(เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 2 END 12/06/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา + ตอนพิเศษ 2 END 12/06/62  (อ่าน 12983 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dreams of Flowers

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


นิยายเรื่องอื่น
เรื่องสั้น จบแล้ว



นิยายเรื่องยาว






♥♥♥♥♥♥♥♥






Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2019 16:32:26 โดย Dreams of Flowers »

ออฟไลน์ Dreams of Flowers

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา END
«ตอบ #1 เมื่อ27-02-2016 16:03:17 »








ตำนานเป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ


ตำนานส่วนใหญ่มักสืบสานมาจาก ‘เรื่องจริง’ มีตำนานหนึ่งเรื่องลือกันมาของเหล่าราชวงศ์และประชาชนในอาณาจักรแห่งอรุณว่าด้วยสิ่งที่แรกมากับ ‘ความอุดมสมบูรณ์’


ในอดีตบ้านเมืองแห่งนี้แล้งแค้นเหล่าประชาอดอยากและยากจน หยาดฝนที่นานครั้งจะตกมาสักหนทำให้ไม่สามารถเพาะปลูกสิ่งใดได้ แผ่นดินแตกระแหงจากพระอาทิตย์สาดแสงส่องอย่างไม่หยุดยั้งช่างสมชื่ออาณาจักรแห่งอรุณ ด้วยเพราะเหตุนี้แม่น้ำลำธารต่างพากันแห้งคอด เมื่อไม่มีน้ำ ไม่มีพืช ไม่มีอาหาร เหล่าประชาเจ็บป่วยล้มตายจนร่อยหรออาณาจักรเกือบล่มสลาย


ความยากแค้นซึ่งมีมาอย่างยาวนานนับวันยิ่งทวีคูณ ปล่อยเป็นเช่นนี้ต่อไปอาณาจักรได้ล่มสลายอย่างแน่แท้ องค์ราชาปัจจุบันในตอนนั้นไม่สามารถยอมปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เยี่ยงนี้ต่อไปได้ จึงเสาะหากรรมวิธีต่าง ๆ ตำราไหนที่ว่าดี ตำราไหนที่ว่าเยี่ยมเขาลองพิสูจน์มาจนหมดเพื่อให้หลุดพ้น


ทว่าไม่ว่าจะกระทำสิ่งใดสภาพบ้านเมืองไม่อาจจะกลับมาเป็นดังเดิมหรือฟื้นขึ้นอุดมสมบูรณ์ ในจังหวะที่องค์ราชากำลังท้อแท้ไม่รู้จะกระทำอย่างไรต่อนั้นก็เกิดได้ยินข่าวลืออย่างหนาหูจากอาณาจักรใกล้เคียง


ว่ามีพ่อมดตนหนึ่งซึ่งมีอิทธิฤทธิ์ราวกับพระเจ้าสามารถดลบันดาลดั่งใจนึก ไม่ขอสิ่งใดเขากระทำได้ทุกอย่างหากมีข้อแลกเปลี่ยนอย่างสมน้ำสมเนื้อ ข่าวลือก็คือข่าวลือ ไม่อาจรู้ได้เลยว่าสิ่งที่ได้ยินมาจะเป็นเรื่องจริง ทว่าในจิตใจที่หมดหนทางนั้นกับเหล่าประชาที่กำลังเฝ้ารออย่างมีหวัง องค์ราชาจึงได้ตัดสินใจลองดูสักตั้งล่ำลาภรรยาและลูกน้อยทั้งหลายเพื่อออกไปตามหาพ่อมดตามอาณาจักรใกล้เคียง


พ่อมดซึ่งมีที่อยู่อย่างไม่เป็นหลักแหล่งการตามหาจึงไม่ใช่เรื่องง่ายและหนทางมีแต่ความยากลำบาก ระยะเวลาอันยาวนานทำให้องครักษ์เจ็บป่วยล้มตายไปทีละคน จากผู้ติดตามนับสิบตอนนี้กลับเหลือเพียงราชาองค์เดียว เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นหากตนเองไม่เชื่อตามข่าวลือที่รู้ว่าจริงหรือไม่นั้น คงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ความหวังลิบหรี่จนบั่นทอนสภาพจิตใจแทบอยากจะปริชีพของตัวเองหลายหน


ทว่าพอนึกถึงบุคคลสำคัญที่กำลังรอคอย จึงเกิดแรงฮึดขึ้นมาได้ชั่วคราว พอนานเข้าก็หมดไปวนเวียนซ้ำเล่า เขาร่อนเร่อย่างไร้จุดหมายปลายทางไล่ตามเงาของบุคคลซึ่งบางทีอาจไม่มีจริง


จนร่างกายย่ำแย่ ถูกโจรปล้นเงินทองโดนเอาไปหมดด้วยกำลังคนของอีกฝ่ายที่มากกว่า ต่อให้องค์ราชาจะแข็งแกร่งเพียงไหนก็ไม่อาจหลีบเลี่ยงการบาดเจ็บได้ ถึงสู้อย่างสุดชีวิตทว่าสภาพร่างถูกคมดาบกรีดลึกหลายบาดแผลของเหลวสีสดไหลนองย้อมเสื้อจนทำให้สีขาวยางสะอาดกลายเป็นสีแดงสดอย่างน่าสยดสยอง


เรี่ยวแรงถดถอยปนความเหนื่อยล้า ขาซึ่งเดินมาอย่างโซชัดโซเซได้หยุดลงหย่อยกายนั่งเอนหลังอิงพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ลมหายใจรวยริน นัยน์ตาพร่ามัวเหม่อมองไปยังน่านฟ้าสีสดใส ต่อให้ชีวิตต้องจบลงเพียงเท่านี้ก็จะไม่เสียใจอะไรกับสิ่งใด


เพราะเขาคิดว่าตนเองได้ทุ่มเททุกหยาดเหงื่อแรงกายไปอย่างเต็มที่แล้ว เพียงแค่เสียดายที่ไม่สามารถทำให้ความปรารถนาของบุคคลที่รอคอยเป็นจริงได้ ผ่านมานานถึงขนาดไหน บางทีเหล่าลูกน้อยอาจจะเติบใหญ่จนเป็นหนุ่มสาว เสียดายที่อาจไม่ได้เห็นหน้าพวกเขาอีกเท่านั้น


‘ติดตามข้ามานานขนาดนี้ เก่งดีนี่ เจ้าประสงค์สิ่งใดรึ’


เสียงอันนิ่งนุ่มของชายที่องค์ราชาไม่รู้ว่าดังมาจากทางไหน หรืออาจจะเป็นเพียงแค่เสียงที่เขาคิดไปเองในระหว่างที่สติเลือนรางก็เป็นไปได้ นัยน์ตายังคงสะท้อนภาพท้องฟ้าอันกว้างไกล ทว่าแม้กระทั่งตัวเขาอีกไม่ทราบเพราะเหตุอันใดจึงได้ตอบกลับไปเช่นกัน


‘อาณาจักรของข้ากำลังแห้งแล้ง ประชาชนอดยาก ข้าอยากให้อาณาจักรของข้าอุดมสมบูรณ์ประชาชนสงบสุข’


‘เจ้าแปลกยิ่งนัก ทำไมถึงไม่ขอให้ข้ารักษาชีวิตของเจ้าเอง’


น้ำเสียงเอ่ยถามอย่างสงสัยของอีกฝ่าย ข้าคงแปลกอย่างที่ว่าเพียงแต่...รอยยิ้มซึ่งกระตุกขึ้นมาบนมุมปากอย่างเล็กน้อย

 
‘เพียงแต่..สิ่งที่ขอไปสำคัญกว่ายังไงล่ะ’


อีกฝ่ายนิ่งงันไปชั่วครู่ราวกับครุ่นคิด


‘อย่างนั้นเองรึ เอาเป็นว่าข้าจะทำตามในสิ่งที่เจ้าปรารถนา แต่ต้องแลกเปลี่ยนกับชีวิตของเจ้าเองและชีวิตของราชทายาทหนึ่งองค์ของราชวงศ์ที่ขึ้นเป็นกษัตริย์ทุกรุ่น หากข้าประสงค์เช่นนี้ เจ้าจะตกลงหรือไม่’


ข้อเสนอไม่ได้ทำให้ตัดสินใจยากแต่อย่างใด ไหน ๆ ข้าเองก็จะต้องตายอยู่แล้ว หากสามารถทำให้บ้านเมืองคืนชีพได้อีกครั้ง ไม่ว่าสิ่งใดข้ายอมแลกได้ทุกอย่าง


‘ตกลง’


หารู้ไม่ว่าสิ่งที่องค์ราชาได้ตกลงไปนั้นได้เป็นชนวนให้เกิดเรื่องบางอย่างในอีกพันสองร้อยปีให้หลัง





และเมื่อได้ทราบข่าวซึ่งเขียนมาเป็นจดหมายไม่เห็นแม้แต่ศพความโศกเศร้าปกคลุมไปทั่วอาณาจักรบางคนเชื่อ บางคนไม่เชื่อ พอเจ็ดวันให้หลังประจักษ์แก่ตาทำให้การกระทำขององค์ราชาถูกกล่าวขานไปอย่างแผ่หลายทางด้านดีและไม่ดี รวมถึงเรื่องความอัศจรรย์ของพ่อมดนั้นอีกด้วยที่สามารถทำให้อาณาจักรซึ่งเกือบสลายฟื้นกลับคืนเฟื้องฟูเขียวชอุ่มได้อีกครั้ง ราชาที่สละชีพเพื่อบ้านเมืองได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นวีรบุรุษและเป็นฆาตกรผู้เริ่มต้นทำให้เกิดการสูญเสียไปในเวลาเดียวกันในเหล่าราชวงศ์


บางทีมนุษย์เราส่วนมากประสงค์อยากจะได้ แต่ก็มักจะไม่อยากสูญเสียในสิ่งที่มีอยู่ พ่อแม่ซึ่งรักลูกเท่าดวงหทัยก็ย่อมไม่อยากเห็นเขาจากไปเช่นกัน หากผิดคำสัญญาความล้มสลายต้องมาเยือนอีกครั้ง ชีวิตของบุคคลเดียวแลกกับชาวประชาทั่วราชอาณาจักร ถึงไม่ประสงค์นัก ทว่าก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้



การเปลี่ยนกษัตริย์ใหม่จะมีขึ้นทุกห้าสิบปี บุคคลที่จะครองราชย์ต่อนั้นต้องมีอายุสามสิบเป็นธรรมเนียมซึ่งปฏิบัติอย่างยาวนานก่อนจะเกิดเรื่องนี้เสียอีก และเครื่องสังเวยนั้นจะเป็นชายหรือหญิงก็ได้สุดแล้วแต่จะนำพา กฎระเบียบต้องมีการส่งตัวไม่เกินสิบวันหลังจากที่ขึ้นครองราชย์ เนื้อกายต้องสะอาดบริสุทธิ์ เครื่องนุ่งห่มต้องสีขาวราวหิมะ


เดินทางไปในป่าด้านหลังราชวังที่จะมีหอซึ่งถูกขนานนามว่าหอแห่งวีรบุรุษประทับอยู่ ภายในหอนั้นจะมีเครื่องบันเทิงจิตใจอย่างดีสำหรับการผ่อนคลาย จะได้ไม่รู้สึกเหมือนว่าตนเองมาเพื่อสละชีพแต่อย่างใด คล้ายกับว่าเล่นสนุกและเผลอหลับไปเท่านั้น


การสังเวยใช่ว่าจะตายในทีเดียว เสมือนคำสาปที่กัดกินพลังชีวิตของผู้ประสบไปทีละน้อยและมีวิธีแก้ไข ทว่าสิ่งนั้นได้ถูกเลือนหายไปตามกาลเวลา คำพูดปากต่อปากย่อมผิดเพี้ยนจนในปัจจุบันไม่เหลือเคล้าความจริงให้เห็น จึงไม่มีองค์ใดสามารถถอนคำสาปได้ และสิ้นพระชนม์ไปในที่สุด


การสังเวยซึ่งถูกปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างเคร่งคัดจนกระทั่งมาถึงรุ่นที่ยี่สิบสี่ราชทายาทองค์น้อยนั่งเหม่อมองมือเท้าคางไปยังนอกหน้าต่างหอทรงหกเหลี่ยมพลางนึกถึงตำนานซึ่งเล่าขาน นัยน์ตาสะท้อนภาพทุ่งดอกไม้อันกว้างไกลหลากสีสัน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก แม้ภายในจิตใจจะกำลังว้าวุ่นก็ตาม ชายหนุ่มผมยาวสลวยสีเงิน ผิวขาวราวกับโปร่งใส หน้าตาสง่าลิ้มไม่แพ้เจ้าหญิงใด และเครื่องห่มกายสีหิมะแสนบริสุทธิ์


ภายในห้องอันเงียบเชียบการตกแต่งผนังสีฟ้าอ่อนสบายตามีหนังสือมากมายให้เลือกสรร มีอาหารมากมายให้เลือกทานไม่แพ้กัน ทว่าองค์ชายน้อยไม่ได้แตะต้องสิ่งใดแม้นสักนิดเลย เมื่อมาถึงเขาตรงดิ่งมายังบริเวณหน้าต่างทันที โลกที่เขาจะเห็นเป็นครั้งสุดท้าย อยากจะมองให้เต็มตา  เขาประสงค์ที่จะทำแบบนี้เอง หาใช่ใครบังคับ ใช่ว่าเขาเสียใจ ใช่ว่าเขาหวาดกลัวกับการตาย


แต่เหตุไฉนถึงต้องมานั่งซึมกระทื่อเยี่ยงนี้ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน


อีกหลายสิ่งที่ยังไม่พบเห็น


อีกหลายสิ่งที่ยังไม่รู้จัก


อีกหลายสิ่งที่ยังไม่ได้ลองสัมผัส


นัยน์ตาเริ่มง่วงซึม หากหลับไปเขารู้สึกว่าจะไม่ได้มีโอกาสตื่นขึ้นมาอีกแน่ คงถึงเวลาแล้วสินะ แค่ปล่อยทุกอย่างให้เป็นตามธรรมชาติหากง่วงก็ค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง


จนหลับไปที่สุดทั้งที่ยังนั่งอยู่ในท่าเดิม


เมื่อเห็นเช่นนั้นชายสองคนซึ่งเฝ้าดูอยู่กลางไกลได้ย่ำเท้าเข้ามาใกล้


“นี่ข้าจะต้องเสียลูกหลานไปอีกนานเท่าไหร่ ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วรึ”


ชายหนึ่งคนได้เอ่ยถามในระหว่างเฝ้ามองใบหน้ายามนิทราขององค์ชาย นัยน์ตาสะท้อนถึงความเสียใจอยู่เบื้องลึก


“เจ้านี่เอาแต่ถามเหมือนเดิมอยู่ทุกครา ทั้งที่รู้ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ตอบด้วยคำเดิม”


   คำเฉลยอย่างไม่พอใจของชายที่ยืนอยู่ข้างกัน ใช่เขารู้ ถึงกระนั้นก็ปรารถนาจะให้คำตอบเปลี่ยนแปลงในสักวัน เพื่อเหล่าราชวงศ์มีความสุขอย่างแท้จริงโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าขึ้นปกครองแผ่นดินแล้วจะทำให้บุตรของตนต้องตาย


“ข้าทำได้ แค่ให้สิ้นชีพช้าลงจนกลายเป็นคำสาปเฝ้ารอวันให้คนมาแก้ไข เท่านี้ยังดีไม่พออีกอย่างนั้นรึ”


ชายคนเดิมเอ่ยต่ออย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เขารู้ว่าชายผู้นี้พยายามเพื่อตนมามากมายแค่ไหนศึกษาอย่างหนักหน่วงเพื่อยืดชีวิตของเครื่องสังเวยให้ได้อยู่นานขึ้น ให้ความตายแล่นเข้ามาช้าลง เขารู้...


“ข้าเป็นฝ่ายไม่ดีเอง ข้าขอโทษ”


แววตาฉายความรู้สึกผิดอยู่เต็มเปี่ยมมองไปยังชายคนรัก


“ข้าไม่ได้โกรธ อย่าเสียเวลาอยู่เลยมาเริ่มทำพิธีกันเถิด”


ไม่เอ่ยเปล่าพลางย่างก้าวนำลิ่วไปทำพิธีอย่างไม่รีรอ วิธีทำก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมากเพียงแค่วาดวงแหวนเวทย์และเลือดของผู้ร่างคาถาเท่านั้น อีกคนเดินไปยังร่างขององค์ชายใบหน้าอ่อนเยาว์วัยสิบกว่าก่อนจะช้อนร่างขึ้นมาโอบอุ้มไว้ ช่างเวทนายิ่งนักกำเนิดมายังไม่ได้ทันได้เห็นโลกอย่างทั่วถึงต้องมาอยู่ในสภาพระหว่างความเป็นกับความตาย เขารู้วิธีถอนคำสาปทว่าไม่อาจเอื้อยเอ่ยบอกใครได้ หากกระทำคำสาปนั้นจะคร่าชีวิตผู้ถูกสังเวยทันตา



เหตุที่หอวีรบุรุษมีดอกไม้อยู่ด้านข้างเคียง เนื่องจากต้องนำมาประดับไว้ในโลงกระจกสีใสถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ สามารถป้องกันอันตรายจากสัตว์ร้ายได้  แต่ก็ใช่ว่าจะเสมอไปยิ่งถูกทำลายหลายหนความคงทนย่อมเสื่อมสลายดังนั้นหลายรุ่นเหล่าผู้ถูกสังเวยจึงโดนสัตว์ร้ายที่มีพลังอำนาจกัดกินก่อนจะถูกโลงดูดพลังชีวิตจนดับสูญ



ร่างขององค์ชายได้ถูกวางลง ณ ใจกลาง ฝาเลื่อนมาปิดอย่างเอื่อยเฉื่อย หากปิดไปแล้ว จะไม่สามารถเปิดได้อีกนอกเสียจากทำลายคำสาปและการป้องกัน ถ้าทำลายการป้องกันในขณะคำสาปยังไม่คลายสามารถนำร่างผู้สังเวยออกมาได้ ทว่าทำเช่นนั้นท่านจงเตรียมตัวรับการเผชิญหน้ากับอสูรอันน่าหวาดกลัวซึ่งจะไล่ล่าผู้สังเวยจนกว่าจะสิ้นชีพจึงเป็นทางเลือกที่ไม่ค่อยฉลาดนัก


หากกำจัดอสูรก็จะมีตนใหม่มาแถมยิ่งกำจัด ตนใหม่ที่มายิ่งแข็งแกร่งกว่าเวียนวนอย่างไม่จบสิ้น และสุดท้ายต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ


ฝาโลงซึ่งปิดสนิทแน่นและหายวับไปในชั่วพริบตา ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าไปอยู่แห่งหนใด ทว่าเพียงเท่านี้ภารกิจจึงเสร็จสิ้นที่เหลือคงแล้วแต่วาสนาเสี้ยววินาทีชายทั้งสองได้อันตรธานหายวับไปกับตาเช่นเดียวกัน


ในหุบเขาลึกเขียวขจีห่างไกลจากผู้คนและบ้านเมือง ต้นไม้หนาทึบสูงใหญ่กว่าปกติช่างดูไม่น่าเข้าใกล้ ผลหมากรากไม้นานาพันธุ์ สัตว์ป่ามากมายอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขตามวัฏจักรเป็นสถานที่ซึ่งวิเศษและงดงามอุดมไปด้วยทุกอย่าง แต่ในความงดงามก็ยังมีภัยอันตรายซ่อนอยู่ สัตว์แสนดุร้ายซึ่งเห็นเหยื่อผู้หยุดนิ่งไร้การป้องกันตัวและไหวติงเป็นอาหารมื้อโปรดรสชาติอันโอชะ ขาประจำในการสังหารเครื่องสังเวยแต่ละรุ่นก็อาศัยอยู่ที่นี่ด้วย


โลงจะเป็นผู้สุ่มเลือกสถานที่สำหรับการประทับ และมักจะเลือกบริเวณที่ห่างไกลผู้คนเพื่อเลี่ยงการแก้คำสาป โลงปีศาจซึ่งถูกสร้างมาให้คงอยู่ด้วยการดูดพลังชีวิตมนุษย์ การป้องกันที่มีก็เพื่อไม่ให้ใครแย่งเหยื่อของตนไป เสมือนดาบสองคมได้อย่างเสียอย่าง


ปรารถนาให้ช่วยปกป้องจากสัตว์ร้ายก็ต้องแลกมาด้วยชีวิตของตัวเอง


แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้จะเลือกสถานที่ผิดเมื่อการป้องกันอาจจะถูกทำลายเร็วกว่าที่คิดก็เป็นได้ เนื่องจากดันมาในถิ่นของศัตรูผู้แย่งตัวฉกาจ หากไม่รีบแก้ไของค์ชายน้อยคงต้องจบชีวิตลงเป็นรายต่อไป แล้วใครสามารถช่วยเขาได้ เพราะในเมื่อไม่มีใครทราบถึงสถานที่ ไม่มีใครรู้ในวิธีนอกเสียจากชายสองคนนั้น  กฎอย่างบังคับสืบทอดมาอย่างช้านานว่าผู้ที่เคยถูก 'ถอน' คำสาปห้ามปริปากเรื่องวิธีนั้นกับใครหากยังต้องการจะยืดชีวิตเครื่องสังเวยเอาไว้อยู่


นี่องค์ชายผู้ทรงสง่าคงต้องจบชีวิตลงอย่างแน่แท้


ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน


ใจกลางป่าซึ่งเต็มไปด้วยความสวยงามแฝงด้วยอันตรายและทางที่ซับซ้อนยากจะเข้าถึง แค่จะเอาชีวิตรอดมาได้ก็เต็มกลืน โชคชะตาช่างไม่เข้าข้างไม่ว่าจะมองมุมไหน อย่างไรองค์ชายไม่มีวี่แววว่าจะรอด ทันทีที่ประทับกลิ่นอันหอมหวนชักจูงให้สัตว์เหล่านั้นดิ่งเข้ามา จวนจะถึงในไม่ช้า


ปาฏิหาริย์หาใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ


บริเวณรอบข้างเริ่มเข้าสู่ภาวะเงียบสงัดมีเพียงเสียงของกิ่งไม้ซึ่งพลิ้วไสวไปกับสามลมเท่านั้น  สัญชาตญาณของสัตว์อ่อนแอ เมื่อรู้สึกถึงอันตรายที่เข้ามาใกล้ต่างพากันหลบหนี เหลือแค่โลงสีใสกับบุคคลภายในตั้งเด่นตระหง่านไม่มีแม้สิ่งกำบัง หากรุมทำลายน่าจะไม่พ้นคืนนี้คงได้แตกเป็นเสี่ยง


เนื้อหนังกับลมหายใจที่มี...


อีกไม่นานคงเหลือเพียงแค่ ‘ซาก’


เมื่อผู้ล่าค้นพบเหยื่อจะรอช้าอยู่ทำไม ในที่สุดสัตว์ร้ายสี่ขาห้าหกตัวได้ปรี่รุมทำลายสิ่งป้องกันกระหน่ำใช้ศีรษะวิ่งชนไปยังโลงอย่างไม่หยุดยั้ง สภาพน่าสะพรึงยิ่งเห็นเหยื่อน้ำลายยิ่งย้อยไหลอย่างอยากกระหาย อาหารรสเลิศที่ห้าสิบปีจะได้มีโอกาสได้ลิ้มลองสักครั้ง คงไม่มีทางให้จังหวะนี้หลุดลอยไปแน่ อีกหลายตัวซึ่งกำลังวิ่งเข้ามาสมทบทีหลัง


ความรุนแรงไม่นานนักจนทำให้เริ่มเกิดรอยร้าว ตัวโลงก็ปกป้องตัวเองและเหยื่ออย่างสุดกำลัง บาดเจ็บมากเท่าไหร่ยิ่งดูดพลังชีวิตเครื่องสังเวยมามากเท่านั้น ผู้ไร้สติยังคงแน่นิ่งอย่างไม่รู้ชะตากรรม


เสียงอึกละทึกฮึกโหมสนั่นป่า กลายเป็นจุดสนใจของสัตว์ที่มีอำนาจชนิดอื่นมารวมตัวดูสถานการณ์เสียยกใหญ่และบางตัวได้มีส่วนไปอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย


โลงซึ่งมีรอยร้าวมากขึ้น


และใกล้จะแตกเต็มทน


สัตว์อีกตนยืนสองขาขนกายยาวยุบยับสีเทาเกือบทมิฬกรงเล็บแหลมคมและเขี้ยวที่พร้อมจะสะบั้นเหยื่อให้ขาดเฝ้ามองแต่ยังไม่ค่อยเข้าใจในการกระทำของสัตว์เหล่านั้น จึงได้ปีนขึ้นไปบนเนินหินที่อยู่ไม่ไกลกันระยะห่างสูงจากพื้นดินทำให้เห็นภาพรวมอย่างชัดเจน


เขาเคยได้ยินเรื่องนี้มาพอสมควร อาหารชั้นดีซึ่งอยู่ในของแข็งสีโปร่งหากได้ลองต้องติดใจ เป็นอะไรที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนแน่นอน จะมีเพียงแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น เหตุการณ์วุ่นวายด้านล่าง เขาจึงไม่เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน


จนทำให้เกิดความสงสัย จึงกระโดดลงและเดินตรงเข้าไป เมื่อสัตว์ร้ายเห็นเขากำลังเดินเข้ามาใกล้ ได้หยุดการกระทำและค่อย ๆ เดินห่างถอยหนี ด้วยความแข็งแกร่งซึ่งค่อนข้างมีมากกว่าตนใด จึงกลายเป็นที่หวั่นเกรง


ยิ่งใกล้กลิ่นอันหอมหวานละมุนดันไปกระตุ้นการทำงานของน้ำย่อย ความห่างเหลือน้อยยิ่งเด่นชัด จนแทบสะกดกลั้นความอยากกระหายเอาไว้ไม่ไหว ใบหน้าแสยะยิ้ม


หากไม่จัดการอย่างเร็วไวอย่าได้เรียกเขาว่า ‘นักล่า’ อีกเลย


นัยน์ตาคมกริบเหล่มองซ้ายขวาพลางแยกเขี้ยวขู่กรรโชกสร้างความหวาดกลัวให้กับสัตว์ที่มีพลังน้อยกว่าต่างพากันวิ่งไปหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ห่างไม่ไกลพลางเฝ้ามอง จนบริเวณใจกลางเหลือเพียงตัวเดียว เขาเดินเข้าไปในที่สุดได้มาถึงและหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าโลง ใบหน้าซึ่งอยู่ในห้วงนิทราของเหยื่อ กลิ่นฟุ้งกระจาย ไม่อาจหยุดความอยากนี้ได้อีกแล้ว กรงเล็บข้างหนึ่งชูขึ้นเหนือหัว


รวบรวมพละกำลังทั้งหมดส่งไปยัง ณ จุดเดียว สิ่งโปร่งใสซึ่งใกล้จะแตกสลายเต็มทน หากโดนการโจมตีหนนี้เข้าไปไม่อยากจะนึกถึงสภาพ นี่คงจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เครื่องสังเวยได้จบชีวิตลงเร็วขนาดนี้ วิธีที่จะทำให้หลุดพ้นแทบไม่มี เปอร์เซ็นรอดลงลดเหลือเพียงแค่ศูนย์


ต่อให้เครื่องสังเวยจบชีวิตลงพันธะสัญญายังคงอยู่ เพราะฉะนั้นจะรอดหรือตายก็มีค่าเท่ากัน


เมื่อรู้ว่าเป็นเช่นนั้นหยดน้ำรสชาติดุจเกลือของเหยื่อ ไหลรินออกมาจากดวงตาอาบแก้มอันขาวนวลอย่างไม่ทราบสาเหตุ ความเป็นจริงเขาน่าจะไม่รู้ในสิ่งที่เผชิญอยู่ เพราะเหตุใดถึงได้ไหลมากัน อาจเป็นสัญชาตญาณบวกกับจิตใจซึ่งกำลังโศกเศร้า หมดสิ้นแล้วความหวัง จนทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้


ร่างกายมือข้างลำตัวทุกอย่างยังคงสงบนิ่ง สิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวมีเพียงน้ำตาซึ่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายเท่านั้น


นัยน์ตาคมจ้องมองอย่างไม่มีความสงสาร


ไม่มีแม้กระทั่งความรู้สึกนึกคิด


มีแต่ความหิวเข้าครอบงำ


กรงเล็บไร้ความปราณีกำลังจะฟาดลงมา


เพียงแค่คืบ


อีกในไม่ช้า


เสี้ยววินาทีเดียว...




ตุบ!!!!!!!!!




เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างเร็วไวแทบจะมองไม่ทัน สัตว์รอบข้างพากันหันหน้าเข้าหาอย่างเลิ่กลั่ก โลงซึ่งควรจะแตกละเอียดกลับอยู่ในสภาพเดิม และร่างที่เคยยืนสองขาได้อันตรธานหายไป สัมผัสอันน่าหวาดหวั่นซึ่งมีเพิ่มอีกตน จนทำให้สัตว์ต่างวิ่งหนีออกห่างจากบริเวณไปเฝ้ามองเหตุการณ์อย่างไกลริบแทน


อาหารชั้นดีย่อมมีผู้แย่งชิง


ร่างยืนสองขาได้ถูกสายพันธุ์เดียวกันพุ่งเข้าชนจนกายไปกระแทกกับเนินหินอย่างแรง ผู้กระทำจ้องมองด้วยแววตาอันดุดันตวาดเสียงราวกับขับไล่ หากเป็นชนิดอื่นคงเตลิดหนีไปไกล ทว่าไม่ใช่เขา พลังกำลังเทียบเคียงหรืออาจมากกว่า เหตุใดเขาต้องยอมปล่อยเหยื่อในครั้งนี้ไปเล่า


หากประสงค์จะปะทะฝีมือย่อมได้


หากต้องจบชีวิตไปก็อย่างมาโทษแล้วกัน


และแล้วฉากต่อสู้เพื่อแย่งชิงระหว่างขนสีเทาเกือบทมิฬกับขนสีเสมือนควันของเปลวเพลิงซึ่งกำลังมอดไหม้ ได้จุดชนวนขึ้นหากไม่ล้มลงไปข้างไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ร่างสองขาทรงกายยืนพร้อมตะเบ็งขู่กลับไป ก่อนทั้งคู่จะวิ่งเข้าหาประจันหน้า ท่ามกลางการเฝ้ามองของเหล่าสัตว์ทั้งหลาย การปะทะของผู้ปกครองดินแดนกับผู้หลบหนีออกจากฝูงไปอาศัยอยู่อย่างสันโดษนานครั้งจะมีสักหน หาใช่สิ่งที่พบเห็นกันบ่อย



ผู้รักสันโดษซึ่งมีขนสีเสมือนควันของเปลวเพลิงกำลังมอดไหม้นั้น โดยปกติทั่วไปเขาไม่ชอบการต่อสู้เสียเท่าไหร่ ฝูงล้วนมีแต่ความชิงดีชิงเด่นจึงสาเหตุที่หลบหนีออกมา และกลิ่นเป็นสิ่งนำพาเขามาที่นี่


ผ่านมาเนิ่นนานแดดที่เคยเปรี้ยงชักเบาบางจวนแทบจะหมดไป ท้องฟ้าเริ่มฉาบสีอัสดง แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขานัก การแกร่งแย่งกลับยิ่งทวีคูณความดุเดือด ต่างฝ่ายผลัดกันแลกหมัดอยางหนักหน่วงและบาดแผลตามร่างกายจากกรงเล็บซึ่งมีมากพอกัน นับเป็นเรื่องน่าจับตามอง หากผู้ปกครองแพ้ ต้องมีการคัดเลือกจ่าฝูงตนใหม่ หรือบางทีผู้ชนะอาจได้ก้าวขึ้นไปแทนที่ ความสูสีทำให้คาดเดาผลได้ยาก


ของเหลวสีเข้มตามกายไหลราวกับสายน้ำ ทว่าเขาทั้งคู่ได้หาสนใจไม่ กอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างไม่หยุดหย่อน สมาชิกเริ่มหวั่นเกรงว่าจ่าฝูงจะพ่ายแพ้ หากเข้าไปห้ามเท่ากับหยามศักดิ์ศรี จึงได้แต่สะกดกลั้นความต้องการที่จะช่วยเหลือของตนเอาไว้


อาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ยิ่งไม่ใช่ปัญหาสายตาของนักล่ายามราตรีมักมองเห็นได้ดีกว่าตอนกลางวัน ทว่าสิ่งที่เป็นปัญหาโดยแท้จริงนั่นคือความเหนื่อยและการบาดเจ็บสะสมหลังจากสู้ติดต่อกันมาหนึ่งชั่วยาม ส่งผลให้การเคลื่อนช้าลง เลือดซึ่งไหลออกมามากเกินไปกลายเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวง สภาพสะบักสะบอม ทรงยืนแทบไม่ไหว แต่ใช่ว่าจะหยุด เหยื่ออันโอชะถึงจะรสเลิศเพียงไหน แต่ต้องแย่งถึงขนาดแลกกับชีวิตตัวเองเลยอย่างนั้นรึ


หรือความเป็นจริงอาจมีเหตุผลอะไรซึ่งมากมายกว่านั้น


ที่ไม่อาจล่วงรู้ได้


อาการหอบแรงอย่างเห็นได้ชัดของทั้งคู่ต่างพาถอนหลังออกมาคนละสามก้าว ดูท่าฉากต่อสู้ใกล้ถึงจุดจบเข้าไปทุกที ใครจะแพ้หรือชนะ ยังไม่สามารถคาดคะเนได้เช่นเดิม เสียงกู่ก้องร้องเชียร์ดังขึ้นมาเป็นระยะ ราวกับว่าสัตว์ส่วนใหญ่สนใจการประชันมากกว่าเหยื่อ กลิ่นคาวกระจายฟุ้งกลบกลิ่นอันหอมหวานชวนกินเสียหมด



มือกำยำกำหมัดแน่นจนกรงเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ขู่ร้องอย่างสุดเสียงเรียกพลังใจรวบรวมพลังกายเฮือกสุดท้ายก่อนที่ทั้งสองจะวิ่งเข้าไปหาคู่ต่อสู้ทันที หมัดของผู้ที่มีขนสีเสมือนควันของเปลวเพลิงกำลังมอดไหม้ตรงไปยังใบหน้าของอีกฝ่าย และโดนสวนกลับมาในเวลาไล่เลี่ยกัน จนล้มหงายหลังไปทั้งคู่เสียงดังพอที่จะทำให้การเชียร์หยุดชะงัก


เพียงชั่วครู่เห็นร่างทั้งสองไม่ขยับจึงระเบิดเสียงเฮมาอีกครั้ง เหล่าสมาชิกตรงดิ่งเข้ามาดูอาการจ่าฝูงของตน นัยน์ตาทอดยาวไปยังดวงราดา เขาไม่แววที่จะลุกไปไหน ท่าทางอีกฝ่ายก็เช่นกัน





ผลการแข่งขันสรุปคือ


‘เสมอ’


ก่อนเหล่าสมาชิกจะประคองร่างผู้เป็นจ่าฝูงยืนขึ้น น้ำเสียงอันแผ่วเบาของผู้ครอบครองขนสีเทาเกือบทมิฬแทบกลืนหายไปกับสายลมเอ่ยบอกคู่ต่อสู้ว่า 'เหยื่อครั้งนี้เขาจะเป็นฝ่ายลามือ และจะไม่เข้ามาย่ำกายอีก จงทำตามใจปรารถนาเถิดบุตรอันเป็นที่รักของข้า เจ้าเติบโตขึ้นแล้ว จนข้าไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลเรื่องของเจ้าอีก หากประสงค์จะกลับไปข้าและฝูงยินดีต้อนรับเจ้าเสมออย่างลืมเสียล่ะ'



ตามความจริงจ่าฝูงยังไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ หากจะบอกว่าไม่ได้มีความสนใจเหยื่อเลยก็คงจะเป็นเรื่องโกหก แต่จุดประสงค์หลักของสิ่งที่เขาทำเพียงต้องการจะกระตุ้นการกระทำของอีกฝ่าย  เขามา ณ ที่แห่งนี้เพียงแค่มาตามกลิ่นของผู้เป็นบุตรชายเท่านั้น และได้เห็นแววตามองไปยังโลงสี่เหลี่ยมอย่างมีเลศนัยเป็นระยะเวลานาน ทั้งที่มาถึงเป็นอันดับแรก



แต่เหตุไฉนถึงไม่เข้าไปกัน นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจ อีกทั้งยิ่งเห็นสิ่งโปร่งใสถูกทำร้ายเขายิ่งมีอาการเหมือนกำลังโกรธ จึงต้องทำการกระตุ้นเสียนิดหน่อย กลับได้ผลเกินคาด ยิ่งทำให้ผู้เป็นจ่าฝูงเบาใจว่าเด็กน้อยไม่จำเป็นต้องดูแลอีกต่อไป


สมาชิกขับไล่สัตว์สายพันธุ์อื่นให้ออกจากบริเวณ จ่าฝูงและพวกได้กลับไปยังถิ่นฐานของตน ก่อนจะหายไปในป่าเขาได้ยินเสียงอันแวดแว่วว่า ‘ข้าขอโทษที่ทำร้ายท่าน..ท่านพ่อ’ รอยยิ้มเผยขึ้นบนมุมปาก อาจจะเหงานิดหน่อยแต่เขาไม่จำเป็นต้องดูแลแล้วจริง ๆ


ในขณะนี้บริเวณนั้นเหลือเพียงผู้ซึ่งนอนแน่นิ่งในโลงกับสัตว์ที่เพิ่งผ่านสังเวียนมาหมาดหมาดกำลังพยายามคืบคลานบนพื้นหญ้าผสมลูกรังไปยังร่างอันงดงามประทับอยู่ ไม่ว่าจะเห็นสักกี่ครั้งช่างเป็นสิ่งที่สะกดสายตาไม่เปลี่ยน กายอันบริสุทธิ์สว่างไสวจนตาพร่าทำให้เขาไม่กล้าเข้าใกล้ เนื่องจากกลัวร่างอันสกปรกของตนจะทำให้แปดเปื้อน


เขาพยายามทรงกายนั่งก่อนจะใช้เรียวนิ้วชุ่มเลือดสีเข้มแตะไปยังกระจกแก้ว เพียงแค่มองเล็กน้อยก็ทำให้ก้อนเนื้อที่อยู่ภายในสั่นไหว แสงจันทร์ซึ่งสาดส่องมายังร่างยิ่งดูสง่างามไปทุกส่วนจนไม่อาจสามารถหาสิ่งใดเปรียบเทียบได้ หยดน้ำตาราวกับหยาดเพชรน้ำหนึ่ง เขาโน้มศีรษะลงไปอิงกับสิ่งโปร่งใสระนาบเดียวกันกับใบหน้าขององค์ชาย ความเหนื่อยซึ่งถาโถมเข้ามาสายลมอ่อนเย็นชวนให้หนังตาเริ่มหนัก บาดแผลเหล่านี้พลังฟื้นฟูมีเหลือเฟือพักผ่อนคืนเดียว เดี๋ยวก็หาย





ความรู้สึกที่ไม่อยากให้ใครมาทำร้ายบ่อเกิดขึ้นในจิตใจ





หากไม่เข้าใกล้คงไม่สามารถกระทำได้




จงอย่ากังวลสิ่งใดเขาจะคอยระวังภัยให้อยู่ตรงนี้เอง




จนกว่า....






ออฟไลน์ Dreams of Flowers

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา END
«ตอบ #2 เมื่อ27-02-2016 16:12:52 »






……………..



แสงทองอุไรอุ่นละไมจากพระอาทิตย์ยามเช้าสาดแสงส่องไปทั่วทุกบริเวณ เสียงนกจิบจับซึ่งดังมาจากที่การไกล เสียงสัตว์ป่าเคลื่อนไหวเพื่อจะออกหากิน แต่สิ่งปลุกเขาจากการงีบหลับโดยแท้จริง คือเสียงฝีเท้าและจิตสังหารของสัตว์อื่นนับสิบซึ่งกำลังปรี่วิ่งเข้าใกล้ต่างหาก ชั่ววูบเขานึกว่าเหตุต่อสู้เมื่อคืนจะสามารถช่วยให้ผู้ล่าเหยื่อสังเวยเกิดความกลัวจนไม่กล้ากระทำสิ่งใดและเบาบางลงไปบ้าง ทว่าดูเหมือนคิดจะผิดอย่างมหันต์ 


ร่างซึ่งทรงกายยืนเต็มความสูงใบหูกระดิกเงียฟังเสียงสิ่งต่าง ๆ แววตาคมกริบพร้อมกับคิ้วซึ่งขมวด มองไปยังป่าลึกฝีเท้าที่ดังเกือบทุกทิศทาง กลับกลายเป็นเหมือนจะมากขึ้น หรืออาจจะมาสังหารผู้คุ้มกันอย่างเขาโดยเฉพาะเพื่อแย่งชิง ไม่ได้การขืนอยู่ที่แห่งนี้ต่อไป คงไม่ปลอดภัย แผลเพิ่งสมานตัวเพียงบางส่วน หลายจุดซึ่งหายช้ากว่าที่คาด หากฝืนเขาไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าจะต้านเอาไว้ได้นาน เผลอ ๆ อาจพลาดท่าจนเป็นอันตรายต่อร่างที่อยู่ในสิ่งโปร่งใสก็ได้ จะทำเยี่ยงไร เพื่อจะเป็นผลดีต่อร่างอันงดงาม


สมองอันน้อยนิดพลางก้มหน้าเล็กน้อยสายตามองไปยังพื้นแผ่นดินใช้นิ้วชี้ของมือข้างหนึ่งเกาคางครุ่นคิดหาวิธี


และการอาศัยอยู่ในที่สูง น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด


อย่างน้อยศัตรูบางส่วนไม่สามารถขึ้นมาได้


แล้วมันที่ไหนกัน ณ จุดนี้พอมีเนินหินสูงอยู่บ้าง ทว่าผู้ล่าส่วนใหญ่มักจะรู้จักกันไปเสียหมด ต่อให้อำพรางอย่างไร คงไม่พ้น ฉะนั้นต้องหาแห่งที่ดีกว่า มัวแต่คิดอยู่ที่นี่คงจะไม่ได้ หากเมื่อก่อนต่อให้ศัตรูนับพันเขาก็ไม่เคยคิดจะหนีเลยสักครั้ง  ทว่าครั้งนี้มันไม่ใช่ มันไม่เหมือนเดิมเพราะอันตรายไม่ได้ตกอยู่กับเขา..


แต่เพียง 'ผู้เดียว'


ไม่รอช้า เขาจัดการให้มือทั้งสองยกโลงกระจกขึ้นมาโอบอุ้มไว้ข้างลำตัวก่อนจะสาวก้าวถี่ระรัววิ่งเข้าไปในป่าใหญ่เพื่อออกห่างให้ไกลจากจุดนี้ เห็นภายนอกไม่ค่อยเท่าไหร่ พอเอาเข้าจริงหนักเอาเรื่องเหมือนกัน


ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาเจอร่างอันสง่าผู้เคยแจ่มใสร่าเริงในสภาพที่แน่นิ่งไปเช่นนี้


ถึงจะปรารถนามากเพียงใด


ทว่าเขาก็ไม่สามารถช่วยให้องค์ชายหลุดพ้นจากคำสาปร้าย เขาไม่อาจเอื้อมเพราะรู้ว่าควรอยู่ตรงจุดไหน สัตว์ก็ไม่ใช่ มนุษย์ก็ไม่เชิง แบบเขา ไม่คู่ควร ไม่ต้องให้ใครบอกก็รู้ในสถานะของตัวเองดี เฉพาะในเวลานี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาได้ใกล้ชิดองค์ชาย ชิดใกล้กว่าที่ผ่านมา แม้ถูกมองว่าฉวยโอกาสก็จะไม่สนใจ จะเฝ้าคอยระวังจนกว่าผู้ถอนคำสาปตัวจริงปรากฏกาย อย่ากังวลสิ่งใด ต่อให้แลกด้วยชีวิตก็ยอม


ความรู้สึกใคร่ครองต้องสะกดไว้ลึกในจิตใจ


อย่าให้ครอบงำจนกลายเป็นตัวเขาที่ทำร้ายองค์ชายมากที่สุด


ไม่รู้ว่าวิ่งมาไกลเท่าไหนคงเพราะตั้งหน้าตั้งตาสาวก้าวระรัวจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง บนพื้นสูงต่ำและขรุขระกับกิ่งไม้ที่เขาไม่ทันระวัง แรงสะเทือนก็มากพอที่จะทำให้บาดแผลเปิดของเหลวสีเข้มเริ่มไหลซึม ไม่วายแค่นั้น แรงฟาดจากกิ่งไม้บวกความเร็วจนบางครั้งหลบไม่ได้จนเกิดแผลใหม่ขึ้นมา


จากอุ้มไว้แนบข้างกลายเป็นแบกไว้บนหลัง เพื่อให้สิ่งโปร่งใสกระทบกับสิ่งรอบข้างเพียงเศษเสี้ยวที่เขาโดน เสียงฝีเท้าซึ่งยังคงไล่ตามอยู่ไม่ไกล


ตื้อเสียจริง ความหิวเริ่มย่างกรายเข้ามาเนื่องจากไม่มีอะไรตกถึงท้องมาเป็นเวลาหลายชั่วยาม ความหนักและกำลังกายร่อยหรอความเร็วช้าลง มีหวังอีกไม่นานคงถูกตามทันแน่ บางทีอยู่บนที่สูงคงไม่พอ ต้องเป็นสถานที่ซึ่งสามารถจะกลบกลิ่นอันหอมหวานนี้ได้ด้วย คงจะมีหรอกที่แบบนั้น


แสงรำไรซึ่งเห็นอยู่ปลายทาง


ขอเพียงอย่างเดียว อย่าให้เป็นพื้นที่โล่งกว้างเลย เพราะมันอาจจะทำให้สังเกตเห็นตัวได้ชัด


เข้าใกล้ไปเท่าไหร่ ความสว่างยิ่งจ้า


พาลทำให้แสบตาไปหมด


สัญชาตญาณบ่งบอกว่ากำลังจะถูกล้อม หากสภาพร่างกายพร้อมอาจชนะได้สบาย แต่นี่เรี่ยวแรงแทบจะไม่เหลือ


จะเบี่ยงไปทางซ้ายหรือขาว แม้กระทั่งถอยหลังก็ไม่ได้ ทางรอดสุดท้ายบีบบังคับให้ตรงไปเท่านั้น สายตาเหลียวมองไปยังใบหน้าซึ่งอยู่ในห้วงนิทราของคนเบื้องหลัง เสียงหอบระลอก หายใจไม่เป็นจังหวะ


หยุดเท่ากับตาย


ฉะนั้นจะยอมไม่ได้เด็ดขาด!! ต่อให้แรงไม่มีก็ต้องมี ต่อให้เหนื่อยแทบล้มอย่างไรก็ต้องไหว จงจำเอาไว้ว่าเขาไม่ได้ตัวคนเดียว!


ในบางคราวเขาก็อยากให้คำสาปไม่เสื่อมคลาย


เพื่อที่องค์ชายจะได้อยู่กับเขา..


ตลอดไป




แม้นจะรู้ดีว่าเป็นความคิดที่โง่เขลาแค่ไหนก็ตาม






ความเร็วซึ่งแผ่วลงหันสังเกตรอบข้างเริ่มมองเห็นตัวของผู้ล่าหน้าเดิมได้อย่างชัดแจ้ง ไม่ผิดแน่ พวกเดียวกันกับที่เคยเข้ามาทำร้ายองค์ชายเมื่อวาน เพราะว่าเขาบาดเจ็บจึงกล้าเข้ามาใกล้


ขอเตือนไว้สักอย่าง..


อย่านึกว่าเป็นเพียงสัตว์แล้วจะฉลาดน้อยดั่งที่มนุษย์คิด พวกเราก็มีกระบวนการวิเคราะห์เรื่องราวไม่แตกต่างอะไรกันมีแค่การสื่อสาร อีกทั้งภาษาของเราไปคนละทางเท่านั้น และยิ่งเห็นการกระทำของเขาจึงได้เข้าใจทันทีว่าเขาไม่ใช่ 'ผู้ล่า'


แต่เป็นผู้อุทิศตนเพื่อ 'ปกป้อง'


หากขจัดเขาออกไปได้ นับประสาอะไรกับอีแค่โลงที่กระแทกสองทีก็แตก ฉะนั้นอุปสรรคหนึ่งเดียวก็มีเพียงเขา เพราะเขารู้ว่าเป็นแบบนี้ เขาจึงต้องทุ่มกำลังให้เกินขีดจำกัดของตัวเอง แม้จะเกินขีดจำกัดไปแล้ว ก็ให้มันเกินเข้าไปอีก


ไม่ถึงสิบเมตรใกล้ถึงจุดที่มีแสงนั่นเต็มทน


อยากให้ความหวังของเขาเด่นสว่างเสมือนแสงนั่นบ้างเหลือเกิน


ยิ่งเข้าไปใกล้เพียงใด


สายลมอันเย็นยะเยือกจนน่าขนลุกยิ่งปะทะเข้าใบหน้า


ร่างโซเซแทบทรงเอาไว้ไม่ไหว ปรายมองด้านหลังเห็นศัตรูเกือบประชิดกาย รสชาติเลิศถึงต้องทุ่มเทไล่ตามมาจนขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรือ สัตว์อำนาจสูงส่วนมากมักมีอายุไขยืนยาวกว่ามนุษย์หลายเท่าตัว บางทีอาจจะเคยลิ้มลองเครื่องสังเวยมาแล้วติดใจจึงรอเวลานี้มาตลอดก็มีโอกาสเป็นไปได้


ยิ่งไตร่ตรอง ชีวิตเครื่องสังเวยชักไม่ปลอดภัยเข้าไปทุกที สีหน้าเอาจริงเอาจังของผู้ล่า คงไม่มีทางปราณีแน่ หากพลาดเขาอาจกลายเป็นอาหารของพวกนั้นเช่นกัน


แล้ว..ความรู้สึกของเขาเองล่ะ


มีมากขนาดไหน เหตุใดต้องทุ่มพลังกายใจไปมากมายอย่างนี้ ใช่ว่าองค์ชายจะจำเขาได้ หากฟื้นขึ้นมาก็ใช่ว่าจะซึ้งน้ำใจ ใช่ว่าจะรู้สึกแบบเดียวกัน เพียงเห็นก็คงจะมีแต่ความหวาดกลัว และวิ่งหนีไป


ดั่งที่มนุษย์ทั่วไปเขาทำกัน


ยิ่งใกล้รัศมีอันแจ่มจ้าสะท้อนเข้าดวงตาจนทำให้เขาเผลอหย่อยเปลือกตาลงตามสัญชาตญาณอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เท้าซึ่งยังเก้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เขาอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ ทว่ามันกว้างใหญ่เกินกว่าจะรู้จักสถานที่ได้ทั้งหมด และเขามักจะไม่ค่อยออกจากถ้ำในถิ่นฐานของตน เคยมาเป็นครั้งแรกย่อมไม่รู้ว่าจะมีอะไรรออยู่เบื้องหน้า


เสียงฝีเท้าของสัตว์อื่นหยุดชะงัก


กับเขาที่ไม่ได้นึกเอะใจ


คิดเพียงแค่ว่าสัตว์เหล่านั้นคงจะเหนื่อยแล้วถอดใจไปเท่านั้น


รอยยิ้มด้วยดีใจแฝงความอ่อนล้ากระตุกขึ้น


ก่อนจะหุบไปในทันควัน


พร้อมเปลี่ยนสีหน้าเป็นตื่นตระหนกแทน


เมื่อขาข้างหนึ่งก้าวออกไป...


กลายเป็นไม่มีพื้นแผ่นดินให้...


เหยียบยืน!!!!!!!!





กายเข้าโหมดปกป้องตัวเองชะงักทันควัน เปลือกตาซึ่งลืมขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติความรู้สึกหวิวบริเวณฝาเท้า ปรับภาพกะพริบถี่ พลางก้มมองไปยังเบื้องล่างและบริเวณรอบ ๆ ขาที่ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศน้ำหนักโลงทำให้ตัวเอียงไปด้านหน้า


ไม่น่ารอด


คงได้ตกลงไปแน่


   
ผาหินสูงต้นไม้ล้อมรอบกว้างเป็นทรงกลมเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะปรากฏขึ้นในป่าใหญ่ ก้มมองไม่เห็นพื้นด้านล่าง ซึ่งไล่ความสว่างจนกลายเป็นดำมืด ความหนักเทลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง จังหวะนี้ไม่มีเวลาให้ตรองคิดมากนัก ใช้แรงที่เหลือผลักโลงออกไปให้ห่างตัวเพื่อให้เขาตกลงไปคนเดียว


ทว่า


ทำเยี่ยงนั้น คิดว่าองค์ชายจะรอดแน่หรือ เพราะในเมื่อสัตว์ที่ไล่ตามมายังคงเฝ้ามองสถานการณ์อยู่ไม่ไกล มีหวังแค่โลงสัมผัสพื้นเพียงครู่เดียวคงได้ถูกรุมกัดกิน หากไฉนก็ต้องตกลงไปอยู่แล้ว สู้ดิ่งสู่พื้นเบื้องล่างพร้อมกันทั้งคู่เลยดีกว่า อย่างน้อยสามารถหนีห่างจากผู้ล่าเหล่านี้ได้ แต่จะรอดหรือไม่นั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง

 
ตัวเขาจะเป็นอย่างไรก็ช่าง เพียงองค์ชายเท่านั้นที่จะให้เป็นอะไรไปไม่ได้!


ไม่ได้เด็ดขาด!!!!


ดูเหมือนจะตัดสินใจได้ จากแบกไว้บนหลัง กลายเป็นอุ้มไว้ด้านหน้า และทิ้งตัวลงไปโดยไม่ลังเล ในขณะที่อยู่กลางอากาศได้ยินเสียงของแรงลมพร้อมกับฝีเท้าของเหล่าผู้ล่าได้วิ่งเข้ามาสังเกตการณ์อยู่ขอบผาด้วยแววตาอันโกรธเกรี้ยวและยิ้มเยาะให้กับความโง่ของเขาที่ปกป้องจนยอมสละได้แม้นชีวิตของตัวเอง  ไม่นานก็ถอดใจโดยแท้จริงและล่าถอยไปในที่สุด


จังหวะกำลังดิ่งลง เขาพยายามพลิกตัวให้แผ่นลำตัวขนานนาบไปกับพื้นเพื่อให้ตนเป็นฝ่ายรับแรงกระแทกเสียเอง ร่างที่ใหญ่กว่ากระจกใสพอสมควร ขาและแขนเกี่ยวโอบรอบล้อมด้วยแรงทั้งหมดที่มี ใบหน้าไร้เดียงสา กายอันสง่ายังคงแน่นิ่งอยู่ในลักษณะเดิม


นัยน์ตาสีทองมองไปบนขอบฟ้าสีครามซึ่งเริ่มห่างออกไปเรื่อย ๆ 


มีก้อนเมฆปุกปุยประปราย


จิตใจขอวิงวอนภาวนา


ให้สิ่งเปราะบางได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยทีเทอญ   





ความสูงกว่าร้อยเมตร เมื่อถึงพื้นไม่มีทางเลยที่จะไม่บาดเจ็บ แรงกระแทกอันหนักหน่วงทำให้เผลอคลายขาแขนออกจากสิ่งโปร่งใสและได้กลิ้งไกลไปอีกทาง เลือดสีเข้มกระอักออกมาจากริมฝีปากนับจนไม่อาจนับครั้งได้ แขนที่พยายามยก ร่างที่พยายามจะลุก แม้นกายที่พยายามจะพลิกยังทำไม่ได้ ณ เวลานี้การขยับตัวกลายเป็นเรื่องยากสำหรับเขา บริเวณรอบข้างเป็นเพียงพื้นหญ้าโล่งกว้าง มีโขดหินบ้างนิดหน่อย แววตาพลางเหล่จับจ้องเพียงร่างซึ่งอยู่ในกระจกใส

 
คำเอ่ยขอโทษที่เอ่ยออกมาจากดวงใจ


เขาอาจจะไม่สามารถปกป้องต่อไปได้แล้วจริง ๆ


หากมีปาฏิหาริย์ ก็อยากจะวอนขอให้เขาได้ลุกไหว


เผื่อหากจะต้องตาย เขาก็อยากสิ้นลมหายใจเคียงข้างร่างขององค์ชาย


ความเสน่หามักเกิดได้ทุกที่และทุกเวลา โดยไม่จำเป็นต้องพูดคุยกัน ไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน ไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ ไม่ต้องกระทำสิ่งใด ๆ สำหรับบางคนเพียงเห็นก็เกิดความรู้สึกว่า 'รัก' ได้


โดยไม่หวังแม้สิ่งตอบแทน


ยินดีที่จะให้ มากกว่าจะเป็นฝ่ายรับ


น้อยคนนักที่จะเป็นแบบนี้


หากนึกย้อน ความรู้สึกเหล่านั้นคงจะบ่อเกิดขึ้นในจิตใจนับตั้งแต่วันที่พบองค์ชายซึ่งยังเป็นเพียงแค่ทารกน้อยซึ่งถูกทิ้งในกลางป่าใหญ่ เสียงร่ำไห้โยเยเป็นสิ่งชักนำให้เขาเดินเข้าไปหา ร่างเล็กเท่าท่อนขาอยู่ห่อผ้าสีฟ้า มีเส้นผมเพิ่งขึ้นได้เล็กน้อยสีเงิน ดูใสสะอาด จนไม่อาจจะแตะต้อง มือข้างหนึ่งเปื้อนคาบเลือดแถมเปรอะแทบจะทั่วร่างกายเนื่องจากเพิ่งสังหารเหยื่อมนุษย์สามสี่ตนไปหมาด ๆ เขาวิ่งตามเหล่ามนุษย์ที่เหลือรอด แต่ได้มาพบกับสิ่งประหลาด


เขาจึงหยุดไล่ตามและเบนความสนใจไปให้สิ่งประหลาดที่เขาพบเจอแทน สิ่งนี้หากจำไม่ผิดคงจะเป็นลูกมนุษย์ ในความนึกคิดเพียงแค่อยากจะปลอบประโลมให้หยุดหยี่ตาร้องไห้เพียงเท่านั้น


จึงได้โอบอุ้มขึ้นมา


และโยกลำตัวไปมาอยู่เพียงสองสามครั้ง


อ้อมแขนอันอวยอุ่นได้คายความหนาวเหน็บ


ทำให้ทารกหยุดแน่นิ่งและลืมตา


เมื่อเห็น แทนที่ทารกน้อยจะร้องไห้อีกครั้งด้วยความน่ากลัวในใบหน้าของเขา แต่กลับหัวเราะร่าขึ้นมา พอยีเขี้ยวใส่ยิ่งทำให้ชอบใจเข้าไปใหญ่  ความสดใสไร้เดียงสา การกระทำที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา โดยไร้ซึ่งการหลอกลวง ได้ไปทำลายธารน้ำแข็งซึ่งสุดแสนจะเย็นชาในจิตใจ ถึงกระนั้นก็ไม่อาจจะเก็บไว้ข้างกาย หากอยู่กับสัตว์อย่างเขาคงจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตดั่งมนุษย์ปกติ


จะเก็บภาพนี้ไว้ให้ลึกสุดหัวใจ จะไม่มีทางลืมมันไปอย่างแน่นอน


ใกล้บริเวณได้มีฐานทัพราชาของมนุษย์กำลังอาศัยอยู่ เพื่อตัวของทารกน้อยเอง ต้องไปอยู่กับบุคคลเหล่านี้ แล้วชีวิตจะสุขสบาย ปลอดภัย เขามั่นใจเช่นนั้น


เขาใช้เวลาสามวันในการเดินทางเมื่อมาถึงในเวลาค่ำคืนจึงย่องเท้าเข้าไปใกล้  สร้างเสียงประหลาดเพื่อให้ทหารยามวิ่งไปอีกทาง ก่อนจะเร่งฝีเท้าไปยังหน้าที่ประทับ


วางทารกน้อยลงอย่างเบาแรง มองใบหน้าเพื่อจดจำอีกสักครั้ง


ก่อนจะกลับเข้าไปในป่าใหญ่  เพื่อแอบซุ่มดูสถานการณ์


สามวันที่ได้เลี้ยงดู เขาสนุกมาก เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เมื่อทารกน้อยไม่เห็นใบหน้าของเขาเกิดร่ำไห้ขึ้นมาอีกครั้ง เขาอยากจะเข้าไปปลอบดั่งเคยได้แต่กำมือแน่นสกัดกั้นอารมณ์เอาไว้ และเฝ้ารอดูเหตุการณ์ต่อไป


ไม่นานนัก เสียงที่ร้องดังทำให้ผู้ที่เรียกตนว่าราชาได้ออกมาดู


เมื่อพบเห็นทำให้ราชาถึงกับหลั่งน้ำตา พร้อมรีบอุ้มขึ้นมาพลางเอ่ยว่า 'ลูกของพ่อ'


สัญชาตญาณเขาช่างแม่นยำ ราชาผู้นี้คงจะออกมาตามหาบุตรของเขา ซึ่งถูกขโมยไปในยามที่เดินรัดผ่านป่าไปยังอีกดินแดนหนึ่งแน่ เพียงเท่านี้ เขาเบาใจและรีบถอยห่างจากบริเวณ


   
หยาดฝนจากท้องฟ้าหล่นกระทบกับใบหน้าและร่างกายปลุกเขาให้ลืมตาและตื่นขึ้นมาจากความฝัน ซึ่งมักจะฝันเห็นเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง ตัวเขาที่ไม่อาจรู้ว่าหมดสติไปนานเท่าใด แต่บริเวณรอบข้างได้แปรเปลี่ยนเป็นทุ่งดอกไม้อันแสนสวยงามแทน ร่างกายซึ่งเหมือนจะขยับได้ตามปกติ เมื่อสติสตางค์เริ่มคงที่




เขาได้รีบมองหาสิ่งโปร่งใสทันที









ออฟไลน์ Dreams of Flowers

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา END
«ตอบ #3 เมื่อ27-02-2016 16:16:08 »







นัยน์ตาสีทองเพ่งมองอย่างถ้วนถี่ทั่วทุกมุมท่ามกลางสายฝน จนไปสะดุดกับสิ่งโปร่งพ้นโผล่ออกมาจากมวลหมู่ดอกไม้เพียงแค่คืบ แม้ตอนนี้จะเป็นยามกลางวัน ทว่าท้องฟ้าอันมืดครึ้มปกคลุมไปจนสุดลูกหูลูกตา สร้างความรู้สึกห่อเหี่ยวอย่างบอกไม่ถูก กายซึ่งทรงยืนอย่างสั่นสะท้านราวกับว่าไม่ได้ขยับร่างมานานหลายปีก้าวไปยังสถานที่โลงประทับ พอไปถึงเขาค่อย ๆ ใช้ทั้งสองมือแหวกลำต้นหลากชนิดออก

   
จิตใจวูบพร้อมกับดวงตาที่หย่อนลงด้วยความหวาดกลัว กลัวจะรับไม่ได้ในสิ่งที่จะเห็น เขาไม่รู้ว่าจะรับในสิ่งที่ไม่คาดฝันได้แค่ไหน หากพบกับข่าวร้าย เขาไม่มั่นใจว่ายังจะคุมสติไว้ได้อยู่  ถ้าต้องเสียไปแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวไปแล้วเขาจะมีชีวิตได้อย่างไร บุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของเขาหวังว่าจะยังคงมีร่างอยู่ในสิ่งโปร่งใส
   

หากไม่มีจะสูดกลมกลิ่นที่ติดตรึง แม้จะน้อยนิด เขาก็ตามล่าและสังหารทิ้งซะ อย่าหวังว่าจะรอด! ไม่เพียงผู้กระทำ แต่สายพันธุ์นั้นจะต้องดับสิ้นด้วย!
   

ไม่มีทางให้อภัย!โทษทัณฑ์จะต้องตายสถานเดียว!
   

ลำต้นของดอกไม้ซึ่งแทบจะแหลกคามือ เมื่อรู้สึกตัวจมูกทมิฬจึงสูดอากาศรอบข้างเข้าไปอย่างเต็มปอด ข่มอารมณ์เกรี้ยวโกรธของตน ก่อนจะผ่อนออกอย่างเชื่องช้า ทำซ้ำหลายหน
   

ตั้งสติใหม่
   

ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้น อย่างลุ้นระทึก
   

ก้อนเนื้อเต้นแรงระรัวไหวเสียดแทงจนเจ็บจี๊ด
    

ดวงตาสีทองเปิดทีละนิด
   

เห็นร่างนี่ยังคงนอนสงบนิ่ง ณ จุดเดิม เขาจึงได้ปลดลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก กายโน้มลงใบหน้าข้างหนึ่งแนบลงบนฝาโลง วงแขนซึ่งโอบเอื้อมไว้อย่างทะนุถนอมสัมผัสโลงอันเย็นเฉียบ ทว่าในใจกลับรู้สึกอบอุ่น บางทีไม่ต้องอยู่ในที่สูงก็ได้ อยู่ในหลุมลึกก็สามารถปลอดภัยได้เช่นกัน
   

หลังจากนั้น เขามักจะใช้เวลาส่วนมากนั่งอยู่เคียงข้างร่างขององค์ชาย พร้อมกับมือทั้งสองกำของแข็งตะไบโขดหินขนาดสูงประมาณสองคืบ ความยาวเทียบเท่าโลง เขาคัดสรรจากบริเวณรอบข้างเป็นอย่างดี เพื่อให้เป็นพื้นเรียบสามารถนำกระจกใสขึ้นไปประทับได้
   

เหตุผลที่เขากระทำ เพียงแค่คิดว่าไม่อยากจะให้ร่างขององค์ชายอยู่บนพื้นดินควรจะอยู่บนที่สูงกว่านี้เท่านั้น ไม่รู้ว่าต้องใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่ ผ่านมานานแค่ไหน ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเขายังคงทำต่อไปเรื่อย เนื่องจากไม่มีเนื้อสัตว์ ร่างกายจึงปรับสภาพให้ดำรงชีวิตอยู่ได้โดยการกินดอกไม้ที่อยู่รอบตัว
   

บาดแผลย่อมมีบ้างในระหว่างกระทำ ขนบริเวณสองข้อนิ้วได้ถูกเสียดสีไปกับพื้นแข็ง จนไม่มีเหลือสักเส้น แถมดันไม่มีขึ้นมาใหม่ เพราะรูขุมขนอาจจะตายด้านหลายหนเข้าจึงไม่อาจสร้างขึ้นมาอีกได้
   

ใช้ชีวิตแบบนี้สำหรับเขาก็มีความสุขดี ทว่าคงไม่ดีกับตัวองค์ชายแน่ โลงยังคงดูดกลืนพลังชีวิตอย่างไม่สามารถหยุดได้  ใจหนึ่งก็อยากให้ผู้ถอนคำสาปปรากฏกายอย่างเร็วไว
   

แต่อีกใจก็ไม่อยากจะให้ผู้ใดมาพรากช่วงเวลานี้ไปจากเขาเช่นกัน
   

วันคืนปีหมุนเวียนเปลี่ยนผันไม่รู้จักกี่รอบ ในที่สุดฐานรองโลงก็ทำเสร็จสิ้น ปาดเหงื่อบนใบหน้าออกเล็กน้อย ก่อนจะยกสิ่งโปร่งใสขึ้นมาประทับ พร้อมเด็ดดอกไม้หลากสีมาประดับอย่างประณีต นั่งพักขัดสะหมาดโดยใช้คางเท้าเทินไปยังโขดหิน แขนแนบอยู่ข้างลำตัว นัยน์ตาคมมองไปยังใบหน้าขององค์ชายไม่ว่าจะสักกี่ครั้ง ก็ไม่มีทางเบื่อ ภารกิจต่อไปก็คงจะเป็นขุดอุโมงค์เพื่อเป็นประตูทางออกจากหุบเหวลึก เปิดช่องสำหรับผู้ที่จะมาถอนคำสาปให้เข้ามาได้
   

ในวันต่อมาเขาจัดการสร้างอุโมงค์ที่อยู่ไม่ไกลจากกระจกใสมากนักในทันที กรงเล็บนักล่าใช้แทนจอบเสียมจ้วงขุดอย่างรีบเร่ง เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าผิวร่างขององค์ชายซีดลงเล็กน้อย โชคดีที่ผนังของหุบเหวลึกเป็นดิน การขุดจึงไม่ใช่เรื่องยากเสียเท่าไหร่ อาจจะเร็วกว่าที่คาดก็ได้ แม้จะไม่รู้ว่าจะทะลุไปยังที่ใดก็เถิด
   

เขาเพิ่งจะคิดได้ว่า เหตุใดเขาถึงไม่ขุดอุโมงค์ตั้งแต่ทีแรก ไปมัวนั่งตะไบหินอยู่ทำไม ทั้งที่สิ่งสำคัญที่สุดคือชีวิตขององค์ชาย เรื่องกระจกใสจะถูกตั้งอยู่ในที่สูงต่ำสำคัญกว่าไฉนหรือเป็นเพราะความต้องการซึ่งซ่อนลึกอยู่ภายในใจ เขาอยากจะยืดเวลาที่ได้อยู่กับองค์ชายออกไปกัน
   

แม้นจะพยายามสะกดไว้ แต่ก็เผลอเผยออกมา
   

ต่อให้รู้ตัวก็เกือบจะสายจนเกินไป
   

กรงเล็บจ้วงขุดอย่างไม่หยุดพัก คมเล็บเริ่มทู่ลงทีละเล็ก ทีละน้อย ทว่าเขาไม่มีวี่แววว่าจะใส่ใจ ยังคงทำต่อไปแม้นรู้ว่าจะเกิดผลเสียมากมายตามหลังก็ตาม
   

สิ่งแหลมคมสำคัญราวกับชีวิต ความแหลมคมเหลือชั้นกว่าสัตว์ชนิดอื่น จนทำให้เป็นที่เกรงกลัว หากเสียไปดุจสัตว์ร้ายซึ่งไร้คมเขี้ยว ไม่น่าเกรงขามเหมือนดั่งเคย บางชนิดที่มีความแค้นกับสายพันธุ์นี้ อาจฉวยโอกาสเข้ามาทำร้าย ทว่าเขาก็ยอมแลกสละไปโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ
   

เพราะความรู้สึกมหาศาลในจิตใจ หากเพื่อองค์ชายสามารถทำให้เขายอมแลกได้ทุกอย่าง
   

ได้ทุกอย่างโดยแท้จริง


ผ่านมาเกือบอาทิตย์ สำเร็จไปกว่าครึ่ง ทว่ายังคงช้าอยู่ ร่างองค์ชายซีดลงทุกวัน เป็นสิ่งเตือนใจได้อย่างดีว่าเวลาชีวิตใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว เขาได้ตัดเวลานอนของตัวเองทิ้งไป เหลือเพียงเวลาที่ได้เห็นใบหน้าขององค์ชายเพียงเสี้ยวนาทีกับเวลากินเติมพลังเท่านั้น
   

เขาเร่งขุดไปทั้ง ๆ ที่ในใจเต็มไปด้วยคำคัดค้านและคำถกเถียง
   

เหตุใดเขาต้องสร้างหนทางเพื่อให้ผู้อื่นเอาตัวองค์ชายเป็นจากเขาด้วย
   

เพื่อให้องค์ชายมีชีวิตต่อไป
   

เหตุใดหากจะตายถึงไม่ตายไปพร้อมกัน
   

เพื่อให้องค์ชายจะได้อยู่มองโลกที่แสนจะกว้างใหญ่
   

เหตุใดคนที่ถอนคำสาปถึงไม่ใช่เขา
   

เพราะไม่คู่ควร
   

เหตุใดทุ่มเทไปมากมาย สุดท้ายก็มีเพียงเขาซึ่งเจ็บปวดอยู่ฝ่ายเดียว
   

เพราะให้ความรู้สึกไปโดยที่ไม่เจียมตัว ทำแบบนี้คือสิ่งที่ดีต่อชีวิตองค์ชาย แม้เขาจะต้องทรมานไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะหายก็ตาม ความรู้สึกนึกคิดซึ่งเห็นแก่ตัว จะถูกกลบไปด้วยความคิดที่อยากจะทำเพื่อองค์ชาย ไม่ว่าจะอย่างไรความสุขขององค์ชายก็ยังเหนือกว่าความต้องการของเขาเอง
   

หากคำสาปถอนก็คงจะเข้าพิธีแต่งงานอยู่กินกับบุคคลนั้นไปจนแก่เฒ่าเคียงคู่กัน ในขณะที่เขายังคงโดดเดี่ยว ความยุติธรรมมันอยู่ตรงไหน ทำไมเขาถึงเกิดเป็นสัตว์ ทำไมถึงไม่เกิดมามียศถาบรรดาศักดิ์เทียบเท่า
   

เพราะเหตุใด
   

เหตุใด
   

ควักหัวใจออกมาแล้วโยนทิ้งไป ความรู้สึกเหล่านี้จะจางหายหรือไม่ จะยังคงรู้สึกอยู่หรือเปล่า ยิ่งใกล้ทะลุไปเท่าไหร่ ความปรารถนาที่ไม่อยากสูญเสียไปยิ่งเพิ่มขึ้น จนแทบจะควบคุมไม่อยู่ หากผู้ถอนคำสาปปรากฏกายต้องพยายามหักห้ามเพื่อไม่ให้ลงมือฆ่า กลายเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน
   

ความสว่างเล็กน้อยที่เห็นหากลงแรงทำลายอีกเพียงครั้งเดียว คงได้ทะลุไปอีกฟาก เขากำลังทำเพื่อองค์ชาย เพราะฉะนั้น ความรู้สึกบ้าบอซึ่งต้องปาทิ้งไปซะ ไปพร้อม ๆ กับหมัดสุดท้ายนี้
   

ตูม!!
   

เศษดินกระจายตามแรงหมัดไปเกลื่อนบริเวณด้านนอก ทะลุมายังที่ซึ่งดีกว่าที่คาด ดีเกินไป เวลาจะได้อยู่กับองค์เหลือน้อยเต็มทน หมู่บ้านห่างออกไปไม่ถึงสองกิโล
   

คำสาปคงจะถูกคายในไม่ช้า เขาเดินกลับไปในเส้นทางเก่าด้วยความรู้สึกละเหี่ยใจและอ่อนแรง ไปทรุดตัวนั่งข้างโลงและมองจ้องโดยไม่เบนสายตาไปทางอื่น มองเพียงองค์ชายคนเดียวเท่านั้น ใบหน้าซึ่งเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีก องค์ชายในไม่ช้าก็คงจะกลายเป็นของคนอื่น
   

เขาไม่มีทางจะทำอะไรได้อีกแล้ว
   

เนิ่นนานที่เขายังคงนั่งนิ่งเหม่อมองอยู่อย่างนั้น ร่างไม่ไหวติง กรงเล็บซึ่งไร้ความแหลมคมแตะไปยังโลงบริเวณใบหน้าขององค์ชาย ก่อนจะตามด้วยศีรษะตัวเองเข้าไปถูไถ หย่อนตาหลับพริ้ม
   


ในใจร่ำร้องเรียก
   

องค์ชาย...
   


องค์ชาย......
   


องค์ชาย...........     
   


องค์ชาย.................
   


องค์ชาย.........................
   


อึก...
   


ความโศกเศร้าเจ็บระทมดั่งมีดนับสิบ หอกนับพัน พุ่งตรงเข้ามาในหัวใจของเขา ความรู้สึกที่รู้ว่าจากนี้ต่อไม่อาจจะมาพบหน้าองค์ชายได้อีก มันช่างทรมานเสียจนจะรับเอาไว้ไม่ไหว ความเสน่หาซึ่งถลำไปเกินกว่าจะตัดขาดได้อย่างง่ายดาย เขาไม่รู้จะขจัดออกไปได้อย่างไรเลยจริง ๆ
   


เสียงฝีเท้าหนักแน่น เดินมาอย่างมั่นคงของสองขา กลิ่นกายราวมนุษย์ ตรงมาจากทางเข้าที่เขาสร้างไว้ ผู้ถอนคำสาปกำลังจะมาถึง ไม่อยากจากแค่ไหน
   


ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้
   


ตัวประกอบอย่างเขา
   


ไม่ว่าอย่างก็ต้องแพ้พระเอกตัวจริงอยู่ดี
   


เสียงย่างก้าวใกล้เข้ามา เขาจึงทรงกายยืนอย่างเหนื่อยล้า นี่เป็นครั้งสุดท้าย สุดท้าย จะเก็บเอาไว้ให้อยู่ในส่วนลึกภายในใจ อยู่ในกล่องความทรงจำอันแสนล้ำค่า ครั้งสุดท้าย เพราะครั้งสุดท้ายเขาจึงขยับกายเข้าไปประชิดโลงอีกสักนิด จะโค้งกายก้มลงชิดใกล้
   



ก่อนจะประทับริมฝีปากของตัวเองลงไปอย่างแผ่วละมุนบนริมฝีปากขององค์ชาย โดยมีกระจกใสกั้นกลางระหว่างกัน หยดน้ำตาที่ไหลรินอย่างเอื่อยอ่อย ทั้งสองด้านถูกอ้อมแขนกำยำอันอ่อนโยนยกขึ้นมาโอบกอดเอาไว้
   



ไม่เคยคิดแม้อยากจะจาก
   



ทว่าในที่สุดได้ถึงคราวต้องอำลา
   


ลาก่อน...
   


ขอให้เจ้าจงพบแต่ความสุข
   


ดวงใจของข้า









-END-

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา END
«ตอบ #4 เมื่อ27-02-2016 20:13:39 »

ฮืออออ ไม่จบแบบนี้ได้มั้ยคะคนเขียน
ร้องไห :mew4: :mew4:

ออฟไลน์ Dreams of Flowers

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา END
«ตอบ #5 เมื่อ27-02-2016 20:24:58 »

ฮืออออ ไม่จบแบบนี้ได้มั้ยคะคนเขียน
ร้องไห :mew4: :mew4:


ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ ความจริงยังมีตอนพิเศษเพิ่มอีกสองตอนค่ะ ><

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
Re: (เรื่องสั้น) เจ้าหญิงทรา END
«ตอบ #6 เมื่อ28-02-2016 00:08:19 »

END
เจอคำนี้แล้วสตั้นนเลยค่ะ
อยากให้สมหวังจัง

ออฟไลน์ Dreams of Flowers

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0




เจ้าหญิงนิทรา
ตอนพิเศษ 1






   
ฝีเท้าของบุคคลหนึ่งผู้ครอบครองร่างอันองอาจผมซอยสั้นสีทองเข้ากับรูปหน้าทรงชุดสง่าดูผ่าเผยได้หยุดลงตรงหน้าโลง ในมือถือด้ามดาบน่านเกรงขามสีน้ำเงินแกะสลักลวดลายสวยงามย้อนยุคสมัยราวกับเป็นสิ่งตกทอดกันมาอย่างยาวนานของต้นตระกูลชั้นสูง แววตาปรายมองสิ่งรอบข้าง แม้นจะเงียบสงัดและไม่พบผู้ใดนอกเสียจากร่างขององค์ชาย

 
           
ทว่าสิ่งโปร่งซึ่งดูสะอ้านตาจนผิดสังเกตเหมือนกับถูกดูแลมาอย่างดีและมีร่องรอยคล้ายเคยมีผู้พักอาศัยอยู่ที่นี่ ก่อนเขาจะมาเพียงไม่กี่วินาทีและอาจจะเป็นคนเดียวกันที่สร้างอุโมงค์นำทางเขาเข้ามา

 
           
เศษดินด้านนอก รอยขุดซึ่งดูใหม่ อาจจะยังคงไปได้ไม่ไกล แต่น่าแปลกในระหว่างย่ำเท้าตามช่องทางเขาก็ไม่เห็นว่าจะได้เดินสวนทางกับผู้ใด หายไปได้อย่างไร ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ทว่าหาใช่เวลาจะไปสงสัยไม่ นัยน์ตาวกกลับมาจับจ้องที่องค์ชาย ผิวกายซึ่งดูซีดลง

 
           
“จงวางหทัย ข้าจะปลดปล่อยเจ้าเอง”

 
           
น้ำเสียงกล่าวด้วยความมั่นใจ ไม่รอช้าชักสิ่งของที่อยู่ในมือออกมาทันที ดาบซึ่งทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดีความแวววาวสามารถสะท้อนภาพได้ดั่งกระจกเงา ปลายแหลม และความคมดุจดั่งนำหอกนับพันมาหลอมรวมกันเป็นดาบด้ามเดียว สะบั้น ฟาดฟันได้เกือบทุกสิ่งอย่าง สิ่งโปร่งใสแสนจะบอบบางไม่อาจจะหลุดพ้นได้


           
เรียวแขนชูสิ่งของในมือขึ้นเหนือศีรษะ


           
ได้ยินมาว่าโลงมีเกราะป้องกันที่แข็งแกร่ง หากปรารถนาจะฟาดฟันให้แหลกสลากเพียงดาบเดียว คงต้องออกแรงกันเสียหน่อย

 
           
“ข้าตามหาเจ้ามาตลอด ในที่สุดก็ได้พบ”

 
           
น้ำเสียงเจือความดีใจและรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้า แรงแขนซึ่งกำลังเหวี่ยงลงมากับหนึ่งสายตาเหม่อมองเหตุการณ์ จนกว่าจะเห็นองค์ชายฟื้นขึ้นมา เขาไม่สามารถจากไปได้อย่างสบายใจ คมเล็บแม้นจะทู่แต่ความกำแน่นของหมัดเพื่อสะกดกลั้นความต้องการก็ยังสามารถจะสร้างบาดแผลได้เหมือนกัน

 
           
เพียงแค่นิดเดียว
       
           
แต่ทว่า....

           
แรงเหวี่ยงซึ่งยังไม่ทันได้ถึงสิ่งโปร่งใส

           
ได้หยุดชะงัก


           
เนื่องจากเกิดเรื่องประหลาดขึ้น เมื่อโลงผละแยกจากกันทั้งสี่ด้านโดยที่ยังไม่ได้แตะต้องอันใด หล่นไปยังพื้นด้วยสภาพไร้การแตกหัก สร้างความงงงวยให้กับชายหนุ่มผมทองอายุรุ่นราวเดียวกันกับองค์ชายไม่ใช่น้อย ก่อนจะค่อย ๆ เก็บสิ่งแวววาวกลับลงไปในฝักดาบดั่งเดิม  กายขยับเข้าไปใกล้ เขาค้นหาวิธี รวบรวมมามากมาย เพื่อที่จะทลายคำสาปให้จงได้  การสละตนเพื่อบ้านเมืองเฉกเช่นนี้เขาได้คัดค้านมาตั้งแต่ต้น ทว่าองค์ชายไม่ฟังเขาเลย

 
           
ด้วยความผูกพันกันมาแต่วัยเยาว์ เมื่อไม่ฟัง เขาไม่อาจจะปล่อยให้องค์ชายจบชีวิตไปแบบนี้ เขาไม่มั่นใจว่าความรู้สึกของตนไปในทิศทางไหน เป็นความรักในรูปแบบใด ทว่าเขาไม่สามารถปล่อยวางเรื่ององค์ชายได้จากใจจริง

 
           
กายซึ่งทรุดลงนั่ง เข่าและขาจรดเท้าแนบไปกับพื้นหญ้า มือซึ่งลูบไล้ไปยังใบหน้า ไม่ว่าจะเหตุผลใด แม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขาจะรักษาสิ่งนั้นไว้อย่างมั่นคง มือซึ่งหยุดแน่นิ่งอยู่บริเวณโหนกแก้มสัมผัสละไม ก่อนจะโน้มกายลงอย่างเชื่องช้า

 
           
วิธีแรกซึ่งลือกันอย่างหนาหูเป็นอันดับหนึ่ง

 

ก็คือการ ‘จุมพิต’


           
การจุมพิตด้วยแรงปรารถนาทั้งหมดส่งผ่านไปยังริมฝีปากเพื่อปลุกให้เจ้าชายนิทราตื่นและหลุดพ้นจากคำสาปร้ายเพียงแค่สัมผัสบางเบาก็สามารถทำให้ฟื้นขึ้นมาได้ จริงหรือหลอกไม่อาจล่วงรู้ คงมีแต่ต้องลองพิสูจน์ดูเท่านั้น ไม่ว่าจะวิธีแบบไหน อันตรายอย่างไรหากหลุดพ้นได้เขายินดีที่จะทำ หากองค์ชายเป็นอะไรไปเขาไม่มีทางที่จะให้อภัยตัวเอง ผิวกายของเครื่องสังเวยที่เคยซีด ได้กลับมาเป็นเช่นเดิม


           
ใบหน้าซึ่งกำลังประชิด


           
นัยน์ตาหย่อนจนคล้อยหลับ

 
           
อีกหนึ่งสายตาซึ่งแทบจะสะกดความรู้สึกเอาไว้ไม่ได้

 



           
“ช..ช้าก่อน!”

 

เสียงห้ามปรามซึ่งดังขึ้นอย่างตะกุกตะกักจากคนที่ไม่ควรจะพูดได้ มือสั่นไหวที่ยกขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้ อีกข้างทาบไปยังอกอันผาดผึ่งของอีกฝ่ายเพื่อดันตัวให้ออกห่าง น้ำเสียงคุ้นหู สัมผัสที่คุ้นชิน เปลือกตาจากที่เคยนิ่งสนิทของหนุ่มผมทองได้เปิดออกอย่างเนิบนาบ จนลืมขึ้นมาเต็มดวง นัยน์ตาซึ่งประสานกันกับคนตรงหน้าอยู่นั้น


           
เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

 
           
เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ ดั่งกับอยู่ในความฝัน

 
         
ประหลาดยิ่งนัก

 
           
ทั้งที่เขายังไม่ได้กระทำสิ่งใดเลย เหตุไฉน เครื่องสังเวยถึงได้ฟื้นตื่นขึ้นมากัน ทำไมถึงช่างง่ายดายไม่เหมือนกับที่เคยได้ยินมา เป็นเรื่องซึ่งสร้างความแปลกใจให้เขาอีกครั้งและหนึ่งสายตาที่มองเหตุการณ์ก็ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน แต่ทว่าในความนึกคิดของเขา มนุษย์สีผมดุจแสงอาทิตย์สาดส่องตนนั้น คงจะเป็นผู้ถอนคำสาปตัวจริง เพราะยังไม่ได้ทำอะไร คำสาปก็สามารถหลุดออกได้อย่างไม่ยาก แทบจะไม่ลงแรงเสียด้วยซ้ำ

 
           
เวลาของเขาที่จะได้เห็นใบหน้าขององค์ชายจวนจะหมดลงเต็มที

 
           
ที่เหลือก็คงมีแต่ รอให้ทั้งคู่พากันเดินทางออกห่างจากบริเวณ

 
           
ผืนฝ้า บรรยากาศของวันนี้ช่างดูสดใส ดูสดใสจนเกินไป สายลมพัดเอื่อยอ่อย เสียงสัตว์น้อยใหญ่กำลังครื้นเครง ราวกับทุกอย่างส่งนำดลบันดาลให้องค์ชายจากเขาอย่างเร็วไว โดยไร้สิ้นอุปสรรค

           
แต่ต่อให้องค์ชายจากไป เขาก็ยังจะอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้

           
เพราะเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ

           
เพื่อต่อลมหายใจ

     
เป็นสถานที่...ซึ่งเขาเคยอาศัยอยู่กับองค์ชาย

         
อย่างมีความสุข

 

หนุ่มผมทองมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างเลิ่กลั่ก มือสากที่ผ่านความลำบากมานับไม่ถ้วนสะท้านไหวค่อย ๆ ตรงเข้าไปสัมผัสเส้นผมก่อนจะลูบอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาซึ่งเริ่มคลอ องค์ชายจึงนำมือออกจากริมฝีปากของตนเอง หยดน้ำเริ่มหลั่งริน เมื่อเห็นเช่นนั้นทำให้ใบหน้าขององค์ชายเผยรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกับใช้หัวแม่มือเอื้อมเข้าไปเกลี่ยน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้ม


           
ภาพนี้สร้างความแสบทรวงให้กับอีกหนึ่งสายตาที่เฝ้ามองอยู่การณ์ไกลดั่งมีคนใช้คมมีดเฉือนกรีดก้อนเนื้อในอกของเขาให้แหลกละเอียดจนไม่เหลือชิ้นดี!

 

“เจ้ายังขี้แยไม่เปลี่ยนเลยนะ”

           
ถ้อยคำที่องค์ชายเอื้อยเอ่ยราวกับรู้จักชิดสนมกันมาเป็นเวลานาน ยิ่งไปเพิ่มความเจ็บระบมให้กับดวงใจของเขา

         
ช่วยรีบออกไปจากที่นี่เสียทีจะได้ไหม ก่อนที่เขาจะทนไม่ไหว จนเผลอกระทำอะไรตามสัญชาตญาณอย่างสิ้นคิด หมัดที่กำแน่นถึงจะรู้สึกเจ็บ แต่ไม่อาจเทียบเท่ากับหัวใจของสัตว์ดั่งเขาในตอนนี้ แขนซึ่งยกขึ้นมาแนบไว้กับโขดหิน ก่อนจะโน้มศีรษะเข้าไปใกล้

 
           
ข้าไม่อยากจะเห็นสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว..

 

อสูรร้ายนึกคิดในใจพร้อมกับปิดเปลือกตาลง ถึงจะไม่เห็น ทว่าหูก็ยังคงได้ยิน

           
เมื่อสติเริ่มเข้าที่เข้าทาง หนุ่มผมทองจึงใช้อ้อมแขนโอบพยุงร่างเจ้าชายลุกขึ้นนั่งอย่างระมัดระวัง เนื่องจากองค์ชายเพิ่งฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน หากลุกพรวดพราดอาจจะทำให้เกิดอาการหน้ามืด ร่างกายที่ไม่เคยได้ขยับ อาจจะยังไม่ค่อยได้เป็นดั่งใจนัก กายซึ่งเขยื้อนอย่างช้าเนิบหันเข้าหายังร่างของหนุ่มผมทอง

           
ขาที่หย่อนลงทว่ายังไม่ทันได้แตะถึงพื้น เข่าข้างหนึ่งของอีกฝ่ายที่ตั้งชันขึ้นพร้อมกับมือซึ่งรวบขาอันเรียวเล็กทั้งสองขององค์ชายไปประทับไว้
 
           
ก่อนที่นิ้วแกร่งจะเคล้าคลึงบีบนวดลงไปอย่างเบาแรง ใบหน้าเปื้อนยิ้มซึ่งเงยขึ้นพร้อมมองสบตากับองค์ชายอยู่เป็นระยะ ความรู้สึกคิดถึงคะนึงหาถ่ายทอดออกมาทุกอณูที่สัมผัส

           
“จ..จะ.. เจ้าไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ ..พะ พอได้แล้ว”

           
สีหน้าระเรื่อขององค์ชายพร้อมน้ำเสียงดูท่าจะเขรอะเขินกล่าวปราม อีกฝ่ายแสดงใบหน้าแคลงใจ

         
“ทำไม.. ข้าบีบแรงไปหรือ”

           
ก่อนจะเอ่ยด้วยความกังวล เมื่อเห็นเช่นนั้น องค์ชายจึงส่ายหัวไปมาบางเบา

           
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก เพียงแค่ข้า... เอ่อ..ข้า”

           
แววตาที่เบี่ยงหลบไปมองทางอื่นขององค์ชายพร้อมใบหน้าแดงจัดราวกับมะเขือเทศผลสุกงอม

           
“อุ๊บ! ฮ่า ฮ่า! ดูหน้าเจ้าสิ ฮ่า ฮ่า! เอาเป็นว่าข้าเข้าใจแล้ว”

           
มือซึ่งหยุดชะงัก สิ้นคำพลางขำออกมาชุดใหญ่ มือขององค์ชายนาบไปตรงแก้มของตัวเอง รู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด การหยอกล้ออย่างกระหนุงกระหนิงยิ่งพุ่งทิ่มแทงในจิตใจดุจหอกนับแสนกระหน่ำตรงเข้ามาทะลวงอย่างไร้ความปราณีของอีกตนที่กำลังได้ยินทุกถ้อยคำ  ถึงแม้จะไม่อยากจะฟังแค่ไหนก็ตาม

         
   
“เดี๋ยวเถอะ! เดี๋ยวข้าจะฟ้องท่านพี่ ว่าเจ้ารังแกข้า”


           
องค์ชายทำท่าทางขมึงตึงใส่ เมื่อได้ยินเช่นนั้นเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายได้เงียบงันทันควัน นัยน์ตาดูอ่อนลง ราวกับมีความรู้สึกในใจอะไรบางอย่าง           

           
“ข้าล้อเล่น..”  องค์ชายเอ่ยอย่างรู้สึกผิด

           
“ข้ารู้”  อีกฝ่ายตอบออกมาในทันใด

           
เขารู้....องค์ชายได้แต่ตรึกตรองในใจ หากเขารู้แล้วเหตุไฉนถึงต้องทำหน้าเศร้าเยี่ยงนี้ เมื่อเอ่ยถึงท่านพี่ แววตาคู่นั้นได้สื่อบางสิ่งออกมา ในขณะที่เขาอยู่ในห้วงนิทรา ไม่รู้ว่าผ่านมาเนิ่นนานแค่ไหน ไม่รู้อีกว่าได้เกิดเหตุการณ์อะไร แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ใจคนย่อมเปลี่ยนแปลง

           
ชายหนุ่มผมทองได้ทรงกายยืนขึ้น และดูกลับมาเป็นปกติ มือซึ่งยื่นมาตรงหน้าองค์ชายโดยไม่สบตา

           
“กลับไปที่อาณาจักรกันเถิด ทุกคนกำลังรอเจ้าอยู่อย่างมีความหวัง หากรู้พบว่าจะหลุดพ้นได้คงต้องจัดงานฉลองครั้งใหญ่อย่างแน่แท้”

           
มือที่นิ่งสนิทอยู่ข้างลำตัวขององค์ชาย รอยยิ้มกระตุกขึ้นมาอย่างเศร้าสร้อย

           
“ข้ากลับไปไม่ได้หรอก”

           
ประโยคที่ได้ยินทำให้อีกฝ่ายหันกลับมาประจันหน้ากับองค์ชายทันทีด้วยความไม่เข้าใจ

           
“ท..ทำไม...เหตุผลของเจ้าคืออะไร ในเมื่อคำสาปเสื่อมคลาย แล้วเหตุใด เจ้ายังกลับบ้านเมืองไม่ได้”

           
เสียงเครือเอ่ยถามพร้อมดวงตาที่เริ่มคลออีกครั้ง

           
“ข้าขอโทษ”  องค์ชายเอ่ยด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างลึกล้ำ

           
“ข้าไม่อยากได้ยินคำนี้ สิ่งที่ข้าต้องการคือเหตุผล หรือคำสาปยังไม่ได้ถอนออกอย่างแท้จริงใช่ไหม.. ข้าว่าแล้ว ถึงว่าทำไมถึงช่างดูง่ายดายนัก”

           
เขาเอ่ยพลางหัวเราะออกมาเล็กน้อย พร้อมมือที่ชักกลับไปอยู่ข้างลำตัว ยิ่งเห็นชายหนุ่มผมทองเป็นเช่นนี้ ยิ่งสร้างความรู้สึกผิดจนล้นใจ


           
“ไม่ใช่!... คำสาปถอนแล้ว ถอนออกอย่างหมดสิ้น”

 
           
องค์ชายไม่นึกคิดอยากจะเอ่ยประโยคนี้ออกไป ทว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
 
           
“แต่ผู้ที่ถอนคำสาป...”

           
นัยน์ตาขององค์ชายเบี่ยงวูบลงมองพื้น ก่อนจะกลั้นใจเอ่ยเสียงซึ่งแทบจะกลืนหายไปกับสิ่งรอบตัว

 




“ไม่ใช่เจ้า!”

 



“ฮะ ฮะ เจ้าล้อข้าเล่นใช่ไหม หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าไม่ใช่ข้า”



น้ำเสียงเปล่งหัวเราะอย่างฝืดฝืนสื่อถึงความเจ็บปวดจนปริ่มล้น ทวีคูนความรู้สึกผิดในจิตใจขององค์ชาย แม้นไม่อยากจะเอ่ยออกไปแม้แต่น้อย ทว่าความจริงอย่างไรก็คือความจริง ไม่อาจปฏิเสธได้ เมื่อองค์ชายรู้ดีอยู่แก่ใจว่า ‘ใคร’ คือผู้ถอนคำสาป ‘ตัวจริง’

           
“ห..หมายความตามดั่งที่ข้าพูด”

           
คำกล่าวเฉลยอย่างติดขัดขององค์ชายราวไม่อยากจะเอ่ยออกมาสร้างความระทมให้กับชายหนุ่มผมทองอย่างมาก และเข้าใจได้ทันทีว่าต่อให้ถามย้ำอีกสักกี่รอบ คำตอบที่ได้กลับมาก็คงดังเดิม ยิ่งตอกซ้ำความรู้สึกซึ่งเป็นในตอนนี้ ช้าเกินไปอย่างนั้นรึ นี่เขาศึกษามาอย่างหนักเพื่ออะไร บทสรุปสุดท้ายคนที่ปลดปล่อยองค์ชายไม่ใช่ตัวเขา

 
           
ไม่ใช่เจ้า..

 
ไม่ใช่เจ้า..

           
สมองนำคำพูดขององค์ชายดังขึ้นมาวนเวียนซ้ำเล่า 


           
ไม่ใช่เขา.. ทำไมถึงเป็นเช่นนี้

 
ทั้งที่..

 
ทั้งที่...

 
สัญญาไว้แล้วแท้ ๆ

           
เรียวนิ้วอันบอบบางซึ่งเอื้อมนาบลงมาบนแก้มของเขาพลางเกลี่ยอะไรบางอย่าง เป็นสิ่งที่ดึงสติของชายหนุ่มผมทองให้กลับมาและพบกับร่างขององค์ชายที่ทรงกายยืนอยู่ตรงหน้าแทบประชิดตั้งแต่เมื่อไหร่ตัวเขาไม่ทันได้รู้ตัว แววตาใสที่มองมาอย่างกังวลพร้อมน้ำตาซึม หัวแม่มือที่กำลังเกลี่ยหยาดน้ำตาซึ่งไหลออกมาจากความเศร้าสร้อยอย่างไม่สามารถห้ามได้

           
“ข้าขอโทษ ข้าโทษจริง ๆ เจ้าอย่าร่ำไห้ไปเลยนะ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษที่ไม่สามารถกลับไปยังบ้านเมืองพร้อมเจ้าได้ อึก ข้า...ขอโทษ ข้า....ขอโทษ”

 
แม้นองค์ชายจะกล่าวบอกให้เขาหยุดร่ำไห้ ทว่าตัวเองดันมาร้องเสียเองแบบนี้ ใช้ได้ที่ไหน แต่คนที่ใช่ไม่ได้โดยแท้ ควรจะเป็นตัวเขามากกว่า

 
ทำไมข้าถึงไร้ประโยชน์อย่างนี้..

 
ชายหนุ่มผมทองสบถต่อว่าตัวเองในใจ พร้อมกับนำมือไปเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าขององค์ชายเช่นเดียวกัน เพียงชั่วครู่ได้รวบกายองค์ชายเข้าไปโอบกอดไว้แนบแน่นพร้อมกับใช้มือลูบแผ่นหลังขององค์ชายอย่างปลอบโยน องค์ชายซุกหน้าลงบนอกอันผาดพึงได้กลิ่นอันแสนคุ้นเคย เด็กขี้แยคนนั้นกลายเป็นชายที่พึ่งพาได้ไปเสียแล้ว

 
เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นชายผมทองตรงหน้า องค์ชายก็ทราบได้ในทันใดว่าเขายังคงรักษาสัญญาที่ให้ไว้อย่างแน่วแน่ ทว่าคำมั่นที่ให้ต่อกันไว้ดันกลายเป็นสิ่งผูกมัดทั้งตัวและหัวใจของเขา หักห้ามเพื่อไม่ทำในสิ่งที่ตนต้องการอย่างแท้จริง เพราะความเดียงสาในวัยเยาว์ยังไม่เข้าใจในความหมายของคำว่า ‘รัก’ อย่างลึกซึ้ง

 
เพราะคำมั่นที่ให้ไว้ต่อกันในตอนนั้น องค์ชายไม่เคยนึกคิด ว่าจะทำให้เขาเจ็บปวดใจถึงเพียงนี้ แม้ตัวของหนุ่มผมทองอาจจะไม่รู้ถึงความรู้สึกและเฝ้าหลอกตัวเองมาตลอดก็ตาม

 
คำที่องค์ชายเอื้อนเอ่ยว่าชายหนุ่มผมทองไม่ใช่ผู้ถอนคำสาป ทำให้อีกตนซึ่งกำลังฟังทุกอย่าง ลืมตาขึ้นมาด้วยความตกตะลึงอย่างลุ้นระทึก หากไม่ใช่ชายหนุ่มผมทองแล้วจะเป็นผู้ใด เพราะในเมื่อเวลาที่ผ่านมา ยามอยู่ในห้วงนิทราเขาคือผู้เดียวซึ่งอยู่เคียงข้างองค์ชาย

 
ทว่า..คงไม่ใช่ อาจจะเป็นใครก็ได้ อาจจะเป็นใครคนสักคน ในจังหวะที่เขาเผลอ สมองเอ๋ยเจ้าอย่าจงคิดเข้าข้างตัวเองอีกเลย ไม่มีทาง เพราะสัตว์เยี่ยงเขา...

 
ไม่คู่ควร..

 
“เจ้าหยุดร่ำไห้ได้แล้ว ข้าหยุดแล้วเห็นไหม”

 
องค์ชายละใบหน้าออกห่างจากแผ่นอกเล็กน้อย พลางเงยใบหน้ามอง

 
“โกหก เจ้าไม่ได้หยุดร้องเสียหน่อย”

 
น้ำเสียงกล่าวงึมงำในลำคอพร้อมหน้ามุ่ย เมื่อเห็นเช่นนั้นหนุ่มผมทองถึงกับอมยิ้มเพราะความน่ารักน่าหยิกขององค์ชาย ก่อนจะคายวงแขนกอดร่างบอบบางไว้อย่างหลวม ๆ ศีรษะซึ่งโน้มลงอย่างเนิบนาบจนหน้าผากของทั้งสองแนบชิด นัยน์ตาประสานสักพักก่อนทั้งคู่จะปิดเปลือกตาลงและพร้อมแล้วสำหรับการเอ่ยความในใจ ดั่งวันเก่าที่เราเคยให้คำมั่นเมื่อครั้นเยาว์วัย

 
“หากเจ้าประสงค์เช่นนั้น ข้าจะไม่บังคับเจ้า แต่บอกข้าหน่อยได้ไหม ว่าผู้ใดคือผู้ถอนคำสาปตัวจริง ข้าขออภัยจากก้นบึ้งในจิตใจที่ข้าไม่สามารถรักษาสัญญาข้อหนึ่งที่เคยให้ไวกับเจ้าได้ ข้าขอโทษ”

 
เขาเป็นฝ่ายเริ่มเอ่ยก่อนด้วยถ้อยคำจากความรู้สึกโดยไร้สิ้นการโป้ปด ความจริงเขาไม่เป็นจำต้องขอโทษขอโพยด้วยซ้ำ เพราะเขาไม่ได้ทำผิดแต่อย่างใด และเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ชายหนุ่มผมทองรักษาสัญญาอย่างคงมั่น องค์ชายชักรู้สึกสงสารท่านพี่ขึ้นมาเสียแล้วสิ ท่านพี่ที่อยู่เคียงข้างชายหนุ่มผมทองมาตลอดคงจะปวดช้ำหทัยน่าดู

 
“ไม่เป็นเช่นนั้นหรอก เพราะในส่วนหนึ่งเจ้ายังคงรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับข้าได้อยู่นะ หากเจ้าไม่มาข้าอาจจะสิ้นชีพไปแล้วก็เป็นได้ เพราะคนที่อยู่กับข้ามาตลอดไม่รับรู้เลยสักนิดว่าคำสาปได้เสื่อมคลายมาเนิ่นนานแล้ว”

 
องค์ชายเอ่ยตอบพร้อมเฉลยข้อเท็จจริง ทว่าเพียงเท่านี้ไม่อาจทำให้ชายหนุ่มผมทองหายสงสัยได้

 
“ข้ายังไม่ค่อยเข้าใจ ช่วยขยายความหน่อยได้ไหม”

 
อีกตนที่กำลังฟังทั้งคู่สนทนาอย่างตั้งใจ ทว่าเขาก็ยังไม่กล้าที่จะมองเหตุการณ์อยู่ดี สัญชาตญาณร้องเตือนว่าเขาไม่ควรจะเงยขึ้นมองตอนนี้ องค์ชายได้ยินเช่นนั้น จึงนึกย้อน ตั้งแต่วันที่โลงกระจกล่วงหล่นกระทบพื้น นั่นก็คือวันที่คำสาปได้เสื่อมคลาย ทว่าด้วยฤทธิ์เดชของสิ่งโปร่งใสไม่ยอมเสียเหยื่อของตนไป จึงสะกดองค์ชายไว้ไม่ให้สามารถขยับกายหรือลืมตาขึ้นมาได้ หากไม่ทำลายโลงด้วยจิตใจอันแน่วแน่ องค์ชายก็จะไม่ถูกปลดปล่อยโดยแท้จริง วันคืนผันเปลี่ยนต่อจากนั้นองค์ชายรับรู้ทุกสิ่งอย่างรอบกายด้วยเสียง


 
จึงรับรู้ถึงการกระทำของบุคคลที่ดูแลเอาใจใส่องค์ชายอย่างดีด้วยความรักและความอ่อนโยนอยู่เสมอ องค์ชายกระตุกยิ้มบนมุมปากเล็กน้อย

 

“เอาเป็นว่าเพราะเจ้าทำลายโลงยังไงล่ะ ข้าจึงได้ถูกปลดปล่อย ฉะนั้นเจ้ารักษาสัญญาได้แล้วนะ ไม่ต้องกล่าวโทษตัวเอง หากไม่เป็นเพราะเจ้า ข้าคง..ไม่สามารถมายืนพูดคุยกับเจ้าได้เยี่ยงนี้ ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริง ๆ”

 
องค์ชายกล่าวอย่างสุดซึ้งถ้อยคำเรียบง่าย ทว่าสามารถชะล้างความรู้สึกอันทรมานได้เบาบางลงไปบ้าง 

 

“เจ้ายังไม่ได้ตอบอีกคำถาม”

 
ชายหนุ่มผมทองเอ่ยทวงเมื่อคำตอบที่ตนอย่างจะทราบมากที่สุด ไม่ได้ถูกเอ่ยถึงขึ้นมาสักที

 
“ความจริงข้าเองก็ยังไม่รู้แน่ชัดเหมือนกัน รอให้ขอมั่นใจกว่านี้ก่อน”

 
องค์ชายกล่าวเสียงเอื่อย เนื่องจากตนไม่รู้ถึงรูปร่างหน้าตาของผู้ที่ถอนคำสาปให้แม้แต่น้อย จึงทำให้องค์ชายรู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก และชายหนุ่มผมทองไม่นึกคิดว่าองค์ชายจะตอบออกมาเช่นนี้ จึงไม่รู้จะกล่าวพูดอะไรต่อ

 
“จริงสิ!”

 

ดูเหมือนองค์ชายจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงโพล่งเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง จนทำให้ชายหนุ่มผมทองเผลอลืมตาขึ้นมามอง ก็พบว่าองค์ชายได้ลืมตาอยู่ก่อนแล้ว

 

“เจ้า เจ้า ในขณะที่เจ้ามาที่นี่ เจ้าได้สวนทางกับผู้ใดหรือไม่”

 
องค์ชายเอ่ยถามอย่างหน้าตาตื่นด้วยน้ำเสียงรีบเร่ง

 
“เอ๊ะ...ไม่ ข้าไม่ได้สวนทางกับผู้ใด”

 
เขาตอบตามความเป็นจริง เมื่อได้ยินแบบนั้นองค์ชายได้ครุ่นคิดพลางแสดงท่าทางกระวนกระวายทันควันในบรรยากาศซึ่งมีเพียงเสียงสายลมพัดผ่าน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อครู่ยังนิ่งสงบอยู่เลย มือที่พยายามดันกายของตนออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่มผมทองและเขาเองก็ปล่อยโดยง่าย พลิกตัวกลับก่อนจะใช้สายตากวาดมองไปรอบบริเวณ สังเกตทุกอย่างแบบละเอียด

 
ไม่ผิดแน่

 
“เจ้ายังอยู่ที่นี่ใช่ไหม”

 
แววตาซึ่งกำลังมองหาอะไรบางอย่างขององค์ชายพลางเอ่ยกับผู้ใด ชายหนุ่มผมทองก็ไม่ทราบเช่นกัน ได้แต่มองเหตุการณ์อย่างงุนงง ทว่าสัตว์อีกตนจากบทสนทนาทั้งหมดจะเป็นตัวเขายังไม่แน่ชัดนัก ควรจะนิ่งไว้ก่อนดีกว่า

 
“อยู่ใช่ไหม ข้าได้ยินเสียงหายใจคำรามของเจ้า เวลาที่กำลังเจ็บปวดของเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้ายังอยู่ที่นี่”

 
เสียงหายใจคำราม ชายนุ่มผมทองได้เคลือบแคลงใจกับคำเอ่ยนี้ ปกติมนุษย์เรามีเสียงหายใจคำรามด้วยอย่างนั้นรึ

 

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่มนุษย์”

 
ชัดเจน ชายหนุ่มผมทองถึงกับตกใจในสิ่งที่ได้ยิน เดี๋ยวสิไม่ใช่มนุษย์ เรื่องอะไรกันเนี่ย และอีกตนที่กำลังได้ยินคำร้องเรียกขององค์ชายก็รู้สึกตกใจไม่แพ้กัน

 
องค์ชายนิ่งงันชั่วครู่ มองดูผลตอบรับ ทว่ายังคงไร้วี่แวว จึงสบโอกาสเอ่ยต่อ

 

“เจ้ามีขนสีเสมือนเปลวเพลิงกำลังมอดไหม้ รู้หรือเปล่าว่ามีเศษขนของเจ้าหล่นบริเวณรอบข้างข้ามีทั้งใหม่และเก่า จงแสดงตัวตนออกมาเถิด ข้าอยาบพบหน้าเจ้า”

 
น้ำเสียงที่กำลังอ้อนวอนขององค์ชายกำลังเรียกเขาให้ออกไปเผชิญหน้า ทำให้สัตว์อย่างเขาเผยรอยยิ้มอย่างดีใจ ก่อนจะผละศีรษะออกจากเรียวแขนเงยขึ้นอยู่ในระดับเดิมพลางสังเกตเหตุการณ์

 
องค์ชายกำลังเรียกเขา..

 
องค์ชายกำลังเรียกเขาอยู่

 
อดที่จะดีใจไม่ได้

 
ขาซึ่งเตรียมจะก้าวออกไปเพื่อเผยตัวตน

 
ทว่า..ได้หยุดชะงักกลางคันเมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่า..ตนไม่คู่ควร หากอยู่ด้วยกันจะไม่สุขสบายเหมือนดั่งอยู่กับมนุษย์ แววตาซึ่งจ้องไปยังชายหนุ่มผมทอง ก่อนจะย้อนกลับมามองที่ตนเอง สภาพช่างต่างกันลิบลับ สัตว์ที่สกปรกมอมแมมไร้ยศฐาบรรดาศักดิ์ กับหนุ่มอีกคนที่เพียบพร้อมไปเสียทุกสิ่ง ไม่ว่าจะรูปลักษณ์การแต่งกาย ช่างเหมาะสมกันแตกต่างจากเขาซึ่งมีเพียงขนยาวยุบยับปกคลุมทั่วร่างมากมายเหลือเกิน ไม่มีอะไรที่สามารถสู้ได้สักอย่าง

 
องค์ชาย...


ควรจะกลับไปอยู่ในสถานที่ซึ่งควรจะอยู่

 
เขามั่นใจในฝีเท้าพอสมควร

 
แค่หลบหนีไปสักพัก รอให้ทั้งคู่ออกห่างจากบริเวณแล้วค่อยกลับมาใหม่

 
เมื่อตัดสินใจได้ เขาโกยอากาศเข้าปอด ฝีเท้าถอยไปสองสามก้าว เตรียมกาย..


 

แล้ว.....วิ่ง!!!!

 

รวดเดียวให้ถึงทางออก แบบที่องค์ชายกับชายหนุ่มผมทองจะไม่รู้สึกตัว

 

 

ตุบ ตับ ตุบ ตับ ตุบ ตับ


 
ด้วยร่างกายที่สูงใหญ่เวลาวิ่งจึงเกิดเสียงเป็นจังหวะ และต่อให้วิ่งได้เร็วแค่ไหน ก็ยังไม่หลบซ่อนกายได้

 

“อ๊ะ เห็นแล้ว แต่เดี๋ยวสิ นั่นเจ้ากำลังจะไปไหน”

 
แย่แน่ เขาพยายามเร่งฝีเท้าอย่างสุดกำลัง เพื่อให้องค์ชายไม่สามารถวิ่งตามมาได้

 
“เดี๋ยวสิ รอข้าก่อน”

 
เสียงซึ่งดังตามหลัง ทว่าสัตว์ตนนั้นไม่มีท่าทางจะสนใจและหยุดวิ่งแต่อย่างใด องค์ชายจึงเตรียมกายจะวิ่งตามไปด้วย ทว่าก่อนจะวิ่งไป

 

“นั่นคือผู้ที่ถอนคำสาปให้ข้า.. ข้าไม่สามารถปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวได้ และคำสัญญาข้อที่บอกว่าหากคำสาปจางหายจะแต่งงานกับเจ้า สุดท้าย ข้าขอโทษที่ไม่อาจรักษา ตอนนี้เจ้ากำลังเจ็บปวดใจ ลองตรึกตรองหาสาเหตุดูสิ แล้วเจ้าจะรู้ว่าไม่ใช่เป็นเพราะข้า”

 
ชายหนุ่มอึ้งกับสถานการณ์จึงได้ยืนฟังองค์ชายแน่นิ่ง ร่ายยาวอย่างรีบร้อนมาเป็นชุด และดูท่าจะไม่หมดแค่นี้

 
“อีกอย่างข้าฝากความคิดถึงให้ท่านพี่ด้วย เดินทางมาด้วยกันใช่ไหม ข้าได้กลิ่นเครื่องหอมที่ท่านพี่ใช่ประจำบนกายของเจ้า ฝากบอกท่านพ่อและท่านแม่ว่าข้าสบายดี ข้ากำลังจะไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง และสุดท้ายจริง ๆ ข้าขอบคุณเจ้ามาก ฮานิล.. สหายรักของข้า ลาก่อน..”

 

สิ้นคำซึ่งเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอันสดใสองค์ชายไม่เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มผมทองได้เอ่ยพูดตอบอะไร ได้พุ่งกายวิ่งออกไปทันที หากองค์ชายประสงค์เช่นนั้นเขาก็ไม่ขัดข้อง บางประโยคที่เขาไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่สักวันเขารู้สึกได้ว่าจะต้องเข้าใจได้แน่ อสูรร้ายในตำนานตนนี้เป็นผู้ถอนคำสาปอย่างนั้นรึ ไม่อยากจะเชื่อ แต่แปลกยิ่งนักจากสภาพสิ่งรอบกายที่เห็นเขารู้สึกได้ว่า..

 

มนุษย์หมาป่าตนนั้นถนอมองค์ชายราวกับสมบัติล้ำค่า ต้องปกป้ององค์ชายยิ่งกว่าชีวิตของตนแน่

 
“ข้าขอให้เจ้ามีความสุขในสิ่งที่เจ้าเลือก”

 
ชายหนุ่มผมเหม่อมองแผ่นหลังขององค์ชายยิ้มส่งพลางเอ่ยอย่างปลอดโปร่งราวกับแก้ไขในสิ่งกวนใจมาเป็นระยะเวลานานเสร็จสิ้น ทว่ายังคงเหลืออีกเรื่องก็หวังว่าคงจะเคลียร์ได้ในเร็ววัน

 

 
อีกหนึ่งตำนานซึ่งไม่เคยถูกเล่าขาน..

 
ด้วยเรื่องวิธีการถอนคำสาปหาใช่การจุมพิตหรืออื่นใดไม่

 
แต่เป็น ‘ความรัก’ ที่มาจากดวงใจอันแท้จริง

 

 

 

 

 
-END-




ว่าจะอัพวันอังคาร แต่เปลี่ยนใจอัพวันนี้รวดเดียวเลยดีกว่าค่ะ ยังเหลือตอนพิเศษอีก 1 ตอนนะคะ 



ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
อร้ายยย คุณคนเขียนน เอาน้ำตาที่เราเสียไปคืนมาา555
ท่านอสูรจะวิ่งหนีไปทำไมคะ ให้องค์ชายวิ่งตามได้ไง
องค์ชายรีบวิ่งจับให้กลับมาเลยเพคะ :impress2:

ออฟไลน์ yunjae123

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
สนุกๆๆๆชอบๆๆๆ
คือแบบองค์ชายโชคดีมากๆๆๆๆๆๆ
ที่มนุษย์หมาป่ารักขนาดนี้
ขอให้องค์ชาติวิ่งตามทันนะ ลุ้นๆๆๆ~~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JARKISREAL

  • [ ฉันเอง ]
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-2
องค์ชายย กลับมาาาาา

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
อยากอ่านตอนพิเศษที่เหลือเร็วจังค่ะ TT

ออฟไลน์ natt lUcky

  • อะโย่ อะเย่
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
งื้อ รอตอนพิเศษอีกตอนนะคะ

ออฟไลน์ ศตรัศมี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอตอนพิเศษอีกตอนนะฮับ

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
กรี้ดดด แกจะวิ่งหนีทำม้ายยย แกเป็นคนแก้คำสาปนะเฮ้ยยยย

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
น่ารักก รู้สึกตัวอยู่ตลอดเลยย
รอค่ะะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :ling1:

ขอตอนพิเศษอีกกกกกกกก สนุกมากเลยค่ะ น้ำตาซึมด้วย  :hao5:

ออฟไลน์ Malila

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
รอค่าาา

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อ่านไปร้องไห้ไป บีบหัวใจกันสุดๆเลย องค์ชาย TTTOTTT

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
น่ารักมากเลยค่าเรื่องนี้

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เรื่องนี้น่ารักมากเลยค่ะ ชอบ  รอตอนพิเศษตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ขอให้หาเจอแต่ป่านนี้มนุษย์หมาป่าคงเหมือนมนุษย์ไปแล้วขนก็หลุดเล็บก็สั้น  มีลุ้นคู่องครักษ์กับท่านพี่ใช่มายย

ออฟไลน์ love noon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
อร๊ายยย รอๆ อยากเห็นตอนเค้าป๊ะกัน คุณหมาป่าน่าจะมุ้งมิ้งอยู่นะ

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
ชอบค่ะ รอออออออ

ออฟไลน์ มาม่าหมูสับ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอาใจช่วยให้องค์ชายได้อยู่กับพระเอกสักที  :ling3:

ออฟไลน์ sinavalon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ  :-[

ออฟไลน์ love noon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ไม่ได้ลืมกันน้าาาา :ling1:

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากเลยจ้า แต่ค้างค่า องค์ชายจะตามทันรึเปล่าเนี่ย
ตอนพิเศษอีกตอนละคร้า

ออฟไลน์ Raina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ทำไมชื่อเรื่อง "เจ้าหญิงทรา" เหรอคะ? น่าจะเป็น "เจ้าชายนิทรา" มากกว่า 555

อ่านถึง END ตอนแรก สตั้น...แบบว่าเรื่องนี้ต้องการสื่ออะไร? รักโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน???

ตอนพิเศษ 1 น่ารักดีค่ะ ยังเล่นซ่อนแอบกันไม่เลิก รอตอนต่อไปนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด