(เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.  (อ่าน 19475 ครั้ง)

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


------------------------------------------------

นิยายของ เข่งสะพานปลา

ปรสิต | HORROR THRILLER (จบแล้ว)
WRONG พื้นผิดเบอร์ | ROMANTIC COMEDY
ว ร ร ค | ANGST DRAMA
HUMAN FARM | DYSTOPIA DRAMA
DARK HORSE | ROMANTIC DRAMA
(เรื่องสั้น) NOAH | METAPHOR ROMANCE (จบแล้ว)
(เรื่องสั้น) BEDFAST | ROMANCE (จบแล้ว)
(เรื่องสั้น) ก่อร่าง • สร้างตัว | THRILLER (จบแล้ว)

------------------------------------------------





NOAH
ME | HIM
- เข่งสะพานปลา -






ฝนตกลงมาอีกแล้ว นั่นทำให้ผมต้องวิ่งไปหลบใต้ทิวไม้ที่ใกล้ที่สุด


หลายวันที่ผ่านมานี้ ผมนึกแปลกใจว่าตัวเองไม่ได้หิวหรือหนาวตายไปเสียก่อน สองสิ่งที่ผมทำได้ก็คือการกอดกระเป๋าเป้คู่ใจเอาไว้ไม่ให้เปียก ส่วนอีกมือก็ยื่นขวดน้ำออกไปรองสายฝนพลางดึงกลับเข้ามาซดประทังความหิวไปด้วย ผมทำอย่างนี้อยู่นานนับสิบนาที จนเมื่อกระเพาะร้องว่าอิ่มน้ำมากแล้ว ถึงได้จัดการปิดฝาขวดน้ำแล้วนั่งหนาวสั่นอย่างคนที่ทำอะไรไม่ได้อีก


ผมทอดมองพื้นน้ำไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เชื่อเถอะว่านอกจากพื้นที่เหยียบอยู่นี่ ผมก็ไม่เห็นแผ่นดินไหนอีกแล้วในระยะสายตา เกาะใจกลางมหาสมุทรนี่มีขนาดแค่ราวเจ็ดหรือแปดสิบตารางเมตร มันเล็กเกินกว่าจะทำให้รู้สึกปลอดภัย แต่ก็ใหญ่เกินไปสำหรับการที่มีผมเป็นผู้รอดชีวิตคนเดียว และถ้าคุณงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมแล้วล่ะก็ --


รู้จักตำนานน้ำท่วมโลกไหม?


ใช่ มันไม่ได้เกิดขึ้นกับผมคนเดียว แต่เป็นคนทั้งโลกต่างหาก


ทุกอย่างรอบตัวผมเงียบเคว้งคว้าง คลื่นลมสงบตั้งแต่วันที่สองของอุทกภัยครั้งใหญ่ มันพัดพาเอาชีวิตนับล้านจมหายไปใต้ผืนน้ำอย่างไม่ปรานี ผมตั้งหลักอยู่ที่นี่ มองดูเกลียวคลื่นพัดพาเพื่อนร่วมโลกหายไปพร้อมกับเสียงกรีดร้อง สิ่งที่ติดตัวผมมีแค่กระเป๋าเป้บรรจุหนังสือที่เพิ่งซื้อมา กับน้ำเปล่าหนึ่งขวดที่มักจะมีติดตัวไว้ ไม่มีแม้แต่ขนมขบเคี้ยวสักห่อ แล้วผมก็ช่วยอะไรใครไม่ได้ แม้แต่เพื่อนที่พลัดหลุดจากมือแล้วจมหายไป


ถ้าน้ำทะเลสูงขึ้นกว่านี้อีกสักสองเมตร ผมก็คงไม่มีที่ยืนหลงเหลืออยู่


ผมเคยกลั้นใจผ่านความคิดที่ว่าใต้นี้มีโลกทั้งใบถูกฝังอยู่ จะมีศพมากเท่าไรก็ช่าง ช่วงวันแรกๆผมลองชิมน้ำทะเล แล้วมันก็เป็นแค่ความคิดโง่ๆอย่างที่คาดไว้ ว่าน้ำจืดที่มีอยู่บนโลกมันไม่ได้ช่วยทำให้มหาสมุทรเค็มน้อยลงเลย เพราะอย่างนั้น แหล่งน้ำจืดเดียวที่ผมมีก็คือการรอมันตกลงมาจากฟ้า แล้วก็ใช้ขวดน้ำโง่ ๆ นี่ตักตวงมันไว้ให้ได้มากที่สุด


เป็นครั้งแรกที่ผมเกิดอยากสำอางขึ้นมา รีบถอดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ออกกองไว้ใต้ต้นไม้ แม้แต่ชั้นในก็ด้วย ผมตัดสินใจวิ่งออกไปกลางสายฝน ทั้งลูบหน้าลูบตา ถูผ่าน ๆ ตามเนื้อตัว แล้วก็อ้าปากกินน้ำทั้งที่เพิ่งรู้สึกอิ่มไปเมื่อครู่ อย่างน้อยการอาบน้ำก็น่าจะเป็นอะไรดี ๆ ที่ยังหลงเหลือให้ผมได้บ้าง


น่าแปลกดีที่พอฝนหยุดตก ผมก็เริ่มเหนียมอายร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองขึ้นมาเสียฉิบ ตลกออกนะว่าไหม ทั้งที่บนแผ่นดินเล็กๆนี้มีแค่ผมอยู่คนเดียวแท้ ๆ


ผมพับขากางเกงยีนส์ขึ้นจนเป็นสี่ส่วนเหมือนทีแรก วางรองเท้าผ้าใบทิ้งไว้ข้างกระเป๋าที่ใต้ต้นไม้ต้นเดิม คุณคงแปลกใจใช่ไหมว่าลำพังมีแค่น้ำเปล่า ผมอยู่มาได้อย่างไรตั้งสองสัปดาห์ อันที่จริงพระเจ้าอาจจะยังปรานีผมอยู่บ้าง ถึงให้หนึ่งในพันธุ์ไม้ที่ขึ้นกันอยู่บนยอดเขาที่เหลือรอดนี้มีต้นพลับอยู่ด้วย ซึ่งไม่ค่อยอยู่ท้องนัก แล้วผมก็ต้องละเลียดกินแค่ทีละลูกเพราะกลัวมันจะหมดต้นเสียก่อน ถึงตอนนั้นผมคงแย่แน่ ๆ


อ๋อ ใช่สิ คุณบอกให้ผมไปหาจับปลา


ข้อแรกเลยนะ ผมไม่ใช่ชาวประมงมืออาชีพ ก่อนหน้านี้ก็เป็นแค่นักศึกษามหาวิทยาลัยที่วันๆจับแต่หนังสือกับสมาร์ทโฟน เพราะอย่างนั้น ไอ้เรื่องว่ายลงไปจับปลามือเปล่าน่ะลืมไปได้เลย นี่ยังไม่รวมข้อสอง ที่ผมเคยลองทำอย่างนั้นแล้วดันไปป๊ะเข้ากับศพขึ้นอืดใต้น้ำ เอาเป็นว่ามื้อนั้นผมอิ่ม แล้วก็ว่ายขึ้นมาอ้วกหมดตัวแทบไม่ทัน (และเสริมอีกนิดนะ เรื่องจับหนอนจับแมลงกินน่ะได้โปรดลืมคิดไปได้เลย)


เคยมีครั้งหนึ่งที่ฝนไม่ยอมตกลงมาถึงสามวัน วันที่สามผมอดอยากปากแห้ง แต่ก็ไม่กล้าดึงลูกพลับลงมาเป็นลูกที่สองเพียงเพื่อกระหายน้ำในผลมัน สิ่งที่ผมทำคือการพึ่งน้ำที่ออกมาตามซอกหิน ซึ่งมีน้อยมากเหลือเกิน


แล้วถ้าคุณไล่ให้ผมฆ่าตัวตายอีก


แน่สิ แน่นอนเลย! ผมคิด! คิดตั้งแต่วันแรกๆที่เกิดเรื่องขึ้น ติดก็แต่ธรรมชาติยังเหลือปัจจัยให้ผมพอมีชีวิตรอด และผมก็ไม่ใจแข็งพอที่จะหนีปัญหาโดยการไม่รับรู้มันตลอดกาล ใจหนึ่งผมเฝ้ารอว่าจะมีวันที่น้ำลดหรือไม่ แต่อีกใจผมก็กลัวผลลัพท์ที่จะเกิด มันคงทำใจได้ยากถ้าวันหนึ่งคุณเห็นยอดตึกโผล่พื้นผิวน้ำขึ้นมา หรือแม้แต่ร่างของคนนับล้านที่ไม่มีทางย่อยสลายได้หมดง่ายๆ


ผมก็แค่คิดเล่นๆน่ะนะ


น้ำล้นโลกขนาดนี้ทำให้ผมนึกไปถึงวิชาประวัติศาสตร์ที่เคยเรียน ยุคสร้างโลกน่ะใช้เวลาตั้งกี่ร้อยล้านปี ซึ่งก็ไม่แน่หรอก ผมอาจจะเป็นมนุษย์คนแรกบนพันเจียผืนใหม่ก็ได้ ส่วนจะมนุษย์คนที่สองจะมีไหม อันนี้ผมไม่รู้ ผมหวังให้พ่อ แม่ ครอบครัว หรือว่าเพื่อนของผมยังอยู่บนแผ่นดินผืนไหนสักแห่ง แต่ยิ่งชั่วโมงผ่านไปมากเท่าไร ความคิดที่ว่าผมอาจจะเป็นมนุษย์คนสุดท้ายบนโลกก็ยิ่งเด่นชัดและบั่นทอนความหวังทั้งหมดอย่างร้ายกาจ


พอคิดอะไรไม่ออกแล้ว ผมจึงฝืนข่มตาให้ตัวเองนอนหลับ การนอนมากๆ อย่างน้อยมันก็ช่วยเรื่องกินน้อยลง


แต่ความเบื่อหน่ายในชีวิตและการนอนมากเกินไป ทำให้ผมตื่นง่ายยังกับอะไรดี


ผมเด้งตัวลุกขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงผิดไปจากคลื่นลม มันเป็นเสียงของบางอย่างกระทบน้ำ และสิ่งแปลกปลอมนี้เองที่ล่อความกระตือรือร้นของผมให้พุ่งสูง จากนั้นจึงเลียบหลบตามทิวไม้เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์สิ่งที่เกิดขึ้น


และ --


นั่นไง!


พระเจ้า ผมมองผิดไปหรือเปล่า นั่นมันคน! คนเป็นๆที่กำลังลากเอาแพเรือขึ้นฝั่งอย่างทุลักทุเล ผมไม่แน่ใจนักว่าควรจะลงไปช่วยเขาไหม ไม่สิ ผมหมายถึง -- ผมสามารถไว้ใจผู้รอดชีวิตคนอื่นได้ใช่ไหม ถึงแม้ผมจะดีใจมากแค่ไหนก็ตามที่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนสุดท้ายบนโลก แต่พอได้ลองคิดในแง่ร้ายแล้ว ผมว่าเขาก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าแทงผมให้ตาย แล้วยึดครองเกาะเหงา ๆ นี้ไว้คนเดียว


เขาดูไม่แก่กว่าผมมากนัก เราดูเหมือนรุ่นๆเดียวกันด้วยซ้ำ และเขาสวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ขาสามส่วนขาด ๆ เป็นโชคดีที่ทะเลไม่มีคลื่นมากนัก แต่นั่นก็หมายถึงว่าเขาลำบากมากกว่าเดิมนิดหน่อยถ้าไม่มีแรงซัดเข้าฝั่งช่วยเท่าที่ควร


ผมค่อยๆหลบไปตามแนวไม้ด้วยเท้าเปล่า ลอบมองการกระทำของผู้มาใหม่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ความดีใจสั่งให้ผมออกไปทักทาย แต่ก็ไม่ได้ทำจนกระทั่งอีกฝ่ายหันมาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่บริเวณไม้ไหว และผมยืนอยู่ตรงนี้


“สวัสดี”


ในที่สุดผมก็โผล่หน้าออกไป ตลกดีที่ผมยังพูดคำว่าสวัสดีได้เต็มปากเต็มคำโดยไม่ลืมภาษาคนไปเสียก่อน เขาแสดงสีหน้าตระหนกตกใจ จากนั้นจึงพยายามตั้งสติ แล้วส่งเสียงทุ้มต่ำร้องทักตอบกลับมา “สวัสดี”


ผมได้แต่คิดว่าต่อให้ถูกฆ่ายึดที่จริง ๆ ก็ช่างมันเถอะ คิดเสียว่ามีคนมาสงเคราะห์ให้ถึงที่หลังจากตัวเองไม่ใจแข็งพอ แต่ชายคนนั้นเดินสะโหลสะเหลมาทางนี้ หนำซ้ำริมฝีปากยังค่อย ๆ เหยียดกว้างเป็นรอยยิ้ม หน้าเขาดูเหมือนคนที่กำลังจะร้องไห้อย่างไรอย่างนั้น


เนื้อตัวเขายังเปียกชุ่มไปด้วยฝนที่เพิ่งหยุดไปเมื่อพักใหญ่ที่ผ่านมา ตากลมโตมองไปรอบ ๆ ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นจนพาลให้ผมนึกสงสัยว่า ด้วยแพเรือหน้าตาเหมือนพาเลทโกดังกับไม้แท่งยาว ๆ ที่แทนไม้พายอันนั้น มันพาเขามาจากที่ไหนและถึงที่นี่ได้อย่างไร


เขาจามฮัดชิ้วต่อหน้าผม แต่เชื่อเถอะว่าเขาดูมีความสุขเท่าที่ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ล้างโลกจะยังมีได้


“นายชื่ออะไร” เขาถามขึ้นในตอนที่ผมมองดูเขาผึ่งเสื้อยืดสีดำของตัวเองลงบนโขดหิน และขอบคุณที่ไม่คิดจะถอดกางเกงออกด้วย เพราะผมคงไม่ชินเท่าไรที่ต้องอยู่กับผู้ชายใส่แค่ชั้นในสองต่อสองกลางแจ้ง


ผมตอบชื่อออกไป


“ดีจังเลยที่รู้ว่ามีคนรอดเพิ่มขึ้น” เขาพูดหลังจากแนะนำตัวให้ผมได้รู้ ในมือนั้นมีขวดน้ำแบบเดียวกับผมไม่ผิดเพี้ยน มันยังเต็มขวดอยู่ คิดว่าคงรองน้ำครั้งล่าสุดช่วงเดียวกันนั่นแหละ


เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโขดหินข้าง ๆ ที่ผึ่งเสื้อ แดดเริ่มจ้าขึ้นแล้ว ผมชั่งใจว่าจะพาเขาไปยังโอเอซิสที่ผมซ่อนกระเป๋าเป้กับรองเท้าเอาไว้ดีไหม แต่สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายที่คิดช้าเกินไป เลยปล่อยให้นายคนนี้เป็นฝ่ายออกปากชวนคุยเสียก่อน


“ที่นี่น่ะใหญ่กว่าตรงที่ฉันมาตั้งเท่าตัว อ้อ มีใครอยู่อีกหรือเปล่า”


“ไม่มีแล้ว”


“นายอยู่คนเดียวเหรอ ที่นี่?” เขาถามซ้ำราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด และพอพยักหน้ายืนยัน คนตรงหน้าก็กลับดูเศร้าหมองลง เขาอาจจะอินกับการทนเหงาเหมือนกันล่ะมั้ง เพราะแค่จากระยะสายตาที่ผมมองเห็นได้ เขาก็คงต้องคว้างอยู่กลางทะเลนานพอสมควร “มันน่าทึ่งมากเลย”

ผมมองไรหนวดที่ปลายคางของเขา อันที่จริงของผมเองก็เริ่มขึ้นแล้วเหมือนกัน แต่จะทำไงได้ล่ะ เราไม่มีครีมโกนหนวด ไม่มีแม้แต่มีดโกนด้วยซ้ำ


“มีอะไรน่าทึ่งกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอีกเหรอ”


ผมถาม แต่เชื่อเถอะว่าผมไม่ได้ต้องการคำตอบเป็นเสียงหัวเราะขบขันแบบที่เขากำลังทำอยู่ “มีสิ ก็เรื่องที่เรายังรอดชีวิต และนายสามารถอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวได้มาจนถึงตอนนี้”


“อ้อ...”


“นายอยู่ได้ยังไง”


เอาแล้ว ยังกับเขากำลังหลอกถามว่าผมมีแหล่งอาหารที่ไหนอย่างนั้นแหละ ซึ่งมันน่าหงุดหงิดสิ้นดีที่ผมไม่เก่งอะไรสักอย่าง แม้แต่การโกหกอ้อมแอ้มเพื่อกลบเกลื่อนแหล่งโอเอซิสบนเกาะนี้ ความคิดที่ตีเกลียวกันวุ่นวายในหัวของผมก็คือ ผมจะไว้ใจเขาได้จริง ๆ หรือ จะเปิดใจให้เขาหมดทุกสิ่งทุกอย่างเพียงแค่เพราะผมไม่มีใครแล้วอย่างนั้นใช่ไหม


แล้วก็คือใช่ ผมทำมัน


ต่อให้ความคิดแง่ร้ายในหัวจะขู่ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เขาต้องแทงผมด้วยปากขวดแล้วถีบลงน้ำเพื่อครอบครองเกาะนี้แต่เพียงผู้เดียวแน่ๆ




(มีต่อ)

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2015 11:08:55 โดย เข่งสะพานปลา »

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
(ต่อ)



เขาทำตาโตเมื่อเห็นต้นพลับซึ่งเป็นอาหารเพียงอย่างเดียวเท่าที่ผมพอจะรู้ เขาลังเลนิดหน่อย แต่ก็ขอบคุณด้วยความซึ้งใจมากเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมีได้เมื่อผมยอมให้เขาเด็ดเอาผลไม้บนต้นมาประทังความหิว ปากขยับเล่าว่าขนมปังคำสุดท้ายหมดไปเมื่อสองวันก่อน ตั้งแต่เกิดเรื่อง เขาคว้ามาได้แค่ขนมปังหนึ่งแถวกับน้ำเปล่าอีกสองสามขวดเท่านั้น ซึ่งสองขวดแรกยกให้คุณแม่ลูกสองครอบครัวหนึ่ง เกาะ (หรือจะเรียกว่ายอดตึก) นั้นสูงกว่าพื้นน้ำแค่ไม่ถึงเมตร คนที่หนีรอดขึ้นมาบนนี้ได้คือส่วนหนึ่งของคนที่กำลังทานอาหารอยู่ในภัตตาคาร ยิ่งฟัง ผมก็ยิ่งชั่งใจว่าระหว่างการนอนโดดเดี่ยวโดยมีต้นไม้บังลมฝนให้ กับการนอนแออัดหลายสิบคนบนพื้นคอนกรีตแบบนั้น อย่างไหนจะดีกว่ากัน


“แล้วนายเอาแพนั้นมาจากไหน” ถึงจะหิวยังกับอะไรดี แต่เขากลับค่อยๆละเลียดกินลูกพลับนั้นราวกับว่ามันเป็นลูกสุดท้าย อย่างหนึ่งที่ผมดีใจนะ อย่างน้อยผู้ชายที่ดีคนนี้ก็เป็นคนที่มาเจอผม ไม่ใช่ไอ้บ้าห้าร้อยที่ไหน


“บนยอดตึกนั้นมีพวกลังไม้พาเลทกองอยู่เต็มเลย มีผ้าใบคลุมกันฝน แล้วก็ยังมีเครื่องมือก่อสร้างกับเชือกวางทิ้งไว้นิดหน่อย ฉันเลยพอจะเอามาต่อเป็นแพลอยน้ำได้” แพนั้นเล็กขนาดสองคนนั่งก็ยังหวาดเสียว ซ้ำยังบวมน้ำจนน่ากลัว ผมไม่แน่ใจนักว่าถ้าเขาไม่มาเจอที่นี่ เขาจะใช้ชีวิตอยู่กลางน้ำได้อีกนานสักเท่าไร จะหิวตายหรือว่าเรือแพพังจนจมน้ำตายก่อนกัน


“นายล่ะ ออกมาคนเดียวเหรอ ทำไมไม่อยู่กับคนอื่น ๆ”


“ที่นั่นไม่มีอาหารเหลือแล้ว” เขาตอบหน้าสลด “ฉันถามแล้ว แต่ไม่มีใครอยากออกมาเสี่ยงกับไม้แผ่นเล็ก ๆ ที่จะพังเมื่อไรก็ไม่รู้”


“อ่า... เป็นฉันก็คงไม่”


“แล้วจะอยู่ได้อีกนานเท่าไร ไม่มีพื้นดิน ไม่มีอาหาร ไม่มีปัจจัยอะไรเลย” ผมเริ่มคิดตามที่เขาพูด มันถูกทุกอย่างเลย “หลังจากนี้คงมีคนที่ตัดสินใจออกมาแบบฉันเหมือนกัน”


หลังจากนั้นเราก็เงียบไป พอไม่ได้อยู่ตามลำพังแล้ว ผมก็รู้สึกเหมือนพระอาทิตย์ตกไวกว่าปกติ ท้องฟ้าสีครามเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นส้ม ยิ่งทำให้ผืนน้ำดูเวิ้งว้างและแผ่กระจายความเหงาออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา เสื้อยืดสีดำของเขายังชื้นๆอยู่ แต่เขาก็หยิบมันมาสวมใส่เพราะลมหนาวที่พัดพามาตามแนวคลื่นน้ำ พอเห็นเขาในตอนนี้ ผมก็นึกอยากให้กระเป๋ามีเสื้อฮู้ดสักตัว แต่น่าเสียดายที่มันมีแค่หนังสือแก้เบื่อสองสามเล่มที่ผมอ่านจนจำบทสนทนาของตัวละครได้แล้ว


เรานั่งอยู่ตรงโขดหิน ไกลจากตรงที่เพิ่งมีศพสุนัขถูกน้ำพัดเข้ามาติดชายฝั่ง (พูดให้ถูกคือพื้นภูเขาที่ไม่ได้ดูเป็นชายฝั่งเอาเสียเลย) โอ้ คุณอย่าเสนอให้ผมเอามันมาย่างกินเชียวนะ มัน - อืด - แล้ว เราถึงได้ล้มเลิกความคิดข้อนั้นไปตั้งแต่แวบแรกที่กลิ่นเหม็นเน่าลอยเตะจมูก


เพราะเขาเท้าเปล่า ผมถึงได้ไม่ใส่รองเท้าเป็นเพื่อน ปล่อยให้ฝ่าเท้าสัมผัสโขดหินเย็นเยียบพลางมองดูพระอาทิตย์ที่ค่อยๆตกลงลับขอบฟ้า


“นายว่าน้ำจะลดลงไหม”


ผมครุ่นคิดกับคำถามนั้น เอาเข้าจริงแล้วผมโคตรกลัวกับคำตอบเลยคุณรู้ไหม กลายเป็นว่าในหัวผมคิดถึงยอดตึกที่เขาอยู่มาก่อนหน้า มันคงจะเป็นตึกสูงติดอันดับต้นๆของประเทศนี้ และความสนุกเพียงอย่างเดียวก็คือการที่ผมพยายามงัดความรู้รอบตัวขึ้นมาเดาว่าสองสัปดาห์ก่อน เขาดินเนอร์อยู่ที่ไหน


“เขาทำแบบนี้กับเราทำไมนะ” คนข้างๆผมพึมพำอีก ผมไม่เคยหาคำตอบดีๆให้ได้เลยสักข้อ เสี้ยวหน้าของเขาสะท้อนแสงสีส้มเรืองซึ่งยิ่งขับให้โหลกแก้มและสันจมูกเด่นชัดขึ้น เอาจริง ๆ เขาก็จัดว่าหล่อ ถ้าเขาบอกว่าก่อนหน้านี้เป็นดารานักร้องสักคนที่กำลังจะเดบิวท์ล่ะก็ผมคงเชื่อสนิทใจ


“เขาไหน”


“คนบนนั้นไง”


ผมยอมรับด้วยใจบาป ๆ นี้เลยว่าเกือบจะเลิกนับถืออะไรก็ตามที่อยู่เหนือธรรมชาติไปแล้ว ถึงแม้เวลาในวัน ๆ หนึ่งจะมีมากพอให้ผมคิดอะไรต่อมิอะไรได้มากมาย หนึ่งในนั้นคือความหวัง แต่ทุกๆหนึ่งวินาทีมันก็มลายหายไปทีละนิดจนในกรอบสายตาของผมเห็นแค่ความเป็นจริง ความจริงที่ว่าเราน่ะโชคร้ายเหลือเกินที่ไม่ตาย


เราใช้ชีวิตอยู่บนเกาะยอดภูเขา เฝ้ามองพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ทั้งหมดหกครั้งถ้วน นับจากที่เขามาถึงที่นี่ เวลาวันแรกเราใช้ทำความรู้จักกัน วันที่สองช่วยกันเลาะไม้พาเลทบวมน้ำมามาทำเป็นเพิงเล็กๆไว้กันสายฝนที่ตกลงมาทุกวัน เรามีขวดน้ำสองขวด แต่เขาฉลาดกว่านั้นที่ใช้ผ้าใบทำหลังคาเพิงนอนของเราโดยให้มันรองเก็บน้ำไว้ได้ด้วย แล้วเขาก็ทำสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนอย่างเช่นการเก็บเอาเมล็ดต้นพลับที่กินเหลือไปฝังไว้ในดิน เผื่อว่าเราจะมีโอกาสได้กินในตอนที่มันโตขึ้นออกผล ถ้าไม่ตายก่อนน่ะนะ


ส่วนวันที่สามเรานอนเรียงกันใต้เพิงที่ทำไว้แล้วอ่านหนังสือคนละเล่ม ใช้เวลาไม่เกินสามชั่วโมงเราก็อ่านจบในเวลาไล่เลี่ยแล้วใช้สายตาแย่งหนังสือในกระเป๋ากันอย่างเอาเป็นตาย เล่มในมือของเขาน่ะผมเพิ่งอ่านจบไปหมดๆ เพราะอย่างนั้นตัวเลือกที่เหลืออยู่ก็คือการที่เรานอนเท้าแขนไหล่ชนกันเพื่อแชร์ความสนุกสนานเล่มสุดท้าย พอคล้อยเข้าบ่ายแก่ๆฝนก็ตกลงมา ทั้งที่ปากก็บ่นว่าอยากออกไปอาบน้ำ แต่ตลกดีที่หมอนี่ดันแคร์สายตาผมจนไม่กล้าแก้ผ้าวิ่งโทงๆอย่างที่ผมทำตอนอยู่ที่นี่คนเดียว


วันที่สี่หรือก็คือวันนี้เมื่อหลายชั่วโมงก่อน เขาทนไม่ไหวและใช้ไม้แท่งยาว ๆ ต่างไม้พายของเขาเขี่ยเอาศพสุนัขตัวนั้นกลับลงไปในน้ำ ทุลักทุเลพอควรกว่าจะโต้แรงคลื่นในตอนเช้าและทำให้มันจมหายไปได้สำเร็จ มลพิษทางสายตาและจมูกเราหายไปแล้ว แต่เราก็กลับไปกินมื้อเช้าใต้เพิงเล็ก ๆ ที่เพิ่งแต่งตั้งให้มันเป็นบ้าน กินลูกพลับกันคนละลูกแล้วเหลือเมล็ดให้เขาเอาไปฝังดินอย่างทุกครั้ง เรื่องมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งก็คือ ผมเซอร์ไพรส์เขาด้วยการหยิบโทรศัพท์มือถือที่เก็บตายออกมาเปิดเครื่อง มันมีแบตเตอรี่อยู่ราวสิบห้าเปอร์เซนต์เพื่อให้เราเล่นเกมฟรุตส์นินจา แค่ประมาณสามตา เครื่องผมก็ดับไปทั้งที่เรายังสนุกไม่ถึงสิบห้านาทีเลยด้วยซ้ำ


เอาล่ะ ตอนนี้คุณอยู่กับเราตอนปัจจุบันแล้ว ท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มมีดาวพร่างพราย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ถูกบดบังด้วยยอดไม้ที่มีประโยชน์มากในตอนกลางวัน และปล่อยให้ผมกับเขาแบ่งเป้กันหนุนท่ามกลางความมืดและเสียงของจั๊กจั่นดังแซ่ก ๆ ซึ่งผมได้ยินเป็นปกติ เราไม่มีอะไรทำแล้ว ถึงได้เอาแต่นอนแอ้งแม้งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่มีจุดหมายอยู่อย่างนี้


“ฉันคิดถึงเด็กสองคนนั้น” เขาโพล่งขึ้น พอหันมาสบกับคิ้วที่ขมวดน้อย ๆ ของผมแล้วก็อมยิ้มก่อนจะตอบให้หายสงสัย “ที่ฉันให้น้ำเปล่าไปไง”


“อ้อ ลูกของคุณแม่ยังสาว” เขาเคยพูดถึงครอบครัวหล่อนตั้งแต่วันแรกของการมาที่นี่ ให้ผมเดานะ ในเมื่อเขารู้แก่ใจว่าอาหารหมด ก็คงจะเป็นห่วงว่าคนบนยอดตึกนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าแน่ ๆ “พวกเธอยังไม่ตายหรอก”


ผมตอบ ครั้งนี้กลับกลายเป็นเขาที่หันมาตีสีหน้าสงสัย ถึงความมืดจะทำให้เรามองกันไม่ชัดนัก แต่เชื่อเถอะว่าผมเห็นมุมปากเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ขณะรอฟังคำตอบของคนที่ไม่มีกะจิตกะใจจะคิดอะไรอย่างผม


“คิดอย่างนี้แล้วมันสบายใจกว่าใช่ไหมล่ะ แต่ฉันไม่มีเหตุผลดี ๆ ให้หรอกนะ”


ศูนย์คะแนนสำหรับคำปลอบใจที่ทำท่าจะดี กลับกัน เขาหัวเราะออกมาเบาๆพลางขยับศีรษะหล่นจากหมอนแล้วใช้ท่อนแขนเลื่อนมาหนุนแทน เขายกเป้ให้ผมนอนแบบเนียนๆใช่ไหมล่ะแบบนี้ หรือแม้แต่ลูกพลับ อีกคนก็ไม่เคยกินเกินวันละสองลูกเลย เขาแบ่งมันเป็นช่วงสายกับเย็น ซึ่งผมก็เดาอีกว่ารอยซูบตอบบนแก้มนี่น่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เขาแบ่งขนมปังให้คนบนตึกนั้นกินแล้วล่ะ


“แค่นั้นก็ดีพอแล้ว” เขาพูดโดยไม่หันมามอง นั่นทำให้ผมรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกที่กลายเป็นเขาปลอบใจคำพูดสับปะรังเคของผมแทน


เราเงียบกันไปอีกพักใหญ่ อยู่ดีๆผมก็นึกเรื่องบางอย่างที่เกี่ยวกับสิ่งรอบตัวขึ้นมาได้ ผมหันไปดูเพื่อให้แน่ใจว่าเขายังไม่หลับ อย่างน้อยๆผมจะได้ไม่ส่งเสียงออกไปเก้อแล้วไม่มีคนตอบกลับมาเหมือนอย่างที่เขาได้รับจากผมเป็นประจำ


“เคยได้ยินเรื่องเรือโนอาห์ไหม”


คนฟังเลิกคิ้ว เอาเป็นว่าจากแสงสลัว ๆ นี่ผมเดาว่าเขาเลิกคิ้ว แน่ล่ะ มีใครบ้างที่จะไม่รู้จักเรือโนอาห์ เพียงแต่อาจต้องคิดหนักสักหน่อยนั่นแหละว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือว่าลวงโลก ผมไม่เคยเอาใจไปเชื่อกับตำนานเลย มันเป็นแค่เรื่องเล่าเสริมสร้างศรัทธาเท่านั้นแหละ


“บางทีพรุ่งนี้เช้า อาจจะมีเรือบรรทุกสัตว์ร้อยชนิดนั่นมาจอดเทียบบ้านเราก็ได้นะ”


ผมลืมบอกคุณไปอย่าง เราเรียกเกาะนี้ว่าบ้าน เรียกเพิงผ้าใบที่มีฐานเป็นไม้พาเลทอับๆนี่ว่าที่นอน ใต้ต้นพลับนั่นเป็นห้องอาหาร ส่วนตอนที่ฝนตกก็ให้ตรงชายฝั่งเป็นห้องอาบน้ำ คิดอย่างนี้แล้วมันผ่อนคลายดี อย่างน้อยก็รู้เรื่องกว่าตอนที่ผมกับเขาคุยกันเรื่องโขดหินก้อนนั้น แต่เรียงเป็นตับไม่รู้ว่าหมายถึงก้อนไหน


“ไม่มีหรอก”


อ้าว นี่เป็นครั้งแรกที่คนดีออกปากขัดเรื่องอะไรแบบนี้ สงสัยความหวังหมอนี่จะดับวูบไปเสียแล้วล่ะมั้ง


“ฉันว่านี่แหละโนอาห์” ผมงงกับคำตอบของเขา แต่พอนิ้วมือนั้นชี้ตัวเองและจรดปลายนิ้วลงบนอกของผมก่อนจะชูนิ้วชี้กับนิ้วกลางเป็นสอง ผมก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขากำลังเล่นมุกน่ารักๆเกี่ยวกับเรื่องคู่เข้าให้แล้ว “นี่ไง เรามีสองคน”


ทั้งที่เมื่อครู่เราเพิ่งจะหัวเราะเอิ้กอ้าก แต่พอนาฬิกาในหัวตีบอกเวลาว่าเรารู้จักกันเกินแปดสิบชั่วโมง ผมก็ตื่นจากความขบขันเพื่อพบว่าเรากำลังจูบอย่างดูดดื่มใต้เพิงนอนที่ออกแรงสร้างมาด้วยกัน ใช่ ผมรู้ว่าเราต่างไม่มีใคร และไม่มีอะไรจะเสียถ้ายอมให้มันเกิดขึ้น เราอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ซึ่งหลังจากเริ่มครั้งแรกได้แล้ว มันก็ไม่ยากเกินไปที่เขาจะขยับตัวขึ้นมาคร่อมผมไว้เพื่อมอบจูบครั้งที่สองแทนคำพูดทั้งหมดที่เรานึกไม่ออก


ปลายเท้าของเรายาวเลยแผ่นไม้จนเสียดถูกันเหนือพื้นดิน ปลายลิ้นชุ่มสอดเข้ามาเพื่อกอบโกยห้วงลมหายใจไปตามผม ตวัดไล้เล็มในโพรงปาก สะบัดหยอกล้อกับผมที่เก้กังๆในการตอบรับสัมผัสของเขา ไรหนวดนั้นทิ่มคางผม แต่มันก็ไม่จั้กจี้เท่ากับมือหยาบกร้านที่สอดเข้าไปภายใต้เสื้อยืดค้างปีแล้วลูบวนอยู่ระหว่างช่วงท้องกับเอว


ผมเริ่มหายใจติดขัด ลอบลืมตามองแล้วก็เห็นดวงตากลมโตนั้นจับจ้องมองมาเหมือนกัน อา ให้ตายเถอะ ผมควรจะทำยังไงดีกับตัวเองในตอนนี้ ทั้งร่างกายมันแข็งทื่อ แต่ก็โอนอ่อนให้เขากอดรัดได้ตามใจอย่างกับตุ๊กตา ผมไม่ทันได้คิดเรื่องนี้ตั้งแต่ที่ต้องอาศัยอยู่กับชายแปลกหน้า แต่เมื่อไม่กี่นาทีก่อน ผมหวั่นไหวให้เขาเสียแล้ว


เขาถอนริมฝีปากอ้อยอิ่ง จรดหน้าผากลงชนกับของผมเพราะเขารู้ตัวว่าควรขออนุญาตให้เป็นเรื่องเป็นราว


“รู้สึกดีไหม”


เขาถาม แล้วผมก็ไม่กล้าตอบ จากนั้นริมฝีปากของเขาจึงเลื่อนมาวนเวียนอยู่ที่สันกรามของผมแล้วจูบลงไปบนพวงแก้มแช่มช้า ผม -- ผมไม่รู้หรอกว่านี่เรียกรู้สึกดีหรือเปล่า แต่เอาเป็นว่าใจของผมมันไม่ได้มีความคิดที่จะปฏิเสธเขา แล้วความคิดติดตลกยังแวบขึ้นมาอีกว่า ถ้าผมเอาแต่ต่อต้านความต้องการของตัวเอง พอไม่มีวันพรุ่งนี้ขึ้นมาแล้วจะเสียใจ


เพราะอย่างนั้น ผมถึงตอบรับทุกสัมผัสของเขา ให้ความร่วมมือแล้วก็แลกเปลี่ยนอย่างที่สัญชาตญาณของผมบอกว่าควรทำ เราแก้ความเคอะเขินด้วยการจูบอีกพักใหญ่ เขาจึงค่อยๆคืบหน้าด้วยการถอดเสื้อผ้าของผมออก แล้วก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นเรือโนอาห์อย่างแท้จริง


อ้อ คุณคงไม่เข้าใจว่าผมหมายถึงอะไรใช่ไหม


เพราะผมอยากให้มีวันพรุ่งนี้ ให้มีวันต่อๆไป นี่คือความหวังที่กลับเด่นชัดขึ้นมาในใจผมเสียแล้ว


เราไม่ได้นอนจนถึงเช้ามืด ก็ไม่ใช่ว่าทำเรื่องอย่างนั้นกันตลอดเวลาหรอกนะ โอเค เรานอนแก้ผ้า คุยกันเรื่อยเปื่อย และพอหายเหนื่อยหรือว่าบรรยากาศเป็นใจ เราก็อาจจะเริ่มทำไอ้สิ่งที่คุณกำลังล้อในใจนั่นอีกครั้งสองครั้ง ลมเย็นพัดผ่านจนเราสะท้านไปทั้งร่าง จากนั้นไม่นานฝนก็ตกลงมาทั้งที่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง พอเป็นตอนนี้ นอกจากจะไม่อายในการออกไปอาบน้ำฝน เขายังจับมือผมลากไปด้วยกันทั้งร่างเปลือยเปล่า อีกครั้งที่ผมกำลังรู้สึกสดชื่น แต่พอตัดภาพมาอีกทีก็ลงไปขลุกอยู่กับเขาบนพื้นดินชุ่ม ๆ อีกแล้ว


การไม่มีอะไรให้ทำมากนักส่งผลให้เราเป็นอย่างนี้ใช่ไหม ผมพยายามหาเหตุผลให้ตัวเองมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากวันนั้น เรื่องแบบนี้ชอบเป็นความฝันก่อนตายของตัวละครในซีรีส์หลาย ๆ เรื่อง เอาเป็นว่าผมเข้าใจ และคิดว่ามันคงไม่เลว


ตอนนี้ผมใส่เสื้อผ้า หยัดตัวเองลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจแล้วกวักเอาน้ำในแอ่งผ้าใบขึ้นมาลูบหน้าลูบตาให้พอสดชื่น เช้าวันนี้เขาตื่นก่อนผม ไม่รู้ว่าหายไปไหน แต่คิดไม่ทันขาดช่วงดี เสียงทุ้มต่ำก็ตะโกนโหวกเหวกเรียกชื่อผมเพื่อเป็นคำตอบ


ผมรีบรุดมาตามน้ำเสียงตื่นเต้นของเขาที่ยืนอยู่บนโขดหินตรงชายฝั่ง เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่ผมอุทานถึงสิ่งเหนือธรรมชาติ คุณเดาไม่ถูกหรอกว่าเกิดอะไรขึ้น! เขาวิ่งเหยาะ ๆ มาทางผม ชี้ย้ำให้ผมแน่ใจสายตาตัวเองว่าน้ำลดลงบ้างแล้วจริง ๆ เรามีพื้นดินให้เหยียบมากขึ้น แต่น้ำก็ยังสูงจนกลบบริเวณรอบอุทยานนี้เอาไว้อยู่ดี


“ป่านนี้ในเมืองคงมียอดตึกผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด” ผมพูด นึกถึงที่ที่เขาจากมาว่าคนบนนั้นจะมีโอกาสได้อยู่จนถึงตอนนี้ไหม จะมีใครรอดชีวิตอยู่บนตึกสูง ๆ หลังไหนอีกหรือเปล่า


แต่แล้วผมก็เห็นประกายอย่างหนึ่งในดวงตาสีเข้มนั้น เขาคิดจะไปจากที่นี่ ในขณะที่ผมเชื่อแล้วว่ามันเป็นเรือโนอาห์ของเรา




(มีต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2015 16:24:22 โดย เข่งสะพานปลา »

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
(ต่อ)



เราไม่มีไม้ให้ต่อแพอีก เว้นเสียแต่จะโค่นต้นไม้บังลมฝนพวกนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างอื่น แต่เราก็ไม่มีเลื่อย ความคิดนี้จึงถูกล้มเลิกไปท่ามกลางสีหน้าและท่าทางงุ่นง่านที่เขากักเก็บเอาไว้ไม่หมด ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงอยากออกไปเสี่ยงข้างหน้านั่นอีก เพราะต่อให้มีผืนกินที่ใหญ่กว่านี้ แต่ตราบใดที่ลูกพลับยังไม่หมดต้น ผมก็ไม่คิดไปไหน


หรือทางหนึ่ง ผมรู้ดีแก่ใจว่ามันมีเปอร์เซนต์มากเหลือเกินว่าถ้าเราออกไปแล้วจะกลับมาที่นี่ไม่ได้อีก ผมเชื่อว่าเรายังมองไม่เห็นอะไรนอกจากผืนทะเล ไม่มีจีพีเอสนำทาง เข็มทิศ หรือว่าเรด้าร์ที่ทำให้เชื่อว่าเรายังมีทางกลับลำถูกถ้าเกิดเจอทางตัน แต่เขาไม่คิดอย่างนั้น ดวงตาเขาเป็นประกายและไม่หยุดนิ่ง ใจของเขาคงล่องลอยเหมือนกับนกนางนวลที่กำลังบินวนอยู่เหนือน่านน้ำ


คืนนั้นเรายังมีเซ็กส์และนอนกอดกันอย่างที่เป็นมาตลอดหนึ่งอาทิตย์ ทว่าใจผมมีแต่ความกังวล ผมไม่อยากอยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว ซึ่งน่ากลัวว่าหัวใจเขาคงไม่รู้สึกอย่างนั้น


วันต่อมาเขาเดินวนไปวนมาเพื่อหาทางโค้นต้นไม้ใกล้ที่นอนของเราลงมาใช้ แต่พอเห็นผมทำสีหน้าปั้นยาก เขาก็จะแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและชวนผมนอนอ่านหนังสือเล่มเดิม ๆ เพื่อหลับกลางวันไปด้วยกันอีก แน่ล่ะ เขาทำได้ แต่ผมโมโหตัวเองชะมัดเลยที่แม้แต่ในโลกแบบนี้แล้วยังหลงเหลือความงี่เง่าอยู่อีก


ผมนึกอยากให้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้น สูงขึ้นอย่างตอนที่เราเจอกันวันแรก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามเมื่อเราเริ่มเห็นยอดไม้และตึกสูงจากไกลสายตาลิบ ๆ ผมไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดเพียงแค่เห็นว่าโลกกำลังจะกลับมาเป็นอย่างเก่า คนพวกนั้นคงตายหมดแล้ว! ไม่เหลือใครแล้วนอกจากเรา ผมต้องการอย่างนั้น


มันแย่ชะมัดเลยนะว่าไหม ผมไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลย


ในบ่ายวันหนึ่ง ผมยิ้มกว้างจนแก้มแทบฉีกเพราะเห็นยอดสีเขียว ๆ อันเป็นผลจากเมล็ดต้นพลับที่เราช่วยกันหว่านไว้ ตอนนี้ผมใส่เสื้อยืดสีดำตัวโคร่งของใครอีกคน แล้วก็วิ่งเท้าเปล่าลงไปตามแนวเขาเพื่อบอกข่าวดีข้อนี้ เราไม่จำเป็นต้องไปจากที่นี่เลย ผมจะพูดคำนี้ และสำทับซ้ำเข้าไปอีกว่าไม่มีอาหารอย่างอื่นที่ข้างนอกนั่นหรอก


แต่เขาก็ทำให้หัวใจของผมชาวาบด้วยการออกแรงลากท่อนไม้ขนาดต้นพลับสามต้นมัดรวมกันขึ้นมาจากน้ำ ชายกางเกงยีนส์สามส่วนเปียกชุ่ม นั่นทำให้เรื่องต้นพลับของผมกลืนหายลงไปในลำคอพร้อมกับสีหน้าตื่นตระหนกเล็กๆของเขาซึ่งมองสวนขึ้นมา จนได้สินะ ผมเกือบพูดออกไปอย่างนั้น แต่เขาก็ทำเหมือนนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะไม้ที่เขาหามาได้มันยังไม่พอต่อแพสำหรับหนึ่งคนเลยด้วยซ้ำ


ระหว่างที่เดินหนีกลับขึ้นมาบนยอดเขา ผมก็รู้ได้ว่าไม่เคยรู้สึกโกรธขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ผมหาที่ระบายโดยการคิดพาลไปถึงทุกอย่างที่พัดพาเขามาที่นี่ ให้เขามาเจอเกาะนี้ ให้บรรยากาศทุกอย่างเป็นใจสำหรับการเริ่มต้นความสัมพันธ์ในคืนนั้น พอย้อนกลับไปมองแล้วมันเฮงซวยหมดทุกอย่างเลย


ผมเด็ดเอายอดต้นพลับเล็ก ๆ ที่เพิ่งขึ้นแล้วเหวี่ยงออกไป แต่มันก็ตกอยู่ใกล้ ๆ เพราะไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะลอยละลิ่วได้ไกลกว่านี้ ใช่ มันไม่มีสำคัญอะไรแล้ว ลำพังอยู่ตัวคนเดียวน่ะ แค่ลูกพลับต้นเดิมผมก็อยู่ได้ ไม่ต้องมีอะไรมาเพิ่ม ไม่ต้องให้ที่นี่ดูยิ่งใหญ่จนใครหน้าไหนนึกอยากจะมาก็มา


ผมโคตรงี่เง่าเลย แต่ผมห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว


เขาเดินตามขึ้นมาตัวเปล่า คงทิ้งท่อนไม้นั่นไว้ใกล้ ๆ ชายฝั่งด้านล่างตรงที่ผมเพิ่งเดินจากมาเมื่อครู่ ดวงตากลมโตไหววูบเมื่อเห็นยอดต้นพลับสีเขียวตัดกับสีดิน จากนั้นเขาก็ก้มลงกอดประโลมผมที่นั่งอยู่กับพื้นเอาไว้ กลิ่นเหงื่อของเขาทำเอาผมอยากร้องไห้ ยิ่งถูกวงแขนนั้นโอบรัดเอาไว้ ผมก็ยิ่งโกรธตัวเองจนไม่รู้จะให้อภัยได้อย่างไร


“ดึงมันทิ้งทำไม” เขากระซิบถาม แต่ผมไม่คิดว่าเขาอยากรู้จริง ๆ หรอกในเมื่อผมกำลังไร้สติขนาดนี้


ทั้งที่ไม่มีน้ำตาไหลออกมา แต่ทั้งร่างของผมกลับสะอื้นตัวโยน แขนนั้นพยายามกอดผมแน่นขึ้น ปากก็พร่ำพูดให้ใจเย็นๆแล้วจะได้มาคุยกันดีๆ อ้อใช่ ใช่เลย เราไม่ได้เปิดใจคุยกันมานานมากแล้ว เขาทำตัวหลบ ๆ ซ่อน ๆ ในขณะที่ผมก็แกล้งทำเฉยทั้งที่รู้อยู่เต็มอก


คืนนั้นเรานอนกอดกันภายใต้ข้อตกลงที่ว่าจะพูดทุกอย่างในใจออกมาจนหมด ผมเริ่มระบายเกี่ยวกับความรู้สึกโดดเดี่ยวที่เขาปล่อยให้มันเกิดขึ้นมาตลอดระยะเวลาเกือบเดือนนี้ ร่างกายของเราเปลือยเปล่า ผมห่มเสื้อของเขาแทนผ้าห่ม แล้วก็ปล่อยให้ปลายนิ้วโป้งลูบวนอยู่ที่หัวไหล่ซ้ำ ๆ ในขณะที่พรั่งพรูทุกอย่างออกไปเหมือนระเบิด


“ฉันหาไม้มาสร้างบ้านให้เรา” เขาบอก นั่นยิ่งทำให้ผมตกใจยิ่งขึ้นไปอีก “ไม้พวกนี้มันผุมากแล้ว ฝนตกมาที ความชื้นก็ทำให้ราขึ้น”


ทั้งที่ปากขยับเล่าถึงความในใจจนผมรู้สึกผิด ทว่าดวงตาคมกลับเหม่อมองไปทางต้นพลับที่เราใช้เป็นอาหารหลักอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ผมไม่เข้าใจสายตาของเขาในตอนนี้นัก แต่เอาเป็นว่าผมเข้าใจผิด ผมตีความหมายสิ่งที่เขาสร้างขึ้นระหว่างเราในแง่ลบเกินไป อาจด้วยเพราะความกังวล ยึดติด หรือผมคงเป็นโรควิตกจริตขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้ว


“คิดอะไรอยู่” ผมถามในตอนที่เขากำลังเคลื่อนตัวอย่างเนิบนาบอยู่ข้างบน ผู้ชายเมื่อเดือนก่อนคนนั้นหายไปจริง ๆ แน่แล้ว เพราะตอนนี้เหลือเพียงคนตรงหน้าที่ขมวดคิ้วครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา เขาแค่อยากให้ผมเชื่อใจ หรือต้องการอะไรที่มากกว่านั้น


ซึ่งแน่นอน ผมเดาถูกว่าเขาคงไม่ยอมตอบ จากคนที่พูดเก่งและมักจะเปิดบทสนทนายามว่างเสมอกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด ใบหน้าซูบตอบของเขาดูแก่ขึ้นอีกเป็นสิบปีเวลาที่ตีหน้าเครียดอย่างนี้ ผมไม่รู้ว่าเรายังต้องคิดอะไรนักหนา ในเมื่อที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้ว


“ขอโทษนะ”


ผมไม่เข้าใจ


ไม่เข้าใจว่าเขาพูดมันเป็นครั้งสุดท้าย


เช้าวันนั้นอาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมตื่นขึ้นมาพบกับความว่างเปล่า เพียงแต่ครั้งนี้มันถาวร ผมรุดไปรอบ ๆ เกาะเพียงเพื่อดูว่าเขาอาจจะกำลังง่วนอยู่ตรงไหนสักที่ ยิ่งที่นี่กว้างขึ้น ผมก็ยิ่งต้องเหนื่อยและรู้สึกว่าเขาไกลออกไปมากเหลือเกิน


น้ำลดลงไปจากเมื่อวานอีก ที่สุดสายตามียอดตึกโผล่พ้นน้ำขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว ความรู้สึกไม่สู้ดีในใจผมบอกว่าเขาไม่อยู่ที่นี่ แต่ผมไม่เชื่อ แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อกเมื่อพบแล้วว่าลางสังหรณ์นั้นไม่ค่อยโกหกกันเท่าไร ไม่มีท่อนไม้ที่เขาลากขึ้นมาเมื่อวันก่อน เขาสะสมมันไว้เป็นกองขนาดใหญ่ ไม้แท่งยาวต่างพายอันนั้น ทุกอย่างหายไปรวมถึงเชือกที่เคยเหลือจากการเลาะแพเมื่อนานมาแล้วก็หายไปด้วย


เขาโกหกผม หรือเขาคิดจะไปแต่แรกแล้ว


ทั้งที่สมองคิดอย่างนั้น แต่หัวใจของผมกลับท้วงเรียกให้มองขึ้นไปยังต้นพลับเพียงหนึ่งเดียว ผลลูกพลับเหลืออยู่น้อยมาก แต่ก็มากพอให้กินได้คนเดียวระหว่างรอมันออกผลใหม่เมื่ออากาศเย็นขึ้นกว่านี้ และนอกจากยอดสีเขียวที่ผมเพิ่งดึงทิ้งเพราะแรงโมโหเมื่อวานแล้ว พื้นดินรอบข้างก็ไม่มีวี่แววของอาหารใดเหลืออยู่เลย


น้ำในแอ่งผ้าใบยังคงเต็มจากฝนตกครั้งล่าสุด แต่ขวดน้ำหายไปหนึ่งอัน นี่เป็นคำตอบที่ชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไรดี ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไป ไม่รู้แม้กระทั่งว่าที่ดินผืนใหญ่ตรงนี้ถูกสร้างมาเพื่อผมคนเดียวหรือเปล่า แล้วข้างนอกนั้นเขาจะเป็นยังไง จะตายอยู่กลางผืนน้ำ หรือพบเจอใครคนอื่นอย่างที่เขาสวดภาวนาให้โลกนี้มาตลอด ผมไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจว่าเขาจะทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร ทั้งที่บอกว่าที่นี่ดีที่สุด แต่เขาก็ยังละทิ้งเรือโนอาห์ด้วยเหตุผลสองข้อ


ข้อแรก เขาอาจต้องการสิ่งที่ดีกว่า อย่างที่เขาเคยทำมาก่อน


ส่วนข้อสอง เขาต้องการให้ผมอยู่รอด













ผมจิบกาแฟดำในแก้วหลังจากเช็กอีเมลในโทรศัพท์มือถือแล้วว่าสิ่งที่สั่งลูกน้องในสายงานไปนั้นเรียบร้อยดี ผมต้องอยู่บ้านจนลืมวันลืมคืนเพราะแค่ไอ้อาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ในฤดูหนาว เดาว่าคนอื่นคงกลัวจะเอาเชื้อไข้ไปแพร่ใส่เสียมากกว่า


ผมกดรีโมทปิดภาพข่าวยามเช้าบนจอทีวี เอนตัวพิงเก้าอี้ไม้ทรงคันทรีที่เคยเอาเสี้ยวเงินจากน้ำพักน้ำแรงซื้อมาเมื่อปีที่แล้ว มองเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามซึ่งว่างเปล่า สองสามปีมานี้ผมทำอะไรด้วยตัวคนเดียวมากพอสมควร นอกจากจะคุ้นชินกับมันได้แล้ว ผมกลับรู้สึกว่าบ้านกว้าง ๆ นี้ก็อิสระดีเหมือนกัน


ผมอยู่อย่างที่เคยอยู่ นอนดูบอลจนดึกแล้วตื่นมาปิ้งขนมปังกินทั้งที่ใส่แค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวโดยไม่ต้องอายใคร ตั้งแต่ใครคนนั้นเก็บเสื้อผ้าออกไปจากที่นี่ ผมก็แน่ใจแล้วว่าคนอย่างผมคงเหมาะกับการอยู่ตัวคนเดียวเป็นที่สุด สิ่งที่เคยเกิดขึ้นก็ลืมมันไปจนเกือบหมดสิ้นแล้ว ถ้าคุณได้ลองมาอยู่ว่าง ๆ อ่านหนังสือเล่มเดิมซ้ำไปซ้ำมา คุณจะรู้เลยว่าเวลานั้นยาวนานเสียจนสร้างโลกใหม่ได้เลย


ผมเจียดเวลาไปรดน้ำต้นพลับที่สวนหลังบ้าน ดูแลฟูมฟักมันอย่างที่ทำมาตลอดหลายปี ความเหม่อลอยทำให้ผมทอดมองไปยังดินโล่งเตียนส่วนอื่น ๆ ผมปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น เว้นเสียแต่พลับต้นนี้ที่ยังอยู่มาได้เรื่อย ๆ จากความรู้ด้านเกษตรเท่าหางอึ่งของผม


เสียงออดดังลั่นภายในตัวบ้าน นั่นทำให้คิ้วขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจขึ้นมาทันทีที่มีใครมารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวได้ตั้งแต่เช้าตรู่ ผมแน่ใจว่าไม่มีธุระกับใครที่พร้อมตามมาถึงบ้าน ผมไม่ได้มีเจ้าหนี้ ไม่เหลือใครที่มีความผูกพันธ์พิเศษด้วยแล้วแม้แต่พ่อแม่หรือเครือญาติ


แล้วร่างทั้งร่างของผมก็หยุดนิ่งไปหลังจากเปิดประตูนั้น ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหายใจไม่ออก มันขาดช่วงและจะล้มตึงลงไปเสียให้ได้เพียงแค่เห็นร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนส์ยืนอยู่ตรงหน้า ยิ้มนั้นส่งมาให้ผม มือก็ลากกระเป๋าเดินทางผ่านพื้นหินกระเบื้องอย่างทุลักทุเล


“สวัสดี”


เขาพูดก่อน หลังจากลากกระเป๋าใบใหญ่นั้นมาหยุดอยู่หน้าประตูได้ ดูเขาจะยิ่งมีเวลาขบขันผมมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ให้ตายเถอะ ผมไม่รู้ว่าลมอะไรพัดเขามาอีก คิดจะไปไม่ลาแล้วยังมีหน้ากลับมาหรือไง ผมโกรธ โกรธอย่างวันที่เขาทำอมพะนำไม่พูดและทิ้งให้ผมอยู่ที่นี่เพียงลำพังด้วยความใจร้ายเหลือคณา


ใบหน้าเขาดูอ่อนเยาว์ขึ้นมาก ร่องรอยความเครียดที่เคยมีก็จางหายเสียจนเกือบจะเหมือนกับวันแรกที่เราเจอกัน เขาตั้งท่าจะเข้ามากอดผมแต่ดูยังไม่กล้า ก็ผมทำหน้าบึ้งตึงใส่เขาเต็มสูบเลยน่ะซี นั่น แล้วยังยิ้มไม่เลิกอีก จะเอายังไงกันแน่


“ดีจังที่หาทางกลับเจอ”


เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยออกจากปาก และก่อนที่จะจรดริมฝีปากมาฉาบฉวยความคิดถึงไปจากผม เขาก็แกล้งแบมือออกให้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่หยิบติดไม้ติดมือกลับมาด้วย มันคือเมล็ดพันธุ์มากมายที่เขาหามาได้ มากจนแน่ใจได้เลยว่าเราไม่ต้องออกไปดิ้นรนหรือพะวงหาสิ่งนอกสายตาอีก


เกินพอสำหรับเราสองคน


และตลอดไป









------------------------------------------------------------------------------

METAPHOR อีกแล้ว <3
ในเช้าวันที่นอนไม่หลับหลังจากทำงาน ทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาจนเขียนทีเดียวเสร็จ
ไม่รู้ว่าจะชอบกันไหมกับเรื่องสั้นเรื่องนี้ แต่สำหรับเราที่เป็นคนเขียน เราชอบมากเลยค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกเป็นยังไงกันบ้าง มาแชร์กันนะคะ : )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-04-2015 20:07:37 โดย เข่งสะพานปลา »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
กรี๊ดดด~ :serius2: ให้มันได้อย่างนี้สิ! ตอนไปก็ไม่คิดจะบอกกันก่อนเลยนะคะพ่อหนุ่มหน้าตอบ ชิชะ คนรอมันทรมานใจนะคุณรู้เปล่า? แต่ก็ดีใจนะคะที่กลับมา อุตส่าห์ตรากตรำออกไปหาเมล็ดพืชมาปลูกนอกจากต้นพลับน่ะ เซอร์ไพรซ์ไอซียูมากเลย~

สนุกมากเลยค่ะ เป็นเรื่องราวที่ไม่คาดฝันเลยจริงๆ ขอบคุณนะค้าา… o1

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ไม่รู้ทำไม แต่เราอ่านแล้วดันเห็นออร่าสีชมพูทั้งเรื่องเลย  :hao3:

ปอลิง คิดถึงพ่อหนุ่มปี๊ปกะหนูแบร์รี่อ่ะค่าา  :hao5:

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
ขอบอกว่าตอนนี้ คุณเข่งฯ เขียนอะไรมาก็อ่านหมดแหละค่ะ เพราะชอบมากจริงๆ

รู้สึกว่าคุณเข่งฯ​ เป็นคนที่จริงจังกับเรื่องงานเขียนคนหนึ่งเลย เพราะใส่รายละเอียดหลายอย่างมาในเรื่อง ทำให้คนอ่านอย่างดิฉันต้องคิดตามว่าสัญลักษณ์แต่ละอย่างนั้นหมายถึงอะไรบ้าง

อย่างเม็ดมะพลับที่คนมาใหม่เขาปลูกไว้จนแตกยอดเป็นต้นอ่อน ก็ไม่ต่างอะไรกับความรักของคนสองคนที่เริ่มขึ้น ต้นพลับต้นเล็กนั้นไม่รู้ว่าจะเติบโตและออกออกออกผลเมื่อไร อาจต้องรอเป็นสิบปี หรือหลายสิบปี ก็เหมือนกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนซึ่งเริ่มขึ้นด้วยความชิดใกล้ของสถานการณ์บังคับ มันไม่ยั่งยืน และมันก็ไม่มีอนาคต เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรน้ำจะลด และไม่แน่ว่าทั้งสองคนอาจมีใครคนหนึ่งจากไปก่อน ทั้งจากไปโดยนิรันดร์ และจากไปโดยทางเลือก ซึ่งฝ่ายมาทีหลังก็เลือกจะจากไป และนั่นก็เป็นจุดแตกหักจุดหนึ่งที่ทำให้ "ผม" เด็ดยอดต้นอ่อนโยนทิ้งไป และเมื่อ "เขา" เห็นเช่นนั้นก็เกิด "แวววูบไหวในสายตา" มันเป็นสิ่งซึ่งเกิดขึ้นได้เมื่อใจของคนเราเปราะบาง ใจซึ่งถูกกัดกินทุกวันด้วยความเหงา ความเปลี่ยวว้าง ความหมดสิ้นแล้วซึ่งความหวังทั้งปวง

นอกจากเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแนวสัญลักษณ์แล้ว ยังเป็นเรื่องเสียดสีสังคมอย่างแสบสันต์ด้วยค่ะ ตัวอย่างก็เช่นการเล่นเกมฟรุตนินจา หรือโทรศัพท์มือถือที่สุดท้ายก็แบ็ตหมด มันทำให้เราต้องหันกลับมามองว่าบางสิ่งมันก็ของไกลตัว ไม่ควรจะไปจมจ่อมกับมันให้มากเกินไปนัก เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เราจะเอาไปด้วยได้

ตอนที่ "เขา" ขึ้นมาบนเกาะเดียวกับ "ผม" นั้น ดิฉันแอบกลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องคล้ายกับนิยายแนว dystopia กับ apocalypse เรื่องอื่นที่ดิฉันเคยอ่านหรือเปล่า ที่บอกว่า โลกหลังถูกทำลายด้วยสงครามเคมี คนที่รอดชีวิตก็แตกกลุ่มออกเป็นกลุ่มย่อย คนเห็นชีวิตของตัวเองสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด คนทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ทำทุกอย่าง...แม้แต่กินเนื้อคนด้วยกันเอง นี่แหละค่ะ ดิฉันก็เลยคิดว่า แหม...อีตา "ผม" นี้จะถูกอีตา "เขา" จับย่างกินหรือเปล่านะ

และคุณเข่งฯ ยังพาเรื่องให้ขยับขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ด้วยการตัดภาพจากโลกดิสโทเปีย ให้กลับมาในโลก "เสมือน" ปัจจุบัน เหตุที่บอกว่ามันเป็นโลกเสมือน ก็เพราะดิฉันยังจับความรู้สึกได้ว่า แม้โลกที่ "ผม" นั่งจิบกาแฟ สั่งงานลูกน้องฯ มันจะดูคล้ายกับโลกปัจจุบันของเรา แต่ความรู้สึกมันต่างออกไป คล้ายกับว่า "โลก" ที่ "ผม" กำลังละเลียดเครื่องดื่มยามเช้า พร้อมกับนั่งทบทวนความทรงจำของตัวเองถึงชายคนหนึ่งที่ทิ้งตนไปนี้ จะเป็นโลก "หลัง" จากน้ำได้แห้งเหือดไปหมดแล้ว และ "ผม" ก็ได้สร้างบ้านสร้างเรือนขึ้นบนเกาะที่เคยทำให้ตนรอดชีวิต เพราะมันเป็น "บ้าน" และ "ผม" ก็ไม่เลือกจะจากมันไป ดั่งเช่น "เขา" เคยจากไปอย่างเงียบๆ ครั้งหนึ่ง และเมื่อโลกกลับสู่ความสงบอีกครั้ง "เขา" ก็กลับมา กล่าวในอีกนัยหนึ่งคือ เป็นโลก "ใหม่" ที่วางรากฐานไว้กับ "โลกเก่า" นั่นเองค่ะ ซึ่งอาจเป็นการตีความจากตำนาน "น้ำท่วมโลก" ที่ปรากฎอยู่ในเกือบทุกตำนาน ไม่ว่าจะเป็นของคริสต์, ฮินดู, หรือแม้กระทั่งอียิปต์ เขาว่ากันว่า น้ำได้ "ท่วมโลก" มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว และวัฒนธรรมเก่าๆ หลายอย่างก็สูญหายไปกับน้ำนี้ โดยยังคงเหลือเพียงเศษซากวัฒนธรรมโลกเก่าให้เราได้เห็นเป็นเพียงของหักพัง

ท้ายที่สุด สิ่งที่อยากจะเอ่ยถึงก็คือว่า แม้เรื่องนี้จะเป็น metaphor แต่ก็มีแนวเขียนใกล้เคียงกับ magical realism ที่มีการเคลื่อนผ่านของฉากโดยอาศัยเหตุการณ์ที่เหนือจริง แต่ตั้งอยู่บนฐานของความมีเหตุมีผล อุ้ย...คุณเข่งฯ ขา ดิฉันชอบมาก แต่ถ้าพูดพล่ามอะไรที่ไกลจากประเด็นก็อย่าว่าดิฉันนะคะ

สมัยเรียนนี่อาจารย์ชอบเอางานแบบนี้มาให้อ่านแล้วก็วิเคราะห์ประจำ ประสาคนกำลังฝึกหัดอย่างดิฉัน ก็คงจะพูดพล่ามไปเรื่อยแหละค่ะ แต่ชอบนะคะ ที่คุณเข่งฯ เขียนอะไรแหวกขนบนิยาย ชายรักชายได้อย่างสนุกสนานขนาดนี้ ว่างๆ เขียนมาให้อ่านอีกนะคะ รับรองจะคอมเม้นท์ให้อย่างจุใจเลยค่ะ

-ขออนุญาตอีดิทเพิ่มนะคะ-

ตอนที่อ่านฉากความสัมพันธ์ทางร่างกายของสองหนุ่มแล้ว ดิฉันนึกไปถึงเรื่องเล่าในความเชื่อกรีกเลยค่ะ มีช่วงหนึ่งที่ซูสรู้สึกว่ามนุษย์เริ่มปีกกล้าขาแข็งและอาจหาทางโค่นอำนาจของพระองค์ได้ พระองค์จึงทำให้ฝนตกจนกระทั่งน้ำท่วมโลก มนุษย์และสัตว์ประดามีก็ล้มตกล้มตายกันเป็นเบือ เหลือไว้เพียงลุงและป้าซึ่งเป็นผู้แก่ศาสนาและยังเคารพในซูสอยู่เต็มหัวใจ เขากับเมียจึงรอดชีวิต และเมื่อน้ำแห้งหมดแล้ว พวกเขาก็ถูกมอบหมายหน้าที่การสร้างมนุษย์โลกขึ้นใหม่ โดยเอาคำใบ้มาจากมหาวิหารเดลฟีของเทพอพอลโล ซึ่งคำใบ้นั้นบอกไว้ว่า ให้เอากระดูกของมารดาโยนลงกับดิน (คร่าวๆ ก็ประมาณนี้นะคะ อาจจำผิดพลาด) ทีนี้ตาลุงก็เครียดว่าจะเอากระดูกมารดาของฉันมาได้อย่างไร ยายเมียก็เลยบอกผัวว่า สามีคะ ดิฉันคิดว่า คำว่ามารดาอาจไม่หมายถึงมารดาที่เป็นคน แต่อาจหมายถึงมารดาที่เป็นอย่างอื่น เช่น...โลกคือมารดาของทุกสิ่งไงคะที่รัก ฝ่ายสามีได้ยินก็ยินดีปรีดา พร้อมกับสมองโปร่งใส จึงถึงบางอ้อว่า กระดูกที่ว่า ก็คือ ก้อนหินนั่นเอง เพราะหินเป็นส่วนประกอบของโลก ดังนั้นก้อนหินก็อาจถือว่าเป็น "กระดูกของมารดา" ได้ ดังนั้นสองผัวเมียก็ช่วยกันหยิบเอาก้อนหินแล้วก็เดินจากวิหารเดลฟี พร้อมกับโยนก้อนหินที่หอบมาด้วยนั้น ไปด้านหลัง หินที่ถูกโยนโดยตาผัว ก็กลายเป็นมนุษย์ผู้ชาย ส่วนหินที่โยนโดยยายเมียก็กลายเป็นมนุษย์ผู้หญิง และสืบเผ่าพันธุ์กระทั่งกลายเป็นประชากรโลกปัจจุบัน เอวังฯ

ปล. อยากอ่านแนวแฟนตาซีจากฝีมือคุณเข่งฯ จังเลยค่ะ น่าจะสนุกมาก  :mew1:

ปปล. ตอนที่ "เขา" ยื่นเมล็ดพืชพันธุ์ให้ดูนั้น แอบสังเกตไม่ได้ว่า มันมีความมุ้งมิ้งและเหมือนกับเขากำลังจะบอกว่า "นี่อย่างไรล่ะ ฉันได้ไปตามหาเมล็ดพันธุ์มาเรียบร้อยแล้ว อย่ากระนั้นเลย เรามาปลูก "ต้นรัก" กันเถอะ" อู้ย เขิน  :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-04-2015 23:33:44 โดย Wordslinger »

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
ด้วยสายตา ด้วยท่าทาง ที่จริงลึกๆแล้วก็รู้แหละว่าจะไป เพียงแต่เลือกที่จะเชื่อคำโกหกตรงหน้ามากกว่า
สุดท้ายก็ไปจริงๆด้วยสิ .. แต่ว่านะ ถ้าเลือกจะเดินจากไปแล้ว ก็อย่า 'ขอโทษ' เลย มันไม่ช่วยอะไรหรอก
มันไม่เคยช่วยอะไรจริงๆ

บางทีมุมของเขากับมุมของเรามันคงต่างกันจริงๆแหละ เขาคิดว่าความตายคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
แต่สำหรับเราสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความรักต่างหาก :(
มันช่างน่ากลัว น่ากลัวไม่ต่างจากอยู่เป็นคนสุดท้ายบนโลก แต่ไม่มีความกล้าพอในการตายนั่นแหละ

แต่สุดท้ายกลับมาก็ดีแล้วค่ะ รู้สึกเป็นแฮปปี้เอนดิ้งที่น่าหมั่นไส้หมอนั่นนิดนึงแฮะ 5555555555


งานเขียนของคุณเข่งสะพานปลายังดีเหมือนเดิมเลยค่ะ ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ
จะรอติดตามต่อไปนะคะ <3

ปล. นอกจากตอนอ่านจะทำให้อารมณ์ค้างแล้ว ก่อนจะเม้นก็ต้องบิ๊วอารมณ์เหมือนกัน ไม่รู้ทำไม T T ..
เลยมาเม้นช้าเลย ขอโทษด้วยนะคะ . _ .

ปล2. เมื่อคืนเพิ่งนอนไม่หลับเพราะกลัวผีแพรพลอยค่ะ OTL .....


ออฟไลน์ w-for-winnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
โอ้วววว ชั่งเป็นการเปรียบเทียบที่ลึกซึ้งมาก

สำหรับเรา พออ่านถึงตอนจบเรากลับตีความไปว่าทั้งสองคนอยู่ในโลกปัจจุบัน ส่วนการติดเกาะหลังจากน้ำท่วมโลกเป็น metaphore ของความเดียวดายที่ตัวเอกต้องเผชิญอยู่ในโลกปัจจุบัน การที่พระเอกนั่งแพมาที่เกาะก็เปรียบเหมือนการเข้ามาในโลกที่เดียวดายของอีกคน มาทำความรู้จัก มาสร้างความสัมพันธ์ และยุติความเหงา การที่พระเอกจากไปโดยไม่บอกไม่กล่าวก็เหมือนกับการล่องแพออกจากเกาะและทิ้งความเดียวดายไว้เบื้องหลัง การที่พระเอกกลับมาพร้อมเมล็ดพันธุ์ก็เลยแปลได้ว่าจริงๆแล้วเค้าจากไปเพื่อไปเตรียมตัวมาสร้างอนาคตร่วมกัน


เอ๊ะ...หรือจริงๆแล้วทั้งสองคนอยู่ในยุค post-apocalypse หว่า 555

ขอบคุณคนแต่งนะคะ
แนวเรื่องที่ทิ้งให้คนอ่าน interpret อย่างนี้ไม่ค่อยมีในนิยายวายเลย

ถ้าคนแต่งจะมาเฉลยเรื่องราวที่แท้จริงของเรื่องนี้เราก็คงน้อมรับการตีความมั่วๆของเราแต่โดยดี  :katai5:
แบบมาเขียน analysis แนว Sparknote ให้เรื่องของตัวเองอะไรงี้ 555

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
โอ้วววว ชั่งเป็นการเปรียบเทียบที่ลึกซึ้งมาก

สำหรับเรา พออ่านถึงตอนจบเรากลับตีความไปว่าทั้งสองคนอยู่ในโลกปัจจุบัน ส่วนการติดเกาะหลังจากน้ำท่วมโลกเป็น metaphore ของความเดียวดายที่ตัวเอกต้องเผชิญอยู่ในโลกปัจจุบัน การที่พระเอกนั่งแพมาที่เกาะก็เปรียบเหมือนการเข้ามาในโลกที่เดียวดายของอีกคน มาทำความรู้จัก มาสร้างความสัมพันธ์ และยุติความเหงา การที่พระเอกจากไปโดยไม่บอกไม่กล่าวก็เหมือนกับการล่องแพออกจากเกาะและทิ้งความเดียวดายไว้เบื้องหลัง การที่พระเอกกลับมาพร้อมเมล็ดพันธุ์ก็เลยแปลได้ว่าจริงๆแล้วเค้าจากไปเพื่อไปเตรียมตัวมาสร้างอนาคตร่วมกัน


Interpretation นี้ได้ใจค่ะ ตีความได้กระชับและได้ใจความมาก

กดบวกคะแนนให้ ๑ คะแนนเลยค่ะ


ออฟไลน์ jejiiee

  • cannot open this page
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
คุณเข่งได้สร้างผลงานดีๆ มาให้เราได้เสพอีกครั้งแล้ว

เราค่อนข้างปลื้มกับทุกประโยคที่คุณเข่งได้เขียนออกมา แอบบอกนิดนึงนะคะว่าอ่านทุกบรรทัด ทุกตัวอักษรจริงๆ แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย ทั้งภาษาและการเปรียบเทียบนั้น ทำให้จินตนาการพลั่งพลูออกมาอย่างกับเขื่อนแตก 5555 ลองคิดดูว่าถ้าเรากลายเป็น "ผม" คงจะไม่อยู่รอดเกินสัปดาห์นึงแน่ๆ คงจะสติแตก หรือไม่ก็กลายเป็นอิยะวดี Back to begin ให้คนรุ่นหลังๆ ทำสารคดีต่อไป (ฮา..)

ยังไงก็ติดตามคุณเข่งสะพานปลาอยู่นะคะ เป็นกำลังใจค่ะ  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
« ตอบ #9 เมื่อ: 13-04-2015 22:40:37 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sunnyside1909

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #10 เมื่อ16-04-2015 01:20:48 »

ชอบมากค่ะ เราไล่อ่านนิยายของคุณทุกเรื่องเลย
เราว่ามันมีสำนวนของนิยายแปลอยู่นะ โดยเฉพาะเรื่องนี้รู้สึกมากๆค่ะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #11 เมื่อ17-04-2015 23:56:00 »

แอบงงนิดๆ หรือว่าตัวเราไม่ละเอียดอ่อนเหมือนคนอื่นเขา .....
คือตอนหลังที่โลกผ่านวิกฤตน้ำท่วมไปแล้วพระเอกก็กลับมาพร้อมเมล็ด?????
แต่ตอนนี้น้ำไม่ท่วมแล้วไปหาที่ไหนก็ได้รึเปล่า กลับมาช้านะแก ถึงขั้นโลกกลับมาทำงานกันตามปกติ แต่กลับมาพร้อมเมล็ด
คือเรางงๆจริงๆอ่ะ หรือเราไม่สามารถพอที่จะเข้าใจ  :o11:

ออฟไลน์ Meomay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #12 เมื่อ18-04-2015 01:05:15 »

Metaphor ไม่ใช่แนวที่หาอ่านได้ง่ายๆเลย ยิ่งมาเจ๊อะภาษาแบบนี้แล้วยิ่งอุ่บวาบ
ช่วงแรกที่อ่านยอมรับว่าอ้าปากค้างจริงๆค่ะ 555555
ส่วนพอมาถึงตรงกลางแล้วก็เริ่มยิ้มตามตัวอักษร
เป็นงานเขียนที่จัดเข้าถึงขั้นละเอียดอ่อนเลยค่ะ
ทุกคำทุกตัวอักษรในครึ่งแรก สามารถหามาเทียบได้กับครึ่งหลังได้หมด
น้อยครั้งมากที่จะเจอนิยายที่ ชื่อตัวละคร ยังไม่มี แต่กลับอ่านแล้วหุบยิ้มไม่ได้
รู้สึกดีใจมากค่ะที่ได้เข้ามาเจอนิยายดีๆแบบนี้ >< :hao5:

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #13 เมื่อ18-04-2015 01:06:55 »

แอบงงนิดๆ หรือว่าตัวเราไม่ละเอียดอ่อนเหมือนคนอื่นเขา .....
คือตอนหลังที่โลกผ่านวิกฤตน้ำท่วมไปแล้วพระเอกก็กลับมาพร้อมเมล็ด?????
แต่ตอนนี้น้ำไม่ท่วมแล้วไปหาที่ไหนก็ได้รึเปล่า กลับมาช้านะแก ถึงขั้นโลกกลับมาทำงานกันตามปกติ แต่กลับมาพร้อมเมล็ด
คือเรางงๆจริงๆอ่ะ หรือเราไม่สามารถพอที่จะเข้าใจ  :o11:

ขออนุญาตตอบคห.นี้แทนคุณเข่งนะคะ

โดยลักษณะนิยายเรื่องนี้เป็นเชิงอุปลักษณ์ค่ะ มันเปรียบเป็น เช่นคำว่า "บ้านของฉันคือคุก"
ไม่ได้หมายความว่า บ้านฉันอยู่ที่คุกบางขวางนะ แต่หมายความว่า
เวลาฉันอยู่บ้านน่ะ ถูกทำให้รู้สึกเหมือนอยู่คุก ไม่อิสระ มีผู้คุม(คือใครก็แล้วแต่) 

ดังนั้นนิยายเรื่องนี้ก็เล่าเป็นความปัจจุบันมาตั้งแต่ต้นนั่นล่ะค่ะ เพียงแต่ว่าช่วงที่น้ำท่วมโลก ตัวละครของคุณเข่งเปรียบโลกของ"ผม"
เหมือนโลกที่ถูกน้ำท่วม ในตอนที่ทุกอย่างประดังประเดเข้ามา ในตอนที่คิดว่าอยู่คนเดียวได้
อยู่ ๆ "เขา" ก็เข้ามาพร้อมกับความวิตก (ว่าจะโดนฆ่าไหม) แต่พอทำความรู้จักกันไปก็พบว่าเขาเป็นคนดีเว้ย
มาให้ความสดชื่น มาทำให้รู้สึกว่าอบอุ่น ไม่ต้องมีใครก็ได้
แต่พอจุดนึงที่เขาเริ่มเห็นน้ำลด เขารู้ว่ามีทางไปที่อื่นได้แน่ ๆ ในใจก็โหยหาสิ่งข้างนอก เขาอยากออกไป ออกไปรู้
ตอนเราอ่านเราตีความไปถึง ความก้าวหน้าของหน้าที่การงาน "เขา" เป็นคนทะเยอทะยาน เขาหยุดอยู่ตรงนี้ไม่ได้
แต่ทั้ง ๆ ที่คิดอย่างนั้น "เขา" ก็รัก "ผม" มากเกินกว่าที่จะทำอย่างนั้น ดังนั้นตอนแรกเขาจึงหาไม้มาสร้างเพิงที่ใหญ่กว่านี้
แต่เห็นว่า "ผม" เด็ดต้นไม้ที่พิ่งเกิดนั่นทิ้ง (ต้นไม้เปรียบเสมือนต้นรักที่พวกเขาช่วยกันปลูก) หมายความว่าไม่ได้เชื่อใจกันสนิทใจแล้ว
เขาก็เลยต้องตัดสินใจทำอะไรไปอีกทาง 

ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รัก "ผม" นะคะ เราว่า "เขา" รักผม แต่ความรักตอนนั้นมันไปไม่ได้แล้ว และ "ผม" ก็เคยพูดกับเขาไว้หนนึงว่า
"ถ้าไปแล้ว เราจะหาทางกลับมาที่นี่ไม่ได้ เพราะไม่มีแผนที่ ไม่มี GPS"
นั่หมายความว่าถ้าเลิกกันแล้ว เราอาจจะไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างนี้แล้วนะ

แต่ในตอนสุดท้าย ภาพตัดมาที่ความจริง
เขาเอาเมล็ดมาให้ (ขอเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง) แล้วบอกดีใจจังที่หาเจอ (คือกลับมาแล้วนะ)
นั่นทำให้รู้ว่าสำหรับเขา ไม่ต้องพึ่งแผนที่หรอก เพราะเขาไม่ได้คิดจะไปถาวรแต่แรกจริง ๆ และตอนนี้เขากลับมาแล้ว
พร้อมแล้วที่จะอยู่กับ "ผม" ตลอดไป

เราชอบเรื่องนี้มากเลย มันแบบ...โอ้ย มันไม่ใช่นิยายแฟนตาซีนะ ก็ว่าไป
มันคือนิยายรักที่ถูกแทนด้วยภาพวาดในหัวของตัวละคร เขาเหมือนโดนปล่อยเกาะ มันเป็นฉากๆ
ชอบมากๆ

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #14 เมื่อ18-04-2015 01:28:05 »

แอบงงนิดๆ หรือว่าตัวเราไม่ละเอียดอ่อนเหมือนคนอื่นเขา .....
คือตอนหลังที่โลกผ่านวิกฤตน้ำท่วมไปแล้วพระเอกก็กลับมาพร้อมเมล็ด?????
แต่ตอนนี้น้ำไม่ท่วมแล้วไปหาที่ไหนก็ได้รึเปล่า กลับมาช้านะแก ถึงขั้นโลกกลับมาทำงานกันตามปกติ แต่กลับมาพร้อมเมล็ด
คือเรางงๆจริงๆอ่ะ หรือเราไม่สามารถพอที่จะเข้าใจ  :o11:

ขออนุญาตตอบคห.นี้แทนคุณเข่งนะคะ

โดยลักษณะนิยายเรื่องนี้เป็นเชิงอุปลักษณ์ค่ะ มันเปรียบเป็น เช่นคำว่า "บ้านของฉันคือคุก"
ไม่ได้หมายความว่า บ้านฉันอยู่ที่คุกบางขวางนะ แต่หมายความว่า
เวลาฉันอยู่บ้านน่ะ ถูกทำให้รู้สึกเหมือนอยู่คุก ไม่อิสระ มีผู้คุม(คือใครก็แล้วแต่) 

ดังนั้นนิยายเรื่องนี้ก็เล่าเป็นความปัจจุบันมาตั้งแต่ต้นนั่นล่ะค่ะ เพียงแต่ว่าช่วงที่น้ำท่วมโลก ตัวละครของคุณเข่งเปรียบโลกของ"ผม"
เหมือนโลกที่ถูกน้ำท่วม ในตอนที่ทุกอย่างประดังประเดเข้ามา ในตอนที่คิดว่าอยู่คนเดียวได้
อยู่ ๆ "เขา" ก็เข้ามาพร้อมกับความวิตก (ว่าจะโดนฆ่าไหม) แต่พอทำความรู้จักกันไปก็พบว่าเขาเป็นคนดีเว้ย
มาให้ความสดชื่น มาทำให้รู้สึกว่าอบอุ่น ไม่ต้องมีใครก็ได้
แต่พอจุดนึงที่เขาเริ่มเห็นน้ำลด เขารู้ว่ามีทางไปที่อื่นได้แน่ ๆ ในใจก็โหยหาสิ่งข้างนอก เขาอยากออกไป ออกไปรู้
ตอนเราอ่านเราตีความไปถึง ความก้าวหน้าของหน้าที่การงาน "เขา" เป็นคนทะเยอทะยาน เขาหยุดอยู่ตรงนี้ไม่ได้
แต่ทั้ง ๆ ที่คิดอย่างนั้น "เขา" ก็รัก "ผม" มากเกินกว่าที่จะทำอย่างนั้น ดังนั้นตอนแรกเขาจึงหาไม้มาสร้างเพิงที่ใหญ่กว่านี้
แต่เห็นว่า "ผม" เด็ดต้นไม้ที่พิ่งเกิดนั่นทิ้ง (ต้นไม้เปรียบเสมือนต้นรักที่พวกเขาช่วยกันปลูก) หมายความว่าไม่ได้เชื่อใจกันสนิทใจแล้ว
เขาก็เลยต้องตัดสินใจทำอะไรไปอีกทาง 

ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รัก "ผม" นะคะ เราว่า "เขา" รักผม แต่ความรักตอนนั้นมันไปไม่ได้แล้ว และ "ผม" ก็เคยพูดกับเขาไว้หนนึงว่า
"ถ้าไปแล้ว เราจะหาทางกลับมาที่นี่ไม่ได้ เพราะไม่มีแผนที่ ไม่มี GPS"
นั่หมายความว่าถ้าเลิกกันแล้ว เราอาจจะไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างนี้แล้วนะ

แต่ในตอนสุดท้าย ภาพตัดมาที่ความจริง
เขาเอาเมล็ดมาให้ (ขอเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง) แล้วบอกดีใจจังที่หาเจอ (คือกลับมาแล้วนะ)
นั่นทำให้รู้ว่าสำหรับเขา ไม่ต้องพึ่งแผนที่หรอก เพราะเขาไม่ได้คิดจะไปถาวรแต่แรกจริง ๆ และตอนนี้เขากลับมาแล้ว
พร้อมแล้วที่จะอยู่กับ "ผม" ตลอดไป

เราชอบเรื่องนี้มากเลย มันแบบ...โอ้ย มันไม่ใช่นิยายแฟนตาซีนะ ก็ว่าไป
มันคือนิยายรักที่ถูกแทนด้วยภาพวาดในหัวของตัวละคร เขาเหมือนโดนปล่อยเกาะ มันเป็นฉากๆ
ชอบมากๆ

อ่านการตีความนี้แล้วน้ำตาไหล มันใช่มากๆ บวกเป็ดและบวกคะแนนให้อย่างสวยๆ  :mew1:

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #15 เมื่อ19-04-2015 17:30:26 »

อ่านช้าๆ ละเลียดทีละคำ
แล้วรู้สึกว่าลูกพลับอร่อยขึ้นมากจริงๆ
บวกและเป็ดขอบคุณสำหรับวันที่ไม่ต้องทำงานแล้วได้อิ่มเอมกับเวลานั้น
 :n1:
ปล. ตอนจบทำให้ยิ้มเลย

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #16 เมื่อ20-04-2015 11:58:44 »

ปกติอ่านในเล้าจะไม่ค่อยมีแนวมาขึ้นบอกไว้ว่าคืออะไร อ่านไปก็ตีความไปเอง ไม่เคยที่จะเปิดดูเลยว่าMETAPHORคืออะไร..
แต่พออ่านจบ.. ก็คิดตามนะ.. แต่คนละแนวกับที่เขาคิดกันเลย
น้ำลดแล้วไงต่อ คนมาจากไหน คนอื่นจะรอดมาได้ยังไง ทำไมเครื่องใช้ไฟฟ้ากลับมาผลิตได้เร็วจัง ใครเป็นคนกลับไปบุกเบิกหาพลังงานอีกรอบ บลาๆ
ก็เลยมาเลื่อนอ่านเม้น.. ได้ความรู้เพิ่มเยอะเลย.. เลยลองไปเสิร์จคีย์เวิร์ดคำนั้นดู..
คงประมาณว่าอยู่คนเดียวมานาน.. แล้วพอมีคนเข้ามาในชีวิตเลยระแวงนิดๆ พออยู่ด้วยกันนานๆเข้าก็ไว้ใจกันมากขึ้น
จนถึงจุดพีค(?)มีอะไรบางอย่างเข้ามาแทรกแซงทำให้เริ่มไม่ไว้ใจกัน..
แต่ดีนะที่เข้มแข็งมีคืนเปิดใจด้วย ไม่งั้นคงจะอึดอัดไปมากกว่านี้.. แต่แอบไม่เข้าใจตรงที่ออกไปแบบไม่บอกอะไรเลย
ถึงจะกลับมาก็เถอะ เมล็ดพันธุ์ที่เอามาคืออะไร.. ตรงนี้ไม่เข้าใจเลย..

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #17 เมื่อ25-04-2015 00:10:54 »

คือมันโดนใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกก ตอนแรกก็นึกว่าแนวแฟนตาซีน้ำท่วมโลกแตก
แต่ตอนจบมันส่งพลังได้มาก อ่านแล้วซึ้งมาก โดนมาก ประทับใจจริงๆ

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #18 เมื่อ25-04-2015 14:16:56 »

 :pig4: :L2:

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #19 เมื่อ25-04-2015 15:49:05 »

อ่านแล้วอินจนต้องเดินไปรดน้ำต้นไม้
เผื่อว่าน้ำจะท่วมโลกช้ากว่าปกติซักหนึ่งวัน


จากไปเพื่อให้อีกคนอยู่รอด...ทำเราน้ำตาซึม
เราอ่านเราก็เข้าใจในแบบของเรา
แต่พออ่านคอมเมนท์ของคนอื่นๆก็ยิ่งเข้าใจเนื้อเรื่องมากขึ้น
ขอบคุณคอมเมนท์


ขอบคุณคนเขียนที่เขียนเรื่องนี้แบบแฝงไปด้วยคติ ข้อคิด ความโรแมนติก
มันลึกซึ้งมันกินใจ
ขอบคุณ.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
« ตอบ #19 เมื่อ: 25-04-2015 15:49:05 »





ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #20 เมื่อ25-04-2015 22:49:02 »

ขอบคุณ คุณกิมกวง มากจ้า
ทำให้เห็นภาพมากขึ้นเยอะเลย ไอ้เราดันนึกไปถึงน้ำท่วมโลกจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ U_Ton

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #21 เมื่อ30-04-2015 17:31:57 »

 :heaven รู้สึกดีที่ได้อ่านค่ะ... บอกตามตรงเกิดความไม่พอใจ "เขา" ขึ้นมานิดหน่อย

ชิ! กลับมาทำไม ชั้นลืมเธอไปหมดเเว้ววววว...

 :ruready อ่านๆ ไป (ไม่นับเรื่องการตีความนะคะ) อารมณ์เหมือนจะร้องไห้ในความรู้สึกของ "ผม" ความรู้สึกว่าเรา

อยู่คนเดียวได้ มันค่อนข้างอยู่ตัวเเล้ว แค่มีกินไปจนกว่าจะถึงวันที่มันจะหมด (อยู่ไปงั้นๆ ว่างั้นเถอะ) แต่สุดท้ายเมื่อ

มี "เขา" ปรากฎตัวขึ้นมา เหมือน "เขา" ได้หอบความหวังและความหมายบางอย่างมาให้ มันเติมเต็มความอ้างว้าง

ที่ว่าที่นี่มีเเค่เรา เราตัวคนเดียว ความหมายในการมีชีวิตอยู่มันปรากฏขึ้นมาสำหรับ "ผม" แล้ว (ถึง "ผม" จะยินดีอยู่ในโลก

แคบๆ ของเขาตามลำพังกับคนที่รักก็ไม่เป็นไร) แต่เมื่อนานวันเข้า "เขา" เห็นความหวังครั้งใหม่ (ซึ่งไม่รู้ว่ามี "ผม"

ร่วมอยู่ในความหวังนั้นด้วยหรือเปล่า) ความผิดหวังเริ่มเกิดกับ "ผม" หรืออาจจะเป็นความกลัว กลัวโลกที่ไม่ได้มีแค่

"เขา" กับ "ผม" เพราะ "ผม" เป็นคนอยู่ง่าย ยอมรับสถานการณ์ง่ายและเมื่อยอมรับเเล้วก็จะอยู่กับสิ่งนั้นจนถึงที่สุด

ผิดกับ "เขา" ที่ล่องแพมาเพื่อพบเจอสิ่งใหม่ หนทางใหม่ ดังนั้นไม่แปลกที่ "ผม" จะกลัวโลกใบใหม่ที่ "เขา" แสวงหา

และมันก็เกิดขึ้นจริง โลกที่ไม่มี "ผม" ร่วมทางไปด้วย (ก็ความคิดมันสวนทางกันนี่นะ)

"เขา" กลับมาพร้อมกับเมล็ด เพื่อกลับมาปลูกต้นรัก(?)  :hao3: ร้ายนะเธอ ตอนมาก็เห็น "ผม" เป็นทางผ่าน ตอนไปก็

ล่องเเพไปไม่ลา กลับมาพร้อมเมล็ดพืช ชิ! อย่างแกต้องหอบถุงปุ๋ยมาด้วยย่ะ(?) การเดินทางของ "เขา" กลับมาสิ้นสุด

ที่ "ผม" สินะ เหมือนวนลูปวัฏจักร "เขา" ยังดีที่จำทางกลับบ้านได้ ไม่ล่องเเพไปเจอบ้านอื่นๆ แล้วแวะไปทั่ว (หรือมัน

เเวะแล้วแต่ไม่เวิร์ค)

ปล. ในเชิงสัญลักษณ์แอบสงสัยทำไมต้องเป็น "ลูกพลับ" มีเหตุผลมั้ยคะ หรือว่าแค่สื่อถึงว่า เมล็ดของมันที่เริ่มปลูกคือ

ความสัมพันธ์ที่เริ่มขึ้นและงอกเงย ก่อนจะถูกทำลายลง (อิอิ ส่วนเเพ ขอตีเป็นการเดินทางแล้วกันค่ะ 5555)

ออฟไลน์ gwaiplay

  • ♛ Victoria 。
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #22 เมื่อ01-05-2015 22:39:05 »

ติดตามคุณเข่งแทบไม่ทันเลยครัช  :mew1: o13

ออฟไลน์ theG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #23 เมื่อ02-05-2015 23:22:06 »

เพิ่งได้มาอ่าน ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
บอกตรงๆว่าเป็นคนไม่ค่อยมีความรู้ด้านนิยายเท่าไหร่ เลยตีความไม่แตกในตอนแรก
แต่พอมาอ่านๆเม้นละก็อ๋อ ชื่นชมค่ะ รู้สึกเลอค่า (แต่ไม่สามารถเม้นอะไรที่วิเคราะห์มากไปกว่านี้ได้ ฮือๆๆ)

ขอบคุณมากนะคะที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่านเรื่อยๆ ชอบทุกเรื่องที่คุณเข่งเขียนเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #24 เมื่อ09-06-2015 14:00:53 »

ตอนแรกอ่านจบแล้วก็ งง กับ งง แต่พอมาอ่านคอมเม้นต์ ก็พอจะเข้าใจแล้วก็ เออ ความหมายดีนี่หว่า

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ megacreep

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #25 เมื่อ27-07-2015 17:27:44 »

พี่เข่งคนดีของหนู.

 :katai5:

ออฟไลน์ มะปรางเปรี้ยว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #26 เมื่อ27-07-2015 21:27:29 »

พี่เข่งๆๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ kothan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #27 เมื่อ10-08-2015 12:48:21 »

อ่านแล้วความรู้สึกแรกเลยคือ สนุกแต่งง พออ่านความคิดเห็นแล้วก็เข้าใจเลยว่าอะไรหมายความว่าอะไร

รอผลงานชิ้นต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ water

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #28 เมื่อ06-09-2015 20:28:53 »

อ่านจบแล้วไม่ค่อยเข้าใจ มาอ่านคห.อื่นๆถึงเข้าใจ
ลึกซึ้ง ชอบค่ะ ชอบภาษาของคุณมากเลย :3123:

ออฟไลน์ กวังกีเมย์บี

  • วาย ว๊าย วาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: (เรื่องสั้น) NOAH | 09-04-15 ตอนเดียวจบ.
«ตอบ #29 เมื่อ07-09-2015 03:06:02 »

 o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด