Chapter 4
“ผมรู้วิน...ผมรู้ว่าผมอยู่ตรงไหน”
“ผมรู้...” เสียงพูดตัดพ้อของบัสเตอร์ยังดังก้องอยู่ในหัวราวกับคอยตอกย้ำให้ความรู้สึกผิดในใจมันเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาคำพูดแค่ประโยคเดียวทำให้ผมไม่มีสมาธิที่จะจดจ่อทำอะไรสักอย่าง ขนาดช่วงเวลานี้ที่ต้องใช้สมาธิอย่างมากในการสอบ เสียงบัสเตอร์ก็ยังลอยเข้าหูผมราวกับมันนั่งอยู่ข้างๆแล้วพูดกระซิบคำนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เหลือเวลาอีก 30 นาทีนะครับนักศึกษา” อาจารย์คุมสอบคอยกระตุ้นเตือนบอกช่วงเวลาที่ใกล้จะหมดลงไปทุกที จริงๆผมทำข้อสอบเสร็จหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ทบทวนนิดๆหน่อยๆ แต่คงไม่ต้องทวนอะไรแล้วล่ะครับ เพราะร่างกายบอกว่าอยากพักเต็มทน เหนื่อยทั้งจากการอ่านหนังสือสอบ และก็เหนื่อยสุดๆกับคำพูดไอ้บัส ถึงหลังจากนั้นจะไม่มีคำพูดแนวนั้นมาทำให้ผมรู้สึกแย่อีก แต่คำพูดมันก็ค้างคากลายเป็นตะกอนที่ติดหนึบอยู่ในใจผมไม่ร่วงหล่นหายไปไหน
ผมเดินมาที่ลานจอดรถใกล้ๆกับโรงอาหารคณะวิทยา BMW ป้ายแดงที่เพิ่งถอยมาสดๆ ร้อนๆจอดรอรับผู้โดยสารอย่างผมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
บ้านนี้เลี้ยงลูกโคตรสปอย ไม่แปลกใจเลยที่ไอ้เบสมันจะเอาแต่ใจแบบนี้ ส่วนไอ้บัสก็อย่างที่เห็น BMW 135i Coupe สีดำในแบบที่ผมชอบ
ใช่ครับแบบที่ผมชอบ ไม่รู้ว่าแม่งรู้ได้ไงแต่ที่รู้ๆคือมันคิดจะยั่วผมชัดๆ “เป็นไงมั่ง” พอผมเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ไอ้บัสมันก็ถามผมพลางยื่นมือมารับกระเป๋าไปวางไว้เบาะหลัง
“เหนื่อยมาก อยากนอน” ปกติผมจะเป็นคนที่ดูแลคนอื่นแต่พอโดนดูแลแบบนี้มันกลับทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่ว่าแย่อะไรนะครับมันดีมากเลยตั้งหาก
“โค้กไหม”
“ก็ดี” ผมรับโค้กจากมือไอ้บัส ยกทีเดียวปาเข้าไปเกินครึ่งกระป๋อง หลังจากที่ได้เพิ่มน้ำตาลในเลือดมานิดหน่อย ผมก็จัดการเอนเบาะทันที ไม่ไหวครับตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาผมเหนื่อยแบบสุดๆ ไหนจะอ่านหนังสือไหนจะเตรียมตัวสอบ ยังดีที่มีบัสเตอร์คอยทำนู่นทำนี่ให้ ทั้งมารับมาส่งแล้วก็สิงอยู่ที่บ้านผมไม่กลับบ้านกลับช่องตัวเอง อยากเอ่ยปากขอบคุณเหมือนกัน..แต่ก็นะ...คนปากหนักอย่างผมทำได้แค่นิ่งแล้วก็เงียบอย่างนี้แหละ
“ไปเขาใหญ่กัน” บัสเตอร์พูดพร้อมกับเอื้อมมือมาดึงสายเบลท์แล้วคาดให้ผมอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้มาก่อน ก็ผมเป็นผู้ชาย ปกติออกจะเป็นผู้นำกลุ่มด้วย ไม่เคยมีใครมาดูแลผมอย่างที่บัสเตอร์ทำให้หรอก มันเลยเขินขึ้นมานิดๆ
ไปจริงดิ พี่ยังไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าเลยนะ” ผมแกล้งทำเป็นก้มหน้าขยับสายคาดเบลท์ให้เข้าที่ กลัวว่าไอ้บัสมันจะเห็นว่าหน้าผมร้อนจนแทบจะไหม้
“เสื้อผ้าวินน่ะผมเตรียมให้แล้ว ถ้าเหนื่อยก็นอนในรถนี่แหละ พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้เราเคยเริ่มทำกิจกรรมกัน”
“กิจกรรมเชี่ยอะไร ลุกออกไปได้แล้ว”ดูมันดิขนาดด่าตรงๆอย่างนี้ยังหน้ามึนไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปนั่งที่ตัวเอง บัสเตอร์ใช้มือข้างหนึ่งเกลี่ยริมฝีปากผมเป็นเชิงหยอกล้อจนผมอดไม่ได้ที่จะใช้ปากไล่งับนิ้วมันที่พยายามแหย่เข้ามาในปากผม
“อู อาม อ่า อิด อะ อำ อะ ไอ (กูถามว่ากิจกรรมอะไร)” ผมกัดนิ้วไว้อย่างนั้นแล้วถามมันไปด้วย ไอ้นี่ก็จังไรครับไม่กลัวผมกัดนิ้วขาดยังสอดเข้ามาจนนิ้วมันโดนลิ้นผมนั่นแหละผมถึงเป็นคนดึงมือมันออก “สัสเค็ม”
“หึหึ ก็อยากกัดเอง ส่วนเรื่องกิจกรรมอะไรอันนี้ก็แล้วแต่วินนะ ผมได้ทั้งบนเตียงและริมระเบียงอ่ะแหละ”
“กวนตีน” ด่าพร้อมกับโบกไปที่สกรีนเฮทแรงๆทีนึง ก่อนจะหลับตาลงเพื่อเป็นการบอกให้มันรู้ว่าผมต้องการจะพักผ่อน เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นใกล้ๆ ไม่นานก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสเย็นๆที่ถูกแนบลงที่ต้นคอ แรงดูดเม้มไม่ได้ทำให้เจ็บแต่กลับทำให้รู้สึกไหววูบในช่องท้องมากกว่า มันไล่ขบเม้มจากต้นคอจนมาถึงปลายคาง แก้ม และหยุดที่ริมฝีปาก ลิ้นเย็นๆพยายามดุนดันเข้ามาในปากแต่ก็เป็นผมอีกนั่นแหละที่ขยับเบี่ยงหนีแล้วผลักหน้าไอ้หื่นให้ไปไกลๆ “จะเอากูบนรถเลยหรือไง”
“ได้เหรอ”
“ประชด!!!”
“หึหึ นอนเถอะ ถึงแล้วเดี๋ยวผมปลุก” ผมรับคำไอ้บัสในลำคอก่อนจะปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเสียงเพลงเบาๆ
เพลงที่ถูกเปิดผ่านรถหรูราคาแพง มันเป็นเพลงภาษาอะไรผมก็เองฟังไม่ออก เคยถามมันเหมือนกันครับว่าฟังออกเหรอ คำตอบที่ได้ก็คือไม่ และมันก็ไม่คิดจะหาความหมายของเพลงด้วย บัสเตอร์ให้เหตุผลว่าเพลงเป็นภาษาสากล(อันนี้ก็อบเขามาผมรู้)ไม่จำเป็นต้องรู้ความหมายเราก็สามารถฟังเข้าใจ แต่เหตุผลหลักๆผมคิดว่าบัสมันคงเป็นประเภทอารมณ์ศิลปินจ๋า ชอบเอาตัวเองเข้าไปผูกกับเพลงยิ่งถ้ามีเหตุการณ์ที่ตรงกับตัวเองด้วยแล้วคงหนีไม่พ้นรู้สึกไปกับเพลงนั้นด้วย
ผมตื่นขึ้นมาอีกตอนที่แสงสีส้มลอดผ่านเข้ามาในสายตา ลมเย็นๆที่พัดเข้ามามันไม่ได้มาจากแอร์หรูยี่ห้อบีเอ็มแต่เป็นแอร์ธรรมชาติที่โกรกเข้ามาทำให้สบายตัวจนแทบไม่อยากตื่น บัสลดกระจกทางฝั่งผมพร้อมกับเปิดประตูรถทางฝั่งตัวเอง คำนวณจากเวลาคาดว่าผมคงหลับไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมงแล้ว
“ไง” ตื่นมาก็เจอสายตาคมๆที่จ้องมองมาที่ผมทันที
“ไงอะไรล่ะ ถึงแล้วทำไมมึงไม่ปลุกกูวะ” ผมเอ่ยถามไอ้คนที่เอนเบาะลดตัวลงต่ำเท่าๆกับเบาะผม ไม่รู้ว่ามันนอนมองหน้าผมนานแค่ไหน แต่แม่งเขินว่ะตื่นมาเลยโวยวายไว้ก่อน คือมันไม่ใช่วิสัยผมด้วยที่นอนหลับแล้วโดนคนอื่นมองตอนหลับแบบนี้
“ก็เห็นวินหลับสบายอ่ะเลยไม่อยากปลุก ปวดหัวไหม ตื่นตอนเย็นแบบนี้”
“นิดนึง” ผมบอกมันพร้อมกับแกล้งลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เพราะถ้าให้นอนจ้องหน้ามันอยู่อย่างนั้นมีหวังหัวใจผมได้หลุดกระเด็นออกมานอกอกแหงๆ
ที่นี้บรรยากาศดีมากครับ รีสอร์ทที่ไอ้บัสเลือกค่อนข้างเงียบและเป็นส่วนตัว ไม่มีเสียงโหวกเหวกโวยวายเหมือนหลายๆรีสอร์ทที่ผมเคยไป ส่วนห้องพักก็ปีกวิเวกขึ้นมาบนเขาห่างไกลจากห้องพักอื่นๆ คาดว่าราคาก็คงปีกวิเวกแพงริบลิ่วเหมือนกัน
ผมชอบนะครับ ธรรมชาติทำให้ใจเราสงบลงโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรมาก แค่มีภูเขา ต้นไม้ ท้องฟ้า หรือแม้แต่ลำธารเล็กๆที่เห็นไกลๆนู่น ผมกับบัสเตอร์ก็คงไม่ได้ต่างจากคนเมืองทั่วๆไปที่วันๆมีแต่รถราวุ่นวาย สังคมเร่งรีบ มือถือและโซเชียลเนตเวิร์ค ผมไม่รู้หรอกว่าบัสจะพักที่นี้นานแค่ไหน แต่ผมอยากอยู่ที่นี้จนกว่าจะหายเหนื่อย
“อาทิตย์นึง”
“หืม” ผมหันไปมองไอ้คนข้างๆที่เดินมาหยุดยืนใกล้ๆกับผม
“ผมจองที่นี้ไว้อาทิตย์นึง วินโอเคหรือเปล่า”
“ได้ดิ สบายมาก” บรรยากาศดีๆแบบนี้ผมชอบสุดๆ ถ้าได้ชวนพวกไอ้เบสไอ้ไวท์มาด้วยมันคงจะชอบ
“วิน...แบตโทรศัพท์วินใกล้หมดนะเหลือประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เอ่ออ แล้วผมไม่ได้เอาที่ชาร์ตมาด้วย แต่ถ้าจะเอาเดี๋ยวผมเดินไปยืมรีเซบชั่นให้”
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องชาร์ตก็ได้” เพราะแม่ผมก็คงยังไม่ได้กลับไทยช่วงนี้ ส่วนเรื่องเรียนตอนนี้ก็ปิดเทอมไปแล้ว เหลือก็แต่....
“แต่เมื่อกี้พี่หลิวโทรมา...”
“งั้นเหรอ” ผมขยับนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่ถูกจัดวางไว้ตรงระเบียงทางเข้าบ้านพัก ระเบียงที่สามารถมองทอดยาวไปยังเขาอีกลูกได้ บนเขาลูกนั้นบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ผมหลับตาฟังเสียงนก เสียงธรรมชาติแป๊บนึงก่อนจะเรียกให้บัสมายืนข้างๆ มันยืนพิงระเบียงอยู่ตรงหน้าผมมือหนามันยกขึ้นลูบแก้มผมอย่างที่มันชอบทำ
“ไม่โทรหาเขาเหรอ” มันถามย้ำผมโดยที่มันเองก็คงไม่รู้ตัวเลยว่าเสียงมันสั่นแค่ไหน
“โทรดิ ขอโทรศัพท์หน่อย” ผมแบมือขอโทรศัพท์จากบัสก่อนจะดึงตัวมันให้มายืนอยู่ตรงหน้า ขยับเก้าอีกให้ไปใกล้มันมากขึ้นแล้วกอดเอวมันไว้ทั้งๆที่มืออีกข้างก็กดโทรศัพท์หาใครอีกคน อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าผมไม่เคยเลิกรักหลิว ยังรักและก็ยังอยากดูแลเสมอ แต่คำว่ารักที่ให้ไปมันเริ่มมีใครอีกคนเข้ามาจนกระทั่งตอนนี้ผมก็ยังบอกไม่ได้ว่าใครสำคัญกว่ากัน แต่สุดท้ายถ้าให้เลือกผมก็คง.....เลือกหลิวล่ะมั้ง แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงตอนนั้นไง ผมเลยอยากจะเก็บความรู้สึกของทั้งสองคนเอาไว้ รู้ครับว่ามันเห็นแก่ตัว แต่จะให้ทำไงล่ะ ในเมื่อผมเลือกไม่ได้
“ว่าไงหลิว” ผมกรอกเสียงไปในโทรศัพท์พร้อมกับรับสัมผัสอบอุ่นจากบัสที่ลูบหัวผมไม่เลิก มันปล่อยให้ผมกอดเอวซุกหน้าลงกับท้องมัน กลิ่นน้ำหอมสไตล์บัสลอยเตะจมูกจนอดไม่ได้ที่จะสูดดมอย่างเผลอไผล
(วินอยู่ไหน หลิวเหงาอ่ะ มากินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม)
“โทษทีนะหลิว พอดีวินมาธุระกับแม่ กลับไปอีกทีก็คงอาทิตย์หน้า ช่วงนี้คงไม่ได้ติดต่อหลิวนะ วินไม่ได้เอาที่ชาร์ตมาคงปิดเครื่องเลย”
(อ่าวไปเที่ยวกับแม่หรอกเหรอ งั้น...ไม่เป็นไรไว้วินกลับมาแล้วอย่าลืมโทรหาหลิวนะ) ผมชอบเวลาที่บัสมันสอดนิ้วตัวเองเข้ามาในศีรษะผม มันให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและก็สบายหัว ยิ่งเวลาที่มันนวดเบาๆตรงขมับกับกลางกระม่อมยิ่งทำให้ผมเคลิ้มจนเกือบจะหลับหลายครั้ง
“ได้ เอาไว้คุยกัน” ผมคุยกับหลิวอีกไม่เกินสองประโยคก็วางสาย มือบัสยังคงนวดศีรษะให้ผมไม่เลิก พอไม่มีมืออีกข้างที่ต้องคุยโทรศัพท์กับใคร ผมก็เลือกที่จะกอดเอวบัสไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง บางทีผมก็อยากจะจับมือใครสักคนไว้ด้วยมือทั้งสองข้างเหมือนกันนะ เพราะการที่เราจับไว้แค่ข้างเดียว เราไม่มีทางรู้ว่ามือข้างเดียวจะมีแรงพอจะยื้อคนๆนึงไว้ได้ไหม
“สบายมากไหม”
“สุดๆ” พอเงยหน้าจากท้องไอ้บัสก็เห็นเจ้าตัวก้มหน้ามองผมอยู่ มือที่ตอนแรกนวดศีรษะผมอยู่เมื่อกี้เปลี่ยนเป็นประคองหน้าผมแทน
“ไม่รู้ว่าบัสเคยบอกวินหรือยัง”
“บอกอะไร”
“รัก” มันเล่นบอกแบบไม่ตั้งตัวอย่างนี้ทำเอาผมเขินจนแทบจะมุดหน้าลงไปกับท้องมันต่อ แต่ก็นั่นแหละคนแบบมันพอได้บังคับให้ฟังแล้วก็ไม่ยอมปล่อยมือที่จับหน้าผมไว้ให้เบนหนีไปได้หรอก
“รักมาก” รู้เลยว่าหน้าตัวเองแทบจะไหม้ไปกับคำพูดไอ้บัส ความร้อนมันพุ่งปรี๊ดจนหูร้อนไปหมด “จริงๆแล้วผมเป็นคนขี้หวงนะ ถ้ารู้ว่าคนที่ตัวเองรักเขามีคนที่รักอยู่แล้วผมก็จะไม่ยุ่ง แต่ก็ไม่รู้ทำไมพอเจอวินผมกลับทำแบบนั้นไม่ได้...แต่คงไม่นานหรอกวิน”
“ไม่นานอะไร” ผมไม่เข้าใจความหมายที่ไอ้บัสพูด อะไรคือไม่นานวะ มันพูดเหมือนกับว่าไม่นานต่อจากนี้จะทำใจได้ แล้วเดินจากผมไปยังไงยังงั้น
“ไม่นานผมคงทำใจเรื่องหลิวกับวินได้”
“แล้วมึงจะไปไหน” ไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอกอดเอวมันแน่นขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมกลัวจังเลยครับ ตอนนี้ผมไม่อยากให้มันหนีจากผมไปไหนแล้ว
“จะไปไหนได้ล่ะ ขนาดวินไล่ผมยังหน้าด้านอยู่ต่อเลย” มันพูดส่วนผมก็เงยหน้ามองตามัน
มองให้ลึกเข้าไปในตาว่าสิ่งที่มันพูดจริงมากน้อยแค่ไหน แต่บัสเตอร์เป็นคนเดายาก ผมก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่ไปไหน ถึงไปเรียนที่ไกลๆอย่างเชียงใหม่ก็หวังใจไว้ว่ามันจะติดต่อมาหาผม
“อื้อ” ผมรับคำมันแล้วมุดหน้าลงไปที่ท้องบัสอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตอนนี้ใจผมเป็นอะไร ผมกลัวไปหมด อยู่ๆก็รู้สึกกลัวว่าบัสจะเลิกรักผม กลัวว่าถ้ามันไปไกลขนาดนั้นมันจะลืมผมไหม “ถ้าสมมติมึงติดที่เชียงใหม่ มึงจะไปหรือเปล่า”
“ก็คงไปแหละ”
แล้วถ้าสมมติว่ากูบอกให้มึงไม่ต้องไป...มึงยังจะไปหรือเปล่าวะบัส
คิดนะครับแต่ไม่ได้ถามมันออกไป ไม่กล้าพอที่จะถาม จริงๆไม่ใช่ไม่กล้าหรอก ทิฐิตั้งหากที่มีมากล้นจนท่วมปาก ทำไมผมถึงเป็นคนแบบนี้ก็ไม่รู้
“อาบน้ำไหม เหม็นมากอ่ะ”
“แล้วใครให้ดมล่ะ ตัวมึงหอมตายแหละ”
“แล้วใครให้ดมล่ะ”
“ยอกย้อนกูเหรอบัสเตอร์” กัดพุงแม่ง เรียกพุงนั่นแหละดีครับ หมั่นไส้มานานแล้ว เอาให้ไอ้หกห่อมันมีรอยเขี้ยวจนห้อเลือดแม่งเลย
“อ๊ากกกก วินผมเจ็บ ยอมแล้ว”
“เออ สมควรยอมตั้งนานแล้ว ไหนเสื้อผ้าพี่ล่ะ”
“ไม่ชินเวลาวินเรียกตัวเองว่าพี่เลยว่ะ ไหนลองแทนตัวเองว่าวินสิ” ยังมีหน้ามาสั่งกูอีก มึงมันก็แค่เด็กเมื่อวานซืนที่เพิ่งจบม.หกได้ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ
“ตลกป่ะบัส มึงเป็นน้องนะ ดีแค่ไหนแล้วกูไม่เรียกคุณกับผม”
“แต่ผมอยากให้วินเรียกแบบนั้นนะ ในความคิดวินอาจจะคิดว่ามันหมายถึงคนไม่สนิทสนม แต่ในความคิดผม ถ้าวินพูดมันคงดีสุดๆ ยิ่งตอนที่มีอะไรกันแล้วพูดว่า คุณครับขอแรงกว่านี้อีกได้ไหม อะไรเทือกๆนี้จะดีมากกกกกกกกกกกก โอ้ย!!!!” ไอ้เกรียนชักจะเอาใหญ่แล้วว่ะเห็นผมเล่นด้วยหน่อยแม่งชอบเอาเรื่องจังไรมาพูดตลอด
“พอเลย กูจะอาบน้ำ ผลักตกระเบียงแม่งเลยดีไหม” ผมผลักเอวมันเบาๆ คิดว่าบัสเตอร์มันจะกลัวแล้วรีบเกาะผมซะอีกแต่ที่ไหนได้มันกลับยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัว แล้วยกขาสองขาที่ตอนแรกอยู่ติดพื้นให้ลอยขึ้น
“ชีวิตผมอยู่ในมือวินอยู่แล้ว ถ้าวินเลือกที่จะปล่อย ผมก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากตายแล้วเกิดใหม่” บัสเตอร์เป็นคนที่มีความคิดแปลกมาก เขาไม่กลัวตายเลยสักนิด ถ้าเมื่อกี้ผมแกล้งปล่อยมือ มีหวังมันคงได้หงายท้องโหม่งโลกไปแล้ว
“รักตัวเองบ้างเถอะบัส”
“ไม่รู้ดิตอนนี้รู้สึกรักวินมากกว่าอ่ะ ทำยังไงก็รักมากกว่าตัวเองไม่ได้ ยกเว้นวินจะมีเรื่องทำให้ผมเกลียดแล้วตอนนั้นผมคงหันมารักตัวเองล่ะมั้ง” สิ่งที่เรียนรู้จากสายตาและคำพูดบัส คือความจริง
ความจริงที่บอกว่าอย่าทำให้คนตรงหน้าเกลียด เพราะความเกลียดของบัสคงเหมือนกับสีดำที่ไม่สามารถเอาสีอะไรไปแต่งแต้มให้เป็นสีอื่นได้
“มึงนี่เข้าใจยากว่ะ”
“ใช้ใจฟังดิแล้วจะรู้ว่าจริงๆมันง่ายกว่าที่คิด” สรุปที่พูดมาทั้งหมดคือมึงต้องการจะเสี่ยวใส่กูว่างั้น “ลองฟังดูไหมล่ะหัวใจผมอ่ะ”
“ส้นตีน”
“อะไร?? ผมให้ฟังหัวใจจะไปฟังส้นเท้าทำไม” ไอ้บัสเตอร์เป็นบุคคลที่กวนตีนผมได้หน้าตายที่สุด นอกจากจะกวนตีนแล้วหน้ามันก็หื่นระดับสิบด้วย ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้ามาในบ้านแน่นอนว่าไม่ลืมที่จะลากไอ้เกรียนตามเข้ามาด้วย บ้านที่บัสเลือกมันไม่ได้ใหญ่อะไรมาก เดินเข้ามาก็เจอที่นอนวางอยู่กลางห้อง เดินเลยไปอีกนิดนึงเป็นห้องน้ำ ติดกับประตูห้องน้ำเป็นกระจกบานเลื่อนที่ด้านหลังมีสระว่ายน้ำขนาดเล็ก จนผมแอบคิดไม่ได้ว่าไอ้บัสมันจองที่นี้หนึ่งอาทิตย์หมดเงินไปกี่แสน บรรยากาศแม่งดีมากครับ เห็นสระว่ายน้ำแบบนี้ผมแทบอยากจะกระโจนลงน้ำให้มันรู้แล้วรู้รอด
“ชอบป่ะ”
“เฉยๆ”
“เหอะ ชอบมากก็บอกมา แม่งอยู่บนภูเขาด้วยกันแบบนี้คิดถึงหนังเรื่องนึงเลยว่ะวิน”
“เรื่องไร??” ผมเลิกคิ้วถามมันเสร็จก็เดินกลับเข้ามาในห้อง
“block black mountain”
“สัส!!!” ผมถอดเสื้อแล้วปาใส่หน้าไอ้บัสเต็มๆ ก่อนจะถอดกางเกงสแลกเหลือแต่บ็อกเซอร์อย่างไม่อายสายตาคนที่จ้องมองอยู่
อายทำไมครับเห็นมากกว่านี้ก็เห็นมาแล้ว
“พี่จะเล่นน้ำบัสจะเล่นด้วยกันป่ะ”
“ไม่เอาอ่ะ อยากอาบน้ำนอน” ผมไหวไหล่ไม่แคร์ก่อนจะปล่อยให้ไอ้เกรียนเดินเข้าไปอาบน้ำส่วนตัวเองก็นั่งรื้อของในกระเป๋าต่อ
ปัง ปัง ปัง “บัสมึงเอากางเกงว่ายน้ำกูมาไหม”
“อยู่ในกระเป๋านั่นแหละ หาดูดีๆยัง”
"ดีแล้ว"
"หาไปก่อน"มันตะโกนออกมาจากห้องน้ำ แต่ผมไม่หาแล้วครับ ไม่รู้แม่งเก็บไว้ในซอกหลืบไหน นั่งรอให้ไอ้บัสมันมาหาให้ดีกว่า
"ไม่เจอ" ยังมีหน้ามาเลิกคิ้วกวนตีนถามอีกก็ไม่เจอไง ถ้าเจอคงไม่มานั่งรอแบบนี้หรอก "นี่ไง ผมบอกให้หาดีๆ"
"ก็มันไม่เห็นนี่หว่า...อะ...อะไร???" บัสเตอร์เดินเอากางเกงว่ายน้ำมาให้ผมบนเตียง แทนที่จะเอาให้เลยกับยกสูงเหมือนแกล้งกันเสียดื้อๆ
"รางวัล" ผมเหลือกตาใส่บัสเตอร์อย่างรำคาญแต่สุดท้ายก็โน้มคอไอ้ยักษ์ลงมาจุ๊บที่ปากเบาๆ "ลิ้นด้วย"
"เรื่องมากว่ะ"
"เร็วดิวิน"
"เออๆ" ผมจูบไอ้บัสอย่างที่มันต้องการ ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปนับครั้งไม่ถ้วน "พอได้แล้ว"
"เริ่มไม่อยากได้แค่นี้"
"K"
"นั่นแหละที่อยากได้" บัสยิ้มเจ้าเล่ห์แต่ก็ได้เท่านั้นเพราะโดนผมโบกไปทีก่อน
"มึงนอนได้แล้ว กูจะว่ายน้ำสักพักนะ"
"อืม ถ้าหิวข้าวบอกนะเดี๋ยวสั่งให้ ขอนอนก่อนไม่ไหวแล้ว" ทีเมื่อกี้ล่ะอยากทำอย่างอื่น กูล่ะเหนื่อยกับมึงจริงๆไอ้เกรียน ผมเอื้อมมือไปลูบหัวบัสเตอร์เบาๆได้ยินเสียงมันพูดงึมงำในลำคอบ่งบอกว่าคงเพลียแบบสุดๆ ก็เล่นขับรถมาเกือบจะสองชั่วโมงแบบไม่พักอย่างนี้คงจะเหนื่อยแหละ ผมไม่ได้ถามอะไรบัสอีก ปล่อยให้มันนอนไปอย่างนั้นส่วนตัวเองก็ไปเล่นน้ำเกือบๆครึ่งชั่วโมงค่อยขึ้นมาอาบน้ำ
“นอนด้วย” ผมบอกไอ้คนที่นอนหลับคว่ำหน้าให้ขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะสอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม บัสเตอร์ขยับหันข้างยกแขนค้างไว้รอให้ผมจัดที่จัดทางจนเสร็จ พอเสร็จแล้วก็เป็นผมเองที่ดึงแขนมันมากอดเอวตัวเองแล้วมุดหน้าลงกับอกไอ้บัส
“หิวไหม”
“ไม่อ่ะ ตื่นมาค่อยไปหาอะไรกินล่ะกัน ตอนนี้กูง่วงว่ะ”
“อื้อ” สัมผัสเบาๆที่ลูบตรงศีรษะมันทำให้ผมหลับง่ายขึ้น ชอบที่มีมันอยู่ตรงนี้
ชอบที่ได้นอนกอดกันแบบนี้
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ช่วงเวลานี้อยู่กับเราไปนานๆ >>>>>>>>>>>>>>TBC
รอจนกว่าจะพบเจอกันอีกทีวันไหนดี.........อัพช้าไปหน่อย ขอบคุณที่ยังอ่านนะคะ
