+++จันทร์กระจ่างฟ้า+++(แนวจีนโบราณ)+++(บทที่ 21 (100%) : 12/07/60)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: +++จันทร์กระจ่างฟ้า+++(แนวจีนโบราณ)+++(บทที่ 21 (100%) : 12/07/60)  (อ่าน 84616 ครั้ง)

ออฟไลน์ Y_type

  • miKapleXD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
    • Night dating, no obligations, one night only
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



++++++++++++++++++++++++++++

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นทั้งหมด
โดยลงที่เล้าเป็ดและเว็ปเด็กดีเท่านั้น หากพบเห็นนิยายเรื่องนี้ในเว็ปไซต์อื่นกรุณาแจ้งคนเขียนด้วยค่ะ
อนึ่ง...เรื่องนี้เขียนเพื่อความบรรเทิงของผู้เขียน(เอ๊ะ!ยังไง)


+++++++++++++++++++++++++++++++++++

โปรย...

หลิวเฉินซางนั้นนับว่ามองมารร้ายผู้นั้นผิดไปลิบลับ คนผู้นั้นไม่นับว่าโหดเหี้ยมอำมหิต หรืออันตรายราวกับพยัคฆ์อะไร เพียงแต่มีความนิยมชมชอบที่พิสดารไปหน่อยเท่านั้น ซึ่งโดยรวมแล้วล้วน ‘ไม่เลว’ เลยทีเดียว ที่สำคัญนั้นเวลาเมามายนั้นช่างทำให้ผู้อื่นใจเต้นโครมคราม ท่าทีที่แสดงต่อเส้นผมของเขานั้นก็น่าเอ็นดูอยู่ไม่น้อย ยิ่งบางคราวเขายังอยากปิดปากแดงระเรื่อนั้นด้วยปากตนเองดูสักครั้ง คิดๆดูแล้วก็ช่างขาดทุนนัก ผู้อื่นเพียงชื่นชอบ ‘เส้นผม’ ของเขาเท่านั้น แต่ตัวเขานั้นเล่ากลับชอบ ‘ทุกส่วน’ ของผู้อื่น ไม่ว่าจะรูปลักษณ์หรือนิสัยใจคอ เห็นทีเขาคงต้องหาผู้นำยุทธภพคนใหม่สำรองไว้เสียแล้ว เพราะตนเองคงจะกลายเป็น ‘ผู้หลงไหลคลั่งไคล้ ตามอกตามใจจอมมารไปเสียทุอย่าง’ ในสักวัน...

Y_type

++++++++++++++++++++++++++++++

สารบัญ

บทที่ 1
บทที่ 2
บทที่ 3
บทที่ 4
บทที่ 5
ตอนพิเศษ 1
ตอนพิเศษ 2
บทที่ 6
บทที่ 7
บทที่ 8
บทที่ 9
บทที่ 10]
ตอนพิเศษ 3
บทที่ 11
บทที่ 12
บทที่ 13
บทที่ 14
บทที่ 15
บทที่ 16
บทที่ 17 ต่อ
บทที่ 18 ต่อ
บทที่ 19
บทที่ 20
บทที่ 21
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2017 13:01:42 โดย Y_type »

ออฟไลน์ Y_type

  • miKapleXD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
    • Night dating, no obligations, one night only
Re: +++บทที่ 1 จอมมารผู้นั้น+++
«ตอบ #1 เมื่อ06-04-2016 20:11:47 »


บทที่ 1 จอมมารผู้นั้น


   ‘พรรคจันทร์กระจ่างฟ้า’ เป็นพรรคที่ชาวยุทธ์ต่างขนานนามว่าเป็น ‘พรรรคมาร’ เนื่องด้วยรับทำงานทุกประเภท นับตั้งแต่หาของหาย ขายข่าว งานจิปาถะ ไปจนถึงรับสังหาร แต่ใช่ว่าแค่เพียงมีเงินก็สามารถจ้างวารได้ เพราะว่าค่าตอบแทนที่ทางพรรคต้องการขึ้นอยู่กับว่ามู่อิงพอใจหรือไม่ คนผู้นี้มีความชื่นชอบที่แปลกพิสดาร ดังนั้นค่าตอบแทนจึงมีตั้งแต่ เงิน ภาพเขียน พิณ ของล้ำค่าหายาก สมุนไพร สัตว์ ไปจนถึงคน อันว่าคนนั้นใช่ว่าจะรับง่ายดายผู้ที่ต้องตา และถูกรสนิยมท่านประมุขพรรคนั้นมีน้อยนิดยิ่งนัก

   มู่อิงคือชื่อของจอมมารที่ผู้คนทั่วหล้าล้วนหวาดกลัวจนตัวสั่น ลูกเด็กเล็กแดงแค่ได้ยินชื่อถึงร้องไห้เสียงดังเพียงใดก็เงียบได้ในพริบตา ว่ากันว่าจอมมารผู้นี้เป็นประมุขพรรคมารที่โหดเหี้ยมอำมหิตที่สุด วรยุทธ์แข็งแกร่งไร้ผู้เทียมทาน อีกทั้งนิสัยยังแปลกพิสดารอีกด้วย ว่าอีกว่าเขาเป็นบุรุษที่นิยมสิ่งสิวิไล แม้แต่สาวใช้ข้างกายยังต้องงามปานล่มเมือง สวมแต่ชุดสีแดงหรือม่วงเท่านั้น อีกทั้งในงานศพประมุขพรรคมารคนก่อนเขายอมใส่ชุดสีม่วงทั้งๆที่ในเวลานั้นอยากใส่ชุดสีแดงก็ถือว่าให้เกียรติมากแล้ว หากเดินไปถามใครสักคนว่าผู้ใดเลวที่สุดในแผ่นดินเป็นต้องยกให้มู่อิง  หากแต่จอมมารที่ผู้คนทั้งแผ่นดินตราหน้าว่าชั่วร้ายนั้นกลับมีน้องสาวบุญธรรมอยู่ผู้หนึ่ง นางเป็นจอมยุทธ์หญิงผู้งดงามราวบุปผา ท่วงท่ากิริยาล้วนตราตรึงใจ ถึงขั้นมีวาสนาแต่งให้ฉีฮ่าวรองประมุขพรรคเรือนเมฆา พรรคอันดับหนึ่งฝ่ายธรรมะ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของมู่อิง เพียงแค่เขาไม่สังหารนางและรองประมุขพรรคผู้นั้นก็ทราบแล้วว่าเขาโปรดปรานน้องสาวบุญธรรมผู้นี้เพียงใด

   มู่อิงผู้นี้นั้นหากจะนับว่าเป็นผู้ที่ชื่นชอบดนตรีและศิลปะก็ใช่อยู่ ว่ากันอีกแล้วว่าเพลงพิณที่เขาดีดนั้นเป็นหนึ่งในแผ่นดิน เพียงแต่ผู้ที่ได้ฟังเป็นบุญหูนั้นช่างน้อยนิด

   เวลานี้มู่อิงผู้งดงามเป็นหนึ่งในแผ่นดิน ใช่แล้ว! เขามีหน้าตาอันงดงามสะกดใจคน บุรุษลุ่มหลงสตรีริษยา มู่อิงที่งดงามจนดวงจันทรายังเอียงอายผู้นั้นกำลังจิบชาชมจันทร์ ฟังสาวใช้บรรเลงพิณอย่างเบิกบานสำราญใจยิ่ง ช่างเป็นบุคคลที่รู้จักเสพสุขดีแท้

   มือเรียวงดงามดังหยกสลักข้างหนึ่งยกขึ้นมาช้าๆ สาวใช้ที่กำลังบรรเลงเพลงพิณหยุดลงทันที ก่อนที่เสียงทุ่มปนหวานจะดังออกมาจากริมฝีบางบางแดงระเรื่อดั่งผิงกัวสุกงอม

   “มีอะไร”ดวงตาเรียวงดงามดังตาหงส์ทั้งคู่เปิดขึ้น เผยให้เห็นดวงตากลมโตลึกล้ำคู่หนึ่ง

   ผู้ที่เดินเข้ามาทำความเคารพอย่างนอบน้อม เขาเป็นชายชุดขาวร่างสูงงามสง่าดูน่าคบหาดังบัณฑิต “เรียนท่านประมุขคุณหนูสิ้นใจแล้วขอรับ”

   เพียงคำพูดนั้นสิ้นสุดลง สาวใช้อุ้มพิณใช้วิชาตัวเบาถอยห่างออกมา ก่อนที่ศาลาทั้งหลังจะกลายเป็นผุยผง เรือนร่างงดงามที่อยู่กลางศาลาของผู้ที่ทำลายกลับไม่มีแม้แต่ฝุ่นสักน้อยนิดที่ต้องอาภร

   “ข้าบอกนางแล้วว่าเจ้าสารเลวนั่นไม่อาจรักได้ แต่นึกไม่ถึงว่าจะถึงขั้นบังอาจทำน้องสาวข้าตาย ฝีมือฮูหยินรองกระมัง” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาราบเรียบราวกับไม่สนใจใยดีก็มิปาน

   “ท่านประมุขโปรดอย่ามีโทสะ ข้าน้อยส่งคนไปสังหารฮูหยินรองผู้นั้นแล้วขอรับ”บุรุษชุดขาวหรือเฉียนหลีรีบพูดเอาใจทันที โทสะของท่านประมุขนั้นเขาไม่อาจรับได้ ดังนั้นจึงรีบสั่งการลงไปทันทีที่ทราบข่าว

   “หลานของข้าเล่า เด็กน้อยคู่นั้น”

   “อยู่กับหลิวเฉินซางขอรับ”น้ำเสียงของเฉียนหลีมีแววหนักใจเล็กน้อย หลิวเฉินซางเป็นประมุขพรรคเรือนเมฆาและยังเป็นผู้นำฝ่ายธรรมะในปัจจุบัน เรื่องรูปร่างหน้าตาไม่ต้องพูดถึง วรยุทธ์ของคนผู้นี้ดูท่าจะสูสีกับท่านประมุขเลยกระมัง

   “ฮึ คงคิดว่าข้ามิกล้าไปทวงคนกระมัง”มู่อิงลุกขึ้นยืนเงยหน้ามองดวงจันทร์กลมโต คนก็ตายไปแล้ว คงเหลือแต่หลานแฝดคู่นั้น คงต้องไปดูเสียหน่อยว่าจะหน้าตาน่ารักน่าเอ็ดดูพอที่เขาจะสามารถเลี้ยงได้หรือไม่

   “ท่านประมุขต้องการให้ผู้ใดติดตามไปบ้างขอรับ”บุรุษชุดขาวถามอย่างนอบน้อม อย่างน้อยเขาคงได้ไปด้วยเรื่องสนุกน่าดูเพียงนี้ หากท่านประมุขให้เขารออยู่ที่พรรค เขาคงอกแตกตายเป็นแน่

   “แค่เจ้ากับฉางเอ๋อที่สองก็พอ”

   สิ้นคำมู่อิงเฉียนหลีใบหน้าปรากฏแววพึงพอใจเล็กน้อย ส่วน ‘ฉางเอ๋อที่สอง’ ผู้นั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยพรางกอดพิณแน่นขึ้น นางอยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ท่านประมุขคงลืมชื่อจริงนางไปเสียแล้ว

   สาวใช้ผู้งดงามปานล่มเมืองที่กอดพิณนั้นมีชื่อจริงว่าซูปี้ฮวา นางติดตามมู่อิงมาได้เกือบห้าปีแล้ว เพราะนางคือค่าตอบแทนสำหรับให้เขาสังหารคนที่ฆ่าล้างตระกูลนาง จะว่าไปนั้นถึงแม้นางจะหน้าตางดงามเพียงนี้ตอนที่มาว่าจ้างพรรคจันทร์กระจ่างฟ้านั้น ท่านประมุขก็ใช่ว่าจะตกปากรับคำนางโดยง่าย เขาเพ่งพิศนางอยู่นานก่อนจะเอ่ยออกมาได้ว่า ‘ให้เจ้าเป็นสาวใช้คงพอได้’ ถึงจะไม่พอใจเพียงไรที่สาวงามที่มีแต่คนคอยเอาใจอย่างนางต้องกลายเป็นสาวใช้ แต่พอมองดูรูปโฉมของท่านประมุขแล้วนั้นนางก็ต้องทอดถอนใจ อย่างนางได้เป็นสาวใช้ของโฉมสะคราญเช่นนี้คงเป็นบุญวาสนาแล้วกระมัง ท่านประมุขช่างถือกำเนิดมาเพื่อเหยียดหยามหญิงสาวทั้งใต้หล้าโดยแท้






   มู่อิงที่กำลังบุกไปพรรคเรือนเมฆาตอนนี้นั้น เรียกได้ว่าพกพารังสีสังหารไปเต็มเปี่ยม ถึงอย่างไรวันนี้เขาก็ต้องสังหารฉีฮ่าวแย่งหลานแฝดชายหญิงคู่นั้นมาให้ได้ ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะเลี้ยงหรือไม่นั้น คอยว่าหลังสังหารคนก็ยังไม่สาย

   “ท่านจะมุขจะบุกเข้าประตูหน้าพรรคเรือนเมฆาเลยหรือขอรับ”เฉียนหลีมองมู่อิงผู้พุ่งตรงไปหน้าบ้านผู้อื่นอย่างไม่คิดหลบหลีก

   “คนอย่างข้ามู่อิง หากจะสังหารคนไยต้องทำหลบๆซ่อนๆ”น้ำเสียงทุ่มปนหวานนั้นหยิ่งทะนงมองผู้อื่นราวมดปลวกก็มิปาน

   เฉียนหลีถอนหายใจเบาๆ ท่านประมุขผู้นี้เหตุใดจึงชอบทำตามใจตัวเองนัก ใช่ว่าผู้อื่นจะฝีมือสูงส่งไร้ผู้ต่อกรเช่นเขาเสียหน่อย ที่สำคัญซูปี้ฮวานั้นใช่ว่าจะเก่งกาจนัก เรียกได้ว่าวิชาตัวเบาพอมีฝีมืออยู่บ้างส่วนการสังหารนั้น เฉียนหลีเหงื่อตก... ท่านประมุขคงพาเขามาอารักษ์ขานางกระมัง

   “เรียนท่านประมุขตอนนี้ยังเป็นเวลากลางวัน”เสียงอ่อนหวานของซูปี้ฮวาดังขึ้นอย่างนอบน้อม ในกลุ่มนางฝีมืออ่อนด้อยที่สุด จึงได้ตามอยู่รั้งท้าย

   มู่อิงหยุดฝีเท้าลง รองเท้าสีแดงปักดิ้นทองลวดลายวิจิตรของเขาแตะลงบนหินก้อนหนึ่งอย่างนุ่มนวล ก่อนที่ใบหน้างดงามนั้นจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

   “คืนนี้แสงจันทร์คงงดงามมาก”หากไม่มีแสงจันทร์เขาจะสังหารคนด้วยความรื่นรมย์ได้อย่างไร

   “งดงามน้อยกว่าเมื่อคืนอยู่สองส่วนเจ้าค่ะ” ซูปี้ฮวานั้นรู้ดีว่ามู่อิงนั้นชื่นชอบดวงจันทร์เป็นอย่างมาก เขาสะสมทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับดวงจันทร์หรือมีลักษณะคล้ายคลึงกับดวงจันทร์ มิเช่นนั้นท่านประมุขคงมิเรียกนางว่า ฉางเอ๋อที่สองเพราะนางหน้าตางดงามราวกับฉางเอ๋ออย่างไรเล่า ส่วนฉางเอ๋อที่หนึ่งนั้น... ซูปี้ฮวาขนลุกซู่ มันเป็นสิงโตเผือกตัวหนึ่ง ที่สำคัญยังเป็นตัวผู้! นับว่านางโชคดีกว่าสิงโตตัวนั้นมากมายนัก!!!




   กว่าจะถึงตอนกลางคืนอีกทั้งกว่าดวงจันทร์จะฉายแสงนั้นเฉียนหลีก็เฝ้าแต่รอ รออยู่ใกล้ๆกับทางเข้าพรรคเรือนเมฆานั่นเอง เขารอจนเบื่อหน่ายแต่ท่านประมุขนั้นกลับนั่งฟังซูปี้ฮวาดีดพิณอย่างสำราญใจ เหตุใดแม้แต่ตอนมาฆ่าคนท่านประมุขยังรู้จักเสพสุขอีกเล่า  น่าตายนัก! เหตุใดต้องรอดวงจันทร์ฉายแสง เหตุใดไม่บุกไปฆ่าเสียเลย แล้วพรรคเรือนเมฆาตายหมดแล้วหรือไร ประมุขพรรคจันทร์กระจ่างฟ้ามานั่งฟังพิณเพื่อรอเวลาฆ่าคนอยู่ห่างทางเข้าสำนักไม่ไกลนักยังไม่รู้ตัวกันอีก โง่เง่ายิ่งนัก!

   กว่าดวงจันทร์จะฉายแสงฉียนหลีคงต้องเบื่อตายเสียก่อนแล้ว

   “ทำหน้าตาน่าเกลียดยิ่งนัก ช่างทำให้สายตาข้ามีมลทิน”มู่อิงว่ากล่าวเฉียนหลีเสียงไม่เบานัก คนผู้นี้นี่อย่างไร ช่างมิรู้จักฤกษ์งามยามดีแม้แต่น้อย จะฆ่าคนก็ต้องอาศัยฤกษ์งามยามดี ยิ่งยามจันทร์เต็มดวงยิ่งทำเขาเบิกบานสำราญใจ ช่างมิรู้จักประจบเอาใจท่านประมุขเช่นเขาเสียเลย ที่สำคัญเขาไม่ชอบของอัปลักษณ์ทำหน้าตาบูดบึ้งเช่นนั้นช่างมิน่าดู เสียสายตาโดยแท้
   “ท่านประมุข ข้าน้อยแค่ร้อนใจอยากแก้แค้นแทนท่านประมุขเท่านั้น”

   “หึ! แก้แค้นงั้นรึ ใครใช้ให้นางไม่ฟังคำข้า นางตายเพราะโง่รักคนผิดแต่เด็กน้อยสองคนนั้นต่างหากเล่าที่ข้าต้องการ น้องสาวผู้นั้นเสียทีที่ข้าโปรดปราณยิ่งนัก”มู่อิงกล่าวด้วยเสียงเย็นชา

   เรื่องคราวนี้เขามิได้แค้นเคืองเพียงแต่เสียหน้าเท่านั้น ใครใช้ให้หญิงผู้นั้นได้ชื่อว่าน้องสาวบุญธรรมกันเล่า แบกชื่อน้องสาวของเขาไว้แต่กลับโดนผู้อื่นรังแก ช่างน่าอับอายยิ่งนัก

   เฉียนหลีรับคำอยู่ในใจ เอ้อ! เป็นเพราะหญิงผู้นั้นหน้าตาคลายน้องสาวแท้ๆของท่านประมุขถึงห้าส่วน ถ้าคล้ายสักเจ็ดส่วนท่านประมุขคงเอ็นดูนางอีกสักนิดกระมัง

   ท่านประมุขเป็นคนรักหน้าตายิ่งนักจะยอมให้ผู้อื่นดูหมิ่นได้อย่างไร ฉีฮ่าวก็ช่างไม่กลัวตาย กล้าให้ฮูหยินรองรังแกนางจนตาย ท่านประมุขจะโกรธจนอยากฆ่าเขาก็นับว่าสมควรแล้ว

   ดวงจันทร์กลมโตเปล่งแสงงดงามจนท้องฟ้าสว่างไสวไปทั่ว บุรุษรูปร่างสูงโปร่งในชุดคลุมตัวยาวสีแดงดังโลหิตปักลายเมฆสีทองเดินเข้าประตูพรรคเรือนเมฆาอย่างเชื่องช้าสง่างาม ยามเฝ้าประตูเพียงแค่เริ่มขยับ เห็นเพียงชายแขนเสื้อสีแดงตัวนั้นไหวเพียงนิดยามสี่คนที่เฝ้าประตูก็ล้มลงสิ้นสติทันที

   เฉียนหลีมองหน้าตาอันงดงามของท่านประมุขก่อนจะหลงเคลิบเคลิ้มเพียงเสี้ยววิ แล้วจึงซัดฝ่ามือใส่เรือนที่อยู่ตรงหน้า เรือนครึ่งแถบถล่มลงมาเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เหล่าผู้คนต่างวิ่งหนีอุตลุด เหล่าศิษย์พรรคเรือนเมฆาต่างวิ่งออกมารับมือผู้บุกรุก

   “มีผู้บุกรุก!”เสียงตะโกนนั้นดังสนั่นหวั่นไหว

   “เรือนรับแขกพังแล้วรีบไปตามคนมา”

   “เรียนท่านประมุขเร็วเข้า! พรรคมารบุกแล้ว”

   เรียกได้ว่าเสียงเอ็ดตะโรนั้นดังอื้ออึ้งไปทั่ว เหล่าผู้คนในพรรคเรือนเมฆาต่างวิ่งออกมาที่หน้าประตูใหญ่ ท่าทางตื่นตระหนกตกใจ

   สีหน้ามู่อิงมีร่องรอยพึงพอใจ ครึกครื้นแล้ว เฉียนหลีถือว่ามีความชอบ ได้หน้าได้ตาจากท่านประมุขไม่น้อย

   “มะ...มู่อิง! เจ้าใจกล้ายิ่งนักที่บุกมาพรรคเรือนเมฆาของเรา!”ผู้มาถึงคนแรกเป็นผู้อาวุโสซิวเยี่ยนผู้คุมกฎพรรคเรือนเมฆา ใบหน้าท่านผู้อาวุโสนั้นแดงกล่ำไม่ทราบว่าเป็นเพราะวิ่งมาจนเหน็ดเหนื่อยหรือเพราะเห็น ‘คนงาม’ กันแน่

   ส่วนบรรดาศิษย์พรรคเรือนเมฆาที่เคยเห็นประมุขพรรคมารเป็นครั้งแรกนั้นต่างปากอ้าตาค้าง ใบหน้าแดงกล่ำหัวใจเต้นแรง คนผู้นี้ใช่ประมุขพรรคมารจริงหรือ เหตุใดจึงงดงามเช่นนี้ หากพวกเขาร่วมมือกันรังแกคนงาม สวรรค์จะลงโทษหรือไม่

   “ส่งตัวฉีฮ่าวออกมา มิเช่นนั้นข้าจะสังหารไม่ละเว้น”น้ำเสียงทุ่มปนหวานนั้นไม่ดังไม่เบาแต่ผู้คนในบริเวณนั้นต่างได้ยินจนทั่ว

   มู่อิงนั้นถึงหน้าตาจะงดงาม แต่มิได้ดูบอบบางดังอิสตรีกอปรกับมีบุคลิกสูงส่งถือตัว ท่วงท่ากิริยาล้วนน่ามอง ยามที่เขาเปล่งวาจาว่าจะสังหารคนนั้น ผู้คนต่างขนลุกชันด้วยความหวั่นเกรง

   “บังอาจนัก! มารร้ายเช่นเจ้าถึงกับคิดบุกมาพบรองประมุขของเราช่างบังอาจ!”ผู้อาวุโสชิวเยี่ยนตะโกนเสียงดังด้วยความโมโห

   พรรคมารช่างบังอาจนัก ทำลายเรือนรับแขกพังไปครึ่งหลังยังมีหน้าเอ่ยวาจาข่มขู่ผู้คน เห็นพรรคเรือนเมฆาเป็นสถานที่ใดกัน

   “ข้ามิได้มาขอพบ ข้ามาเพื่อสังหาร หากพวกเจ้ามิส่งคนออกมา ก็อย่าหาว่าข้ามู่อิงไร้มารยาท”มิพูดเปล่ามู่อิงเพียงโบกชายแขนเสื้อหนึ่งครั้งเรือนรับรองแขกอีกครึ่งหลังก็พังลงต่อหน้าต่อตาบรรดาศิษย์พรรคเรือนเมฆา

   ผู้คนต่างปากอ้าตาค้าง ช่างลงมือรวดเร็วยิ่งนัก พวกเขายืนอยู่ใกล้พียงเท่านี้แต่กลับไม่สามารถลงมือขัดขวางได้ ฝีมือประมุขพรรคมารผู้นี้สูงส่งระดับใดกัน

   “อย่าคิดว่าเราพรรคเรือนเมฆาจะยอมถูกข่มเหงง่ายๆ พวกเราร่วมมือกันสังหารจอมมารผู้นี้เสีย”

   “หึ เจ้าพวกมดปลวกไม่รู้จักกลัวตาย”

   สิ้นเสียงผู้อาวุโสชิวเยี่ยนและมู่อิง การต่อสู้จึงเริ่มขึ้น

   เรียกว่าการต่อสู้ก็ไม่ถูกนัก เรียกว่าคนกลุ่มหนึ่งโดนมู่อิงใช้เพื่อระบายโทสะจะเหมาะสมยิ่งกว่า ซูปี้ฮวาทำเพียงกอดพิณเอาไว้คอยหลบหลีกผู้คนที่ถูกท่านประมุขซัดปลิวมา ส่วนเฉียนหลีเพียงยืนอยู่ข้างๆนาง หากท่านประมุขมีอันตรายค่อยยื่นมือเข้าช่วยเหลือก็ยังไม่สาย

   อ่า...ดูสิอาคารของพรรคเรือนเมฆาถล่มลงมาอีกหลังแล้ว

   ท่าร่างของท่านประมุขช่างงดงามนัก ทำให้คนมิอาจละสายตาได้

   โอ้ว...นั่นฉีฮ่าวไม่ใช่หรือ ในที่สุดก็ยอมปรากฏตัวออกมา คนผู้นี้นับว่ามีฝีมืออยู่บ้าง รับมือท่านประมุขได้ถึงสามกระบวนท่าแล้ว

   สายตาท่านประมุขยามเปล่งประกายสังหารช่างงดงามเสียจริง เฉียนหลีกับซูปี้ฮวาเรียกได้ว่าชมดูอย่างสนุกสนาน ทั้งเบิกบาน ทั้งเคลิบเคลิ้ม

   มู่อิงสู้กับฉีฮ่าวถึงกระบวนท่าที่ห้าก็คิดจะสังหารคนผู้นี้เสีย แต่ก่อนที่เข้าจะฟาดฝ่ามือลงไปนั้น กลับมีลมปราณกระแสหนึ่งมาต้านเอาไว้ มู่อิงถอยออกมาสามก้าวก่อนจะหันไปมองที่มาของลมปราณกระแสนั้น

   “ประมุขมู่โปรดยั้งมือไว้ไมตรีด้วย”เสียงนั้นทุ่มเย็น ผู้พูดสวมอาภรณ์สีขาวกระจ่าง ท่าทางสูงส่งสง่างาม เส้นผมสีเงินยวงถูกรวบไว้ด้านหลังด้วยเชือกอย่างง่ายๆ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นยากจะหาพบได้ในแดนดิน ทั้งคิ้วตาจมูกปากคางล้วนไม่ขัดตา ช่างเป็นใบหน้าที่ทำให้ผู้คนยอมสิโรราบเสียจริง

   “เจ้าคงเป็นหลิวเฉินซางผู้นั้นกระมัง”มู่อิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงไว้ตัวอยู่หลายส่วน




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2016 20:26:32 โดย Y_type »

ออฟไลน์ Y_type

  • miKapleXD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
    • Night dating, no obligations, one night only
Re: +++บทที่ 2 เส้นผมสีเงินยวง+++
«ตอบ #2 เมื่อ06-04-2016 20:23:01 »


บทที่ 2 เส้นผมสีเงินยวง


   หลิวเฉินซางนั้นชาวยุทธ์ต่างพูดกันว่ารูปโฉมท่าทางล้วนสง่างามดั่งเทพเซียน เขาขึ้นเป็นผู้นำชาวยุทธ์ตั้งแต่อายุยี่สิบสามปี ตอนนี้อายุยี่สิบแปดแล้วก็ยังไม่แต่งภรรยา เจ้าสำหนักฝ่ายธรรมะหลายแห่งหวังสานสัมพันธ์ผูกด้ายแดงให้แก่ท่านผู้นำกับบุตรสาวหรือศิษย์หญิงในสำนักของตนหากแต่ไม่เคยสำเร็จ  เป็นเพราะมาตรฐานของท่านผู้นำสูงส่งเกินไป หรือเพราะบรรดาลูกสาวและศิษย์หญิงเหล่านั้นยังดีไม่เพียงพอก็มิอาจรู้ได้

   “ข้าน้อยหลิวเฉินซาง”

   “คำพูดตามมารยาทอันใดระคายหูเสียจริง”แต่เวลานี้นั้นมู่อิงกลับมิเห็นว่าคนผู้นี้จะโดดเด่นเหนือผู้อื่นอย่างไร เพียงแค่อยากประมือให้รู้กันว่าผู้ใดจะฝีมือสูงส่งกว่ากัน

   “อ้อ! แค่เรือนไม่กี่หลังที่เสียไปคงเป็นการแสดงมารยาทของประมุขมู่กระมัง”

   “มารยาทนั้นข้าแสดงต่อผู้ควรได้รับเท่านั้น ข้าต้องการเพียงหลานชายหญิงและชีวิตของฉีฮ่าวเท่านั้นหวังว่าประมุขหลิวจะใจกว้างมอบให้”

   ฉีฮ่าวนั้นหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ เรื่องฝีมือนั้นเห็นแล้วว่าเพียงแค่ห้ากระบวนท่าเขาก็พ่ายแพ้อย่างหมดรูป หากพี่หลิวส่งตัวเขาให้ ‘คนงาม’ ผู้นี้จริงเห็นทีชีวิตเขาคงหาไม่ เหตุไดจึงเป็นเช่นนี้ได้เล่า เหตุเพียงผู้หญิงทะเลาะกันเท่านั้น ที่สำคัญภรรยารองของเขานั้นมู่อิงก็ส่งคนมาสังหารแล้วมิใช่หรือ คราวหน้าเขาจะไม่แต่งภรรยาหลายคนอีกแล้ว

   หลิวเฉินซางเหลือบมองฉีฮ่าวที่หน้าซีดราวกับเสียเลือดจนหมดตัว คนผู้นี้นี่ดีแต่ก่อปัญหา เขาบอกแล้วว่าน้องสาวประมุขพรรคจันทร์กระจ่างฟ้าไม่อาจแต่งด้วยได้ ก็ยังดื้อรั้นมิฟังคำ ทั้งยังไม่มีความสามารถปกครองภรรยา ก่อปัญหามากมายเสียจริง

   “หากประมุขมู่สังหารฉีฮ่าวบุตรทั้งสองของเขามิกลายเป็นกำพร้าหรือ ใครจะดูแลพวกเขาเล่า”หลิวเฉินซางพูดอย่างใจเย็น

   “หึ! หลานเพียงสองคนข้ามีปัญญาเลี้ยง เจ้าจะส่งคนมาให้ข้าหรือไม่!”มู่อิงนั้นรังสีสังหารเต็มเปี่ยม เจรจามากความอันใดกัน เขามู่อิงไม่สบอารมณ์!

   “เช่นนั้นคงต้องลองดูว่าประมุขมู่มีความสามารถแย่งคนไปจากมือข้าหรือไม่”

   สิ้นคำหลิวเฉินซาง มู่อิงก็ตรงเข้าประมือกับเขาทันที การประมือของผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งสองนั้นทำให้ผู้คนทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นมองอย่างปากอ้าตาค้าง ผู้ใดก็ไม่มีฝีมือมากพอเข้าไปแทรกแซง ความรวดเร็วของระดับฝีมือนั้นศิษย์ระดับธรรมดาเห็นเพียงเส้นสีแดงและเงินพัวพันไปมาเท่านั้น แม้แต่เฉียนหลีเองยังมองท่าร่างของทั้งสองได้ไม่ค่อยชัด ที่กล่าวกันว่าหลิวเฉินซางฝีมือสูสีกับท่านประมุขนั้นนับว่ามิได้กล่าวเกินจริงเลย

   มู่อิงนั้นต่อสู้กับหลิวเฉินซางไปหลายร้อยกระบวนท่า เรียกได้ว่าเขาออกแรงมากที่สุดในรอบหลายปี ทำลายบ้านเรือนผู้อื่นไปหลายหลังก็ยังไม่มีฝ่ายใดเพรี้ยงพร้ำ จังหวะนั้นเองมู่อิงผนึกกำลังภายในเตรียมทุ่มสุดตัวซัดใส่หลิวเฉินซาง หลิวเฉินซางก็เตรียมตัวตั้งรับอย่างสุดกำลัง กำลังภายในของมู่อิงนั้นนับว่าร้ายกาจยิ่งนัก ถึงหลิวเฉินซางจะหลบหลีกเต็มที่แล้วแต่พลังส่วนหนึ่งก็ยังรั่วไหลเข้ามาโดนเชือกที่รัดผมสีเงินยวงจนขาดลง!

   เชือกรัดผมของหลิวเฉินซางขาดไปแล้ว มู่อิงกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เห็นหรือไม่ฝีมือข้าร้ายกาจเพียงใด เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้แต่ข้าทำเชือกรัดผมเจ้าขาดได้

   เส้นผมสีเงินยวงของท่านผู้นำฝ่ายธรรมะสยายไปทั่วแผ่นหลัง สะท้อนกับแสงจันทร์ดูงดงามจับตา มู่อิงผู้กระหยิ่มยิ้มย่องถึงกับนิ่งค้างไป

   อา...เส้นผมเหล่านั้นยามต้องแสงจันทร์เหตุใดจึงงดงามจับตา ดูความพลิ้วไหวนั่น ดูความเป็นประกายนั่น งดงามกว่าฉางเอ๋อที่หนึ่งถึงห้าส่วน!

   หลิวเฉินซางสังเกตได้ถึงความผิดปกติของมู่อิง  เนื่องจากคนผู้นั้นจู่ๆก็หยุดเคลื่อนไหวไปเสียเฉยๆ เขาจึงมิรู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี จะให้โจมตีผู้ที่ไม่คิดลงมือแล้วนั้นเขาก็มิอาจทำได้

   “พี่หลิว ผู้น้องมู่อิงนั้นเห็นว่าเราต่างเป็นปัญญาชนควรเจรจาดั่งผู้มีการศึกษาดีหรือไม่”เสียงทุ่มปนหวานที่เอ่ยออกมาจากปากมู่อิงนั้นนุ่มนวลชวนฟังอย่างยิ่ง

   หลิวเฉินซางนั้นถึงกับนิ่งงันไป

   เฉียนหลีนั้นอ้าปากพะงาบๆ ท่านประมุขนะหรือเจรจาดั่งปัญญาชน เขาคิดว่าคงฟังผิดกระมัง ท่านประมุขบอกว่าควรสังหารเหล่าปัญญาชนใช่หรือไม่

   ซูปี้ฮวาเกือบทำพิณหลุดมือ นัยว่าโรคเก่าท่านประมุขกำเริบแล้วกระมัง นางหันไปมองเฉียนหลีที่อ้าปากค้าง

   ส่วนเหล่าศิษย์พรรคเรือนเมฆาต่างปล่อยอาวุธนัยน์ตาเลื่อนลอย ยามที่คนงามไม่เปล่งรังสีสังหารนั้นงดงามยิ่งนัก ท่าทางสงบเสงี่ยมนั้นช่างน่าลุ่มหลง อยากเข้าพรรคมารเหลือเกิน

   ใช้เวลาอยู่ชั่วอึดใจ ‘พี่หลิว’ จึงเปล่งคำว่าดีออกมาจากปากได้


   



   เมื่อมู่อิงถึงกับเอ่ยปากเจรจาจะมิเป็นการเจรจาได้อย่างไร เรือนที่ยังไม่ถูกทำลายถูกเก็บกวดอย่างสะอาดสะอ้านศิษย์พรรคเรือนเมฆานั้นต่างทุ่มเทแรงกายแรงใจสำหรับสถานที่พูดคุยระหว่างท่านประมุขและคนงามไม่น้อยเลย

   มู่อิงนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ของแขกได้อย่างสง่าผ่าเผยทำราวกับไม่เคยทำลายบ้านเรือนผู้อื่น บนใบหน้าแฝงรอยยิ้มเล็กน้อย ทำเอาผู้อื่นไม่อาจหักใจตำหนิเขาได้ วางตัวเป็นแขกได้น่าชื่นชมไม่น้อยเลย แม้แต่ผู้อาวุโสชิวเยี่ยนที่โกรธจนหนวดกระดิกยังไม่อาจเอ่ยว่าจาได้แม้แต่ครึ่งคำ

   ประมุขพรรคมารผู้นี้ เพียงแค่รูปโฉมก็ถือว่าเป็นภัยแล้ว!

   “พี่หลิว ฉีฮ่าวผู้นั้น ข้าจะยังไม่สังหารก็ได้ แต่หลานแฝดคู่นั้นหากพวกเขาโตพอรู้ความและอยากจะมาอยู่กับข้า หวังว่าท่านจะไม่ขัดขวาง”ถ้อยคำของมู่อิงนั้นน่าฟังอย่างยิ่ง

   เขาถึงกับยินยอมไม่สังหารคนตอนนี้พี่หลิวคงพอใจมากกระมัง มู่อิงเหลือบมองเส้นผมของผู้อื่นอย่างหลงไหล ช่างงดงามยิ่งนัก!

   “ประมุขมู่หากท่านไม่คิดสังหารคน ข้าย่อมไม่ขัดขวาง ส่วนเด็กสองคนนั้นหากพวกเขาอยากไปอยู่กับท่านข้าผู้มีศักดิ์เป็นลุงเช่นกันก็ไม่อาจฝืนใจให้พวกเขาอยู่”

   “ดียิ่งนัก ในระหว่างที่พวกเขากำลังเติบใหญ่หวังว่าพี่หลิวจะยินยอมให้ข้ามาเยี่ยมเยียนพวกเขาบ้าง”

   “ไม่ได้/ไม่ได้”

   ชิวเยี่ยนและเฉียนหลีเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน

   “ท่านประมุขเหตุใดจึงยอมเป็นมิตรกับพรรคมารเล่าขอรับ คนผู้นี้โหดเหี้ยมอำมหิตจะเชื่อใจได้อย่างไร”ผู้อาวุโสชิวเยี่ยนเอ่ยขัดขึ้นมา

   “ท่านประมุขพวกฝ่ายธรรมะชอบอ้างตนว่าเป็นคนดี แต่แท้จริงกลับหน้าเนื้อใจเสือกลับกลอกปลิ้นปล้อนเชื่อใจไม่ได้นะขอรับ”เฉียนหลีเองก็มิยินยอมเช่นกัน

   “ผู้ใดกล้าหลอกลวงข้าแค่สังหารทิ้งก็สิ้นเรื่อง”มู่อิงแย้มยิ้มออกมาอย่างดงาม เหล่าสาวใช้และผู้คนที่อยู่ในโถงรับรองต่างสูดหายใจเสียงดัง แม้แต่ยามเอ่ยปากจะฆ่าคนยังแย้มยิ้มได้งดงามเพียงนี้ พวกเขายอมตายเดี๋ยวนี้เลยได้หรือไม่

   “ประมุขมู่โปรดวางใจ ข้าหลิวเฉินซางไม่กลับคำพูดแน่นอน”

   “พี่หลิวโปรดเรียกข้าว่าน้องมู่เถิด เราถือได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”มู่อิงนับญาติกับผู้อื่นได้อย่างรื่นไหลนัก

   “เอ้อ...น้องมู่”หลิวเฉินซางรับมือไม่ทันแล้ว มู่อิงผู้นี้จิตใจแปรเปลี่ยนรวดเร็วยิ่งนัก

   “เมื่อตกลงกันเช่นนี้ข้าขอพักที่พรรคเรือนเมฆาเพื่อดูแลหลานแฝดนับแต่นี้เลยแล้วกัน”สิ้นคำมู่อิงก็ปรายตาดูเส้นผมของผู้อื่นอย่างหลงใหลอีกครั้ง

   ความงามเช่นนั้น...ช่างคุ้มค่าเสียจริง!





   มู่อิงนั้นนับว่ารู้จักทำคุณไถ่โทษบ้านเรือนหลายหลังที่เขาลงมือทำลายไปนั้น เขายินดีสร้างกลับคืนให้เพียงแต่ผู้อาวุโสชิวเยี่ยนกลับปฏิเสธน้ำใจครั้งนี้ โดยกล่าวหาว่าเขาแอบล้วงความลับแปลนบ้านผู้อื่น ถึงมิได้สร้างคืนไม่เป็นไรแต่อย่างไรเสียเรือนที่เขาพักคงจะยื่นมือเข้ายุ่งเกี่ยวได้กระมัง หากที่พักไม่ต้องตามรสนิยมเขาจะทนอาศัยอยู่ได้อย่างไร ที่พักของจอมมารผู้นี้นั้นนับว่าช่วยเปิดหูเปิดตาให้กับพรรคเรือนเมฆาไม่น้อย เพราะเครื่องเรือนแต่ละชิ้นล้วนล้ำค่าควรเมือง แม้แต่ถ้วยชายังล้ำค่ายิ่งกว่าที่จักรพรรดิใช้อีกกระมัง เรียกว่าความร่ำรวยของเขานั้นเทียบได้กับท้องพระคลังหลวงเลยทีเดียว

   มู่อิงนั้นตื่นแต่เช้าพร้อมความเบิกบานใจยิ่งเขาแต่งกายด้วยชุดสีม่วงกระจ่างทำให้ดูงดงามน่าค้นหา ความตั้งใจในเช้านี้ของเขาคือการไปเยี่ยมพี่หลิวแต่เช้า ยิ่งหากได้ช่วยรวบผม...คงดีไม่น้อยเลย แค่คิดจิตใจเขาก็ฟูฟ่องดั่งนกน้อยโผบิน

   ส่วนซูปี้ฮวานั้นออกจะไม่ชินอยู่บ้าง ท่านประมุขไม่เคยตื่นเช้าแล้วอารมณ์ดีเช่นนี้ เส้นผมสีเงินยวงของหลิวเฉินซางนั้นนับว่าล่อลวงท่านประมุขได้ผลนัก ตอนนี้ท่านประมุขคงชื่นชอบเส้นผมเหล่านั้นเป็นอันดับหนึ่งเสียแล้ว เป็นเช่นนี้ก็ดี หากวันๆต้องคลุกอยู่กับฉางเอ๋อที่หนึ่งเหมือนเก่านางคงตกใจตายสักวันเป็นแน่

   มู่อิงคิดชวนหลิวเฉินซางไปหาหลานแฝดด้วยกัน ในเมื่อเขาตื่นเช้าเพียงนี้แล้วจึงคิดร่วมทานอาหารเช้ากับประมุขพรรคเรือนเมฆาผู้นั้นเสียหน่อย ไหนๆก็ชื่นชอบเส้นผมของผู้อื่นแล้ว ผูกมิตรกับเจ้าของเส้นผมเหล่านั้นเสียหน่อยคงมิเป็นไร อีกทั้งการที่ได้เห็นเส้นผมเหล่านั้นแต่เช้าคงช่วยให้เขาเบิกบานใจยิ่งนัก มิเช่นนั้นหากไปเยี่ยมหลานแล้วเกิดพลั้งมือฆ่าบิดาของหลานเข้า เขาจะทำเช่นไรเล่า

   “ท่านประมุขคิดจะพำนักอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ขอรับ”เฉียนหลีถามขึ้นระหว่างทางเดินไปยังที่พักของหลิวเฉินซาง

   ส่วนซูปี้ฮวานั้นเดินทางไปแจ้งต่อเฉินซางว่ามู่อิงจะไปรับอาหารเช้าด้วย ที่สำคัญนางต้องไปสำรวจอาหารการกิน หากรสชาติหรือหน้าตาของอาหารไม่ถูกใจท่านประมุข พ่อครัวของพรรคเรือนเมฆามีกี่ชีวิตก็คงไม่พอให้ท่านประมุขสังหาร

   “จนกว่าข้าจะเบื่อ”คำพูดนั้นช่างเอาแต่ใจ จนเฉียนหลีได้แต่อวดครวญในใจว่าแย่แล้ว! จนถึงปัจจุบันนี้ท่านประมุขยังไม่เคยเบื่อของที่ถูกตาต้องใจชิ้นใดมาก่อนเลย

   หากเพื่อของที่ชอบนั้น มู่อิงนับว่าทำตัวใจกว้างไม่น้อย

   “เช่นนั้นโกนหัวหลิวเฉินซางแล้วเอาเส้นผมเหล่านั้นกลับไปดีหรือไม่ขอรับ”เฉียนหลีไม่อยากอยู่ใต้ชายคาเรือนของพวกฝ่ายธรรมะ มันคันคะเยอยิ่งนัก ที่สำคัญยังน่าเบื่อ คนพวกนั้นพอเอ่ยปากก็พูดถึงคุณธรรม คาดว่าท่านประมุขหากมิได้ชื่นชอบเส้นผมของผู้อื่นเสียก่อน คงสังหารคนพรรคเรือนเมฆาจนสิ้นเสียแล้ว

   “เจ้ามีความสามารถทำเช่นนั้นหรือเฉียนหลี คนผู้นั้นมีรูปโฉมที่ประดับเส้นผมเหล่านั้นได้ไม่เลวทีเดียว ข้าไม่คิดสังหาร”ถึงจะมิได้เอ่ยปากปฏิเสธ แต่คำตอบของมู่อิงนั้นก็บ่งบอกให้เฉียนหลีรู้แล้วว่าเขามิทำเช่นนั้น

   มู่อิงไม่ลงมือมีหรือเฉียนหลีจะทำสิ่งใดได้ ในใจท่านประมุขมีคนอยู่สองแบบหรือไร แบบที่คิดสังหารกับแบบที่ไม่คิดสังหาร แต่เอาเถอะ เขาเป็นผู้น้อยย่อมมิอาจปริปากบ่น

   “แต่อยู่ที่นี่น่าเบื่อยิ่งนัก”ผู้ไม่คิดปริปากบ่นยังอดบ่นอย่างไม่กลัวตาย เฉียนหลีนั้นติดตามรับใช้ท่านประมุขมาตั้งแต่จำความได้ ดังนั้นคำว่ากลัวตายนั้นเขาจึงสะกดไม่เป็น

   “เช่นนั้นเจ้ากลับหุบเขาล้อมจันทร์แล้วให้เยว่เอ๋อมาแทน”กับคนของตนนั้นมู่อิงก็ใช่ว่าจะใจดำ ในเมื่อไม่อยากอยู่ก็ให้คนอื่นมาแทน

   เยว๋เอ๋อหรือหนานหมิงเยว่นั้น เป็นสาวใช้ที่ติดตามมู่อิงมาตั้งแต่เด็กเช่นกัน นอกจากรูปโฉมงดงามแล้ว วรยุทธ์ยังสูงส่งอีกด้วย ที่มิได้ติดตามมาแต่แรกเพราะมู่อิงมิได้บอกให้มา

   หุบเขาล้อมจันทร์นั้น เป็นที่ตั้งของพรรคจันทร์กระจ่างฟ้า ที่นั้นสามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้ชัดเจนที่สุด กลมโตงดงามที่สุด แท้จริงนั้นมู่อิงไม่ใช่ศิษย์พรรคจันทร์กระจ่างฟ้ามาแต่แรกเริ่ม และไม่เคยปรากฏตัวในยุทธภพมาก่อน ก่อนที่จะกลายเป็นประมุขพรรคดังเช่นทุกวันนี้นั้นเป็นเพราะแต่ก่อนเขาเคยขอซื้อปราสาทและพื้นที่ทั้งหมดของพรรคจันทร์กระจ่างฟ้า แต่ท่านประมุขคนก่อนไม่ยอมขาย ต่อสู้กันไปสามวันสามคืนก็ไม่มีผู้ใดเพรี้ยงพร้ำ ท่านประมุขคนก่อนจึงชวนเขาเข้าสำนักเสียเลย โดยบอกว่าหากอยากครอบครองปราสาทและที่ดินก็ต้องเป็นประมุขพรรคเสียก่อน มู่อิงผู้ถูกตาต้องใจสิ่งใดแล้วย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือ จึงกลายมาเป็นประมุขพรรคจันทร์กระจ่างฟ้าด้วยเหตุนี้




   พรรคเรือนเมมฆานั้นตั้งอยู่บนยอดเขารับอรุณ เป็นภูเขาที่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี สำหรับประมุขพรรค รองประมุข และผู้คุมกฎนั้นจะมีเรือนแยกเป็นของตนเอง ส่วนบรรดาศิษย์นั้นจะมีเรือนพรรคลดหลั่นกันไปตามฐานะ เวลานี้นั้นยังไม่พ้นช่วงงานศพของภรรยาเอกและภรรยารองของรองประมุขพรรค เมื่อคืนยังเสียเรือนไปอีกหลายหลัง บรรยากาศไม่ชื่นมื่นนัก

   หลิวเฉินซางนั้นขบคิดมาทั้งคืนว่าเหตุใดมู่อิงจึงยอมวางมือ จึงสามารถคาดเดาได้ว่าคงเป็นเพราะ ‘ผม’ ของเขาแน่แล้ว เวลานั้นไม่มีสิ่งใดผิดปกติมีเพียงเชือกรัดผมของเขาเท่านั้นที่ขาด หลังจากนั้นปฏิกิริยาของประมุขพรรคมารก็เปลี่ยนไป อันข่าวลือที่ว่ามู่อิงมีความชมชอบแตกต่างจากผู้อื่นนั้นคงเป็นจริงมิใช่ข่าวโคมลอย เพราะมีแต่คนชื่นชอบ ‘รูปลักษณ์’ ของเขาแต่ไม่เคยมีผู้ใดชื่นชอบ ‘เส้นผม’ ของเขามาก่อน...

   เพราะเช่นนั้น เช้านี้ท่านผู้นำฝ่ายธรรมะประมุขยุทธภพคนปัจจุบันจึงตอบรับทานอาหารเช้าของมู่อิงและมิได้รวบผมดังเช่นปกติ เพื่อพิสูจน์การคาดเดาของตน

   มู่อิงนั้นนับว่าไม่ทำให้หลิวเฉินซางผิดคาดแต่อย่างใด เพราะทันทีที่เหยียบย่างเข้ามาในส่วนของศาลาที่ใช้ทานอาหารนั้น เขาก็เอาแต่จับจ้องเส้นผมของผู้อื่น จนแทบจะไม่เอ่ยปากทักทายเจ้าของเรือนเลยด้วยซ้ำ

   หลิวเฉินซางนั้นต้องกระแอมอยู่หลายทีใบหน้าที่จับจ้องเส้นผมของเขาจนแดงระเรื่อนั้นจึงหันมา มูอิงจ้องหน้าหลิวเฉินซางด้วยดวงตาไร้ประกายดังที่จ้องเส้นผมของเขาแล้วจึงเอ่ยทัก “พี่หลิว” คำหนึ่งแล้วจึงนั่งลงรับประทานอาหารโดยมีชูปี้ฮวาคอยปรนนิบัติ

   ระหว่างรับประทานอาหารนั้นหลิวเฉินซางมีท่าทางครุ่นคิดส่วนมู่อิงนั้นเอาแต่จับจ้องเส้นผมของหลิวเฉินซาง นับว่าการทานอาหารเช้านี้ทำให้เหล่าบรรดาคนรับใช้รู้สึกอึดอัดไม่น้อย

   หลังรับประทานอาหารเสร็จสิ้นแล้วหลิวเฉินซางจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อน

   “น้องมู่อิง การตายของน้องสาวบุญธรรมของเจ้าข้าเองก็เสียใจด้วย แต่หากเจ้าคิดสังหารฉีฮ่าวนั้นก็ไม่ถูกนัก การตายของนางนั้นฮูหยินรองเป็นผู้วางแผนและลงมือเองทั้งหมด ฉีฮ่าวไม่รู้เห็นด้วยแม้แต่น้อย ข้าหวังว่าน้องมู่อิงจะละเว้นไม่สังหารคน”พูดจบท่านประมุขฝ่ายธรรมมะก็รวบผมที่สยายอยู่กลางแผ่นหลังมาพาดไว้ที่ไหล่ด้านหนึ่ง มู่อิงเห็นเขารวบผมมาเช่นนั้น ก็อยากสัมผัสนัก หากแต่ทำเช่นนั้นคงเสียหน้าไม่น้อย

   “เช่นนั้นหรือ”มู่อิงมองตามเส้นผมเหล่านั้น จิตใจนับว่าเบิกบานแล้ว

   “ข้าอยากให้น้องมู่อิงละเว้นคนสักครั้งได้หรือไม่”ใครว่าประมุขฝ่ายธรรมะล่อลวงคนไม่เป็น การที่เขาใช้เส้นผมล่อลวงมู่อิงเช่นนี้ทำให้เห็นชัดว่า หลิวเฉินซางนั้นก็นับว่าเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวไม่น้อย

   “ละเว้นเขานั้นก็ใช่ว่าทำมิได้ หากเขายอมคุกเข่าขอโทษต่อหน้าศพน้องสาวข้าก็แล้วกันไปเถิด พี่หลิวทุกกวันนี้ใครสระผมให้ท่านหรือ”เห็นได้ชัดว่าแผนล่อลวงของของหลิวเฉินซางนั้นนับว่าไม่เสียเปล่า มู่อิงยอมวางมือแล้ว

   การเกลี่ยกล่อมมู่อิงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นนัก ขอแค่ไม่ขัดใจเขา และเขาเบิกบานใจไม่ว่าเรื่องใดก็สามารถคุยกันได้ทั้งสิ้น

   “เป็นบ่าวรับใช้ของข้าเอง”หลิวเฉินซางวางหน้าไม่ถูกเล็กน้อย มู่อิงผู้นี้เหตุใดชื่นชอบสิ่งใดจึงแสดงออกอย่างชัดเจนไม่มีหมกเม็ดเช่นนี้ สายตาที่มองเส้นผมของเขาก็ช่างกกระตืนรือร้นเหมือนเด็กยิ่งนัก ทำให้คนไม่อาจรังเกียจเขาได้

   “บ่าวรับใช้ของท่านคงมีวิธีดูแลรักษาเส้นผมที่ยอดเยี่ยมมาก เช่นนั้นตอนที่เขาสระผมให้ท่านข้าขอเข้าไปศึกษาวิธีการได้หรือไม่”แววตาของมู่อิงเปล่งประกายคาดหวังเต็มเปี่ยม มู่อิงนั้นนับว่ารู้ดีว่าตนเองรูปโฉมงดงามเพียงใด แสดงสีหน้าแบบใดผู้อื่นจึงจะยอมทำตามที่เขาต้องการ

   “ย่อมได้”หลิวเฉินซางนั้นนับว่ารับปากแล้ว ผู้อื่นยอมละเว้นคนเขาจะใจดำกับแค่ คนผู้นั้นต้องการศึกษาวิธีการสระผมของเขาได้อย่างไร

   ทั้งประมุขพรรคมารและผู้นำฝ่ายธรรมะทั้งสองคนนี้นับว่าต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ต้องการ!
   
   

ออฟไลน์ Y_type

  • miKapleXD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
    • Night dating, no obligations, one night only

บทที่ 3 คนงามผู้นั้นคือจอมมาร

                ประมุขพรรคมารจะมาอาศัยอยู่ที่สำนักฝ่ายธรรมะได้อย่างไร นับว่าข่าวการมาของมู่อิงนั้นแพร่สะพัดไปทั่วในคืนเดียว ยิ่งงานศพของภรรยาทั้งสองของรองประมุขพรรคยังไม่เสร็จสิ้น ชาวยุทธ์ฝ่ายธรรมมะที่มาคารวะศพ ทั้งที่พึ่งมาถึงและคารวะเสร็จแล้วแต่ยังไม่กลับนั้นต่างแตกตื่นตกใจ พากันมาสอบถามขอคำชี้แจงจากพรรคเรือนเมฆาไม่หยุดหย่อน

                ถึงจะอยากรู้ว่าเหตุใดพรรคเรือนเมฆาจึงให้ที่พักกับประมุขพรรคมาร หรือพรรคเรือนเมฆาเข้าร่วมกับพรรคมารแล้วใช่หรือไม่ ก็ไม่มีใครสามารถเอ่ยวาจาเหล่านี้ออกมาได้ เหล่าชาวยุทธ์ฝ่ายธรรมมะจึงพากัน ‘ร่วมใจ’ มาสอบถามข่าวคราวจากผู้อาวุโสชิวเยี่ยนไม่หยุดหย่อน ผู้อาวุโสชิวเยี่ยนนั้นสำหรับมู่อิงอาจไม่นับเป็นตัวอะไรได้ แต่สำหรับชาวยุทธ์ฝ่ายธรรมะนั้นเขาถูกให้ความเคารพนับถือไม่น้อยเลย

                แต่ครั้นจะให้เขากล่าววาจาว่าประมุขพรรคมารผู้นั้นมาชิงตัวหลานชาย-หญิง หวังฆ่ารองประมุขพรรคและทำลายบ้านเรือนของพรรคเรือนเมฆาไปหลายหลัง จากนั้นเพราะเหตุใดไม่ทราบจึงยอมวางมือแล้วมาอาศัยอยู่ในพรรคเรือนเมฆาก็ไม่อาจทำได้  จึงทำได้เพียงกล่าวว่า คนผู้นั้นมาเคารพศพน้องสาวบุญธรรมเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น

                ส่วนมู่อิงผู้ทำให้ผู้อื่นลำบากใจที่จะกล่าววาจาผู้นั้นเล่า สิ่งแรกที่เขาทำหลังจากคุยกับหลิวเฉินซางเสร็จไม่ใช่การไปเคารพศพน้องสาวบุญธรรมผู้นั้น หากแต่เป็นการไปเยี่ยมหลานแฝดอายุเพียงหกเดือนคู่นั้น

                “เหตุใดใบหน้าจึงขาวๆ กลมๆ เช่นนี้เล่า เหมือนซาลาเปายิ่งนัก”มู่อิงพิศหน้าเด็กแฝดคู่นั้นอยู่นานจึงเอ่ยวาจาออกมาได้

                “เรียนท่านประมุขเด็กทารกย่อมหน้าตาเช่นนี้เป็นธรรมดา”ชูปี้ฮวาเอ่ยขึ้น

                “เช่นนั้นข้าเรียกพวกเขาว่าเสี่ยวเปาที่หนึ่ง กับเสี่ยวเปาที่สองดีหรือไม่”คิ้วเรียวงามทั้งสองของมู่อิงจรดเข้าหากันเล็กน้อย เรื่องตั้งชื่อนั้นนับว่าทำให้เขาลำบากใจไม่แพ้การหาเงินเข้าพรรคเลยทีเดียว

                “น้องมู่อิงเด็กคนนี้เป็นพี่เกิดก่อนเป็นหญิงชื่อว่าฉีเจียงหลิน ส่วนคนน้องเป็นชายชื่อฉีเฉียง”หลิวเฉินซางที่ฟังสองนายบ่าวคุยกันเอ่ยขึ้น เสี่ยวเปาที่หนึ่ง กับเสี่ยวเปาที่สองนั่นเรียกว่าชื่อคนได้หรือ มู่อิงผู้นี้ใช่จริงจังอยู่หรือไม่

                “ที่แท้เสี่ยวเปาทั้งสองก็มีชื่อแล้วนี่เอง”ใบหน้างดงามของมู่อิงคลายลงแล้ว คล้ายเรื่องยุ่งยากที่ขบคิดได้รับการแก้ไขแต่เรื่องชื่อของหลานทั้งสองนั้น เขาเรียกว่าเสี่ยวเปาดูจะคล่องปากมากกว่า เช่นนั้นชื่อฉีเจียงหลินกับฉีเฉียงอะไรนั้นก็เอาไว้ให้ผู้อื่นเรียกแล้วกัน เขาผู้เป็นลุงจะเรียกว่าเสี่ยวเปา

                หลิวเฉินซางนั้นแทบจะยกมือกุมขมับ ตกลงมู่อิงผู้นี้ฟังที่เขาพูดเข้าใจหรือไม่ หลานทั้งสองมีชื่อแต่ไม่ยอมเรียก กลับเรียกในสิ่งที่ตนพอใจ เช่นนี้ยังมีความรู้สึกของญาติมิตรอยู่หรือไม่  หรือเขาควรจะต้องกล่าวเรื่องความเป็นท่านลุงที่ดีให้คนผู้นี้ฟังสักหน่อย

                “ท่านประมุขของรับขวัญเจ้าค่ะ”ชูปี้ฮวายื่นกล่องสีแดงดูหรูหราวิจิตงดงามให้แก่มู่อิง เมื่อเปิดออกจึงพบกำไลหยกเนื้อดีดูสูงค่าคู่หนึ่ง

                มู่อิงยื่นมือไปหยิบกำไลขึ้นมามือขาวเรียวดังหยกสลักคู่นั้น ดูตัดกับสีเขียวเข้มของหยกจนแทบจะเปล่งประกายออกมา        แล้วจึงใส่กำไลหยกที่ข้อเท้าของหลานทั้งสอง ท่านประมุขฝ่ายธรรมะเบือนหน้าหนีเล็กน้อย

                การจับจ้องมือผู้อื่นก็ทำให้เขาเก้อกระดากได้เช่นกัน

            ท่านประมุขฝ่ายธรรมะต้องยอมรับว่า เขาไม่อาจมองมู่อิงเป็นชายชาตรีคนหนึ่งได้ เพราะหน้าตาที่งดงามอย่างสุดซึ้งของเขาทำให้ผู้คนมักจะใจอ่อนเช่นเวลาที่เห็นหญิงงาม ถึงแม้หลิวเฉินซางจะไม่เคยใจอ่อนกับหญิงงามก็ตาม!

                “น้องมู่อิงหลานทั้งสองยังเล็กอยู่มาก เจ้าให้พวกเขาพักผ่อนก่อน ปล่อยให้แม่นมดูแลดีหรือไม่”เขาเองก็นับว่าพบเจอมู่อิงเป็นครั้งแรก คนผู้นี้แปลกประหลาด อารมณ์แปรเปลี่ยน มีข่าวลือในยุทธภพมากมายทั้งจริงเท็จ แต่ที่จริงแท้แน่นอนคือมู่อิงเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์สิ่งนี้เขาพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วในตอนที่ประมือกัน

                “เช่นนั้นก็ดี ถึงอย่างไรเสียข้าควรไปดูศพลู่เจินเสียหน่อย ซาลาเปาสองก้อนนี้นับว่าโชคร้ายนัก เพราะมารดาอ่อนแอพวกเขาจึงอาภัพเช่นนี้”มู่อิงถอนหายใจเล็กน้อย มองดูหลานแฝดด้วยสายตาอ่อนโยนยิ่ง

                ในใจหลิวเฉินซางหนาวเหน็บนัก มู่อิงถึงกับตำหนิคนตายได้อย่างไม่มีแววอาวรณ์เลยแม้แต่น้อย คนผู้นี้ยังมีหัวใจอยู่หรือไม่

                หลิวเฉินซางหารู้ไม่ว่าสำหรับมู่อิงแล้วสิงที่รังเกียจที่สุดคือความอ่อนแอ มิใช่ความแอแอทางร่างกายหากแต่เป็นความอ่อนแอทางจิตใจ และความโง่เขลายอมผู้อื่นไปเสียทุกเรื่อง ลู่เจินนั้นหากจิตใจไม่อ่อนแอเปราะปางมีหรือว่าจะโดนผู้อื่นรังแกจนตายได้

                ชูปี้ฮวาเองก็นับว่าเคยสนทนากับลู่เจินน้องสาวบุญธรรมของท่านประมุขอยู่บ้าง ลู่เจินนั้นนับว่าเป็นสาวงามผู้หนึ่ง หากสังเกตให้ดีจะพบว่านางมีหน้าตาคล้ายท่านประมุขอยู่หลายส่วน ถึงแม้จะไม่ได้สนิทสนมกันนักหากนางก็อยากไปเคารพศพสักครั้งเช่นกัน   แม้แต่นางที่เป็นสาวใช้ข้างกายที่ไม่ได้สนิทกันยังคิดเช่นนี้ ในใจท่านประมุขคงอาลัยน้องสาวบุญธรรมอยู่บ้างเช่นกัน

 

 

                งานศพภรรยาทั้งสองของฉีฮ่าวนั้นจะตั้งศพไว้ทั้งหมดเจ็ดวันเจ็ดคืนแล้วจึงนำไปฝัง พิธีศพนั้นจัดขึ้นที่เรือนรองประมุขพรรคของเขานั่นเอง รองประมุขเรือนเมฆาในสายตาชาวยุทธฝ่ายธรรมมะนั้นก็ดูสง่างามน่าเลื่อมใสไม่น้อย ยิ่งตอนนี้มาเสียภรรยาไปทีเดียวถึงสองคนนั้นนับว่าโชคร้ายอย่างยิ่ง ถึงแม้ภรรยาคนแรกจะเป็นน้องสาวประมุขพรรคมาร แต่ภรรยาคนที่สองนั้นเป็นถึงธิดาคนเล็กของประมุขพรรคสายนที หนึ่งในพรรคฝ่ายธรรมะ  ในงานศพที่จัดขึ้นพร้อมกันถึงสองศพนี้ เจ้าสำนักสายนทีแม้ไม่พอใจบุตรเขยเพียงใดแต่เขาก็คือผู้ที่เสียภรรยาไปพร้อมกันถึงสองคนไม่อาจแก้แค้นเอากับเขาได้ แต่หากเป็นประมุขพรรคมารผู้นั้น...

                ดียิ่งนัก! วันนี้มู่อิงอยู่ที่นี้ เขาเองก็อยากจะรู้นักว่าจอมมารนั้นแท้จริงจะฝีมือสูงส่งสักแค่ไหนกัน วันนี้เขาต้องสังหารมู่อิง แก้แค้นให้บุตรสาวให้จงได้

                อนิจจา...หากมู่อิงล่วงรู้ความคิดของประมุขพรรคสายนที ไม่รู้ว่าจะเห็นความอาฆาตแค้นนี้อยู่ในสายตาหรือไม่

                ประมุขพรรคสายนทีนับว่ารนหาที่ตาย...รนหาที่ตายยิ่งนัก!

                ทันทีที่มู่อิงและหลิวเฉินซางปรากฏตัวพร้อมกันที่หน้างานศพ งานศพที่ดูเศร้าโศกอยู่แล้วกลับเงียบสงัดลงทันใด หลิวเฉินซางเป็นผู้ก้าวนำเข้ามาก่อน ตามด้วยบุรุษชุดม่วงที่หน้าตางดงามยิ่ง ปกติท่านผู้นำฝ่ายธรรมะนั้นหล่อเหล่างามสง่าประดุจเทพเซียนสร้างความเคารพเลื่อมใสรวมทั้งศรัทธาให้เกิดขึ้นในใจผู้พบเห็นได้ง่ายดาย แต่วันนี้กลับมีบุรุษอีกผู้หนึ่งเดินอยู่เคียงข้างแม้ไม่ได้กลบบังรัศมีของประมุขฝ่ายธรรมมะหากแต่ใบหน้านั้นช่างงดงามขโมยจิตใจของผู้พบเห็นโดยแท้ นับว่ายืนเคียงข้างกันเช่นนี้ช่างเป็นภาพที่งดงามเหมาะสมแล้ว

                เหล่าชาวยุทธ์ที่พกพาความสงสัยในความสัมพันธ์ของพรรคเรือนเมฆากับพรรคมารมาเต็มท้องเหล่านี้นั้นนับว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ในหัวไม่คิดอะไรอย่างแท้จริง เอาแต่จ้องมองคนงามผู้นั้นอย่างโง่งม

                “ท่านประมุข เหตุใดจึงพาคนผู้นี้มาที่นี่”ผู้อาวุโสชิวเยี่ยนผู้ได้สติเป็นคนแรกเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ

                ท่านประมุขขาดสติไปแล้วหรืออย่างไร ถึงกับพาจอมมารมาในที่ที่มีแต่ชาวยุทธ์ฝ่ายธรรมะเช่นนี้ ถึงแม้บางคนในที่นี้จะไม่รู้จักมู่อิงหรือมีความแค้นกันมาก่อน แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำของพวกพรรคมาร ในใจผู้อื่นย่อมมีความเกลียดชัง

                “ใครคือคนผู้นี้หรือเจ้าหนวด ข้ามู่อิงจะไปจะมาที่ใดล้วนได้ทั้งสิ้น”มู่อิงผู้ไม่อาจทนฟังถ้อยคำขัดหูได้แม้แต่น้อยเอ่ยขึ้น

                นับว่าคำพูดของมู่อิงนั้นช่วยเรียกสติของบรรดาชาวยุทธ์ทั้งหลายได้ดีนัก เพียงแค่ได้ยินชื่อของเขาเหล่าผู้คนที่ทำหน้าตาหลงไหลเคลิบเคลิ้มต่างหน้าเปลี่ยนสีกันทั้งสิ้น สิ่งที่รับรู้ทำให้ตกใจอย่างยิ่งยวด

                คนงามผู้นี้คือจอมมาร!!!

     ถ้าจะโทษก็คงไม่อาจโทษใครได้ มู่อิงนั้นความจริงแล้วปรากฏตัวในยุทธภพน้อยมาก มีแต่ชื่อเสียงของเขาเท่านั้นที่นับวันยิ่งขจรขจาย เหล่าผู้คนต่างได้ยินชื่อแต่ไม่เคยพบหน้า หากเคยเห็นหน้าสักครั้งจะเอาชื่อเขาไปข่มขู่เด็กได้หรือ คำขู่มิต้องเปลี่ยนจากจอมมารจะมาสังหารเป็นจอมมารจะไม่มาพบหรอกหรือไร

            “มู่อิงเจ้าสังหารบุตรสาวข้า ตายเสียเถอะ!!!”ประมุขพรรคสายนทีจู่โจมมู่อิงทันทีที่ได้สติ  เขาชักกระบี่คู่กายพุ่งเข้าหามู่อิงอย่างรุนแรงยิ่ง

                “พี่หลิวพรรคเรือนเมฆาของท่านช่างมีแต่คนไม่กลัวตายทั้งสิ้น”มู่อิงหันหน้าไปคุยกับหลิวเฉินซาง ไม่ได้สนใจประมุขพรรคสายนทีที่จู่โจมเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงสะบัดมือครั้งเดียวโดยไม่ปรายตาไปมองเสียด้วยซ้ำ

                ประมุขพรรคสายนทีที่พุ่งตัวเข้าจู่โจมมู่อิงนั้น ตอนพุ่งมาว่ารุนแรงแล้ว แต่ตอนกระเด็นกลับไปนั้นกลับรุนแรงยิ่งกว่า เขาถึงกับกระแทกผนังกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่

                เหล่าคนที่คิดจู่โจมมู่อิงนั้น จากที่คิดว่าจะช่วยประมุขพรรคสายนทีเข้าจู่โจม หากโค่นประมุขพรรคมารลงได้คงมีชื่อเสียงเกียรติยศตามมา หากแต่หลังจากเห็นสภาพของประมุขพรรคสายนทีแล้วพวกเขาไม่อาจมุทะลุจู่โจมได้ จอมมารผู้นั้นยังไม่ทันได้ออกกระบวนท่าประมุขพรรคสายนทีถึงกับเกือบสิ้นใจ หากเขาออกกระบวนท่าแล้วประมุขพรรคสายนทีคงสิ้นชื่อแน่แท้

                “น้องมู่อิงโปรดยั้งมือด้วย ทุกท่านวันนี้เป็นงานศพของภรรยาน้องรองฉีฮ่าวหวังว่าทุกท่านจะไม่คิดเข่นฆ่ากันในงานอันเศร้าโศกนี้ อย่าให้ต้องเกิดเรื่องน่าสะเทือนใจขึ้นมากกว่านี้เลย”หลิวเฉินซางประสานมือกล่าวอย่างมีมารยาทยิ่ง

                ท่านผู้นำกล่าวเช่นนี้ หากพวกเขาลงมือก็จะเป็นการไม่ไว้หน้าผู้นำของตนเอง เหล่าชาวยุทธ์นั้นนับว่าหาทางลงได้แล้ว

                ผู้อาวุโสชิวเยี่ยนถึงกับโล่งอก หากมู่อิงลงมืออีกครั้ง ไม่ทราบว่าพรรคเรือนเมฆาจะต้องแบกรับความเสียหายอีกมากมายเท่าไหร่ ลำพังเรือนหลายหลังที่ถูกทำลายไปก็ยังต้องซ่อมแซมอีกมากมาย หากมีเพิ่มขึ้นมาอีกผู้อาวุโสเช่นเขาคงกระอักโลหิตสิ้นใจเป็นแน่

                ส่วนหลิวเฉินซางนะหรือ หากเขาไม่ห้ามปรามไว้คนโง่กลุ่มนี้ต้องวิ่งเข้าไปหาที่ตายแน่แท้ ฝีมีมู่อิงนั้นแม้แต่เขายังไม่แน่ว่าจะเอาชนะได้เหมือนเอาแมวมาสู้กับเสือไม่มีผิด

                “พี่หลิวข้าอารมณ์ดีเพียงนี้ไม่คิดสังหารคน”มู่อิงปรายตาไปทางเส้นผมของหลิวเฉินซาง ที่เขาเดินตามหลังมาก็เพราะจะได้ดูพวกมันได้อย่างเต็มที่นี่แหละ ดูหนึ่งครั้งเบิกบานหนึ่งครั้งเสียจริง เห็นทีหากอยู่ที่พรรคเรือนเมฆาลำบากมากนัก คงต้องพาหลานแฝดและหลิวเฉินซางไปเยี่ยมชมพรรคจันทร์กระจ่างฟ้าเสียหน่อยแล้ว ส่วนจะเยี่ยมชมนานเท่าไหร่นั้น...จนกว่าเขามู่อิงจะเบื่ออย่างไรเล่า!

                “จอมมาร! บังอาจยิ่งนัก! ถึงกับเรียกท่านผู้นำของเราว่าพี่หลิว มิใช่ว่ารู้จักสนิทสนมกันเสียหน่อย”ผู้พูดเป็นหญิงสาวร่างเล็ก ดวงหน้านั้นดูน่ารักซุกซนจนผู้อื่นอยากจะยื่นมือไปหยิกสักครั้ง นางคือธิดาของประมุขพรรคเขาสงบชื่อหยวนอี้เซียง

                หยวนอี้เซียงนั้นได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสาวงามผู้เลอโฉมในยุทธภพ มีใจให้ท่านผู้นำฝ่ายธรรมมะมาตั้งแต่แรกเห็นเมื่อหลายปีก่อน เคยมาเยี่ยมเยียนเขาที่พรรคเรือนเมฆาก็หลายครั้ง หากแต่เพราะท่าทีสูงส่งของหลิวเฉินซางไม่อาจทำให้สามารถทำตัวสนิทสนมด้วยได้ง่ายดายนัก นางที่รู้จักเขามาหลายปีอย่างดียังต้องเรียกว่าท่านประมุขหลิว แต่มู่อิงผู้นี้เป็นใครกันเอาแต่เรียกพี่หลิวๆไม่หยุดปาก เป็นบุรุษแท้ๆแต่รูปโฉมงดงามยิ่งกว่าอิสตรี ฮึ!

                “สตรีผู้นี้...เหตุใดจึงน่าเกลียดนักเล่า ฉางเอ๋อที่สองหากให้นางมาเป็นสาวใช้ของเจ้าเกรงว่าหน้าตายังไม่ดีพอ ท่านประมุขจะหาสาวใช้ให้เจ้าสักคนดีหรือไม่”มู่อิงมองหน้าหยวนอี้เซียงเพียงแวบเดียวก่อนที่จะหันไปมองชูปี้ฮวา

                เฮ้อเขาเผลอมองหญิงขี้เหร่เข้าเสียแล้ว เช่นนี้จึงต้องมองหญิงที่งดงามกว่าเพื่อมิให้สายตาเขาบอบช้ำ

                “ท่านประมุข สาวใช้ที่รับมาเมื่อหลายเดือนก่อนนั้นข้าพอใจแล้ว ไม่ต้องการเพิ่มเจ้าค่ะ”ชูปี้ฮวาตอบอย่างนอบน้อม ถึงนางจะเป็นสาวใช้ท่านประมุข แต่รับใช้ท่านประมุขเพียงผู้เดียว ถ้าไม่คอยบรรเลงพิณให้เขาฟัง ก็คอยนั่งทานอาหาร พูดคุยเป็นเพื่อน และคอยปรนนิบัติยามอาบน้ำแต่งตัวเท่านั้น ส่วนการเป็นอยู่ด้านอื่นๆนับว่าดีมาก ท่านประมุขดูแลนางดีเสียยิ่งกว่าบุตรีขุนนางด้วยซ้ำไป

                “ฉางเอ๋อของข้างดงามเพียงนี้ จะให้เจ้าลำบากแม้แต่น้อยไม่ได้”มู่อิงยื่นมือแตะใบหน้าชูปี้ฮวาอย่างแผ่วเบาอ่อนโยนยิ่ง จนนางหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย ท่านประมุขถึงอย่างไรก็เป็นบุรุษนะ เหตุใดคิดจะแตะหน้าผู้อื่นก็แตะได้เล่า!

                ประมุขพรรคมารผู้นี้ เมื่อกี้แสดงออกชัดเจนว่าชื่นชอบเส้นผมของเขา เหตุใดจึงไปแตะหน้าผู้อื่นอย่างอ่อนโยนเช่นนั้นได้ ช่างเป็นคนจิตใจโลเลนัก! หลิวเฉินซางมิได้แสดงสีหน้าใดออกมา  ต้องยอมรับว่าเขาชื่นชมมู่อิงอยู่ไม่น้อย คนผู้นี้วรยุทธ์สูงส่ง  ในใต้หล้านี้คนที่เขาอยากประมือด้วยมีน้อยนักหนึ่งในนั้นคือมู่อิง

                “เจ้า! จอมมารว่าใครน่าเกลียด”หยวนอี้เซียงนั้นโมโหขึ้นมาแล้ว อิสตรีนั้นจะให้อย่างไรก็อย่าบอกว่าพวกนางน่าเกลียด มู่อิงนั้นมิเคยเข้าใจอิสตรี แต่ถึงแม้จะทำให้ผู้ใดโกรธเขาก็หาสนใจไม่

                “เฮ้อ!...ลองส่องกระจกมองดูหน้าของเจ้ากับฉางเอ๋อของข้าดูเถิด แล้วเจ้าจะรู้ว่าข้าหมายถึงใคร เจ้าคิดว่าพรรคมารไม่มีตาเหมือนพวกฝ่ายธรรมะหรือ ข้ามู่อิง! สิ่งสวยงามใดข้าย่อมมีตาไว้มอง แต่หากน่าเกลียดมากนักก็ไม่อยากเหลือบแล”

                ชาวยุทธ์ฝ่ายธรรมมะเมื่อได้ยินวาจาของมู่อิงก็จ้องมองไปยังสาวใช้ข้างกายเขาทันที  สาวใช้นางนั้นงดงามยิ่งนัก ถึงจะไม่เทียบเท่ามู่อิง หากแต่ก็งดงามจนหยวนอี้เซียงเทียบไม่ติด

                พรรคมารนั้นมีแต่คนงามหรือไร!

                “เจ้า!!!”หยวนอี้เซียงนั้นจะชักกระบี่หมายเข้าระบายโทสะใส่มู่อิงหากแต่ท่านประมุขพรรคเขาสงบผู้เป็นบิดานั้นห้ามปรามไว้เสียก่อน

                บุตรสาวผู้นี้โง่จนตาบอดไปแล้วหรือ ไม่เห็นสภาพประมุขพรรคสายนทีหรืออย่างไร อย่างนางจะทำให้เส้นผมมู่อิงไหวสักเส้นยังนับว่าทำไม่ได้

                “น้องมู่เชิญ”หลิวเฉินซางผายมือเชิญมู่อิงเข้าไปในห้องโถงที่ตั้งศพของลู่เจิน ชาวยุทธ์ฝ่ายธรรมมะต่างหลีกทางเดินให้เขา

                ถึงจอมมารผู้นี้จะอยู่ฝ่ายอธรรม แต่ช่างงดงามยิ่งนัก บุรุษใดอยากจะไปขวางหน้าคนงามกันเล่า ที่สำคัญคนงามผู้นี้ยังสามารถสังหารพวกเขาได้โดยที่พวกเขาอาจไม่รู้ตัวว่าตายไปแล้ว

                ท่านประมุขหลิวช่างกล้าหาญยิ่งนักสามารถอยู่ใกล้ชิดคนงามเช่นนี้ได้โดยไม่หวั่นไหว สมแล้วที่พวกเขายกย่องให้เป็นผู้นำ!

                หลิวเฉินซางนั้นนับว่าในใจของเหล่าชาวยุทธ์ยกย่องให้เขาสูงส่งขึ้นอีกหลายส่วน

ออฟไลน์ Y_type

  • miKapleXD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
    • Night dating, no obligations, one night only
Re: +++บทที่ 4 ชมจันทร์ +++
«ตอบ #4 เมื่อ06-04-2016 20:37:58 »


บทที่ 4 ชมจันทร์

        การปรากฏตัวของมู่อิงนั่นทำเอาเหล่าชาวยุทธ์ฝ่ายธรรมะที่ยังอยู่ในพรรคเรือนเมฆาแตกตื่นไม่น้อย จอมมารนั้นมิได้เป็นดังเช่นที่พวกเขาคาดคิดไว้แม้แต่น้อย มิใช่แค่ไม่ดูดุดันโหดเหี้ยมอำมหิตเพียงเท่านั้น หากแต่ยังงดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ ทำเอาหญิงงามในยุทธภพที่พวกเขาเคยยกย่องว่างดงามนั้น กลายเป็นหญิงที่มีหน้าตาธรรมดา บางคนยังกลายเป็นคนขี้เหร่ไปเสียด้วยซ้ำ

                ดังนั้นที่เรือนพักของมู่อิงจึงมักมีเหล่าชาวยุทธ์ชาย ทั้งหนุ่มแก่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนไม่ขาดสาย ต่างคนต่างอ้างว่ามาสังเกตการณ์แต่แท้จริงกลับมาเพียงเพื่อชมโฉมคนงามเท่านั้นเอง

                มู่อิงนั้นนับว่าพักอยู่ที่พรรคเรือนเมฆาเข้าวันที่ห้าแล้ว บรรดาคนที่แวะมาเยี่ยมเยียนนั้นนับว่าไม่เคยขาดช่วง เขาผู้ซึ่งอารมณ์เคยเบิกบานตอนนี้นับว่าขุ่นมัวไม่น้อย แต่ที่ยังไม่สังหารคนระบายอารมณ์นั้นเป็นเพราะคืนนี้เขามีนัดชมจันทร์กับท่านผู้นำฝ่ายธรรมะอย่างไรเล่า เรียกว่าเส้นผมชองหลิวเฉินซางนั้นช่วยชีวิตผู้คนไว้มากมายนัก

                แต่ก่อนที่จะถึงคืนนี้นั้น มู่อิงผู้ซึ่งไปเยี่ยมหลานแฝดและหยิกแก้มพวกเขาจนแดงช้ำมาแล้วนั้น กำลังนั่งเอนหลังชมสระบัวซึ่งมีเหล่าผีเสื้อบินว่อน เขาสั่งศิษย์พรรคเรือนเมฆาที่เฝ้าประตูไว้แล้วว่าไม่รับแขก หากปล่อยให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้ามาเขาจะ สัง – หาร – ทิ้ง!

                เฮ้อ...นี่จึงนับเป็นการพักผ่อนอย่างแท้จริง สายลมที่พัดมาก็เย็นสบายเหมาะแก่การนอนกลางวันอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรมู่อิงก็นับว่าเป็นผู้รู้จักเสพสุขมากที่สุดในแผ่นดิน

                ขณะที่มู่อิงกำลังจะเคลิ้มหลับนั้น ปรากฏว่าที่หน้าทางเข้าสระบัวเกิดเสียงเอะอะโวยวายขึ้น  เสียงคนเฝ้าประตูดูแตกตื่นหวาดกลัวอย่างยิ่ง มู่อิงผู้กำลังหลับตาลงนั้นจำต้องลืมตาขึ้น

                มีผู้ไม่กลัวตายคิดท้าทายเขาหรือย่างไร!

                ขณะที่มู่อิงลุกขึ้นเตรียมไปสังหารคนนั้น กลับต้องล้มลงไปอีกครั้ง เขาไม่ได้ตั้งรับ และไม่คิดตอบโต้กลับ เรียกได้ว่าปล่อยให้สิ่งนั้นพุ่งชนอย่างไม่หลบหลีก ร่างทั้งร่างของมู่อิงถูกคร่อมทับด้วยสิงโตตัวใหญ่มหึมาสีขาวตลอดทั้งร่าง  มันใช้ศีรษะถูไถกับใบหน้าของมู่อิงราวกับแมวตัวหนึ่ง

                “ฉางเอ๋อที่หนึ่ง...มาได้อย่างไรกัน”มู่อิงยกมือขึ้นลูบไล้สิงโตตัวนั้นอย่างรักใคร่ สุ่มเสียงอ่อนโยน

                “หากไม่ใช่เพราะมันมาด้วยข้าคงไม่ต้องใช้เวลาเดินทางถึงสามวัน พี่มู่อิงท่านช่างใจดำนัก ฉางเอ๋อที่หนึ่งไม่เห็นท่านมันแทบจะกินศิษย์ในสำนักแทนเนื้อวัวแล้ว”ผู้พูดเป็นหญิงสาวร่างระหงส์ในชุดสีฟ้าสดใส นางมีใบหน้าที่หวานหยด ราวกับจะปาดเอาน้ำผึ้งออกมาได้ ดวงตากลมโตใบหน้าเรียวเล็ก ดูน่ารักใคร่ทะนุถนอมยิ่งนัก คนผู้นี้คือหนานหมิงเยว่ สาวใช้ประจำตัวที่แท้จริงของมู่อิง

                “เยว๋เอ๋อเจ้าก็มาแล้ว”มู่อิงลุกขึ้นนั่งโดยมีสิงโตตัวใหญ่เอาหัวเกยอยู่บนตัก นี่เรียกได้ว่ามีแต่ฉางเอ๋อที่หนึ่งเท่านั้นที่ทำได้ หากให้ผู้อื่นเห็นภาพนี้เข้าคงจะมีบุรุษมามายอยากเกิดเป็นสิงโต

                “ไม่มาได้หรือเฉียนหลีผู้นั้นพอกลับไปถึงก็รับงานของพรรคแล้วหายเข้ากลีบเมฆไป เขาเป็นองครักษ์ของท่านแท้ๆ แต่ไม่คอยอารักษ์ขาอยู่ข้างกายผู้เป็นนาย อย่างนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน”หนานหมิงเยว่พูดไปก็ใส่อารมณ์ร่วมไปด้วย เรียกว่าอัดอั้นตันใจสิ่งใดก็กล่าวออกมาจนหมด

                “เยว่เอ๋อคงลำบากไม่น้อย”

                “พี่มู่อิง ท่านได้โปรดเมตาสงสารข้าเถอะ ข้าอายุยังน้อยแต่ผมกลับใกล้ขาวเต็มที พวกท่านแต่ละคนล้วนทำตามอำเภอใจ เช่นนี้หากกลับบ้านไป ข้าจะกล่าวกับท่านพ่อว่าอย่างไร”ใบหน้าอ่อนหวานของหนานหมิงเยว่นั้นใกล้มีน้ำตาหยาดหยดลงมา

                “เช่นนั้นเจ้าแต่งให้เฉียนหลีดีหรือไม่ จะได้คอยควบคุมเขาอย่างไรเล่า หญิงที่ผมใกล้ขาวนั้นหาสามีได้ยากยิ่ง”

                “พี่มู่อิง! ข้าเป็นผู้ชาย!!!”หนานหมิงเยว่ตะเบ่งเสียงตอบด้วยใบหน้าแดงกล่ำ

                  หนานหมิงเยว่  เหตุใดต้องแต่งกายด้วยชุดของสตรีนะหรือ ตอนนั้นมู่อิงเจ็ดขวบแล้ว ท่านอ๋องผู้เป็นบิดาจึงหาเพื่อนเล่นให้เขาซึ่งก็คือหนานหมิงเยว่อายุห้าขวบ  บุตรชายของพ่อบ้านใหญ่

                  มู่อิงผู้กำเริบเสิบสานนี้ ฐานะที่แท้จริงสูงส่งยิ่ง!

                  หนานหมิงเยว่นั้นหน้าตาอ่อนหวานดังอิสตรีมาแต่กำเนิด มู่อิงนั้นตอนเห็นหนานหมิงเยว่แต่งกายด้วยชุดบ่าวชายก็รู้สึกขัดหูขัดตาเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นจึงบังคับผู้อื่นแต่งกายเป็นหญิง โดยข่มขู่ว่าหากไม่แต่งกายเป็นหญิงเขาจะไม่ให้หนานหมิงเยว่ติดตาม

                 พอมู่อิงอายุสิบขวบก็ขึ้นเขาไปฝึกวิชา หากแต่เขาเป็นดังแก้วตาดวงใจของครอบครัวจะปล่อยให้เขาไปคนเดียวได้อย่างไร หนานหมิงเยว่ผู้โชคร้ายจึงต้องตามไปด้วย ตามไปเฉยๆคงไม่นับว่าอะไร หากแต่มู่อิงนั้นหากหนานหมิงเยว่ไม่แต่งตัวเป็นหญิงเขาห้ามเข้าใกล้ ดังนั้นบุรุษผู้หนึ่งจึงต้องแต่งตัวเป็นหญิงเพื่อคอยดูแลรับใช้มู่อิง

                “เยว่เอ๋ออย่างไรเสียเจ้าคงไม่อาจหาภรรยาได้”มู่อิงพูดด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง

                หนานหมิงเยว่อยากจะซัดใส่มู่อิงสักหนึ่งฝ่ามือแต่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะใครกันเล่าทำให้เขาต้องแต่งกายเช่นนี้จนผู้คนลืมเลือนไปแล้วว่าเขาเป็นบุรุษ

                ตอนที่มู่อิงขึ้นเขาไปกราบอาจารย์นั้นพาหนานหมิงเยว่ไปด้วย ทำให้ท่านอาจารย์รับทั้งสองเป็นศิษย์ มู่อิงเป็นศิษย์พี่รองส่วนเขาเป็นศิษย์น้องเล็ก เพราะการแต่งตัวเป็นหญิงและคอยติดตามรับใช้มู่อิงทำให้ถูกผู้คนเข้าใจผิดคิดว่าเขามีใจให้มู่อิง และมู่อิงที่ยอมให้เขาปรนนิบัติคงมีใจตอบไม่มากก็น้อย

                ถึงอย่างนั้นก็ยังมีศิษย์พี่ใหญ่ที่หน้ามืดตามัว ตามขอความรักจากมู่อิงไม่หยุดหย่อน เขาผู้เป็นทั้งศิษย์น้องเล็กและบ่าวรับใช้จึงต้องรับมือทั้งศิษย์พี่ใหญ่ศิษย์พี่รอง เรียกว่าชีวิตของเขาโดนมู่อิงเคี้ยวกรำมาไม่น้อย

                ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความจงรักภักดีของเขาทั้งหมดได้มอบให้มู่อิงไปสิ้นแล้ว

               หนานหมิงเยว่มิได้ตอบคำมู่อิงปล่อยให้ฉางเอ๋อที่หนึ่งคลอเคลียเจ้านายของมันไป ส่วนตัวเขาเองคงต้องสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่พรรคเรือนเมฆาจากชูปี้ฮวา

 

 

 

 

 

 

       ในค่ำคืนที่มู่อิงมาชมจันทร์กับหลิวเฉินซางนั้นดวงจันทร์ไม่ได้งดงามกลมโตแล้วเพียงแค่ปรากฏให้เห็นเพียงเสี้ยวหนึ่ง ถึงอย่างนั้นบนท้องฟ้าก็ยังคงปรากฏดวงดาวมากมายให้ได้เชยชม แม้ไม่มีดวงจันทร์มู่อิงผู้นี้ก็ยังเสพสุขได้ สถานที่ชมจันทร์นั้นเล่า...บนหลังคาเรือนพักของมู่อิงนั้นเอง

       “น้องมู่อิงนี่เป็นสุราที่ศิษย์พรรคเรือนเมฆาช่วยกันหมักขึ้นมา หวังว่าเจ้าคงจะชื่นชอบ”หลิวเฉินซางยกไหสุราขนาดไม่ใหญ่นักขึ้นมาวางบนโต๊ะ ที่เขาไม่ได้บอกเพิ่มคือนี่คือไหที่ดีที่สุด

       “ขอบคุณพี่หลิวมาก”มู่อิงแย้มยิ้มอย่างงดงาม เหตุใดเขาต้องยิ้มงามกว่าปกตินะหรือ เพราะเขาคออ่อนมากอย่างไรเล่า แต่หากให้ผู้อื่นรู้ว่าประมุขพรรคจันทร์กระจ่างฟ้าเช่นเขาคออ่อนราวกับทารกคงเสียหน้ายิ่งนัก มู่อิงผู้รักหน้าตายิ่งชีพจึงทำได้เพียงแย้มยิ้มออกมา

       “ท่านประมุข...”ชูปี้ฮวาคิดขัดขึ้นมาหากแต่มู่อิงยกมือขึ้นปรามไว้เสียก่อน นางจึงทำได้เพียงนั่งลงหลังพิณคันเดิม

       “ฉางเอ๋อที่สองเจ้าอยากบรรเลงเพลงไหนก็ตามใจ ไม่ต้องถามข้า”พูดเช่นนี้ช่างรักษาหน้าตาได้อย่างหมดจดงดงาม

       หนานหมิงเยว่นั้นไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงระมัดระวังตัวมากกว่าปกติ มู่อิงเวลาเมานั้นขาดสติยั้งคิดอย่างแท้จริง เรียกว่าอยากทำสิ่งใดก็ทำ กำเริบเสิบสานกว่าปกติหลายเท่านัก

       “น้องมู่อิงข้าต้องขออภัยด้วยที่หลายวันนี้เหล่าชาวยุทธ์ไปรบกวนเจ้าไม่หยุดหย่อน”เป็นเพราะท่านผู้นำฝ่ายธรรมะเองก็มีงานมากมายให้สะสาง จึงมิได้อยู่ดูแลแขกผู้ทรงเกียรติท่านนี้ตลอดเวลา ดีที่มู่อิงยังไม่ลงมือสังหารใคร เขายังไม่อยากเป็นศัตรูกับมู่อิง

       ท่านประมุขฝ่ายธรรมะยกสุราขึ้นจิบจนหมดจอก

       “พี่หลิวไม่ต้องเกรงใจ ความจริงแล้วข้าใจกว้างมาก”มู่อิงเองก็ดื่มรวดเดียวหมดจอกเช่นกัน

       ใจกว้างหรือ พี่มู่อิงท่านเป็นคนใจกว้างตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! หนานหมิงเยว่อยากจะตะโกนคำนี้ออกไปใจแทบขาด เขาทำหน้าราวกับคนไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะทนรับวาจาของมู่อิงไม่ไหวองครักษ์เช่นเขาจึงถอยออกห่างจนไม่ได้ยินคำพูดของมู่อิงอีก อยู่ไกลเช่นนี้หากมีเหตุไม่คาดฝันเขาก็ยังไปช่วยทัน

                “น้องมู่อิงได้ข่าวว่าเจ้าชื่นชมสิ่งงดงาม ที่ด้านล่างภูเขามีหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่นั่นดอกไห่ถังงดงามมาก ที่สำคัญห่างจากหมู่บ้านไปไม่ไกลยังมีบ่อน้ำพุร้อนอีกด้วย”หลิวเฉินซางผู้มีเวลาว่างทำหน้าที่เจ้าบ้านคิดพามู่อิงไปเที่ยวชมบริเวณโดยรอบพรรคเรือนเมฆา อย่างน้อยให้มู่อิงเบิกบานสักหน่อยเป็นรางวัลที่เขายับยั้งใจไม่สังหารคนพร่ำเพรื่อ

                “เช่นนั้นเราไปแช่น้ำร้อนด้วยกัน”เวลาแช่น้ำต้องปล่อยผม พอปล่อยแล้วก็ต้องสระด้วยไม่ใช่หรือ มู่อิงเบิกบานใจจนต้องยกดื่มอีกหนึ่งจอก

                “เอ่อ...ไม่ดีกระมัง”ท่านประมุขฝ่ายธรรมะหน้าแดงเล็กน้อย อย่างไรเสียเขาก็ว่าการอาบน้ำกับมู่อิงคงไม่ดีนัก

                “ทำไมเล่า! ท่านสัญญากับข้าว่าจะให้ข้าสระผม!”ใบหน้ามู่อิงเวลานี้นั้นแดงกล่ำ เพียงสองจอกเท่านั้น ท่านจอมมารผู้เยี่ยมยุทธ์ก็เมาเสียแล้ว

                “น้องมู่อิง เจ้าเมาแล้วหรือ”เพราะใบหน้าของมู่อิงนั้นแดงระเรือ ดวงตาก็ฉ่ำเยิ้มเล็กน้อย

                ไม่จริงกระมัง คนผู้นี้พึ่งดื่มไปสองจอกเท่านั้น

                “ข้ามู่อิง! พันจอกไม่เมา”คนเมาก็ยังรักหน้าอยู่นั่นเอง

                “เช่นนั้นหรือ”ท่านผู้นำฝ่ายธรรมะไม่อยากขัดใจคนเมา เขาเพียงจ้องใบหน้างดงามที่แดงระเรื่อนั้นไม่วางตา

                เขาเป็นบุรุษมองคนงามก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือ ยิ่งคนงามผู้นี้ใช่ว่าเวลาปกติจะสามารถจ้องหน้าเขาได้ง่ายดายนัก ที่สำคัญบรรยากาศรอบตัวมู่อิงตอนนี้ไร้ความกดดัน เป็นการปล่อยตัวตามสบายอย่างแท้จริง

                “พี่หลิว ท่านบอกว่าจะให้ข้าสระผมคิดผิดคำพูดหรือ”เสียงนั้นดังขึ้นข้างหู

                มู่อิงเคลื่อนกายมาอยู่ใกล้หลิวเฉินซางเมื่อไหร่ไม่อาจทราบได้

                “เจ้าบอกว่าอยากศึกษาวิธีการสระ”หลิวเฉินซางนั้นยอมรับว่าตกใจ แต่การที่มู่อิงเขยิบเข้าใกล้ถึงเพียงนี้เขากลับไม่ได้รังเกียจ

                ใบหน้างดงามของมู่อิงนั้นแดงกล่ำ ดูงดงามเย้ายวนราวกับปีศาจ

                “เช่นนั้นแช่น้ำร้อนด้วยกันก็ศึกษาไม่ได้หรือ ข้ากับท่านต่างเป็นบุรุษไม่มีอันใดต้องเสียหาย”มู่อิงนั้นตอนนี้เข้านั่งประชิดหลิวเฉินซางแล้ว เขาเอาแต่จ้องเส้นผมเหล่านั้นไม่วางตา

                “น้องมู่อิง...”หลิวเฉินซางอยากบอกมู่อิงนักว่า ถึงอย่างไรหน้าตาเจ้าก็งดงามมาก หากแต่โดนศีรษะของมู่อิงอิงซบไหล่เข้าเสียก่อน

                ท่านประมุขฝ่ายธรรมไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองไม่คิดผลักออก หากแต่ให้บุรุษคนหนึ่งใกล้ชิดถึงเพียงนี้โดยไม่คิดรังเกียจ

                “เส้นผมของท่านงดงามงามมาก”มู่อิงจับเส้นผมปอยหนึ่งของหลิวเฉินซางขึ้นมา แววตาแฝงความหลงใหลกระจ่างชัด “ข้าชอบมาก”แล้วจึงจุมพิตเส้นผมปอยนั้น ลวนลามเส้นผมผู้อื่นตามใจปารถนา

                หลิวเฉินซางโดนการกระนั้นทำให้ตกใจอย่างยิ่ง ตกใจจนหัวสมองขาวโพลนคิดสิ่งใดไม่ออก หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาทำได้เพียงแต่นั้งนิ่ง ปล่อยให้มู่อิงลูบคลำเส้นผมตามใจ

                “น้องมู่อิงเหตุใดจึงเป็นประมุขพรรคมารเล่า”น้ำเสียงนุ่มทุ้มของหลิวเฉินซางแหบพร่า ความใกล้ชิดนี้ทำให้เขาได้กลิ่น แม้กระทั้งกลิ่นหอมที่ติดกายมู่อิง

                “ข้าว่างมาก...น้องสาวแท้ๆไม่รักข้า...ที่นั่นใกล้ดวงจันทร์...งดงามมาก”ถ้อยคำของมู่อิงไม่ประติดประต่อ

                หลิวเฉินซางไม่อาจจับใจความของมู่อิงได้ ความเป็นมาของมู่อิงลึกลับมาก คนในยุทธภพไม่รู้ว่าเขาเป็นศิษย์สำนักไหน คนผู้นี้เหมือนอยู่ๆก็โผล่ออกมา

                “มู่ตาน...เจ้าใจร้ายนัก! ถึงกับแต่งงานแล้ว”เสียงของมู่อิงฟังดูอ้อแอ้อย่างยิ่ง แทบจะโถมน้ำหนักทั้งตัวมาที่เขา

                มู่ตาน...คงเป็นชื่อน้องสาวแท้ๆของมู่อิง

                “เส้นผมของหลิวเฉินซางงดงามมาก เป็นสีเงินยวง...สีเงิน”

                มู่อิงนั้นเอาแต่พูดในสิ่งที่หลิวเฉินซางไม่เข้าใจ ยิ่งพูดเสียงยิ่งเบา แต่ร่างกายกับเบียดชิดเขามากขึ้น จนมู่อิงขึ้นมานั่งอยู่บนตักเขาแล้วหลับไป

                เสียงพิณของซูปี้ฮวานั้นเงียบลงไปแล้ว นางลุกขึ้นแล้วอุ้มพิณเอาไว้มองไปทางหนานหมิงเยว่ เขาจึงใช้วิชาตัวเบาเหินกลับมา

                “ประมุขหลิว โปรดส่งตัวพี่มู่อิงมาทางนี้ข้าจะพาเขาไปนอน”หนานหมิงเยว่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

                “เจ้าเป็นหญิงพากลับไปคงไม่สะดวกนัก”หลิวเฉินซางไม่รู้เหตุใดจึงไม่อยากปล่อยมือ

                “ท่านไม่ต้องห่วง ข้าเป็นชาย พาเขากลับไปนอนเป็นหน้าที่ข้า”น้ำเสียงหนานหมิงเยว่แข็งขึ้นเล็กน้อย

                หลิวเฉินซางยอมรับว่าตกใจหากแต่ก็ไม่คิดปล่อยมือ คนผู้นี้มองอย่างไรก็ไม่ใช้ผู้ชาย หากแต่รสนิยมแปลกประหลาดของมู่อิง การที่เขามีคนประหลาดอยู่ข้างกายคงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก

                “เจ้าตัวเล็กมาก ข้าจะเป็นคนพาเขาไปส่งเอง”เขาเอ่ยวาจาข่มผู้อื่นออกไปอย่างไม่รู้ตัว

                หนานหมิงเยว่ถูกคำว่าตัวเล็กทำให้นิ่งค้างไป ตัวเล็กแล้วอย่างไรเล่า ถึงพี่มู่อิงจะหนักขึ้นอีกสักร้อยชั่งเขาก็แบกไว้ได้ วาจาเช่นนี้ใช่รังแกกันเกินไปหรือไม่

                ชูปี้ฮวาโครงศีรษะไปมา ก่อนจะเหาะตามไป

                ท่านประมุขทำบาปกับผู้ชายไว้มากมายนัก หนี้ดอกท้อแทบท่วมหัวแล้ว



++++++++++++++++++++++
หนี้ดอกท้อ = หนี้ด้านความรักค่ะ ไม่ค่อยสันทัดเท่าไหร่แต่ชูปี้ฮวาแค่อยากบอกว่ามู่อิงทำให้ผู้ชายมาหลงใหลหลงรักมากมายทำปาบทำกรรมด้านนี้ไว้มากจริงๆ


ออฟไลน์ Y_type

  • miKapleXD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
    • Night dating, no obligations, one night only
Re: +++บทที่ 5 น้ำพุร้อน+++
«ตอบ #5 เมื่อ06-04-2016 20:42:11 »


บทที่ 5 น้ำพุร้อน

               
          หลังจากนั้นสองวันท่านผู้นำฝ่ายธรรมะก็มีเวลาว่างมากพอพาท่านจอมมารไปเที่ยวชมดอกไห่ถังและแช่น้ำพุร้อน อะไรนะ! หลังจากที่หลิวเฉินซางไปส่งมู่อิงนอนแล้วเกิดสิ่งใดขึ้นบ้างนะหรือ ก็ต่างคนต่างกลับไปนอนที่เรือนของตนอย่างไรเล่า การไปชมดอกไห่ถังครั้งนี้ไม่นับว่ามู่อิงพอใจนัก ไม่ใช่ว่าดอกไม้ไม่งาม ไม่ใช่ว่าบรรยากาศไม่ดี แต่เพราะเหล่าผู้คนมากมายที่ตามมาอย่างไรเล่า! พวกฝ่ายธรรมะมากมายเหล่านี้จะตามมาด้วยทำไม

                ดีที่มู่อิงพาฉางเอ๋อที่หนึ่งออกมาเดินเที่ยวด้วย จึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขามากนัก มิเช่นนั้นหากคนผู้นี้เกิดโทสะขึ้นมา ถึงแม้หลิวเฉินซางจะอยู่ด้วยแต่ก็ใช่ว่าจะสามารถรักษาชีวิตพวกเขาไว้ได้ทั้งหมด

                ส่วนหลิวเฉินซางเดินใกล้กับมู่อิง ท่าทางสูงส่งจนคนไม่อาจเข้าใกล้

                “พี่มู่อิงท่านไม่เบื่อหรืออยู่ที่พรรคเรือนเมฆานี่ก็ไม่มีอะไรให้ทำ สู้กลับไปพรรคจันทร์กระจ่างฟ้าทำงานที่รับมาสนุกกว่ามากมาย”หนานหมิงเยว่เริ่มโอดครวญ เขาเข้าใจหัวอกเฉียนหลีแล้ว

                “ข้ามีความสุขดี”สายตาของมู่อิงจับจ้องไปยังเส้นผมของท่านผู้นำฝ่ายธรรมะที่วันนี้ถูกรวบเป็นหางม้า  ยามหลิวเฉินซางเดิน เส้นผมเหล่านั้นแกว่งไกวไปมาน่าดูนัก

                “พี่มู่อิงท่านจะแช่น้ำพุร้อนกับคนพวกนี้จริงหรือ”หนานหมิงเยว่พูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ยิ่งคิดถึงรูปร่างของมู่อิงเลือดกำเดาเขาก็แทบไหลออกมา  เขาที่รู้จักมู่อิงมาตั้งแต่เด็กยังมีความอดทนพอใช้ แต่ใช่ว่าผู้อื่นจะเคยชินด้วยเสียเมื่อไหร่

                “กับพี่หลิวเท่านั้น หากมีผู้อื่นคิดบังอาจข้าจะสังหารมัน”มู่อิงพูดด้วยประกายตาอำมหิต

                ใช่ว่ามู่อิงอ่อนข้อให้หลิวเฉินซางแล้วจะยอมอ่อนข้อให้ผู้อื่น ที่เขาไม่สนใจเป็นเพราะผู้อื่นไม่มีค่าให้เหลือบแล เขาไม่อยากจะเปลืองแรงแม้แต่สังหารมดปลวก

                “น้องมู่อิงโรงเตี้ยมที่เราจะเข้าพักมีบ่อน้ำร้อนที่กว้างขวางมาก แต่ข้าไม่แน่ใจว่าที่นั่นจะมีที่พักสำหรับสัตว์เลี้ยงของเจ้าหรือไม่”หลิวเฉินซางเหลือบมองไปทางฉางเอ๋อที่หนึ่งด้วยความสนใจมาก

                สิงโตใช่ว่าจะหาดูได้ง่ายดายนัก ที่สำคัญยังเป็นสิงโตเผือก ไม่รู้มู่อิงมีวิธีการฝึกเช่นไรมันถึงได้เชื่องปานนี้

                “พี่หลิวไม่ต้องห่วงฉางเอ๋อที่หนึ่งจะนอนกับข้า”

                “ฉางเอ๋อ?”หลิวเฉินซางมองไปทางซูปี้ฮวา คงไม่ใช่ว่าหญิงผู้นี้กับมู่อิง... ใบหน้าของหลิวเฉินซางฉายประกายตาเยียบเย็นชั่วแวบแล้วหายไป

                “สิงโตตัวนี้อย่างไรเล่า มันชื่อฉางเอ๋อที่หนึ่ง”มู่อิงลูบหัวสัตว์เลี้ยงอย่างรักใคร่

                “แล้วสาวใช้ของเจ้าเล่า มิใช่ว่าชื่อฉางเอ๋อเหมือนกัน”ใบหน้าของหลิวเฉินซางสุขุมเยือกเย็นดูเป็นปกติแล้ว

                “นางคือฉางเอ๋อที่สอง อันดับหนึ่งกับอันดับสองอย่างไรเล่า”มู่อิงพูดด้วยความภาคภูมิใจ การตั้งชื่อของเขานับว่าเป็นหนึ่งในแผ่นดิน ฉลาดหลักแหลมอย่างยิ่ง เขามู่อิงพอใจมาก

                อ้อ!...ที่แท้ก็อันดับสอง หลิวเฉินซางมองใบหน้าภาคภูมิใจของมู่อิง ดวงตาอ่อนโยนขึ้นหลายส่วนอย่างไม่รู้ตัว

                “ประมุขหลิว ข้าชื่อชูปี้ฮวา”ชูปี้ฮวาเอ่ยบอกชื่อของตนเอง ท่านประมุขคงจะลืมชื่อนางไปจริงๆ ท่านประมุขไม่เรียกชื่อนางก็แล้วไปเถิด เหตุใดต้องพลอยให้ผู้อื่นไม่รู้จักชื่อนางไปด้วยเล่า

                “ตัวเจ้าเป็นของข้า ชีวิตเจ้าเป็นของข้า วิญญาณเจ้าก็เป็นของข้า ฉางเอ๋อที่สองในเมื่อเจ้าขายชีวิตให้ข้าแล้ว  ก็ไม่อาจกลับไปใช้ชื่อเดิมได้อีก”คำพูดของมู่อิงเย็นชาอย่างยิ่ง แฝงความบ่งการผู้อื่นไว้เต็มเปี่ยม สิ่งที่เขาต้องการย่อมไม่อาจให้ผู้อื่นมาขัด

                ของที่เป็นของเขาแม้แต่ชื่อก็ไม่อาจให้ผู้อื่นตั้งให้

                “ท่านประมุข ฉางเอ๋อทราบแล้ว”ชูปี้ฮวาก้มหน้าลงต่ำ ครั้งนี้นับว่านางกล่าวคำพูดผิดหูมู่อิงเข้าแล้ว

                ตั้งแต่วันที่ก้าวเข้ามาในพรรคจันทร์กระจ่างฟ้านางก็ทราบชะตากรรมตนเองดี มิใช่แค่นางแต่มีผู้คนมากมายนักที่ขายชีวิตให้ท่านประมุข  ท่านประมุขเป็นผู้มีความสามารถด้านการใช้คนผู้หนึ่ง เขานับว่ารู้จักการปกครองผู้คน มีกฎที่พึงปฏิบัติดังนั้นผู้ที่ขายชีวิตให้เขาล้วนไม่คิดทรยศหักหลัง

                ชูปี้ฮวาเหลือบมองหลิวเฉินซาง

          ประมุขหลิว...ข้าหวังว่าท่านจะคว้าใจของท่านประมุขเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นท่านคงต้องกลายเป็นฉางเอ๋อที่สามในสักวันแน่...

 

 

 

 

          โรงเตี้ยมที่มู่อิงเข้าพักนั้นนับว่าใหญ่โตหรูหรา ต้องตามรสนิยมเขาอย่างมาก ที่สำคัญพวกชาวยุทธ์ฝ่ายธรรมะที่ตามมาบางคนที่ไม่ร่ำรวยมากนักจึงไม่อาจเข้าพักได้ จึงได้ไปพักที่อื่น นับว่าคนกลุ่มใหญ่สลายตัวเหลือไว้ไม่มากนัก ในจำนวนคนที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่จะเป็นบุตรสาวและบุตรชายของประมุขพรรคใหญ่ในยุทธภพ จุดประสงค์ของเหล่าจอมยุทธ์หญิงนั้นแน่นอนว่าต้องพุ่งเป้าไปที่หลิวเฉินซาง ส่วนเหล่าจอมยุทธ์ชายสายตาของพวกเขาต่างมองไปทาง ‘สามคนงามแห่งพรรคมาร’ ฉายานี้เรียกได้ว่าเหล่าชาวยุทธ์ชายเต็มใจตั้งให้  หากพวกเขารับรู้ว่าสองคนในนั้นเป็นบุรุษไม่ใช่หนึ่งอย่างที่เข้าใจ ไม่รู้ว่าจะมีคนหัวใจสลายมากมายเพียงใด

          ทันทีที่กลุ่มคนที่ดูโดดเด่นนี้เดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมสรรพเสียงล้วนเงียบกริบ ที่ถือตะเกียบก็ยกค้าง ที่อ้าปากก็ไม่อาจหุบได้ ดวงตาต่างจับจ้องไปที่หลิวเฉินซางกับมู่อิง

          วันนี้เหล่าเทพเซียนลงมาเยือนโลกมนุษย์หรืออย่างไร เหตุใดคนเหล่านี้จึงมีรูปโฉมชวนตะลึงถึงเพียงนี้

          เสี่ยวเอ้อประจำโรงเตี๊ยมนับว่ารู้จักหน้าที่ของตนเป็นอย่างดีเขารีบมาต้อนรับบุคคลทั้งหมด อย่างนอบน้อม เพียงแต่เหลือบไปมองสิงโตของมู่อิงใบหน้าเขาก็ซีดเผือด

          “เรียนนายท่าน ไม่อาจนำสัตว์เลี้ยงของท่านเข้าพักในโรงเตี๊ยมได้ขอรับ”หากมันกัดแขกท่านอื่นจะทำอย่างไร ไม่อาจเอาชีวิตผู้อื่นมาล้อเล่นได้

          “เจ้าว่าอย่างไรนะ”มู่อิงหลี่ตามองเสี่ยวเอ้ออย่างไม่พอใจ

          เสี่ยวเอ้อผู้ชะตาใกล้ขาดหันไปมองหน้ามู่อิง ใบหน้าเขาแดงระเรื่อพรางเอ่ยคำพูดติดๆขัดๆขึ้นมา “สิงโตตัวนี้...อัน...อันตราย...ไม่...ไม่สามารถนำเข้ามาในโรงตะ...เตี๊ยม  ได้ขอรับ”

                “บังอาจ! ฉางเอ๋อที่หนึ่งของข้าจะเข้าพักที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้เจ้ากล้าขวางหรือ”น้ำเสียงของมู่อิงข่มขู่ผู้คนอย่างมาก เสี่ยวเอ้อตัวสั่นงันงก หากเขาปล่อยให้สิงโตตัวนี้เข้ามาในโรงเตี้ยมไม่รู้จะมีแขกมากมายเพียงใดที่ย้ายออกไป หลงจู๊ต้องไล่เขาออกเป็นแน่

                “น้องมู่อิงเราเปลี่ยนที่พักดีหรือไม่”หลิวเฉินซางเสนอทางเลือกขึ้นมา เขาไม่อยากเห็นการเข่นฆ่าในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ เขาเป็นคนพามู่อิงมาก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของมู่อิง

                “ไม่! ข้าจะพักที่นี่ รวมทั้งฉางเอ๋อของข้าด้วย! หากผู้ใดคิดขัดขวาง...”

                เพล้ง!!!

                โต๊ะที่อยู่บริเวณโดยรอบถูกมู่อิงทำให้สลายเป็นผุยผง บรรดาจานชามข้าวของที่อยู่บนโต๊ะจึงตกลงมาแตกละเอียด แขกที่อยู่ภายในโรงเตี๊ยมต่างลุกฮือ คนที่กลัวตายล้วนวิ่งหนี คนที่สอดรู้ยังรีรออยู่ที่หน้าประตู  นับว่าชุลมุนวุ่นวายเป็นอย่างมาก

                “น้องมู่อิงใจเย็นก่อน”หลิวเฉินซางคว้ามือข้างที่ยังปล่อยปรานจางๆของมู่อิงเอาไว้  คนผู้นี้เอะอะก็ใช้กำลัง หากเขาไม่อยู่ด้วยไม่รู้ว่าจะมีใครห้ามปรามมู่อิงได้

                ท่านผู้นำส่ายศีรษะเบาๆ มีเพียงแค่เขาทีห้ามปรามมู่อิงได้ ความคิดนี้ก็นับว่าไม่เลวนัก

                “มู่อิงเจ้าใช่ทำเกินไปหรือไม่”หยวนอี้เซียงที่ตามมาด้วยเอ่ยขัดขึ้น พวกนางเป็นจอมยุทธ์ฝ่ายธรรมะ จะยอมให้จอมมารมากำแหงได้อย่างไร ที่สำคัญประมุขหลิวก็เอาแต่อยู่กับคนผู้นี้ ทำให้ผู้อื่นไม่พอใจอย่างมาก ครั้งนี้ยังเป็นการทำให้นางดูเป็นวีระสตรีต่อหน้าหลิวเฉินซางอีกด้วย

                บรรดาสตรีต่างคิดจะทำตามอย่างหยวนอี้เซียงโดยการขัดขวางมู่อิง เรื่องอะไรจะให้นางได้หน้าไปเพียงผู้เดียว หากแต่ยังไม่ทันอ้าปาก  คำพูดของมู่อิงกลับดังขึ้นมาก่อน

                “เจ้ามีปัญญาขัดขวางหรือ คิดว่าข้ามู่อิงสังหารคนมาเท่าไหร่เพื่อสิ่งที่พึงพอใจ เจ้าอยากลองมาเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นหรือไม่”น้ำเสียงมู่อิงไม่มีแววล้อเล่นประมุขพรรคเขาสงบรีบปิดปากบุตรสาวแล้วลากนางให้อยู่ห่างออกมา

                บุตรสาวผู้นี้เพราะเหตุใดจึงชอบรนหาที่ตายนัก!

                “นายท่าน...ได้โปรดละเว้นข้าน้อยด้วย เรื่องนี้...เรื่องนี้ต้องให้หลงจู๊หลี่เป็นผู้ตัดสินใจขอรับ”เสี่ยวเอ้อกลัวจนแทบทรงกายไว้ไม่อยู่ อยากหลั่งน้ำตาแต่ก็ไม่อาจทำได้

                หลงจู๊หลี่เป็นผู้ดูแลโรงเตี๊ยมแห่งนี้ หากเกิดอะไรขึ้นก็โยนให้เขารับไปเถิด เสี่ยวเอ้อตัวเล็กๆ ไม่อาจรับสิ่งไดไหว

                “งั้นก็ไปตามหมายเลขสามสิบสองมา”

                “สามสิบสอง”เสี่ยวเอ้องงงวยแล้ว สามสิบสองคือผู้ได เขาไม่รู้จัก

                “ขวางหูขวางตานัก ต้องให้บิดาฟาดเจ้าสักหนึ่งฝ่ามือหรือไม่”หากเจ้าคนผู้นี้ไม่ได้เป็นเสี่ยวเอที่นี่เขาคงสังหารไปนานแล้ว...

                มู่อิงอยากสังหารคนขึ้นมาอีกครั้ง หลิวเฉินซางรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขาจึงจับมือทั้งสองข้างของเขาไว้

                “ไปตามหลงจู๊หลี่ของเจ้ามา! เร็ว!!!”หนานหมิงเยว่ผู้เข้าใจเหตุการณ์เป็นอย่างดีตะโกนบอกเสี่ยวเอ้อ  เสี่ยวเอ้อผู้ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรจึงรีบวิ่งไปตามหลงจู๊หลี่อย่างรวดเร็ว

                หลงจู๊หลี่ผู้ได้ฟังความจากเสี่ยวเอ้อรีบรุดมาที่เกิดเหตุ ทันทีที่เขาเห็นบุรุษรูปโฉมงดงามในชุดสีแดงก็รีบโค้งคาระวะอย่างนอบน้อม ก้มหัวลงต่ำจนแทบไม่สามารถจะต่ำได้อีก

                “คารวะนายท่าน ข้าน้อยหมายเลขสามสิบสองขอรับ ข้าไม่ทราบว่านายน้อยมาเยือน นายน้อยโปรดเมตตาบ่าวไพร่ด้วย”น้ำเสียงหลงจู๊หลีเคารพนบนอบเป็นอย่างมาก เขาแทบจะลงไปคุกเข่าอยู่รอมร่อ

                เสี่ยวเอ้อผู้นี้ไปล่วงเกินใครไม่ล่วงเกิน บังอาจล่วงเกินน้องชายนายท่านสามเจ้าของโรงเตี๊ยม กิจการของนายท่านสามมีอยู่ทั่วแผ่นดิน กิจการทุกแห่งหลงจู๊ผู้ดูแลจะถูกเรียกเป็นหมายเลขตามลำดับที่เปิดกิจการขึ้นมา  ล่วงเกินนายท่านสามเขายังใจกว้างให้อภัยได้ แต่หากล่วงเกินน้องชายนายท่าน...เฮ้อ...หลงจู๊หลี่คงต้องเปลี่ยนเสี่ยวเอ้อใหม่เสียแล้ว

                “เจ้าไปจัดเตรียมที่พักของข้า”มู่อิงนั้นกลับมาสงบราบเรียบอย่างน่าตกใจ ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นกิจการของพี่สามมู่ตง เขาไม่อาจสังหารผู้คนในความปกครองของพี่ชายได้

                “เรือนชมจันทร์นั้นถูกจัดเตรียมไว้ตลอดเวลาขอรับ นายท่านสามยังกำชับว่าหากนายน้อยมาพักที่นี่ให้ดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่องขอรับ”

                “ดี!”เช่นนี้จึงจะสมกับเป็นพี่สาม

                มู่อิงพอกล่าวถึงพี่ชาย ความกดดันรอบตัวเขาก็ลดลงจนแทบไม่เหลือ แต่ละคนแต่ละท่านจึงได้เข้าพักโดยไร้เรื่องราว

               

 

 

 

 

                ท่านประมุขพรรคมารนั้นพอได้ที่พักสมใจ และโดนหลงจุ๊หลี่ปรนนิบัติพัดวีจนอารมณ์ดีขึ้นมากแล้วนั้น  เขาจึงให้ซูปี้ฮวาไปส่งข่าวกับหลิวเฉินซางว่าเย็นนี้เขาเชิญมาแช่น้ำร้อนด้วยกัน  หวังว่าพี่หลิวจะไม่ลืมข้อตกลง...ก็ข้อตกลงเรื่องสระผมอย่างไรเล่า  มู่อิงนั้นหากไม่ได้สัมผัสเส้นผมเหล่านั้นคงไม่อาจพอใจได้

                หลิวเฉินซางนั้นไม่อาจปฏิเสธได้  เขารับปากผู้อื่นไว้แล้วก็ต้องทำตาม แต่มู่อิงผู้นี้อยู่ในโรงเตี๊ยมเดียวกันยังต้องให้ผู้อื่นมาส่งข่าวด้วยหรือ ใช่เกียจคร้านเกินไปหรือไม่

                ความจริงมู่อิงนั้นเป็นผู้ชื่นชอบความสบายและสุขสำราญ เขาต้องการเป็นผู้ที่มีความสุขที่สุดในแผ่นดิน หลิวเฉินซางนั้นนับว่าต้องเรียนรู้อีกมาก

                ในสระน้ำร้อนขนาดใหญ่นั้นมีควันลอยขึ้นมาอ้อยอิ่ง น้ำนั้นไม่นับว่ากระจ่างใสแต่ก็ไม่ได้ขุ่นมัว  ทำให้เห็นรูปร่างของผู้ที่แช่อยู่เพียงเลือนราง ร่างกายตั้งแต่ช่วงไหล่ลงมาของท่านประมุขพรรคจันทร์กระจ่างฟ้านั้นแช่อยู่ในน้ำ ใบหน้าผ่อนคลายและพึงพอใจอย่างมาก หลิวเฉินซางนั้นแจ้งมาแล้วว่าอาจจะมาช้าเล็กน้อย มู่อิงจึงมาแช่น้ำก่อน  โดยมีหนานหมิงเยว่คอยปรนนิบัติและฉางเอ๋อที่หนึ่งเฝ้าอยู่หน้าประตู

                หลิวเฉินซางที่พึ่งมาถึงนั้นฉางเอ๋อที่หนึ่งเพียงแค่มองดูเขาก่อนจะปล่อยผ่านเข้ามาอย่างง่ายดาย บ่อน้ำร้อนของเรือนชมจันทร์นั้น แยกออกมาจากเรือนพักอื่น ใหญ่โตและหรูหราอย่างมาก  เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่ามู่อิงนั้นจะรู้จักกับเจ้าของโรงเตี๊ยม ท่าทางของหลงจู๊หลี่ที่แสดงต่อเขาก็เคารพยำเกรงมาก แสดงว่าฐานะที่แท้จริงของมู่อิงต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

                หลิวเฉินซางเห็นมู่อิงแช่อยู่ในน้ำทั้งตัว มีเพียงไหล่ขาวผ่องให้เห็นเท่านั้นก็ต้องรีบเบือนหน้าหนี คนผู้นี้แค่มองไหล่ก็รู้สึกว่าโดนยั่วยวนแล้ว

                ก่อนที่หลิวเฉินซางจะก้าวลงสระ มู่อิงก็ลืมตาขึ้นมา แล้วจ้องมองสำรวจเรือนร่างของผู้อื่นอย่างเหิมเกริม เขาจ้องหลิวเฉินซางตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วลอบชื่นชมว่ารูปร่างของคนผู้นี้ ‘ไม่เลว’ ผิวของหลิวเฉินซางนั้นไม่ได้ขาวกระจ่างใสดังเช่นมู่อิง หากแต่ก็เรียบเนียน ร่างกายมีเส้นสายและมัดกล้ามที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศ สมแล้วที่หญิงสาวเหล่านั้นชื่นชอบเขาอย่างมาก คนผู้นี้ไม่มีที่ติจริงๆ มู่อิงอยากคารวะชาสักจอก

                “พี่หลิวน้ำร้อนที่นี่ช่วยให้ผ่อนคลายอย่างมาก ความร้อนกำลังดี”มู่อิงเอ่ยปากขึ้นหลังจากที่หลิวเฉินซางก้าวลงในน้ำเรียบร้อยแล้ว

                “ใบหน้าของเจ้าดูผ่อนคลายขึ้นมาก”

                “ท่านไม่นำบ่าวรับใช้มาปรนนิบัติหรือแล้วจะสระผมอย่างไร เช่นนั้นข้าทำให้ดีหรือไม่”แววตาของมู่อิงนั้นเปล่งประกายอย่างมาก

                “ปกติถ้าต้องออกนอกสำนักข้าจะไม่พาบ่าวรับใช้ไปด้วย”เขาชอบทำทุกอย่างด้วยตัวเอง

                “แต่ข้าชอบ ข้าชอบให้ผู้อื่นคอยปรนนิบัติ”

                “เพราะท่านรักสบายจนเคยตัวอย่างไรเล่า”หนานหมิงเยว่ที่ยื่นอยู่มุมหนึ่งเอ่ยขึ้นมา คนผู้นี้ชื่นชอบรังแกเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นเป็นที่สุด ทั้งยังพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ

                “คนที่รู้ใจข้าที่สุดก็ยังคงเป็นเยว่เอ๋อสมแล้วที่ข้าโปรดปราน”น้าเสียงของมู่อิงฟังดูอ่อนโยนมาก แต่ก็แฝงความชั่วร้ายอยู่หลายส่วน เขามองหนานหมิงเยว่ที่สวมชุดสตรีเต็มยศด้วยความพึงพอใจ

                “พี่มู่อิงท่าน!”

                “เขาเป็นต่วนซิ้ว?”หลิวเฉินซางเอ่ยคำถามที่ค้างคาใจ

                “ข้าไม่ใช่!”หนานหมิงเยว่ยังไม่ทันได้เอ่ยจบ มู่อิงก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อน

                “เขาเป็นคนที่คอยดูแลข้า  สำหรับข้าเขาเป็นน้องสาว แต่สำหรับผู้อื่น...ต่วนซิ้วก็ไม่เลวนัก”

                “พี่มู่อิง! นับวันท่านก็ยิ่งรังแกข้ามากขึ้นเชิญชื่นชมเส้นผมประมุขหลิวของท่านไปเถิด”หนานหมิงเยว่ตะบึงตะบอนออกจากห้องน้ำไป

                คนผู้นี้นี่ ยังไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ เช่นเขามู่อิงนี่อย่างไร ควบคุมอารมณ์ได้ดีมาก!!!

 

 

 

                “เยว่เอ๋อไม่อยู่ ข้าจะช่วยท่านสระผมดีหรือไม่”มู่อิงลุกยืนขึ้นเดินเข้าไปหาหลิวเฉินซาง  ท่อนล่างตั้งแต่เอวลงมายังคงแช่อยู่ในน้ำ ส่วนท่อนบนนั้นเล่า...

                ท่านผู้นำฝ่ายธรรมะนั้นหัวใจเต้นรัวขึ้นมาทันที  มู่อิงนั้นผิวขาวผ่องทั้งยังเรียบเนียนราวหยกชั้นดี ถึงเป็นผู้ฝึกยุทธ์หากแต่ไม่ได้มีกล้ามเนื้อมากมายนัก ช่วงแขนนั้นทั้งกลมกลึงทั้งเรียวยาว ช่วงลำตัวนั้นดูบอบบางอย่างยิ่ง ตั้งแต่ช่วงอกไปจนถึงหน้าท้องแบบราบนั้นมีลักษณะเส้นสายของกล้ามเนื้อให้เห็นเพียงรางๆ ทั้งขาวทั้งเนียนน่าลูบไล้อย่างยิ่ง ผิวพรรณเช่นนี้หากบรรดาสตรีมาเห็นคงต้องอิจฉาตาร้อนเป็นอย่างมาก ยิ่งมองเห็นทับทิมสีแดงระเรื่อสองเม็ดนั้น...ช่างชวนให้ผู้คนอยากข่มเหงรังแกเขาเสียจริง

                มู่อิงนั้นพอเดินเข้ามาใกล้เส้นผมของหลิวเฉินซางก็ตรงเข้าจับทันที

         “พี่หลิวท่านหันหลังหน่อยได้หรือไม่”เพราะหลิวเฉินซางนั่งพิงขอบสระเขาจึงจับไหล่ให้หลิวเฉินซางหันหลัง นั่งพิงขอบสระเช่นนี้เขาจะสระผมได้อย่างไร

          หลิวเฉินซางนั้นยิ่งมู่อิงเข้าใกล้ เขาก็ยิ่งควบคุมตนเองยากยิ่งขึ้นทุกที กว่าจะรู้ตัวมู่อิงก็จับเส้นผมของเขา ส่วนเขานั้นเล่าใช้ปากประกบริมฝีปากแดงระเรื่อของผู้อื่น

          มู่อิงนั้นตกใจมากตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยถูกกระทำเช่นนี้มาก่อน เพียงเคยเห็นจ้าวเทียนหลงทำเช่นนี้กับมู่ตาน คนผู้นั้นบอกว่าคนรักกันจึงจะทำเช่นนี้ได้ เขาเพียงแต่ชื่นชอบเส้นผมของหลิวเฉินซาง เช่นนั้นสามารถทำได้หรือไม่  ไม่ทันครุ่นคิดเสร็จมู่อิงก็ถูกจูบจนเคลิบเคลิ้ม  ถูกจูบจนคิดต่อไม่ได้ ถูกจูบอยู่นานจนกลับออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพไหนยังจำไม่ได้ ริมฝีปากของเขาบวมเปล่ง ดูเย้ายวนยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

          มู่อิงรู้สึกเพียงว่าเขาขาดทุนยิ่งนัก ได้จับเพียงแค่เส้นผมหลิวเฉินซาง แต่คนผู้นั้นกลับลูบไล้ร่างกายเขาแทบทุกส่วน!!!

           มู่อิงคงจะลืมไปแล้วว่า เขาไม่ได้ดิ้นรนขัดขืน อีกทั้งยังไม่ได้คิดสังหารหลิวเฉินซาง...

+++++++++++++++++
ต่วนซิ้ว = ชายรักชายค่ะ

ลงเท่าเด็กดีแล้วนะคะ ยังค้างตอนพิเศษอีกหนึ่งตอน

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :impress2:    ขาดทุนมากค่ะพี่มู่อิงคนงาม

รอต่อค่ะ

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
โอ้ยชอบค่ะ!!!มู่อิงคนงามล้ำช่างใสซื่อ พี่หลิวท่านก็คดโกงไปนะค้ากำไรเกินควรไปอย่างมาก แต่ถูกใจข้ายิ่งนัก!
ชอบๆๆๆๆๆ ต่ออีกนะคะ เลิฟ~~~

ออฟไลน์ Y_type

  • miKapleXD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
    • Night dating, no obligations, one night only
Re: +++มู่อิง ตอนพิเศษ 1+++( up : 7/4/59)
«ตอบ #8 เมื่อ07-04-2016 15:39:32 »

            มู่อิง...จอมมารผู้นี้นั้นแท้จริงมีฐานะสูงส่งยิ่ง พ่อของเขานั้นคือมู่อ๋องเป็นถึงลูกพี่ลูกน้องกับจักรพรรดิองก่อน ท่านปู่ของเขากับจักรพรรดิผู้เป็นบิดาของจักรพรรดิองค์ก่อนนั้นเป็นบุตรชายซึ่งกำเนิดจากมารดาเดียวกัน เรียกได้ว่าความสัมพันธ์แนบแน่นยิ่งนัก มาถึงรุ่นพ่อของมู่อิง  มู่หยงป๋อนั้นให้กำเนิดบุตรชายทั้งสิ้นสามคน อันได้แก่แม่ทัพใหญ่มู่หรง  มู่ชิงบุตรชายคนรองเป็นเพียงบัณฑิต มู่ตงบุตรชายคนที่สามนั้นเป็นพ่อค้า จากนั้นมาจึงมีลูกหลงเป็นฝาแฝดชายหญิงคือมู่อิงกับมู่ตาน ตอนที่ให้กำเนิดมู่อิงกับมู่ตานนั้นพระชายาดีใจยิ่งนึกว่าให้กำเนิดบุตรสาวฝาแฝดถึงสองคน ถึงแม้จะรู้ว่ามู่อิงเป็นชายก็ยังคงตามอกตามใจเขาดังเช่นที่รักลูกสาว
 
          มู่อิงนั้นตั้งแต่เล็กไม่เคยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตา คนที่เขาจะฟังคำนั้นมีเพียงพี่สาวมู่ตานและท่านแม่ของเขาเท่านั้น ส่วนมู่หยงป๋อนั้นเรียกว่าอุทิศตนเองเป็นทาสลูกแฝดเสียแล้ว เพราะอายุที่ห่างจากบรรดาพี่ชายค่อนข้างมากสองฝาแฝดจึงได้รับการตามอกตามใจ รักใคร่โปรดปราณจากทุกคนในจวน กอปรกับทั้งสองหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราดูเหมือนกันดังส่องดูกระจก  เรียกว่าขอเพียงสองแฝดต้องการสิ่งใด ท่านอ๋องและบรรดาพี่ชายถึงพลิกแผ่นดินก็ต้องหามาให้ได้

            มู่อิงนั้นนับแต่รู้ความเขาก็บอกกับทุกคนว่าถึงแม้จะเกิดทีหลัง หากเขาเป็นชายสมควรได้เป็นพี่  หากไม่ให้เป็นเช่นนั้นเขาคงเสียใจมาก จากนั้นก็ร้องไห้จนท่านอ๋องและพระชายาร้อนใจ มู่ตานพี่สาวจึงยินยอมให้เขาเป็นพี่ มู่ตานนั้นนับว่าใจเย็นสมเป็นพี่สาว ส่วนมู่อิงเอาแต่ใจดังลูกชายคนเล็ก

            หากจะพูดถึงความกำเริบเสิบสานของมู่อิงนั้นเรียกว่าเขามีสิ่งนี้เป็นพรสวรรค์ก็คงได้ ครั้งแรกที่เขาเข้าวังตอนสองขวบนั้นถึงกับปีนไปนั่งบนตักฮ่องเต้ แล้วหลับไปเป็นเช่นนี้จนทุกคนเห็นเป็นเรื่องปกติ ส่วนฮ่องเต้นั้นเล่าก็โปรดปรานหลายชายคนนี้ยิ่งนัก ไม่ว่าสิ่งใดก็ให้ท้ายมู่อิงเสมอ

            ส่วนฮ่องเฮานะหรือ ถึงมู่อิงจะเป็นพระญาติทางฝั่งฮ่องเต้แต่เด็กน้อยผู้นี้หน้าตาน่ารักยิ่งนัก เวลามู่อิงมาเที่ยวเล่นจึงมักนั่งเคียงข้างฮองเฮาจ้องมองหน้าตาอันงดงามพรางชื่นชมว่า เสด็จป้า ‘สวย’ เช่นนี้เขาชอบมาก เรียกได้ว่าเหล่าสนมนางใน ไม่เว้นแม้แต่นางกำนัล หากผู้ใดรูปโฉมงดงาม เขาล้วนเคยจับต้องมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งจับมือ ลูบหน้า หอมแก้ม เด็กน้อยนามมู่อิงล้วนเคยทำมาแล้ว

            ตอนหกขวบนั้นมู่อิงหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูราวกับตุ๊กตาตัวน้อยๆ สนมนางในแต่ละนางล้วนชื่นชอบเขาอย่างยิ่ง เวลานั้นเขาเดินไปที่ใดก็ต้องมีเสียงเรียกท่านอ๋องน้อยมู่พร้อมกับการทำความเคารพอย่างนอบน้อม  แต่กลับมีคนผู้หนึ่งทำให้เขารู้สึกขวางหูขวางตา คนผู้นั้นคือองค์รัชทายาทจ้าวเทียนหลงนั่นเอง

             จ้าวเทียนหลงนั้นทำสิ่งใดขวางหูขวางตามู่อิงนะหรือ สิ่งที่เขาทำก็คือทำตัวสนิทสนมกับมู่ตานอย่างไรเล่า จ้าวเทียนหลงนั้นแทบจะเรียกว่าแย่งมู่ตานไปจากมู่อิง

            เพราะเหตุนั้น   เรียกได้ว่าเขาเห็นรัชทายาทที่ไหนเป็นต้องปรี่ไปรังแกทุบตี ฮ่องเต้นั้นไม่อาจหักใจตำหนิหลายชายสุดที่รัก ส่วนฮองเฮานะหรือ พระนางเพียงทำไม่รู้ไม่เห็นแล้วกัน บุตรชายของพระนางแก่กว่ามู่อิงจะยอมให้น้องทุบตีออกกำลังกายสักหน่อยจะเป็นไรไป จนมู่ตานทนไม่ไหวต่อว่ามู่อิงไปหลายคำ มู่อิงนั้นรักมู่ตานอย่างยิ่งพอโดนต่อว่าจึงยิ่งไม่พอใจจ้าวเทียนหลง  คิดว่าคนผู้นี้ต้องเกิดมาเพื่อแย่งมู่ตานไปจากตนเป็นแน่  หากแต่จ้าวเทียนหลงมีฝือมือต่อสู้อยู่บ้าง ทำให้มู่อิงรังแกได้ไม่สะดวกนัก ดังนั้นเขาจึงเฝ้าค้นหาอาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธ์

           พอสิบขวบมู่อิงจึงขึ้นเขาไปกราบอาจารย์ นับว่าเป็นช่วงเวลาที่จ้าวเทียนหลงสงบสุขอย่างแท้จริง เขาสามารถมีช่วงเวลาอันแสนสุขกับน้องมู่ตานที่อ่อนหวานน่ารัก ปราศจากปีศาจน้อยเช่นมู่อิงคอยก่อกวน ใช่ว่าเขากลัวมู่อิง หากแต่เสด็จพ่อโปรดปรานหลานชายผู้นี้ยิ่งนัก หากมู่อิงต้องการครองบัลลังตำแหน่งรัชทายาทคงมีการเปลี่ยนตัวเป็นแน่

           ในที่สุด...รัชทายาทเช่นเจ้าเทียนหลงจึงมีช่วงเวลาที่สงบสุขไม่ต้องระแวงว่าจะโดนปรี่เข้ามาทุบตี ตำแหน่งรัชทายาทของเขาก็ยังคงรักษาไว้ได้ หวังแต่ว่าพอมู่อิงกลับมา เวลานั้นเขาคงหลอกล่อน้องมู่ตานเข้าแหตนเองสำเร็จ!



ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Y_type

  • miKapleXD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
    • Night dating, no obligations, one night only

มู่อิง ตอนพิเศษ 2

                มู่อิงตอนอายุได้แปดขวบนั้นก็ยังคงเป็นที่รักใคร่โปรดปรานของทุกผู้ ยามนั้นวังหลวงกำลังจัดงานเลี้ยงต้อนรับทูตของแคว้นเจี้ยน เวลานั้นเขาพึ่งแปดขวบไม่ได้รับอนุญาตให้ไปร่วมงาน หากแต่ญาติผู้พี่จ้าวเทียนหลงกลับสามารถไปร่วมงานได้ จ้าวเทียนหลงแก่กว่าขาเพียงสี่ปีอายุเพียงสิบสองเหตุใดจึงไปร่วมงานได้ อีกทั้งคนที่ติดตามรับใช้เขายังเป็นขันทีน้อยอายุแค่สิบขวบแก่กว่ามู่อิงเพียงไม่กี่ปี เช่นนี้เขาที่อายุแปดขวบหากอยากจะไปร่วมงานเลี้ยงมีเหตุอันใดไม่เหมาะ

                เย็นวันนั้นมู่อิงผู้มีแผนการอยู่ในใจจึงรบเร้าตามพี่ใหญ่มู่หรงเข้าวัง

                มู่หรงนั้น เพียงมู่อิงเอ่ยคำขอใดออกมา เขาไม่มีความสามารถแม้แต่จะอ้าปากปฏิเสธ หากน้องชายผู้นี้จะเสียคนก็อย่าได้โทษเขาเลย แค่เห็นใบหน้าน่ารักนั่นกอปรกับเสียงใสๆพี่ชายผู้นี้ก็แทบจะสอยดาวเดือนมาถวายอย่าว่าแต่จะตามไปที่วัง หากน้องชายอยากพาเขาไปลงนรกเขาคงได้แต่พยักหน้ายิ้มเท่านั้น มู่หรงได้แต่พึมพำในใจ

                ท่านพ่อหน้าที่ดูแลสั่งสอนมู่อิงคงต้องยกให้ท่านแล้ว พี่ใหญ่เช่นข้าไม่มีความสามารถพอ...

                แต่อนิจจา...มู่หรงคงลืมไปว่าท่านอ๋องมู่หยงป๋อนั้นตามใจมู่อิงยิ่งกว่าเขาเสียอีก

                นิสัยเสียของมู่อิงนั้นถูกบ่มเพาะมานานนักหนา ตั้งแต่เขาเกิดมาหน้าที่อบรมสั่งสอนบุตรชายเป็นของบิดา ส่วนบุตรสาวเป็นของมารดา จะให้พระชายาสั่งสอนเขาเย็บปักถักร้อย ชงชาจัดดอกไม้ หรือมารยาทกุลสตรีหรืออย่างไร เช่นนั้นลูกชายยังเหลือความองอาจอยู่หรือ หน้าที่ดูแลอบรมสั่งสอนมู่อิงจึงตกอยู่ในมือของท่านอ๋องนั่นเอง นอกจากหาอาจารย์มาสอนหนังสือแล้ว ยังสอนพิณ ภาพ หมากล้อม ขาดแต่หมัดมวย จะให้เขาทนดูบุตรชายสุดที่รักโดนต่อยตีนั้นบิดาย่อมไม่อาจทำใจได้ หมัดมวยจึงต้องเว้นไว้ก่อน รอมู่อิงเติบใหญ่อีกสักหน่อย ที่สำคัญมู่อิงยังมีพรสวรรค์ด้านนี้ไม่น้อย เช่นที่เขาต่อยตีองค์รัชทายาทนั่นประไร เห็นได้ชัดว่าหากเรียนช้าไปปีสองปีฝีมือบุตรชายคนเล็กยังคงดีมาก

                ท่านอ๋องนั้นนับว่ามองฝีมือด้านวรยุทธ์ของมู่อิงไม่ผิดเลย เขามีพรสวรรค์ด้านนี้อย่างมากจนกลายเป็นจอมมารที่ผู้คนทั้งยุทธภพหวาดกลัว แต่นั้นเป็นเรื่องในอีกหลายปีข้างหน้า

                ยามนี้นั้นมู่อิงที่ถูกรักใคร่ตามใจจนเสียคนกำลังเบ่งกล้ามอยู่ที่ตำหนักรัชทายาท

                “เสี่ยวหยวนจื่อถอดเสื้อผ้าเจ้าออกมาได้แล้วอย่าชักช้า!”เสียงหวานใสนั้นฟังดูเอาแต่ใจไม่น้อย จะเป็นผู้ใดไปได้นอกจากตุ๊กตากระเบื้องแห่งจวนมู่อ๋อง มู่อิงนั่นเอง

                “ท่านอ๋องน้อย...เสี่ยวหยวนจื่อกลัว...ฮื่ออออ”เสียงร้องไห้ของเสี่ยวหยวนจื่อน่าเวทนาอย่างยิ่ง แต่ท่านอ๋องน้อยผู้มีหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตากระเบื้องผู้นั้นกลับถลึงตาจ้องเขาไม่หยุด

                ท่านอ๋องน้อย...ตำแหน่งนี้คงเป็นของมู่อิงแน่แล้วก็ท่านอ๋องมู่โปรดปรานเขาออกปานนั้น

                “ข้าบอกให้ถอด!!! ที่สำคัญข้าไม่เป็นอ๋อง บิดาจะเป็นอันธพาล”เป็นอ๋องไม่เห็นมีอะไรดี ยังต้องทำงานรับใช้ราชสำนัก เขาเห็นอันธพาลข้างถนนไม่ต้องทำงานทำการรีดไถผู้คนเสพสุขไปวันๆเป็นใช้ได้

                “ฉีกงกงต้องตีเสี่ยวหยวนจื่อจนตายแน่...ฮื่อ...ท่านอ๋องน้อยโปรดละเว้นเสี่ยวหยวนจื่อ...องค์รัชทายาท...”เสี่ยวหยวนจื่อหันใบหน้าที่เปื้อนทั้งน้ำมูกน้ำตาไปที่รัชทายาท แต่จ้าวเทียนหลงทำเพียงแค่เบือนหน้าหนี

                เขาไม่อยากขัดใจมู่อิง  แค่นี้ก็โดนเขม่นจนเขาแทบเอาตัวไม่รอดแล้ว

                “ฉีกงกงใหญ่กว่าข้าหรือ  เสี่ยวหยวนจื่อ...จริงๆแล้วเจ้าอยากไปชมความสนุกในงานเลี้ยงเลยหาข้ออ้างไม่ยอมให้ข้าไปใช่หรือไม่...”มู่อิงเปลี่ยนท่าทีจากวางอำนาจมาเป็นเหงาหงอยอย่างยิ่ง

                “...” เสี่ยวหยวนจื่อผู้ที่น้ำมูกน้ำตายังคงไหลนั้นเริ่มรู้สึกว่าเป็นความผิดของเขาเองที่หวาดกลัวมากเกินไป ท่านอ๋องน้อยอยากไปมากเพียงนี้เขาจะทนใจดำได้เชียวหรือ

                “เสี่ยวหยวนจื่อ ขันทีน้อยในวังมีแต่เจ้าที่ได้เข้าร่วม ชุดพิธีการของเจ้าก็มีเพียงชุดเดียว หากมีวิธีอื่นข้าจะมาบีบบังคับเจ้าหรือ...ข้าเองก็อยากไปร่วมงานมากฮึก”มู่อิงเอามือปิดหน้าไหล่สั่นสะท้าน

                “ท่านอ๋องน้อยอย่าร้องไห้ เสี่ยวหยวนจื่อถอดแล้ว!  ถอดแล้ว!!!”เสี่ยวหยวนจื่อนั้นแค่คิดว่ามู่อิงกำลังร้องไห้เขาก็รีบลนลานถอดชุดของตนเองออกด้วยความตกใจ

                น้ำตาของท่านอ๋องน้อยนั้นเสี่ยวหยวนจื่อไม่อาจรับไว้ได้ โทษที่เขาทำผิดไม่ทำหน้าที่ติดตามรับใช้องค์รัชทายาทนั้น ไม่หนักเท่ากับโทษที่ทำให้ท่านอ๋องน้อยเสียน้ำตา ในวังหลวงแห่งนี้นั้นไม่ว่าผู้ใดก็ไม่บังอาจขัดใจมู่อิง หลังจากที่เขาลนลานถอดชุดเสร็จก็วิ่งหนีไปทันที เสี่ยวหยวนจื่อผู้น่าสงสารต้องไปหาชุดใส่เสียก่อน

                “น้องมู่อิง นับวันฝีมือของเจ้าก็ยิ่งร้ายกาจ พี่ชายนับถือ  นับถือ”หลอกจนเสี่ยวหยวนจื่อรีบลนลานถอดชุดให้ ปีศาจน้อยนับว่ายิ่งเติบโตตบะยิ่งกล้าแกร่ง

                “หึ! ใครใช้ให้เขาไม่ยอมถอดดีๆตั้งแต่แรก”ใบหน้ามู่อิงที่เงยขึ้นมานั้นกระจ่างใสอย่างมาก ไม่มีแม้แต่คราบน้ำตาสักหยด

                เพราะเหตุนี้ยามที่องรัชทายาทเสด็จมาในงานจึงมีขันทีน้อยหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มพริ้มเพราเดินตามหลังมาด้วย

 

 

 

                ทันทีที่ฮ่องเต้และเหล่าขุนนางเห็นขันทีที่ตามองค์รัชทายาทเข้ามาแทบทำถ้วยสุราหลุดมือ  ฮ่องเต้นั้นตกใจอย่างมาก ทำไมหลานชายสุดที่รักของพระองค์จึงปรากฏตัวในงานนี้ได้ สถานที่นี้มีทั้งการดื่มสุราและนารีจะปล่อยให้เด็กน้อยใสซื่อเช่นมู่อิงเห็นได้อย่างไร

                ส่วนเหล่าขุนนางนั้นหลั่งเหงื่อเย็นไม่หยุด มู่อิงปรากฏตัวที่ไหน ที่นั่นเกิดภัยพิบัติ!!!

                มีเพียงทูตจากต่างแคว้นเท่านั้นที่ไม่รู้ถึงความผิดปกตินี้ พอรัชทายาทปรากฏตัว เขาก็กล่าวคำชมเชยไม่หยุดปาก จนมู่อิงที่อยู่ด้านหลังต้องขมวดคิ้วในคำชมเกินจริงนั้น

                จนจ้าวเทียนหลงนั่งประจำที่ มู่อิงจึงต้องนั่งลงเยื้องไปข้างหลังเขา

                “เจ้าทูตต่างแคว้นนั่นพูดมากจริงๆ ทำราวกับว่าท่านเป็นเทวดาที่ลงมาจากสวรรค์”เสียงของมู่อิงดังขึ้นด้านหลังจ้าวเทียนหลง น้ำเสียงนั้นแฝงความไม่พอใจเต็มเปี่ยม

                จ้าวเทียนหลงนั้นเขาไม่เห็นว่าดี ผู้อื่นจะเห็นว่าดีได้อย่างไร

                “น้องมู่อิง เขาแค่พูดไปตามมารยาท”จ้าวเทียนหลงไม่ถือสาคำพูดของมู่อิง หากเขาถือสาน้องมู่อิงละก็ป่านนี้เขาคงอกแตกตายไปนานแล้ว

                “ฮึ! คนผู้นี้ข้าไม่ชอบใจ ท่านส่งขนมมาให้ข้าหน่อย เย็นนี้ข้ายังไม่ได้ทานอาหารเลย หิวยิ่งนัก”มู่อิงชี้มือไปที่จานขนมหน้าตาน่ากินที่อยู่ตรงหน้ารัชทายาท

                “ได้ๆ น้องมู่อิงทานเยอะๆนะ”

                ภาพองรัชทายาทประคองจานขนมส่งให้ขันทีน้อยเป็นภาพแปลกตาสำหรับทูตแคว้นเจี้ยนยิ่งนัก เขานึกดูถูกรัชทายาทอยู่ในใจ รวมทั้งเหล่าขุนนางแคว้นเว่ยที่ไม่ทักท้วงในเรื่องนี้แม้แต่คนเดียว เขาจึงคิดเอาหน้าด้วยการทักท้วงแทนองค์รัชทายาท โดยหารู้ไม่ว่าที่เหล่าขุนนางไม่คิดทักท้วงเพราะเห็นเป็นเรื่องชินตาเสียแล้ว ท่านชายน้อยมู่อิงนั้นไม่ว่าทำอะไรก็ไม่เคยผิดเลยสักอย่างเดียว แม้มีศีรษะมากมายให้ตัดก็อย่าคิดไปขัดใจเขา

                “ขันทีผู้นี้บังอาจนัก! ถึงกลับกล้าล่วงเกินองค์รัชทายาท!”เสียงท่านทูตแคว้นเจี้ยนไม่เบานัก ทำให้ทุกสายตาหันมามองเขา เสียงขุนนางแคว้นเว่ยสูดหายใจเสียงดังด้วยความตื่นตระหนก คนผู้นี้ถึงกลับกล้าชี้หน้ามู่อิง

                ทูตแคว้นเว่ยถึงกับยิ้มลำพองใจ เหล่าขุนนางแคว้นเว่ยคงคิดว่าเขามีความกล้าหาญมากเป็นแน่ โดยไม่สังเกตเห็นคิ้วที่ขมวดเป็นปมของฮ่องเต้เลย

                อนิจจา...มู่อิงนั้นแม้แต่ตัวฝ่าบาทเองยังไม่เคยดุว่าเขาเลยสักคำ

                “พี่เสี่ยวหลง คนผู้นั้นว่าข้าหรือ”มู่อิงถามจ้าวเทียนหลงด้วยใบหน้าใสซื่อ เอียงหัวน้อยๆอย่างน่ารัก

                ทูตแคว้นเจี้ยนเห็นเขาไม่กลัวทั้งยังถามกลับ จึงทั้งโมโหทั้งเสียหน้า คิดไปลากเขามาตีสั่งสอน

                หากแต่มือราชทูตแคว้นเจี้ยนยังไม่ทันแตะชายแขนเสื้อมู่อิง เสียงตะคอกปานฟ้าฝ่าของฮ่องเต้ก็ดังขึ้นเสียก่อน

                “บังอาจ! วันนี้เราอารมณ์ไม่ดีแล้ว งานเลี้ยงยกเลิก! ทุกคนแยกย้ายกลับ! อิงเอ๋อมาหาลุง”ฮ่องเต้ทรงตรัสต่อเหล่าขุนนางและราชทูตแคว้นเจี้ยนด้วยใบหน้าถมึงทึง  แต่พอหันไปเอ่ยกับหลานชายทั้งใบหน้าทั้งน้ำเสียงกลับอ่อนโยนยิ่งนัก

                งานเลี้ยงต้อนรับราชทูตแคว้นเจี้ยนจึงจบลงโดยที่สุรายังไม่หมดจอก  เหล่าขุนนางต่างมองราชทูตแคว้นเจี้ยนด้วยสายตาแตกต่างกันไป บางท่านมองอย่างเห็นอกเห็นใจเห็นได้ชัดว่าการมาสานสัมพันธ์ของราชทูตผู้นี้คงไม่อาจราบรื่นได้อีกแล้ว บางท่านมองด้วยสายตาตำหนิติเตียนเจ้าคนผู้นี้ช่างไม่มองดูให้ดีขนาดรัชทายาทยังเอาอกเอาใจท่านชายมู่อิงถึงเพียงนั้นเขาไม่มีตาดูหรืออย่างไรถึงได้บุ่มบ่ามพล่ามออกมา

                ราชทูตแคว้นเจี้ยนผู้ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ตอนมาเอิกเกริกเกรียงไกลมีหน้ามีตาอย่างยิ่ง ตอนกลับนั้นมีเพียงขุนนางเล็กๆไปส่งที่ประตูวังแม้แต่หินสักก้อนก็ยังไม่ได้ติดมือไป จนถึงทุกวันนี้เขายังไม่รู้เลยว่าทำสิ่งใดผิด คิดเพียงแต่ฮ่องเต้แคว้นเว่ยนั้นอารมณ์แปรปรวนยิ่งนัก...

               



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สงกรานต์นี้หยุดยาวคงได้เพิ่มหลายตอน แต่บ้านคนเขียนไม่มีเน็ตจ้าาา(โดนตบ)

จะพยายามอัพด้วยเน็ตมือถือที่สุดแสนจะช้าแข่งกับหอยทากนะคะ

อยากปั่นให้เร็วกว่านี้แต่คนเขียนสปีตหอยทากจริงๆ

บรรดาอาเฮียของมู่อิงเคยเอ่ยถึงแต่ในตอนพิเศษ1 ตอนนี้อาเฮียมู่หรงได้ออกมาตั้งแวบหนึ่งแหนะ(ยินดีกับเฮียด้วยค่า \^O^/ )

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ช่างเป็นการเลี้ยงลูกหลานที่สุ่มเสี่ยงให้เสียคนซะจริง

ออฟไลน์ askmes

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
เลี้ยงซะเสียเลย ><"

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
ต้องงามล่มเมืองน่ารักล่มใจขนาดไหนนะถึงจะได้รับการตามใจระดับนี้ได้ จินตนาการไม่ถึงจริงๆค่ะ แต่ชอบมาก เอาอีก ทุกคนจงตามใจมู่อิงอีก ดีงามเลิศเลอ รักกกกกกกก
อ่านถึงตอนนี้แล้วรู้สึกว่า ท่านหัวหน้าพรรคธรรมะนั่นหาได้คู่ควรล่วงเกินมู่อิงเลย นั่นคือมู่อิงเชียวนะ!

ออฟไลน์ saruwatari_guy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
โดนตามใจตั้งแต่ฮ่องเต้ ไม่แปลกใจเลยที่จะเอาแต่ใจขนาดนี้ เห็นทีคงมีแต่ หลิวเฉินซางผู้นั้นเท่านั้นที่จะกำราบได้

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
มู่อิงน่ารักก อรัย  :hao6:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :L2:  เอาใจช่วยคนเขียนค่ะ
เราล่ะเอ็นดูสกิลตั้งชื่อของจอมมารมู่อิงจริงๆเลย 55
ว่าแต่หลงเส้นผมเขาเนี่ย ถ้าเขาทำให้โกรธขึ้นมาวันไหนจะลงไม้ลงมือกับเจ้าของเส้นผมหรือเปล่า
นี่คิดไปไกลละว่าตกลงว่าพ่อคนดีฝ่ายธรรมะจะเอายังไงต่อ ไปอยู่พรรคมารกับคนงามเลยดีไหม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2016 09:01:11 โดย ❣☾月亮☽❣ »

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
น้องอิงน่ารัก  :impress3: :กอด1:

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ระหว่างหลิวฉางเซินกับมู่อิงใครจะได้เปรียบกันนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ชอบเรื่องนี้มากกกกกก  น้องมู่ติสแตกจริงๆ555
แต่พี่หลิวแอบมาจุ๊บน้องได้ไงอ่ะ ไม่ยอมมมม
สู้ๆค่าา

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1

ออฟไลน์ Invisible girl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พึ่งเจอเรื่องนี้ ชอบจังง รอนะคะ
//นายเอกโดนสปอยหนักมากกก

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
มู่อิง อือหือโดนตามใจมาแต่น้อย555

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
มู่อิงจ๋าาา :katai5:

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
สนุกหลุดโลก ออกอวกาศมากๆเลย เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งย้อนอดีตไปไกล เอาถึงแค่ มู่อิง เอื้อมไปจับเส้นผมสีเงิน ก็พอ  :mew3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะฮาดีไหมเนี่ย

ออฟไลน์ tsubasa_6927

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตั้งแต่เด็กเป็นปีศาจน้อย โตขึ้นมาเป็นจอมมารหนึ่งในใต้หล้า อีกซักหน่อยต้องพลิกฟ้าได้แน่ๆเลย
พ่อพระเอกก็ตามใจแบบสุดๆ ระวังกลายเป็นฉางเอ๋อร์ที่สามเข้าจริงๆนะ :z1:
ต้องงามล่มเมืองขนาดไหนกัน ผู้คนถึงได้หลงใหลกันขนาดนั้น มู่อิงทำบาปไว้เยอะเลยนะ....

ชอบมากๆเลยค่ะ สนุก รู้สึกลุ้นไปว่าพี่หลิวจะได้ใจน้องมู่ก่อน หรือพี่จะกลายเป็นฉางเอ๋อร์ที่สามไปก่อน...

ปล.  อยากเห็นหน้าอาจารย์ของมู่อิงมากเลย นอกจากวรยุทธ์ล้ำเลิศถึงเพียงนี้แล้ว ยังต้องหน้าตาดีด้วยรึปล่าว น้องมู่อิงถึงยอมฝึกด้วย...

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
อือหืมตามใจกันสุดๆ มิน่ามู่อิงคนงามถึงเอาแต่ใจขนาด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด