ชีวิตที่ขาดเธอ
[กานต์...วันนี้พี่เก็บเงินซื้อของที่เราอยากได้มาให้แล้วนะ มาเจอกันตอนไหนดีล่ะ หืม..]
น้ำเสียงนุ่มทุ้มกล่าวออกมาอย่างดีใจของปลายสาย ทว่าไม่ได้กระตุ้นอารมณ์ของผมให้ดีขึ้นตามแม้แต่น้อย
“พี่ศรครับ..ของนั่นผมไม่ต้องการมันแล้ว!”
ผมปฏิเสธออกไปอย่างเสียงแข็งโดยไม่รักษาน้ำใจของอีกฝ่าย เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะถามออกมาด้วยเสียงเครือสั่น
[ทำไมล่ะกานต์ ยังงอนพี่อยู่อีกเหรอ โธ่..คนดีหายโกรธพี่เถอะนะ]
“ไม่ครับ กว่าจะซื้อให้ผมได้ก็ผ่านมาตั้งสามวัน พี่ยังคิดว่าผมจะอยากได้มันอีกเหรอ”
[….] ปลายสายไร้การตอบกล่าวผมจึงสบโอกาสพูดต่อ
“และอีกอย่างนะครับเลิกโทรมาหาผมสักที ผมรำคาญครับ ผมบอกเลิกพี่ไปแล้ว เพราะฉะนั้นเลิกยุ่งกับผมเถอะ ผมเบื่อเต็มทน! ไม่อยากคุย ไม่อยากได้ยินเสียงพี่ ไม่อยากจะยุ่งกับคนอย่างพี่ จะให้ผมพูดสักกี่ครั้งถึงจะเข้าใจ !”
[ก.. กานต์ แต่พี่ก็บอกไปแล้วนี่ว่าขอเวลาสามวัน ขอเวลาเก็บเงินก่อนน่ะ]
“ผมอยากได้ตอนนั้น เวลานั้น และเดี๋ยวนั้น มาซื้อให้ตอนนี้มันจะมีประโยชน์อะไรครับ”
[ต .. แต่กานต์ พี่ซื้อมาแล้ว ยังไงก็ออกมาเจอพี่หน่อยนะ นะครับนะ พี่อยากเจอเรามากรู้ไหม พี่คิดถึงเรา พี่ขอโทษ ต่อไปนี้กานต์อยากได้อะไรพี่จะซื้อให้ทันที ขอร้องล่ะกานต์ออกมาเจอพี่เถอะนะ]
คำพูดปนสะอื้นเล็กน้อย ผมรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังร้องไห้อยู่..
แต่.. ฮึ! คิดว่าผมแคร์อย่างนั้นเหรอ คิดผิดแล้ว ตลอดเวลาที่คบกันมาสามปีกับอีกหกเดือน คุณเชื่อไหมว่าผมไม่เคยรักเขาเลยสักนิด ผมไม่ใช่เกย์ ผมยังชอบผู้หญิงและผมไม่คิดจะไปเป็นเกย์ด้วย แต่ที่ผมตบปากรับคำไปคบกับเขานั่นก็เพื่อสิ่งของและตัดรำคาญ
ตื้ออยู่นั่น ตื้อทุกวัน ทว่าพอมาคบกันแล้ว แม่งน่ารำคาญยิ่งกว่าเก่าอีก ผมนอกใจจนนับครั้งไม่ถ้วน แม้นจะมีเซ็กส์กับผมไม่ได้นอกจากสัมผัสตรงจุดนั้นให้กัน สำหรับผมหากไม่สอดใส่ผมก็ไม่นับว่าเซ็กส์ ความเอาแต่ใจที่มีเฉพาะกับเขาอย่างสุดเหวี่ยง น่านับถือที่เขายังทนกับพฤติกรรมของผมได้
เขาเป็นคนดีนะ อย่างไรก็ตามความดี..ไม่สามารถทำให้ผมรักเขาได้หรอก
[อ.. อย่าเงียบสิ กานต์ ถ้าเราไม่ยอมออกมาเจอ พี่ไปหากานต์เองก็ได้]
"อย่ามาเลย ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่บ้าน"
ผมเบื่อหน่ายที่จะตอบคำถาม เบื่อที่จะพูดคุยกับเขา
[อยู่ไหน อยู่กับใคร ไปทำอะไร บอกมาเดี๋ยวนี้!!!!!]
ประโยคเดิมยังจะมาถามคำถามนี้ได้อีก ทั้งที่เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วแท้ ๆ หนึ่งสิ่งที่ทำให้อยากจะเลิกกับเขาก็นี่แหละ! ผมไม่ใช่เด็กอมมือไม่จำเป็นต้องไปตอบคำถามพวกนี้ซ้ำซาก จะทำอะไร อย่างไรก็เรื่องของผม สิทธิ์ของผม ผมต้องการอิสระและเวลาส่วนตัว ไม่ใช่ตัวติดกันเป็นตังเมตลอดเวลา อยู่ไหนก็ตามผมสามารถดูแลตัวเองได้อายุอานามผมก็ยี่สิบห้าแล้วนะครับ ไม่มีใครมาฉุดกระชากผมไปไหนได้หรอก หากไม่เต็มใจไปเอง
[ตอบสิตอบ!]
และหลาย ๆ ครั้งที่ผมเงียบเขามักจะชอบออกคำสั่งอย่างเผด็จการ ราวกับเป็นเจ้าชีวิตของผมยิ่งทำให้ผมเบื่อหน่ายเขาเข้าไปใหญ่
“พี่ไม่มีสิทธิ์จะมาถามแบบนี้กับผมอีกแล้วนะครับ เข้าใจในสถานะตัวเองด้วย ที่ผมยังคุยกับพี่อยู่ในขณะนี้ก็ถือว่าบุญเท่าไหร่ เข้าใจไว้ด้วยเถอะ ก่อนที่พี่จะติดต่อผมไม่ได้อีก”
อยากให้ตอบดีนัก หึ สมใจอยากไหมล่ะ หากพูดถึงความจริงผมโกหกนะ ผมไม่ได้ออกไปไหน อยู่บ้านตามปกตินั่นแหละ โกหกออกไปเพราะอยากจะเจอเขาเท่านั้น
[ข..ข...ขอโทษ พี่รักกานต์นะ รักมาก พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีกานต์]
อีกหนึ่งประโยคที่ผมเบื่อและไม่อยากฟัง
“พอเถอะ อย่ายื้ออะไรให้มันมากมายเลยพี่ศร..ผมไม่ได้รักพี่ ไม่ได้รักตั้งแต่แรก พี่น่าจะรู้ดีนะ ว่าเหตุผลที่ผมคบกับพี่คืออะไร คนดี ๆ ที่เหมาะสมกับพี่ยังมีอีกเยอะ อย่ามาอยู่จมปักกับคนที่ไม่ได้รักพี่อย่างผมเลย”
คราวนี้ผมพูดออกไปอย่างชัดเจนว่าผมต้องการจะจบความสัมพันธ์ของเราเต็มที ผมเบื่อที่ต้องมาฝืนอยู่กับคนที่ไม่ได้รัก ผมเบื่อ ผมเหนื่อย ผมขี้เกียจในหลาย ๆ อย่าง เบื่อที่จะทำสีหน้าดีใจเมื่อได้ของ เบื่อกับทุกสิ่ง ถึงผมจะนิสัยไม่ดีเท่าที่ควร แต่ผมก็รู้สึกผิดนะเวลาที่เห็นเขาเสียใจ เจ็บปวดร้องไห้เพราะผม อย่างนี้แหละดีกับตัวเขาที่สุดแล้ว หวังว่าเขาคงจะเข้าใจ กลับไปในที่ที่เขาควรอยู่เถอะ ชีวิตที่สุขสบายไม่ต้องมาลำบากทำงานหามรุ่งหามค่ำ
ระหว่างเรา..มีแค่คำว่ารักมันยังไม่พอนะครับ พี่ศร..
ผมกดตัดสายไปพร้อมกับปิดเครื่องมองกระเป๋าเสื้อผ้าซึ่งวางอยู่ข้างเตียง บ้านใหม่ซึ่งใกล้จากที่นี่พอสมควร คงเป็นวิธีเดียวที่ผมจะหนีไปจากเขาได้ หนีจากสิ่งที่เคยเป็นอยู่ เป็นสามปี่ครึ้งที่สุดแสนจะทรมาน หนีไปแล้วผมจะมีความสุขได้บ้างไหมนะ
ผมไขกุญแจล็อคห้องเดินไปยังบันได เพื่อลงไปชั้นล่าง ผมอยู่ชั้นสองเพื่อประหยัดไฟลดโลกร้อนผมจึงเลี่ยงที่จะใช้ลิฟท์ คอนโดนี้พี่ศรเขาเป็นคนซื้อให้ผม ราคาสองล้านต้น ๆ อยู่ใจกลางเมืองสะดวกสบายหลายอย่าง และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ซื้อสด ผ่อนเดือนนึงเฉียดหมื่น ทั้งที่เงินเดือนในการทำงานของเขาแทบจะไม่ถึงเก้าพันเลยด้วยซ้ำ เงินตัวเองกินแทบจะไม่มี ยังซื้อโน่น ซื้อนี่ให้ผมได้อีก
ความจริงฐานะพี่เขาก็ร่ำรวยนะ ทว่าโดนไล่ออกจากตระกูล เหตุเพราะมาคบกับผมนั่นแหละ ความรู้มี การศึกษามี แต่ก็ไปทำงานที่ไหนไม่ได้นอกจากรับจ้างใช้แรงงาน ว่ากันตามตรงครอบครัวของเขานี่ก็ใจร้ายเสียจริงกีดกันกดดันไปซะทุกสิ่งทุกอย่าง
“ของพวกนี้ หากมีใครมาหาผมช่วยมอบให้เขาด้วยนะครับ”
ผมเอ่ยบอกกับพนักงานต้อนรับ เธอยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ ก็นะหากเป็นผมสมัยก่อนก็คงชวนไปกินโน่นนี่ สุดท้ายจบด้วยโรงแรม ทว่าตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว นานแล้ว ที่ไม่ได้ทำแบบนั้น อะไรที่มันเปลี่ยนนิสัยผมไปกัน เมื่อไหร่กันที่ผมเบื่อกับเรื่องพวกนี้ ผมล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ
ฝีเท้าซึ่งเดินออกมายืนหยุดแน่นิ่งอยู่หน้าคอนโดก่อนจะหันกลับไปมองเก็บทุกอย่างเข้ากระปุกความทรงจำอีกครั้ง ความผูกพันที่ผมอยู่มาสองปีจนเรียกได้ว่าเคยชินไปกับสิ่งเหล่านั้น แต่เมื่อถึงเวลาเราก็ควรตัดใจเพื่อไปพบกับสิ่งใหม่
ลาก่อนสถานที่สุขสบาย
ลาก่อน...พี่ศร
ขอให้เจอคนที่ดี...ที่ดีกว่านะครับ
สายตาวกกลับมามองจุดเดิม ทอดยาวไปยังถนนมีรถแล่นอย่างไม่ขาดสาย มือซึ่งโบกแท็กซี่เพื่อไปที่ขนส่งอยู่ห่างไม่ไกล ผมนั่งมองทุกสิ่งรอบกายไปอย่างเหม่อลอย
พอถึงจุดหมายปลายทางวันนี้เป็นหยุดด้วยหรือเปล่าคนจึงพลุกพล่านแบบนี้ หากไม่ติดที่ว่าต้องประหยัดเงินผมคงเลือกขึ้นเครื่องมากกว่า ฝีเท้าก้าวเบียดเสียดผ่านผู้คนเพื่อไป ณ จุดขายตั๋ว โชคดีที่รถใกล้จะออกพอดีจึงสามารถขึ้นไปนั่งได้เลย โดยไม่ต้องทนยืนรอด้านนอกไปพร้อมกับอากาศร้อน
เมื่อถึงเวลารถทัวร์แล่นผ่านไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในยามค่ำคืน ถือว่าเป็นความโชคดีอีกดครั้งที่ผมได้นั่งติดกระจกเพราะทำให้ได้เห็นวิวรอบข้างอย่างชัดเจน นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้มานั่งรถประจำทางไปไหนต่อไหนแบบนี้ ..ครั้งก่อนที่เคยนั่งรถส่วนตัวไปเที่ยวหัวหินกับพี่ศรผ่านทางเดียวกัน แต่ทำไมวันนี้สิ่งรอบข้างทุกอย่างช่างดูหงอยเหงา อาจเพราะฝนมันตกหรือเปล่า..
ไม่ใช่สิ...วันนั้นฝนมันก็ตกเหมือนกันนี่หว่า แต่ทว่าวันนั้นมันดูสดใส ดูสดใสทั้ง ๆ ที่ ฝนมันกำลังตก น่าแปลก ทำไมผมถึงได้รู้สึกแบบนี้.. มันรู้สึกเบื่อหน่ายกว่าที่ผ่านมา มีแต่ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ทำไมยังเฝ้าคิดถึงแต่เขา ผมเลือกที่จะเดินจากเขามาแล้ว
ทำไมผมยังคิดถึงเขาอยู่... ทำไม...
ทำไมผมต้องรู้สึกเจ็บปวด ทั้งที่ผมเป็นฝ่ายบอกเลิกเอง
เพียงแค่คิดว่าต่อไปในอนาคตจะไม่มีเขาเข้ามาวุ่นวายชีวิต..
ทำไมถึงรู้สึกเหงาอย่างจับขั้วหัวใจ ผมเพิ่งห่างจากเขา เพิ่งเลิกคุยกับเขาไม่ถึงอาทิตย์ ทำไมผมรู้สึกแบบนี้ ผมไม่ใช่เกย์นะ ผมไม่ได้รักเขา..
ทำไมล่ะ แล้วทำไม..
หรือความจริง...ความรู้สึกที่มี...
อย่างนั้น.... สรุปเป็นอย่างนั้นสินะ ฮะ ฮะ กว่าจะเข้าใจดูเหมือนจะสาย...
สายเกินไป..
และผมก็เผลอหลับไปพร้อมกับน้ำตาซึ่งไหลตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
สถานีปลายทาง...
ชนบทซึ่งไร้แสงสีมีแค่ป่าทุ่งนาและภูเขา ผมเรียนจบครูเดิมทีก็ตั้งใจจะมาที่นี่ ทว่าดันเกิดเรื่องมากมายขึ้นเสียก่อนผมจึงต้องจำใจทำงานบริษัทในกรุง เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ยังไงซะ ผมก็ได้มาทำตามความฝันของผมสักที
เป็นแบบนี้มันดีแล้วจริง ๆ น่ะเหรอ..
“เอ่อ..ใช่ครูกานต์หรือเปล่าครับ..”
เด็กหนุ่มวัยสิบห้าสิบหกผิวค่อนข้างคล้ำซึ่งจอดรถมาเทียบข้างพลางถามในขณะที่ผมยืนมองซ้ายขวาหารถโดยสารเพื่อจะเข้าไปในหมู่ซึ่งไกลจากถนนใหญ่ประมาณสี่ถึงห้ากิโล คือจะให้ผมเดินไปบอกตามตรงว่าไม่ไหว ลำพังไอ้ของที่ถือมามันก็หนักพอตัวอยู่แล้วถ้าจะให้เดินผ่าแดดเปรี้ยงปร้างนั่นอีก ผมคงเป็นลมกลางทางแน่
“ใช่หรือเปล่าครับ”
เด็กหนุ่มถามย้ำอีกรอบเพราะเห็นว่าผมไม่ตอบ
“ใช่ครับ ๆ” เมื่อดึงสติกลับมาได้ ผมรีบกล่าวออกไปทันที
“งั้นเหรอครับ ขึ้นมาสิ ผอ.เขาบอกให้ผมมารับคุณ”
ใจดีจังแหะ แต่ถึงบอกจะให้ขึ้น...ขึ้นไอ้นี่เนี่ยนะ... โธ่แล้วมันขึ้นยังไงกันล่ะ ผมไม่เคยเสียด้วยสิ อีกอย่างผมเพิ่งเคยเห็นรถลักษณะนี้เพียงครั้งสองครั้ง ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเรียกว่ารถไถพ่วงท้าย
“เร็ว ๆ สิครับ รีบขึ้นไปผมจะได้ส่งของให้”
“อะ..ครับ“
ผมรีบขึ้นไปอย่างทุลักทุเล ก้าวขาสลับอย่างมั่วซั้ว ซ้ายที ขวาที ทว่าสุดท้ายมันก็ประสบผลสำเร็จ แต่กว่าจะสำเร็จได้ก็ทำให้หนุ่มน้อยหัวเราะจนท้องแข็ง ทำไงได้ล่ะก็คนมันไม่เคย
และกว่ารถจะวิ่งมาถึงที่หมาย บอกตามตรงเล่นทำเอาหูแทบหนวก ไส้แทบเคลื่อน เพราะไอ้รถบ้าแม่งดังแต๊ก ๆ ตลอดทางแถมยังสั่นงึกงัก ไปมาอีกด้วย ครั้งที่แล้วไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย จริงสิ..ในตอนนั้นมารถส่วนตัวกับเพื่อนนี่หว่า เอาเถอะช่างมัน
ไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว ขอเดินดูรอบบ้านที่ผอ.จัดเตรียมให้ดีกว่า อันที่จริงผมแค่มาเป็นครูเองไม่ได้เป็นรองผู้อำนวยการอะไรสักหน่อย ให้ผมอยู่แบบธรรมดาดั่งครูคนอื่นก็ได้ ไม่เห็นต้องให้อยู่หรูหราขนาดนี้ เลยแถมเป็นบ้านหลังเดียวซึ่งสวยที่สุดในหมู่บ้านด้วย สภาพสองชั้น เหมือนจะสร้างเสร็จมาได้ไม่นาน
ทันทีที่ผมไขกุญแจบ้านซึ่งเด็กหนุ่มเป็นคนให้ ก่อนจะก้าวเข้ามาภายใน ทว่ายังไม่ทันไรก็พบกับสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจแบบไม่คาดฝันนั่นก็คือนาฬิกาข้อมือรุ่นดังที่ผมอยากได้เมื่อสี่วันก่อน ราคาไม่แพงมากสามหมื่นกว่า แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ...
ทำไม... ?
ไม่เพียงแค่นั้นยิ่งผมเดินเข้าไป
ของที่พี่ศรเคยให้ผมทุกอย่างวางเรียงกันบนพื้นกระเบื้องเป็นทางยาว โดยไม่รู้จะไปสิ้นสุดตรงไหน บ้านหลังค่อนข้างใหญ่ สิ่งที่ผมพอจะทำได้ก็มีแต่เดินตามมันไปเท่านั้น ทำไมล่ะ ผมฝากให้พนักงาต้อนรับคอนโดคืนมันไปหมดแล้ว ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้อีก ผมเพิ่งเดินทางมาถึง ไม่มีทางเป็นไปได้ พี่ศรเขาไม่มีทางรู้เด็ดขาดว่าผมจะมาอยู่ในที่แบบนี้ ผมไม่เคยแม้แต่จะบอกความฝันของผมให้เขาฟังเลยด้วยซ้ำ ทุกอย่างเกี่ยวกับผม...ผมไม่เคยคิดจะบอกเขา
เขาจะไปรู้เรื่องของผมได้ยังไง...
ผมกำชับเพื่อนของผมไม่ให้บอก..
…..ทำไมกันล่ะ
ในขณะนี้หัวใจผมเต้นระรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ
เต้นเร็วและแรงจนอึดอัดไปหมด
ผมขึ้นมาถึงชั้นสอง
เห็นของทุกอย่างมาเรียงกันอย่างนี้ ทำให้ผมยิ่งรู้ตัวเลย ว่าของที่พี่เขาซื้อให้ผมมันมากมายแค่ไหน แถมราคาของทั้งหมดไม่ต่ำกว่าหมื่นทั้งนั้น ผมก็ใจร้ายไม่ต่างจากครอบครัวของเขา ที่เอาแต่พล่านเงินอย่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขาทำงานหนักเท่าไหร่.. เขาทำทุกอย่างเพื่อจะเอาใจผม ทำทุกอย่างเพื่อให้ผมไม่ทิ้งเขาไป ทุกครั้งที่ผมบอกเลิกเขาจะตามง้อ.. ง้อแบบสุดกำลัง ตามไปทุกที่ เพื่อจะได้ผมกลับมา..
อะไรที่ทำให้เขารักผมถึงขนาดนี้
ผมเฝ้าคิดมาตลอด..
สุดท้ายก็หาคำตอบไม่ได้สักที
เขาทำเพื่อผมมาตั้งมากมายขนาดไหน
ผลสรุป..ผมก็ทิ้งเขาอย่างไม่ใยดี..
สิ่งของนำทางให้ผมมาหยุดอยู่ประตูห้องหนึ่ง ผมลังเลที่จะเปิดมันอย่างกลัวในสิ่งที่จะเห็นซึ่งอยู่ภายใน ผมไม่อาจคาดเดาได้เลย ว่าทุกอย่างจะจบลงไปในทิศทางไหน ผมทำร้ายเขาให้เจ็บมานับครั้งไม่ได้ ผม...
มือยื่นเข้าไปจับลูกบิดอย่างกล้ากลัว แต่ถึงยังไงผมจะไม่หนี ต่อให้เขาจะเปลี่ยนไปยังไง แค้นผมสักเท่าไหร่ ผมจะไม่หนีจากความรู้สึกตัวเองอีกแล้ว ต่อให้เขาจะทำให้ผมเจ็บปวดปานตายผมจะไม่หนีอีกเด็ดขาด
ผมค่อย ๆ หมุนลูกบิดและเปิดออกอย่างเชื่องช้า แต่ยังไม่ทันไรมือหนาได้ฉุดดึงผมเข้าไปซุกยังแผ่นอกสุดแกร่ง กลิ่นสัมผัสซึ่งคุ้นเคย เขาโอบรัดผมอย่างแนบแน่นราวกับกลัวว่าผมจะหนีหายไปจากเขาอีก นั่นสินะ นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่ผมบอกเลิกและหนีมาไกลตั้งขนาดนี้ ดูเหมือนร่างกายเขาจะซูดผอมไปเล็กน้อยทั้งที่เพิ่งผ่านมาได้สี่วัน อ้อมแขนซึ่งยิ่งกระชับกอดแน่น ใบหน้าก้มลงซบบนไหล่ของผม หยาดน้ำรินไหลออกมาไม่ขาดสาย จนเสื้อของผมเปียกแฉะเต็มไปด้วยน้ำตา
ทำไมเขาถึงรู้ว่าผมจะมาที่นี่
และ ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ก่อนผม
“เราจะทำร้ายพี่ยังไงก็ได้ พี่ยอม.. ขอแค่อย่างเดียวอย่าทิ้งพี่ไปก็พอ พี่ขอร้อง...กานต์ อย่าทิ้งพี่เลยนะ”
ถ้อยคำซึ่งอ้อนวอนอย่างสุดเบื้องลึกของหัวใจพลางกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้นไปอีก จนผมแทบจะหายใจไม่ออก เขาที่ดูไม่โกรธไม่แค้นผมแถมมาพูดอย่างนี้ ถึงไม่อยากจะหลั่งน้ำตา ทว่ามันก็ดันไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้
ทำไมถึงยังจะมาพูดอ่อนโยน ทำไมถึงไม่โกรธ
เสียงสะอื้นของผมซึ่งดังขึ้นเล็กน้อยทำให้เขาผละตัวผมออกจากวงแขนของเขาทันที สีหน้าดูกระวนกระวายอย่างทำอะไรไม่ถูก จึงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ พร้อมกับจ้องผมอยู่อย่างนั้น ไม่แปลกเลย เพราะตั้งแต่คบกันมาผมเพิ่งร้องไห้ต่อหน้าเขาครั้งแรก
“ข..ข...ขอโทษ...พี่กอดแน่นไปเหรอ เจ็บเหรอ ไหนขอพี่ดูหน่อย เจ็บตรงไหน เจ็บมากไหม เดี๋ยวพี่หายามาทาให้นะ”
เป็นคนดี....ดีเกินไป ความอ่อนโยนยิ่งทำให้ผมเจ็บปวดเมื่อนึกย้อนถึงอดีตที่ผมเคยใจร้าย ทำไมผมถึงทำเรื่องเลวทรามกับเขาได้ถึงขนาดนั้น.. ในจังหวะเดียวกันที่เขากำลังจะเดินผ่านตัวผมไปเพื่อจะเปิดประตู ผมโผเข้าสวมกอดเขาจากด้านหลัง ขามันขยับไปตามที่สมองสั่ง ใบหน้าซึ่งแนบกับแผ่นหลัง เขาชะงักค้างยืนตัวเกร็งดูท่าแล้วน่าจะทำอะไรไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ผมเป็นฝ่ายไปกอดเขาก่อน เขาเองคงตกใจพอสมควร
หลายนาทีที่เรายังอยู่แบบนี้ เขาไม่พูดอะไร และผมก็ไม่ได้พูดอะไร ความเงียบทำให้ได้ยินเสียงหัวใจเต้นดังโครมครามประสานเป็นทำนองเดียวกัน ฟังดูแล้วรู้สึกสบายใจ ทว่าหากไม่พูดเขาคงไม่รับรู้ในสิ่งที่ผมคิดและรู้สึกกับเขา ความห่างทำให้ผมคิดได้ว่าที่จริงแล้วผมรู้สึกยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก่อนที่ผมจะพูดถึงความรู้สึกของตัวเอง..สิ่งที่ผมควรจะพูดเป็นอันดับแรกไม่ใช่คำพูดเหล่านั้นแต่เป็น...
“ขอโทษ..”
คำนี้
“กานต์รู้ว่าแค่คำขอโทษมันคงไม่พอกับสิ่งต่ำช้าที่กานต์ทำกับพี่เอาไว้ กานต์ไม่ขอให้พี่ยกโทษให้ จะไม่ขอสิ่งของอะไรจากพี่อีกทั้งนั้น แต่กานต์จะขอให้พี่ฟังหนึ่งคำที่มาจากสุดขั้วหัวใจเป็นคำที่กานต์ไม่เคยบอกกับใครและเชื่อมันหน่อยได้ไหม...”
บรรยากาศยังคงนิ่งเงียบ ออกจะเคอะเขินไปเสียหน่อย แต่ผมไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะพูดว่า...
“ผมรักพี่นะครับ...”
ผมจะไม่ปล่อยพี่ไปไหนอีกแล้ว
ขอบคุณนะครับทีรักคนอย่างผม..
-End-