คืนครั้งที่ 1 ☻✿
ฝนเหี้ย... ต้องพูดจริงๆว่าฝนเหี้ย ผมติดอยู่ในอาคารที่ห่างไกลจากประตูโรงเรียนที่สุด และรถตู้แสนน่ารักของผมก็ไม่ยอมเข้ามารับด้านในเพราะรุ่นพี่หลายๆคนเขาอยู่คนละฟากตึก คนขับรถตู้บอกว่ายุ่งยากเลยไม่เข้ามาแม่งเลย แล้วคนที่ลำบากคือใคร ก็คือผมนี่ไงครับ ร่มก็ไม่มี เสื้อกันฝนนี่อย่าฝัน
"เอาไงดีวะ.." ผมพึมพำกับตัวเองอย่างคิดหนัก จากระยะทางแล้วผมต้องฝ่าลานหน้าตึกไปยันคอปเปอร์เวย์เพราะตึกฝั่งซ้ายมือนั้นขุดทำท่อใหม่ ตึกฝั่งซ้ายเตรียมทาสีทางเดิน... กว่าจะถึงตรงนั้นผมคงเปียกเหมือนกระโดดลงสระแน่ๆแถมกระเป๋าผมไม่ใช่รุ่นกันน้ำอะไรเสียด้วย ซวยจริงๆน่าจะลงมาก่อนที่มันจะตก
ผมไม่อยากเปียกเลยสักนิด แต่ถ้าไม่รีบตอนนี้รถตู้ที่น่ารักของผมจะทิ้งผมน่ะสิ...
"เอาไงเอากันวะอุ่น" ผมกอดกระเป๋าแน่นก้มหน้าก้มตาเตรียมฝ่าสายฝนเย็นๆแต่ก็ต้องตกใจเมื่อมีคนกระชากตัวผมแรงจนผมเผลอปล่อยกระเป๋าหลุด
ที่ช็อคกว่านั้นคือมันลอยฟิ้วตามแรงเหวี่ยงแล้วค่อยๆลดระดับลงหล่นที่สระบัวข้างๆที่ผมยืนอยู่ทันที เสียงน้ำสาดกระเซ็นเพราะกระเป๋าผมลงไปลอยนิ่งอยู่ในนั้นมันดังพอๆกับหัวใจผมที่แตกสลาย
กระเป๋ากู!!!
ผมวิ่งพรวดเข้าไปดึงกระเป๋าผมให้ออกมาจากสระอย่างรวดเร็ว กระเป๋าผมชุ่มเลยครับ ดึงออกมานี่น้ำโชกออกมาไม่หยุด ผมปัดปลาตัวเล็กตัวน้อยที่ติดขึ้นมาอย่างสงสาร แต่ผมสงสารตัวเองมากกว่า ใครมันดึงตัวผมไว้วะ ผมเงยหน้าขึ้นจากสระอย่างเอาเรื่องทันทีแล้วก็ต้องหงุดหงิดมากกว่าเดิม
ไอ้พี่ทิตย์?!! นอกจากจะยืมตังชาวบ้านแล้วยังมาทำกระเป๋าผมหล่นน้ำแบบนี้อีกหรอวะ ผมมองพี่เขาอย่างแค้นๆทันที
"เฮ้ย พี่ขอโทษ พี่แค่จะบอกว่าพี่มีร่ม" พี่ทิตย์พูดแล้วแกว่งร่มไปมา ถามว่ามันทันไหมครับคนกำลังจะวิ่งมาดึงมันใช่เรื่องไหมเนี้ย
"มีแล้วไง ตอนนี้กระเป๋าผมเปียกเหมือนเดินลุยฝนมาแล้วเนี่ย" ผมบ่นเสียงอ่อยพร้อมวางกระเป๋าลงกับพื้นเช็คสภาพของด้านใน ไม่เหลือครับ ไม่เหลืออะไรเลย ที่แห้ง!!
ผมขยี้หัวอย่างหงุดหงิดมือเลื่อนโทรศัพท์ตัวเองกดโทรหาลุงคนขับรถตู้ทันที ขอเถ๊อะ อย่าเพิ่งไปเลย เพราะถ้าไปแล้วกว่าแม่ผมจะมารับต้องหกโมงแน่เลยครับ โรงเรียนตอนเย็นยิ่งเงียบเหงาอยู่ด้วย ระหว่างที่ผมโทรพี่ทิตย์หยิบสมุดในกระเป๋าออกมาเปิดและสะบัดเบาๆ ก็เป็นคนดีอยู่นี่หว่า
ขอโทษค่ะ จำนวนเงินค่าโทรของคุณไม่สามารถ...
"เหี้ย.." ผมฟังอยู่สองวิก็ตัดสายทิ้ง ถึงผมไม่ตัดเขาก็ตัดให้ครับ
"พี่ทิตย์ ยืมโทรศัพท์หน่อยดิ" ผมพูดด้วยเสียงติดจะหงุดหงิด พี่เขาทำหน้างงไปนิดหน่อยแต่ก็ยื่นมาให้ผมแต่โดยดี
ผมดูเบอร์ในโทรศัพท์ผมแล้วกดลงไปในโทรศัพท์พี่ทิตย์พร้อมเม้มปากอย่างตื่นเต้นว่าไอ้รถตู้ที่น่ารักมันจะทิ้งผมรอบที่ล้านหรือเปล่า ตอนนี้สี่โมงเกือบจะห้าโมงแล้วนะครับ ปกติรถมันออกสี่โมงครึ่ง ผมรอสายสักพักเสียงปลายสายก็ดังออกมา
"ฮัลโหล ลุงอยู่ไหนครับ"
'โอ้ยย ลุงออกมานานแล้ว อุ่นใช่ไหม กลับเองๆ' ผมเบ้ปากหน้างอทันที อยากจะลงไปดิ้นๆๆอยู่กลางสายฝนที่ตกลงมาไม่หยุด ผมเกลียด! เกลียดฝน! เกลียดมาก! ที่เกลียดกว่าฝนก็คงเป็นคนตรงหน้าผมนี่แหละ
"อะไร รถทิ้งเหรอ" เสียงทุ่มที่ดูกวนตีนส่งออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม อยากปาโทรศัพท์พี่เขาทิ้งแต่ผมต้องใช้โทรหาแม่น่ะสิครับ
ผมทำเมินกดเบอร์แม่ด้วยความเคยชิน รอสายอยู่สักพักแม่ก็รับสายครับ เสียงฝนที่ลอดผ่านมาจากปลายสายทำให้ผมรู้ว่าบ้านผมก็ตกหนักไม่แพ้กัน ผมตีเสียงเศร้าใส่แม่ทันทีครับกลัวจะโดนด่า
“แม่ มารับอุ่นหน่อย”
‘ทำไมล่ะอุ่น รถทิ้งอีกแล้วสิเนี้ย แม่บอกแล้วว่าให้เปลี่ยนรถ’ ผมไม่ยอมเปลี่ยนเพราะรถตู้คันนั้นตื่นสายได้สุดๆแล้วครับ รถคันอื่นที่ผมเคยไปดูๆมันต้องตื่นเช้าเกินไป ผมขี้เกียจเลยทนนั่งคันนี้แม้ว่ามันจะทิ้งบ้างรับบ้างก็เถอะ
“โหยแม่อ่ะ” ผมครางหงุ้งหงิ้งใส่แม่
‘แล้วนี่เราเอาเบอร์ใครโทรมา ตังโทรศัพท์หัดเติมบ้างสิอุ่น’ แม่ก็ดุไม่รู้เวล่ำเวลาเลยครับ ผมจะสำนึกผิดไม่ทันแล้วเนี้ย
“แม่มาถึงแล้วโทรเข้าเครื่องอุ่นแล้วกัน”ผมตัดสายกันแม่บ่นต่อเลยครับ ขี้เกียจจะฟัง
“เข้าห้องพี่ก่อนไหม? เอาหนังสือไปเป่า” ผมเม้มปากอย่างชั่งใจพร้อมยื่นโทรศัพท์คืนให้พี่ทิตย์ เก็บซากสมุดเดินตามไปอย่างว่าง่าย
“แป๊บนึงนะ” พี่ทิตย์หันมาพูดกับผมแล้วหันไปเคาะประตูห้องเรียน เสียงเพลงที่ดังออกมาทำให้ผมรู้ว่าข้างในคงกำลังเปิดเพลงเล่นกันอยู่แน่ๆ พอพี่ทิตย์เคาะประตูได้สักพักเสียงเพลงมันก็เงียบ พี่ทิตย์หัวเราะชอบใจกับผลงานตัวเองทันทีครับ ผมล่ะอนาถใจจริงๆ สงสารก็เพื่อนในห้องพี่เขาแหละครับ ไม่รู้ว่าช็อคตายไปหรือยัง
“ล้อเล่นเพื่อนนนนน” พี่ทิตย์พูดเสียงกวนตีนขึ้นทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้อง ทั้งห้องเงียบไปชั่วขณะเลยครับ สายตาทุกคู่มองมาทางเราอย่างช่วยไม่ได้ อะไรนะ ผมพูดว่าเราหรอ ขนลุกว่ะ
"ไอ้เหี้ยทิตย์! ตกใจหมดสัด!!" เสียงดังมาจากพื้นข้างๆไม่ไกลผมมากนัก ขวดน้ำที่ว่างเปล่าถูกขว้างมาทางผมโดยที่เป้าหมายคือพี่ทิตย์ ประเด็นคือพี่ทิตย์ปัดขวดน้ำพ้นจากตัวได้แต่ศอกพี่เขาเนี่ย... เต็มหน้าผมเลยครับ
“โอ้ย..” มันไม่ได้เจ็บหรอกครับแต่ผมร้องไปเพราะตกใจเฉยๆ
“เฮ้ย ขอโทษ” ไอ้นี่ก็เกินไป พี่ทิตย์จับหน้าผมพลิกไปมาแล้วมองหน้าผมโคตรใกล้ แค่ศอกมันจะไปเป็นรอยอะไรนักหนาวะครับ
“เข้าข้างในไหมพี่?” ผมถามแทรกขึ้นอย่างเบื่อหน่ายพี่ทิตย์เลยปล่อยผมแล้วเดินนำเข้าไป
พี่ทิตย์ชี้ให้ผมไปนั่งหลังห้อง ผมก็ไปอย่างว่าง่ายครับพี่ๆในห้องไม่ได้สนใจอะไรผมหรอกเพราะเริ่มเปิดเพลงเล่นกันอีกรอบ จริงๆห้องนี้ติดกับห้องหมวดคณิตนะครับแต่รู้สึกว่ามันจะเก็บเสียงดีพอสมควรเลย พี่ทิตย์ยกพัดลมตัวเล็กมาเปิดอยู่ตรงหน้าผม ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อๆ
“ขอโทษเว้ย” พี่เขาขอโทษผมรอบที่ล้านของวันแล้วครับ ผมได้แต่ส่ายหน้า ไม่เป็นไรๆ ไปเรื่อยๆจนขี้เกียจแล้วครับ
“เละหมดเลย” ผมพึมพำออกมาแล้วค่อยๆเปิดสมุดที่ละหน้าให้มันแยกออกจากกัน น้ำตามันจะไหลครับเล่มสังคมโดนหนักสุดแถมจดไว้เยอะด้วยนะ
“กลับบ้านกี่โมง” พี่ทิตย์นั่งอยู่ข้างผมถามขึ้น ผมกลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด
“น่าจะหกโมงมั้ง”
“น้องๆ...” มีเสียงเรียกมาจากด้านหลังผมเลยหันไปมอง เป็นพี่ผู้หญิงคนนึงครับ ดูท่าจะแรงพอสมควรเลย
“น้องอยู่ห้องไหน?”
“ห้องหกครับ”
“อ้อ” มาถามแค่นี้แล้วก็เดินหนีไปครับ ทิ้งให้ผมนั่งหน้าโง่อยู่บนพื้น
“เด็กมันก็อยู่ม.3 คงจะถามหามั้ง” ขอบคุณพี่ทิตย์ที่ทำให้ผมหายโง่ครับ ซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว จริงๆพี่ห้องนี้ก็คุ้นตาผมหลายคนนะครับ ทั้งสวยทั้งเก่งด้วยสิ
"รู้ไหม ทำไมพวกมันชอบเด็กม.ต้นกัน" อยู่ดีๆคนตรงหน้าที่นั่งพัดหนังสือคณิตผมก็พูดขึ้นมาพร้อมทำตาเป็นประกายวิ้งๆเลยครับ ผมเบ้ปากส่ายหน้าไปมา
“เด็กๆน่ารัก น้องกระต่ายงี้ เด็กบ้าอะไรโคตรสวย” กระต่ายที่พูดถึงคือเพื่อนในห้องผมเองครับ ผมรู้สึกว่ามันสวยก็จริงแต่แรงไปหน่อย ผมไม่ค่อยชอบผู้หญิงแรงๆเท่าไหร่หรอกครับ ผมชอบผู้หญิงเรียบร้อยน่ารักแต่เอาจริงๆแล้วผู้ชายส่วนมากก็ชอบมองผู้หญิงแบบกระต่าย ตัวเล็กๆแต่โคตรจะแซ่บ ไม่แปลกเท่าไหร่ถ้าคนอย่างพี่ทิตย์จะชอบ
“เด็กๆน่ารักหรอ พี่ก็ห่างจากผมแค่ปีเดียวเองนะ” ผมบ่นแล้วเอามือสะบัดกระเป๋าตัวเองแรงๆจนน้ำมันหยดเต็มพื้น
“ห่างปีเดียวทำไมเจ้าหนี้เตี๊ยเตี้ย” พ่นลมออกจมูกแรงๆให้รู้ว่าโกรธครับ เรื่องส่วนสูงคือสิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เลยจริงๆนะครับ ยิ่งมีคนมาเกรียนผมยิ่งไม่ชอบ เพราะแบบนี้ล่ะมั้งครับผมถึงไม่ค่อยมีเพื่อน แต่ผมไม่ควรเหวี่ยงพี่ทิตย์อันนี้ผมรู้
“แม่มาแล้วหรอ?” พี่ทิตย์ถามขึ้นตอนที่โทรศัพท์ผมดัง ผมพยักหน้างึกงักแล้วกดรับสายแม่
…………………………………………………………………..
“พี่ไม่คิดว่าผู้ชายสองคนในร่มเดียวกันมันแปลกหรอ”
“อย่างน้อยก็ให้ผมถือเถอะ” ผมบ่นขึ้นมาระหว่างที่เรากำลังเดินอยู่กลางลาน สภาพค่อนข้างทุลักทุเลเลยครับเพราะร่มมันคันเล็กมากแค่พี่ทิตย์คนเดียวก็จะไม่พอแล้ว ผมต้องยืนซ้อนพี่ทิตย์จนชิดน้ำตาจะไหลครับเหมือนคู่เกย์เลยให้ตายเถอะ
“น้องถือแล้วมันเตี้ยไปนี่หว่า พี่รำคาญ” จริงครับ ผมเมื่อยแขนอีกต่างหากแต่ให้พี่ทิตย์ถือแบบนี้ผมรู้สึกขนลุกแปลกๆครับ ได้แต่กลั้นใจเดินให้ถึงคอปเปอร์เวย์ เห็นรถแม่ผ่านรั้วโรงเรียนแล้วครับ
“เดี๋ยวส่งถึงที่เลย” ผมส่ายหน้าแต่พี่ทิตย์ดึงตัวผมให้ออกจากคอปเปอร์เวย์พร้อมกัน เลยได้กลายมาเป็นปาท่องโก๋อีกครั้งจนถึงรถแม่
“เพื่อนหรอ แม่ไม่เคยเห็นหน้า” แม่ถามขึ้นทันทีที่ผมหย่อนตูดลงในรถ ผมเหม่อมองกระจกหลังเห็นพี่ทิตย์ที่เดินเข้าโรงเรียนไป ไม่รู้ว่ากลับยังไงครับ อาจจะขี่มอเตอร์ไซต์กลับเองมั้ง
“รุ่นพี่”
“หน้าตาดีเลยนะนั่น” แม่ผมพึมพำออกมาเบาๆแต่ผมได้ยินครับ เหอะๆ
“เออ ตกลงอุ่นจะเรียนสายอะไรรู้หรือยัง” ตายแล้ว ผมลืมเรื่องนี้ไปเลยครับ โรงเรียนส่งใบเลือกสายมาเพื่อประเมินจำนวนเอาไว้จำลองห้องเรียนพรุ่งนี้ต้องส่งแล้วแต่ผมไม่มั่นใจเลยว่าจะเลือกอะไร
“ยังไม่รู้เลยแม่” ผมส่ายหน้าไปมาอย่างเบื่อหน่าย แม่ยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ
“ไม่ลองปรึกษาพี่คนนั้นดูล่ะ พี่เขาเรียนสายอะไร”
“สายวิทย์นี่แหละ”
“อุ่นอยากเข้าพอดีเลยไม่ใช่หรอ” ผมพยักหน้างึกงักตามคำแม่ ผมอยากเข้าสายวิทย์ครับแต่กลัวจะไปไม่ไหว มันดูยากเกินกว่าที่ผมจะเข้าใจ แต่มันก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี
“ไว้ค่อยปรึกษาเถอะ อุ่นจะเขียนวิทย์ไปก่อน” ผมพูดปัดๆไปเพราะไม่อยากจะยุ่งกับพี่ทิตย์แล้วครับ พี่เขาดูน่ากลัวแปลกๆ
……………………………………………………………….
พักเที่ยงแล้วครับและผมกำลังเดินไปกินข้าวที่โรงอาหารหลังอาคาร ขี้เกียจจะไปโรงอาหารใหญ่ครับ ทำไมผมเป็นคนขี้เกียจนักก็ไม่รู้ผมล่ะเบื่อตัวเองจริงๆ
“เจ้าหนี้ๆ” ผมชะงัก หยุดเดินแล้วหันมองหาต้นเสียงก็เจอพี่ทิตย์ที่ชะโงกหน้าจากหน้าต่างห้อง มันเป็นกระจกบานใหญ่ๆครับปกติจะปิดไว้เพราะเป็นห้องแอร์แต่พี่ทิตย์มันเปิดออกพร้อมชะโงกหน้าออกมากวักมือเรียกผม ไม่ร่ำไม่เรียนหรือไงวะ ทำไมพี่เขาทำตัวว่างเหลือเกิน
“การเคลื่อนที่แบบวงกลมนะนักเรียนนะ…” ผมเดินมาหยุดอยู่ติดกำแพงห้องพี่ทิตย์หันไปคุยกับเพื่อนสักพักแล้วก็หันมามองผม อาจารย์ก็สอนอยู่นะครับแต่ไม่ยักกะมีใครสนใจเลย
“ฝากซื้อของหน่อยสิ” ผมพยักหน้างึกงักตอบรับ
“มึงเอาไรเปล่า” เท่านั้นแหละครับ เสียงฝากซื้อดังมาไม่หยุดจนผมเริ่มปวดหัว ผมส่ายหน้าปฏิเสธทันทีอย่างไม่อยากจะยุ่งครับ ผมจำไม่ได้หรอกว่าสั่งอะไรกันบ้าง แล้วทำไมถึงไม่รอคาบพักตัวเองก็ไม่รู้
“หลบหน่อย” หือ? ผมทำหน้างงทันทีที่พี่ทิตย์ลุกขึ้นยืนชิดกำแพงพร้อมเลื่อนกระจกออกจนกว้าง อย่าบอกนะจะปีนออกมา? บ้าไปแล้ว ในคาบเรียนแท้ๆไม่เกรงใจอาจารย์หน่อยหรือไง
“ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำคร้าบบบ” พี่ทิตย์ตะโกนแหกปากแล้วปีนออกมายืนชิดผม ผมเขยิบออกอย่างตกใจ พี่ในห้องหัวเราะกันดังลั่นเลยครับ อาจารย์โวยวายชี้หน้านิดหน่อยแล้วก็หันกลับไปสอนปกติ
ชีวิตม.ปลายทำไมมันอินดี้แบบนี้ครับ? ไอ้อุ่นไม่เข้าใจ…
“กินข้าวกัน” พูดเสร็จพี่ทิตย์ก็ดึงผมไปทางร้านขายข้าว ผมได้แต่ไปตามแรงดึงด้วยความงง ตกลงนี่มันคาบพักม.ต้นแน่หรอครับ แล้วทำไมผมต้องมากินข้าวพร้อมพี่เขาด้วยวะ
“ฝากซื้อหน่อยดิ เดี๋ยวพี่เข้าไปล่าของให้เพื่อนแป๊บ” พี่ทิตย์ยัดแบงค์ร้อยใส่มือผมแล้วเดินเข้าไปในมินิมาร์ท แล้วจะกินอไรไม่เห็นจะบอกผมเลย แล้วทำไมทำเหมือนสนิทกับผมมากขนาดนี้ด้วย ไม่มีความเกรงใจให้ผมเลยเถอะ แล้วไอ้แบงก์ร้อยนี่คืออะไร ห้าสิบบาทผมเมื่อวานยังไม่คืนเลยก็ไม่ยอมคืนให้มันจบๆ
“อ้อ เอากระเพราไข่ดาว” ยังมีหน้ามาตะโกนบอกผมอีกครับ
………………………………………………..
“ทำไมน้ำอุ่นชอบอมข้าว” พี่ทิตย์ถามขึ้นตอนที่ผมกำลังนั่งกินข้าวเงียบๆอยู่ตรงข้าม เรียกชื่อเต็มๆแบบนี้ผมขนลุกไม่น้อยเลยครับขนาดแม่ยังเรียกแค่อุ่นเลย
“ไม่ได้อม” ผมเถียงทั้งที่ข้าวยังเต็มปากครับ โคตรน่าเกลียดเลย
“แก้มมันตุ่ยๆ น่ารักดี” ช็อคครับ อะไรนะ? น่ารักดี? ผมไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม
“น้องกระต่าย” ผมถึงบางอ้อเลยครับ กระต่ายนั่งอยู่โต๊ะด้านหลังไม่ไกลมาก คาบพักที่มีแค่ม.ต้นแบบนี้ทำให้กระต่ายดูเด่นมากเลยครับ และคนที่ดูเด่นไม่แพ้กันก็ไอ้คนตรงหน้าผมนี่แหละ ผมมองตามสายตาพี่ทิตย์ไปก็เจอกระต่าย สายตากระต่ายก็มองพี่ทิตย์อยู่เหมือนกัน
จ้องขนาดนี้เดินเข้าไปหากันเลยดีกว่าไหม?
"น้องเขาโสดไหม" ผมหันไปมองตาม ยิ้มให้กันขนาดนั้นต่อให้มีแฟนก็เสร็จพี่ทิตย์ไม่ยากอยู่ดี ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ที่มาตีสนิทผมนี่จะเข้าหากระต่ายใช่ไหม
"ไม่โสด แต่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนะ" ผมพูดแล้วหันกลับไปมองกระต่ายอีกครั้ง เห็นหนังสือจีนที่เธอถือแล้วนึกขึ้นได้ครับว่าคาบต่อไปสอบนี่หว่า เชี่ยแล้วครับจำก็ยังไม่ได้จำ หนังสือก็เปื่อยจนมันเลือนลาง
“ก็ดี… เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น” พี่ทิตย์เลิกคิ้วถามผม
“ลืมอ่านจีน คาบต่อไปผมต้องสอบด้วยเนี่ย” ผมยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ตอนนี้ต้องรีบไปยืมหนังสือเพื่อนในห้องก่อนครับ จะยืมกระต่ายก็ไม่สนิทเท่าไหร่ เพื่อนคนอื่นก็ดูเหมือนจะอยู่โรงอาหารใหญ่หมดเลย
“จดโพยดิ ง่ายจะตาย” เอ่อ... ผมพูดไม่ออกเลยครับ เห็นหน้าแบบนี้แต่ผมก็ไม่เคยจดโพยนะครับ ไม่ใช่คนดีอะไรหรอกแค่กลัวโดนจับได้ครับ ถ้าโดนจับได้มันคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆสำหรับผมแน่ครับ
“ผมไปก่อนนะพี่” ผมลุกขึ้นยกจานเตรียมเอาไปเก็บ พี่ทิตย์เงยหน้ามองผมแล้วนิ่งไปพักนึง
“เดี๋ยวก่อน พี่ยังไม่ได้ใช้หนี้เลย” แขนข้างหนึ่งของผมถูกคว้าไว้ ผมได้แต่มองพี่ทิตย์ที่คว้าถุงที่มีขนมเต็มไปหมดแบบงงๆ พี่ทิตย์ทำหน้าหงุดหงิดไปพักนึงเมื่อหาของที่ต้องการไม่เจอ ผมก็เริ่มอยากรู้ว่าอะไรแล้วครับ
“เอ้านี่ สำหรับวันนี้” ผมถอนหายใจออกมาแรงๆทันทีที่เห็นของในมือพี่ทิตย์
“อมยิ้มเนี่ยนะ?” ไม่ได้คืนด้วยตังแต่คืนด้วยอมยิ้ม? ผมอยากจิบ้าตายจริงๆครับ ไม่เข้าใจไอ้คนตรงหน้าเลยสักนิดเดียว
“ของหวานทำให้สมองแล่นไง เอาไปๆ” พี่ทิตย์จับมือผมให้แบออกแล้วยัดอมยิ้มไว้ในมือผมทั้งสองอัน ใช่ครับสองอัน แสดงว่าจะคืนสิบบาทหรอ แล้วทำไมปากผมไม่ทวงไปให้หมดเลยวะ?
“เหลืออีกสี่สิบหรอ ทำไมพี่ไม่คืนทีเดียววะ” พี่ทิตย์โบกมือไปมาเป็นเชิงปฏิเสธผมได้แต่ขมวดคิ้วงงๆ
“สี่สิบห้าต่างหาก อีกอัน.... เอาให้น้องกระต่ายแล้วกัน อ้อ ถ้าพี่คืนทีเดียวมันก็ไม่สนุกสิ” คืนตังมันต้องสนุกด้วยหรอครับ? ผมสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป
“ผมต้องขอบคุณไหมเนี่ย?” ผมพูดพร้อมหัวเราะแห้งๆไป พี่ทิตย์ยักไหล่ไม่สนใจก่อนจะยกจานข้าวแล้วลุกขึ้นยืนเหมือนผม
“พรุ่งนี้เอาอะไรดี” พี่ทิตย์เลิกคิ้วถามผม ผมคิดว่าบางทีมันก็รู้สึกสนุกดี ไม่สิ ผมจะมาเอาขนมจากพี่เขาทุกๆวันทำไม เอาเวลาไปทำอย่างอื่นจะยังดีกว่า
“เอาสี่สิบห้าบาทที่เหลือ”
“ไม่มีทาง” ผมขมวดคิ้วหน้ายุ่งทันที
“อะไรของพี่วะ”
“รับๆไปเถอะ รำคาญค่อยบอกแล้วกัน” แล้วพี่เขาก็หยิบถุงขนมถุงใหญ่ไปที่เก็บจานเลยครับ ทิ้งให้ผมยืนงงอยู่ที่โต๊ะคนเดียว
ไม่เข้าใจ ให้ตายยังไงก็ไม่เข้าใจ
ผมได้แต่คิดอย่างไม่เข้าใจพร้อมกับส่ายหัวไปมา ผมกำอมยิ้มในมือแน่นแล้วเอามันใส่กระเป๋าเสื้อไว้ พี่ทิตย์นี่พิลึกจริงๆ
_____________________________________________________________________
อีกตั้ง45บาท 55555555555555555555555
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ ห่างหายจากการเขียนใสๆวัยมัธยมไปนานเลยไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่
เจอกันอีก40บาทนะคะ

vฝากอีกเรื่องของเราด้วยค่ะ