ามินอีก”  พฤกษ์พูดจาข่มขู่  อดหวาดๆ ไม่ได้  เกิดพราวไม่ยอม   คนจนปอนๆ อย่างเขาจะไปหาสาวที่ไหนมาแสดงละครได้อีก

“อย่ามาขู่นะ”  มือที่ว่างทุบลงบนอกคนพูดอย่างไม่ยอม  “เสื้อพฤกษ์อะ  นอกจากพฤกษ์แล้ว  พราวใส่ได้คนเดียว   ห้ามให้เห็นอีกนะ  ไม่อย่างนั้นทางใครทางมัน”

“พูดอย่างกับเป็นแฟนกัน...”  พฤกษ์มองคนพูดอึ้งๆ  “เราก็อยู่คนละทางมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่”

“ไอ้บ้า...”  พราวดึงเสื้อออกจากมือพฤกษ์  แล้วคลานไปนอนท่าทางเหมือนกำลังงอน  แต่ก็กอดเสื้อตัวใหม่เอาไว้แน่น

พฤกษ์มองคนที่ดูเหมือนจะงอนเขาแล้วได้แต่ยิ้มกว้าง  วันนี้พราวทำตัวน่ารักจนอดใจไม่ไหว  ความยิ่งยโสโอหังแทบจะไม่มีให้ได้เห็นตั้งแต่เจอกัน  คนที่ดูเหมือนกำลังเป็นต่อขยับตัวเข้าไปหาคนนอนหน้าบึ้ง  แล้วดึงเสื้อออกมาอีก  ดูเหมือนเสื้อตัวนี้จะน่าอิจฉากว่าใคร...มันช่างเป็นที่รักเสียจริง

“เอาไปทำไมเล่า  คืนพราวมา”

“รู้มั้ยว่าพูดจากน่ารักแค่ไหน”  พฤกษ์ก้มหน้าเข้าไปใกล้แก้มอีกคน  ทำท่าเหมือนจะหอมแก้มนุ่มแต่ก็ยังห่างเพียงปลายจมูก  “บอกว่าจะให้รางวัลหอมแก้มอีกข้าง  แต่ข้างนี้หอมแล้วเมื่อกี้”

“หมาบ้า...”  พราวพึมพำขยับตัวนิดหน่อย  แล้วเอียงแก้มอีกข้างให้คนที่เพิ่งเอ่ยปากว่า  ซึ่งอีกฝ่ายไม่รอช้าฟัดแก้มนุ่มๆ สองข้างนั่นไปอีกหลายทีจนพอใจ

“ทำอะไรอีกเนี่ย  เอามาคืน”  ปฏิบัติการทวงเสื้อเริ่มต้นอีกรอบ 

พฤกษ์ส่ายหน้า  คว้าเสื้อเข้าห้องน้ำไปด้วย  “นอนรอ  แต่ห้ามหลับนะ  รอทานข้าวก่อน  ไม่อย่างนั้นไม่ได้เสื้อคืนแน่”











“นึกว่าจะนอนในห้องน้ำแล้วเชียว”  คนที่นอนตาปรือเอ่ยประชด  เขาจะหลับหลายรอบแล้ว  แต่ก็เพราะเสื้อตัวเดียวนี่แหละ  ถึงไม่กล้านอนเสียที

พฤกษ์ซับตัวจนแห้ง  มีผ้าขนหนูคาดเอวหมิ่นเหม่  เขาเดินมาค้นกางเกงขาสั้นในตู้มาใส่  ทั้งๆ ที่มือยังถือเสื้อตัวใหม่อยู่  มันคงจะกลายเป็นตัวโปรดได้ไม่ยาก  แม้ราคาจะไม่สูง  แค่ค่าของมันก็วัดด้วยความหวงแหนของพราวนี่แหละ

“จะคืนได้หรือยัง”  รายนี้ก็ทวงยิกๆ  เหมือนเป็นเสื้อของตัวเองอย่างนั้น

พฤกษ์พาดเช็ดตัวไว้กับเก้าอี้โต๊ะคอมพิวเตอร์  แล้วถือเสื้อเดินเข้าไปหาคนที่กำลังนอนรอ  ยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน  มือหนึ่งเอื้อมหยิบไอโฟนส่งให้เจ้าของที่ทำหน้างงใส่ 

“โทรบอกพี่หนึ่งให้หน่อย  วันนี้คงไม่ไปไหนแล้ว”

พราวยกโทรศัพท์มากด  สายตาเหลือบไปเห็นพฤกษ์กำลังสะบัดเสื้อคลุมตัวเปลือยเปล่า  พอดีกับที่ปลายสายส่งเสียงมาเขาจึงทำตามความต้องการของพฤกษ์  ก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้  อีกฝ่ายก็หันเอาไปวางคืนที่เดิมอย่างใจเย็น

“อยากได้เสื้อคืนหรือยัง” 

“ก็ใส่ไปแล้ว”  คนตอบไม่สบตา  ทำท่าตะแคงหนี  แต่ก็โอนคร่อมเอาไว้ทั้งตัวก่อน

“คืนให้...”  พฤกษ์กอดร่างบางพลิกขึ้นมาบนตัวเขา  ยื่นหน้าเข้าไปเพื่อจูบริมฝีปากสีสดที่อยู่ไม่ห่าง  “วันนี้ทำตัวน่ารัก...”

“ก็คนจะโดนทิ้ง...”  พราวซบหน้าอยู่กับอกแกร่ง  แต่เหมือนยังไม่พอใจ  “ไม่เอาแบบนี้  เหมือนไม่ได้กอดเลย”

พฤกษ์หัวเราะ  ตะแคงตัวให้อีกคนลงมานอนอยู่บนเตียงด้วยกัน  พอให้พราวได้สอดแขนเข้ามากอดตัวเขาได้ด้วย  เสียงบ่นกับสีหน้าไม่ชอบใจก็หายไป  อาจจะเพราะไม่ได้เห็นหน้าที่คอยแต่จะซุกอยู่กับอกเขาด้วยนั่นแหละ

“ใครบอกว่าจะทิ้ง”

“ก็กู...เออ  ก็พราวทำตัวไม่ดี  หัวสูง  ผลาญเงินเก่ง  นาฬิกาก็ทิ้งไป...”  คำพูดหลังตามมาด้วยเสียงสะอื้น

“อ้าว...อย่าร้อง  พราว...”  พฤกษ์เริ่มใจเสีย  ร้อยวันพันปีทะเลาะกันจะเป็นจะตายก็ไม่เห็นเคยร้องไห้ให้เห็น  “อย่าร้อง  ไม่เอา  เงียบ...คนเก่ง  พฤกษ์ปลอบไม่เป็น...”

“ไอ้หมาบ้า...”  มาอีกแล้วคำนี้  “ทำไมไม่เก็บไว้ให้เล่า  ให้แล้วแท้ๆ”

“ก็พราวไม่เอา...”

“ก็ไม่เก็บไว้ให้เล่า...”  คราวนี้พราวสะบัดตัวลุกขึ้น  เดินหนีไปนั่งซุกหน้าร้องไห้อยู่ตรงมุมห้องคนเดียว  อาการเหมือนเด็กถูกทิ้ง  ไม่มีคนสนใจ...

พฤกษ์ตามไปอุ้มคนงอแงกลับมานั่งบนตัก  เอื้อมสุดแขนไปลากกระเป๋าเป้ที่วางทิ้งไว้มาขุดค้น  ถ้าของเยอะกว่านี้คงต้องกลัวงูกัดด้วย  แต่โชคดีที่เลือกใส่เฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น 

“นี่ไง...”  ทำใจกล้ายื่นกล่องเล็กที่เคยถูกทิ้งขว้างให้คนกำลังร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย

พราวมองกล่องที่เคยหายไปจากชีวิตเขา  แล้วเงยหน้ามองอีกคนที่ทำหน้าไม่ถูก  สองมือประคับประคองกล่องเล็กๆ มาเปิดออก  คราวนั้นเห็นเพียงผ่านตา  รู้แค่ว่าเป็นนาฬิกาไร้ยี่ห้อ  แต่คราวนี้แสงสว่างชัดจึงได้เห็นว่าหน้าปัดเป็นสีขาวมีเข็มเวลากับตัวเลข  มีตัวหนังสือเล็กเป็นภาษาอังกฤษอ่านได้เหมือนลายปักบนเสื้อ  สายเป็นเหมือนเชือกถักสีขาวสลับชมพูอ่อน  เป็นนาฬิกาที่ดูธรรมดาเกินไปถ้าเทียบกับที่พราวใช้อยู่

“สั่งทำ  ราคาก็พอใช้อะ  แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะใช้ได้นานหรือเปล่า”  เสียงบอกเล่ากระซิบอยู่ข้างหู  ท่าทางดูละอายใจที่ให้ของแบบนี้เป็นของขวัญวันเกิดกับอีกคน

“ใส่ให้หน่อย...”  พราวเงยหน้าบอก  ยื่นแขนออกมาตรงหน้า  “ใส่หน่อย...”

“เอาจริง?”  พฤกษ์จับจ้องแววตาที่ดูมั่นคง  แล้วดึงตัวเรือนออกจากกล่อง  บรรจงสวมลงบนข้อมือเนียนอย่างเรียบร้อย  “ใส่เล่นๆ ก็ได้  สวยดีเข้ากับผิวพราวดี”

“จะใส่เรือนนี้แหละ  ก็ดูดีใช่มั้ยล่ะ?”

“ก็ดูดี  แต่ว่ามันดูตลาดไง  เพื่อนพราวก็จะว่าเอาเปล่าๆ”

“ช่างพวกมัน  ชอบอะ...”  พราวไม่แยแส  เลื่อนมือกอดพฤกษ์เอาไว้  “วันนี้ได้ทั้งเสื้อใหม่กับนาฬิกาเลย”

“ตกลงว่าเสื้อใคร?”  ถามอย่างสงสัย  มันชักจะยังไงๆ แล้ว

“เสื้อเราสองคนนี่แหละ  ไม่เห็นชื่อหรือไง”  พราวเถียงสู้  ดึงปลายเสื้อออกมาดู   “ก็มีสองชื่อนะ...”

“ครับๆ  หาอะไรทำรอไปก่อนนะ  เดี๋ยวไปหาอะไรให้ทาน  จะค่ำแล้วเนี่ย  เดี๋ยวจะพุงจะออก”

“ไม่เหอะ”  คนพูดเปิดเสื้อโชว์ผิวขาว  มีกล้ามเนื้อนิดหน่อย  แต่ไม่มีหรอกซิกแพคเพราะไม่ได้เล่นกล้ามขนาดนั้น

“ขาวจริง”  พฤกษ์ดึงตัวพราวขึ้น  แล้วก้มหน้ากัดท้องขาวนั่นเบาๆ  “เพลงก็ขาวแบบนี้แหละ”

เพี้ยะ!!!  เสียงฝ่ามือกระทบหน้าพฤกษ์ไม่แรงมาก  กับตาวาวๆ ที่ส่งไปขู่  “พราวคิดนะ  ห้ามพูดแบบนี้อีก  ไม่งั้นโดนหนักแน่”

“โอ้ย...กลัว  อย่าหนักมากนะ  เดี๋ยวพราวก็ลุกไม่ไหวพอดี”

“ไอ้หมาบ้า  ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะ”

“ครับๆ  ไปทำกับข้าวก่อนนะครับ  ห้ามนอนหลับนะ  ไม่อย่างนั้นเผลออ้วน  ไม่ขอแต่งงานจริงๆ”

“บ้า...”  พราวปาหมอนใส่คนพูด  หน้านวลแดงก่ำ  “เดี๋ยว  เอาเสื้อมา  โดนควันเดี๋ยวก็ขู่เอาไปซักอีก”

พฤกษ์ยอมถอดเสื้อให้อีกฝ่ายแต่โดยดี  “กอดไว้แน่นๆ ล่ะ  ไม่อย่างนั้นขโมยมาใส่อีกแน่”  พูดขู่ก่อนจะยอมเดินออกไปดีๆ

พราวยกเสื้อขึ้นสูดกลิ่นเฉพาะตัวของอีกคน  เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็ใส่ก็เลยได้กลิ่นชัดเจน  เขาเพิ่งรู้ก็วันนี้ว่าอะไรที่เป็นของตัวเองมันน่าหวงแหนขนาดไหน  แต่ในช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดก็อดนึกถึงอีกคนไม่ได้...เพลง

เมื่อนึกถึงน้องชาย  พราวลุกขึ้นไปค้นของในลิ้นชักข้างเตียง  ก่อนจะหยิบคีย์การ์ดสำรองอันหนึ่งออกมา  เขาสวมแจคเกตใหม่ทับเสื้อยืดที่สวมอยู่  แล้วเดินออกจากห้องเงียบๆ

หยุดยืนอยู่หน้าประตูที่คุ้นเคย  ก่อนจะเสียบคีย์การ์ดเข้าไปอย่างเคยชิน  ในห้องมืดและเงียบกริบ  เจ้าของห้องกลับไปนอนบ้านบ่อยในช่วงนี้  คงเพราะคุณหญิงแม่ของมันตามตัวไปนั่นแหละ 

อีกไม่นานพายก็คงต้องแต่งงานกับลูกพีช  ลูกสาวเพื่อนสนิทของคุณหญิง  เรื่องนี้มีการทาบทามกันมาตั้งแต่สมัยยังเรียนมัธยมด้วยซ้ำ  เรื่องมันจะไม่มีอะไรมากมายแบบนี้  ถ้าพายไม่เมาจนพลาดจับน้องชายเขากดในวันหนึ่ง  เรื่องมันเป็นการสมยอมไม่มีใครติดใจเอาความอะไร  พราวไม่ได้เสียเพื่อน  เพลงไม่ได้อยากจะพูดเรื่องนี้ต่อ  เหมือนกับพายที่ยังคงทำทุกอย่างให้เป็นเหมือนเดิม

แต่พวกเขารู้...ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด

พราวเปิดตู้เสื้อผ้าในห้องนอนของเพื่อนออก  ฝั่งของชุดลำลองไม่เป็นทางการ  มีเสื้อผ้าแขวนอยู่อย่างเป็นระเบียบ  แม้ในห้องเปิดไฟสว่างก็ไม่ช่วยให้หาของที่ต้องการได้ง่ายขึ้น  เพราะปริมาณที่มีเกินพอดีนี่แหละ

พายมีเสื้อตัวโปรดหลายตัว  แต่ในบรรดาทั้งหมดที่ซื้อเองมีเพียงไม่กี่ตัว  พราวรู้ดีพอๆ กับมัน  เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทที่ตัวแทบจะติดกัน  ต้องนับรวมไอ้แพทอีกคน  ก่อนหน้าที่มันจะมีน้องมินมันก็ตัวติดกันกับพวกเขา  ไปไหนไปกันตลอด  เพียงแต่ตอนนี้มันต้องมีเวลาให้คนรักบ้างก็เท่านั้น

“นี่ไง...”  พายดึงแจคเกตหนังสีดำตัวหนึ่งออกจากไม้แขวน  หลังจากหาอยู่นาน  เขามั่นใจว่าใช่เมื่อเอามาดูใกล้ๆ  “มึงอาจจะเสียดายถ้ามันหายไป  แต่เอาไว้กูจะซื้อให้ใหม่แล้วกัน”
















“พราวไปไหนมา  เด็กดื้อนะเรา”  พฤกษ์นั่งหน้าบอกบุญไม่รับรออยู่ตรงหน้าจอทีวียักษ์ตอนที่พายเปิดประตูห้องเข้ามา  ดวงตาดุจ้องมองเสื้อหนังสีดำในมือแล้วดูจะยิ่งโกรธ

“เสื้อไอ้พาย  ไปขโมยมา  จะเอาไปให้น้องเพลง”  พราวรีบบอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าคุกคามเขา

“เอาไปให้ทำไม”  น้ำเสียงขุ่นยังแสดงความไม่พอใจอยู่มาก

“พราวยังดีใจเลย  ตอนมีเสื้อตัวนี้อะ”  คนพูดดึงชายเสื้อให้เห็นว่าตัวนี้น่ะตัวไหน  “น้องเพลงต้องดีใจเหมือนกัน”

เป็นตรรกะทางความคิดที่พฤกษ์แทบจะตามไม่ทัน  แค่เขาทำพลาดเรื่องเสื้อครั้งเดียว  หายใจเข้าออกก็มีแต่เรื่องเสื้ออยู่ในหัวไปเสียแล้ว  แต่พี่น้องคู่นี้มีหลายอย่างที่เหมือนกันโดยไม่ตั้งใจ  คิดอย่างนั้นเขาก็เริ่มจะเห็นด้วยกับอีกฝ่าย  เสื้อตัวเดียวมันไม่ทำให้ใครดีใจจนเป็นบ้าได้หรอก  แต่ก็ทำให้คนบางคนคลั่งจนแทบบ้าได้เหมือนกัน  อันนี้ก็ไปว่าไม่ได้...

“โอเค  ยอมครับ  ไปทานข้าวได้แล้ว  มื้อสุดท้ายแล้วนะ  พรุ่งนี้พฤกษ์จะกลับบ้านแล้ว”

คนที่กำลังจะนั่งประจำที่  หันขวับมองคนพูด  “ทำไมไม่บอกว่าจะกลับเล่า”  คนถามหน้างอ แม้จะทิ้งตัวนั่งลง  แต่ก็ไม่ยอมลงมือทานมื้อเย็นที่เตรียมไว้ตรงหน้า

“นึกว่าพี่หนึ่งจะบอกให้  ที่จริงวันนี้ไม่ต้องทำงานแล้ว  แค่จะไปขอบคุณพี่หนึ่งเฉยๆ  พี่หนึ่งยังบอกจะเลี้ยงข้าวเลย”

“ไม่ใช่เหตุผล”  พราวเอนตัวพิงเก้าอี้  นั่งกอดอกทำหน้าบึ้ง

“เกรงใจลุง  คอยดูผักมาให้ทั้งปีแล้ว  ปิดเทอมก็ต้องกลับไปดูบ้าง  อยากให้พราวไปด้วยแต่พราวยังสอบไม่เสร็จ  อีกอย่างมันลำบาก  รอให้ติดแอร์  ซื้อตู้เย็นก่อน   แล้วจะชวนนะ”

“จะติดแอร์ได้ยังไงเล่า  ก็มันเป็นบ้านไม้  ฝาบ้านก็ตีไม่สนิท  ติดไปแอร์ก็ซึม  เปลืองค่าไฟอีก  ถ้าบอกจะปรับปรุง   ปีไหนจะมีเงินมาทำจนเสร็จเล่า”  คนที่เคยผจญความลำบากมาแล้วเถียงสู้ไม่ยอมลดละให้

“พราวก็เที่ยวเล่นอยู่กรุงเทพฯ นี่แหละ  เดี๋ยวเปิดเทอมก็เจอกัน”

“เจอกันแบบไหน  พราวเรียนจบปีนี้  ปีหน้าก็จะไปทำงานแล้ว  กว่าจะได้มานี่ก็เดือนละครั้งมั้ง”

“ทำงานที่ไหน...”

“สมุทรปราการโน่น  ทำแถวนี้ได้ที่ไหน  พ่อไม่ยอมแน่...”

“แต่ว่าพฤกษ์อยู่นี่ไม่ได้  ต้องกลับไปดูสวน”

“พราวจะไปเก็บกระเป๋า  พอพราวสอบเสร็จเราค่อยกลับบ้านพร้อมกัน” 

“เดี๋ยวๆ มาทานข้าวก่อน”  พฤกษ์ดึงแขนอีกฝ่ายให้นั่งลง  แล้วเลื่อนจานข้าวไง  “มันเย็นหมดแล้ว  จะไปด้วยจริงนะ  พฤกษ์จะเก็บกระเป๋าไว้ให้”

“ไป...รู้หรอกว่าไม่อยากให้ไปด้วย”

“ใครบอก  อยากให้ไปจะตาย  แต่ไปพราวก็อยู่ลำบากนี่”

“ไม่ได้ลำบากตรงไหน  พฤกษ์ก็ทำให้ทุกอย่าง  ขนาดโมโหยังก้มหน้าก้มตาทำให้เลย  ถ้าไม่โมโหก็ต้องดูแลอย่างดีอยู่แล้ว”

“ใช่  ยิ่งทำตัวน่ารักแบบนี้  จะทำให้ทุกอย่างเลย”  สายตากรุ่มกริ่มที่ส่งมาให้ทำเอาอีกคนก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่ยอมสบตา  “แต่กับข้าวไม่ทำแล้วนะ  ป้าบอกว่าพราวทำเก่งหลายอย่างแล้ว”

“ก็ได้...เดี๋ยวไปเรียนเพิ่มกับป้าด้วย  จะได้ทำเก่งกว่าเดิม  แต่ว่าใครบอกอะว่าทำได้”

“กับข้าวที่พราวทำรสชาติคุ้นๆ  ก็เลยโทรไปคุยกับป้า  ถึงได้รู้ไงว่าบางคนน่ะปิดบังอะไรไว้”  พฤกษ์เท้าคางมองอีกคนที่กำช้อนส้อมแน่น  อดยิ้มไม่ได้คงเขินเขานั่นแหละ  “ภูมิใจนะ  ถ้าทำเก่งมากเมื่อไหร่  จะขอแต่งงานเลย”

“บ้าดิ...”

“ข้ออ้างน่ะแหละ...” 

“...”

“จริงๆ อยากขอมานานแล้ว  แต่ก็จนเกิน  กลัวทำลูกเขาลำบาก”

“ไม่เห็นเคยบอกว่าลำบากเลย”

“อือ...เดี๋ยวให้ลุงไปสู่ขอให้นะ”

“บ้า...”












“นอนแล้วเหรอ...” 

“ยังไม่หลับ”  ได้ยินเสียงพราวตอบอยู่ใกล้ๆ หู

“รออะไรเนี่ย  พรุ่งนี้เดินทางแต่เช้านะ  กอดเสื้ออีกแล้ว  เอามานี่”  พฤกษ์ดึงเสื้อตัวเองมาใส่  แล้วล้มตัวลงกอดคนข้างๆ  “ท่าทางจะติดใจมากนะกับเรื่องเสื้อเนี่ย”

“ห้ามทำแบบนั้นอีกนะ...”   บอกแล้วขยับเข้าไปกอดอีกคนจนแทบไม่เหลือช่องว่าง  “ของพราวอะ”

“ครับๆ  ขอโทษที่ไม่นึกถึงความรู้สึกพราว”

“พราวก็ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกพฤกษ์เลย  ถ้านพไม่บอกพราวก็โง่อยู่แบบนั้น”

“นพบอกอะไร”  พฤกษ์คาดคั้น  นี่ที่อีกฝ่ายทำตัวแปลกไปเพราะได้ยินอะไรมาหรือไง

“พราวทำให้พฤกษ์ไม่มีเงินซื้อข้าว  แต่พราวอยู่ดีกินดีตลอด  พราวมัวแต่อายตอนพฤกษ์ต้องลำบากเอารถไปเติมน้ำมัน  ไม่ยอมอยู่ข้างพฤกษ์ตอนต้องการใครสักคน  พราวไม่สนใจของที่พฤกษ์เพียรพยายามหามาให้  ทำให้พฤกษ์ร้องไห้”

“รู้ด้วยเหรอว่าร้องไห้...”

“ทำไมต้องร้อง...”  เรื่องนี้พราวเองก็ไม่เข้าใจนัก  คนเข้มแข็งอย่างพฤกษ์ร้องไห้เรืองอะไร

“นาฬิกาแบบที่พราวใส่อะมันแพง  พฤกษ์ยืมเงินสองคนนั้น  พวกมันก็ไม่ได้ร่ำรวยขนาดมีเงินเป็นหมื่น  เปิดกระปุกนับเงินยังได้ไม่ถึงห้าพันเลย  เงินในบัญชีก็หมดไปกับอาหารญี่ปุ่น  ก็เลยร้องไห้  พี่พายบอกว่าพราวชอบนาฬิกาเรือนนั้น  พฤกษ์ไปดูราคาแล้วก็ได้แต่น้อยใจ  ตอนนั้นโทรกลับบ้านจะขายที่มาซื้อให้  แต่ก็โดนไอ้นพมันเทศนาจนร้องไห้ก่อน”

“จะไม่ใส่อีกแล้ว  นาฬิกาแบบนั้น”  พราวจูบลงบนหน้าอกเปล่าเปลือยตรงหน้า 

“พราว...”  พฤกษ์ขยับตัวลุกขึ้นเดินไปเปิดไฟให้ห้องสว่าง  แล้วเดินกลับมานั่งข้างคนที่เพิ่งลุกขึ้นมองเขาด้วยความมึนงง

“เราข้ามขั้นกันมาไกลแล้วนะ”

“หมายความว่า...”

“พฤกษ์รู้ว่ารักพราวมากแค่ไหน  ให้ได้ทุกอย่างนั่นแหละ  แต่พราวรู้เรื่องนี้มั้ย”

“ก็ไม่เคยบอก...”  คนพูดก้มหน้ามองผ้าปูเตียง  แก้มร้อนผ่าวจนรู้สึกได้

“ใช่  ไม่เคยบอกก็ไม่น่าจะรู้  แต่ที่สำคัญกว่า  พราวเคยสนใจพฤกษ์ที่ไหน  อยู่ๆ วันนี้ก็มาใส่ใจ  ทำเหมือนว่ารักกัน”

“เออ...”  พราวเงยหน้ามองคนพูดแล้วนึกได้  “นั่นสินะ  ก็แล้วไปกับน้องมินทำไม”

“มันไม่ใช่เหตุผล”  พฤกษ์ย้อนคำที่อีกคนเคยว่าไว้

“ก็...”

“รักพราวนะครับ”  พฤกษ์ก้มลงกระซิบบอก  แอบจูบริมฝีปากบางนั่นหลายๆ ที

“พราวรักพฤกษ์...”  พูดแล้วก็ขยับเข้าไปกอดอีกคนเอาไว้  “ไม่รู้ตอนไหน  แต่ว่าพฤกษ์จะคอยดูแลพราวตลอด  พอตื่นมาไม่เจอ  รอก็ไม่มาหา  พราวก็ทำอะไรไม่ถูก  พอทำใจได้แล้วไปตามหาก็เจอภาพบาดตาอีก  ก็เสียใจ...ไม่อยากให้พฤกษ์เมิน  ไม่สนใจกันแบบนั้น”

“ไม่ได้เมิน  แต่ว่าเก็บเงินอยู่  จริงๆ วันนี้ไม่ได้คิดจะไปกินข้าวกับพี่กับมินนะ  คิดว่าไปขอบคุณพี่หนึ่งแล้วจะชวนพราวไปกินอาหารญี่ปุ่นที่พราวชอบ”

“ไม่อยากกินอีกแล้ว  อยากกินกับข้าวที่พฤกษ์ทำมากกว่า”  แค่คิดว่าอีกคนต้องทำงานหนักเพื่อเก็บเงินพาเขาไปกินข้าวมือเดียว  พราวก็น้ำตาร่วง  นี่เขาทำตัวฟุ้งเฟ้อถึงขนาดนั้นโดยไม่รู้ตัวเลยหรือ

“ร้องไห้อีกแล้ว  ไม่เอา...คนเก่ง  อย่าร้อง...”  พฤกษ์ลูบผมนุ่มๆ แล้วดันอีกคนลงนอน  กอดปลอบอยู่กับอก  “ถือว่าวันนั้นเราไม่ได้รักกันเหมือนวันนี้  แต่วันนี้เรารักกันแล้วนะ”

“อือ...”

อีกครั้งที่ไม่ต้องรู้จักความผิดหวัง  ไม่ต้องคอยไขว่คว้าอะไร  กับทุกอย่างที่ได้มาง่ายๆ แทบไม่ต้องลงแรงลงไป  พราวตอบตัวเองไม่ได้ว่าถ้าสักวันเขาต้องเสียมันไป  เขาจะทำอย่างไร...

“อย่าหยุดรักนะ...”

นี่อาจจะเป็นเรื่องง่ายที่สุด...






เงาใต้น้ำ : เมื่อวานป่วยค่ะ  เลยมาไม่ไหว  เวลาป่วยหมดแรงจะทำอะไรจริงๆ   
ช่วงนี้คงไม่ทำอะไรนอกจากนอนพักไปก่อน  แต่ก็จะพยายามนอนอ่านแก้ไข และเอามาลงต่อให้ค่ะ
ตอนหน้าจบแล้วนะคะ  แล้วก็จะต่อด้วยตอนพิเศษ  อีกหลายคน
คาดว่าจะจบที่ตอนพิเศษของเพลงกับพาย  ไม่มีของคู่หลัก  แล้วก็อาจจะเอาเรื่องนี้มาทำใหม่
ให้ดูดี มีเหตุผลกว่าเดิม  แต่แนวเรื่องคงเปลี่ยนไปใช้แนวเดิมที่คิดเอาไว้ก่อนหน้านี้
พระเอกคงให้เป็นเพลงคู่กับพราว  อย่างที่ตั้งใจไว้เมื่อไม่นานมานี้  ถ้าได้ทำนะคะ
จบเรื่องนี้จะเอาเรื่องเก่าอีกเรื่องที่ขาดตอนจบมาลง  เผื่อจะสามารถจบเรื่องนี้ลงในปีนี้
หลังจบไม่ได้มาเกือบเจ็ดปี  555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ที่ท้องนี่ใครท้องอ่ะ?
เพลงเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?


ส่วนพราวน่ารักมาก
ดีที่คุยกันปรับความเข้าใจกันได้
ค่อยๆปรับตัวกันไปเน๊อะ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ที่ท้องนี่ใครท้องอ่ะ?
เพลงเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?

เพลงท้องค่ะ น้องเพลงเป็นผู้ชายจ้า

ปล.ถ้าเอาเรื่องนี้มาทำใหม่แล้วเป็นเพลง-พราวเราว่ามันจะไม่อินอ่ะ


ส่วนพราวน่ารักมาก
ดีที่คุยกันปรับความเข้าใจกันได้
ค่อยๆปรับตัวกันไปเน๊อะ


ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
แอบดีใจที่รักกันได้
แต่.......

 :katai1: ทำไมเรายังรู้สึกว่าพราวยังไม่ได้รักพฤกษ์เลยอ่ะ
เหมือนพราวแค่กลัวว่าจะเสียคนที่ดีกับตัวเองมากๆไปแค่นั้น

นี่พี่พายรู้ว่าเพลงท้องป่าวเนี่ย คิดอะไรอยู่ ถึงจะไม่ได้รักแต่ก็อยากให้ดูแลหน่อยนะ

ออฟไลน์ เงาใต้น้ำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +116/-3
พอเพียงรัก : 5





“สวัสดีครับ”  พราวลากเสียงแล้ววิ่งถลาไปกราบลุงกับป้าพิศ

“ไอ้หนู  มาด้วยเหรอ  สะไพ้ลุงนะเนี่ย”  ลุงกำนันร้องอย่างดีใจ  คว้าตัวพราวมากอดอย่างชอบใจ  ก่อนจะปล่อยให้อีกคนไปกอดเอวคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ ป้า

“สะใภ้พ่ออีกคนเหรอ”  ภพที่นั่งอยู่กับเมษารีบถาม  เมื่อได้ยินพ่อเผลอพูดผิด

“ลุงหมายถึงเซอร์ไพรส์มั้งพี่ภพ”  พฤกษ์ก็พาซื่อตอบพี่ชายไป

“อ้าว  นึกว่าจะมาเป็นสะใภ้พ่ออีกคน”  ภพลอยหน้าลอยตาบอก  “ที่รักจะได้มีเพื่อนเนาะ...”

พฤกษ์อ้ำอึ้ง  “ลุงไปขอพราวให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ...”

พราวอ้าปากค้างหันมองคนพูด  ที่สบตานิ่งอยู่กับลุง  เสียงคุยรอบข้างเงียบไปหมด  คิดว่าเข็มตกพื้นคงไม่ได้ยินหรอก  แต่เขาชอบเปรียบเทียบกันแบบนั้น  พราวเลยไม่รู้จะเปรียบแบบไหนได้อีก...

“เอาจริง...”  ลุงถามขึ้นมา  มองหน้าพราวไปด้วย  “ไอ้หนูนี่จะมาอยู่ได้เหรอวะ  บ้านมันรวยไม่ใช่หรือ”

“อยู่ได้สิครับลุง”  พราวรีบตอบ  ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นจากไอ้พี่ภพ  ป้าพิศก็ร่วมวงด้วย

ลุงกระตือรือร้นขึ้นมาทันที  “ไปวันไหนดีวะ  ลุงอยากได้ไอ้หนูมาอยู่ด้วย  ยิ่งถ้ามาอยู่บนเรือนด้วยกันนะ  ลุงไปตอนนี้เลย”

“พราวกับพ่อไม่ได้คุยกันมาหลายปีแล้ว  ตั้งแต่คุณย่าเสีย  พราวไม่ได้กลับบ้านมาเกือบสิบปีแล้วครับลุง”  พราวนั่งก้มหน้า  ป้าอดสงสารไม่ได้ดึงไปกอดไว้กับอก

“ข่างปะไร  งั้นทำพิธีแต่งเข้าบ้านลุงเลย  ไม่ยากๆ  ไปขอให้ครูชุนเป็นผู้ใหญ่ให้ดีไหม”

พราวพยักหน้า  ปาดน้ำตาออกให้รอยยิ้มเข้ามาแทนที่  “ดีครับ...”

พฤกษ์นั่งงง  ยังสับสนอยู่   นี่ไม่ทันไรเขาจะได้เมียเป็นตัวเป็นตนแล้ว  แถมไม่มีใครถามอะไรเขาอีกต่างหาก  ไม่คิดว่าพราวจะตื่นเต้นดีอกดีใจขนาดนี้  ทั้งที่คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะลำบากใจ  ปรับตัวไม่ได้แท้ๆ











“เคยได้ยินมั้ย  ว่าก่อนแต่งเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวต้องอยู่ห่างกัน  จะเจอกันตอนเข้าหอทีเดียว”  พฤกษ์ถามขึ้นมาหลังจากพาพราวเข้าบ้านแล้ว

พราวหันพรึบมามองคนถาม  ท่าทางร้อนรน  “ทำไมอะ  ห่างกันทำไม?”

“ก็กลัวจะไปมีอะไรกันก่อนไง  ชิงสุกก่อนห่ามอะไรแบบนี้”

“แต่ว่าเรา...ก็ชิงสุกก่อนห่ามไปแล้วนี่”  พราวเดินเข้ามากอดพฤกษ์ซบกับอกอย่างที่ชอบทำ  “เป็นไรมั้ย?”

พฤกษ์ลอบยิ้ม  เขาก็แค่อยากจะแกล้งพราวเล่น  แต่พราวก็ดูจริงจัง   เขาเลยยิ่งสนุก  “ไม่เป็นไร  แต่ก่อนแต่งเจ็ดวันห้ามเจอหน้ากันเลย...”

“ไม่แต่งดีกว่า  เจ็ดวันเลยนะ....”  พราวหน้างอ  เงยหน้ามองพฤกษ์ที่ทำหน้านิ่ง  รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที  “ทำไมถึงทำเฉยนัก  ไม่อยากแต่งงานใช่เปล่า”

“เค้าแค่ผูกข้อไม้ข้อมือเฉยๆ”  พฤกษ์ว่าแล้วจูงพราวไปที่เตียงในห้องนอน  “ขืนต้องห่างกันเจ็ดวันก็คงไม่ยอมแต่งจริงๆ นั่นแหละ  ห่างเมียเจ็ดวันคงขาดใจตาย”

“บ้าสิ...แล้วพูดทำไมเนี่ย  กังวลนะ”

พฤกษ์หัวเราะ  เขาหลอกพราวสำเร็จอีกแล้ว  “พูดเล่น...โอ้ย!!  อย่าทุบสิ  เกิดช้ำในตายทำไง  เป็นหม้ายนะเอ้า”

“หาใหม่ดีมั้ย?...”  พราวถามเผยรอยยิ้มร้ายบนใบหน้า

“ตามสบาย  ตายไปแล้วคงไม่รู้สึกอะไร...” 

พราวขยับตัวลุกขึ้นไม่พูดไม่จา  จนพฤกษ์หวั่นใจ  นี่โกรธจริง...   “พราว...คนเก่ง   หัวหอมครับ”

“อย่ามาเรียก  อยากหนีไปตายนักหรือไง  ฝืนใจก็ไม่ต้องมาสนใจ”

“จะไปไหน  เดี๋ยวก่อนสิ...”  พฤกษ์ดึงคนที่ขืนตัวออกจากเขาเข้ากอดไว้แน่น  “อย่าโกรธเลย  ไม่พูดแล้วๆ”

“นิสัยไม่ดี  ปากเสีย...”

“ครับ  ผิดไปแล้วครับ  ไม่ต้องห้ามนะ  ไม่ทำอีกแล้ว...สัญญา”  ยกสามนิ้วขึ้นมาชูให้เห็นด้วย

พราวซุกหน้าลงกับหน้าอก  แล้วร้องไห้จนพฤกษ์ใจเสีย  “ขอโทษ...”









“ปวดตามั้ย...”  พฤกษ์เอาผ้าเช็ดหน้าห่อน้ำแข็งประกบตาให้คนที่เพิ่งหยุดร้องไห้  “ตาบวมหมดเลยคนเก่ง...”

“ปวด...”  พราวบ่น  ลืมตาแทบไม่ขึ้น  นี่ขนาดร้องไห้แค่สองชั่วโมงกว่าเองนะ

“ไหนลืมตาให้ดูหน่อยครับ”  พฤกษ์ประคบน้ำแข็งบนตาข้างหนึ่งแล้วเอ่ยบอกพราว  ที่ลืมตาอีกข้างขึ้นมองเขา  “อืม  ตาใสแจ๋วเลย  เปล่งประกายดึงดูด...”

“บ้าสิ...”  พราวหัวเราะคิกคัก  ปล่อยให้พฤกษ์เอาน้ำแข็งประคบตาทั้งสองข้าง  “เย็นดีอะ”

“วันนี้ทำกับข้าวให้เป็นการไถ่โทษแล้วกัน  แต่วันหลังพราวต้องทำนะ  เวลาพฤกษ์กลับมาเหนื่อยๆ ได้กินข้าวฝีมือพราวคงหายเหนื่อย”

“อือ”  พราวรับคำแก้มแดงก่ำ 

“พฤกษ์ว่าจะให้เพลงมาอยู่ที่นี่ด้วย  จะลองจัดที่จัดทางดูก่อน  เพราะว่าเรื่องมันไม่ปกติ  แถวบ้านเพลงก็บ้านติดกันไปหมด  กลัวคนจะเอาไปพูดได้”

“อือ...”  พราวเริ่มจมกับความคิด  เขาเองก็ห่วงน้องชายไม่น้อย  “แล้วว่านล่ะ  เห็นว่าจะมาพร้อมกับนพ”

“คุยกันแล้ว  ไอ้นพว่าจะพาไปอยู่บ้านมัน  สองคนนั้นไปสนิทกันตอนไหนนะ  ถามไอ้นพก็เฉไฉไปตามนิสัยมัน”  พฤกษ์หงุดหงิดเมื่อพูดถึงเพื่อนสนิท  ที่ดูเหมือนจะไม่ยอมพูดความจริง  แถมหายหน้าแทบไม่ได้เห็นหัวมันในช่วงหลัง

“ก็หญิงที่ตามเฝ้าไง”  พราวเฉลย  “ไอ้นพมันไปเฝ้าว่าน  ตอนกรีดข้อมือแล้วเข้าโรงพยาบาล  ตอนนั้นคลั่งจนเกือบถูกส่งเข้าโรงพยาบาลบ้า  แต่ได้ไอ้นพไปอยู่คอยให้กำลังใจ  ว่านมันถึงออกจากโรงพยาบาลมาได้”

“จริงอะ?  โลกกลมขนาดนั้น”  พฤกษ์แทบไม่เชื่อหู

พราวเล่าตามที่เขารู้มาอีกที  “เห็นว่าไปเจอกันตอนไอ้ว่านมันกรีดข้อมือบนรถ  หลังไอ้นัทเอาคลิปมาแฉ  ไอ้นพก็เลยพาส่งโรงพยาบาล  ตอนนั้นแทบจะไม่คุยกัน  ไอ้ว่านก็ซ่าซะจนไอ้นพซ้ำเข้าให้  จนมันรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลยรู้สึกผิด  ไปตามเฝ้าจนได้ช่วยพาส่งโรงพยาบาลรอบสองรอบสามนั่นแหละ”

“รักกันเหรอ”  พฤกษ์ถามอย่างสงสัย

พราวหัวเราะ  “คงไม่ใช่  แค่ห่วงธรรมดาเกินปกตินิดหน่อย  สไตล์ไอ้ว่านถ้ามันชอบใครมันจะรีบเข้าหา  มันเป็นคนใจอ่อนจะว่ามันใจง่ายก็คงได้  ถ้าสนิทกับมันนะ  เจอคนดีก็ดีไป  แต่ที่เกือบตายเพราะเสือกเจอคนเลวนั่นแหละ”

“ไม่หรอก  จริงๆ ว่านก็นิสัยดีนะ  ถ้าไม่โดนทำลายจนหมดความเชื่อใจคนไปแบบนี้  แล้วไอ้เลวนั่นล่ะ”  พฤกษ์อดโกรธแค้นไอ้บ้านั่นไม่ได้  มันทำเรื่องใหญ่ไว้  คงไม่ลอยหน้าลอยตามีความสุขอยู่หรอกนะ

“ตายแล้วมั้ง  กลุ่มเพื่อนไอ้ว่านน่ะอันตรายจะตาย  คนรักมันก็มาก  ก็มันนิสัยดี  ห่ามไปบ้างแต่โคตรรักเพื่อนเถอะ  ที่มันไม่ชอบพฤกษ์ช่วงแรก  เพราะคิดว่าจะเหมือนไอ้นัท  มันกลัวพราวเป็บแบบมัน”

“พราวมีเพื่อนดีๆ เยอะนะ  รู้มั้ย?”

“ถ้าโลกนี้ไม่มีเพลง  พราวก็คงเป็นคนเลวไปแล้ว  น้องเคยบอกว่าสักวันถ้าโตแล้ว  จะพาพราวกับย่าไปอยู่ด้วยกันกับน้องกับแม่  พราวก็รอวันนั้น  ถึงได้คบแต่คนดีๆ  อย่างน้อยมันก็ช่วยฉุดเราไม่ให้หลงทาง”

พฤกษ์ทิ้งตัวลงนอนกอดพราว  หอมแก้มนุ่มอย่างรักใคร่  “เพลงมันก็เป็นเด็กดีเพื่อพราวเหมือนกัน...”










“กลับมาทำไมเนี่ย?” 

พราวกับพฤกษ์เงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่สูงกว่า  สีหน้าดูหมิ่นเหยียดหยามทำให้พราวกลัวพฤกษ์น้อยใจในโชควาสนา  จึงรีบดึงมืออีกฝ่ายเข้าไปในบ้านของพ่อ  คฤหาสน์หลังใหญ่กินพื้นที่เป็นสิบไร่  สิ่งที่ห่างไกลจากคำว่าบ้านของคนที่เพิ่งมาถึงไปไกล

พฤกษ์มองไปรอบๆ ห้องที่กว้างใหญ่  ชุดโซฟาราคาแพง  โคมไฟระย้าเหนือศีรษะ  เขาไม่แปลกใจเลยที่พราวจะใช้เงินเป็นเบี้ยขนาดนั้น  ถึงว่าสิตอนที่เด็กคนนั้น  น้องของพราวอีกคนเห็นรถที่พวกเขาขับมา  ถึงได้มีสีหน้าเย้ยหยันนัก   แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้  ก็ไอ้เพลงเพื่อนเขาพูดกรอกหูอยู่ทุกวันว่าฟองน่ะ...น่ารัก

“มาถึงแล้วเหรอ  เห็นว่ามีอะไรจะคุยด้วย”  น้ำเสียงที่เอ่ยทักนั้นฟังดูเฉียบขาด  ก่อนที่คนเป็นพ่อจะก้าวมานั่งตรงข้ามลูกชายคนโต  แล้วเหลือบตามองพฤกษ์เพียงแวบเดียว

“ผมจะคืนหุ้นส่วนหนึ่งของบริษัทฯ ให้  เหลือไว้แต่ส่วนที่คุณย่ายกให้วันเกิด  ก็เลยมาบอกไว้ก่อนครับ  เดี๋ยวผมจะส่งเอกสารมาตามหลัง  ก่อนผมจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด”

“เรื่องจริงสินะ  ที่ได้ยินมาว่าแกจะไปอยู่กับ...  ที่บ้านมัน  คิดว่าจะทนลำบากได้แน่เหรอ  เด็กอย่างแกโตมากับความสบาย  ถึงจะไม่เคยร้องขอจากฉัน  แต่ย่าก็ประเคนให้แกเต็มที่ในฐานะหลานรักนี่”

“เขาไม่เคยทำให้ผมรู้สึกว่าลำบากนะครับ  วันที่เขาอดมื้อกินมื้อ  หรือไม่มีเงินซื้อข้าวกิน  ผมก็ยังมีอาหารหน้าตาดีๆ วางรอบนโต๊ะเสมอ  คิดว่าคงไม่ต้องกลัวความลำบากอีกแล้วล่ะครับ”

‘พ่อ’  หันมองคนที่ลูกชายพูดถึงอย่างพิจารณา  เขารู้ดีกว่าลูกชายคนนี้นิสัยก้าวร้าวแค่ไหน  แต่วันนี้ภาพที่เคยเห็นเหมือนจะเปลี่ยนไป  น่าจะเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนที่เขาได้ข่าวว่าอีกฝ่ายขายรถหรูคันโปรด  มาใช้รถแบบที่มนุษย์เงินเดือนใช้กัน  อาจจะดูหรูกว่านิดตรงที่เป็นไฮบริดส์  แล้วซื้อด้วยเงินสดก็แค่นั้น  ไม่รวมที่คืนหุ้นบริษัทฯ ในเครือในรูปแบบการขายคืนบ้าง  เซ็นชื่อมอบกรรมสิทธิ์มาบ้าง


“แค่รถสองคันที่ขายไปผมก็มีเงินในบัญชีเกือบห้าสิบล้าน  ด้วยเงินขนาดนี้คงใช้ไปได้ตลอดชีวิต  ถ้าวันไหนรู้สึกเบื่องานที่ทำมาทุกวัน  แล้วไม่คิดว่าที่ๆ ผมอยู่ลำบากจนเกินไป  ก็ไปอยู่กับผมนะครับ”

อีกครั้งที่พราวถูกพ่อมองในแบบที่ต่างออกไป  คำชวนที่อีกฝ่ายมีให้ไม่ได้รับการตอบรับหรือปฏิเสธ  เพียงแต่ทำให้สมองประมวลอย่างละเอียด  ทรัพย์สินทั้งหมดนี้  งานที่ทำจนแทบจะดึงจิตวิญญาณออกจากร่าง  เขาทำเพื่ออะไรกันแน่?  ในวันที่ลูกชายถอยห่าง  ไม่เอ่ยแม้แต่คำว่า...พ่อ

จริงอยู่ว่าการห่างเหินจากลูกชายคนโต  เป็นเพราะผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดทิ้งไปกับคนที่เธอรักมากกว่า  และเป็นเขาเองที่ดึงรั้งลูกชายเอาไว้เพื่อเป็นการแก้แค้นเธอให้ปวดใจเล่น  หลายครั้งที่แม่ของพราวมาพบเขา  เพื่อขอนำพราวไปดูแลด้วยตัวเอง  ในวันที่เขาไม่สนใจใยดีลูกคนนี้  ไม่ได้ให้ความรักเหมือนที่มีให้กับลูกคนเล็ก

เรื่องมันแตกหักตรงที่วันหนึ่ง  น้องชายของพราวมาหาพราวพร้อมกับพ่อ  บอกว่าแม่ตายแล้ว  เด็กคนนั้นชวนพราวไปอยู่ด้วย  มือน้อยๆ ในวันนั้นกุมมือพี่ชายเอาแน่นไม่ยอมปล่อย  แต่ก็เป็นเขาเองที่แยกมือนั้นออกจากกัน  แล้วเหนี่ยวรั้งพราวไว้ให้ทนทุกข์กับความเจ็บปวดไร้การเยียวยา

แล้วก็เพราะพ่อคนนี้  ที่ทำให้เรื่องทะเลาะกันของลูกชายสองคน  เรื่องของเด็กที่ถูกผู้ใหญ่ทำกลายเป็นเรื่องใหญ่โต  พ่อกับลูกไม่คุยกันอีกเลย  พี่กับน้องเกลียดกันเข้าไส้  ตอนนั้นหากย่าของพราวไม่คอยเป็นกำลังใจให้หลานชายคนโปรด  การที่พราวจะโตมามีอนาคตแบบวันนี้ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย









“จะไปไหน?”  เสียงห้วนเอ่ยถามเมื่อเห็นพี่ชายต่างมารดาเดินกลับมาที่รถ  “คุณพ่อบอกว่าจะไปจากที่นี่”

“อือ...”  เสียงตอบกลับนั้นสั้น  กับคนที่ไม่เคยคุยกันรู้เรื่อง  คุยยาวไปคงไม่มีประโยชน์

“รอก่อน...”  บอกแล้วก็วิ่งหายไปในบ้านด้วยความเร็ว  พราวได้แต่มองตามไปอย่างไม่เข้าใจ  ก่อนอีกฝ่ายจะวิ่งกลับมา  ยืนหอบหายใจตรงหน้า  แต่สิ่งที่เรียกความสนใจได้มากกว่ากลับอยู่ในอ้อมแขน

“เอาคืนไป”  ตุ๊กตาหมีตัวสีน้ำตาถูกยื่นส่งมาคืนให้  สภาพที่มีรอยเย็บทั่วตัวทำให้คนมองใจสั่น














“จะทำอะไร  เอาคืนมา”

“ใครซื้อให้  ทำไมตัวมีตุ๊กตาได้  ทำไมเค้าไม่ได้”  ฟองยื้อตุ๊กตาหมีในมือเอาไว้ไม่ยอมปล่อย  แย่งกันไปแย่งกันมาด้ายที่เย็บก็ทำให้แขนขาดออกจากลำตัว 

พราวตกใจร้องไห้โฮ  ไม่กล้าแม้จะยื่นมือไปดึงเอาไว้อีก  ฟองมองพี่ชายด้วยยิ้มสมใจ  “เค้าบอกตัวแล้วว่าอย่าดึง”  แท้จริงเด็กชายไม่เคยพูดคำนี้สักคำ

“ทำไมฟองไม่ได้  ทำไมคุณพ่อไม่ซื้อให้ฟอง”  เด็กน้อยดึกกระชากแขนตุ๊กตาอย่างรุนแรงด้วยความโกรธ  “คุณพ่อรักฟองมากว่า  รักฟองมากกว่า”

สุดท้ายแขนขาก็แยกออกจากลำตัว  เรียกได้ว่าตรงไหนมีรอยเย็บติดกัน  ตรงนั้นก็ถูกดึงแยกออกจากกันหมด  พราวร้องไห้เสียงดังด้วยความตกใจ  ของรักของเด็กตัวเล็กๆ ที่เพิ่งได้มาจากแม่ที่ลงทุนเดินทางไกลมาเยี่ยม  แม่ที่มาเยี่ยมบ่อยๆ  ไม่เคยเอาอะไรมาฝากเลย  แต่วันนี้แม่เอาตุ๊กตาหมีมาให้  แล้วบอกพราวว่า  ซื้อให้คู่กับน้องเพลง  จะได้คิดถึงแม่กับน้องเพลงเวลาเห็นตุ๊กตาหมี...แล้วถ้าไม่เห็นจะคิดถึงได้อยู่ไหม  เด็กตัวน้อยก็ไม่เข้าใจถึงขนาดนั้น

“นี่แหนะ”  เด็กตัวโตกว่าลุกขึ้นผลักน้องเซถลาไปจนหัวไปกระแทกโต๊ะ 

แรงเด็กไม่ได้เยอะมากอะไร  เพียงแต่อีกคนไม่ทันตั้งตัวก็เลยเซไปกระแทกโต๊ะเสียแรงถึงขั้นหัวแตก  คราวที่พราวร้องไม่มีใครได้ยิน  แต่คราวที่ฟองร้องบ้างทุกคนกลับวิ่งเข้ามาดู  ทุกคนตกใจที่เลือดออกเยอะแยะไปหมด  ก็ขนาดคนพลั้งมือยังตกใจ  พ่อเข้ามาเอาเรื่องโดยไม่ไต่ถาม  พูดแค่ว่าพราวจะฆ่าน้อง

เกือบจะแย่ถ้าคุณย่าไม่เข้ามาห้ามพ่อ  แล้วกอดหลานชายไว้กับอก  “พราวทำไมทำน้องแบบนั้นลูก”  ย่าเอ่ยถามเพราะอยากรู้ความจริงบ้าง

“แม่เอาตุ๊กตามาให้พราว”  เด็กน้อยร้องไห้โฮตอนที่พูด  มันลำบากแค่ไหนใครจะรู้  ตอนที่แม่กับน้องยื่นตุ๊กตาผ่านซี่รั้วประตูเข้ามา  พวกเขาพยายามมากแค่ไหน  “ทำไมทำแบบนี้...พราวเกลียดฟอง  เกลียดฟอง”

“ไม่เป็นไรลูก  ไม่เป็นไร”  คำๆ นี้ของย่า  มีความหมายกับพราวมาตลอดชีวิต  แค่คำว่า...ไม่เป็นไร  ในวันที่ท้อและต้องการคำปลอบใจมากที่สุด




(มีต่อ)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2014 02:38:45 โดย OIL1982 »

ออฟไลน์ เงาใต้น้ำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +116/-3
คราวนั้นย่าเขียนจดหมายไปหาแม่  เล่าเรื่องราวให้ฟัง  ครั้งต่อมาแม่กลับมาพร้อมกับน้องเพลง  ไม่มีตุ๊กตาหมีตัวเท่าเดิมมาอีกแล้ว  แต่น้องเพลงยื่นพวงกุญแจหมีน้อยเล็กๆ ผ่านซี่รั้วมาให้ 

“พี่พราว  ตัวเล็กนี่คงไม่มีใครมาแย่ง  มันไม่น่าแย่งเท่าตัวใหญ่ๆ หรอกเนอะ  พี่พราวเอาไว้ห้อยกระเป๋าก็ได้นะ  เพลงก็ห้อยกระเป๋านักเรียนไว้  ตัวใหญ่เพลงก็ไม่เอาแล้ว  เพลงยกให้น้องหนูดีไป  น้องหนูดีไม่มีพ่อแม่อยู่กับยาย  น้องดีใจมากเลยนะตอนได้ตุ๊กตาอะ”

น้องเพลงเป็นเด็กน่ารักมาแต่ไหนแต่ไร  น่ารักทั้งหน้าตาและนิสัย  พราวไม่เคยบอกน้องหรอกว่าพราวภูมิใจมากแค่ไหนที่มีน้องชายแบบน้องเพลง  นอกจากคุณย่า  แม่  ก็มีน้องเพลงอีกคน  ที่พราวรักมาตลอดตั้งแต่จำความได้  น้องเคยบอกว่าเมื่อโตขึ้นน้องจะมารับพราวและย่าไปอยู่กับน้องกับแม่...อย่างมีความสุข











“คุณย่า...”

ฟองเปิดประตูเข้ามาในห้องคุณย่าในวันที่พราวออกจากบ้านไปอยู่คนเดียวแล้ว  พ่อไม่ได้พูดอะไร  แม่ที่เกลียดพราวเข้าไส้ก็มีแต่จะดีใจ  พราวเองก็คงดีใจเพราะเกลียดฟองขนาดนั้น   ไม่ได้เจอหน้าฟองก็คงมีความสุขมากแน่ๆ

“ฟองมาหาย่ามา”  คุณย่ากวักมือเรียกหลานชายคนเล็ก  แต่ทิฐิช่างสูงเกินอายุ  “พี่พราวก็ไปแล้ว  ฟองก็ไม่ต้องคอยทะเลาะกับใครแล้ว  ดีใจมั้ยลูก”

ย่าไม่ได้ถามประชด  คนแก่คนหนึ่งก็เพียงแค่อยากรู้ความสึกของหลานชายบ้าง  จากวันนั้นก็เกือบแปดปีที่พี่น้องไม่คุยกัน  พ่อก็ทำตัวน่าหมั่นไส้  ทางแม่น้องฟองก็ตัวน่ารำคาญ  ถ้ารู้ว่าลูกโตมาจะเป็นคนแบบนี้  ย่าของหลานๆ ก็คงจะตัดแม่ตัดลูกกับมันไปนานแล้ว

“ฟองไม่ดีใจ...”  ฟองอายุสิบสี่แล้วห่างพราวอยู่สองปี  เริ่มจะรู้เรื่องกันมาพอควรแล้วว่าอะไรเป็นอะไร  “ทำไมต้องให้พราวไปอยู่ข้างนอก  พราวยังเด็ก”

“ถ้าบ้านมันไม่น่าอยู่  เป็นฟองก็คงไม่อยากอยู่”  ย่าลูบผมนุ่มแล้วกอดหลานชายไว้แนบอก  “ย่าจะให้ของบางอย่างกับฟองเอาไว้  เป็นเหมือนของขวัญ  ถ้าฟองพร้อมจะทำให้มันเป็นของขวัญเมื่อไหร่  ฟองก็ค่อยทำ  แต่ถ้าฟองไม่อยากให้มันเป็นของขวัญ  ฟองก็ทิ้งมันไปเสีย”

คุณย่าเดินไปหยิบถุงใหญ่ในตู้เสื้อผ้าออกมาส่งให้  ฟองไม่ได้เปิดดูในคราวแรก  ยังนั่งคุย  นั่งอ่านหนังสือให้คุณย่าฟังจนคุณย่าหลับ  ฟองจึงยกถุงนั้นกลับมาที่ห้อง  แล้วแกะออกดู

มันคือ...ชิ้นส่วนตุ๊กตา  ตุ๊กตาของพราว

หลังจากวันนั้นฟองก็ดูแลคุณย่าแทนพราว  แต่ไม่มีใครรู้คือฟองเรียนเย็บปักถักร้อยกับคุณย่าด้วย  ฟองปิดบังทั้งพ่อและแม่ว่าเขาเก่งงานเรือนด้านนี้ขนาดไหน  ฟองใจจดจ่ออยู่กับเรื่องของพราวตั้งแต่เล็กจนโต  เหมือนเป็นแผลในใจ  ไม่รู้เพราะเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่าทำให้ฟองไม่เคยมองผู้หญิงเลย  และเรื่องนี้พ่อกับแม่ก็ไม่เคยรู้เหมือนกัน...

รวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ในแบบพี่น้องที่ไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็นแม้แต่พี่ชาย  ‘ฟองรักพราว’  พี่ชายของฟอง









“ขอโทษ...”  ฟองก้มหน้าก้มตาบอกพี่ชาย  ขณะยื่นตุ๊กตาตัวน้อยคืนให้  มันเคยเป็นตุ๊กตาตัวโตในวันที่พวกเขายังเด็ก

พราวน้ำตาซึม  เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นถ้าภูมิต้านทานไม่แกร่งเหมือนอย่างในตอนนี้  ให้ตายก็ไม่มีวันอภัยให้กันได้แน่  แต่วันนี้พราวรู้จักความรักมากกว่าวันนั้นแล้ว...

มือหนึ่งดึงตุ๊กตามาจากมือน้อง  อีกมือโอบตัวน้องชายเข้ามากอดเอาไว้เพื่อปลอบใจ  “ไม่เป็นไรๆ  ขอบใจมาก”

“อย่าเกลียดฟองอีกเลย  นะพราวนะ”  น้องเอ่ยบอกเสียงสั่น  “ฟองไม่รู้จริงๆ ฟองเป็นเด็กขี้อิจฉา  พราวก็รู้”

“ไม่ใช่หรอกน่า  ไม่ใช่เวลามาโทษตัวเองแล้ว  ต่อไปก็ทำตัวน่ารักๆ ก็แล้วกัน  ไม่งั้นพราวไม่รักหรอกนะ”

“พราว...”  น้องชายผลักพี่ชายออกแล้วทำหน้างอแบบคนเอาแต่ใจ  “พราวไม่เคยรักฟอง”

“ก็แน่ล่ะ  ใครจะอยากรักคนทำตัวไม่ดี  ตอนพราวทำตัวไม่มีก็ไม่มีคนรักเหมือนกัน  จริงมั้ยพฤกษ์”

“ไม่จริงครับ  พฤกษ์รักตลอด”  พฤกษ์ที่ยืนอยู่อีกฝั่งตอบด้วยรอยยิ้ม

“เห็นมั้ย...”  ฟองหันไปหาคนพูดแล้วกลับมาทำท่าซึม  พฤกษ์เพิ่งนึกออกในตอนนี้ว่าพี่น้องของพราวมีบางอย่างที่คล้ายกันจนรู้สึกได้  ความน่ารักนี่แหละ  ถึงว่าทุกครั้งที่เพื่อนเขาเอ่ยถึงฟอง  ถึงได้พูดแต่ว่าฟองน่ารัก

“พฤกษ์  มันเสียการปกครองนะ”  หันไปเอ็ดคนอีกฝั่ง  แล้วยกมือลูบผมน้องชาย  รู้สึกโล่งใจที่กลับมาคุยกันได้  “วันหลังจะมารับไปเที่ยวด้วยกัน  แต่ว่าอย่าบอกแม่นะฟอง  เดี๋ยวจะไม่ได้ไป”

“ฟองจะบอกว่าไปกับเพื่อนก็ได้  พราวต้องมารับฟองนะ”

“อือ...”














“มึงว่ามีอะไรจะบอก?”  บอสเอ่ยปากถามเพื่อน 

วันนี้พวกเขามาฉลองเรียนจบด้วยกัน  กลุ่มพวกเขามีกันเจ็ดคน  แต่จะสนิทกันไม่ทั้งหมด  จะมีลักษณะว่าสนิทกับใครเป็นพิเศษ  ส่วนคนที่เหลือก็เรียกได้ว่าเพื่อน  คอยช่วยเหลือจุนเจือกันไปตามโอกาส

เมื่อไหร่ไม่รู้ที่อีกสามคนที่เหลือรู้สึกว่าพราว  พาย  แพท  กับว่าน  มันสนิทสนมกลมเกลียวกันมากกว่าเก่าก่อน  แต่ก็ไม่ได้มีใครเอ่ยปากถามอะไร  เพราะอีกสามคนที่เหลือก็ถือว่าสนิทกันมากเหมือนกัน  เหมือนเป็นกลุ่มเล็กในกลุ่มใหญ่อีกทีหนึ่ง

พราวหันมองพฤกษ์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ  วันนี้เขาตัดสินใจว่าจะบอกเรื่องที่พวกเขาคบกันให้เพื่อนรู้  ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง  พวกเขาอาจจะได้เจอกันน้อยลง  พราวจึงคิดว่าช่วงเวลานี้เหมาะสมที่สุดในการเปิดตัวพฤกษ์  เพราะใครคนไหนรับไม่ได้  ก็จะได้ห่างกันไปเลย...

“กูจะบอกว่านี่ผัวกู...”  พราวบอกสั้นๆ ห้วนๆ  แต่ทำเอาเพื่อนสำลักน้ำจนน้ำตาร่วง

“คือ...”  คุณเล็กพยายามจะพูด  ปกติเขาพูดน้อยกว่าใคร  แต่วันนี้อยากจะด่ามัน  “กูเข้าใจมึงพราว  แต่มึงไม่ต้องตรงแบบนี้ก็ได้  ไม่ใช่กูรับไม่ได้  กูตกใจโว้ย!”

“อย่างกับพวกกูโง่  เวลามึงมองตามมันงี้  ตาละห้อยเป็นลูกหมาถูกทิ้ง  ที่พวกกูร้ายเพราะอยากรู้ว่าพวกมึงจะทนกันได้แค่ไหน  ดีนะใจแข็ง  ไม่งั้นกูว่ามันตัดใจตั้งแต่แรกแล้ว”  เนทบ่นไปชงเหล้าไป  นึกหงุดหงิดที่ไม่เรียกใครสักคนมาชงให้

พฤกษ์มองเพื่อนพราวตาขวาง  อยากกระโดนใส่  ทดสอบกันแบบนี้มันสนุกตรงไหน  “พวกคุณทำผมร้องไห้นะ...”

“แล้ว...”  บอสถามกวนๆ ตามนิสัย  “ถ้าชีวิตมึงจะร้องไห้เพื่อใครสักคน  กูบอกได้เลยว่า  กูอยากให้คนๆ เป็นไอ้พราว  เห็นแบบนี้  แต่มันโดดเดี่ยว  กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนแบบไหนจะคอยดูแลมันได้”

“มึง...กูซึ้ง”  พราวยกมือปาดน้ำตาลวกๆ  “พวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น  กูไม่คิดว่าพวกมึงจะห่วงกู”

“ก็ไม่ได้สนิทอะไร  แค่เรียนด้วยกันทุกวัน  กินเหล้าด้วยกันเกือบทุกวัน  ชีวิตกูเจอหน้ามึงมากกว่าพ่อแม่อีก  มึงมันคนถือตัวไอ้พราว  ถ้ามึงลดความยโสของมึงไม่ได้  มึงคงไม่มีใคร”  คุณเล็กชูแก้วมาตรงหน้า  แล้วยกขึ้นดื่ม  “เพื่อมึง...”

“พวกมึงพูดอย่างกับตัวเองดีนักหนา...”  ว่านที่นั่งเงียบมานานเริ่มบ่น  “นิสัยโคตรเสีย  เลวเป็นระยะ”

เนทส่ายหน้าระอาใจ  “มึงนี่มัน...ก็เพราะมึงเป็นแบบนี้แหละ  มึงได้โดนหลอก  พวกกูพอจะดูคนเป็น  กับคนเลวก็ต้องเลวกลับ  กับคนดีก็ไม่อะไรด้วยมาก  ชีวิตพวกกูเจอคนเลวมากกว่าคนดี  มึงก็รู้”

“ถ้ากูรู้จักแต่คนดี  หรือมีเพื่อนแค่พวกมึง ใครที่ไหนจะไปจัดการไอ้เลวนัทได้วะ”  คุณเล็กยิ้มเหี้ยม  ดวงตาในกรอบแว่นจ้องว่านไม่วางตา  เขานั่งใกล้กับมัน  มันเลยหลบสายตาได้ง่าย  แต่มันก็ต้องฟัง 

“กับมันกูเกือบจะเอาถึงตาย  ถ้าลูกน้องกูไม่เลือกถูกใจเอามันเมียก่อน  ส่วนคลิปเชี่ยนั่น  พวกกูก็พยายามตามเคลียร์ให้หมดอยู่  มึงอย่าห่วงไม่เกินสองปี  มึงจะหาต้นตอมันไม่เจออีก  กูไม่ค่อยคุยหรือปลอบมึง  แต่มึงห้ามทำร้ายตัวเองอีก  พวกกูเสียใจเหมือนกัน  ในบรรดาพวกเรามึงโคตรอ่อนแอ  แล้วก็ไว้ใจคนง่าย  มึงต้องเข้มแข็งกว่านี้  ไปอยู่บ้านไอ้พฤกษ์เจอคนดี  มึงก็ต้องเปิดใจ”

“อือ...”  ว่านยกเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด  เรื่องมันเลวร้ายต่อให้เวลาผ่านไปก็ยังคงฝังในความรู้สึก  ทั้งที่เขาไม่อยากต้องเสียน้ำตาเพราะเรื่องนี้อีก  แต่ก็ร้องไห้ทุกครั้งที่ได้ยินชื่อมัน

“อย่าร้องสิวะ...”  คุณเล็กดึงเพื่อนมาซบไหล่  ลูบหัวทุยเป็นการปลอบใจ  “เดี๋ยวก็ไปเจอเรื่องสนุกแล้ว...”

พราวมองเพื่อนปลอบกันแล้วอดยิ้มไม่ได้  “กูเพิ่งรู้ว่าคบแต่คนดี...” 

“ไม่ใช่คนดี  มึงนี่เข้าใจอะไรยากจริง  เพื่อนกันก็ต้องให้สิ่งดีๆ ต่อกัน  ถ้ามึงเห็นที่กูทำกับพวกเลวๆ  มึงจะพูดไม่ออกเหอะ”  บอสหงุดหงิด  บางทีเขาก็คิดว่าไอ้พราวมันมองโลกในแง่ดีเกินไป  ซึ่งเขาไม่อยากให้มันคิดแบบนั้นเท่าไหร่  อย่างไรเสียในสังคมนี้ก็ยังมีคนเลวอีกมาก

“เอาเถอะๆ  กูรำคาญ”  แพททะลุกลางวง  ดึงแก้วเพื่อนมาชงเหล้าแล้วส่งต่อจนครบ  “เอ้ามาฉลองที่ไอ้พราวมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้ว  กูขออวยพรให้มึงเป็นเมียที่ดีตลอดไป”

“มึง...”  พราวโวยวาย  กระโดดไปทับเพื่อนเป็นที่สนุกสนาน  สุดท้ายทุกคนก็ดื่มกันจนหัวราน้ำกันไป

พฤกษ์ประคองพราวที่ดื่มจนเมามาที่รถเพื่อพากลับคอนโด  มีแพทคอยประคองวินมาที่รถด้วยเพราะพวกเขามาด้วยกัน  ส่วนคนอื่นๆ  ก็เหมือนจะมีลูกน้องมารับกลับไปแล้ว  แต่พฤกษ์ไม่ทันสังเกตเห็นใครอีกคนที่เดินตามหลังมา  คนที่คิดว่าก็คงกลับไปแล้วเหมือนกัน

“พฤกษ์  มึงมีอะไรที่กูช่วยได้ก็บอกนะ  บ้านกูมีตลาดหลายที่อยู่  เผื่อมึงอยากเอาผักผลไม้เข้ามา”  คุณเล็กเดินเข้ามาบอกตอนที่เขาดันพราวเข้ารถไปแล้ว

“ขอบคุณครับ  ถ้าผมมีแรงทำขนาดนั้น  ผมคงต้องพึ่งคุณจริงๆ”

“เออ...ไม่ต้องเกรงใจ  ฝากดูแลมันสองคนด้วย  บรรดาพวกกูมันโคตรอ่อน  กูไม่อยากให้พวกมันโดนหลอก”  คุณเล็กตบไหล่พฤกษ์  ไม่ร่ำไม่ลาเพียงแค่โบกมือให้ก่อนเดินจากไป

“โคตรเท่ห์เหอะมึง...”  เสียงแพทตะโกนไล่หลังเพื่อน  ก่อนจะออกรถไปแบบไม่พูดจาอีกคน

พฤกษ์ถอนใจกับบรรดาเพื่อนพราว  ยอมรับว่าแปลกทุกคน  เขาไม่เจอคนแบบนี้  นั่งคุยกันดูเหมือนสนิทสนม  รู้จักกันดีทุกเรื่อง  แต่ก็เว้นช่องว่างบางอย่างเอาไว้ระหว่างความสัมพันธ์นั้น  และไอ้อาการไม่ชอบเอ่ยลากันนี่อีก  ถ้าจำไม่ผิดเขาไม่เคยเห็นพราวเอ่ยลาเพื่อนคนไหนเลย  หรือเพราะกลัวเป็นลาง...







“เพื่อนกัน  สายใยมันตัดไม่ขาดหรอก  ยังไงก็ต้องเจอกันอีก  จะร่ำลากันไปทำไมวะ?” 
นั่นเป็นสิ่งที่พราวบอกในตอนที่พฤกษ์ถาม  แม้มันจะฟังดูห้วนแต่ก็ชัดเจนในความรู้สึกดี














“พราว...”

พฤกษ์ส่งเสียงเรียกคนที่นอนหลับบนโซฟา  คงจะเหนื่อยเพราะต้องขับรถมาจากสมุทรปราการ  ไม่ได้ไกลนักแต่เห็นว่างานยุ่งเหยิงจนแทบไม่ได้พัก  นึกแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้  เดี๋ยวนี้พราวกลับไปกินอาหารสำเร็จรูปเหมือนเดิมแล้ว

เสียงน้องพลิ้วร้องอยู่ในห้อง  เพลงเพิ่งคลอดลูกได้สองอาทิตย์  พราวถึงได้ไปกลับระหว่างคอนโดกับที่ทำงาน  ตอนนี้ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ไหวแล้ว  อาทิตย์ที่แล้วก็เพิ่งพูดเรื่องลาออก  ทั้งที่ยังทำงานได้ไม่ครบสามเดือน  แต่ก็เพราะเป็นห่วงน้อง  พราวมีปมเรื่องคุณย่า  ที่แม้จะได้ดูแลใกล้ชิดก่อนจะเสีย  แต่ในช่วงเวลาเจ็บป่วยช่วงแรก  พราวแทบจะไม่ได้ไปดูแลเลย  น้องเพลงอาจจะต่างกรณีแต่ก็เป็นคนที่รักมากเหมือนกัน

“พี่พฤกษ์  พราวเพิ่งกลับมา  บ่นว่าเหนื่อย  ฟองกำลังจะยุให้ลาออก  แต่ว่า...พราวเหนื่อยมาก  ก็เลยหลับไปก่อน”  ฟองเดินออกจากห้องเพลงมาเจอพฤกษ์ก็รีบบอก  คอนโดพราวกลายเป็นที่รวมญาติไปแล้ว  หลายครั้งที่ทั้งพาย  แพท  ว่านมานอนที่นี่พร้อมกัน  จนต้องซื้อที่นอนปิกนิกเพิ่มนั่นแหละ

“พี่พายมามั้ยวันนี้”  พฤกษ์อดถามไม่ได้  ถ้าได้ยินเสียงร้องของน้องพลิ้วแสดงว่าพ่อไม่มาหา  เด็กคนนี้รู้สึกเร็วจนน่ากลัว

ฟองส่ายหน้า  ดูซึมไปอีกคน  “โทรไปแล้ว  เห็นว่าติดธุระ  ฟองไปดูพราวก่อนนะ”

พฤกษ์เดินเข้าครัวไปเปิดตู้เย็นดูของสด  คิดเมนูมื้อเย็นไปด้วย  แต่ก็ต้องหยุดมือเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด  เมื่อเดินออกมาดูก็เห็นพายกำลังดีดหน้าผากแกล้งเพื่อนสนิทที่กำลังนอนหลับอยู่

“อย่าแกล้งสิครับ”  พฤกษ์ท้วงเมื่อเห็นพราวขยับตัวอย่างรำคาญ

“หมั่นไส้ว่ะพฤกษ์  เป็นเดือดเป็นร้อนแทนมันตลอด  เมียพี่อยู่ไหนวะ?”  พายถามหาเมียกับลูก  พฤกษ์ชี้นิ้วไปทางห้องของเพลง  “ฟองก็อยู่เหรอ  เห็นรองเท้า”

“ครับ”  พายเดินฮัมเพลงเข้าห้องไปอย่างอารมณ์ดี  ส่วนพฤกษ์ก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่  ช่วงที่ผ่านมาพายปัญหาค่อนข้างเยอะ  เจอหน้ากันนอกจากทักแล้วก็แทบจะไม่พูดอะไรอีก  สงสัยวันนี้จะมีเรื่องดีๆ














“พฤกษ์...”

เสียงเรียกข้างหูพร้อมกับอ้อมกอดที่รัดแน่นเข้ามา  ทำให้พฤกษ์ต้องหันไปกอดพราวที่ยังงัวเงียไว้แน่น  ก้มลงหอมหัวหอมอย่างรักใคร่  ความคิดถึงเอ่อล้นจนไม่อยากจะกินข้าว  แต่ก็ต้องอดใจไว้ก่อน  กินข้าวเสร็จค่อยไปนอนคุยกัน

“เหนื่อยมากเหรอ?  เดี๋ยวไปอาบน้ำนะ  แล้วมากินข้าวกัน  พี่พายอยู่ในห้องกับลูกกับเมีย”

“อ่อ...”  พราวเหลือบมองไปทางห้องน้องชาย  แล้วยกยิ้มชอบใจ  “สุดท้ายก็ตัดสินใจได้นะมัน”

“อ้ะ...”  พราวงงกับแก้ว นมที่พฤกษ์ยื่นมาให้  “กินเยอะๆ  เผื่อท้องบ้าง  จะได้แข็งแรง”

“แล้ว?”  หน้าพราวแสดงเครื่องหมายคำถามตัวโต

“เผื่อท้องไง  เอ๋อเหรอ”

“จะท้องได้ยังไงเล่า  พราว  เป็น  ผู้  ชาย”  พราวเน้นประโยคหลังทีละคำ

พฤกษ์กรอกตา  ตะโกนเถียงเสียงดัง  “แล้วไง  เพลงมันเป็นผู้หญิงเหรอ”

พราวเงียบ  เพิ่งนึกได้ว่าน้องชายไม่ใช่ผู้หญิง  “นั่นสิ...”  ว่าแล้วก็ยกแก้วขึ้นดื่มทันที  “พราวจะลาออก  คราวนี้ไม่คิดแล้ว  ฟองมันก็เด็ก  เพลงก็ต้องคอยให้นมลูก  อยากมาดูแลน้อง”

“ดีครับ...”  พฤกษ์ยิ้มชอบใจ  เขาเองก็ไม่ชอบให้พราวไปทำงานไกลๆ  แถมยังต้องขับรถไปกลับทุกวันหรือทุกอาทิตย์  มันอันตรายเกินไป

“พราวว่าจะปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ที่บ้านนะ  พราวยืมพื้นที่ตรงหลังสวนหน่อย  ตรงนั้นกี่ไร่อะ”

พฤกษ์ที่หันไปทำกับข้าวต่อรีบหันกลับมา  “อะไรนะ  ปลูกผัก”

“อือ  จะย้ายไปอยู่บ้าน  ก็ถ้าพฤกษ์จบก็จะกลับไปอยู่ด้วยกันใช่มั้ยล่ะ”

“ครับ”  พฤกษ์เดินมากอดคนพูดด้วยความดีใจ  “ไม่คิดว่าพราวจะอยากไปอยู่ด้วยกันจริงๆ”

“คนที่ไม่เคยคิดก็พฤกษ์คนเดียวไม่ใช่หรือไง  พราวคิดทุกวันว่าจะไปวันไหนดี  ตกลงว่ากี่ไร่อะ  มันกว้างดีนะ”

“สองงาน  ถึงไร่ที่ไหน...”  พฤกษ์ปล่อยอีกคนแล้วหันไปทำกับข้าวต่อ

พราวทำหน้าสยอง  “หนึ่งไร่มีสี่งาน  สองงานก็ครึ่งไร่  แล้วลุงทำนาสองร้อยไร่  ตายๆ  ลำบากแย่”

พฤกษ์หัวเราะหันกลับมามองคนพูดที่ทำหน้าเครียด  “เพิ่งรู้เหรอว่าลำบาก  พราวรับผิดชอบแค่สองงานได้ก็โอเคแล้ว  แต่ถ้าตลาดต้องการ  อาจจะขยายก็ได้นะ”

“ขอลองก่อนแล้วกัน  พราวยังไม่รู้จักตลาดที่นั่นเลย  ไม่รู้ว่าเขานิยมกันหรือเปล่า  แค่เห็นวินมันมีความสุขดีก็เลยอิจฉา  ทั้งๆ ที่คิดจะตั้งรกรากก่อนแท้ๆ  ดันช้ากว่ามันอีก”  พราวบ่น  นึกถึงเพื่อนที่มีเด็กๆ ล้อมรอบแล้วอดยิ้มไม่ได้ 

ว่านไปเป็นครูสอนชั้นประถมต้นที่โรงเรียนในหมู่บ้านของพฤกษ์  ลุงกำนันก็คอยช่วยสนับสนุนอยู่ตลอด  พวกเขาใช้เส้นสายหลายทาง  กว่าจะทำให้ว่านไปเป็นครูสอนที่นั่นได้  พ่อไอ้พายเป็นหัวเรือใหญ่คอยพูดจาให้  มีคุณเล็กคอยใช้วิชามารอยู่ห่างๆ  หากเรื่องไม่เป็นอย่างที่คิด    และดูเหมือนจะคุ้มเพราะว่านก็มีความสุขดี  เรียกว่าชีวิตเปลี่ยนได้เลย

“คิดตอนไหน?”  พฤกษ์กอดเอวคนที่กำลังเหม่อ  เกยคางไว้บนไหล่พราวก่อนจะเอ่ยถามเสียงนุ่ม  “ที่ว่าจะไปอยู่ด้วยกัน”

“ก็หลังจากวันนั้นแหละ  พอคิดว่าเป็นเมียพฤกษ์แล้วจะทำยังไงต่อ  ก็คิดได้ว่าอยากจะไปอยู่ด้วยกัน”  พราวก้มหน้า  อดรู้สึกเขินไม่ได้  “ตอนแรกก็รักที่นั่น  เพราะเป็นบ้านของเพลง  แต่พอได้อยู่กับพฤกษ์แล้วมีความสุข  ก็ไม่อยากกลับมาที่นี่อีกเลย”

พฤกษ์ปลื้มจนอกแทบระเบิด  เหมือนหัวใจพองโตอยู่ข้างใน  “ถ้ารู้แบบนี้ไม่พากลับมาก็สิ้นเรื่อง...”

“จริงอะ  รู้งี้บอกตั้งแต่ตอนนั้นก็ดี  จะได้ไม่ต้องกลับมาวุ่นวาย...”  พราวหัวเราะเมื่อพฤกษ์ก้มมาหอมแก้มเขาหลายๆ ที

“จะได้กินข้าวมั้ยหนอ...”  เสียงพายตะโกนถาม  ทั้งที่กำลังเดินเข้ามา

“ไอ้พาย  ไอ้เพื่อนเลวเดี๋ยวมึงเคลียร์กับกู”  พราวเดินออกมาจากครัว   ลากเพื่อนไปหน้าทีวี  “มึงคิดจะปิดเรื่องมึงกับฟองไปถึงไหนวะ  นี่ถ้ามึงไม่บอกกูก็ไม่รู้ไปตลอดสินะ  ว่ามึงแอบกินน้องกูมานานแล้ว”

พฤกษ์หัวเราะ  เรื่องนี้เขาก็สงสัยมาหลายเดือนแล้ว  พายก็เพิ่งจะบอกหลังเพลงคลอดลูก  มีพราวนี่แหละที่รู้ช้ากว่าใคร    แต่ก็อดดีใจแทนพายไม่ได้ที่ทั้งเพลงกับฟองดูรักกันดี  เดี๋ยวนี้สองคนนั้นแทบจะไม่ยอมอยู่ห่างกัน  พฤกษ์คิดว่ามันคงเป็นสายใยเล็กๆ ระหว่างพี่น้องนั่นแหละ  สายใยที่พราวอยู่ตรงกลางคอยเชื่อมโยงเอาไว้  แบบนี้เจ้าตัวก็ยังไม่รู้

แม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง  แต่พวกเขาก็คิดว่า...ต้องผ่านมันไปได้












“พราวพอก่อน...”

พฤกษ์ร้องห้ามเมื่อเห็นพราวขะมักเขม้นยกลังผักสดขึ้นรถ   อีกฝ่ายเหงื่อท่วมตัวจนน่าเป็นห่วง  พฤกษ์ตะโกนสั่งงานลูกน้องก่อนจะดึงพายกลับเข้าบ้าน  พากันไปอาบน้ำยามสาย  แต่ก็ไม่ทันการณ์เช่นเคย  ผิวนวลขึ้นผื่นเต็มไปหมดอย่างน่ากลัว

“ถ้าพราวฝืนไม่เลิก  พฤกษ์ไม่ยอมให้ทำแล้วจริงๆ นะ”  พฤกษ์บ่นขณะทายาไปตามตัวของคนรัก  ที่นอนคันคะเยออยู่บนเตียง  “คนงานเราก็มี  ทำไมต้องฝืนอีกเนี่ย”

“ก็พราวอยากทำนี่  ปกติก็นอนสบายอยู่คนเดียว”

“สบายที่ไหน  ตั้งแต่รับทำกับข้าวมา  ก็เห็นพราวยุ่งทุกวัน  แทบไม่มีเวลาให้สามีเลยเหอะ”  พฤกษ์บ่น  เหนื่อยกลับบ้านไม่เจอเมียไม่พอ  ตื่นเช้ามาก็หากันไม่เจออีก

“ก็มันสนุกนี่  เลยไม่เหนื่อย”

พฤกษ์ถอนใจ  จะมีกี่คนที่สนุกกับงานอย่างพราวบ้าง  อาจจะเพราะเคยอยู่อย่างสบายมาก่อน  เงินที่มีก็เกินจะใช้หมด  ทำให้พราวทำอะไรตามที่ใจอยากจะทำ  ไม่ต้องมาคอยนั่งทุกข์ร้อนรับคำสั่งจากใคร  แต่บางครั้งสนุกจนแทบจะไม่ได้พักหรือไม่มีเวลาให้คนข้างกาย  มันก็เป็นปัญหาเหมือนกัน

“ก็เลยไม่สนใจผัว...”

“อ้าว...”  พราวทำหน้าเหวอ  อีกคนไม่ได้หยุดทายา  แต่หน้าบูดบึ้งจนไม่กล้ามองสบตา  “อย่าโกรธสิ  ถ้าอย่างนั้นเรื่องแปลงผักยกให้ลูกน้องทำก็ได้  แต่กับข้าวก็ทำเหมือนเดิม  จะได้มีเวลาให้พฤกษ์ดีมั้ย”
“ครับ...”  พฤกษ์ยิ้ม  เอนตัวลงนอนกอดพราว  หลังจากแทบจะไม่ได้คุยกันมาเป็นเดือน  “อย่าหักโหมงานนัก  มีเวลาให้กันบ้างนะครับ  คิดถึงอะ”

“อือ...”  พราวขยับตัวไปหอมแก้มพฤกษ์แล้วยิ้มตาเป็นประกาย  “พราวสนุกมากไปหน่อย  คราวนี้พราวจะดูแลพฤกษ์ให้มากกว่าเดิม  นะครับ”

“ครับ...พราวมีความสุขมั้ย”  พฤกษ์ยอมรับว่าเขาถามเพราะเกิดไม่แน่ใจขึ้นมา

“มีความมากเลย  บางทีต่อให้อยู่เฉยๆ  ถึงจะเบื่อแต่ก็มีความสุขนะ”

“ทำไมล่ะ...”  พฤกษ์ไม่เข้าใจจริงๆ  เบื่อแล้วจะมีความสุขได้ด้วยเหรอ

พราวขยับตัวขึ้นหนุนหมอนใบเดียวกับคนรัก  ใบหน้านั้นมีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข  “มันจะมีกี่คนที่สมหวังในความรัก  แบบไม่ต้องลงมือลงแรงทำอะไรเลย  คิดว่าโลกนี้คงจะมีแค่ไม่กี่คน  พราวมีความสุขอยู่ได้ก็เพราะวันนี้ได้อยู่กับพฤกษ์ไง”

“จริงเหรอ?”  พฤกษ์ยังไม่แน่ใจ

“ถ้าพฤกษ์ลำบากกว่านี้  แลกกับการต้องอยู่พราว  ตอนนั้นพฤกษ์จะทนไหวมั้ย”  พราวไม่ตอบแต่ถามกลับ

“ไหวสิ  แค่มีพราวลำบากกว่านี้สักสิบเท่าก็จะทำให้ได้...”

“มันพอนะ  แค่มีพฤกษ์  พราวก็พอแล้ว...”

พฤกษ์ยื่นหน้าเข้าไปเพื่อทำการกระชากวิญญาณพราวตามที่เขาถนัดนักหนา  ริมฝีปากแตะกันเพียงแผ่วเบากดย้ำอยู่หลายครั้ง  ไม่ต้องดูดดื่มหรือรุนแรงเพื่อความสะใจ  เพียงแค่นั้นใจทั้งหมดก็เป็นของกันและกัน

“แค่ได้อยู่กับพฤกษ์  ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วล่ะ”

อ้อมกอดยังคงแนบชิดในทุกคืนวัน  ต่อให้งานถาโถมจนไร้เวลา  แต่อ้อมกอดอบอุ่นจะยังคงอยู่  พราวกับพฤกษ์ทิ้งระยะห่างกันบ้าง  แต่ต้องไม่ไกลจนเกินไป  ต้องใกล้พอจะก้าวมาหากันได้ในทุกเวลาที่ต้องการ

แค่รัก...ก็เพียงพอ









เงาใต้น้ำ : จบแล้ว  อาจจะแบบว่า  เฮ้ย...แค่นี้เหรอ  5555  แค่นี้ค่ะ
มีตอนพิเศษของวิน  เหมือนจะง่ายกว่าพราวอีก  เจอปุ๊บวิ่งใส่ปั๊บ  ไม่อยากจะลงเล้ย...
แต่ก็นะ  ไหนก็เสร็จแล้ว  ก็คงจะเอามาลง  ตอนพิเศษใครไม่รู้อีกคนที่มาไงเราก็สงสัย
คิดว่าจะจบด้วยตอนพิเศษของ  พาย  เพลง  ฟอง  แต่ยังนึกไม่ค่อยออก  อาจจะมาช้านิด
จริงๆ อยากหยุดแค่นี้นะ  แต่กลัวค้างเรื่องของพาย  ส่วนที่เหลือแถมๆ ไป เล่น ๆ หัวๆ อิอิ
อ้อ  เรานึกได้  ต้องขอโทษด้วยนะคะ เรื่องน้องเพลง  จริงๆ  Talk  แรกที่พิมพ์ไว้แจ้งแล้ว
แต่มันมีแก้ไข  แล้วไม่รู้ว่าลบช่วงที่บอกไว้ว่างน้องเพลงจะท้องออกไป 
ตอนมีคนสงสัยก็เลยย้อนขึ้นไปอ่าน  อ้าวไม่ได้บอกไว้เหรอ...  พลาดรุนแรง 
ตอนแรกก็พยายามจะบอกว่ามันแฟนตาซีนิดๆ เหมือนกัน 5555
จันทร์มีงานเลี้ยงปิดบัญชีประจำปี  อังคารอาจจะมาได้  จะพยายามลงตอนเศษนอกเรื่อง
ให้เสร็จ  คงค้างไว้กับตอนพิเศษพาย  และค้างอีกกับลมออมนะคะ  ขอเวลานะคะ....

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2014 02:41:17 โดย OIL1982 »

ออฟไลน์ เงาใต้น้ำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +116/-3
นึกได้ว่าลืมเปลี่ยนชื่อวิน เดี๋ยวว่างๆ มานั่งเปลี่ยนให้ค่ะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :mew1: จบได้กำลังดี

แต่ตอนนี้อยากเคลียร์เรื่อง พาย  เพลง  ฟอง อ่ะ
สรุปว่าพายไม่หมั้นแล้ว? แล้วทำไม พายถึงไปกินฟองได้อ่ะ
เมาแล้วปล้ำเหมือนเพลงเหรอ
ขอตอนพิเศษเคลียร์ 3 คนนี้หน่อยเหอะ  :mew2:

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
พายเพลงฟอง คือสามคนเลยเหรอ ไม่โอเคอะ เหมือนตัวละครก็มีปมเรื่องครอบครัวกันอยู่ ละมาเป็นครอบครัวสามคนนี่นะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ เงาใต้น้ำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +116/-3
พอเพียงรัก : ตอนพิเศษ 1




“นพจะแต่งงานจริงเหรอวะ” 

ว่านเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ  เพราะก็ไม่เห็นมีวี่แววมาก่อนว่านพจะตกลงปลงใจกับใคร  เขามาอาศัยอยู่บ้านนพตอนย้ายมาเป็นครูที่นี่  ตอนนี้บ้านพักครูสร้างเสร็จแล้ว  เขาจึงเก็บกระเป๋าย้ายที่อยู่  เพราะเกรงใจที่ต้องอาศัยอยู่กับนพนานๆ

“ก็นะ  คิดว่ารักน้องมันจริงๆ ว่ะ”

“อือ...”

“ว่านไปอยู่ทางนั้นได้แน่นะ  เป็นห่วงว่ะ”  นพอดห่วงไม่ได้  ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้ลึกซึ้งอย่างที่ใครหลายคนคิด  มันอาจจะเป็นแค่ความผูกพัน

“อยู่ได้สิ”  ว่านยิ้มท่าทางดูตื่นเต้นไม่น้อย

“เดี๋ยวนพจะไปส่ง”  นพยกกระเป๋าว่านลงจากบ้านไป  ตะโกนบอกพ่อที่ให้อาหารไก่อยู่  ก่อนจะพาว่านซื้อมอเตอร์ไซด์ไปโรงเรียน

บ้านพักครูอยู่หลังโรงเรียน  ก่อนแปลงเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน  บรรยากาศดูร่มรื่นและไม่เปลี่ยวหรือเสี่ยงอันตราย  จะลำบากหน่อยก็ตรงที่ยังต้องสูบน้ำบาดาลมาใช้  ส่วนเด็กๆ ก็ดื่มน้ำฝนที่รองไว้ในแทงค์ใหญ่สองแทงค์

วันนี้ก็เด็กนักเรียนที่เป็นเวรดูแลแปลงเกษตรและให้อาหารสัตว์มาคอยทำหน้าที่ตามที่ได้รับผิดชอบกันไป  ทำให้ดูครึกครื้น  เสียงหยอกล้อกันดังเป็นระยะ  ว่านชอบเด็กที่นี่เพราะใสซื่อไม่ทำตัวเกินวัย  อาจจะบางคนที่ดูแก่นเซี้ยวจนต้องปวดหัวบ้าง  แต่ก็สร้างเสียงหัวเราะให้ครูได้มากอยู่

“นพ...มาทำอะไร”  เสียงห้าวห้วนตะโกนถาม  คนตัวโตเกินเด็กนักเรียนกำลังรดน้ำแปลงผักอย่างขะมักเขม้น  ดวงตาดำขลับจับจ้องครูว่านอย่างสงสัย

“พาครูว่านมาส่งที่พัก  หลังจากนี้ครูว่านจะมาพักโรงเรียน  ฝากพี่ไม้ดูแลด้วยนะ”  นพตะโกนตอบกลับไป  แล้วหันมาบอกว่าน  “พี่ไม้แกเป็นลูกภารโรงเก่า  ลุงแกเสียไปแล้วแหละ  แต่พี่ไม้แกผูกพันกับโรงเรียน  บ้านแกอยู่โคกโน้น  ไม่ได้เรียนหนังสืออ่านไม่ออกเขียนไม่ได้  แต่เก่งนะประดิษฐ์นู่นนี่ได้หลายอย่าง  เก่งกว่าคนจบวิศวะฯอย่างนพอีกว่ะ”

“อ่อ...”  ว่านพยักหน้า  รับกระเป๋ามาจากนพ  แต่ใครอีกคนก็วิ่งมาคว้าไว้เสียก่อน

“ครู  พี่ไม้ไปส่งให้”  คนตัวใหญ่ประมาณอายุไม่ถูก  เพราะดูเหมือนจะรุ่นเดียวกับนพ  นพก็ดันเรียกว่าพี่เสีย

“พี่ไม้อายุเท่าไหร่  ครูว่าไม่น่าแก่เกินจะเป็นพี่กัน”

“ยี่สิบห้าปีนี้จ้ะ”  คนตัวโตตอบด้วยรอยยิ้ม  โชว์ฟันขาวสวยเรียงเป็นระเบียบ  ว่านเหลืบมองเพียงนิดก็เสหลบ  รู้สึกเขินแปลกๆ  ในใจเริ่มรวนเร  ใจหนึ่งไม่ให้ยุ่งด้วย  แต่อีกใจว่าคนๆ นี้น่าคบ  แม้จะมีความกลัวในเรื่องอดีตแต่นิสัยวิ่งเข้าใส่ก็ยังติดตัวอยู่มากจนกลัวตัวเอง

ว่านเดินตามพี่ไม้ไปที่ห้องของเขา  มากันตามลำพัง  เพราะนพก็ต้องรีบไปหาแฟน  บ้านพักครูเป็นบ้านสองชั้น  ด้านล่างเป็นใต้ถุน  ส่วนข้างบนมีสองห้อง  กลิ่นสีที่เพิ่งทายังคงโชยอยู่รอบตัว  แต่ว่านไม่ได้หวั่นอะไร  แค่นี้คงไม่ถึงกับทำให้เขาเหม็นจนจมูกทะลุหรือเสพติดกลิ่นสีไปได้หรอก

ประตูไม่ได้ล็อกกุญแจ  ครูใหญ่บอกว่าให้ครูว่านจัดหาเอาตามใจชอบ  คิดว่าอย่างไหนแน่นหนาก็เลือกได้ตามใจ  ส่วนจะเอาบิลมาเบิกไหมก็แล้วแต่ใจอีก  ครูใหญ่ไม่ว่ากัน  เพราะโรงเรียนก็มีครูแค่สองคนคือครูว่านกับครูแต้ว  แต่ครูแต้วบ้านอยู่ที่นี่ก็เลยไปกลับ 

ครูว่านทำหน้าที่สอนคณิตศาสตร์ชั้นประถมต้นในตอนแรก  แต่ตอนหลังก็เปลี่ยนเป็นสอนจนถึงประถมปลายด้วย  ส่วนวิชาภาษาไทยก็สอนแค่ประถมต้น  ประถมปลายครูแต้วรับไปสอนกับพวกวิชาดนตรี  งานบ้านงานเรือน  ครูใหญ่รับสอนเกี่ยวกับพวกสังคม  ท้องถิ่น  ส่วนพลศึกษากับเกษตรก็แบ่งๆ กันไป

ครูว่านไม่ได้จบครูมาโดยตรง  ตอนนี้ก็เลยกำลังเรียนเอาวุฒิครูอยู่  ปกติว่านก็ไม่ได้เรียนแย่อะไร  เขาก็เลยเรียนไปแบบไม่ได้เคร่งเครียดมาก  รู้สึกได้เลยว่าตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่  อะไรๆ ก็เป็นเรื่องง่ายไปหมด  ถ้ามันจะลำบากก็แค่เรื่องกิน  ที่เขากินจืดมาแต่ไหนแต่ไร  กับเรื่องน้ำที่บางทีมันก็ไม่ไหล  นอกนั้นชีวิตก็มีความสุขดี

เงินเดือนครูไม่เยอะอะไรแค่หกเจ็ดพัน  แต่ว่านก็เหลือใช้จนน่าตกใจ  อาจจะเป็นเพราะมาอยู่ที่นี่  นอกจากค่าข้าวและค่าซักผ้าแล้ว  ว่านแทบไม่ได้ใช้จ่ายอย่างอื่น  เพราะเขาไม่ต้องไปคอยซื้อของแบนด์เนมจำพวกเสื้อผ้า  กระเป๋า  รองเท้า  เป็นครั้งแรกในชีวิตที่สงสัยตัวเองว่า  จะสรรหาซื้อของพวกนี้มาเก็บทำไม  เพราะสุดท้ายแล้วก็ใช้ได้ไม่ครบเสียที

เสื้อผ้าที่ขนมาก็เยอะอยู่  แต่เพราะบรรยากาศมันไม่ให้  ว่านก็เลยได้แต่เก็บใส่กระเป๋าเอาไว้  เสื้อที่ใส่ก็ได้จากเพื่อนพราว  ที่ไปถูกใจเสื้อเชิ้ตกลุ่มแม่บ้าน  แต่ไม่ถูกใจลายกับเนื้อผ้า  พ่อคุณเลยถ่อไปกรุงเทพฯ กับสามีพากันไปพาหุรัดเพื่อเลือกซื้อผ้าที่ชอบมาตัดเสื้อ  กางเกงแบบเย็บโหล  ว่านก็เลยได้อานิสงส์มาจากเพื่อนบ้าพลังด้วย

“ครู  ให้พี่ไม้ช่วยอะไรอีกไหม?”  คนตัวโตเสนอตัวจะช่วยเหลืออีกรอบ

ว่านที่กำลังเหม่อหันมองคนตัวใหญ่ผิวคล้ำแดด  อดยิ้มไม่ได้  ดูเหมือนเขาจะสูงแค่ไหล่อีกคนเท่านั้น  นี่เขาตัวเล็กเองหรือพี่ไม้มันเป็นยักษ์กันแน่  ว่านสังเกตแล้วว่าคนแถวนี้ไม่ได้สูงกันมาก  เขาเองถือว่าสูงอยู่ถ้าเทียบกับคนอื่น  แม้จะสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบห้าก็เถอะ  แต่พี่ไม้มันสูงกว่าเขาโขอยู่

“คงไม่มีอะไรหรอกพี่ไม้  ห้องก็ทำความสะอาดแล้ว  เดี๋ยวครูจัดเสื้อผ้าเข้าตู้  ปูที่นอนก็คงนอนได้”

พี่ไม้มองเตียงที่ยังหุ้มพลาสติกแล้วคิดได้  “พี่ไม้จะช่วยครูปูเตียง  จะได้ไม่เหนื่อยเตียงมันหนักอยู่”

ครูว่านพยักหน้า  เปิดกระเป๋าหยิบผ้าปูที่นอนส่งให้  ในกระเป๋ามีของใช้ไม่เยอะ  เพราะส่วนใหญ่ฝากไว้ที่บ้านลุงกำนัน  อีกวันสองวันพฤกษ์กับพราวก็คงช่วยขนมาให้  เดี๋ยวนี้ว่านไม่เจอสองคนนั้นบ่อยเท่าแต่ก่อน  เพราะต่างคนต่างทำงาน  แล้วก็ดูเหมือนจะบ้างานเหมือนกันไปหมด  แต่ว่านรู้สึกว่าตัวเองสบายกว่าใคร  โดยเฉพะช่วงโรงเรียนปิดเทอมแบบนี้

“ครู...”  เสียงเรียกทำให้ว่านที่เหม่ออีกรอบได้สติ

เงาดำใหญ่พาดทับตู้บังแสงสว่าง  ความทรงจำบางอย่างไหลเวียนกลับมาในสมอง  ว่านเหงื่อท่วมมือไม้สั่นไร้เรี่ยวแรง  เจ้าตัวเหมือนหลุดออกไปจากโลก  ทิ้งตัวลงกับพื้นกระถดไปจนชิดมุมตู้  ส่งเสียงกรีดร้องดังลั่นห้อง 

ไม้ตกใจกับอาการแปลกของครู  รีบขยับเข้าไปประชิดเอื้อมมือปิดปากที่ตะโกนร้องไม่หยุด  ยิ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับว่านที่ดิ้นทุรนทุรายไม่หยุด  ฟันคมลงเขี้ยวกับมือหนาใหญ่ที่กำลังจะทำให้เขาขาดใจตาย

“ครู  ใจเย็น...พี่ไม้ไง  ครู....ว่าน  ไม่เป็นไร”

เสียงกระซิบเตือนสติให้ว่านหยุดร้อง  ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ  รสและกลิ่นเลือดจากมือใหญ่ยังรับรู้ทั้งทางปากทางจมูก  พี่ไม้รวบร่างบางเข้ามากอดไว้ใกล้ชิด  มือที่เหลือลูบหลังเป็นการปลอบใจ

“ไม่เป็นไรๆ”

ดูเหมือนความกลัวจะพอทุเลาลงบ้าง  แต่ว่านก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก  ไม้ก็ทำได้แค่เพียงนั่งมองอยู่ห่างๆ  ไม่กล้าจะกลับบ้านตอนนี้  กลัวว่าถ้าเขากลับไปอีกฝ่ายเกิดมีอาการเหมือนเดิมอีกจะยุ่งเอา  ตาคมเผลอนั่งจ้องผ้ารัดข้อมือสีดำอย่างสงสัย  ตั้งแต่ครูว่านมาสอนเด็กที่นี่เขาก็มาแอบดูบ่อยๆ เรียกว่าติดใจครูหนุ่มจากกรุงเทพฯ คนนี้เหลือเกิน  ถ้าจำไม่ผิดเขาเห็นครูว่านใส่ผ้ารัดข้อมือทุกวัน  รวมถึงอาการบางอย่างที่ได้เห็น  แม้ไม้จะซื่อบื้อแต่ไม่ใช่คนโง่จนไม่รู้อะไร  เขาพอจะเดาออกว่าใต้ผ้ารัดข้อมือนั้นมีอะไรอยู่  เพียงแตไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับครูว่านก็เท่านั้น

“ครู  พี่ไม้ไปเอาข้าวต้มมัดมาให้นะ  วันนี้มีงานวัด...”

ว่านเงยหน้ามองคนบอก  เขานั่งกอดเข่าเงียบบนเตียงมาเกือบครึ่งวัน  พี่ไม้ก็ไม่ได้คิดจะไปไหน  แต่พอช่วงบ่ายก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนใจเสียแล้ว  เขาเชิดหน้าอย่างดึงดัน  อาการที่ไม่ได้ทำต่อหน้าใครมานาน...

“อยากไปก็ไป...”

ไม้หน้าเสีย  รู้สึกเหมือนครูไม่ค่อยพอใจ  เจ้าตัวคลานเข้าไปใกล้เตียง  “ครูไม่หิวเหรอ?”

“หิว...”  ว่านรับคำง่ายๆ  ละอายใจนิดหน่อย  เผลอเอาแต่ใจไปได้  “แต่ไม่อยากอยู่คนเดียว...”

“อ่อ...”  ไม้พยักหน้า  วิ่งออกจากห้องไปอย่างเร็ว  ทิ้งให้อีกคนฮึดฮัดยกกำปั้นทุบเตียงจนเจ็บมือ  แต่ไม่ทันไรตัวต้นเรื่องก็วิ่งกลับเข้ามานั่งที่เดิม

“อะไร?”  อีกครั้งที่ว่านขึ้นเสียงใส่ไม้  เขานึกรู้ว่าตัวเองต้องทำหน้าตาน่าเกลียดอยู่แน่  แต่คนกำลังโมโห...

“พี่ไม้ให้ไอ้มิ่งไปเอาให้แล้ว  เดี๋ยวสักพักคงมาถึง” 

“มิ่ง  ประถมสามเหรอ”  ว่านพอจะนึกออก  ที่จริงเขาจำเด็กนักเรียนได้เกือบครบทุกคนแล้ว  ประถมต้นนี่จำได้หมด  “พี่ไม้  อยากเรียนหนังสือบ้างมั้ย”

ไม้นั่งก้มหน้า  ดูเหมือนจะลำบากใจในการตอบ  “ก็...อยากอ่านออกเขียนได้เหมือนกันครู”

“ถ้าอย่างนั้น  เปิดเทอมนี้มาเข้าเรียนนะ  จะบอกครูใหญ่ให้  เอาแค่ภาษาไทยกับคณิตศาสตร์ก็พอ  อย่างอื่นถ้าอ่านออกเขียนได้ก็หาอ่านเองได้”  ว่านชวนอย่างกระตือรือร้น  “ช่วงไม่ได้เรียนค่อยไปทำงานที่ทำอยู่”

“จะดีหรือครู...”  ไม้ไม่ค่อยแน่ใจ  บางทีเขาอาจจะแก่เกินเรียนแล้ว

“ดีสิ”  ว่านยืนยัน  ทิ้งตัวลงนอนหนุนหมอน  ไม้ดึงผ้าห่มตรงปลายเตียงขึ้นคลุมตัวให้ 

ว่านยิ้ม  ดวงตาจ้องมองเพดาน  รู้สึกชอบใจกับความอบอุ่นของคนตัวโตคนนี้  เขาเริ่มมองถึงอนาคตว่ามันจะเป็นไรอย่างต่อไป  หากเขาเปิดใจ  ความรู้สึกพิเศษแบบนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  แต่เขาเองจะกล้าเดินไปข้างหน้าหรือเปล่า... 

สายตาละจากเพดานหันมาจ้องมองคนที่นั่งข้างเตียง  ลมพัดเอื่อย  แดดก็ไม่แรงมาก  อากาศน่านอนกลางวันแบบนี้  ทำให้ว่านเผลอหลับไป  หลังจากนอนจ้องตากับคนตัวใหญ่ที่นั่งปักหลักอยู่ข้างเตียงเขาไม่ยอมขยับไปไหน  แค่คิดว่าอีกฝ่ายไว้ใจได้...ถึงได้ไม่ยอมให้ไปไหน

ไม้นั่งมองคนที่หลับไปแล้วไม่วางตา  รู้สึกปวดแก้มเพราะเอาแต่ยิ้มไม่หุบ  ไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาอยู่ใกล้คนที่คอยแอบมองมาหลายเดือน  อยากจะขอบคุณความบังเอิญเสียจริง  หรือบางทีเขาก็หวังให้มันเป็นโชคชะตาที่ดึงรั้งให้พวกเขาต้องมาใกล้กัน  และขอให้มันเป็นอะไรก็แล้วแต่ที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสานต่อไป  จนเกิดความผูกพันมากกว่านี้

ไม้เอื้อมมือแตะแก้มคนนอนหลับแผ่วเบา  ขยับตัวเข้าไปชิดแนบสนิทกับเตียง  ภาวนาให้อีกคนหลับลึก  ก่อนจะยกตัวขึ้นหอมแก้มว่านที่หลับไม่รู้เรื่อง  ผิวคล้ำแดดแดงก่ำไปทั้งตัว  เขินจนนั่งบิดไปมา...ทำลงไปแล้ว










“ว่าน  ตื่นหรือยัง”  ไม้เคาะประตูห้องสามครั้ง  แล้วรอคำตอบ  ก่อนจะหัวเราะเมื่อว่านเดินงัวเงียผมยุ่งมาเปิดประตูให้  “ยังไม่ตื่นอีก  สายแล้วนา...”

เป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วที่ไม้จะต้องเอาอาหารเช้าจากพราวมาส่งให้ว่าน  และต้องคอยปลุกว่านทุกวัน  แต่ส่วนใหญ่พอปลุกแล้วอีกคนก็จะนอนต่อสักพัก  แล้วถึงจะลุกขึ้นอาบน้ำมากินมื้อเช้า  เสร็จแล้วว่านก็จะสอนคัดลายมือให้ไม้  ช่วงนี้ยังไม่เริ่มฝึกอ่านจริงจัง  แค่ท่องกอไก่  ขอไข่  และผสมสระง่ายๆ  ไปก่อน

“เมื่อคืนทำแผนการสอนดึกอ่า”  คนนอนไม่เต็มอิ่มโยเย  ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงไม่สนใจ

ไม้วางกับข้าวไว้ที่โต๊ะด้านนอก  ก่อนเดินเข้ามาดูคนพยายามจะนอนอีกรอบ  เสื้อกล้ามลายสดใสเลิกขึ้นจนเห็นท้องขาวๆ  ไม้ดึงลงให้  แกล้งไล้มือไปบนต้นขาขาวอย่างจงใจ  เพราะไม่ชอบที่ว่านชอบใส่กางเกงขาสั้นให้เห็น

ว่านลุกขึ้นมาตีแขนไม้อย่างรำคาญ  ก็มันเล่นแกล้งแบบนี้ทุกวันจนจะครบเดือนอยู่แล้ว  เดี๋ยวก็นอนเปลือยโชว์เสียเลย  แต่พอคิดแบบนั้นแก้มก็ขึ้นสีแดงเรื่อ  แดงไปถึงหูนั่นแหละ...

“เปิดอีกแล้ว”  ไม้บ่น  แค่อีกคนลุกนั่งเสื้อก็เปิดโชว์ผิวขาวให้วุ่นไปหมด  “ไม่ถอดเสื้อนอนเลยเล่า”  อดพูดประชดไม่ได้ 

ว่านลุกขึ้นมาอีกรอบ  ถ้าไม่ถอดสงสัยไม่ต้องนอนกันพอดี  เจ้าตัวนั่งหันหลัง  ดึงเสื้อกล้ามออกทางหัว  ก่อนดึงผ้าห่มมากอด  แล้วนอนตะแคงหลบสายตาอีกคนไปเสีย  ทิ้งให้ไม้นั่งตาค้างที่ปลายเตียง  แผ่นหลังขาวจั๊วะชัดเจนในสายตา  แล้วหนุ่มกลัดมันอย่างไม้ก็อดไม่ได้  ขยับเข้าไปใกล้กดจมูกลงไปกลางหลังนวลเสียเลย

“หอม...”  ว่าแล้วก็ตวัดรัดคนเอวบางมากอด  หอมแก้มนุ่มๆ ไปสองที  “ถ้านอนพอแล้วก็อาบน้ำกินข้าวนะ  พี่ไม้จะนั่งเฝ้าตรงนี้แหละ” 

ว่านหันแก้มแดงๆ มามองคนที่นั่งลงตรงข้างเตียงที่เก่าเวลาเดิม  ก็พี่ไม้มันทำแบบนี้ทุกวันตั้งแต่วันแรกที่เขาเจอกับมัน  จะว่าไปก็กลายเป็นความเคยชินไปแล้ว  มีกอด  หอม  หยอกล้อกัน  ไม่รู้ว่ามันเริ่มมาตั้งแต่วันไหน  แต่พอเริ่มต้นแล้วก็ดำเนินมาเรื่อยๆ จนจะพ้นเดือนอยู่รอมร่อ 

ถ้าไม่ติดว่าจะให้พี่ไม้มาเป็นลูกศิษย์อีกหลายปี  นอกจากเทใจให้แล้ว  ว่านคงเทกายแถมให้ไปอีก  แต่แค่คิดถึงคำว่าครูกับนักเรียน  ก็ต้องรีบหยุดความใจอ่อนของตัวเองไว้  แม้จะหวั่นใจลึกๆ ว่าสักวันพี่ไม้อาจจะเปลี่ยนใจไปกับใครสักคน  เหมือนกับนพที่เหมือนจะรักกัน  แต่สุดท้ายมันก็แค่ความผูกพัน

ว่านดีใจที่อย่างน้อยเขาก็มีคนดีๆ ให้รัก  ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ตาม...















“ว่าน...อีกแล้วนะ”  พี่ไม้ตะโกนเสียงดัง  เมื่อเจ้าของห้องเปิดประตูออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูคาดเอว  กับอีกผืนที่คลุมหน้าอกอยู่  แต่เจ้าตัวไม่สนใจเสียงร้อง  หันหลังโชว์แผ่นหลังนวล  ที่มีรอยจ้ำแดงอยู่หลายจุด  ก็ฝีมือพี่ไม้มันนี่แหละ

“ทำไม?” 

“ยั่วนัก  สักวันเถอะ  เนื้อจะเข้าปากเสือ  จะว่าไม่เตือน”  ไม้ประชด  วางถุงกับข้าวลงที่เก่าแล้วเดินตามเข้ามาภายในห้อง  แล้วก็ต้องแปลกใจ  เมื่อว่านยังยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน

“ว่านยั่วเหรอ  นิสัยไม่ดีเนาะ...”  คนพูดเสียงสั่น  ยกผ้าขึ้นปิดหน้า  สะอื้นจนตัวโยน  ไม้ตกใจทำอะไรถูก  “พี่...กลับไปก่อน”

วันนี้ไม้หมดแรงจะต่อล้อต่อเถียง  เขาดึงประตูปิด  แล้วนั่งนิ่งอยู่หน้าห้อง  ได้ยินเสียงร้องไห้ดังบ้างเบาบ้าง  นึกโกรธตัวเองที่พลั้งปากไปว่าว่านแบบนั้น  ไม้พอจะรู้เรื่องของว่านมาจากพราวบ้าง  เพราะไม้เองก็เป็นคนงานของพราว  หลังจากทางนั้นรู้ว่าเขากับว่าน  เหมือนจะ...สนิทกัน  ก็เลยเล่าเรื่องของเพื่อนให้ฟัง  แต่นั่นก็เพราะไม้ยืนยันว่า...รักว่านเหลือเกิน

ผ่านไปเกือบชั่วโมง  ประตูถูกแง้มออกดู  ไม้ไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆ  อดเป็นห่วงว่านไม่ได้จึงเปิดประตูเข้าห้องไปด้วยความสงสัย  ก็เห็นครูหนุ่มนอนตาบวมหลับอยู่บนเตียง  คงจะเพราะช่วงนี้ทำแผนการสอนทุกคืน  ว่านจึงนอนไม่พอและตื่นยากทุกวัน

ผ้าห่มนวมคลุมร่างที่ดูเหมือนจะยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า  จะว่าไปไม้ก็เคยเห็นร่างเปลือยของว่านเกือบหมดทั้งตัวแล้ว  ยกเว้นช่วงอกนั่นแหละที่ว่านอายนักหนา  ไม่ยอมให้เห็นง่าย  ผิดกับหลังนวลๆ  ที่เคยไล้ลิ้นชิมไปจนทั่วแล้ว...

“ตาบวมหมด...”  ไม้บ่นขยับขึ้นไปคร่อมคนหลับไว้ทั้งตัว  ก้มหน้าลงจูบไปทั่วเปลือกตาสองข้างอย่างสงสารและสำนึกผิด

“อือ...”  ว่านส่งเสียงรำคาญ  พยายามเปิดเปลือกตาขึ้นมอง  ภาพที่เห็นเลือนรางทำให้พยายามขยับตัวหนีเพราะยังน้อยใจอยู่  “ออกไปนะ...”

“แล้วโกรธกี่วัน  ต้องไม่มาให้เห็นหน้ากี่วัน”  ไม้เอ่ยถามเสียงแผ่ว  “จะได้ทำใจ  ว่าจะไม่ได้เจอหน้าคนๆ นี้อีก”

เงียบ...

“งั้นพี่ไม้ไปนะ...”  เสียงบ่งบอกอารมณ์น้อยใจของคนตัวโต  ทำให้ว่านสะดุ้งผวาตาม

“พี่ไม้  อยู่เป็นเพื่อน...”

ไม้หัวเราะทิ้งตัวลงทับคนด่านล่าง   “เพื่อนที่ไหนอยู่กันแบบนี้  ฮื้อ...”  เขาพลิกตัวลงนอนตะแคงใกล้ๆ  “หายโกรธพี่เถอะนะ  พี่มันปากไม่ดีเอง”

“ไม่ใช่  เพราะว่านยั่ว”  ว่านเสียงสั่น  ทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ

“ก็ดีแล้ว  อย่าร้องสิ...”  ไม้ขยับเข้าไปจูบซับน้ำตาให้  “ถ้าไม่ยั่ว  แล้วพี่จะมาถึงขั้นนี้ได้ยังไง  พี่ขี้ขลาดแถมยังซื่อบื้ออีก”

“เทอมหน้าพี่ไม้ต้องเป็นนักเรียนของว่าน  อีกหลายปีถึงจะรักกันได้  ถึงตอนนั้นพี่ไม้คงจะแต่งงานมีลูกไปแล้ว”

ไม้หัวเราะ  เพื่อนคุณพราวเขาก็ช่างคิดอะไรแปลกๆ  “งั้นก็รักกันก่อน  แล้วพี่อ่านออกเขียนได้ค่อยอยู่กินกัน”

“ทนได้หรือไง  ระหว่างนั้นก็ทำได้แค่นี้นะ”  ว่านยังไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะทนไหว  แต่เขาก็คงจะลำบากเหมือนกัน

“ถ้ายังได้ใกล้กันแบบนี้ก็ไหวนะ...”  ไม้กระซิบดึงว่านเข้ามากอดแน่นขึ้น  “นอนให้พอเถอะ  แล้วค่อยอาบน้ำกินข้าว  เดี๋ยวตื่นมาจะประคบตาให้  ตื่นมาปวดตาแน่”

“อือ...”  เสียงอู้อี้ดังขึ้นอยู่กับอก  ก่อนที่ว่านจะหลับไปจริงๆ
















“นิด  พี่จะยกไปให้เอง  กลับบ้านเถอะ”  ไม้ก้มลงบอกเด็กน้อยเพื่อนร่วมห้อง  ก่อนจะยกกองหนังสือไปที่บ้านพักครูอย่างคุ้นเคย

เปิดเทอมใหม่ไม้เข้ามาเรียนเหมือนเด็กคนอื่น  เพียงแต่ไม่ได้ใส่ชุดนักเรียน  โชคดีที่ช่วงปิดเทอมครูว่านสอนเขียนอ่านให้บ้าง  พอเปิดเรียนก็เลยได้เริ่มเรียนประถมสองแทนการเรียนประถมหนึ่ง  ครูใหญ่ยังชมว่าไม้เป็นคนหัวไว  ฉลาด  ก็เลยเรียนรู้เร็ว  บางทีถ้าไม้อ่านเขียนได้คล่องอาจจะไม่ต้องเรียนจนถึงห้าปีก็ได้

“ครูว่าน  เอาการบ้านเด็กมาส่งครับ”  ไม้ตะโกนบอก  วางทั้งสมุดและกับข้าวไว้บนโต๊ะหน้าห้อง  เขาไม่ได้เข้าเรียนทั้งวัน  เรียนเฉพาะคณิตศาสตร์ตอนเช้ากับภาษาไทยตอนบ่ายเท่านั้น  จึงมีเวลาไปเอากับข้าวที่บ้านคุณพราวมาให้ครูว่านได้

“ไม้มาอาบน้ำ  แล้วไปทำการบ้านเร็ว  วันนี้จะสอนคณิตศาสตร์เพิ่ม  จะได้เก่งๆ”  ครูว่านเดินเช็ดผมออกมาด้านนอก  แล้วบอกนักเรียนคนสนิท

“ไม่อยากเรียนเลยคูณกับหาร  มันยากนี่ครู”  ไม้บ่นงึมงำแต่ยอมเข้าไปอาบน้ำแต่โดยดี  เขามีเสื้อผ้าทิ้งไว้ที่ห้องครูหลายชุด  เพราะหลายครั้งที่ต้องมานอนเป็นเพื่อนครู  ช่วงนี้หน้าฝนพายุเข้าจะรุนแรงจนน่ากลัว  ครูว่านอยู่คนเดียวในช่วงเวลาแบบนั้นไม่ได้

เปิดเทอมมาความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างครูว่านกับไม้ก็ลดระดับเหลือเพียงครูกับนักเรียน  ในเวลาที่อยู่ด้วยกันครูว่านจะสอนพิเศษให้ไม้เท่าที่คนเพิ่งเริ่มเรียนจะรับไหว  ตอนแรกไม้ทรมานกับช่วงเวลาที่ว่า  แต่พอครูว่านบอกว่าพอปิดเทอมพวกเขาก็จะกลับไปเป็นคนรักกันอีก  ไม้ก็ตั้งอกตั้งใจรอเวลาปิดเทอมทุกเสี้ยวนาทีเลยทีเดียว













“ครูว่าน  เอาการบ้านมาส่ง”  ไม้ตะโกนเรียกเหมือนทุกวัน  แต่คราวนี้เสียงในห้องเงียบสนิท

ไม้เดินไปดูอีกห้อง  สองเดือนมานี้มีครูคนใหม่ย้ายเข้ามา  เด็กนักเรียนเรียกกันว่าครูไชน์  ครูไชน์เป็นคนกรุงเทพฯ เหมือนครูว่าน  ผิวขาวจั๊วะเหมือนกันอีก  จนใครๆ ชื่นชมว่าโรงเรียนมีแต่ครูหน้าตาดี  ครูใหญ่ยิ้มร่าชอบใจเสมอเวลาได้ยินชาวบ้านพูดกัน  ครูทั้งสองคนต่างก็พักบ้านพักครูเหมือนกันแต่วันนี้เหมือนจะไม่อยู่  ไม้เริ่มกังวล  ปกติหลังสอนเสร็จครูว่านจะกลับมาพักผ่อนที่ห้อง  ไม่ออกไปไหน  ครูว่านไม่ค่อยชอบคนเยอะๆ  เวลาเจอคลื่นมนุษย์ครูว่านจะมีอาการเวียนหัวจนถึงขั้นเป็นลมไปเลย

โครม!!

เสียงดังจากในห้องทำให้ไม้ที่กำลังจะลงจากบ้านพักตกใจ  เขาหันมองบานประตูที่ปิดสนิทและไม่รอช้า  วิ่งเข้าใส่มันโดยแรง  เพียงแค่ครั้งเดียวก็ดูเหมือนประตูจะพังแล้ว  ไม้จึงวิ่งเข้าใส่อีกรอบกระทั่งประตูเปิดอ้าออก

ไม้ใจร่วงไปถึงตาตุ่ม  ภาพครูไชน์คร่อมอยู่บนตัวครูว่านช่วงล่างเปลือยเปล่าทั้งคู่ทำให้เขาโกรธจัด  ยิ่งเห็นเลือดที่มุมปากกับน้ำตาที่ไกลอาบแก้มนวล  ไม้ก็คลั่งพุ่งตัวไปซัดครูไชน์ไม่ยั้ง  ไม่รู้ผ่านไปนานแค่จนกระทั่งเสียงร้องไห้ของครูว่านดังแว่วมาให้ได้ยิน  ไม้จึงยอมถอยจากร่างที่ไม่ได้สติเข้าไปกอดประคองครูว่านไว้

“ว่าน...”  เพียงแค่เอ่ยเรียกเสียงร้องไห้ก็ดังลั่นห้อง  คนในอ้อมกอดหอบจนตัวโยน  ทำท่าเหมือนหายใจไม่ออก  ไม้ยกมือลูบแผ่นหลังว่าน  หอมแก้มที่โดนต่อยจนช้ำไปหมด  “ไม่เป็นไรๆ”

ว่านเอื้อมหยิบโทรศัพท์ที่ตกอยู่ข้างตัวขึ้นมา  ทำท่าจะโยนลงกับพื้น  แต่ก็ตัดสินใจกดโทรออก  ไม้ไม่แน่ใจว่าปลายสายรับหรือยัง  เพราะคนโทรเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด  เขาก็พยายามปลอบจนถึงที่สุด  พอเห็นว่าถ้าหอมแก้มช้ำซ้ำๆ แล้วว่านจะดีขึ้น  เขาก็วนเวียนหอมแก้มช้ำอยู่อย่างนั้น

“พราว...มันมีคลิป  มันมี”  คนพูดเสียงสั่น  พูดอะไรที่ไม้ไม่เข้าใจ  ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้

“ครับ”

[ไม้เหรอ  ว่านมันพูดถึงใครวะ?]  น้ำเสียงที่ถามดูร้อนรน

“ครูไชน์ครับคุณพราว  มันจะข่มขืนว่านด้วย”

[ไอ้เจี้ย  มึง...ตอนนี้มันอยู่ไหน]  เสียงพราวดูโกรธจัด  อย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

“ผมซัดจนสลบเหมือดไปแล้ว  คุณรีบมาที  ว่านร้องไห้ไม่หยุดเลย”

[กูกำลังไป  ไม่ต้องห่วง  โอ๋มันเยอะๆ]

คุณพราววางสายไปแล้ว  แต่ไม้จำคำคุณพราวได้  โอ๋เยอะๆ  “โอ๋ๆ ว่าน  ไม่ร้องๆ  พี่ไม้อยู่นี่  คนเก่ง  โอ๋ๆ”

ว่านชะงักแต่ไม่ใช่ว่าหยุด  เพียงแต่ตลกจนอยากจะหัวเราะ  ถ้าไม่ติดว่ายังหยุดร้องไม่ได้เขาคงขำก๊ากไปแล้ว  เสียงเหมือนโอ๋เด็กดังอยู่ข้างหู  คลายความกลัวไปได้เยอะ  แล้วเขาก็นึกอะไรได้  ดึงโทรศัพท์จากไม้มากดๆ  แล้วยื่นส่งให้

ไม้รับโทรศัพท์มางงๆ  มันมีแค่ภาพ  เพราะโดนกดปิดเสียงไว้  ว่านขยับตัวกอดเขาแน่น  ซุกหน้าอยู่กับอกแข็งแกร่งที่คิดว่าจะต้องปกป้องตัวเองได้  แม้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า...ทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไป

ภาพของคนสองคนกำลังทำภารกิจบนเตียงอย่างเร่าร้อน  มันคมชัดจนไม่ต้องสงสัยว่าคนในภาพเป็นใคร  แต่ทั้งสองคนเป็นผู้ชายทั้งคู่  คนหนึ่งดูเก่งกาจกับเรื่องบนเตียง  สังเกตจากการสับเปลี่ยนท่าอยู่ตลอดเวลา  ส่วนอีกคนดูจะมือใหม่ที่ได้แต่คอยเป็นฝ่ายตาม  ที่สำคัญคนๆ นั้นคือว่านที่ไม่รู้ว่าถูกถ่ายทุกท่วงท่าและลีลาเอาไว้อย่างชัดเจน...

“อืม...มันอ่อนนะ”  ไม้พึมพำ  ว่านเงยหน้ามองคนพูดด้วยความสงสัย  “กับพี่ไม้  ว่านจะไหวมั้ยเนี่ย  ที่ไอ้นี่ทำโคตรกระจอกเหอะ  พี่ไม้อยากทำเยอะกว่านี้อีก” 

“บ้า...พูดอะไร  เคยหรือไง”  คนถามเสียงยังสั่ง  แต่แก้มแดงร้อนจนเหมือนจะสุก 

“ไม่เคย  แต่ดูมาเยอะนะ   มันจะเปลี่ยนท่าทำไมวะ  ไม่เห็นหน้าว่านเลย  เออก็ดีมึงจะได้ไม่ต้องหลงว่าน”

“ไม่รู้สึกอะไรเลย...”  ว่านทุบอกคนที่พูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ  แต่ไอ้พี่ไม้มันก็ปกติเกินเหตุ

ไม้ส่ายหน้าไม่แยแส  “ถ้าตัดเรื่องมันขายคลิปทิ้งไป  ว่านก็คบอยู่กับมันไม่ใช่เหรอ  ก็นะ...ถ้าไม่เลิกกัน  ชาตินี้พี่ก็ไม่ได้เจอว่านแล้วล่ะ  ต้องขอบใจมันด้วย  ก่อนจะฆ่ามันทิ้ง”

“อย่าโหด...เดี๋ยวต้องไปเยี่ยมในคุก  มันไปเป็นเมียคนอื่นแล้ว  คงจะทรมานกว่าว่านอีกเพราะไม่เต็มใจ”

“หยุดร้องแล้ว  ตามบวมหมดเลย”  ไม้เอื้อมมือแตะไปตามแผลบนใบหน้าคนรัก  “เจ็บมากไหม?  พี่ไม้เกือบจะลงบันไดไปแล้ว  ถ้าไม่ได้ยินเสียงดัง”

“มันขู่ว่าน  ว่าจะเอาคลิปมาแฉ  แต่ว่านไม่ยอมมัน  ไม่อยากถูกมันข่มเหง”  ว่านพูดแล้วร้องไห้ขึ้นมาอีก  ไม้เลยทั้งปลอบทั้งโอ๋  มือไม้ก็ดึงกางเกงของว่านขึ้นให้  หลังจากไม่ได้สนใจอยู่นาน  เขาแค่ไม่อยากให้ไอ้พฤกษ์มาเห็นแก้มก้นคนรักก็เท่านั้น



มีต่อด้านล่างจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2014 02:44:51 โดย OIL1982 »

ออฟไลน์ เงาใต้น้ำ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +116/-3
“ว่าน...”   เสียงตะโกนดังขึ้นมาก่อนจะได้เห็นตัวของพราวเสียอีก

เสียงย่ำบันไดทำให้ไม้ขมวดคิ้ว  ไม่ใช่แค่สองคน  นี่มันเป็นกองทัพได้เลย  แล้วก็จริงอย่างที่คิดเมื่อเห็นหัวโจกนักเลงประจำหมู่บ้านวิ่งมาพร้อมกับพี่ชาย  ไอ้เด็กนี่เป็นแม่คนแล้วมันยังซ่าได้อีก

“เป็นอะไรมั้ย  แต่กูว่ามึงคงฟินแล้วแหละ”  พราวมองเห็นซากของครูไชน์แล้วเอ่ยแซวเพื่อนสนิท  “ถ้าโดนมึงคงไม่ทำหน้าแบบนี้”

“บ้าสิมึง...”  ครูว่านหลบสายตาเพื่อน  ทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นลูกน้องของเพลงที่ยืนมองอยู่

“พวกมึงห้ามเอาไปพูดต่อ  ไม่งั้นมึงไปหาก๊กใหม่อยู่ได้เลย”  เพลงหันไปขู่ลูกน้อง  เดินเข้าไปดูครูไชน์  ใช้เท้าเขี่ยอีกคนให้นอนแผ่  ไม่ทันเห็นพี่ชายที่จ้องมองเขาอยู่ตลอด

“เพลง...”

เพลงสะดุ้ง  ลืมตัวแสดงที่กริยาที่ไม่เหมาะสมไป  เจ้าตัวยิ้มหวานเข้าไปกอดแขนพี่ชาย  “เพลงกำลังโกรธอะพี่พราว”

พราวส่ายหน้า  จะให้เชื่อได้ไงในเมื่อก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ของน้องชายมาบ้าง  เพียงแต่ไม่เคยเห็นกับตาก็เท่านั้น  เขาตัดสินใจไปนั่งรอด้านนอกพร้อมกับพฤกษ์  ให้เพลงจัดการที่เหลือต่อ  ตอนแรกเขาว่าจะไม่บอกเพื่อนที่กรุงเทพฯ  แต่ว่าอาจจะต้องบอกเพราะเรื่องคลิปนี่แหละ  พราวไม่แน่ใจว่าถ้าปล่อยไว้  มันจะหลุดไปที่ไหนอีกหรือเปล่า

“ไอ้สน  ไอ้สิน  ย้ายไปห้องมัน”  เพลงกระซิบบอกลูกน้องที่รีบช่วยกันอุ้มไอ้ (ครู) ไชน์เข้าไปในห้อง

เพลงยิ้มหวานให้พี่ชาย  ก่อนเดินตามลูกน้องเข้าไปในห้องไชน์  พฤกษ์ตะโกนเรียกไม้กับว่านให้กลับบ้านด้วยกัน  จะได้ไปทำแผลและอยู่กินมื้อเย็นด้วยกัน  โชคดีที่วันนี้เป็นวันศุกร์วันจันทร์ก็หยุดชดเชยอีก  แบบนี้แผลว่านก็คงจะดูไม่รุนแรงมากเมื่อถึงวันอังคาร  จะว่าไปไอ้ไชน์มันก็คงเลือกวันนี้เพราะกลัวโดนจับได้นั่นแหละ














“ไปไหนมา...”  ไม้เอ่ยถามว่านที่เปิดประตูย่องเข้ามาในห้อง

“ไปดูครูไชน์มา  มันงอนผัว  ตกใจหมด”  ว่านเดินเข้ามากอดไม้อย่างเอาใจ  ซุกหน้ากับอกกว้างบดบังรอยยิ้มเอาไว้  “มีผัวไงสองคนทีเดียววะ  มันเก่งเนอะ”

“ไม่ต้องเก่งก็มีได้  ไม่ยากหรอกของแบบนี้  แค่ดูแลกันได้ก็พอแล้ว  ถ้าเล่นๆ หัวๆ ยิ่งไม่ยาก  เสร็จแล้วก็จบกันไป”  ไม้พูดอย่างไม่คิดอะไร  จนรู้สึกว่าว่านยืนเงียบนั่นแหละถึงได้เอะใจว่าพูดอะไรผิดอีกแล้ว...

“พี่ไม้ดูไม่ใยดีกับเรื่องแบบนี้เนอะ...”

“คงใช่  สนแค่ว่านคนเดียว  อย่างอื่นไม่อยากเสียเวลาคิด  เอาที่ว่างในสมองไว้คิดถึงว่านก็พอแล้ว”  ไม้กระซิบอยู่ข้างหู  เสียงนุ่มจนอีกคนเคลิ้ม

“บ้า...”

“บอกก่อนว่าเงียบทำไม  พี่ไม้พูดอะไรทำร้ายจิตใจอีก...”

ว่านเอาหัวโขกกับหน้าอกแกร่ง  รำคาญความขี้น้อยใจของตัวเองจริงๆ  “ก็กลัวว่าจะถูกทิ้ง  พี่ไม้พูดเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องเล่นๆ ได้ตลอด  ไม่ค่อยจริงจัง”

“ก็ใช่  ไม่ได้จริงจัง  แต่ถ้าเป็นเรื่องว่าน  พี่ไม้จริงจังตลอด”

“เลิกหยอดได้มั้ยเล่า  ปวดแก้ม...”  ว่านทุบอกคนพูดแล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่บนที่นอน  “พี่ไม้...”  เขาเอ่ยเรียกเมื่อได้ยินเสียงห้องข้างๆ ดังขึ้นชัดเจน  เริ่มกันเร็วจริงพวกนี้นี่

“อย่าบอกนะว่าจะหยุดกันตอนเช้า  พรุ่งนี้ย้ายของไปนอนกระท่อมน้อยเราเถอะว่าน  จนกว่าพี่จะจบประถม  พี่จะไม่อยู่ข้างห้องไอ้พวกนี้เด็ดขาด”  ไม้หงุดหงิด  เขาดึงกระเป๋าเดินทางของว่านออกมาเก็บเสื้อผ้าใส่ตามความตั้งใจ

ว่านลุกขึ้นไปนั่งกอดเอวคนรักที่กำลังจัดกระเป๋า  “เห็นใจมันเถอะ  เดือนสองเดือนเจอกันครั้ง  ถ้าเจอกันทุกวันไชน์มันไม่ยอมหรอก  ใครจะไปทนไหว”

“อือ...เห็นใจ  แค่อยากให้ว่านไปค้างที่บ้านเรา  ปิดเทอมแล้วด้วย...”

“ครับ...”  ว่านก้มลงจูบแผ่นหลังกว้างอย่างรักใคร่  แม้จะผ่านเนื้อผ้าแต่ไม้ลอบยิ้มอย่างชอบใจ












“ว่านจะไปไหน...”  ไม้เอ่ยถามเมื่อเห็นคนรักแต่งตัวทะมัดทะแมงเดินตามเขาต้อยๆ  “ทำไมไม่นอนต่อ  ยังเช้าอยู่เลย”

“จะไปกับพี่ไม้  นะๆ”  ว่านส่งเสียอ้อน  วิ่งเข้ามาควงแขนไม้ไม่ยอมปล่อย

ไม้ยกมือลูบแก้มว่านแล้วยิ้ม  แต่เสียงขู่  “มันร้อน  ไม่อยากให้คล้ำแดด  พี่เสียดาย”

“ก็จะได้สีเดียวกันไม่ชอบเหรอ...”

“ไม่ชอบ”  ไม้รีบตอบทันที  “อยากมีเมียขาวแบบไอ้สนไอ้สิน  แถวนี้ยิ่งหายาก  ได้มาแล้วไม่อยากจะพลาดอีก”

“บ้าสิ...งั้นไปนั่งเล่นกับพราวนะ  นะครับพี่ไม้”

ไม้ทนลูกอ้อนของว่านไม่ไหวจึงต้องพามาที่บ้านของพฤกษ์ด้วย  โชคดีที่วันนี้เพื่อนคุณพราวเกิดโผล่มาแบบไม่ให้รู้ตัว  ว่านก็เลยไปนั่งดวลเหล้าราคาแพงอยู่กับเพื่อนตั้งแต่เช้าจนเย็น  ได้ยินคุณพราวชวนเพื่อนค้าง  แต่เพื่อนบอกว่าจองโรงแรมในเมืองไว้แล้ว  และไม่อยากรบกวนเวลาผัวเมียด้วย  ก็เลยพากันกลับเข้าเมืองไป

ไม้ประคองว่านจะพากลับบ้าน  แต่ครูหนุ่มก็ทำท่าเดินไม่ไหว  ก็เลยต้องแบกขึ้นหลังกลับแทน  ตลอดทางก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากคนเมาเป็นระยะ  บางทีก็เรียกพี่ไม้ไม่หยุด  บางทีมันก็เพ้อไปถึงดาวอังคารดาวพฤหัสนู่น  ฟังไม่เป็นภาษา  กว่าจะกลับถึงบ้าน  ไม้ที่เหนื่อยจากงานมาทั้งวันก็ประสาทหลอนเพราะอาการเพ้อพกของว่าน

วันนี้ภูมิต้านทานความบ้า...ใช้หมดแล้ว







“พี่ไม้  ร้อนๆ”  คนเมาตะโกนบอกไม้ที่อาบน้ำอยู่   จนเขาต้องออกจากห้องน้ำมาทั้งที่ตัวเปียก

“ไปอาบน้ำก่อนพี่  ดีๆ”  ไม้พยายามจะดันอีกคนเข้าห้องน้ำ  ก็ยากเต็มทีว่านมันกอดรัดเขาแน่น   “ว่าน...”

“ถอดหน่อย  มันร้อน...จะตายแล้วนะ”  ว่านตะโกนไม่ยอมแพ้  ไอ้ที่เพื่อนเอามาดีกรีพอๆ กับเหล้าขาว  แล้วมันเหมาะกับอากาศปลายหน้าร้อนตรงไหน

“อย่าโวยวายสิ  ก็ปกติให้เห็นที่ไหนเล่า...”  ไม้บ่น  สองจิตสองใจไม่กล้าถอดเสื้อให้อีกฝ่าย  ปกติเห็นปิดบังเขินอายหน้าแดงปานลูกตำลึง  อยู่ๆ เมาจะมาให้ถอด  ใครจะไปกล้า...

บางทีไม้ก็อดคิดไม่ได้ว่า  มันอาจจะมีแผลบางอย่างที่ว่านไม่อยากให้เขาเห็น  แล้วถ้าสักวันเขาล้ำเส้นมากเกินไปจนอีกฝ่ายไม่ไว้ใจ  หนีจากเขาไป  วันนั้นไม้คงช้ำในตายเป็นแน่  เพราะคิดแบบนี้อะไรที่ว่านไม่อยากให้ทำ  เขาจึงไม่เคยทำให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกเคืองใจเลย...

“ร้อนอะ  ถอดนะ”  เสียงตะโกนโวยวายของเด็กเอาแต่ใจดังลั่นบ้าน  ไม่ต้องกลัวคนได้ยิน  เพราะในรัศมีร้อยเมตรมีแต่สวนมะม่วงกับสวนข้าวโพด

“ได้ๆ  อย่าตะโกน  พี่ไม้กลัวแล้วครับ”  ไม้อนาถตัวเอง  เขาออกจะตัวโตเป็นยักษ์ปักหลั่น  หน้าตาก็อย่างกับโจร  จะต้องมากลัวคนตัวเตี้ย  ผิวขาวบอบบางแบบนี้ด้วยหรือไง  ชีวิตกู...

ไม่รอช้าว่านถอดกางเกงสะบัดออกจากร่าง  แล้วยกมือขึ้นสูงให้ไม้ถอดเสื้อให้  เสี้ยววินาทีร่างเปลือยขาวนวลใต้แสงไฟก็แทบฆ่าไม้ให้ตายไปตรงนั้น  เลือดกำเดาไหลร่วงลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงโลก  แต่ตัวต้นเหตุวิ่งเข้าห้องน้ำไปแช่ตัวในอ่างไม้แล้ว   ก็คงจะร้อนจริงอย่างว่า...

“กูไม่น่าเลย...”  ไม้คร่ำครวญอยู่กับตัวเอง  ขาวมากๆ เหอะ  อันนี้มันก็รู้  แต่ว่าชอบมากๆ เหอะ  แต้มสีสวยสดบนหน้าอกมันเร้าและร้าวอารมณ์ความรู้สึกอย่างรุนแรง  ไม่อยากจะสบถเป็นคำ  กลัวโลกรู้แล้วโลกจะคลั่งตามกู...








“พี่ไม้จ๋า...”  เรียกเสียงยานคางมาเชียว  มึงจะอ้อนไปถึงไหน...ไม้ได้แต่คิดในใจ  เลือดกำเดาเพิ่งหยุดไหล  เพิ่งทำใจได้  แล้วมันจะเรียกไปหาเห็บหมัดบนหัวใครอีก...

“แช่น้ำกัน...”  ไม้ยืนมองคนที่แช่น้ำในอ่างไม้  อภินันทนาการจากไอ้พฤกษ์  ที่มันการันตีว่าอาบน้ำกับเมียได้อย่างมีความสุขที่สุด  คือ...มันออกแบบมาให้เขาประดิษฐ์  เขาก็เลยผลิตไว้ใช้เองด้วย  เผื่อจำเป็น 

หลังจากนั้นไม่นานไม้ก็รู้ว่าเขาจำเป็นต้องใช้...อ่างไม้ของพฤกษ์

“ดีว่าโผล่มาแค่ไหล่”  ไม้พึมพำ  ปลดผ้าขนหนูลงไปแช่น้ำอีกฝั่ง  มันก็กว้างพอให้อยู่ห่างกันได้  ถ้าว่านมันไม่ถลาตัวมานั่งบนตักเขาอย่างถือสิทธิ์ที่มันมีเต็มที่

นึกโทษตัวเองที่ตัวใหญ่  พอมันนั่งบนตักจากโผล่พ้นน้ำมาแค่ไหล่ก็ต้องเปลี่ยน...  ตัวมันโผล่ขึ้นมาสูงกว่านั้น  ไอ้สิ่งที่ทำเขาเกือบคลั่งวับแวมอยู่บนคลื่นน้ำที่สั่นไหว  ไม้นึกได้ว่าในคลิปเขาเห็นเหมือนกัน  แต่เพราะแสงก็เลยไม่เห็นชัดขนาดนี้  ว่าแล้วก็โทษแสงไฟในบ้าน  ทำไมมึงช่างสว่าง...ไม่เกรงใจกู

“ว่าน  พี่ไม้หิว...”  เขากระซิบบอกคนบนตัก  ที่เอียงตัวหันมามอง  ไม้ยิ้มร้าย...องศาได้พอดี

“เดี๋ยวค่อยกินนะ...”  เหรอ...ไม้กระหยิ่มในใจ  ช่างไร้เดียงสาจริง

“เดี๋ยวนี้จ้ะที่รัก...”  ไม้ก้มลงจูบแต้มสีสดที่มองจ้องมานาน  เงยหน้าขึ้นมายกยิ้มร้ายให้ว่านที่ตาเบิกค้าง  คล้ายจะสร่างเมาในทันที

“พี่ไม้...”  ว่านอ้าปากพะงาบๆ  ยกมือขึ้นกอดอกถดตัวหนีไปอีกฝั่ง  ตัวสั่นงันงก  โทษตัวเองที่ไม่ระวังเสียเลย...

“ว่าน...”  ไม้ใจสั่น  อาการแบบนี้อีกแล้ว  ไอ้ที่เขากลัวนักหนากลับมาอีกแล้ว  เรื่องมันผิดตั้งแต่ตรงไหน...  “ทำไมล่ะ?  คนเก่ง  ที่รักครับ  กลัวอะไร?”

“มัน...”

“ฮื้อ...บอกพี่ไม้  ว่านอยู่กับพี่ไม้  ไม่ใช่ใครที่ไหน  บอกครับ...คนเก่ง”  ไม้พยายามปลอบ  ดึงร่างที่สั่นเทาเข้ามากอดไว้แน่น  กระซิบเรียกข้างหูอยู่ตลอดเวลา

“มันน่าเกลียด  มันบอกว่าน่ารังเกียจ”  เสียงงึมงำสั่นสะท้าน  ย้ำคำไม่หยุด   

“อะไรน่ารังเกียจ   ใครพูดอะไร”  เพราะจับใจความไม่ได้ไม้จึงคาดคั้นถาม  กะจะเอาให้รู้เรื่องให้ได้

“มัน...ฮือ..”  ว่านร้องไห้โฮ  ลดมือลงจากหน้าอกตัวสั่นสะท้าน  “มันไม่ชอบ  ไม่นุ่มแบบผู้หญิง  บอกว่าน่ารังเกียจ”

ไม้หัวเสียฟาดมือกับขอบอ่างจนเลือดไหลซึม  ว่านตกใจถอยกรูดไปอีก  มันผิดตรงที่เป็นรักแรกนั่นแหละ  เพราะถูกคนรักคนเดียวหักหลัง  คำพูดของมันที่คอยร่ายมนต์ข้างหูทุกวันแบบนั้น  ไม่ว่าจะเพื่ออะไร  แต่ว่านก็จำเสียจนฝังใจ  ต่อให้มาเจอเขาก็ยังช้าเกินไป  เพียงเพราะผ่านไอ้เลวนั่นมาก่อน  แต่นั่นก็ไม่สำคัญเหมือนกัน...

“ว่าน  มานี่มา...”  เสียงไม้ฟังอ่อนโยน  ทำให้ว่านเงยหน้าขึ้นมอง  น้ำตาไหลอาบแก้ม  อ้อมแขนที่กางออกทำให้ไม่ต้องเสียเวลาคิด  เมื่อทั้งร่างกระโจนเข้าหาโดยไม่ต้องเรียกอีก

“หิว...”  ไม้ไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นยังใช้วิธีการของตัวเองต่อไป  “หิวมาก...”

“กินเหรอ...”  ว่านไม่แน่ใจ  ขยับตัวออกมาถาม 

ไม้ไม่ตอบแค่พยักหน้า  ใบหน้าเขาลดต่ำลง  ดวงตาคมยังมองสบกับดวงตาฉ่ำน้ำ  ขณะตวัดลิ้นร้อนกับยอดแต้มสีสด  ว่านเม้มปากแน่น  ความรู้สึกแบบนี้เขาแทบไม่คุ้นชิน  เพราะไม่เคยถูกแตะต้องมาก่อน  เป็นส่วนที่ใสสะอาดที่สุดสำหรับไม้  เพียงแต่เขาไม่กล้าให้มาตลอด...

“พี่ไม้...ชอบเหรอ”  เสียงสั่นเอ่ยถามคนที่มัวแต่ยุ่งกับหน้าอกเขาไม่ยอมห่าง

“ชอบมากกกก”   ไม้ลากเสียงตอบ  เงยหน้ามองว่านที่ยิ้มแก้มแดง  หอบสะท้านเพราะแรงอารมณ์   “สงสัยได้เมียก่อนเรียนจบ  ครูคงไม่โกรธพี่หรอก  กว่าจะเปิดเทอมครูก็ห้ามไม่ทันแล้ว”

“ฮึๆ”  ว่านหัวเราะชอบใจ  “เมื่อไหร่จะอิ่ม...”

ไม่มีเสียงตอบรับ  สงสัยปิดระบบสั่งการไปแล้ว  ไม้ยังคงยุ่งไปทั่วตัวขาวๆ  มือกับปากอาจจะยุ่ง  ตาเขาจึงเหลือบมองไปรอบๆ ภายในห้องน้ำ  ดูบรรยากาศแล้วก็ไม่มีปัญหา  เสียงฟ้าฝนคำรามด้านนอกอีก...ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ  ไม่ทันฟัง

เล้าโลมอยู่นานจนว่านขาดสติ  ไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น  พี่ไม้ก็มองหาตัวช่วย  ครีมอาบน้ำเป็นตัวช่วยที่พี่ไม้ชอบมาก  มันจะลื่นอะไรขนาดนี้  เพียงแต่เขาไม่กล้าพูดออกมาตอนที่นิ้วของเขากำลังวนเวียนอยู่ในตัวคนอื่น  เงยหน้ามองกี่ครั้งว่านมันก็ตาปรือจนเริ่มสงสัยว่าอารมณ์ขึ้นสูงหรือกำลังจะดับ

“ง่วงเหรอ?”  พี่ไม้ถามกระซิบข้างหู  ลุกขึ้นมานั่งตรงขอบอ่างเตรียมตัวจะไปไกลว่าที่เป็นอยู่  ก้มลงจูบบนยอดสีสดแบ่งไปทั้งสองข้างอยู่หลายรอบ

“เปล่า...รอพี่ไม้กิน”

ใครช่างสอนว่านให้ตอบแบบนี้วะ  ไม้สบถในใจ  ก่อนจะคิดได้ว่าอีกฝ่ายมีลูกศิษย์ลูกหาเป็นร้อย  ไม้ค่อยประคองอีกคนลงมาเพื่อรับเขาเข้าไป  มันไม่ง่ายนักไอ้ความลื่นที่คิดว่าดีก็ทำเขาพลาดไปหลายครั้ง  เงยหน้ามองว่านที่คราวนี้หันหนีไม่ทันอย่างช่างใจ  จะลองฝืนดูจะดีไหม?

“เร็วสิ...”  ยังจะมีอารมณ์มาเอาแต่ใจอีก  ไม้ตาขวางอยากจะส่งเสียดุ  แต่เดี๋ยวเรื่องจะพลิก 

ว่านกัดริมฝีปากแน่น   เงยหน้ามองเพดาน  รู้สึกว่าไอ้พี่ไม้มันจะถอยเข้าถอยออกหลายรอบแล้ว  ถ้ามันจะพลาดขนาดนี้สงสัยคงต้องซื้อใบขับขี่กันบ้าง  เขาร้องครางสั่นตอนที่พี่มันหยอกอยู่กับอาหารจานโปรด  ลิ้นมันร้อนแล้วก็ทั้งดื้อทั้งซน  มึงจะเกี่ยวมันไว้ทำไม  แล้วจะดูดดึงเพื่อฆ่ากันเหรอวะ...

“ทำอะไร  เจ็บไหม?”  ไอ้พี่ไม้ที่กำลังเพลินตะโกนถาม  ตอนที่ว่านตัดสินใจทิ้งตัวลงไปแรงจนจุก...พูดไม่ออก  “ว่านครับ...”

“ก็พี่ไม้มัวแต่เล่น  ถอยเข้าออกอยู่นั้น  ว่านรำคาญว่ะ  คราวนี้ซื้อใบขับขี่ไปก่อนเลย  จ่ายมา...”  นี่มันเป็นเรื่องตลกร้ายเหรอ

“จ่ายตอนนี้เหรอ?”  พี่ไม้พาซื่อ  ใจตื่นเต้นสั่นไหว  อยากจ่ายใจจะขาด  แต่เหมือนโดนแกล้งเพราะว่านนิ่ง...เออมึงชนะ

เสียงครางหวีดดังเมื่อพี่ไม้มันย่ามใจใส่ไม่ยั้ง  ตั้งจะแกล้งไอ้ตัวดีด้วย  ยิ่งนานวันมันยิ่งเผยความร้ายกาจให้เห็น  รู้จักกันวันแรกจนถึงวันนี้มันต่างกันฟ้ากับดิน  สักวันนิสัยมันคงลงเหว  แต่ก็ไม่ต่างจากเขาหรอก  ปกติเขาก็ใจเย็นกว่านี้  แต่พอเจอมันเขาก็แทบจะครองสติไม่ได้ตลอด  ดูจากตอนนี้เถอะ...ใจบอกว่าให้ถนอมมันหน่อย  เขากับแทบจะกลืนกินมันทั้งตัว

“อร่อย...”  ไม้บอกทั้งที่ไม่ยอมหยุดขยับ  วันนี้เขาไม่ได้ตั้งใจดึงเวลาหรือจงใจทำให้มันนานที่สุด  ต่างคนต่างเหนื่อยมาทั้งวัน  ว่านมันต้องเข้านอนแล้ว  เขาเองที่สร้างนิสัยเด็กอนามัยให้มัน

เหนื่อยจนหลับกลางอากาศ  ไม้เพิ่งเคยเจอกับตัว  เพราะหลังจากถึงที่หมายว่านมันก็หลับไปในอ้อมกอดเขาทันที  แต่อาจจะดีตอนทำความสะอาดจะได้ไม่มีเสียงร้องโอดโอยให้ได้ยิน  เดี๋ยวเขาขี้ขลาดไม่กล้าทำอะไรมันอีก...












“พี่ไม้...”  ว่านปัดป่ายมือไปรอบตัว  จนเจอกับเนื้อหนังจึงขยับซุกเข้าหา  รู้สึกถึงอ้อมกอดที่โอบรัดไว้  ก็ยิ้มแก้มแทบปริแล้วก็หลับไปอีกรอบ

สายแล้ว...ไม้นอนมองเพดานที  มองคนในอ้อมกอดที  เขาไม่กล้าลุกไปก่อน  เพิ่งผ่านช่วงเวลาหวามไหวมา  หากว่านตื่นมาไม่เจอเขาอาจจะคิดน้อยใจ  พาลให้ความสัมพันธ์สั่นคลอนอีก  เอื้อมมืออังหน้าผากก็อุณหภูมิปกติ  คงไม่เป็นไข้ 

ช่วงเช้าแบบนี้อากาศเย็น  ปีนี้คงหนาวกว่าปีที่ผ่านมา  ไม้วางแผนจะซื้อผ้าห่มใหม่สักสองผืนเอาไว้สร้างความอบอุ่นให้พวกเขา  ในบ้านไม่ค่อยมีอะไร  เครื่องใช้ไฟฟ้าก็มีแค่หม้อหุงข้าวกับพัดลม  ผ้าก็ซักมือเอง  ส่วนของว่านก็จ้างซักไปแล้ว  แต่ชั้นในก็ต้องซักเองล่ะนะ

“หรือจะซื้อตู้เย็น  โทรทัศน์”  ไม้พึมพำกับตัวเอง 

“เอามาทำไมอย่างกับได้ใช้...”  เสียงงัวเงียทำให้รู้ว่าว่านคงรู้สึกตัวอยู่

“อยากได้อะไรไหมว่าน...”  ไม้ตัดสินใจถาม  เพราะประหยัดก็เลยไม่เคยกล้าถาม  ก็เลยไม่เคยรู้ความต้องการของอีกฝ่าย

“แค่มีเวลาให้บ้างก็พอแล้ว  ถ้าซื้อมาแล้วจะต้องเอาเวลาไปทำงานเพิ่มก็อย่าซื้อเลย  ยกเว้นว่าจะให้ว่านซื้ออะ  เงินว่านก็เยอะอยู่  ขายทรัพย์สินที่กรุงเทพฯ จนหมดก่อนย้ายมาที่นี่”

“เยอะเท่าคุณพราวมั้ย...”

ว่านลืมตามองไม้แล้วเริ่มคิด  “ถ้ารวมหุ้นคงไม่เท่าหรอก  แต่ถ้าเอาแค่รถกับคอนโด  น่าจะมีเยอะกว่า  ใช้เงินว่านลงทุนมั้ยพี่ไม้  ถ้าเก็บไว้ชาตินี้ว่านก็คงไม่ได้ใช้หรอก  ว่าแล้วเอาไปบริจาคสร้างวัด  สร้างโรงเรียนก็ดี  ลืมไปได้ไงเนี่ย”

“มันเยอะขนาดนั้น...”  ไม้ชักสงสัยว่ามันกี่บาท

“เกือบร้อยล้านเหอะ  แค่รถสองคันของว่านราคารถใหม่ก็เกินแล้ว  แต่ขายมือสองให้คนรู้จัก  ไหนจะคอนโดอีก  ห้องนั้นขายไปครึ่งราคาจากตอนซื้อ”  ว่านเล่าทำท่านับนิ้วประกอบ  แต่ดูเหมือนมันจะนับไม่ได้จริงๆ
“แล้วทำไมไม่เอามาใช้  มาอยู่ลำบากทำไม...”  อันนี้ไม้ไม่เข้าใจจริงๆ  ว่านทำตัวเหมือนมนุษย์เงินเดือน  แทบไม่จับจ่ายอะไรให้เห็น

“ก็มีความสุขออก  ว่านไม่ได้อยากได้อะไรแล้ว  แต่ก่อนไปเดินห้างซื้อโน่นนี่  สุดท้ายก็แค่ผลาญเงิน  พอคิดว่าถ้าตายจะเอาอะไรไปไม่ได้ก็เลยหยุด  พอมาถึงนี่เงินเดือนก็อยู่ได้สบาย  ว่านไม่มีภาระอะไรให้ห่วง  ทางบ้านเขาจะฟุ้งเฟ้อต่อนั่นก็เรื่องของเขา  เชื่อว่านมั้ยถ้าเราตาย  เราจะเอาอะไรไปไม่ได้เลย  สิ่งที่ควรสะสมมากที่สุดคือบุญ  แต่ว่านดันไม่ถนัดทำบุญ  ไม่กล้าเข้าวัด  ไม่เคยเข้า  เลยได้แต่บริจาคนู่นนี่”

ไม้นอนฟังแล้วก็คิดตามไปด้วย  ตัวเขาเองก็ไม่มีอะไรที่อยากได้เหมือนกัน  ชีวิตก็มีความสุขดี  งานที่ทำก็ไม่ได้ทำจนเกินตัว  เหนื่อยก็พัก  แต่บางอารมณ์ที่ท้อก็เพราะนึกถึงสิ่งที่ตัวเองไม่มี  แต่ลืมคิดไปว่าแล้วจะมี...เพื่ออะไร

“อย่างนั้นพี่จะพาเข้าวัดเอง  จะได้จิตใจสงบ  ช่วงนี้ว่านอาละวาดเก่ง  ทั้งตอนปกติทั้งตอนเมา”

“พี่ไม้...”  ว่านโวยวายทุบอกไม้ไปหลายที  แต่อีกคนก็เพียงแค่หัวเราะพอใจ  “นอน  ห้ามหนีไปไหนนะ  โกรธจริงด้วย...เหมือนว่าได้แล้วทิ้งอะ”

“อย่าดูถูกตัวเอง  ไม่มีใครทิ้งว่านได้หรอก  ว่านน่าหลงใหลจะตายไป  เราสองคนพี่ไม้เป็นฝ่ายตามว่านมาตลอดอยู่แล้ว  อย่ากังวลเลย  ความรักของพี่ไม่มีวันเปลี่ยน”

“ว่านซุกหน้าเข้าอกคนรัก  ร้องไห้อยู่เงียบๆ  “อย่าทิ้งว่านนะ...”

“พี่ไม้รักว่าน...”

แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว...








เงาใต้น้ำ : กลัวพรุ่งนี้ทำงานแล้วมาไม่ได้  ตัดสินมาก่อนเลย 
เลิกจากงานเลี้ยงมาตีหนึ่ง  กว่าเช็คคำเสร็จชั่วโมงครึ่ง  นานน่อ...ไม่เป็นไรพรุ่งนี้สายได้ อิอิ
จะบอกว่าตอนนี้จริงๆ ว่าจะไม่อยากลงแล้ว  ตอนของชัยก็ด้วย  แต่ว่าไหนๆ ก็ไหนๆ ลงๆ ไปเถิด
ว่านหรือวิน  ไม่ได้เปลี่ยนสองตอนที่แล้ว  เพราะรีบ อิอิ  เป็นอะไรที่ไม่ได้คิดจะพูดถึงเลย
แต่อย่างที่เคยบอกว่า  เค้ามาแล้วไม่ยอมไปไหน  แงวๆ  เลยมีตอนต่อ 
ตอนต่อไปเป็นตอนของชัยนะคะ  ง่ายกว่าคู่นี้อีก  ส่วนเรื่องคาใจของพาย  ยังไม่เสร็จดี
ขอดึงเวลาไปเหมือนกับ  ลมออม  เหอๆ  แต่รอดูวันหยุดนะคะ  อาจจะเสร็จค่ะ
เรื่องมันอาจจะน่าผิดหวังสำหรับบางคน  ผิดที่เราเองที่อยากรีบแต่งรีบจบ  เพราะสมาธิไม่พอ
ต้องขอโทษด้วยเน้อจ้ะ...  แค่อยากแต่งแล้วก็จบแค่นั้นแหละ  ผิดเองๆ  รับไว้ค่ะ
(จะเปลี่ยนชื่อวินเป็นว่านช่วงกลับบ้านนะคะ  ตอนนี้ไม่สะดวกมาก แก้ในบอร์ดยากมาก)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2014 02:48:47 โดย OIL1982 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด