★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบ - 11/12/58  (อ่าน 55935 ครั้ง)

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

สวัสดีค่ะ

เรานำนิยายที่เคยแต่งไว้มาแบ่งปันค่ะ
เรื่องนี้เคยลงในเด็กดีแล้ว เอามาปัดฝุ่นปัดหยากไย่นิดหน่อยค่ะ
ปกติเคยแต่อ่านอย่างเดียว (เขิน)
พอลองแต่งเองแล้วก็ (คิดเอง) ว่าน่าจะพอไหว เลยเอามาลงในเล้าบ้าง
ฝากตัวด้วยนะคะ :)
 
 :L2:

Lavender's blue


★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (จบ)

สารบัญ

ตอนที่ 1 พี่ดีน้องซี
ตอนที่ 2 กระรอกน้อย
ตอนที่ 3 ทำไม
ตอนที่ 4 ความประทับใจแรก
ตอนที่ 5 ลูกแมว
ตอนที่ 6 รู้เขา รู้เรา
ตอนที่ 7 แมวกับแตงโม
ตอนที่ 8 ความจริงของซี
ตอนที่ 9 ความช่วยเหลือ
ตอนที่ 10 กาว
ตอนที่ 11 ไม่เอาต้นไทร
คอนที่ 12 กาแฟที่ชงผิด
ตอนที่ 13 ครอบครัวหมู
ตอนที่ 14 ข้อเท้าและบะหมี่
ตอนที่ 15 กอด
ตอนที่ 16 ปลา
ตอนที่ 17 แม่
ตอนที่ 18 ป่วย
ตอนที่ 19 สิ่งเร้า
ตอนที่ 20 คำถาม - คำตอบ
ตอนที่ 21 ถ้า
ตอนที่ 22 ฝันร้าย (1/2)
ตอนที่ 23 ฝันร้าย (2/2)
ตอนที่ 24 Love me, love my cat (จบ)
ตอนพิเศษ: คนผิด
ตอนพิเศษ: พุง
ตอนพิเศษ: คิดถึง
ตอนพิเศษ: คนแปลกหน้าที่คุ้นเคย
ตอนพิเศษ: ข้าวปั้น
ตอนพิเศษ: อาหารเช้าที่มากเป็นพิเศษ
ตอนพิเศษ: ปืนฉีดน้ำ
ตอนพิเศษ: ไม่พอ
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (จบ)


งานเขียน
[เรื่องสั้น] เรา (จบในตอน)
[เรื่องสั้น] At the beginning of the end ❆(จบในตอน)
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ จบแล้ว
Just Love รักนะครับ จบแล้ว
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-01-2016 20:44:43 โดย Wendy »

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว


ตอนที่1  พี่ดีน้องซี


“พี่ดี กินเสร็จแล้วล้างจานด้วยนะ ซีจะไปมหา’ลัยแล้วนะ วันนี้แดดออกซักผ้าด้วยล่ะ กลับมายังเหมือนเดิมจะโดน” เสียงแจ้วๆ ของยัยซี น้องสาวดังขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงปิดประตูบ้านดังปัง ผมที่กำลังนอนส่งเสียงอืออา ตอบรับมันก่อนจะพลิกตัวนอนต่อไป 

วันนี้วันจันทร์ครับ ผมไม่มีเรียน นักศึกษาปีสุดท้ายก็งี้แหละครับ ความจริงผมเก็บวิชาบังคับครบหมดแล้วล่ะ เหลือแต่วิชาเลือกที่มีเรียนวันพุธ พฤหัส และศุกร์เท่านั้น ยัยซีน้องสาวคนเดียวของผมเรียนอยู่ปีสามครับ เราห่างกันแค่สิบสี่เดือน ได้ยินมันเรียกผมพี่ๆ แต่ความเคารพมันไม่มีหรอกครับ

เที่ยงกว่า อากาศร้อนมากจนผมทนนอนอยู่บนเตียงไม่ไหวจึงลุกขึ้นมาซักผ้าตามที่น้องสาวสุดที่รักบอกไว้ก่อนออกจากบ้าน อ๊ะ อย่าคิดว่ากลัวนะครับ แค่ไม่มีเสื้อผ้าจะใส่แล้วเท่านั้นเองจริงๆ ส่วนเรื่องล้างจานไม่มีวันหรอกครับ ผมไม่ชอบฟองน้ำ มันแหยะๆ กลับมาซีจะได้มีงานบ้านทำบ้าง ไม่อย่างนั้นความเป็นกุลตรีของมันจะหายหมด

ผมกับซีมีกันอยู่สองคนพี่น้อง เรามาจากจังหวัดเล็กๆ ภาคเหนือของประเทศไทย เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยในเมืองกรุง อาศัยอยู่บ้านเดิมของป้าที่ตอนนี้ย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่กับครอบครัวของลูกสาวผู้ร่ำรวย แม่ของเราเสียตั้งแต่ซีเกิด พ่อไปมีเมียใหม่ ตอนนั้นผมเพิ่งอยู่ประถมห้าเองมั้ง ดื้อที่สุด ผมย้ายออกมาอยู่กับน้าที่เป็นสาวโสดและไม่ติดต่อกับครอบครัวใหม่ของพ่ออีกเลย ซีมันเป็นเด็กดีครับ มันอยู่กับพ่อจนจบม. 6 และสอบเข้ามาเรียนที่เดียวกันกับผมจนสำเร็จ

เรามีกันอยู่สองพี่น้องจริงๆ ครับ





“โอ้โห อะไรเนี่ย วันนี้สงสัยฝนจะตก” ซีกลับเข้าบ้านมาพร้อมกับถุงกับข้าวในมือพูดขึ้นเมื่อมันเห็นผมนั่งพับผ้าอยู่
“ทำไม แค่ซักผ้าเว้ย แล้วมึงทำไมกลับบ้านช้า สองทุ่มแล้วเนี่ย”
“คุณชายซักผ้าเอง พับผ้าด้วย สุดๆ อะ เอาจริง แล้วพี่ดีอย่ามาพูดเหอะ วันนี้ซีเลิกเรียนทุ่ม กลับบ้านสองทุ่มได้ก็ถือว่าเร็วแล้วเหอะ ไปๆ ย้ายเสื้อผ้าเลยจะกินข้าวแล้ว” นั่งกินข้าวด้วยกันสักพัก ผมอิ่มแล้วกะจะแกล้งซีมันสักหน่อย
“ซี”
“อือ” ตามันจ้องทีวีไม่กะพริบเลยครับ
“ซี”
“อะไรล่ะ” รอจนมันหันมา ผมถึงได้บอก
“มึงแม่ง นมเล็กหว่ะ” พูดเสร็จผมก็ลุกหนีขึ้นห้องนอนที่อยู่ชั้นบนทันที
“ไอ้พี่ดี !!!!” ปล่อยซีโวยวายไป ฮ่าๆ สะใจครับ ปล่อยให้ผมอยู่บ้านคนเดียวแล้วก็กลับมาช้า หิวข้าวด้วย





Sea See C ...คุณชายซักผ้า หิมะตกเลยเว้ย ฮ่าๆ... เมื่อสองนาทีที่แล้ว

ไอ้ซีเข้ามาเขียนบนกระดานข้อความของผมในเฟซบุค คนกดไลค์มันสองคน เห็นผมอย่างนี้ ผมมีเพื่อนน้อยครับ จะพูดคุยเล่นหัวเฉพาะกับคนที่สนิทจริงๆ เท่านั้น กับคนอื่นผมจะเงียบๆ แค่ยิ้มให้ตอนแนะนำชื่อเสร็จเท่านั้น แถมเป็นพวกมีโลกส่วนตัวสูง ยิ่งในโซเชียวเน็ตเวิร์ค ผมไม่รับเป็นเพื่อนกับคนที่ไม่รู้จักหรอกครับ ในเฟซบุคมีอยู่แค่สามสิบสามคน เพื่อนที่คณะ เพื่อนเก่ายี่สิบสาม สายรหัสผมอีกเจ็ด ยัยหวานเพื่อนสนิทยัยซี ไอ้จืดพี่ชายหวานและแน่นอนครับ ยัยซีน้องสาวตัวยุ่งของผมเอง
พอเห็นข้อความแล้วปล่อยมันไปครับ ไม่ยุ่งกับคนบ้า

ตึ่ง เสียงเตือนในโลกออนไลน์ทำเอาผมต้องละงานที่ทำอยู่ กดเข้าไปดูความเคลื่อนไหว

Krit Thebest...มิน่าละ กูถึงว่าวันนี้มันหนาวๆ 555.... เมื่อสามวินาทีที่แล้ว
ไอ้เก่งเพื่อนสนิทผมเองครับ แค่ชื่อเฟสมันก็กวนตีนแล้วใช่ไหมครับ ยังคงเฉยปล่อยมันไปครับ

Champion Wanasarn ...เพื่อนกูครับเพื่อนกู...
ไอ้แชมป์มันเป็นเพื่อนไอ้เก่งมาก่อน แล้วก็ค่อยมาสนิทกันครับ

Sweetie Chonlada ...ต๊าย พี่ดี เตรียมตัวไว้นะคะ อิอิ...
ยัยหวานคอมเม้นท์ต่อไอ้แชมป์

Sea See C ...เตรียมตัวไรอะ ตะเอง... 
ไอ้ซีถามเพื่อนมันครับ แล้วทำไมพวกมึงถึงต้องมาคุยเล่นบนหน้าเฟซกูวะ

Wisit Top of the world ...บ้านมึงใช้เครื่องซักผ้ายี่ห้อไร น้ำยาซักผ้าล่ะ น้ำไรวะ 555+...
ไอ้ท็อปเพื่อนไอ้เก่ง ไอ้แชมป์ ตอนนี้กลุ่มผมครบแล้วครับ น้ำอะไรของพวกมึง แม่ง ผมกำลังจะพิมพ์แต่มีคอมเม้นท์ถัดไปขึ้นมาก่อน ทำให้ผมชะงักทันที

Narut Kitchareon...เตรียมตัวเป็นแม่บ้านพี่ไง ซี...

ไอ้จืดดดดดดด มึงตายยยยยยยย
คอมเม้นท์ไอ้จืดมีคนกดไลค์อย่างรวดเร็ว 5 คน มึงสนุกกันมากใช่ไหมเนี่ย

Sea See C...กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด พี่เขยแร้งงงงงงงงง...
Sweetie Chonlada ...อ้ายยยย พี่น้ำ ขอเลยๆ เดี๋ยวบอกป๊ากับม้าให้ 555555...

ผมทนที่มันกรี๊ดกร๊าดกันไม่ไหว เลยเม้าท์ตอบทุกคนไปว่า

Notthatbad Sirichai ...เอี้ยยยย จืดดดดดดดดด ไอ้หวานไม่ต้องขอ เดี๋ยวกูไปเอง....



เล่นกับพวกมันหน่อยครับสร้างกระแส คอมเม้นท์เสร็จผมก็ปิดเฟซบุค เปิดรายงานที่ยังทำไม่เสร็จขึ้นพิมพ์ต่อ สักพักซีเดินขึ้นมาหยุดที่หน้าห้อง หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

“อะไรมึง” จะมาแซวกูใช่มะ ไม่สนเว้ย ไม่แคร์
“ว่าจะมาช่วยเก็บของ”
“เก็บของไรมึง”
“เอ้า ก็จะย้ายไปอยู่กับพี่น้ำไม่ใช่หรอ” พูดเสร็จมันหัวเราะหน้าดำหน้าแดงไปหมด
“ยังไม่เลิก เดี๋ยวโดน” ผมหยิบหมอนทำท่าจะปามัน ถึงได้หยุดหัวเราะ
“พี่ดีโกรธแล้ว ฮ่าๆ”


“มีไร จะทำงาน” ปกติซีมันไม่ค่อยขึ้นมาหาผมหรอกครับ นอกจะมีเรื่องคุย
“พี่ดี ต้องไปจ่าค่าน้ำค่าไฟอะ” อ้อ มาเอาเงิน
“เท่าไหร่”
“ค่าน้ำสามร้อบยี่สิบสี่ ค่าไฟสี่ร้อยสามสิบเจ็ด” ซีพูดพลางดูบิลในมือ ผมเอื้อมมือไปเปิดกระเป๋าเงิน มองดูในกระเป๋าเห็นแต่ใบสีเขียวสองสามใบและสีแดงๆ เพียงหนึ่งใบ ก่อนจะหันไปเปิดกระปุกออมสิน เศษเหรียญร่วงกราว ผมบอกซีมาช่วยกันนับ

“พี่ดี ซีไปทำงานดีไหม” ซีมองผมนิ่งๆ
“ไม่ต้อง กูทำเองคนเดียวพอแล้ว มึงอะเรียนไป กูว่างตั้งหลายวันเทอมสุดท้ายแล้วเดี๋ยวกูหางานเพิ่มเอง เอ้ามัวแต่เหม่อ รีบนับเลย” ผมพูดพลางนับเหรียญบาทในมือ
“ทำไมล่ะ พี่ดีทำงานหนักแล้วนะ เทอมสุดท้ายทำโปรเจ็คจบด้วย”
“มึงจะทำไรล่ะ” ผมถามมัน

ผมกับซีปกติก็รับสอนพิเศษกันปกติอยู่แล้ว ผมสอนที่สถาบันแห่งหนึ่งถึงจะงานหนักหน่อยแต่ก็เงินดี เสียแต่ได้รับเป็นรายวัน ถ้าวันไหนไปสอนก็จะได้ ไม่ไปก็ไม่ได้ ซีมันสอนพิเศษเหมือนกันครับ สอนเด็กๆ ประถมในมหา’ลัยนั่นแหละ ซีมันเรียนครุศาสตร์มันเข้ากับเด็กๆ ได้ดี ผมไม่เอาครับ เด็กๆ แม่งเสียงดัง โวยวาย ต้องเอาใจ คุยเล่นสารพัด ผมสอนเด็กมัธยมครับ คุยกันรู้เรื่อง ไม่ต้องง้อมาก ผมสอนเฉพาะวันเสาร์ ส่วนซีสอนวันพฤหัสกับศุกร์ วันอาทิตย์เป็นวันพักผ่อนของพวกเราครับ

ซีมันเคยถามผมเรื่องที่จะทำงานพิเศษเพิ่มหลายครั้งแล้วแต่ผมบอกมันว่ายังไม่ต้อง ให้มันเรียนให้ดีแล้วก็สอนพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ไปก็พอ คราวนี้เรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่จริงจังละครับ ผมแอบเห็นมันมองเสื้อสวยๆ ตาละห้อยเวลาไปเดินเที่ยวด้วยกัน แอบเห็นว่าตัวมันโตขึ้นนิดหน่อยซื้อชุดนักศึกษาใหม่ให้มันก็ดี ยิ่งตอนปีห้าเดี๋ยวต้องไปฝึกสอนอีก ค่าอุปกรณ์สื่ออะไรของมันอีกเยอะแยะ ผมยังไม่เคยบอกเลยใช่ไหมครับว่าเรียนคณะอะไร ผมเรียนวิศวะครับ ซีมันพูดพร้อมกับทำหน้ามั่นใจ คราวนี้ลองฟังมันหน่อย

“ซีจะไปเป็นแม่บ้าน”
“ยังไงอะ แบบที่เห็นในละครหรอว่ะ แบบที่ไปสมัครกับบริษัททำความสะอาดแล้วไปทำงานตามที่ๆ มีคนเรียกไปทำอะนะ”
“อื้อ ใช่ๆ เป็นของญาติของพี่รหัสซีเอง”
“ลองไปดูดิ ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องนะ” ผมพูดกับมันอย่างเป็นห่วง
“อือ พี่ดี ห้าร้อยแล้วพอละ ซีมีอยู่เดี๋ยวซีจ่ายเอง”  ซียิ้มให้ผม แล้วเดินหาถุงเล็กๆ มาใส่เศษเหรียญก่อนจะกลับลงไป


ผมก้มหน้ามองกระเป๋าเงินในมือ ผมคงต้องไปทำงานเพิ่มจริงๆ แล้วล่ะ



To be continued
---------------------------------------

Lavender’s blue
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 12:15:19 โดย Wendy »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มารออ่าน

ออฟไลน์ Doctor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
ปู่เสื่อเลยฮั้บ  :mc4:

ออฟไลน์ zleep

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
พี่จืดออกตัวแรงนะ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 2) - 26/09/57



ตอนที่ 2 กระรอกน้อย



“เก่ง หัวข้อโปรเจ็คมึงผ่านไหมวะ”

ผมเดินหน้ายุ่งออกมาหลังจากเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์เรียกเข้าไปคุยเรื่องโปรเจ็คตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะรู้ดีว่าต้องคอยกระตุ้นพวกผมถึงจะเริ่มทำงาน

“ไม่วะ กูเครียดอยู่เนี่ย” มันพูดพลางกดเล่นโทรศัพท์ของมันต่อไป ทำหน้าเบื่อๆ

“อาจารย์บอกกูให้ทำเรื่อง Programming แต่กูอยากลองทำ Network ว่ะ”

“เอาจริง ไม่ง่ายนะเว้ย บริษัทมีไม่กี่ที่นะมึง” บริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับ Network ในประเทศไทยยังมีน้อยครบสู้พวก Program Graphic พวกนี้ไม่ได้มีหลายบริษัท

“ลองดูก่อน แล้งมึงละ ทำด้านไหน”

“กู Graghic อยู่แล้ว พอๆ พักไว้ก่อน ปวดหัวเว้ย หิวแล้วไปหาไรแดกกัน” มันเก็บมือถือเดินนำผมออกไปจากใต้ตึก







มหาวิทยาลัยของผมร่มรื่นครับ ปลูกต้นไม้ครึ้มจนแสงแดดส่องไม่ถึงพื้น กระรอกเยอะด้วย

“มึงจะไปกินที่ไหน บัญชีหรอ” เดินไปก็ดูต้องคอยดูไอ้เก่งไว้ครับ กดแต่โทรศัพท์อย่างเดียวไม่ดูทางเลยมัน

“อื้อ ไอ้พวกนั้นจองโต๊ะไว้ละ”

“งั้นมึงไปก่อน กูแวะซื้อขนมให้กระรอกแปบ” บอกให้มันเก็บโทรศัพท์เพราะเมื่อกี้เกือบโดนมอเตอร์ไซด์เฉี่ยวเข้า

“เออๆ ซื้อข้าวให้เลยไหม เกาเหลาข้าวเปล่าเหมือนเดิมนะ” ผมพยักหน้าให้มันก่อนจะเดินแยกออกไป จนถึงร้านขายขนมเล็กๆ ใต้คณะวิทยาศาสตร์



“ป้าขนมปังกระรอกสองถุง” ผมหยิบก้มหาเศษเหรียญกำลังนับเงินให้ครบยี่สิบดันมีใครมาดึงมือไว้

“นี่ครับ”
         

เสียงทุ้มของคนหนึ่งดังขึ้นข้างหู ผมเงยหน้าขึ้นทันที ผู้ชายตัวสูงใส่แว่น ผมยาวระต้นคอถูกมัดไว้ด้วยหนังยางสีแดง ผมหน้ารวบขึ้นติดกิ๊ฟสีชมพูหวานแหวว ผมมองมันเฉยๆ หมดคำพูดเลยกับไอ้คนนี้ หยิบขนมปังในมือป้าแล้วเดินออกมา คนจ่ายตังค์เดินตามมาข้างๆ

“มึงเรียนเยอะจนเพี้ยนหรือไงวะ” เป็นผมที่อดไม่ได้หันไปพูดกับมันก่อน

“มึงๆ กูๆ ไรวะ น้องดี เรียกพี่น้ำสิ” ไอ้หน้ามึนมันแย่งเอาขนมปังในมือของผมไปแกะออกจากถุง ก่อนจะยื่นมาให้

 “จืด” ผมตอบกับมันก่อนจะหันไปสนใจกระรอกหลายตัวที่วิ่งมาขอเศษขนมปัง บิดขนมปังเป็นชินเล็กๆ ยืนไปให้กระรอกที่วิ่งมารออยู่บนต้นก้ามปูต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมทางเดิน


‘จืด’ เป็นชื่อของไอ้น้ำครับ ผมเรียกมันเอง ทำไมหรอ ก็เพราะน้องมันชื่อ ‘หวาน’ ไง พี่มันก็ต้องจืดดิ มันเรียนอยู่คณะสถาปัตย์ ปีห้าครับ สงสัยแม่งต้องทำงานกันไม่ได้หลับได้นอน มันถึงเอาหนังยางกับกิ๊ฟ ของหวานมาติดแบบไม่ดูหนังหน้าเถื่อนๆ ของตัวเองสักนิด

มันรู้นะว่าผมด่า มันยกมุมปากมองหน้าผมนิ่งอึดใจหนึ่ง ก่อนพูดว่า


“กระรอกน้อย” มันพูดพลางยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก


“อะไรมึง กระรอกน้งกระรอกน้อยไรวะ...โอ๊ะ ตัวนั้นสีขาวด้วยอะ ลูกมันแน่เลย วิ่งมาอย่างไว มะมะ มากินขนมของพ่อเร้ว” ผมเอ่ยพลางบิดขนมปัง ยื่นมืออกไป กระรอกสีขาวตัวนั้นท่าท่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะยื่นขาออกมาหยิบขนมปัง แล้ววิ่งจี๋ กระโดดขึ้นไปกิ่งไม้สูงขึ้นไป

“มึงไง กระรอกน้อย” มันบอกอย่างนั้น ดวงตาสีดำสนิทมีประกายขี้เล่นให้เห็นแม้ว่าจะมีแว่นตาบังอยู่ ชอบหาคำแปลกประหลาดมาเรียกจังนะ

“กระรอกน้อยพ่อง ไอ้จืด” ขนมปังหมดไปแล้ว ผมปัดมือและเดินไปที่โรงอาหารบัญชี ไม่สนใจคนที่เดินตามมา ได้ยินเสียงหัวเราะลอยตามลม แล้วฝ่ามือหนาก็ขยี้หัวผม

“โอ้ยๆ หัวกู มึงแม่ง กูเซ็ตตั้งนานนะเว้ย ผมยุ่งหมดละ” วันนี้อารมณ์ดี เซ็ตผมมาเรียนครับ ไอ้ซีจ้องผมตาโตแทบจะถลนเมื่อผมเดินลงบันไดมาก่อนจะโวยวายใส่ผมเพราะลงมาช้าไปสิบนาที มันมีเรียนแปดโมงครับ ผมเรียนเก้าชิวๆ แต่ก็ออกบ้านพร้อมกัน 

“นี่เซ็ตแล้วใช่ไหม” มันพูดพลางมองที่ผมสีดำหยักศกของผม ก็ผมที่เซ็ตเองแล้วก็ใช่ว่าจะทำทุกวันเมื่อไหร่ มันไม่ได้ออกมาสวยงามหล่อเนี้ยบหรอกครับ แต่ขนาดไอ้ซียังไม่ว่าอะไรซักคำเลยนะเว้ย

“มึงแม่ง ไอ้จืดเอ้ย” ผมรีบเดิน ก้าวยาวๆ ไปที่โต๊ะ หาไม่ยากหรอกครับ พวกผมมีโต๊ะประจำอยู่ด้านนอกใต้ต้นไม้ห่างจากร้านค้าที่สุด  จริงๆ แล้วมันใกล้กับที่เก็บจานพอดีจึงไม่มีคนนั่ง นานวันเข้าก็ติต่างกันเองว่าเป็นโต๊ะประจำ







“อ๋อ.....” ไอ้เก่งหันมามองหน้าผม ร้องเสียงดังจนไอ้สองคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เงยหน้ามองตามสายตาของมันมาที่ผมกันทั้งโต๊ะ

“อ๋อ ไรมึง” ผมถามมัน

“กูรู้ๆ" ไอ้แชมป์รีบตอบ ยักคิ้วหลิ่วตามมองผมสลับกับไอ้จืดที่ตอนนี้มาหยุดอยู่ทางซ้ายมือ

“อะไร” ผมถามพวกมันทำหน้าเฉย สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะผ่อนออกมาช้าๆ เตรียมพร้อมรับสิ่งที่จะตามมา

“มึงไม่ได้ไปให้อาหารกระรอกหรอกใช่ปะ” ไอ้ท็อปนั่งถัดจากไอ้แชมป์พูด

“มึงนัดกับพี่น้ำไว้แล้วไปพลอดรักกันมาใช่ไหม” ไอ้เก่งกลับมาพูดสรุปใจความสำคัญ หันไปตบมือกับไอ้สองคนที่เหลือ หัวเราะกันสนุกสนาน


“พ่อง”


ผมเดินไปตบหัวพวกมันแต่ละคนก่อนจะนั่งลง หยิบช้อน ตะเกียบขึ้นมาตักเกาเหลาที่ไอ้เก่งซื้อให้กินอย่างไม่สนใจ


“พี่น้ำ ไม่นั่งหรอครับ” ไอ้ท็อปหันไปถามคนที่ยืนอยู่

“ไม่หรอก มาส่งกระรอกเฉยๆ” ผมที่กำลังจะเคี้ยวลูกชิ้นถึงกับต้องวางช้อนลง หันไปตะคอกมัน


“ไอ้จืด!”

พวกที่เหลือหัวเราะกันใหญ่ ไอ้จืดมันไม่สนหรอกครับ มันหันมาบอกผมก่อนจะเดินกลับไป ทิ้งให้ผมโดนแซวทั้งวันด้วยคำพูดที่ว่า


“กินข้าวเยอะๆ จะได้โตไวๆ นะกระรอกน้อย”













คาบบ่ายเริ่มเรียนอาจารย์สอนไปได้ชั่วโมงกว่า พวกเพื่อนทั้งหลายมันเบื่อที่จะแชทกับสาวน้อยสาวใหญ่ในไลน์แล้ว หันมามองหน้ากันและมองมาที่ผมที่กำลังจดเล็คเชอร์อย่างตั้งใจอยู่

“กระรอกน้อย เรายืมดินสอหน่อยสิ” ไอ้แชมป์เริ่มก่อน ผมนับหนึ่งในใจ

“ขอลิควิดหน่อย...กระรอกน้อย” ไอ้ท็อปตามมาช้าๆ นับสอง

“เฮ้ยพวกมึง อย่าล้อมันดิ” ไอ้เก่งมึงเป็นเพื่อนกูใช่ไหม บางทีมันอาจจะสำนึกผิดที่ทำผมโกรธมันเมื่อกลางวัน ไม่รอให้ผมดีใจเกินสามนาที ไอ้หนึ่งก็พูดต่อ

“ให้พี่น้ำเค้าเรียกคนเดียวพอ เนอะ กระรอกน้อย”



“สัส!”


ผมเกลียดพวกแม่งว่ะ ล้อกันเข้าไป กระรอกน้อยไอ้น้ำจืดมันหมายถึงกระรอกตัวสีขาวที่วิ่งดุ๊กดิ๊กชูชางเป็นพวงมาขอขนมปังจากผมเมื่อกลางวันต่างหาก ไม่ได้หมายถึง กู เว้ยเฮ้ย

------------------------------------

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ดีใจมากเลย

 :กอด1:

Lavender's blue :)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 12:20:35 โดย Wendy »

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
กระรอกน้อยน่ารักเชียว

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 3)




ตอนที่ 3 ทำไม






งานพิเศษที่ผมหาทำเพิ่มนอกจากสอนพิเศษที่สถาบันวันเสาร์แล้ว ก็คือสอนพิเศษภาษาอังกฤษ คราวนี้สอนรายบุคคลครับ ไปสอนพิเศษที่บ้านเลย ค่าจ้างชั่วโมงละสามร้อย บ่ายโมงถึงสี่โมงวันจันทร์ครับ คนที่จะไปสอนชื่อ เน็ต



บ้านของเน็ตอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของผมเท่าไหร่ นั่งรถเมล์ประมาณสามป้ายก็ถึง หน้าบ้านมีลุงยามแก่พุงพลุ้ย นั่งถือพัดโบกให้ตัวเองไปมาอยู่หน้าตึก แกมองผมแล้วไม่ว่าอะไร เมื่อผมเดินไปกดออด สักพักมีผู้หญิงผมยาว ปะแป้งขาวๆ ที่แก้มทั้งสองข้าง เดินมาที่ประตูซี่ลูกกรงถามผม


“มาหาใครคะ”
“มาสอนพิเศษ น้องเน็ตครับ”
“อ้อ เดินขึ้นไปข้างบนเลยค่ะ”


ผู้หญิงคนนั้นเปิดประตูแล้วชี้ทางขึ้นไปข้างบนบ้านให้ บ้านเน็ตเป็นตึกแถว ด้านล่างเป็นร้านขายอะไหล่รถยนต์ ตลอดผนังและพื้นเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน แต่พอเดินขึ้นบันไดเข้ามาในบ้านแล้ว ผมก็แปลกใจกับการตกแต่งที่สวยงามทันสมัย แตกต่างจากบรรยากาศด้านล่างลิบลับ




“หวัดดีพี่” ผมหันไปตามเสียงเรียก เด็กหนุ่มรูปร่างเก้งก้างนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะเล็กที่คาดว่าเป็นโต๊ะสำหรับเรียนพิเศษโดยเฉพาะเห็นได้จากกองเอกสารหลายปึก สมุดเล่มเล็ก และตะกร้าเล็กเต็มไปด้วยปากกาหลากหลายสีสันวางอยู่ด้านในของโต๊ะ


“น้องเน็ต ?” ผมถาม

“อื้อ เน็ตเอง พี่ชื่อไรอะ” น้องส่งยิ้มมาให้ พอยิ้มแล้วตาหยีบอกยี่ห้อลูกคนจีนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

“ชื่อดีครับ วิศวะ ปีสี่” กำลังแนะนำตัวเองคร่าวๆ เจ้าเด็กก็ขัดก่อน

“หือ จริงดิ พี่หน้าเด็กมากอะ บอกเรียนปีหนึ่งปีสองยังเชื่อนะเนี่ย”

“เน็ตเรียนปีอะไรแล้ว” ผมยิ้ม เจ้าเด็กนี่ท่าทางจะเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีไม่เบา การสอนคงไม่มีปัญหา

“เน็ตซิ่วอะ ยังไม่รู้เลยจะเรียนไร” พูดคุยกันอีกสองสามประโยคก็ได้รู้ว่า เน็ตเรียนคณะมนุษย์ เอกภาษาจีนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแล้วเรียนไม่ไหวจึงซิ่วออกมา ตอนนี้รอสอบแอดมิทชั่นอยู่ อยากจะเรียนครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยผม




ผมหยิบชีทที่เตรียมมาให้เน็ตลองทำดู ปรากฏว่าเน็ตทำได้ 8 เต็ม 10 ผมจึงถามไปว่า

“ก็ทำได้นะ เรียนเพิ่มทำไมละ” ผมทำหน้างงๆ ข้อสอบที่เตรียมมานั้นมีความยากระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งได้คะแนนระดับนี้คือแปลว่าภาษาอังกฤษต้องดีมาก

“อ๋อ ก็ว่างไงแล้วก็มีคนจ้างมาเรียน ฮ่าๆ พี่ดี น่ารักจริงๆ ด้วย” เพิ่งเจอกันครั้งแรก ทำไมไอ้เด็กนี่แม่งพูดอย่างกับรู้จักกันมานานวะ

“พี่เป็นผู้ชายน่ารักได้ไงวะ” ไม่ชอบที่คนมาชมว่าหน้าตาน่ารัก

“หน้าพี่ฮามากอะ ขอถ่ายรูปหน่อย เดี๋ยวส่งให้เฮียน้ำดู อิอิ” ไอ้เน็ตพูด แล้วมันหยิบมือถือของมันออกมาถ่ายรูปผมที่ทำหน้างง เนื่องจากกำลังประมวลผลกับคำพูดของมัน มันจึงกดแชะอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวเมื่อกี้พูดว่า ‘เฮียน้ำ’ หรือเปล่านะ ถ้าถ่ายภาพการทำงานของสมองออกมาได้ มันจะเป็นเหมือนแสงไฟสว่างปิ๊งออกมาเมื่อตอนประมวลผลได้อย่างที่ผมกำลังรู้สึกตอนนี้ไหม



“รู้จักน้ำ สถาปัตย์ ปีห้า ด้วยหรอ” ไอ้เน็ตกำลังง่วนกับการนั่งจิ้มโทรศัพท์ของมันจึงเผลอตอบผมมาว่า

“อื้อ รู้จักดิ ลูกพี่ลูกน้องกันอะ เฮ้ยยย ซวยแล้ว” ไอ้เน็ตหน้าจ๋อยสนิท เมื่อมันเปิดเผยความจริงออกมา
ผมมองหน้ามันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แล้วเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นทันที











“เฮียน้ำ เน็ตขอโทษนะ” เสียงไอ้เน็ตซึมๆ มาตามสัญญาณโทรศัพท์ หลังจากที่มันดันทำแผนแตก ดีเดินออกจากบ้านมันไปทั้งที่มาไม่ทันถึงครึ่งชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ

“อือ คิดอยู่เหมือนกัน” เสียงนิ่งๆ จากปลายสายยิ่งทำให้คนเด็กกว่าลนลาน

“เน็ตกำลังถ่ายรูปพี่ดีอะ แล้วก็ส่งไลน์ให้เฮียไง ตอนนั้นกำลังมีสมาธิกับโทรศัพท์อยู่ เฮียเข้าใจกันหน่อยนะ”

“อืม ช่างเถอะ เดี๋ยวกูเคลียร์เอง ที่สัญญาไว้ยกเลิกนะมึง”

เจ้าเน็ตขอฟิกเกอร์ตัวการ์ตูนตัวใหญ่ที่เพิ่งวางขายเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเป็นของตอบแทนที่เขาให้มันมาเรียนพิเศษเพื่อจะแอบช่วยเหลือสองพี่น้องซีดี แต่เมื่อแผนดันแตกในเวลาไม่ถึงชั่วโมงอย่างนี้ ข้อตกลงทั้งหลายก็ต้องยกเลิกไป น้ำวางสาย กดโทรหาอีกคนทันที


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลายครั้ง จนในที่สุดก็ปลายสายก็กดรับ ปล่อยให้เกิดความเงียบระหว่างกันจนเมื่อน้ำแน่ใจแล้วว่าอีกคนไม่กดสายทิ้งจึงถามออกมา

“ถึงบ้านหรือยัง”
“ยัง” ดีไม่ตอบทันที รออึดใจหนึ่งได้ยินเสียงสูดลมหายใจ
“แล้วตอนนี้อยู่ไหน”
“สระน้ำ”













ผมนั่งมองสระน้ำ ลมเย็นสบายพัดพาเอาความขุ่นข้องใจจากเหตุการณ์เมื่อครู่ให้หายไปทีละน้อย เมื่อลองมานึกดูแล้วมันก็มองเห็นความปรารถนาดีของเพื่อนคนหนึ่งที่ยื่นเข้ามาช่วยเหลือในยามเดือนร้อน แต่แค่วิธีการของมันทำให้ผมดูเหมือนคนโง่ไปหน่อยเท่านั้น ถ้ามันบอกตั้งแต่แรก ผมอาจไม่ตั้งแง่แบบนี้หรอก




ไอ้จืดเดินลงมานั่งข้างๆ ผม เสียงหอบหายใจมีให้ได้ยินเป็นระยะ มันเงียบ ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร เรานั่งกันสักพักจนแดดเริ่มไล่มาถึง มันจึงลุกขึ้นและดึงแขนผมพาเดินไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้ในมหาวิทยาลัย เดินมาถึงด้านหลังมอ ขณะเดินผ่านร้านกาแฟราคาย่อมเยา มันหยุดแล้วเดินนำขึ้นไปนั่งในร้าน ริมน้ำตกเล็กๆ ได้ยินเสียงน้ำกระทบก้อนหิน ความรู้สึกผ่อนคลายก็ขยับเข้ามาใกล้อีกนิด



“มอคค่าปั่นไม่หวานกับคาปูชิโน่เย็นครับ” ผมยังคงนิ่ง ทั้งที่ในใจกำลังสงสัยและมีคำถามที่ยังคงต้องการคำตอบให้ชัดเจน

“อะ พี่เลี้ยงเอง ไม่ต้องเกรงใจ” วางแก้วกาแฟลงตรงหน้า ยิ้มน้อยๆ ผมหยิบมาดื่ม

“ใจเย็นหรือยัง” ผมนิ่ง มองหน้ามัน

“ทำอย่างนี้ทำไม” สบตามันไม่กะพริบ

“ก็เห็นว่าร้อน เลยพามาเลี้ยงกาแฟ” ไอ้จืดหยิบเครื่องดื่มขึ้นจิบด้วยท่าทางชวนหมั่นไส้

“กวนตีน เอาดีๆ ดิ กูจะอารมณ์เสียอีกรอบเพราะมึงอีกละ”

“ให้เอาเลยหรอ ไวไฟอะเรา” มันยังคงกวนอย่างต่อเนื่อง

“สัส” ผมทำท่าจะลุกขึ้น มันดึงแขนไว้ทันควัน



“ก็ไอ้เน็ตมันว่างๆ เลยไปบอกให้มันเรียนพิเศษไง แล้วพอดีหวานมาบอกว่าดีจะสอนพิเศษเลยแนะนำไป” คนแนะนำงานผมคือยัยหวานนี่แหละครับ ผ่านเจ้าซีอีกที ทำงานเป็นทีมดีนะพวกมึง

“แค่นี้ ?”

“แล้วก็ซีบอกว่าดีชอบมอคค่าปั่นไม่หวาน เลยสั่งให้อะ” อันนี้ไม่ได้อยากรู้เลยจริงๆ



“ขอโทษนะ” ไอ้น้ำมองหน้าผมแล้วทำหน้าเสียใจ ใบหน้าของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามมีรอยเว้าวอน จนต้องรับคำ



“อืม”





“แล้วก็...ชอบดีนะครับ”




“อืม”



ผมก้มลงดูกาแฟของตัวเอง จับแก้วกาแฟแน่นขึ้น ไม่อย่างนั้นแล้ว มือคู่นี้คงได้สั่นมากกว่านี้แน่ๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันพูดแบบนี้ โดนว่ากี่ครั้งมันก็ยังคงพูดจนเป็นผมที่ยอมแพ้เลิกว่ามัน แล้วได้แต่รับคำที่ไม่ใช่ทั้งคำตอบรับหรือปฏิเสธ แต่คราวนี้พอได้ยินมันพูดแล้ว จู่ๆ มือก็สั่นขึ้นมา หวังว่ามันคงไม่ทันเห็นหรอกนะ









สาวเสิร์ฟที่กำลังวางบัตเตอร์เค้ก ชะงักนิดเดียว ก่อนจะเดินออกไป แอบได้ยินเสียงพูดคุยจากหลังร้าน

“แกๆๆๆๆ พี่น้ำอะ พี่น้ำ”
“เออๆ ได้ยินเหมือนกัน จะละลาย พี่ดีแม่ง โชคดีสมชื่อเลยนะ”
“พี่ดีเย็นชาจังเลยน้า น่าสงสารพี่น้ำจัง”
“ใครว่า พี่ดีแอบเขินนะ เห็นอยู่ มือสั่นเชียว”
“ฟินอะ ฟินๆ มีความสุข อิอิ”   







“จืด” ผมหันไปมองคนที่นั่งยิ้มแก้มแฉ่ง มองหน้าผม ตาพราวระยับ วันนี้มันไม่ใส่แว่นทำให้มองเห็นดวงตาสีดำสนิทได้ชัดเจน

“แม่ง กูไปละ” ทำหน้าไม่ถูก เดินหนีไว้ก่อนละกันนะ





“กระรอกน้อย เตรียมตัวไว้นะครับ พี่น้ำจะเริ่มรุกแล้วนะ” มันพูดอย่างนั้นออกมาได้หน้าตาเฉย แล้วผมจะอยู่นิ่งทำไมละครับ เดินจ้ำอ้าวออกไป สาวร้านกาแฟยังคงมองตามระหว่างผมกับมัน ตาเป็นมันเชียวนะพวกเธอ !



------------------
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ

Lavender's blue :)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 12:25:47 โดย Wendy »

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
น่ารักค่ะ
รอตอนต่อไปนะ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
นี่ยังไม่รุกเหรอพี่น้ำ 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 4)






ตอนที่ 4 ความประทับใจแรก







ผมไม่เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบ

มันฟังดูการ์ตูนผู้หญิงมากๆ ยิ่งยัยหวานน้องสาวตัวดีของผมเฝ้าพร่ำเพ้อ ผมยิ่งหน่าย





“Love at first sight มันไม่มีหรอกเจ้าหวาน ความรักมันต้องเกิดจากการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ค่อยๆ เข้าใจกัน รักกันเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น เหมือนหยอดกระปุกออมสินอะ แกเข้าใจปะ มีอย่างที่ไหน เห็นหน้าแล้วชอบเลยอะนะ แม่งมันก็รักแค่หน้าตาเปลือกภายนอก”

ผมเฝ้าบอกมันอยู่เป็นประจำ แหย่จนมันเกิดโมโหขึ้นมาและชี้หน้าว่าผม


“เฮีย คอยดูนะ สักวันเฮียจะล้มทฤษฎีของเฮียด้วยตัวเอง แล้วอีกอย่างนะ รักแรกพบน่ะ มันไม่จำเป็นต้องเกิดจากหน้าตาหรอก มันรวมไปถึงความประทับใจในสิ่งที่เค้าทำด้วยเหอะ เฮียอะ ไม่โรแมนติกเลย ให้ตายสิ”

มันสะบัดหน้า เดินหนีผมไป ปล่อยให้ผมหัวเราะขำกับท่าทางมันคนเดียว










เสียงคุยจอกแจกของเหล่านักศึกษาดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อแสงไฟที่ถูกหรี่ไว้สว่างขึ้น ทั้งที่เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ยังคงชุมนุมอยู่ในห้องประชุมใหญ่ของคณะอย่างคึกคัก เนื่องด้วยวันนี้มีการพรีเซ็นท์ไฟนอลโปรเจ็คของนักศึกษาสถาปัตย์ ชั้นปีที่สี่ หรือที่เรียกกันว่า จูรี่



นักศึกษาบางคนเดินหน้าซึม ตาเศร้าออกมาจากห้อง แต่จากที่เห็นส่วนมากจะทำหน้ามึนๆ และง่วงๆ กันมากกว่า เพราะคืนที่ผ่านมาทุกคนก็นั่งทำงาน อดหลับอดนอนกันทุกคน กำหนดเส้นตายส่งงานเวลา 9 โมงตรง อาจารย์นั่งอยู่ตรงช่องหน้าต่างเล็กๆ ให้นักศึกษายื่นงานผ่านช่องเล็กๆ นั้นเข้าไป ทุกคนต้องเซ็นชื่อพร้อมลงเวลา เคยมีเพื่อนบางคนที่มาไม่ทันเวลา แต่ละคนได้ทานปลา (F) จากงานชิ้นนั้นไปเลยก็มี 



ปกติวันส่งงานและวันนำเสนอผลงานหรือที่เรียกกันว่า จูรี่ จะมีในวันถัดไป แต่คราวนี้มาแปลก อาจารย์ให้ส่งงานเช้าและตอนบ่ายเป็นจูรี่ แทนที่ทุกคนจะได้กลับไปนอนตายที่ห้อง แต่ละคนก็นอนตายกันเกลื่อนแถวๆ ใต้อาคารแทน
 
จูรี่คราวนี้เป็นจูรี่รวมซึ่งหมายถึงนักศึกษาทุกคนในแต่ละกลุ่มเล็ก (เซ็คชั่น) พร้อมอาจารย์และพี่ปีแก่ (อาจารย์เด็กๆ ที่เป็นรุ่นพี่ของพวกเราหรือรุ่นพี่ที่จบไปเป็นเจ้าของกิจการแล้วเข้ามาดูแววรุ่นน้องซึ่งบางคนอาจโดนจองตัวตั้งแต่เรียนปีสี่เลยก็มี) จะนั่งฟัง โดยนักศึกษาแต่ละคนออกมานำเสนอ ผลงานของตนเอง อธิบายแนวคิด วัตถุประสงค์ของการออกแบบงานของเรา และตอบคำถามจากผู้ฟังทุกท่านเท่านั้นเอง ฟังดูง่ายใช่ไหมครับ มันยากตรงที่ฟังคอมเม้นท์อาจารย์แต่ละคนเนี่ยแหละ ตอนปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่ๆ คนไหนไม่ร้องไห้ก็ไม่ใช่เด็กสถาปัตย์แล้วละครับ จนถึงตอนนี้เพื่อนบางคนยังแอบน้ำตาซึมเมื่อโดนอาจารย์ซักถามและชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา (ที่สุด) อยู่เลย


ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยครับ แต่มันเป็นสิ่งที่ชอบ ผมก็มีความสุขดีนะ งานคราวนี้ผมได้ B+ อาจารย์ติเรื่อง Master Plan ที่ไม่ลงรายละเอียดของต้นไม้รอบอาคารกับ ภาพตัด section ที่เล็กไปหน่อย โดยรวมก็ถือว่าดีครับ









ผมขับรถกลับถึงคอนโดเกือบๆ จะเที่ยงคืน ยัยหวานยังคงนั่งตาแป๋ว จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ ยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่อยู่ 

“ทำอะไรทำไมยังไม่นอน” ผมเดินเข้าไปดื่มน้ำในห้องครัว

“รอเฮียแหละ.... อิอิ พระเอกแม่งฮ่าอะ ทำได้ไงเนี่ย”  อันหน้าตอบผม ส่วนอันหลังพูดกับตัวเองครับ ชินละ น้องสาวบ้าการ์ตูน อ่านนิยาย  พูดเองเออเองเป็นเรื่องปกติ ไม่น่าจะมาเป็นครูได้นะครับ แต่มันก็เป็นไปแล้ว เอากับมันสิ คิดภาพเวลามันไปสอนหนังสือ คงคุยเรื่องการ์ตูนกับนักเรียนกันสนุก

“เฮีย  พรุ่งนี้ ไปกินข้าวบ้านซีนะ” 

“อืม เอาสิ ให้ไปรับกี่โมง”  พรุ่งนี้ผมนอนยาวทั้งวันแน่  ถามมันก่อนจะได้ตั้งนาฬิกากะเวลาไปรับถูก

“อะไร นี่ชวนไปกินข้าวบ้านซีด้วยนะ  ไม่ได้ให้ไปรับเฉยๆ” 

“ทำไม อยากอยู่บ้าน นี่ไม่ได้นอนมาสามวันแล้ว” ผมทำหน้ายุ่ง

“เฮียยยยยยยย” ยัยหวานลากเสียงมาขนาดนี้ อ้อนครับ

“ไม่ใช่อย่างนั้น ก็แบบรู้ว่าเฮียจะพักผ่อนไง  เลยชวนไปกินข้าวด้วยกัน ไม่ต้องทำกับข้าวไง ไปนะๆ”  ปกติพวกผมทำกับข้าวทานกันเองครับ ไม่ซื้ออาหารถุงเพราะผมแพ้ผงชูรส 

“อีกอย่างจะได้รู้จักเพื่อนหวานมากขึ้นด้วยไง ยัยซีมีพี่ชื่อพี่ดี จะได้รู้จักกันไว้ เผื่อฉุกเฉินจะได้ติดต่อกันได้” 

คงเห็นว่าผมยังไม่ค่อยเต็มใจ หวานเลยยกเหตุผลมาอีกข้อ  อืม ก็จริง ถ้าติดต่อยัยหวานไม่ได้ ก็ติดต่อซี ถ้าติดต่อซีไม่ได้ก็ติดต่อพี่ดี พี่ชายซี สาวๆ สองคนนี้ยิ่งไม่ชอบรับโทรศัพท์ด้วย ทำให้มีหลายครั้งที่ต้องเป็นห่วงกันวุ่นวายไปหมด

“เออๆ ไปก็ได้ กี่โมงล่ะ”

“เย้! ห้าโมง มารับที่คณะด้วยนะ” ยัยหวานทำเสียงดีใจ ก่อนจะหันไปรัวแป้นพิมพ์ หัวเราะคิกคัก ปิดคอมพ์และเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป













ผมเดินช้าๆ มารอยัยหวานที่คณะ มานั่งใต้ถุนอาคารมีนักศึกษานั่งอยู่ประปราย บางคนนั่งสอนพิเศษกับเด็กส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว



ผมนั่งมองไปรอบบริเวณ ที่มุมตึกใกล้สวนหย่อมขนาดเล็กเห็นสุนัขตัวพันทางสีขาวแต้มสีดำ ทำท่าลับๆล่อๆ ค่อยขยับออกมาจากสวนหย่อมข้างตึก มันดูหวาดระแวง ไม่กล้าจะสู้คนนัก ลูกตัวเล็กหลากสีทั้งขาว น้ำตาล ดำ และลายจุดวิ่งตามออกมาเป็นพรวน ต่างมะรุมมะตุ้มใช้ขาเล็กเกาะดูนมมันพะรุงพะรัง


“มามะ แต้ม พ่อเอาขาไก่มาฝากด้วยนะวันนี้”  ระหว่างที่กำลังมองภาพครอบครัวหมาเพลินๆ มีเสียงไม่ทุ้มไม่ห้าวกล่าวขึ้น สรรพนามที่แทนตนเองว่า ‘พ่อ’ ทำให้ผมหันไปมองเจ้าของเสียง


“นี่ดูๆ มีกระดูกหมูด้วยนะ ไปขอแม่ค้ามา”  มือผอมล้วงถุง ยืนกระดูกหมูชิ้นใหญ่ให้ ‘แต้ม’ อย่างไม่มีท่าทีรังเกียจ แต้มเองก็ดูคุ้นเคยกับคนนี้ดีเพราะมันกระดิกหางและเลียมือนั้นอย่างดีใจ

“ค่อยๆ กินก็ได้ ไม่มีใครกัดหรอกน่า ช้าๆ ใครมายุ่งเดี๋ยวพ่อตีมันเอง”

“เจ้าตัวเล็กๆ พวกนี้น่าจะกินข้าวได้แล้วนะ อยู่นี่ก่อนเดี๋ยวมา”  พูดจบชายคนนั้นก็เดินเข้าไปในโรงอาหารที่อยู่ไม่ไกล สักพักก็เดินออกมาพร้อมกับแม่ครัวที่ถือเศษอาหารถุงใหญ่


“ป้า ดูสิวันนี้ออกมาหมดเลย เมื่อวันก่อนยังดูกลัวๆ อยู่เลย”

“นั่นสิ วันแรกมันกลัวทุกคนเลย ผอมโซเชียว ป้าเลยเอาข้าวมาให้ ตอนแรกนี่ต้องเอามาแอบวางไว้ใกล้ๆ และเดินไปแอบก่อนนะ มันไม่กล้ากิน ตอนนี้เป็นไงเชื่องแล้ว นะแต้มนะ” ป้าวางถุงลงข้างตรงหน้าแต้มและลูกหมา



ป้าแม่ครัวกลับไปแล้วเหลือแต่ชายหนุ่มร่างผอมคนนั้น และผมยังคงมองเขาอยู่

“กินเก่งจังเน้อ พรุ่งนี้จะเอามาให้ใหม่นะแต้มนะ บ้ายบายตัวเล็กๆ”  เขาหยิบถุงพลาสติกเปล่าที่ตอนแรกเต็มไปด้วยเศษอาหารขึ้นมา ก่อนจะนำไปทิ้งที่ถังขยะโดยระหว่างทางก็ก้มเก็บเศษขยะเล็กๆ ไปด้วย



โห ประทับใจครับ ประทับใจโคตรพ่อโคตรแม่  คนอะไรจะดีได้ขนาดนี้ 



นั่นเป็นความคิดทั้งหมดของผมที่มีต่อผู้ชายคนนั้นจากการแอบมองทุกพฤติกรรมของเขา คนดีคนนั้นเดินหายไปทางห้องน้ำและกลับออกมานั่งใกล้ๆ กับผมที่ยังคงนั่งรอน้องสาวตนเอง 


ผมมองเขา


เขาเป็นชายรูปร่างผอม แต่ก็มีแก้ม ตากลม ผิวสีเนื้อนวล ออกไปทางขาว ไม่สูงแล้วก็ไม่เตี้ย มาตรฐานชายไทยทั่วไป กางเกงขาเดฟสีดำ เสื้อนักศึกษาปล่อยชาย ไม่ผูกไทด์ สวมรองเท้าผ้าใบที่ใครก็ใส่กันดาษดื่น


เขาเป็นคนธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ทั่วไปซึ่งหากเดินสวนกันหลายคนคงมองไม่เห็นเขาด้วยซ้ำ แต่เพราะจากกระทำของเขาที่ผมได้เห็นเมื่อครู่ มันทำให้ใจคนมองเต็มตื้น ไม่น่าเชื่อว่าการทำความดีแบบที่เราเคยเขียนลงในสมุดตอนประถมอย่างช่วยคนแก่ข้ามถนน เก็บเศษขยะ หรือให้ข้าวสุนขจรจัดจะมีคนทำจริงๆ


มันน่าประทับใจจริงๆ นะ






ผมคงจ้องเขานานเกินไปจนรู้ตัว มองกลับมาที่ผมด้วยใบหน้านิ่งๆ รอยยิ้มที่มีให้แต้มและป้าแม่ค้าไม่มีอีกแล้ว เห็นเพียงคิ้วขมวดและปากที่เม้มแน่น ดวงตาที่เปล่งประกายความสุขจากการแทนตัวเองว่า ‘พ่อ’ กับหมาจรจัดนั้นหายไปแทนที่ด้วยสายตาว่างเปล่าเฉยชาเสียจนผมรู้สึกแย่เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ความอบอุ่นบนใบหน้านั้นหายไป


ผมยิ้มให้เขานิดๆ พยายามเป็นมิตรกับเขาเต็มที่ แต่เขายังคงนิ่ง สบตาผมเพียงเล็กน้อยทำราวกับผมเป็นธาตุอากาศ มองผ่านไปข้างหลัง


“พี่ดี รอนานไหมอะ อาจารย์ปล่อยเลทเกือบยี่สิบนาทีได้ โทษทีน้า” หญิงสาวผมยาวคนหนึ่งวิ่งผ่านผมตรงเข้าไปกอดแขนออดอ้อนเขา

“โคตรช้าอะ คราวหลังไม่รอละนะ กลับเองเลย ยุงกัด คันไปหมดแล้วเนี่ย” เขาบ่นงึมงำ ยกมือขึ้นโยกศีรษะเล็ก แล้วเอื้อมมือไปช่วยหญิงสาวถือตำราเรียน “ขนอะไรมาเยอะแยะ โคตรหนัก แม่ง หิวแล้วเนี่ย”

“จุ๊ เบาๆ หน่อย มาบ่นไรเนี่ย เอาขนมไหม”  หญิงสาวค้นกระเป๋าหยิบคุกกี้แกะส่งให้ทาน พอเขาได้ขนมแล้วก็เงียบไปเลย น่ารักดี



“เฮียยยยยย” ไม่ถึงนาทียัยหวานส่งเสียงร้องเรียกมาแต่ไกล ยิ้มแฉ่งอวดฟันทุกซี่ ทำหน้าอ้อนเพราะทราบดีว่าตนเองมาช้ากว่าเวลาที่นัดไว้เกือบยี่สิบนาที

“ซี พี่ดี นี่ๆ เฮียน้ำพี่ชายหวานเอง” หวานเรียกหญิงสาวคนที่เข้าไปอ้อนออดคนดีคนนั้น ‘ซี’ ยิ้มกว้างแล้วยกมือไหว้ ผู้ชายคนนั้นหันมามองผม คิ้วยังขมวดอยู่นิดๆ

“เฮีย นี่คนนี้ซี เพื่อนหวานแล้วก็ พี่ดี พี่ชายซี” หวานแนะนำ ‘สองพี่น้องซีดี’ ที่เจ้าตัวพูดถึงบ่อยๆ ให้ผมรู้จัก

“พี่ดี หิวแล้วละซิ ไปๆ เดี๋ยวหวานแสดงฝีมือเอง แล้วจะรู้ว่าความอร่อยเป็นยังไง ฮ่าๆ” หวานเห็นดีทานขนมจึงไล่ต้อนทุกคนไปที่รถและเป็นหน้าที่ผมขับรถไปบ้านพี่น้องดีซีโดยมียัยหวานทำตัวราวกับเป็นเจ้าของบ้านบอกทางที่ผมเองก็เคยขับรถรับส่งสองสาวหลายหนแล้ว







“พี่ดี เรียนวิศวะปีสาม เฮียน้ำปีสี่ เฮียเรียนสถาปัตย์นะ” เจ้าหวานพูดขึ้นตอนอยู่ในรถ

“หวาน จะทำอะไรกิน ซื้อของแล้วหรือ”  ผมเอ่ยขึ้นขัดคนช่างจ้อก่อนที่มันจะพูดมากกว่านี้

“ทำแกงเขียวหวานค่ะพี่น้ำ พี่ดีอยากกิน” ซีซึ่งนั่งอยู่ตอนหลังเอ่ยตอบแทน

“อะไร ไม่ได้อยากกินเหอะ มึงแหละอยากกินอะ”  คนที่นั่งเงียบมาตลอดทางพูดกับน้องสาว

“หรอ งั้นทำแกงเลียงละกัน แกงเขียวหวานไม่ใช่ของโปรดสักหน่อย” ซีทำหน้าซื่อใส่พี่ชายแล้วหันไปหัวเราะคิกคักกับหวาน

“ไม่เอาๆ จะทำแกงเขียวหวานกันไม่ใช่หรือไงล่ะ ถึงได้มารอเนี่ย ฮึ่ย ซี เดี๋ยวจะโดน” คนถูกแกล้งโวยวายใหญ่ จับน้องสาวเขย่าไปมา

“เจ้าค่ะๆ คุณชาย ยังไงก็ต้องแกงเขียวหวานอยู่แล้ว ซื้อของมาแล้วน่า” ซีตอบหัวเราะกับหวานยกใหญ่ 

“ขนมจีนซื้อมาหรือยัง”  ผมถามขึ้นมา แอบสังเกตพฤติกรรมของสองพี่น้องนี้แล้ว รู้สึกไม่แน่ใจว่าซีเป็นน้องสาวจริงหรือเปล่า เมื่อคนเป็นพี่ชายทำตัวเหมือนเป็นเด็กๆ

“ยังไม่ได้ซื้อเลยเฮีย เดี๋ยวแวะตลาดหน่อยน้า” หวานขอโทษขอโพย แล้วให้ซีบอกทางไปตลาด

ผมเปิดไฟเลี้ยว แวะจอดที่ตลาดใกล้บ้านสองพี่น้อง รถจอดสนิทสองสาวจึงลงไปซื้อของทิ้งพี่ชายทั้งคู่อยู่บนรถ













“มองอะไร” 

เสียงเพลงนักร้องเกาหลีถูกปรับเบาลงเมื่อคนที่นั่งอยู่ตอนหลังถามขึ้นมา ตวัดดวงตาสีน้ำตาลเข้มสบกันในกระจกรถมองหลัง ...ตาดุเว้ย


“อยากรู้จัก”  ผมตอบยิ้มๆ อารมณ์ดีขึ้นมาเมื่อคนที่แอบมองสนใจ เห็นทำหน้าเฉยนึกว่าไม่รู้ตัวซะอีกที่โดนมอง

“รู้จักทำไม” 

“ชอบ ดูเป็นคนดี” ในเมื่อถามมาตรงๆ ก็ตอบตรงๆ ดีขมวดคิ้ว มองหน้าผม

“อืม รู้จักกันแล้วไง” ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่แปลกใจกับคำว่า ‘ชอบ’ ที่ออกมาจากปากของผู้ชายด้วยกันสักนิด หรือไม่อย่างนั้นอาจจะไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ

“ไม่รู้ว่าเป็นพี่ซี ไปคอนโด มาส่งซีหลายครั้งไม่เคยเห็น” สองสาวซี้กันมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง ต้องทำกิจกรรมรับน้องหลายงาน บางครั้งที่กิจกรรมเลิกดึกผมและหวานมาส่งซีถึงบ้านไม่เคยเจอพี่ชายของซีที่พูดถึงเลยสักครั้ง

“อืม” ตอบมาแค่นี้ ไปไม่เป็นเลยครับ เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่อยากรู้จักผมเหมือนที่ผมอยากรู้จักเขาเลยสักนิด

“ชอบแกงเขียวหวานหรือ” พยายามอีกสักรอบ บางทีดีอาจจะอยากคุยเรื่องอาหาร

“อืม” สายตาว่างเปล่าและคำตอบรับในคือที่เป็นไปอย่างเสียไม่ได้ทำให้ผมยอมแพ้ โอเค ไม่พูดแล้วครับ
แล้วผมกับดีก็นั่งเงียบ รอสองสาวกลับมา












ยัยหวานและซีหายไปทำกับข้าวกันสองคนในครัวเล็กหลังบ้าน อยากเข้าไปช่วยนะ แต่ครัวเล็กมากจริงๆ สองสาวยืนคุยกันงุ้งงิ้งก็เต็มแล้วละครับ เลยต้องมานั่งดูโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่น  พร้อมกับดี ที่ตอนนี้เอาแต่นั่งจ้องโทรทัศน์ ไม่สนใจกันเลย ผมกลายเป็นธาตุอากาศไปแล้ว


เจ้าของบ้านอยู่บนโซฟา นอนเหยียดยาว มือถือรีโมทแน่นราวกับกลัวว่าจะโดนแย่ง ตาจ้องโทรทัศน์ไม่กะพริบ ใบหน้าเคร่งครึมนั้นผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด




“ฮา ฮ่าๆๆ ฮะ ฮะ ฮ่าๆ”




ผมเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์เมื่อได้ยินคนที่นั่งนิ่งๆ ดูโทรทัศน์หัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะเต็มเสียง ท่าทางมีความสุข ราวกับเป็นคนละคนกับคนที่พูดแต่คำว่า ‘อืม’ ในรถเมื่อครู่

เหมือนจะรู้ตัวว่าถูกมอง เสียงหัวเราะจึงหยุดไปเสียเฉยๆ เจ้าของเสียงมองผมตาขุ่น ก่อนจะกลับไปจ้องโทรทัศน์ต่อ

“พี่น้ำ พี่ดี ทานข้าวกัน” เมื่ออาหารพร้อมซีเดินมาบอก แล้วกางโต๊ะญี่ปุ่นตรงช่องว่างระหว่างหน้าโทรทัศน์และโซฟา วางขวดน้ำปลาและจานชาม หวานยกหม้อแกงเขียวหวานหอมฉุยวางไว้ตรงกลาง

“เฮีย ราดขนมจีนหรือราดข้าว”  หวานถามผม และจัดจานให้อย่างรวดเร็วเมื่อตอบว่าราดขนมจีน ผมขยับตัวลงมานั่งล้อมโต๊ะบนพื้นกับสองสาว

“พี่ดี ขนมจีน” ซียกจานไปให้ดี ราดน้ำปลาและจัดช้อนส้อมเรียบร้อย

“ไม่นึกว่าจะกินได้นะ”  คนที่นั่งกินเงียบๆ คนเดียวบนโซฟาพูดขึ้นมาหลังจากทานไปสักพัก

“โห พี่ดี แค่กินได้หรอ หวานทำเองเลยนะ น้อยใจจังอะ” ยัยหวานทำเสียงเล็กเสียงน้อย

“อืม ก็ว่า ถ้าซีทำ หมายังไม่แดกเลย เอาจริง” ดีพูดหน้าตาย ทำเอาทุกคนหัวเราะออกมาไม่เว้นแม้แต่คนโดยว่า

“ก็นั่งกินกันอยู่สี่คนอะ คิดว่าใครเป็นหมาพี่ดี” หยุดหัวเราะได้ ซีก็โต้ตอบพี่ชายทันที

“แกมั้ง” ดีสวนทันควัน ท่าทางรีบเคี้ยวรีบกลืนนั่นน่ารักชะมัด

“พี่ดี!!” ซีตะโกน ตาขวาง จากที่เล่นๆ กันเมื่อครู่น้องสาวดูท่าจะโกรธพี่ชายขึ้นมาซะแล้ว

“ฮ่าๆ ฮะ ฮะ อะไรโกรธหรอ ไอ้เหยินเอ้ยยย” คนที่กำลังจะโดนโกรธดันหัวเราะออกมา แกล้งแหย่งน้องตัวเองเสร็จหันกลับไปมองโทรทัศน์แล้วกินต่อไป




“เฮียน้ำยิ้มอะไร”


ยัยหวานหันมาเห็นผมอมยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก  ผมไม่ตอบนั่งตักขนมจีนต่อไป อาหารในจานเพิ่งพร่องไปเพียงเล็กน้อยเพราะคอยแต่จะฟังดีพูด ต่างกับอีกคนที่ตอนนี้ทานหมดแล้วยื่นจานกลับมาให้น้องสาวเติม ทั้งๆ ที่เหมือนจะทะเลาะกันแต่ซีก็ตักข้าวเพิ่มให้พี่ชาย



“พี่ดีรอบนี้ราดข้าวนะ ขนมจีนหมดแล้ว” ซีส่งจานให้มือผอม สองตายังคงจ้องโทรทัศน์ไม่เลิก

“อะไรเนี่ยแก ทำไมมีแต่น้ำกับมะเขืออะ” พอเห็นจานของตัวเองก็โวยวายใหญ่

“ก็เหลือเท่านี้แล้วอะ กินไปบ่นจัง” ดีมองหน้าซี หรี่ตา หันไปคว้าหม้อมาดู วางหม้อลง เหลือบมองไปในจานของคนอื่น หยุดสายตาที่จานของผมสามวินาทีก่อนจะสะบัดหน้าค้อนใส่ซีและมองโทรทัศน์ มือเขี่ยๆ จาน แอบเห็นทำปากยื่นๆ ด้วยนะ


เจออาการอย่างนี้เข้าไป ผมจึงตักหมูเด้งชิ้นสุดท้ายของแกงหม้อนี้ที่อยู่ในจานของผมให้ ยัยหวานและซีที่กำลังแอบบ่นดีเบาๆ ชะงัก มองผม ก่อนจะหันหน้าไปซุบซิบกัน และส่งเสียงหัวเราะประหลาดกันสองคน

คนหน้างอไม่พูดอะไรสักคำ แต่เห็นแววตาพึงพอใจ ก่อนจะก้มลงกินข้าวในจานของตนเองจนหมด











เกือบสามทุ่มเราถึงได้ออกจากบ้านพี่น้องดีซี เมื่อมาถึงคอนโด ยัยหวานมาเคาะประตูห้องผม หัวเราะหึหึในคอ

“เป็นไงเฮียวันนี้ ข้าวอร่อยชิมิละ” ทำเสียงล้อเลียนกวนอารมณ์ได้อีก

“ก็งั้นๆ อะ” อร่อยเหมือนทุกครั้งที่ทานกันแหละ ผมคิดว่าผมรู้เหตุผลที่น้องสาวมายืนหน้าตาแป้นแล้นหน้าห้องผมตอนนี้นะ




“หรอ แล้วถูกใจมะ” ยัยหวานลากเสียงยาว พูดจบก็ฉีกยิ้มกว้าง เป็นพี่น้องกันมามองตาก็รู้แล้วว่าสิ่งที่ถามไม่ใช่อาหารแน่นอน ผมเงียบไปสักพัก ทบทวนคำตอบของตนเองให้ดีแล้วจึงบอกว่า




“หวาน บางทีนะ ความรัก อาจเกิดขึ้นจากทฤษฎีของแกกับของเฮียรวมกันก็ได้นะ”




ยัยหวานระเบิดเสียงหัวเราะลั่นและกระโดดกอดผมทันที





“เฮีย งานนี้สู้ๆ นะ หวานกับซีช่วยเต็มที่เลย”




-----------------------------
ย้อนกลับไปตอนเฮียน้ำเจอดีครั้งแรกค่ะ
หนูดีอะไรจะเป็นคนดีน่ารักได้ขนาดนั้น คิคิ  :-[
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

Lavender's blue : )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 12:35:51 โดย Wendy »

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
พี่ดีเก๊กมากอ่ะ น่ารัก 5555
รอตอนต่อปายยยยยย
สู้น้าาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
น่ารักดีน้าาาาาาา
พออ่านจากมุมมองของจืด (เอ้ย น้ำ) แล้ว รู้สึกดีเฉยชามากเลย
สู้ๆนะน้ำ

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
เข้ามากรีดร้องงงงงงงงงงง  เรื่องนี้เราเคยอ่านแล้ว สนุกและประทับใจมาก  เรื่องนี้นี่ต้องอ่านถึงตอนพิเศษเลยนะคะ เพราะจะทำให้เข้าใจเนื้อเรื่องมากขึ้น  คอนเฟิร์มว่าสนุกและดีจริงๆ


อ้อคุณเวนดี้มีผลงานเรื่องใหม่รึยังคะ?

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 5)





ตอนที่ 5 ลูกแมว







“ซี งานแม่บ้านแก โอเคไหม”



วันอาทิตย์ แดดจ้าท้องฟ้าโปร่งไร้เมฆ ซีเลยได้โอกาสซักผ้ากองโตที่ใช้มาทั้งอาทิตย์ ผมนอนเปิดพุงดูโทรทัศน์ เกิดนึกได้ว่าซีมันไปทำงานพิเศษเพิ่ม ไม่เคยเล่าให้ฟังเลยถามดู เพราะทุกวันไม่ว่ามันจะเจออะไรตั้งแต่หอยทากในห้องน้ำยันวิชาที่เรียนซีจะเล่าให้ฟังประจำ


ซีกำลังตากผ้าอยู่หน้าบ้านชะงักไปเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อได้ยินคำถาม แน่นอนว่าคนในบ้านไม่เห็นพิรุธนี้ เธอยิ้มให้กำลังใจตัวเองแล้วจึงตอบพี่ชายไปเสียงดังอย่างเคย


“อื้อ ก็ดีนะ ไม่ลำบากเท่าไหร่หรอก”


“เงินดีไหม” จำได้ว่ามันไม่เคยบอกว่าได้เงินเท่าไหร่ เรื่องเงินเราไม่เคยก้าวก่ายกัน เมื่อถึงเวลาจ่ายบิลล์จึงค่อยมาตกลงกันว่าใครจะออกเท่าไหร่ ซึ่งแน่นอนว่าผมที่เป็นพี่ชายก็ต้องออกมากกว่าน้อง อัตราส่วน 70:30 หรือหากซีมีรายได้เพิ่ม 60:40 อาจไหว
 

“ปกติอะพี่ดี วันนี้ๆ ไปเดินเล่นจตุจักรกัน นะนะ” ซีตากผ้าเสร็จแล้วเดินเข้ามานั่งถัดกัน จตุจักรอยู่ไม่ไกลจากบ้าน รถเมล์ฟรีมีให้เลือกหลายสาย ที่นั่นจึงเป็นสถานที่พักผ่อนของเราไปโดยปริยาย กลางวันก็เดินได้ ตอนค่ำก็เดินดี ดึกๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง


“ขอดูก่อนได้ปะ” ผมหาว ใครจะไปรู้ฟ้าโปร่งๆ อย่างนี้ฝนอาจตกก็ได้ ตอนนี้ยิ่งไม่อยากขยับตัวด้วย ไม่รับปากหรอก


“ไปเถอะนะ ซีอยากไปซื้อนิยาย นะนะ” เมื่อเห็นพี่ชายบ่ายเบี่ยง ซีจึงอ้อนหนักเข้าโดยการจับแขนดีเขย่าไปมา กะพริบตาปริบ ตลอดชีวิตที่อยู่ด้วยกันมามีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่าพอทำแบบนี้ทีไร พี่ชายก็ใจอ่อนเสมอ แม้จะบ่นออกมายาวๆ หรือว่าแรงๆ ก็ตามที



“เออๆ สั่งข้าวให้ด้วย ราดหน้าทะเลพิเศษ” บอกให้น้องสาวโทรสั่งอาหารเย็นจากร้านอาหารตามสั่งหน้าปากซอยให้เสร็จ ก็นั่งดูโทรทัศน์ต่อไป
 





.
.
.





“พี่ดี ไปเตรียมตัวเร็วๆ”


ผมเผลอหลับไปหลังจากทานข้าวตอนห้าโมงเย็น มองดูนาฬิกาตอนนี้ก็ราวทุ่มกว่าๆ ยัยซีปลุกผม มันแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว กำลังเป่าผมอยู่


“พี่ดีใส่เสื้อสีขาวที่แขวนไว้นะ” ซีชี้ไปที่ราวแขวนเสื้อหน้าห้องน้ำ
“ทำไม” ผมขมวดคิ้ว ปกติไม่มีหรอกที่จะมาจับผมแต่งตัว
“เอ้า ก็รีดให้แล้วอะ ไม่ใส่งั้นรีดเองเลยนะ” มันว่างอนๆ แล้วเปิดเครื่องเป่าผมเสียงดัง


พวกเราสองคนพี่น้องมีนิสัยเหมือนกันหนึ่งอย่างเกี่ยวกับเสื้อผ้า นั่นคือเสื้อผ้าที่จะใส่ออกจากบ้านนั้นจะต้องรีดทุกครั้ง รีดแบบเรียบกริบด้วยนะ หารอยยับไม่เจอถึงจะถือว่าใช้ได้ เสื้อเชิ้ต เสื้อยืด กางเกงยีนส์รีดหมดครับ 

ยังมึนๆ กับการตื่นนอน ผมพยักหน้าตกลง ดีเหมือนกันที่ไม่ต้องรีดเสื้อเอง คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำ












ตลาดนัดจตุจักรวันอาทิตย์ตอนค่ำๆ คนแน่นมากกว่าตอนกลางวัน ซีต้องคอยจับชายเสื้อผมไว้ ไม่อย่างนั้นคงได้พลัดกัน ผมเดินตามซีที่แวะดูเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และยืนเบื่อๆ รอมันเลือกนิยายมือสองที่มากี่ครั้งก็แวะตลอด 



“ซี กูไปดูทางโน้นนะ” ผมบอกมันแล้วเดินออกมาแผงตรงข้ามที่ขายซีดีภาพยนตร์


ระหว่างที่กำลังช่างใจซื้อหนังเรื่อง Cloud Atlas ที่ดูในโรงภาพยนตร์ไปสองรอบ กับเรื่อง A Beautiful Mind ที่คว้ารางวัลออสการ์ไปได้ถึง 4 รางวัลเมื่อหลายปีที่แล้ว และยังมีอีกหลายๆ เรื่องที่อยากเก็บไว้ครอบครองแต่ด้วยจำนวนเงินที่จำกัด การต่อรองจึงเริ่มขึ้น
 


“พี่ ไม่ลดหน่อยเลยหรอ ถ้าลดนะซื้อหมดนี้เลยเนี่ย” หนังสี่เรื่องถูกหยิบใส่ตะกร้า แกว่งไปมาตามจังหวะการพูดของคนถือ
“โห ไม่ได้แล้วน้อง ปกติพี่ขาย แผ่นละ 99 นะ วันอาทิตย์ลดพิเศษแล้ว 79”
“สี่เรื่องสองร้อยนะ” อยากได้จริงๆ แต่เงินพี่ไม่พอ ขอต่อให้ถึงที่สุด
“ไม่ได้จริงๆ จ้า”
“งั้นเอาเรื่องเดียว” ผมตัดใจหยิบ Cloud Atlas ประทับใจเพลงประกอบมากครับ เพราะจริง เดี๋ยวเรื่องอื่นค่อยไปซื้อร้านประจำแถวท่าพระจันทร์ก็ได้




รับเงินทอนเสร็จกำลังจะกลับไปหาซี พอดีเห็นใครบางคนเดินตรงเข้ามาหาก่อน มัดผม ติดกิ๊ฟ ใส่แว่นเหมือนเดิม มือสองข้างถือไอศกรีมกะลามะพร้าว พอสบตาก็ยิ้มและยื่นของในมือให้

ผมยื่นมือไปรับ ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธทำอากาศค่อนข้างอบอ้าว กินไอติมสักถ้วยก็ไม่เลวร้าย





“ซื้อหนังหรอ” วันนี้กิ๊ฟดอกไม้สีม่วง ขยับเข้ามามองของในมือ
“อืม เสร็จละจะไปหาซี” ผมหันจะเดินกลับไป
“อ๋อ ซีไปเดินกับหวานแล้วล่ะ เรามาเดินกับพี่ดีกว่า” ตักไอติมกินอีกคำ ไม่สนใจคนตัวสูงกว่า สังเกตอีกอย่าง คนตรงหน้าใส่เสื้อยืดสีขาวเหมือนกัน
“ซื้อเรื่องไรบ้างอะ” คว้าถุงในมือไปเปิดดู แล้วพูดออกมา
“Cloud Atlas สนุกจริงเรื่องนี้ ไหนๆ มาดูทีมีเรื่องไรอีก ช่วยแนะนำหน่อย” ไอ้จืดดึงมือผม ยื่นหนังในมือให้ดูเป็นเชิงถาม ผมส่ายหัวตอบ แต่ละเรื่องที่เลือกมาใช้ไม่ได้เลย สงสารหรอกเลยหันกลับไปเลือกหนังที่น่าสนใจให้คนสูงกว่า






ภาพสองหนุ่มที่กำลังเลือกแผ่นหนังกันอยู่ คนตัวเล็กกว่าที่ทำท่าจะเดินหนีกลายครั้ง แต่คนตัวสูงกว่าเอื้อมมือมาจับไว้มั่น ทำเอาสองสาวที่จับตาดูอยู่ห่างๆ ถึงกับเก็บอาการกรี๊ดกร๊าดไว้ไม่อยู่

“หวานๆ ดูพี่น้ำดิ จับมือพี่ดีแน่นไม่ปล่อยเลยอะ” ซีเรียกชื่อเพื่อนสนิท พร้อมกับจับแขนเขย่า
“พี่ดี ก็น่ารักนะ ดูซิ เลือกหนังให้เฮียเยอะเลย ว้าว แผนเราไปได้สวยนะ” หวานจับมือที่เขย่าแขนตัวเองมาถือไว้แกว่งไปมา
“คราวหน้าเสื้อสีไรดีอะ พอใส่เสื้อสีขาวแล้วพี่ดีน่ารักมากเลย” หวานยังพูดต่อไป
“ไปหาเสื้อคู่ให้สองคนนี้ดีกว่า อยากเห็นจัง เอาที่สกรีนว่า แมว กับ เจ้าของแมวดีไหม วันก่อนเห็นน่ารักมาก” ซีกระชับมือเพื่อนสนิทแน่นขึ้น ใบหน้าของทั้งคู่มีเลือดฝาด ดวงตาเป็นประกาย
“ได้ๆ ฮ่าๆ  ทีนี้ก็ปล่อยให้เขาอยู่ด้วยกันแหละ เรามาเดินดูเสื้อผ้ากันเถอะ อยากได้กางเกงขาสั้นอยู่พอดีเลย”
“อื้อไปสิ” สองสาวละลายตาจากชายหนุ่มทั้งคู่ เดินแยกไปอีกทาง

 




.
.
.





“ไม่!!” 



ผมพูดเสียงดัง ไม่สนใจสองสาวที่กะพริบตาปริบขอความสงสาร เวลาเกือบสี่ทุ่มที่ตาใกล้จะปิดแล้วทำไมต้องมายืนให้ยุงรุมแบบนี้ละเนี่ย



“โธ่ พี่ดี ดูสิมันน่าสงสารจะตาย” ซีพยายามอ้อนวอน เบี่ยงตัวไม่ให้เจ้าซีจับแขน

“นั่นสิพี่ดี ฝนทำท่าจะตกด้วยนะ ไม่สงสารหรอ ถ้าตากฝน มันอาจจะเป็นปอดบวมตายได้ พ่อก็ไม่มีแม่ก็ไม่มี อยู่ตัวคนเดียว น่าสงสารออก” หวานช่วยเพื่อนพูดอีกแรง ยัยน้องหวานจะมาไม้นี้พี่ก็ไม่ใจอ่อนบอกเลย

“เอาไปเลี้ยงเถอะ หมาข้างถนนดียังเอาอาหารมาให้มันเลย” ไอ้จืดบอกเสียงอ่อย ถ้าไม่ห้ามไว้เจ้านี่ท่าจะอุ้มเจ้าตัวปัญหาตัวเล็กกระจิ๋วหลิวนี่ขึ้นรถไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย







พวกเรายืนอยู่ข้างถนน สามคนเขาไปตกลงกันเสร็จสรรพว่าจะกลับรถของไอ้จืด ผมไม่ปฏิเสธเพราะเดินมาเหนื่อยๆ จะให้ไปเบียดคนในรถเมล์ก็ไม่ไหว ในเมื่อมีทางที่สบายกว่าใครก็ต้องเลือกใช่ไหมละครับ ตอนที่เดินมาถึงลานจอดรถ พอดีซีได้ยินเสียงร้องเจ้าแมวเหมียวนี่เสียก่อน ลงไปหาดูและพบว่ามันกำลังพยายามปีนขึ้นมาจากหลุมต้นไม้บนฟุตบาศก์ ซีไปช่วยมันขึ้นมาแล้วมันก็ตามติดแจ ไม่ยอมห่าง แม้ว่าจะพยายามเดินหนีหลายรอบแล้วก็ตาม


ยัยซีตัวดีเลยที่เริ่มออกความคิดว่าจะเอามันมาเลี้ยง ยัยหวานและไอ้จืดก็เห็นด้วยที่สองคนเลี้ยงไม่ได้เพราะคอนโดห้ามเลี้ยงสัตว์




ผมไม่ได้รังเกียจสัตว์หรอกครับ ออกจะรักด้วยซ้ำ แต่ที่ไม่ให้เอาไปเลี้ยงที่บ้านมันมีเหตุผลครับ เพราะหนึ่งบ้านที่เราอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ของเรา มันเป็นของป้า แม้ว่าป้าจะไม่ได้อยู่บ้านนี้แล้วก็ตามแต่สองสามเดือนก็โผล่มาดูความเรียบร้อยอยู่เสมอ ถ้าเกิดเอาเจ้าเหมี่ยวนี่ไปเลี้ยง ป้าคงไม่ชอบใจแน่ๆ


สอง แถวบ้านผมมีหมาเยอะครับ ตั้งแต่บ้านหลังแรกต้นซอยยันหลังสุดท้าย บางวันกลับบ้านยังตกใจที่อยู่ๆ หมาทั้งฝูงวิ่งมาเห่า และหลายครั้งที่เห็นซากแมวเหมียวที่หลงถิ่น สภาพเละมากครับ โดนขย้ำเสียจนจำสภาพไม่ได้ เห็นแล้วสงสาร พอเห็นซากทีไรผมกับซีโกรธเจ้าหมาพวกนั้นไปหลายวัน


และสามครับ มีกันสองคนพี่น้องยังไม่ค่อยจะมีตังค์ซื้อข้าวกินเลย นี่จะเอาแมวมาเลี้ยงอีกตัว เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะยัยซี
 



ผมอธิบายยาวเหยียดจนต้องพักหายใจ มองดูซี หวานและไอ้จืด กะพริบตาปริบพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดออกมา


“ตั้งแต่รู้จักกันมา ครั้งนี้พี่ดีพูดยาวที่สุดแล้วอะ จริงๆ” เป็นยัยหวานที่ตั้งสติได้ก่อนและพูดขึ้นมา อีกสองคนพอได้ยินดังนั้นก็หัวเราะกันอย่างร่าเริง

“พี่ดีไม่ต้องกังวลเรื่องป้าหรอกนะ ซีจะเลี้ยงไว้นอกบ้านให้มันอยู่ในกล่อง” ยัยซียังคงพยายามต่อไป

“ถ้าไม่งั้นเดี๋ยวหวานซื้อกรงมาให้เอง ถาดทรายด้วย แล้วก็อาหารเดี๋ยวให้พี่น้ำซื้อเข้าไปให้ถ้าหมดนะ” หวานเสริมต่อ


ผมส่ายหัว ไม่ ไม่ ไม่






“อย่างนี้ไหม” ทุกคนหันไปมองหน้าคนพูด



“ก็เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ถือว่าเป็นแมวพี่ แต่พี่อยู่คอนโดเลี้ยงไม่ได้ เอาไปฝากบ้านดีเลี้ยงไว้” ซีและหวานพยักหน้าเห็นด้วยกันใหญ่ “ค่าใช้จ่ายทั้งหลายเดี๋ยวพี่ออกเอง ขอแค่ดีกับซีช่วยดู” ดวงตาสีดำสนิทสะท้อนแสงไฟแวววับ


“นะครับ”


ข้อเสนอที่ว่ามันไม่ต่างจากเดิมเลยสักนิด แต่สายตาคมที่มองตรงมาทำให้ให้ปฏิเสธไม่ออก ไม่มีคำพูดระหว่างพวกเรา ใบหน้าทั้งสามคนมองมาที่ผมอย่างมีความหวัง เจ้าเหมียวตัวเล็กนั่นส่งเสียงร้องแหบพร่าจากอุ้งมือซี



ผมพยักหน้าให้ซี และเดินขึ้นมานั่งรอบนรถ
 




“ให้ทำไงได้ ตัดสินใจกันแล้วใช่ไหมล่ะ”




-------------------------------
ขอโทษที่ไม่เคยแนะนำตัวเลย เราชื่อบลูค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ

ตอบ คุณ ammchun
เรามีอีก 2 เรื่องในเด็กดีค่ะ (จบแล้วหนึ่งเรื่องและอยู่ในไหดองอีกหนึ่งเรื่องค่ะ)
ในเล้าเป็ดฯ ถ้าลงเรื่องนี้จบจะลงเรื่องใหม่นะคะ

พอดีว่าคุยไม่เก่ง ได้แต่บอกว่าเราดีใจมากค่ะที่ทุกคนเข้ามาอ่าน

Lavender’s blue : )

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 12:43:36 โดย Wendy »

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 6)







ตอนที่ 6 รู้เขา รู้เรา




หลังจากที่บอกน้องสาวตัวดีไปแล้วอย่างอ้อมๆ ว่าสนใจ ‘พี่ดี’ พี่ชายของซีเพื่อนสนิท เจ้าหวานก็เพียรพยายามหาข้อมูลของดีมาให้เป็นระยะ


“เฮีย อันนี้คราวๆ ที่หวานขอซีมาเกี่ยวกับพี่ดีนะ อ่านๆ” 


เย็นวันหนึ่งตอนที่กำลังนั่งทำภาพร่างกราฟิกของโปรเจ็คใหม่ หวานยื่นกระดาษเอสี่สองสามแผ่นที่เย็บมุมอย่างสวยงามให้ ผมมองหน้าน้องอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก ก่อนจะรับมาเมื่อหวานยื่นค้างเป็นเชิงให้รับไปอ่าน


“ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ”


ผมพลิกกระดาษดู เห็นลายมือเป็นระเบียบเขียนเกี่ยวกับ “พี่ดี” เรียงเป็นข้อ บางแห่งมีไฮไลท์กำกับ บรรทัดแรกกลางหน้ากระดาษ เขียนตัวเต็มบรรทัด เขียนเส้นใต้สีแดง


50 ข้อที่ควรรู้ของผู้ชายชื่อดี


อ่านหัวข้อแล้วอดขำไม่ได้ ยิ่งกว่ารายงานส่งอาจารย์อีก


“เอ้า ก็บอกว่าจะช่วย แค่นี้ยังน้อยไป ช่วงนี้งานเยอะ ตอนแรกกะจะเขียนให้ครบ 100 ข้อเลยนะ แต่เดี๋ยวซีจะไม่มีเวลาทำงาน เลยขอแค่ 50 ไปก่อน”

มองหน้าคนทำหน้าซื่อเต็มไปด้วยความปรารถนาดีแล้วก็พูดอะไรไม่ออก กวาดสายตาอ่านคราวๆ พบลายมือเดียวกันเขียนข้อหนึ่งถึงห้าสิบ


1. ชื่อ นายโชคดี นามสกุล ศิริชัย
2. เกิดวันอาทิตย์ที่ 29 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 25XX เวลา 06.45 น.
3. มีน้องสาวสุดสวยหนึ่งคน ชื่อ ซี 
4. ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นปี 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัย XXX
5. ปากร้าย ใจดี
6. รักสัตว์โดยเฉพาะสุนัขและแมว
7. ชอบสีเทาและเขียว
8. ไม่ชอบสีสะท้อนแสง
9. อาหารที่ชอบ แกงเขียวหวาน (ชอบแบบใส่หมูเด้ง)
10. อาหารที่ไม่ชอบ ทุกชนิดที่มีราคาเกิน 100 บาท
11. ชอบดูโทรทัศน์ ละคร ซีรีย์ฝรั่ง
12. วันอาทิตย์จะไปดูหนังประจำที่ลิโด้ ไม่ก็ สการ์ลา แถวที่นั่งประจำ J 4
13. อย่าโกหก เกลียดมาก  เคยมีเพื่อนมาโกหก ไม่พูดด้วยมาแล้วห้าปี
14. เหนื่อยให้พัก
15. บ่นให้เงียบ
16. หิวให้กิน

หลายข้อมีอักษรตัวเล็กอธิบายแตกย่อยขยายรายละเอียดราวกับเกรงว่าคนอ่านจะไม่เข้าใจ รอบคอบสมกับเรียนคณะครุศาสตร์ จริงๆ


“เป็นไงๆ น่ารักใช่มะ  ถ้าไม่ใช่คนนี้ หวานก็ไม่ให้คนอื่นมาเป็นพี่สะใภ้แล้วนะ” ยัยหวานยักคิ้วให้ผม พูดเสียงเข้มตอนท้าย

“ยังไม่แน่หรอกเจ้าหวาน พี่แค่ประทับใจเขาเฉยๆ ยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แล้วอีกอย่างงานก็เยอะด้วย ไม่มีเวลาไปทำความรู้จักเขาหรอก”

งานเยอะมากจริงๆ ครับ ยิ่งเวลาใกล้สอบแบบนี้ทั้งโปรเจ็คส่ง ทั้งอ่านหนังสือสอบ แค่เวลาจะดูแลตัวเองยังไม่มีเลย จะให้ไปเจอบ่อยๆ คงไม่ได้หรอก

“เฮียอะ ก็บอกแล้วว่าจะช่วย ไม่มีเวลาก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวหวานจัดการเอง เชื่อใจได้ เริ่มเลยละกันนะ  สู้ๆ ”  พูดเองเออเอง พยักหน้า แล้วเดินเข้าห้องไป ทิ้งให้ผมได้แต่ตะโกนตามหลังว่า

“เฮ้ย ไม่ต้องเว้ย เดี๋ยวว่างๆ เฮียจัดการเอง”

“ไม่รู้แหละ หวานกับซีจะช่วยเอง” ยัยหวานตะโกนตอบ  ผมได้แต่ส่ายหน้าเหนื่อยใจ ไม่รู้ว่าแม่สื่อสองคนนี้จะทำให้เรื่องยุ่งขึ้นหรือเปล่า

จากที่จะรัก ไม่ใช่ว่ากลายเป็นเกลียดหรอกนะ




.
.
.


เจ้าเหมียวไอ้จืดเก็บมาเลี้ยง ยังไม่มีชื่อครับ ทุกคนดูจะตื่นเต้นกับการไปเลือกซื้อกรง กระบะทราย ของเล่นและปลอกคอแมวกันหมด จนลืมเรื่องนี้ไป ผมนึกขึ้นได้แต่ก็ไม่พูดอะไร ปล่อยไปครับ ไม่ได้อยากจะเอามาเลี้ยงเลยจริงๆ

แทนที่วันอาทิตย์จะได้นอนพักผ่อนอยู่บ้าน ผมโดนเจ้าซีลากมาซื้อของใช้ให้แมวกับสองพี่น้อง ร้านขายของสัตว์เลี้ยงที่สองพี่น้องพามาขายของแพงยิ่งกว่าของที่ผมใช้ทั้งตัวรวมกันอีก

‘จะซื้อของแพงๆ ไปทำไมก็ไม่รู้ ไปเดินซื้อของธรรมดาที่จตุจักรก็ได้’ ผมบ่นกับเจ้าซี ‘มันก็ใช้ได้เหมือนกันแหละน่า’ ยังคงบ่นต่อไป ไม่สนใจซีที่พยายามเอื้อมมือมาปิดปาก ไอ้จืดที่เข็นรถอยู่ข้างหน้าเหลือบมอง คงจะได้ยินที่บ่นเพราะผมไม่ได้ลงเสียงลง ตั้งใจพูดให้อีกฝ่ายได้ยินอยู่แล้ว   


‘จะดูแลกันทั้งที ก็ต้องเลือกสิ่งดีๆ ให้กันสิ ดี


ตรงคำว่า 'ดี' เหมือนจะทอดยาวกว่าปกติ ดวงตาสีดำพราวระยับ รู้สึกคันยิบทั่วใบหน้าจึงเสหน้ามองของต่างๆ ที่วางเรียงราย แค่ลูกแมวตัวเดียว พูดยังกะจะแต่งเมีย เวอร์ไปละ


ซื้อของใช้ทุกอย่างตามรายการที่ยัยหวานและเจ้าซีจดมาแล้วก็ถึงเวลาจ่ายเงิน เห็นราคาแล้วตาค้าง ไอ้พี่น้ำจ่ายแบงค์สีเทาไปสองใบได้เงินทอนมาไม่ถึงสองร้อย  นี่ขนาดตอนซื้อผมหยิบของราคาถูกที่สุดแล้วนะ เงินสองพัน ผมกับเจ้าซีใช้ได้อาทิตย์กว่าๆ เลยนะเว้ย



ของสำคัญที่ใช้เวลาเลือกนานที่สุดคือปลอกคอ และตอนนี้มันก็กลายเป็นของที่พวกเราต้องใช้เวลากับมันนานที่สุด เพราะปลอกคอที่ซื้อมามีบริการสลักป้ายชื่อฟรีครับ จะทำยังไงในเมื่อเจ้าแมวฟรีที่ตอนนี้มีราคาขึ้นมาแล้วจากเงินสองพันยังไม่มีชื่อ



พวกเราเลยกำลังโหวดชื่อแมวกันอยู่ อย่างที่ผมคิดตอนแรกไม่ผิด เรื่องชื่อสำหรับเจ้าพวกนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เท่าที่สังเกต ก็ไม่เห็นมีสักเรื่องที่ ‘พี่ดี’ และ ‘เฮียน้ำ’ เกี่ยวข้องกันจะเป็นเรื่องเล็กสำหรับสองสาวเลยนะ และแม้จะไม่เกี่ยว สองสาวก็พยายามที่จะเชื่อมโยงให้เกี่ยวกันได้อยู่ดี เด็กสมัยนี้การเชื่อมโยงเป็นเลิศครับ พูดเลย

“การ์ฟิวไหม ตัวมันสีส้มๆ สลับขาวเหมือนการ์ฟิวเลย” ซีเสนอชื่อก่อนคนแรก

“ไม่เอา แมวไทยชื่อฝรั่งเนี่ยนะ ไม่ๆ” หวานส่ายหัว พยักหน้าเห็นด้วยกับยัยหวานในใจ

“งั้นส้มอะ ตัวสีส้ม” ซียังพยายาม นี่มึงคิดแล้วใช่ไหม แมวอะไรชื่อส้มวะ “งั้นคิดเองเลย” ยัยซีบอกเสียงงอนๆ ยัยหวานต้องเข้าไปง้อ แล้วทุกคนก็เงียบไปอย่างใช้ความคิด คือต้องเครียดขนาดนั้นเลย ชื่อแมวเองนะเว้ย



“องค์ชาย” ยัยหวานส่งเสียงใส ทุกคนส่ายหน้า


ลองคิดภาพเวลาแมวออกไปเดินเล่นแล้วเราต้องเรียกมันเข้าบ้านสิ ‘องค์ชาย กลับบ้านเร็ว’ ถ้ามันไม่กลับผมนี่ต้องพูดคำราชาศัพท์เลยหรือเปล่า ‘องค์ชาย เสด็จกลับวังเร็วเพคะ’ ถุยยยยย


“หลงทาง”  ไอ้จืดพูดขึ้น เสียงนิ่งเหมือนหน้า 

“โหย เฮียยยย ฟังชื่อแล้วสงสารอะ อุตสาห์เอามาเลี้ยงแล้วยังต้องรู้เบื้องหลังของการอยู่รอดของตัวเองอีกเหรอ โธ่ๆ ลูกแม่” ยัยหวานพร่ำเพ้อเสียโอเวอร์  เหลือแต่ผมแล้วครับ ดวงตาสามคู่จับจ้องมาเห็นความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่



“เหมียวเล็ก”



“เฮ้อออ” ซีถอนหายใจเสียงดัง แอบเห็นไอ้จืดเลิกคิ้วหน่อยๆ เถอะน่ามันตัวเล็กผอมกะร่องแบบนั้น หรือจะชื่ออวบอ้วนล่ะ


“อ๊ะ น่ารักอะพี่ดี เหมียวเล็ก เหมียวเล็ก อีกหน่อยพอลูกสาวของเฮียมีลูกก็เป็นเหมียวหนึ่ง สอง สาม” ยัยหวานชอบใจใหญ่ ทำเสียงเล็กเสียงน้อยเรียก เหมียวเล็กๆ ไม่หยุด







แล้วแมวสีส้มลายขาวตัวเล็กผอมกะร่องที่มีชื่อว่า ‘เหมียวเล็ก’ ก็ย้ายเข้ามาเป็นสมาชิกคนที่สามของบ้านพี่น้องซีดี พร้อมด้วยกรงและอาหารแมวในเย็นวันนั้นแหละครับ





ไม่เพียงเท่านั้น มันยังทำให้สองพี่น้อง ‘น้ำ หวาน’ เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตของพวกเรามากขึ้นด้วย


----------------
ปล่อยไก่ตัวใหญ่ เขียนปีพ.ศ. เป็น 2557 มาห้าตอน
ตอนนี้เป็นปัจจุบันแล้วนะคะ 55555

 :mew3:
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

Lavender's blue

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 12:48:27 โดย Wendy »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
น่ารักอะ ย้ิมได้ตลอดเลย

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
เนื้อเรื่องน่ารักดีค่ะ
รอติดตามว่าสองพี่น้องน้ำหวานจะมาป่วนยังไงบ้างนะคะ

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Lucky....ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว




บทที่ 7  แมวกับแตงโม





‘เหมียวเล็ก’ ทำให้ผมมีข้ออ้างไปบ้านสองพี่น้องได้ทุกบ่ายวันอาทิตย์  ตอนแรกแม้ว่าเจ้าของบ้านจะไม่เต็มใจต้อนรับแต่ก็ใช้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของ ‘เหมียวเล็ก’ เข้าบ้านได้ทุกครั้ง


มันเป็นบ่ายวันอาทิตย์ของกลางฤดูร้อน ลมจากพัดลมพาไอร้อนทำให้ผิวอุ่นวาบ เหงื่อออกจนเสื้อผ้าชื้นไปทั่วแผ่นหลัง น้องสาวที่อยู่ในห้องของซีส่งเสียงหัวเราะแว่วมาเป็นระยะ เสียงจากโทรทัศน์และเสียงดังหึ่งๆ ของพัดลมเป็นฉากหลัง


เจ้าเหมียวเล็กที่ตอนแรกมีคนยืนยันหนักหนาว่า ‘ไม่ให้เลี้ยงในบ้านเด็ดขาด’ กลับนอนขดตัวอย่างสบายใจบนตักของคนพูด ส่งเสียงครางในคอเป็นระยะเมื่อมือผอมเกาคอ

“น่าสบายนะเหมียวเล็ก”

หลังจากจ้องเหมียวเล็กอยู่นาน ผมก็เอ่ยขึ้น ตากลมนั่นตวัดมองหน้าผมเพียงแวบเดียว ก่อนจะกลับไปมองที่โทรทัศน์

“อยากนอนบ้างจัง”  หน้าตักขาวๆ นั้นคงนุ่มสบายน่าดู เจ้าเหมียวเล็กหลับตาพริบเชียว

“หุบปากไปเลย”   

“พูดด้วยแล้ว”  ผมส่งยิ้มกว้างไปให้

นั่นเป็นคำทักทายของวันอาทิตย์บ่ายๆ ที่เจอหน้ากัน







“ร้อนเว้ยยยย”  มือผอมขยับพัดในมือแรงขึ้นจนเส้นผมสีดำปลิว เหงื่อเม็ดเล็กๆ ปรากฏตามไรผม

“ซื้อแตงโมมากฝาก”  ผมพูดแล้วลุกจากโซฟาเดินหายเข้าไปในครัว ไม่สนใจเสียงโวยวายตามหลัง ‘ทำอย่างกับบ้านของตัวเอง’




ผมหายไปสักพักกลับมาพร้อมกับจากใบใหญ่ แตงโมที่ถูกแช่เย็นในลังน้ำแข็งทั้งลูก ผ่าเป็นซีกเล็กพอดีมือทั้งเปลือก เปลือกสีเขียวตัดกับเนื้อสีแดงฉ่ำ คนตัวผอมหยิบไปทันทีโดยไม่ต้องเอ่ยชวน สองสาวออกมาทานแตงโมตามเสียงเรียกในมือถือพัดคนละอัน


“เป็นไงบ้าง อยู่กันสองต่อสอง ถึงไหนแล้ว” ยัยหวานเอ่ยทันทีที่เดินมาถึงโซฟา

“ยัยหวานเพ้อเจ้ออะไร ร้อนว่ะ แม่ง คนยิ่งร้อนๆ อารมณ์บ่จอยเว้ย ” ดีพูดเสียงหงุดหงิด

“ฮ่าๆ พี่น้ำ ทนๆ เอาหน่อยนะคะ พี่ดีน่ะ ไม่ใช่แค่ชื่อนะคะที่ดี ปากยังดีด้วยนะ ฮะ ฮะ ฮะ”

“ซี นั่นปากเรอะ” หัวซีถูกผลักไปข้างหน้า เจ้าตัวยังคงยิ้มระรื่น



“ไม่ต้องมองหน้า กินๆ ไปเลยไอ้น้ำจืด ! ”

สองสาวส่งเสียงหัวเราะกันอย่างครื้นเครง







“พี่ดี ทำอะไรน่ะ” ยัยหวานพูด ข้างๆ แก้มมีเศษแตงโมติดอยู่ ซีเอื้อมมือมาเช็ดที่มุมปากให้ หวานชะงัก แล้วก้มน้ากัดแตงโมต่อ ลืมที่ตนเองเพิ่งพูดไปสนิท


ผมที่ง่วนกับการแคะเมล็ดแตงโมเหลียวไปมอง คนตัวผอมกำลังปลุกปล้ำเจ้าเหมียวเล็กให้อ้าปาก ก่อนจะหยิบแตงโมที่กัดเป็นชิ้นเล็กๆ ยัดลงไปในปากเหมียวเล็กและกดปากเล็กๆ นั้นติดกันแน่น บังคับให้มันกลืนแตงโมลงไป


“เฮ้ย ! พี่ดี เดี๋ยวเหมียวเล็กก็สำลักตายหรอก แล้วแมวที่ไหนเค้ากินแตงโมบ้างฮะ!”

ซีรีบลุกจากเก้าอี้เข้าไปอุ้มเจ้าเหมียวเล็กออกมาทันที ปากก็พร่ำบอกโอ๋ๆ ปลอบแมวน้อย

“อะไของแก เหมียวเล็กมันขอกินเว้ย ถึงให้กิน แล้วทำไมแมวจะกินแตงโมไม่ได้ กูยังกินเลย อร่อยด้วย อร่อยไหมเหมียวเล็ก” ตอนท้ายพูดกับเหมียวเล็กเสียงเล็กเสียงน้อย

“มันกินลงไปแล้ว” ยัยหวานแย่งเหมียวเล็กจากซีมากอุ้ม อ้าปากเหมียวเล็กออกดู

“เห็นไหมบอกแล้วว่าอร่อย เนอะลูกสาว” ยิ้มจนตากลมๆ เป็นขีดโค้ง

“ถึงครั้งนี้จะไม่เป็นไรก็เถอะนะ พี่ดีแม่งบ้าอะ ให้แมวกินแตงโมเนี่ยนะ” ซียังคงโวยวาย

“พ่อชิมแล้วเนอะ หวานไหมๆ” ดีก้มลงลูบพุงเหมียวเล็ก




“หวาน”



ผมว่าปากแดงๆ นั่นดูฉ่ำกว่าเนื้อแตงโมเสียอีก



“อะไรเฮีย” หวานเงยหน้ามองผม

“หมายถึงแตงโมน่ะ” 

ปึก! เปลือกแตงโมจากมือผอมๆ ลอยลิ่วมาถูกหัวคนพูดแทบทันทีที่จบประโยค

สองสาวหัวเราะชอบใจใหญ่

“เฮียยยย ไปชิมตอนไหนเนี่ย”

“พี่ดี เขินแล้วรุนแรงหรอ กิ้วๆ”

“ยังไม่ได้ชิม เดาได้น่ะ” สายตามองใบหน้าขาวๆ ที่กำลังเม้มปากแน่น 



“พ่อง !! ไอ้จืด !! โว้ย เงียบไปเลย พวกมึงนี่ประสาทว่ะ”



“อย่าเดินหนีดิ เขินอะดิ เขินอะดิ” เจ้าซีร้องแซวขณะที่คนผอมเดินกลับไปนั่งมองหน้าจอโทรทัศน์ที่เดิม

“หุบปากเลย กินแตงโมไปเงียบๆ ไปสิ ไม่แดกละ แม่งเอ้ย”

ผมมองคนผอมๆ นั่งคอแข็ง จ้องโทรทัศน์นิ่ง







“เฮีย” ยัยหวานสะกิด

“อะไร”

“ได้ชิมแล้วอะดิ ถึงรู้ว่าหวานอะ กิ้วๆ” ยื่นหน้ามาแซวเบาๆ คงกลัวคนตรงหน้าโทรทัศน์ได้ยิน

“แก่แดด” ผมผลักหัวมันเบาๆ

“เอ้า คนเค้าอุตสาห์ไม่นั่งเป็นก้าง ให้โอกาสสุดๆ แล้วนะเนี่ย”

“มันใช่นิยายที่ไหนล่ะ แค่พูดด้วยก็ดีถมไปแล้ว”

“เฮีย สู้ๆ นะ” ยัยหวานเอื้อมมือมาตบบ่าผมเบาๆ

“พวกเราจะเป็นกำลังใจให้ ฮ่าๆ” ซีกระซิบแล้วเอื้อมมือมาตบบ่าผมอีกแรง





ก่อนที่จะก้าวออกจากบ้านพี่น้อง ได้ยินเสียงแว่วๆ

“ซี เก็บแตงโมไว้ปะ เอามากินหน่อยดิ ลูกสาวก็อยากกินแตงโมใช่ไหม เหมียวเล็ก” 

คนอะไร น่ารักชะมัด




ให้มันค่อยๆ เป็นไปอย่างนี้แหละดีแล้ว
ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไร
คนตัวผอมจึงจะใช้น้ำเสียงอ้อนๆ แบบนั้นกับเขาบ้าง
เขาเชื่อว่า เขารอได้


-----------------------------
[23/10/2558]

หายไปนานเลย เรา (อาจจะ) เปลี่ยนที่ทำงานเลยไม่สะดวกมาลงต่อ ขอโทษด้วยค่ะ

ขอบคุณ คุณ B52, Doctor, zleep, insomniac, QueenPedGabGab, ♠DekDoy♠, cheyp, ammchun, kokoro สำหรับคอมเม้นท์นะคะ และคนอ่านทุกคนที่ไม่ได้กล่าวถึงนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามจริงๆ ค่ะ

 :pig4:

Lavender's blue : )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 12:52:38 โดย Wendy »

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
เกือบมีการฆาตกรรมแมว  :jul3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เดี๋ยวนี้เลื่อนฐานะเป็นพ่อลูกแล้วเหรอ

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ( ตอนที่ 8 )





ตอนที่ 8  ความจริงของซี





ตอนนี้เจ้าเหมียวเล็กอพยพตัวเองจากนอกบ้านเข้ามาอยู่ในบ้านได้หลายสัปดาห์แล้ว ตอนแรกเมื่อมันแอบเข้ามาในบ้านผมก็จับมันโยนกลับออกไปข้างนอก ไม่สนใจเสียโวยวายของซี


‘พี่ดี!! จับมันขว้างออกไปงั้นได้ไงอะ เบาๆ ดิ เถื่อน ใจร้าย ซาดิส ทารุณสัตว์’ 

แมวมีเก้าชีวิตไม่ใช่หรอ แค่นี้ ไม่เป็นไรหรอกน่า


พอโดนจับโยนออกมาแล้ว อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าไอ้เหมียวเล็กมันก็เข้ามาเกาะประตู ข่วนตะแง่วๆ ขอเข้ามาข้างในบ้าน เป็นอย่างนี้ทั้งอาทิตย์ ด้วยความที่ผมกลัวว่าเราจะสร้างความรำคาญให้กับเพื่อนบ้าน เกิดพวกเขารำคาญมากๆ เข้า วันไหนไปเรียนแล้วกลับมาเจอเหมียวเล็กโดนเสียบอยู่กับรั้วบ้านจะทำไง ยัยซีจะต้องร้องไห้ เสียใจมากแน่ๆ เลยใจอ่อนแกมอ่อนใจ เปิดประตูให้เจ้าแมวลายส้มขาวตัวนี้เข้ามาอยู่ในบ้านได้ตามใจชอบ


เหมียวเล็กเดินไปอ้อนเจ้าซีที่กำลังนั่งทำรายงานบนพื้นหน้าโทรทัศน์อยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นก็กระโดดขึ้นมานั่งตักผมพลางเอาหัวเล็กๆ มาถูไถ อ้อนให้ผมเล่นกับมัน


“แหม่ พอเข้ามาในบ้านนี่เท้าไม่ติดพื้นเลยนะ ไอ้เหมียวเล็ก” ผมจิ้มพุงป่องๆ ของมันแรงๆ เหมียวเล็กที่กำลังเคลิ้ม ลืมตาขึ้นมามอง ทำเสียงฮือฮาในคอเป็นเชิงประท้วงที่ไปขัดความสุข

“ฮะ ฮะ พี่ดี อิจฉาแมวหรอ” เจ้าซีเงยหน้าขึ้นมาล้อ

“อิจฉาอะไร หมั่นไส้เว้ย เป็นแมวข้างถนนมาก่อนแท้ๆ เดี๋ยวนี้พื้นไม่นั่ง นี่ๆ” ผมยกตัวเหมียวเล็กขึ้นมาพร้อมกับเขย่าสั่นจนหัวสั่นหัวคอน


“อ๊อกๆ แค่กๆ” ลืมไปว่าเจ้าเหมียวเพิ่งกินอาหารและนมไปเต็มอิ่ม

“เฮ้ย แหวะ ไอ้เหมียวเล็กทำไร มึงกล้าอ้วกใส่กูหรอ สกปรกว่ะ ซีๆๆๆๆ มาเอามันไปเลย” ผมกระโดดยืนขึ้น สองแขนยื่นออกไปจนสุด ไอ้เจ้าเหมียวเล็กที่เมื่อกี้สำรอกอาหารออกมา เลียปากมองหน้าผม แอบเห็นแววตายิ้มเยาะด้วยแฮะ

“สมน้ำหน้า พี่ดีแกล้งมันดีนัก เป็นไงล่ะ เก่งมากเหมียวเล็ก พี่ดีนิสัยไม่ดี อ้วกใส่เลย ฮ่าๆ”

“มาเอามันไปเลย เดี๋ยวโดนโยนทิ้งออกไปหน้าบ้านหรอกมึงอะ” ผมจับมันแกว่งไปมาเพื่อให้ยัยซีมารับเจ้าเหมียวเล็กไปจัดการ คนถูกสั่งยังคงนั่งเฉย ยักไหล่โบกหนังสือและกระดาษรายงานโบกไปมาแล้วบอก

“พี่ดีนั่นแหละ ทำแล้วรับผิดชอบด้วยดิ ไปเอาผ้ามาเช็ดอ้วกเลย ซีต้องทำรายงานส่งพรุ่งนี้นะ”

“อะไรวะ แมวแก แกก็ต้องดูแลดิ เป็นคนเอามันมาเลี้ยงไม่ใช่หรอไง เร็วๆ โซฟาเปื้อนหมดละ แม่ง สกปรกจริงๆ”

“โว๊ะ พี่ดี พูดไม่รู้เรื่องหรือไง บอกว่าไม่ว่างๆ ผ้าอยู่หลังบ้านเดินไปหยิบมาเช็ดเลยนะ ตัวเองทำให้เหมียวเล็กอ้วกแท้ๆ นิสัยอะ” เสียงยัยซีดังขึ้นเรื่อยๆ

“แมวมึงอะ ชิ”

“ยังจะมาเถียง ไปเอามาเลย เสื้อวันนี้ซีก็รีดให้ จานก็ล้าง บ้านก็ถู พี่ดีทำไรมั่งวันนี้ กินกับนอนอะ ไปเลย เร็วๆ เลย อย่าให้โมโหนะ” ยัยซีลุกขึ้นมาเท้าสะเอว ตกลงใครเป็นพี่เป็นน้องวะเนี่ย ออกท่าทางอย่างนี้ ถ้าผมไม่รีบทำตามที่เจ้าตัวพูดละก็ ทั้งอาหาร เสื้อผ้า และดูแลบ้าน ผมคงต้องได้ทำเองทั้งหมดแน่ๆ เวลาเจ้าตัวโมโหขึ้นมา

“คิดว่าตัวเองเป็นใครวะ มึงเป็นน้องกูนะเว้ย น้อยๆ หน่อยเหอะ เชอะ ไอ้เหมียวเล็ก วันนี้ทำแสบมาก ไม่ต้องเข้ามานอนห้องพ่อเลยนะ ไปนอนกับป้าแก่ๆ ขี้บ่นโน้นเลย” ผมเดินไปหลังบ้าน หยิบผ้ามาเช็ดทำความสะอาดพร้อมกับบ่นดังๆ ให้ซีได้ยิน

“ทำไปเลย ไม่ต้องมาบ่นนะ ซีทำงานบ้านทั้งวันยังไม่บ่นซักคำเลยเหอะ” ยัยซีนั่งลงแล้ว น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์เมื่อครู่ หายไปหมดแล้ว

“ถ้าพี่น้ำรู้ว่าความจริงว่าไม่ได้เป็นคนดี รักสัตว์ น่ารัก เงียบขรึม แต่ ปากเสีย ขี้บ่น ขี้เกียจอย่างนี้จะมาจีบไหมเนี่ย เฮ้อ น่าสงสารพี่น้ำจังเลยน้า”

“ไม่ได้ขอให้มายุ่งสักด้วยเหอะ แล้วพวกมึงนะ ไม่ต้องมาบ้าจี้เล่นอะไรเป็นเด็กๆ ยัยหวานก็แม่งบ้าว่ะ ประสาทกันทั้งคู่ทั้งพี่น้อง แกด้วยอีกคนถึงคบได้ใช่ไหม ฮะ!”

“ฮะ ฮะ ฮะ ไม่อยากยุ่งก็ทำเฉยๆ ไว้ดิ ไม่เห็นต้องสนใจเลย” ซีลอยหน้าลอยตาพูด

“โว๊ะ พูดไม่รู้เรื่องวะ เหมียวเล็กมานี่เลย ไปอาบน้ำซะดีๆ” ผมไม่สนใจคนบ้าอย่างยัยซี คว้าตัวเหมียวเล็กเข้าห้องน้ำไป เสียงประตูปิดดังปังก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของแมวน้อย



“เหมี้ยว  แง่ว แง้ววววววว  เหมี้ยววววววววววว”



“ตึงๆๆๆๆๆ  พี่ดี !! ปังๆๆๆๆๆ ทำอะไรเหมียวเล็กน่ะ จับมันกดน้ำเรอะ !!” ซีได้สติวิ่งไปตบประตูร้องบอกห้ามพี่ชาย

“ไม่ใช่โว้ย อาบน้ำอยู่ โอ้ย ไอ้เหมียว มึงข่วนกูหรอ” เสียงสาดน้ำ ของตกโครมครามปนกันแทบแยกไม่ออก


“แง้วววววว  เหมี้ววววววววว !!!”

“เฮ้ยๆ เปิดประตูเลยนะ พอแล้วๆ เอาเหมียวเล็กออกมาเลย พี่ดี !!” ซีตบประตูลั่น




ผมหันไปตักน้ำราดไอ้เหมียวเล็กที่ตอนนี้หูลู่หางตกตัวเปียกมะลอกมะแลก เสียงร้องโหยหวนเงียบไปแล้ว คนอาบหารู้ไม่ว่าที่เงียบเพราะร้องจนหมดเสียงแล้วต่างหาก แล้วหยิบผ้ามาห่อก่อนจะอุ้มออกจากห้องน้ำ

“เหมียวเล็ก !!”

ยัยซีคว้าเหมียวเล็กไปจากมือผมด้วยความเร็วแสง ใช้ผ้าขนหนูเก่าๆ มาเช็ดตัวให้อย่างรวดเร็ว

“พี่ดี ใครอาบน้ำแมวกันบ้างเนี่ย”

“ใครๆ ก็อาบดิวะ หมายังอาบเลย แล้วแม่ง เมื่อกี้มันอ้วกนะ สกปรกโคตรอะ” ผมก้มหน้าดูรอยข่วนแดงๆ บนแขนทั้งสองข้าง

“แสบชิบหาย ไอ้ซีไปเอายามาใส่ให้ด้วยนะ เชี่ย แมวบ้า คนอุตส่าห์หวังดี จะได้สะอาดๆ หอมๆ ข่วนมาได้ไง”

“แล้วอาบน้ำเหมียวเล็กนี่ เอาอะไรอาบ ซื้อแชมพูแมวมาหรอ”

“แชมพูแมวแป๊ะดิ แชมพูกูนี่แหละ”

“เฮ้ย ได้ไงอะ”

“ทำไมจะไม่ได้ สูตรนุ่มลื่นมีชีวิตชีวา สำหรับพวกแพ้ง่ายด้วยเหอะ กลิ่นดอกไม้ด้วย หอมดีออก” ผมก้มลงไปดมๆ เหมียวเล็กที่ตอนนี้เริ่มดิ้นไปมาในอ้อมกอดของซี


“โอ้ย ตายๆ นี่พี่ชายฉันใช่ไหมเนี่ย” ยัยซีพูดเสียงดังแล้ว เดินหนีผมไป


ทำไมละ อาบน้ำแมวมันผิดตรงไหนวะ เมื่อกี้ยังให้เอาไปดูแลเลยไม่ใช่หรือไงเล่า
แล้วคืนนั้น เจ้าเหมียวเล็กก็กลับมานอนที่เดิมที่นอนประจำของมัน ตั้งแต่ย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ในบ้าน
จะที่ไหน ขดตัวอยู่ตรงปลายเท้าของผมนั่นแหละ






.
.
.



“เอ็งมานี่เลย เหมียวเล็ก วันนี้ป้ามึงแม่งกลับดึกนะ”

ค่ำวันเสาร์หลังผมกลับมาจากการไปสอนพิเศษตลอดทั้งวัน นั่งดูโทรทัศน์อยู่ตรงห้องนั่งเล่น เอาเหมียวเล็กขึ้นมากอดเล่น งานแม่บ้านที่ยัยซีไปทำเลิกไม่เป็นเวลา แต่มันก็ไม่ควรเลยเวลาเกือบเที่ยงคืนนี่หว่า

ผมหยิบโทรศัพท์ที่ได้มาจากป้า ฟังก์ชั่นการใช้งานก็หนีไม่พ้น โทรเข้า รับสาย ส่งข้อความ เท่านั้น มีใช้ก็ดีถมไปแล้ว กดโทรออกหาน้องสาว

ซี ไม่รับโทรศัพท์ ไม่แปลกใจเท่าไหร่ ปกติก็ไม่ค่อยรับสายอยู่แล้ว นิสัยพอกันทั้งคู่ถูกเพื่อนบ่นจนเลิกบ่นกันไปหมดแล้ว
ด้วยความเหนื่อยจากการทำงาน ผมผล่อยหลับไปบนโซฟาในห้องนั่งเล่น




กริ๊ก


เสียงสวิตช์ก่อนแสงไฟสว่างวาบ ผมสะดุ้งตื่น เมื่อปรับสายตาได้ ก็ร้องออกไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นคนเปิดไฟเต็มตา


“ซี มึงไปทำอะไรมา!”


“แหะๆ พี่ดี” ยัยซีที่ตอนนี้แต่งหน้าทาปากเสียจนผิดตา สวมชุดแปลกๆ เว้าๆ แหว่งๆ รองเท้าส้นสูง ส่งยิ้มเจื่อนมาให้ผมที่ทะลึ่งตัวพรวดลุกขึ้นมาดูน้องสาวด้วยความตกใจไม่แพ้กัน

“พี่ดีใจเย็นๆ นะ หายใจเข้าลึกๆ นั่งลงๆ” ผมที่กำลังงงจับต้นชนปลายไม่ถูก ทำตามที่ซีบอก

“นั่งดูทีวีไปก่อนนะ เนี่ยๆ โคนันๆ หาฆาตกรไปก่อน ขอซีไปจัดการตัวเองแปบแล้วเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง” ยัยซีกดรีโมทเปลี่ยนช่องให้ผม แล้วรีบเดินหายเข้าห้องตัวเองไป




ภาพในโทรทัศน์เป็นแถบสีรุ้ง นาฬิกายนผนังบอกเวลาตีสองกว่า ผมเริ่มคิดไปต่างๆ นานา

ซีไปทำงานพิเศษ บอกผมว่าเป็นงานแม่บ้าน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ งานแม่บ้านไม่ได้ต้องแต่งหน้าทาปาก แต่งตัววาบหวิวแบบนั้นหรอก

ผมกับน้องเราคุยกันทุกเรื่อง ก็มีกันแค่สองพี่น้องตั้งแต่ดื้อดึงเข้ามาเรียนในกรุงเทพ ญาติที่มีก็แทบจะตัดขาดกันไป ช่วงหลังมานี้ทั้งผมและซีต่างก็ต้องใช้เงินกันมาขึ้น พวกเราจึงทำงานกันหนักมากซ้ำยังต้องใส่ใจในการเรียนอีกเพราะพวกเราเป็นเด็กทุน ต้องรักษาผลการเรียนให้อยู่ในระดับที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ จึงไม่ได้มีเวลามาพูดคุยเล่นกันอย่างเคย


ผมได้แต่ภวนาในใจทั้งๆ ที่รู้ว่าหากเกิดเรื่องขึ้นแล้วก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ซีคงไม่ทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง ไปทำงานอย่างว่าหรอกใช่ไหม ผมร้อนใจไปหมด แต่ก็ทำได้แต่นั่งนิ่งรอซี รอด้วยใจที่เต็มไปด้วยความหวังว่าซีคงไม่ทำร้ายตัวเอง ทำลายความหวังของผมเพียงเพราะ “เงิน”











“พี่ดี ซีขอโทษ”




ซีเดินเข้ามากอดผมจากด้านหลัง ตัวน้องมีกลิ่นบุหรี่อวนจนต้องเม้มปากข่มอารมณ์

“ซีขอโทษที่ซีโกหกพี่ดีนะ” เสียงสะอื้นเบาๆ ของน้องสาวบีบหัวใจของผมจนชาไปหมด ลำคอแห้งผากจนใช้ความพยายามมากกว่าทุกครั้งในการเปล่งคำพูด

“มึงไปทำงานอะไร”

“พี่ดีใจเย็นๆ ...ฮึก...นะ  ซี...ไม่ได้...ไม่ได้ทำอะไรไม่ดี... ซีขอโทษ...อึก..ที่ไม่ได้บอกพี่ดีก่อน ...ซี..ฮื่อ...ซีกลัวพี่ดีไม่ให้ทำ...ฮื่อๆ” ยัยซีสะอึกสะอื้น



“ตอบ!!”



ผมตวาดออกไป มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเห็นเส้นเลือด ยัยซีสะดุ้ง แต่ยังกอดผมแน่น น้องลนลานตอบ


“ร้านเหล้า ซีไปทำงานร้านเหล้า”


คำตอบที่ได้ยิน แม้ว่าจะดีกว่าที่ผมคาดคิดไว้ ...ไม่ใช่งานอย่างว่า... แต่ก็ไม่ได้จะดีกว่าเลย
อันตรายมากสำหรับผู้หญิง ที่ๆ เต็มไปด้วยอบายมุข สารเสพติด แค่คิดว่าน้องต้องถูกลวนลามทางสายตาและร่างกายแล้ว ผมก็รู้สึกแน่นในอก หายใจไม่ออก


“พี่ดูแลซีไม่ดีหรอ ซีถึงต้องเอาตัวไปเลี่ยง ทำงานอย่างนั้น”


ผมพูดออกมาด้วยถ้อยคำที่นานทีจะแทนตัวเองว่า “พี่” รู้สึกว่าตัวเองแย่มากที่ดูแลน้องไม่ดีพอ ทำให้ซีต้องไปทำงานที่เสี่ยงอย่างนั้น ยัยซียิ่งปล่อยโฮออกมาหนักกว่าเดิม หยดน้ำตาซึมผ่านเสื้อนอนตัวเก่า...น้ำตาน้องสาว ผมสัญญาไว้กับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้น้องร้องไห้อีกแล้วหลังจากออกจากบ้านมา แต่ก็ทำไม่ได้




“ซีขอโทษ ซีทำอะไรไม่ได้คิด... ซียืมเงินหวานมาหลายครั้งแล้ว... ซีเกรงใจหวาน... ซี..ไม่อยากให้พี่ดีเหนื่อย”


บอกให้ซีมานั่งข้างกัน เสียงสะอื้นยังคงอยู่ในทุกจังหวะการพูด กวาดสายตาช้าๆ ไปบนใบหน้าของน้องสาว ดีก็พบว่าเขานั้นละเลยน้องสาวคนเดียวคนนี้ไปมากเหลือเกิน ยัยซีร้องไห้จนตาแดงช้ำ เขาแทบไม่สังเกตเลยว่าน้องมีรอยคล้ำใต้ตามากขนาดนี้ ได้ยินคำสารภาพของน้องทำเอาปวดหนึบที่ใจอีกครั้ง...ยืมเงินเพื่อน


“ซี ยืมเงินหวานไปเท่าไหร่ เอาไปทำอะไร”


ถามว่าโกรธไหม คำตอบคือไม่ เพราะตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดที่จะใช้แก้ปัญหาได้คือ ‘สติ’ ไม่ใช่ ‘อารมณ์’


“เกือบๆ หมื่น ซะ...ซี....ฮึก...คะ ค่าเทอม...พี่ดี..ซะ ซีขอโทษ... เทอมนี้ซีไม่ได้ทุน..ซีไม่รู้จะทำยังไง..ซีไม่กล้าบอกพี่ดี กลัวพี่ดีเป็นห่วง...ซีขอโทษ...”


ไม่ใช่ว่าผลการเรียนของซีตกลงหรอก แต่เนื่องจากนักศึกษาสมัครขอทุนการศึกษาเพิ่มมากขึ้น เทอมนี้ซีจึงพลาดทุนการศึกษาไป วันประกาศผลเจ้าตัวหน้าซีดเผือดจวนจะเป็นลม ดีที่เพื่อนประคองไว้ทัน พอหวานทราบเลยเสนอตัวช่วยจนซีไม่อาจปฏิเสธได้


เธอรู้ดีว่าพี่ชายต้องทั้งเรียนและทำงานหนักจึงไม่กล้าบอกเรื่องนี้ เพื่อนที่ทำงานพิเศษที่ร้านเหล้าทราบว่าซีจำเป็นต้องใช้เงินจึงเสนองานให้พร้อมรับรองความปลอดภัยเป็นอย่างดี เธอจึงตกลงซึ่งตลอดสองเดือนที่ทำงานกลางคืนนี้ เธอยังคงโชคดีรักษาตัวรอดจากพวกนักท่องราตรีทั้งหลายได้ตลอดรอดฝั่ง


เห็นหน้าพี่ชายวันนี้แล้ว ความภาคภูมิใจที่คิดว่าตัวเองเคยมีก็หายวับไป ใบหน้าผิดหวังและน้ำเสียงแหบพร่านั้นทำเอาเธอปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น




“...”




น้องพร่ำเอ่ยขอโทษมาทุกครั้งที่เอ่ยปาก ความจริงที่ว่าผมพึ่งพาไม่ได้ เป็นที่พึ่งของน้องไม่ได้ ยิ่งตอกย้ำว่าผมนั้นมันเอาตัวไม่รอดอย่างที่ใครคนหนึ่งตะคอกใส่หน้ามาก่อน



“พี่ดีก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน...ซี..”



“พี่เข้าใจแล้ว...อีกสามวันซีเอาเงินไปคืนหวานซะแล้วก็ลาออกจากงานนั่นด้วย”





ยิ่งพูดยิ่งเจ็บ ผมตัดสินใจตัดบทน้องแล้วเดินขึ้นไปบนห้อง ซีเดินตามขึ้นมาต้อยๆ ด้วยท่าทางมึนงง ชั้นบนของตัวบ้านมีสองห้องนอน ห้องนอนเล็กทางขวามือเป็นของซี และห้องนอนใหญ่ทางซ้ายเป็นของผม เราเลี้ยวซ้าย เปิดประตูเดินผ่านกองหนังสือเอกสารเข้าไปในสุด หยุดอยู่ตรงหน้าตู้เสื้อผ้าไม้สีน้ำตาลเข้มหลังใหญ่



“พี่ดี”



ซีเอ่ยออกมาเบาๆ น้ำตาที่หยุดไปแล้วไหลอีกครั้ง เมื่อผมเปิดตู้เสื้อผ้า ก้มลงไปเปิดลิ้นชัก ควานมือเข้าไปข้างในสุด หยิบถุงผ้าขนาดพอดีมือใบเก่าออกมา
 


“พี่ดี...มะ...ไม่เอานะ ...ยะ...อย่าเลย” มือเย็นเหยียบของซีพยายามรั้งให้ผมเก็บของกลับลงไปตามเดิม



“...”


ผมไม่ตอบ เทของในถุงลงบนเตียง เศษเหรียญ ธนบัตรเก่าๆ สองสามใบ สายสิญจน์สีคล้ำสองเส้นและทองเส้นเล็กสีหม่นเส้นหนึ่งนอนนิ่งบนผ้าปูที่นอนยับย่น


“สร้อยของแม่นะ” ยัยซีท้วงเมื่อผมหยิบขึ้นมา





“แม่ไม่ว่าหรอกซี มันถึงคราวจำเป็นของเราแล้วล่ะ”

ผมเก็บสร้อยใส่กระเป๋า สมบัติชิ้นเดียวที่ได้มาจากแม่










“พี่ดี ... ซีขอโทษ” 

ยัยซีเข้ามากอดผม ร้องไห้อีกครั้ง







“พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ ... ขอโทษที่ดูแลแกไม่ดีนะซี”
ผมกอดน้องตอบ




แม่คงไม่ว่าอะไรหรอกใช่ไหม
ผมไม่อยากให้น้องต้องลำบาก
ขอโทษนะครับแม่

.....................................................

[28/10/2558]
เปิดคอมขึ้นมาจะทำงานดิบดี รู้ตัวอีกทีก็เผลอมาลงนิยายต่อซะแล้ว 555
จิ้มแก้มคนซึน ปากบอกไม่ชอบแต่ให้เหมียวเล็กนอนด้วยทุกวัน คิคิ
เรียกตัวเองว่าพ่อแต่เรียกน้องสาวว่าป้า //ดีเป็นคนตลก 5555

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

 :bye2:

Lavender's blue : )



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 13:02:15 โดย Wendy »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
สงสารเลย T_T

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 9)



ตอนที่ 9 ความช่วยเหลือ




วันอาทิตย์ซีตื่นขึ้นมาหลังจากที่ร้องไห้จนเหนื่อยแล้วผล็อยหลับไป ดวงตาทั้งคู่แดงช้ำ พี่ชายของเธอ โชคดี ออกบ้านไปแต่เช้า ความจริงที่ว่าเขานำสร้อยของแม่ไปจำนำเพื่อนำเงินไปคืนเพื่อนของเธอนั้น ทำให้น้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าเพียงแต่เธอได้รับทุนการศึกษา พี่ดีก็ไม่ต้องนำสร้อยไปจำนำ



เหมียวเล็กเข้ามาคลอเคลียเธออย่างเคย ขนอ่อนนุ่มไม่ได้ทำให้เธอเพลิดเพลินเหมือนทุกครั้ง
เธอนั่งเหม่อ เกาคอให้เหมียวเล็กอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร



รอ ... รอพี่ดี






สองพี่น้อง ‘น้ำหวาน’ แวะมาเยี่ยมเหมียวเล็กในตอนบ่าย ซียิ้มฝืนๆ ให้ทั้งคู่ และเชิญทั้งสองเข้ามาในบ้าน
“ซี ไปทำอะไรมา ทำไมตาแดงๆ” เพื่อนสาวเอ่ยทักทันทีที่เห็นหน้าเจ้าของบ้าน
“..ไม่มีอะไรหรอก เมื่อคืนดูซีรีย์แล้วร้องไห้น่ะ..” ซีส่งยิ้มฝืน พยายามจะเดินหนีแต่เพื่อนกลับถามต่อ
“เรื่องไรอะ ช่วงนี้ว่างๆ เดี๋ยวไปหาดูบ้าง” หวานชวนคุยอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่
“อ่า..จำชื่อไม่ได้..แบบดูในโทรทัศน์น่ะ ดึกแล้วแต่เศร้ามากเลยล่ะ”
“งั้นหรอ เหมียวเล็กมาหาพี่หวานหน่อยเร้วววว”

เจ้าเหมียวเล็กเดินออกมาดึงความสนใจของหวานได้ทันเวลาพอดี ซีลอบถอนหายใจ เธอลำบากใจที่ต้องโกหกแต่เธอไม่อยากรบกวนเพื่อนอีก หากแขกทั้งสองรู้ความจริงต้องเข้ามาช่วยเหลือที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้แน่นอน

“ดี ไม่อยู่หรอ” น้ำพูดขึ้นหลังจากนั่งมองสองสาวคุยกันสักพัก
“เอ่อ.. อ้อ พี่ดีออกไปข้างนอก ไปซื้อข้าวค่ะ...อีกไม่นานก็กลับ” ซีงึมงำเบาๆ ดวงตาคมที่มองตรงมาทำให้เธอประหม่า พี่น้ำที่เคยดูเซื่องๆ ไม่สนใจโลกภายนอกในสายตาของเธอวันนี้แปลกไป
“อ้ายยย เฮียมาถึงก็ถามหาพี่ดีเลยน้า ฮะ ฮะ ฮ่าๆ เหมียวเล็ก ป๋าเกินหน้าเกินตาเนอะ อิอิ” หวานลูบขนแมวน้อยแรงกว่าปกติ เอ่ยแซวพี่ชายอย่างร่าเริง


“สองคนกินอะไรมาหรือยัง เหมือนมีขนมในตู้เย็น รอแปบนะ”


ซีเดินเลี่ยงเข้ามาในครัว เปิดตู้เย็นที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากขวดน้ำเปล่าเรียงอยู่เต็มตู้ หยิบขวดน้ำออกมา หันกลับไปจะหยิบแก้ว


“พี่น้ำ!”


ตกใจเมื่อเห็นพี่ชายของเพื่อนยืนอยู่ตรงประตูครัวแบบไม่บอกกล่าว

“บอกความจริงพี่เถอะ ซีเป็นอะไร แล้วดีไปไหน”

น้ำพูดออกมาด้วยเสียงจริงจัง ไม่มีท่าทีขี้เล่นอย่างที่เธอได้เห็นประจำ หญิงสาวกัดปากอย่างลังเลแต่เมื่ออีกฝ่ายนั่งลงบนเก้าอี้ ประสานมือวางบนโต๊ะ พยักพเยิดให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่เหลือพร้อมเสริม


“ซีเล่ามาเถอะ หรือจะให้พี่เรียกหวานมาช่วยฟังด้วยดี”


แค่คิดว่าให้หวานรู้เรื่องนี้ ซีก็แอบส่ายหน้าในใจ ใช่ว่าจะไม่อยากให้เพื่อนรู้ หวานเป็นคนรักเพื่อนมาก เพียงแค่เอ่ยปากเธอก็พร้อมจะให้อย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ทั้งเธอและพี่ดีมีศักดิ์ศรีมากกว่านั้น เธอคบหวานเพราะต้องการจะเป็นเพื่อน ไม่ได้คบเพื่อจะรบกวนขอยืมเรื่องเงินทอง


เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ชายถึงหัวเสียบ่อยๆ กับใบหน้าเปื้อนยิ้มของพี่น้ำ มันน่าหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตามที่อีกฝ่ายต้องการเท่านั้น


.
.
.


โชคดีกลับถึงบ้านบ่ายแก่ๆ ด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน ไม่สนใจรองเท้าแปลกตาคู่หนึ่งที่วางอยู่ใกล้ประตูหน้าบ้าน เขาก้มหน้าก้มตาควานหาเอกสารในกระเป๋าตลอดทาง ขึ้นบันไดมาหยุดที่หน้าห้องนอนเล็กของน้องสาว เคาะประตูเมื่อได้ยินเสียงขยับตัวจากด้านใน ไม่รอให้ประตูเปิดก็พูดขึ้น 


“ซี พี่จัดการเรียบร้อยแล้วนะ พรุ่งนี้เอาเงินไปคืนหวานได้ ไม่ต้องร้องไห้แล้วล่ะ”


ในที่สุดเขาก็เจอกระดาษแผ่นเล็ก สองตามองข้อความในเอกสาร


 ...ตั๋วจำนำ...


ประตูเปิดออก โชคดีที่เตรียมคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้น้องสาวรีบกลับสีหน้าเป็นนิ่งเฉย คิ้วขมวดยุ่ง ถามคนตัวโตเสียงเข้ม
“ซีไปไหน แล้วมึงเข้าไปทำอะไรในห้องน้องกู”
“ซีไปเดินเล่นกับหวาน”
“ฮะ ... แล้วทำไมยังไม่กลับ”
“...รอ พี่มีเรื่องคุยด้วย”

ใบหน้าจริงจังจากน้ำทำให้เขาแปลกใจ โชคดีหันหลังเดินกลับมาที่โซฟาในห้องนั่งเล่นหน้าโทรทัศน์ทั้งที่อยากจะถามออกไปอีกครั้งว่าเข้าไปทำอะไรในห้องน้องสาว แต่ก็คิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อปากต่อคำ เรื่องขโมยของตัดไปได้เลย ของทั้งบ้านยังมีค่าน้อยกว่ารถยนต์เจ็ดที่นั่งที่มักจะมาจอดทุกบ่ายวันอาทิตย์เสียอีก 


น้ำเดินตามมา นั่งลงสายตาจับจ้องคนผอมอย่างเปิดเผย ดีเปิดโทรทัศน์ เขาเงียบนึกอึดอัดใจที่จู่ๆ ก็พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าทำไมทั้งๆ ที่เขาควรจะไล่แขกที่ไม่ได้รับเชิญนี้กลับบ้านไปตั้งนานแล้ว เจ้าเหมียวน้อยกระโดดขึ้นไปนั่งตัก มือผอมลูบหัวเล่น พยายามไม่สนใจอีกคน


“พี่รู้เรื่องจากซีแล้ว”


เป็นน้ำที่กล่าวขึ้นมาก่อน ถ้าอยู่ในอารมณ์ปกติ ดีต้องร้องออกมาทันทีว่า ‘ยุ่งไม่เข้าเรื่อง’ แต่เมื่อนึกได้ว่าซียืมเงินหวาน หวานคงไม่มีปัญญาเอาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาให้ หากไม่รบกวนคนตรงหน้า เขาจึงเลือกที่จะเงียบ

“ทำไมต้องทำอย่างนั้นด้วย” น้ำเอ่ยเสียงเข้ม แต่คนฟังกลับไม่เข้าใจ

“ทำอะไร”

“สร้อย”

“ผมไม่อยากเป็นหนี้ใคร”  สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้น้ำขมวดคิ้ว

“ไม่ได้เป็นหนี้ พี่ให้ซียืมเงินก่อน” เสียงของน้ำเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ของผู้พูด

“ไม่อยากรบกวน พวกเราดูแลตัวเองได้” ดียังคงดื้อดึง เรื่องเงินอาจเป็นเรื่องเล็กร้อยสำหรับคนที่มีเหลือเฟืออย่างน้ำและหวาน แต่สำหรับเขาแล้วคือเรื่องใหญ่ที่เรียกว่าศักดิ์ศรีเลยก็ว่าได้


“ดี...ถึงดีจะรำคาญพี่ที่เข้าไปยุ่งวุ่นวาย แต่เรื่องนี้พี่ไม่ได้เข้ามายุ่งเพราะว่าพี่ชอบดีหรอกนะ แต่พี่เข้ามายุ่งเพราะพี่เห็นว่าซีเป็นเด็กดี นิสัยดี และเป็นเพื่อนยัยหวาน พี่พอจะช่วยได้พี่ก็ช่วย”


โชคดีนิ่ง ไม่มีเสียงตอบรับ น้ำเห็นดังนั้นจึงรีบพูดต่อว่า

“เงินพี่ไม่ได้เปล่าๆ หรอกยังไงก็ต้องคืน ซีคงเกรงใจพี่เลยหาทางออกแบบนั้น ถ้าพี่รู้ พี่ก็คงจะห้ามเหมือนกัน”


“แล้วคุณจะเอายังไง”


โชคดีผ่อนคลายทีที่เคร่งขรึมลง คนตรงหน้ามีน้องสาวและมีท่าทีเป็นห่วงสองสาวทั้งคู่ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา เมื่อเอาอารมณ์และความรู้สึกส่วนตัวออกไป ก็ต้องยอมรับว่าคนคนนี้มีเจตนาดีที่จะช่วยเหลือพวกเขา


“ขอตั๋วจำนำให้พี่” น้ำยื่นมือออกมาข้างหน้าหลังจากพูดจบ

“จะเอาไปทำอะไร”

“ก็ไปไถ่สร้อยคืนมา...พี่จะเก็บไว้เอง ถ้าวันไหนดีกับซีมีเงินแล้วก็ค่อยคืน” น้ำอธิบายช้าๆ


“...”


ข้อเสนอของน้ำทำให้โชคดีนิ่งคิด ว่ากันตามจริงแล้วเอาสร้อยไปจำนำ พวกเขาก็ไม่มีทางหาเงินมาไถ่ได้ทันเวลาแน่นอน ต้องโดนยึดไปอยู่แล้ว แต่ถ้าเอามาฝากไว้กับคนตรงหน้า พวกเขาอาจมีโอกาสได้สร้อยคืน...แม้ว่าจะไม่ใช่เร็วๆ นี้ก็ตาม


สร้อยของแม่เส้นเล็กนิดเดียว แถมยังเก่าเก็บ นายจำนำกดราคาแล้วกดราคาอีก แถมยังคิดค่าดอกเบี้ยแพงชะมัด เงินที่ได้จากการจำนำสร้อยยังไม่เท่าที่น้องสาวไปยืมเพื่อน ดีต้องเอาเงินเก็บของตัวเองที่อดออมมาตลอดสำหรับยามจำเป็นออกมาสมทบจนครบ


ทั้งๆ ที่เกลียดเหลือเกินแต่ก็ขาดไม่ได้  เขาบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตกลงแล้ว เขานั้น ‘รัก’ หรือ ’เกลียด’ เงินกันแน่
พอเห็นเขาจมอยู่กับความคิดตนเองนาน น้ำก็ขัดขึ้น เปลี่ยนหน้าตาจริงจังเข้าสู่โหมดเดิม


“แต่ไม่ต้องซาบซึ้งมากหรอกนะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับที่พี่ ‘จีบ’ ดีหรอก
.
.
.
แต่แอบบวกไว้เป็นโบนัสให้หน่อยก็ดีนะ”



 “มันใช่เวลามาหยอดไหม ...พอ จะไปก็ไป เร็ว”


เกือบจะดีละเชียว คนฟังรีบตะโกน ลุกขึ้นเดินนำไปรอที่รถอย่างรวดเร็ว ลงน้ำหนักที่เท้าจนเกิดเสียงดังหวังจะกลบเสียงหัวเราะที่ลอยหลังมา





.
.
.




ซีและดีนั่งดูโทรทัศน์ด้วยกันหลังทานอาหารเย็นอย่างพร้อมหน้าจากฝีมือสองสาว สองพี่น้องคู่นั้นกลับไปแล้ว บ้านที่เมื่อครู่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และเสียงตะโกนด่าจากดี เงียบเหงาเหลือเพียงเสียงโทรทัศน์ดังแว่วมาเป็นระยะ

“ซี” พี่ชายเอ่ยเรียกน้องสาว

“พี่ดี”

“คราวหลังมีอะไร ต้องบอกพี่รู้ไหม” โชคดีลูบขนเหมียวเล็กเบาๆ สบตาแดงก่ำของซี

“ซีขอโทษจริงๆ นะพี่ดี ซีจะไม่ทำอะไรโง่ๆ อีกแล้ว” ซีน้ำตาคลอ

“ไม่ต้องร้องไห้แล้วล่ะ..มึงพูดขอโทษเยอะเกินไปแล้วนะ”

สรรพนามที่เปลี่ยนไปแสดงถึงอารมณ์ปกติของตนเอง เขาไม่อยากให้น้องสาวรู้สึกผิดไปมากกว่านี้อีกแล้ว บทเรียนครั้งนี้ยิ่งใหญ่เพียงไร น้องสาวคงตระหนักได้ด้วยตนเองแล้ว

“ถ้าอยากจะขอให้ยกโทษให้ เทอมหน้าก็ตั้งใจเรียน เอาแบบสี่จุด ขอทุนให้ได้เหมือนเดิมซะ ไอ้ยุ่ง!”

ผลักหัวซีเบาๆ เมื่อซีโถมเข้ามากอดทั้งตัว ดียกมือเช็ดน้ำตาที่เอ่อออกมาจากดวงตากลมของน้อง ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบพูดคุยกันอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก
 







“พี่ดี...ถ้าเราไม่มีพี่น้ำกับหวานจะเป็นไงนะ” ซีเอ่ยออกมา



น้องสาวไม่ได้ถามคำถาม ดีทบทวนเรื่องราวทั้งหมดของสองพี่น้องแล้วก็ได้แต่ยกมือขึ้นโอบคนในอ้อมแขน 




“... ไม่รู้เลย”





ถ้าสองพี่น้องไม่ยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือ
แต่กลับเดินออกไปจากชีวิต


พวกเขาจะเป็นอย่างไรนะ




To be continued…

-----------------------------------
[31/10/2558]

พี่น้องดีซีอยู่ในสภาวะช็อต คนเขียนก็เช่นกัน #ร้องไห้หนักมาก
ตอนนี้เฮียน้ำ ใจดี สปอร์ต เต๊าะเด็กผุดๆ
ฝนตกหนักแล้วววว
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

Happy Halloween ka

Lavender's blue : )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 13:08:31 โดย Wendy »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ขอบคุณมากๆ  :mew4:

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว (ตอนที่ 10)



ตอนที่ 10 กาว



ตอนนี้ซีไปสอนพิเศษที่สถาบันเดียวกับผมทุกๆ วันเสาร์  ความเสียใจที่บังบดดวงตาสีน้ำตาลเข้มของซีคล้ายกับหมอกบางยามเช้าที่จางหายไปเมื่อแสงแดดมาเยือน ดวงตาสดใสคู่เดิมกลับมา ใบหน้าเปื้อนยิ้มบ้างบูดบึ้งบ้างของน้องสาวทำให้ผมมีความสุขกว่ารอยยิ้มซีดเซียวฝืนใจ


...ความผิดพลาดในอดีตเป็นบทเรียนที่มีค่าเสมอ...ใครบางคนได้กล่าวไว้ เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เราสองพี่น้องใกล้ชิดกันมากขึ้น ห่วงใยใส่ใจกันยิ่งขึ้นไปอีก พูดให้ถูกคือผมคนเดียวน่ะที่ทำมากขึ้น ออกจากโลกส่วนตัวมาใส่ใจคนรอบข้างมากกว่าเดิม ยัยซีเป็นจอมจุ่นวุ่นวายยังไงก็เป็นอย่างนั้น อาจเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ แต่ก็เอาเถอะ ยังไงก็มีกันสองพี่น้อง


และผมโอนงานสอนพิเศษของเจ้าเด็กป่วนนามว่า ‘เน็ต’ ไปให้ซีทันทีที่กลับจากสอนพิเศษไอ้เด็กกวนส้นครั้งที่สาม นิสัยกวนตีนหน้าตายนี่คงเป็นโรคประจำตระกูลไอ้พี่น้ำจืดมัน เจอลูกพี่มันคนเดียวก็แย่แล้ว ลูกน้องก็ให้ยัยซีจัดการแทนละกัน


หัวข้อโปรเจ็คที่อาจารย์ที่ปรึกษาอนุมัติให้ผ่านเมื่อวันเช้าวันนี้ กว่าจะชักแม่น้ำทั้งประเทศขึ้นมาโน้มน้าวให้อาจารย์คล้อยตามได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สูญเสียพลังงานไปเยอะจริงๆ ตกเย็นผมและเพื่อนจึงมาฉลองความสำเร็จก้าวแรกกันที่ร้านอาหารหลังมหาวิทยาลัย


“ป้าคร้าบบบบบ ต้มแซบกระดูกหมู รสเดิมนะครับ” ไอ้เก่งเดินนำเข้าไปในร้าน ตะโกนเสียงดังจนคนที่นั่งทานอยู่เงยหน้าขึ้นมอง แชมป์เดินนำผมไปที่โต๊ะประจำ ก่อนจะพยักหน้าให้ผมทำตามป้ายที่มีตัวหนังสือเขียนโย้เย้ว่า ‘น้ำเปล่าบริการตนเอง’  ส่วนท็อปเดินเข้าไปเลือกปลาดุกสองตัวจากตะแกรงหน้าร้าน และลงมือปิ้ง หยิบพัดขึ้นมาพัดไฟทันทีไม่สนใจใคร


“ข้าวเหนียวสอง เฮ้ยไอ้เชี่ยท็อปขนมจีนใช่ปะ” เก่งบอกพนักงานและหันไปถามท็อปที่ตอนนี้กำลังพลิกปลาดุกอยู่ มันพยักหน้าตอบ
“ตกลงเป็นข้าวเหนียวสอง ขนมจีนหนึ่งครับ”
“ไอ้เก่ง ถ้าจะมากันสี่คนแล้วมึงสั่งแค่ของตัวเองกับเมียมึงน่ะนะ”  แชมป์ว่าเข้าให้
“เอ้า ก็พวกมึงเป็นเพื่อน จะให้กูบริการให้หรอครับ กูก็ต้องดูแลเมียกูสิเนอะ เมียจ๋า” ไอ้เก่งหันไปอ้อนทำเสียงอ่อนเสียงหวาน
“ส้นตีน ยังเสือกไปเล่นกับมันอีกนะ หมาเก่ง เดี๋ยวพ่อฟาดด้วยปลาดุกเลย แสรด” คนที่กำลังพลิกปลาดุกพูดสวนขึ้นทันทีที่เก่งพูดจบ
“เงียบดิ พวกมึงเล่นไม่รู้เวลา น้องเขายืนหน้าแดงจิ้นไปไกลละ สัด!” ผมขัดพวกมัน ก่อนจะสั่งอาหารอีกสองสามอย่าง ขืนรอพวกมันสั่งบ่ายวันพรุ่งนี้มีหวังยังไม่ได้กินอะไร มันแต่เถียงกันเรื่องไร้สาระอยู่นั่น


จินตนาการออกไหมครับว่าร้านอาหารที่พวกผมมาฉลองเป็นแบบไหน ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในท้ายซอยห้องแถวหนึ่งคูหา หน้าร้านมีรถเข็นคันเล็ก ในตู้กระจกมีมะเขือเทศสองสาวลูก ถั่วฝักยาวเกร็นๆ สี่ห้าฝัก ครกสองลูกตั้งอยู่กะละมังมะละกอที่ขูดเป็นเส้น ถัดออกไปเป็นกระจาดผัก มีทั้งผักนึ่งผักลวงน้ำพริกสารพัดชนิด เยื้องออกไปข้างหน้า เป็นเตาถ่านสองเตา เนื้อหมู ไก่ ปลาดุกที่ย่างแล้ววางอยู่ในตู้กระจกขนาดเล็ก

มันไม่ได้เป็นร้านหรูหราอะไรเลย แต่ถ้าถามเรื่องรสชาติแล้วต้องยกนิ้วให้ครับ ดูจากปริมาณลูกค้าที่นั่งอยู่เต็มร้านในทุกวันทั้งเวลาเที่ยงและเย็น นี่ขนาดวันนี้พวกผมมาตอนบ่ายกว่าๆ คนยังคนหนาตา


ปลาดุกส่งกลิ่นหอม สีเหลืองกรอบดูน่ากินโดยฝีมือไอ้ท็อป พ่อครัวของกลุ่ม ไม่ถึงห้านาทีก็เหลือแต่ซาก
“พวกมึงช้าๆ หน่อยดิ แม่ง กินยังกะห่าลง” คนปิ้งปลาบ่นเมื่อกินไม่ทันเพื่อน
“เชี่ยเก่ง เมียมึงโวยวายแล้ว จัดการดิ”
“คนกินครับไม่ใช่ห่า แหม่ ปากนะครับคุณเมีย”
“เมียพ่อง”
“มึงจะเครียดไรเยอะแยะวะ ขำๆ อะ ยิ่งมึงโมโหพวกแม่งก็แซวอีกดิวะ” เก่งส่ายหน้าเบาๆ ไม่สนใจคนที่กำลังโมโหหน้าเครียด
“ก็มึงลองมาเป็นคนที่ถูกเรียกว่า เมีย ไหมละ”
“อ้าวตกลงมึงอยากเป็นผัวกูหรอครับ”
ไอ้แชมป์ขำจนหน้าแดงไปหมด ผมที่กำลังดื่มน้ำอดขำไม่ไหวจนน้ำพุ่งพรวดออกมา

“เชี่ย!! ดี” ทุกคนประสานเสียง

“ซกมกว่ะ” ไอ้เก่งด่าก่อนเป็นคนแรก
“พ่อมึงคิดไงตั้งชื่อลูกวะ ตั้งแก้เคล็ดหรือไง” เป็นประโยคของท็อปที่ไม่จบในหนึ่งประโยค เพราะทุกคนต้องถามมันต่อ
“ยังไงวะ” ไอ้แชมป์ถาม
“ก็แม่งเลวไง สงสัยพ่อแม่งรู้ เลยต้องตั้งชื่อว่าดี กันไว้” ท็อปขยายความ
“ใครบอกให้พวกมึงพูดมากวะ ดีเท่าไหร่แล้วที่กูไม่สำลักน่ะ” แค่น้ำพุ่ง ทำมาเป็นรังเกียจกูเรอะ
“ซกมกแล้วยังจะมาเถียง...อ้าวเฮียน้ำหวัดดีครับ” 

ไอ้เก่งว่าผมแล้วก็หันไปยกมือทักทายคนที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน 

“เออ..ดี”

ตอบกลับมาด้วยท่าทางมึนๆ ไอ้พี่น้ำจืดวันนี้ไม่จืดตามชื่อเพราะกิ๊ฟเชอร์รี่สีชมพูเปิดหน้าผาก

“โหเฮีย นั่งกันอยู่ตั้งหลายคนทักแค่ไอ้ดีคนเดียวเองหรอ” ไอ้เก่งปากไวกว่าเพื่อนเอ่ยแซว คนโดนแซวทำหน้างงสักครู่แล้วจึงยิ้มที่มุมปาก เดินเข้ามาโบกหัวคนพูดเบาๆ

“ชื่อเขาดีนี่หว่า ไม่ทักได้ไง” แหม่ ไอ้นี่ก็เล่นด้วยตลอด

“เห็นหน้าชิ้นเช้แล้วนั่งเงียบ วิญญาณนางอายเข้าสิงเลยหรอมึง”  ประโยคอย่างนี้ ไอ้ท็อปครับ
“ชิ้นเช้ไรวะ”
“มึงไม่เคยดู แม่พลอยหรือไง สี่แผ่นดินอะ ชิ้นเช้ คนสมัยก่อนเขาใช้เรียกแฟนเว้ย”
“ห่า ใครจะไปติดละครอย่างมึง เชี่ยท็อป” ไอ้แชมป์โบกหัวท็อปไปหนึ่งที
“นี่กินกันเสร็จแล้วหรอ” ไอ้จืดมองเศษอาหารบนโต๊ะ แล้วถามขึ้นมา
“ว่ากำลังจะกลับพอดีเลยพี่”
“จะหิ้วคนแถวนี้ไปไหนด้วยใช่ปะ ฝากส่งมันที่บ้านหน่อยนะพี่ แล้วเจอกันครับ”
“พี่อย่าทำอะไรเพื่อนผมนะครับ...ถ้ามันไม่เต็มใจ ฮ่าๆ”


แล้วพวกมันก็ลุกไปจ่ายเงินแล้วออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งผมไว้กับไอ้จืดกิ๊ฟเชอร์รี่สีชมพูโดยไม่สนใจการประท้วงของผมเลยสักคน
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ไอ้พี่น้ำจืดก็ไม่เคยพูดถึงมันอีกเลย ยังคงทำตัวเหมือนปกติ ไม่ได้เอาเรื่องสร้อยคอของแม่มาข่มขู่บังคับผมเหมือนในละครที่ยัยซีเปิดดูบ่อยๆ มันเดินไปสั่งอาหารแล้วบอกให้นั่งเป็นเพื่อน ผมก็ดันบ้าจี้นั่งรอมันโซ้ยข้าวผัดอยู่เฉย



“ไปด้วยกันหน่อยสิ” 


กินเสร็จพูดจบก็ลากผมขึ้นรถออกมา เอ้าเฮ้ย อธิบายหน่อยไหม จะไปไหนอะไรยังไง แทนที่ผมจะถามก็ไม่ดีกว่า ในเมื่อมันไม่บอกก็ไม่อยากถามให้เสียเหลี่ยม



.
.
.




แล้วไอ้จืดพาผมมาที่ห้างสรรพสินค้าใกล้มหาวิทยาลัย

“ซื้อของทำโปรเจ็ค” มันบอกแค่นั้นและคว้ามือผมไปกุมไว้ ก้าวเร็วๆ จนผมต้องรีบเดินตาม รู้สึกเหมือนจูงหมาตัวใหญ่ๆ อยู่ชอบกล จนมาหยุดที่โซนเครื่องเขียน หมา เฮ้ย มันหยิบกระดาษยับย่นแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อและยื่นให้ผม  เอื้อมมือไปรับ คลี่กระดาษออกอ่าน ลายมือหวัดๆ เขียนไล่เป็นแถวยาว 

ชานอ้อย
ปอนด์
บรูฟใหญ่
หนังไก่
Glue
Foam
พลาสติกใส/ ฟ้า
ฟองน้ำ
Pins
ปากกาหมึกซึม


และยังมีอีกเป็นพรืดยาวลงมา ภาษาอังกฤษปนไทยเต็มไปหมด

ผมมองหน้ามันงงๆ รอให้มันอธิบาย “ก็ช่วยพี่ซื้อของหน่อย เอาตามนั้นแหละ” ซึ่งเป็นคำอธิบายที่ช่วยได้มาก ซะที่ไหนล่ะ บอกเสร็จก็เดินแยกออกไปหาของทันทีไม่รอให้ผมได้ท้วง วันนี้ผมเป็นอะไร ทำไมปากไม่ทำงานเลยเนี่ย รำคาญตัวเองชะมัด


โซนที่โดนปล่อยทิ้งไว้เต็มไปด้วยอุปกรณ์เครื่องเขียนนานาชนิด ปากกาหลายร้อยด้ามเรียงไล่สีอ่อนแก่อยู่ในกล่องพลาสติกซ้อนกันหลายชั้น สมุดเล่มน้อยใหญ่หลากรูปแบบ และอีกสารพัดชนิดจนแอบคิดไม่ได้ว่า คนที่เอาแค่ปากกาด้ามเดียวไปเรียนอย่างผมยังมีอยู่อีกไหม เอาเถอะ ถ้ามีคนแบบผมมากๆ ไอ้ของพวกนี้ผลิตออกมาก็คงขายไม่ได้กันพอดี


ก้มลงมองรายการของที่ต้องซื้อก็ปรากฏว่าเลือกไม่ได้สักอย่างว่าจะต้องซื้ออะไร โว้ยยย เกิดมาก็พึ่งรู้ว่ากาวมันมีให้เลือกเยอะขนาดนี้ อะไรของมันเนี่ย แล้วจะรู้ได้ไงว่าต้องใช้อันไหน ติดแน่ทนนาน หรือ ติดแปบๆ แล้วหลุด แต่ละอย่างก็ราคา ห้าหกสิบเป็นอย่างต่ำ บางชนิดราคาเป็นร้อย หลายร้อยก็มี ผมเรียนวิศวะนะครับถึงแม้ว่าจะเคยเรียน Drawing มาแต่ก็ไม่ได้เรียนเต็มตัวอย่างไอ้คนที่ลากมานะเว้ยเฮ้ย
 


เริ่มอารมณ์เสียและกำลังจะโยนทุกอย่างทิ้ง เพื่อหนีกลับบ้าน ภาพสร้อยของแม่ลอยเข้ามาในหัว




เอาวะ ยังไงมันก็เคยช่วยไว้
แค่หยิบของใส่ตะกร้าแค่นี้
จิ๊บๆ 




.
.
.





“...”


ไอ้จืดเงียบ คงพูดอะไรไม่ออกเมื่อเจอผมและเห็นตะกร้าในมือ ไหล่ของมันค่อยๆ สั่นขึ้นจากนั้นก็ ....

“ฮ่าๆๆๆ ฮะ ฮะฮะ ฮ่าๆๆ” 

หัวเราะจนคนที่เดินผ่านไปมาหยุดมอง เฮ้ย ขำไปไหม เก็บไว้หัวเราะพรุ่งนี้บ้างก็ได้ ผมปล่อยให้มันหัวเราะจนพอใจ พอมันหยุดก็ถอนหายใจใส่หน้ามันเสียงดัง

“อ่า ความจริงแล้วพี่ไม่ขำหรอกนะ” ในที่สุดคนที่ยืนหัวเราะจนท้องแข็งก็พูดขึ้น
“...” แล้วเมื่อกี้เรียกอะไร ร้องไห้ไหมฮะ
“เรียกว่าหัวเราะจนหยุดไม่ได้น่ะ ฮะฮะ” ยกมีหน้ามาหัวเราะอีก
“กวนตีน” เน้นๆ คำเดียวไปเลย
“คิดได้ไง” ยังไม่หยุด

“มึงแม่ง...โอ้ย...ลากกูมาไม่พอ โยนลิสต์ของให้แล้วหายหัวไป กูบ้าจี้เสือกเดินซื้อของให้มึงก็บุญแล้วเหอะ ยังมีหน้ามาขำอีก เลวว่ะ” ปกติผมไม่พูดมากกับคนแปลกหน้านะครับ แต่คราวนี้ไม่ไหวจริงๆ ต่อมความอดทนแตกดังโผล๊ะ เมื่อเจอหน้าไอ้พี่น้ำจืดกิ๊ฟชมพู สงสัยมันแม่งเป็นคนหน้าแปลก

“ดี พี่มีชื่อนะแล้วก็อายุมากกว่าเราด้วย” ไอ้พี่น้ำจืดที่หัวเราะอยู่เมื่อครู่เปลี่ยนสีหน้ามาเป็นเคร่งขรึม
“...ไอ้พี่น้ำจืดดดดดดดดด  พอใจยัง แม่ง” นี่ไง การรับความช่วยเหลือจากคนรู้จัก มันต้องเรียกร้องบางอย่างจากเราอยู่แล้ว 
“ชื่อน้ำครับ พูดเพราะๆ ด้วย ไม่เอามึงกูแล้ว” เดี๋ยวนะ มันต้องเป็นผมที่โมโหมันไม่ใช่หรือ ทำไมกลายเป็นมันที่มาสอนมารยาทผมแทนล่ะ
“...โว้ย” ผมตะโกนใส่หน้ามันก่อนจะเดินหนี แน่ละว่าไม่ทัน ข้อมือถูกคว้าเอาไว้
“นิสัยไม่ดี” ไอ้จืดยึดข้อมือไว้แน่น ไม่สนใจอารมณ์กราดเกรี้ยวของผม
“เออ!”
“มารยาทแย่”
“เออ!”
“ทำผิดแล้วจะชิ่ง”
“แสรด ปล่อย” สะบัดยังไงก็ไม่หลุด ญาติเป็นตุ๊กแกใช่ไหม
“พูดไม่เพราะ”
“ไอ้พี่น้ำจืด...ปล่อย!”
“ปล่อยแล้วอย่าเดินหนีนะ..นั่นหวานกับซีเดินมาละ” คำพูดไอ้จืดทำให้ผมหันไปมองด้านหลัง เห็นสองสาวกำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางนี้ ไอ้จืดปล่อยมือผม คว้าตะกร้าที่ผมถือมา ค้นๆ หยิบของออกมาสามชิ้นแล้วเดินไปจ่ายเงิน

ผมใช้เวลาเลือกของหมดตะกร้านั่นครึ่งชั่วโมงเลยนะเว้ย ไอ้คนสั่งมองแล้วไม่ถึงนาที หยิบออกไปจ่ายเงินสามชิ้น ย้ากกกกกก ตายซะเถอะ !!

การวางแผนแก้แค้นไอ้พี่น้ำจืดถูกขัดจังหวะด้วยเสียงขอโทษขอโพยจากสองสาวที่มาถึง ฟังจากที่พูดกันสรุปได้ว่าพวกมันนัดกันมาก่อน แล้วผมไปนัดกับพวกเขาเมื่อไหร่ ยังไง เกี่ยวอะไรกัน เชื่อไหมว่าไม่ถามออกไป ดูสถานการณ์แล้วยังไงก็น่าจะโดนรุมแน่ๆ ผมยังไม่อยากเป็นเป้า


“โหพี่ดี กะจะเหมากาวทั้งห้างเลยหรอ”


ยัยหวานหันมาเห็นตะกร้าที่มีกาวทุกยี่ห้อทุกชนิดเต็มจนเกือบล้นก็ร้องออกมา
อ่า ใช่ครับ ใครบอกให้เขียนมาแค่ ‘glue’ ล่ะครับ ผมเลยกวาดเอาทุกชนิดที่มีขายบนชั้นใส่ตะกร้า เป็นเหตุให้ไอ้จืดไม่ขำแต่หัวเราะท้องแข็งก่อนจะเปลี่ยนมาร่ายยาวผมเมื่อกี้ไง



“พี่ดี ดูอารมณ์ดีนะ” ซีพูดยิ้มๆ
“อารมณ์ดีพ่อง”
“นั่นแนะ เห็นหน้าพี่น้ำแล้วมีความสุขอะดิ ฮ่าๆ หวานๆ แผนชอปปิ้งปิ๊งรักได้ผลด้วยอะ”
“เห็นๆ กันอยู่นะซี ไม่น่าถาม อิอิ”



ปล่อยมันเพ้อเจ้อไปสองคนเถอะ ให้ตายสิ ผมเลิกพยายามเข้าใจคำพูดของสองสาวนี่ไปนานละครับ
ไอ้พี่น้ำจืดเดินกลับมาหิ้วของเต็มสองมือ ส่งยิ้มให้ผม กล่าวคำพูดที่ทำให้สองสาวกรี๊ดกร๊าด






“คืนนี้ไปนอนกับพี่นะ”   


.
.
.


ฮะ!




To be continued…
-------------------------------------------
[4/11/58]
เห็นข่าวบอกนี่หน้าหนาวแล้ว แต่ทำไมร้อนกว่าเดิมก็ไม่รู้ 555

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

 :L2:

Lavender's blue : )


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 13:19:02 โดย Wendy »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เมื่อไรจะใจอ่อน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Wendy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
★ Lucky! ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว ★ (ตอนที่ 11)





ตอนที่ 11 ไม่เอาต้นไทร





‘กระรอกน้อย เตรียมตัวไว้นะครับ พี่น้ำจะเริ่มรุกแล้วนะ’




เสียงไอ้พี่น้ำจืดเคยพูดไว้เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ดังเข้ามาในจิตสำนึกของผมที่ตอนนี้นั่งเงียบอยู่ข้างคนขับรถโดยมีสองสาวนั่งคุยกันจุ๊บจิ๊บจุ๋งจิ๋งอยู่ด้านหลัง


ในความเสียใจของผมและซี ยังมีเรื่องดีๆ อยู่บ้างนิดหน่อย เพราะเรื่องวุ่นวายของซีและผม ไอ้พี่น้ำจืดจึงยังไม่ได้ทำตามที่ว่าไว้ซึ่งมันก็ดีแล้ว ใครจะบ้าดีใจที่มีเพศผู้ด้วยกันมาจีบบ้างวะเฮ้ย จนผมเกือบเลือนไปบ้าง เพราะโดนความดีของมันบังตา




จนกระทั่ง เมื่อโดนต้อนมาถึงที่จอดรถ ไอ้น้ำจืดหันมาบอกเสียงทุ้มห้าว และลงท้ายด้วยรอยยิ้มสว่างจ้า



‘คืนนี้ไปนอนกับพี่นะครับ’



จะให้ตอบว่า ครับ ไปกันเถอะ ก็ไม่ใช่เรื่อง ขณะที่กำลังอึ้ง เจ้าตัวโมโหกำลังเริ่มออกฤทธิ์จะกระโดดเข้ายึดศูนย์บัญชาการเพื่อครอบงำจิตใจ สองสาวจัดการดึงและดันผมเข้ามานั่งเบาะหน้า ปิดประตูดังปัง ก่อนจะบอกพี่ชายออกรถไป เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่ถึง 7 นาที 20 วินาทีด้วยซ้ำ


เสียงสองสาวเหมือนจะพยายามชวนคุย บรรยากาศในรถดูครึกครื้นเสียงหัวเราะทุ้มพร้อมคำพูดบางอย่างทำให้สองสาวหัวเราะเสียงดัง ฟังดูห่างไกลจนแทบจับความไม่ได้ในความรู้สึก ถามกันหน่อยไหมว่าสนุกไปกับพวกมันด้วยหรือเปล่า ผมไม่พูดอออกไปทำได้แต่นั่งนิ่งๆ ปล่อยพลังกดดันมนุษย์เริงร่าสามคนที่เหลือแต่กลับไม่เป็นผล ชิ!

รถเลี้ยวเข้ามาจอดสนิทในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นที่อยู่ของสองพี่น้องแน่ๆ  คนขับเปิดประตูแล้วลงไปหยิบข้าวของมากมายที่ซื้อมานำลิ่วขึ้นลิฟต์ไปพร้อมยัยหวาน ซีลงมายืนรอนอกรถ


“พี่ดี ถึงแล้ว ปะ ไปกันเถอะ” ซีเดินมาเปิดประตูออกกว้าง เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ขยับตัว
“ไปไหน ไม่ไปเว้ย จะกลับบ้าน” ผมกวาดสายตาไปรอบๆ คิ้วขมวดเป็นปมจนรู้สึกได้
“อ้าว ก็เมื่อกี้ยังพยักหน้ามาด้วยกันอยู่เลย อีกอย่างเพิ่งมาถึง ไม่ขึ้นไปห้องพี่น้ำหน่อยหรอ”
“พยักหน้าตอนไหนวะ” ยังไม่ได้ตกลงสักนิด
“เอ้า ก็ก่อนจะมานี่พี่น้ำถามว่าจะกลับบ้านไหม พี่ดีไม่ตอบ ซีกับหวานเลยให้พามานี่ไง”
“มาทำไร บ้านช่องมีไม่กลับนะยัยซี” ผมก้าวลงจากรถและพูดต่ออย่างรวดเร็ว สายตามองหาทางออก ปากก็เร่งน้องสาว “ไปเลย เร็ว ยิ่งค่ำมืด เดี๋ยวหารถกลับยาก”
“ไม่ไป ซีจะขึ้นไปข้างบน” ซีไม่สนใจพี่ชาย หมุนตัวแล้วก้าวเดินไปยังทางเข้าอาคาร
“โว้ย ยัยซี พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ” โดนพามาแบบไม่ตั้งตัวก็แย่แล้ว นี่ยังจะขึ้นไปข้างบนอีก ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ยัยซีก็โพล่งขึ้น


“พี่ดีนั่นแหละ เป็นอะไร ซีจะมาช่วยพี่น้ำทำงานนะ!”


“ฮะ งานอะไร ไอ้พี่น้ำจืด ลากกูมาไม่บอกอะไรสักคำ”


มันพูดแค่ว่า คืนนี้ไปนอนกับพี่นะ เองนะเว้ย เนี่ยยังก้องอยู่ในหูจนถึงตอนนี้อยู่เลย ทำงานอะไรไม่ได้ยินสักคำ


“ก็บอกแล้วว่าคุยกันบนรถเมื่อกี้ไง สติหลุด ผีเข้า หูหนวกเรอะ พี่น้ำขอซีกับพี่ดีมาช่วยทำโปรเจ็ค” พูดจบก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะเหมือนรำคาญคนพูดไม่รู้เรื่องเต็มแก่ เฮ้ยกูเป็นพี่มึงนะ


“ทำโปรเจ็ค?” ยังยืนยันว่าไม่เคยได้ยินคำนี้จริงๆ นะเว้ย


“อือ ไปกันยัง ถ้าไม่ไปก็กลับไปเลยนะ ไม่เห็นจะง้อคนบ้าเลย” ซีหันหลังเดินจ้ำพรวดผ่านเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ด้วยความคุ้นเคย หยิบบัตรขึ้นมาสแกนผ่านแล้วถือประตูค้างไว้ พยักหน้าเร็วๆ ให้ผมรีบก้าวตาม ก่อนจะเดินไปกดลิฟต์


เหอะ ถามว่าแล้วผมทำตามที่น้องบังเกิดเกล้าบอกหรือเปล่า ...ไม่ทำแล้วจะให้จะทิ้งน้องสาวไว้หรือยังไงละครับ








ผมก้าวตามซีมาอย่างอับจนถ้อยคำ ขณะลิฟต์ขึ้น กระจกเงาในลิฟต์สะท้อนภาพหญิงสาวอมยิ้มเสี้ยววินาที เมื่อกะพริบตาหน้าตายัยซีก็กลับมานิ่งสนิทเหมือนเดิม มันคงไม่หลอกเอาพี่มันมาขายหรอกนะ ?


“มึงหลอกอะไรกูหรือเปล่าเนี่ย”


“อะไรพี่ดี หลอกอะไร ไม่มี” ทำไมต้อทำเสียงสูง แน่จริงสบตาดิวะ หรี่ตามองหาพิรุธ ยัยซีก็รีบเสริมทันที
“ก็พี่น้ำกับหวานช่วยเราตั้งเยอะ ทั้งเรื่องสร้อย เรื่องเหมียวเล็ก ซีเลยจะมาช่วย...พี่ดี เราไม่ได้เป็นคนไม่ดี แล้งน้ำใจกับผู้มีพระคุณใช่ปะ”



เรื่องสร้อยแม่ไม่เถียง แต่เรื่องเหมียวเล็กนี่ขอเถียงสุดใจ มันเป็นซีเองไม่ใช่หรือไงที่อยากได้เหมียวเล็กมาเลี้ยงน่ะ แล้วคนที่เอาเรื่องพวกนี้มาอ้าง มันควรจะเป็นไอ้พี่น้ำจืดที่จะมาจีบเขาไม่ใช่หรือวะ ทำไมกลายเป็นยัยซีเจ้าปัญหาที่เอามาพูดดักคอ ไม่ให้เขาปฏิเสธได้ล่ะเนี่ย
 


“มึงแม่ง เลว น้องใครวะ”

พูดมาขนาดนี้ กูไม่ช่วยนี่หมามากพูดเลย เสียงกริ่งดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา ยัยซียิ้มที่มุมปากอย่างชั่วร้ายในสายตาของผมและเดินนำออกจากลิฟต์ไป


ยัยหวานเปิดประตูและยิ้มตาเป็นประกายให้ ก่อนจะหันไปเปะมือกับยัยซี เมื่อผมเดินผ่านสองสาวเข้ามาในห้องชุดขนาดกลางที่มองผ่านๆ แล้วตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยโทนสีอบอุ่น ห้องนั่งเล่นที่น่าจะเคยเป็นระเบียบตอนนี้มีทั้งเศษกระดาษ เศษไม้ และพลาสติกกระจายอยู่บนพื้นที่ว่างหน้าโทรทัศน์ คนตัวสูงที่เคยติดกิ๊ฟหลากสีวันนี้ส่งคนใส่ที่คาดผมสีชมพูสะท้อนแสงมาแทน ชายหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟาผ้าสีน้ำตาลเข้มเหนือซากที่ผมมองยังไงก็เป็นเศษขยะ หันหน้ามาส่งยิ้มให้คนที่เข้ามาใหม่อย่างผมและซี


แวบหนึ่งคำพูดที่เคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่งปรากฏขึ้นมาในหัว บ้านสะท้อนตัวตนเจ้าของ รอยยิ้มที่เคยเห็นหลายครั้งจนเรียกได้ว่าชินตา วันนี้มันกลับดูอบอุ่นเข้ากับบรรยากาศเหลือเกิน 


“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”

“ฮ่าๆ ใช้เวลานิดหน่อยค่ะพี่น้ำ” ยัยซีตอบแขนคล้องอยู่กับหวาน หันไปหัวเราะกันสองคนอีกแล้ว ไม่สิรวมคนที่นั่งบนโซฟาด้วยอีกหนึ่งนะ
“ขนมกับน้ำอยู่บนโต๊ะ เชิญตามสบายนะ” เจ้าของห้องบอกก่อนจะย้ายตัวเองลงมานั่งบนพื้น หยิบเศษไม้เล็กๆ มาวัดแล้วดำดิ่งเข้าสู่โลกส่วนตัว


ยัยซีลากผมมาที่โต๊ะ เล่าเรื่องโปรเจ็คที่จะมาช่วยราวกับเป็นเจ้าของเสียงเองโดยมีเพื่อนสนิทนั่งเสริม จนทั้งคู่พอใจและผมพยักหน้าเออออไปตามเรื่องเกือบสิบนาที เราก็ได้ฤกษ์มาช่วยงานจริงๆ สักที



“เฮีย ให้ทำไรบ้างอะ ทำต้นไม้ปะ”  ยัยหวานร้องถามพี่ชาย กวักมือเรียกเพื่อนพลางใช้เท้าเขี่ยๆ เศษกระดาษและนั่งลงบนพื้น
“เอาสิ หวานสอนดีกับซีละกัน ขนาดตามนี้นะ” น้ำยื่นกระดาษให้หวาน มีภาพร่างดินสอเป็นต้นไม้รูปร่างต่างๆ และตัวเลขบอกขนาด หวานดูคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี (แน่นละ ต้องช่วยโปรเจ็คมาตั้งแต่พี่ชายเข้าปีหนึ่ง) หยิบสายไฟขึ้นมาเงยหน้าขึ้น เตรียมอธิบาย 
“พี่ดี มานั่งเร็ว” ซีเห็นผมยังนั่งเฉยอยู่บนเก้าอี้โต๊ะอาหาร จึงรีบพูดขึ้นพลางตบที่ว่างข้างตัว เมื่อนักเรียนพร้อมแล้วครูจึงเริ่มอธิบาย 
“ตอนแรกก็ตัดสายไฟ เท่าไหร่ละ อ้อ 7 เซน อะหะ” หวานเหลือบตาดูกระดาษที่น้ำยื่นให้ ผมวัดและตัดตามที่หวานบอก ไม่ใช่ว่างเต็มใจนะครับ แต่ก็เป็นคนดีไง
“ตัดพลาสติกที่หุ้มออก ให้เหลือแต่เส้นลวดทองแดงแล้วก็บิดอย่างงี้ อ่านั่นแหละซี เก่งมาก พี่ดีตามทันไหมคะ” ผมพยักหน้า สายตามมองสลับไปมาระหว่างลวดเส้นเล็กของผมและหวาน
“เราจะทำกิ่งต้นไม้ คลี่ออกให้เป็นกิ่ง จับแยกๆ หน่อยซี ต้นชมพูพันธ์ทิพย์ต้องแผ่กว้างๆ หน่อยนะ แล้วก็บิดเกลียวแต่ละกิ่งซะ” หวานตรวจดูผลงานของทั้งคู่ แล้วก็ลุกไปหยิบแก้วน้ำพลาสติกตรงมุมห้อง

“อันนี้คือปูนพลาสเตอร์ หวานผสมแล้วใส่สีน้ำตาลด้วย เอาต้นไม้ทองแดงชุบ แท่นแท้น กลายเป็นลูกชุบแล้ว ฮะฮะฮะ” 

ท่าทางพวกเราจะเคร่งเครียดกันมาก ยัยหวานจึงเล่นมุกแป้กๆ ของเจ้าตัวและหัวเราะกับตัวเองอย่างอารมณ์ดี ผมคลี่ยิ้มเบาๆ ความรู้สึกประดักประเดิกตั้งแต่รู้ตัว่าโดนยัยซีหลอกล่อให้มาห้องสองพี่น้องค่อยคลายไป

“ทำใบยังไงอะหวาน” ซีถามหลังจากที่พวกเราปักลูกชุบ เอิ่ม ต้นไม้ที่ชุบปูนพลาสเตอร์ลงบนแผ่นโฟมรอให้ปูนแห้ง
“อันนี้ทำเสร็จแล้ว” หวานเอาถุงพลาสติกที่เต็มไปด้วยเศษสีเขียวๆ ให้ผมและซีดู ปากก็อธิบายต่อ “เอาฟองน้ำมาปั่นกับสีเขียว เอาไปตากแดดให้แห้ง เนี่ยยังเหม็นสีอยู่นิดหน่อย อ๊ะ! ซี ไม่เอานะ” พูดไม่ทันจบก็ต้องรีบหันหน้าหนีเมื่อซีหยิบเศษสีเขียวๆ ขึ้นมา จับคอหวานแล้วทำท่าจะให้เจ้าตัวลงไปดมกลิ่น ผมหัวเราะเบาๆ เมื่อหวานหลุดออกมาได้แล้วจับเศษเขียวๆ ใส่หน้าซีได้สำเร็จ

“พอต้นไม้แห้งก็ใช้กาวทาแล้วเอาฟองน้ำโรย นี่ไง ออกมาเป็นต้นไม้แล้ว” เอี้ยวตัวไปหยิบ ต้นไม้ที่ทำเสร็จแล้วปักเรียงกันบนแผ่นโฟมเต็มพรืด บางต้นเล็กใช้หมุดปักเม็ดโฟมแล้วโรยด้วยเศษฟองน้ำสีเขียว หวานเล่าว่าบางทีพี่ชายก็ต้องการงานละเอียด เธอต้องมานั่งระบายไล่สีต้นไม้เหล่านี้ให้เหมือนธรรมชาติด้วย   



เมื่อเข้าใจแล้วโรงงานนรกก็เริ่มขึ้น มีเสียงพูดคุยหลอกเหย้าของสองสาวขึ้นมาเป็นระรอกผสมกับเสียงหัวเราะของทั้งผมและเจ้าของโรงงานบ้างประปราย เข็มสั้นและเข็มยาวของนาฬิกาเดินหน้าไม่หยุด จนเวลาล่วงเลยมาประมาณสี่ทุ่มกว่า ผมขยับตัวสะบัดไล่อาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัว



“ดี” 


คนที่นั่งตัดกระดาษเงียบเอ่ยขึ้น หันไปมองตามเสียงเรียก จากหางตาสองสาวมองหน้ากันยิ้มกริ่ม

“ของดีไม่ต้องทำต้นไทรหรอกนะ”  พูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงนิ่งมาก



“อ้าว!”



ผมหลุดเหวอเล็กๆ นั่งทำตามที่ยัยหวานบอกจนเสร็จไปหลายต้นแล้วนะเว้ย ทำไมเพิ่งมาบอกว่าทำผิดว่ะ ไม่บอกตั้งแต่แรกๆ ที่เริ่มทำ เวร!


คนพูดเว้นระยะให้ผมบ่นกับตัวเองเสร็จ พอจะโวยวายดันชิงพูดว่า



“แค่ ‘ต้นรัก’ ให้พี่ก็พอแล้ว”



พูดจบก็ยิ้มกว้างอีก ที่เงียบไปคือไปคิดมุกมาหยอดใช่ไหม ตอบ!



“ฮิ้วววววววววววว” สองสาวประสานเสียง
“โอ้ยๆ หายเหนื่อยๆ ถ้ารู้ว่าพี่ดีมานั่งทำงานด้วยแล้วเฮียอารมณ์ดีอย่างนี้ น่าจะพามาตั้งนานแล้ว กิ้วๆ”
“พี่น้ำมีกำลังใจ ‘ดี’ เต็มที่เลยละ”
“หวานจะดูแลพี่ดีเป็นอย่างดีเลย รับรอง พี่ดีมาทุกวันเลยได้ไหมอะ”
“อิอิ พี่ดีย้ายมาอยู่นี่เลยปะ”


“ประสาท!”


ผมน่าจะตั้งตัวได้ตั้งแต่มันเรียกชื่อและทำหน้านิ่งแล้ว ทำไมยังไปเผลอมองตามันได้นะ แย่แล้ว 





.
.
.





“พี่ดีดึกแล้ว ค้างนี่เหอะนะ เนี่ยเสื้อผ้าซีเตรียมมาพร้อมแล้ว”


เวลาเกือบเที่ยงคืน ผมกำลังยืนคุยกับซีในครัว ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งนึกด่าตัวเองว่าโดนมันหลอกเข้าแล้วเต็มๆ เตรียมเสื้อผ้ามาขนาดนี้ ไม่ฟาดหัวกูแล้วลากมาให้มันเลยล่ะ


“มึง แม่ง นิสัยแย่ว่ะ” ดีดหน้าผาก สงสัยสมองมันกลวง เสียงดังเชียว วันๆ จ้องจะจับคู่ให้ผมกับไอ้พี่น้ำจืดอยู่นั่น


“น่านะ พี่น้ำก็ทำงานอยู่ สงสัยคืนนี้จะไม่ได้นอนด้วยซ้ำไปนะ พี่ดีน่า ช่วยแล้วก็ช่วยจนถึงที่สุดสิ” ยัยซีนอกจากจะไม่สลดแล้วยังเข้ามาเกาะแขนอ้อน “เหมียวเล็ก ซีจับใส่กรงแล้วก็เติมน้ำ เติมอาหารไว้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นแวะไปดู ก็ได้”

“แล้วบอกมาได้ว่าไม่หลอกกู วางแผนมาขนาดนี้”

เขกหัวเล็กๆ นั่นอีกทีจนซีร้องโอ้ย แล้วเดินกลับไปนั่งปลูกต้นไม้ต่อ คิดไว้แล้วเหมือนกันว่าต้องค้างที่นี้ ได้ยินคำสารภาพจากยัยตัวปัญหาก็หงุดหงิดนิดหน่อยกับความซื่อของตัวเอง




แต่อย่างที่ซีบอกแกมบังคับผมในตอนแรก ก่อนจะเข้ามาในห้อง
ไม่ช่วยเหลือผู้มีพระคุณ ก็คงจะแล้งน้ำใจไปหน่อย
แล้วบังเอิญว่าผม นอกจากจะชื่อ ดี แล้ว ก็ยังเป็น คนดี สมชื่อด้วยนะครับ





เชื่อกันหน่อยสิครับ!



 

To be continued …

-----------------------------------------------------
[06/11/2558]

เราหาวิธีใส่ดาวได้แล้ว ยืดอกภูมิใจ 5555
ตอนนี้มาเล่าประสบการณ์ทำโปรเจ็คล้วนๆ ว่าแล้วก็คิดถึงสมัยเรียนเนอะ (T..T)
หวังว่าคงไม่เบื่อกันนะคะ

คุณ B52 อีกไม่นานค่ะ นี่ก็เริ่มอ่อนละนะ *เชียร์เฮียน้ำซ้อมส่งลูกอ้อน*

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และสุขสันต์วันศุกร์แห่งชาติค่ะ

 :bye2:

Lavender's blue : )

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2015 13:30:29 โดย Wendy »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด