<< END >> ♦ NOBI โนบิตะตัวร้าย vs ไจแอนท์จอมบื้อ ♦ (ขออนุญาตรีไรท์จ้า)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << END >> ♦ NOBI โนบิตะตัวร้าย vs ไจแอนท์จอมบื้อ ♦ (ขออนุญาตรีไรท์จ้า)  (อ่าน 194534 ครั้ง)

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

_________________________________________________



(( อยู่ในช่วงรีไรท์จ้า เนื้อหาในนี้ จะไม่เหมือนในหนังสือนะคะ อยากให้ค่อยๆ อ่านที่รีไรท์​หรือในหนังสือมากกว่าจ้า ))


(( - ถ้าอยากเจอโนบิตะเวอร์ชั่นเป็นผู้เป็นคนหน่อย แวะไปหาน้องที่เว็บได้ค้าบ เวอร์ชั่นในนี้ ที่คุณกำลังจะพบ คือเวอร์ชั่นอิหยังวะ!  <3 เนื้อหาในหนังสือกับในนี้ก็ไม่เหมือนกันค่ะ Tw T  - เตือนแร้วนะ! #เสียงเชฟป้อม ))

_________________________________________________
1 | 2 | 3 | 4 | 5 (จบ)

ตอนพิเศษ

6 | Like a wife
7 | ชิสุกะ (1)
8 | ชิสุกะ (2)
9 | ชิสุกะ (3)
10 | ชิสุกะ (4)
10.5
11 | ชิสุกะ (5)
12 | ชิสุกะ (6)
13 | special : secret
14 | ซูเนโอะ (1)
15 | ซูเนโอะ (2)
16 | ซูเนโอะ (3)
17 | ซูเนโอะ (4)
18 | ซูเนโอะ (5)
19 | ซูเนโอะ (6)
20 | ไจแอ้นท์ (1)
21 | ไจแอ้นท์ (2)
22 | ไจแอ้นท์ (3)
23 | ไจแอ้นท์ (4)
24 | ไจแอ้นท์ (5)
25 | ไจแอ้นท์ (6)
26 | ไจแอ้นท์ (จบ)


special : when




1


Every day is terribly boring until I met you.
Did you feel so?



ผมรู้สึกได้ถึงริมฝีปากชื้นที่วนเวียนอยู่รอบๆกรอบหน้า มันไล่ลงมาตั้งแต่หน้าผาก ลากไปที่แก้ม     กดจูบที่แถวๆสันกราม ก่อนจะวนกลับขึ้นไปจบลงบนใบหูข้างขวา ปากปริศนายังคงกดย้ำซ้ำๆอยู่อย่างนั้น นานจนรู้ตัวอีกทีมันก็ส่งลิ้นร้อนเข้ามาชอนไช หยอกเย้าเล่นกับด้านในของหูผมจนเหมือนมีกระแสไฟวิ่งพล่านไปทั้งตัว



“พิก....” 



ผมได้ยินเสียงกระซิบปนหอบเรียกขึ้นเบาๆ แต่ปากตอนนี้มันหนักอึ้งเกินกว่าจะขานรับอะไรได้อีก แรงกระแทกที่สวนเข้ามาทำให้ผมพูดอะไรไม่ได้นอกจากครางอือแล้วเอื้อมมือยกขึ้นกอดรัดหัวทุยๆนั่นให้แน่นยิ่งกว่าเดิม


“...ดีไหมครับ พิก” 


“อึก...”


 แสงนีออนมันแสบตาเป็นบ้าตอนที่ผมค่อยๆหรี่ตาขึ้น ไม่รู้ว่าตัวเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ บางทีผมอาจจะกำลังฝันก็ได้ แต่ให้ตายเหอะ ทำไมฝันมันถึงได้เหมือนจริงขนาดนี้วะ ทั้งตัวผมมันสั่นเซอร์ราวเหมือนอยู่ในโรงหนัง 4D ตอนที่เขาขี่ม้าฟันดาบกัน ที่ด้านล่างมันทั้งฉุดทั้งรั้ง มันดันแล้วกระชากอารมณ์ผมเป็นจังหวะจนเหมือนลอยอยู่ในความฝัน แล้วก็ปัง! ระเบิดลงทุ่งข้าวสาลี 


“พิกครับ....พิก” 


“อื้อ...” 


ผมไม่ตอบเสียงนั่น ได้แต่ครางพลางจิกหัวมันแทนความรู้สึกทั้งหมด จะให้ผมอธิบายยังไง มันเสียววาบไปถึงขั้วหัวใจ เกิดมาไม่เคยเจอใครทำอะไรให้แบบนี้เลย ตั้งแต่จำความได้ก็เป็นยอดชายเหนือชายมาตลอด แล้วนี่คืออะไร ผมโดนสอดใส่อยู่ใช่ไหม... ยิ่งผมครางออกมาดูเหมือนคนบนตัวจะยิ่งได้ใจ มันยิ่งกระหนำใส่ อัดมาอย่างไม่ยั้ง!


“อ๊ะ!...อย...อย่าแรงสิโว้ย!” 


 ผมตะโกนลั่นพลางปล่อยมือที่จิกหัวมันออก พยายามขืนตัวหนีเพราะนี่มันแรงเกินกว่าจะรับแล้ว! ไอ้เชี่ยเอ้ย ทำแรงขนาดนี้ยังเห็นกูเป็นคนรึเปล่าวะ  นี่คนนะโว้ย ไม่ใช่จิ๋มกระป๋อง!


โวยวายในหัวจนสาแก่ใจก็รีบดีดดิ้นทันที แต่บ้าเอ้ย! ทำไมแรงแม่งเยอะขนาดนี้วะ พอพลิกตัวหันตะแคงข้างทำท่าจะคลานหนี แม่งก็คว้าหมับเข้าที่เอวผมแล้วกระชากเข้าหาตัวเองอย่างแรง ผมซบหน้าลงกับแขนเพราะเริ่มรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะแตก และตอนนั้นเองที่ตัวของมันโน้มทับลงมา แขนสองข้างนั่นพากันกักทางออกของผมไว้หมด


ไอ้เชี่ยที่หยามศักดิ์ศรีผมอยู่ตอนนี้ไม่รู้เป็นใคร พยายามมองหน้ามันกี่ครั้งแต่แสงไฟมันก็แยงจนแสบตาไปหมด ได้แต่นอนคว่ำหน้าหรี่ตามองเงาเคลื่อนไหวอยู่ด้านบนที่สะท้อนลงพื้นนิ่ง สัมผัสได้แค่หยาดเหงื่อผสมกลิ่นน้ำหอมเย็นๆที่ลอยมาเตะจมูก ตอนนี้ในหัวมึนไปหมด เมามายเกินกว่าจะรับรู้อะไรนอกจากแขนยาวที่ยันอยู่ด้านหน้า....


ท้องแขนขวาที่สักตัวอักษรฟร้อนตัวเขียนยาวไล่ไปถึงต้นแขนขาว...


Never underestimate
someones ability to find out the truth.







“เชี่ยพิก!”


ผมกระเด้งตัวขึ้นมาทันทีที่เสียงทุ้มๆดังกระทบโสตประสาท เงยหน้าไปก็เจอไอ้ชานนั่งเปิดเท็กซ์เล่มเบ้อเริ่มอยู่ข้างๆ สาเหตุที่มันเรียกให้ผมตื่นขึ้นมาไม่ใช่อะไรหรอกครับ อาจารย์วิชานี้แม่งโคตรโหด เห็นใครหลับ หรือหน้าฟุบโต๊ะหน่อยแม่งติ๊กขาดทันที ชนิดที่ไม่ต้องมีข้อแม้


“...เรียกจะถึงชื่อมึงแล้ว”  ชานเปิดเท็กซ์พลางพยักเพยิดหน้าไปที่บุคคลหน้าห้อง อาจารย์สาววัยกลางคนที่นั่งหน้าขรึมทำให้ผมรีบลุกขึ้นนั่งหลังตรงทันที


ที่ม.ผมไม่มีหรอกครับไอ้ระบบรูดบัตรนศ. หรือแสกนลายนิ้วมือ มีแต่ขานชื่อเรียกแบบเด็กประถมนี่แหละ แล้วแม่งได้ผลดีสุดตรงที่นศ.ตาดำๆอย่างผมจะโดดเรียนแล้วฝากเพื่อนมาขานชื่อแทนก็ไม่ได้ด้วย 


อาจารย์สาวทึนทึกเพิ่งขานชื่อผ่านผมไปเมื่อกี้นี้ จนมาหยุดที่ชื่อนักเรียนดีเด่นประจำคลาสนั่นแหละ เรียกอยู่สองสามทีก็ไม่เห็นว่าจะมีใครขานรับ พวกเราตกอยู่ในความเงียบกันพักใหญ่ เป็นอันรู้กันว่าไอ้โนบิตะนั่นไม่เคยขาดเรียนเลยซักครั้งนับตั้งแต่เข้าปีหนึ่งมา พวกเราเริ่มซุบซิบนินทาราวกับว่านี่เป็นเรื่องอัศจรรย์แห่งปี 


“ศตวรรษ...ไม่มาสินะ”


ผมขมวดคิ้วมองอาจารย์ที่นั่งชะโงกหน้าหาไอ้โนบิตะ หล่อนกำลังจะก้มหน้าลงไปติ๊กขาดในช่องมาเรียนของวันนี้อยู่แล้วเชียว ในขณะที่หล่อนกระแอมไอเสียงดังให้ห้องกลับคืนเข้าสู่ภาวะปกติ ทันใดนั้นเองประตูบานหนาที่อยู่ติดกับโต๊ะโซนข้างหน้าก็เปิดออก


“มาครับ!”


เสียงหัวเราะครืนดังพร้อมกันเมื่อไอ้แว่นโนบิตะวิ่งกระหืดกระหอบสะดุดประตูเข้ามา มันชูมือข้างที่ไม่ได้ถือเท็กซ์เล่มหนาวิ่งร่าไปเช็คชื่อตัวเองอีกรอบที่โต๊ะอาจารย์ด้วยความเร่งรีบ 


“กูคิดว่าโนบิตะมันจะขาดแล้วนะเนี่ย ใจหายใจคว่ำหมด” ไอ้ชานที่อยู่ข้างๆกระซิบขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงเป็นใยอะไรหรอกครับ แต่พวกเราอยู่กลุ่มเดียวกัน แล้วงานทั้งหมดที่ต้องส่งวันนี้พวกเราก็โบ้ยให้ไอ้โนบิตะเป็นคนรับผิดชอบ ถ้ามันไม่มาซักคนรับรองวันนี้กลุ่มผมคงถึงคราวอวสานแน่


“มึงมานั่งนี่”  ผมกวักมือเรียกไอ้แว่นที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าชั้น อาจารย์ยังคงเรียกเช็คชื่อต่อไป ในขณะที่ไอ้เก้าเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะแลคเชอร์ด้านในถัดจากไอ้ชาน


“นี่งานของชานครับ ส่วนนี่ของพิก” ก้นยังไม่ทันสัมผัสกับเก้าอี้ โนบิตะมันก็ขยับแว่นกรอบหนา ก้มเงอะๆงะๆหาชีทงานในแฟ้มแล้วยื่นมาทางพวกผมสองคน ก็ถือเป็นเรื่องราวดีๆที่พวกผมยอมรับมันเข้ากลุ่มงานนี้ เพราะนั่นการันตีได้เลยว่าพวกผมจะสบายไปตลอดทั้งเทอม


“เฮ้ย โนบิตะ แล้วงานกูอะ” เสียงจากด้านหลังเรียกให้พวกผมเอี้ยวตัวหันไป ไอ้ช้างกำลังนั่งเขย่าขามองกวนตีนมานิ่ง ไอ้โนบิตะนี่ก็อีก มันรีบค้นชีทงานในแฟ้มตัวเองแล้ววางไว้บนมือเขาเสร็จสรรพ


“เอามานี่” ผมรีบคว้าชีทงานนั้นมาไว้ในมือตัวเองทันที ไอ้ช้างถลึงตาโตพยายามจะแย่งไปไว้ในมือตัวเอง แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว ผมฉีกแม่งจนแยกออกเป็นสองส่วนเลย...


“ได้ไงวะเหี้ยพิก!!” 


“ทำไม มึงมีปัญหาไรช้าง” 


“มึงมาแส่ทำไม”


ไอ้ช้างเค้นเสียงลอดไรฟัน แต่ทำอย่างงั้นแล้วนึกว่าคนอย่างกูจะกลัวหรอ ผมยกมือขึ้นลูบจมูกตัวเองแล้วทำท่าจะง้างมือต่อยแม่ง เอาสิ ถ้าจะมีเรื่องก็ให้แม่งโดนเช็คขาดกันไปทั้งคู่เลยเป็นไง


“พ...พิกครับ...”


เสียงแหบของไอ้โนบิตะดังขึ้นใกล้ ๆ มันเอื้อมมือมาจับไหล่ผมเบา ๆ เป็นเชิงห้าม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ที่คุกรุ่นเย็นลงแม้แต่น้อย แทนที่จะยอมลดมือที่ง้างลง ผมกลับหันไปตบหัวมันดังป๊าบ ไอ้เก้ามนุษย์แว่นลูบหัวตัวเองเบา ๆ แล้วขมวดคิ้วมองมาอย่างไม่เข้าใจ 


“หุบปากไปเลยโนบิตะ!” ก็ไม่รู้ทำไมถึงต้องหวง แต่ก็นั่นแหละ เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของมันแล้วยิ่งหมั่นไส้ “มึงเป็นของกู ต้องทำงานให้กูคนเดียวเท่านั้น!” 


“แต่...”


“นายภาษิต!”


อาจารย์หน้าห้องเรียกชื่อผมออกไมค์เสียงแหว หันไปก็เจอหล่อนยืนชี้หน้าจ้องเขม็งมองมาไม่วางตา นี่เกรงใจอาจารย์หรอกนะถึงได้ยอมยุติเรื่องบ้าบอนี้ ผมลดมือที่เพิ่งจะตบหัวไอ้โนบิตะลงข้างตัว ก่อนจะนั่งกอดอกเสหน้ามองไปทางอื่น ทำเป็นไม่สนใจสายตาอ้อนวอนผ่านแว่นของใครบางคน


เฮอะ...ไม่ต้องมามองอย่างนั้นเลยไอ้แว่นโนบิตะ
คิดว่ากูจะสงสารมึงหรอ 


ไอ้แว่นหน้าโง่อย่างมึงต้องเป็นของเล่นของกูคนเดียว จำไว้
มึงจะไม่มีสังคมที่ไหนอีก จนกว่ากูจะทิ้งมึงเอง!



_____________________________________________

ดัดแปลงมาจากฟิคที่เพิ่งจะเขียนจบไปค่ะ
อาจจะมีคำหยาบคาย ไม่ดียังไงก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ T_T 
4 ตอนจบค่ะ เขียนจบแล้ว แล้วจะทยอยเอาลงให้อ่านเนอะ ♥
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2020 14:03:15 โดย กิมกวง »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 1/4 (12/4/2558)
«ตอบ #1 เมื่อ12-04-2015 11:32:26 »

พิกจ๋า~ หนูอย่าเพิ่งได้ใจไปค่ะ.. ระวังจะเงิบทีหลังเอานะคะ เพราะท่าทางโนบิตะจะไม่ธรรมดาเสียแล้วว ในความซื่ออาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ก็ได้น้าา.. :o9:

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 1/4 (12/4/2558)
«ตอบ #2 เมื่อ12-04-2015 13:30:39 »

คนๆ นั้นคือโนบิตะแหละ เรารู้เรามโนเองได้ :hao7:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 1/4 (12/4/2558)
«ตอบ #3 เมื่อ13-04-2015 17:23:10 »

พิกซุกะ >///<

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 1/4 (12/4/2558)
«ตอบ #4 เมื่อ16-04-2015 10:00:11 »



GIANTS’s PAT


“มึงจะไปร้านนั้นอีกแล้วหรอวะ?”


สาบานได้ว่านี่เป็นคำถามจากเพื่อนรักของผม ไอ้เชี่ยวชาญ


พอฟังคำถามจบผมก็ถอนหายใจใส่หน้ามันดังเฮือก ถ้าไม่นับตัวน่ารำคาญอย่างไอ้ช้าง ก็ไอ้ชานเนี่ยแหละที่วุ่นวายกับชีวิตของผมเป็นอันดับต้น ๆ


“เออ จะไป ถ้ามึงจะไม่ไปกับกูก็หุบปากไปเลยครับคุณเชี่ยวชาญ”


ผมพูดพลางเก็บข้าวของที่กองอยู่ตรงหน้า พอได้ฟังคำตอบไอ้ชานก็ใช้สกิลม้วนตัวไปนั่งห้อยขาอยู่บนโต๊ะเลคเชอร์ที่อยู่ด้านหน้าทันที 


“ขอบอกตรง ๆ เลยนะว่ากูไม่อยากให้มึงไปอะ” 


เจ้าของขายาวอันโกงกางที่ยกตีนมาพาดบนโต๊ะเลคเชอร์ของผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พอเงยขึ้นไปมองก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะไอ้ชานแม่งทำหน้าเหมือนคนเพิ่งเสียของรัก ดวงตากลมโตนั่นจ้องมองมาด้วยความอาลัยอาวรณ์อย่างหนัก “มึงจะทำหน้าดราม่าไปทำไมนักวะ กูไม่ได้จะไปตายซะหน่อย ก็แค่ไปผับ”


“แต่ไปทีไรก็เสียตังทุกทีนะ” มันเม้มริมฝีปากเข้าหากัน “กูบอกหลายหนแล้ว ว่าพี่พลอยของมึงเขาไม่ได้รักมึงจริง ๆ หรอก พิก...มึงอย่าหลอกตัวเองอีกเลย เลิกไปหาแม่นั่น เลิกเอาตังไปถวายเค้าซักทีเหอะ”


เชี่ยวชาญยังคงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผิดกับผมที่กลอกตามองเพดานเหมือนทุกครั้ง ก็เข้าใจนะว่าเพื่อนมันเป็นห่วง แต่เรื่องนี้ผมก็ขอคอนเฟิร์มด้วยหัวใจของตัวเองเหมือนกันว่าพี่พลอยยอดยาหยีของผมไม่มีวันหลอกใช้ผมแน่ ๆ 


“มึงอย่าพูดอย่างนั้นเลยชาน พี่พลอยเขาเป็นผู้หญิงที่น่ารัก เขาไม่ได้มาหลอกกูหรอก”


“หรอ แล้วที่เจอกันทุกครั้งขอแต่ตังมึงคืออะไร”


“ก็เขาลำบาก”


“แล้วพอได้ตังก็ไม่สนใจมึงคืออะไร?”


“เฮ้อ”


ก็เป็นอย่างนี้ทุกครั้งแหละครับเมื่อเราสองคนเถียงกันเรื่องนี้ ผมเป่าลมออกจากปากแล้วมองหน้าไอ้ชานอย่างเอือมระอา ก่อนจะเหลียวซ้ายแลขวาหันไปให้ความสนใจกับคนอื่นที่ค่อย ๆ ทยอยเดินออกไปจากห้อง


“ไอ้โนบิตะล่ะ” 


“อย่าเปลี่ยนเรื่อง”


ผมขมวดคิ้ว กูไม่ได้จะเปลี่ยนเรื่องเลย แค่ถามหาไอ้แว่นจืดที่ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ พูดถึงโนบิตะ ไอ้เก้ามันมาไวไปไวตลอดครับ มาเรียนเร็วตรงเป๊ะแทบจะทุกครั้ง แต่พอถึงเวลากลับก็รีบเหมือนกัน ไม่รู้แม่งจะรีบไปไหนนักหนา


เออ แล้วถ้าบอกว่ามันใส่แว่นแล้วเหมือนโนบิตะ ผมก็คงเป็นไจแอ้นท์ละมั้ง (ไอ้ชานมันเคยว่า แต่มันบอกว่ามันจะไม่ยอมเป็น ซึเนโอะให้ผมแน่) เป็นเพื่อนร่างอ้วน (จริงๆผมแค่หนากว่าไอ้แว่นนิดเดียว) ที่คอยจ้องแต่จะจับผิดและกลั่นแกล้งโนบิตะเสมอ 


แต่พวกคุณมึงอย่าลืม เวลาดูโดเรม่อนเคยมีซักครั้งไหมที่ไจแอ้นท์ยอมให้คนอื่นแกล้งโนบิตะ? ไม่มีหรอก แล้วก็ไม่ใช่เพราะว่าผมชอบมันหรอกนะ...อย่าได้เสร่อคิดอย่างนั้นเชียว แต่ที่ปกป้องมันจากพวกไอ้ช้างเพราะผมมองมันเป็นเหยื่อต่างหาก


เหยื่อของผมผมหวงอยู่แล้ว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามยุ่ง! ถึงแม้จะเป็นไอ้ชานเพื่อนรักก็ตาม


“ไม่ได้เปลี่ยนเรื่อง กูว่าจะชวนแม่งไปแดกข้าวขอบคุณก่อนไปผับ” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ “เห็นว่าแม่งแดกเผ็ดไม่ได้ ว่าจะชวนแม่งไปกินต๊อกฯสูตรเผ็ดเหี้ย ๆ ซะหน่อย อยากเห็นโนบิตะร้องไห้”


“มึงนี่นะ” ไอ้ชานเอื้อมมือมาตบหัวผมเบา ๆ “นอกจากเรื่องพี่พลอยแล้วก็ไม่เห็นมึงใส่ใจใครนอกจากโนบิตะเลย...ยอมรับมาเหอะว่ามึงก็อยากทำดี ๆ ให้มันเหมือนกัน โตแล้วนะมึง เลิกแกล้งคนที่อยากเป็นเพื่อนด้วยได้แล้ว ถ้าเกิดวันนึงมันลุกขึ้นมาร้องไห้ใส่แล้วหนีไปเป็นเพื่อนกับคนอื่น มึงจะทำไง” 


“ก็ไม่ทำไง” ผมยักไหล่ไม่ยี่ระ “ดีซะอีก กูอยากเห็นโนบิตะร้องไห้” 


“ประสาท” 


ผมยักไหล่ใส่เพื่อนชานอีกรอบ สุดท้ายแล้วผมก็ไม่คิดจะแก้ตัวหรอกนะ เพราะที่มันพูดออกมาน่ะจริงสุด ๆ ผมแม่งต้องประสาทแน่ ๆ ...แค่นึกว่าจะได้เห็นโนบิตะร้องไห้ ใจมันก็พองโตอย่างกับได้ของเล่นใหม่แล้ว !



_____________________________________________



NOBITA’s PART



ทุกคนที่นั่นเรียกผมว่า โนบิตะ


พวกคุณควรทำความเข้าใจเสียใหม่นะ ว่าผมเต็มใจโดนเรียกว่า ‘โน-บิ-ตะ’
ไม่ใช่โดนฝืนใจ หรืออะไรอย่างที่พวกคุณเคยคิดหรอก



ก๊อก ก๊อก ก๊อก!


เสียงเคาะกระจกจากคนด้านนอกเรียกให้ผมตื่นจากภวังค์ ไม่ถึงนาทีชายชุดดำก็เปิดประตูแล้วเดินกุมมือเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะของผมอย่างนอบน้อม พี่เกื้อบอดี้การ์ดของผมค้อมหัวทำความเคารพ ก่อนจะเอ่ยปากพูดถึงธุระที่ทำให้ต้องเข้ามาขัดจังหวะการทำบัญชีของผมในตอนนี้


“คุณหนูครับ นายเรียกให้ไปพบลูกค้าวีไอพี”


“โอเค คุณพ่อก็อยู่ที่นั่นใช่ไหม” ผมพยักหน้าพลางถอดแว่นตาไร้กรอบ เงยขึ้นไปก็เห็นพี่เกื้ออมยิ้มแทนคำตอบที่ผมถามไปเมื่อครู่ “โอเค งั้นเดี๋ยวผมตามไป ขอเคลียร์ตรงนี้ให้เสร็จก่อน”


“ครับ”


พี่เกื้อออกไปแล้ว นั่นก็หมายความว่าในห้องนี้มีแค่ผมเท่านั้น... ใช่ครับ ที่บ้านผมทำธุรกิจเกี่ยวกับผับและภัตรคาร มันเป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ ที่ผู้สืบทอดอย่างผมจะต้องมาลงมือทำงานดูแลบัญชีของร้านในทุก ๆ วันอย่างนี้


การพบลูกค้าวีไอพีก็เช่นกัน เพราะบ้านของผมทำคลับชั้นสูง มีห้องพิเศษไว้สำหรับรับรองแขกแบบเป็นส่วนตัวผมจึงต้องเข้าไปดื่มทักทายกับลูกค้าบ้าง ซึ่งลูกค้าวีไอพีส่วนใหญ่ก็พวกนักการเมือง ส.ส. ส.ว. คนใหญ่คนโตกันทั้งนั้น


หลังจากจัดการบัญชีหน้านั้นเสร็จผมก็พาตัวเองขึ้นมาที่โซนวีไอพีตามที่ได้บอกพี่เกื้อเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่พรวดพราดเข้าไปทันที ไม่รู้สิครับ ทั้งที่แค่ก้าวเข้าไปผมก็จะกลายเป็น ‘คุณหนูเก้า’ เต็มตัวอย่างทุกครั้ง แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ผมถึงได้ชะงักความรู้สึกนั้น บอกตรง ๆ ว่าไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย


ภาพคนในกระจกที่สะท้อนกลับมาทำให้ผมนึกสงสัย มันเกิดคำถามว่าผู้ชายร่างสูงโปร่งที่ชอบใส่เชิ้ตสีขาวพับแขนลวก ๆ กางเกงสีกาแฟของทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ นาฬิกาแบรนด์ที่ชอบอย่างฮิวโก้บอส มีรอยสักที่ท้องแขนด้านขวา และเสยผมไม่ปรกหน้านั่นหายไปไหน ทำไมตอนนี้ในหัวผมถึงมีแต่ไอ้แว่นจืดชืดอย่าง ‘โนบิตะ’ อยู่เต็มไปหมด


 ทำไมผมถึงปล่อยให้ตัวตนนั้นเข้ามาครอบงำตัวเองได้ขนาดนี้
บางทีถ้าจะนึกโทษใคร ก็คงจะต้องโทษพิกอย่างจริงจังซะแล้ว


เจ้าของร่างกายสีแทนนั่นกำลังทำให้ผมรู้สึก...แย่
ความคิดถึงที่ไปไม่ถึง...มันทำให้ตัวตนของผมปั่นป่วนไปหมด





“ไอ้นี่อีกแล้ว!”


หลังจากพบปะกับลูกค้าวีไอพีเสร็จผมก็เดินลงบันไดวนมาจากโซนชั้นบน ทั้งที่อีกแค่นิดเดียวก็จะถึงห้องทำงานส่วนตัวที่อยู่มุมสุดของร้านแล้ว แต่เสียงตะคอกของการ์ดคนนึงในโซนผับก็ทำให้ผมต้องชะงักเท้าค้าง


“เอายังไงดีล่ะเนี่ย...” 


ผมไม่รีรอที่จะเดินไปดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นในเมื่อคนเกือบครึ่งมุงอยู่ที่ตรงกลางร้าน และแล้วภาพตรงหน้าที่ฉายชัดก็ต้องทำให้ผมหนักใจมากกว่าเดิม ไม่ใช่แค่เพราะลูกค้าเมาแล้วอาเจียน เรื่องนั้นเรียกมาแม่บ้านมาก็จบ แต่เป็นเพราะคนที่เมานั่นคือพิกต่างหาก ที่ทำให้ใจผมเต้นเร็วขนาดนี้


นี่เดจาวูหรือเปล่า...ให้ตายเถอะ เขามาอยู่ตรงหน้าผมในสภาพแบบนี้อีกแล้ว มันเหมือนกับเมื่อไม่กี่วันก่อนที่จะเกิดเรื่อง...ไม่มีผิด


“พี่พลอย...เอิ้ก...พี่พลอย...พิกรักพี่พลอย”


คนอื่น ๆ พอหันมาเห็นว่าเป็นผมที่เดินเข้ามามุงด้วยก็ตกใจ รีบโค้งให้กันใหญ่ ลูกค้าสาว ๆ ที่สนิทกันก็เดินมาควงแขนเอาอกเอาใจ แต่ไม่ใช่กับคนที่นอนอยู่บนพื้นนี่ พิกในตอนนี้ทั้งเมาแล้วก็โวยวายเสียงดังจนคนอื่นเขาหันมามองเป็นตาเดียว ทั้ง ๆ ที่มันไม่ควรจะดึงดูดความสนใจผมได้เลยแม้แต่น้อย...


แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เลือกที่จะย่อตัวลงไปแล้วพยุงเขาให้ลุกขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ปากยังเลอะอ้วกอยู่อย่างนั้น.


“คุณหนู!! ไม่ต้องลำบากก็ได้ครับเดี๋ยวพวกผมจัดการหมอนี่เอง” หนึ่งในการ์ดของผับพูดขึ้น


“ไม่เป็นไร เขาเป็นเพื่อนผมที่มหา’ลัย ไม่ต้องรบกวนพวกนายหรอก...แต่เดี๋ยวช่วยไปเรียกแม่บ้านมาเช็ดตรงนี้ทีนะ ส่วนบิลที่คุณคนนี้เขาดื่มไว้ที่บาร์ให้มาส่งที่ห้องทำงานของผม เข้าใจไหม?”


ผมพูดพลางพยุงคนผิวแทนให้ยืนตรง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยากเหลือเกิน เพราะพิกทำท่าเหมือนอยากจะเอาหน้าแนบกับพื้นตลอดเวลา


“เข้าใจครับ” 


จบคำก็แยกย้ายกันไปทำตามที่ผมสั่งทันที ตอนนี้ดูเหมือนสถานการณ์ในโซนผับจะกลับมาเป็นปกติแล้ว เหลือก็แต่ผมที่เพิ่งจะพยุงพิกเข้ามาในห้องทำงานได้จนสำเร็จนี่ล่ะที่ไม่ปกติ...


ให้ตายเถอะ ทั้งที่คิดว่าครั้งนั้นแค่หนเดียวก็มากเกินกว่าที่ฝันเอาไว้แล้ว...
แล้วดูตอนนี้สิ ยังมีหน้ามาเมาหยำเปต่อหน้าคนอื่นให้เขาคิดอกุศลด้วยอีก


แล้วอย่างนี้จะอดใจไม่ทำอะไร...ต่อมิอะไรได้ยังไงไหว?
 


_____________________________________________

ฮ่าฮ่า เป็นพิกแอนท์นะไม่ใช่พิกซุกะ
ดีใจที่ชอบน้า 

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 2/4 (16/4/2558)
«ตอบ #5 เมื่อ16-04-2015 11:56:41 »

เอาแล้ววววววววววววว
ชอบอ่ะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ
รอวันที่โนบิตะเผยตัว
สงสารใจแอนท์อ่ะ
โนบิตะช่วยแอนท์ด้วย


(เมนต์แบบเบลอๆ)

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 2/4 (16/4/2558)
«ตอบ #6 เมื่อ16-04-2015 14:36:30 »

โนบิตะ..จะทำอารายย :hao7: พิกเมาจนเปลี้ยขนาดนั้นไม่รอดแน่ๆ เลยนะคะเนี่ย ว้ายๆ ><

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 2/4 (16/4/2558)
«ตอบ #7 เมื่อ16-04-2015 14:54:59 »

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย

รอตอนต่อไปไม่ไหวแร้นนนนนนนนนนนนนน

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 2/4 (16/4/2558)
«ตอบ #8 เมื่อ16-04-2015 16:17:10 »



GIANTS’s PAT


“ซี๊ด....”


เสียงสูดปากดังขึ้นในความมืด อีกครั้งแล้วที่รู้สึกเสียวซ่านตรงช่วงท้องน้อยอย่างบอกไม่ถูก สิ่งแปลกปลอมยังคงเคลื่อนไหวในร่างของผมอย่างหนักหน่วง มันกระแทกถี่ กระทุ้งผนังอ่อนย้ำ ๆ จนหัวสั่นหัวคลอนไปหมด


ผมหรี่ตามองดูเรียวมือที่กำลังขยำขยี้ลงบนยอดอก นึกสมเพชตัวเองขึ้นมาเลยเมื่อรู้ว่าอาการปวดหนึบจนแทบจะปลดปล่อยมันมาจากแรงอัดที่มาจากทางด้านหลังล้วน ๆ มือสากของคนตรงหน้าแทบไม่ได้แตะต้องบนส่วนอ่อนไหวของผมเลยแม้แต่น้อย ทว่าทุกครั้งที่ปลายของมันกระทั้นโดนจุดอ่อนไหวนั่น สาบานได้เลยหากแรงดันของมันมีมากพอจะบดขยี้ทั้งร่างของผม ป่านนี้ทั้งตัวคงได้แหลกเหลวไม่มีชิ้นดีแล้ว


“พิกครับ...”


เสียงกระซิบแหบพร่าเตือนว่าผมกำลังวนลูปเข้าสู่จุดเดิม มันเหมือนคืนนั้นไม่มีผิด! คืนที่ผมตื่นขึ้นมาในห้องสวีทของโรงแรมย่านรังสิต แล้วพบว่ามีหยดเลือดกับหยาดขาวขุ่นขลักกระจายเป็นวงกว้างตรงหว่างขาตัวเอง


“ไอ้เหี้ย มึง...อึก....มึง เป็นใคร!”


ไม่เจียมสังขาร! รู้ตัวเองว่าไรเรี่ยวแรงจะต่อต้านยังปากดีไปใช้คำพูดหยาบคายกับมันอีก เจ้าของเงาทะมึนที่ทาบทับร่างผมเงียบไปพักนึง มันกระทุ้งปลายถี่ ๆ ราวกับว่าจะหยั่งเชิงในท่าทีของผม และเมื่อผมเอื้อมมือไปจิกหัวมัน อ้าปากจะร้องถามขึ้นมาอีกรอบ มันก็ตอบกลับด้วยการกระทำอันแสนโหดเหี้ยมไร้ความปราณีด้วยการกระทำแทนคำพูดทั้งมวล...


“พูดเพราะ ๆ หน่อยสิครับ พิก”


มันใช้เสียงแหบพร่าของตัวเองกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของผม ก่อนจะถอนทั้งหมดออกจากตัวอย่างกะทันหัน ให้ตายเถอะพระเจ้า! ผมตาเหลือกเพราะตั้งตัวไม่ทัน ไอ้เวรนั่นดึงตัวเองออกจากช่องทางของผมทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้มันยังขยิบตอดแท่งร้อนนั่นยิบอยู่เลยแท้ๆ


“อ๊า! –ไอ้...ฮึก...ไอ้...สัตว์นรก!”


ผมกลั้นหายใจร้องครางออกมาไม่เป็นภาษา ผนังอ่อนด้านในที่ยังขยับตอดทำให้อยากจะด่ามันให้ดังกว่านี้ แต่ไม่ไหว...ไม่ไหวจริง ๆ ยิ่งมันเคลื่อนตัวลง ก้มหน้ากดจูบเบา ๆ บนหน้าท้องแล้วลากริมฝีปากชื้นให้ต่ำลงไปยังด้านล่างผมยิ่งพูดไม่ออก ไม่เคยรู้เลยว่าการเป็นฝ่ายถูกกระทำจะทรมานใจอะไรขนาดนี้


“พิก...” เสียงนั่นดังขึ้นมาอีกครั้ง ไอ้เวรนั่นใช้มือสากนั่นลูบไล้ที่บั้นท้ายของผมแล้วขยำอย่างหนักหน่วง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผมในความมืด “ก็บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าให้พูด--”


“เหี้ย!” ผมชะโงกหน้าด่าสวนทันทีที่โดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ “มึงมันเหี้ย มึงเป็นใคร ทำอย่างงี้ไปทำไมวะ”


“ก็แค่อยากจะให้พิกพูดดี ๆ กับคนอื่นเขาบ้าง”


“เหี้ย”


“ไม่อยากถึงหรอ....ถ้าพูดขอดี ๆ ครั้งนี้จะให้ถึงนะ ดีไหมครับ?”


ยังจะเปลี่ยนเรื่องอีก ผมเม้มปากเข้าหากันแล้วใช้ข้อศอกพยุงตัวเองขึ้นไปจิกหัวมันอีกรอบ “อย่าเปลี่ยนเรื่อง! มึงเป็นพวกเดียวกับไอ้ช้างใช่ไหม มึงทำแบบนี้ไปทำไม ทำแบบนี้กับกูทำไม!”


“...” มันเงียบ ยิ่งเงียบใส่อย่างนี้ผมยิ่งจิกหัวมันแรงขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับ นั่นทำให้ผมต้องผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแรง


“ไอ้สัตว์นรก ไอ้ชาติชั่วเอ้ย! ทั้งครั้งนั้น...แล้วก็ครั้งนี้อีก” ผมกระแทกเสียงพูดก่อนจะแผ่วลงตามลำดับ จะร้องไห้แล้วนะโว้ย จะแกล้งกันก็ให้แม่งมีขอบเขตหน่อยสิวะ! จะยกพวกตีกู ซัดกูแรงแค่ไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่แบบนี้!


แบบที่ต้องนอนครางอยู่ใต้ร่างของใครก็ไม่รู้ ทั้งหมดเรี่ยวแรงแล้วก็เสียศักดิ์ศรีแบบสุดๆ !   


“คุณจำผมได้หรอ?” จากที่เงียบอยู่นานอีกฝ่ายก็พูดขึ้นบ้าง แต่แทนที่มันจะบอกผมว่าตัวเองเป็นใคร มันกลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดแก้มผม “ทั้ง ๆ ที่ครั้งนั้นคุณไม่มีสติเท่าครั้งนี้แท้ๆ”


“ก...กู...”


ตอนนี้กลายเป็นผมเองที่สะอึก จะให้บอกยังไงว่าจำกลิ่นตัวของมันได้ ... ทั้งๆที่ตอนขยับถี่เข้าหา กายอุ่นนั่นแผ่ไอร้อนจนอึดอัดไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นก็กลับหอมเย็นชื่นใจจนอดที่จะสูดเข้าปอดไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลิ่นน้ำหอมหรืออะไร แต่ยิ่งได้ฟังเสียงทุ้มที่กระซิบแผ่วข้างหู ภาพเงาดำของคนในความมืดเมื่อคืนวันนั้นก็ผุดขึ้นมาย้ำอีก...


แล้วจะไม่ให้แน่ใจได้ยังไง...
คนที่ทำระยำกับมนุษย์ผู้ชายแมนเต็มร้อยอย่างผมได้ก็มีแค่มันคนนี้เท่านั้น... 


“ดีใจจังที่จำผมได้ด้วย”


“ก...กู...”


แต่ไม่ทันที่ผมจะได้พูดตอบอะไรต่อ เรียวลิ้นร้อนของมันก็ฉกลงเบา ๆ บนหนังอ่อนหุ้มปลาย ทั้งตวัดวาดเป็นวงกลม ทั้งฉกลิ้นแตะถี่จนต้องล้มลงนอนจิกเท้าเกร็งแอ่นตัวแหงนหน้าขึ้นมองเพดานแล้วครางแบบไม่มีเสียง...ไอ้เหี้ยเอ้ย ถ้าแค่จะแกล้งกันไม่เห็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ เท่านี้ก็เสียวจะแย่ ขาวโพลนไปทั้งหัวแล้ว...


ขนาดพวกผู้หญิงที่เคยฟันมายังไม่อุทิศตัวทำให้ขนาดนี้เลย!


“อึก....อะ..อ๊า...เหี้ย....เหี้ยเอ้ย....”


ด่าในใจยังไม่ทันจบคำก็รู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนที่ชื้นแฉะด้านล่าง ตอนนี้หมดอารมณ์จะขัดขืนแล้วครับ ได้แต่เอื้อมมือลงไปจิกหัวมันไว้แน่น แล้วก็เหมือนอีกฝ่ายจะยิ่งได้ใจ มันลากลิ้นชุ่มน้ำลายต่ำลงไปอีก แล้วกดเบา ๆ บริเวณรอบช่องทางจนผมต้องเม้มปากกลั้นเสียง


“ว่ายังไงครับ...อยากถึงไหม...” มันแยกขาผมออกแล้วชะโงกหน้ามาถาม แต่คิดหรอว่ากูจะยอมคนอย่างมึงง่าย ๆ คิดได้อย่างนั้นก็ยกขาถีบอกมันเลยครับ แต่ดูเหมือนมันจะเดาทางผมออกไปซะหมด เพราะทันทีที่ปลายนิ้วโป้งเท้าจรดลงบนแผ่นอกเนียนนั่น มันก็คว้าหมับเข้าให้ที่ข้อเท้าทั้งสองข้าง แล้วกดปากจูบลงบนฝ่าตีนผมทันที “ถ้าอยากถึงก็พูดขอกันดี ๆ แล้วจะทำให้”


“...ฮาห์...” 


"พูดสิครับพิก.."


"เหี้ย เหี้ยยยย..ปล่อย...ปล่อยกู"


ผมออกแรงขัดขืน พยายามดีดดิ้นให้ข้อเท้าหลุดจากการเกาะกุม แต่เชื่อไหม ยิ่งทำแบบนั้นยิ่งเข้าทางไอ้เวรนี่ล่ะ! มันโน้มตัวมางับน่องขาผมทันทีที่ตั้งท่าจะเหยียดถีบมันอีกรอบ! ก่อนจะใช้มือที่ว่างแหวกช่องทางของผมแล้วทะลึ่งพรวดเข้ามาทั้งตัว...


จุก...จนร้องไม่ออก...


“หึ...หุบปากได้ซักทีนะครับ ไม่รู้หรือไงว่าเท้าน่ะเป็นของต่ำ” ไม่พูดเปล่ายังยกขาผมพาดขึ้นบ่าแล้วหันไปใช้ปากงับอย่างแรงจนผมสะดุ้ง “ทำอย่างนี้ต้องโดนลงโทษนะ”


“....”


“เงียบเลยแฮะ” เมื่อเห็นว่าผมยกแขนขึ้นก่ายหน้าผากมันก็ดึงแท่งลำออกมาก่อนจะใส่เข้าไปใหม่อย่างเนิบนาบ  ยิ่งผมปิดปากเงียบมันยิ่งเพิ่มแรงกระแทกให้หนักหน่วงขึ้นเป็นเท่าตัว ให้ตายเถอะ! แล้วควงเอวขยี้ปลายแท่งกับด้านในกูจนร้อนฉ่าขนาดนี้จะให้ทำอะไรได้อีกนอกจากกัดปากกลั้นเสียงครางล่ะวะ ห่าเอ้ย!!!


“อย่ากัดปากสิครับพิก ไม่เจ็บหรอทำอย่างนั้นน่ะ” เห็นว่าไม่พูดไม่ด่าอะไรเลยได้ใจหนัก มันเอื้อมมือข้างที่ไม่ได้จับขามาบีบเข้าที่สันกรามของผมอย่างแรง “เอ...หรือว่าชอบให้รุนแรงด้วยกันแน่นะ?”


ผมไม่ตอบ ไม่ตอบเหี้ยอะไรทั้งนั้น เพราะถึงจะตอบว่าไม่เอาแรงๆ มันก็กระแทกลงมาเน้น ๆ อยู่ดี แล้วก็เป็นอย่างที่คาด มันกำลังขยับถี่ให้ช่องทางของผมตอดรัดเหมือนกับไปตายอดตายอยากมาจากไหน กระแทกแรงเหมือนเก็บความอัดอั้นทั้งชีวิตมาเพื่อกระทั้นใส่ในตัวผมอย่างเดียวเท่านั้น


“อืม...พิกครับ...พิก...ดีไหม...”


“อึก....ฮึก...”


เสียงนี่อ่อนโยนสุดฤทธิ์ แต่เชื่อเขาเลย เพราะการกระทำน่ะตรงกันข้าม! ไม่เข้าใจเลยว่าจิตใจของไอ้เวรนี่ทำด้วยอะไร คำพูดน่ะฟังลื่นหูเหมือนจะปลอบประโลมให้โอนอ่อนไปด้วยกันอยู่หรอก แต่ด้านล่างน่ะ รุนแรงสุด ๆ ชักเข้าชักออกจนผมตาพร่าไปหมด


“จะถึงแล้วหรอ...”  มันเอ่ยถามขึ้นมาตอนที่เห็นว่าผมเริ่มเคลื่อนมือมาแถว ๆ ท้องน้อย “ยังไม่ให้ถึงหรอก...ก็ยังไม่ได้ฟังประโยคขอร้องจากพิกเลยนี่นา”


"...."


ผมกระพริบตาถี่ ไม่รู้ตัวเลยว่าเมื่อไหร่ที่ตาแม่งพร่าขึ้นกว่าเดิม รู้ตัวอีกทีก็มีหยดหยาดใส ๆ ไหลออกจากหางตาแล้ว ไอ้คนด้านบนท่าทางจะสัมผัสได้กับแรงสะอื้นไห้แผ่ว ๆ ผมเลยโน้มหน้าลงมาหาแล้วกดจูบเปลือกตาผมอย่างอ่อนโยน


“ฮึก...ตกลงจะใจร้าย...หรือจะใจดีกับกูกันแน่! ไอ้เหี้ย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจะเอายังไงแน่ กูงง!”


“ร้องไห้ทำไมครับพิก ไม่เอาอย่าร้องสิ”


“กูจะร้อง! ไอ้เหี้ย กูจะถึงก็ไม่ให้ถึง! มึงจะเอาไงกันแน่! จะให้กูอายจนตายไปเลยใช่ไหม!”


“อย่าตะโกนเสียงดังสิครับเดี๋ยวก็เจ็บคอกันพอดี”


“กูจะตะโกน...อึก” จบคำมันก็กระชากผมขึ้นมานั่งซ้อนบนตักทั้งที่ด้านล่างของเรายังเชื่อมกัน “ไอ้เหี้ย...อ๊ะ....จะทำอะไร....”


“เงียบ ๆ น่า..."


"..."

"ถ้าไม่อยากให้ใจร้ายด้วยก็ทำตัวดี ๆ หน่อย” มันพูดพลางคลอเคลียอยู่กับใบหูของผม ตอนนี้น้ำตามันเหือดไปหมดแล้ว ถ้าถามว่าอะไรที่เข้ามาแทนที่ความเจ็บช้ำน้ำใจก็คงจะเป็นจังหวะมือของมันที่สาวขึ้นลงกับนิ้วโป้งที่นวดคลึงให้บริเวณส่วนหัวนั่นล่ะ "ไม่ต้องพูดดี ๆ ด้วยแล้วก็ได้ แต่อย่าดื้อ เข้าใจไหมครับ?"


"อะ....อือ..."


"ซี๊ด....แน่นจัง...งั้นผมจะขยับแล้วนะ"


พูดไม่ทันขาดคำมันก็สอดมือเข้ามาที่เอวสอบผมเลยครับ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถูกยกขึ้นจนลอยแล้วก็...


“อะ....อ่ะ....อ๊ะ....อย่าแรง...อย่าแรง” 


“ซี๊ด...พิกครับ...อืม...พิก”


ผมกรีดร้องออกมาตอนที่มันแหย่ลิ้นเข้ามาในรูหู เสียวทั้งบนซ่านทั้งล่าง ไม่ร้องออกมาก็บ้าล่ะ แล้วยิ่งได้ยินอย่างนั้นมันยิ่งเด้งสวนขึ้นมาแรงอีกเท่าตัว แรงจนผมต้องงอตัวแล้วจิกเล็บเข้าให้บนท้องแขนของมันที่รัดช่วงเอวของผมไว้แน่น


“จะไปแล้ว....ฮึก...จะถึง—”


“พร้อมกัน...พร้อมกันนะครับ”


สาบานได้เลยว่าถึงท้องฟ้าด้านนอกจะมืดมิดแต่ในหัวผมเสือกเห็นแต่สีขาวโพลน คนที่อยู่ด้านล่างสวนเอวถี่อีกสองสามครั้งก่อนจะปลดปล่อยความร้อนฉีดอัดเข้าท้องผมจนรู้สึกอุ่นวาบ มันบี้น้องผมก่อนจะชักให้อีกสองสามครั้งก็แตกตามกันมาติด ๆ


ตอนนี้ผมไม่มีแรงจะอ้าปากด่าใครอีกแล้ว ได้แต่เอนหลังซบไหล่กว้าง ๆ นั่นแล้วเหลือบมองท่อนแขนแกร่งที่ยังไม่ปล่อยออกจากเอวตัวเอง


และสิ่งเดียวที่ได้จากแสงจันทร์ในคืนนี้ก็คือตัวตนของคน ๆ นั้น
เจ้าของรอยสักบนท้องแขนขวา...


Never underestimate
someones ability to find out the truth.







“เมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา” 


มาถึงโต๊ะแล็คเชอร์ไอ้ซูเนโอะเพื่อนยากของผมก็เข้ามาทักทายด้วยสีหน้าเหมือนคนอมขี้เลยครับ คิ้วหนาๆ ของมันขมวดเข้าหากันอย่างแน่นเมื่อผมแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินผ่านหน้ามันไป


“เชี่ยพิก! กูถามว่าไปนอนที่ไหนมา ทำไมไม่กลับบ้าน”


“มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่ได้กลับบ้าน” ผมเหลือบมองมันที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆแล้วลอบถอนหายใจเบาๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องดูร้อนอกร้อนใจอะไรนักหนา ทำอย่างกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่กูไม่กลับบ้านยังไงอย่างงั้น


“ก็แม่มึงโทรมาหากู” ไอ้ชานลุกขึ้นจากเก้าอี้แล็คเชอร์ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงมากดโชว์เบอร์ที่รับสายแล้วยื่นมาให้ตรงหน้า “ปกติมึงลูกแหง่จะตายห่า จะไปค้างที่ไหนก็บอกแม่ก่อนตลอด แล้วนี่อะไร ไม่บอกแม่ไม่พอยังไม่บอกกูอีก...”


“ล...แล้วมึงตอบแม่กูไปว่าไง”

ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากัน งานเข้าแล้วไหมล่ะ! ถ้าไอ้ชานไม่บอกว่าไปค้างบ้านมัน กลับบ้านไปมีหวังโดนหวดด้วยก้านไม้เรียวแน่! ถึงวาจาจะเหี้ย ใจจะหมาแค่ไหน แต่แม่ก็เป็นสิ่งประเสิรฐที่สุดแล้วในชีวิตผม ทางที่ดีไม่ควรทำให้นายหญิงโกรธหรือโมโหเป็นอันขาด...


เพราะไม่งั้น
บ้านแตก!


“ก็บอกว่านอนค้างกับกูสิ” ได้ยินตอบออกมาอย่างนี้ค่อยโล่งใจหน่อย แต่ก็แค่ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้นแหละ พอมันสังเกตเห็นว่าทำไมผมยังยืนค้ำหัวมันอยู่ก็เอาเลยครับ “แล้วทำไมไม่นั่งซักที โดนใครเค้าเตะอัดตูดมาหรือไง”


ผมไหล่ตก มองหน้ามันอย่างคนหมดอาลัยตายอยากทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘อัดตูด’


“เออ” ก็ตอบออกไปเท่านั้นล่ะครับเพราะไม่ได้คิดจะต่อความยาวสาวความยืดอะไร แต่ผมนี่ก็ช่างไม่รู้จักเพื่อนตัวเองเอาซะเลย พอไอ้ชานได้ยินอย่างนั้นก็ยื่นหน้าเข้ามาหาอย่างไว


“ใครทำมึง!” 


“ห๊ะ” 


“กูถามว่าใครซ้อมมึง”  มันขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นกว่าเดิมซะอีก “ว่าแล้ว ที่ไม่ได้กลับบ้านนี่ไปโดนซ้อมมาอีกแล้วใช่ไหม...คราวที่แล้วก็โดนซ้อม กูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปเจอพี่พลอยอีก ทำไมไม่ฟังคำพูดกูบ้าง” 


ผมกระพริบตาปริบ ๆ นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ก่อนในตอนที่ผมเดินกระเผลกเข้ามาในห้องแล็คเชอร์อย่างทุลักทุเล มาถึงไอ้ชานจับสังเกตได้อย่างไว มันซักไซ้ไถ่ถามจนผมต้องเค้นสมองหาข้ออ้างแมน ๆ เช่นโดนซ้อมมาแก้ตัว ก็ผู้ชายดี ๆ ที่ไหนเขาจะกล้าบอกเพื่อนตัวเองล่ะวะ ว่าโดนผู้ชายด้วยกันอัดตูดมาน่ะ ให้บอกตรง ๆ ก็บ้าแล้ว เลยต้องโกหกอย่างนี้ไง


"เอ่อ....เอ้อ...ก็นี่ไงกูไปหาพี่พลอยใช่ไหม แล้วก็เมาว่ะ พอเมาเลยโดนเตะก้นออกมาจากร้านเขาไง” ที่บอกไปนี่อย่างน้อยก็มีความจริงอยู่ครึ่งนึงนะ


“โดนเตะก้นหรือโดนซ้อมเอาให้แน่” เชี่ยวชาญยกมือขึ้นกอดอก แต่ก่อนที่ผมจะต้องคิดหาข้อแก้ตัวอะไรเพิ่ม หางตาก็ดันเหลือบไปเห็นคู่กรณีอย่างไอ้ช้างเดินยิ้มเยาะมาแต่ไกล


“มึง!!!”


เพราะเหตุการณ์น่าอายขายขี้หน้าเมื่อคืนทำให้อารมณ์ของผมพุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เห็นหน้าไอ้ช้างแล้วมันขึ้นจนต้องถลาเข้าไปหาแล้วกระชากลากถูให้ตามออกไปนอกห้องแล็คเชอร์ด้วยกันอย่างไว ไอ้ช้างตอนนี้หน้าตาตื่นสุดฤทธิ์ แต่ผมไม่สนหรอก! ยังกำคอเสื้อมันให้เดินตามมาทั้งที่ขาก็ยังกระเผลก เจ็บที่บั้นเอวไม่หาย


“อะไรของมึงเนี่ยเชี่ยพิก” 


ช้างสบถทันทีที่ผมเหวี่ยงมันจนหลังกระแทกอัดผนัง ความเจ็บปวดตรงบั้นเอวหายไปเลยเมื่อเห็นสีหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวของมันที่ทำเป็นปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ตรงหน้า


“อะไรหรอ...ยังมีหน้ามาพูดว่าอะไรอีกหรอวะ!” 


ผมตะคอกมันอย่างแรง แต่แทนที่ไอ้ช้างจะมีน้ำโหขึ้นมาแล้วเผยธาตุแท้ มันกลับยิ่งทำหน้างงหนักกว่าเก่า


“อะไรของมึงเนี่ย เมนส์ไม่มาหรือไงวะ” ช้างถอนหายใจรดหน้าผมก่อนจะกอดอกยืนเต๊ะท่ามองหัวจรดเท้า “ถ้าจะหาเรื่องกูเรื่องไอ้โนบิตะนั่น เอาเป็นว่ากูขอโทษแล้วกัน จบไหม? กูไม่รู้ว่ามึงเห็นมันเป็นเพื่อน เลยใช้มันไปแบบนั้น...” 


“ห๊ะ”


“จบแล้วก็จบ ๆ กันไปเชี่ยพิก กูทำผิดก็รู้จักขอโทษ มึงล่ะ ทำผิดแล้วรู้จักขอโทษคนอื่นเขาบ้างไหม” 


“ก....กู...ขอโทษ”


เออเว้ย...แล้วกูจะขอโทษมันทำไม งงสุด ๆ นี่มันเรื่องเชี่ยอะไร ยิ่งเห็นไอ้ช้างพยักหน้าอย่างพอใจ พร้อมดึงแขนผมเข้าไปชนไหล่ด้วยสีหน้าแบบ ‘มาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะเชี่ยพิกกกก’ แล้วยิ่งงง


ก็คือ...กูไม่ได้จะลากมึงมาเพื่อพูดเรื่องไอ้โนบิตะไหม?...คือกูแค่จะถามมึงว่าจ้างคนมาแกล้งกูทำไม ทำไมไม่มาตัวตัวกันเลย แต่พอเห็นสีหน้าแบบคนไม่รู้เรื่องรู้ราวที่อยากจะเริ่มต้นใหม่โดยการสานมิตรภาพดอกไม้บานของไอ้คุณช้างแล้วก็พูดไม่ออก...  พูดอะไรไม่ออกซักอย่าง


ลงท้ายก็เลยเดินกลับมาที่ห้องแล็คเชอร์แบบยังงงไม่หาย เล่นเอาเซอร์ไพร์สกันทั้งเอก


ไม่ใช่แค่พวกมึงหรอกที่งง
ไอ้ห่า...กูต่างหากนี่ที่ต้องงง...


ตกลงมันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย!


ก็ถ้าไม่ใช่ไอ้ช้างที่ทำแบบนี้ได้แล้วใครกันวะที่บังอาจมาเปิดซิงประตูหลังผม จะบอกว่าเป็นมาเฟียซักคนในผับที่ออกตังจ่ายค่าเหล้าให้ผมตอนเมางั้นหรอ? ไม่ใช่หรอกมั้ง ลำพังตัวผมคงไม่มีเสน่ห์กับผู้ชายขนาดที่ว่าเห็นหน้าแล้วเกิดอารมณ์อยากจะออฟไปปู้ยี้ปู้ยำขึ้นมาซะเมื่อไหร่ อย่ามาตอแหล! นี่ไม่ใช่การ์ตูนเกย์มือสองเล่มละ 25 บาทนะโว้ย!!!


แล้วตกลงมันเป็นใคร...
ไอ้ผู้ชายเจ้าของรอยสักภาษาอังกฤษที่ผมอ่านไม่ออกนั่นมันเป็นใคร!!!!!!!!!!!!!! 





“ผมเองครับ” 


“ก็ต้องเป็นมึงอยู่แล้วล่ะ” 


ไม่ต้องงงครับ ไอ้ประโยคตอบรับเมื่อครู่นั่นไม่ใช่คำตอบของคำถามในใจที่ติดค้างมาตั้งแต่ช่วงเช้าหรอก แต่เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากไอ้โนบิตะที่เพิ่งจะทรุดตัวลงนั่งเมื่อครู่ อาสาไปซื้อน้ำให้ผมกับไอ้ชานต่างหาก 


ผมมองตามหลังโนบิตะที่ค่อย ๆ ลุกออกจากโต๊ะอาหารด้วยความเนิบนาบ ไอ้แว่นนี่ นับวันจะยิ่งเหลวไหล จำได้ไหมครับสัปดาห์ที่แล้วก็มาสาย วันนี้นี่หนักเลย...เข้ามาเรียนก็ตอนเลิกคลาสหนึ่งไปแล้ว ยังดีนะที่มันมาเรียนคาบสอง ไม่งั้นของที่ผมเตรียมไว้ติดกระเป๋าตลอดก็เก้อแน่...


อีกสองวันก็จะหมดเขตอยู่แล้วด้วย...


“แล้วตกลงบอกโนบิตมันยังว่าเย็นนี้จะเลี้ยงข้าวมัน เดี๋ยวก็หนีกลับอีกหรอก” 


เชี่ยวชาญพูดขึ้นมาในขณะที่สูดเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก มันเลิกคิ้วมองมา ก่อนจะพยักหน้าให้ตอบเร็วๆตามประสาคนขี้เสือก


“ยัง” 


“อ้าว...ยังจะเขินอะไรอีก ก็บอกแล้วว่าให้รีบชวนมันตั้งแต่เนิ่น ๆ ”


“มึงชวนให้หน่อยดิชาน” 


“ไม่เอา ใครอยากเลี้ยงคนนั้นก็ชวนดิ”  เชี่ยชานเพื่อนรักส่ายหัวทำหน้าตากวนตีนสุดฤทธิ์ “หึ..แล้วทำมาเป็นปากดี บอกว่าจะพาแม่งไปกินอะไรเผ็ด ๆ ให้ร้องไห้ขี้มูกโป่ง ที่ไหนได้....” 


“ที่ไหนได้...เหี้ยไร” 


“บัตรลดราคาชาบูร้านแพงหูฉี่อะ อย่านึกนะว่ากูไม่เห็น” พูดไปก็ยิ้มไปแบบที่สมควรเอาตีนลูบหน้ามันมาก ๆ “จะทำตัวดี ก็ดีให้ได้ด้วยตัวเองสิวะ...เอ้า! โน่น โนบิตะเดินมาแล้วหันไปชวนเองเลย...เฮ้ย โนบิตะ!”


ชิบหาย! ผมตาโตจ้องไอ้ชานเขม็ง ไอ้ห่านี่ไม่ให้เพื่อนได้ทันตั้งตัวเลยซักนิด มันส่งเสียงเร่งโนบิตะที่เดินถือแก้วน้ำห่างออกไปไม่ไกลให้รีบสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้


“คุณชานเรียกผมมีอะไรหรอครับ?” 


โนบิตะที่ยืนค้ำหัวเอ่ยถามออกมาเบา ๆ มันวางแก้วน้ำเสร็จก็ขยับแว่นแล้วทรุดตัวลงนั่งที่ข้าง ๆ ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหน้าผมกับไอ้เชี่ยชานสลับกันไปมา 


“เอ้า มีอะไรจะพูดกับมันก็พูดดิพิก” ไอ้ชานเร่ง


“เอ่อ...กู....”


“พิก...มีอะไรกับผมหรอครับ”  โอ้ย หันไปเห็นหน้าแม่งแล้วอยากจะคำรามเป็นสำเนียงหมาป่า อย่ามาทำหน้าซื่อตาใสแบบนั้นเร่งกูอีกคนจะได้ไหม!!!


“คือ...กู....”


“คืองี้โนบิตะ...” กลายเป็นเชี่ยชานที่อดรนทนไม่ไหว มันตัดสินใจพูดเปิดประเด็นก่อนที่ผมจะทำเป็นไขสือแล้วเปลี่ยนเรื่องซะก่อน “ไอ้พิกมันอยากจะเลี้ยงชาบูมึงอะ...เป็นการตอบแทนที่มึงช่วยพวกเราทำการบ้านมาตลอด...”


“...อืม” ผมหันไปพยักเพยิดหน้าแบบส่ง ๆ ก่อนจะเสหน้าไปอีกทาง


“เย็นนี้มึงไม่มีนัดใช่ไหม...ไปกับพวกเรานะ?”


“...”


สภาพโนบิตะในตอนนี้กลายเป็นใบ้แดกไปแล้วครับ มันกระพริบตาปริบ ๆ ทำหน้าเหมือนควายงงอยู่พักนึงก่อนจะขยับแว่นดันขึ้นชิดสันจมูก แล้วจะลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะอาหารทันที 


“รอผมสักครู่นะครับ เดี๋ยวขอผมโทรเช็คกับที่บ้านก่อน แล้วจะมาให้คำตอบ รอสักครู่นะครับ” 


หันมาทิ้งท้ายอย่างลนลานจนเสร็จก็วิ่งปรู๊ดออกไปพร้อมโทรศัพท์เลย ผมส่ายหน้ากับการกระทำของมันขำ ๆ ไอ้โนบิตะนี่แม่งลูกแหง่ชัดๆ


“ยังจะไปหัวเราะมันอีก มึงก็ลูกแหง่ไม่ต่างจากมันนักหรอก” เชี่ยชานเอื้อมมือมาเคาะตะเกียบมาที่ชามผม “แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นกูที่ต้องพูดแทนให้...จะเอายังไงล่ะ หลังจากนี้ถ้าจะขอโทษ จะพูดจาดีๆกับมัน กูก็ไม่ช่วยเกริ่นให้แล้วนะ จัดการเองบ้าง”


“อะไร ใครจะพูดดีๆด้วย...” ผมวางช้อนกับส้อมลงบนโต๊ะ “กูก็เป็นของกูอย่างงี้ ไม่พอใจจะเป็นเพื่อนกับคนถ่อย ๆ อย่างกูก็ไปคบกับคนอื่นสิ”


“แหม ๆ มีน้อยใจด้วย...โนบิตะมันไม่ไปจากมึงหรอกครับ เพราะถ้ามันคิดจะไปนะ มันไปนานแล้ว ไม่มายอมทนให้มึงโขกสับเป็นหมูหน้าซองมาม่าอย่างงี้หรอก” 


“แล้วใครใช้ให้ทน” 


“ก็พูดไป พอมันจะไปมีเพื่อนใหม่ทีไร กูก็เห็นมึงเข้าไปขวางแม่งทุกที”


“...”


เออ คุณเชี่ยวชาญมันก็พูดถูก แต่ก็บอกไปแล้วไงว่าที่ขวางไม่ใช่เพราะอยากให้ไอ้โนบิตะมาเสนอหน้าอยู่ระดับเดียวกันกับผม แต่เพราะผมเห็นมันเป็นเหยื่อและไม่ชอบใช้เหยื่อร่วมกับใครต่างหาก!


แต่ไม่ทันที่จะได้อ้าปากเถียงอะไรกับไอ้ชานต่อ ไอ้บุคคลที่ถูกนินทาก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในรัศมี มันวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะกินข้าว ก่อนจะหันหน้ามาจ้องตากับผม กลืนลายลงคออึกใหญ่ แล้วยกมือขึ้นดันแว่นเข้าสันจมูกด้วยความเขอะเขิน


“เอ่อ...ผม...ตกลงนะครับ”


“อะไร”


“เย็นนี้...ผมไปทานข้าวด้วยได้แล้วนะครับ”


____________________________________

ตอนหน้าก็จบแล้วค่ะ อิอิ ตอนหน้ายาวมากๆ ;_ ; เรทมากๆด้วย วันนี้เอามาลงให้เพราะเดี๋ยวไม่ค่อยว่าง
ขอบคุณที่ชอบนะคะ T_T เห็นมาเม้นตลอดเลยเลยรีบเอามาลงให้ ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 3/4 (16/4/2558)
«ตอบ #9 เมื่อ16-04-2015 21:07:34 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
นึกว่าตาฝาด
สนุกมากๆๆๆๆๆ
ตอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
มโนไปไกล :a14: อ่ะคึๆๆ
ป.ล.จบแล้วจะมีตอนพิเศษแถมให้ไหมน้าาา :confuse:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 3/4 (16/4/2558)
« ตอบ #9 เมื่อ: 16-04-2015 21:07:34 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 3/4 (16/4/2558)
«ตอบ #10 เมื่อ16-04-2015 21:36:56 »

มารอตอนจบค่ะ ฟืดดด  :hao7:
พิกจะรู้ตัวจริงของโนบิตะ(???)เมื่อไหร่ 55555555555555555

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 3/4 (16/4/2558)
«ตอบ #11 เมื่อ16-04-2015 21:52:02 »

พิกน่ารักสุดติ่งมากๆ เลยค่ะ..^^ ปากแข็งสุดๆ อยากเป็นเพื่อนกับโนบิตะจะแย่แล้วนะนั่นน่ะ แต่ก็ยังทำซึนอีกไง โอ๊ยๆ ชอบบุคลิกแบบนี้ของพิกกับกลุ่มเพื่อนๆ มากเลยค่าา.. อยากให้มีตอนพิเศษด้วยจัง~~ ≧﹏≦

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 3/4 (16/4/2558)
«ตอบ #12 เมื่อ16-04-2015 21:54:46 »

2 ตอนในวันเดียว ดีจายยยย ^.^

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 3/4 (16/4/2558)
«ตอบ #13 เมื่อ17-04-2015 14:44:57 »

นั่งรอตอนจบอยู่ครับ ณ เวลา 14.49

ออฟไลน์ Real_BFaf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 3/4 (16/4/2558)
«ตอบ #14 เมื่อ18-04-2015 18:28:07 »

กริ้ดดด รอนะคะ เอร้ย  :hao7: :o8:

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 3/4 (16/4/2558)
«ตอบ #15 เมื่อ19-04-2015 22:01:04 »



GIANT’s PART




“คิวที่ 435 เชิญด้านในค่ะ”
 

ผมเงยหน้ามองครอบครัวสุขสันต์ที่เพิ่งจะกระเตงลูกสาวสองลูกชายหนึ่งเดินผ่านไป ก่อนจะก้มลง คลี่กระดาษในมือที่ถูกขยำเป็นก้อนกลมๆออกมาดูคิวด้วยความอนาถใจแล้วถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
 

ตอนนี้เพิ่งจะคิวที่ 435 เอง แล้วคิวของพวกผมตั้งเท่าไหร่? 455 โน่น จะต้องให้รอกันจนรากงอกเลยไหม? พอหันมองเข้าไปในกระจกแล้วเห็นคนอื่นกินชาบูกันหน้าระรื่นแล้วก็ยิ่งหงุดหงิดใจ จะแดกกันอย่างสโลว์ไลฟ์อีกนานไหม ทำไมไม่รีบๆยัดห่าเข้าไป! กูหิวจนไส้แทบขาดแล้วครับ!
 

“อ้าวจะไปไหน”
 

ไอ้ชานเอ่ยถามขึ้นมาในขณะที่ผมพยุงตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ หันไปมองหน้าไอ้โนบิตะ กะจะฝากกระดาษคิวไว้กับมันแล้วก็ชั่งใจ คนที่เอาแต่ก้มหน้ากดโทรศัพท์อย่างนั้นสมควรที่จะฝากความหวังไว้ด้วยไหม? ถ้าหากเขาลัดคิวเรียกแล้วแม่งไม่ได้ยินขึ้นมาจะทำยังไง? ควรคว้านท้องแล้วเอาไส้มาห้อยคอประท้วงเลยไหม?

 
สรุปก็เลยหันไปทางอีคนช่างเสือกที่เลิกคิ้วมองมาอย่างคุณเชี่ยวชาญแทน
 

“จะไปเยี่ยว ฝากคิวไว้กับมึงแล้วกัน” เดินออกไปแล้วก็ยังไม่วายหันกลับไปตวัดตาคาดโทษไอ้แว่นที่นั่งติดกับไอ้ชานอีก “กูกลับมาแล้วต้องได้กินนะ ไม่งั้นก็โน่น กลับแดกก๋วยเตี๋ยวหน้าห้างแทนตามแพลนเดิมของกู”

 
อันที่จริงก็กะจะใจดีเลี้ยงไอ้โนบิตะแบบป๋า ๆ แหละครับ แต่พอมาถึงหน้าร้าน แค่เห็นคิวยาวเป็นหางพญานาคแล้วก็หมดอารมณ์ แต่ยังดีหน่อยที่ไอ้ชานมันช่วยพูดให้ใจเย็นลงเพราะหันไปเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของไอ้โนบิตะตอนที่ผมบอกว่าจะเปลี่ยนใจไปกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางแทน
 

‘ขอโทษครับพิก แต่ผมทานอาหารข้างทางไม่ได้จริง ๆ ทานทีไรท้องเสียยกใหญ่ทุกที…’
 

นึกถึงปากบาง ๆ ตอนที่บอกว่าแดกข้าวข้างทางไม่ได้ก็ยิ่งหงิด ชีวิตมึงนอกจากเรียนแล้วมีสีสันอะไรบ้างไหมเนี่ย ไม่แปลกใจเลยว่าผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งแถมหน้าตาก็ไม่ได้แย่อย่างทำไมมันถึงได้ดูจืดชืดน่าเบื่อขนาดนี้
 

เหอะ ไอ้ลูกคุณหนูเอ้ย!
 

“โอ้ย!”
 

คิดอะไรอยู่เพลิน ๆ ก็ดันมีคนมาเดินชน แล้วไม่ใช่ค่อย ๆ นะครับพี่! กับคนไร้เรี่ยวแรงแค่เดินยังจะกระเผลกอย่างผมแค่โดนบั้นเอวหนากระแทกเข้าให้อย่างนั้นหน้าก็แทบจะคะมำแล้ว แต่ไม่ทันที่จะได้ล้มลงไปจูบกับพื้นอย่างที่คิด ก็มีมือของใครไม่รู้พุ่งมาคว้าหมับเข้าให้ที่ต้นแขน...
 

ความรู้สึกตอนนี้เหมือนมีกระแสไฟฟ้ากว่าแสนโวลต์ของปิกาจูซัดลงตรงกลางกระหม่อม ให้ตายเถอะ! ทั้งกลิ่นทั้งแรงมือที่จับหมับเข้าตรงช่วงแขนกับหัวไหล่ มันชัดเจนและคุ้นเคยจนเกินไป! พาลทำให้เผลอนึกถึงสัมผัสจากคนเมื่อคืนจนผมเสียวสันหลังวาบไปถึงตูด


แต่พอรีบสะบัดหน้าหันขวับกลับไปดู แทนที่จะเป็นใครคนอื่นกลับเป็นไอ้แว่นจืดที่เพิ่งจะด่าในใจไปหมาด ๆ
 

“เป็นอะไรไหมครับพิก?”
 

เสียงของโนบิตะที่ฟังดูเป็นห่วงเป็นใยทำให้ใจผมเต้นตึกตัก เชื่อตัวเองเลย! นี่กูต้องเพ้อเจ้อขนาดไหนที่มโนไปว่าสัมผัสของไอ้แว่นจืดนี่คล้ายกับไอ้สัตว์นรกคนเมื่อคืนนี้ได้...
 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
 

“มะ..ไม่เป็นไร...ปล่อยแขนกู”
 

นึกเกลียดตัวเองขึ้นมาตงิด ๆ นี่ขนาดว่ามันยอมปล่อยมือออกจากแขนผมแล้วนะ ตรงนั้นก็ยังเต้นตุบ ๆ ไม่เลิกเลย โอ้ย อยากจะบ้าตาย นั่นมันความอัปยศขั้นหายนะของชีวิตเลยนะโว้ย แล้วทำไมถึงเลิกคิดไม่ได้ซักทีล่ะวะ! 
 

 “พิก! เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”
 

“ปะ..เปล่า!”
 

ด้านไอ้โนบิตะ พอเห็นว่าผมยกมือขึ้นมาถึงหัวตัวเองก็รีบถลาเข้ามาหาอย่างรู้งาน มันใช้มือเรียวอ่อนนุ่มคู่นั้นแตะลงเบา ๆ บนหลังมือผม และ ปัง! เหมือนมีเสียงหม้อแปลงระเบิดบริเวณแถว ๆ ท้ายทอย ยิ่งมือเราแตะโดนกันยิ่งทำให้ผมรู้เลยว่าตัวเองแม่งควรไปหาหมอเพื่อเช็คสภาพสมองได้แล้ว...
 

แย่ชิบหาย! นี่ขนาดแค่มือแตะกับมือนะ ยังรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตซะได้!
 

ผมรีบชักมือออกแล้วตวัดตามองมันอย่างคาดโทษ
 

“อย่ามาแตะโว้ย! ไม่ได้เป็นอะไรฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือยังไง!”
 

“แต่พิกทำท่าเหมือนคนปวดหั-”
 

“เสือก! ถอยออกไป ไม่! อย่ามาจับนะ ไม่ได้เป็นอะไร จะไปเยี่ยว เข้าใจไหม! คนจะเยี่ยว!”
 

ผมเม้มริมฝีปากแล้วชี้หน้ามัน ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ยิ่งบอกให้ถอยมันยิ่งเดินเข้ามาหา ไอ้เก้ายกมือขึ้นเกาท้ายทอยทำหน้างง ๆ ขณะที่ผมรีบหมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำทันที
 

ฉี่ก็ปวดจนจะราดคาหน้าห้องน้ำอยู่แล้วยังมาแตะ มาจับกันอยู่ได้!
ไอ้แว่นเซ่อเอ้ย!

 
 


 
 
“นี่ไปฉี่หรือหิวจนต้องไปหาอะไรกินในส้วม ทำไมไปนานจัง”
 

ไอ้ชานที่เงยหน้าขึ้นจากหม้อชาบูเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงร่าเริง ผิดกับผมที่ถอนหายใจแรงก่อนจะเขยิบตูดเข้าไปนั่งที่ริมสุดใกล้รางเลื่อน เมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบอะไร มันเลยหันหน้าไปซักไซ้เอากับไอ้โนบิตะที่เดินตามมาทีหลังแทน
 

“พิกเขาหกล้มน่ะครับ”
 

ไอ้เก้าพูดพลางทิ้งตัวลงนั่งที่ข้าง ๆ ผม อันที่จริงก็อยากจะหันไปด่านะเพราะไม่อยากนั่งตัวติดกับมันให้ไหล่สีกันแล้วเกิดความรู้สึกแปลกๆแบบนั้นอีก แต่อารมณ์ตอนนี้แม่งหิวจนนึกอะไรไม่ออก เลยได้แต่หยิบจานบนรางเลื่อนมากวาดลงหม้อรัว ๆ แล้วใช้อาการพยักหน้าแบบส่ง ๆ ในการต่อบทสนทนาบนโต๊ะชาบูแทน
 

“อ้าวแล้วเป็นอะไรมากไหม?”
 

ผมตวัดตามองไอ้ชาน เอ๊ะไอ้เหี้ยนี่ เห็นว่าไม่ตอบก็คือไม่อยากตอบไง ยังจะหันมาถามอะไรอีก ผมถอนหายใจเสียงดังพรืด แกะตะเกียบแล้วจะถูไปมาจนเกิดเสียงดัง มองหน้ามันที่ยังทำหน้าเหมือนควายงงก่อนจะเอื้อมตัวไปแย่งหมูลวกสุกที่นอนอยู่บนจานมันมาจิ้มน้ำจิ้มแล้วเข้าปาก
    

“เห็นกูเลือดตกยางออกไหมล่ะ ถ้าไม่เห็นก็เลิกถามได้แล้ว จะคุยอะไรนักหนาไม่รู้จักมารยาทบนโต๊ะอาหารหรือไง”
 

“อ้าวไอ้เหี้ยนี่ คนเขาถามเพราะเป็นห่วง” เชี่ยวชาญเคาะตะเกียบลงบนหัวผมอย่างแรง “ตกลงเป็นอะไรไหม?”



“ก็ไม่ได้เป็นไรไง เลิกถามได้แล้วไหม กูโมโห”
 

“โมโหหิวหรา”
 

“เออหิว! มึงก็หิว” พูดจบไอ้ชานก็เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “หิวตีนกูนี่ไง”
 

“แหมปากคอเราะร้าย” ไอ้ชานหัวเราะจนไหล่สั่นก่อนจะตักผักในหม้อมาใส่ในถ้วยของผมแล้วหรี่ตามองอย่างขบขัน “ปากอย่างนี้ไงถึงไปโดนเขาซ้อมมา”
 

“ซ้อม?” จบคำไม่ทันถึงวิ ไอ้โนบิตะก็เกิดอาการขี้เสือกเลยครับ
 

“เออ ก็สงสัยแม่งปากนี้อย่างงี้ล่ะมั้ง เมื่อวานเลยโดนเขาอัดมาซะน่วม”
 

“เมื่อวาน?” ไอ้เก้าทวนคำมันทำหน้าตาเหรอหราอย่างไม่น่าให้อภัย จะตกใจอะไรนักหนาสงสัยเกิดมาไม่เคยโดนต่อย
 

“ใช่ โดนซ้อมซะเดินกระเผลกเลยไม่เห็นหรอ” ไอ้ชานพูดพลางหันไปหยิบจานฮะเก๋าบนลางเลื่อนมาวางบนโต๊ะ “...ก็คงไปทำปากหมาไว้นั่นล่ะ อาทิตย์ก่อน ๆ ก็โดนมาแบบนี้”
 

“แบบนี้?” ไอ้เก้าพูดแล้วเสหน้าหันมาจ้องผมตั้งแต่หัวจรดปลายตะเกียบที่ถืออยู่ มันนั่งนิ่งขมวดคิ้วไปพักนึง ก่อนจะใช้ริมฝีปากสีชมพูน่าต่อยนั่นเอ่ยถามประโยคแทงใจ “แล้วทำไมถึงไม่เห็นมีร่องรอยโดนทำร้ายที่หน้าเลยล่ะครับ..”
 

“...”
 

“ปกติต่อยกันปากต้องแตกไม่ใช่หรอครับ?...พิก?” มันเล่นกูแล้วไง...สาบานได้ว่าแอบเห็นแววตาระยิบระยับภายใต้กรอบแว่นนั่นแวบนึง
 

“อย่าเสือก” พูดได้แค่คำเดียวเท่านั้นล่ะครับตอนนี้ เพราะไอ้ที่โดนซ้อมน่ะพูดให้ดูเท่ไปก็เท่านั้นเอง แล้วพอเหลือบตามองไปที่ไอ้ชานกะจะหาพวก ไอ้ซูเนโอะเพื่อนยากดันก็พยักหน้าเห็นด้วยกับข้อพิพาทของไอ้โนบิตะอย่างฉงนสงสัย
 

“เออว่ะ แล้วทำไมหน้าไม่โดนต่อยวะพิก”
 

“...”
 

“พิก”
 

“โอ้ยยยย จะถามอะไรกันอีก จำไม่ได้แล้ว...กูเมา ไม่เคยเมาหรือไง ใครเขาจำเรื่องตอนเมากันได้บ้าง!”
 

ไอ้ชานกับไอ้เก้าทำหน้าเหรอหราใส่ผมทันทีที่สิ้นเสียงตวาด หันมองซ้ายขวาก็พบว่าทั้งพนักงานและลูกค้าท่านอื่น ๆ หันมามองที่โต๊ะพวกเราเป็นตาเดียว
 

“ทำไมต้องให้ด่า” เพราะยางอายที่หน้ามันเริ่มทำงานขึ้นมาเลยกลายเป็นว่าต้องสบถใส่เสียงเบา ผมกระทุ้งศอกเข้าที่สีข้างไอ้โนบิตะ ก่อนจะเตะตีนไอ้ชานที่ใต้โต๊ะอย่างแรง “ไม่ตอบแล้วนะคำถามนี้ ถ้ายังถามไม่เลิกกูจะกลับบ้าน”
 

“โอเค แดกๆๆๆ โนบิตะ อย่าไปมองหน้าพิกมัน เดี๋ยวโดนก็กัดเข้าให้หรอก”
 

จุดนี้ไอ้ชานยังคงกวนตีนไม่เลิก แต่ใครจะสน! ผมเสหน้าไปทางรางเลื่อนแล้วหยิบแม่งทุกจานที่ผ่านเข้ามาในชีวิต กวาดแม่งลงหม้อให้หมด คิดซะว่าเป็นไอ้เวรนั่นที่ทำให้ชีวิตผมบรรลัยขนาดนี้
 

หึ! ร้อนไหมล่ะ คอยดูนะกูจะลวกมึงให้สุกด้วยน้ำซุปหม้อนี้ เคี้ยวให้ละเอียดแล้วกลืนลงท้องให้หมด


แค้น!
 

“เฮ้ย กุ้งเทมปุระมาเติมแล้ว มึงเอาไหมไอ้เก้า”
 

นั่งกินกันอยู่เงียบๆซักพักไอ้ชานก็ถามขึ้นมาพร้อมกับพยักเพยิดหน้าไปทางพนักงานสาวที่กำลังยกถาดสแตนเลสมาเติมกุ้ง คนข้างตัวผมส่ายหน้ายิก แต่มันกลับดึงจานสีส้มในมือไอ้ชานไปถือไว้เอง
 

“เดี๋ยวผมไปเติมให้ดีกว่าครับ” โนบิตะพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
 

“งั้นเติมน้ำให้กูด้วย”
 

ผมพูดเบา ๆ อ่อนลงแล้วหรอกนะถึงได้ยื่นแก้วชาเขียวรสดั้งเดิมไปให้ ยอมรับก็ได้ว่ารู้สึกผิดนิดนึงที่เมื่อกี้เผลอตวาดใส่มันไปแรง ๆ ทั้งที่มันก็ผมถามด้วยความเป็นห่วงแท้ๆ 
 

ผมมองโนบิตะที่รับคำด้วยท่าทางดีใจจนมันเดินหายลับตาไป กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีหันมาก็เจอสายตาช่างเสือกของไอ้ชานที่จ้องเขม็งมองหน้าผมอย่างกับมีอะไรติดอยู่
 

“กูโดนมึงด่าก็เห็นเป็นเรื่องปกตินะ แต่โนบิตะอ่ะ ไปด่ามันแรงๆอย่างงั้นเดี๋ยวมันก็คิดว่าโดนมึงเกลียดเข้าให้หรอก”
 

“...”
 

“ใจมึงน่ะดี แต่ปากอะดีให้เหมือนใจ--”
 

เพล้ง!!!
 

พูดไม่ทันจบคำก็มีอันต้องหันไปให้ความสนใจกับอย่างอื่น ผมผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วชะโงกหน้ามองไป ณ จุดเกิดเหตุ ภาพผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่งที่กำลังก้มเก็บเศษแก้วอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ฉายชัดเต็มสองลูกตา



“ไม่ต้อง มึงเฝ้าของไป เดี๋ยวกูไปดูมันเอง”
 

ผมหันไปห้ามญาติไอ้ชานที่ทำท่าจะลุกตามขึ้นมา ก่อนจะดันตัวเขยิบออกจากเก้าอี้ไม้ แล้วรีบตรงไปหาไอ้โนบิตะทันที
 

“คุณไม่เป็นไรนะครับ”
 

ผมเห็นมันหันมาถามนักศึกษาสาวม.ดังที่กำลังกุลีกุจอเช็ดคราบน้ำหวานบนเสื้อให้ด้วยท่าทีสบาย ๆ รอยยิ้มกับดวงตาภายใต้กรอบแว่นนั่นแวบนึงดูไม่ใสอย่างที่ผมเคยคิด แต่ในใจมันก็ประท้วงว่า เฮ้ย! นั่นมันไอ้โนบิตะนะ ไอ้แว่นจืดนั่นจะไปมีอารมณ์กับชุดนักศึกษารัดติ้วตรงหน้าได้ไงวะ...
 

“ค่ะ แล้วคุณล่ะ ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
 

ได้ยินเสียงหวาน ๆ เอ่ยถามไอ้เก้าก็เลยเงยหน้าขึ้นไปดู เพราะเด็กซนจากครอบครัวสุขสันต์ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะใกล้ ๆ ทำให้ผมเดินเข้าไปไม่ถึงตัวมันซักที พอก้มลงมองทำหน้าดุ ๆ แทนที่เด็กมันจะกลัว มันก็ดันวิ่งเล่นต่ออย่างไม่สนใจ เออเอาเข้าไป ไม่เข้าไปช่วยแล้วก็ได้ ยังไงพนักงานก็เดินมาโน่นแล้ว
 

“ไม่เป็นไรครับ ให้ผมช่วยเก็บนะครับ”
 

สุภาพบุรุษ ไนซ์สุดอะไรสุด ไอ้แว่นจืดโนบิตะ... ผมเบะปากมองมันด้วยความหมั่นไส้ ปกติเวลาอยู่ต่อหน้ากู ต่อหน้าไอ้ช้างนี่หงอเป็นหมาเหงา แต่พออยู่ต่อหน้าสาวนี่แมนขึ้นมาทันทีเลยนะ
 

เห็นอย่างนั้นแล้วก็เลยตัดสินจะหมุนตัวกลับไปนั่งรอที่โต๊ะสบาย ๆ แต่จังหวะตอนที่กำลังจะหันหน้าหางตาก็เสือกเหลือบไปเห็น....
 

ไอ้เก้าทรุดลงนั่งยอง ๆ ปลดกระดุมแขนเสื้อแล้วถกขึ้นมาถึงข้อศอก มันกำลังเอื้อมมือไปช่วยพนักงานสาวหน้าตาน่ารักเก็บเศษแก้วชิ้นใหญ่อย่างทะมัดทะแมง
 

และประเด็นที่ทำให้ผมยืนตัวชาเหมือนมีไม้หน้าสามมาตีเข้าให้ที่กลางท้ายทอยอย่างนี้ ไม่ใช่เพราะมันสามารถเก็บเศษแก้วได้อย่างเก่งกาจและคล่องแคล่ว...
 

แต่เป็นเพราะท้องแขนเรียวขาวที่มีรอยสักเป็นคำภาษาอังกฤษยาว ๆ ที่ผมอ่านไม่ออกนั่นต่างหาก...
 

Never underestimate
someones ability to find out the truth.




_________________________________________________________________

ขออนุญาตแบ่งพาร์ทนะคะ ตอนสุดท้ายนี่หมื่นกว่าคำ แอบตาลาย 555
เดี๋ยวไว้มาลงต่อให้จบนะ ขอไปแปลง ไปแก้คำผิดก่อน ;_ ; 
ขอบคุณค่ะที่ชอบ ♥


ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 4/5 (19/4/2558)
«ตอบ #16 เมื่อ19-04-2015 23:01:42 »

เอาล่ะสิ!!! โนบิตะโดนจับได้ล้าววว.. ป่านนี้พิกไม่เป็นลมไปแล้วเหรอคะเนี่ย :laugh: 

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 4/5 (19/4/2558)
«ตอบ #17 เมื่อ19-04-2015 23:47:40 »

 :hao7: :hao7: เอาแล้วๆๆๆ พิกจะกินต่ออร่อยมั้ยเนี่ย  :z2:

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 4/5 (19/4/2558)
«ตอบ #18 เมื่อ19-04-2015 23:57:14 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด
มาต่อแล้ววววววว
ดีใจๆๆๆๆๆ
จุดพลุ ฮู่เล่
ชอบมากๆๆๆ รอความจริงเผยออกมา
อารมณ์ร่วมมาเต็มที่
รอๆๆๆๆ ตอนจบค่ะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 4/5 (19/4/2558)
«ตอบ #19 เมื่อ20-04-2015 08:00:15 »

พิกช็อกเลยป่ะเนี่ย หรืออาจประมาณว่าระบบขัดข้องชั่วขณะ 55
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 4/5 (19/4/2558)
« ตอบ #19 เมื่อ: 20-04-2015 08:00:15 »





ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 4/5 (19/4/2558)
«ตอบ #20 เมื่อ20-04-2015 10:00:38 »

5/5

 
“ทำไมมึงหนีกลับไปก่อนวะ”
 
เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าไอ้ชานแม่งเป็นตัวน่ารำคาญ...
 
เพราะงั้นพวกคุณไม่ต้องสงสัยเลยว่าไอ้ประโยคกวนหัวใจนี่ใครเป็นคนถาม เสียงทุ้มของมันที่ลอดออกมาจากลำโพงทำให้ผมพอจะนึกออกว่ามันกำลังทำหน้ายังไง ป่านนี้คงกำลังขมวดคิ้วเป็นโบว์อันใหญ่ แล้วนั่งพิงหัวเตียงจุดบุหรี่สูบอยู่แน่ๆ
 
“กูท้องเสีย”
 
เป็นข้อแก้ตัวที่โคตรสิ้นคิดเลยว่าไหม? แต่ถึงอย่างนั้นไอ้คนปลายสายก็ดันเชื่อซะสนิทใจ...
 
“อ้าวหรอ แล้วเป็นอะไรมากไหม บอกแม่มึงหรือยัง” 
 
น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยจากไอ้ชานทำให้ผมรู้สึกผิดเล็ก ๆ  ไม่รู้สิ คุณเคยโกหกเพื่อนไหม? ถึงจะเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ได้หนักหนาอะไรยังทำให้ไม่สบายใจ แล้วโดนอัดตูดมาอย่างนี้ควรจะบอกมันดีไหม? หรือควรจะเงียบ ๆ แล้วเก็บไว้ชำระแค้นตามลำพังดี
 
กระเด้งตัวลุกจากเตียงแล้วถอนหายใจออกมาหมดปอด สุดท้ายยางอายบนหน้าก็กระซิบบอกว่าควรเงียบเอาไว้จะดีกว่า เพราะถ้าขืนให้ไอ้ซูเนโอะเพื่อนยากรู้ มีหวังได้โดนล้อยันชาติหน้าแน่
 
“กูยังไม่ได้-”
 
“เนี่ยไอ้โนบิตะก็ถามถึงมึง มันเป็นห่วงมึงนะเว้ย อยู่ๆก็หายไปไม่โทรบอกพวกกูเลย...ว่าแต่เมื่อกี้มึงจะพูดอะไรนะ” คงจะรอฟังผมนานไปหน่อยถึงได้พูดสวนกันขึ้นมาอย่างนี้ ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินชื่อโนบิตะดังมาตามสาย
 
โอ้โห...พูดถึงไอ้โนบิตะแล้วเลือดหน้าขึ้นเลย นี่มันยังมีหน้ามาถามถึงผมอีกหรอ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ยิ่งนึกก็ยิ่งอาย ภาพตอนมันถามอย่างหน้าซื่อตาใสว่าทำไมโดนต่อยแล้วไม่มีแผลที่หน้านี่มาเลยครับ...
 
ได้ข่าวว่าเป็นมึงไม่ใช่หรอที่ซ้อมกูจนเดินกระเผลกเซเป็นแม่ปูอย่างนี้...
ไอ้เวรตะไล ไอ้ตอแหลได้โล่ห์!
 
“...”
 
“พิก” เสียงปลายสายเรียกขึ้นเมื่อผมเงียบไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีตีนก็เหยียบอยู่บนสมุดรายงานที่ไอ้โนบิตะทำให้เมื่ออาทิตย์ก่อนแล้ว
 
“อะไร”
 
“มึงเงียบทำไม ปวดท้องหรอ”
 
“ช่างกูเหอะ” ผมขยี้ตีนลงบนปกรายงานที่มีชื่อ ‘ศตวรรษ’ เด่นหราอยู่ใต้ชื่อตัวเองอย่างหนักหน่วง ก่อนจะเตะมันให้กระเด็นหายไปอยู่ใต้โต๊ะเขียนหนังสือแล้วล้มลงนอนเอาหมอนอัดหน้าตัวเองพร้อมพูดอู้อี้ตอบไอ้ชาน “ต่อไปนี้อย่าพูดชื่อแม่งให้กูได้ยินอีกนะ กูเกลียดมัน”
 
“อ้าว?”
 
น้ำเสียงของไอ้ชานฟังดูฉงนสงสัย แต่ก็นั่นแหละ กูไม่มีอารมณ์จะตอบอะไรแล้วโว้ย และเมื่อมันครางในลำคอทำท่าเหมือนจะถามถึงเหตุผล ผมเลยตัดบทสนทนาอันน่าปวดหัวนี้ด้วยการบอกว่าปวดขี้ จะไปเข้าห้องน้ำ มีอะไรไว้คุยกันในคลาสเรียนวันพรุ่งนี้แทน 
 
ไอ้ชานวางสายไปพักใหญ่แล้วหลังจากผมแสร้งทำเสียงเหมือนคนปวดหนักแบบสุดๆ นึกโทษไอ้โนบิตะหน้าแว่นนั่นขึ้นมาในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะมันผมก็คงไม่ต้องโกหกเพื่อนด้วยเรื่องเหี้ยๆนี่อีกเป็นครั้งที่สอง
 
ครั้งที่สอง...
 
“โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
 
ดีดดิ้นบนเตียงสุดแรงจนหอบเหนื่อยแล้วก็ยังไม่สามารถคลายความรู้สึกแย่ที่เกาะกินจิตใจนี้ได้ ทำไมวะ ทำไม ทำไมถึงไม่รู้ตั้งแต่ก่อนกินชาบูว่าเป็นแม่งที่อัดตูดตัวเองจนเดินเป๋มาถึงสองครั้งสองครา ทำไมถึงไม่ตั้งสติแล้วเดินไปกระชากหัวมันมาจับกดกับน้ำซุปในหม้อชาบูที่กำลังเดือดพล่าน
 
ทำไม!
 
ตอนนี้ผมแม่ง เกลียดเกลียดทุกอย่างบนโลกใบนี้เลย ให้ตายเหอะ...

 
เกลียดตัวเองนึกไม่ออกว่าควรทำอะไรในตอนนั้น เกลียดตัวเองที่ช็อคซีนีม่าจนต้องวิ่งหนีออกมาเหมือนนางเอกในละครช่องสาม เกลียดมันที่ไม่เคยถกแขนเสื้อออกมาแล้วยอมรับแมนๆเลยว่าเป็นคนเปิดซิงตูดผมในคืนนั้น...
 
เกลียด
ผมเกลียดมัน...
 
คอยดูพรุ่งนี้เถอะ...มึงเจอกูแน่
ต่อให้มีโดเรม่อนอีกสิบตัวก็ช่วยอะไรมึงไม่ได้แล้ว
 
 
ไอ้โนบิตะ...แว่นหนาชาติหมาหน้าปลาจวดยังต้องสวดศพให้มึง
 
มึงจะต้องตาย.. (กระซิบ)
ตายแน่ ๆ (เสียงเริ่มดัง)
ตายคามือกูนี่แหละ...สาบาน! (ตะโกนในใจให้ลั่น)
 
‘กร๊อบ!’ (หักนิ้วรอ)
 
 
 
 
 
“ได้ข่าวว่าไปโดนซ้อมมาหรอวะเชี่ยพิก”
 
ยังไม่ทันจะได้ย่างเท้าเข้าห้องแล็คเชอร์ดีๆ  เสียงกวนตีนของไอ้ช้างก็ดังเข้าหูมาแต่ไกล มันเต๊ะท่าเดินดูดจูปาจุ๊บเข้ามาใกล้ ก่อนจะก้มลงสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดชายกางเกง
 
“เสือก”
 
“อ้าวๆ พูดงี้เดี๋ยวก็สวย ถามดีๆก็ตอบดีๆสิวะ” มันพูดพลางควงจูปาจุ๊บในปากเล่น  “นี่เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะเว้ย”
 
“ใครเพื่อนมึง” ผมกอดอกแล้วยืนพักขา มองมันที่จ้องมาอย่างหาเรื่อง
 
“ก็มึงไง” มันหัวเราะเสียงแหลมเมื่อเห็นผมขมวดคิ้วยุ่ง “เพราะงั้น...ในฐานะที่กูเป็นเพื่อนมึงแล้วจะบอกอะไรให้อย่างนะครับพิก ลดความปากหมาลงบ้างเหอะ จริงๆนะ กูเป็นห่วงกลัวมึงจะตายแล้วไม่มีใครมาต่อล้อต่อเถียงด้วย”
 
“ไอ้สัตว์ช้าง”
 
“แหน่ะ โมโหอีกแล้ว ไม่รู้หรือไงว่าโมโหบ่อยๆแล้วหน้าจะเหี่ยวไว”
 
“ไปไกลๆตีนกูเลย ไอ้ห่า อย่าให้กูต้องฆ่าใครตอนนี้!”
 
พูดเสร็จก็ถกแขนเสื้อแล้วเตรียมง้างมือรอเลยครับ เห็นท่าทีเอาจริงของผมอย่างนี้ ไอ้ช้างเลยยอมเลิกราวีแต่โดยง่าย มันโบกมือบ๊ายบายแล้วเดินดูดจูปาจุ๊บไปนั่งที่โต๊ะประจำของตัวเอง ทิ้งให้ผมยืนผ่อนลมหายใจออกดั่งดอกไม้บานอยู่ที่ประตูตามลำพัง
 
“อ้าวพิก...กูนึกว่าวันนี้มึงจะไม่มาเรียนแล้วซะอีก”
 
คนต่อมาที่ต้องรับมือคือไอ้ชานครับ มันเดินดูดจูปาจุ๊บดังจ๊วบเข้ามาหาก่อนมือหนาๆจะตบลงที่ไหล่ผมเบาๆ
 
“กูก็แค่ท้องเสียปะวะ” ผมพยักเพยิดหน้าไปทางอมยิ้มยอดฮิตในปากเพื่อนสนิท “แล้วจูปาจุ๊บนั่นอะไร เดี๋ยวนี้หัดเป็นคนหวาน ๆ ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
 
“นี่หรอ” ไอ้ชานเลิกคิ้วแล้วดึงอมยิ้มออกจากปาก “เขาแจกฟรีหน้ามอไง สงสัยมึงมาเช้าเกินมั้งเลยไม่ได้”
 
ผมพยักหน้าใส่ไอ้ชานที่ควักจูปาจุ๊บอีกหลายอันในกระเป๋ามาอวด ตอนแรกก็กะว่าจะคุยต่อด้วยหรอกนะ แต่พอหันไปเห็นไอ้แว่นโนบิตะที่เดินถือจูปาจุ๊บสองอันตามมาข้างหลังก็หมดอารมณ์จะคุยทันที
 
“พิกครับ นี่จูปาจุ๊บครับ ผมเอามาเผื่อ”
 
ผมมองอีลูกอมแจกฟรีในมือของไอ้เก้านิ่ง ชั่งใจอยู่พักนึงเพราะไม่อยากรับของมาจากมือมันเท่าไหร่ แต่เพราะวิชาที่กำลังจะเรียนนี่แม่งเป็นคาบบรรยายที่น่าเบื่อมาก ๆ เลยตัดสินใจจกเอาตรงก้านที่เป็นรสครีมสตอเบอร์รี่มาอันนึงอย่างระมัดระวัง...
 
หึ...เสนียดจัญไร ไม่อยากโดนมือด้วยหรอก
เกลียด
 
“แล้วจะยืนตรงนี้กันอีกนานไหม? ถ้าใช่ก็แหวกทางให้กูหน่อย จะไปนั่ง”   
 
ผมเดินไปยืนบังทางเข้าไม่ให้ไอ้ชานได้ทำตามใจ ก่อนจะแกะอมยิ้มรสครีมสตอเบอร์รี่ออกมากัดอย่างแรง(แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่แตกเพราะมันแข็งมาก) แล้วตวัดสายตามองโนบิตะที่ยืนอึ้งอยู่ด้านหลังไอ้ชานเพื่อประกาศศึก
 
 
วันนี้ทั้งวันมึงจะต้องอึดอัดเพราะสายตาพิฆาตของกู
รอให้ถึงเวลาเลิกเรียนก่อนเหอะ
 
แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง!





เออ...
นรกมีอยู่จริง ๆ ด้วยแหละ
 
หลังจากที่ประกาศไปกับตัวเองอย่างนั้นก็หลับเป็นตาย... ย้ำ หลับเป็นตาย! ทั้งที่หมายมั่นตั้งใจไว้แล้วว่าทั้งคาบจะจ้องไอ้โนบิตะจอมโกหกให้พรุนกันไปข้าง แต่ก็เสือกสิ้นฤทธิ์เพราะดันไปนั่งตรงกับมุมที่แอร์ลงพอดิบพอดี 
 
คือ...กูก็ไม่ได้ตั้งใจจะหลับไหม? แต่นั่งตรงนี้แล้วแอร์มันเป่าหัวเย็นสบายไง กะจะงีบแค่แป๊บ ๆ แต่ตื่นมาอีกทีกลายเป็นว่าหมดคาบไปแล้วซะงั้น เพราะไอ้ชานคนเดียวเลย ดันเสือกไปเลือกที่นั่งริมสุด แล้วทำไมน่ะเหรอ? คนถัดมาก็เลยเป็นไอ้โนบิตะไง แล้วจะให้ผมไปนั่งข้างมันหรอ? เดี๋ยวเกิดเผลอเอาแขนไปโดนแขนมันแล้วไฟช็อตตายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ?
 
สรุปก็เลยต้องย้ายตัวเองมานั่งอีกฝั่ง บอกได้เลยว่านี่ไม่ใช่ความของผิดผมแน่ ๆ ทั้งหมดทั้งมวลผมจะขอโบ้ยให้ไอ้หน้าจืดนั่นรับผิดแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น เป็นเพราะมันนั่นแหละ...เพราะมันคนเดียวที่ทำให้เมื่อคืนนี้ผมนอนหลับไม่สนิท พอเคลิ้มๆจะหลับลึกลงไปทีไร สัมผัสกับเสียงเรียก ‘พิกครับ’ มันก็ดังขึ้นมารบกวนอยู่ทุกรอบ...
 
เอาเป็นว่าเมื่อคืนผมแทบไม่ได้นอนเลย..ไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ลงจริง ๆ เพราะไม่อยากจะฝันถึงเหตุการณ์ชวนเสียวซ่านอย่างนั้นขึ้นมาอีก ตอนตีสี่ก็เลยลุกไปล้างหน้าแปรงฟันจัดการตัวเองแล้วหยิบหัวขโมยแห่งบารามอสมาอ่านอีกรอบเพื่อฆ่าเวลา
 
“พิก....”
 
“พิก”
 
“พิกโว้ย!!!!”
 
เสียงเรียกจนเกือบจะตะคอกของไอ้ชานทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว ตื่นจากภวังค์ได้มองซ้ายมองขวาหาเป้าหมายทันที เพราะตอนนี้ทั้งห้องแล็คเชอร์ว่างเปล่าหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงแค่ผมกับไอ้ชานสองคนที่นั่งอยู่กลางห้องเท่านั้น
 
“เฮ้ยชาน โนบิตะล่ะ”
 
“กลับไปแล้ว” มันเลิกคิ้ว “ก็กลับเร็วเป็นปกติของมันนั่นล่ะ”
 
“กลับไปนานหรือยัง”
 
ผมถามอย่างร้อนใจ ผุดลุกขึ้นมาก็ไม่ได้ดูว่าบานพับมันยังคาอยู่เอวเลยไปกระแทกเข้าอย่างแรง ความรู้สึกตอนนี้สุดยอดมาก ๆ เจ็บจนร้องไม่ออกกันเลยทีเดียว
 
“เฮ้ยเจ็บไหมวะ” ไอ้ชานก้มมาแตะมือลงบนเอวผมเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถาม “ทำไมวะมีอะไรกับมันหรือเปล่า”
 
“ไม่มี!”
 
ก็อยากจะคุยด้วยหรอกนะ แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว ตอบมันเสร็จผมก็รีบหันไปคว้ากระเป๋าเป้ที่วางอยู่ข้างๆมาสะพายอย่างรีบร้อน
 
“เฮ้ย แล้วมึงจะไปไหนเนี่ย!”
 
มันตะโกนเรียกเสียงดังทันทีที่ผมพุ่งตัวออกจากแถวที่นั่ง หน้าตาไอ้ชานตอนนี้เหรอหรามาก อยากจะอธิบายให้ฟังนะ แต่ก็ใส่เกียร์หมาวิ่งกระเผลกออกมาแล้ว และก็นับว่าเป็นโชคดีของผมมาก ๆ ที่ไอ้โนบิตะยังเดินไปได้ไม่ไกลนัก
 
 

“โนบิตะ! หยุด!”
 
ผมตะโกนเรียกเสียงดังจนคอหอยแทบระเบิด และนั่นได้ผลมากๆกับคนอื่น...ใช่ คนอื่นแม่งหันมามองผมแทบจะทั้งตึก เว้นก็แต่ไอ้คนโดนเรียกที่ยังเดินล้วงกระเป๋าสบายใจเฉิบ เห็นอย่างนั้นก็ยิ่งบันดาลโทสะหนักกว่าเก่า เรียกไม่ได้ยินอย่างนี้แม่งต้องใส่หูฟังเปิดเพลงดังกระหึ่มอยู่แน่ ๆ
 
“พิก!”
 
แล้วก็เป็นอย่างที่คาด ทันทีที่วิ่งเข้าไปประชิดตัวมันได้ผมก็กระชากสายรุงรังออกจากหูมันทันที
 
“พิกมีอะไรหรือเปล่าครับ”
 
เห็นมันทำหน้าซื่อตาใสถามเสียงอ่อนแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด เร็วเท่าความคิดก็เลยเอื้อมมือไปกระชากแขนมันแล้วออกแรงดึงให้เดินตามมาติด ๆ  ตอนนี้ไอ้เก้าหน้าตามันดูตกใจมากทั้งยังอุทานชื่อผมไม่หยุดอีก
 
“พิก พิกครับ พิก!”
 
“หุบปาก!”
 
ผมหันไปตวาดมันก่อนจะสอดส่ายสายตามองหามุมสงบ ฉุดกระชากลากถูกันอย่างนั้นอยู่พักใหญ่จนไอ้เก้าเลิกขืนมือเลิกต่อต้าน เดินวนกันอยู่พักนึงในที่สุดพระเจ้าก็เข้าข้าง ประทานห้องที่แลดูเป็นส่วนตัวมาให้ตรงหน้า
 
“เข้าไป”
 
ผมออกแรงเหวี่ยงแขนมันให้เซนำเข้าไปในห้องล็อกเกอร์แคบๆ ก่อนจะแทรกตัวตามเข้าไปแล้วปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา อาจจะเพราะชั้นนี้เป็นชั้นของห้องสมุดภาษาจีนจึงทำให้ผู้คนไม่พลุกพล่านนัก ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผมจะสามารถอัดมันได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีใครแส่มือเข้ามาช่วย
 
 “พ...พิก?”
 
ไอ้โนบิตะครางชื่อผมเสียงสั่น กระเป๋าเป้ที่เคยอยู่บนไหล่ตอนนี้ไม่มีความสำคัญอีกต่อไปแล้ว ผมโยนมันทิ้งไว้บนพื้นด้านล่าง ก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปประชิดตัวจนอีกฝ่ายต้องถอยกรูดติดกำแพง
 
“มีอะไรจะบอกกูไหม?”
 
ผมว่าผมใจดีมากเลยนะที่เปิดโอกาสให้มันได้สารภาพก่อน แต่ถึงอย่างนั้นโนบิตะก็ยังขมวดคิ้ว และวินาทีต่อมาก็ส่ายหน้างง ๆ เป็นคำตอบ
 
“แน่ใจหรอ?...งั้นกูถามมึงอีกทีแล้วกัน”
 
“...”
 
“มีอะไรอยากจะบอกกูไหมโนบิตะ?”
 
“...”
 
“ได้...จะเอาใช่ไหม”
 
“ด...เดี๋ยวครับ...นี่มันอะไรกัน” ไอ้เก้าถามเสียงตะกุกตะกัก มันดูลนลานยิ่งกว่าเดิมเมื่อผมยกมือขึ้นไปที่ระดับหน้าแล้วจรดปลายนิ้วลงบนกรอบแว่นของมัน
 
“กูถามอีกที...ว่ามีอะไรอยากจะบอกกูไหม” ผมเค้นเสียง ชักจะโมโหแล้วนะ ให้โอกาสขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมสารภาพผิดอีกหรอ
 
“พ...พิกครับ.พิกอย่า”
 
เมื่อเห็นว่ายังปิดปากเงียบผมเลยต้องกระตุ้นให้มันเปลี่ยนความคิด โนบิตะพร่ำขอร้องเมื่อผมออกแรงดึงแว่นของมันหมายจะทำให้หลุดออกจากหน้า แต่แรงมันดันเยอะพอกันนี่สิ พอผมดึงมันก็รั้ง ยื้อยุดกันอยู่อย่างนั้นทั้ง ๆ ที่ในห้องนี้ก็โคตรแคบ ธรรมดาผู้ชายสองคนยืนเฉยๆก็ยังต้องเบียดกันแล้วนับประสาอะไรกับตอนนี้ล่ะ แทบจะขี่คอกันให้ได้เพราะโนบิตะแม่งทำอารยะขัดขืนใส่ผมแบบสุด ๆ
 
“ไอ้เหี้ย!” ผมตะคอกเสียงดัง “มึงถอดแว่นของมึงออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่าให้กูต้องต่อยมึงทั้งแว่นตา!”
 
“ไม่...ไม่ครับ” โนบิตะเบี่ยงหน้าขืนมือผม
 
“เฮ้ย!” ตะโกนขู่มันอีกทีแล้วจับหน้าให้หันมามองกันตรงๆ ครู่ใหญ่ที่ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น สายตาของไอ้เก้าดูอ้อนวอนขอร้อง แต่ผมไม่สน ยิ่งมันทำตาอย่างนั้นผมก็ยิ่งเดือด เลยเลื่อนสายตาไปที่อื่นแทน
 
ใช่ กระดุมข้อแขนด้านขวาของมันนั่นแหละ
 
“พิก! อย่า! อย่านะครับ”
 
เหมือนหูผมดับไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่ได้ใส่ใจแล้วว่าตอนนี้มันกำลังพูดอะไรอยู่ข้างหู รู้อย่างเดียวคือต้องปลดกระดุมเม็ดนั้นออกมาให้ได้ มันขืนตัว แต่ผมก็ไม่ละความพยายามเหมือนกันและสุดท้ายเมื่อปลดกระดุมเม็ดนั้นได้สำเร็จ รอยสักสวาทที่ผมตามหามาตลอดก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
 
“ก็บอกแล้วไง...ว่าอย่า”
 
โดยไม่รอให้ผมได้ตั้งหลัก เร็วเท่าความคิดร่างทั้งร่างก็ถูกผลักออกโดยแรงที่เหนือกว่า แล้วให้ทายว่าเสียงปัง! ที่ดังก้องไปทั่วทั้งห้องนั่นคือเสียงอะไร? ใช่..มันคือเสียงหลังผมกระแทกอัดกับประตูล็อกเกอร์นั่นเอง
 
“ผมเตือนพิกแล้วแท้ ๆ” มันก้าวเข้ามาหา
 
“มึง...ม...มึงเป็นใครเนี่ย!”
 
รู้ตัวนะว่าถามคำถามปัญญาอ่อนออกมา แต่ ณ จุดนี้ใครไม่มาเป็นผมไม่เข้าใจหรอก ก็นาทีที่ไอ้โนบิตะกระชากแว่นตาออกจากหน้าตัวเองแล้วเหวี่ยงทิ้งก่อนจะกระแทกตีนเหยียบติดพื้นจนดังกรอบ! น่ะ บอกได้เลยว่าโคตรน่ากลัว...
 
ทั้งๆที่ตอนแรกตั้งใจจะลากมันมาต่อยแท้ ๆ แต่ตอนนี้ดูเหมือนผมจะกำลังเสียเปรียบนะ...
 
“นั่น...มึง....มึงจะทำอะไรกู”
 
ผมถามคำถามโง่ ๆ ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมันใช้สองมือนั่นกั้นทางออกเอาไว้เสียหมด โนบิตะไม่ตอบอะไรออกซักคำ มันใช้ดวงตาเรียวรีคู่นั้นมองมาที่ผมอย่างตำหนิ แต่นั่นก็มากพอแล้วที่จะทำให้ขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัวอย่างไม่ได้นัดหมาย... ได้โปรดอย่ามองกันอย่างนี้ จะต่อยก็ต่อยเลยเถอะ กูชักจะใจไม่ดีขึ้นมาซะแล้ว...
 
“จ...จะด่าอะไรก็ด่าสิวะ! แต่อย่ามามองหน้ากูแบบนี้!”
 
ผมสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วจ้องมันกลับยิบตา เอาสิ กูก็สู้คนนะ มึงมองมากูก็มองกลับ จะเล่นเกมส์จ้องตากับกูก็ได้ แต่อย่ายื่นหน้าเข้ามาใกล้จนแทบจะจูบกันแบบนี้...
 
กูขนลุก!
 
“ปากดีจังเลยครับ”
 
“...”
 
“ปากอย่างนี้มันน่าทำให้แตกนะว่าไหม”
 
มันพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ใจผมนี่เต้นตึกตักเลย สาบานเหอะว่าตั้งแต่แต่งตั้งให้มันเป็นเหยื่อมาไม่เคยนึกเคยฝันเลยว่าวันนึงตัวเองจะต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้  ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นเมื่อมันยื่นมือมาบีบลงบนสันกรามผมเบา ๆ สายตามันวาววับเหมือนเมื่อวานตอนมองนักศึกษาคนนั้นไม่มีผิด
 
ห่าเอ้ย!!! แล้วทำไมต้องรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตด้วยวะเนี่ย!
 
“เงียบอีกแล้ว” มันจุดยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากแล้วมองไล่ไปทั้งตัวผม “ป๊อดเหมือนคืนนั้นเลย”
 
“เหี้ย”
 
ผมด่ามันด้วยอารมณ์คุกรุ่น แต่ดูมันจะไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่เลยมั้ง เพราะแทนที่จะตอบอะไรออกมา มันกลับก้มหน้าเข้ามาใกล้แล้วใช้ปลายจมูกโด่งนั่นเขี่ยบนสันจมูกผมเล่น ให้ตายเถอะ แล้วสายตานั่นคืออะไร ทำไมต้องจ้องกูเหมือนจะกลืนเข้าไปด้วย!
 
“ครั้งที่แล้วก็สอนไว้ทำไมถึงไม่ยอมเก็บมาใช้บ้างเลยล่ะครับ?”
 
“สอนเหี้ยอะไรของมึง”
 
“ก็ที่บอกว่าให้พูดเพราะๆไง...สงสัยจะจำได้แต่อย่างอื่นนะครับเนี่ย” มันหัวเราะ ตลกมากนักหรอไอ้เหี้ย
 
“เสือก” ผมด่าออกไปเบา ๆ แล้วเสหน้าไปทางอื่นแทน
 
ตอนนี้เหตุการณ์ชักจะตัลปัตรไปหมด จากที่ผมเคยเป็นฝ่ายรุก ตอนนี้กลับโดนมันต้อนไล่ ทั้ง ๆ ที่คิดว่าจะต่อยมันให้หน้ายับ แต่ตอนนี้แค่หน้ามันยังไม่อยากจะมอง ผมกดหน้าตัวเองลงต่ำ สายตาแม่งพิฆาตมาก ถ้าเผลอจ้องตอบมันบ่อย ๆ มีหวังผมคงต้องติดอ่างอีกแน่!
 
เพราะงั้นกูจะไม่มองตามึง ไม่มอง...มองแค่ปากกับจมูกก็พอ
 
 “พิกครับ”
 
เรียกเสียงแผ่วไม่พอยังลดมือข้างนึงลงมาโอบไว้ที่เอวของผมอีก สาบานได้ว่าผมพยายามขัดขืนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นแรงของมันก็มากพอที่จะบังคับรั้งเอวผมให้เข้าไปประชิดตัวมันได้
 
“มองตากันหน่อย”
 
ผมได้กลิ่นน้ำหอมของมันตอนที่ริมฝีปากบางนั่นเลื่อนมากระซิบข้างหู... ชัดเจนและแจ่มแจ้ง นึกเกลียดตัวเองขึ้นมาทันทีเลยที่ไม่เคยสังเกตในข้อนี้ ทั้งๆที่มันก็ใส่น้ำหอมกลิ่นนี้มาทุกวัน แต่ทำไมตอนเป็นโนบิตะถึงได้รู้สึกต่างออกไป...
 
ทำไมถึงไม่เคยรู้สึกเลย ว่ากลิ่นนี้มันโคตรอันตราย
ให้ตายเหอะ ตอนนี้หัวใจผมต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอกอยู่แล้ว...
 
“ปล่อยกู”
 
สุดท้ายแล้วก็ทำใจกล้าหันมาสบตากับมัน บอกตรงๆว่าตอนนี้หมดอารมณ์จะต่อยตีด้วยละ อะไรก็ไม่รู้ประดังประเดเข้ามานอนเต็มหัวไปหมด ทั้งโกรธ ทั้งโมโห หงุดหงิด เสียใจ ทุกอย่างแม่งตู้ม! ระเบิดแรงจนสมองแจ้งเตือนว่ารับแทบไม่ไหว
 
ยื่นเจตนารมณ์จบก็พยายามขืนตัวออกจากการเกาะกุมของมัน แต่ยิ่งทำอย่างนั้นมันก็ยิ่งขยับตัวเข้ามาใกล้ ผมหดคอพยายามจะอยู่ให้ห่างริมฝีปากนั้น แต่เพราะส่วนสูงที่เตี้ยกว่ามันจึงทำให้ดูเหมือนว่าตอนนี้ปากรูปกระจับนั่นกำลังคลอเคลียอยู่บนหน้าผม
 
“ไม่ปล่อย” มันกระซิบเบาๆ
 
“บอกให้ปล่อย”
 
“ไม่ปล่อย”
 
“เอ๊ะไอ้เหี้ยนี่” ผมถลึงตามองมัน “กูปล่อยมึงแล้ว ไม่อยากรู้แล้ว มึงยังจะเอาอะไรจากกูอีก”
 
เทเลยครับ ยอมรับว่าผิดหวังมาก ๆ ยิ่งมาโดนมันทำเจ้าชู้ไก่แจ้ใส่แบบนี้ยิ่งหมดอารมณ์...
คิดว่ากูเป็นของเล่นของมึงหรือไง! ไม่อยากรู้ไม่อยากเข้าใจเหี้ยอะไรแล้วก็ได้โว้ย!
 
โนบิตะชะงักไป มันไม่พูดอะไรออกมาซักคำแต่กลับเลื่อนมือมาคว้าหมับเข้าให้ที่ข้อมือ ผมหลุบตามองต่ำหยั่งเชิงว่ามันจะทำอะไรต่อ แต่แล้วโนบิตะก็ทำให้ผมต้องอึ้งอีกเป็นครั้งที่สามของวัน…
 
“ก็ไม่อยากให้ปล่อย” มันกระซิบเบาๆแล้วออกแรงกระชากแขนผมก่อนจะดึงเข้าไปหาใกล้ๆ ริมฝีปากสีชมพูของมันตอนนี้อยู่ห่างออกไปไม่ถึงคืบ “อยากถามอะไรก็ถามมาสิครับ จะตอบให้ฟัง...”
 
ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ตอนที่มันแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง...
ไอ้ชิบหายยยย อย่าคิดเชียวนะพิก... บอกว่าอย่าคิดว่ามันเซ็กซี่ไง!
 
“...”
 
”แต่อย่าใช้อารมณ์ อย่าด่ากันแบบนั้นอีก...ถามกันดี ๆ พูดกันดีๆนะ...ได้ไหมครับ?”
 
เดี๋ยวนะ หรือเพราะว่ากูดูละครหลังข่าวกับแม่มากไป...
ทำไมกับอีแค่ถอดแว่นทิ้งไปถึงได้ดูออร่าจับขึ้นมาขนาดนี้
 
แล้วไอ้ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะละลายกลายเป็นน้ำนี่คืออะไร พอได้ยินเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขอร้องแล้วทำไมกูถึงต้องพยักหน้าตามมันด้วย! ผมนิ่งอยู่อย่างนั้นมองสำรวจเครื่องหน้าสมบูรณ์แบบของมันอยู่พักใหญ่ จนรู้ตัวอีกทีมือทั้งสองข้างก็ถูกมันกุมเอาไว้หมดแล้ว
 
“ไม่!!...มึงหลอกกู”
 
ผมสะบัดแขนแล้วผลักมันออกอย่างแรง ไม่หนำใจยังยกขาขึ้นเตรียมจะถีบด้วย แต่ดูเหมือนโนบิตะจะไวกว่า มันยกเข่าขึ้นกระแทกสวนเข้ามาที่หน้าขาผมทันที
 
มันใช้มือที่เพิ่งจะเสยผมลวก ๆ ยกขาผมขึ้นแล้วล็อกไว้กับสีข้างของมัน ก่อนจะพูดออกมาเสียงเรียบ “ผมไม่ได้หลอกคุณ”
 
“ไม่ได้หลอกกูแล้วมาทำเป็นใส่แว่น ทำตัวจืดชืดให้กูคิดว่ามึงอ่อนแอทำไม!”
 
ผมตะโกนออกไปสุดเสียง เชิดหน้าขึ้นจ้องตากับโนบิตะเขม็ง
 
“คุณคิดไปเองทั้งนั้น” มันทำเพียงแค่ยักไหล่ไม่ยี่ระแล้วโน้มตัวมาหาจนแทบไม่มีช่องว่างระหว่างเรา “ผมใส่แว่นก็เพราะว่าสายตาสั้น ที่ทำตัวจืดก็เพราะว่าตั้งใจมาเรียนหนังสือ ตอนกลางคืนก็แทบจะไม่ได้นอนอยู่แล้ว ตอนเช้าทำไมต้องรีบลุกขึ้นมาเพื่อแต่งตัวเซ็ทผมดีๆให้เหนื่อยกว่าเดิมด้วยล่ะครับ?”
 
“ไม่ใช่เรื่องนี้!” ผมเถียงขาดใจ “ก่อนหน้านี้มึงจะเป็นเหี้ยอะไรมากูไม่สน แต่มึงเอากูแล้วยังทำเป็นไม่รู้เรื่องทำเป็นตัวโนบิตะแบบที่ทำมาตลอดได้ยังไง มึงทำกับกูอย่างงี้ได้ยังไง!”
 
ข้อนี้แม่งจี้ใจสุด ยอมรับเลยว่าช็อคมากๆตอนที่รู้ว่ามันเป็นคนเดียวกับไอ้เวรนั่น ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นผมคิดมาตลอดว่ามันใส แต่ไม่ใช่เลย.. ประเด็นคือ แม้แต่ตัวกูเองก็ยังคิดหาข้อแก้ตัวให้มึงตั้งมากมายจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องพบว่าตัวเองแม่งควายชิบหาย...
 
มันคงสะใจสินะที่หลอกผมได้...
สนุกมากไหม? สาแก่ใจมึงหรือยัง?
 
 “นั่นมันเหตุสุดวิสัย...ผมเห็นคุณมานานแล้ว คุณชอบมานั่งเฝ้าโซจินที่ร้านของผมเป็นประจำ แต่คืนนั้นคุณเมามาก ทะเลาะกับเธอแล้วอาละวาดจนไปทั่วเผลอไปโดนนักเลงแก๊งใหญ่ในแถบนั้น...ลองนึกภาพดูสิ ถ้าผมไม่ช่วยเพราะว่าเห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมห้องของเรา...ป่านนี้คุณอาจไม่ได้มีขาไว้เตะผมอย่างเมื่อกี้นี้ก็ได้”
 
“...”
 
“แต่พอผมช่วยคุณออกมาได้ คุณก็เมามากจนนึกทางกลับบ้านไม่ออก คืนนั้นผมเลยต้องให้คุณไปนอนที่คอนโดของผม แต่ก่อนจะถึงห้อง คุณน่ะอ้วกเรี่ยราดไปทั่วเลย... เบาะรถผมแพงมากนะ รู้ไหมว่าอาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์ผมต้องอดทนกับกลิ่นของมันด้วยความรู้สึกยังไง”
 
“...”
 
“ไม่หนำใจ พอเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จจะพาไปนอนที่เตียงดีๆคุณก็ขึ้นมาคร่อมบนตัวผม รู้ไหมว่าคืนนั้นคุณเอาแต่พูดว่าอะไร?...ไม่ไหวแล้ว...มาทำอย่างว่ากันเถอะนะ เธอน่ารักจัง เรามามีเซ็กส์กันเถอะ ฉันจะรับผิดชอบเธอเอง...แล้วจะผมให้ทำยังไงในเมื่อคุณเกิดอารมณ์ขนาด---”
 
“พอ!!  พอโว้ย !!!”
 
โอ้ย! ไอ้ชิบหายยย ยังมาทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียนกูอีกนั่น! ผมยกมือสองทั้งข้างขึ้นแนบหูตัวเองทันที ทนฟังไม่ได้แล้วโว้ยยย  ไม่เคยนึกเลยว่าวีรกรรมที่เคยก่อไว้มันจะยิ่งใหญ่อะไรได้ขนาดนี้
 
“แล้วคืนสอง...ที่ผมทำกับคุณอย่างนั้น คุณไม่อยากรู้แล้วหรอว่าทำไม”
 
“ไอ้สัตว์ หุบปากไปเลย! อย่าให้กูต้องซัดมึงหน้าแหก...”
 
“ก็เพราะอย่างนี้ไงครับ” และระหว่างที่ผมกำลังเสียสติเพราะความบ้าของตัวเองในคืนนั้น ไอ้เก้าก็ยื่นปากเข้ามาใกล้แล้วพูดกระซิบที่บริเวณมุมปากของผม “เพราะว่าปากดีอย่างนี้ไง”
 
 “...”
 
“บอกให้พูดดี ๆ แต่ก็ไม่เห็นพูด...เอาแต่หยาบใส่คนอื่นอยู่ท่าเดียว สงสัยจะไม่ชอบให้พูดดี ๆ ด้วยเหมือนกันสินะครับ”
 
“...”
 
“ตอนแรกผมก็ว่าจะไม่ทำอะไรคุณแล้วนะพิก...แต่คุณแม่ง”
 
“....”
 
“ตอนโกรธตอนโมโหนี่น่าเอาชิบหาย...ถ้าไม่ชอบแบบสุภาพ ต่อไปนี้กูก็จะพูดหยาบๆกับมึงเหมือนกัน ดีไหมครับพิก?”
 
ผมมองสบตามัน สายตาของมันกำลังทำให้ลมหายใจของผมติดขัด เพราะแม่งแสดงออกอย่างชัดเจนเลยว่าที่พูดน่ะ เอาจริงแน่ ๆ
 
“ไอ้เหี้ย!! ปล่อย!!! ปล่อยกู!”
 
ตั้งสติได้ก็รีบขัดขืนสิครับพี่น้อง จะอยู่ให้มันทำตัวพิศาลใส่ทำไม! ผมทั้งผลักทั้งทุบทั้งต่อยมันสุดแรง แต่ถึงอย่างนั้นโนบิตะก็ไม่มีท่าทีว่าจะสะเทือนซักเล็กน้อยเลย มันยืนนิ่งแข็งเป็นหุ่นยนต์ให้ผมอัดอยู่นานสองนานจนผมเริ่มหอบเริ่มหมดแรงมันจึงเริ่มขยับมือที่ล็อคขาผมเอาไว้บ้าง
 
“ไม่ปล่อย” มันกระซิบ นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นแวววับเหมือนได้ของเล่นถูกใจ “เพราะวันนี้กูจะเอามึงแรงๆ แรงให้หายปากดี...แรงให้คลานกลับบ้านไม่ไหวเลย” 



สาบานได้ว่ามันเป็นคนพูดจริงทำจริง เพราะเมื่อสิ้นเสียงแหบพร่านั่น หน้าของผมก็ถูกดันให้เชิดขึ้นรับจูบทันที ริมฝีปากของมันบดเข้ามาแรงมาก ไม่หนำใจยังใช้มือสากเลื่อนมาบีบกราม แล้วบังคับให้ผมเปิดปากรับเรียวลิ้นร้อนที่ฉกเข้ามาอีก

[size=18]“อื้อ!” [/size]

ผมพยายามสะบัดหน้าหนี แต่แรงของมันมีมากกว่า! ไอ้เก้าจิกหัวผมให้เงยหน้าขึ้นรับจูบ ก่อนจะกวาดลิ้นร้อนฉกเล็มไปทั่วทั้งโพลงปาก น่าแปลกมากที่ผมไม่รู้สึกรังเกียจ ซ้ำยังเสียวแปลกๆตอนที่มันลากลิ้นผ่านเพดานปากอีกด้วย(ลองเอาลิ้นคุณลากเบา ๆ บนเพดานกวาดตามไร้ฟันด้านบนสิครับ ความรู้สึกนั้นเลย)

มันปล่อยมือแล้วถอยห่างออกช้า ๆ  ผมได้แต่มองเส้นใยเหนียวหนืดจากน้ำลายของเราที่ติดอยู่บนริมฝีปากสีเชอร์รี่ของมันนิ่ง คือ...อึ้งอยู่ คือ...นึกอะไรไม่ออกแล้วครับ ไม่คิดว่าจูบของมันจะมีพลังทำลายล้างขนาดนี้ ตั้งแต่คบกับผู้หญิงมายังไม่เคยเจอใครจูบเก่งเท่านี้เลย ทั้ง ๆ ที่ปากมันไม่ได้นุ่มเลยซักนิด แต่กลับมีแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาด…

โว้ยยยย อย่าเคลิ้มสิวะ! ดีดดิ้นหน่อย! ขัดขืนหน่อยสิไอ้เหี้ยพิก!

(มีต่อ)

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: [เรื่องสั้น] NOBI NOBI | 4/5 (19/4/2558)
«ตอบ #21 เมื่อ20-04-2015 10:02:09 »



“จะไปไหน”

คิดว่าต่อยไปยังไงมันก็ไม่สะเทือนผมเลยพยายามมุดตัวออกจากวางแขนมัน แต่จังหวะที่กำลังจะผละตัวออกมาได้มันกลับคว้าเอวผมไว้แล้วสอดมือเข้ามาในเสื้อ เสียงนุ่มของมันเอ่ยถามอย่างคนที่เหนือกว่า และนั่นทำให้ผมรู้สึกสมเพชตัวเองมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า

“จะหนีกูหรอครับพิก...”

“...”

“ไม่ตอบ...” มันเลื่อนมือขึ้นเกลี่ยยอดอกผมแล้วใช้ปลายเล็บลากวนเป็นวงกลมจากด้านหลัง “งั้นนี่น่ะ...หยิกให้ขาดเลยดีไหม หืม”

“อย่านะ!”

โอ้ยโคตรเกลียดตัวเองเลยไอ้เหี้ยเอ้ย! พูดอะไรไม่ได้เลยนอกจาก ปล่อยนะ อย่านะ! ตอนนี้แม่งสลับกันชิบหาย ไอ้โนบิตะหน้าจืดนั่นอยู่ไหน เอากลับมาให้ที อย่าให้กูต้องมาเจอกับอะไรที่รับมือไม่ได้แบบนี้เลย

เพราะแม่งเลว...เลวถึงขั้นชั่วเลยไอ้เวรนั่นน่ะ!

“อึก...”

ผมหลับตาเม้มปากแน่นตอนที่มันใช้นิ้วโป้งขยี้ยอดอกผมเบา ๆ ความรู้สึกตอนนี้ไม่รู้เลยว่าควรจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดยังไง รู้อย่างเดียวคือกลัวใจมัน กลัวว่ามันจะหยิกเข้าให้จริง ๆ อย่างที่พูดขู่เมื่อกี้ ตอนนี้ได้แต่ยืนขาแข็งนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นแล้วปล่อยให้มันลูบคลำขยำขยี้ตามอำเภอใจ

“ผิวมึงเนียนมาก รู้ตัวบ้างไหมเนี่ย” ไอ้เก้าหมุนร่างผมให้หันมาประจันหน้ากันก่อนจะเอ่ยถามอีกทีผ่านทางสายตา แล้วตามึงนี่นะ จะวิบวับอะไรนักหนา ขนาดกูเป็นผู้ชายแมนทั้งแท่ง เห็นแล้วยังอดใจสั่นไม่ได้เลย

โอ้ย อย่าจ้องโว้ย อย่าเข้ามาใกล้! เดี๋ยวใจกูก็หยุดเต้นพอดี!

“...”

“เฮ่อ ไม่ตอบอีกแล้ว” มันถอนหายใจออกมาแล้วจุดยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก “ไม่ตอบก็ไม่ต้องนะ...แล้วอย่าให้ได้ยินเสียงล่ะ ไม่งั้นกูกัดของมึงขาดแน่!”

ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าที่มันพูดนั่นหมายความว่ายังไง แต่พอมันผลักผมจนหลังติดล็อกเกอร์อีกรอบแล้วเลื่อนตัวลงต่ำไปนั่งยองๆตรงหน้า ภาพนางเอกในหนังเอวีที่ดูประจำ ๆ ก็ฉายชัดขึ้นมาเลยครับ มันชัดเจนยิ่งกว่าเดิมเมื่อมันล็อกเอวผมไว้ กดจูบตรงกลางหว่างขาแล้วเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาแบบที่คาดเดาอะไรไม่ได้ซักอย่าง

“อ...อย่า!”

ผมพยายามถดตัวถอยแล้ว! แต่ให้ตายเถอะ มือของมันที่ล็อคเอวไว้นั่นแน่นเกินไป แล้วไหนจะริมฝีปากที่อ้าออกก่อนจะงับเข้ามาที่น้องชายผมเสียเต็มคำอีก ความรู้สึกแบบที่ผมรู้จักดีในคืนที่เปลี่ยวแล่นจี๊ดขึ้นถึงก้านสมองเลย โอ้ยไอ้เหี้ย อย่าปลดกลางเกงกู!! อย่า!!!

“บอกว่าอย่าพูดไง กัดแม่งเลยดีไหมเนี่ย” 

มันใช้เวลาไม่นานเลยในการถกกางเกงผมลงไปถึงเข่า เร็วอย่างกับเล่นกล! ไอ้เก้ามองกางเกงในสีขาวของผมตาวาว ก่อนจะแลบลิ้นออกมา...และ....

“อ๊ะ!”

มันลากลิ้นเลีย!!!!!
เลียตามแนวยาวผ่านอันเดอร์แวร์ของผมเลยด้วย!!!!

ผมดิ้นพล่านเลยทีนี้ แต่เท่านั้นยังไม่พอ มันล็อคขาผมแล้วจับให้พาดกับไหล่มันก่อนจะก้มลงไปใช้ฟันขบเบาๆบนเนินเนื้อนั่น ให้ตายเหอะ ถ้าเท่านี้ผมยังจะพอทรงตัวยืนให้ตรงได้หรอก แต่เพราะมันล้วงมือเข้ามาด้านหลังแล้วขยำก้นผมอย่างแรงไปด้วยนี่แหละที่ทำให้ขาเขอมันสั่นไปหมด 

“อ....อา...”

ไอ้เก้าสาละวนอยู่กับด้านหน้าของผมนานมาก มันค่อย ๆ ใช้มือปอกชั้นในชิ้นน้อยของผมเหมือนปอกกล้วย ก่อนจะใช้ปากดูด แล้วเอาลิ้นดุนไปรอบๆบริเวณนั้นโดยไม่ยอมสัมผัสโดนแท่งเนื้อที่ขยายตัวชี้หน้ามันเลยแม้แต่น้อย

แม่งแกล้งกันชัดๆ แกล้งกันแน่ๆ!

ผมหลับตาผ่อนลมหายใจออกขาดห้วง แม่งเอ้ย! ความเจ็บจี๊ดปนเสียวเล็กๆ ตรงบริเวณแถวหว่างขาที่มันกำลังแต้มรอยทำให้ผมแทบจะทนไม่ไหว อยากจะเอื้อมมือไปดันหน้ามันออกแล้วทำซะเอง แต่พอทำอย่างนั้นมันก็จับมือผมล็อกไว้ แล้วเงยหน้าขึ้นหรี่ตามองมาอย่างย่ามใจ

“ใครอนุญาตให้มึงแตะ”

“แต่นี่มันของกูนะ!” ผมอยากจะร้องไห้ พยายามขืนมืออกจากมือมัน แต่ยิ่งทำอย่างนั้นมันก็ยิ่งบีบแขนผมแรงขึ้น “ปล่อยกู กูจะช่วยน้อง!”

“ไม่อนุญาต”  มันพูดอย่างนั้นแต่ก็ปล่อยมือผมออก ก่อนจะเอื้อมไปแหวกก้อนเนื้อที่ด้านหลังแล้วดันตัวเข้าหา ล็อคขาผมที่พาดบ่ามันให้แน่นยิ่งกว่าเดิม “เดี๋ยวกูทำให้เอง”

มันพูดแค่นั้นก่อนจะอ้าปากแล้วครอบครองโลกกว้างของผมไว้ทั้งหมด โพรงปากร้อนชื้นของมันทำให้ผมตัวกระตุก ต้องยืนเกร็งขนจิกปลายเท้ากับพื้นกระเบื้องแน่นกว่าเดิม ให้ตายเถอะ! สุดคอหอยเลยไหมนั่น! แล้วทั้งดูดทั้งเลีย ลากลิ้น เอาฟันครูดนี่คืออะไร ใครสอนมึงหรอ ทำไมเชี่ยวจัง...

ไม่ใช่แค่น้องเท่านั้นที่อยากจะร้องไห้ แต่ผมก็เหมือนกันอยากจะร้องไห้ด้วย...

สัมผัสอุ่นวาบจากไอ้เก้ากระตุ้นหัวใจของผมเต้นแรงเป็นจังหวะกลองรุมบ้า! สาบานได้เลยว่ามันงัดทุกเทคนิคออกมาเพื่อจะทำให้ผมร้องครางอย่างไร้ยางอาย ให้ตายเถอะๆๆๆๆ นี่ผมพูดประโยคนี้มากี่ครั้งแล้ววะ แต่ใครสน! ตอนนี้แม่งอยากจะปล่อยมาก เพราะมันทั้งชักทั้งเลียจนผมแทบจะทรงตัวยืนไม่อยู่ อยากจะกรีดร้องออกมาให้ลั่นแต่ก็ทำไม่ได้เพราะกลัวมันจะกัดอย่างที่ขู่ เลยได้แต่ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแน่นแล้วกลั้นเสียงเอาไว้ในลำคอ

“อึก....อือ..อ...”

“ไง...อยากพูดแล้วหรอ”

มันส่งเสียงขึ้นมาจากด้านล่าง ดวงตาเรียวรีคู่นั้นดูสนุกสนานมากๆ กับอาการของผม มันหัวเราะหึในลำคอ ไม่รอให้ผมตอบอะไรออกมาซักคำก็หนีหน้ากันโดยการก้มต่ำลงไปกว่าเดิม

“อ....อย่า....มันสกปรก”

ผมตาเหลือกขึ้นมาเมื่อสัมผัสได้ถึงลิ้นชื้นที่เลียวนอยู่รอบช่องทางด้านหลัง ไอ้ห่านี่มันแกล้งผมอีกแล้ว! มันแลบลิ้นเลียวนที่พวงบอลแฝดสลับกับตรงนั้นอย่างจงใจ ไอ้เหี้ยเอ้ย! เกลียดตัวเองที่รู้สึกเสียวซ่านขึ้นมาทั้ง ๆ ที่สมองก็นึกหาคำด่ามัน แต่เชื่อไหมว่านึกไปก็มีแต่คำว่าถูกเอาลอยกระจายเต็มอยู่บนพื้นสมอง แม่งนึกอะไรไม่ออกเลยตอนนี้นอกจากภาพเหตุการณ์ของคืนก่อน ๆ นั่นที่วนมาฉายซ้ำให้ดูเหมือนโฆษณามายบาซินในโรงหนังของเมเจอร์...

นี่ผมกำลังจะเสียตัวอีกแล้วใช่ไหม...
ทำไมพระเจ้าแม่งไม่ยุติธรรมกับคนแมน ๆ อย่างผมเลยวะ

“อ๊า!!!”

ผมจิกไหล่มันแรงมากตอนที่มันแหย่ลิ้นเข้าไปในรูนั้น แล้วไหนจากมือมันอีก ทั้งรูดขึ้นรูดลงรัวเร็วจนผมนี่เสียวจี๊ด ภาพโฆษณาในหัวแตกกระจายเป็นเสี่ยงทันทีเมื่อมันเปลี่ยนไปฉกลิ้นรัวในช่องทางนั้นแทน ทั้งผลุบเข้าผลุบออกอย่างเอาแต่ใจ แล้วยังขยำขยี้ก้นผมไปมาเหมือนกับว่ามันเป็นลูกบอลน้ำอะไรทำนองนั้นอีก

ส่วนใจผมน่ะหรอ...
ตอนนี้ถ้าทะลุออกมาได้ก็คงกระดอนไปไกลแล้ว เพราะแม่งเต้นเร็ว รัว และแรงมาก...

ผมเม้มปากแน่น ยืนไม่ไหวแล้วเลยปล่อยตัวให้อ่อนปวกเปียกเอนติดกับประตูล็อกเกอร์ ดูเหมือนไอ้เก้าจะจับกระแสความอ่อนแรงของผมได้ มันเลยปล่อยก้นผมให้เป็นอิสระแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะพลิกตัวผมแล้วสวมกอดเอาไว้จากด้านหลัง

“ทนไม่ไหวแล้วหรอ...กูก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน” กระซิบเสียงเบา เกยคางไว้กับไหล่ผมไม่พอ ยังชำแรกนิ้วเข้ามาในตัวผมก่อนจะดันเข้าไปจนสุดโคนอีก “แม่ง...ตอดยิบเหมือนที่ตอดลิ้นกูเมื่อกี้เลย...”

มันสบถที่ข้างหู งอนิ้วกระแทกเข้าช่องทางอย่างแรงก่อนจะคว้ามือผมแล้วจับให้ล้วงเข้าไปเค้นคลึงกับท่อนเนื้อในกางเกงของมัน นี่ขนาดแค่จับยังร้อนฉ่าขนาดนี้ แล้วไม่ต้องนึกถึงตอนที่มันเอาเข้าไปอยู่ในตัวผมเลย...

กระเพาะ ตับ ม้าม ไตผม คงได้ละลายกลายเป็นน้ำแน่ๆ

“ซี๊ดด......เห็นถ่อย ๆ อย่างนี้แต่มือมึงแม่งนุ่มเป็นบ้า”

มันเอยชมผมพร้อมกับกดจูบลงบนหัวไหล่ แม่งเอ้ย แค่ขบอย่างเดียวคงไม่สาแก่ใจมันสินะ ตอนนี้ถึงได้ทั้งกัดทั้งฟัด ทึ้งคอผมอย่างแรงเหมือนแปลงร่างเป็นหมาบ้า ไอ้เก้าตอนนี้แม่งสลัดคราบโนบิตะออกไปหมดแล้ว ทั้งคำพูดคำจาของมันที่เถื่อนและถ่อยกำลังทำให้ด้านล่างของผมเต้นรัวจนแทบเสร็จ

ผมแม่งโรคจิต โรคจิตชัดๆ !

ทั้งๆที่ตอนแรกก็ขัดขืนเขาซะเต็มกำลัง แล้วตอนนี้คืออะไร ทำไมผมถึงมาช่วยสาวน้องชายของมันอย่างเต็มใจได้วะ? แต่ก็นั่นแหละ! เออ! ช่างแม่งเหอะ! รู้อย่างเดียวคือตอนนี้โคตรทรมาน มันอยากให้ผมทำอะไรผมก็ทำ ปล่อยแม่งแล้ว! เท! เททุกอย่างทิ้งให้หมด!

“อืม...ขยับมือมึง...เร็วอีก” 

มันสั่งให้ผมขยับมือเร็วขึ้นพร้อมๆกับนิ้วของมันที่แทรกเข้ามาถ่างช่องทางของผม รู้ตัวอีกทีก็จุกจนแทบทรุด เพราะมันเล่นแหวกก้อนเนื้อของผมแล้วแทงเข้ามาโดยไม่บอกไม่กล่าว ผมเม้มปาก ยืนสั่น โน้มหัวเอาหน้าผากพิงผนังค้างอยู่ท่านั้นนานมาก เพราะเจ็บจนร้องไม่ออก

“เจ็บไหม...” มันถามเสียงแผ่ว ดูท่าจะไม่ไหวแล้วเหมือนกันเพราะสัมผัสได้เลยว่าช่องทางนั้นของผมตอดมันแรงมาก

“ยังจะถามอีก” ผมครางต่ำ “อย่าเพิ่งขยับเชียวนะ ไม่งั้นกู...อึก...เวรเอ้ย...ชิท!...บอกว่าอย่าเพิ่ง”

แม่งไม่ฟังผมเลยแม้แต่น้อย กลับขยับเข้าออกอย่างเอาแต่ใจทั้ง ๆ ที่ผมก็เพิ่งบอกไปว่าอย่า! แล้วนั่น! มันกำลังจะทำอะไรอีก! ยกตัวกูขึ้นจากพื้นทำไม!!!

“มึง!!! อ๊ะ...อ๊ะ...เหี้ย...โอ้ย...ทำเหี้ยอะไร” 

“ลิงอุ้มแตงไง” มันกระซิบเสียงหื่น “กูชอบท่านี้”

“โอ้ย ไอ้สัด...มันลึกเกินไปแล้ว ไอ้เหี้ยเอากูลงเดี๋ยวนี้!!!”

“ไม่!”  มันพูดพร้อมกับแหกขาผมให้กว้างขึ้นกว่าเดิม  “ลึก ๆ สิดี...มึง...อืม...จะได้จำเอาไว้...จำเอาไว้ว่ามึงเป็นของกู!”     

โนบิตะตอนนี้แม่งฮอตมาก ฮอตทั้งข้างบนฮอตทั้งข้างล่าง ที่บอกว่าฮอตข้างบนนี่คือ พอพูดจบก็แหย่ลิ้นเข้ามาในรูหูผมเลยครับ แล้วท่าที่มันทำตอนนี้ก็บอกได้เลยว่า แม่งเป็นอะไรที่สะดวกแก่การฟัดผมมาก มันโหย่งยกผมขึ้นให้สูงกว่าเดิม ก่อนจะกระเด้งเอวแล้วกระทุ้งขึ้นจนตัวผมลอยวืด หัวแทบชนเพดาน!

“มึงแม่งฟิต..ฟิตชิบหาย”

“โอ้ย...สึด ...ลึก...โอ้ย ลึก”

คือตอนนี้บทสนทนาไปคนละทางกันแล้วครับ พอมันยกตัวผมขึ้นจนน้องชายมันแทบหลุด มันครางอยู่ข้างหูว่าซี๊ด ๆ แต่พอใส่เข้ามาจนสุดโคน ก็บ่นว่าโอ้ยฟิต! แม่งจะเอายังไงกันแน่ กูงงมากแล้วตอนนี้ สมองเสมิงหูตาก็ฝ้าฟางไปหมด เพราะด้านล่างแม่งก็เสียวจี๊ดเหมือนกัน ให้ตายเถอะรับรู้ได้ถึงจังหวะการตอดรัดที่น่าอายได้เลย ดูดของแม่งถี่ยิบขนาดนี้แล้วต่อไปจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดี...

“พิก”

มันเรียกชื่อก่อนจะอนุญาตให้ผมเอาตีนแตะลงกับพื้นได้อีกครั้ง ก่อนมือหนาคู่นั้นจะเลื่อนมากอบกุมที่ด้านหน้าแล้วรูดขึ้นลงให้พร้อมทั้งยังขยับสะโพกไม่หยุด

“ซี๊ด...ชอบไหม...ลึกไหม...”

“อื้อ....อื้อ.....ลึก.....แรง....เร็วๆ....เร็วๆเถอะกูจะไม่ไหวแล้ว”

เสียงเนื้อตอนนี้ตีกันดังพั่บๆลั่นห้องล็อกเกอร์กลบเสียงครางของเราเสียหมด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครยอมใครเลย ทั้งมันที่ซอยถี่ยิบ ทั้งผมที่สวนเอวเด้งตอบรัว พวกเรากระแทกกระทั้นใส่กันแรงมาก ในขณะที่มือมันก็ช่วยผมไม่หยุด

 ใกล้แล้ว...ใกล้แล้ว ผมบอกตัวเองในใจ และจังหวะที่สีขาวโพลนกำลังจะสาดไปทั่วทั้งสมองนั้น มันก็โน้มหน้าเข้ามาหา บดจูบแล้วเกี่ยวลิ้นของพวกเราเอาไว้ด้วยกัน ไอ้เก้าครางต่ำในลำคอ มันดูดลิ้นของผมเล่นดังจ๊วบ แล้วกระแทกสะโพกใส่เป็นครั้งสุดท้าย...

นาทีนั้นผมรับรู้ได้ถึงความอุ่นร้อนที่ฉีดอัดเข้ามาในร่างชัดเจนมาก พร้อม ๆ กับของผมที่พุ่งทะยานขึ้นไปเปียกแฉะอยู่ที่บริเวณปลายคางของมัน ไอ้เก้ากับผมกระตุกหนักหน่วงอยู่พักใหญ่ ก่อนจะยืนนิ่งค้างกันอยู่อย่างนั้น พวกเราทำได้แค่จ้องตามองสบกัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมาซักคำและนั่นเป็นสัญญาณว่าทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป...

ใช่...ผมกับโนบิตะ

พวกเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว... 











 
 “ศตวรรษ...ไม่มาสินะ”
 
ผมขมวดคิ้วมองอาจารย์ที่นั่งชะโงกหน้าหาเจ้าของชื่อ หล่อนกำลังจะก้มหน้าลงไปติ๊กขาดในช่องมาเรียนของวันนี้ แต่มันไม่เหมือนกับวันนั้น ไม่เหมือนวันที่มันแค่มาสายแล้วหลังจากนั้นก็วิ่งเข้าห้องมาด้วยท่าทีกระหืดกระหอบ
 
วันนี้ไอ้เวรนั่นไม่ได้มาเรียน อันที่จริงก็เป็นสัปดาห์แล้วที่มันขาดไปตั้งแต่วันที่พวกเรา... ผมเม้มริมฝีปากแล้วเปลี่ยนไปให้ความสนใจกับหนังสือที่กางไว้บนโต๊ะ จะไปคิดมากทำไมกับคนพรรณนั้น จะมาไม่มาก็ช่างแม่งแล้วตั้งใจเรียนดีกว่าไหม   
 
“เป็นอะไรของมึง ทำหน้ามุ่ยเชียว”
 
เป็นอีกครั้งที่ไอ้ชานจับความรู้สึกของผมได้ บางทีผมก็คิดนะว่ามันเป็นเพื่อนที่ดี ที่ใส่ใจผมมากเกินไปหรือเพราะนิสัยช่างเสือกของมันกันแน่ ผมถอนหายใจพรืดเดียวหมดปอด ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพยักเพยิดชวนให้มันสนใจบทเรียนในกระดานแทน
 
แต่แม่ง...การหายไปของโนบิตะแม่งโคตรรบกวนจิตใจผมเลยวะ
 
“จะไปไหน” เชี่ยวชาญเพื่อนยากกระซิบขึ้นมาเสียงเบาตอนที่ผมตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้แล็คเชอร์
 
“ไปเยี่ยว”
 
ผมตอบส่ง ๆ แล้วเดินออกมาจากห้อง ท้องฟ้าวันนี้แม่งโคตรหม่นเหมือนฝนกำลังจะตก ผมยืนหยุดที่หน้าห้อง เอนตัวพิงกับกำแพงข้างประตู แล้วควักโทรศัพท์ขึ้นมากดู
 
ไม่มีใครโทรเข้ามาเลย...ไม่มีแม้แต่ข้อความ...
 
เห็นอย่างนั้นแล้วก็ยุ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ไหนบอกจะโทรหาไง แล้วเงียบหายไปอย่างนี้คืออะไร
 
“แค่กๆๆๆ” ปลายสายไอเสียงขรมทันทีที่กดรับสายของผม ใช่ผมกดเบอร์โทรหามันเพราะทนไม่ไหวแล้วที่แม่งหายไปเป็นสัปดาห์อย่างนี้
 
“เป็นเหี้ยอะไร ทำไมวันนี้ไม่มาเรียน”
 
“แค่ก....ก็...ไม่สบายไงครับ..แค่กๆๆๆ...”
 
“แล้วทำไมไม่โทรมา ทำไมไม่มาเรียน ไหนวันนี้บอกจะมาเรียน” เอ้อ ผมนี่ก็แปลกนะ ถามซ้ำคำเดิมอยู่ได้ หงุดหงิดรำคาญใจตัวเองเหมือนกัน แต่ก็อยากได้คำตอบไงถึงถาม
 
“แค่ก...ช่วงนี้...แค่กๆๆๆ ที่ร้านยุ่งมาก...เมื่อเช้า...แค่กๆๆ เด็กในร้านมีปัญหานิดหน่อย”
 
“แล้ว?”
 
“ก็เลยต้องอยู่เคลียร์นะครับ...แค่กๆๆ...แล้วพิกเลิกเรียนแล้วหรอ ถึงโทร...แค่กๆๆ มาได้”
 
“เปล่า...แต่เบื่อ ไม่อยากเรียนละ..”
 
“แค่กๆๆ”
 
“แล้วนี่กินข้าวกินยาหรือยัง”
 
“ยังครับ”
 
“เออ งั้นนอนต่อไปเหอะ” ผมขมวดคิ้วแล้วผ่อนเสียงลงให้เป็นปกติ “เดี๋ยวซื้อเข้าไปให้ เอาโทรศัพท์ไว้ข้างเตียงล่ะ เดี๋ยวใกล้ถึงแล้วจะโทรไป”
 
“พิกจะโดดหรอครับ”
 
“เออ จะไปหามึงไง อาการมึงหนักขนาดนี้คิดว่ากูจะใจร้ายปล่อยให้มึงนอนป่วยได้โดยไม่แดกอะไรทั้งวันเลยหรอ” 
 
“...”
 
“แค่นี้นะ จะวางแล้ว เดี๋ยวจะเข้าไปเอากระเป๋าแล้วรีบออก”  ผมพูดตัดบทแล้วทำท่าจะกดปุ่มวางสาย แต่ยังไม่ทันจะได้กด เสียงปลายสายก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ
 
“พิกครับ” 
 
ผมแนบหูกับโทรศัพท์อีกครั้ง  “อะไร”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“รีบมานะครับ...คิดถึง” 
 
 
 
 
 
ที่ผมบอกว่าผมกับมันกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วน่ะ โกหกตรงไหน?
 
ก็แล้วจะเป็นอะไรกันต่อผมก็ตอบพวกคุณไม่ได้เหมือนกัน เพราะงั้นไม่ต้องทำมาเป็นขมวดคิ้ว เอาเป็นกับมันเป็นอะไรที่กำลังจะพัฒนาไปอีกขั้นล่ะมั้ง
 
ไม่ต้องมาเบะปากทำหน้าหมั่นไส้เลย ที่พูดไปน่ะจริงทั้งนั้น นั่น! ห้ามบ่นนะ! เล่าให้ฟังขนาดนี้แล้วยังจะบ่นอะไรอีก
 
 
คนเขินต้องเป็นกูนี่ไม่ใช่พวกมึง
เขินจะตายห่าอยู่แล้ว รู้ไหม!
(ปิดหน้า แล้วเดินหนี)
 
 
 
 
______________________________________
THE END


ขอ TALK ยาว ๆ หน่อย
 
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ “ชั่ววูบ” มากๆ
เราแค่อยากเขียนไอ้เก้าในแบบที่เนิร์ดแบบสุด ๆ (แต่เบื้องลึกมีอะไรมากกว่านั้น)
โดยได้แรงบันดาลใจมาจากนิยายเรื่องนึงที่เราเคยเขียนเอาไว้ในเล้า พล็อตเรื่องประมาณว่า
เมะไล่ตามหาเคะที่เคยเอาด้วยจากกลิ่นแชมพูที่ยังหลงเหลือไว้บนหมอน จึงเกิดเป็นนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา
 
จะว่าไปโนบิโนบินี่แทบไม่มีสาระอะไรเลย มันเหมือนอาหารจานฟาดฟู้ดข้อนี้เรารู้ดี
แต่สิ่งนึงที่เกิดขึ้นตอนเรากินเฟร้นฟรายแม็คคือ...
เรารู้สึกว่าเฟร้นฟรายที่นี่อร่อยมาก และเราไม่สามารถหากินที่ไหนได้แบบนี้
ซึ่งเราจะรู้สึกดีมากถ้าหากคนอ่านรู้สึกอย่างนั้นกับฟิคเรื่องนี้  คือ...ไม่ต้องคิดอะไรให้มาก
แค่รับรู้ว่ามันอร่อยและจดจำรสชาติความผ่อนคลายของมันไว้ก็พอ
 
สุดท้ายนี้เราอยากจะบอกว่า นี่เป็นเรื่องแรก ๆ ที่เราเขียนเอ็นซีได้ยาวขนาดนี้
ปกติเราเขียนแค่ 1-2 หน้าก็เต็มกลืนแล้ว แต่บอกได้เลยว่าอยากให้มันออกมาลามก
และไม่ว่าจะด้วยความน่ารักของพิกหรืออะไรก็ตาม แต่ก็ขอบคุณมากๆค่ะ


ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
กีสสสสสสสสสสสสสสสส
ชอบๆๆๆ
ไม่รู้จะเมนต์อะไร มันรู้สึกอิ่มๆๆๆๆ
ในที่สุดในที่สุด  :hao7: :hao7: :hao7:(บ้าไปแล้ว)
ชอบเก้าจังเลยน้าาาา เหมือน(เมะ)ผู้ชายในอุดมคติเลยอ่ะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พิกปากแข็งนะตัว.. ชอบโนบิเขาแล้วล่ะสิน้า >///< จะไม่ให้เราเขินตามก็ไม่ได้หรอกนะคะ เพราะทั้งคู่เล่นร้อนแรงกันขนาดนั้นนี่นา :jul1: ยิ่งเวลาที่พิกกระวนกระวายถึงโนบิจะเป็นอะไรที่ดูน่ารักมากๆ เลยค่ะ อ่า~ โดนคนซึนๆ อย่างพิกครองใจเสียแล้วสิคะ

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
โนบิถอดคราบแล้วเป็นอะไรที่ สกหดาสกวหาดวกส
โอยยย นี่นายตัวจริงเหรอ ทำไมฮอตขนาดนี้ Y//////////Y
 :z3: :z3:
แต่ถึงขั้นพิกไปหาถึงห้องนี่คงไม่ใช่แค่ไม่เหมือนเดิมธรรมดาแล้ว /////////
ไม่สนใจเล่าต่ออีกหน่อยเหรอพิก ///////////////
 :ling1:

ออฟไลน์ raviiib❁

  • คนเขียนนิยาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
พิกซึนที่สุดดดดดดดดดดดดด โนบิตะร้ายลึกมาก :hao6:
ตอนแรกนึกว่าพิกฝัน พอโนบิตะบอกว่าครั้งนั้นเท่านั้นแหละ
ขุ่นพระ!!!!!
ฮอตมาก ชอบเรื่องนี้มากกกกก จะกลับมาอ่านบ่อยๆ
ติดตามเรื่องต่อไปนะคะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
แหนะมาทำเป็นเขิน

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
อ๊าาากกกกส์

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
บอกตรงๆเลยเรื่องนี้โดนใจเรามากกก ไม่ได้อ่านอะไรแบบนี้เป็นปีละ หามานานมาก ชอบมากจริงๆ
ถึงจะเป็นฟาสฟู้ดก็เอาอะ! ชอบมากจริงๆ โดยเฉพาะตอนเก้าพูดมึงกูในห้องล็อกเกอร์เนี่ย บอกเลย โดนใจโจ๋มากกกก o13


เคยอ่านอีกเรื่องนะ รีจอยสีส้มใช่มั้ย เรื่องนี้ก็ชอบ น่ารักมากก

ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆทั้งสองเรื่องนะค่ะ ขอบคุณมาก :bye2:

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ให้อารมณ์หมอเทนกับนัทเลย มาแบบเรียลๆ เรียบร้อยแต่พอพูดหยาบแล้วอย่างฮอต  :heaven
ตอนแรกไม่คิดเลยว่าโนบิโนบินี่จะเป็นโนบิตะกับไจแอ้น แต่คู่นี้ของจริงมาก แบบ ไม่ให้ใครแกล้งเลยนอกจากตัวเอง
ปล.ตอนแรกนึกว่าจะหักมุมว่าชานเป็นพระเอก แบบแอบรักมานาน  :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-04-2015 02:23:28 โดย กฤษณ์ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด