บทที่ 8
“สิตางศุ์ คุณสิตางศุ์” รัชพลเขย่าร่างเล็กที่แน่นิ่งไปกับไหล่หนาของเขา ขวดไวน์ในมือหล่นลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก หน้าของสิตางศุ์แดงด้วยฤทธิ์ไวน์องุ่นของรัชพล
ร่างสูงส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะวางขวดไวน์ของตัวเองลงข้างตัวแล้วค่อยๆขยับร่างของสิตางศุ์ให้ออกจากไหล่ของเขาแล้วจับไหล่ทั้งสองข้างของคนตัวเล็กไว้มั่น
“คุณสิตางศุ์ เมาแล้วก็ไปนอน” รัชพลเขย่าร่างนั้นอีกรอบ
“อื้อ...” สิตางศุ์อืออาในลำคอก่อนจะเซไปซบรัชพลอีกรอบ
ร่างบางเอนมาซบกับไหล่รัชพล แก้มเนียนสีแดงระเรื่อเฉียดผ่านจมูกของรัชพลไปเพียงแค่เสี้ยว กลิ่นแชมพูที่สิตางศุ์เพิ่งใช้สระผมลอยฟุ้ง รัชพลรู้สึกใจสั่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ตั้งแต่โตเป็นชายมาเพิ่งจะรู้สึกร้อนวูบวาบกับผู้ชายครั้งแรกก็คราวนี้แหละ รัชพลคิดว่าอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของไวน์ที่เขาเพิ่งดื่มเข้าไป แต่ทุกครั้งเขาเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้ และอีกอย่างเขาก็ไม่เคยเมาเพราะไวน์เลยสักครั้ง แล้วอยู่ๆมารู้สึกแปลกๆเพราะสิตางศุ์เนี่ยนะ
“คุณสิตางศุ์” เรียกชื่อสิตางศุ์อีกครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกคน
สุดท้ายรัชพลก็ตัดสินใจดันร่างของสิตางศุ์ออกก่อนจะหันหลังให้แล้วปล่อยให้สิตางศุ์เอนมาซบข้างหลัง มือทั้งสองข้างสอดเข้าไปใต้ข้อพับของสิตางศุ์ก่อนจะยกร่างนั้นขึ้น
ทำไมอยู่ๆกลายเป็นว่าเขาต้องแบกสิตางศุ์เพื่อไปส่งที่ห้องล่ะนี่
รัชพลพาสิตางศุ์เข้ามาในบ้านก็เจอภุมรินกำลังหัวเราะอยู่กับบรรดาแม่บ้านที่ดูละครกันอยู่
“ริน” เรียกชื่อน้องชายเบาๆ ภุมรินหันมามองก็ต้องตกใจเมื่อเจอสิตางศุ์หน้าแดงแถมยังต้องให้รัชพลแบกเข้ามาอีก
“พี่ตางเป็นอะไรน่ะพี่รัช” ภุมรินรีบเดินมาหา เพราะกลัวว่าสิตางศุ์จะเป็นอะไรไปอีกแล้ว
“เมาน่ะ ช่วยไปเปิดห้องของคุณสิตางศุ์ให้หน่อย” รัชพลบอก ภุมรินงงเล็กน้อย แล้วอยู่ๆสิตางศุ์ไปเมาได้ยังไงกัน
“อ่า... ครับ” รับคำอย่างงงๆแล้วเดินนำพี่ชายขึ้นไปชั้นบน
ภุมรินเปิดห้องให้รัชพลพาสิตางศุ์ไปนอนบนเตียงดีๆ พอหัวถึงหมอนปุ๊บสิตางศุ์ก็หลับเป็นตาย ภุมรินเปิดแอร์พร้อมกับคลุมผ้าให้สิตางศุ์
“พี่รัชไปทำอะไรพี่ตางเนี่ย ถึงได้เมาแบบนี้” หันมาถามพี่ชาย ใช่ว่าสิตางศุ์จะไม่เคยดื่ม แต่อยู่ดีๆมาดื่มอย่างนี้คงไม่ใช่เรื่อง พี่ชายของเขาต้องไปทำอะไรมาแน่ๆ
“พอดีเอาไวน์ให้ดื่มนะ เลยสภาพอย่างที่เห็น”
“ว่าแล้วเชียว” อย่างที่ภุมรินนึกไว้ไม่มีผิด พี่รัชนะพี่รัช
“หลังอย่าให้พี่ตางดื่มเยอะนะ พี่ตางไม่ได้คอแข็งอย่างพี่ ไปๆ ไปนอนได้แล้ว ดึกมากแล้วเนี่ย” ไล่พี่ชายไปนอนพร้อมกับใช้มือดันรัชพลออกไปข้างนอก
รัชพลมองสิตางศุ์อีกครั้งก่อนที่หน้าของเขาจะร้อนวูบขึ้นมาเสียดื้อๆ ทำไมวันนี้เขามองสิตางศุ์น่ารักขึ้นกว่าทุกวัน
และแล้ววันเกิดของรัชพลก็มาถึง คุณบุรินทร์กลับบ้านแต่เช้าพร้อมของขวัญเล็กๆน้อยๆให้ลูกชาย ป้าจันกับเหล่าบรรดาแม่บ้านดูจะครึกครื้นกว่าใครเพื่อน พากันติดนู่นติดนี่เต็มต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านไปหมด ภุมรินลงมือทำอาหารเอง รวมทั้งตะวันที่เข้ามาตั้งแต่ช่วงบ่ายเพื่อมาช่วยงาน แต่เจ้าของวันเกิดอย่างรัชพลนี่สิ หายไปกับโรงบ่มอย่างที่เคยเป็น ภุมรินเอ็ดพี่ชายก็แล้ว แต่เจ้าตัวก็ให้เหตุผลว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้าไปดู เลยขอไปทำงานเสียหน่อย ส่วนสิตางศุ์ก็หยุดงานหนึ่งวันจากคำสั่งของภุมริน และเจ้าตัวก็คอยช่วยหยิบนู่นจับนี้เล็กๆน้อยๆให้กับภุมรินในครัวก่อนจะออกมาช่วยคนงานข้างนอก
เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไฟดวงเล็กดวงน้อยก็ถูกเปิดให้สว่างไปทั่วลานกว้าง ทุกคนพร้อมกับคนงานที่บางคนอยากจะมาร่วมงานก็เต็มไปทั่วลานกว้าง วันนี้ตะวันถือโอกาสมานอนที่ไร่น้ำรินอีกวัน และยังหยอกล้อกับภุมรินว่าจะแอบเข้าไปนอนด้วย ทำเอานายน้อยของไร่น้ำรินหน้าแดงเถือกจนตะวันล้อเกือบทั้งคืน
สิตางศุ์ก็ขำขันไปกับรุ่นน้องด้วย เมื่อหันไปมองรัชพลก็พบว่ารัชพลนั้นจ้องอยูก่อนแล้ว และรัชพลยังทำเป็นมองไปทางอื่นอย่างท่าทางที่มีพิรุธ สิตางศุ์งงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
รัชพลที่แอบมองสิตางศุ์อยู่นั้นก็หลบตาแทบจะไม่ทันเมื่อถูกจับได้ว่าแอบมองอยู่ ตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว วันที่เขามองว่าสิตางศุ์น่ารัก ทำเอาใจหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรู้สึกวูบวาบเมื่อมองสิตางศุ์ ทั้งๆที่ไม่ได้ดื่มไวน์เหมือนคืนนั้น
เป็นเอามากเหมือนกันนะเรา
“วันเกิดรินจัดอย่างนี้บ้างดีกว่า จัดให้พี่รัชพี่รัชก็ไม่เห็นจะดีใจเลย คนอะไรเฉยชาชะมัด” ภุมรินเหน็บแนมพี่ชายที่ดูจะเฉยๆกับงานวันเกิดที่เขาจัดให้ ตั้งแต่เด็กๆมาแล้ว พอกลับมาจัดอีกครั้งรัชพลก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม ไม่ยินดียินร้ายกับอะไรซักอย่าง
“พี่โตแล้วน่าริน จัดวันเกิดเป็นเด็กๆไปได้ นี่เห็นว่าป้าจันอยากจัดเลยให้จัด” รัชพลว่า เขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ที่มาจัดวันกงวันเกิดอะไรเป็นเด็กๆ แต่เห็นน้องชายกับป้าจันอยากทำเลยให้ทำไป เอาจริงๆตั้งแต่กลับจากฝรั่งเศสนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาจัดงานวันเกิด
“มึงนี่มันมึงจริงๆไอ้รัช น้องรินอุตส่าห์จัดให้ คราวหลังถ้ารินอยากจัดงานแบบนี้ก็มาจัดงานแต่งของเรานะจ้ะ” เป็นอันว่าจบประโยคด้วยการที่ตะวันหยอดคนรักไปหนึ่งทีตามวิถีของตะวัน ประสิทธานนท์ เลยโดนศอกของนายน้อยแห่งไปน้ำรินไปหนึ่งครั้ง ตะวันได้แต่ร้องโอดโอย แต่ก็สร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนเป็นอย่างดี
“ใครจะให้แต่งกัน รินเป็นน้อง ยังแต่งก่อนพี่ไม่ได้โว้ย” รัชพลพูดก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“รอมึงแต่งงานนะ กูแก่หัวหงอกพอดี ไม่ยอมหาเมียซักที” ตะวันพูดพร้อมกับชกเข้าที่ไหล่ของเพื่อน
“หึ... ก็เร็วๆนี่แหละมั้ง” ไม่รู้อะไรดลใจให้รัชพลพูดแบบนั้น แถมยังหันไปมองสิตางศุ์ที่นั่งเงียบอีก ทำเอาสิตางศุ์หลบสายตาเป็นพัลวัน
“คุณสิตางศุ์อยู่นี่เอง ผมหาตั้งนาน” เสียงของเชี่ยวชาญดังขึ้นพร้อมกับร่างขาวๆของคุณหมอแว่นกรอบทองมานั่งข้างๆสิตางศุ์ สิตางศุ์เองก็ขยับให้เพื่อที่เชี่ยวชาญจะได้นั่งสะดวกๆ
“ว่าไงครับคุณหมอ ผมก็มองอยู่ คิดว่าหมอไม่มา ไม่อย่างนั้นป้าจันเสียใจแย่” สิตางศุ์ยิ้มให้อีกคน เขามองหาเชี่ยวชาญอยู่เหมือนกัน งานเริ่มมาตั้งนานก็เพิ่งจะเจอเนี่ยแหละ
“รับปากป้าจันไว้แล้วก็ต้องมาสิครับ อ้อ... เมื่อวานผมไปดูเจ้าด่างมา มันยังเดินไม่ได้เลย ได้แต่นอนเฉยๆ เมื่อวานไม่เห็นคุณสิตางศุ์เลย ไม่ไปทำงานเหรอครับ” เชี่ยวชาญถาม บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มเสมอ นั่นทำให้คู่สนทนายิ้มตาม สิตางศุ์ชอบคุยกับเชี่ยวชาญ เพราะคุณหมอคนนี้มีลักษณะสุภาพที่คุยเข้ากันได้ง่าย ต่างกับคนที่นั่งจ้องสิตางศุ์ตาเขม็งอยู่ตรงข้าม
“พอดีหยุดงานน่ะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ว่าจะไปดูเจ้าด่างมัน เป็นผมคงเบื่อแย่เหมือนกันที่ต้องนอนทั้งวันแบบนั้น” สิตางศุ์พูดยิ้มๆ กลายเป็นว่าตอนที่คนกรุงทั้งสองคนหลุดออกจากวงสนทนาแล้วหันมาคุยกันสองคน
รัชพลที่มองอยู่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ คำพูดของสิตางศุ์ที่บอกว่าเชี่ยวชาญดูดีกว่าเขาลอยเข้ามาในหัว เหอะ... คงชอบล่ะสิ หมอหล่อๆอย่างนี้ รัชพลเห็นแล้วอยากเข้าไปนั่งแทรกตรงกลางนั้นเสียจริง
เสียงหัวเราะของตะวันที่หัวเราะภุมรินนั้นไม่เข้าโสตของรัชพลแม้แต่น้อย เขากลับมองสิตางศุ์ที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้เชี่ยวชาญพร้อมกับยกไวน์ขึ้นดื่มเพราะทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ ทั้งวงตอนนี้มีแต่เสียงหัวเราะ คงจะมีแต่เจ้าของงานเนี่ยแหละที่นั่งหน้าบูดอยู่คนเดียว
“ขนมหมดแล้ว เดี๋ยวผมไปเอาเพิ่มให้นะครับ มีใครจะเอาอะไรเพิ่มมั้ย” สิตางศุ์ถามทุกคน ในมือถือจานเพื่อเตรียมไปขอขนมจากป้าจันเพิ่ม
“พี่รัชยังไม่ได้กินข้าวเลยไม่ใช่เหรอ เอาข้าวมั้ย” ภุมรินถามพี่ชายเมื่อสิตางศุ์อาสา
“เดี๋ยวพี่ไปเอาเองก็ได้” รัชพลพูดพร้อมกับวางแก้วลง
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะไปอยู่แล้ว เดี๋ยวเอาข้าวผัดมาให้แล้วกันครับ” สิตางศุ์พูด ไหนๆเขาก็จะไปอยู่แล้ว การที่จะถือจานข้าวมาอีกจานก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปด้วยนะครับ อยากได้น้ำแข็งเพิ่มพอดีเลย” เชี่ยวชาญลุกขึ้น ในมือถือแก้วไปด้วย
“ครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมมานะ” สิตางศุ์พูดกับเชี่ยวชาญก่อนจะหันไปบอกทุกคน
รัชพลมองทั้งสองคนที่เดินตามกันไปยังจุดวางอาหารด้วยสายตานิ่งๆ รู้สึกเท้ากระตุกเล็กน้อย อยากจะเดินตามแต่ก็ยังวางท่าอยู่ ภุมรินจับสังเกตสายตาของพี่ชายได้
เขารู้สึกว่ารัชพลเริ่มไม่ปกติ
“รินจ๋า พี่เมาแล้ว พี่เมาแล้วๆ” แล้วเสียงของคนตัวโตข้างๆก็ทำเอาภุมรินต้องละสายตาจากพี่ชาย ตะวันที่หน้าแดงก่ำกำลังเอาหัวถูไถไหล่ของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
“อะไรเนี่ยพี่ตะวัน เอาหัวออกไปเลยนะ” ภุมรินดันหัวคนรักออก อาการแบบนี้เมาแล้วแน่ๆ
“เมาแล้วๆ” เสียงของตะวันดังอยู่อย่างนั้น ภุมรินถอนหายใจอย่างระอา ไม่รู้ไอ้พี่ตะวันแอบไปดื่มตนเมาตอนไหน เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย เมาทีไรเป็นแบบนี้ตลอด
แต่ความวุ่นวายข้างๆตัวนั้นก็ไม่ทำให้รัชพลเบนความสนใจไปจากร่างของสิตางศุ์ที่อยู่ไกลลิบๆ ข้างๆตัวมีเชี่ยวชาญยืนอยู่ นึกยังไงไม่รู้ร่างสูงก็วางแก้วแล้วเดินตามไป
รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่ข้างๆทั้งสองคนแล้ว สิตางศุ์ตกใจเล็กน้อยเมื่อรัชพลมายืนอยู่ข้างๆ ผิดกับเชี่ยวชาญที่ยิ้มตอนรับเจ้าของงานเป็นอย่างดี
“อ้าว คุณรัชมาเอาอะไรเหรอครับ ถ้าเป็นไวน์หมดแล้วล่ะครับ ผมเสียดายเหมือนกัน ไวน์คุณรัชรสดีมาก ว่าจะขอลองอีกซักนิด” เชี่ยวชาญพูด เขาตั้งใจมาเอาไวน์เพิ่ม แต่มาดูอีกทีก็หมดแล้ว
“อ๋อ เอ่อ มาเอาไวน์เหมือนกันครับ หมดแล้วเหรอครับ” รัชพลได้สติก่อนจะละสายตาจากสิตางศุ์มามองเชี่ยวชาญแทน
“หมดแล้วครับ สงสัยคนงานคงจะแบ่งกันไปดื่ม” เชี่ยวชาญพูดอย่างเสียดาย
“เดี๋ยวผมไปเอาเพิ่มที่โรงบ่มให้ก็ได้ครับ มีเยอะเลย” รัชพลพูด
“ดีเลยครับ เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อน จะได้ช่วยกันเอามา”
“รบกวนหมอชาญเปล่าๆ ผมว่าหมอชาญกลับไปรอที่โต๊ะดีกว่าครับ เดี๋ยวให้คุณสิตางศุ์ไปกับผมก็ได้” ไม่รู้อะไรดลใจให้รัชพลพูดแบบนั้น คนที่ถูกกล่าวถึงอย่างสิตางศุ์ถึงกับทำหน้างง
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปกับคุณก็ได้ ให้คุณสิตางศุ์ไปนั่งรอดีกว่า” คำพูดของเชี่ยวชาญทำให้รัชพลไม่พอใจเล็กน้อย เขาจึงหันสายตาไปกดดันสิตางศุ์แทน สิตางศุ์ที่มองหน้ารัชพลอยู่ก็ต้องจำยอมหันไปพูดกับเชี่ยวชาญ
“เดี๋ยวผมไปกับคุณรัชเองครับ คุณหมอช่วยเอาขนมไปให้รินกับคุณตะวันทีนะครับ” สิตางศุ์ยื่นจานขนมให้เชี่ยวชาญ
“เอ่อ... เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” เชี่ยวชาญรับมาอย่างจำยอม
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามมา” รัชพลพูดก่อนจะเดินนำสิตางศุ์ไปยังโรงบ่ม
แม้ว่าทางจะมืดแต่ด้วยความที่โรงบ่มอยู่ใกล้และยังพอมีแสงจากงานทำให้ทั้งสองคนพอจะเดินไป สิตางศุ์เดินตามคนตัวโตอย่างหน้าบอกบุญไม่รับ รัชพลนี่เป็นคนแปลกๆ อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ท่าทางเหมือนคนโรคจิต
เมื่อเดินมาถึงหน้าโรงบ่มเท้าของสิตางศุ์ก็ชะงักเล็กน้อยเมื่อสายตาปะทะกับเงาตะคุมสองสามเงาตรงข้างๆโรงบ่มที่รัชพลกำลังจะเดินไป ไม่นานก็เห็นแสงเล็กเมื่อเพ่งมองดูแล้วก็พบว่าเป็นแสงจากไฟแชค
“คุณรัช” สิตางศุ์รีบดึงร่างของรัชพลไว้
“มีอะไร” รัชพลหันมามองอย่างงงๆ
“มีคนอยู่ตรงนั้น” สิตางศุ์ชี้มือไปที่กลุ่มเงาตะคุ่มนั้น รัชพลมองตามก็พบว่าคนพวกนั้นกำลังจะจุดไฟ ให้ทายคงกำลังจะเผาโรงบ่ม
เพียงเท่านั้นร่างสูงก็วิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิต โดยมีสิตางศุ์ยืนอึ้งอยู่ ก่อนจะรวบรวมสติได้ก็รีบวิ่งตามไป
“มึงหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้สัตว์!” เสียงรัชพลดังก้องก่อนจะกระโดดถีบร่างหนึ่งที่กำลังจะจุดไฟจนคนร้ายล้มลง
***********************************************************************************
มาต่อแล้วตอนที่แปด รอกันนานมั้ยเอ่ย ตอนนี้ไม่มีไรมาก (เหรอออออออออออ)

มาช่วยลุ้นทั้งเรื่องหัวใจและเรื่องไร่น้ำรินของพี่รัชกันดีกว่าค่ะ ว่าจะไปในทิศทางไหน แต่ที่แน่ๆพี่รัชเริ่มแอบมีใจให้สิตางศุ์แล้ว อร้ายๆ

ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ รักคนอ่านทุกท่านค่ะ
