บทที่ 3
.
.
.
.
เช้าวันศุกร์ที่แสนสดใส ไอเย็นของอากาศเริ่มลดลงเมื่อใกล้ผลัดเปลี่ยนฤดู ลูกชายคุณภูผาขับรถมาที่ไร่น้ำรินแต่เช้าพร้อมกับของฝากอีกกระเช้าใหญ่ๆ
วันนี้งานในไร่ยังดำเนินไปอย่างเช่นทุกวัน กระบะสีแดงเปื้อนโคลนคันเก่าก็ยังทำหน้าที่รับน้ำหนักลังองุ่นอยู่เช่นเคย แต่ร่างบางของคนที่ตะวันคุ้นหน้าดีในช่วงนี้กลับไม่อยู่คอยคุมงานเหมือนกับทุกที
“นพ น้องรินไปไหน” เอ่ยถามคนงานที่กำลังง่วนกับการขนสินค้าขึ้นรถ
นพหันมามองคนตัวสูง เขารู้จักตะวันเพราะต้องไปส่งของที่ตลาดทุกวันนี่แหละ แล้วนายน้อยยังชอบไปลับฝีปากกับนายตะวันคนนี้ทุกเช้าอีกด้วย เพิ่งจะมารู้ทีหลังว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของคุณรัช
ปึก!
ตะวันยังไม่ทันได้คำตอบจากชายหนุ่มผอมกะหร่องตรงหน้าก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กระทบกับหัวของเขาเข้าอย่างจัง
ตะวันร้องโอยพร้อมกับหันไปมองที่มาของแอปเปิลที่ถูกกินไปแล้วเกือบครึ่ง
“มาทำไมแต่เช้าไอ้พี่ตะวัน” ซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้สิน่า
ภุมรินในชุดเอี๊ยมชุดเก่งที่พร้อมเข้าไร่เข้าสวนได้ทุกเวลากำลังนั่งกัดแอปเปิลสีแดงสดพร้อมกับยักคิ้วมาให้ ในมือถือตะกร้าใบเล็กที่บรรจุแอปเปิลอีกหลายลูก
เจ้าตัวเล็กปีนขึ้นไปบนต้นจามจุรีที่สูงท่วมหัวของตะวัน แล้วยังไม่พอ ยังนั่งกินแอปเปิลอย่างสบายใจ ตะวันอยากจะแช่งให้ตกลงมาขาหักเสียจริง จะได้ไม่ต้องซ่าอีก
“มาขอกินข้าวเช้าด้วย” เดินไปใกล้จามจุรีต้นใหญ่ เงยหน้าคุยกับคนข้างบน ตะวันวางกระเช้าที่เอามาฝากบุรินทร์ไว้ที่แคร่
“บ้านไม่มีข้าวกินรึไง ถึงได้มาขอข้าวบ้านคนอื่นกินแบบนี้” ภุมรินหมุนตัวมาคุยกับตะวัน
คนที่อยู่ข้างล่างนั้นแอบเสียวในใจ เพราะดูท่าทางแล้วภุมรินพร้อมจะตกทุกเวลา
“ล้อเล่นหรอกน่า วันนี้อาบูรกลับไม่ใช่เหรอ เลยจะมาสวัสดีซักหน่อย แล้วขึ้นไปทำไมบนต้นไม้แบบนั้น ตกลงมาขาหักจะทำไง แค่นี้ก็ขาสั้นเหมือนไม่มีขาอยู่ละ” ตะวันพูดหน้าตายแต่กลับทำให้คนบนต้นไม้โมโห
ภุมรินปาแอปเปิลใส่แขกผู้มาเยือนอย่างไม่ยั้งมือ
“ขาสั้นยังดีกว่าสูงเป็นเปรตแบบพี่ตะวันแหละ” ยังไม่หยุดปาแอปเปิลสีแดงนั้น จนตะวันต้องหลบอุตลุด
“โอ้ย! มันเจ็บนะน้องริน หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ” ร่างสูงใหญ่ของตะวันแอบหมุนตัวหลบไปอยู่ข้างหลัง
ภุมรินก็ยังหมุนตัวตาม
“ไม่หยุด พี่ตะวันปากเสีย ต้องเจอแบบนี้แหละ” แอปเปิลในตะกร้าหมดแล้วแต่ภุมรินก็ยังไม่วายปาตะกร้าหวายนั้นใส่ตะวันอย่างสุดแรง
ตะวันกุมหัวตัวเองเมื่อหวายแข็งๆกระทบหัวเข้าอย่างจัง
“ทำไมนิสัยแบบนี้นะน้องริน ชอบทำร้ายร่างกายคนอื่นอยู่เรื่อย” คนตัวโตทนไม่ไหวจนต้องไปคว้าเอาข้อเท้าเล็กที่ห้อยลงมาจากต้นไม้
ภุมรินตกใจแล้วสะบัดสุดแรง
“ปล่อยนะไอ้พี่ตะวัน” สะบัดข้อเท้าแล้วตะโกนไปทั่วบริเวณ คนงานที่กำลังขนองุ่นอยู่หันมามองอย่างงงวย
จะมีก็แต่นพที่ชินการศึกระหว่างนายน้อยและคุณตะวัน แปลกก็ตรงที่วันนี้เปลี่ยนสถานที่ประลองยุทธ์กันก็เท่านั้น
“ไม่ปล่อย รู้มั้ยน้องริน ทำร้ายร่างกาพี่แบบนี้ พี่แจ้งตำรวจจับได้เลยนะ” ตะวันไม่ยอมปล่อยแต่กลับรวบข้อเท้าอีกข้างของภุมรินมาจับไว้มั่น
“งั้นก็ไปแจ้งเลยสิ ออกไปจากไร่น้ำรินเลยนะ” ภุมรินสะบัดข้อเท้าแรงๆเพื่อที่ว่ามันจะไปเตะเข้าส่วนไหนของตะวันบ้าง
มือบางทั้งสองข้างจับกิ่งของต้นจามจุรีไว้แน่นเมื่อเริ่มรู้สึกว่าไม่มั่นคงอีกต่อไป
“ไม่ออก จนกว่าจะสั่งสอนให้น้องรินรู้จักเข็ดหลาบซะบ้าง พี่แก่กว่าต้องสองสามปี” ตะวันเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน
“แก่กว่าแล้วไง พี่ตะวันนั่นแหละที่ทำตัวเหมือนเด็ก ชอบว่าริน แล้วยังชอบแกล้งรินอีก ปล่อยเลยนะ” รู้สึกว่าตัวเองเริ่มไถลลงไปตามแนวไม้
ตะวันก็ยังไม่ยอมปล่อย คราวนี้ภุมรินโมโหจริงๆเสียแล้ว เขาเกลียดพี่ตะวันที่สุด
“เล่นอะไรกันสองคน เสียงดังไปถึงในบ้าน”
คุณบุรินทร์ในชุดที่พร้อมเข้าไร่หันมาตะโกนถามอยู่หน้าประตูบ้าน ก่อนจะเดินมาหาตะวันและภุมรินที่กำลังยื้อยุดฉุดกันอยู่
“พ่อช่วยรินด้วย พี่ตะวันแกล้ง... เหวอ~” พูดยังไม่ทันจะจบประโยคร่างของภุมรินจะไถลลงไป
“เฮ้ย!” ตะวันร้องอย่างตกใจก่อนที่จะปล่อยข้อเท้าทั้งสองข้างของภุมรินแล้วรีบรับอีกคนไว้อย่างรวดเร็ว
ร่างของภุมรินหล่อนตุบลงมาทับร่างของตะวันอย่างแรง คนตัวบางซบอยู่กับอกของตะวัน
ทั้งร่างแนบไปกับร่างใหญ่นั้น สองมือนั้นวางอยู่บนอกแกร่ง เขาสัมผัสได้ถึงแรงเต้นหัวใจของอีกคน
ภุมรินรีบลุกพรึบอย่างรวดเร็ว แต่ตะวันยังคงแน่นิ่งไม่ยอมลุกตาม
“รินเป็นอะไรมั้ยลูก ตะวันเป็นอะไรรึเปล่า” ทั้งบุรินทร์ทั้งคนงานกรูกันเข้ามาหาทั้งสองคน ภุมรินส่ายหัว
“พ่อเลี้ยงครับ เลือดออกเต็มเลยครับ” นพหันมาบอกบุรินทร์เมื่อเห็นเลือดที่ไหลออกจากศีรษะของตะวันที่นอนนิ่ง ข้างใต้มีหินก้อนเท่ากำปั้นอาบเลือดอยู่
“ตะวัน/พี่ตะวัน” สองพ่อลูกตะโกนอย่างตกใจพร้อมพุ่งเข้าหาคนที่นอนนิ่ง
เลือดของตะวันไม่ยอมหยุดไหล บุรินทร์ตะโกนให้คนงานเอารถออก
ภุมรินหน้าซีดเผือดเพราะสาเหตุที่ตะวันต้องเจ็บตัวส่านหนึ่งก็มาจากเขา คราวนี้ถึงกับสลบไปเลย ถ้าคุณภูผารู้เรื่องไม่เอาเขาตายเหรอ ลูกชายเค้าเพิ่งกลับมา ภุมรินมาทำให้เลือดอาบเสียแล้ว
โรงพยาบาลประจำอำเภอในช่วงสายของวันต้องต้อนรับลูกชายคนโตของพ่อเลี้ยงภูผาที่นั่งสะลึมสะลืออยู่บนเตียงคนไข้ ตะวันรู้สึกตัวหลังจากที่หมอเย็บแผลให้ไม่นานนัก ข้างๆมีรัชพลและภุมรินนั่งอยู่ ส่วนคุณบุรินทร์นั้นขอตัวกลับไปดูไร่สักพักหนึ่งแล้ว
รัชพลเอ็ดน้องชายไปหลายรอบ เขาออกจากโรงบ่มไวน์แล้วมุ่งมาโรงพยาบาลหลังจากได้รับรายงานจากนพ คราวนี้ภุมรินเล่นแรงกว่าทุกครั้ง ถึงกับได้เลือดแล้วหมอยังบอกให้นอนโรงพยาบาลอีกตั้งคืนนึง
คุณภูผารู้เรื่องที่ลูกชายเข้าโรงพยาบาลแต่ก็ยังไม่เยี่ยมไม่ได้เพราะมีธุระในตัวจังหวัด เย็นๆถึงจะเข้ามา
รัชพลสั่งให้ภุมรินอยู่รับหน้าพ่อของตะวัน เจ้าตัวเล็กถึงกับซึมไม่ออกลวดลายเหมือนทุกครั้งจนคนบนเตียงเอ็นดูอยู่ไม่น้อย จะว่ายังไงล่ะ เรื่องนี้ตะวันเองก็มีส่วนผิดด้วยเต็มๆ เพราะเขาเป็นคนจับขาน้องเอง
ใครจะไปรู้ว่าภุมรินจะตกแล้วล้มทับ หินก้อนนั้นก็ดันไปอยู่ตรงนั้นพอดี คงเป็นคราวซวยของเขาเอง แต่ดูเหมือนทุกคนพร้อมใจกันโทษภุมรินทั้งนั้น
“พี่จะกลับแล้ว คืนนี้ต้องนอนเฝ้าไอ้ตะวันมันด้วย เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง แล้วไม่ต้องปีนขึ้นไปอีกนะต้นไม้น่ะ”
รัชพลต่อว่าน้องชายอีกครั้งก่อนกลับ ถ้านับตั้งแต่เด็กๆแล้วนั้นตะวันเจ็บตัวเพราะภุมรินมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะหนักสุด เพราะเจ็บถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาลเลยทีเดียว
“รินรู้แล้วน่า พี่รัชพูดเป็นสิบรอบแล้ว” เถียงกลับแต่ก็ยังไม่ยอมมองหน้าพี่ชาย เจ้าตัวแสบดูจ๋อยสนิท ข้างกายมีกระเป๋าเสื้อผ้าที่รัชพลให้คนงานเอามาให้
คืนนี้ภุมรินต้องรับผิดชอบด้วยการนอนอยู่เป็นเพื่อนของตะวัน
“ยังจะมาเถียงอีก พี่ไปแล้ว อย่าทำอะไรแผลงๆอีกล่ะ ไอ้ตะวันกูไปแล้วนะ ถ้าตัวเล็กมันทำอะไรอีกบอกได้เลย” เอ็ดน้องชายก่อนจะบอกลาเพื่อนที่นั่งมองสองพี่น้องเถียงกัน
รัชพลเดินออกจากห้องไปแล้วภุมรินจึงล้มตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาวแล้วเหยียดขา
ร่างบางถอนหายใจเฮือกแล้วหันมามองหน้าตะวันที่จ้องอยู่ ร่างสูงในชุดของโรงพยาบาล บนหัวมีผ้าพันแผลพันอยู่ บริเวณที่ถูกก้อนหินนั้นคือตรงที่เลยท้ายทอยขึ้นมาไม่มาก ตะวันต้องโกนผมตรงนั้นออกเพื่อเย็บแผล
“มองอะไรพี่ตะวัน” ร่างเล็กลุกขึ้นขัดสมาธิบนโซฟาแล้วจ้องหน้าคนเจ็บกลับ
“มองคนทำผิดแล้วไม่ขอโทษ นี่เจ็บนะรู้มั้ย” ตะวันชี้ไปบนหัวตัวเองที่ถูกผ้าพันอยู่ ภุมรินกัดปากล่างแล้วก้มลงต่ำ
“ขอโทษ... ใครบอกให้พี่ดึงขารินเองล่ะ” ถึงอย่างนั้นก็ยอมขอโทษแต่โดยดีเพราะครั้งนี้เขารู้สึกผิดจริงๆ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าตะวันไม่ดึงขาเขาก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้
“หึๆ แล้วใครใช้ให้รินปาแอปเปิลใส่พี่ล่ะ” ภุมรินชักสีหน้าใส่ ตะวันทำให้เขารู้สึกได้ไม่นานจริงๆ
“ก็พี่ตะวันมาว่ารินก่อนทำไม” กอดอกอย่างไม่พอใจ
“ความจริงพี่ตะวันเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เอาเลือดหัวออกซะบ้าง” ภุมรินยกยิ้มอย่างพอใจ อาการหงอจ๋อยเวลาอยู่ต่อหน้าพี่ชายเมื่อครูหายไปแล้ว
“ถึงยังไงคืนนี้รินก็ต้องนอนเฝ้าพี่อยู่ดี ตั้งแต่รู้จักกันมาพี่เจ็บตัวเพราะรินเป็นร้อยรอบแล้วมั้ง”
“รินอยู่เพราะพี่รัชสั่งหรอก ถ้าให้อยู่เองรินไม่มีทางมานอนเฝ้าพี่ตะวันแน่ รู้อย่างนี้รินพุ่งใส่แรงๆซะดีกว่า พี่จะได้สมองเสื่อมเป็นเอ๋อไปเลย” ปากเล็กนั้นยังด่าปาวๆจนตะวันหมั่นไส้
เรื่องนี้ภุมรินเองก็มีส่วนผิด แต่ดูเจ้าตัวเล็กพูดสิ มันน่าจับโยนลงจากต้นไม้จริงๆ รู้อย่างนี้ไม่ไปเป็นเบาะรองให้คนตกต้นไม้หรอก
“ปากดีนะตัวแสบ แล้วใครกันนั่งเป็นหมาหงอยเมื่อกี้”
“รินไม่ใช่หมานะ!” ให้ตายเถอะ คุยกันดีๆสักห้านาทีไม่เคยจะได้เลยจริงๆสิน่า
“หยุดเถียงเลย พี่ปวดฉี่ ช่วยพยุงหน่อย” คราวนี้ตะวันเป็นคนปิดบทสนทนาอันยืดเยื้อเอง เถียงกับคนอย่างภุมรินไม่มีทางจบแน่ๆถ้าเจ้าตัวไม่ชนะ
“พี่เจ็บที่หัวทำไมต้องพยุง ไม่ได้เจ็บขาซักหน่อย” ภุมรินยังไม่เลิกบึ้งตึง
“จะเจ็บหัวหรือเจ็บขารินก็เป็นคนทำให้พี่เจ็บ มานี่เลยตัวเล็ก มาช่วยพี่เดี๋ยวนี้เลย” ตะวันยักคิ้วอย่างคนที่เหนือกว่า การเจ็บครั้งนี้ก็พอมีข้อดีอยู่บ้าง
“ไม่” แต่อีกคนกลับปฏิเสธแข็งขัน
“จะมาไม่มา ไม่มาพี่บอกไอ้รัชว่ารินดื้อใส่พี่” ชื่อของเพื่อนรักยังคงใช้ได้กับคนตัวเล็ก
ภุมรินนั้นออกจะเกรงๆรัชพลอยู่ไม่น้อย ด้วยความที่รัชพลเป็นคนค่อนข้างจะเข้มงวดกับภุมรินและก็ยังหวงมากอีกด้วย
“จิ๊!” จิ๊ปากอย่างขัดใจแต่ก็ยอมลุกไปช่วยคนตัวโตที่หน้ายิ้มแป้นอยู่ดี
“ว่าง่ายอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อยนะน้องริน ฮ่าๆ” ตะวันหัวเราะอารมณ์ดีพร้อมกับวาดแขนไปโอบคอภุมรินไว้ คนตัวโตแกล้งทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงไปทำให้ภุมรินถึงกับเซ
“ตัวโตยังกับควาย หนักเป็นบ้า” คนตัวเล็กบ่นอุบแล้วพยุงตะวันเข้าห้องน้ำไป
เขาไม่เข้าใจ เจ็บที่หัวแล้วมันจะไปลงที่ขาได้ยังไง ไอ้พี่ตะวันไม่วายเจ้าเล่ห์อีกแน่ๆ คราวนี้เขาจะยอมไปก่อน แต่อย่าหวังจะได้ใช้เขาแบบนี้อีก
ตะวันเข้าไปทำธุระในห้องน้ำก่อนจะออกมา เขายกยิ้มให้ภุมรินที่ยืนหน้ายุ่งอยู่หน้าประตูแล้วแกล้งโผไปพิงคนตัวเล็กกว่า
ภุมรินขบเขี้ยวอดไม่ได้ที่จะเหยียบเท้าคนเจ็บไปแรงๆอีหนึ่งที ตะวันร้องเสียงหลงแล้วชี้หน้าคาดโทษอีกคน
ภุมรินยิ้มอย่างสะใจแล้วพาร่างโตๆของตะวันไปที่เตียงคนไข้
“ปล่อยสิพี่ตะวัน” ภุมรินพยายามเอาตัวเองออกจากวงแขนของตะวันที่ยังไม่ยอมปล่อยจากคอของเขา แถมเจ้าตัวยังยิ้มหน้าระรื่นอีก
“ไม่ปล่อย”
ตะวันยิ้มกริ่มพร้อมกับกระชับวงแขนเข้าแน่น ใบหน้าหวานนั้นอยู่ห่างจากเขาไม่มาก ดวงตากลมที่สบมานั้นทำให้ตะวันเองก็ยังเผลอจ้องมองเสียนาน น้องรินสวยจริงๆ
มาถึงตอนนี้เขาอยากจะชมอีกคนว่าสวยจากใจจริงๆ แต่กลัวภุมรินจะเข้าใจว่าเขาแกล้งอีกตามเคย ทุกอย่างบนใบหน้าสวยหวานนี้ทำให้หัวใจหนุ่มสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ส่วนภุมรินก็หน้าเริ่มร้อนและขึ้นสี
เขาเพิ่งเคยจะจ้องหน้าตรงๆของเพื่อนพี่ชายก็วันนี้ พี่ตะวันหน้าลิงที่แสนจะกวนเขานั้นตอนนี้ดูโตขึ้นและคมเข้มกว่าตอนที่ยังเด็ก ไรหนวดจางๆรับกับริมฝีปากของคนตรงหน้าโดยที่ไม่น่าเกลียด จมูกโด่งที่ใกล้จะสัมผัสกับปลายจมูกของเขาและดวงตาเฉี่ยวที่จ้องมองมานั้น
เครื่องหน้าทุกอย่างของตะวัน ทำให้อีกคนดูดีเสียจริง แล้วทำไมเขาต้องมาใจสั่นเพราะผู้ชายด้วยกันล่ะนี่
เป็นภุมรินที่ผลักอกคนตรงหน้าออกก่อน ใบหน้าเห่อร้อนและเบือนหนีไปมองทางอื่น เจ้าตัวก้าวฉับๆไปนั่งที่โซฟาพร้อมกับหลบตาตะวันที่ยังไม่เลิกมอง
ตะวันยกยิ้มที่มุมปาก ไม่บ่อยครั้งที่จะเห็นภุมรินทำตัวไม่ถูกแบบนี้ กลิ่นหอมจางๆของแชมพูยังคงติดที่ปลายจมูก
เขาไม่ได้ใจสั่นแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ
“พี่หิวแล้ว ไปหาอะไรให้กินหน่อยสิ” ตะวันทำลายความเงียบนั้น
“...อือ” ภุมรินที่นั่งหน้าแดงอยู่ครู่ใหญ่ตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะลุกพรึบแล้วก้มหน้างุดออกไป
ตะวันมองตามแผ่นหลังบางที่เดินออกไป เขายิ้มกว้างออกมา
...บางที น้องหนูรินก็น่ารักไม่เบา
*****************************************************************************
ตอนที่สามมาต่อแล้วจ้า ขอบคุณสำหรับการติดตามและคอมเม้นนะคะ เรายังมือใหม่สำหรับเว็บนี้อยู่ ยังไงก็ขอคำแนะนำด้วยค่ะ เรื่องนี้จะมาต่อทุกวันเวลาประมาณนี้นะคะ(หากไม่มีอะไรผิดพลาด) คนเขียนชื่อมิ้นท์นะคะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ
