Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love simulator เกมรักทดลองใจ (บทส่งท้าย) P.6 [4/3/2018]  (อ่าน 64818 ครั้ง)

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
**********************************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
                                                     

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*********************************************************************


แคสเกมมาเป็นปี

ยอดวิวไม่เคยแตะหลักหมื่น

สับตะไคร้... เอ้ย! ซับสไครบ์ไม่เคยถึงหลักพัน

แต่พอพูดเล่นๆ ไปในวิดีโอคลิปหนึ่งว่ารูมเมทที่อยู่ด้วยเป็นผัวเท่านั้นแหละ

ยอดวิวยอดซับพุ่งถล่มทลาย!

ไม่ได้แล้วมั้ง พี่กช

แบบนี้ผมว่าเราคงต้องเป็นแฟนกันแล้วล่ะ

สารบัญ
บทนำบทที่ 1บทที่ 2บทที่ 3บทที่ 4บทที่ 5บทที่ 6บทที่ 7บทที่ 8บทที่ 9บทที่ 10บทที่ 11บทที่ 12บทที่ 13บทที่ 14บทที่ 15บทที่ 16บทที่ 17บทที่ 18บทที่ 19บทที่ 20บทที่ 21บทที่ 22บทที่ 23บทที่ 24บทที่ 25บทที่ 26บทที่ 27บทที่ 28บทที่ 29บทส่งท้าย


นิยายเรื่องอื่นๆ ที่ลงในเล้า
My Evil Twin แฝดผม นรกส่งมาเกิด (จบแล้ว)Sweet Sanctuary ที่รักพรางใจ (จบแล้ว)ทำไงดีลูกผมเป็นเกย์ (On Air)Faded Fog หมอกเลือนรัก (On Air)Kill me gently จุมพิตอันธการ (จบแล้ว)

มาพูดคุยและติดตามกันได้ตามนี้เลยค่ะ
FacebookTwitter

ขอให้สนุกกับนิยายค่ะ :)
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2018 18:40:24 โดย Airiณ »

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทนำ



“...เอาล่ะนะครับทุกคน เรามาถึงจุดเซฟกันแล้วตอนนี้ สำหรับวันนี้ผมก็ขอพักเอาไว้เท่านี้ก่อน ขอบคุณทุกคนที่เข้ามารับชมกันด้วยนะครับ ถ้าชอบก็อย่าลืมกดไลค์กดซับสไครบ์กันด้วยนะครับ แล้วเจอกับผม ‘สไลม์สไมลส์’ ได้ใหม่ในคลิปหน้า แล้วจะรอเจอทุกคนนะครับ”

พูดจบปิดท้ายคลิปอย่างสวยงามแล้วผมก็กดปุ่มหยุดอัดวิดีโอพร้อมกับเริ่มขยับเม้าส์ เปิดโปรแกรมตัดต่อ เตรียมจะทำวิดีโอที่จะลงในคืนนี้อย่างรวดเร็วเพื่อจะได้มีอะไรใหม่ๆ มาลงในช่องชาแนล ‘SlimeSmileS’ ของผมเอง ช่องนี้ผมเปิดไว้ในยูทูปเมื่อช่วงปีที่แล้ว ผมก็อัดคลิปวิดีโอ เล่นเกมอะไรมาลงเรื่อยๆ ส่วนผลการตอบรับก็เรียกได้ว่า… อืม พอไปวัดไปวา

“ทำอะไรของนายวะ ไอ้มิว เห็นนั่งคุยอยู่กับตัวเองได้ทุกวี่ทุกวัน”

ระหว่างที่ผมเริ่มลงมือตัดแต่งวิดีโอของตัวเองก็เป็นเวลาเดียวกับที่รูมเมทที่เช่าหออยู่ด้วยกันเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี เส้นผมบนหัวลู่ลงเพราะยังชื้นจากที่สระผมมา ผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่บนบ่าในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนเตรียมพร้อมนอนเรียบร้อย

ผมหันกลับไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับตีหน้ายู่เพื่อตอบคำถามนั้น

“ผมไม่ได้คุยกับตัวเองสักหน่อย พี่กช ก็บอกไปตั้งหลายรอบแล้วว่าแคสเกมๆ”

“คืออะไรวะ” พูดพร้อมกับยกผ้าขึ้นมายีหัวเหมือนไม่ใส่ใจคำตอบเท่าไร ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างอดไม่อยู่เพราะตัวเองได้อธิบายให้เขาไปก่อนหน้านี้สองรอบแล้ว

“ก็คือการเล่นเกมแล้วอัดวิดีโอตอนเล่นลงไปด้วยไงครับ แล้วผมขอพี่กี่รอบแล้วว่าเวลาผมถ่ายอยู่อย่าเดินข้างหลังกล้อง เพราะมันจะดูไม่โปรฯ”

ที่ต้องบ่นเพราะตอนเจ้าตัวกำลังจะไปอาบน้ำ ไอ้คุณพี่กชเล่นเปลือยครึ่งบน ควงผ้าเช็ดตัวผิวปากเดินผ่านกล้องผมไปตอนที่ผมกำลังยิงซอมบี้ในเกมอย่างเมามัน คือหน้าผมในกล้องนี่เคร่งเครียดมาก แต่อะไรคือการที่ฉากหลังผู้ชายเปลือยมาเดินผ่านไปอย่างไม่ใยดี มันตัดอารมณ์เกมไหม

“ใครจะไปรู้กับนายด้วยล่ะ ห้องนี้พี่ก็จ่ายค่าเช่าครึ่งหนึ่งเหมือนกันนะเว้ย”

นายกรกชหรือว่าพี่กช… รุ่นพี่ต่างคณะที่จับพลัดจับผลูได้มาเช่าห้องอยู่ด้วยกัน เป็นเรื่องของความบังเอิญล้วนๆ เพราะตอนผมหาหอพักหลังจากรู้ว่าจะได้เรียนมหาลัยนี้แน่ๆ ไอ้คุณพี่กชที่ว่าก็กำลังหาคนมาแชร์ห้องด้วยเพราะหอแบบห้องเดี่ยวที่เขาอยู่ราคามันสูงเกินไปจนเริ่มจ่ายไม่ไหว ก็ได้เพื่อนของเพื่อนพี่อีกคนแนะนำเป็นทอดๆ มา เป็นอันว่าผู้ชายสองคนที่แทบไม่รู้จักอะไรกันเลยได้มาอยู่ด้วยกัน แต่อยู่กับเขามาได้เกือบเดือนผมว่าเราก็สบายๆ กันทั้งคู่นะ

ถ้าไม่นับไอ้เรื่องที่เขาชอบเดินผ่านกล้องไปมาด้านหลังน่ะ

“เอาเถอะครับ ผมว่าคนดูเขาคงเข้าใจ” พูดพร้อมกับถอนหายใจนิดหนึ่งก่อนจะกลับไปตัดต่อวิดีโอต่อ เดี๋ยวต้องเผื่อเวลาเรนเดอร์ตอนลงวิดีโอในยูทูปอีก แต่น่าจะลงได้ตอนช่วงสองสามทุ่มแหละ ก็ถือว่าทำเวลาดี

“แต่พี่ไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าที่มิวทำอยู่นี่น่าสนุกตรงไหน” พี่กชย่นหัวคิ้วพร้อมกับเดินมาประชิดด้านหลังผม โน้มหน้าลงมาใกล้เพื่อดูหน้าจอให้เห็นถนัดๆ “คนดูมิวก็เหมือนกัน เขาจะสนุกเหรอที่ดูมิวเล่นเกม เกมมันต้องเล่นเองไม่ใช่เหรอถึงจะสนุก ดูคนอื่นเล่นมันจะไปสนุกอะร้าย”

“หนวกหูน่ะไอ้พี่กช ออกไปห่างๆ เลย” โดนคำพูดแทงใจแล้วถึงกับร้อนตัว โธ่เว้ย! ผมก็รู้หรอกว่าไอ้ที่นั่งแคสๆ อยู่ทุกวันนี้ผลตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไรถ้าเทียบกับชาแนลอื่นที่เริ่มต้นมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่เห็นจะเข้าใจเลย ผมทำอะไรพลาดตรงไหน คนถึงไม่ค่อยตาม

“ทำไมมิวไม่ลองร้องเพลงอัดคลิปลงดูบ้างล่ะ” ไม่พูดเปล่า รุ่นพี่นิสัยเสียจอมกวนประสาทก็เริ่มหยิกแก้มผมจนยืด “แบบนั้นอาจจะสนุกกว่าด้วยซ้ำ”

“ไม่เอาหรอกพี่ อายเขา อีกอย่างช่องผมไว้แคสเกมเหอะ”

หลังจากตัดต่ออยู่พักใหญ่ ในที่สุดวิดีโอของวันนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ ผมกดเล่นเพื่อดูคลิปโดยรวมอีกรอบ น่าจะใช้ได้แล้ว ไม่มีติดขัดอะไร

หากเปิดดูตัวเองแคสเกมบนหน้าจอได้พักหนึ่ง พี่กชที่นอนเล่นมือถือบนเตียงก็เริ่มไหวตัว หันกลับมาเมื่อได้ยินอะไรแปลกๆ แว่วเข้าหู เขาถามผมเสียงแปลกใจทีเดียว

“เมื่อกี้นายว่าอะไรนะมิว”

“อะไรนะครับ?” งงสิ ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย

“หมายถึงนายในคลิปวิดีโอ”

“อ้อ…” ผมลากเสียงยาว กดย้อนตัววิดีโอเล็กน้อย รู้ดีเชียวล่ะว่าพี่กชสะดุดใจกับคำพูดไหน


‘...แล้วถ้าเราเล็งจากระยะตรงนี้ อ้อ ส่วนเรื่องผู้ชายที่เดินผ่านหลังผมบ่อยๆ นั่นก็อย่างที่ทุกคนว่ากันนะครับ ผัวผมเอง ปล่อยเขาไปครับ อย่าไปสนใจอะไรมาก ทีนี้ถ้าเราใช้ปืนตัว--’


ผมกดปุ่มหยุดอีกรอบก่อนจะหันไปมองหน้ารุ่นพี่หนุ่มที่เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองงงๆ

“นี่กูไปเป็นผัวมึงตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ผมก็แค่แซวเล่นเท่านั้นแหละพี่” พูดแล้วอดไม่ได้ต้องเบ้ปาก “คอมเม้นต์ผมมีแต่คนพูดถึงพี่กันหมดเลย แม่ง โคตรไม่ยุติธรรม ที่พี่ทำก็แค่เดินไปเดินมาหลังกล้องเท่านั้นเอง”

“ทำไงได้วะ ก็คนมันหล่อ”

“ถ่อมตัวหน่อยก็ดีนะครับ”

“แต่มึงพูดแบบนั้นอัดคลิปไปจะไม่เป็นไรเหรอวะ” พี่กชเริ่มกลิ้งตัวไปหยิบหมอนข้างจากเตียงผมมากอดบนเตียงตัวเอง นิสัยไม่ดี ชอบแย่งหมอนข้างคนอื่นใช้ตลอด “เดี๋ยวก็โดนเข้าใจผิดหรอก”

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ มันก็แค่ขำๆ” ผมยกมือขึ้นโบกไปมาในอากาศ “ยังไงคนเขาก็รู้กันอยู่แล้วแหละว่าแค่มุก โอ๊ะ เวลาขนาดนี้แล้วเหรอ ผมไปอาบน้ำบ้างดีกว่า”

“ให้ผัวช่วยขัดตัวไหมครับ” พูดพร้อมกับส่งยิ้มยียวนมาให้ มือยังกอดหมอนข้างผมแน่น “จะได้สะอาดทุกซอกทุกมุม”

“ส้นตีนเถอะพี่ แล้วอย่าลืมเอาหมอนมาคืนผมด้วยล่ะ” ผมว่าขณะถอดแว่นวางกับโต๊ะข้างเตียงฝั่งตัวเอง หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินลิ่วๆ เข้าห้องน้ำ ปล่อยให้ไอ้รุ่นพี่จอมกวนประสาทคนนั้นหัวเราะไล่หลังมา

ผมรู้ดีว่าเขากวนประสาท แต่ก็ต้องยอมรับว่าเราเข้ากันได้ดีในฐานะรูมเมทเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นคนที่ผมสนิทด้วยที่สุดในมหาลัยนี้แล้วถึงแม้จะเพิ่งรู้จักเขามาเดือนหน่อยๆ เท่านั้นเองก็ตาม อย่างว่า ก็มันต้องอยู่ด้วยกันทุกวัน ถ้าเข้ากันไม่ได้ก็คงไม่ต่างจากตกนรกทั้งเป็น

แต่เรื่องพี่กชน่ะ ช่างมันเถอะ

ผมอยากรู้แล้วว่าคลิปรอบนี้คนดูจะมีฟี้ดแบ็คให้ว่าไง

สาธุ… ขอให้รอบนี้มีคนเม้นท์เยอะๆ ยอดวิวพุ่งๆ ยอดซับรัวๆ ด้วยเถอะ

อยากดังแบบแคสเตอร์คนอื่นๆ เขาสักที





----------------------------------------
Talk: เป็นคนที่เขียนนิยายจบหนึ่งเรื่องแล้วเปิดใหม่ล้านเรื่องได้ 5555555 //จะได้มาต่อเมื่อไหร่ ถามใจเธอดู

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
เป็นแนวมหาลัยที่น่าติดตามดีค่ะ ตามมาจากเรื่องโน้นนน รอๆนะ :katai5:

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
 :katai4: :katai4: :katai4: อยากอ่านอี้กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 1




ผมเบิกตากว้าง มองหน้าจอโทรศัพท์ในหน้าแอพฯ ของยูทูปที่เป็นชาแนลของตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ยอดวิวสามหมื่นหน่อยๆ นั่น คอมเม้นท์เป็นพันๆ นี่ ยอดซับสไครบ์ที่ขึ้นเกินพันไปแบบไม่รู้ตัว…

ให้ตายสิ! นี่ผมกำลังจะดังแล้ว กำลังจะดังในช่วงข้ามคืน! นี่ขนาดเพิ่งลงคลิปตัวที่ยอดวิวพุ่งมหาศาลตัวนี้แค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ

“ไอ้มิว” เสียงเรียกของคนข้างตัวทำให้ผมต้องหันกลับไปหาอย่างเสียไม่ได้ นี่ไอ้เก่งหนึ่งในเพื่อนร่วมก๊วนผมเอง เจ้าตัวเตี้ยกว่าผมไปเล็กน้อยแล้วก็ค่อนข้างเจ้าเนื้อ ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก มันเล่นกินทีอย่างกับสูบ “ดูอะไรอยู่วะ มึงเห็นไหมน่ะว่านั่นจะออกสอบ”

“เออ จดแล้วๆ” ผมกดปิดหน้าจอมือถือแล้วหยิบปากกามาจรดลงสมุดอย่างรวดเร็ว “ขอบใจที่เตือน”

“มึงดูชาแนลยูทูปของมึงอยู่เหรอ” ว่าพลางจดตัวคันจิของภาษาญี่ปุ่นลงใส่สมุดยิกๆ ผมเองก็รีบเร่งมือเพราะเริ่มทีหลังมัน

“เออสิ” หยิบมือถือขึ้นมา เก้าสิบเปอร์เซ็นต์คือดูฟี้ดแบ็คของช่องตัวเองนี่แหละครับ

“หมกมุ่นนะมึง”

“แต่มึงต้องไม่เชื่อแน่” ผมพูดเสียงตื่นเต้น “ตอนนี้ยอดซับกูเกินพันแล้วเว้ย!”

“จริงดิ?” ไอ้เก่งทำตาโต นั่นแน่ ไอ้นี่ ไม่รู้ซะแล้วว่าเพื่อนกำลังจะดัง

“เออสิวะ เดี๋ยวจดเสร็จก่อนแล้วเอาให้ดู ห่า อาจารย์ลบแถวแรกไปแล้ว เอามาลอกซิมึง”

ผมจัดการจดโน้ตใส่สมุด และเมื่ออาจารย์ลบไปจนหมดกระดานและเริ่มพูดถึงเนื้อหาในบทต่อไป ผมก็ต้องหันกลับมาลอกจากสมุดของไอ้เก่งต่อ ไม่ทันได้สังเกตว่าเพื่อนข้างตัวเริ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นทั้งที่เพิ่งจะเอ็ดผมไปเมื่อครู่

โอย… เมื่อยมือ นี่ใจคออาจารย์คิดจะออกสอบหมดนี่จริงๆ เหรอเนี่ย ใครจะไปจำได้หมดวะ

และเพราะกำลังใช้สมาธิกับตัวหนังสือตรงหน้า พอไอ้เก่งสะกิด แม้จะแค่เบาๆ ผมก็แทบสะดุ้งไปติดฝาผนังบนห้องเรียนได้ แต่ดีนะที่ไม่ได้เผลอส่งเสียงร้อง แค่หันไปเบิกตาโตใส่มันด้วยความตกใจเท่านั้น

“ไอ้ห่ามิว กูสะกิดนิดเดียว… มึงทำกูตกใจไปด้วยเลยเนี่ย”

“กูสิตกใจ สัส มีอะไร”

คราวนี้คนโดนถามกลับมีท่าทีลังเล “คือ… เอ่อ กูเพิ่งรู้ว่ามึงมีรสนิยมแบบนั้น”

“รสนิยมเหี้ยอะไรของมึง” ผมรีบก้มลงไปลอกคันจิจากสมุดของไอ้เก่งใส่สมุดตัวเองต่อเมื่อหางตาเห็นแวบๆ ว่าอจารย์เริ่มจดเนื้อหาใหม่ลงบนกระดานอีกแล้ว โว้ มือหงิกหมดแล้วครับ สปีดท้านรกมาก

“ก็ในคลิปมึงไง เนี่ย คนดูเม้นท์กันตรึม” พูดพร้อมกับพยายามจะยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้าผม สาด อย่าบังคันจิกู

“มึงอย่าเพิ่งชวนคุยตอนนี้ได้ไหม กูกำลังใช้สมาธิอยู่เนี่ย”

นั่นแหละไอ้เก่งถึงได้ยอมล่าถอยออกไปแม้จะบ่นเล็กๆ น้อยๆ เป็นหมีกินผึ้งก็ตาม แต่มันก็อยากได้สมุดตัวเองคืนเร็วๆ เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรมาก

จบคาบ ผมตั้งใจจะถามเรื่องที่ไอ้เก่งพยายามคุยกับผมในห้อง แต่ผมนึกอะไรขึ้นมาได้อย่าง… คาบต่อไปผมมีรายงานรูปเล่มที่ต้องส่งนี่หว่า! เมื่อคืนปรินท์ไว้เสร็จสรรพแต่ดันลืมเอามาเนี่ยนะ แถมอาจารย์ที่สั่งรายงานชิ้นนี้ก็ขู่ไว้นักหนาว่าต้องส่งช่วงเริ่มคาบสิบนาทีแรกเท่านั้น นานไปกว่านั้นไม่รับ

ถึงมันจะไม่ใช่งานใหญ่ คะแนนไม่ได้มากมายอะไรแต่ผมก็ตั้งใจมาแล้วนะโว้ย เอาไงดีๆ จริงๆ จะรีบนั่งมอไซค์รับจ้างบึ่งกลับไปเอาก็น่าจะทันแบบเฉียดฉิว แต่ช่วงเพิ่งเลิกคาบแบบนี้ต้องหายากมากแน่

“เออ ไอ้มิว ที่กูจะถามในห้อง--”

“แป๊บ เก่ง โทษๆๆ ตอนนี้กูอยู่ในช่วง Emergency” อย่าหาว่าผมกระแดะเลยนะครับที่ใช้ไทยคำอังกฤษคำ ผมเรียนนานาชาติมาน่ะช่วงมัธยม เลยมีติดๆ มาบ้าง

ผมตัดสินใจโทรหารูมเมทสุดที่รักของตัวเอง ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา พี่กชมีมอเตอร์ไซค์คู่ใจของตัวเอง น่าจะเอามาให้ผมได้ในสิบนาที

“ฮัลโหล” ปลายสายรับเสียงงัวเงีย นี่ป่านนี้แล้วยังอยู่บนเตียงอีกเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย!

“พี่กช ผมรบกวนพี่เอารายงานที่อยู่บนโต๊ะมาให้หน่อยได้ไหม ผมลืมหยิบมาเมื่อเช้า นี่ต้องส่งคาบต่อไปแล้วเนี่ย”

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะว่างงๆ

“นั่นใคร”

เออ ลืมไป ไอ้คุณพี่กชแม่งขี้เซายิ่งกว่าอะไร แล้วไอ้ที่เมมชื่อผมไว้ในมือถือนี่อ่านไม่ออกหรือยังไง

“มิวเองครับ” ไม่ได้ๆ จะไปรบกวนเขาต้องสุภาพหน่อย ยิ่งตอนนี้รีบๆ อยู่

“มิวไหน”

“พี่รู้จักมิวหลายคนด้วยเหรอ”

“มิวที่ขาวๆ เตี้ยๆ แว่นเอ๋อๆ หรือเปล่า”

“มิวที่หล่อๆ ฉลาดๆ แล้วก็อยู่หอพักเดียวกับพี่ไงครับ”

“มิวนั้นเหรอ”

“สรุปว่าพี่รู้จักมิวกี่คน”

“คนเดียว”

แล้วผมก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าเวลากำลังนับถอยหลังลงไปเรื่อยๆ มันใช่เวลามาทำตัวปัญญาอ่อนใส่กันไหม

“พี่ คาบต่อไปจะเริ่มในอีกสิบนาที และรายงานนั่นสำคัญมาก อาจารย์บังคับให้ต้องส่งต้นคาบไม่งั้นไม่รับ พี่กชขี่มอไซค์เอามาให้ผมหน่อยได้ไหมครับ ผมไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ”

ผมได้ยินเสียงปลายสายครางเหมือนพยายามจะลุกจากเตียง นั่นน่าซึ้งใจมาก เพราะปกติพี่กชให้ความสำคัญกับเวลานอนของตัวเองเหนือสิ่งอื่นใด อย่างน้อยก็แปลว่าเขายอมให้ความสำคัญกับผมอยู่บ้าง

“เรียกพี่กชสุดหล่อก่อน”

ผมชะงักไปทันที “อะไรนะ”

“เร็ว” ได้ยินเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอตามมา “จะเอาไหมรายงานน่ะ”

แม่ง เบื่อจริงๆ ไอ้รุ่นพี่บ้า เล่นอะไรไม่รู้จักเวล่ำเวลา

แต่เพราะผมกำลังรีบ และไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดอะไรผมจึงได้แต่ทำตามขอสั่งนั้นอย่างว่าง่าย

“ผมอยากให้พี่เอารายงานมาให้ผมครับ พี่กชสุดหล่อ”

“ดีมาก อยู่ตึกมนุษย์ฯ ใช่ไหม”

“ครับ ใช่”

“อือ… เดี๋ยวเอาไปให้ อีกห้านาทีเจอกัน”

“ขอบคุณนะพี่ เดี๋ยวผมรอที่หน้าตึก” กดวางสายแล้วหันไปมองหน้าเก่งที่ทำตาโตประหนึ่งมองตัวประหลาดที่หลุดมาจากสวนสนุกหรืออะไรแบบนั้น อะไรของมันวะวันนี้ แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ผมกำลังรีบมาก คะแนนของผมกำลังจะเดินทางมาถึง

“ไอ้เก่ง มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึงกูไม่รู้นะ แต่กูต้องไปเอารายงานก่อน กูขอให้พี่กชเอามาให้”

“อ้อ อืม ไปดิ กูไปด้วย” มันว่าพร้อมกับเดินเร็วๆ ตามผมที่ออกตัววิ่งนำก่อนอย่างใจร้อน

พี่กชขับมอเตอร์ไซค์มาถึงหน้าตึกผมในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา เจ้าตัวอยู่ในเครื่องแบบนักศึกษาที่ดูยับยู่ยี่เหมือนโดนช้างเหยียบก่อนเอามาใส่ ผมเผ้าก็ชี้ไปคนละทาง แต่ถึงอย่างนั้นสาวๆ จากคณะผมหลายคนก็ยังคงกรี๊ดกับความหล่อของเขา เออ นี่สินะที่เขาว่ากันว่าคนหล่อทำอะไรก็ไม่ผิด จะแต่งตัวทุเรศหรือทำผมไม่เป็นทรงยังไงก็ยังดูดีได้

เขาส่งรายงานปึกที่ผมวางไว้บนโต๊ะมาให้ทันทีที่เจอหน้า ผมรีบยกมือไหว้แทบไม่ทัน

“ขอบคุณครับพี่ พี่ช่วยชีวิตผมไว้เลย”

“งั้นอย่าลืมให้คืนนะ”

ผมมองหน้าเขางงๆ “อะไรครับ”

“ชีวิตนายไง”

“โห โหดไปหรือเปล่าพี่ แค่ขับมอไซค์เอารายงานมาให้แค่นี้”

“อ้าว ไหนบอกพี่เพิ่งช่วยชีวิตมิวไง”

“เปรียบเปรย พี่ ไม่รู้จักเหรอ”

“ห่า นี่กูยังง่วงอยู่แท้ๆ เลยนะ กูถ่อมาเพื่อมึงเลยนะเว้ย” ไม่พูดเปล่า ทำตัวโอนเอนไปมาแล้วมาซบหน้าที่บ่าผม ขอกลอกตาขึ้นบนฟ้าทีหนึ่ง ก็อุตส่าห์เตือนแล้วตั้งแต่เมื่อคืนว่าอย่ามัวแต่ดูบอลเพลิน เหล้าก็อย่ากินเข้าไปเยอะ เป็นไงล่ะ วันนี้เลยมีสภาพเหมือนผีลืมหลุมเลย สมควรไหมล่ะ

“ขอบคุณนะครับพี่กช แต่เดี๋ยวผมต้องไปเข้าเรียนแล้ว พี่ไปนอนพักใต้ต้นไม้ตรงนั้นไหม”

“ห่า พอกูหมดประโยชน์ละไล่เลยนะ”

ผมส่งยิ้มหวานให้เขา “ผมก็แค่แนะนำเท่านั้นเองครับ”

“เออ ขอโทษนะ มิว” เพื่อนร่วมคณะของผมสองคนเดินเข้ามาสะกิดไหล่ ผมหันกลับไปมองคนหนึ่งที่ถือมือถือขึ้นมาอยู่ในท่าพร้อมถ่ายรูป “เราขอถ่ายรูปนายกับพี่กชหน่อยได้ไหม แบบ รูปคู่กัน”

“ฮะ?” ผมยกนิ้วชี้ตัวเอง คือตอนแรกก็ดีใจนิดหนึ่งที่จะมีสาวๆ มาขอถ่ายรูปน่ะนะ แต่อะไรคือการที่เจ้าหล่อนขอถ่ายผมคู่กับพี่กช “เรากับพี่กชเนี่ยนะ?”

“อื้อ ใช่”

“ได้ๆๆ” คือจริงๆ ก็อยากจะถามเหตุผลหรอกนะ แต่เพราะว่าในใจนี่ลอยไปอยู่ในห้องเรียนแล้วจึงอยากรีบจัดการให้มันเสร็จๆ แล้วไปสักที

ผมปล่อยให้เพื่อนร่วมคณะที่ตัวเองลืมชื่อไปแล้วกดกล้องในโทรศัพท์สองแชะ จากนั้นผมก็บอกลาไอ้เก่งที่ไม่ได้เรียนวิชานี้ หันไปขอบคุณที่กชที่อุตส่าห์เอารายงานมาให้ แต่ยังไม่ทันได้ออกวิ่งเพื่อเข้าห้องเรียน รูมเมทรุ่นพี่ผมก็ออกปากถาม

"เรียนจบคาบนี้แล้วมีอะไรอีกหรือเปล่า จะกลับพร้อมกันไหม"

ผมนิ่งไปนิดหนึ่งเพื่อคิดตาม แอบเห็นเหมือนกันว่าสองคนที่มาขอถ่ายรูปดูดี๊ด๊ากันอย่างไรชอบกลกับสิ่งที่พี่กชพูด สงสัยยังกรี๊ดไม่เลิกเรื่องที่ได้เจอคนหล่อ ถึงแม้ว่าในมุมมองผมไอ้พี่กชจะไม่ได้หล่อขนาดนั้นก็เถอะ อาจจะเพราะผมเห็นเขามาหลายมุมมากไปหน่อย โดยเฉพาะมุมสถุลๆ

"ผมไม่มีอะไรแล้วล่ะพี่ แต่จะรบกวนพี่เปล่าถ้าให้รอ"

พี่กชโบกมือในอากาศ "รบกวนห่าอะไร ถ้ากวนจะถามเหรอ ไปเรียนเถอะมิว เดี๋ยวพี่เดินอยู่แถวนี้"

นั่นแหละผมถึงได้รีบบึ่งไปห้องเรียนเพื่อเอารายงานไปส่งต้นคาบ แม้จะยังงงๆ กับสีหน้าแปลกๆ ของไอ้เก่งที่มองตามผมมาก็เถอะ และเมื่อจัดแจงส่งรายงานเสร็จ เดินไปนั่งที่โต๊ะแถวกลางๆ อันเป็นที่นั่งประจำของคาบนี้ ผมก็พอมีเวลาหายใจหายคอบ้างเพราะคนอื่นๆ กำลังกรูเข้าไปส่งรายงานอย่างกับฝูงซอมบี้ ส่วนผมซึ่งเป็นซอมบี้ที่หนีตายมาได้เริ่มควักโทรศัพท์ขึ้นมากดทันที ไอ้เก่งส่งข้อความมาหาในโปรแกรมแชทสีเขียวสุดฮิต ผมกดเข้าไปอ่าน



KenG・ケン: ไอ้ห่ามิว มึงนี่มีอะไรไม่เคยเล่าให้เพื่อนฟังเลยนะ
KenG・ケン: แต่เอาเหอะ ยังไงก็ยินดีด้วยนะมึง ไม่นึกเลยว่ามึงจะชิ่งมีแฟนก่อนกู
KenG・ケン: ไว้กินข้าวด้วยกันคราวหน้ากูจะเค้นคอถามมึง



ผมมองข้อความที่เพื่อนรักส่งมาอย่างสับสนเต็มที่ นี่ไอ้เก่งมันไปเมาอะไรมาเนี่ย ผมยังไม่มีแฟนเว้ย คนคุยด้วยยังไม่มีเลย จะเอาที่ไหนมาเป็นแฟน

แต่แล้วผมก็ต้องชะงักนิ้วที่กำลังจะส่งข้อความกลับไปด่าไอ้เก่งลงเมื่อในหัวคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

ผมกดเข้าไปดูในหน้าช่องชาแนลของตัวเอง เลื่อนอ่านคอมเม้นท์ที่ดูผ่านๆ ตาไปก่อนหน้านี้เมื่อคาบที่แล้ว ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองคิดมากไป หรือไม่มันก็แค่เรื่องขำๆ ที่คนดูเขาว่ากัน แต่ที่ไหนได้ ไอ้คอมเม้นท์แรวนี้มันไม่ไม่ได้แค่หลักสิบหลักร้อย... แต่แม่งมาเป็นพัน!



Comment#23: ว่าแล้วเชียวว่าคู่นี้เรียล! พี่กชแบบหล่อเข้ม แล้วพี่สไลม์แบบแบ๊วขนาดนั้น น่ารักเว่อร์
Comment#62: จริงๆ กูตามพี่เขามานานแล้ว เสียงเขาน่ารักมาก แบบ น่าฟัง เกมก็เล่นดี แต่มาเจอแบบนี้ฟินไปสามล้านตลบ #กชมิว
Comment#101: ฟังเสียงหงิมๆ มานาน สรุปแม่งเป็นจริง?
Comment#319: เสียดาย มีผัวซะแล้ว กูว่าจะจับทำเมียซะหน่อย #ไม่ทัน
Comment#478: อยากให้พี่กชกับพี่มิวออกคลิปคู่กันจังค่ะ รอดูนะคะ #กชมิว
Comment#599: #กชมิว รอดูคลิปคู่คับ



และอื่นๆ อีกมากมายที่ส่วนใหญ่แล้วจะอวยให้ผมได้เสียกับพี่กชมาก และที่มากพอๆ กันก็คือให้ผมถ่ายวิดีโอคู่กับรูมเมทรุ่นพี่ของตัวเอง

ผมรู้สึกมึนหัววูบขึ้นมา ไม่รงไม่เรียนมันแล้วครับคาบนี้ อาจารย์หน้าห้องอยากจะพูดอะไรก็พูดไป ตอนนี้ผมกำลังงงงวยกับสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้

เฮ้ย! เอาจริงดิ? นี่ผมนั่งตัดต่อคลิปวิดีโอ นั่งหาเทคนิคในเกมมาเล่นให้คนอื่นๆ ดูมาเป็นปี แต่กลับมาเริ่มดังเพราะไอ้ที่ผมพูดเล่นๆ ไปว่าพี่กชเป็นผัวผมเนี่ยนะ? แบบนี้ก็ได้เหรอ!?

ไม่ล่ะ มันไม่ใช่ล่ะ ต้องมีอะไรผิดพลาด ไม่ผมก็คนดูนี่แหละที่ต้องเพี้ยนกันไปข้าง คือผมเข้าใจว่าตัวเองพูดว่าไอ้ผู้ชายที่เดินอยู่หลังกล้องผมเป็นผัวผม แล้วก่อนหน้านี้ก็มีบ้างที่แฟนๆ แซวเรื่องนี้ แต่มันไม่เคยเลยเถิดถึงขั้นเชื่อจริงจังขนาดนี้มาก่อน ผมล้อเล่นจริงจังไปเหรอ? แค่พูดเล่นๆ ไปแค่ประโยคเดียวเนี่ยนะ?



Comment#806: เฮ้ย พี่มิวคบกับพี่กชอยู่จริงรึเปล่า เขาอาจจะแค่พูดเล่นๆ ก็ได้



นั่นไง! ในที่สุดก็มีคนทัก ถึงจะปาไปเม้นท์ที่เกือบพันแล้วก็ตาม แถมคนที่มาตอบคอมเม้นท์ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าระหว่างผมกับพี่กชมันชัดเจนอยู่แล้วว่าเราคบกัน (ตรงไหนวะ) แถมมีอยู่อันหนึ่งมีการท้าบอกว่า 'ไม่เชื่อลองดูนี่' แล้วแปะลิงค์ยูทูปอีกอันไว้ด้วย

และเมื่อผมหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบ กดเข้าไปดูลิงค์นั้น ผมก็ต้องค้นพบว่าเลเวลการจินตนาการของคนกลุ่มนี้ไม่ธรรมดา…



'ไอ้มิว ไปนอนได้แล้ว นี่มันดึกมากแล้ว' เสียงไอ้คุณพี่กชดังแทรกเข้ามาระหว่างที่ผมกำลังแคสเกมปลูกผักทำสวนอย่างเมามัน หน้าผมในกล้องที่ยิ้มแย้มจนถึงเมื่อครู่บูดบึ้งขึ้นนิดหนึ่ง เสียงที่ตอบกลับอีกฝ่ายก็ค่อนข้างขุ่น

'อีกนิดน่าพี่กช จะหมดวันแล้วเนี่ย ปลูกเบอร์รี่เสร็จแล้วไปนอนเลย'

'มึงจะมาดีๆ หรือให้กูเดินไปอุ้มขึ้นเตียง ไอ้มิว'



นี่เป็นส่วนหนึ่งมาจากวิดีโอที่ผมอัดตอนเล่นเกมทำฟาร์ม จำได้ว่าคลิปนั่นยาวเป็นชั่วโมงเพราะแทบไม่ได้ตัดต่ออะไร แล้วหลังจากนี้ผมก็ปิดคลิปเพราะไม่อยากนั่งเถียงกับรูมเมทตัวเอง แต่ในคลิปที่ผมกำลังดูอยู่ตัดภาพไปที่อีกคลิปหนึ่งซึ่งเป็นเหตุการณ์สั้นๆ ของผมกับพี่กชนั่นแหละ คราวนี้พี่กชเดินเข้ามาในกล้องตอนผมเล่นเกมพัสเซิลเกมหนึ่ง เจ้าตัวหั่นสาลี่ที่ปอดแล้วเสร็จสรรพมาป้อนใส่ปากผมแล้วก็จากไป มันแค่นั้นเองจริงๆ จากนั้นวิดีโอก็ถูกตัดมาเป็นตอนที่เราคุยตอบโต้กันเรื่องผ้าปูเตียงโดยมีแค่เสียงของพี่กชลอดเข้ามา

คือเอาเป็นว่ามันเป็นคลิปรวมโมเม้นท์ระหว่างผมกับรูมเมทตัวเองนั่นแหละ คือถ้าดูแค่ในคลิปนี้แล้วเหมือนเราเป็นคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมานานแล้ว ไม่รู้จะพูดอะไรกับคนตัดต่อวิดีโอนี้ คงบอกได้แค่ว่าเจ้าตัวมีความมานะพยายามมาก

ทันทีที่พี่กชดูคลิปนรกนี่จบหลังจากพาผมมาส่งที่หอพักของพวกเรา ไอ้พี่ตัวแสบถึงกับต้องหัวเราะก๊ากออกมาเสียงดังลั่นราวกับนั่นเป็นสิ่งที่ตลกที่สุดที่เขาเคยเจอมาตลอดชีวิต และนั่นทำให้ผมที่กำลังสับสนงุนงงกับเรื่องนี้ขมวดหัวคิ้วมุ่น

"ขำอะไรของพี่"

"ก็ขำในจินตนาการของคนที่ทำไอ้คลิปนี้ออกมาไง กูตลกที่แบบ บางอันแม่งมีข้อความหวานๆ ชวนเลี่ยนขึ้นมาบางอันด้วยนะเว้ย อย่างกับกูกับมึงอยู่กินกันยังไงชอบกล"

'"พี่กช! นี่ไม่ตลกนะ" ผมแทบจะกระทืบเท้าเร่าๆ ด้วยความอึดอัดใจ "แล้วเราจะเอายังไงกันดี ผมโดนแฟนคลับคิดว่าเป็นเกย์ไปแล้ว แล้วก็พี่ด้วยนะ พี่ยอมได้เหรอครับ"

"มิวจะโวยวายไปทำไมวะ" พี่กชว่าพร้อมกับโยกหัวผมไปมายิ้มๆ อย่างไม่เดือดร้อนอะไร "ลองคิดดูในแง่ดีดิ จากคลิปนี่ทำให้มิวมีคนติดตามเพิ่มตั้งเยอะแยะ ยอดวิวก็พุ่งถล่มเลยไม่ใช่เหรอ ถือเป็นการโฆษณาตัวเองไง ส่วนไอ้เรื่องที่เขาเข้าใจผิดกัน มิวก็แค่อธิบายในคลิปต่อไปก็สิ้นเรื่อง"

"บอกในคลิปต่อไปเหรอครับ" ผมพูดเสียงเบาพร้อมกับคิดตาม ก็จริงอย่างที่พี่กชบอก ถ้าคนเข้าใจผิดก็แค่แก้ให้เขาเข้าใจถูกก็พอ ไม่เห็นต้องแตกตื่นอะไร

"ช่าย... แต่จริงๆ ถ้ามันทำให้กระแสของช่องมิวดีเราจะเล่นเป็นแฟนกันตามน้ำไปเลยก็ได้นะ" ชายหนุ่มพูดทีเล่นทีจริงก่อนจะหัวเราะร่วน แต่สิ่งที่พี่กชพูดทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาเขาทันที

"เล่นเป็นแฟน?"

"ช่าย ไหนๆ มิวก็บ่นๆ อยากได้คนดูเพิ่มอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แต่อันนี้พี่ล้อเล่นนะ เพราะถึงมิวจะอยากได้แฟนคลับเพิ่มยังไง แต่ถ้าต้องมาเป็นแฟนกับพี่--"

เสียงของพี่กชเงียบไปเมื่อผมเอื้อมมือไปออกแรงบีบแขนเจ้าตัวแน่น

ผมรู้ดีว่าพี่กชกำลังมองผมด้วยความงงจนถึงที่สุด อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่ตัวผมเองก็ยังงงว่าเกิดความคิดนี้ขึ้นมาได้ยังไง ผมรู้ดีว่ามันผิดที่จะโกหกใครๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม แต่นึกถึงจำนวนยอดวิว ยอดผู้ติดตาม ยอดคอมเม้นท์พวกนั้นแล้วเหมือนน้ำลายจะหก

คุณลองคิดดูสิ ขนาดแค่คลิปนั้นคลิปเดียว แค่ผมหลุดปากไปสั้นๆ แบบไม่จริงจังว่ามีความสัมพันธืกับพี่กชในแง่นั้น คนยังโผล่เข้ามามากขนาดนี้ แล้วถ้าเกิดผมบอกพวกเขาว่าพี่กชเป็นผมจริงๆ ได้ทำคลิปด้วยกันสองคนจริงๆ คนมันจะตามกันเยอะขนาดไหน

และเพราะไอ้ความหน้ามืดนี้แหละที่ทำให้ผมหลุดปากออกไปอย่างไม่รู้ตัว

"พี่กช ผมว่านะ... พี่คงต้องเป็นแฟนผมแล้วล่ะ"





--------------------------------------------
Talk: จะพยายามมาอัพเรื่องนี้บ่อยๆ นะคะ ยังไงก็ขอกำลังใจกันด้วยนะ <3

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
เรารู้นะพี่กชแอบคิดไม่ซื่ออะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
น่าติดตาม :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 2




พี่กชกำลังนอนเล่นโทรศัพท์มือบนเตียงของตัวเองขณะที่ผมเริ่มเซตกล้อง เปิดโปรแกรมอัดวิดีโอและขั้นตอนพื้นฐานอื่นๆ ที่ทำประจำก่อนจะอัดคลิป

“พี่กช” ผมเรียกคนที่ยังกลิ้งไปมากับมือถือของตัวเอง เจ้าตัวผงกหัวขึ้นมาเลิกคิ้วให้

“ว่าไง”

“พร้อมยังพี่”

“พร้อมอะไร”

“เอ้า! ” โดนถามกลับงี้ผมนี่หันไปโวยวายแทบไม่ทัน “ก็ที่พี่สัญญาว่าจะออกกล้องกับผมรอบนี้ไง! อย่าเบี้ยวนะพี่ ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำไม่ใช่เหรอ”

พี่กชยิ้มขำกับคำพูดผมแต่ก็ไม่ได้พูดต่อล้อต่อเถียงใดๆ เจ้าตัวกดเล่นมือถือต่ออีกพักหนึ่งก่อนจะยอมวางมันลงกับเตียงแล้วเลื่อนเก้าอี้มาข้างผม

“แน่นอนสิครับ น้องมิว พี่น่ะลูกผู้ชายอยู่แล้ว แต่อาทิตย์นี้บุฟเฟต์เนื้อย่างนะครับ หวังว่าน้องมิวลูกผู้ชายคนดีที่หนึ่งจะไม่ลืมสัญญา”

ผมกัดฟันอย่างเข่นเขี้ยวทันทีที่พี่กชพูดประโยคนั้นจบ

หน็อย ไอ้พี่บ้า ไม่คิดจะเกรงใจน้องรูมเมทตาดำๆ ที่ยังเป็นแค่นักศึกษาตัวน้อยอยู่เลยนะ พอได้ข้อเสนอจากผมเข้าหน่อยก็ซัดซะเต็มที่

อื๊อ? ข้อเสนออะไรน่ะเหรอครับ? จะเป็นอะไรไปได้นอกจาก…





สามวันก่อน หลังจากที่ผมพูดจาบ้าบิ่นอย่างการขอพี่กชเป็นแฟน

“หา? ” นั่นคือคำแรกที่พี่กชพูดออกมาหลังจากที่ผมบอกว่าเขาคงต้องเป็นแฟนผมแล้วล่ะ…

เออ มาลองคิดดูตอนนี้ก็โคตรอาย หน้าเพิ่งมาร้อนตอนนี้นี่แหละ

“แฟนมิวเนี่ยนะ? ”

“ไม่ใช่ๆ ผมหมายถึง---” นี่ผมพูดผิดไปหน่อยสินะ “หมายถึงเล่นเป็นแฟนน่ะ พี่คงต้องมาเป็นแฟนผมแบบหลอกๆ แล้ว ผมตั้งใจจะพูดแบบนั้น”

“เป็นแฟนมิวแบบหลอกๆ? ”

“ใช่ครับ” พยักหน้าแข็งขันมาก

“เพื่อ? ”

“เอ้า” นี่ตกลงเรายังอยู่ในมิติเดียวกันอยู่รึเปล่าเนี่ย “ก็เพื่อให้ยอดวิวยอดซับของผมมันเพิ่มขึ้นน่ะสิพี่ ก็พี่พูดเองไม่ใช่เหรอ”

“เฮ้ย” พี่กชอุทานแต่ริมฝีปากยังมีรอยยิ้มขัน ยัง ยังคิดว่าผมล้อเล่นอยู่อีก “บ้าเหรอ มิว ก็รู้ว่าพี่พูดเล่น”

“แต่ผมเอาจริง” หมายถึงเรื่องที่เล่นเป็นแฟนนะที่เอาจริง

พี่กชที่เริ่มรู้ว่าผมไม่เล่นด้วยเริ่มหุบยิ้มแล้ว “ไม่เอาน่า มิว”

“น้า พี่กช” เห็นสีหน้าขึงขังของเขาแล้ว อดไม่อยู่ ต้องปรี่ไปเกาะแขน ส่งสายตาขอร้องอ้อนวอนแบบสุดๆ ไปให้ “แค่เล่นเป็นแฟนกันหลอกๆ หน้ากล้องเท่านั้นเอง ไม่ยากหรอก”

“ไม่เอาอ้ะ” ตอบปฏิเสธหน้าตาเฉย “พี่ว่าไม่เห็นจะเข้าท่าเลย”

“โธ่! เข้าท่าสิพี่! ” บทจะดื้อ ผมเองก็ไม่เบาหรอก บอกเลย “พี่ก็เห็นแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ผมผายมือไปทางคอมพิวเตอร์รุ่นโปรที่ราคาแพงหูดับของตัวเอง “เนี่ย แค่ผมพูดเล่นๆ ว่าพี่เป็นแฟนผม คนก็แห่มาจากไหนไม่รู้ตั้งมากมาย นี่ยอดซับผมเกินพันก็เพราะคำพูดประโยคนั้นเลยนะ พี่จะมาบอกว่ามันไม่เข้าท่าอีกได้ไง”

เหมือนพี่กชจะเพิ่งรู้ตัว เขาแกะมือผมออก คิ้วเรียวขมวดติดกัน

“แล้วพี่จะได้อะไร? ” พูดพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“หา? ”

“ก็เท่าที่ฟังดูเนี่ย มีแต่มิวไม่ใช่เหรอที่มีแต่ได้กับได้ หนึ่งเลย ได้เป็นแฟนกับคนหน้าตาดีแบบพี่--” อุแหวะ พูดออกมาได้ ถึงจะหน้าตาดีจริงๆ แต่ไอ้การพูดเองนี่ก็เกินไปหน่อยนะ “แม้จะแค่หลอกๆ ก็ตาม สอง มิวได้คนตามช่องของตัวเองเยอะขึ้น แต่พี่ไม่เห็นได้อะไรสักอย่าง”

ถึงคราวที่ผมต้องขมวดคิ้วขึ้นบ้างแล้ว ผมเองก็ไม่หน้าด้านพอจะตอบกลับไปแบบ ‘พี่ก็จะได้คบกับคนหน้าตาดีแบบผมไง’ ด้วยสิ

“งั้น… ผมมีข้อเสนอ เป็นการแลกเปลี่ยนที่จะขอให้พี่ช่วย”

หากนายกรกชยกมือขึ้นโบกกลางอากาศ

“พี่ว่าเราอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลย แค่บอกแฟนๆ มิวไป--”

“ผมจะเลี้ยงข้าวเย็นพี่ทุกอาทิตย์! ”

พี่กชชะงักกึกไปทันที ตาเบิกกว้างขึ้นทั้งสองข้าง

ผมว่าผมมาถูกทางแล้วล่ะ

“...ก็แค่ข้าวเย็นมื้อเดียว” ยัง ยังจะต่อรอง

“สองมื้อ! ” ผมรีบพูดแทรก “สองมื้อต่ออาทิตย์เลย เย็นเสาร์กับอาทิตย์เป็นไงครับ”

“ก็แค่ข้าวเย็นเองเปล่าวะ”

“ผมยอมให้พี่เลือกร้าน เลือกของที่อยากกิน ราคาเท่าไหร่ก็ได้--”

“ตกลง งั้นพี่ยอมเล่นเป็นแฟนมิว” พูดขัดขึ้นมาพร้อมกับโอบบ่าผมอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าชื่นมื่น “ไว้ใจได้เลย พี่ว่าพี่มีสกิลแอคติ้งสูงอยู่”

หน็อย ไอ้คนเห็นแก่กินเอ๊ย!





ก็… เป็นอะไรประมาณนั้นแหละครับ

ตัดกลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน

ตอนนี้ผมกำลังเปิดเกมผีที่เพิ่งซื้อทางออนไลน์มาสดๆ ร้อนๆ โดยมี ‘แฟน’ ปลอมๆ อย่างพี่กชนั่งอยู่ข้างๆ มองสิ่งที่ผมกำลังทำตาแป๋วเหมือนเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องใดๆ

และเด็กโค่งคนนี้ก็ไม่รอช้าที่จะเอ่ยปากถาม

“มิว ทำไมต้องให้พี่มานั่งข้างๆ ตอนมิวจะเล่นเกมแบบนี้ด้วยล่ะ”

“อ้าว” ยัง ยังไม่จบอีก “ก็พี่สัญญาแล้ว แลกกับข้าวเย็น--”

“ไม่ๆ อันนั้นพี่รู้ แต่พี่หมายถึงมันจะมีความหมายอะไรเหรอ”

“อ้อ มีดิพี่” มั้งนะ “ก็… เอ่อ พี่อาจจะต้องแสดงละครนิดๆ หน่อยๆ ตอนผมเล่นอ่ะ”

“ยังไง? ”

“อย่าง… ไม่รู้ดิ สมมติผมตกใจผีงี้ พี่ก็ เอ่อ ปลอบผมมั้ง” ผมเองก็ไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายซะด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไง

“อ้อ โอเค แค่นั้นใช่ไหม”

“เอาให้เป็นธรรมชาตินะพี่”

“เออน่า แล้วจะเล่นหรือยัง ฟังเสียงเริ่มเกมนี่มานานจนเริ่มหลอนแล้วนะ”

ผมจึงเริ่มกดอัดวิดีโอ พูดทักทายคนดูอย่างที่ทำมาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือผายมือไปทักทายรุ่นพี่ข้างตัว แต่ผมไม่ได้บอกหรอกนะว่าเขาเป็นแฟนผม แบบนั้นดูโจ่งแจ้งแล้วก็จั๊กจี้ไปนิด แค่บอกไปว่าเป็นคนที่หลายๆ คนถามถึงก็พอ

“เฮ้ย ไอ้มิว ตรงนั้น” พี่กชยื่นหน้าเข้ามาหายใจรดต้นคอขณะที่ผมบังคับตัวละครในเกม “เมื่อกี้พี่เห็นเทียนอยู่นะ”

“ไหน พี่ ตรงไหน”

เกมนี้ผมเล่นเป็นเด็กชายคนหนึ่งที่หลงเข้าไปในป่าพร้อมกับเทียนไขหนึ่งเล่ม สิ่งที่เราต้องทำก็คือหาเทียนเล่มต่อไปที่จะอยู่ตามจุดต่างๆ ซึ่งต้องหาให้เจอก่อนที่เขียนในมือจะละลายหมดไปซะก่อน แล้วถ้าเราต้องอยู่ในความมืดนานเกินไป อาจจะโดนผีหลอกจนเกมโอเว่อร์ได้ แล้วเสียงซาวด์เอฟเฟกต์ในเกมจะทำดีไปไหน คือให้บรรยากาศชวนขนหัวลุกจริงๆ

ผมบังคับเด็กชายผ่านหน้าจอแล้วเดินไปตามทางที่พี่กชบอกเพื่อหาเทียน

“พี่ ไม่เห็นมีเลย”

“อ้าว สงสัยดูผิด”

“โห่ พี่แม่งมั่วว่ะ เชื่อถืออะไรได้บ้างไหมเนี่ย”

“เฮ้ย เมื่อกี้พี่ก็ช่วยหาจนเจอไปแล้วรอบหนึ่งนะเว้ย ซ้ายๆ ๆ เดินซ้ายดิ ไอ้มิว ทางนี้เรามาแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ซ้ายเมื่อกี้ไปทางตันไม่ใช่เหรอพี่! แล้วเสียง… เฮ้ยๆ ๆ ไอ้ผีตาบอดจะมาแล้ว”

“วิ่งสิมิว รอพ่อตัดริบบิ้นเหรอ”

“พี่ ไอ้เด็กนี่มันเหนื่อยง่าย จะวิ่งมั่วๆ ไม่ได้”

เอาล่ะสิ บรรยากาศในเกมมันกดดันจนใจผมเต้นรัวไปหมด พี่กชเองก็ดูจะลุ้นไปพร้อมกัน มือนี่บีบไหล่ผมแน่นเชียว ไอ้บ้าเอ๊ย เสียวโว้ย อย่าเพิ่งโผล่มาตอนนี้นะ จะอยู่ถึงตอนเช้าอยู่แล้ว

“มิว… พี่ว่าเสียงแบบนี้…”

ผมก็คิดแบบพี่กชเหมือนกัน เสียงผีกำลังจะมายังไงล่ะ

“พี่! เทียนจะหมด! เทียนจะหม้ด! ช่วยผมหาเทียนก่อน”

“วิ่ง! มิว วิ่ง! มันตามมาข้างหลัง---”

“ผมหอบแล้วเนี่ยพี่” หมายถึงตัวละครที่ผมบังคับอยู่นะ แม่งเหนื่อยง่ายฉิบหาย แค่บังคับให้วิ่งแป๊บเดียว...

“อ๊าก! /เหี้ย! ”

ผมอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกับพี่กชหลังจากที่เราโดนผีตาโบ๋แฮ่ใส่หน้าจอไปหนึ่งรอบ จากนั้นหน้าจอก็ค่อยๆ มืดลง คำว่า Game Over เด่นหราขึ้นมาแล้วก็มีตัวเลือกให้เล่นต่อหรือกลับไปที่หน้าเมนู แต่ตอนนี้ผมกับพี่กชหันไปลูบบ่าลูบไหล่กันอย่างเสียขวัญ

“เชี่ยเอ๊ย” พี่กชว่าขณะยกมือปิดหน้า “ไอ้มิว เมื่อกี้กูตกใจจริงๆ นะนั่น”

“พี่คิดว่าผมไม่ตกใจเหรอ” ใจนี่เต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมาจากอก

แม่ง! มันสะดุ้งตอนตุ้งแช่นี่แหละครับ

“นึกว่าจะช็อกตายคาคอมอยู่แล้ว”

“ผมนี่มือชื้นเหงื่อไปหมดเลย โห มันน่ากลัวจริงๆ ครับ คุณผู้ชม คือบรรยากาศเกมเขาทำมาดีมาก” ผมว่าอย่างไม่ลืมว่ากำลังอัดคลิป และการมีปฏิสัมพันธ์กับคนดูเป็นเรื่องสำคัญ “แบบ ภาพกับซาวด์เขาทำเรากลัวจริงๆ ดูสิ มือผมเปียกไปหมดเลย แต่เกมโหดมากจริงๆ ครับ นี่ต้องหนีผี ต้องคอยฟังเสียง ต้องคอยหาเทียน”

“แล้วเทียนก็หายากจริงอะไรจริง” พี่กชพยักหน้าเสริม ผมสูดหายใจแรงๆ ทีหนึ่งเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ

“มาครับ เอาใหม่ พี่กชรอบนี้ช่วยผมหาหน่อยนะ ตั้งใจมองทางด้วย แล้วพี่อ้ะ ชอบทำให้ผมล่ก ผมจะตายก็เพราะพี่นี่แหละ”

“อ้าว ไอ้มิว นายเล่นกากเองงี้จะมาโทษพี่ได้ไง”

“พี่ลองมาเล่นเองไหมล่ะ” ผมถามกลับพร้อมกับยิ้มขำ จากนั้นก็เริ่มตั้งสมาธิทุ่มให้กับการเล่นตรงหน้า

ผมเป็นคนที่เล่นเกมจริงจังนะ คือเล่นไม่เก่งหรอก แต่ตั้งใจเล่นมาก ส่วนการที่มีพี่กชมาช่วยบอกทาง ช่วยออกความเห็น ชวนผมคุยนู่นนี่ก็ทำให้ผมผ่อนคลายลงได้มาก รู้สึกสนุกไปกับเกมมากขึ้นเหมือนมีคนมาเจอชะตาแบบเดียวกันอยู่ข้างๆ

คือตอนแรกก็ว่าจะให้พี่กชมาเล่นเป็นแฟนหลอกๆ โดยการให้กำลังใจตอนผมสะดุ้งผีอยู่หรอก แต่ไปๆ มาๆ เขาดันสะดุ้งพร้อมผมด้วยนี่สิ

คือเกมที่ผมกำลังเล่นอยู่นี่ทำมาดีจริงๆ บรรยากาศดีมาก แต่วันนี้คงต้องพักไว้เท่านี้ก่อน เริ่มจะค่ำมากแล้ว ผมจึงเริ่มพูดปิดคลิปพร้อมกับบอกลาคนดูและขอให้เขาติดตามคลิปเกมนี้ในพาร์ทต่อๆ ไป หลังจากที่ผมกับพี่กชบอกสวัสดีคุณผู้ชมแล้วก็เป็นอันเสร็จสิ้น ได้เวลาตัดต่อคลิปเพื่อเตรียมเรนเดอร์ลงช่องเสียที

“ฟู่ว เรียบร้อย” พี่กชว่าพร้อมกับแกล้งยกแขนขึ้นปาดเหงื่อ ทั้งๆ ที่ไม่มีเหงื่ออะไรบนหน้าพี่แกทั้งนั้นแหละ “ให้ตายเถอะ มิว สนุกดีว่ะ ตื่นเต้นฉิบหาย”

“ใช่ พี่ นี่ถือว่าเกมดีเลยนะเนี่ย คุ้มค่ากับทุกบาทที่เสียไป” ผมว่าขณะเปิดโปรแกรมเตรียมตัดต่อ

ผมเป็นคนเล่นเกมแท้และไม่คิดจะสนับสนุนของเถื่อนอยู่แล้ว ยิ่งตั้งแต่มาเปิดช่องของตัวเองยิ่งเข้าใจว่าการทุ่มเทพยายามทำอะไรมากๆ ย่อมอยากได้ผลตอบแทนกลับมาอย่างสมน้ำสมเนื้อ คนสร้างเกมก็คงคิดเหมือนผมเหมือนกัน

“เออ แล้วนี่คนดูมิวเขาจะคิดยังไงเนี่ย สรุปพี่ก็ไม่ได้ทำอะไรที่ดูเหมือนเป็นแฟนกับมิวเท่าไรเลยนะ”

เรื่องนี้ทำให้ผมกังวลนิดหนึ่ง แต่จะให้ผมประกาศออกไปด้วยคำพูดชัดๆ ว่าพี่กชเป็นแฟนผมในช่องของตัวเองก็ยังไม่พร้อม ครั้นจะหวังให้พี่กชทำเป็นเล่นละครผ่านกล้อง พี่กชก็คงไม่รู้เหมือนผมนั่นแหละว่าควรจะทำยังไง คลิปที่ออกมาเลยกลายเป็นว่าผู้ชายสองคนนั่งเล่นเกมด้วยกันเท่านั้นเอง

“เอาเถอะครับ เราเริ่มจากอย่างนี้ไปก่อนแล้วกัน” ผมถอนหายใจเบาๆ “เดี๋ยวรอดูผลตอบรับจากรอบนี้ก่อน ถ้ายังไงไว้ค่อยลองพูดว่าพี่เป็นแฟนผมคลิปหน้าก็ได้”

“มิวว่าไงก็ตามนั้นแล้วกัน”

ผมมองเพื่อนรุ่นพี่ที่เดินกลับไปทิ้งตัวนอนบนเตียงของตัวเอง หยิบมือถือขึ้นมากดเล่นอีกแล้ว สมแล้วที่เป็นเด็กยุคเดียวกับผม

“เออ พี่กช”

“หือ? ”

“ขอบคุณนะพี่”

พี่กชเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ “เรื่อง? ”

“ก็ที่พี่ตกลงช่วยผมนี่ไง แถมยังมานั่งเล่นเป็นเพื่อนกันอีก”

“อ้อ เรื่องเล็กน่ะ” เขาว่า “อีกอย่าง ได้นั่งเล่นเป็นเพื่อนมิวก็สนุกดี”

ผมคลี่ยิ้มออกมา ดีใจเหมือนกันที่อีกฝ่ายสนุกไปกับผมด้วย

“เออ แต่ยังไงก็อย่าลืม…”

ผมชะงักมือที่กำลังจะเสียบหูฟังเข้าหูนิดหนึ่ง

“เนื้อย่างเย็นวันเสาร์นี้นะ”

จ้ะ

เรื่องกินฟรีนี่สำคัญที่สุดจ้ะ





ผมดูปฏิกิริยาที่ได้จากแฟนคลับในสองสามวันต่อมา ปรากฏว่าถล่มทลายยิ่งกว่าคลิปอันที่ผมบอกว่าพี่กชเป็นผัวผมเสียอีก

ผมยกดูดน้ำลำไยจากหลอดขณะที่มองคอมเม้นท์มากมายไปด้วย เก่งที่นั่งอยู่โต๊ะฝั่งตรงข้ามมองผมด้วยสายตาหน่ายๆ เจ้าตัวยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาจากนั้นก็เริ่มเร่งผม

“เฮ้ย ไอ้มิว รีบแดกข้าวหน่อยได้วะ ไก่มึงชืดแห้งติดจานหมดแล้ว อย่ามัวแต่เล่นโทรศัพท์ได้ไหม”

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อนทั้งที่ริมฝีปากยังเปื้อนยิ้ม

“โทษๆ กูอ่านเม้นท์เพลินไปหน่อย” แล้วผมก็จัดการข้าวมันไก่ของตัวเองโดยที่มือยังเลื่อนอยู่หน้ายูทูปสลับกับหน้าเพจเฟซบุ๊ค มีหลายคนถามเข้ามาเยอะมากว่าตกลงผมกับพี่กชคบกันจริงๆ ใช่ไหม แปดสิบเปอร์เซ็นต์ฟันธงไปแล้วว่าคบกัน ส่วนตัวผมเองยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธข่าวนี้อย่างเป็นทางการ และความนิ่งเฉยนี้คงทำให้ทุกคนคิดว่ามันคือการตอบรับ

“มึงนี่นะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างกับคนบ้า แต่กูก็ว่ามึงบ้าจริงๆ ว่ะที่คิดจะเรียกคนดูด้วยวิธีนี้”

“ก็ทำไมอ่ะ” ผมแกล้งลอยหน้าลอยตาใส่อีกฝ่าย

ตอนนี้ไอ้เก่งรู้แล้วว่าผมกับพี่กชไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ อย่างที่มันเข้าใจตอนแรก เพราะผมอธิบายให้มันฟังเองนั่นแหละ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเจ้าตัวต้องตกกระไดพลอยโจนมารับรู้ความลับของผมด้วย และเอาจริงๆ เหมือนมันจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องแกล้งเป็นแฟนของผมกับพี่กช แม้ว่ามันจะยังไม่ชัดเจนขนาดนั้นก็ตาม

“ก็กูว่ามันปัญญาอ่อนไง มีอย่างที่ไหนให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นเกย์เพื่อแลกกับคนดู อย่างนี้มึงก็จีบผู้หญิงไม่ได้เลยนะเว้ย พี่กชเองก็เหมือนกัน”

คำอธิบายนั้นทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเพื่อน

ผมไม่ได้คิดถึงแง่นี้มาก่อนเลยแฮะ เพราะไม่ได้คิดจะมีแฟนช่วงนี้ด้วยจริงๆ ล่ะมั้ง แต่พอไอ้เก่งพูดผมก็ชักเห็นด้วย หรือว่ามันจะไม่ดีนะถ้าผมแกล้งเล่นเป็นแฟนกับพี่กชจริงๆ?

“มิวๆ ” เสียงเรียกของเพื่อนร่วมคณะทำให้ผมหันหน้ากลับไปหา

ปัทที่อยู่เอกจีนน่ะเอง หล่อนยืนอยู่ข้างโต๊ะกินข้าวในมือมีสมุดและชีทประกอบการเรียน

“ว่าไง ปัท”

“ตกลงว่าแกกับพี่กชเป็นแฟนกันจริงๆ ใช่ปะ”

“โห” ผมยิ้มให้เจ้าหล่อน “ดูช่องเราด้วยเหรอ ดีใจจัง”

“แล้วตกลงว่ายังไง? ” ปัทไม่ยอมพาออกนอกเรื่อง “นี่ในบอร์ดคนเขาเถียงกันจะเป็นจะตาย นายก็ไม่ยอมให้มันชัดเจนสักที”

“อ้อ มิวกับพี่กชน่ะ---” ไอ้เก่งพยายามจะแก้ความเข้าใจ แต่ผมพูดขัดมันก่อน

“ใช่ เรากับพี่กชเป็นแฟนกันจริงๆ ”

ปัทเบิกตาขึ้นนิดหนึ่งด้วยความตื่นเต้น ไม่แปลกใจอ่ะ ผู้หญิงคณะผมสาววายกันเกินเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ได้มั้ง

“งั้นก็เป็นเรื่องจริงสินะ ดี” ปัทว่า ยกมือขึ้นมาโบก “งั้นฉันไปเข้าห้องเรียนก่อนล่ะ ดีใจกับนายแล้วก็พี่กชด้วยนะ ไว้เดี๋ยวมาเมาท์ใหม่”

และเมื่อเจ้าหล่อนเดินจากไป เพื่อนซี้ก็ฟาดมือลงบนหัวผมแรงๆ ทีหนึ่งทันที

“โอ๊ย ไอ้บ้าเก่ง” ผมคราง “ตีกูทำไมเนี่ย เจ็บนะเฮ้ย”

“หมั่นไส้มึง ได้ฟังที่กูพูดไปเมื่อกี้บ้างรึเปล่าเนี่ย หา? ”

“ก็มัน---”

“อ้าว เก่ง ทำไมไปตีเพื่อนแบบนั้นล่ะ”

เสียงของพี่กชดังขึ้นทำเอาผมกับเก่งสะดุ้ง หันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกัน

วันนี้รูมเมทของผมก็ยังอยู่ในสภาพเสื้อผ้ายับเยิน ผมเผ้ารุงรังเหมือนทุกที แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยกลบรัศมีความหล่อของเขาไปได้เลย

หมั่นไส้ว่ะ

“พี่กช มาไงครับเนี่ย” ผมว่าขณะที่เขยิบกระเป๋าให้รุ่นพี่นั่งลงข้างๆ “มีเรียนเหรอครับ”

“อือ ชดเชยน่ะ” ว่าพร้อมกับปิดปากหาว “โคตรขี้เกียจตื่น”

“แล้วพี่กินอะไรหรือยัง ไปซื้ออะไรมากินไหม ยังพอมีเวลาก่อนคาบจะเริ่ม”

“เออ ดีเหมือนกัน มิวจะเอาอะไรเพิ่มไหม เดี๋ยวพี่ซื้อมาให้”

“ไม่เป็นไรพี่ ผมอิ่มแล้ว เก่งอ่ะ เอาอะไรเปล่า ฝากพี่กชไหม”

ผมหันไปถามเพื่อนที่มองมาทางพวกเราด้วยสายตาแปลกๆ เจ้าตัวส่ายหน้าพึ่บพั่บ

“ไม่เป็นไรครับพี่ ตามสบายเลย”

และเมื่อพี่กชลุกออกไป ไอ้เพื่อนซี้ตัวกลมของผมก็โน้มหน้าลงมากระซิบ

“กูว่าพวกเอ็งสองคนเหมือนคนคบกันจริงๆ มากกว่าจะแค่แกล้งเล่นละครแล้วนา แน่ใจนะว่าไม่ได้หลอกกูเรื่องแกล้งคบน่ะ? ”

“ไอ้ห่า บ้าปะเนี่ยมึง”

ใครจะไปหลอกซ้ำซ้อนแบบอินเซปชั่นขนาดนั้น แล้วผมกับพี่กชเนี่ยนะ? แฟน? ฮ่าๆ ๆ ก็แค่รูมเมทรุ่นพี่รุ่นน้องปกติเปล่าวะ

ไอ้เก่งอะ คิดมาก!





---------------------------------------------------
Talk: โผล่มาอัพสักหน่อย อิอิ ใครเล่นทวิตเจอกัน #กชมิว #เกมรักทดลองใจ นะคะ >3<
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2017 12:32:40 โดย Airiณ »

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
พี่กชต้องชอบมิวอยู่นิดๆแหละ แล้วมิวเล่นงี้ก็เข้าทางพอดี 555 อัพบ่อยๆนะคะ สนุกดี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 3



ผมว่าต่อให้ไม่ต้องพูดออกจากปากตรงๆ ทุกคนก็เข้าใจไปเรียบร้อยแล้วว่าผมกับพี่กชคบกันจริงๆ





Comment#120: ชัวร์เลย แฟนกันชัดๆ มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย

Comment#127: กรี๊ดดดดด ฟิน

Comment#150: ตกลงคบกันจริงๆ ใช่ไหมอ่า

Comment#161: เปิดตัวแล้วๆ





ผมนอนแผ่อยู่บนเตียงฝั่งของตัวเอง แน่นอนว่าคนส่วนมากเข้าใจว่าผมกับพี่กชคบกันอยู่จริงๆ แต่อีกจำนวนไม่น้อยก็อยากให้ผมพูดให้ชัดเจน





Comment#190: ประกาศว่าคบกันหน่อยสิ

Comment#450: ตกลงคบกันจริงไหมอยากรู้

Comment#573: คงไม่ได้คิดไปเองแล้วใช่ไหม กชมิวจริงๆ ใช่ไหม





ผมถอนหายใจออกมานิดหนึ่งขณะเหวี่ยงโทรศัพท์ลงข้างตัว เหม่อมองเพดานสีขาว สงสัยคลิปรอบนี้ต้องพูดออกมาจากปากจริงๆ แล้วมั้งว่าพวกเราคบกัน ถึงแม้มันจะเป็นแค่เรื่องโกหกก็ตาม อันที่จริงที่ผมเลี่ยงมาตลอดก็เพราะไม่อยากโกหกแฟนๆ นี่แหละ แต่จะมากลับลำ ไม่เล่นเป็นแฟนกับพี่กชต่อตอนนี้ก็ใจไม่ถึงพอ ไม่น่าจะทันแล้วด้วยซ้ำ เพราะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเราคบกัน แล้วผมก็ไม่ได้แก้ข่าวตรงนี้เลย

เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น ผมรีบลุกพรวดขึ้นจากเตียงขณะที่คนที่เพิ่งก้าวเข้ามาหอบแฮ่กๆ

“โทษทีที่ให้รอนะ มิว”

“โห่ ช้าว่ะพี่” ผมแกล้งพูด แต่เห็นสภาพเหงื่อซ่กของเจ้าตัวแล้วก็เห็นใจนิดหน่อยเหมือนกัน “นึกว่าจะไม่ได้เลี้ยงแล้วนะเนี่ย เนื้อย่างพี่เนี่ย”

“บ้า เลี้ยงดิ ไม่เลี้ยงก็ผิดคำพูดปะวะ” เจ้าตัวว่าขณะที่ผมคว้ากระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง “ขอโทษจริงๆ ที่ให้รอนะมิว พอดีที่บ้านรั้งตัวไว้ หิวแล้วล่ะสิ”

“หิวครับ” ผมตอบตรงๆ แต่ไม่ได้โกระอะไรอีกฝ่ายหรอก “งั้นเราไปกันเลยดีกว่า พี่มีหมวกกันน็อกอีกอันใช่ไหม ผมขอยืมนะ”

หลังจากที่เรามาถึงร้าน จัดแจงเอาเนื้อที่ได้มาชุดแรกลงบนเตา ท้องของผมก็ร้องโครกครากทันที

ผมหน้าร้อนขึ้นนิดหนึ่งด้วยความอาย ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนตรงหน้าที่กำลังพลิกแผ่นเนื้ออย่างเมามัน

“โถ น้องมิวผู้น่าสงสาร หิวจนท้องกิ่วหมดแล้ว”

“เงียบเลยพี่ คิดว่าความผิดใครกันล่ะ”

“โอ๋ๆ ไม่โมโหหิวนะ มา เดี๋ยวพี่บริการเจ้ามือให้ ตอบแทนที่พามาเลี้ยง”

ผมเบ้ปากให้เขานิดหนึ่งเพราะเจ้าตัวชอบพูดย้ำเรื่องที่ผมต้องเลี้ยงเขาเหลือเกิน นี่เขาเห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย ไม่ผิดคำพูดหรอกน่า ในเมื่อสัญญาแล้วว่าจะเลี้ยงก็คือเลี้ยงสิ!

“เออ แต่พรุ่งนี้พี่คงไม่ว่างช่วงเย็นนะ ต้องไปทำธุระกับที่บ้านว่ะ”

“เลื่อนไปวันอื่นก็ได้นะครับ” ผมว่า เพราะเงื่อนไขในการเล่นเป็นแฟนคือการที่ผมต้องเลี้ยงข้าวเขาสองมื้อต่ออาทิตย์ “ผมไม่ถืออยู่แล้ว ไม่ต้องมื้อเย็นก็ได้ด้วยซ้ำ แค่บอกผมมาแล้วกันว่าจะให้เลี้ยงมื้อไหน”

“อืม” เจ้าตัวทำสีหน้าครุ่นคิด “งั้น… เช้าวันจันทร์เป็นไง พี่อยากกินหมูปิ้งหน้าหอ”

คำพูดนั้นทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้นทันที

“แน่ใจนะพี่ว่าแค่นั้นพอ? ” ก็ตามปกติ ถ้ามีคนบอกว่าจะเลี้ยงข้าวอะไรก็ได้เนี่ย ใครๆ ก็อยากกินอาหารดีๆ แพงๆ กันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ถึงผมจะไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้นก็เถอะนะ

“อือ แค่นั้นพอแล้ว” เจ้าตัวยิ้มหวานมาให้ผม “ให้เลี้ยงแต่ของแพงๆ เดี๋ยวน้องหมดตัวพอดี”

เออ ก็รู้ตัวแฮะ พี่กชนี่ใจดีอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ สมแล้วที่เป็นรูมเมทผม

หลังอาหารมื้อนั้นที่ล่อเอาผมจุกไม่น้อย (ตามประสาคนกินบุฟเฟต์ทั่วไป) พี่กชก็ชวนผมไปเดินย่อยตามร้านอะไรก็แล้วแต่ที่พี่แกสนใจ ผมได้หนังสือเกี่ยวกับคันจิมาเล่มในขณะที่เฮียแกได้เสื้อมาตัวหนึ่ง และพออาหารที่เพิ่งยัดห่าเข้าไปเริ่มย่อย ผมก็เริ่มอยากของหวานขึ้นมา

“พี่กช ผมอยากกินไอติม”

“หืม? ไหวเหรอเราน่ะ” ร่างสูงข้างตัวยกยิ้มขัน พูดแซวๆ “เมื่อกี้ยังโอดครวญจะเป็นจะตายอยู่เลย หายจุกแล้วหรือไง”

ใช่ครับ เมื่อกี้ผมครวญจะเป็นจะตาย… แต่ไอ้พี่นี่กลับไม่เป็นอะไรเลยสักนิดทั้งๆ ที่ยัดเนื้อย่างเข้าไปมากกว่าผมตั้งเยอะ กระเพาะน่าจะเป็นหลุมดำขนาดย่อมอะ

“ไหวพี่ ผมหายจุกแล้ว แล้วตอนนี้ปากก็ต้องการน้ำตาล”

“งั้นกินอะไร สเวนเซ่นส์ไหม? หรืออยากกินอะไร”

“สเวนเซ่นส์ก็ดีครับ”

“งั้นพี่เลี้ยงนะ”

เป็นอันว่าผมเลี้ยงเนื้อย่างพี่แกส่วนพี่แกเลี้ยงไอติมผมกลับ เออ ก็ให้ความรู้ไม่เลวเหมือนกัน แม้ว่าเงินที่ออกจากกระเป๋าผมจะมากกว่าเป็นสองเท่าตัวก็ตาม

“เออ มิว” พี่กชว่าขณะตักกล้วยในชามเข้าปาก “เรื่องช่องยูทูปของนายอะ”

“ครับ? ”

“พี่ได้ยินมาว่าถ้าเกิดมิวมีคนดูเยอะๆ จะได้เงินจากยูทูป”

ผมไม่สะเทือนกับคำถามนั้น ผมคิดว่าเขารู้อยู่แล้วด้วยซ้ำ

“ใช่ครับ พี่ไม่รู้เรื่องนั้นหรอกเหรอ”

“ม่ายอะ”

“แล้วมันทำให้พี่รู้สึกแย่หรือเปล่า” ผมถามกลับตรงๆ แต่จริงๆ เหตุผลที่ผมรับปากว่าจะเลี้ยงเขาสองมื้อทุกอาทิตย์ก็เพราะเรื่องนี้ด้วยนี่แหละ “เพราะมันอาจจะเหมือนผมเอาพี่มาหาเงิน? ถ้าพี่รู้สึกไม่สบายใจ--”

“โอ๊ย ไม่หรอก ตามสบายเลย” พี่กชว่าพร้อมกับโบกมือสองสามที “แต่มิวนี่ก็เก่งนะ หาวิธีใช้เงินด้วยตัวเองด้วย”

“มันก็ไม่ได้มากมายอะไรหรอกพี่” ผมพูดยิ้มๆ ดีใจที่อีกฝ่ายชวนคุยเรื่องงานอดิเรกตัวเอง “แต่ทำแล้วมันสนุกดีน่ะ ทำด้วยใจมากกว่า เงินที่ได้ถือเป็นค่าขนมขำๆ ”

“แต่หลังจากนี้ก็น่าจะได้มากขึ้นไม่ใช่เหรอ” เขาว่า “ก็คนดูเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วนี่”

“ก็หวังว่านะครับ แต่ผมไม่หวังได้เงินจริงๆ จังๆ หรอก ว่าแต่ผมขอชิมรสนี้หน่อยได้ไหม พี่จะกินของผมด้วยก็ได้นะ”

“ได้เหรอ งั้นขอล่ะนะ”

ว่าแล้วเราสองคนก็แลกไอศกรีมกันกิน เออ รสมอคค่าที่พี่กชสั่งมาก็อร่อยดี ปกติผมไม่ค่อยชอบกาแฟหรอกเพราะมันขม แต่ไอติมมอคค่านี่ก็ไม่แย่ขนาดนั้น

จบสิ้นมื้อเย็นทั้งของคาวและของหวาน พวกเราทั้งสองคนก็กลับมาที่หอ

“ให้ตายสิ เหนื่อยชะมัดวันนี้” พี่กชว่าพร้อมกับถอดเสื้อเปลือยท่อนบนอย่างที่ทำเป็นประจำ พี่แกไม่เคยอายหุ่นผมหรอกครับ แต่ก็อย่างว่า จะอายทำไม ผู้ชายด้วยกัน

“อ้าว พี่จะนอนนี่เหรอครับคืนนี้ ไม่กลับบ้านเหรอ ไหนบอกพรุ่งนี้มีธุระกับที่บ้าน”

“ตั้งแต่ช่วงสายๆ นู่นแหละ วันนี้ขอนอนนี่ก่อน ไม่อยากขับรถแล้ว” พูดแล้วเจ้าตัวก็เดินไปหยิบข้าวของเตรียมอาบน้ำ ผมพยักหน้าหงึกๆ ทันที

“ดีครับ ขับมอเตอร์ไซค์ตอนกลางคืนมันอันตราย”

พี่กชหันมายิ้มยียวนให้ผม “เป็นห่วงกันก็บอกมา”

“ก็ต้องเป็นห่วงดิพี่” ไม่ห่วงจะพูดแบบนั้นทำไมล่ะ จริงไหมครับ “กลางคืนมืดๆ มันอันตรายจริงๆ นะ มอเตอร์ไซค์อะ ขนาดตอนกลางวันยังน่ากลัว”

พี่กชนิ่งไปนิดหน่อยกับคำพูดตรงๆ ของผม ก่อนเจ้าตัวจะพยักหน้ารับแกนๆ แล้วเตรียมดิ่งเข้าห้องน้ำ “เออๆ เข้าใจแล้ว งั้นพี่ขออาบก่อนนะ เหนียวตัวเป็นบ้าเลย”

“ครับ” ผมตอบรับพร้อมกับทิ้งตัวลงบนโต๊ะคอม หยิบหนังสือที่เพิ่งซื้อมาวันนี้ขึ้นมากาง นอกจากเรื่องทำช่องแล้ว ก็มีเรื่องภาษาญี่ปุ่นนี่แหละครับที่ต้องพัฒนา





ผ่านไปอีกสองวัน ผมเตรียมตัวจะอัดคลิปใหม่เพื่อลงเกมที่เล่นค้างจากวันก่อน และผมก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผมต้องตัดใจ… โกหก (ไม่อยากใช้คำนี้เลย) แฟนๆ ว่าผมกับพี่กชกำลัง… คบหาดูใจกันอยู่

“อ้าว คราวนี้จะบอกตรงๆ แล้วเหรอ” พี่กชว่าขณะเลื่อนเก้าอี้จากโต๊ะฝั่งตัวเองมานั่งข้างผม “เห็นวันนั้นยังบอกว่าไม่อยากโกหกด้วยคำพูดตรงๆ เลย”

“มันไม่ได้แล้วพี่” ผมว่า “คนกระหน่ำถามเข้ามาเยอะขนาดนี้ อีกหน่อยคงบุกมาถึงมหาลัยเพื่อเค้นหาคำตอบ”

“ถึงมาหาถึงมหาลัยก็คงได้คำตอบว่าคบกันอยู่ดี” พี่กชพูดลอยๆ และสิ่งที่เขาพูดก็ไม่ผิดเลย เพราะหลังจากวันนั้นที่ผมบอกปัทไปว่ากำลังคับกับพี่กช ข่าวลือตัวนี้ก็แพร่กระจายออกเป็นวงกว้าง เพราะงั้นมันก็คงไม่ต่างเท่าไรหรอกมั้งถ้าผมจะพูดลงคลิปเรื่องนี้

ดังนั้นแล้วหลังจากที่กดอัดวิดีโอ ผมจึงหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดก่อนจะลงมือเล่นเกม

“สวัสดีครับทุกคน ก็กลับมาพบกับผม สไลม์สไมลส์อีกเช่นเคยนะครับ และวันนี้เราก็แขกพิเศษเช่นเดิม… พี่กช รูมเมทของผมนั่นเอง”

“สวัสดีครับ” ยกมือไหว้ให้กล้องด้วย น่ารักมากพี่ชาย ประหนึ่งนางสาวไทยกันเลยทีเดียว

“ก็… ก่อนที่จะเริ่มเล่นเกมวันนี้นะครับ ผมก็… มีเรื่องจะประกาศกับทุกคนอย่างเป็นทางการ” พูดแล้วก้หันไปยิ้มให้พี่กช ผมเดาว่ามันอาจเป็นยิ้มชืดๆ สักหน่อย ผมเป็นคนโกหกไม่เก่งน่ะ แล้วก็ไม่ชอบโกหกเป็นทุนเดิมด้วย แต่อีกฝ่ายก็แก้สถานการณ์ให้อย่างรวดเร็วด้วยการ เอ่อ ทำตัวกวนตีนใส่ผม

“อ้าว มองหน้าพี่ทำไมอ่ะน้องรัก บอกผู้ชมไปสิ หน้าพี่ไว้หลังจากนี้ค่อยมองก็ได้ ความหล่อไม่กระเด็นไปไหนหรอก”

“โห พี่กช” ขึ้นเสียงสูงได้โดยไม่ต้องแสดงเลยครับ ความหมั่นไส้นี่ก็ของจริง “ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยนะพี่ ก็… อะแฮ่ม อย่างที่ทุกคนสอบถามกันเข้ามามากมายนะครับ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราสองคน ใช่ไหมพี่”

“ช่าย”

“ก็…” ผมยกสองมือขึ้นมาประกบกัน “วันนี้ผมจะมาแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ เพราะมีทั้งคนที่ inbox ถามเข้ามาที่หน้าเพจ ถามทั้งในคอมเม้นท์ มากมายเหลือเกิน ก็ขอบอกไว้ ณ ตรงนี้เลยนะครับว่า…” ผมเว้นช่วงนิดหนึ่งเพื่อกลั้นใจ “ผมกับพี่กชเราคบกันอยู่”

“อ่าฮะ”

ผมหันไปมองหน้าเขาทันที “อ่าฮะอะไรของพี่”

“อ้าว ก็ อ่าฮะ ใช่ไง” เขาตอบกลับมายิ้มๆ “เราสองคนคบกันอยู่ ก็ตามนั้นไงครับ”

“หันหน้าบอกคนดูสิพี่” ผมพยายามกลบเกลื่อนใบหน้าที่ร้อนขึ้นของตัวเองด้วยการทำเสียงกวนๆ ใส่เขากลับ “บอกผมทำไมล่ะ นู่น คนดูเขาอยากเห็นหน้าพี่เต็มๆ นู่น”

“ก็ทำไงได้อ่ะเนอะ คนมันหล่อ”

ความประหม่า กระดากเขินอายอะไรหายไปหมดเลยครับ พี่กชมีความสามารถลบความรู้สึกพวกนั้นออกจากผมได้จริงๆ เหลือแต่ความหมั่นไส้ล้วนๆ

“อืม” ผมแกล้งตีหน้าเซ็ง พยักหน้าแกนๆ “เอาเลยพี่ อยากจะพูดอะไรก็เชิญ”

“อ้าว มิวไม่ดีใจเหรอ ได้เป็นแฟนกับคนหล่อแบบนี้” ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวเลื่อนมือมายีหัวผมแรงๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้หน้าตาเฉย

นะ… น่ารัก

อยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าไอ้พี่กชนี่น่ารักขึ้นมาซะงั้น?

เฮ้ย!? เดี๋ยว ใจเย้น นั่นรูมเมทมึงนะ!

“อ้าว ตายๆ หน้าแดงซะแล้ว สไลม์ยิ้มของเรา” พูดเสียงกลั้วหัวเราะไม่พอ ยังจะเลื่อนมือมาหยิกแก้มผมอีก โว้ย หน้าคนนะ ไม่ใช่ตุ๊กตายางยืด

“นี่ พี่กช พอเลยๆ ” ผมปัดมือเขาออก “จะได้เล่นไหมเนี่ย เกมเนี่ย คนดูเขารอดูอยู่นะครับ เอ้า เร็ว พร้อมยัง ผมจะกดเข้าเกมแล้ว”

“แล้วเราไม่ต้องหอมแก้มกันให้ผู้ชมดูก่อนเหรอ”

ผมหันขวับไปมองเขา เบิกตากว้างทันที “พี่กชว่าไงนะ”

“อ้าว” รอยยิ้มบนริมฝีปากเขาเปิดกว้างมากขึ้น “ไม่ใช่ว่าเราเตี๊ยมกันไว้แบบนั้นเหรอ? ”

เฮ้ย! บ้า ไม่ได้เต๊ยมไว้แบบนั้น! อันที่จริงคือเราไม่ได้เตี๊ยมอะไรกันเลยต่างหาก! พี่พูดบ้าอะไรของพี่เนี่ย!?

“บ้าเหรอพี่ เตี๊ยมอะไร” ผมหันหน้ากลับมาให้กล้อง รู้สึกว่าหน้าตัวเอวร้อนมาก “พอเลยๆ ผมจะเล่นเกมแล้ว พี่จะพูดอะไรไร้สาระก็ไปที่อื่นนู่น เสียเวลา”

“โธ่เอ๊ย แค่นี้ก็ทำเป็นเขิน” พูดพร้อมกับยื่นหน้าลงมากดปากลงบนแก้มผมอย่างรวดเร็วโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว

ส่วนตัวผมน่ะเหรอครับ สะดุ้งเฮือกจนตัวแทบจะลอยไปติดฝาเพดานห้องแล้ว ผมมองหน้าเพื่อนรุ่นพี่ที่ยังส่งยิ้มหวานยียวนมาให้อย่างไม่ทุกข์ร้อนอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เล่นใหญ่ไปแล้ว! เล่นใหญ่ไปแล้วโว้ย!

“พอ! พอเลยพี่ มาเถอะครับ เริ่มเกมกันเลยดีกว่า พี่กชแม่ง เล่นอะไรไม่รู้ ไร้สาระ”

“อ้าว หอมแก้มแฟนนี่ผิดตรงไหน”

ยัง ยังไม่เลิกอีก เดี๋ยวอัดคลิปนี้จบนะ เดี๋ยวปั๊ด--

และเมื่อเราทั้งสองคนเข้าสู่บรรยากาศเล่นเกมแบบจริงจัง ไอ้ฉากหวานแหววสีชมพูเมื่อครู่ก็หายวับไป กลายเป็นผู้ชายสองคนที่เคร่งเครียดอยู่กับเกมผี และมือผมก็ชื้นเหงื่อจนเม้าลื่นไปหมดอีกตามเคย

“เฮ้ย มิว ทางนั้น นั่นๆ ๆ ๆ มันอยู่นั่น”

“แล้วพี่จะชี้ให้ผมวิ่งไปหาผีทำไมเล่า”

“มิว เทียนอยู่นั่นไง”

“วิ่งดิมิว! วิ่ง! ผีจะแดกหัว--- อ๊ากกกก/ว้ากกกกกก”

เสียงผมกับพี่มิวประสานกันอย่างไพเราะ ดีนะที่กำแพงกั้นห้องค่อนข้างหนา ไม่งั้นข้างคงมาเคาะประตูด่าทุกวันที่ผมทำคลิป

อัดไปได้ประมาณสี่สิบนาทีผมก็พูดปิดคลิปเหมือนเดิม ขอบคุณที่พี่กชยังหอบหายใจแฮ่กๆ จากที่โดนผีตุ้งแช่ใส่อยู่เลยไม่มีเวลามาหยอกผมต่อหน้าคนดูแบบตอนเปิดคลิป

“ให้ตายเถอะ” พี่กชว่าเสียงอ่อย “ไอ้เกมห่านี่มันจะยากเกินไปรึเปล่า แล้วผีมันแต่ละตัวนี่ก็… อื้อหือ”

“เออ มันยากขึ้นกว่าคราวก่อนหลายเท่าเลย” ผมเห็นด้วย “เทียนก็แทบจะไม่มีให้เห็น ให้ตายสิ โอ๊ย มือยังสั่นอยู่เลยอ่ะพี่ ตอนที่อยู่ตรงสุสานเมื่อกี้ผมตกใจจริงๆ นะ แบบ… นึกว่าหัวใจจะวายแล้ว”

“เหมือนกัน” อย่าได้คิดครับเฮียแกจะปลอบ ดีไม่ดีแกกลัวกว่าผมอีก “ทำไมเราต้องมาทรมานทรกรรมเล่นอะไรแบบนี้ด้วยวะ มิว เราเล่นเกมที่มันไม่น่ากลัวไม่ได้เหรอ”

“แต่เกมนี้มันเริ่มไปแล้วนี่ครับ ยังไงก็ต้องเล่นให้จบ” ผมว่า “แต่เดี๋ยวเราหาเกมอื่นมาสลับๆ กันบ้างก็ได้ ว่าแต่ พี่กช ไหนมาอธิบายซิ ไอ้ตอนเปิดคลิปนั่นมันอะไรกัน”

จำเลยของผมส่งยิ้มแหยๆ กลับมาให้ก่อนจะพูดแก้ตัว

“ก็ทำให้มันสมจริงไง มิว พี่ว่าตอนที่ทำนี่เป็นธรรมชาติมากๆ เลยนะ ไม่เชื่อลองเปิดย้อนดู”

“พี่จะเล่นใหญ่อะไรขนาดนั้นครับ” ผมถามพร้อมกับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ คิดถึงเรื่องนี้ก็หน้าร้อนขึ้นมาอีกจนได้ “แค่ที่ผมพูดอย่างเดียวก็มีน้ำหนักมากพอแล้ว หรือที่พี่พูดตอบกลับมานั่นไง ต้องมาหอมก้งหอมแก้ม อูย ให้ตาย ขนลุก”

“ขนลุกจริงอ้ะ? ” พี่กชแกล้งถามอย่างยียวน น่ะ ยังไม่เลิกเล่นอีก

“ขนลุกดิพี่ ผมเป็นผู้ชายปกตินะ”

“แหม ก็เห็นหน้าแดง นึกว่าฟิน”

“พี่กช! ”

“เออๆ อย่าโวยวายนักเลยน่า” พูดพร้อมกับยีหัวผมอีกแล้ว ให้ตายเถอะ ผมยุ่งเพราะเขามากี่รอบแล้วเนี่ย! “เห็นว่าเนื้อย่างเมื่ออาทิตย์ก่อนอร่อยดีหรอก ก็ต้องเอาให้คุ้มค่าตัวหน่อยถูกไหม นี่พี่ทำเพื่อมิวเลยนะ”

เออ พูดถึงเรื่องนี้…

“แล้วอาทิตย์นี้พี่อยากกินอะไร”

“อืม” พี่กชคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้น… อยากกินอาหารญี่ปุ่นมื้อหนึ่ง แล้วก็…”

“แล้วก็? ” อาหารญี่ปุ่นเหรอ อืม ถ้าไม่ใช่ร้านแพงๆ ก็พอไหว เขาไม่ได้บอกนี่ว่าร้านอะไร เอาแค่ถูกๆ ก็พอมั้ง

“แล้วก็อาหารฝีมือมิว”

“ฮะ? ” เมื่อกี้พี่กชพูดว่าอะไรนะ “อาหาร… ฝีมือผม? ”

“ใช่” เขาย้ำพร้อมกับยิ้มกว้าง มันอาจจะดูเป็นรอยยิ้มสดใสนะ แต่ผมว่ามันเหมือนแกล้งกันมากกว่า “พี่เลี้ยงง่ายนะ มิว กินอะไรก็ได้ มิวอยากทำอะไรให้พี่กินล่ะ? ข้าวผัดเป็นไง? ”

ไอ้รุ่นพี่บ้า

ถ้าจะตั้งเงื่อนไขกันแบบนี้ สู้ให้ผมพาไปเลี้ยงร้านแพงๆ ยังจะดีเสียกว่า





------------------------------------------------
Talk: งุ้ยยย ไปๆ มาๆ คู่นี้เขียนเพลินมาก รู้สึกเคมีสองคนนี้เข้ากันแปลกๆ XD
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2017 19:19:07 โดย Airiณ »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รู้สึกเหมือนกันค่ะ ว่าเคมีเข้ากันมาก

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
น่ารักดีอ่ะ มิวมีแอบเขินพี่กชด้วย จะหวั่นไหวกับพี่รึป่าวเนี่ย ส่วนพี่กชคิดอะไรกับน้องด้วยรึป่าว ทำไมยอมเป็นแฟนกับน้องง่ายจัง

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 4




“ก็พี่จำได้ว่ามิวเคยเล่าให้ฟังว่าที่บ้านทำร้านอาหาร แปลกเหรอถ้าพี่อยากจะกินอาหารฝีมือมิว”

“ถ้าพี่อยากจะกินข้าวร้านผมก็มากินที่ร้านผม ไม่ต้องมาตั้งเงื่อนไขว่าต้องเป็นฝีมือผม” ผมเถียงชายหนุ่มรุ่นพี่ที่ยังมีรอยยิ้มยียวนประดับอยู่บนใบหน้าเฉกเช่นเคย

วันนี้ผมพาเขามาที่ร้านอาหารตามสั่งของบ้านผมตามที่สัญญากับเจ้าตัวไว้ ที่นี่เป็นตึกแถวที่พ่อผมซื้อตั้งแต่โครงการก่อสร้างใหม่ๆ ส่วนบ้านหลังที่ผมอยู่ปัจจุบันก็อยู่ในหมู่บ้านลึกเข้าไปใกล้ๆ นี่แหละ

ที่นี่ทำเลดีมาก นอกจากจะมีตึกแถวแล้วยังมีหอพักต่างๆ เปิดเช่า บ้านผมจึงได้ลูกค้ากลุ่มนี้มาไม่ยากเพราะราคาไม่แพงและอาหารสะอาดรสชาติอร่อยเหาะ

ที่ผมพูดแบบนี้ได้เพราะแม่ครัวหลักคือแม่และป้าผมนี่แหละ แล้วก็ไม่ต้องมองผมแบบนั้นเลย ผมไม่ชอบการทำอาหารจริงๆ แม้ว่าที่บ้านจะเปิดร้านขายอาหารตามสั่งก็ตาม ไม่ใช่ว่าผมทำกับข้าวไม่เป็นนะ แต่ไม่ชอบทำ

“อ้าว มิว มาแล้วเหรอลูก” คุณนายธีรตา แม่ผมเยื้องย่างออกมาจากหลังครัวแล้วหลังจากที่ผมฝากพี่เบล หัวหน้าสาวเสิร์ฟประจำครัวเราให้ไปตามหม่อมแม่มา โชคดีที่ตอนนี้ลูกค้ายังไม่แน่นร้านนัก แม่ผมเลยปลีกตัวออกมาได้

“สวัสดีครับแม่” ผมยกมือไหว้ พี่กชทำตาม แม่กับพี่กชเคยเจอกันมาก่อนตอนผมย้ายเข้าไปอยู่หอแล้ว เพราะงั้นจึงไม่ต้องเสียเวลาทำความรู้จักกันมาก

“ไงจ๊ะ เห็นวันนี้มิวบอกว่าพี่กชอยากกินอาหารร้านป้าเหรอ” แม่ผมพูดยิ้มๆ พี่กชหัวเราะเบาๆ ก่อนจะขยายความ

“ครับ ผมบอกว่าผมอยากกินกับข้าวที่มิวทำ”

“ตายแล้ว! จะดีเหรอลูก” คุณแม่อุทานเสียงหลง แทบจะยกมือขึ้นมากุมอกอยู่ร่ำร่ำ “ฝีมือมิวเนี่ยนะ จะกินได้รึเปล่าก็ไม่รู้”

“เกินไปแม่” ผมแยกเขี้ยวใส่แม่ตัวเอง “มิวไม่ได้ทำอาหารแย่ขนาดนั้นสักหน่อย มาครับ พี่กช เลือกที่นั่งเลย เดี๋ยวผมไปทำข้าวผัดมาให้”

“ข้าวผัดอย่างเดียวจะพอเหรอลูก” เสียงคุณนายธีรตาผู้เห็นทุกคนที่อายุน้อยกว่าตัวเองเป็นลูกหันไปถามพี่กชไล่หลังผมมา “ให้มิวทำอย่างอื่นมาด้วยไหม ผัดผักอะไรงี้”

“ผมไม่ทำนะแม่! ” ผมรีบดักคอ ก็ตกลงกันไว้แค่ข้าวผัด จะมาผัดผักอะไรอีกล่ะ

“เดี๋ยวเถอะ! พี่เขาอุตส่าห์มาถึงบ้าน พูดจาแบบนี้ได้ยังไง! ” แม่ผมตะโกนกลับมาเสียงดุ ส่วนไอ้รุ่นพี่ตัวแสบหัวเราะร่า

“แค่ข้าวผัดของมิวอย่างเดียวก็พอครับ”

ใช่ ต้องให้ได้แบบนั้น ไอ้พี่ที่รัก ผมไม่ใช่คนชอบทำอาหาร และพี่กชก็รู้เพราะผมเคยเล่าให้ฟังแล้ว ผมว่าเพราะเฮียแกรู้นี่แหละถึงได้จงใจระบุว่าอยากกินกับข้าวฝีมือผม ไอ้เรื่องแกล้งกันนี่ชอบนัก

“ไง มิว” ป้าแท้ๆ ของผมเอ่ยทักก่อนจะทำตาเหลือเมื่อเห็นผมหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ “ตายล่ะ นี่มิวจะเข้าครัวเองเลยเหรอเนี่ย ตายแล้ว พรุ่งนี้หิมะต้องตกในเมืองไทยแน่”

“ก็มากไปป้านิด” ผมเบ้ปาก “วัตถุดิบอะไรงี้ยังอยู่ที่เดิมใช่ไหมครับ งั้นผมขอลงมือเลยนะ”

และสาเหตุหลักๆ ที่ผมไม่ชอบทำอาหารเลยก็คือ…

“มิว ลูกใส่น้ำมันเยอะไปหรือเปล่า แล้วกระทะใครเขาให้ถือแบบนั้น จับให้มันทะมัดทะแมงหน่อย” แม่ผม

“ตายแล้ว มิว ใครให้หนูหั่นกุ้งแบบนั้น แล้วแครอทนั่นไม่ใหญ่ไปหน่อยเหรอ เดี๋ยวคนกินเขาก็ติดคอหรอก” นี่ป้า

“ไข่เลอะหมดแล้วลูก มิว ตั้งใจทำหรือเปล่าเนี่ย”

“ระวังอย่าให้ข้าวแฉะนะลูก เดี๋ยวไม่อร่อย”

และอีกสารพัด

นี่แหละครับ สาเหตุที่ผมชอบเข้าครัว คือไม่ใช่ว่าผมทำกับข้าวไม่เป็นนะ ถ้าจำเป็นก็ทำได้ แต่ถ้าเลือกจะขอเลี่ยงดีกว่า ต่อให้ทำคนเดียวไม่คนคุม แต่ผมจะรู้สึกเหมือนมีเสียงของแม่กับของป้ามากรอกหูอยู่แบบนี้ตลอด และมันทำให้ผมไม่มีความสุขกับการทำกับข้าวเลย

ในที่สุดป้าและแม่ของผมก็ผละออกไปเพราะเริ่มมีออเดอร์เข้ามา ทำไมลูกค้าถึงไม่มาให้เร็วกว่านี้นะ นี่ผมทำจนจะเสร็จอยู่แล้ว

ผมวางจานข้าวผัดกุ้งสองจานลงบนโต๊ะที่พี่กชนั่งอยู่ เจ้าตัวละหน้าขึ้นมาจากมือถือพร้อมกับส่งยิ้มมาให้

“กลิ่นหอมจัง มิว น่าทานสุดๆ ”

“แน่นอนสิพี่” ถึงจะรู้ว่าตัวเองไม่ได้ทำกับข้าวเก่ง แต่คนตั้งใจทำมาแล้วมันก็ต้องออกมาดีสิ “ผมรักษาคำพูดอยู่แล้ว แต่พี่นี่ก็บ้านะ เลือกร้านแพงๆ ก็ได้แท้ๆ แต่ดันมาหวังพึ่งฝีมือการทำอาหารของผม เสียใจทีหลังไม่รู้ด้วยล่ะ”

“เสียใจทำไม” พูดพร้อมกับตักข้าวเข้าปากเคี้ยว “ข้าวผัดนายก็อร่อยดีออกนี่”

ผมลองตักเข้าปากเพื่อชิมรสมือตัวเองบ้าง อืม ก็พอใช้ได้ แน่ล่ะว่ามาตรฐานแค่นี้แม่ผมคงไม่ให้ผ่าน แต่สำหรับผมเท่านี้ก็ดีมากพอแล้ว

แล้วแม่ก็วางจานผัดผักกับกุ้งชุบแป้งทอดลงตรงหน้า ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่ส่งยิ้มบางมาให้

“เอ้า ทานกับข้าวผัดนะลูก กินแต่ข้าวผัดอย่างเดียวเดี๋ยวไม่อิ่ม”

“ขอบคุณครับแม่” ผมยิ้มตอบ กุ้งชุบแป้งทอดนี่อาหารจานโปรดผมเอง แม่เลื่อนมือมาลูบหัวผมทีหนึ่งก่อนจะผละไปรับออเดอร์จากลูกค้า ผมตักกุ้งชิ้นหนึ่งมาไว้ในจานตัวเองพร้อมกับโรยน้ำบ๊วย อารมณ์ดีขึ้นมาทันทีกับกุ้งฝีมือแม่

“โห ยิ้มหน้าบานเชียวนะ” พี่กชยิ้มพร้อมกับพูดแซว ผมยิ้มตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน แถมยังใจดีตักกุ้งให้คุณพี่อีกด้วย

“แน่นอนสิพี่ ผมชอบกุ้งชุบแป้งทอด”

“ทานผักนี่ด้วยสิ คุณแม่อุตส่าห์เอามาให้” เขาตักผัดผักคืนให้ผม แน่นอนว่าผมกินทุกอย่างที่อยู่ในจานตัวเองหมดเรียบ มีครอบครัวทำร้านอาหารงี้ ขอบอกว่ารู้คุณค่าข้าวทุกเม็ด

ผมกับพี่กชนั่งย่อยอยู่อีกครู่หนึ่ง ผมเล่าให้อีกฝ่ายฟังว่าห่างจากร้านผมไปอีกไม่กี่ซอยคือซาฟารีเวิลด์ ถ้าพี่กชสนใจอยากไปเจอเพื่อนในนั้นก็ขับรถไปได้ รุ่นพี่ตัวโย่งเอื้อมมือมายีหัวผมแรงๆ อย่างคาดโทษที่ไปเหมารวมเขากับสัตว์ในสวนสัตว์ ทำไมล่ะ ก็หน้าออกจะคล้ายๆ กัน น่าจะคุยกันรู้เรื่อง

“แม่” เสียงเรียกของน้องสาวผมดังขึ้นเรียกความสนใจจากผมและพี่กชทันที “มอสขอเงินค่า---” เสียงของเด็กสาวเงียบไปเมื่อหันมาเห็นผมกับรูมเมท เจ้าตัวอ้าปากกว้างขึ้น แต่ยังไม่ทันพูดอะไรก็พุ่งเข้ามาหาผมทันที

“ใจเย็น มอส” ผมรีบปรามน้องสาวที่ศึกษาอยู่ในระดับชั้นม.4 มอสรวบผมหางม้าขึ้นไปด้านบน มันแกว่งไปมาอย่างน่ากลัวตอนที่กระแทกเท้าปรี่เข้ามา “ห้าวนะเนี่ยเรา เจอพี่ไม่ยกมือไหว้เลยเหรอ หือ”

“นี่มันแฟนพี่---”

“ชู่ว” ผมรีบยกนิ้วชี้แตะปาก หันมองว่าแม่หรือป้านิดอยู่แถวนี้ไหม ส่วนพี่กชงอตัวลงไปกลั้นหัวเราะเรียบร้อยแล้ว จะมาเส้นตื้นอะไรตอนนี้ “อย่าเพิ่งพูดอะไรเรื่องนี้ได้ไหม อยากให้แม่หัวใจวายตายเหรอ”

“พี่มิวรู้ไหมว่าเพื่อนมอสพูดถึงเรื่องพี่มิวกับผัวพี่ด้วยนะ”

คำพูดนั้นทำเอาผมสะดุ้ง ส่วนพี่กชหลุดหัวเราะออกมานิดหนึ่งอย่างกลั้นไม่อยู่ โอ๊ย ให้ตาย… แค่เพราะคำพูดพล่อยๆ คำเดียวที่หลุดไปในคลิปนี่ทำเอาผมได้ผัวกันเลยทีเดียว

“ใจเย็น มอส” ผมรีบดึงตัวน้องสาวที่ค่อนข้างห้าวของตัวเองลงมากระซิบ “พี่กับพี่กชไม่ได้เป็นอะไรกัน”

“อ้าว” เจ้าหล่อนทำหน้างง “แล้วที่เขาบอกว่าพี่สองคนคบกันนั่นล่ะ? ”

“ก็ เอ่อ พวกพี่แกล้งคบกันอยู่น่ะ”

มอสขมวดคิ้วมุ่น “แล้วทำไมต้องแกล้งคบด้วย”

“ก็มีอะไรหลายอย่าง” ขี้เกียจอธิบายว่ะ “แต่ฟังนะ ห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร เข้าใจไหม”

“เรื่องไหน เรื่องที่พี่แกล้งคบหรือเรื่องที่ทุกคนลือกันว่าพวกพี่คบกัน”

เออ นั่นสิ เรื่องไหนล่ะคราวนี้ จะพูดยังไงดี

“เอางี้ เอาเป็นว่าพี่กับพี่กชกำลังคบกันอยู่ แต่ห้ามบอกพ่อกับแม่เรื่องนี้ เข้าใจไหม”

“แล้วเรื่องแกล้งคบล่ะ? ตกลงว่านี่คบกันจริงๆ หรือว่าแกล้งคบกันแน่”

โอย ปวดหัว

“แกล้งคบเฉยๆ เฟ้ย! ” ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้มอส “พี่แกเป็นผู้ชายแท้นะ ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”

“ไม่เห็นจะสน”

เออ ก็เป็นงี้ทุกที

“เอาเป็นว่าเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วยแล้วกัน ถ้าคุยกับเพื่อนก็บอกว่าพี่กับพี่กชคบกัน”

“มอสไม่สนใจเรื่องชาวบ้านหรอก แม่! มอสขอตังค์ค่าเข้าค่ายหน่อย” แล้วเจ้าตัวก็สะบัดแขนหลุดจากการเกาะกุมของผมแล้วจากไป เห็นยัยจอมแก่นนี่แล้วอดไม่อยู่ต้องถอนหายใจออกมาเฮือก พี่กชโน้มหน้าลงมาพูดเสียงเบาอย่างไม่แน่ใจ

“จะดีเหรอมิว เกิดน้องมิวไปบอกเพื่อนที่โรงเรียนแล้วความแตกขึ้นมา---”

“ไม่หรอกครับ” อย่างน้อยผมก็เชื่อใจน้องสาวตัวเอง อีกอย่าง… “มอสไม่ค่อยสนเรื่องของใครหรอก ต่อให้คนอื่นเขาเม้าท์กันเรื่องเรา ยัยนั่นก็ไม่คิดจะร่วมวงด้วยอยู่แล้ว”

“แต่น้องมิวก็ยังอุตส่าห์รู้นะ” พูดยิ้มๆ

“ก็นะ มันคงดูช่องผมอยู่บ้างเหมือนกันมั้ง งั้นถ้าพี่กินเสร็จแล้วผมไปเอาของที่ห้องหน่อย พี่กชจะมาด้วยไหม”

กรกชชะงักไปทันทีด้วยท่าทางไม่แน่ใจ “ห้องของมิว… หมายถึงห้องนอนของมิวในบ้านของมิวอะนะ”

“ก็ใช่ดิพี่” ถามอะไรแปลกๆ “ผมว่าจะไปเอาจอยสักหน่อย จะได้ต่อเล่นกับคอมที่หอได้ง่ายๆ ผมว่าจะซื้อเกมในสตรีมเกมหนึ่งมาเล่นอยู่ มันเล่นพร้อมกันสองคนได้ด้วยนะ พี่จะได้ไม่ต้องนั่งหน้าเมื่อยเวลาผมเล่น แต่เกมนี้ถ้าไม่มีจอยจะเล่นยากมาก อีกอย่างถ้าเล่นสองคนยังไงก็ต้องใช้จอยแหละ ไม่งั้นเล่นไม่ได้ โชคดีที่ผมมีจอยเก็บไว้หลายอันอยู่ เมื่อก่อนใช้เล่นกับมอสแล้วก็ลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ จะได้ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อใหม่”

พี่กชส่งยิ้มกลับมาให้ผม “มิวนี่พอพูดเรื่องช่องของตัวเองหรือเรื่องเกมนี่อารมณ์ดีขึ้นมาเลยนะ ชอบมากจริงๆ เลยสิ? ”

“อ้าว แหงดิพี่” ผมตอบพร้อมกับหัวเราะร่วน “ไม่งั้นผมจะทำช่องเกี่ยวกับการเล่นเกมของตัวเองทำไมล่ะ มาครับ พี่กช ขึ้นมาก่อน ห้องผมอยู่ทางนี้”

ผมพารูมเมทรุ่นพี่เข้ามาในห้องส่วนตัวของตัวเอง มีโปสเตอร์เกมกับอนิเมะการ์ตูนญี่ปุ่นแปะอยู่บนผนังสามสี่แผ่น พี่กชกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะเดินไปสำรวจฟิกเกอร์จากเรื่องดราก้อนบอลที่เรียงรายอยู่บนชั้น

นั่น… เห็นนะว่ามองนมกับขาอ่อนบลูม่าอยู่ ผมรู้ ผมเคยทำมาก่อน

ผมยัดจอยเกมใส่กระเป๋าเป้ที่เตรียมมาอย่างรวดเร็ว พี่กชเดินไปนั่งที่เก้าอี้ กวาดตาดูหนังสือที่เรียงรายบนชั้นวาง

“อ่านการ์ตูนเยอะจัง”

“สนุกนะพี่ เรื่องที่พี่มองอยู่อะ ถ้าอยากยืมก็เอาไปได้นะ”

“เออ มิว”

“หืม? ” ผมถามกลับโดยที่มือยังสาละวนกับกระเป๋าตัวเอง “ว่าไงครับ”

“ผลตอบรับของคลิปที่แล้วเป็นไง”

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนถามทันทีก่อนจะเหยียดยิ้มกว้าง “ก็… ดีครับ ถล่มทลายมากมาย ผมได้ยอดวิวกับยอดซับขึ้นเกือบเท่าตัวได้มั้ง”

“แล้วนอกจากนั้นล่ะ? ”

“นอกจากนั้นอะไร? ”

“ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าตอนนี้คนอื่นมองเราสองคนยังไงล่ะ”

ผมยักไหล่ “ก็ใช่ครับ ทุกคนก็ตื่นเต้นกันดีที่เราทั้งคู่เป็นแฟนกัน”

“แล้วมิวโอเคกับเรื่องนั้นเหรอ”

“อ้าว” อดไม่ได้ ต้องหลุดหัวเราะออกมานิดนึง “ผมเป็นคนขอให้พี่ช่วยเล่นเป็นแฟนเองนะ ถ้าผมไม่โอเคแล้วจะทำยังไงล่ะ”

“แล้วตกลงว่าโอเคหรือไม่โอเค? ”

“ก็ต้องโอเคดิพี่” ผมสบตาเขาตรงๆ “ตอนนี้ช่องผมแม่งโคตรบูม นี่วันก่อนผมเพิ่งได้คุยกับนักแคสที่ดังๆ คนหนึ่งมา ผมว่าคราวหน้าจะลองเล่นเกมกับเขาสักตาอยู่”

“แล้วมิวไม่รู้สึกแย่เหรอที่คนอื่นมองว่ามิวชอบผู้ชาย”

ผมคิดตามคำถามนั้น จะหาว่าผมหมกมุ่นอยู่กับชาแนลของตัวเองมากไปก็ได้นะครับ แต่นอกจากเรื่องที่ว่าคำโกหกนี่ทำให้ช่องของผมมีคนดูเพิ่มขึ้นแล้ว ผมแทบไม่คิดถึงแง่มุมอื่นๆ เลย

ในที่สุดผมก็ส่ายหน้ากับคำถามที่ว่า “ก็ไม่นี่ครับ พี่กช อีกอย่าง เรื่องแบบนี้สมัยนี้ก็ปกติจะตายไปไม่ใช่เหรอ”

ไม่รู้ทำไม แต่ผมรู้สึกเหมือนเพื่อนรุ่นพี่ผมจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกนิดหนึ่ง

“งั้นเหรอ”

“หรือว่าพี่รู้สึกไม่ดี? ”

“เปล่าๆ ” โบกมือกลางอากาศ “ถ้ารู้สึกไม่ดีคงไม่ตอบรับคำขอร้องของมิวหรอก”

ผมแยกเขี้ยวใส่เขา “ไม่ต้องเน้นคำว่า ‘ขอร้อง’ ขนาดนั้นก็ได้ครับ”

“แต่อย่างนี้เราก็ไม่ควรบอกใครพร่ำเพรื่อปะว่าไม่ได้คบกันจริงๆ ” เขาพูดพร้อมกับหยิบโตเกียวกูลเล่มหนึ่งขึ้นมานอนอ่าน ผมเช็กว่าไม่ลืมอะไรที่ควรเอาไปจากห้องอีกครั้ง

“ก็คงงั้นแหละครับ แต่ผมบอกไอ้เก่งนะ แล้วก็บอกไอ้มอสไปเมื่อกี้”

“งั้นพี่บอกเพื่อนตัวเองก็ได้ใช่ไหม”

“ครับ แต่ยังไงก็ขออย่าให้เพื่อนพี่เอาไปแฉก็แล้วกัน เดี๋ยวจะมีเรื่องดราม่า” เอาจริงๆ ก็กลัวอยู่เหมือนกันครับว่าถ้าความแตกแล้วจะมีโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นกับตัวผมและช่องของผม แต่ตอนนี้ยังไม่อยากไปกังวลถึงตรงนั้น ขอกอบโกยช่วงขาขึ้นนี้ไปก่อน

“เออ ไม่ต้องห่วงหรอก แต่พอเราจะเลิกเล่นเป็นแฟนนี่กันจริงๆ ขึ้นมาจะทำไงอ้ะ? มิวจะบอกคนดูว่าไง”

“ก็… คงบอกว่าเลิกกันแล้ว อะไรงี้มั้งครับ”

“ต้องพูดด้วยสินะว่าเข้ากันไม่ได้” พี่กชยิ้มยียวน ผมหัวเราะรับขณะรูดซิปกระเป๋าปิด

“ใช่สิพี่ นั่นมันแพทเทิร์นคลาสสิคอยู่แล้ว แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ผมว่าทุกคนคงเบื่อๆ กับคู่ของเราแล้ว” อย่างน้อยผมก็หวังว่าแบบนั้นนะ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น คนที่โผล่หน้าเข้ามาคือพ่อของผมเอง

“ไง มิว มอสบอกว่ามิวอยู่บนห้อง”

“สวัสดีครับ” พี่กชยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างรู้มารยาท พ่อผมรับไหว้อย่างรวดเร็วก่อนจะเลิกคิ้วข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม ลืมไป พ่อยังไม่เคยเจอพี่กชนี่หว่า ตอนที่ผมย้ายเข้าหอมีแต่แม่ที่ได้เจอ

“นี่พี่กชครับพ่อ รูมเมทผมไง”

“อ้อ” พยักหน้าหงึกหงัก จากนั้นก็ยื่นอะไรบางอย่างมาให้ “นี่น่ะ มิว พ่อได้มา ให้มอสไปแล้วสองใบเลยเอามาให้มิวอีกสองใบ เผื่ออยากไปกับเพื่อน”

“อะไรเหรอพ่อ” ผมรับตั๋วอะไรสักอย่างมา ก้มลงดูก่อนจะร้องอ้อ “ตั๋วไปซาฟารีน่ะเอง”

“ชวนพี่กชไปเที่ยวสิ” พูดพลางพยักพเยิดไปทางเพื่อนรุ่นพี่ของผม “อยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เอง แต่วันนี้อาจจะช้าไปหน่อย จะเที่ยวไม่คุ้ม”

“ขอบคุณครับพ่อ” ผมว่า มีบ่อยครั้งเหมือนกันที่พ่อจะได้ตั๋วเข้าสวนสัตว์แห่งนี้มา ผมกับมอสนี่ย่ำปรุหมดแล้ว “แต่วันนี้คงไม่ได้แล้ว ช้าไปอย่างที่พ่อว่าแหละ นี่เดี๋ยวผมกับพี่กชก็กำลังจะกลับหอแล้วด้วย”

“อ้อ เดินทางดีๆ แล้วกัน” พูดเพียงเท่านั้นแล้วก็หายหน้าไป ผมหันกลับมามองรุ่นพี่ที่มองบัตรเข้าสวนสัตว์ในมืออย่างสนใจ ผมเลยยื่นให้เขาดู

“อ้ะ พี่ ผมให้ พี่จะเอาสองใบเลยก็ได้นะ ซาฟารีผมไปบ่อยแล้ว เผื่อพี่อยากพาสาวไปเดท”

“เดท? ” เขาทวนคำงงๆ ขณะพลิกดูด้านหลัง “นี่ยังเหลืออีกตั้งสามเดือนกว่าจะหมดอายุนี่”

“ใช่ พี่ ไม่ต้องรีบก็ได้ ไว้หาสาวได้ก่อนค่อยไป นี่นะ ขอบอกเลยว่าถ้าพี่ไปซื้อหน้าประตูนี่ ค่าเข้าคนหนึ่งเกือบหกร้อยเลยนา เอ ใช่เปล่าหว่า ประมาณนั้นมั้ง ผมก็ลืมๆ แล้ว ว่าแต่พี่เคยไปหรือเปล่า ซาฟารีเวิลด์เนี่ย”

“ไม่อ้ะ ไม่เคย”

“โห จริงดิ” สำหรับผมที่ไปบ่อยพอๆ กับห้างแถวบ้านถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใจทีเดียว “งั้นก็โอกาสดีเลย พี่จะได้ไปเยี่ยมเพื่อนๆ พี่ในนั้นไง โธ่ แล้วก็ไม่บอก ป่านนี้พี่คงเหงาแย่แล้ว ไม่ได้เจอฝูงตั้งนาน เมื่อกี้ถ้า--- เอ๊ย! พี่ ทำอะไรเนี่ย!? ”

“เงียบปากเลย ไอ้ตัวแสบ”

ผมร้องเหวอเพราะอีกฝ่ายโจนตัวเข้ามาทุ่มผมลงบนเตียง ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวอะไรไอ้คุณพี่กชก็จี้นิ้วลงมาบนเอวของผมอย่างบ้าคลั่ง

...จะเหลืออะไรล่ะครับ ดิ้นสิ!

“โอ๊ย! ฮ่าๆ ๆ ๆ พี่กช ไม่เอา ผมล้อเล่น พะ… พี่ก๊ช! ฮ่าๆ ๆ พอแล้ว พอแล้ว---”

“จะพูดล้อเลียนรุ่นพี่อีกไหม หา แล้วว่าใครเป็นเพื่อนกับสิ่งมีชีวิตในสวนสัตว์ หือ? ”

ผมพยายามจับมือเขาให้หยุดจี้เอวผมสักที แต่พี่กชแข็งแรงเป็นบ้า ผมรวบมือเขาไว้ไม่อยู่เลย โอ๊ย ตาย หายใจไม่ทัน… หายใจไม่ทันแล้ว

“พะ… พี่กช ผมขอโทษ ผมไม่ล้อแล้ว---”

ผมหอบหายใจระรัวทั้งที่ริมฝีปากยังเปื้อนยิ้ม แต่เมื่อผมได้สบตากับคนด้านบน อยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าเสียงทั้งหมดถูกกลืนหายไปในลำคอ

พี่กชมีดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ไม่ได้ดำสนิทเหมือนกับของผม สายตาของเขามักจะแฝงแววขี้เล่น ยียวนกวนประสาท หรือไม่งั้นก็ฉายแววเบื่อหน่ายไปเลยตามประสาคนขี้เบื่อ

แต่ตอนนี้เขามีแววตาที่แปลกออกไป มันเป็นสายตาที่ผมไม่แน่ใจว่ามันหมายความว่าอะไร

แต่… มันทำให้ผมใจเต้นแรงขึ้น

คือแค่จากที่หอบหายใจหนักหน่วงนี่ก็ทำให้หัวใจผมเต้นรัวอยู่แล้ว นี่มันยังจะเต้นแรงขึ้นได้อีกเหรอ?

“พี่กช? ” ผมเรียกเขาอย่างไม่แน่ใจขณะที่ร่างสูงผละออกจากผม เขาเลื่อนมือขึ้นถูกับแก้มแดงๆ ของตัวเองราวกับต้องการกลบเกลื่อนบางอย่าง

ให้ตาย… ทำไมเขาดูน่ารักแบบแปลกๆ จัง แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยที่ผมเห็นว่าเขาน่ารัก

“โทษที แกล้งแรงไปเหรอ” เขาถามโดยที่ไม่มองหน้าผม

“ก็… เปล่าครับ ผมไม่เป็นไร”

“อื้อ” ยัง ยังไม่มองผมอีก “งั้น… เรากลับกันเลยไหม หยิบของครบแล้วรึเปล่า”

แล้วพี่แกจะหน้าแดงทำพระแสงอะไรครับเนี่ย!?



------------------------------------
Talk: อ้าวๆๆ ใครจะคิดไม่ซื่อก่อนกันเนี่ย ถถถถถถถ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่กชคิดไม่ซื่อก่อนแน่ๆ

ออฟไลน์ karamailpraleen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
พี่กชสายเนียน55555555

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 5




Comment#17: เราว่าช่วงนี้พี่มิวเล่นเกมดูสนุกขึ้นไหมอ่ะ พอพี่กชมาเล่นด้วยแล้วดูพี่มิวเล่นสนุกขึ้นเยอะเลย

Comment#29: ชอบดูสองคนนี้เล่นเกมคู่กันจัง จะรอนะคับ

Comment#78: พอประกาศว่าเป็นแฟนกันแล้วรู้สึกจะฟินมากขึ้น

Comment#111: อยากเห็นพี่กชหอมแก้มพี่มิวอีก

Comment#112: เห็นด้วยกับเม้นท์บน





เฮ้ย เดี๋ยวๆ ๆ ไอ้คอมเม้นท์สองอันนี้นี่ยังไง ไม่สิ พอดูดีๆ แล้วไม่ใช่แค่สองเม้นท์นี้นี่หว่า พอมีคนหนึ่งจุดประเด็นขึ้นมาทีนี่ คนอื่นๆ ก็ตามมาเป็นพรวนราวกับนัดกันมา





Comment#712: คราวหน้าจูบปากเลย หอมแก้มไม่พอแล้ว





เอ้า! นี่หนักกว่าชาวบ้านเขาเลย มายุให้จงให้จูบ โว๊ะ! มีอะไรดีเหรอกับการที่ผู้ชายสองคนจูบปากกันน่ะ

ผมเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์อย่างต่อเนื่องเพื่ออ่านคอมเม้นท์ใต้คลิปตัวเอง ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นเรื่องผมกับพี่กชนี่แหละ

มีแต่พวกคอมเม้นท์จากแฟนคลับคนก่อนๆ นี่แหละที่ยังพอเกี่ยวกับเรื่องเกมอยู่บ้าง นั่น! มีคนชมว่าผมเล่นเกมเก่งด้วย! โฮ อยากจะร้องไห้ เขาไม่รู้หรอกว่าผมพยายามแค่ไหนกว่าจะผ่านด่านนั้นได้ โฮ

เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น ผมหันไปมองตามร่างของรุ่นพี่ที่เปลือยท่อนบนอย่างไม่สะทกสะท้านเฉกเช่นเคย และปกติผมก็ไม่ได้คิดอะไรด้วย

แต่… แต่ทำไมครั้งนี้รู้สึกใจเต้นแปลกๆ เดี๋ยวนะ! นี่มันไม่ใช่ล่ะ

“ไง มิว เตรียมเสร็จยัง” พี่กชถามขณะที่ยกผ้าขึ้นเช็ดผมที่เปียกปอนของตัวเอง “เดี๋ยวพี่เป่าผมแต่งตัวเสร็จแล้วเริ่มอัดเลยก็ได้นะ เพราะเดี๋ยวต้องตัดต่ออีกไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวคนดูจะรอนาน”

“ครับ” ผมตอบกลับขณะหันหน้ากลับไปง่วนกับหน้าจอของตัวเอง “ผมต่อจอยเตรียมไว้แล้ว เดี๋ยวลองเล่นดูสักหน่อย ถ้าโอเคก็เดี๋ยวเริ่มอัดได้เลย”

“โอเค”

ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินตัวปลิวไปที่ตู้เสื้อผ้าโดยที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว นี่ผมก็อยู่กับเขามาตั้งหลายเดือนแล้วนะ แต่ไม่รู้ทำไม ครั้งนี้มันรู้สึกเหมือนเขาไม่ควรทำตัวรุ่มร่ามแบบนั้น แล้วเหตุผลครั้งนี้ก็ไม่ใช่เพราะเขาเดินเข้ามาในกล้องด้วย

เอาล่ะ ก่อนอื่นเลย ตั้งสตินะมิว ถึงตอนนี้พวกเราจะเล่นเป็นแฟนกันอยู่แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ อีกอย่าง เขาเป็นผู้ชายเหมือนกัน จะมาตื่นเต้นไร้เหตุผลแบบนี้ไม่ได้

“มิว” เสียงเรียกของคนด้านหลังทำเอาผมสะดุ้งแรงๆ “เฮ้ย ตกใจอะไรขนาดนั้น ขวัญอ่อนไปเปล่าเนี่ยเรา เอ้า มาแล้ว จะเริ่มอัดเลยปะเนี่ย”

“อ่า โอเคครับ งั้นเดี๋ยวผมกดอัดเลย พี่เคยใช้จอยเล่นเกมใช่ไหม”

“เคย” เขาว่า ดึงเก้าอี้เข้ามาชิด

และเพราะเจ้าตัวใส่เสื้อกล้ามและผมใส่เสื้อแขนสั้น ผิวเนื้อบริเวณช่วงแขนจึงโดนกันเพราะเขาเบียดเข้ามา ผมไม่ได้ขยับตัวหนีนะ แต่แข็งทื่อไปเลยเหมือนโดนไฟฟ้าช็อต นั่นทำเอาพี่กชที่เตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วถามงงๆ

“มิว เป็นไร พี่พร้อมแล้ว มิว” ไม่พูดเปล่า ยังจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วหายใจรดอีก “ฮัลโหลๆ ยังอยู่รึเปล่าเนี่ย”

“อยู่! ” เท่านั้นแหละผมรีบผลักเขาออกแทบไม่ทัน “มา พี่ เริ่มกันเลยดีกว่า เสียรอเวลารอพี่อาบน้ำมานานมากล่ะ ไล่ให้ไปอาบตั้งแต่ชั่วโมงก่อนก็ไม่ยอมไป”

“ก็ขี้เกียจอ้ะ” ยัง ยังไม่สำนึกอีก

ว่าแล้วผมก็กดอัดวิดีโอ พูดเปิดคลิปพร้อมกับรอยยิ้มสดใสพร้อมกับทักทายผู้ชม หลังๆ มานี้ผมแคสเกมคู่กับพี่กชบ่อยจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว และเหมือนผู้ชมก็ชอบใจกับเรื่องนี้เสียด้วย

“เอาล่ะนะครับทุกคน พร้อมลุยไปกับพวกเราหรือยังครับ? ” ผมถามด้วยท่าทางอารมณ์เบิกบานเต็มที่ (กลบเกลื่อนไอ้อาการแปลกๆ ของตัวเองนี่แหละ) นิ้วเตรียมกดปุ่มบังคับจอยอย่างกระตือรือร้น

“พร้อมแล้ว” เสียงที่ตอบมาอย่างกวนตีนไม่ใช่ใครอื่น รุ่นพี่รูมเมทของผมเอง ผมเลยรับมุกด้วยการค้อนเขาทีหนึ่ง

“พี่ก็ต้องพร้อมสิ นี่จะเริ่มอยู่แล้วเนี่ย ถ้าไม่พร้อมจะเล่นยังไงล่ะครับ”

และแล้วเกมก็ได้เริ่มขึ้น

เกมวันนี้ที่ผมเลือกเป็นเกมใหม่ที่คะแนนรีวิวดีมากๆ เล่นได้สองคน เป็นการผจญภัยตะลุยด่านไปเรื่อยๆ ผมรับบทเป็นไอ้ตัวแดง ส่วนพี่กชเป็นตัวฟ้าตามประสาผู้เล่นหมายเลขสอง

ช่วงแรกๆ ของเกมก็ยังเฮฮารื่นเริงกันดีนะครับ ผมก็ลองกดปุ่มตามที่เกมมันสอนเล่น สอนพี่กชที่ดูจะงงในตอนแรก แต่ไม่กี่นาทีผ่านไป เหมือนว่าผมเริ่มจะได้กลิ่น…

“เฮ้ย พี่กช เดินเร็วๆ หน่อยดิพี่ ชักช้าอะไรอยู่เนี่ย”

ไอ้ตัวฟ้าก็ยังเอื่อยเฉื่อย ยิงปืนแบบเหลาะแหละไปตามเรื่องตามราว

“กำลังไปอยู่นี่ไง อย่าใจร้อนสิ”

ตัวแดงของผมกำลังซัดกับศัตรูอย่างเมามัน และเมื่อตัวตรงหน้าตายไปแล้วผมก็บังคับให้มันพุ่งทะยานไปต่อ

ติดแต่ไอ้ตัวฟ้าที่ยังไม่รีบตามมา

ได้กลิ่นล่ะ… กลิ่นมันโชยออกมา

“พี่กช อย่าดึงฉาก รีบๆ ตามมาได้แล้ว พี่รออะไรอยู่”

“ใจเย็น มิว ใจเย็น”

ไอ้ตัวฟ้ากำลังจะเดินตามมา แต่ผมโดนกระสุนจากมอนสเตอร์ตัวหนึ่งทำเอาเลือดลด

“พี่กช! เห็นไหมว่าผมจะตายแล้ว เพราะพี่อ้ะ เอาแต่ดึงฉากอยู่เนี่ย! ”

มาเต็มๆ เลยครับ กลิ่นเหม็นไหม้จากหัวผมเองนี่แหละ หัวร้อนแล้วนะเว้ย หัวร้อน

“เหย ใจเย็นๆ ดิ มิว” ยังอีก ยังจะทำเป็นยิ้มปัญญาอ่อน “นี่ไง ก็มาแล้วนี่ไง โอ๋ๆ ๆ โดนตัวไหนฟาดมาครับ เดี๋ยวพี่จัดการให้”

“หึย ไม่ต้องเลย พี่อ้ะ ตายไปกี่รอบแล้ว” เกมนี้มีข้อดีตรงที่ถ้าเพื่อนเราจะตาย เราสามารถชุบชีวิตได้ แต่ต้องทำอย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นวิญญาณของเพื่อนจะลอยไปสู่สุคติ (ในเกม) และผมก็ช่วยชุบชีวิตเขามาหลายรอบแล้ว แต่… ไอ้คุณพี่กชก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย

“โธ่ ก็ช่วยๆ กันเปล่าวะ เล่นด้วยกันก็ต้องช่วยกันดิ”

“ช่วยอะไรล่ะ พี่อะตัวภาระ” ของขึ้นครับตอนนี้ หัวร้อนมาก

อย่างที่ผมเคยบอกไปว่าตัวเองเป็นคนเล่นเกมจริงจังมาก แม้จะไม่ได้เก่งอะไรมากมายก็เถอะ แต่พอเล่นแล้วก็อยากจะเอาชนะ อยากจะไปด่านต่อไปให้ได้ไง แต่พี่กชแม่งเล่นแบบโหลยโท่ยมาก นี่ตั้งใจเล่นจริงๆ รึเปล่าเนี่ย

“ตัวภาระอาราย” ลากเสียงยาวอย่างยียวน “นี่ไง เดี๋ยวพาไปเคลียร์ด่านนี้เลย มา เอาจริงแล้ว”

“ให้มันแน่เถอะพี่”

ห้านาทีผ่านไป และพวกเราทั้งคู่ก็แพ้…

“โว้ย! ” ผมโวยวายเสียงดัง พี่กชถอนหายใจเฮือกเหมือนผิดหวัง แต่วินาทีที่เราหันมาสบตากัน อยู่ๆ ทั้งเขาและผมก็ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น

“โอ๊ย ให้ตายเหอะ” พี่กชเริ่มพูดขึ้นมาขณะที่ผมยังหัวเราะเหมือนเจ็บปวดไม่เลิก “กวนตีนชิบหายเลยว่ะ ไอ้ห่าเอ๊ย แล้วเห็นไอ้กระสุนเม็ดๆ ที่กระจายมารอบทิศได้ปะ ใครจะไปหลบได้หมดวะ”

“โอย หัวร้อน หัวร้อนมาก” ผมพูดพร้อมกับยกมือยีหัว แกล้งหันไปมองทางพี่กชอย่างเหยียดหยัน “เพราะพี่น่ะแหละ คนเดียวเลย เมื่อกี้นะ ผมเกือบจะทะลุไปสเตจต่อไปได้อยู่แล้ว พี่อะโคตรถ่วง”

“เฮ้ย พูดงี้ได้ไง”

ผมหันหน้าหากล้องพร้อมกับฟ้องผู้ชมในอนาคต (เพราะผมไม่ได้เล่นสดครับ)

“ดูเอาไว้เลยนะครับ ทุกคน ดูหน้าเขาเอาไว้ ไอ้คนที่ทำให้ผมแพ้มาติดๆ เนี่ย”

“ตัวเองก็เล่นกากเองเหมือนกันรึเปล่า”

“โห่ พูดมาได้นะพี่”

“ไม่เอาๆ ไม่หัวร้อนนะครับ” ว่าพร้อมกับโยกหัวผมเข้าไปซบกับอกเขา จะห้ามก็ห้ามไม่ทันเพราะผมมัวแต่อ้าปากค้าง ทำตัวไม่ถูก

กลิ่นแชมพูขวดเดียวกันที่เราใช้ลอยมาแตะจมูกขณะที่พี่กชทำท่าทางเหมือนจะทาบริมฝีปากลงบนขมับของผม

ใจของผมเต้นรัวจนเหมือนจะกระเด็นหลุดออกมา รู้สึกมันพองโตไปกับสัมผัสอ่อนหวานและนุ่มนวลของอีกฝ่ายอย่างควบคุมไม่อยู่ แต่วินาทีถัดมา ผมก็นึกได้ว่าเขาคงกำลังเล่นละครหน้ากล้องเพื่อแกล้งเป็นแฟนกับผมอยู่

ใช่แล้ว จริงด้วย ก็เราสองคนสวมบทเป็นแฟนกันอยู่นี่หว่า และช่วงคลิปหลังๆ มานี่เขาก็ไม่ค่อยได้แสดงละครบทนี้เท่าไร สงสัยเจ้าตัวจะเพิ่งนึกขึ้นได้เหมือนกันล่ะมั้ง

ก็นะ! เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเล่นล่อชาบูไปตั้งมาก! จะไม่ทำหน้าที่ให้มันคุ้มหน่อยก็เกินไปล่ะ

“โอ๊ย พี่กช พอแล้ว” ผมว่าขณะขืนตัวเองออก หน้าแดงขึ้นจริงๆ อย่างที่ไม่ต้องแสดงละครเลย “ผมหายหัวร้อนแล้วพี่ เล่นต่อเถอะ วันนี้ยังไม่ผ่านสักด่านเลยนี่”

“หายหัวร้อนแล้วจริงอ้ะ? ” พูดพร้อมกับส่งยิ้มยียวนมาให้ตามเดิม

“อื้อ หายแล้ว” พี่แกเล่นพูดอย่างกับว่าถ้าไม่หายจะดึงผมเข้าไปกอดอีกงั้นแหละ

หลังจากตั้งสติได้อีกครั้งผมกับพี่กชก็มาทุ่มสมาธิให้เกมต่อ ตอนนี้ผมเริ่มไม่ค่อยรู้สึกหงุดหงิดล่ะ แต่กลายเป็นระแวงปนๆ ไปกับเขินอายคนข้างตัวแทน

และเมื่อเล่นผ่านไปได้เกือบชั่วโมงผมก็พูดปิดคลิปอย่างที่ทำทุกครั้ง กดหยุดอัดวิดีโอแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนรุ่นพี่ที่เหยียดแขนขึ้นบิดขี้เกียจ

“อือ… เกมยากมากเลย มิว แต่ละอย่างที่มิวหามาเนี่ยนะ บอกเลยว่าโคตรยากที่จะเล่นให้ผ่าน”

“ก็พี่เล่นห่วย”

“โห่ นายเล่นดีตายล่ะ”

“ก็ดีกว่าพี่เล่นละกัน” ผมเถียงกลับ แล้วก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเตะถ่วงไม่ให้ผมถามเรื่องที่เกิดขึ้น “แล้วเมื่อกี้ตอนอัดไปได้ครึ่งคลิปอะ พี่… พี่ทำอะไรของพี่น่ะ ไม่ขนลุกบ้างเลยเหรอ”

“อะไร? ” เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งกวนๆ “ที่พี่กอดมิวน่ะเหรอ? ”

“นั่นแหละ” ถ้านั่นเรียกว่ากอดได้นะ

“ก็เล่นบทเป็นแฟนมิวไง”

“แปลว่าถ้าพี่มีแฟน พี่จะทำแบบนั้นกับแฟนเหรอ”

“ช่าย” เขาคลี่ยิ้มกว้างมากขึ้น วางมือลงบนหัวผมอย่างที่ชอบทำบ่อยๆ ระยะหลังมานี้ คือผมก็ไม่ได้เตี้ยอะไรขนาดนะ แต่พี่เขาสูงกว่าไง “ถ้าพี่มีแฟนหัวร้อน พี่ก็จะทำให้เขาหายหัวร้อนแบบนี้แหละ”

“แล้วพี่คิดว่าเขาจะหายไหม”

ก็ยังยิ้มกวนประสาทเหมือนเดิม… ไม่สิ ครั้งนี้มันดูอ่อนโยนกว่าเดิมหน่อย เอ๊ะ? หรือว่าผมคิดไปเอง

นิ้วเรียวเลื่อนมาบีบปลายจมูกผมเบาๆ ผมหลับตาปี๋

“แล้วมิวคิดว่าได้ผลไหมล่ะ”

จากนั้นพี่กชก็เดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด เหมือนว่ากำลังตอบข้อความของใครสักคน

ส่วนผมน่ะเหรอ ใช่ครับ ผมต้องรีบไปตัดต่อคลิป

แต่ไม่รู้ทำไม… ร่างกายถึงได้ร้อนวูบวาบไปหมดขนาดนี้!







มันไม่ได้ร้อนเพราะหัวร้อน แต่มันร้อนเพราะอย่างอื่น

ความคิดนั้นทำให้ผมเริ่มสับสนกับตัวเอง และเวลาที่มีเรื่องคิดไม่ตกทีไร ผมจะลากใครมาปรึกษาล่ะถ้าไม่ใช่ไอ้เก่ง

“มึง ดูคลิปแล้วคิดว่าไงวะ เป็นธรรมชาติไหม”

เก่งไม่ได้ติดตามช่องชาแนลของผม ดังนั้นผมจึงเลื่อนมือถือของตัวเองที่เสียบสายหูฟังพร้อมไปให้ แถมยังใจดีกดไปฉากที่พี่กชมีท่าทีเหมือน… เหมือน… เหมือนจูบหน้าผากผมด้วย! จริงๆ ตอนตัดต่อผมอยากจะเอาท่อนนั้นออกนะ แต่พี่กชมายืนคุมข้างๆ เลย แถมยังย้ำนักย้ำหนาว่านี่ค่าชาบูคราวก่อน ถ้าไม่เอาใส่จะโกรธมาก

...แค่เลี้ยงชาบูพี่แกยังทำถึงขนาดนี้ ถ้าผมเลี้ยงปูอะแลสก้าหรืออะไรแพงๆ พี่แกจะไม่จับผมกดลงเตียงเลยเหรอ…

เดี๋ยว! แล้วนี่ผมจะนึกภาพตามทำไม!? ตั้งสติไว้ ไอ้มิว นี่แค่แกล้งเป็นแฟนกันเฉยๆ ไม่ได้เป็นจริงๆ สักหน่อย แล้วที่พี่กชทำมาก็แค่เล่นละครเท่านั้น!

“เอ้า” ไอ้เก่งว่าพร้อมกับยื่นโทรศัพท์คืนให้ผม

“แกว่าเป็นไง? ”

“ก็ดี”

“ก็ดีนี่คือ? ”

“ก็ดูเป็นธรรมชาติดี”

“! ” ก็ไอ้แบบนั้นแหละที่มีปัญหาโว้ย!

เก่งยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมาซดอึกหนึ่ง ใช่แล้วครับ ตอนนี้เรามาอยู่ที่ร้านเหล้าเล็กๆ ที่อยู่ใกล้มหาลัย แล้วผมเองก็ไม่ใช่เด็กไม่รู้ประสีประสาที่จะแตะต้องของพวกนี้ไม่ได้ แต่ก็นานๆ กินทีครับ ไอ้เก่งเองก็เหมือนกัน

“ทำไมทำหน้ายุ่งแบบนั้นวะ ไอ้มิว” เห็นคิ้วผูกโบของผมแล้วมันก็อดถามไม่ได้ “ตอนนี้ยอดวิวอะไรของมึงก็ขึ้นมาตั้งเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ มีอยู่อันนึงกูเห็นจะถึงล้านอยู่แล้ว”

“เออ ก็ใช่” ผมพึมพำ “แต่แบบ… กูรู้สึกแปลกๆ เรื่องพี่กช”

“แปลกๆ เรื่อง? ”

"กูก็อธิบายไม่ถูก" นี่แหละครับ ปัญหาที่ผมหนักใจ ว่าแล้วผมก็ยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมาดื่มบ้าง "แบบ... ไม่รู้ดิ บางทีกูก็งงว่าเขาต้องเล่นละครเพื่อกูขนาดนี้เลยเหรอ หรือว่าเขาทำเพราะอยากทำแบบนั้น"

"หืม" ไอ้เก่งลากเสียง ขยับแก้วที่ใส่น้ำสีชาไปมาเล็กน้อย "แต่เท่าที่ฟังมึงเล่า มึงก็เลี้ยงข้าวพี่เขาตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ เป็นกูถ้าได้กินข้าวฟรีเงื่อนไขดีแบบนั้น อย่าว่าแต่แค่กอดเลย จูบกูก็ยอมวะ"

"ไอ้ห่าเก่ง" ผมยกมือขึ้นมาลูบแขนตัวเอง "อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ ขนลุกว่ะ"

"อ้าว ก็กูพูดจริงๆ นี่หว่า พี่กชเขาก็รับข้าวฟรีๆ จากมึงตั้งหลายมื้อ เขาคงอยากตอบแทนให้สาสมแหละ แล้วที่ภาพมันออกมาก็ดูดีออก ส่วนเขาจะทำเพราะเล่นละครเพื่อมึงหรือทำเพราะอยากทำ มันจะสำคัญตรงไหนวะ แค่มึงได้คนดูเพิ่มอย่างที่อยากได้ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ"

ผมมองหน้าเพื่อนอย่างหนักใจ ผมก็พยายามคิดแบบที่ไอ้เก่งพูดมาเหมือนกัน แต่มันมีอะไรตงิดๆ ติดอยู่นิดหนึ่งนี่แหละ

"แต่ถ้าเขาไม่เต็มใจทำแล้วฝืนทำ มันก็ไม่โอเคไหมวะ ถึงจะบอกว่ากูเลี้ยงข้าวเขามากมายก็เถอะ"

"อ้าว สรุปมึงกลุ้มใจเรื่องนี้เรอะ งั้นกูถามหน่อย แล้วถ้าเขาเต็มใจทำขึ้นมา แบบ ทำเพราะอยากทำกับมึง ไอ้กอดไอ้หอมแก้มอะไรนี่ แล้วมึงจะว่าไง"

"เฮ้ย" ผมสะดุ้ง "บ้าเหรอไอ้เก่ง กูเป็นผู้ชายปกตินะโว้ย แล้วที่เขาทำก็เพราะเขาแกล้งเล่นละครให้กูหรอก"

เพื่อนซี้ของผมทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่นิดหนึ่งก่อนจะถามต่อ "มึงบอกว่ามึงเป็นผู้ชายปกติ แล้วพี่กชล่ะ? "

คำถามนั้นทำเอาผมอ้าปากค้าง ไอ้เก่งมองหน้าผมเอือมๆ ขณะใช้ส้อมจิ้มไก่ทอดที่เป็นกับแกล้ม

"ทำหน้าแบบนั้นแปลว่าไม่เคยถาม"

อย่าว่าแต่ไม่เคยถาม ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ

"น้อยๆ หน่อยไอ้เก่ง" ผมย้อนเมื่อตั้งสติได้ "แล้วเป็นแก แกจะถามเขาตอนไหน ตอนเจอกันครั้งแรกงี้เหรอ แบบ แนะนำตัว สวัสดีครับ ผมชื่อมิว พี่ชื่ออะไร อ้อ แล้วพี่เป็นเกย์รึเปล่าครับ งี้เหรอ? "

"ไอ้อย่างนั้นก็เกินป๊าย แต่แกก็อยู่กับพี่เขามาตั้งนาน ไม่สังเกต ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ อยู่ด้วยกันทุกวันแบบนั้นมันต้องมีจับสังเกตบ้างล่ะว้า"

"ม่ายอ้ะ" ผมส่ายหน้ารัวๆ "หน้ากูเหมือนพวกเสือกเรื่องชาวบ้านเหรอ"

"อ้าว ไอ้ห่า หลอกด่ากูเปล่าเนี่ย อีกอย่างนะ พี่เขาเป็นรูมเมทมึง แล้วเรื่องแบบนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเสือก แต่เป็นเรื่องของความกระตือรือร้นในการทำความรู้จักซึ่งกันและกัน"

ผมมองมันด้วยสายตาพิศวง "นี่อย่าบอกนะว่ามึงใช้มุกนี้เวลาจีบสาวด้วย"

"ไอ้ห่ามิว อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง นี่ ให้กูเดาเลยนะ มึงไม่ได้สนใจเลยล่ะสิว่ารูมเมทมึงของแท้รึเปล่า"

"ไอ้บ้า พูดจาน่าเกลียด พูดแบบนี้มันเหมือนดูถูกเพศที่สามกลายๆ นะ ของท้งของแท้อะไร แล้วคนที่เป็นเพศที่สามของปลอมรึไง"

ไอ้เก่งทำตาถลนใส่ผม โห จะหลุดออกมานอกเบ้าแล้วนั่น ใจเย็น

"ไอ้มิว มึงจะพูดแทรกอีกนานไหม สรุปจะฟังที่กูพูดไหมฮะ ไอ้ที่มาปรึกษาๆ อยู่เนี่ย"

"ครับ ฟังครับ ไม่พูดแทรกแล้วครับ"

"ดี ทีนี้ที่กูจะบอกก็คือ มึงอ้ะแม่งไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบตัวมึง ไม่สนใจคนด้วย วันๆ มึงเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำช่องของตัวเอง เพราะงั้นมึงถึงไม่ทันได้สังเกตไงว่ารูมเมทของมึงเป็นหรือไม่เป็นกันแน่ แล้วนี่ขนาดเขาอยู่ห้องเดียวกับมึง มึงยังไม่สนใจเท่าที่ควร และตอนนี้มันถึงเวลาที่มึงต้องเงยหน้าขึ้นมาจากจอแล้วมองคนรอบตัวได้แล้ว เข้าใจที่กูพูดชัดยัง"

อ้าว เฮ้ย เดี๋ยวๆ ๆ ทำไมจากรายการขอคำปรึกษาถึงกลายเป็นรายการด่าผมไปได้เสียล่ะ

"ไม่พูดเกินไปหน่อยหรือไงวะไอ้เก่ง"

"เกินไปหน่อยเหี้ยไรล่ะ มึงไม่เห็นเหรอว่าตัวเองมีเพื่อนอยู่คนเดียวคือกูเนี่ย"

"อ้าว ไอ้เหี้ย" พูดซะแทงใจดำ เอ้ย! ไม่ใช่สิ ทุกคนอย่าไปฟังมันนะครับ ผมเองก็มีเพื่อนอยู่หลายคนเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่ไม่ชอบสุงสิงกับกลุ่มใหญ่ๆ เท่านั้นเอง "นี่กูให้ความสำคัญกับมึงเป็นพิเศษเลยนะ ทำไมมึงด่ากูงี้"

“ไม่ได้ด่า แค่พูดความจริง” จากนั้นเจ้าตัวก็ทำมือเป็นเชิงขอตัวเพราะมีสายเข้า กรอกคำพูดลงไปได้สองสามคำเพื่อนผมก็บอกต้องกลับแล้ว ผมก็เลยหารเงินกับอีกฝ่ายแล้วก็ตรงกลับหอที่ไม่ได้อยู่ไกลอะไรมาก

ว่าแต่… ตกลงว่าผมมาปรึกษาไอ้เก่งเรื่องอะไรนะ? นี่ขนาดแค่กินไปนิดเดียวยังมึนขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย โอย

เอาไว้ค่อยคิดตอนตื่นขึ้นมาอีกทีแล้วกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ทีหลังก็สนใจสิ่งรอบข้างสักนิดนะน้องมิว ❤
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2017 19:48:05 โดย Bradly »

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
สนุกมากๆ อยากรู้ว่าเกมหนีผี นี่ชื่อเกมว่าไร ดูน่าหนุก 5555

อยากอ่านต่ออีก อยากรุ้จะเป็นไงต่อไป ใครจะรู้สึกก่อนกัน

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ตอนเค้าแคชเกมกันน่ารักมากๆเลย

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
พี่กชชช น้องอยากได้ความแน่ใจจจจ
จัดให้น้องหน่อยมั้ยคะ (นี่ก็ทำตัวเป็นคอมเมนต์ในชาแนลน้องไปอี๊กกก)
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่าาา

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 6




เออ ใช่ เมื่อวานผมว่าจะไปปรึกษาเรื่องพี่กชกับไอ้เก่งนี่หว่า แต่กลับโดนไอ้เก่งด่ากลับมาว่าไม่รู้จักสังเกตคนรอบตัว…

“เฮ้ มิว” เสียงเรียกของเพื่อนร่วมห้องทำให้ผมหันหน้ากลับไปมอง เดาว่าสภาพผมต้องเละตุ้มเป๊ะมากแน่เพราะพี่กชถึงกับหน้าเหวอใส่เมื่อผมหันไปหา “โห ทำไมหน้าโทรมแบบนั้น นี่ไม่สบายรึเปล่าเนี่ย”

“อือ” ผมคราง “ปวดหัวนิดหน่อย”

“เป็นอะไรอ้ะ” เขาถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง แต่ผมไม่ค่อยอยากกวนเวลาเขาเท่าไรเพราะดูจากชุดไปรเวทเตรียมออกไปข้างนอกของเจ้าตัวแล้ว เดาว่าเขาคงมีธุระต้องไปทำข้างนอก

“ผมแฮงค์น่ะ”

“เมื่อคืนดื่มมาเหรอ? ”

“นิดหน่อยครับ”

“แน่ใจนะว่านิดหน่อย” ถามกลับอย่างไม่เชื่อ “ดูหน้าซีดเชียว แล้วกินยาหรือยัง”

“ไม่กินหรอกพี่” ผมยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว เตรียมนอนต่อ “เดี๋ยวหลับอีกสักหน่อยก็คงดีขึ้น”

“ดื้อนะเราน่ะ”

“แล้วนี่พี่จะไปข้างนอกเหรอครับ”

“ใช่ นัดเพื่อนไว้น่ะ ทำรายงาน”

“โชคดีนะพี่”

แต่รุ่นพี่ตัวโย่งก็ยังไม่ยอมขยับไปไหนสักที จะยืนเป็นเสาไฟฟ้าอีกนานไหมน่ะ

“พี่ว่าพี่ไปซื้อยามาให้ดีกว่า”

“ไม่ต้องหรอกพี่ ผมมี เดี๋ยวกินเลยก็ได้”

“แล้วข้าวเช้าล่ะ”

“มีซีเรียล”

“งั้นกินก่อน แล้วจะได้กินยา”

“พี่ไปเถอะน่า” ผมโบกมือไล่ “เดี๋ยวผมกิน” พูดพร้อมกับตัดบทด้วยการปิดตาลง แต่แทนที่เขาจะปล่อยให้ผมนอนสบายๆ เจ้าตัวกลับเดินกลับมาแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างผมเสียอย่างนั้น

ผมลืมตาขึ้นอย่างเสียไม่ได้ “อะไรอีกพี่ นี่ไม่กลัวเพื่อนรอเหรอ”

“ถ้ามิวไม่กินให้มันเสร็จๆ พี่ก็ไม่ไป”

ถามจริง!?

ว่าแล้วผมก็ต้องลุกขึ้นจากเตียง จัดการอาหารเช้าที่แค่เทจากกล่อง เติมนม ยัดใส่กระเพาะ แล้วก็ตามด้วยยาแก้ปวดครอบคลุมจักรวาลที่พี่กชเจ้ากี้เจ้าการยัดใส่มือมาให้ นั่นแหละเจ้าตัวถึงจะยอมออกจากห้องพักไป

บอกตามตรงนะ ตอนแรกผมไม่ชอบใจเลยที่เขาทำแบบนั้น คือมันน่ารำคาญ ผมอยากจะนอนไง หัวก็ปวดจี๊ดๆ จนทรมานไปหมด เขาก็ยังจะมาคะยั้นคะยอให้กินข้าวกินยาอยู่ด้วย อะไรนักหนาก็ไม่รู้

แต่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเมื่อผมตื่นขึ้นมาใหม่ หัวไม่ปวดแล้ว ผมก็รู้สึกขอบคุณชายหนุ่มคนนั้นขึ้นมาทันที

แล้วก็พ่วงมาด้วยความรู้สึกผิดนิดหน่อยด้วย… ตอนที่พี่เขาสั่งผมนู่นนี่ผมดันหงุดหงิดใส่เขาไปอีก เดี๋ยวรอพี่แกกลับมาก่อนค่อยขอโทษแล้วกัน

ลุกออกจากเตียงด้วยความกระปรี้กระเปร่าผิดแผกจากตอนเช้าราวกับคนละคน ตรงเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว ลงไปกินข้าวที่ร้านหน้าหอ หนังท้องตึงเรียบร้อยผมก็วางแผนสิ่งที่จะทำทั้งวันในหัว

เริ่มต้นด้วยการทำการบ้านต่างๆ นานาที่มีกำหนดส่งเร็ววันนี้ จากนั้นก็ตามด้วยอ่านภาษาญี่ปุ่นเพิ่มอีกสักหน่อย ส่วนช่วงเย็นผมเผื่อเวลาเอาไว้ทำคลิปนั่นเอง ผมวางแผนว่าจะลงคลิปถี่ขึ้น จากลงอาทิตย์ละคลิปสองคลิปผมว่าจะลงสักสี่ถึงห้าเลย ช่วงนี้กระแสช่องผมดีมาก คือตั้งแต่เล่นเป็นแฟนกับพี่กชอะไรๆ ก็ดีไปหมด

ตอนที่อัดคลิปผมรู้สึกสนุกกับเกมที่เล่นมากขึ้น และพอผมแฮปปี้เหมือนความรู้สึกนั้นมันสื่อไปถึงคนดูด้วย ยอดวิวก็พุ่ง ยอดคนติดตามก็มาก และแน่นอนว่าเงินในบัญชีของผมเองก็คงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จะมีอะไรดีไปกว่านี้ล่ะครับ

ว่าแต่… วันนี้พี่กชกลับกี่โมงหว่า ควรจะรอเล่นพร้อมเฮียแกเลยดีไหมนะ ลองถามดูหน่อยดีกว่า

คิดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเปิดโปรแกรมแชทขึ้นมาพิมพ์อย่างรวดเร็ว





Mewミュウミュウ★: พี่กช

Mewミュウミュウ★: วันนี้กลับกี่โมงครับ





พี่กชไม่ได้อ่านในทันที แต่ทิ้งไว้ไม่นานอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา





KOCH: เอ ยังไม่แน่ใจ

KOCH: อาจจะไม่กลับนะคืนนี้ ว่าจะกินเลี้ยงกับเพื่อน





อ้าว… ทีเมื่อเช้าล่ะเอ็ดผมใหญ่เชียวทีกินเหล้าไป





Mewミュウミュウ★: แหม ใครนะพูดว่าผมเมื่อเช้า

KOCH: ก็นายอะ

KOCH: เป็นเด็กเป็นเล็ก

Mewミュウミュウ★: โห ผมเด็กกว่าพี่นิดเดียวเองเหอะ

KOCH: งั้นคืนนี้ก็นอนเร็วๆ อย่าไปเถลไถลที่ไหนนะ

KOCH: ทำงานต่อล่ะ





ผมกดส่งสติ๊กเกอร์หน้าบึ้งไปให้อีกฝ่ายรัวๆ จากนั้นก็หลุดยิ้มออกมาเพราะขำที่เขาส่งสติ๊กเกอร์รูปหมาหงอยกลับมาให้

เอาล่ะ ในเมื่อพี่กชไปทำงานแล้ว ผมก็ต้องทำงานของผมบ้างล่ะ และวันนี้ผมจะมาเล่นเกมหัวร้อนที่เล่นค้างไว้ตั้งแต่คราวที่แล้ว

มาครับ มาเป็นกำลังใจให้ผมกัน มาดูซิว่าวันนี้ผมจะไม่หัวร้อนได้ไหม

….แต่จริงๆ ก็รู้ตั้งแต่ก่อนเริ่มคลิปแล้วล่ะว่าไม่ได้





….

Comment#21: อ้าว วันนี้พี่กชไม่มาเล่นด้วยเหรอคะ พี่สไลม์เหงาแย่เลย

Comment#70: #คนหัวร้อน2017 ไฟนี่ลุกพรึ่บๆ

Comment#93: ตรงสีชมพูน่ะพี่ มันกระโดดโหม่งได้นะ

Comment#100: พี่กชไปไหนๆ ๆ ๆ ๆ

Comment#164: เซ็งเลย พี่กชไม่มา อยากดูคลิปคู่อีกอะ

Comment#181: รอคลิปต่อไปนะคะ พี่กชจะมาไหมน้า

Comment#203: วันนี้ผัวไม่มาคอยปลอบ หัวร้อนเต็มที่เลยนะพี่ 55555





และอีกสารพัดสารพันเกี่ยวกับคลิปใหม่ที่ผมเพิ่งลง

ดูเหมือนหลายคนจะคิดถึงใบหน้าหล่อๆ (ไม่อยากยอมรับหรอกนะครับ แต่ความจริงก็คือความอยู่วันยังค่ำ) ของไอ้คุณพี่กชเหลือเกิน ทั้งๆ ที่พี่แกเล่นเกมกากจะตาย แต่ก็อย่างว่าอีก พี่แกเอนเตอร์เทนคนดูเก่ง ยิ่งหยอดมุกแป้กๆ ใส่ผมนี่ถนัดนัก ต้องยอมรับว่าเขาสร้างสีสันให้คลิปผมมาก

ผมนั่งแช่อ่านคอมเม้นท์พร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่อีกพักหนึ่งก่อนจะผละออกไปหาข้าวเย็นกิน จริงๆ วันนี้ผมควรจะกลับบ้าน แต่เพราะพ่อกับแม่ออกต่างจังหวัดพร้อมกับไอ้มอส ผมเลยตัดสินใจแกร่วอยู่ที่หอแทนที่จะไปเจอกับญาติที่ไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไรนอกจากอวดลูกตัวเอง

ผมสั่งผัดกะเพราไว้กับป้าที่คุ้นหน้าผมดีก่อนจะเดินไปร้านน้ำปั่นเพื่อหาอะไรชื่นใจๆ ดื่ม แน่นอนว่าพี่คนขายเองก็จำหน้าผมได้ ก็ผมเล่นสิงอยู่แต่แถวนี้ไม่ค่อยไปไหนไกลๆ นี่หว่า ผมไม่มีมอเตอร์ไซค์แบบพี่กชหรือรถขับอย่างไอ้เก่ง เดินทางด้วยรถประจำทางอย่างเดียวก็เลยไม่ค่อยชอบออกไปไหนเท่าไร

ลังเลระหว่างแตงโมกับกล้วยปั่นอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดผมก็ตัดสินใจเพราะเห็นแววว่าจะมีลูกค้ากลุ่มอื่น

"เอากล้วยปั่นพี่" ผมว่า เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงของชายข้างตัวพูดขึ้นมาพอดี

"อ้าว นี่มันเมียไอ้กชนี่"

สรรพนามที่ใช้เรียกทำให้ผมหันหน้ากลับไปมองอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ร่วมมหาลัยแต่ต่างคณะ เจ้าตัวอยู่ในชุดบอลสภาพเหงื่อโซมกาย แถมไม่ได้มาคนเดียวยังมีคนติดสอยห้อยตามมาอีกสามคน ซึ่งถ้าให้ผมเดา ทุกคนคงเป็นเพื่อนชั้นปีเดียวกับพี่กช

"มึง เสียมารยาท อยู่ๆ ไปเรียกเขางั้นได้ไง น้องเขาก็มีชื่อนะ สไลม์อะไรสักอย่างใช่ไหม" อีกคนหันมาถาม ผมได้ยิ้มแหยๆ กลับไปก่อนจะแก้

"นั่นชื่อช่องในยูทูปของผมครับ ผมชื่อมิว"

"อ้อ เออ ใช่ เห็นพวกผู้หญิงพูดอยู่ กชมิวๆ อะไรสักอย่าง"

"เฮ้ย พวกมึง" คนสุดท้ายที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มเปิดปาก "พวกมึงจะเอาอะไรก็สั่งไว้ แล้วไปจองโต๊ะสั่งข้าวกันเลย เดี๋ยวคนแม่งมากันเต็มร้านไม่มีที่นั่งอีก"

ว่าแล้วแทบทั้งกลุ่มก็สั่งน้ำ ทิ้งเงินไว้กับคนออกคำสั่งแล้วเดินจากไปอย่างว่าง่าย คนแรกที่ทักผมว่าเป็นเมียพี่กชโบกมือให้ยิ้มๆ ก่อนจะตามกลุ่มเพื่อนไป เหลือไว้เพียงรุ่นพี่ตัวสูง (แต่น่าจะเตี้ยกว่าพี่กชนะ) กับผมตามลำพัง

"เอ่อ" ผมเกริ่นอย่างเริ่มไม่ถูก อันที่จริงผมขี้อายพอตัวนะ โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า ไม่รู้จะพูดอะไรด้วยดี "พวกพี่... เตะบอลกันมาเหรอครับ"

"อืม ใช่" ตอบกลับสั้นๆ นิ่งไปนิดหนึ่งแล้วหันมามองหน้าผม "เออ พี่ชื่อบอสนะ"

"เออ มิวครับ" แนะนำตัวเป็นการเป็นงานด้วยแฮะ ว่าแต่พอมองหน้าดีๆ ก็พอจะคุ้นๆ อยู่ว่าเคยเห็นอยู่กับพี่กช "อยู่ปีหนึ่งมนุษยศาสตร์"

"พี่อยู่คณะเดียวกับไอ้กช รุ่นเดียวกันนี่แหละ จริงๆ บอลที่เล่นนี่ปกติไอ้กชก็โผล่หน้ามาเตะด้วยบ่อยๆ แหละ แต่หลังๆ มาบ้างไม่มาบ้าง เห็นว่าติดถ่ายวิดีโอกับมิว"

ได้ฟังอย่างนี้ผมก็ใจแป้วไปเล็กน้อย เคยได้ยินพี่กชพูดว่าจะไปเตะบอลหลายครั้งอยู่ แต่หลังๆ ไม่ค่อยได้ยินเพราะเขายอมสละเวลามาเล่นเกมแล้วก็ถ่ายวิดีโอกับผมสินะ ผมไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

พี่บอสนิ่งไปนิดหนึ่งขณะที่ผมเริ่มก้มหน้ามองปลายเท้าอย่างคิดไม่ตก ถึงผมจะตอบแทนพี่กชด้วยการเสนอตัวเลี้ยงข้าวเย็นเขาก็เถอะ แต่ระยะหลังมานี่พี่กชเลือกแต่ร้านถูกๆ ตลอด แถมยังคอยเลี้ยงข้าวกลางวันไม่ก็ข้าวเช้าผมกลับอีก เหมือนเขาพยายามทดแทนที่ผมเลี้ยง แต่แบบนั้นมันก็ไม่มีความหมายสิ? เหมือนกลายเป็นว่าผมขอให้เขาเล่นละครเป็นแฟนผมให้ฟรีๆ …

"เออนี่" ผมสะดุ้งเพราะร่างสูงของรุ่นพี่ก้มลงมากระซิบข้างหู "พี่รู้นะว่ามิวกับกชแกล้งคบกัน"

เท่านั้นแหละ ใจผมนี่เต้นเป็นเพลงอะโกโก้เลยครับ หน้าของผมซีดลงอย่างรวดเร็ว และคนข้างตัวก็คงสังเกตเห็น แต่ไอ้สีหน้าไม่ทุกข์ร้อนอะไรของเขาเลยนี่มัน…

"จะตกใจอะไรขนาดนั้น ไอ้กชมันบอกแค่พี่คนเดียว คนอื่นมันไม่ได้บอก"

"อ้อ ครับ" ผมพยักหน้ารับ พี่กชเคยบอกผมก่อนหน้านี้แล้วว่าจะบอกเพื่อน งั้นคงหมายถึงพี่บอสนี่แหละ

"แล้ว... เป็นไงล่ะ ผลตอบรับดีเลยสิ คลิปของมิวน่ะ"

"เอ่อ ครับ ก็ดีครับ"

"พอไอ้กชเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง พี่ก็ลองย้อนกลับไปดูคลิปเก่าๆ ของมิว" เขาว่า ใจดีพอที่จะมองรอบๆ ตัวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครคนอื่นมารับรู้บทสนทนานี้ด้วย "พอเทียบกันแล้วเห็นชัดเลยนะว่ายอดวิวต่างกันจริงๆ "

"มันก็..."

"ใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือนี่มันสบายดีเนอะ"

ผมอ้าปากเหวอทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น พี่บอสหันกลับมามองหน้าผมก่อนจะส่งยิ้มที่ไม่สื่อถึงความหมายใดๆ มาให้

"น้อง น้ำกล้วยปั่นได้แล้วนะ แล้วก็นี่น้ำแตงโมสอง ไมโลกับชาเขียวปั่นของเพื่อนน้องอ่ะ จะถือไปไหวไหมเนี่ย" เสียงพี่ขายน้ำพูดแทรกมาพร้อมกับวางแก้วเครื่องดื่มดังกล่าวเรียงรายที่หน้าแผง พี่บอสยื่นเงินให้

"ไหวพี่ อะ นี่ผมจ่ายเงินเลย ค่ากล้วยปั่นนั่นด้วย"

"ผมจ่ายเอง--"

"เราน่ะ ช่วยพี่ถือแก้วพวกนี้ไป" เขาตัดบทผมพร้อมกับพูดหน้าตาเฉย รับเงินทอนมาจากแม่ค้า "ถือซะว่าเป็นค่าน้ำ ตกลงไหม? "

เหี้ย! โคตรเผด็จการ แล้วผมพูดตอนไหนเหรอว่าอยากให้เขาจ่ายค่าน้ำให้?

แต่ด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่และตัวเองกำลังอยู่ในสภาวะมึนๆ งงๆ จากคำพูดของเขา ผมก็ช่วยอีกฝ่ายประคองเครื่องดื่มของคนอื่นมาส่งให้ถึงร้านที่รุ่นพี่กลุ่มเดิมนั่งรอกันอยู่แล้ว

"เอ้อ น้องมิว ผัดกะเพราได้แล้วนะจ๊ะ" ป้าคนขายว่ายิ้มๆ จะพูดห้ามป้าตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

"อ้าว น้องสั่งข้าวร้านนี้ไว้เหรอ มาเลย มานั่งด้วยกันนี่" เพื่อนพี่กชคนแรกที่ทักผมชวนอย่างเป็นมิตร

"เอ่อ ผมว่า... ไม่เป็นไรดีกว่าครับ" รู้สึกไม่ถูกชะตากับพี่บอสสุดๆ ตอนนี้คืออยากจะเผ่นกลับขึ้นห้องทั้งๆ อย่างนี้เลยด้วยซ้ำ

“มากินข้าวกับใครเหรอ? ” พี่คนที่เป็นมิตรคนเดิมถามกลับ

“เอ่อ เปล่าครับ มาคนเดียว”

“งั้นก็มานั่งกินด้วยกันนี่แหละ จะได้ไม่เปลืองโต๊ะด้วย ช่วงนี้ลูกค้าแน่นร้าน เดี๋ยวอีกสักพักก้แห่กันมาตรึมแล้ว มานี่มา ไม่ต้องเกรงใจ”

เอ่อ คือไม่ได้เกรงใจ แค่… สยองพี่บอส

แต่จนแล้วจนรอดผมก็มานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับรุ่นพี่ต่างคณะจนได้ พี่คนที่เป็นมิตรที่ทักว่าผมเป็นเมียพี่กชชื่อพี่แก๊ป (ซึ่งเอาจริง ใครเขาทักคนไม่รู้จักกันแบบนั้น) แล้วก็พี่อีกสองคนชื่อบีมกับตูน

พี่แก๊ปดูเหมือนจะเป็นคนที่พูดเก่งที่สุดในกลุ่มแล้ว เขาสรรหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาพูดได้ไม่หยุดหย่อน ผมรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ตอนที่พี่เขาชวนคุยเรื่องอาจารย์ในมหาลัยผมก็พอจะตามน้ำไปได้

คนที่พูดน้อยที่สุดคือพี่บอส รายนี้ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว ถ้าไม่มีใครถามอะไรก็แทบไม่เปิดปาก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว เพราะผมไม่อยากได้ยินคำพูดใดๆ จากปากเขาอีกแม้แต่คำเดียว

“จะว่าไป… พี่แปลกใจมากเลยนะตอนที่รู้ว่ากชคบกับเราน่ะ” พี่แก๊ปพูดขึ้นเป็นเชิงชวนคุย ผมกลืนผัดกะเพราลงคอก่อนจะหันไปเลิกคิ้วให้เขา

“ทำไมล่ะครับ? เพราะว่าพวกเราเป็นผู้ชายทั้งคู่เหรอ? ”

“ก็นะ ก็เห็นไอ้กชมันเคยคบผู้หญิงมาก่อน เลยไม่ทันคิดว่ามันจะคบกับผู้ชายได้”

คำตอบนั้นทำให้ผมนิ่งไปนิดหนึ่งอย่างแปลกใจ ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย แต่ผมก็ไม่กระตือรือร้นที่จะถามพี่กชเองด้วยแหละ

“มันคบกับก้อยจนถึงเมื่อไหร่นะ ปีที่แล้วเองไม่ใช่เหรอ”

“เออ ก็เห็นคบกันมาตั้งแต่ม.6 แต่เลิกปีที่แล้วตั้งแต่ต้นปีแล้วม้าง” พี่ตูนว่า

“แต่น้องมิวก็หน้าตาน่ารักดีนะ” พี่บีมชวนคุยบ้าง “แบบ… เออ ต่อให้ไอ้กชไปคบด้วยก็ยังพอโอเค”

เดี๋ยวๆ ๆ พูดงี้หมายความว่าไงครับ แล้วชมผมที่เป็นผู้ชายธรรมดาว่าน่ารักนี่ ผมควรต้องดีใจไหม?

“เออ ไอ้กชถึงมันจะสถุลๆ ไปบ้างแต่มันก็หน้าตาดี”

“จริงๆ มันเคยเล่าให้กูฟังด้วยนะว่าเคยโดนผู้ชายจีบ”

“สัส จริงดิ ทำไมกูไม่เห็นเคยรู้”

เออ นั่นสิ ทำไมผมไมเห็นเคยรู้... ไม่สิ! นี่ผมรู้อะไรกับเขาบ้างไหมเนี่ย?

“เฮ้ย ไอ้บีม ไอ้ตูน” อยู่ๆ พี่แก๊ปก็พูดโพล่งขึ้นมาด้วยท่าทีแตกตื่น “แม่กูจะมาแล้วว่ะ รีบยัดห่าลงไปเดี๋ยวนี้ พวกมึงจะกลับกับกูใช่ไหม”

“อ้าว ไอ้บ้า แล้วเพิ่งมาบอก” จากนั้นพี่ทั้งสองคนก็ยัดห่าตามที่พี่แก๊ปว่าจริงๆ เฮ้ย ใจเย็น พวกพี่ เดี๋ยวติดคอ

“ไอ้บอส มึงกลับเองนะ? ”

“เออ กูมีมอ’ไซค์ไง”

“งั้นก็โชคดี” พูดพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นดื่มรวด จากนั้นพวกพี่แก๊ปก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็วโดยทิ้งเงินไว้ให้พี่บอสตามเคย

รู้สึกคุ้นๆ เหมือนเพิ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว

“เอ่อ” ผมพูดเกริ่นขึ้นมา นึกด่าตัวเองในใจที่กินข้าวช้า แทนที่จะรีบๆ กินแล้วก็รีบเผ่น “งั้น… เดี๋ยวผมขอตัวเลยดีกว่า รบกวนพี่มานานแล้ว”

“ยังกินไม่หมดเลยไม่ใช่เหรอ”

แหม เหลืออีกสองคำ หรือต่อให้เหลืออีกครึ่งจานผมก็ไม่มีอารมณ์กินต่อแล้วล่ะครับ

"ผมอิ่มแล้วน่ะครับ เอาเป็นว่าผมขอตัวก่อนดีกว่า นี่ครับ ผมฝากจ่ายด้วยนะ"

ว่าแล้วผมก็วางเงินค่าข้าวแบบพอดีเป๊ะไม่ขาดไม่เกินสมทบกับเงินของกลุ่มเพื่อนพี่บอสที่จรลีหนีกลับไปก่อน

ผมกลับมานอนกลิ้งอ่านคอมเม้นท์และดูฟี้ดแบ็คที่ได้รับจากแฟนๆ บนห้อง คอมเม้นท์ใหม่มีมาเรื่อยๆ กระแสตอบรับของช่องผมตอนนี้มันดี... ดีจนทำให้ผมไม่สามารถสลัดคำพูดเมื่อครู่ของพี่บอสออกจากหัวได้เลย

'ใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือนี่มันสบายดีเนอะ'

ตกลงว่าผมใช้พี่กชเป็นเครื่องมือจริงๆ ใช่ไหม?





-----------------------------------------------
Talk: กลับมาแล้วค่ะหลังจากหายไปหลายวัน เที่ยวปีใหม่จนเหนื่อยไปหมด เดินทางเยอะมากเลย TvT ส่วนตอนนี้กลับมาญี่ปุ่นแล้วค่ะ พรุ่งนี้ทำงาน ฮือออออ ยังพักได้ไม่เต็มที่เลย//เกาะขาเตียง

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
รู้สึกไม่ชอบพี่บอส  :ling1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
บอสพูดอย่างนี้น้องมิวคิดหนักเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด