[นิยายชุด ดวงใจไร่รัก]พระจันทร์ล้อนที *แจ้งข่าวงานหนังสือ* รัชพล-สิตางศุ์
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [นิยายชุด ดวงใจไร่รัก]พระจันทร์ล้อนที *แจ้งข่าวงานหนังสือ* รัชพล-สิตางศุ์  (อ่าน 92714 ครั้ง)

ออฟไลน์ Speirmint28

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
:m16:ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2018 22:17:09 โดย Speirmint28 »

ออฟไลน์ Speirmint28

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
นิยายเรื่อง "พระจันทร์ล้อนที" เป็นนิยายเรื่องที่สองของ "นิยายชุด ดวงใจไร่รัก"


นิยายชุดนี้มีทั้งหมดสามเรื่อง

ภมรอ้อนตะวัน ตะวัน - ภุมริน (จบแล้ว) http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50942.0
พระจันทร์ล้อนที รัชพล - สิตางศุ์ (จบแล้ว) http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51978.0
ปฐพีเคล้าเมฆา เพียงดิน - เมฆา (จบแล้ว) http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53471.0


ฝากติดตามนิยายชุดเรื่องนี้ด้วยนะคะ มาพบกับความรักฟิลกู๊ดของสามคู่สามรสในบ้านไร่ ที่จะทำให้คุณยิ้มไม่หุบ  :m3:


เรามีเรื่องจะมาแจ้งค่ะ
ตอนนี้นิยายทั้งสามเรื่องจะวางจำหน่ายที่ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ วันที่ 17 - 28 ตุลาคม 2561 นี้ค่ะ
 :katai4:

จะเป็น BoxSet ทั้งหมด คือ ภมรอ้อนตะวัน พระจันทร์ล้อนที และปฐพีเคล้าเมฆา
หรือถ้าใครซื้อภมรอ้อนตะวันไปก่อนหน้าแล้ว สามารถซื้ออีกสองเล่มพร้อมกล่อง BoxSet ได้ค่ะ
 :-[

ตามลิ้งค์ที่เฟสบุักของเฮอร์มิทเลยค่ะ
https://www.facebook.com/HermitBooks/photos/a.359474807434062/1825847777463417/?type=3&theater





ติดตามข่าวสารได้จากเพจนี้ค่ะ

https://www.facebook.com/Speirmint28-213061652381782/?fref=nf



พระจันทร์ล้อนที




เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่รัชนะคะ จากเรื่องที่แล้วนั้นพี่รัชทำแสบกับน้องรินไว้เยอะ มาติดตามเรื่องของพี่รัชเองดีกว่าค่ะ เรื่องนี้ที่ชื่อพระจันทร์ล้อนที นทีในที่นี้คือนามสกุลของพี่รัช “รักษ์นที” เนื้อเรื่องจะแตกต่างจากเรื่อง ภมรอ้อนตะวัน ค่อนข้างจะมาก เพราะเรื่องนี้จะออกแนวเคร่งๆ ตามสไตล์คุณพี่รัชเค้าล่ะค่ะ แต่ก็ยังมีความโรแมนติกอยู่นะ อิอิ

ตอนแรกนั้นว่าจะแต่งเรื่องนี้ตอนปิดเทอม แต่มันคันไม้คันมือ อดไม่ได้ ตอนนี้มีตุนไว้ไม่ถึงห้าตอน คนเขียนอัพทุกวันเมื่อเรื่องที่แล้วไม่ได้นะคะ อาจจะสามสี่วันต่อหนึ่งตอน หรือมากกว่านั้น ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

ใครไม่เคยอ่านเรื่องแรกของนิยายชุดนี้ ไปตามอ่านภมรอ้อนตะวันได้ค่ะ แต่ไม่อ่านเรื่องนั้นก่อนก็สามารถอ่านเรื่องนี้เข้าใจได้ค่ะ








บทที่ 1






ไร่น้ำรินที่แสนกว้างใหญ่กินพื้นที่หลายพันไร่ทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา ทางลูกรังเส้นหนึ่งที่แทรกอยู่ระหว่างไร่มีรถกระบะคันเก่ากำลังแล่นมุ่งออกไปสู่ภายนอก ภายในรถมีลูกชายของไร่น้ำรินทั้งสองคนอยู่ในนั้น รัชพลพี่ชายเป็นคนขับและภุมรินน้องชายนั่งอยู่ข้างๆ จุดหมายปลายทางคือตัวอำเภอ







วันนี้รัชพลนำเงินไปเข้าบัญชีที่ธนาคารในตัวเมืองโดยมีภุมรินขอติดรถไปด้วยเนื่องจากจะไปซื้อของใช้ส่วนตัว ไร่น้ำรินนั้นมีรายได้จากการส่งออกองุ่นทั้งสดและแปรรูป รวมทั้งไวน์จำนวนมากก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีรายได้จากการส่งองุ่นขาวที่ตลาดค้าส่งประสิทธานนท์ ซึ่งมีตะวัน ประสิทธานนท์






เพื่อนรักของรัชพลพ่วงตำแหน่งคนรักของภุมรินเป็นเจ้าของ เงินที่ได้ส่วนใหญ่นั้นจะเก็บไว้ในบัญชีกลาง คนที่สามารถเบิกใช้ได้มีแค่บุรินทร์ผู้เป็นบิดา รัชพลและภุมรินเท่านั้น






ไร่น้ำรินนี้ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทยและอยู่บนยอดเขาสูง อากาศค่อนข้างเย็นเกือบตลอดทั้งปี และองุ่นทั้งสองพันธ์ที่ไร่นำรินปลูกนั้นก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันให้ผลผลิต ทางท้ายไร่น้ำรินมีน้ำตกอยู่ซึ่งเป็นที่ที่ภุมรินน้องชายของรัชพลนั้นชอบไปเป็นประจำ และทุกครั้งที่ตะวันมาคุยงานกับรัชพลที่ไร่ก็จะไปพร้อมกับภุมรินด้วย






รัชพลเคยขัดขวางภุมรินและตะวันไม่ให้รักกัน แต่สุดท้ายก็ยอมใจอ่อนเพราะน้ำตาของน้องชาย ความจริงแล้วนั้นต่อให้ภุมรินมีคนรักแต่น้องชายก็ยังคงติดพี่ชายเหมือนเดิม และรัชพลก็ยังคงติดนิสัยของดูแลภุมรินไม่เปลี่ยน แม้ภุมรินจะมีคนรักแล้วก็ตาม





และเมื่อสองวันก่อนนั้นตะวันก็ได้มาพักที่บ้านรักษ์นทีเพราะมาคุยงานแล้วฝนตกทำให้กลับบ้านไม่ได้ รัชพลนั้นนอนที่โรงบ่มทิ้งให้ตะวันและภุมรินนอนกันที่เรือนใหญ่ เขารู้ว่าตะวันต้องแอบไปนอนกับภุมรินแน่ๆ แต่เขาก็ไม่ว่าอะไรเพราะเริ่มปล่อยให้ทั้งคู่ใช้เวลาแบบคนรักทั่วไปบ้าง เขามั่นใจว่าตะวันไม่ล่วงเกินน้องชายเขาเป็นแน่






แต่สิ่งที่รัชพลกังวลใจกลับไม่ใช่เรื่องนั้น เขากังวลใจเรื่องคนที่โทรมาหาภุมรินตอนฝนตกมากกว่า น้องชายลืมโทรศัพท์ไว้ที่โรงบ่มแล้วมีคนชื่อสิตางศุ์โทรมาร้องไห้ พอเขาตอบกลับอีกคนก็ตัดสายทิ้ง โทรกลับก็ไม่รับ พอตอนเช้าเขาบอกภุมริน น้องชายของเขาก็โทรกลับแต่ก็ยังไม่รับอีกตามเคย ผ่านมาสองวันแล้วก็ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรกับสิตางศุ์คนนั้น เรื่องนี้ทำให้ภุมรินเป็นกังวลใจมากทีเดียว และรัชพลเองก็กังวลใจไม่ต่างกัน





แน่ล่ะ โทรมาร้องไห้ให้เขาฟังขนาดนั้น ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆถึงได้โทรมาหาภุมรินดึกดื่น เป็นใครใครก็ต้องคิด และตอนนี้ภุมรินก็ยังติดต่อคนชื่อสิตางศุ์กลับไม่ได้เลย





รัชพลเลี้ยวรถเข้าไปส่งภุมรินหน้าตลาดที่เดินไปอีกหน่อยก็จะมีห้างสรรพสินค้าอยู่ก่อนจะออกไปที่ธนาคารซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล กว่าจะต่อคิวและทำธุระเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบจะสี่โมงเย็น เนื่องจากรัชพลและภุมรินออกจากไร่มาตอนบ่าย หลังจากทำธุระเสร็จก็ไปรับน้องที่กำลังคุยกับแม่ค้าแถวนั้นระหว่างรอเขา





ก่อนกลับไร่ทั้งสองคนก็แวะทานข้าวเย็นในตัวเมืองที่ร้านเดิม นั่นก็คือร้านของเถ้าแก่ชัยซึ่งมีเจนจิราลูกสาวมาช่วยด้วย เจนจิรานั้นมีใจชอบพอรัชพลมานาน หลังจากที่รัชพลเรียนจบกลับมาจากเมืองนอกก็มีสาวๆทั้งในอำเภอและจังหวัดมาชอบพอมากนัก หนึ่งในนั้นก็คือเจนจิราด้วยเช่นกัน กว่าจะได้กินก็โดนสาวเจ้าเกี้ยวไปเสียนาน ภุมรินนั้นต้องรีบพาพี่ชายออกจากร้านก่อนจะได้นอนกันเสียที่นี่





ตอนนี้รัชพลเสน่ห์แรงยิ่งกว่าอะไร แม้จะวันๆจะหมกตัวอยู่แต่ในไร่ ในโรงบ่มก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นรัชพลก็ไม่เคยคิดจะหาแม่เลี้ยงให้ไร่น้ำรินเสียที จนภุมรินบ่นแล้วบ่นอีกว่าคงได้มีพี่สะใภ้เป็นไวน์ซักขวด ภุมรินไม่เคยเข้าใจพี่ชายตัวเองเลยสักนิด






อายุก็ถือได้ว่าโตพอที่จะมีครอบครัวแล้ว แทนที่จะหาคนดีๆมาเป็นแม่ของลูกกลับหมกตัวทำงานทั้งวัน เขายังไม่เห็นรัชพลจะสนใจใครเลย ถ้ารัชพลจะหวงและห่วงใครก็มีแต่เขานี่แหละที่รัชพลยังไม่ยอมปล่อยซักที ห่วงราวกับเขาเป็นเด็ก แทนที่จะเลิกห่วงเขาแล้วเอาเวลาไปหาแฟนยังจะดีกว่าอีก





ดูอย่างไอ้พี่ตะวันของเขาสิ กลับมาได้ไม่เท่าไหร่ก็หาแฟนได้แล้ว ทำไมไม่หัดเอาตัวอย่างจากเพื่อนบ้างนะพี่รัช






รถของไร่น้ำรินแล่นเข้ามาในช่วงเกือบๆสองทุ่ม ตอนนี้แสงจากดวงอาทิตย์หมดลงแล้ว มีแต่แสงนีออนตามเส้นทางเล็กๆของไร่น้ำรินเท่านั้นที่พอจะส่องให้เห็นทางได้บ้าง กว่าจะเข้าไร่ได้ก็แวะนู่นแวะนี่จนมืดค่ำ ป่านนี้ป้าจันคงตั้งโต๊ะรอแล้ว บุรินทร์นั้นยังคงทำงานในตัวเมืองตามเคย นานๆทีจะกลับบ้าน แต่ก็มาดูไร่บ้าง ซึ่งงานส่วนใหญ่ของไร่ก็ให้ลูกชายทั้งสองคนช่วยกันคุมหมดแล้ว






รัชพลค่อยขับรถขึ้นเขามาอย่างระมัดระวังเพราะกลัวจะเกิดอุบัติเหตุเพราะทางมืดๆนั้นอันตราบกว่าปกติอยู่แล้ว แสงไปหน้ารถสาดเข้ากับป้ายขนาดใหญ่ของไร่น้ำริน สายตาของรัชพลมองเห็นเงาตะคุ่มบางอย่างอยู่ข้างๆเสาขนาดใหญ่ที่รองรับป้ายนั้น นายใหญ่ของไร่น้ำรินจอดรถอยู่หน้าไร่และเพ่งมองร่างนั้น





เหมือนเป็นคนที่กำลังนั่งพิงกับเสาป้ายชื่อไร่ ศีรษะซบลงกับเข่าทั้งสองข้าง ข้างๆมีกระเป๋าใบใหญ่อยู่ มองไม่ออกว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แต่ที่แน่ๆไม่น่าไว้ใจ เมื่อวันก่อนเขาเพิ่งจะได้รับรายงานจากเหมหัวหน้าการ์ดที่ประจำไร่บอกว่ามีคนเข้ามาสอดส่องไร่น้ำรินอยู่บ่อยๆ ไม่แน่คนคนนี้อาจจะเป็นสายอย่างที่เหมรายงานมาก็ได้





เมื่อคิดได้ดังนั้นรัชพลก็รีบชักปืนออกมาอย่างรวดเร็ว เขาพกติดตัวบ้างบางครั้งแต่มันก็อยู่ในรถตลอดอยู่แล้ว นานๆทีถึงจะได้ใช้ เขาจะใช้ปืนก็ต่อเมื่อมีเหตุจำเป็นเท่านั้น






“มีอะไรพี่รัช” ภุมรินถามพี่ชายเมื่อเห็นว่ารัชพลเอาปืนขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังมีเรื่อง






“รินรอพี่อยู่นี่นะ อย่าออกไปจากรถ เดี๋ยวพี่มา” พูดจบก็เปิดประตูรถออกไปทิ้งให้ภุมรินมองตามอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย นี่มันเรื่องอะไรกัน






รัชพลเดินตรงไปหาคนที่ยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น มือหนากระชากกระเป๋าเดินทางขนาดกลางออกไปให้ห่างตัวก่อนจะคว้าแขนเรียวเล็กที่พอสะท้อนแสงไฟจากหน้ารถแล้วทำให้ดูขาวผ่องแข่งกับหลอดนีออนของไร่น้ำริน






“มึงเป็นใคร ใครส่งมึงมา” เสียงตะโกนนั้นดังจนทำให้คนที่หลับอยู่ต้องลืมตาขึ้นมาดู ร่างบางเซตามแรงกระชากนั้น





รัชพลมองคนตรงหน้าด้วยคำถาม นี่น่ะหรือคนที่อาจจะเป็นคนร้าย ดวงหน้าขาวที่นวลเนียนแข่งกับพระจันทร์ในคืนจันทร์เต็มดวง นัยน์ตาที่คลอเคล้าไปด้วยหยาดน้ำตาและกำลังแดงช้ำ กับร่างกายที่ดูจะผมบางกว่าภุมรินด้วยซ้ำ ผมที่ถูกซอยสั้นครอบหน้าหวานนั้นไว้ ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นคนที่ถูกส่งมาทำเรื่องไม่ดีในไร่น้ำรินได้





“จะ...เจ็บ” ร่างตรงหน้าพูดเสียงแผ่วพร้อมกับพยายามดึงแขนออกจากมือหนาของรัชพล






ร่างสูงคลายมือออกจากคนแปลกหน้าก่อนจะปล่อยในที่สุด ผิวขาวจัดนั้นมีรอยแดงปื้นอย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นเพราะผิวมีสีอ่อนและบางกว่าคนที่ทำงานในไร่อย่างรัชพล มือหนาและสากของเขาจึงทำให้คนตรงหน้าเจ็บได้ง่าย






“คุณเป็นใคร และมาอยู่อะไรตรงนี้” สรรพนามเปลี่ยนไปเมื่อเห็นว่าอีกคนไม่มีท่าทางที่เป็นอันตราย ปืนสีดำสนิทถูกเก็บเข้าข้างตัว






ร่างเล็กนั้นไม่ตอบได้แต่ยืนนิ่ง น้ำตาที่ไหลลงสองข้างแก้มทำเอารัชพลหงุดหงิดขึ้นมา แล้ววันนี้จะคุยกันรู้เรื่องไหมนี่






ภุมรินที่อยู่ในรถนั้นพยายามเพ่งมองคนที่พี่ชายยืนคุยอยู่ ลักษณะท่าทางนั้นคุ้นชินเหลือเกินแต่มองยังไงก็ยังนึกไม่ออก เพราะความมืดแม้ว่าจะมีไฟจากหน้ารถส่องแล้วก็ตามที






ร่างบางๆ ตัวเล็กๆ ผิวขาวจัดและท่าทางที่ดูจะบอบบางมากๆอย่างนั้น เหมือนเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ภุมรินพยายามมองฝ่าแสงไฟและทะลุร่างหนาๆของพี่ชายที่ยืนบังอยู่เกือบครึ่งตัว ไม่นานคนตัวเล็กก็นึกขึ้นได้






พี่สิตางศุ์!






เมื่อนึกได้ว่าเป็นใครภุมรินก็รีบเปิดประตูลงรถไปทันที ก่อนจะรีบวิ่งไปหาคนที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงหน้ารัชพล เมื่อมองใกล้ๆยิ่งใช่






“พี่ตาง” ภุมรินเรียก






“ริน” ร่างนั้นหันมามองก่อนจะโผเข้ากอดภุมรินโดยที่ไม่ทันตั้งตัว





สิตางศุ์ตัวบางกว่าภุมรินมากก็จริงแต่ส่วนสูงนั้นมากกว่าเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับรัชพลแล้วสิตางศุ์ดูตัวเล็กลงไปมาก และผู้แปลกหน้ามาใหม่ตอนนี้ก็กำลังสะอื้นอยู่กับอกของภุมรินโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้องไห้ ภุมรินเองก็ลูบหลังเพื่อปลอบให้อีกคนใจเย็นลง รัชพลมองอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เห็นว่าคนคนนี้ไม่ใช่ศัตรูอย่างที่คิดก็โล่งใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง





สุดท้ายแล้วทั้งรัชพลและภุมรินก็ต้องหอบหิ้วสิตางศุ์กลับเข้าไร่ ภุมรินต้องไปนั่งข้างหลังเพื่อคอยคุยและปลอบสิตางศุ์ที่ยังคงร้องไห้ต่อไป รัชพลมองผ่านกระจกหลังและมองดวงหน้าหวานที่เคล้าไปด้วยน้ำตานั้น เป็นผู้ชายจริงๆแน่หรือ ทำไมดูบอบบางมากเสียจนกลัวว่าแตะแล้วจะปลิวหายไป ภุมรินน้องชายของเขาที่ดูว่าตัวเล็กแล้ว ยังดูแกร่งกว่าสิตางศุ์คนนี้มากโข และสิ่งที่รัชพลอยากรู้มากที่สุดในตอนนี้ก็คือ สิตางศุ์คนนี้คือใครกัน






ภุมรินพาสิตางศุ์ที่หยุดร้องแล้วเข้ามาในบ้านโดยมีรัชพลถือกระเป๋าเข้ามาให้ สิตางศุ์นั้นเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของภุมริน ซึ่งภุมรินจบคณะวิศวกรรมศาสตร์แต่สิตางศุ์นั้นจบบัญชี ทั้งสองคนมารู้จักและสนิทสนมกันเพราะว่าสิตางศุ์เป็นเพื่อนกับรุ่นพี่ของภุมรินที่ชื่อภูวดล







สิตางศุ์เป็นรุ่นพี่ที่น่ารักเสมอ เวลาเจอก็จะทักทายและยิ้มแย้มให้ภุมริน มีสังสรรค์กันบ้าง และก็เคยไปเที่ยวด้วยกันจนสนิทในระดับหนึ่ง ภุมรินเองก็สนิทใจและรู้นิสัยใจคอของสิตางศุ์พอสมควร อาจจะเป็นด้วยอายุที่ห่างกันแค่ปีเดียวนั้นทำให้เข้าใจและสนิมกันได้ไม่ยาก






แต่ทำไมพี่สิตางศุ์ที่สดใสของเขาวันนี้ถึงได้เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดแบบนี้ และรู้ได้ยังไงว่าไร่น้ำรินอยู่ที่ไหนทั้งๆที่ภุมรินไม่เคยพาพี่ๆเพื่อนๆที่มหาวิทยาลัยมาที่บ้านเลย เคยแต่บอกว่าที่บ้านทำไร่องุ่นก็เท่านั้น






“พี่ขออยู่ที่นี่ซักพักได้มั้ยริน พี่สัญญาว่าพี่จะไม่รบกวนมาก พี่จะช่วยงานริน” สิตางศุ์ที่นิ่งมานานพูดขึ้น รัชพลที่กำลังยืนดื่มน้ำอยู่ไม่ไกลก็แอบมองแขกผู้โผล่มาแบบแปลกๆของน้องชายไปด้วย สิตางศุ์คนนี้เองสินะที่โทรมาหาภุมรินเมื่อสองวันก่อน






เมื่อมองสิตางศุ์จากมุมนี้แล้วนั้นดูยังไงก็ไม่ใช่ผู้ชายในสายตาของรัชพล แผ่นหลังของสิตางศุ์เล็กมากเสียจนรัชพลคิดว่าถ้าหากเขาจับสิตางศุ์แล้วจะขาดเป็นสองท่อนเสียให้ได้









ผิวขาวสีน้ำนมนั้นมองดูก็รู้ว่าเป็นลูกคุณหนูที่ไม่เคยทำงานหนัก แล้วอะไรคือการที่สิตางศุ์พูดว่าจะช่วยงานภุมริน รายนั้นเข้าไร่ตากแดดทุกวัน ไหนจะขับเอทีวี ซ่อมเครื่องยนต์ บางวันก็ต้องลงไปขุดดินเพื่อเชื่อมคลองด้วย เขานึกสภาพร่างบางๆของสิตางศุ์ไปทำแบบนั้นไม่ได้เลยสักนิด






“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกพี่ตาง รินจะยังไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เอาเป็นว่าคืนนี้นอนที่นี่ก่อน ส่วนเรื่องที่จะอยู่ที่นี่รินกับพี่รัชและพ่อไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ภุมรินกุมมือสิตางศุ์อย่างปลอบโยน เขายังไม่อยากถามอะไรสิตางศุ์ตอนนี้เพราะอีกคนดูไม่โอเคอย่างมาก ให้สิตางศุ์ได้พักก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกทีก็ยังได้






“ขอบใจนะริน” สิตางศุ์ยิ้มเบาๆให้กับรุ่นน้อง ความเครียดของเขาที่สั่งสมมานานหลายปี มันควรจะได้พักเสียที อย่างน้อยอยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครหาเจอ เพราะเขาไม่ได้บอกใครเลยว่าจะมาหาภุมริน






“ไม่เป็นไร แล้วนี่พี่ตางกินข้าวมารึยัง เดี๋ยวรินทำให้กิน ป้าจันคงจะไม่อยู่ที่ครัวแล้ว” ภุมรินยิ้มเพื่อให้อีกคนผ่อนคลาย





สิตางศุ์ส่ายหัว ตั้งแต่เมื่อเช้าเขายังไม่ได้กินอะไรเลย พอลงเครื่องมาปุ๊บก็ตรงมาหาภุมรินที่ไร่ทันที งมอยู่นานกว่าจะหาไร่น้ำรินเจอ อาศัยถามทางและขอติดรถชาวบ้านเข้ามา แต่ถึงอย่างนั้นก็มีส่งได้แค่หน้าไร่น้ำรินเท่านั้น จะโทรหาภุมรินก็แบตหมดเสียก่อน เลยนั่งรอจนดึก แล้วก็เจอใครก็ไม่รู้ชักปืนมาจะขู่ฆ่า







สิตางศุ์แอบคิดว่าวิธีแบบนั้นมันป่าเถื่อนสิ้นดี และทำให้เขาหวาดกลัวไม่น้อยเลยทีเดียว จนถึงตอนนี้สิตางศุ์ก็ยังไม่รู้ว่าคนที่เอาแต่จ้องเขาอยู่นั้นเป็นใคร แต่สายตาที่มองมานั้นทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก






“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวรินให้ป้าจันเอาขนมกับนมขึ้นไปให้ก็แล้วกันนะครับ ตอนนี้พี่ตางไปอาบน้ำให้สดชื่นก่อนดีกว่า” ภุมรินบอก






“เดี๋ยวพี่ช่วยยกกระเป๋าขึ้นไปให้เอง” รัชพลอาสา เขาละสายตาจากร่างบางที่ยังสะอื้นอยู่ก่อนจะเบือนหน้าหนีและยกกระเป๋าเดินทางขึ้นมาถือไว้






“ดีเลยพี่รัช อ้อ... รินลืมแนะนำเลย พี่ตางนี่พี่รัชเป็นพี่ชายของริน ส่วนพี่รัชนี่พี่ตางเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยของรินเอง รินคงต้องให้พี่ตางมาอยู่ที่นี่สักพัก หวังหว่าพี่รัชคงเข้าใจ”





ภุมรินแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันเมื่อเห็นว่าตัวเองยังไม่ได้แนะนำอะไรทั้งสิ้น อาจเป็นเพราะมัวแต่ปลอบสิตางศุ์เลยลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท และการที่เขาอนุญาตให้สิตางศุ์อยู่ที่นี่ก็ยังไม่ได้ถามความเห็นของรัชพลเลย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เชื่อว่าพี่ชายของเขานั้นเข้าใจและคงไม่ใจร้ายกับรุ่นพี่ของเขาคนนี้






รัชพลมองหน้าสิตางศุ์พร้อมกับถอนหายใจ เขาจะมีปัญหาอะไรได้ในเมื่อภุมรินพูดเสียดิบดีว่าจะให้สิตางศุ์คนนี้อยู่ที่นี้ หากเข้าคัดค้านคงเป็นคนที่ใจร้ายไม่น้อย เลี้ยงคนในไร่เป็นร้อยเป็นพันยังเลี้ยงได้ ลูกนกหลงทางแค่ตัวเดียวเขาจะใจร้ายทอดทิ้งเชียวหรือ






“อืม... ให้อยู่ห้องข้างๆรินแล้วกัน” พูดแค่นั้นก่อนจะเดินถือกระเป๋าขึ้นไปข้างบน สิตางศุ์ตางมองตามร่างสูงนั้น พี่ชายของภุมรินคนนี้บางทีก็ดูน่ากลัว บางทีก็ใจดีเหมือนกัน






หวังว่าตัวเขาเองจะไม่สร้างปัญหาให้ภุมรินและคนที่นี่ลำบากใจ












***************************************************************************






ฝากติดตามเรื่องนี้ด้วยนะคะ ฝากพี่รัชไว้ในอ้อมอกอ้อมใจคนอ่านทุกท่านด้วยค่ะ  :katai4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2018 22:17:35 โดย Speirmint28 »

ออฟไลน์ askmes

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
เย้!!! เรื่องใหม่มาแล้วววว รอติดตามน๊าาาาาาาาา..

ออฟไลน์ Speirmint28

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
บทที่ 2











เช้าวันใหม่สิตางศุ์ตื่นแต่เช้าและลงมาข้างล่างเผื่อจะมีงานที่เขาพอจะช่วยได้ ดวงนั้นบวมช้ำเล็กน้อยจากการร้องไห้ทั้งคืน เขาตัดสินใจหลบมาที่นี่ซักพักเพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรต่อไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ









ถึงแม้จะอายุยี่สิบสี่ปีเข้าไปแล้วแต่เขาเองก็ยังตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้ซักที และเมื่อถูกกดดันมากๆเข้าจึงส่งผลให้เขาหนีปัญหาขึ้นมาอยู่ที่ไร่น้ำริน ในคราแรกนั้นเขาตั้งใจจะหลบไปอยู่กับภูวดลเพื่อนสนิท แต่ก็คิดได้ว่าสุดท้ายก็ไม่แคล้วที่จะต้องกลับไปวังวนเดิมๆ









จำได้แค่เพียงว่ารุ่นน้องของภูวดลที่สนิทกับเขานั่นก็คือภุมรินมีไร่อยู่ทางเหนือ บางทีเขาหลบมาที่นี่อาจจะเป็นการดี เพราะภุมรินเองก็ไม่เคยพาใครมาที่ไร่ และทุกคนคงไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่ เขาได้บอกภุมรินเอาไว้แล้วว่าไม่ให้บอกใครว่าเขาอยู่ที่นี่ แม้แต่ภูวดลเองก็ตาม








ภุมรินมีท่าทีที่ไม่พอใจเล็กน้อยเพราะภุมรินเองก็อยากจะรู้ว่าทำไมสิตางศุ์ถึงต้องหลบมาโดยที่ไม่มีใครรู้ แล้วยังมาด้วยสภาพจิตใจที่ไม่ค่อยดีนัก แต่อยากจะรู้ไปก็เท่านั้นเอง เพราะสุดท้ายภุมรินก็ต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ เขาเองก็ไม่อยากให้สิตางศุ์ลำบากใจไปมากกว่านี้ เมื่อไหร่ที่สิตางศุ์พร้อมจะพูด เมื่อนั้นเขาคงรู้เอง แต่ที่แน่ๆคงไม่ใช่เร็วๆนี้อย่างแน่นอน












เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จแล้วนั้นภุมรินก็ไปส่งองุ่นตามปกติทุกวัน เหลือแต่สิตางศุ์ที่ยังคงทำหน้างงๆอยู่ในบ้านโดยมีรัชพลที่ยังไม่เข้าโรงบ่มมองมาอยู่เรื่อยๆ ร่างบางอึดอัดกับสายตาที่เจ้าของบ้านมองมาไม่น้อย พี่ชายของภุมรินนั้นมองเขาบ่อยมากตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว สิตางศุ์คิดว่ารัชพลคงไม่พอใจที่เขามาอาศัยอยู่ที่นี่ เลยไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป









ไม่นานนักรัชพลก็ปลีกตัวออกไปทำงานตามปกติทำให้สิตางศุ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาเกร็งทุกครั้งที่ต้องอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ เป็นเพราะอะไรนั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะสายตานั้น หรือเป็นเพราะการกระทำที่รัชพลทำกับเขาเมื่อคืนก็เป็นได้ แน่นอนล่ะ ไม่มีใครยิ้มให้กับคนที่เคยเอาปืนขึ้นมาจ่อตรงหน้าได้ด้วยเวลาอันรวดเร็วหรอก








สิตางศุ์เดินออกมานั่งข้างนอกตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ของบ้านรักษ์นที ครู่ใหญ่ภุมรินก็ส่งองุ่นเสร็จ สิตางศุ์เลยขอเข้าไปในไร่ด้วยเพื่อที่จะช่วยอะไรภุมรินได้บ้าง เขาไม่อยากอยู่เป็นภาระของรุ่นน้อง อย่างน้อยถ้าพอจะหยิบจับอะไรได้บ้างจะคงจะเป็นการดีไม่น้อย










ภุมรินลังเลเล็กน้อยเพราะสิตางศุ์ไม่เคยที่จะต้องมาทำงานในไร่ให้ลำบากลำบนขนาดนี้ ลูกผู้ดีอย่างรุ่นพี่คนนี้นั้นอย่างมากก็แค่เคยเข้าค่ายที่มหาวิทยาลัยจัดให้ แต่เมื่อเทียบกับงานและแดดร้อนๆของไร่น้ำรินแล้วนั้น ภุมรินคิดว่ามันหนักกว่าค่ายสมัยเรียนเป็นไหนๆ และสิตางศุ์เองก็เป็นคนที่แพ้อะไรง่ายๆ









เมื่อสมัยเรียนนั้นภูวดลเคยพาไปค่ายอาสาครั้งหนึ่งที่ภุมรินเคยร่วมด้วย สิตางศุ์แพ้อากาศจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะไข้ขึ้นสูงมาก เป็นอันว่าทั้งสิตางศุ์และภูวดลต้องกลับบ้านก่อนจะจบค่ายด้วยซ้ำ หลังจากนั้นรุ่นพี่ที่แสนบึกบึนของภุมรินก็ไม่เคยพาเพื่อนไปทำอะไรที่ลำบากแบบนั้นอีกเลย แล้วสิตางศุ์จะมาขอเข้าไปในไร่กับเขาเนี่ยนะ








“พี่ตาง รินว่าพี่อยู่บ้านเถอะ งานในไร่มันหนัก เดี๋ยวตอนกลางวันรินมากินข้าวด้วย” ภุมรินบอก








“พี่ไม่อยากอยู่เฉยๆ ให้พี่ไปช่วยงานเถอะนะริน พี่ไม่ทำให้รินลำบากหรอก” สิตางศุ์ยังคงดื้อดึงจะไปให้ได้ เขาไม่อยากอยู่เฉยๆ และการที่เขาเข้าไปช่วยงานภุมรินก็น่าจะเป็นการดีไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยก็พอจะช่วยแบ่งเบาได้บ้าง









“แต่พี่ตางครับ...”








“นะริน พี่ขอร้องล่ะ พี่มารบกวนรินทั้งทีจะให้พี่อยู่เฉยๆได้ยังไง” ไม่ยอมท่าเดียว แววตาที่มุ่งมั่นของสิตางศุ์นั้นทำให้ภุมรินถอนหายใจอย่างระอา









“ก็ได้ๆ แต่ถ้าพี่ไม่ไหวก็รีบบอกรินนะ” สุดท้ายก็ต้องจำยอมให้คนตรงหน้าไปด้วย สิตางศุ์ยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าภุมรินยอมใจอ่อนเสียที








สิตางศุ์เดินตามนายน้อยของไร่น้ำรินเข้าไปในไร่ ภุมรินมีหน้าที่ตรวจเช็คองุ่นและการทำงานของคนงานในไร่ ซึ่งจะแบ่งหน้าที่กับคนงานที่รับผิดชอบหน้าที่นี้อีกหลายสิบคนในแต่ละส่วนของไร่ ซึ่งภุมรินเป็นหัวหน้างานในส่วนนี้








ในแต่ละวันต้องพบเจอปัญหาไม่มากก็น้อย การแก้ปัญหาก็เป็นอีกอย่างที่ภุมรินก็ต้องทำ ส่วนในด้านบริหารไร่บุรินทร์ซึ่งเป็นบิดาของรัชพลและภุมรินเป็นคนดูแลจัดการ ซึ่งได้วางระบบการจัดการไว้ทั้งหมดแล้ว








บุรินทร์เองก็ไม่ได้เข้ามาจัดการที่ไร่บ่อยนัก เขากลับบ้านมาแค่อาทิตย์ละครั้งเป็นอย่างต่ำ นอกจากนั้นก็อยู่ในตัวจังหวัดเพื่อดูแลกิจการส่วนอื่นหรือไม่ก็เข้ากรุงเทพฯเพื่อติดต่อธุรกิจของไร่น้ำริน









และรัชพลจะเป็นคนจัดการเรื่องการส่งออก สินค้าแปรรูปจากไร่น้ำรินและไวน์องุ่น ค่าใช้จ่ายต่างๆของไร่ รวมทั้งการควบคุมคนงาน การรักษาความปลอดภัยของไร่และสวัสดิการต่างๆสำหรับคนงานอีกด้วย








“นายน้อยครับ มีน้ำขังที่ท้ายไร่ครับ ท่อส่งน้ำเหมือนจะรั่ว” คนงานคนหนึ่งวิ่งมาหาภุมริน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ภุมรินต้องเจอในแต่ละวันและเขาเองก็ต้องคอยแก้ปัญหาเหล่านี้ ถ้าไม่เกินกำลังเขาจะเป็นคนลงไปดูแลเอง หากมากกว่านั้นก็จะให้คนงานที่มีความเชี่ยวชาญเป็นคนจัดการ








“เดี๋ยวรินไปดูเองครับ พี่ทิมช่วยไปเอาเครื่องมือให้รินด้วยนะครับ” ภุมรินสั่งงาน









“ได้ครับนายน้อย” ทิมรับคำก่อนจะวิ่งกลับไปทางเดิมที่เพิ่งผ่านมา









“พี่ตาง เดี๋ยวรินจะไปดูท่อส่งน้ำที่ท้ายไร่ มันร้อนกว่านี้ พี่ตางอยู่แถวนี้รอรินได้มั้ย” ภุมรินหันไปบอกคนที่เดินตามหลังมา








ในส่วนที่เขาต้องไปดูนั้นอยู่กลางแจ้งเป็นที่โล่งซึ่งอากาศจะร้อนกว่านี้มาก ที่ที่พวกเขาอยู่ตรงนี้เป็นส่วนที่อยู่กลางไร่ มีต้นองุ่นซึ่งสูงท่วมหัวพอจะบังแดดได้บ้าง แต่ก็มากพอที่จะทำให้สิตางศุ์หน้าเห่อแดงและเหงื่อแดกพลั่กแม้จะสวมหมวกที่ภุมรินหยิบยืมของรัชพลมาให้แล้วก็ตาม








“พี่จะไปด้วย เผื่อช่วยอะไรรินได้บ้าง” สิตางศุ์พูด เขาอยากจะไปด้วยกับภุมรินแม้ว่าตอนนี้จะร้อนมากก็ตาม









ตั้งแต่เกิดมาสิตางศุ์คนนี้ไม่เคยที่จะต้องมาตกระกำลังบากมากมายถึงขนาดนี้ อย่างมากที่สุดก็เคยไปค่ายอาสากับภูวดลแค่นั้น แถมยังอยู่ไม่ถึงวันปิดค่ายด้วยซ้ำ เป็นเพราะไม่เคยต้องไปลำบากและผิวนั้นแพ้ต่ออากาศและสิ่งรอบตัวที่ไม่คุ้นชินง่ายๆ ทำให้สิตางศุ์ถูกฟูมฟักและได้รับการดูแลจากผู้เป็นย่าอย่างดี ถือได้ว่าเป็นคุณหนูเต็มขั้นก็ว่าได้
 








สิตางศุ์อยู่กับย่ามาตั้งแต่จำความได้ บิดานั้นแวะเวียนมาหาแค่เดือนละไม่กี่ครั้ง ส่วนมารดาเขาก็เจอไม่บ่อยเช่นกัน แต่เมื่อเจอทุกครั้งก็ต้องเป็นอันพบเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เขาเองต้องรู้สึกแย่ทุกครั้งไปเพราะมารดาของเขานั้นไม่ค่อยจะลงรอยกับย่าของเขาเสียเท่าไหร่









ด้วยเหตุผลอะไรตอนแรกเขาเองก็ยังไม่รู้เพราะทุกคนคอยจ้องแต่จะปิดบังเรื่องราวต่างๆ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้สิตางศุ์อาศัยอยู่กับย่าของเขามาโดยตลอด ย่าของเขานั้นเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง คอยดูแลธุรกิจในเครือของคิรินทราทั้งหมดโดยมีบิดาของสิตางศุ์เป็นผู้ช่วย









คุณหญิงพิมลนั้นไม่เคยที่จะให้หลานรักของตนเองได้รับความลำบากแม้แต่น้อย สิตางศุ์ถูกเลี้ยงดูและฟูมฟักราวกับไข่ในหิน และอนุญาตให้สิตางศุ์คบกับภูวดลเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งภูวดลเองก็สนิทกับครอบครัวของสิตางศุ์อยู่ไม่น้อยเนื่องจากบิดาของทั้งคู่เคยเรียนด้วยกันมาก่อน









เพราะฉะนั้นการที่สิตางศุ์หนีออกจากบ้านมาอย่างนี้ทำให้ไปขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้ นอกเสียจากภุมรินเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทที่สุดรองลงมาจากภูวดล เขาเองก็อยากจะตอบแทนภุมรินให้มากกว่านี้ อย่างน้อยตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ เขาก็ไม่อยากจะเป็นภาระให้กับอีกคนมากนัก








“พี่ตางมันร้อนนะครับ” ภุมรินทำหน้าจริงจัง เขาไม่อยากให้สิตางศุ์ต้องลำบาก เพราะรู้ว่าสิตางศุ์ไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้








“พี่ทนได้อยู่แล้ว พี่จะได้ไปเรียนรู้งานด้วยไง เผื่อวันต่อๆไปจะช่วยงานรินได้มากกว่านี้” สิตางศุ์ยังคงดื้อดึงที่จะไป








“พี่ตาง” ภุมรินเรียกชื่ออีกคนอย่างระอา ถ้าเกิดสิตางศุ์เกิดเป็นลมเป็นแล้งอีกเขาไม่แย่หรอกหรือ เมื่อคราวก่อนก็ต้องเข้าโรงพยาบาลเพียงแค่แพ้อากาศเล็กน้อยแค่นั้น ถ้าเกิดทำเพื่อนของรุ่นพี่ที่สนิทเป็นอะไรขึ้นมา ภูวดลคงจะฆ่าเขาตายแน่ๆ








“ริน” สายตาเว้าวอนให้อีกคน ภุมรินลำบากใจไม่น้อยเหมือนกัน









“โอเคครับ ไปก็ไป แต่พี่ต้องใส่เสื้อคลุมไว้อีกชั้น” สุดท้ายก็ต้องตามใจสิตางศุ์อีกจนได้ แต่ภุมรินก็ถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองที่คลุมอยู่ชั้นนอกส่งไปให้สิตางศุ์ เสื้ออีกชั้นของภุมรินนั้นเป็นแค่เสื้อยืดธรรมดาเท่านั้น








“มันจะดีเหรอริน แบบนี้รินก็ร้อนแย่สิ” สิตางศุ์ทำหน้าลำบากใจ อากาศมันร้อนแผดเผาไม่น้อย เขาเองยังรู้สึกแสบๆผิวมาบ้างแล้ว อย่างนี้ภุมรินที่ใส่แค่เสื้อยืดตัวเดียวไม่แย่เหรอ









“พี่ตางรินน่ะชินกับอากาศในไร่แล้ว พี่นั่นแหละจะแย่เอา ใส่เร็ว ไม่อย่างนั้นรินไม่ให้ไปด้วยนะ” คนตัวเล็กเก๊กหน้าดุ ทำไมภุมรินรู้สึกเหมือนตัวเองมีน้องชายมากกว่าจะเป็นรุ่นพี่








สิตางศุ์ไม่ตอบอะไรเพียงแต่รับเสื้อมาคลุมอีกชั้นไว้เท่านั้น รอไม่นานคนงานก็ขับรถกระบะคันเล็กมารับทั้งสองคนก่อนจะมุ่งตรงไปยังท้ายไร่อันเป็นสุดที่เกิดปัญหา








ภุมรินลงไปดูตรงท่อน้ำที่รั่วก่อนจะลงมีจัดการซ่อมเองโดยมีคนงานอีกสองสามคนคอยช่วย สิตางศุ์เองก็ยืนมองอยู่อย่างใจจดใจจ่อ เขาไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่นักที่ภุมรินซ่อมอะไรต่อมิอะไรอย่างคล่องแคล่ว เพราะรุ่นน้องของเขาคนนี้เรียนจบวิศวกรรมศาสตร์มาซึ่งเป็นคณะเดียวที่ภูวดลเพื่อนของเขาจบมาเช่นกัน








เวลาผ่านเลยไปเกือบชั่วโมงทั้งหมดก็ซ่อมจนเสร็จทั้งหมด สิตางศุ์เหงื่อแตกกว่าคนที่ทำงานอย่างภุมรินเสียอีก หน้าแดงเห่อจากอากาศที่ร้อนและเหงื่อที่เปียกชุ่ม ผื่นแดงเริ่มขึ้นตามใบหน้าและลำตัว เขาแอบเกาบ่อยครั้งโดยที่ภุมรินไม่ทันได้สังเกต กว่าภุมรินจะรู้ว่าสิตางศุ์อาการไม่ค่อยดีก็ตอนที่กลับมากลางไร่แล้ว








“แดงเต็มตัวเลยพี่ตาง” ภุมรินเลิกแขนเสื้อขึ้น พบผื่นแดงเต็มแขนสีน้ำนมเต็มไปหมด เจ้าตัวตกใจไม่น้อย เขาว่าแล้วเชียว แล้วจะเอาอย่างไรล่ะทีนี้








“ไม่เป็นไรหรอกริน” สิตางศุ์ยิ้มแห้งให้อีกคนแม้ว่าจะรู้สึกไม่ค่อยดีเสียแล้ว อาการวูบวาบมาเป็นระยะ แถมยังคนไปทั้งตัวเอง









“ไม่เป็นไรได้ยังไง รีบกลับไปอาบน้ำเลยนะพี่ตาง ต่อไปนี้รินจะไม่ให้พี่เข้าไร่อีกแล้ว” พูดจบคนตัวเล็กก็ลากสิตางศุ์ไปขึ้นรถกระบะที่ใช้ขนองุ่นแถวนั้น ก่อนจะพาสิตางศุ์กลับเข้าบ้าน ซึ่งก็เป็นเวลาเที่ยงตรงพอดี









เมื่อกลับมาถึงตัวบ้านก็เจอรัชพลที่นั่งรอป้าจันตั้งโต๊ะอยู่ ภุมรินแปลกใจเล็กน้อย ปกติพี่ชายของเขานั้นกลับมากินข้าวที่บ้านเสียเมื่อไหร่ล่ะ ป้าจันต้องลำบากหอบไปให้ที่โรงบ่มเกือบทุกวัน วันนี้มาแปลก แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะมัวแต่เป็นห่วงสิตางศุ์อยู่








“เป็นอะไรมาคะคุณ แดงเต็มตัวเลย” ป้าจันที่กำลังตั้งโต๊ะหันมาถามเมื่อเห็นภุมรินพาสิตางศุ์ที่ตัวแดงเถือกเข้ามาในบ้าน









“พี่ตางน่ะสิ แพ้อากาศอีกตามเคย ไหนจะเหงื่ออีก เลยเป็นแบบนี้ บอกว่าไม่ต้องไปก็ไม่เชื่อ” ภุมรินรีบฟ้อง








“ก็พี่อยากช่วยริน” แก้ตัวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา จากจะช่วยงานกลับกลายเป็นว่าเพิ่มภาระให้ภุมรินอีกแล้ว









“อย่าเพิ่งเถียงกันเลยค่ะ ป้าว่าไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะคะ เดี๋ยวป้าเอายาไปให้ คุณรัชรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวป้ามาตั้งโต๊ะให้” ประโยคหลังนั้นหันมาพูดกับรัชพล เวลานี้ป้าจันอยู่บ้านคนเดียวเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะเด็กๆในครัวต้องเอาอาหารไปให้คนงานในทุกๆเที่ยงของวัน









“ไม่เป็นไรครับป้าจัน เดี๋ยวผมเอาขึ้นไปให้รินเอง ยาอยู่ในตู้ใช่มั้ยครับ” รัชพลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองไปที่สิตางศุ์เล็กน้อยด้วยสายตาที่ก็ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แม้แต่ภุมรินเองก็เถอะ








“ค่ะ งั้นป้าฝากด้วยนะคะ”









สรุปแล้วรัชพลเป็นคนที่ต้องเดินถือหลอดยาตามคนตัวเล็กทั้งคู่ขึ้นไปบนบ้าน สิตางศุ์เข้าไปอาบน้ำไม่นานก็ออกมาโดยมีสองพี่น้องรออยู่ข้างนอก     








ภุมรินทายาตามตัวให้รุ่นพี่ สิตางศุ์เอาแต่ก้มหน้าเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของรัชพลที่มองมาอย่างไม่วางตา เขารู้สึกประหม่าไม่ใช่น้อยเพราะคิดว่ารัชพลอาจจะไม่พอใจที่ตัวเขาเองสร้างปัญหาให้ตั้งแต่วันแรกที่มาอาศัยอยู่ที่นี่








“รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ก็ยังจะตามไปอีก” อยู่ๆรัชพลก็พูดขึ้นมา








“อะ...เอ่อ คือ ผมแค่อยากช่วย” สิตางศุ์หันหน้ามามองคนตัวสูง เป็นครั้งแรกที่รัชพลพูดกับเขาหลังจากเมื่อคืน









“ถ้าพี่ตางอยากช่วยรินจะหางานในร่มให้แล้วกันนะครับ เข้าไร่เดี๋ยวเป็นแบบนี้อีก พี่ภูด่ารินยับแน่” ภุมรินว่าขณะทายาบริเวณท้องแขนให้สิตางศุ์ไปด้วย







“ให้มาช่วยพี่ในโรงบ่มก็ได้นะ พอจะมีงานอยู่บ้าง” รัชพลเสนอ








ภุมรินหันไปมองหน้าพี่ชายอย่างงุนงงเล็กน้อย อะไรทำให้รัชพลเอ่ยปากพูดแบบนั้นออกมา ปกติแล้วนั้นรัชพลไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายเท่าไหร่นัก นอกเสียจากจะมีงานหรือมีปัญหาอะไรเท่านั้น








แต่คนที่รู้สึกงงที่สุดคงจะเป็นสิตางศุ์เสียมากกว่า เขาคิดว่ารัชพลไม่ชอบหน้าเขาเสียเอง แล้วทำไมรัชพลต้องให้เขาไปช่วยงานด้วยล่ะ...










แล้วอย่างนี้เขาควรจะทำตัวอย่างไรดี
















******************************************************************************









มาต่อแล้วค่ะสำหรับตอนที่สองของเรื่องนี้ เอ... สิตางศุ์จะไปทำงานร่วมกับอิตาพี่รัชแล้ว จะเป็นยังไงล่ะนี่ เอาใจช่วยสิตางศุ์ของเราด้วยนะคะ

หวังว่าเรื่องของพี่รัชจะได้รับการสนับสนุนจากคนอ่านทุกท่านค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ :mew1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
พี่รัชสนใจพี่ตางเหรอ หรือว่าไม่ไว้ใจ

ออฟไลน์ Speirmint28

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
บทที่ 3





และแล้วสิตางศุ์ก็ต้องเข้าไปช่วยงานรัชพลที่โรงบ่มอย่างที่เจ้าของไร่ตัวโตต้องการจริงๆ แน่นอนว่าสิตางศุ์ต้องประหม่าไม่ใช่น้อยที่ต้องทนกับสายตานิ่งๆและท่าทางที่ดูไม่ออกว่าพอใจเขาหรือเปล่าของรัชพล





ภุมรินออกบ้านไปเช้ากว่าปกติเพราะวันนี้จะต้องเข้าตัวจังหวัดกับตะวัน ทำให้สิตางศุ์ต้องทนกับอาการเฉยเมยของรัชพลเพียงคนเดียวในขณะที่นั่งกินข้าวเช้า แล้วพอเข้ามาในโรงบ่มรัชพลก็เอาแต่ทำงานของตัวเอง ทิ้งให้สิตางศุ์นั่งเงียบอยู่คนเดียว ไหนบอกจะให้มาช่วยงาน แล้วอะไรคือให้เขามานั่งเงียบอยู่แบบนี้ มันน่าอึดอัดเป็นที่สุด





“เห็นรินบอกว่าจบบัญชีมาใช่มั้ย” คำพูดแรกของวันจากปากของรัชพลดังขึ้น สิตางศุ์สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองตามเสียงนั้น





“เอ่อ คือ ใช่ครับ ผมจบบัญชีมาครับ” สิตางศุ์ตอบตะกุกตะกัก ทำตัวไม่ถูกเมื่อรัชพลพูดด้วย





“ถ้าอย่างนั้นมาช่วยดูตรงนี้หน่อยสิ เหมือนว่าตัวเลขมันมีความผิดปกติ” รัชพลเลื่อนสมุดเล่มใหญ่ที่เต็มไปด้วยตัวเลขให้กับสิตางศุ์






บัญชีทั้งหมดของไร่น้ำรินนั้นรัชพลเป็นคนดูแลโดยมีการหัวหน้าแต่ละฝ่ายเป็นสามคน และแต่ละคนจะรับผิดชอบบัญชีในแต่ละส่วน ซึ่งจะส่งมาให้รัชพลอีกครั้งหนึ่ง






จะมีบัญชีส่วนของผลผลิต ส่วนค่าใช้จ่ายและในส่วนอื่นๆที่จำเป็น และบัญชีที่มีปัญหาตอนนี้คือบัญชีของรายจ่ายที่รัชพลพบความผิดปกติ เพราะเหมือนตัวเลขจะคลาดเคลื่อน เงินหายออกไปจากบัญชีจำนวนไม่น้อย





เขาเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ ปกติจะมีภุมรินมาช่วยดูด้วย แต่ตอนนี้ภุมรินไม่อยู่และสิตางศุ์คนนี้ก็เรียนจบด้านนี้มาอย่างที่ภุมรินบอกไว้เมื่อคืน เนื่องจากเขาถามเพราะจะได้รู้ว่าสิตางศุ์พอจะช่วยอะไรได้บ้าง





การที่ให้คนจบด้านนี้มาช่วยดูอาจจะมีความเข้าใจมากขึ้นก็ได้ รัชพลไม่สันทัดเรื่องตัวเลขเท่าไหร่ และเขาเองก็มีลูกน้องที่เก่งด้านนี้ทั้งสามคนมาช่วยอยู่แล้ว แต่คราวนี้มันคลาดเคลื่อนมากเกินจนผิดสังเกต ทำให้เขาไม่มั่นใจนัก






“ปกติค่าใช้จ่ายเรื่องต้นทุนไร่น้ำรินใช้เท่าไหร่เหรอครับ เหมือนจะไม่สัมพันธ์กับปีก่อน” สิตางศุ์ที่รับบัญชีมาดูแล้วก็ตรวจดูสักพักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้น เขาดูรายจ่ายที่เบิกออกไปในแต่ละช่วงของปีแล้วนั้นมีบางช่วงที่ต่างกับปีก่อนๆเยอะจนน่าสังเกต





“ถ้าตามต้นทุนจริงๆก็เท่ากับปีก่อนเลย ปีนี้ทางไร่ก็ไม่ได้เพิ่มการผลิตนะ แต่ทำไมเงินที่เบิกไปมันหายไปเยอะเลย” รัชพลเดินอ้อมมานั่งข้างๆสิตางศุ์





บัญชีในส่วนนี้เขาให้คนงานชื่อโรจน์เป็นคนดูแล โรจน์คือคนที่รัชพลรับเข้าทำงานเมื่อต้นปีก่อนเพราะเห็นว่าทำงานดี มีประสบการณ์เยอะ เขาไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรเพราะไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้ และโรจน์ก็ทำงานดีมาตลอด แต่มีปีนี้ที่เขาเองก็พบข้อผิดพลาดบางจุดซึ่งเขาเองก็ไม่ค่อยใส่ใจเพราะเห็นว่าไม่หนักหนานัก แต่คราวนี้มันมากเกินกว่าที่จะละเลย โรจน์ทำงานพลาดหรือยออย่างไร เขายังไม่อยากจะคิดในแง่ลบไปถึงจุดนั้นนัก





“เท่าที่ผมดูคร่าวๆนะครับคุณรัช เงินหายไปทั้งหมดเกือบสามล้านบาท ตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้” สิตางศุ์ทำหน้าเคร่ง





เข้ามาทำงานวันแรกกับรัชพลก็เจอเรื่องซะแล้ว เขาไม่คิดว่ารัชพลจะปล่อยให้เงินหายไปเยอะขนาดนี้ มันไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลยทีเดียว





แค่ดูการทำงานตรงนี้สิตางศุ์ก็รู้แล้วว่ารัชพลเป็นคนที่ไม่มีความละเอียดอ่อนในเรื่องตัวเลขและรายละเอียดยิบย่อย สะเพร่าจนเงินหายไปตั้งสามล้าน เขาอยากจะตำหนิแต่ก็ทำได้เพียงแค่เก็บไว้ในใจ





“สามล้านเลยเหรอ เฮ้ย...” รัชพลพลิกดูอีกรอบ เงินของไร่น้ำรินในช่วงปีนี้หายไปสามล้านบาท มันไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลยสักนิด แล้วทำไมเขาถึงปล่อยให้มันเกินเลยมาได้ตั้งนานแบบนี้





“ใช่ครับ เอ่อ... ไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำบัญชีส่วนนี้ครับ ผมว่ามันแปลกๆ” สิตางศุ์สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลของเรื่องนี้เสียแล้ว





“เค้าเป็นคนที่ผมเพิ่งรับเข้ามาทำงานเมื่อต้นปีก่อน ชื่อโรจน์ ทำงานดีและมีประสบการณ์ ผมไม่คิดว่าเค้าจะทำอะไรแบบนี้” รัชพลพูดหน้าเคร่ง โรจน์นั้นเป็นลูกน้องหนุ่มใหญ่ที่เขาค่อนข้างจะไว้ใจแม้ทำงานมาด้วยไม่นานก็ตาม





สิตางศุ์มองหน้าคนที่นั่งข้างๆอย่างระอา อะไรจะทำให้รัชพลไว้ใจคนง่ายขนาดนั้นกันเชียว แล้วเป็นยังไง เงินหายไปไหนก็ไม่รู้ได้





“แต่ยังไงคุณก็ต้องตรวจสอบบัญชีอีกรอบให้ละเอียดนี่ครับ มันเป็นหน้าที่ของคุณไม่ใช่เหรอ” สิตางศุ์พูด





“นี่คุณว่าผมสะเพร่าเหรอ” รัชพลจ้องอีกคนเขม็ง ใช่ว่าจะไม่ตรวจ แต่เขาเองก็งานล้นมือแทบทุกวัน เขาตรงสอบอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ละเอียดนักเพราะเขาเองก็ไว้ใจลูกน้องตัวเองทุกคน





“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับคุณรัช แต่ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นมันทำให้ไร่น้ำรินเสียหาย คุณที่เป็นเจ้าของไร่ก็ต้องรับผิดชอบตรงส่วนนี้เต็มๆ เพราะมันคือหน้าที่ของคุณ เกิดปล่อยไปอย่างนี้ ปีต่อๆไปไม่โดนโกงเป็นสิบๆล้านเหรอ” นี่อาจจะเป็นประโยคที่ยาวที่สุดเท่าที่สิตางศุ์เคยพูดกับรัชพลมา





ร่างบางเริ่มมีความขุ่นข้องหมองใจกับเจ้าของไร่น้ำรินคนนี้เสียแล้ว ตั้งแต่แรกเริ่มที่เข้ามารัชพลก็ต้อนรับเขาด้วยปืน และยังทำท่าทีไม่ยินดีเมื่อภุมรินอนุญาตให้เขาพักที่นี่ บางทีรัชพลเองก็อาจจะไม่พอใจเขาอยู่แล้วก็ได้





แต่จะให้ทำอย่างไรล่ะ จะให้เขาไปจากที่นี่เหรอ แล้วเขาจะไปไหน ในเมื่อไร่น้ำรินคือที่เดียวที่เขาคิดได้ว่าควรมาขอความช่วยเหลือ บางทีสิตางศุ์ก็คิดว่าการที่เขาไปตากแดดในไร่กับภุมรินอาจจะสบายใจกว่าการอยู่ในร่มและต้องมาคอยรับแรงกดดันของรัชพลแบบนี้





“แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรพวกนี้นัก จะให้รินทำก็งานล้นมืออยู่แล้ว พอให้คนอื่นทำก็เป็นแบบนี้” รัชพลกอดอกแล้วพิงตัวลงกับพนักพิง เขายอมรับว่าเขาผิด แต่เวลานี้คนนอก แม้แต่ลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมาก็ยังไว้ใจไม่ได้ จะให้เขาดูเองนั้นก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ เงินหายสามล้าน





“คุณก็ต้องคิดสิครับ แล้วอย่างนี้จะบริหารไร่ได้ยังไง เกิดวันหนึ่งคุณต้องรับผิดชอบงานในไร่ทั้งหมดด้วยตัวเอง คุณจะทำได้เหรอ ไม่ใช่เอาแต่สนใจไวน์ คุณอย่าลืมว่าคุณเองก็มีหน้าที่อื่นด้วย” พูดจบสิตางศุ์ก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน





ภุมรินนั้นเล่าเรื่องที่รัชพลเอาแต่สนใจไวน์ให้เขาฟังแล้ว และตอนนี้เขาก็รู้ซึ้งทั้งหมด ถ้าจำไม่ผิด รัชพลเป็นพี่เขาตั้งหนึ่งปี แต่ทำไมความคิดความอ่านบางอย่างถึงได้ดูเด็กในสายตาของเขากันนะ





“ถ้าอย่างนั้นมาทำบัญชีให้ผมมั้ยล่ะ”





“ห๊ะ...” สิตางศุ์ทำหน้างง อยู่ๆรัชพลก็พูดขึ้นมาแบบนั้น จะบ้าหรืออย่างไร กับคนที่เจอกันไม่กี่วันแต่กลับให้มาดูแลเรื่องสำคัญแบบนี้เนี่ยนะ





“จบด้านนี้มาไม่ใช่เหรอ และคุณเองก็คงไม่คิดจะโกงผมหรอกนะ และอีกอย่างเวลาทำงานก็ทำในนี้เนี่ยแหละ ผมจะได้ควบคุมดูแลง่ายด้วย” ยิ่งพูดสิตางศุ์ยิ่งไม่เข้าใจรัชพล





“คุณรัชพล คุณจะมาแก้ปัญหาง่ายๆแบบนี้ไม่ได้นะ” ความรู้สึกของสิตางศุ์ตอนนี้คล้ายกับกำลังพูดอยู่กับเด็กสิบขวบ





“เดี๋ยวผมคุยกับรินเรื่องนี้เอง ไม่ต้องห่วงเพราะผมจะให้เงินเดือนในอัตราเท่าพนักงานของไร่” รัชพลสรุปรวบยอดเสร็จสรรพ ทำเอาสิตางศุ์ยิ่งหน้ายุ่ง “อย่ามาทำหน้าอย่างนั้นนะ คุณไปทำงานในไร่ไม่ได้ ก็มาช่วยเรื่องบัญชีนี่แหละ จบตามสายที่เรียนมาด้วย มันก็เป็นการดีกับเราทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เหรอ”





สิตางศุ์ได้แต่นิ่งเงียบ เขาเถียงอะไรไม่ออก การที่เขามาขออาศัยอยู่ที่นี่ การเลือกทำงานนั้นเป็นอะไรที่เขาปฏิเสธไม่ได้มากนัก และการช่วยเหลือรัชพลซึ่งเป็นพี่ชายของภุมรินก็เป็นสิ่งที่เขาเองก็ควรทำ





“เอาเป็นว่าตกลงตามนี้แล้วกัน เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย ช่วยตรวจดูให้ละเอียดอีกทีแล้วกันนะ” พูดจบรัชพลก็โยนแฟ้มงานให้อีกปึกใหญ่





สิตางศุ์จ้องเขม็งก่อนจะถอนหายใจแล้วรับบัญชีเหล่านั้นมา ถือซะว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่อย่างน้อยก็มีงานทำ และจะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้ภุมรินด้วย แต่การต้องมาทำงานร่วมกับรัชพลนี่น่ะสิ ทำเขาอึดอัดไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ยังไงก็ต้องสู้











ตกเย็น แดดร่มลมตกแต่งานของสิตางศุ์นั้นยังคงดำเนินต่อไป ตอนนี้ก็เลยห้าโมงเย็นมาแล้ว สิตางศุ์ยังคงทำงานอยู่ในโรงบ่มกับรัชพลอย่างไม่หยุดหย่อน คนตัวโตนั้นงานล้นมือและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยสักนิด สิตางศุ์ก็ไม่กล้าถามเรื่องเวลาทำงาน ตอนนี้เขาเริ่มหิวบ้างแล้ว และก็เริ่มเมื่อยแล้วด้วย รัชพลก็ยังไม่คิดจะให้เขาหยุดซักที





“คุณรัชครับ คุณรัช” เสียงเรียกของคนงานดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่คร้ามแดดวิ่งเข้ามาในโรงบ่ม





“มีอะไรพี่วัน” รัชพลเดินไปหา





“เห็นคุณรินมั้ยครับ เหนือไร่มีปัญหาครับ สายไฟมันขาดเลยจะให้คุณรินไปดู ถ้าไม่แก้ตอนนี้ไฟอาจจะดับทั้งคืน” วันรีบรายงาน ปกติแล้วนั้นในส่วนของเรื่องซ่อมแซมต่างๆภุมรินจะเป็นคนรับผิดชอบเสียส่วนใหญ่ จึงจำเป็นที่จะต้องให้นายช่างใหญ่อย่างภุมรินไปดูในเรื่องนี้





“รินเข้าเมืองกับตะวัน ยังไม่กลับมาเลย แล้วช่างคนอื่นล่ะไปไหนหมด”





“ช่างไปดูแล้วครับ แต่มีบางส่วนแก้ไม่ได้ เลยจะให้คุณรินไปดู” วันทำหน้าเคร่ง ตอนนี้ก็ใกล้จะมืดแล้วด้วย





“ถ้างั้นรอรินมา เดี๋ยวฉันจะให้ไปดูให้ แต่เดี๋ยวนะ...” รัชพลคิดอะไรบางอย่างได้ แล้วคิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่น สิตางศุ์และวันที่มองอยู่ถึงกับทำหน้างงไปด้วย





“มีอะไรเหรอครับนาย” วันถาม





“อยู่ๆสายไฟมันขาดได้ไง”





“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่เท่าที่ผมดูแล้วนั้น เหมือนมีรอยตัด” วันตอบด้วยท่าทางที่เปลี่ยนไป สายไฟเหนือไร่นั้นเหมือนมีคนไปลอบตัด และที่สำคัญ ตัดตรงจุดสำคัญของการส่งไปให้ทั้งไร่ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนนี้ก็ใกล้มืดแล้ว





“โดนตัดงั้นเหรอ!” รัชพลหน้าเครียดขึ้น สิ่งที่ได้รับรายงานในช่วงนี้บวกกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแปลกๆในไร่ทำให้เขาเริ่มมั่นใจว่าเวลานี้มีสิ่งไม่ชอบมาพากลในไร่เสียแล้ว





“ครับนาย นายจะไปดูด้วยกันมั้ยครับ”





“ไปสิ ผมจะไปดูด้วย ส่วนคุณสิตางศุ์ คุณกลับเข้าบ้านไปได้ วันนี้พอแค่นี้แหละ และถ้ารินกลับมาให้ตามผมไปที่เหนือไร่ด้วย” พูดจบก็คว้าเอาปืนในลิ้นชักออกมาพร้อมกับหมวกสีน้ำตาลที่วางอยู่ ทิ้งให้สิตางศุ์ทำหน้างงอยู่คนเดียว





รัชพลเดินออกไปพร้อมคนงานคนนั้นแล้ว แต่สิตางศุ์ยังคงยืนนิ่งอยู่ เหมือนไร่นี้จะมีปัญหามากมายเสียจนเขาเองจะเครียดตามไปด้วย เรื่องบัญชีก็ยังไม่เคลียร์ แล้วจะยังมาโดนตัดสายไฟอะไรนั่นอีก





เรื่องบัญชีของไร่นี่ก็เหมือนกัน เขาตรวจเพิ่มเติมตอนนี้เงินหายไปเกือบห้าล้าน เรื่องพวกนี้มันชักจะยังไงๆเสียแล้ว เรื่องในไร่น้ำรินทำเอาเขาวุ่นวายตามเจ้าของไร่จนไม่มีเวลาคิดเรื่องของตัวเอง มันก็ดีแค่ตรงนี้แหละ





สิตางศุ์เก็บรวบรวมแฟ้มทั้งหมดก่อนจะยัดใส่ไว้ในลิ้นชักของรัชพลตามเดิมแล้วออกมาจากโรงบ่มเพื่อกลับบ้านที่อยู่ไม่ไกลนัก เดินไปไม่เท่าไหร่ก็ถึง ถือเป็นครั้งแรกกับการใช้ชีวิตคนเดียว ในฐานะพนักงานที่ต้องทำงานโดยไม่มีเส้นสายของคุณหญิงพิมล ศิรินทรา มันก็ทำให้เขาเองก็ภูมิใจในตัวเองไม่น้อย ถือว่าเริ่มต้นได้ดี... หรือเปล่า





หลังจากออกจากโรงบ่มมาได้ไม่นาน รถคันใหญ่ไม่คุ้นตาก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพร้อมกับร่างของภุมรินและร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่ง สิตางศุ์เดาว่าคงเป็นตะวันที่รัชพลพูดถึง ร่างบางตรงปรี่เข้าไปหารุ่นน้องทันที





“ริน” เรียกชื่อคนที่กำลังง่วนอยู่กับการลื้อถุงพลาสติกหลายใบซึ่งในนั้นบรรจุสิ่งของที่เพิ่งไปซื้อมา





“อ้าวพี่ตาง แล้วพี่รัชล่ะครับ วันนี้ทำงานเป็นยังไงบ้าง” รัวคำถามใส่พร้อมกับยิ้มให้รุ่นพี่ที่ทำหน้าเคร่งผิดปกติ





“อย่าเพิ่งถามเลยริน คุณรัชพลบอกว่าถ้ารินมาแล้วให้รีบไปที่เหนือไร่ เหมือนจะมีเรื่องน่ะ พี่เห็นเค้าถือปืนไปด้วย”





“ปืน! มีเรื่องอะไรกันน่ะริน” ตะวันที่ยืนข้างๆถามภุมริน ปกติแล้วนั้นรัชพลไม่ค่อยใช้ปืนและพกปืนไปไหน แม้จะมีติดตัวก็ตามที แต่นี้เรื่องร้ายแรงอะไรถึงขั้นที่เพื่อนรักของเขาต้องใช้ปืน





“ช่วงนี้เหมือนมีคนมาวุ่นวายไร่น่ะพี่ตะวัน” ตอบคนรักพร้อมกับทำหน้าเครียดลงถนัดตา





“งั้นเดี๋ยวพี่ไปด้วย” ตะวันพูด





“ครับ พี่ตางรินฝากของพวกนี้เอาไปให้ป้าจันด้วยนะครับ แล้วพี่ก็กินข้าวก่อนเลย เดี๋ยวรินจะรีบกลับมา” พูดจบภุมรินก็รีบขึ้นรถไปกับตะวันอีกรอบ





สิตางศุ์รับของทั้งหมดมาพร้อมกับถอนหายใจ ขอให้ไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงก็เป็นพอ







***************************************************************************************







วันนี้มาต่อตอนที่สามเร็วหน่อย มาเอาใจช่วยสิตางศุ์กันดีกว่าค่ะว่าจะรับมือกับพี่รัชยังไง  :hao7: ไม่ใครเข้าใจพี่รัช คนเขียนเองก็ยังไม่เข้าใจพี่รัชเลย ฮ่าๆ  :katai1: ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ รักคนอ่านทุกท่านค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ Speirmint28

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
บทที่ 4














“มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง” เสียงเข้มของชายวัยกลางคนดังขึ้นกลางห้องขนาดเล็กบนใต้หลังคาอันเป็นห้องทำงานประจำของบ้านรักษ์นที ตอนนี้บุรินทร์และลูกชายทั้งสองกำลังปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้นในไร่ทั้งหมด








“คนงานมารายงานหลายรอบแล้วครับพ่อว่าช่วงนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลที่ไร่ และที่สำคัญ รัชเพิ่งให้คนตรวจบัญชีไป ตรงส่วนรายจ่ายเงินถูกเบิกไปหลายล้านในรอบปีนี้ และเรื่องเมื่อคืนก็พอจะรู้ว่ามีคนไม่หวังดีกับไร่เรา” รัชพลอธิบายรายละเอียดให้กับบุรินทร์ที่นั่งหน้าเครียดอยู่





เมื่อวานนั้นกว่าจะจัดการเรื่องสายไฟได้ก็ปาไปเกือบสองทุ่ม ภุมรินและคนงานต้องช่วยกันซ่อมและเปลี่ยนจ้าละหวั่น รัชพลเอาแต่หัวเสียกับเรื่องที่เกิดขึ้น เหมือนทั้งวันจะมีแต่เรื่อง ตั้งแต่เรื่องบัญชี ไปยันเรื่องถูกลอบตัดสายไฟ รัชพลรู้ว่ามีคนไม่หวังดีกับไร่ของเขา แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร และทำไปเพื่ออะไรกันแน่






“ทำไมมันเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ แล้วพอจะรู้รึยังว่าเป็นใคร” นายเหนือของไร่น้ำรินก็เครียดไม่น้อยเลยทีเดียวที่ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ตั้งแต่เขาทำไร่น้ำรินมายี่สิบกว่าปี เพิ่งจะเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น





“ยังไม่รู้เลยครับพ่อ แต่ตอนนี้รัชแจ้งความไว้แล้ว อีกไม่นานคงได้เรื่อง แต่ช่วงนี้คงต้องเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยให้มากกว่านี้” รัชพลสั่งคนงานรักษาความปลอดภัยให้คุมเข้มมากขึ้น และเพิ่มคนเข้าประจำแต่ละจุดของไร่ให้มากกว่าเดิม ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะตอนนี้สถานการณ์ไม่น่าไว้ใจนัก





“คงต้องแก้ปัญหาอย่างนี้ไปก่อนครับพ่อ พี่ตะวันมีเพื่อนเป็นตำรวจอยู่ เค้าจะช่วยดูเรื่องนี้ให้ด้วย” ภุมรินเสริมพี่ชาย





“ดีแล้ว พ่อไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้ รัช... แกเองช่วงนี้ก็ไม่ต้องเข้าโรงบ่มนะ มาดูเรื่องนี้ก่อน จะได้รับมือได้ทัน ส่วนเรื่องบัญชี มีปัญหาอะไร”





“มีจะมีปัญหาตรงส่วนรายจ่ายเรื่องต้นทุนของไร่น่ะครับ ในส่วนนี้พี่โรจน์เป็นคนดูแล เมื่อวานรัชให้คุณสิตางศุ์ตรวจดูเงินหายไปเยอะเลย” รัชพลยื่นสมุดบัญชีทั้งหมดให้ผู้เป็นพ่อดู บุรินทร์เปิดดูก่อนจะหน้าเครียดอีกครั้ง





“รัชจะบอกว่าโรจน์โกงเงินของไร่งั้นเหรอ” โรจน์นั้นบุรินทร์และรัชพลเป็นคนเลือกเข้ามาทำงานเอง และค่อนข้างมั่นใจว่าโรจน์ไม่ใช่คนที่จะคิดร้ายและโกงใครได้ง่ายๆแน่นอน แล้วทำไมเรื่องถึงเป็นแบบนี้





“รัชยังไม่ยืนยันครับ และยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร มีแต่เราและคุณสิตางศุ์ที่เป็นคนตรวจบัญชีเท่านั้นที่รู้เรื่อง”





“ใครคือสิตางศุ์” บุรินทร์ถามด้วยความสงสัย สิตางศุ์คือใคร เขาเพิ่งเคยจะได้ยินชื่อ และทำไมอยู่ๆรัชพลถึงได้ไว้ใจให้ทำบัญชีของไร่





“พี่ตางคือรุ่นพี่ของรินเองครับพ่อ เค้าจบบัญชีมา รินเลยให้ไปช่วยพี่รัช” ภุมรินตอบแทนรัชพล เขาก็เพิ่งรู้เรื่องนี้จากพี่ชายเมื่อวาน ไม่คิดว่าโรจน์จะแอบยักยอกเงินของไร่มากขนาดนี้





“อืม... ถ้าอย่างนั้นให้เค้าตรวจดูทั้งหมด ทุกบัญชี แล้วก็รวบรวมมาให้พ่อ เดี๋ยวพ่อจัดการเรื่องนี้เอง รัชก็พยายามดูรอบๆไร่ รินก็ทำงานตามปกติเหมือนเดิม ว่างๆก็พาสิตางศุ์มาให้พ่อรู้จักด้วยก็ดี” บุรินทร์สรุปเรื่องทั้งหมดก่อนจะเอนตัวพิงพนักด้วยสีหน้าที่คิดหนัก





“พี่ตางเค้าพักที่นี่ครับ พรุ่งนี้เช้าพ่อก็เจอ” ภุมรินพูด





“พรุ่งนี้พ่อเข้ากรุงเทพฯแต่เช้ามืด กลับอีกทีคงอาทิตย์หน้าน่ะ ยังไงก็ฝากทางนี้ด้วยแล้วกัน”





สามพ่อลูกคุยเรื่องงานในส่วนอื่นๆอีกเล็กน้อยก่อนจะพากันลงมาชั้นสองแล้วแยกย้ายเข้าห้องของตัวเอง รัชพลเองเมื่อมาถึงห้องของตนเองก็ทิ้งตัวลงอย่างเหนื่อยล้า หลายวันมานี้เขาหัวหมุนไม่ได้หยุด แล้วบิดายังจะมาพักงานเรื่องไวน์อีก ช่วงนี้คงต้องทิ้งไปซักพัก ดีที่เขาไม่คิดจะทำไวน์ตัวใหม่ในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นคงจะเซ็งกว่านี้





เมื่อคิดๆดูแล้วนั้น ถ้าเขาไม่ให้สิตางศุ์ตรวจบัญชีดู คงไม่เจอปัญหาแบบนี้แน่ๆ และเงินของไร่ก็คงหายไปมากกว่านี้แน่นอน ถือว่าสิตางศุ์ช่วยได้มากเลยทีเดียว รุ่นพี่ของภุมรินคนนี้ก็มีประโยชน์ไม่น้อยเหมือนกัน





 คิดแล้วก็กระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ ก่อนอื่นเขาต้องจัดการคนที่หวังร้ายกับไร่น้ำรินเสียก่อน















เช้าวันใหม่สิตางศุ์ตื่นแต่เช้าลงมากินข้าวกับภุมรินแต่ไม่พบว่ารัชพลจะมากินข้าวด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็เดาว่ารัชพลนั้นเข้าโรงบ่มไปเรียบร้อยแล้วและมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ





ภุมรินไปส่งองุ่นเหมือนทุกวันส่วนสิตางศุ์ก็เดินเข้าไปหารัชพลเพื่อทำงานใหม่ที่เพิ่งได้รับเมื่อวานนี้ และเมื่อเข้าไปแล้วก็เจอรัชพลกำลังเก็บของเข้ากระเป๋าใบไม่เล็กไม่ใหญ่เหมือนกับว่าจะออกไปไหน





“คุณรัช คุณจะไปไหนครับ” ถามคนตรงหน้าที่มีฐานะเป็นนายจ้างในตอนนี้





“จะไปเหนือไร่น่ะ ไปด้วยกันมั้ย เอางานไปทำที่นั่นด้วยก็ได้ ช่วงนี้ผมต้องดูแลเรื่องความปลอดภัย” รัชพลพูดพร้อมกับจับหมวกหนังมาสวมใส่ ที่เหนือไร่นั้นเป็นที่ตั้งของสำนักงานที่เกี่ยวกับด้านความปลอดภัยของไร่ ปกติจะมีคนงานคอยดูแล แต่คราวนี้รัชพลจะลงไปทำเอง





“เอ่อ... ผมกลัวจะไปเป็นภาระอีกน่ะครับ ให้ผมทำที่นี่ก็ได้” วันก่อนนั้นสิตางศุ์ก็สร้างปัญหาให้ภุมรินไปรอบหนึ่งแล้ว เกรงว่าจะไปสร้างความลำบากให้รัชพลอีกเมื่อต้องออกแดดแรงๆแบบนี้





“ไม่ต้องกลัวหรอก เหนือไร่น่ะมีสำนักงานอยู่ ผมไม่ปล่อยให้ผู้ดีผิวบางอย่างคุณต้องตากแดดหรอก” รัชพลว่า ทำเอาสิตางศุ์ทำหน้านิ่วลงอย่างรวดเร็ว





“ผมไม่ใช่ผู้ดีซักหน่อย” คุยกันดีๆไม่ถึงห้านาที เขาไม่คิดเลยว่ารัชพลจะพูดจาดูหมิ่นเขาแบบนี้ การที่เขาแพ้นู่นแพ้นี่ใช่ว่าเขาจะเป็นผู้ดีตีนแดงทำอะไรไม่เป็นเสียหน่อย





“ไม่ใช่ผู้ดีแต่ก็ทำงานกลางแดดไม่ได้ล่ะว้า เอ้า! ใส่เข้าไป แล้วตามมาแล้วกัน” รัชพลโยนหมวกอีกใบให้พร้อมเสื้อแจ๊กเกตของเขาเองก่อนจะเดินนำสิตางศุ์ออกไปข้างนอกโดยในมือถือสมุดบัญชีมาด้วย





สิตางศุ์รับมาพร้อมกับทำหน้าบอกบุญไม่รับ เขาสวมเสื้อตัวใหญ่นั้นพร้อมกับหมวกแล้วเดินตามเจ้าของไร่ออกไป






รถกระบะคันเก่าจอดอยู่หน้าโรงบ่มโดยมีรัชพลนั่งรออยู่ข้างในอยู่แล้ว สิตางศุ์เดินเข้าไปนั่งข้างๆ ทั้งสองคนนิ่งเงียบตลอดทาง รัชพลก็เอาแต่ขับรถ ส่วนสิตางศุ์ก็เอาแต่มองไปข้างนอก แดดในตอนเช้านั้นไม่แรงนัก มีแค่แดดอุ่นๆที่สาดต้นองุ่นลงมา ภาพที่เห็นทำให้คนกรุงอย่างสิตางศุ์รู้สึกดีไม่น้อย ถ้าไม่ใช้เวลานี้เขาคงพกกล้องซักตัวมาเก็บบรรยากาศสวยๆของไร่ให้ฉ่ำปอดไปเลย






ไม่นานรัชพลก็พาสิตางศุ์มาถึงอาคารไม้หลังขนาดกลางที่ตั้งอยู่ตรงพื้นที่โล่งกว้า ห่างออกไปเกือบสองกิโลเมตรรั้วของไร่น้ำรินทอดยาวสุดลูกหูลูกตา บริเวณตรงนี้เป็นที่ตั้งของสำนักงานรักษาความปลอดภัยของไร่น้ำรินทั้งหมด จะมีคนงานควบคุมดูแลและคอยแจ้งความเคลื่อนไหวในแต่ละวันให้รัชพลทราบ





“เดี๋ยวคุณเข้าไปในห้องผม ห้องข้างในสุดนะ เดี๋ยวผมขอคุยกับคนงานก่อน มีปัญหาอะไรก็ออกมาถามได้” รัชพลบอกร่างบางที่ยืนอยู่ใกล้ๆก่อนจะส่งกระเป๋าของตัวเองให้สิตางศุ์ ซึ่งในนั้นมีเอกสารและบัญชีต่างๆอยู่






“ครับ” สิตางศุ์พูดแค่นั้นก่อนจะเดินเข้าไปตามที่รัชพลบอก เขายังเคืองร่างสูงอยู่จึงไม่อยากจะพูดอะไรมากนัก
ด้วยความที่เป็นสำนักงานรักษาความปลอดภัยทำให้เจ้าหน้าที่ต่างๆมีแต่ผู้ชายเป็นส่วนใหญ่






และเมื่อสิตางศุ์เข้าไปในสำนักงานนั้นก็มีสายตาหลายสิบคู่มองมา เขาประหม่าไม่น้อยจึงได้แต่ก้มหน้าเดินและเข้าไปในห้องทำงานของรัชพล





ร่างบางวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะก่อนจะถอดเสื้อแจ็กเกตของรัชพลออก รวมทั้งหมวกด้วย แล้วเริ่มลงมือทำงานของตัวเองที่ค้างจากเมื่อวานทั้งหมด พัดลมที่พัดเอื่อยๆข้างใน รวมทั้งลมข้างนอกที่พัดเข้ามา ทำให้บรรยากาศการทำงานของเขานั้นไม่ได้แย่แต่อย่างใด





เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนเที่ยง สิตางศุ์ออกมาทานข้าวพร้อมกับรัชพลและคนงานข้างนอก สายตาของคนงานทั้งหมดของรัชพล รวมทั้งพนักงานส่วนอื่นของสำนักงานทำเอาสิตางศุ์แทบจะกินข้าวไม่ลง ต่างกับเจ้าของไร่ที่เอาแต่ตักกินๆอย่างสบายอารมณ์





“นายครับ นี่แฟนนายเหรอครับ” เสียงที่ดังทำลายความเงียบนั้นทำเอารัชพลเผลอปล่อยช้อนจนกระทบกับจานเสียงดัง แล้วยังจะสำลักข้าวจนหน้าแดง





“แค่กๆ น้ำ ขอน้ำหน่อย” รัชพลไอค่อกแค่กพร้อมกับยื่นมือควานหาน้ำ สิตางศุ์ที่อยู่ใกล้สุดต้องเป็นคนตักน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้คนตัวโต





“ค่อยๆดื่มนะคุณรัช” สิตางศุ์ช่วยป้อนน้ำให้คนที่สำลักหน้าดำหน้าแดง ทั้งวงหยุดกินข้าวแล้วหันมาสนใจเจ้านายตัวเอง





“ไอ้บ้า ไอ้ก้อง พูดบ้าอะไรวะ” เมื่อตั้งสติและหายสำลักแล้วก็หันไปเอาเรื่องคนงานวัยสิบหกอย่างก้อง ลูกชายของกิตหัวหน้าคนงานที่นี่





“ก็ผมไม่เคยเห็นนายพาสาวมานี่นา แล้วยังจะให้ใส่เสื้อใส่หมวกของนายอีก ผมคิดว่านายจะมีแฟนแล้ว เห็นไม่ยอมเอาใครซักที สาวๆในอำเภอรอเก้อตั้งหลายคน” ก้องพูดตามประสาซื่อ นั่นทำให้รัชพลยิ่งพูดไม่ออก ส่วนสิตางศุ์นั้นทำหน้าเคร่งไปเรียบร้อย และยังแอบแดงเล็กน้อยอีกด้วย





“ไอ้บ้า คุณสิตางศุ์เค้าเป็นผู้ชายโว้ย แล้วเค้าก็เป็นเลขาฯข้า” รัชพลตบหัวก้องไปหนึ่งที





“อ้าว ผู้ชายเหรอ ผมนึกว่าผู้หญิงผมสั้น ตัวเล็กนิดเดียว” ก้องยังไม่หยุดพูด สิตางศุ์ไม่รู้ว่าหน้าแดงเพราะเขินหรือโมโห เจ้าเด็กนี่มากล้าว่าเขาเป็นผู้หญิงได้ยังไง ถึงจะไม่ตัวดำคร้ามแดดและมีกล้ามถึกบึกบึนเหมือนคนงานในไร่ แต่เขาก็เป็นผู้ชายนะ





“หยุดพูดไปเลยไอ้ก้อง กินข้าวไปเลย ขอโทษแทนไอ้ลูกชายมันด้วยนะครับนาย คุณสิตางศุ์” กิตถึงกับออกปากขอโทษแทนลูกชาย เมื่อบิดาพูดดังนั้นก้องก็ได้แต่สงบปากสงบคำ





รัชพลยกจานข้าวขึ้นมากินเหมือนเดิม ในวงเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ทุกคนกินข้าวและพูดคุยกันตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็เป็นรัชพลนี่แหละ ที่แอบมองคนข้างๆที่นั่งเขี่ยข้าวไปมา มองดูแล้วสิตางศุ์คนนี้ก็หน้าหวานไม่น้อย ไม่แปลกที่ไอ้ก้องมันจะเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิง แน่ล่ะ ผู้หญิงในไร่ส่วนใหญ่แล้วตัวบึกยิ่งกว่าสิตางศุ์ด้วยซ้ำ ลูกผู้ดีตีนแดงแบบนี้ ถ้าให้ขุดดิน ใส่ปุ๋ย คงไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน ให้ทำงานบัญชีนี่แหละ ดีที่สุดแล้ว





หลังจากกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันไปทำงาน สิตางศุ์ยังคงง่วนกับตัวเลขจนตาลายไปหมด เขาต้องคอยแก้ทุกอย่างให้เกือบทั้งหมด และยิ่งแก้ยิ่งพบปัญหาเยอะมากขึ้น เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้ารัชพลปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วไร่น้ำรินจะโดนโกงไปมากแค่ไหน และคนชื่อโรจน์นั้นรัชพลเองก็ยังไม่เห็นจะจัดการอะไรเลย สิตางศุ์ไม่อยากจะพูดอะไรมาก จึงได้แค่ทำหน้าที่ของตัวเองไปก็เท่านั้น





เมื่อแดดคล้อยร่างบางจึงลุกเพื่อยืดเส้นยืดสาย พนักงานในสำนักงานนั้นก็ไม่มีใครสนใจเขาแล้ว ถือเป็นการดีเพราะเขาก็ไม่อยากรับมือกับสายตาที่มองมาของแต่ละคน ยิ่งเด็กที่ชื่อก้องไปพูดแบบนั้นกลางวงข้าวเขายิ่งรู้สึกอายกับสายตาของคนที่นี่ จะบ้าหรืออย่างไร มาว่าเขาเป็นผู้หญิง แล้วยังจะคิดว่าเป็นแฟนอิตาคุณรัชพลนั่นอีก มันน่าโมโหจริงเชียว





“คุณสิตางศุ์” เสียงเรียกพร้อมกับมือหนาที่วางบนไหล่ทำเอาสิตางศุ์สะดุ้งโหยง เมื่อหันไปก็เจอเจ้าของไร่ยืนจังก้าอยู่ข้างหลัง





“ครับ มีอะไรเหรอครับคุณรัช” นี่ก็ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน แม้ว่าจะเย็นแล้วก็ตาม และอีกอย่างจากประสบการณ์เมื่อวันก่อน รัชพลมีเวลาเลิกงานเสียที่ไหนกัน





“พอดีผมจะไปดูสวนผลไม้ฝั่งนู้นน่ะ คุณไปด้วยมั้ย อยู่แต่ในนี้กลัวจะเบื่อ” รัชพลถาม





สวนผลไม้ที่ว่าคือสวนที่ไร่น้ำรินปลูกผลไม้ชนิดอื่นนอกจากองุ่น เป็นพื้นที่เล็กๆไม่กว้างมาก เป็นทางผ่านของลำธารที่ไหลมาจากน้ำตกที่ท้ายไร่ นานๆทีเขาจะเข้าไปที่นั่น แต่ในเมื่อวันนี้มาที่นี่แล้วก็เลยจะไปเสียหน่อย และแวะมาชวนสิตางศุ์ที่คงจะนั่งเบื่อคนเดียวในนี้





“ก็ดีครับ” เขาอยากจะผ่อนคลายบ้าง ไปกับรัชพลก็ดี





“งั้นก็ตามมา เอาหมวกไปด้วย” รัชพลพูดแค่นั้นก่อนจะเดินนำออกไปก่อน
สิตางศุ์หยิบหมวกมาใส่แล้วเดินตาม เห็นรัชพลอยู่บนหลังม้าเรียบร้อยแล้ว ข้างๆมีม้าอีกข้างยืนอยู่ด้วย





“เร็วสิ ม้าตัวนั้นเป็นของรินน่ะ ผมอุตส่าห์ให้ยืมเลยนะ” สิตางศุ์ทำหน้างง มองหน้ารัชพลก่อนจะหันไปมองม้าและคนงานที่ยืนอยู่





“เอ่อ... ผมขี่ม้าไม่เป็นครับ” เขาไม่เคยขี้ม้ามาก่อนในชีวิต แล้วอยู่ๆจะให้มาขี่ม้าเนี่ยนะ





รัชพลนิ่งไปเล็กน้อย เขาลืมคิดถึงจุดนี้ไป เขาคิดว่าทุกคนต้องขี่ม้าได้ เพราะในไร่ใครๆก็ขี่กันทั้งนั้น ลืมไปว่าสิตางศุ์ไม่ใช่คนในไร่อย่างพวกเขา และทางที่จะไปสวนฝั่งนู้นก็ต้องขี่ม้าไปเท่านั้น แล้วจะไปยังไงล่ะเนี่ย





“ถ้าอย่างนั้นผมไม่ได้ก็ได้ครับ” สิตางศุ์ตัดปัญหา เอาไว้คราวหลังก็ได้ แต่ความจริงแล้วเขาเองก็อยากจะไปสวนผลไม้อะไรนั่นอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน





“นายก็ให้คุณสิตางศุ์ขี่ไปด้วยสิครับ” ก้องที่ยืนฟังอยู่ออกความเห็นเมื่อทั้งสองคนเหมือนจะตกลงกันไม่ได้





รัชพลกับสิตางศุ์หันมามองหน้ากัน...





ไปม้าตัวเดียวกันเนี่ยนะ


















****************************************************************************
















มาต่อแล้วจ้าตอนที่สี่ ทำไมเรื่องพี่รัชเงียบเหงาจัง  :ling2: เนื้อเรื่องเริ่มจะมีเรื่องมาให้พระนายปวดหัวแล้ว ยังไงก็ฝากเรื่องของพี่รัชด้วยนะคะ ไม่ได้มาอัพบ่อย แต่ก็อัพเรื่อยๆค่ะ รักคนอ่านทุกท่านนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
บอกเลยว่าฟิน  คึคึ

 :hao6:       :hao6:   :hao6:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
จะถูกลอบทำร้ายมั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
พี่รัชมาต่อแล้ว ดีงามพระรามแปด :hao5:

ออฟไลน์ Speirmint28

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
บทที่ 5










“รีบขึ้นมาสิ” รัชพลยื่นมือไปรับคนตัวบางที่กำลังยืนลังเลอยู่ มันก็น่าจะเป็นทางเดียวที่สามารถทำได้ในตอนนี้ ให้สิตางศุ์ไปด้วยกับเขาเนี่ยแหละ





“เอ่อ... ครับ” สิตางศุ์ยื่นมือไปจับคนตัวโตไว้ก่อนจะขึ้นไปบนหลังมาอย่างทุลักทุเล กว่าเจ้าตัวจะขึ้นมาได้ก็ใช้เวลาไปพอสมควร ในที่สุดก็ขึ้นมาอยู่บนหลังม้าเรียบร้อย





“จับเสื้อผมไว้แล้วกัน เดี๋ยวจะตกเอา” รัชพลบอกคนที่อยู่ข้างหลัง สิตางศุ์ยังละล้าละลังอยู่เล็กน้อยแต่ก็ยอมกับเสื้อตัวหนาของรัชพลเอาไว้ตามที่เจ้าตัวต้องการ





“ไอ้ก้องเชื่อแล้วว่านายน่ะเสน่ห์แรงแค่ไหน คุณสิตางศุ์นี่หน้าแดงไปหมดแล้ว” ไอ้ก้องปากมากเอ่ยแซวสองคนที่อยู่บนหลังม้า สิตางศุ์ไม่รู้ว่าหน้าตัวเองแดง แต่ตอนนี้มันคงแดงมากแน่ๆ เพราะกำลังโมโหคนงานของรัชพลคนนี้แหละ





“พูดมากไอ้ลูกหมา ไปเลยนะ มีงานอะไรก็ไปทำเลย” รัชพลเตะเข้าชายโครงของก้องไปหนึ่ง ทำเอาเด็กก้องถึงกับโอดครวญ แต่ก็ยังจะมีอารมณ์มายิ้มล้ออีก รัชพลเลยเตะสีข้างของม้าตัวสีดำสนิทเพื่อให้มันออกตัว






ม้าตัวโตที่วิ่งฉิวออกไปทำให้แรงสะเทือนนั้นยิ่งมีมาก สิตางศุ์เผลอเอามือจับไว้ที่เอวของรัชพลอย่างลืมตัว รัชพลยกคิ้วเล็กน้อยแล้วจึงมองตรงไปข้างหน้าเหมือนเดิม





“รำคาญไอ้ก้องมันรึเปล่า มันก็ปากมากของมันไปอย่างนั้นแหละ คุณอย่าไปถือสามันเลย” รัชพลพูดขึ้น
ตอนนี้ทั้งสองคนมาถึงลำธารแล้ว ม้าสามารถลุยน้ำผ่านไปได้เนื่องจากไม่ลึกมากเพราะเป็นปลายน้ำของน้ำตกแล้ว





“ผมแค่ไม่ชอบที่เค้าพูดเหมือนผมเป็นผู้หญิง” ถ้าเกิดสิตางศุ์ไม่เกรงใจเจ้าของไร่ และตัวเขาเองไม่ใช่ผู้อยู่อาศัย เขาก็คงจะต่อว่าเด็กก้องนั่นไปบ้างแล้ว ไม่ต้องมามัวแต่เก็บงำอารมณ์อยู่แบบนี้





“...หึ” รัชพลหัวเราะในลำคอเล็กน้อย เอาเข้าจริงๆแล้ว ที่ไอ้ก้องมันพูดมานั้น ก็ไม่ต่างจากความจริงเท่าไหร่นัก สิตางศุ์คนนี้บอบบางกว่าผู้หญิงของไร่น้ำรินตั้งเยอะ





สิตางศุ์ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเมื่อรัชพลหัวเราะแบบนั้น เฮอะ... ไม่แคล้วรัชพลต้องหัวเราะเยาะเขา คนไร่นี้เป็นยังไงกันแน่นะ
ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงบริเวณสวนผลไม้ที่ตอนนี้มีคนงานหกเจ็ดคนกำลังช่วยกันดูแลอยู่ ตาสุขหัวหน้าคนงานรีบวิ่งเข้ามาหารัชพลที่ยังคงอยู่บนม้าด้วยรอยยิ้ม





“สวัสดีครับนาย ทำไมมาซะเย็นเลย” ตาสุขถามเจ้าของไร่ตัวโต ปกติแล้วนั้นรัชพลก็มาดูสวนตรงนี้บ้าง แต่ก็ไม่บ่อย ซึ่งทุกครั้งจะมาแค่ตอนเช้าเท่านั้น





“พอดีพาคุณเค้ามาเที่ยวนะ รุ่นพี่ของรินเค้า” รัชพลพูด ตาสุขจึงหันไปมองสิตางศุ์ที่เอาแต่นั่งตัวเกร็งกอดเอวรัชพลไว้ไม่ปล่อย





“สวัสดีครับ” ทักทายเจ้าถิ่นเพื่อไมให้เป็นการเสียมารยาท สวนผลไม้ตรงนี้ของไร่น้ำรินก็บรรยากาศดีไม่น้อยเลยทีเดียว เป็นการปลูกผลไม้หลากหลายชนิดเป็นวงกลมวนๆเข้ามา และตรงกลางเป็นสวนดอกไม้รวมทั้งพื้นที่โล่งอันมีหญ้าสีเขียวปกคลุม ซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาอยู่ตอนนี้





“ลงไปสิคุณ ถึงแล้วเนี่ย” รัชพลบอกคนที่นั่งข้างหลัง





“ลงยังไงเหรอ” สิตางศุ์ถาม เขาไม่รู้ว่ามันลงยังไง แค่ตอนขึ้นก็ลำบากมากแล้ว จะลงก็คงลำบากไม่แพ้กันแน่ๆ และประเด็นคือมันสูงมากเสียด้วยนี่น่ะสิ





รัชพลหัวเราะน้อยๆ นึกขำขันสิตางศุ์ เขาไม่รู้เลยว่าคนคนนี้ถูกเลี้ยงดูมาแบบไหน  ทำไมถึงได้ทำอะไรไม่เป็นเลยซักอย่าง ถ้าเกิดเป็นน้องเป็นนุ่งเขานะ จะจับยิงปืนตั้งแต่เด็ก ดูอย่างภุมรินสิ เห็นตัวบางๆ หุ่นขี้ก้างแบบนั้น ยิงปืนก็ใช่ย่อยเชียวล่ะ ถ้าตะวันเพื่อนของเขานอกใจรับรองโดยยิงจนพรุนแน่ๆ





“เดี๋ยวผมลงก่อนก็แล้วกัน”





รัชพลพูดก่อนจะค่อยๆลงจากหลังม้า เนื่องจากมีสิตางศุ์นั่งอยู่ข้างหลังเลยทำให้ลำบากไม่น้อยในการลงครั้งนี้ แต่เจ้าของไร่น้ำรินก็สามารถลงมาจนได้





“มา” รัชพลยื่นมือไปให้คนที่ยังคงอยู่บนหลังม้า สิตางศุ์ยื่นมือไปหารัชพลอย่างกลัวๆ





“ผมลงไม่เป็น” สิตางศุ์สั่นกลัวเล็กน้อย จากหลังม้าถึงพื้นมันสูงไม่น้อยเลยทีเดียว และคนที่ลงไม่เป็นอย่างเขานั้นก็ยิ่งวิตกเพิ่มเป็นทวีคูณ





“ลงมาเลย เดี๋ยวผมรับเอง” รัชพลจับมือบางนั้นไว้แน่น เมื่อจับมือกันอย่างนี้แล้วทำให้รู้เลยว่าสิตางศุ์นั้นเป็นคนไม่เคยทำงานหนักมาก่อนในชีวิต ต่างจากเขาที่มือสากจากการยกนั่นยกนี่เป็นประจำ แล้วอย่างนี้สิตางศุ์จะไปดูแลใครไหวเรอะ ชาตินี้จะหาเมียได้รึเปล่ายังไม่รู้





สิตางศุ์มองหน้ารัชพลเล็กน้อย ก่อนจะกัดริมฝีปากล่างแล้วค่อยๆเหยียบตรงที่เหยียบเพื่อลงจากหลังม้า เขาพยายามหย่อนเท้าให้ถึงพื้น แต่ยังไงก็ไม่ถึงซักทีกอปรกับการซวนเซทำให้ทั้งร่างโผตัวเข้าไปเต็มอกของรัชพล





รัชพลโอบเอาตัวบางๆนั้นมาเต็มๆ ถึงแม้สิตางศุ์จะตัวไม่ใหญ่เท่าเขาแต่ก็ทำให้เซได้เนื่องจากแรงที่ตกลงมา ร่างสูงของพ่อเลี้ยงรัชล้มลงกับพื้นพร้อมกับร่างของสิตางศุ์ทับลงมา คนที่อยู่ข้างบนหลับตาแน่น และค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาพไหน





“เอ่อ... คุณรัช ขอโทษครับ” สิตางศุ์รีบลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เขาล้มทับรัชพลไปเต็มๆแบบนั้น อีกคนต้องเจ็บมากแน่ๆ แค่คิดก็รู้สึกผิดขึ้นมา แต่รัชพลกลับลุกพรึบขึ้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น





“เห็นตัวแค่นี้หนักเป็นบ้า ล้มมาได้ทั้งตัว” รัชพลบ่นอุบเมื่อลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ความจริงก็ว่าสิตางศุ์ไปอย่างนั้นแหละ





“ผมขอโทษครับ” สิตางศุ์สำนึกผิด ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นภาระให้รัชพลไม่น้อยเลยทีเดียว





“ผมล้อเล่นหรอกน่า ไปดูสวนกันเถอะ” รัชพลว่ายิ้มๆก่อนจะเดินนำสิตางศุ์ไปโดยมีตาสุขยืนยิ้มอยู่
สิตางศุ์ยิ้มให้ตาสุขไปหนึ่งทีก่อนจะรีบเดินตามรัชพลที่เข้าไปทักทายคนงานเรียบร้อย





สวนตรงส่วนนี้ปลูกผลไม้หลายชนิด ทั้งมะม่วง กล้วย มะละกอ ส้มโอ ขนุน ชมพู่ มะพร้าว รวมไปถึงลิ้นจี่อีกด้วย จะแบ่งเป็นชนิดละสี่แถวที่เรียงเป็นวงกลมเข้ามา แต่ละฤดูก็จะผลัดกันออกผล ไร่น้ำรินเอาไว้ขายในตลาดอย่างเดียว ซึ่งไม่มากมายนัก และยังเอาไว้กินกันเอง สวนตรงนี้เป็นส่วนที่แยกออกมาจากไร่ แต่ก็ยังอยู่ภายในบริเวณไร่น้ำรินอยู่ ใกล้ๆกับสำนักงานรักษาความปลอดภัยของไร่ ที่ออกไปไม่เท่าไหร่ก็ถึงปากทางเข้าไร่แล้ว น้ำที่ใช้ก็มาจากน้ำตกหลังไร่ ซึ่งไหลมาถึงตรงนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นปลายน้ำแล้ว





“ลองมะม่วงซักลูกมั้ยคุณสิตางศุ์” รัชพลตัดมะม่วงออกมาลูกหนึ่ง แล้วตัดตรงขั้วออกแล้วขอน้ำคนงานแถวนั้นมาล้างพร้อมกับปลอกและผ่าเป็นชิ้นแล้วยื่นให้สิตางศุ์





“ขอบคุณครับ” สิตางศุ์รับมาพร้อมกับเคี้ยวเข้าปาก รสชาติมันๆและยังกรอบอีกด้วย เขาไม่เคยกินมะม่วงสดๆจากต้นเลยสักครั้ง พอได้มาลองแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน






“มะม่วงฟ้าลั่นน่ะ กรอบๆมันๆ ของโปรดรินมันล่ะ” รัชพลพูดก่อนจะส่งมะม่วงเข้าปากตัวเองบ้าง





รัชพลพาสิตางศุ์เดินไปดูสวนและผลไม้บางอย่างเมื่อให้ผลแล้วเขาก็จะให้สิตางศุ์ลองชิมดู ตาสุขก็ทิ้งให้รัชพลรับรองแขกไป และตัวเองก็ไปทำงานตามเดิม ทั้งสองคนเดินมาถึงส่วนหลังสุดของสวนที่ปลูกต้นขนุนไว้ ด้วยความที่เป็นต้นขนาดใหญ่ทำให้เป็นรั้วของสวนอีกชั้นหนึ่งได้





“ใกล้มืดแล้ว ผมว่าเรากลับกันเถอะครับคุณรัช” สิตางศุ์เอ่ยเมื่อเห็นว่าตะวันใกล้จะตกดินแล้ว และทางกลับก็ค่อนข้างลำบากในความคิดของเขา





“อืม เดี๋ยวรอแป๊บนึง จะให้ตาสุขเก็บผลไม้ให้ เอาไว้กินกัน” รัชพลบอกคนตัวเล็กก่อนจะตะโกนบอกตาสุขว่าช่วยเก็บผลไม้ให้ แล้วจึงเดินนำสิตางศุ์มารอที่ตรงกลางไร่ อันเป็นที่ที่เขาผูกม้าไว้ ตอนนี้คนงานเริ่มกลับบ้านกันแล้ว เหลือแค่ตาสุขกับเด็กหนุ่มอีกสองคนเท่านั้น





“คุณรัชครับคุณรัช ตรงนู้นมีลวดหนามโดนตัดครับ” เด็กหนุ่มตัวผอมกะหร่องหน้าคร้ามแดดวิ่งหอบมาหารัชพลที่ยืนพิงต้นมะม่วงอยู่กับสิตางศุ์





“ห๊ะ! ลวดหนามโดนตัด เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง” รัชพลขมวดคิ้วแน่น





พื้นที่ตรงนี้นั้นเป็นส่วนรอบนอกสุดของไร่น้ำริน และพื้นที่ตรงที่ติดส่วนนี้คือไร่ของชาวบ้าน ซึ่งเป็นไร่ขนาดเล็ก ต่างจากบริเวณตรงท้ายไร่ที่จะติดกับไร่เพียงระพีซึ่งเป็นพื้นที่ติดกันเกือบสามกิโลเมตร





“ลุงกิตบอกให้ตรวจดูก่อนกลับบ้านน่ะครับ ผมเพิ่งจะเจอวันนี้ อาจจะเป็นพวกเดียวกับที่ตัดสายไฟวันนั้นก็ได้” คนงานหนุ่มรายงาน





“งั้นเดี๋ยวฉันไปดู” รัชพลเริ่มตรงไปยังพื้นที่ที่คนงานพูดถึง สิตางศุ์ที่ยืนงงๆอยู่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเลยรีบตามเจ้าของไร่ไปบ้าง รวมทั้งตาสุขและคนงานอีกคนด้วย





ทั้งหมดมาถึงบริเวณที่ลวดหนามโดนตัดเกือบทั้งแถบและยังมีร่องรอยของการบุกรุกอีกด้วย รัชพลกำหมัดแน่น เขาไม่รู้ว่าไร่น้ำรินหรือคนของไร่น้ำรินไปมีปัญหากับใครไว้หรือเปล่า ถึงได้โดนอะไรแบบนี้ในช่วงนี้ แต่ที่แน่ๆ ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาบุกรุกและทำลายทรัพย์สินของไร่น้ำรินแบบนี้





เขาต้องเร่งคุยกับตำรวจคนที่เป็นเพื่อนของตะวันเสียแล้ว ปล่อยไว้แบบนี้นานเข้าจะยิ่งบานปลาย ไหนจะเรื่องของบัญชีเงินไร่น้ำรินอีก ตอนนี้บุรินทร์ยังคงให้โรจน์และพนักงานคนอื่นๆทำงานตามปกติเพื่อที่จะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกต ด้วยเรื่องที่ว่าพวกเขานั้นรู้เรื่องเงินที่หายไปแล้ว ซึ่งบัญชีนั้นทุกครั้งจะให้สิตางศุ์ตรวจดูอีกครั้งทุกรอบ





“พวกมันเป็นใครกัน” รัชพลเริ่มหงุดหงิด





“ผมก็ไม่รู้ครับนาย ปกติไม่มีใครมายุ่งตรงนี้ ลุงน้อยเจ้าของไร่ตรงนี้แกก็ย้ายไปอยู่กับลูกตั้งแต่ปีที่แล้ว ไม่มีใครมาไร่นี้นานแล้วนะครับ” คนงานคนเดิมตอบ






“แสดงว่าต้องมีคนใช้พื้นที่ตรงนี้ลักลอบเข้ามา แต่พื้นที่ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนรู้ว่าติดกับไร่ของไอ้น้อยมันนะ” ตาสุขเสนอความคิด รัชพลหันไปมองผู้อาวุโสกว่าอย่างครุ่นคิด






“แสดงว่าเป็นคนในอย่างนั้นเหรอ” นั่นคือสิ่งเดียวที่รัชพลคิดได้ตอนนี้ ในเมื่อมีแต่คนในรู้ แล้วจะเป็นใครอีกล่ะนอกจากคนของไร่น้ำรินเอง






“ฉันไม่อยู่เฉยเรื่องนี้แน่”






รัชพลกำหมัดแน่น มันชักจะมากเกินไปแล้ว และที่สำคัญเกลือก็ดันเป็นหนอนเองซะด้วย เขาต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนเรื่องจะบานปลาย และปล่อยให้คนชั่วพวกนั้นมาบุกรุกไร่น้ำรินอยู่อย่างนี้!
































หลังจากกลับมาถึงบ้านรัชพลก็รีบต่อสายหาบุรินทร์เพื่อหารือในเรื่องนี้ ส่วนสิตางศุ์นั้นก็ขึ้นไปบนห้องของตัวเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สดชื่น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่องก็พบข้อความเด้งขึ้นมามากมาย รวมทั้งสายที่ไม่ได้รับเป็นร้อยสายหลังจากที่เขาหนีออกจากบ้านมาเกือบอาทิตย์แล้ว ที่มากที่สุดคงจะเป็นย่าของเขาและภูวดลเพื่อนเพียงคนเดียวที่มีอยู่ เขาไม่ได้อยากให้ทั้งคู่เป็นห่วง แต่เขาเองก็ยังไม่อยากจะติดต่อใครในตอนนี้






‘ตาง มึงอยู่ไหน คนเค้าตามหากันทั่ว มึงมีปัญหาอะไรก็บอกกูมาสิวะ ไม่ใช่หนีหายไปแบบนี้’





‘ถ้าเปิดอ่านแล้วตอบกลับกูด้วย คุณย่าท่านเป็นห่วงมึงมาก’





‘ไอ้ตาง ไอ้เพื่อนเวร มึงหายหัวไปไหน’





สิตางศุ์ไล่อ่านข้อความต่างๆที่ภูวดลส่งมาในแอพลิเคชั่นที่ส่งข้อความคุยกันได้สะดวกที่สุด เขาแค่กดอ่านแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรเพื่อนไป ก่อนจะกดปิดเครื่องอีกครั้งแล้วเก็บโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะหัวเตียงเหมือนเดิม





ตอนนี้เหมือนเขาหนีเรื่องวุ่นวายที่กรุงเทพฯเพื่อมาเจอเรื่องวุ่นวายกว่าที่ไร่น้ำริน เพราะตอนนี้เองสถานการณ์ที่นี่ก็ใช่ว่าจะปกติดี วันดีคืนดีก็ถูกบุกรุกโดยคนแปลกหน้า รัชพลกับภุมรินก็ค่อนข้างจะเครียด เขาเลยทำได้แค่อยู่เฉยๆ และพยายามจะไม่ทำตัวเป็นภาระให้กับคนที่นี่





แต่ถ้าให้สิตางศุ์เลือก สิตางศุ์เลือกที่จะอยู่ที่นี่มากกว่าที่จะกลับบ้าน อย่างน้อยก็สบายใจกว่า เมื่อเขาพร้อมเมื่อไหร่ เขาถึงจะกลับไปเผชิญกับเรื่องที่กรุงเทพฯ









ทำไมรู้สึกว่าการเป็นสิตางศุ์นั้นมันเหนื่อยเกินไป...














****************************************************************************













มาต่อเร็ว แว้กกกกกกกกกกกกกกก ตอนนี้เหลือตุนไว้แค่ตอนเดียวแล้ว ต้องเร่งแต่ง  :o12: มีเรื่องวุ่นวายมากมาย ไหนจะเรื่องของสิตางศุ์ที่ไม่เคลียร์อีก จะเป็นยังไงต่อไปฝากติดตามด้วยนะคะ รักคนอ่านทุกท่านค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
รอติดตามตอนต่อไปอยู่ครับ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Speirmint28

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
บทที่ 6





“ตอนนี้เราให้ตำรวจมาคอยสอดส่องดูแลทุกจุดของไร่น้ำรินแล้วครับ ตอนนี้หลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะระบุได้ว่าคนร้ายคือใคร ทางตำรวจจึงทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากต้องเฝ้าดูสถานการณ์ ส่วนเรื่องที่คุณบุรินทร์ให้ผมตามคนชื่อโรจน์นั้น เมื่อวานนี้ตอนบ่ายโมงเราพบเค้ากำลังนั่งทานข้าวกับเสี่ยทรงยศที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดครับ และนี่คือรูปที่เราถ่ายมาได้”





รูปจำนวนสิบกว่าใบถูกวางตรงหน้าคนทั้งสี่ ซึ่งมีบุรินทร์ รัชพล ภุมรินและตะวัน ตอนนี้ทั้งสี่คนกำลังหารือร่วมกับเกรียงไกร นายตำรวจหนุ่มเพื่อนของตะวันที่เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ เขาได้รับแจ้งความเรื่องไร่น้ำรินมาซักพักแล้ว และยังได้ช่วยบุรินทร์ติดตามโรจน์อีกด้วย แต่โดยรวมของรูปคดีแล้วนั้น ยังถือว่าหลักฐานไม่เพียงพอที่จะเอาผิดใคร





“เสี่ยทรงยศเหรอ เสี่ยทรงยศผู้ค้ารายใหญ่ของจังหวัด เรื่องสินค้าแปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตร แล้วโรจน์ไปรู้จักเสี่ยทรงยศได้ยังไง” บุรินทร์ตั้งคำถาม เสี่ยทรงยศนั้นถือว่ามีอิทธิพลมากในจังหวัด และยังทำธุรกิจส่องออกสินค้าแปรรูปรายใหญ่อีกด้วย โรจน์นั้นเป็นเพียงแค่พนักงานบัญชีจากอีกจังหวัดหนึ่งที่เพิ่งมาทำงานในไร่น้ำริน และอยู่ๆจะไปรู้จักกันได้ยังไง เรื่องนี้ทำให้เขางงไม่น้อย





“เรื่องนี้เราต้องตามสืบกันอีกทีครับ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ผมกำลังสงสัยว่าเสี่ยทรงยศเองก็น่าจะมีส่วนร่วมกับเรื่องที่ไร่น้ำรินโดนตัดสายไฟและรั้วหนาม รวมไปถึงคนที่มาวนเวียนไร่ในช่วงนี้ด้วย” เกรียงไกรพูดต่อ นั่นยิ่งทำให้ทั้งหมดขมวดคิ้ว





“ยังไง” รัชพลถาม เขาไม่เข้าใจว่าเสี่ยทรงยศจะมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง





“ช่วงนี้ไร่น้ำรินได้มีการส่งออกองุ่นแปรรูปและไวน์องุ่นเข้าไปตีตลาดเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นตลาดเดิมของเสี่ยทรงยศ ทำให้กำไรที่ได้มานั้นลดน้อยลงไปมาก และอีกอย่าง ไร่น้ำรินก็เป็นไร่ที่ใหญ่การที่เสี่ยทรงยศจะทำการอุกอาจเหมือนที่ทำกับไร่สวนเล็กๆนั้นทำไม่ได้อยู่แล้ว จึงใช้วิธีก่อกวน และไม่แน่โรจน์เองก็อาจจะถูกส่งเข้ามาเพื่อการนี้อีกด้วย แต่นี่ก็เป็นเพียงข้อสันนิฐานครับ ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมอีกที แต่ที่สำคัญกว่าคือยิ่งเราสืบค้นมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งพบว่าเสี่ยทรงยศเป็นคนอยู่เบื้องหลังของขบวนการค้าไม้ที่ทางการกำลังกวาดล้างตอนนี้”





คำบอกเล่าของเกรียงไกรทำให้ทั้งหมดหน้าเครียด เรื่องมันชักจะบานปลายแล้ว ไม่ใช่เรื่องเล่นๆที่ไร่น้ำรินจะจัดการเองได้ ทุกคนในจังหวัดนี้รู้ว่าเสี่ยทรงยศมีอิทธิพลมาแค่ไหน และการเป็นอริกับเสี่ยทรงยศนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก





“แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมเป็นคนรับผิดชอบคดีนี้ ผมจะจัดการให้ ส่วนไร่น้ำรินผมจะให้ตำรวจมาคอยดูแลด้วยครับ ช่วงนี้ไร่น้ำรินเองก็ต้องคอยระวังด้วย เพราะไม่รู้ว่าพวกนั้นจะมาไม้ไหนอีก” เกรียงไกรสรุปปิดท้ายก่อนจะปิดแฟ้มทั้งหมดลง





“ขอบคุณมากครับคุณตำรวจ ทางเราจะระวังตัวให้มากขึ้น” บุรินทร์พูด





“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ พอดีมีงานต่อ มีปัญหาอะไรบอกตะวันมาก่อนก็ได้ เพราะเราติดต่อกันตลอด” เกรียงไกรลุกขึ้นพร้อมหอบเอกสารทั้งหมดไว้เต็มสองมือ





“ครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ” บุรินทร์ยื่นมือไปจับกับนายตำรวจหนุ่มก่อนจะเดินไปส่งที่หน้าบ้าน





เมื่อเกรียงไกรกลับไปพร้อมกับตะวันแล้วสามพ่อลูกก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเสียแล้ว เรื่องนี้ถ้าไม่จัดการเสี่ยทรงยศเห็นทีจะไม่จบง่ายๆ บุรินทร์เองก็ยังเป็นกังวลไม่น้อย





“รัช ดูแลไร่แทนพ่อด้วยนะ พ่อจะรีบเคลียร์งานแล้วกลับมาอยู่ไร่ซักพักจนกว่าเรื่องจะจบ ส่วนเรานะริน ระวังตัวเองด้วย ถ้าไปข้างนอกก็อยู่ใกล้ๆตะวันไว้ เพราะเราไม่รู้ว่าพวกนั้นจะมาไม้ไหน” บุรินทร์สั่งลูกชาย ตอนนี้ไม่ใช่แค่ไร่น้ำริน ความปลอดภัยของคนในไร่น้ำรินก็สำคัญเช่นกัน





รัชพลและภุมรินตอบตกลงบิดาก่อนที่บุรินทร์จะลุกขึ้นไปข้างบนบ้านทิ้งให้สองพี่น้องนั่งมองตากันอยู่สองคน ทั้งรัชพลและภุมรินก็กังวลไม่ต่างกัน





“งั้นรินไปดูไร่ก่อนนะพี่รัช พี่ตางยังอยู่เหนือไร่ใช่มั้ย” ภุมรินถามพี่ชาย เพราะตอนเช้านั้นสิตางศุ์ออกไปสำนักงานที่เหนือไร่พร้อมกับรัชพล รัชพลเพิ่งจะกลับมาเพราะว่าตะวันพาเกรียงไกรมาคุยด้วยนี่แหละ






“อืม พี่ก็ว่าจะกลับไปอยู่เหมือนกัน” รัชพลเตรียมหยิบเสื้อหยิบหมวกออกมาเพื่อที่จะเข้าไปทำงานเช่นเดียวกับภุมริน





ภุมรินพยักหน้าก่อนจะเดินออกไปก่อนพี่ชาย รัชพลเองก็แยกย้ายไปทำงานของตัวเอง เขาเดินไปขึ้นรถกระบะคันเดิมที่ขับมาจากเหนือไร่ก่อนจะสตาร์ทรถเพื่อมุ่งสู่สำนักงานของไร่ที่ไกลออกไป





เมื่อมาถึงก็พบว่าสิตางศุ์นั้นไม่ได้อยู่ที่ห้องทำงาน มีเพียงเสื้อคลุมและหมวกพร้อมเอกสารกองใหญ่ที่ตั้งอยู่เท่านั้น เมื่อหาข้างนอกก็ไม่เจอเช่นเดียวกัน





“ก้อง ไอ้ก้อง ไอ้ก้องโว้ย” ตะโกนหาคนงาน





“ครับนายครับ มาแล้วครับ” เด็กก้องวิ่งหืดหอบมายืนตรงหน้ารัชพล





“คุณสิตางศุ์ไปไหน ทำไมไม่อยู่ในห้อง”





“อ๋อ คุณตาง ผมเห็นไปกับหมอชาญที่ท้ายสำนักงานนู่นน่ะครับ” ก้องรายงานตามที่พบเห็นให้เจ้านายตัวใหญ่ทราบ รัชพลขมวดคิ้วมุ่น





หมอชาญในที่นี้คือเชี่ยวชาญเป็นสาธารณสุขของไร่ คนงานในไร่มักเรียกติดปากว่าหมอชาญ แต่ประเด็นคือหมอชาญคนนี้ไม่ได้ทำงานอยู่บริเวณนี้ แล้วทำไมถึงมาที่นี่ได้ และสิตางศุ์ก็ยังตามไปอีก สองคนนี้รู้จักกันตอนไหน รัชพลไม่เข้าใจ





เมื่อไม่เข้าใจก็ต้องเดินตามไปดู เจ้าของไร่น้ำรินเดินหน้าเคร่งไปหลังสำนักงานตามที่ก้องบอก และเขาก็พบว่าสิตางศุ์ผู้ทำหน้านิ่งตลอดเวลาตอนนี้กำลังหัวเราะร่วนอยู่กับสาธารณะสุขประจำไร่อย่างเชี่ยวชาญโดยมีหมาสีขาวขนฟูอยู่ด้วย ถ้าจำไม่ผิดนั่นเป็นหมาของก้องที่เก็บมาเลี้ยงเมื่อหลายปีก่อน






“ช่วงนี้อย่าให้มันเดินมากเป็นพอครับ ถ้าบอกก้องคงไม่ฟังแน่ๆ รายนั้นชอบพาหมาไปวิ่งเล่น” เชี่ยวชาญพูดพร้อมกับพันผ้าผืนเล็กที่ขาหน้าของหมาขนฟูนั้น





“ไม่รู้ว่าผมจะทำงานที่นี่อีกกี่วัน แต่ช่วงนี้จะคอยดูแลมันให้ครับ” สิตางศุ์พูดพร้อมกับช้อนสายตามองเชี่ยวชาญ ไม่รู้ว่าเขาจะได้มาสำนักงานนี้อีกกี่วัน แต่ช่วงที่ทำงานที่นี่ก็จะช่วยดูเจ้าด่างให้





หมาด่างนี้เป็นหมาของเด็กก้องที่กิตเป็นคนบอกว่าก้องเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก และวันนี้เจ้าด่างมันก็ดันไปนอนอยู่ใต้ท้องรถของไร่น้ำริน คนงานไม่เห็นเลยเหยียบขาไปเต็มๆ เจ้าหมาขี้เซาตัวนี้จึงต้องใส่เฝือกไว้ที่ขา และคนที่มาทำก็ไม่ใช่ใคร หมอชาญของคนในไร่นั่นเองที่ดูแลทั้งคนทั้งหมา





และที่สิตางศุ์ต้องรับอาสาดูแลเจ้าด่างนั้นก็เป็นเพราะว่าเขาเป็นคนเจอไอ้ด่างนอนร้องอยู่และมีคนงานกำลังโทรเรียกกิตให้มาดูมันเพราะก้องไม่อยู่บริเวณนั้น และเมื่อหมอชาญมาก็ดันคุยเข้ากันเสียนี่ ไปๆมาๆกลายเป็นว่ากิตยกเจ้าด่างที่อยู่ในมือหมอชาญให้เขาดูแลอย่างเต็มที่ ซึ่งตรงบริเวณหลังสำนักงานนี้ก็เป็นที่หลับที่นอนของเจ้าด่างมันล่ะ





“เสร็จแล้วครับ ดีนะที่ด่างมันยังไม่แก่ ไม่อย่างนั้นลำบากกว่านี้” คุณหมอพูด





หมอชาญนั้นเป็นคนกรุงเทพฯ เขามีลักษณะสุภาพ ด้วยผิวขาวกว่าคนทั่วไปในไร่และกรอบแว่นสีทองที่ชอบสะท้อนแสงแดดของไร่น้ำรินประจำทำให้เขาดูภูมิฐานและเป็นที่รักของเล่าบรรดาคนงานสาวๆรวมไปถึงรุ่นป้าๆอีกด้วย และการที่มาเจอคนกรุงด้วยกันอย่างสิตางศุ์นั้นทำให้คุยกันค่อนข้างถูกคอ ถือว่าเขาได้เพื่อนใหม่ในไร่อีกหนึ่งคน





“หมอชาญ วันนี้ทำไมมาที่นี่ได้ ทุกทีเห็นอยู่กลางไร่นู่น” รัชพลที่ยืนมองอยู่นานทักขึ้นพร้อมกับเดินมาหาทั้งสองคน เสียงนั้นทำให้เชี่ยวชาญและสิตางศุ์ลุกขึ้นพร้อมกันและหันไปมองผู้มาใหม่





“พอดีเจ้าด่างมันโดนรถทับขาน่ะครับเลยมาดูให้” เชี่ยวชาญตอบพร้อมกับรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคุณหมอประจำไร่





“อ้อ... เหรอครับ แล้วคุณสิตางศุ์ล่ะครับ งานเสร็จรึยังถึงได้มีเวลาว่างมากวนหมอชาญเค้าน่ะ” รัชพลจ้องไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเชี่ยวชาญ สิตางศุ์เองก็มองกลับ





“ผมทำงานเสร็จหมดแล้วครับ คุณรัชพลไม่ต้องเป็นห่วง และอีกอย่างมันก็ใกล้จะหมดเวลางานแล้วด้วย” สิตางศุ์พูด เขาทำงานเสร็จตั้งนานแล้ว และกว่ารัชพลจะกลับมาที่นี่ก็ใกล้เวลาเลิกงานมากแล้วด้วย ตอนแรกเขาจะขอติดรถคุณหมอกลับด้วยซ้ำเพราะไม่คิดว่ารัชพลจะกลับมาที่สำนักงานอีก





“ใกล้จะหมด แต่ก็ยังไม่หมดนี่ครับ” รัชพลเถียงกลับทำเอาสิตางศุ์มองคนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ





“เอ่อ... ผมว่าเราเข้าไปข้างในดีกว่าเนอะ ให้เจ้าด่างมันได้พักผ่อน” เชี่ยวชาญพยายามพูดไกล่เกลี่ยเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ปกติเสียแล้ว





“ดีครับ อ้อ... เดี๋ยวผมขอติดรถคุณหมอกลับด้วยได้มั้ยครับ” สิตางศุ์เบนความสนใจมาที่เชี่ยวชาญแทน และขอติดรถกลับด้วย ขืนไปกับรัชพลเขาคงต้องมีเรื่องให้ทะเลาะกับเจ้าของไร่คนนี้อีกแน่ๆ





“จะไปรบกวนหมอชาญเค้าทำไม ผมก็จะกลับบ้านอยู่แล้ว รบกวนหมอชาญต้องวนไปส่งอีก” รัชพลขัด ที่เขาพูดนั้นมันก็จริง กว่าเชี่ยวชาญจะไปส่งที่บ้าน กว่าจะวนไปบ้านพักของเชี่ยวชาญที่อยู่เกือบจะท้ายไร่ สู้กลับกับเขาเลยไม่ง่ายกว่าเหรอ





สิตางศุ์ได้แต่มองหน้ารัชพลอย่างไม่พอใจ เขาเถียงไม่ได้เพราะมันคือเรื่องจริง แต่ใครจะอยากนั่งรถกลับกับรัชพลกันเล่า พูดจาไม่เข้าหูแบบนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะภุมรินล่ะก็ เขาเองก็ไม่อยากจะมาทำงานร่วมกับพี่ชายของภุมรินคนนี้เท่าไหร่หรอก คนอะไร ท่าทางไม่เป็นมิตร





“ไม่รบกวนหรอกครับ ผมจะได้แวะไปหาป้าจันด้วย เห็นป้าจันฝากน้ำพริกลงเรือให้แม่ครัวที่ไร่มาให้ผมบ่อยๆ ว่าจะไปขอบคุณแกเสียหน่อย” เชี่ยวชาญยังคงยิ้มให้กับทั้งคู่ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนกลางที่ต้องคอยไกล่เกลี่ยให้ทั้งคู่ ปกติแล้วนั้นรัชพลเป็นคนพูดจาห่ามๆอยู่แล้ว เมื่อมาเจอสิตางศุ์ที่ดูเหมือนจะไม่ใช่คนโอนอ่อนผ่อนตามใครมาก จึงทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น





“ดีเลยครับ ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณหมอด้วยนะครับ หมดเวลางานพอดี ผมขอตัวไปเก็บของก่อน เดี๋ยวเราไปกันเลย” สิตางศุ์ยกมือขึ้นดูนาฬิกาก็พบว่าหมดเวลางานพอดี แล้วยังขอตัวไปเอาของในสำนักงานอีก





รัชพลมองอย่างไม่พอใจ การทำแบบนี้เหมือนเป็นการหยามหน้าเขาต่อหน้าเชี่ยวชาญชัดๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้แต่มองตามคนตัวเล็กที่เดินผ่านไปอย่างไม่ใยดี เหอะ... มันน่านัก





ไม่มีตอนไหนที่รัชพลรู้สึกเสียหน้ามากเท่าตอนนี้เลย









เป็นอันว่าสุดท้ายแล้วสิตางศุ์ก็กลับพร้อมกับเชี่ยวชาญโดยมีรัชพลขับรถตามมาห่างๆ ในตอนแรกนั้นเขากะว่าจะอยู่ที่สำนักงานต่อ แต่คิดไปคิดมากลับเลยก็ดี ทั้งๆที่ไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ เขาแค่เซ็งก็เท่านั้น ถ้าถามว่าเซ็งอะไรก็คงเป็นคนที่นั่งหัวเราะไปกับหมอชาญนั่นแหละ กล้าดียังไงมาทำเมินเขา สิตางศุ์นะสิตางศุ์





เมื่อรถทั้งสองคันมาจอดไล่ๆกันที่หน้าบ้าน เชี่ยวชาญกับสิตางศุ์ก็ลงจากรถมาก่อนแล้วจึงตามด้วยรัชพล สิตางศุ์พูดขอบคุณเชี่ยวชาญก่อนที่เชี่ยวชาญจะขอตัวไปหาป้าจันอย่างที่พูดไว้ ทิ้งให้สิตางศุ์อยู่รับหน้าเจ้าของไร่ที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่คนเดียว





ร่างเล็กกำลังจะเดินตามเชี่ยวชาญเข้าบ้านไปแต่ก็ต้องชะงักเมื่อรัชพลมาเดินขวางหน้าไว้





“อะไรของคุณ คุณรัชพล” สิตางศุ์ถาม อะไรของรัชพลอีก เป็นบ้าหรืออย่างไรกัน





“คุณนั่นแหละ ทำไมไม่กลับพร้อมผม”  รัชพลเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงคิดว่าสิตางศุ์หักหน้าตัวเอง ทั้งๆที่มันก็แค่เรื่องกลับไม่กลับด้วยกันก็แค่นั้น อาจจะเป็นเพราะว่าถูกกรอกหูจากเด็กในไร่เรื่องที่หมอชาญนั้นหล่อกว่าเขาก็เป็นได้ เวลามีคนเลือกหมอชาญมากกว่าเขา ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองแพ้ยังไงอย่างนั้น





“ผมจะกลับพร้อมใครมันก็เรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ” สิตางศุ์จ้องคนตรงหน้าเขม็ง จะอะไรกันนักหนา เขาไม่เข้าใจรัชพล





“เกี่ยวสิ ผมเป็นเจ้าของไร่ และเป็นเจ้านายคุณด้วย”





“ไม่ทราบว่าการกลับพร้อมเจ้าของไร่มันอยู่ในกฎข้อไหนของงานครับ” ให้ตายเถอะ เกิดมาสิตางศุ์ยังไม่เคยเถียงใครเป็นวรรคเป็นเวรขนาดนี้มาก่อนเลย





“ไม่มีกฎข้อไหน แต่คุณต้องกลับกับผม” รัชพลรู้สึกตัวเองเหมือนเด็กงี่เง่าที่เถียงข้างๆคูๆเสียอย่างนั้น





“คุณรัช คุณมันไม่มีเหตุผล” สิตางศุ์เบือนหน้าหนีไม่คุยด้วย ก่อนจะเดินหนีอีกคน





“จริงๆแล้วก็ชอบหมอชาญใช่มั้ยล่ะ หมอชาญออกจะหล่อขนาดนั้น” คำพูดของรัชพลทำให้คนที่กำลังเดินหนีต้องหยุดชะงัก





“คุณพูดบ้าอะไรของคุณน่ะคุณรัชพล”





สิตางศุ์ไม่รู้ว่ารัชพลพูดบ้าอะไร แต่ที่แน่ๆตอนนี้เขาโกรธรัชพลเข้าแล้ว เขาเนี่ยนะจะชอบหมอชาญ บ้าไปแล้ว เขาเป็นผู้ชายนะ จะไปชอบหมอชาญแบบนั้นได้ยังไง





รัชพลจะหาว่าเขาเป็นเกย์อย่างนั้นเหรอ







************************************************************************************








มาต่อแล้วจ้าตอนที่หก อิอิ  :katai2-1: ตอนนี้พระนายทะเลาะกันเบาๆ อิพี่รัชก็ปากน้องหมาจนสิตางศุ์รับไม่ได้ แหม่... แล้วจะเป็นยังไงล่ะเนี่ย  :katai5: ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ รักคนอ่านทุกท่านค่ะ    :katai4:
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2016 02:58:37 โดย Speirmint28 »

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ไม่ค่อยเลยนะพี่รัชออกหน้าออกตาเกินไปป่าว

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
แหม่ๆๆ พี่รัชเริ่มออกอาการ หึงหรอจ๊ะ 5555

กระซิบคนเขียน >>“ช่วงนี้ไร่น้ำรินได้มีการส่องออกองุ่นแปรรูปและไวน์องุ่นเข้าไปตีตลาดเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นตลาดเดิมของเสี่ยทรงยศ ทำให้กำไรทีได้มานั้นลดน้อยลงไปมาก และอีกอย่าง ไร่น้ำรินก็เป็นไร่ที่ใหญ่การที่เสี่ยทรงยศจะทำการอุกอาจเหมือนที่ทำกับไร่สวนเล็กๆนั้นทำไม่ได้อยู่แล้ว จึงใช้วิธีก่อกวน และไม่แน่โรจน์เองก็อาจจะถูกส่งเข้ามาเพื่อการนี้อีกด้วย แต่นี่ก็เป็นเพียงข้อสันนะฐานครับ

รัชพลและภุมรินตอบตกลงบิดาก่อนที่บุรินทร์จะลุกขึ้นไปข้างบนบ้านทิ้งให้สองพี่น้องนั่งมองตากันอยู่สองคน ทั้งรัชพลและภุมรินก็กังกลไม่ต่างกัน

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ขุ่นรัช หึงก็บอกกก ถถถถถ

เข้ามาติดตามจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1

ออฟไลน์ fdcjsy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ Speirmint28

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
บทที่ 7




 
“คุณพูดบ้าอะไรของคุณน่ะคุณรัชพล” สิตางศุ์ยืนจังก้ามองคนตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์





“ก็มันจริงมั้ยล่ะ เห็นตามหมอชาญต้อยๆ ทั้งๆที่เพิ่งเจอกัน ทำไม ติดใจความหล่อของหมอชาญมากรึไง”





“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะคุณรัชพล เกิดมายังไม่เคยเจอใครที่มีความคิดทุเรศเท่าคุณเลย” สิตางศุ์กำหมัดแน่น ตอนนี้เขาโมโหแน่แล้ว





มาพูดเหมือนเขาตามหมอชาญเพราะชอบความหน้าตาดีของหมอชาญอย่างนั้นเหรอ ทำอย่างกับว่าเขาเป็นพวกที่ชอบตามคลั่งคนหล่อจนตามติดเค้าต้อยๆ รัชพลพูดแบบนี้ไม่ให้เกียรติเขาเลย และอีกอย่างนะ เขาไม่ได้คิดกับหมอชาญแบบนั้น แน่ล่ะ ใครก็อยากจะเสวนากับคนที่สุภาพมากกว่าคนห่ามๆพูดจามะนาวไม่มีน้ำแบบรัชพลทั้งนั้น ไหนจะนิสัยที่ไม่เกรงใจใครนั่นอีก ตอนประถมไม่เคยเรียนมารยาทขั้นพื้นฐานมาหรืออย่างไรกัน





“ไม่ให้ผมคิดอย่างนี้แล้วจะให้ผมคิดยังไง เห็นคนในไร่ใครๆก็ชอบหมอชาญเพราะหล่อทั้งนั้น” รัชพลก็ยังคงตีหน้ามึนพูดปาวๆต่อ ไม่สนใจว่าคนตัวเล็กจะโกรธหน้าแดงอยู่





“ฟังนะคุณรัชพล” สิตางศุ์สูดหายใจเข้าปอดเพื่อนระงับอารมณ์ที่ครุกรุ่น “ที่ทุกคนชอบหมอชาญเพราะคุณหมอเป็นคนดีและมีมารยาท พูดจาสุภาพ อ่อนน้อม ใครจะเหมือนคุณ พูดจาไม่เข้าหู และยังทำตัวกร่างไปเรื่อย หัดไปเรียนมารยาทพื้นฐานกับหมอชาญมาบ้างก็ดีนะ และที่สำคัญ ผมจะบอกอะไรให้นะ หมอชาญน่ะ เค้าดูดีกว่าคุณอย่างที่คนในไร่พูดนั่นแหละ” สิตางศุ์ร่ายยาวก่อนจะหมุนตัวเดินโมโหเข้าไปในบ้าน






ทิ้งให้เจ้าของบ้านอย่างรัชพลมองตามพร้อมกับอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออก เมื่อเจอประโยคตรงๆของสิตางศุ์ทำเอารัชพลไปไม่เป็นเหมือนกัน ให้ตายเถอะ นี่เขายังเป็นเจ้าของไร่ที่สิตางศุ์มาอาศัยอยู่รึเปล่าเนี่ย ทำไมสิตางศุ์ถึงกล้ามาว่าเขาปาวๆอย่างนี้





แต่สิ่งที่เขารับไม่ได้มากที่สุดคือการที่สิตางศุ์มาบอกว่าหมอชาญดูดีกว่าเขา เขารู้ว่ามันเป็นความจริง แต่ก็ไม่น่าจะพูดกันตรงขนาดนี้ เจ้าของไร่หน้าดำ วันๆสนแต่ไวน์อย่างเขา จะไปสู้คุณหมอหน้าใสจากเมืองกรุงได้ยังไงล่ะ เฮอะ... ปากก็บอกไม่ได้ชอบๆ แต่ก็แอบชมหมอชาญลึกๆอยู่ในใจ ยิ่งคิดรัชพลยิ่งไม่สบอารมณ์ เลยทำได้แค่เดินฟึดฟัดไปทางโรงบ่ม ทำไมใครๆต้องมองว่าหมอชาญหล่อกว่าเขาทุกที



















ทางด้านสิตางศุ์ที่โมโหหน้าแดงเข้ามาในบ้านก็เจอกับป้าจันที่กำลังจัดเรียงผลไม้ใส่ตะกร้าให้หมอชาญซะเต็มที่ เขาพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ ไม่อยากจะเอาเรื่องที่โมโหรัชพลมาลงกับคนอื่น





“มาพอดีเลยค่ะคุณสิตางศุ์ แล้วคุณรัชล่ะคะ เห็นหมอชาญบอกว่ามาด้วยกัน” ป้าจันถาม





“ไม่ทราบครับ พอดีแยกกัน” สิตางศุ์ไม่รู้ว่ารัชพลไปไหนจริงๆนั่นแหละ และก็ไม่อยากจะใส่ใจด้วย





“อ้าว ไม่เป็นไรค่ะ ป้าถือโอกาสชวนหมอชาญเองเลยดีกว่า” ป้าจันเรียงผลไม้ในตะกร้าเสร็จก็หันมาหาเชี่ยวชาญที่ยืนอยู่ไม่ไกล





“มีอะไรเหรอครับป้าจัน จะชวนผมไปไหนเหรอครับ” เชี่ยวชาญถามด้วยความฉงน สิตางศุ์ที่ยืนฟังอยู่ก็อยากรู้เช่นเดียวกัน





“มะรืนนี้วันเกิดคุณรัชน่ะค่ะ ป้าเลยจะถือโอกาสชวนคุณหมอเลย เนี่ย... คุณรินเค้าให้ป้ากับพวกเด็กๆเตรียมจัดงานแล้ว นายใหญ่เองก็จะกลับมาด้วย งานวันเกิดคุณรัชเมื่อก่อนนี่จัดทุกปี พอคุณเค้าไปเรียนเมืองนอกเมืองนากลับมาก็เพิ่งจะมาจัดปีนี้ปีแรกเนี่ยแหละค่ะ คุณรินเห็นว่าครบเบญจเพสพอดีเลยให้จะจัดให้พี่ชายเธอ” ป้าจันร่ายยาวถึงที่มาที่ไปที่ภุมรินได้สั่งเธอไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน พอดีมีเรื่องวุ่นวายในไร่เลยยังไม่ได้บอกให้ใครรู้มากนัก แม้แต่รัชพลเองก็ยังยุ่งจนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเค้า ทั้งๆที่เป็นวันเกิดตัวเอง





สิตางศุ์ที่ฟังอยู่ก็งงเล็กน้อย เรื่องที่รัชพลไปเรียนเมืองนอก อย่างรัชพลที่นิสัยเหมือนคนป่าคนเขาเนี่ยนะจะได้รับการศึกษาจากเมืองนอกเมืองนา สิตางศุ์ไม่อยากจะเชื่อ มารยาททรามอย่าบอกใครเชียว





แต่ถ้าที่ไร่มีงานก็น่าจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่น้อย แม้จะเป็นงานวันเกิดของรัชพลก็เถอะ ปีนี้ครอบยี่สิบห้าแสดงว่าเป็นพี่เขาเกือบปี เพราะสิตางศุ์เพิ่งจะครบยี่สิบสี่เมื่อสองเดือนก่อน ถึงจะอายุมากกว่า แต่สิตางศุ์มั่นใจว่าวุฒิภาวะของเขานั้นมากกว่ารัชพลแน่นอน





“ได้สิครับ ผมมาอยู่แล้ว ว่าแต่เจ้าตัวไม่ได้ชวนเองแบบนี้จะไม่เป็นอะไรเหรอครับ” เชี่ยวชาญถามอย่างไม่แน่ใจ





“โอ้ย... คุณรัชน่ะไม่สนใจว่าใครจะมาหรอกค่ะ ทุกปีป้ากับคุณรินก็จัดการให้ทั้งนั้น ส่วนใหญ่ก็คนรู้จักกันนี่แหละค่ะ”





“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา เอาไว้มะรืนนี้ผมจะมาร่วมงานด้วยก็แล้วกันครับ” หมอชาญตอบอย่างยิ้มๆ





ไม่นานคุณหมอประจำไร่ก็ขอตัวกลับ สิตางศุ์จึงขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง รอภุมรินกับรัชพลกลับเข้าบ้านแล้วค่อยลงไปทานข้าวเย็นอย่างทุกวัน





เมื่ออยู่คนเดียวก็ทำให้เขานึกถึงเรื่องของตัวเองอีกแล้ว ความจริงแล้วนั้นเขาเองก็ห่วงความรู้สึกของย่าตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าเขากลับบ้านไปตอนนี้ ไม่แคล้วที่จะต้องไปเจอปัญหาเดิมๆอีกแน่ ปัญหาที่เขาต้องทนมาตั้งแต่เด็ก






15 ปีก่อน





“ฉันจะเอาลูกไปอยู่ด้วย สิตางศุ์เป็นลูกของฉัน” ร่างเพรียวระหงส์ที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์ดังตั้งแต่หัวจรดเท้าเชิดหน้าขึ้น





“ไปอยู่กับคุณ แล้วลูกก็ต้องอยู่กับไอ้ชู้พวกนั้นของคุณน่ะเหรอ ผมถามจริงๆนะมินตราคุณไม่ละอายบ้างหรือไง” เสียงตลาดของชายคนหนึ่งดังขึ้น ทำเอาเด็กน้อยที่เกาะอยู่ตรงขอบประตูสะดุ้งเล็กน้อยและเริ่มน้ำตาปริ่ม





“ก็ยังดีกว่าอยู่กับคุณแล้วกัน วันๆเอาแต่ทำงาน ไม่สนใจลูกเมีย”





“ฮึก... ฮือออออออ” เสียงร้องไห้จ้าของเด็กน้อยดังขึ้นจนทั้งสองคนหันไปมอง เป็นอนันต์ก่อนที่พุ่งเข้าไปหาลูกน้อยแล้วอุ้มขึ้นเพื่อปลอบ





“สิตางศุ์ไปอยู่กับแม่” มินตราเดินเข้าไปจับแขนข้างหนึ่งของสิตางศุ์ไว้





“ผมไม่ให้เอาไป คุณกลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะมินตรา” อนันต์ตลาดเสียงกร้าวพร้อมกระชากมือของภรรยาออกจามือของสิตางศุ์





“คุณอนันต์!” มินตราตะโกนกลับ ยังไงวันนี้เธอก็จะต้องเอาลูกกลับไปให้ได้





“ผมไม่มีทางให้สิตางศุ์ไปอยู่กับคุณแน่นอน ถ้ายังไม่จบก็ไปเจอในชั้นศาลได้เลย” อนันต์พูดแค่นั้นก่อนจะอุ้มสิตางศุ์เดินหนีไป ทิ้งให้มินตรายืนกรีดร้องอยู่คนเดียว





“คอยดูนะคุณอนันต์ ฉันจะไม่มีทางยอมคุณแน่นอน ยังไงซะลูกต้องอยู่กับฉัน!” ตะโกนก้องไปทั่วบ้านหลังใหญ่ แต่กลับไม่มีใครสนใจเธอ





มีเพียงสิตางศุ์ที่มองผู้เป็นแม่ด้วยน้ำตาท่วมหน้า นี่คือปัญหาที่เด็กชายสิตางศุ์ต้องพบเจอตั้งแต่จำความได้













สิตางศุ์เผลอหลับไปก่อนจะสะดุ้งตื่นด้วยคราบน้ำตาเมื่อมีเสียงเคาะประตู ร่างบางงัวเงียก่อนจะเช็ดน้ำตาลวกๆ เมื่อเปิดประตูก็พบภุมรินยืนอยู่ข้างหน้าห้องด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม





“พี่ตางไปทานข้าวได้แล้วครับ รินไม่เห็นพี่ลงมาซักทีเลยมาเรียก” ภุมรินกล่าว สิตางศุ์รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ต้องให้เจ้าของบ้านมาเรียกแบบนี้ จึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆให้ไป





“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ตามลงไปนะ ขอล้างหน้าแป๊บนึง พอดีเผลอหลับไปน่ะ” บอกรุ่นน้องไปอย่างนั้น ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปได้อย่างไรเหมือนกัน





“ได้ครับ รีบๆตามลงไปนะ พี่รัชบ่นหิวจะแย่แล้ว” ภุมรินพูดติดตลก นั่นยิ่งทำให้สิตางศุ์รู้สึกไม่ดีที่ต้องให้ใครมาหิ้วท้องรอ ถึงแม้จะเป็นรัชพลที่เขาเพิ่งจะไปลับฝีปากมาด้วยก็ตามที





ภุมรินลงไปข้างล่างแล้ว สิตางศุ์ก็รีบจัดการธุระส่วนตัวแล้วรีบลงไปร่วมโต๊ะกับเจ้าของบ้านข้างล่าง ซึ่งมีแค่รัชพลกับภุมรินเหมือนเช่นทุกวัน ส่วนคุณบุรินทร์นั้นยังไม่กลับ เขาเพิ่งเคยเจอหน้าบิดาของทั้งสองคนแค่ครั้งเดียว แต่ก็ยังไม่เคยได้คุยหรือแนะนำตัวอะไร ทั้งๆที่อยู่บ้านเค้ามาหลายวันแล้ว ด้วยความที่บุรินทร์นั้นเป็นคนงานเยอะเลยไม่ค่อยได้กลับไร่น้ำรินเท่าไหร่





“มาพอดีเลยพี่ตาง เรากำลังคุยเรื่องวันเกิดพี่รัชมะรืนนี้ ว่าจะจัดลานหน้าบ้านน่ะ” ภุมรินพูดขึ้นเมื่อสิตางศุ์นั่งลงเรียบร้อย





“อื้ม...” สิตางศุ์ไม่รู้จะพูดอะไร ยิ่งเป็นเรื่องของรัชพลแล้วด้วยนั้นเขายิ่งเงียบ เขายังเคืองรัชพลเรื่องตอนเย็นอยู่เลย






รัชพลหันไปมองร่างบางที่นั่งข้างๆภุมริน ก่อนจะก้มหน้าลงกินข้าว รู้อยู่แก่ใจว่าสิตางศุ์นั้นโกรธเขาแน่แล้ว แต่มันก็น่าพูดมั้ยล่ะ แต่เขาเองก็ยังโกรธตัวเองอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ที่พูดเหมือนดูหมิ่นสิตางศุ์แบบนั้น ดูเหมือนว่าคนตัวบางจะผู้ดีเกินกว่าที่จะรับคำพูดขวานผ่าซากของเขาได้





“รินให้ป้าจันเตรียมอาหารไว้แล้ว คราวนี้ว่าจะให้คนงานมาร่วมด้วย ตั้งแต่กลับมาเพิ่งจะจัดครั้งแรก พ่อก็จะกลับบ้านด้วย งานนี้ไวน์ของพี่รัชถูกเอามาเปิดเยอะแน่ๆ” ภุมรินยังคงพูดเจื้อยแจ้วโดยที่ไม่สังเกตถึงบรรยากาศอันแสนอึมครึมของผู้ร่วมโต๊ะอาหารทั้งสองคน





สิตางศุ์และรัชพลได้แต่นิ่งเงียบ ตอบคำถามของภุมรินบ้างพอเป็นพิธี กว่าจะผ่านมื้ออาหารมาได้สิตางศุ์ก็อึดอัดจนอยากจะลุกหนีไปหลายสิบรอบ





เมื่อทานอาหารเสร็จภุมรินก็เดินไปเปิดโทรทัศน์ดูกับพวกแม่บ้านที่กำลังรอดูละครหลังข่าว สิตางศุ์ที่เพิ่งตื่นไม่นานก็ยังไม่อยากขึ้นไปบนห้องจึงเดินออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้าน





เก้าอี้ไม้ตั้งอยู่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านถูกสิตางศุ์จับจองเป็นที่นั่ง เมื่อนึกถึงเรื่องที่บ้านแววตาของสิตางศุ์ยิ่งหม่นลง เขาจะทำยังไงดี จะทำอย่างไรดี ถ้ากลับบ้านตอนนี้ไม่แคล้วต้องเจอปัญหาเดิมๆ และคราวนี้มันหนักเกินกว่าจะรับ หากคุณหญิงพิมล ย่าของเขารู้เรื่องนี้รับรองไม่อยู่เฉยแน่ เขาเองก็ไม่กล้าที่จะพูด แต่ที่แน่ๆเขารู้สึกผิดหวังกับมารดาของตัวเองอย่างมาก และที่ยังไม่อยากจะพูดจะบอกใครเพราะกลัวว่ามารดาของเขาเองจะเสียใจ





ดวงตากลมมองไปบนฟ้าที่มีดวงดาวกำลังอวดแสงกันมากมาย ท้องฟ้าของที่นี่มืดจนเห็นดาว ต่างจากในเมืองใหญ่ที่สิตางศุ์ใช้ชีวิตอยู่มาตั้งแต่เกิด ที่นี่ทำให้จิตใจเขาสงบ ถ้าไม่รวมเรื่องของรัชพลน่ะนะ





“ยังโกรธผมอยู่รึไง” เมื่อนึกถึงอีกคน อีกคนก็มา สิตางศุ์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรัชพลมานั่งข้างๆพร้อมกับยื่นไวน์ขวดเล็กๆให้





“คุณรัชพล” ร่างบางขยับถอยหนี และยังไม่รับไวน์ขวดนั้นมา





“โอเค ผมผิด ขอโทษที่ปากพล่อยไปหน่อย เลิกกังวลได้แล้ว” รัชพลพูด เขาตั้งใจมาขอโทษเพราะรู้ว่าตัวเองนั้นผิดเต็มประตู และถือโอกาสเอาไวน์มาให้สิตางศุ์ด้วย เพราะถือว่านี่คือการง้อของเขา





“ใครกังวลเรื่องของคุณกัน” สิตางศุ์ถลึงตาใส่ เขาคิดเรื่องของรัชพลก็จริง แต่ไม่ได้เก็บมากังวลขนาดนั้น เพราะรู้ว่ารัชพลเป็นคนนิสัยยังไง





“หึ... คิดถึงเรื่องนั้นอีกแล้วเหรอ อ่ะ เอาไปดื่มย้อมใจ” รัชพลพูดเหมือนรู้ทัน ทำเอาสิตางศุ์งงพร้อมกับรับไวน์ขวดเล็กนั้นมาถือไว้





“คุณรู้ด้วยเหรอว่าผมคิดเรื่องอะไรอยู่” บ้าน่ะ... เขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร แม้แต่ภุมรินเองก็ถามทีเถอะ ทำไมรัชพลพูดเหมือนรู้





“ผมไม่รู้หรอกว่าคุณมีปัญหาอะไร แต่การที่คุณมานั่งร้องไห้อยู่หน้าไร่ชาวบ้านแบบนั้น ใครเค้าก็รู้กันทั้งนั้นว่ามีเรื่องไม่สบายใจ บางทีนะคุณสิตางศุ์... คนเราน่ะไม่ต้องเก็บทุกเรื่องมาคิดก็ได้ ลองลืมมันไปสักพัก ปล่อยใจให้สงบ ลองทิ้งตัวตนของตัวเอง ลองลืมไปว่าคุณชื่อสิตางศุ์” คำพูดของรัชพลทำให้สิตางศุ์หันมามองหน้าคนที่นั่งข้างๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างรัชพลจะพูดอะไรอย่างนี้เป็นกับเขาด้วย





เมื่อนึกตามคำพูดของรัชพลแล้วก็ทำให้สิตางศุ์นิ่งเงียบ เขาเองก็อยากจะทิ้งตัวตนของสิตางศุ์ทิ้งไปเหมือนกัน เขารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน





“ดื่มกับผมซักหน่อยมั้ย” รัชพลดึงไวน์ในมือของสิตางศุ์มาเปิดให้ก่อนจะยื่นให้อีกคน





สิตางศุ์มองคนตรงหน้าเล็กน้อยและเขายังไม่รับไวน์ขวดเล็กนั้นมาจากรัชพล เกิดมายังไม่เคยดื่มไวน์จากขวดแบบนี้เลย สิตางศุ์แอบคิดเล็กน้อยในเรื่องของความไร้อารยะ เพราะขาถูกกล่อมเกลาเรื่องมารยาทมาอย่างดี แม้จะเป็นแค่การดื่มทั่วไปที่ไม่ต้องมีระเบียบแบบแผนก็ตาม





“อย่าบอกนะว่าดื่มไม่เป็น ลองหน่อยเหอะน่า ลองทิ้งความเป็นสิตางศุ์ไง” รัชพลยื่นให้อีกครั้ง สิตางศุ์มองแล้วตัดสินใจรับมา





ก็อย่างที่รัชพลว่านั่นแหละลองทิ้งความเป็นสิตางศุ์ และลองทะลุกรอบของตัวเองออกมาสักครั้ง ตอนนี้ เวลานี้เขาจะลองเป็นนายสิตางศุ์คนงานไร่น้ำริน แค่นั้น แค่นั้นจริงๆ...





ไม่ใช่สิตางศุ์ ศิรินทรา อย่างที่เคยเป็น








********************************************************************************





มาต่อตอนที่เจ็ดแล้วววววว แว้กกกกกกกกกกกก  :katai4: ตอนนี้มาเร็ว กำลังคึก ฮ่าๆ พอดีแต่งตุนเพิ่มไว้ได้หลายตอนแล้ว ฝากติดตามความสัมพันธ์ของคู่นี้ด้วยนะคะ อาจจะเรื่อยๆแต่ก็เริ่มมีเค้าลางความสัมพันธ์อันดีบ้างแล้ว  :hao6: แม้ว่าความปากพล่อยของพี่รัชจะสร้างปัญหาบ้างก็เถอะ  :hao3: รักคนอ่านทุกท่านค่ะ  :mew1:         
         
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2016 21:44:40 โดย Speirmint28 »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
ว่าแล้วต้องเป็นปัญหาครอบครัว

ทิ้งมันไปสักพัก แล้วลองใช้ชีวิตแบบสิตางศุ์ ชาวไร่ดูซักครั้ง
เพิ่มพลังชีวิตซักนิด แล้วค่อยสู้กับปัญหานะสิตางศุ์

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
สงบศึกกันแล้วคู่นี้
จิบไวน์ชมดาวนี่ก็โรแมนติคเนอะ

ออฟไลน์ fdcjsy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Speirmint28

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-1
บทที่ 8





“สิตางศุ์ คุณสิตางศุ์” รัชพลเขย่าร่างเล็กที่แน่นิ่งไปกับไหล่หนาของเขา ขวดไวน์ในมือหล่นลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก หน้าของสิตางศุ์แดงด้วยฤทธิ์ไวน์องุ่นของรัชพล





ร่างสูงส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะวางขวดไวน์ของตัวเองลงข้างตัวแล้วค่อยๆขยับร่างของสิตางศุ์ให้ออกจากไหล่ของเขาแล้วจับไหล่ทั้งสองข้างของคนตัวเล็กไว้มั่น





“คุณสิตางศุ์ เมาแล้วก็ไปนอน” รัชพลเขย่าร่างนั้นอีกรอบ





“อื้อ...” สิตางศุ์อืออาในลำคอก่อนจะเซไปซบรัชพลอีกรอบ





ร่างบางเอนมาซบกับไหล่รัชพล แก้มเนียนสีแดงระเรื่อเฉียดผ่านจมูกของรัชพลไปเพียงแค่เสี้ยว กลิ่นแชมพูที่สิตางศุ์เพิ่งใช้สระผมลอยฟุ้ง รัชพลรู้สึกใจสั่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น





ตั้งแต่โตเป็นชายมาเพิ่งจะรู้สึกร้อนวูบวาบกับผู้ชายครั้งแรกก็คราวนี้แหละ รัชพลคิดว่าอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของไวน์ที่เขาเพิ่งดื่มเข้าไป แต่ทุกครั้งเขาเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้ และอีกอย่างเขาก็ไม่เคยเมาเพราะไวน์เลยสักครั้ง แล้วอยู่ๆมารู้สึกแปลกๆเพราะสิตางศุ์เนี่ยนะ





“คุณสิตางศุ์” เรียกชื่อสิตางศุ์อีกครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกคน





สุดท้ายรัชพลก็ตัดสินใจดันร่างของสิตางศุ์ออกก่อนจะหันหลังให้แล้วปล่อยให้สิตางศุ์เอนมาซบข้างหลัง มือทั้งสองข้างสอดเข้าไปใต้ข้อพับของสิตางศุ์ก่อนจะยกร่างนั้นขึ้น





ทำไมอยู่ๆกลายเป็นว่าเขาต้องแบกสิตางศุ์เพื่อไปส่งที่ห้องล่ะนี่





รัชพลพาสิตางศุ์เข้ามาในบ้านก็เจอภุมรินกำลังหัวเราะอยู่กับบรรดาแม่บ้านที่ดูละครกันอยู่





“ริน” เรียกชื่อน้องชายเบาๆ ภุมรินหันมามองก็ต้องตกใจเมื่อเจอสิตางศุ์หน้าแดงแถมยังต้องให้รัชพลแบกเข้ามาอีก





“พี่ตางเป็นอะไรน่ะพี่รัช” ภุมรินรีบเดินมาหา เพราะกลัวว่าสิตางศุ์จะเป็นอะไรไปอีกแล้ว





“เมาน่ะ ช่วยไปเปิดห้องของคุณสิตางศุ์ให้หน่อย” รัชพลบอก ภุมรินงงเล็กน้อย แล้วอยู่ๆสิตางศุ์ไปเมาได้ยังไงกัน





“อ่า... ครับ” รับคำอย่างงงๆแล้วเดินนำพี่ชายขึ้นไปชั้นบน





ภุมรินเปิดห้องให้รัชพลพาสิตางศุ์ไปนอนบนเตียงดีๆ พอหัวถึงหมอนปุ๊บสิตางศุ์ก็หลับเป็นตาย ภุมรินเปิดแอร์พร้อมกับคลุมผ้าให้สิตางศุ์





“พี่รัชไปทำอะไรพี่ตางเนี่ย ถึงได้เมาแบบนี้” หันมาถามพี่ชาย ใช่ว่าสิตางศุ์จะไม่เคยดื่ม แต่อยู่ดีๆมาดื่มอย่างนี้คงไม่ใช่เรื่อง พี่ชายของเขาต้องไปทำอะไรมาแน่ๆ





“พอดีเอาไวน์ให้ดื่มนะ เลยสภาพอย่างที่เห็น”





“ว่าแล้วเชียว” อย่างที่ภุมรินนึกไว้ไม่มีผิด พี่รัชนะพี่รัช





“หลังอย่าให้พี่ตางดื่มเยอะนะ พี่ตางไม่ได้คอแข็งอย่างพี่ ไปๆ ไปนอนได้แล้ว ดึกมากแล้วเนี่ย” ไล่พี่ชายไปนอนพร้อมกับใช้มือดันรัชพลออกไปข้างนอก





รัชพลมองสิตางศุ์อีกครั้งก่อนที่หน้าของเขาจะร้อนวูบขึ้นมาเสียดื้อๆ ทำไมวันนี้เขามองสิตางศุ์น่ารักขึ้นกว่าทุกวัน













และแล้ววันเกิดของรัชพลก็มาถึง คุณบุรินทร์กลับบ้านแต่เช้าพร้อมของขวัญเล็กๆน้อยๆให้ลูกชาย ป้าจันกับเหล่าบรรดาแม่บ้านดูจะครึกครื้นกว่าใครเพื่อน พากันติดนู่นติดนี่เต็มต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านไปหมด ภุมรินลงมือทำอาหารเอง รวมทั้งตะวันที่เข้ามาตั้งแต่ช่วงบ่ายเพื่อมาช่วยงาน แต่เจ้าของวันเกิดอย่างรัชพลนี่สิ หายไปกับโรงบ่มอย่างที่เคยเป็น ภุมรินเอ็ดพี่ชายก็แล้ว แต่เจ้าตัวก็ให้เหตุผลว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้าไปดู เลยขอไปทำงานเสียหน่อย ส่วนสิตางศุ์ก็หยุดงานหนึ่งวันจากคำสั่งของภุมริน และเจ้าตัวก็คอยช่วยหยิบนู่นจับนี้เล็กๆน้อยๆให้กับภุมรินในครัวก่อนจะออกมาช่วยคนงานข้างนอก





เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไฟดวงเล็กดวงน้อยก็ถูกเปิดให้สว่างไปทั่วลานกว้าง ทุกคนพร้อมกับคนงานที่บางคนอยากจะมาร่วมงานก็เต็มไปทั่วลานกว้าง วันนี้ตะวันถือโอกาสมานอนที่ไร่น้ำรินอีกวัน และยังหยอกล้อกับภุมรินว่าจะแอบเข้าไปนอนด้วย ทำเอานายน้อยของไร่น้ำรินหน้าแดงเถือกจนตะวันล้อเกือบทั้งคืน





สิตางศุ์ก็ขำขันไปกับรุ่นน้องด้วย เมื่อหันไปมองรัชพลก็พบว่ารัชพลนั้นจ้องอยูก่อนแล้ว และรัชพลยังทำเป็นมองไปทางอื่นอย่างท่าทางที่มีพิรุธ สิตางศุ์งงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร





รัชพลที่แอบมองสิตางศุ์อยู่นั้นก็หลบตาแทบจะไม่ทันเมื่อถูกจับได้ว่าแอบมองอยู่ ตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว วันที่เขามองว่าสิตางศุ์น่ารัก ทำเอาใจหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรู้สึกวูบวาบเมื่อมองสิตางศุ์ ทั้งๆที่ไม่ได้ดื่มไวน์เหมือนคืนนั้น





เป็นเอามากเหมือนกันนะเรา





“วันเกิดรินจัดอย่างนี้บ้างดีกว่า จัดให้พี่รัชพี่รัชก็ไม่เห็นจะดีใจเลย คนอะไรเฉยชาชะมัด” ภุมรินเหน็บแนมพี่ชายที่ดูจะเฉยๆกับงานวันเกิดที่เขาจัดให้ ตั้งแต่เด็กๆมาแล้ว พอกลับมาจัดอีกครั้งรัชพลก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม ไม่ยินดียินร้ายกับอะไรซักอย่าง





“พี่โตแล้วน่าริน จัดวันเกิดเป็นเด็กๆไปได้ นี่เห็นว่าป้าจันอยากจัดเลยให้จัด” รัชพลว่า เขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ที่มาจัดวันกงวันเกิดอะไรเป็นเด็กๆ แต่เห็นน้องชายกับป้าจันอยากทำเลยให้ทำไป เอาจริงๆตั้งแต่กลับจากฝรั่งเศสนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาจัดงานวันเกิด





“มึงนี่มันมึงจริงๆไอ้รัช น้องรินอุตส่าห์จัดให้ คราวหลังถ้ารินอยากจัดงานแบบนี้ก็มาจัดงานแต่งของเรานะจ้ะ” เป็นอันว่าจบประโยคด้วยการที่ตะวันหยอดคนรักไปหนึ่งทีตามวิถีของตะวัน ประสิทธานนท์ เลยโดนศอกของนายน้อยแห่งไปน้ำรินไปหนึ่งครั้ง ตะวันได้แต่ร้องโอดโอย แต่ก็สร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนเป็นอย่างดี





“ใครจะให้แต่งกัน รินเป็นน้อง ยังแต่งก่อนพี่ไม่ได้โว้ย” รัชพลพูดก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม





“รอมึงแต่งงานนะ กูแก่หัวหงอกพอดี ไม่ยอมหาเมียซักที” ตะวันพูดพร้อมกับชกเข้าที่ไหล่ของเพื่อน




“หึ... ก็เร็วๆนี่แหละมั้ง” ไม่รู้อะไรดลใจให้รัชพลพูดแบบนั้น แถมยังหันไปมองสิตางศุ์ที่นั่งเงียบอีก ทำเอาสิตางศุ์หลบสายตาเป็นพัลวัน





“คุณสิตางศุ์อยู่นี่เอง ผมหาตั้งนาน” เสียงของเชี่ยวชาญดังขึ้นพร้อมกับร่างขาวๆของคุณหมอแว่นกรอบทองมานั่งข้างๆสิตางศุ์ สิตางศุ์เองก็ขยับให้เพื่อที่เชี่ยวชาญจะได้นั่งสะดวกๆ





“ว่าไงครับคุณหมอ ผมก็มองอยู่ คิดว่าหมอไม่มา ไม่อย่างนั้นป้าจันเสียใจแย่” สิตางศุ์ยิ้มให้อีกคน เขามองหาเชี่ยวชาญอยู่เหมือนกัน งานเริ่มมาตั้งนานก็เพิ่งจะเจอเนี่ยแหละ





“รับปากป้าจันไว้แล้วก็ต้องมาสิครับ อ้อ... เมื่อวานผมไปดูเจ้าด่างมา มันยังเดินไม่ได้เลย ได้แต่นอนเฉยๆ เมื่อวานไม่เห็นคุณสิตางศุ์เลย ไม่ไปทำงานเหรอครับ” เชี่ยวชาญถาม บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มเสมอ นั่นทำให้คู่สนทนายิ้มตาม สิตางศุ์ชอบคุยกับเชี่ยวชาญ เพราะคุณหมอคนนี้มีลักษณะสุภาพที่คุยเข้ากันได้ง่าย ต่างกับคนที่นั่งจ้องสิตางศุ์ตาเขม็งอยู่ตรงข้าม






“พอดีหยุดงานน่ะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ว่าจะไปดูเจ้าด่างมัน เป็นผมคงเบื่อแย่เหมือนกันที่ต้องนอนทั้งวันแบบนั้น” สิตางศุ์พูดยิ้มๆ กลายเป็นว่าตอนที่คนกรุงทั้งสองคนหลุดออกจากวงสนทนาแล้วหันมาคุยกันสองคน
รัชพลที่มองอยู่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ คำพูดของสิตางศุ์ที่บอกว่าเชี่ยวชาญดูดีกว่าเขาลอยเข้ามาในหัว เหอะ... คงชอบล่ะสิ หมอหล่อๆอย่างนี้ รัชพลเห็นแล้วอยากเข้าไปนั่งแทรกตรงกลางนั้นเสียจริง
เสียงหัวเราะของตะวันที่หัวเราะภุมรินนั้นไม่เข้าโสตของรัชพลแม้แต่น้อย เขากลับมองสิตางศุ์ที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้เชี่ยวชาญพร้อมกับยกไวน์ขึ้นดื่มเพราะทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ ทั้งวงตอนนี้มีแต่เสียงหัวเราะ คงจะมีแต่เจ้าของงานเนี่ยแหละที่นั่งหน้าบูดอยู่คนเดียว





“ขนมหมดแล้ว เดี๋ยวผมไปเอาเพิ่มให้นะครับ มีใครจะเอาอะไรเพิ่มมั้ย” สิตางศุ์ถามทุกคน ในมือถือจานเพื่อเตรียมไปขอขนมจากป้าจันเพิ่ม





“พี่รัชยังไม่ได้กินข้าวเลยไม่ใช่เหรอ เอาข้าวมั้ย” ภุมรินถามพี่ชายเมื่อสิตางศุ์อาสา





“เดี๋ยวพี่ไปเอาเองก็ได้” รัชพลพูดพร้อมกับวางแก้วลง
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะไปอยู่แล้ว เดี๋ยวเอาข้าวผัดมาให้แล้วกันครับ” สิตางศุ์พูด ไหนๆเขาก็จะไปอยู่แล้ว การที่จะถือจานข้าวมาอีกจานก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร





“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปด้วยนะครับ อยากได้น้ำแข็งเพิ่มพอดีเลย” เชี่ยวชาญลุกขึ้น ในมือถือแก้วไปด้วย





“ครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมมานะ” สิตางศุ์พูดกับเชี่ยวชาญก่อนจะหันไปบอกทุกคน





รัชพลมองทั้งสองคนที่เดินตามกันไปยังจุดวางอาหารด้วยสายตานิ่งๆ รู้สึกเท้ากระตุกเล็กน้อย อยากจะเดินตามแต่ก็ยังวางท่าอยู่ ภุมรินจับสังเกตสายตาของพี่ชายได้





เขารู้สึกว่ารัชพลเริ่มไม่ปกติ





“รินจ๋า พี่เมาแล้ว พี่เมาแล้วๆ” แล้วเสียงของคนตัวโตข้างๆก็ทำเอาภุมรินต้องละสายตาจากพี่ชาย ตะวันที่หน้าแดงก่ำกำลังเอาหัวถูไถไหล่ของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย





“อะไรเนี่ยพี่ตะวัน เอาหัวออกไปเลยนะ” ภุมรินดันหัวคนรักออก อาการแบบนี้เมาแล้วแน่ๆ





“เมาแล้วๆ” เสียงของตะวันดังอยู่อย่างนั้น ภุมรินถอนหายใจอย่างระอา ไม่รู้ไอ้พี่ตะวันแอบไปดื่มตนเมาตอนไหน เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย เมาทีไรเป็นแบบนี้ตลอด





แต่ความวุ่นวายข้างๆตัวนั้นก็ไม่ทำให้รัชพลเบนความสนใจไปจากร่างของสิตางศุ์ที่อยู่ไกลลิบๆ ข้างๆตัวมีเชี่ยวชาญยืนอยู่ นึกยังไงไม่รู้ร่างสูงก็วางแก้วแล้วเดินตามไป





รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่ข้างๆทั้งสองคนแล้ว สิตางศุ์ตกใจเล็กน้อยเมื่อรัชพลมายืนอยู่ข้างๆ ผิดกับเชี่ยวชาญที่ยิ้มตอนรับเจ้าของงานเป็นอย่างดี





“อ้าว คุณรัชมาเอาอะไรเหรอครับ ถ้าเป็นไวน์หมดแล้วล่ะครับ ผมเสียดายเหมือนกัน ไวน์คุณรัชรสดีมาก ว่าจะขอลองอีกซักนิด” เชี่ยวชาญพูด เขาตั้งใจมาเอาไวน์เพิ่ม แต่มาดูอีกทีก็หมดแล้ว





“อ๋อ เอ่อ มาเอาไวน์เหมือนกันครับ หมดแล้วเหรอครับ” รัชพลได้สติก่อนจะละสายตาจากสิตางศุ์มามองเชี่ยวชาญแทน





“หมดแล้วครับ สงสัยคนงานคงจะแบ่งกันไปดื่ม” เชี่ยวชาญพูดอย่างเสียดาย





“เดี๋ยวผมไปเอาเพิ่มที่โรงบ่มให้ก็ได้ครับ มีเยอะเลย” รัชพลพูด






“ดีเลยครับ เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อน จะได้ช่วยกันเอามา”





“รบกวนหมอชาญเปล่าๆ ผมว่าหมอชาญกลับไปรอที่โต๊ะดีกว่าครับ เดี๋ยวให้คุณสิตางศุ์ไปกับผมก็ได้” ไม่รู้อะไรดลใจให้รัชพลพูดแบบนั้น คนที่ถูกกล่าวถึงอย่างสิตางศุ์ถึงกับทำหน้างง






“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปกับคุณก็ได้ ให้คุณสิตางศุ์ไปนั่งรอดีกว่า” คำพูดของเชี่ยวชาญทำให้รัชพลไม่พอใจเล็กน้อย เขาจึงหันสายตาไปกดดันสิตางศุ์แทน สิตางศุ์ที่มองหน้ารัชพลอยู่ก็ต้องจำยอมหันไปพูดกับเชี่ยวชาญ





“เดี๋ยวผมไปกับคุณรัชเองครับ คุณหมอช่วยเอาขนมไปให้รินกับคุณตะวันทีนะครับ” สิตางศุ์ยื่นจานขนมให้เชี่ยวชาญ





“เอ่อ... เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” เชี่ยวชาญรับมาอย่างจำยอม





“ถ้าอย่างนั้นก็ตามมา” รัชพลพูดก่อนจะเดินนำสิตางศุ์ไปยังโรงบ่ม





แม้ว่าทางจะมืดแต่ด้วยความที่โรงบ่มอยู่ใกล้และยังพอมีแสงจากงานทำให้ทั้งสองคนพอจะเดินไป สิตางศุ์เดินตามคนตัวโตอย่างหน้าบอกบุญไม่รับ รัชพลนี่เป็นคนแปลกๆ อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ท่าทางเหมือนคนโรคจิต





เมื่อเดินมาถึงหน้าโรงบ่มเท้าของสิตางศุ์ก็ชะงักเล็กน้อยเมื่อสายตาปะทะกับเงาตะคุมสองสามเงาตรงข้างๆโรงบ่มที่รัชพลกำลังจะเดินไป ไม่นานก็เห็นแสงเล็กเมื่อเพ่งมองดูแล้วก็พบว่าเป็นแสงจากไฟแชค





“คุณรัช” สิตางศุ์รีบดึงร่างของรัชพลไว้





“มีอะไร” รัชพลหันมามองอย่างงงๆ





“มีคนอยู่ตรงนั้น” สิตางศุ์ชี้มือไปที่กลุ่มเงาตะคุ่มนั้น รัชพลมองตามก็พบว่าคนพวกนั้นกำลังจะจุดไฟ ให้ทายคงกำลังจะเผาโรงบ่ม





เพียงเท่านั้นร่างสูงก็วิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิต โดยมีสิตางศุ์ยืนอึ้งอยู่ ก่อนจะรวบรวมสติได้ก็รีบวิ่งตามไป





“มึงหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้สัตว์!” เสียงรัชพลดังก้องก่อนจะกระโดดถีบร่างหนึ่งที่กำลังจะจุดไฟจนคนร้ายล้มลง








***********************************************************************************







มาต่อแล้วตอนที่แปด รอกันนานมั้ยเอ่ย ตอนนี้ไม่มีไรมาก (เหรอออออออออออ)  :hao3: มาช่วยลุ้นทั้งเรื่องหัวใจและเรื่องไร่น้ำรินของพี่รัชกันดีกว่าค่ะ ว่าจะไปในทิศทางไหน แต่ที่แน่ๆพี่รัชเริ่มแอบมีใจให้สิตางศุ์แล้ว อร้ายๆ   :-[  :o8: :katai2-1: ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ รักคนอ่านทุกท่านค่ะ  :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด