My Evil Twin แฝดผม นรกส่งมาเกิด[จบแล้ว][Updateเรื่องรวมเล่ม]P.7
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Evil Twin แฝดผม นรกส่งมาเกิด[จบแล้ว][Updateเรื่องรวมเล่ม]P.7  (อ่าน 69737 ครั้ง)

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**********************************************
สวัสดีค่ะ Airin_and เองค่า >3<

ใครที่ไม่ชอบแนวพี่น้องหรือ incest กดออกได้เลยนะคะ ไม่แนะนำให้อ่านต่ออย่างแรงค่ะถ้ารับไม่ได้

สารบัญ

บทนำบทที่ 1บทที่ 2บทที่ 3บทที่ 4บทที่ 5บทที่ 6 (NC)บทที่ 7บทที่ 8บทที่ 9บทที่ 10บทที่ 11 (NC)บทที่ 12บทที่ 13บทที่ 14บทที่ 15บทที่ 16บทที่ 17บทที่ 18บทที่ 19บทที่ 20บทที่ 21 (NC)บทที่ 22บทที่ 23บทที่ 24บทที่ 25บทที่ 26บทที่ 27บทที่ 28บทที่ 29บทที่ 30บทที่ 31บทที่ 32บทที่ 33บทที่ 33.1 (NC)บทที่ 34บทที่ 35บทที่ 36บทที่ 37บทที่ 38บทที่ 39บทที่ 40บทที่ 40.1 (NC)บทที่ 41บทที่ 42บทที่ 43บทที่ 44บทที่ 45บทที่ 46บทที่ 47บทที่ 48บทที่ 49บทที่ 50บทที่ 51บทที่ 52บทส่งท้าย

นิยายเรื่องอื่นๆ ที่ลงในเล้า

Sweet Sanctuary ที่รักพรางใจ (จบแล้ว)ทำไงดีลูกผมเป็นเกย์ (On Air)Faded Fog หมอกเลือนรัก (On Air)Kill me gently จุมพิตอันธการ (On Air)

มาพูดคุยและติดตามกันได้ตามนี้เลยค่ะ
FacebookTwitter

ขอให้สนุกกับนิยายค่ะ :)
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-11-2017 17:24:19 โดย Airiณ »

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
คำเตือน: นิยายเรื่องนี้incest นะคะ แฝดได้กันแน่นอน ใครที่รับแนวนี้ไม่ได้ กดออกด่วนเลยค่ะ! >_<;; (ด้วยความปรารถนาดีจาก ไรท์เอง)




บทนำ




   ใครๆ ก็บอกว่าน้องชายฝาแฝดของผมเป็นเด็กสุดแสบที่ไม่รู้ว่านรกขุมไหนส่งมาเกิด


.
.
.
.
“เฮ้ โลแกน ฉันกลับมาแล้ว” ผมตะโกนเรียกอีกฝ่ายที่ในเวลาแบบนี้น่าจะอยู่บ้าน ก่อนจะต้องนิ่วหน้าขึ้นเพราะไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ดังมาให้ได้ยินจากชั้นบน

เอ… หรือว่าหมอนั่นจะไม่อยู่บ้าน ก็ไม่น่าแปลกใจขนาดนั้นหรอกนะ กับเด็กอายุ 17 ที่เลือดในกายกำลังพลุ่งพล่านแล้วก็อยากจะออกไปหาเรื่องสนุกๆ ทำตลอดเวลาตามประสาวัยรุ่น

ประเด็นคือถ้าไอ้น้องชายฝาแฝดตัวแสบของผมมันเกิดอยากจะสนุกขึ้นมาสักที… ต้องได้มีเรื่องการนองเลือดหรือไม่ก็เรื่องวุ่นวายอะไรสักอย่างเกิดขึ้นตามมาทุกที ไม่สิ ต้องบอกว่ามันเกิดขึ้นมาพร้อมๆ กันต่างหาก เหมือนกับว่าเรื่องวุ่นวายและนองเลือดคือเรื่องสนุกของไอ้ตัวแสบอย่างไรก็ไม่ปาน

ผมวางกระเป๋าที่ใส่อุปกรณ์การเรียน เครื่องเขียน หนังสือ สมุดลงบนโซฟาที่ห้องรับแขก ตอนนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียน และผมเพิ่งไปทำรายงานช่วงปิดเทอมกับเพื่อนร่วมห้องมา ส่วนไอ้โลแกน… เดาว่ามันคงทำเสร็จไปตั้งแต่วันแรกที่โรงเรียนหยุดแล้ว ไอ้หมอนี่มันหัวดี ถ้าตั้งใจทำเรื่องดีๆ แป๊บเดียวก็ทำได้ เพียงแต่มันไม่ค่อยจะชอบทำเรื่องดีๆ เท่าไรเท่านั้นเอง

ผมเดินไปล้างมือ ล้างหน้าล้างตาสักหน่อย เป็นสิ่งที่ทำจนเป็นนิสัยเวลาเพิ่งกลับมาถึงบ้าน บานกระจกในห้องน้ำสะท้อนให้เห็นเด็กหนุ่มผมสีทอง นัยน์ตาสีฟ้า ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแบบที่ผมอดคิดไม่ได้ว่าบางทีก็เกลี้ยงไปหน่อย คือบางทีผู้ชายอย่างเราๆ ก็อยากไว้เคราไว้หนวดให้สาวๆ กรี๊ดบ้าง แต่เหมือนกรรมพันธุ์ผมจะไม่ค่อยสนับสนุนเรื่องนั้นสักเท่าไร

เอ… แต่ผมรู้สึกเหมือนได้ยินอะไรแว่วๆ ดังมาจากด้านบน… เหมือนเสียงทีวี หมอนั่นดูหนังอยู่บนห้องเหรอ?

ผมก้าวขึ้นไปบันไดบ้านไปหวังว่าจะไปหาคำตอบ แม้จะรู้สึกแปลกขึ้นเรื่อยๆ เพราะเสียงที่ได้ยินลอดออกมามันไม่ต่างจากหนังเอวีที่จะต้องมีผู้หญิงร้องครางตลอดแทบทั้งเรื่อง

ผมเปิดประตูพรวดเข้าไปโดยไม่เคาะ แล้วก็เป็นอย่างที่คาดจริงๆ น้องชายตัวดีของผมนั่งจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ตาไม่กระพริบ ไม่สนแม้ว่าผมจะยืนอยู่ที่ด้านหลังเจ้าตัวระยะประชิด ไม่มีอาการสะดุ้งตกใจแบบเด็กวัยรุ่นที่ทั่วไปที่พอโดนจับได้ว่าแอบดูหนังโป๊จะทำกัน ซึ่งเรื่องนั้นผมก็ไม่แปลกใจอะไรหรอก เพราะไอ้น้องชายฝาแฝดคนนี้ของผมมันก็...

แต่เดี๋ยวก่อนนะ… ผู้ชายผมทองๆ ที่อยู่ในวิดีโอนั่นมัน…

“โลแกน” ผมขมวดคิ้วมุ่น “อย่าบอกนะว่า… ที่อยู่ในวิดีโอนั่นมัน… นายน่ะ”

ชายหนุ่มที่มีใบหน้าแบบเดียวกับผมไม่ผิดเพี้ยนหันกลับมายิ้มให้และตอบรับสั้นๆ

“ใช่”

โอ๊ย ตาย…

“แล้วนี่นายกำลังทำอะไร” เพราะดูจากสภาพเสื้อผ้าที่อยู่เป็นที่เป็นทางของเจ้าตัวแล้ว… ไม่ได้กำลังช่วยตัวเองอยู่แน่ล่ะ แถมยิ่งไปกว่านั้นเจ้าตัวยังนั่งขัดสมาธิ เอามือประสานกันไว้บนตัก ทำเหมือนกับ…

“นั่งสมาธิ”

“เอ่อ ฮัลโหล?” ผมพยายามเรียบเรียง “นายนั่งสมาธิ ด้วยการดูวิดีโอที่ตัวเองมีเซ็กส์เนี่ยนะ?”

โลแกนพยักเพยิด “นั่นน่ะ เอมิลี่ ผมบลอนด์ ตาเยิ้ม เชพสะบัด”

“หล่อนนามสกุลอะไร” ผมถามอย่างรู้ดีว่าพ่อน้องชายตัวแสบของผมนอนกับผู้หญิงไปทั่วและไม่เคยจริงจังกับใคร โลแกนอ้าปากเหมือนจะพูด แต่ผลสุดท้ายก็แค่ยักไหล่ทีหนึ่ง

“ถามปุบปับแบบนี้จะไปรู้ได้ไง”

“อ่าฮะ”

“นายเคยเจอหล่อนมาก่อนรึเปล่า?”

“ไม่รู้สิ ฉันยังไม่รู้เลยว่าหน้าตาหล่อนเป็นยังไง” ผมพูดขณะที่มองก้อนเนื้อในหน้าจอกำลังดิ้นเร่าๆ อยู่ ก่อนจะรีบกระแอมขึ้น “เอ่อ นายคิดว่าจะช่วยหยุดวิดีโอนี่ก่อนได้ไหม”

“ว้า เจ็บที่หัวใจจัง เหมือนจะล้มไปกองกับพื้นได้เลยเนี่ย”

“หัดทำตัวเข้มแข็งหน่อยสิ”

“เดี๋ยวฉันค่อยมาเปิดดูทีหลังก็ได้วะ”

“นี่งานอดิเรกนายเหรอ” ผมถามด้วยน้ำเสียงขยะแขยงอย่างไม่ปิดบังขณะที่โลแกนเดินไปหยิบรีโมต กดปุ่มหยุดเล่นแล้วเดินไปกระชากยูเอสบีที่เสียบอยู่ข้างๆ หน้าจอทีวี “นั่งสมาธิไปพร้อมกับดูหนังโป๊ไปด้วยเนี่ย”

“ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนนี่”

“โอ้โห คนดีศรีสังคมสุดๆ” ผมอดผ่อนลมหายใจยาวออกมาไม่ได้ ก็รู้หรอกนะว่าน้องชายฝาแฝดผมมันเพี้ยน แต่นี่มันชักจะเพี้ยนขึ้นทุกวันๆ “ทำไมไม่หางานอดิเรกแบบคนธรรมดาๆ เขาทำกันบ้าง คนธรรมดาเขาไปตกปลา ตีกอล์ฟ เล่นโยคะ หรือเล่นเกมคอมพิวเตอร์ก็ยังดี”

“อบรมเรื่องกรอบศีลธรรมที่น่าเคารพบูชาเหรอ” โลแกนคลี่ยิ้ม “เป็นคนดีกันจังเลยนะ เราเนี่ย”

เฮ้อ….

“แล้วตอนที่นายดู นายไม่…” ผมทำไม้ทำมือ พยายามบังคับสีหน้าตัวเองไม่ให้ดูอ่อนใจจนเกินไปนัก แต่ก็ควบคุมไม่ค่อยได้อยู่ดี

“ไม่เกิดอารมณ์น่ะเหรอ?”

“ประมาณนั้น”

“ไม่นี่” ชายหนุ่มตอบหน้าตาเฉย “ถ้าไม่ได้มีเซ็กส์… ไม่ได้มีผู้หญิงอยู่ตรงหน้าจริงๆ ก็ไม่ทำให้ฉันรู้สึกอะไรหรอก ภาพลวงตาพวกนี้มันช่วยเติมเต็มความปรารถนาไม่ได้”

“อ้อ เหรอ”

โลแกนหันมายิ้มล้อเลียนให้ผม ดวงตาสีฟ้านี่ประกายระยิบทีเดียว

“เพราะงั้นฉันถึงไม่เคยช่วยตัวเองไง”

“ดีใจที่ได้รู้นะ” น้ำเสียงประชดสุดๆ “แล้วนี่… นายอยู่บ้านก็ดีแล้ว ฉันได้ยินข่าวลือเรื่องที่นายไปตีกับพวกชมรมอเมริกันฟุตบอล ทำเอาฝั่งนู้นเข้าโรง'บาลกันเป็นสิบ”

“เกินสิบเหอะ” โลแกนแก้ นั่นยิ่งทำให้ผมต้องขมวดคิ้วมุ่นไปกันใหญ่ นี่มันมีสามัญสำนึกแบบคนทั่วไปเขามีบ้างไหมเนี่ย สักเสี้ยวหนึ่งก็ยังดี

“แล้วไหนแผล” ผมกวาดตาสำรวจทั่วร่างของคนตรงหน้า แค่แผลเป็นหรือรอยถลอกเล็กยังไม่มีเลย

โลแกนทำยกมือกุมอก ทำสีหน้าเจ็บปวดราวกับผมเพิ่งตบหน้าเขาแรงๆ ทีหนึ่ง

“นั่นทำร้ายจิตใจผมมากเลยนะ” เจ้าตัวว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ดูถูกฉันอะไรขนาดนั้น ฉันไม่เคยดูถูกนายเลยสักครั้งแท้ๆ”

“เฮ้ย” ผมสะดุ้ง “แต่มันจะเป็นไปได้ไง นายไปต่อยตีกับชาวบ้านมา ฝั่งนู้นเขามีกันเป็นสิบๆ ตัวก็ใหญ่จะตาย นายสู้พวกนั้นคนเดียว จะเป็นไปได้ไง ไม่มีแผลกลับมาเนี่ย”

โลแกนยกยิ้มอีกครั้ง หากครั้งนี้มันทำให้ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เจ้าตัวก้าวเท้าเข้ามาประชิดตัวผม ใช้มือเชยคางผมขึ้นไปนิดหนึ่ง

“นายยังต้องทำความรู้จักฉันอีกเยอะ คุณ พี่ ชาย ฝา แฝด”

แล้วเจ้าตัวก็เดินออกจากห้องไป คงจะไปทำอาหารเพราะวันนี้เป็นเวรของมัน

ต้องทำความรู้จักมันให้มากกว่านี้งั้นเหรอ ขอทีเถอะ แค่ 17 ปีที่ผ่านมา ผมว่ามันก็มากเกินพอแล้วนะ… จริงๆ

ไม่ขอรู้จักมากไปกว่านี้แล้วได้ไหมล่ะ...


ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3




บทที่ 1

(Mode: Logan Collins)






ผมมีความลับอย่างหนึ่ง

ไม่สิ อันที่จริงก็มีหลายอย่างแหละ แต่เอาเป็นว่าไอ้อย่างหนึ่งที่ว่านี่มันเป็นสาเหตุที่ทำให้ความลับอีกเป็นล้านตามมาก็เท่านั้น

อ้อ ใช่ และความลับนี้ ลูคัส คอลลินส์ พี่ชายฝาแฝดของผมก็ไม่รู้ และผมก็ไม่นึกอยากให้เขารู้ ไม่อย่างนั้นคงได้วุ่นวายบ้านแตกกันไปใหญ่ เอาเป็นว่าความลับยิ่งใหญ่ของผมเนี่ย เก็บไว้เป็นความลับกับคนทั้งโลกนี้ได้เลยยิ่งดี

“โลแกน” เสียงจากบุรุษในชุดสูทตรงหน้าเอ่ยเรียก ผมจึงหันกลับมาให้ความสนใจกับคนตรงหน้าต่อ “เหม่ออะไรน่ะ ตั้งใจฟังที่พ่อพูดหน่อยสิ”

คนที่เรียกตัวเองว่าพ่อผมมีเขางอกออกมาจากหัวสองข้าง มันโค้งงอเข้าหากัน และถ้าคุณยังนึกภาพไม่ออก ผมแนะนำให้ลองเสิร์ชหาคำว่าลูซิเฟอร์ดูในอินเตอร์เน็ต เพราะตอนนี้ชายหนุ่มคนนั้นสะท้อนออกมาให้เห็นจากกระจกเงาที่ตั้งอยู่ตรงหน้าผม

ขอแนะนำให้รู้จัก นี่พ่อผมเอง ชื่อลูฟิเซอร์ อาศัยอยู่ในนรก แล้วก็เป็นคนที่เตะโด่งส่งผมมาเกิดท้องเดียวกันกับลูคัสแบบงงๆ แต่ที่ไม่งงคือส่งตรงมาจากนรกของแท้แน่นอน ฉากหลังของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บุกำมะหยี่สีแดงสุดหรูคือไฟโลกันต์ที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินทั้งๆ ที่ตรงนั้นก็ไม่ได้มีอะไรให้เผา

ก็อย่างว่า ในนรก คุณไม่จำเป็นต้องมีอะไรให้เผาก็สามารถมีไฟขึ้นอยู่ทุกที่ได้น่ะนะ

“ท่านพ่อจะพูดอะไรครับ” ผมถามต่ออย่างเบื่อๆ ยิ่งการที่อีกฝ่ายบังคับให้ผมต้องยืนตลอดการสนทนาระหว่างพวกเราสองคนแบบนี้ยิ่งทำเอาผมเซ็งเข้าไปใหญ่ อยากจะรีบๆ ปิดบทสนทนาเร็วๆ แล้วไปหาอะไรสนุกๆ ทำต่อสักที ยืนแบบนี้นานๆ มันก็เมื่อยขาเหมือนกันนะ

“ฉันจะให้แกไปฆ่าคนคนหนึ่ง”

ผมยกยิ้มเยาะแทบจะในทันที

“คนเดียวเองเหรอพ่อ”

“อย่ามาทำเป็นปากดี”

“อ้าว ก็ผมพูดจริงนี่” ผมยกมือสองข้างขึ้นประสานกัน แหม ถ้านั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วยกขาขึ้นไขว่ห้างได้ ภาพที่ออกมาคงจะเท่ห์น่าดูชมไม่ใช่น้อย “ที่ผ่านมา ผมก็ฆ่าคนไปให้พ่อตั้งเยอะแล้ว อยู่ๆ จะมาขอให้ฆ่าคนคนเดียวเนี่ยนะ? ไม่แปลกไปหน่อยเหรอครับ”

“จบงานนี้ ฉันจะให้แกกลับมาอยู่ที่นรก”

ข้อเสนอนี้ฟังดูน่าสนใจ ผมเขยิบตัวเข้าไปใกล้บานกระจกมากขึ้น

“ท่านพ่อจะให้ผมฆ่าใคร”

“จูดี้ ฮิลล์”

“แล้วเขาเป็นใครล่ะพ่อ”

“รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนปัจจุบัน”

“หา” ผมโอดครวญขึ้นมาทันที พ่อพูดถึงใครกันวะเนี่ย หน้าตาผมยังไม่เคยเห็นเลย

“ทำไม่ได้เรอะ” น้ำเสียงนั้นงวดขึ้นมาทันที

“ผมไม่ได้พูดแบบนั้น” ผมบ่นงึมงำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับอีกฝ่ายตรงๆ “แต่มันต้องใช้เวลา”

ใช่เลย คำนวณจากความสามารถของผมในตอนนี้ ศักยภาพทางด้านร่างกายที่มีขีดจำกัด ข้อมูลวงในที่ยังมีไม่มากเพียงพอ และอะไรทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นข้อจำกัดของตัวเองทำให้ผมพูดแบบนั้นออกไป

“ฉันให้เวลาแกตลอดทั้งอายุขัยมนุษย์ที่แกมี”

“คงไม่ต้องใช้เวลามากขนาดนั้น” ผมยิ้ม รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไรบอกไม่ถูก แค่ได้คิดว่าจะได้กลับไปนรก… กลับไปยังที่ที่ตัวเองจากมาก็ตื่นเต้นแล้ว ถึงผมจะจำไม่ได้แล้วว่ามันเป็นที่ยังไงก็เถอะ แต่เชื่อขนมกินได้ มันต้องเป็นที่ที่สนุก ตื่นเต้น แล้วก็ท้าทายกว่าโลกมนุษย์นี้แน่ “พ่อเชื่อใจผมได้เลย ผมจะไปฆ่าผู้หญิงคนนั้นให้”

“อย่าสะเออะตายขึ้นมาก่อนแล้วกัน”

“ไม่หรอกน่าพ่อ อย่าดูถูกผมนักสิ”

“แกก็อย่าดูถูกศัตรูตัวเอง” น้ำเสียงของชายในชุดสูทจริงจังมากขึ้น ผมยังคงส่งยิ้มไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรให้อีกฝ่ายตามเคย แต่ไม่ต้องย้ำหลายๆ รอบ ผมก็รู้น่าว่างานนี้ไม่หมู รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งสหรัฐอเมริกาเนี่ยนะ? คนคุ้มกันต้องมากมาย เส้นสายวงในต้องเยอะ และผมก็กำลังวางแผนในหัวอย่างรวดเร็วว่าจะต้องทำยังไงเพื่อให้ตัวเองไปอยู่ในวงในที่ว่านั่นให้ได้

“ผมจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด” ผมรับปาก ไม่บ่อยหรอกที่ผมจะรับปากทำตามที่พ่อสั่งงานมาดีๆ แต่คราวนี้ข้อเสนอมันยั่วยวนเกินห้ามใจไหวจริงๆ

“แล้วแฝดแก เป็นยังไงบ้าง”

“ลูคัสน่ะเหรอ” ผมเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แปลกใจไม่น้อยที่ท่านลูซิเฟอร์ถามถึงมนุษย์ผู้ต่ำต้อยเรี่ยดินที่บังเอิญโชคดีเกิดมาหน้าตาดีแบบผมแบบนี้ “หมอนั่นก็สบายดี ยังเห่ยเหมือนเดิม แต่ก็สุขสบายดี”

“อย่าให้มันรู้ตัวตนที่แท้จริงของแกแล้วกัน”

“โธ่ พ่อ” ผมกลอกตาขึ้นมองเพดาน เป็นถึงลูซิเฟอร์ทั้งที จะมามัวกำชับ กังวลเรื่องหยุมหยิมพรรค์นี้ไปทำไมเนี่ย “ต่อให้หมอนั่นรู้ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกน่า มันไม่กล้าเอาไปบอกใครหรอก หรือต่อให้เอาไปบอก ใครจะไปเชื่อ หรือถ้าลำบากนัก ผมฆ่ามันทิ้งก็ได้ จะได้จบๆ เรื่อง ไม่ต้องมานั่งพะว้าพะวงกัน”

“แกน่ะเหรอจะฆ่าพี่ชายฝาแฝดแก” ลูซิเฟอร์หนุ่มยกยิ้มเหยียด “แกแน่ใจเหรอว่าจะทำได้ โลแกน”

“แน่ใจสิพ่อ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น ไม่ชอบใจเลยจริงๆ เวลาที่อีกฝ่ายเหมือนดูถูกตัวเองแบบนี้ “ผมจะฆ่าใครก็ได้ถ้าผมตั้งใจจะฆ่า แต่ที่ผมไม่ฆ่าหมอนั่นก็เพราะไม่มีเหตุผลอะไรให้ฆ่าต่างหาก อีกอย่าง… อยู่กับหมอนั่นก็สุขสบายดี มีคนให้ใช้งาน”

“ได้ข่าวว่าบางทีมันก็ใช้งานแกเหมือนกันไม่ใช่เรอะ”

ผมยักไหล่ “มันก็ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันไปอ่ะพ่อ”

“ก็ไอ้ตรงจุดนั้นแหละ” ชายหนุ่มในกระจกเงาแสยะยิ้ม “ระวังไว้ให้ดี เพราะมันจะเป็นสิ่งที่ทำให้แกฆ่าคนคนนั้นไม่ได้”

ผมนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเหยียดยิ้มยียวนไม่ต่างจากคนตรงหน้าแม้แต่น้อยแล้วถามย้อนกลับ

“แปลว่าผู้หญิงที่พ่อสั่งให้ผมไปฆ่าเนี่ย… พ่อก็ฆ่าหล่อนไม่ได้ด้วยเหตุผลที่ว่ามานี่เหมือนกันใช่ไหมครับ?”

“เฮ้ย” คนเป็นเจ้าแห่งปีศาจทั้งปวงสะดุ้ง “จะบ้าเหรอ คนอย่างฉันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะไปฆ่าใครด้วยมือของตัวเองต่างหาก ไม่งั้นแกคิดว่าฉันจะส่งแกขึ้นไปบนนั้นทำไมถ้าไม่ใช่เพื่อคอยให้แกทำงานให้ฉัน”

“โอเคฮะ” ผมยักไหล่ เริ่มรู้สึกเมื่อยขาขึ้นมาจริงๆ แล้ว อันที่จริงคือ… ขี้เกียจจะยืนแล้วก็เสวนาต่อมากกว่า “พ่อว่าไงก็ว่างั้น แล้วนี่พ่อมีอะไรอีกรึเปล่า ถ้าไม่ ผมจะไปทำอย่างอื่นแล้ว”

“แกนี่… จริงๆ เลย นี่ฉันเป็นพ่อแกนะ ไอ้ลูกเวร”

เอ๊า… ก็ตัวเองเป็นคนปั้นผมขึ้นมาให้เป็นแบบนี้เองนะ   

“เออ เอาเถอะ แกไปได้ล่ะ แล้วฝากทักทายพี่ชายฝาแฝดของแกด้วย แล้วเดี๋ยวจะติดต่อไปใหม่”

“สวัสดีครับ” ผมโค้งให้คนตรงหน้านิดหนึ่ง จากนั้นภาพสะท้อนในกระจกเงาก็กลายเป็นตัวของผมเองโดยมีพื้นหลังเป็นเตียงนอนและโทรทัศน์ตั้งโต๊ะ ภาพที่สะท้อนออกมาให้เห็นคือเด็กหนุ่มวัย 17 ที่มีกล้ามเนื้อซ่อนอยู่ใต้เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว มีเสื้อสีดำแขนกุดตัวนอกติดอยู่ กางเกงขายาวสีดำ นัยน์ตาสีฟ้าที่ดูเหมือนคนปกติทั่วไป จากนั้นก็เส้นผมสีบลอนด์ทองที่ผมบรรจงจัดแต่งทุกห้านาที

หล่อ สมบูรณ์ เพอร์เฟคต์ จะมีใครในโลกนี้ดูดีไปกว่าผมบ้าง?

“โลแกน” เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมด้วยเสียงเรียกของใครอีกคนที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับผมเป๊ะ

อ้อ ใช่ เป็นเรื่องโชคดีมากที่โลกนี้มีคนหล่อแบบผมเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน ซึ่งก็คือพี่ชายฝาแฝดที่กำลังมองมาที่ผมอย่างไม่ค่อยไว้ใจอยู่ในตอนนี้ไง

“ว่าไง ลูคัส” ผมสิ่งยิ้มหวานให้เขา

“นายทำอะไรอยู่”

“ฝึกซ้อมพูดหน้ากระจก”

“ซ้อมพูด?” ลูคัสทวนคำ คิ้วเรียวขมวดติดเข้าหากัน คนอะไร ขนาดงงยังดูดี อ้อ ก็เหมือนผมเลยสิ ดูดีทุกอริยาบทแบบนี้ “ซ้อมพูดอะไร มีพรีเซ้นท์อะไรเร็วๆ นี้เหรอ? วิชาอะไร โปรเฟสเซอร์คนไหน”

“วิชาเคล็ดลับในการทำตัวให้ดูดีตลอด 24 ชม. โปรเฟสเซอร์โลแกน คอลลินส์”

ลูคัสขมวดคิ้วขึ้นฉับทันที

“ฮาฮาฮา ตลกตายล่ะ ไอ้น้อง”

“ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วล่ะ” ผมเอ่ยถาม เลื่อนมือไปปัดผมเส้นหนึ่งที่หลุดออกจากตำแหน่งที่มันควรอยู่ “ไม่ได้ทำงานจนถึงเที่ยงคืนหรอกเหรอ”

“โดนไล่กลับก่อนน่ะสิ ฉันทำแก้วแตกไปสองใบวันนี้”

“ใครไล่นายกลับ”ผมถามย้อนกลับ ลูคัสสะดุ้งตัวทันที สีหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด หมอนี่มักจะแหยแบบนี้ทุกทีเวลาที่บรรยากาศรอบตัวผมเปลี่ยนไป แม้จะแค่นิดเดียวก็ตาม

ถึงตอนที่ผมคุยกับท่านพ่อ ผมจะพูดว่าสามารถฆ่าหมอนี่ได้ง่ายอย่างนู้นอย่างนี้ แต่ในเมื่อผมไม่ได้มีความคิดอะไรที่จะฆ่าเขา เขาก็ถือเป็นพี่ชายฝาแฝดของผม เป็นหนึ่งในคนหน้าตาดีที่สุดของโลกที่ควรจะรักษาให้มีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะงั้น… ใครมาทำอะไรหมอนี่สมควรโดน

“เอ่อ ฉันว่าเรื่องนั้นช่างมันเถอะ อีกอย่างฉันก็แย่เองที่ทำงานไม่ดี วันนี้เหนื่อยๆ น่ะ เพราะงั้นช่างมันเถอะนะ แล้วนี่นายกินอะไรหรือยัง วันนี้เวรฉันทำกับข้าวด้วย ถ้านายยังไม่ได้กินเดี๋ยวฉัน…”

ผมคว้าแขนของชายหนุ่มที่มีใบหน้าเหมือนผมทุกประการขึ้นมาทันที ลูคัสชะงักไป หันกลับมามองหน้าผมอย่างเกรงๆ ให้เดานะตอนนี้ผมต้องทำหน้าน่ากลัวมากสำหรับหมอนี่

“ใครเป็นคนไล่นายกลับ”

“เฮ้ โลแกน ใจเย็นสิ” ลูคัสว่า พยายามพูดช้าๆ และเลื่อนมือมาลูบแขนผม โธ่เอ๊ย ถ้าทำแค่นี้จะช่วยให้ใครใจเย็นลงได้ สงครามโลกคงไม่เกิดขึ้นถึงสองครั้งแล้ว

“ฟังนะ” ลูคัสช้อนสายตาขึ้นมาสบตาผมตรงๆ พยายามอธิบายเรื่องเดิมๆ ให้ผมฟัง “ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ เห็นไหม นายลองคิดดูดีๆ สิ ฉันทำแก้วแตกไปสองใบ อย่างน้อยคนที่ร้านก็ไม่หักเงินฉัน แค่ขอให้ฉันกลับมาก่อนเท่านั้นเอง อีกอย่าง วันนี้ฉันเองก็เหนื่อยมากแล้ว ได้กลับมาก่อนแบบนี้ก็คิดว่าดีแล้วเหมือนกัน เพราะงั้นนายอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ จริงๆ”

ผมสบตาอีกฝ่ายตรงๆ มันสะท้อนออกมาให้เห็นว่าเจ้าตัวหมายความแบบนั้นจริงๆ เห็นแบบนี้ก็หมดอารมณ์อยากจะไปอัดก้นคนแล้ว

“ถ้านายว่างั้นก็ตามใจ” ผมยักไหล่ให้เขาทีหนึ่ง และนั่นแทบทำให้ลูคัสถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอก เบื่อจริง ไอ้นิสัยเป็นคนดีไม่เข้าท่าของไอ้หมอนี่ บางทีผมก็อดคิดไม่ได้นะว่าเทวดา นางฟ้านางสวรรค์สักคนแม่งส่งไอ้หมอนี่ลงมาเกิดพร้อมๆ กับตอนที่พ่อเตะโด่งส่งผมขึ้นมา มันจะเป็นคนดีอะไรขนาดน้าน… เรื่องบางเรื่องที่ไม่ควรยอม ไอ้หมอนี่ก็ยอม เพียงเพราะไม่อยากมีปัญหา ไม่อยากให้ใครเจ็บตัว

เหอะ พ่อคนโลกสวย

“งั้นก็ไปทำอะไรมาให้ฉันกินได้แล้ว” ผมพูดตัดบท ยกมือโบกไล่อีกฝ่าย ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงด้วย เดี๋ยววันไหนที่มันเดือดร้อนมากจริงๆ มันก็มาขอให้ผมช่วยเองแหละ เรื่องแบบนี้ พวกเราสองคนรู้กันดี “หิวจะแย่แล้วเนี่ย นึกว่าวันนี้นายจะกลับช้า ตั้งใจจะไปกินแมคโดนัลด์อยู่แล้ว”

“อาหารขยะ” ลูคัสพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ ผมเลยยักไหล่ส่งให้เจ้าตัวทีหนึ่ง

“ทำยังกับนายไม่กิน”

“ก็ถ้าไม่มีอะไรกินก็กิน”

“นั่นไง”

“เออๆๆ รู้แล้วๆ เดี๋ยวจะไปทำให้ ดูทีวีรอไปก่อน… แล้วไม่ต้องเลยนะ ไอ้หนังโป๊ของนายเนี่ย หรือถ้าจะดู ช่วยเปิดเสียงเบาๆ แล้วก็ปิดตอนฉันโผล่กลับขึ้นมาบนห้องด้วย เข้าใจรึเปล่า?”

“ไม่อะ”

ลูคัสขมวดคิ้วคิ้วฉับทันทีด้วยความยียวนของผม ผมเลยยิ้มหวานส่งกลับให้เจ้าตัวที่ตอนนี้เริ่มบ่นในลำคอพึมพำ เดินกระแทกเท้าแล้วปิดประตูห้องดังโครมออกไป

แหม… แหย่พี่ชายตัวเองเล่นนี่สนุกจัง





ออฟไลน์ mutyamania

  • สามารถติดตามงานติดเรทที่ลงเล้าไม่ได้ที่ ReadAWrite ในชื่อมัสยากลับมาจากป่าช้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1898
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +794/-139
    • https://mutyawhocamebackfromthedead.readawrite.com
เราชอบมาก เราเป็นพวกคลั่งแฝด

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบแฝด  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3


บทที่ 2

(Mode: Lucas Collins)





บางทีผมก็อดคิดไม่ได้จริงๆ นะว่าไอ้บ้าโลแกนแม่งเป็นคนที่ถูกนรกส่งมาเกิดจริงๆ

“เฮ้ย แก… นั่นมันคอลลินส์นี่หว่า อย่าหันไปสบตามันนะ”

“แต่ที่ฉันได้ยินมามันมีฝาแฝดไม่ใช่เหรอ แล้วคนนี้คนไหนล่ะ”

“จะคนไหนก็ช่างเถอะ แม่ง แค่เห็นหน้าแบบนั้นก็เตรียมเผ่นป่าราบได้แล้ว มึงไม่ได้ยินข่าวเหรอ ที่มันไปกระทืบพวกชมรมอเมริกันฟุตบอลน่ะ เป็นอันว่าปีนี้ชมรมนั้นต้องอดไปแข่งทัวร์นาเม้นต์เพราะเจ็บกันระนาวเลยนะเว้ย ด้วยฝีมือไอ้คอลลินส์คนเดียว น่ากลัวจะตายห่า”

เดี๋ยวๆๆๆ ช่วยระบุด้วยนิดหนึ่งได้ไหมล่ะว่านั่นน่ะโลแกน คอลลินส์… ลูคัส คอลลินส์อย่างฉันไม่เกี่ยวอะไรด้วยโว้ย!!

“เฮ้ย! เมื่อกี้เขาหันมามองพวกเราด้วยนิดหนึ่งว่ะ ไปกันเถอะเพื่อน” ว่าแล้วเจ้าสองคนนั้นที่คนหนึ่งรูปร่างใหญ่โตกว่าผมเกือบสองเท่า ส่วนอีกคนที่เตี้ยกว่าผมแต่ดึบึกบันกว่าแน่นอนก็รีบจ้ำเท้าเดินออกจากรัศมีสิบเมตรจากตัวผม

ผมหันขวับไปมองรอบๆ คนอื่นๆ หันหน้าหนีกันอย่างรวดเร็ว ทำเอาผมรู้สึกว่าคิ้วข้างขวาของตัวเองกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้

แม่งเอ๊ย ชีวิตในโรงเรียนแม่งต้องเป็นแบบนี้ทุกที ขนาดหลายๆ คนก็รู้แล้วนะว่าผมกับโลแกนเป็นแฝดที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเลือกที่จะหลบหน้ามันทั้งสองคนแบบนี้อีก มันเรื่องอะไรกันเนี่ย คนเราสมัยนี้เลือกคบกันแบบนี้แล้วเหรอ แบบ… ถ้าแฝดคนหนึ่งแม่งไม่ดีก็ต้องไม่คบอีกคนไปด้วย ไรงี้

แล้วขอพูดหน่อย… ไอ้สองคนเมื่อกี้ที่เพิ่งเผ่นหนีผมไปป่าราบน่ะ พวกเอ็งกระซิบกันซะดังขนาดนั้น ใครมันจะไม่ได้ยินบ้าง นี่ถ้าไม่ใช่ผมแต่เป็นโลแกนที่ยืนฟังอยู่ตรงนี้ ป่านนี้พวกมันคงได้ลงไปนอนเลือดอาบอยู่กับพื้น จะพูดจะจาจะนินทาอะไรก็คิดบ้าง หรือไม่งั้นก็ลดเสียงลงหน่อยก็ดี

“เฮ้อ” ผมถอนหายใจยาวอย่างอดไม่อยู่ ก่อนจะเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋าหน้าของเสื้อฮู้ด ก้าวเท้าเดินต่อไปยังตัวอาคารเรียนที่อยู่ในสภาพค่อนข้างเก่า โรงเรียนนี้เปิดมาหลายสิบปีแล้ว เคยซ่อมแซมบูรณะแบบนับนิ้วได้ เพราะงั้นสภาพของมันจะไม่ค่อยโสภานักก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ผมมุ่งหน้าไปยังล็อกเกอร์ของตัวเองเพื่อเตรียมเอากระเป๋าไปใส่และหยิบหนังสือเรียนของคาบแรกออกมา ก่อนจะต้องชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นกลุ่มเพื่อน 2-3 คนของตัวเองกำลังคุยกันอย่างออกรสกับชายหนุ่มที่มีใบหน้าแบบเดียวกับผมเป๊ะ

นั่นมันไอ้โลแกนนี่… แล้วทำไมมันถึงได้…

โลแกนอยู่ในเสื้อฮู้ดสีแดงสด กางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม เป็นสไตล์การแต่งตัวแบบเดียวกับที่ผมมักใส่ประจำ แตกต่างไปที่ว่าวันนี้ผมใส่เสื้อฮู้ดสีเทา ไม่ใช่สีแดงแบบที่มันใส่ (ป.ล. ผมกับมันสลับเสื้อผ้ากันใช้ประจำครับ แต่ส่วนมากสไตล์ของเราจะไม่เหมือนกัน มันจะชอบใส่พวกเสื้อเชิ้ตแขนยาวติดกระดุมดูกึ่งทางการหน่อยมากกว่า แต่ก็นั่นแหละ ถ้าผมคิดจะใส่เสื้อผ้าแบบนั้น ผมก็หยิบของมันมาใส่เหมือนกัน)

หากวินาทีถัดมาผมก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเพื่อนๆ กลุ่มเดียวกับผมหันมามองหน้าผมแล้วเกิดอาการผวากันไปเป็นแถบ ซึ่งอาการนั้นมักจะเกิดขึ้นเมื่อพวกมันเห็นโลแกน น้องชายฝาแฝดของผมเดินผ่านมา

ว่าแล้วปีเตอร์ หนึ่งในเพื่อนกลุ่มผมก็พยักเพยิดกับอีกสองคนที่เหลือ รวมถึงกับโลแกนด้วยเป็นเชิงว่าให้ออกไปจากพื้นที่ตรงนั้นกัน ส่วนโลแกนที่ตอนนี้สวมบทบาทเป็นผมเรียบร้อยแล้วเออออพยักหน้าตามไปด้วย อ๊ากกก ไอ้น้องเวร!

“ไอ้โลแกน!” ผมพูดเสียงดังขึ้นอย่างอดไม่อยู่ ทำเอาคนที่อยู่บริเวณแถวนั้นสะดุ้งเฮือกกันอย่างพร้อมเพรียง โลแกนแสร้งทำท่าสะดุ้งตกใจตามไปด้วยอย่างแนบเนียนหน้าตาเฉย โอ๊ยยย บางทีก็นึกอยากจะฟัดมันสักหมัดสองหมัดเหมือนกัน แต่ก็รู้ดีว่าถ้าขืนทำแบบนั้นไปมันต้องซัดผมกลับคืนมาเป็นสามเท่าแน่ๆ แล้วหมัดไอ้หมอนี่มันเบาเสียที่ไหน

“หา? หมายความไง” โจชัว เพื่อนหัวดำคนเดียวในกลุ่มผมชี้นิ้วใส่ผมสลับกับโลแกนอย่างงงๆ “หมายความว่านายคือลูคัส แล้วนี่คือโลแกน? หรือยังไง หรือว่านายคือโลแกนแต่กำลังกวนประสาทพวกเรา”

“เฮ้ อย่าไปสนใจมัน ฉันคือลูคัสจริงๆ นะ” โลแกนว่าหน้าตาเฉย ทำเอาผมรู้สึกปรี๊ดขึ้นมาทันที ไอ้เด็กบ้านี่ หาเพื่อนเองไม่ได้แล้วจะมาขโมยเพื่อนคนอื่นกันหน้าด้านๆ แบบนี้เลยเรอะ!! ไอ้น้องนรกเอ๊ยยย

“นี่” ผมพยายามข่มอารมณ์ของตัวเอง ด้วยรู้ดีว่าพลุ่งพล่านไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ดีไม่ดีคนจะคิดว่าผมเป็นโลแกนขึ้นจริงๆ เสียอีก “นาย… ไอ้แฝดตัวดี มานี่หน่อยซิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

เจ้าตัวแสบแกล้งทำเป็นถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ แต่แม่งทำได้เหมือนผมมากจริงๆ

ว่าแล้วพวกเราสองคนก็มาหลบอยู่ที่มุมหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนสวนไปมา ผมกอดอก ขมวดคิ้วมุ่น มองอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ หากน้องชายตัวดีเพียงแค่ส่งยิ้มเผล่มาให้

“นายคิดว่าตัวเองกำลังอะไรอยู่” ผมถามเสียงเย็นทีเดียว จริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันปลอมตัวเป็นผม ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเราสองพี่น้องมีบทสนทนากันในรูปแบบนี้

“ก็เล่นสวมบทเป็นลูคัสไง” โลแกนยอมรับพร้อมกับส่งยิ้มหวานหยดมาให้ ผมเอื้อมมือไปกระชากคอเสื้อมัน (หรือจริงๆ ก็คือเสื้อผม เพราะตัวนี้ผมเป็นคนซื้อมา) ขึ้นมาแล้วจ้องตาเขม็ง จริงๆ ในเวลาปกติผมเป็นคนที่กลัวหมอนี่นะ อาจจะไม่ได้กลัว แต่จะยอมลงให้แล้วก็แหยๆ กับมันนิดหนึ่ง แต่เวลาที่ผมโกรธ ต่อให้เป็นแฝดผมก็ไม่ยอมนะโว้ย

“งั้นก็เลิกเล่นได้แล้ว”

“โว้ๆๆ ใจเย็นสิพี่ชาย ไม่เห็นต้องเดือดขนาดนี้เลย” โลแกนขยับมือมาแกะมือผมออก ไม่ได้รุนแรง แต่ก็ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนเจ้าชายจะยกหลังมือของเจ้าหญิงขึ้นมาจูบแน่นอน ผมส่งนัยน์ตาเขียวปั๊ดไปให้มัน

“เพราะแบบนี้ไง คนถึงเริ่มกลัวทั้งฉันและนายไม่เลือกหน้า”

“มีคนกลัวนายไม่ดีหรอกเหรอ” โลแกนเอียงคอถามยิ้มๆ “พวกเดนมนุษย์พวกนั้นจะได้ไม่มาทำร้ายนายไง”

ผมยกมือขึ้นกุมขมับ บีบนวดนิดหนึ่งเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ตัวเอง ทำไมแฝดผมมันถึงได้เป็นคนแบบนี้นะ

“โลแกน นายไม่ควรเรียกคนอื่นว่าเดนมนุษย์นะ”

โลแกนหัวเราะก๊ากดังลั่นออกมาทันที ทำเอาผมสะดุ้ง

“เตือนเรื่องนั้นหรอกเรอะ!?”

“โลแกน!”

“เออ นี่ ลูคัส วันก่อนผมไปเดทกับโอลิเวียมาด้วยนะ”

คำพูดนั่นทำเอาผมสะดุดกึกไปทันที ความโกรธที่เหมือนดับมอดไปเมื่อครู่ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าคุณยังไม่เข้าใจ ผมก็จะบอกให้ว่าโอลิเวียคือแฟนสาวของผม

“หล่อนนี่เด็ดนะ” โลแกนว่าพร้อมกับยกลิ้นขึ้นเลียริมฝีปาก ผมรู้สึกเหมือนเส้นอะไรบางอย่างในหัวขาดผึง “แม่สาวผมบลอนด์สุดเร่าร้อน หน้าอกหน้าใจนี่สุดยอด ลีลาบนเตียงก็เผ็ดมัน สมแล้วกับที่…”

แต่ผมไม่ให้โอกาสมันพูดจนจบประโยค หมัดข้างหนึ่งลอยออกจากการควบคุมของผม หวังจะกระแทกลงบนใบหน้าที่เหมือนกับของตัวเองทุกประการนั่นให้สาแก่ใจ แต่หมัดข้างขวาของผมก็ถูกคนข้างหน้าเอื้อมมือมายึดข้อมือไว้อย่างรวดเร็วทำให้มันค้างอยู่แค่ที่กลางอากาศเท่านั้น

นัยน์ตาสีฟ้าของโลแกนวาววับอย่างขบขันและข่มขู่ไปพร้อมๆ กัน ผมคิดว่าผมกลัวนะ… แต่ความโกรธในอกตอนนี้มันมีมากกว่า ไอ้หมอนี่มันกล้าดียังไงถึงได้สวมรอยเป็นผมแล้วไปมีอะไรกับโอลิเวีย!! นั่นมันแฟนพี่ชายตัวเองนะโว้ย!!

“อย่าน่า ลูคัส ฉันยังไม่อยากเป็นศัตรูกับนายนะ”

“มันสายเกินไปแล้วตั้งแต่ที่นายยุ่งกับ…”

“ใจเย็นๆ ก่อนสิ” ไอ้ตัวแสบยกนิ้วชี้ขึ้นจุ๊ปากส่ายหน้า “ฉันไม่ได้นอนกับยัยสวยหยาดเยิ้มนั่นสักหน่อย ใจร้อนไปได้”

“หมายความว่ายังไง” คราวนี้แหละ ผมขมวดคิ้วมุ่นทันที “ก็เมื่อกี้นายพูดว่า…”

“ฉันบอกว่าลีลาของหล่อนเผ็ดมัน แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันเป็นคนนอนกับเขานี่”

โลแกนปล่อยข้อมือผม ผมยกแขนข้างนั้นขึ้นมาสะบัดเบาๆ ทันที ไอ้บ้าเอ๊ย ออกแรงบีบมาได้ ช้ำเลยเนี่ย แล้วเมื่อกี้มันพูดอะไรนะ มันไม่ได้นอนกับโอลิเวีย แล้ว…

“นี่นายอย่าบอกนะว่า…”

“นายก็รู้ใช่ไหม ลูคัส” โลแกนเหยียดยิ้มหวานทีเดียว “ว่าห้องนอนของน้าที่อยู่ถัดจากห้องนอนพวกเราไปน่ะ มันมีรูโหว่อยู่นิดหน่อยบนผนัง”

โว้ยยยยยย!! ไอ้แฝดโรคจิตนี่มันแอบดูผมมีอะไรกับแฟน!!??

“อะ… อะ…!” หน้าผมร้อนวูบขึ้น เผลอก้าวเท้าถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นปิดปากในขณะที่โลแกนเหยียดยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ ไอ้.. ไอ้หมอนี่…!!

“นายมันไอ้โรคจิต!!”

“บางคนอาจจะบอกว่าฉันเป็นน้องที่ใส่ใจนะ”

“ไหนวันนั้นนายบอกว่าจะออกไปข้างนอก!!”

“แหม จะออกไปข้างนอกได้ยังไงกัน ทำแบบนั้นก็เสียของน่ะสิ เออ ลีลานายเองก็ไม่เลวนะ แต่ยังทื่อไปหน่อย บ่งบอกว่ายังขาดประสบการณ์ ให้ฉันหาสาวเด็ดๆ ช่วยฝึกให้ก็ได้นะ หน้าตาดีอย่างพวกเราหาได้ไม่ยากอยู่แล้ว”

“ฉันมีแฟนอยู่แล้ว ไอ้ทุเรศ”

โลแกนยักไหล่ให้ผมทีหนึ่ง ท่าทียียวนกวนตีนสุดๆ หนอย… นี่ถ้าไม่ใช่ว่ามันแรงเยอะ ต่อยตีเก่งกว่าผมล่ะก็นะ… แม่ง ไม่ยุติธรรมเลย ทั้งๆ ที่เราเป็นแฝดกันแท้ๆ แต่ทำไมต้องเหมือนผมแพ้หมอนี่ทุกเรื่องด้วย แม่งเอ๊ย!!

“น่า ไม่สึกหรอสักหน่อย อย่าโวยวายไปเลย” เจ้าตัวดีพูดยิ้มๆ เลื่อนแขนมาตบบ่าผมแปะๆ ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้ควรจะโกรธ อาย หรือว่าอยากจะร้องไห้ดี บางทีคงทุกอย่างผสมรวมกัน “เออ แต่เรื่องที่ผมบอกไปเดทกับโอลิเวียมาน่ะ เรื่องจริงนะ บังเอิญเจอกันระหว่างทางกลับบ้านแล้วเขาเข้าใจว่าฉันเป็นนาย เลยชวนไปดริ๊งค์นิดหน่อย แต่ไม่มีอะไรเกินเลยให้นายขุ่นข้องหมองใจแน่นอน ไม่ต้องกลัว”

“จูบล่ะ”

“เปล่า ไม่ได้จูบ”

ผมมองมันด้วยสายตาพิศวง โลแกนจึงคลี่ยิ้มร่าตามแบบฉบับของมันมาให้ตามเคย

“ฉันบอกแล้วไงว่ายังไม่อยากเป็นศัตรูกับนาย”

ฉันเองก็เหมือนกัน ผมพูดคำนั้นในใจ เพราะการเป็นศัตรูกับหมอนี่เท่ากับตายไปแล้วครึ่งทาง ต่อให้ผมเป็นพี่ชายฝาแฝดมันก็เถอะ แต่ถ้ามันคิดจะจัดการ มันคงไม่สนเรื่องพรรค์นั้นหรอก

“แล้ว… นี่… เอายังไงกันดีล่ะลูคัส ตอนนี้เพื่อนนายคิดว่าฉันเป็นนายไปหมดแล้ว” โลแกนถามพร้อมยกนิ้วจิ้มข้างแก้มตัวอย่างครุ่นคิด แหวะ คิดว่าตัวเองน่ารักตายล่ะ

“ถอด”

“หะ?”

“เสื้อที่นายใส่อยู่ตอนนี้ ถอดออกมา”

โลแกนยกยิ้มก่อนจะเลื่อนมือไปถอดเสื้อฮู้ดสีแดงสดออกอย่างว่าง่ายเผยให้เห็นผิวเหนือด้านล่างและกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ที่เจ้าตัวบ่มเพาะมา ไอ้บ้าเอ๊ย ไอ้หมอนี่หุ่นดีชะมัด ผมเองก็พยายามจะเล่นกล้ามแบบมันเหมือนกันนะ ขอให้มันช่วยเทรนด์ให้หน่อยเหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถมีได้เยอะแบบมันอยู่ดี

“เอ้า” โลแกนว่าพร้อมกับส่งเสื้อที่ตัวเองถอดมาให้ผม ผมจึงถอดเสื้อฮู้ดสีเทาที่ใส่อยู่ออก ภายใต้นั้นมีเสื้อยืดสีขาวแขนสั้นอีกตัว แลกเสื้อผ้ากันเสร็จสรรพแล้ว โลแกนก็เลื่อนมือไปจัดผมของตัวเองให้เข้าที่ ริมฝีปากมีรอยยิ้มกวนๆ ประดับใบหน้าเหมือนเคย เห็นแล้วบางทีก็หมั่นไส้อยากจะถีบมันสักรอบ

...เสียแต่ไม่กล้าเท่านั้นเอง

“งั้นวันนี้ก็ไปเรียนกันเถอะ พี่ชาย แล้วเย็นนี้กลับบ้านพร้อมกันดีไหม ไปซื้อของทำกับข้าวกัน วันนี้ฉันอยากกินสเต็ก”

“เออ” วันนี้เวรผมทำกับข้าว… เหอะ เอาเถอะ

“เอ่อ แล้วก็นะ” โลแกนหันมาพูดกับผมอย่างนึกขึ้นได้ “แฟนนายน่ะ ขนาดแยกนายกับฉันยังแยกไม่ออกเลย นายคิดว่าผู้หญิงแบบนั้นเหมาะสมกับนายแล้วจริงๆ เหรอ”

ผมเม้มริมฝีปากแน่นขึ้นนิดหนึ่ง ทำไมหมอนี่ต้องมาพูดเหมือนรวนกันด้วยนะ ในเมื่อตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครแยกเราสองคนออกอยู่แล้ว

ไม่เคยมี

“แต่ก็เอาเหอะ ไม่ใช่เรื่องของฉันนี่นะ”

ว่าแล้วเจ้าตัวดีก็หัวเราะร่า ล้วงแขนลงในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินจากไป





-----------------------------
ชอบก็อย่าลืมคอมเม้นท์เป็นกำลังใจกันหน่อยนะคะ ^^

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไรท์ ลงต่อไวๆมากๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ลูคัส โลแกน  :hao3:
เหมือนแฝดน้อง จะหวงๆพี่ คอยปกป้องพี่นะ
อย่างโลแกนว่าก็ถูกนะ
ว่าเป็นแฟนประสาอะไร แยกแฟนไม่ออก
แต่ก็สองคนนี่แฝดเหมือนนะ จะแยกออกยังไง
แถมเสื้อผ้ายังใส่ด้วยกันอีก
ไว้คอยดูต่อละกัน จะยังไงกันแน่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Pimjean

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 ชอบจ้า  :katai2-1:

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 3

(Mode: Lucas Collins)





ขอบคุณพระเจ้าที่วันนี้มันใส่เสื้อผ้าตามแบบฉบับของมันมาโรงเรียน

ผมถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกทันทีที่เห็นร่างของน้องชายฝาแฝดตัวเองหลังไวๆ ที่มาโรงเรียนก่อนผม วันนี้มันอยู่ในชุดลำลองแบบกึ่งทางการของมัน สไตล์แบบที่มันชอบใส่ กางเกงแสลคขายาวดูดีนั่นไม่ได้เข้ากับตัวอาคารโรงเรียนที่ค่อนข้างซอมซ่อเลยแม้แต่น้อย แต่ก็นั่นแหละ ถึงยังไงผมก็ยังอยากขอภาวนาให้มันแต่งตัวแบบนี้มาโรงเรียนตลอดจนเรียนจบเลย คนจะได้แยกผมกับมันออกได้เสียที

ผมเดินไปที่ล็อกเกอร์ของตัวเอง เก็บกระเป๋า หยิบหนังสือเรียนและกระเป๋าดินสอ มองตารางสอนของตัวเองในวันนี้ พร้อมจะตรงดิ่งไปเข้าห้องเรียน หากเมื่อปิดประตูล็อกเกอร์ลง ร่างของคนที่มีใบหน้าแบบเดียวกับผมก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา

ขอถอนหายใจยาวๆ ที

ทำไมมันไม่แวะมาล็อกเกอร์ตัวเองให้เร็วกว่านี้ฟะ จะได้ไม่เจอกัน นี่อุตส่าห์พยายามหลบหน้าสุดๆ แล้วนะเนี่ย

“อ้าว อรุณสวัสดิ์ ลูคัส”

“อรุณสวัสดิ์ โลแกน” ผมพูดยิ้มๆ… เป็นยิ้มแบบที่เรียกได้ว่าฝืนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ก่อนสายตาผมจะก้มลงไปมองเครื่องประดับชิ้นใหม่ของแฝดตรงหน้าที่โดดเข้าสู่สายตาเพราะเจ้าตัวไม่ได้ใส่มันเข้าไปใต้เสื้อแต่ปล่อยให้มันโผล่ออกมาด้านนอก

มันคือสร้อยคอ…  รูปไม้กางเขน แต่เป็นไม้กางเขนแบบกลับหัวนะ

ไอ้ชิบหายเอ๊ย

“สร้อยบ้าอะไรของนายเนี่ย” ผมโวยออกมาอย่างอดไม่อยู่ โลแกนหันกลับมามองหน้าผม เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเหมือนตั้งคำถาม

“ไม้กางเขนไง”

“มันกลับหัวอยู่นะ น้องรัก”

“อ้อ ใช่สิ ก็นั่นแหละ ประเด็นสำคัญ”

โอ๊ย ตาย

“นายเป็นพวกนอกรีตตั้งแต่เมื่อไหร่?”

โลแกนยกยิ้ม

“น่าจะถามว่าผมเคยไปอยู่ในจารีตที่ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ต่างหาก”

เออ ก็จริงของมัน

“เดี๋ยวก็โดนพวกคลั่งศาสนามากๆ รุมตื้บเอาหรอก”

“แหม ยิ่งดีเข้าไปใหญ่เลย เป็นโบนัสที่เจ๋งมากเลยนะนั่น” พูดพลางเจ้าตัวแสบเอามือถูกันอย่างนึกสนุก เออ ลืมไป ทั้งเมืองนี้ ไม่มีใครอยากจะมีเรื่องกับไอ้บ้านี่อยู่แล้วนี่หว่า

ผมเอื้อมมือไปยกสร้อยคอที่มีโซ่เป็นสายคล้อง ตัวไม้กางเขนทำจากสแตนเลสน้ำหนักเบากว่าที่ตาเห็นขึ้นมาดู หรี่ตาลงอย่างพิจารณา อย่าว่างั้นว่างี้เลย นี่ผมเป็นชาวคริสต์นะ ถึงจะไม่ได้ไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ แต่ก็เชื่อในพระเจ้านะเฟ้ย แล้วไอ้แฝดบ้าของผมนี่มันอะไร ขวางโลกเหรอ

“เอาล่ะ ได้ของที่ต้องการครบแล้ว” โลแกนพูดตัดบท กระชับหนังสือกับปากกาแท่งเดียวที่เสียบไว้ตรงปก จากนั้นก็เลื่อนแขนอีกข้างมากอดคอผม “เข้าห้องเรียนกันเถอะพี่ชายที่รัก ฉันรู้สึกว่าวันนี้ต้องเปนวันที่ดีแน่ๆ อา รู้สึกสดชื่นแจ่มใสเหมือนได้เริ่มต้นวันใหม่ที่ดี”

ใช่ เอ็งน่ะเริ่มวันใหม่ที่ดี แต่เป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่แย่ของฉันไง!

ผมกับโลแกนเรียนกันคนละสาย ดังนั้นวิชาเรียนจึงมีทั้งที่ตรงกันบ้าง ไม่ตรงกันบ้าง สลับกันไป แต่ส่วนมากแล้ว ต่อให้ได้เรียนห้องเดียวกันทั้งผมและมันก็ไม่ค่อยสุงสิงกันเท่าไรนัก ผมชอบที่จะอยู่กับกลุ่มเพื่อนตัวเองมากกว่า และโลแกนก็ชอบที่จะอยู่ตัวคนเดียวมากกว่า ยกเว้นบางวันที่อารมณ์พวกเราสองคนเกิดติสทั้งคู่ ทั้งบรรดาเพื่อนร่วมห้องและอาจารย์ที่สอนก็อาจได้ผวาเพราะเห็นแฝดสองคนนั่งเรียนใกล้ๆ กัน พูดคุยกันเรื่องเนื้อหาที่เรียนแบบปกติ ก็นะ อย่างที่ผมบอก ถึงหมอนี่มันจะเพี้ยนๆ แล้วก็โรคจิตไปหน่อย แต่ยังไงมันก็หัวดี แล้วมันก็เป็นแฝดที่ผมใช้ชีวิตอยู่มาด้วยตลอด 17 ปี ยังไงก็คุยกันง่ายอยู่ดี

และดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันที่อารมณ์พวกเราสองคนติสแตกพร้อมๆ กัน

ผมที่วันนี้ขอปลีกตัวมาจากกลุ่มหยิบแผ่นกระดาษที่โปรเฟสเซอร์ให้มาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วขึ้นมาดู โลแกนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมก็ทำแบบเดียวกัน

ภายในนั้นมีตารางซึ่งมีลำดับตัวเลขกำกับไว้ด้านหน้า มันเป็นกระดาษที่ให้พวกเราเขียนเส้นทางหรือแผนการที่วางไว้ในอนาคต

ตารางของผมว่างเปล่า

ผมเหลือบตาไปมองตารางของแฝดที่นั่งอยู่ข้างๆ ตัว ทั้งที่จริงๆ แล้วก็พอจะเดาได้… ว่างเปล่าเหมือนกัน ผมกับโลแกนเงยหน้าขึ้นสบตากันราวกับพวกเราสามารถเทเลพาธี สื่อสารกันทางสายตาได้อย่างไรอย่างนั้น อันที่จริงผมคิดว่าพวกเราสองคนสามารถทำได้นะ แบบ… บางครั้ง แต่ก็อย่างว่า ของแบบนี้ บางทีอาจไม่ต้องเป็นแฝดหรือมีพลังจิตก็สามารถทำได้ เพียงแค่สถานการณ์มันพาไป บางทีเราก็อาจสื่อสารกับใครต่อใครได้ผ่านทางสายตา

และตอนนี้… พวกเราสองคนก็กำลังสื่อสารกันเงียบๆ

โลแกนกระพริบตาทีหนึ่งก่อนจะส่งยิ้มหวานหยดมาให้

“นายไม่ได้อยากเข้าพวกโรงเรียนหรือวิทยาลัยทางดนตรีเหรอ”

“...มันก็”

“นายเล่นเปียโนเก่งออก” แฝดของผมว่าขณะที่หยิบปากกาด้ามเดียวของมันขึ้นมา ควงทีหนึ่งจากนั้นก็เริ่มเขียนยิกๆ ลงไปอย่างมั่นใจ ผมเบิกตากว้าง มองมันอย่างทึ่งๆ นิดหนึ่ง

“นายรู้แล้วเหรอว่าอยากจะทำอะไร”

“อื้อ”

“ขี้โกงนี่”

“นายเองก็รู้แล้วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ” โลแกนว่าราวกับอ่านใจของผมออก ในกรณีนี้ ผมคิดว่ามันเป็นเพราะความเป็นฝาแฝดของเรามากกว่าแฮะ บางทีสายสัมพันธ์ที่ว่าก็ทำให้เราสามารถเข้าใจกันและกันได้อย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ

ยกเว้นตอนที่มันบ้าเลือดหรือตอนทำอะไรแปลกๆ แผลงๆ นะ อันนั้นนี่ยังไงก็ไม่เข้าใจความคิดมันจริงๆ

“แต่… ฉัน ไม่รู้สิ” ผมพูดอย่างลังเล จะว่ายังไงดีล่ะ ผมชอบเล่นเปียโนมาแต่ไหนแต่ไรก็จริง เคยวาดฝันตอนเด็กๆ ด้วยซ้ำว่าอยากเป็นนักดนตรี… นักเปียโนที่มีชื่อเสียง ผมอยู่ในวงดนตรีเล็กๆ ที่ติดอันดับในการขึ้นแสดงโชว์ของทางโรงเรียนตลอด เคยไปแข่งระดับประเทศและได้อันดับต้นๆ มา แม้มันจะไม่ใช่ที่หนึ่งก็เถอะ

แน่นอนล่ะว่าผมอยากจะก้าวเดินต่อไปยังสายอาชีพนี้ แต่ในขณะเดียวกันความจริงที่ว่าค่าใช้จ่ายของที่บ้านมันเยอะ เงินที่น้าของผมและโลแกนส่งมาให้ก็ไม่ได้มากมายขนาดกินอยู่ได้อย่างสบาย ผมกับโลแกนต้องสลับกันออกไปทำงานหาเงินเข้าบ้านเพื่อประทังชีวิต

แล้วถ้าจะเลือกเดินสายอาชีพดนตรีนี่… ไม่ใช่แค่เรื่องค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายนะ แต่ยังรวมไปถึงหลังจากเรียนจบอีกต่างหาก สายอาชีพแบบนี้ถ้าไม่รุ่งก็ร่วงแบบหายเข้าไปในกลีบเมฆ ถ้าฐานะทางการเงินของบ้านคุณไม่มีปัญหา มันก็คงไม่เป็นไรหรอก แต่นี่… ทุกวันนี้ยังต้องพึ่งเงินของน้าอยู่มันก็ยังพอถูไถอยู่หรอก แต่ถ้าเกิดเรียนจบแล้วมันก็ต้องหาทางยืนด้วยตัวเอง แล้วแบบนี้…

“เฮ้ย ทำหน้าแบบนั้นน่ะ คิดอะไรยุ่งยากวุ่นวายอยู่ล่ะสิ”

“หือ?” ผมเงยหน้าขึ้นมามองโลแกนที่หันมามองผมด้วยสายตาเอือมๆ ก่อนจะต้องสะดุ้งนิดหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมาดีดหน้าผากผมแรงๆ ทีหนึ่งจนเกิดเสียงดังเป๊าะ โอ๊ยยย ไอ้น้องบ้าเอ๊ย!

“อย่าไปคิดอะไรมากมายไม่เข้าท่าเลย ลูคัส อยากเรียนอะไรก็เขียนๆ ไปเหอะ”

“ทำไมฉันต้อง…” ผมพูด เจือความหงุดหงิดลงไปในน้ำเสียงนั้นด้วย หากยังไม่ทันพูดจบประโยค สายตาที่เหลือบไปเห็นสิ่งที่โลแกนเขียนไว้บนกระดาษของตัวเองก็ทำให้คำพูดนั้นสะดุดลง ผมเบิกตากว้าง เอื้อมมือไปคว้ากระดาษแผ่นนั้นที่เจ้าตัวดีเขียนข้อความลงไปสั้นๆ ง่ายๆ แต่ชวนให้ตกตะลึง “นายอยากเป็นตำรวจเหรอ!!?”

“ใช่” ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเหมือนกันกับผมทุกประการยิ้มขำ ดึงแผ่นกระดาษที่ผมคว้ามาดูให้ถนัดตาคืน “ฉันวางแผนไว้แล้ว ฉันจะเข้าไปเป็นตำรวจก่อน จากนั้นก็จะหาทางเข้าไปเป็น FBI”

“นี่ โลแกน” ผมยกยิ้มเครียด “ถ้านายอยากจะฝันล่ะก็ ก่อนอื่นช่วยนอนก่อนนะ หลับให้สนิทเลยด้วย”

“เฮ้ เสียมารยาท” โลแกนแสร้งยกชี้ขึ้นมาจุ๊ปาก ส่ายหน้ารัวๆ จนเส้นผมสีบลอนด์ทองปลิวไปด้านข้าง “ฉันเองก็มีความฝันของตัวเองเหมือนกันนะ”

“อ้อ เหรอ” ผมพึมพำก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นมาอีกรอบเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ ยกนิ้วขึ้นชี้มันสั่นๆ ก่อนจะลดเสียงลงแล้วกระซิบใส่หูมันอย่างร้อนลน “นี่อย่าบอกนะว่านายคิดจะยึดอาชีพนี้เพราะจะได้ฆ่าคนได้น่ะ”

โลแกนเหยียดยิ้มกว้างขึ้น ผมรู้สึกว่าหน้าของตัวเองซีดลงในเวลาเดียวกัน

“โลแกน” ผมอึกอัก พยายามพูด ถึงแม้จะรู้ว่าคนตรงหน้ามันจะรู้อยู่แล้วก็เถอะ “ยิ่งเป็นตำรวจน่ะ มันยิ่งฆ่าคนง่ายๆ ไม่ได้นะ นายจะโดนจับตามอง แล้วนายก็อาจจะ…”

“ชู่” เจ้าตัวตัดบท ยกนิ้วชี้ขึ้นมาทาบริมฝีปากผมเพื่อให้หยุดพูด จากนั้นก็ส่งยิ้มพรายมาให้ “ฉันรู้อยู่แล้วนะ ลูคัส นายเห็นฉันเป็นคนโง่หรือไง? ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร”

ใบหน้าของพวกเราสองคนใกล้กันมากจนผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจของแฝดผม เจ้าตัวดียกนิ้วออกไปแล้ว จากนั้นก็หยิบกระดาษที่เขียนเส้นทางในอนาคตของตัวเองไว้เพียงข้อเดียวขึ้นมาถือในมือ โดยไม่ลืมจะหันมาส่งยิ้มกวนๆ ให้ผม

“นายเองก็รีบๆ เขียนแล้วเอาไปส่งได้แล้ว เรื่องเงินน่ะไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะหาเงินเข้าบ้านให้เราเยอะๆ แบบที่นายใช้ไม่หวาดไม่ไหวเลยล่ะ พี่ชายที่รัก”

โอ๊ยยยยย ก็ไอ้เรื่องนั้นน่ะแหละ ที่น่าเป็นห่วง!





หลังเลิกเรียน ตามปกติแล้วผมมักจะแวะไปที่ห้องดนตรีก่อนกลับบ้านอยู่เป็นประจำ ไปคนเดียวเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่บางครั้งก็มีเพื่อนตามไปขอนั่งฟังบ้าง มีคนในชมรมคนอื่นแวะเวียนไปบ้าง อันที่จริงปีเตอร์เองก็อยู่ในชมรมเดียวกันกับผมเหมือนกัน เราเคยเล่นเพลงแล้วก็อัดคลิปลงยูทูปด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้ทำเป็นประจำหรอกนะครับ แค่นานๆ ครั้งตอนมีอารมณ์มากกว่า แต่วันนี้เนื่องจากผมขลุกอยู่กับโลแกนเป็นส่วนใหญ่เลยไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามายุ่งด้วยเท่าไรนัก อืม… สงสัยถ้ายังอยากมีเพื่อนแบบคนปกติทั่วไปอยู่คงต้องห้ามอยู่กับไอ้แฝดบ้านี่เลยจริงๆ สินะ

“วันนี้ไม่ไปซ้อมดนตรีเหรอ” โลแกนถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าผมมุ่งหน้าไปยังรั้วประตูโรงเรียน ผมส่ายหน้าให้มันนิดหนึ่ง

“วันนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์ว่ะ”

“เออ นายมีงานพิเศษอีกทีวันไหนนะ ของฉันมีพรุ่งนี้ แล้วก็อีกทีวันเสาร์ เรื่องเวรทำกับข้าวเอาไง”

“จริงๆ เราเริ่มแยกกันทำของใครของมันก็ได้นะ เพราะเหมือนเวลาเราไม่ค่อยตรงกันเท่า…”

“ลูคัส!”

เสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้นหลังจากที่พวกเราเดินผ่านรั้วโรงเรียนมา ผมหันกลับไปมองก่อนจะต้องส่งยิ้มกว้างให้หญิงสาวที่ก้าวมาทางพวกเราทันที โอลิเวียนั่นเอง หล่อนไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกับผม แต่ก็ห่างออกไปไม่ไกลนัก หล่อนสาวเท้าเข้ามาพร้อมส่งยิ้มหวานที่ทำให้ผมใจละลายตั้งแต่แรกที่ได้เห็นให้

“ดีจัง ตั้งใจมาดักรอนายหน้าโรงเรียนพอดี กำลังคิดอยู่เลยว่าวันนี้นายจะมีซ้อมเปียโนรึเปล่า”

“ทำไมไม่ส่งข้อความมาล่ะ” ผมถามขณะเลื่อนมือไปโอบไหล่สาวเจ้าที่มีทรวดทรงส่วนเว้าสมบูรณ์แบบในทุกตำแหน่ง ผมเห็นผู้ชายหลายคนที่เดินออกมาจากรั้วเหลือบมองมาทางพวกเรา บางคนแทบจะน้ำลายหกออกมาอยู่แล้ว

การปรากฎตัวของโอลิเวียมักเรียกสายตาแบบนั้นได้เสมอ

“สวัสดี โลแกน” เจ้าหล่อนส่งยิ้มไปให้น้องชายฝาแฝดของผม โลแกนยิ้มน้อยๆ คืนให้ ทั้งสองคนผลัดกันหอมแก้มคนละทีก่อนโอลิเวียจะเลื่อนหน้ามาจูบปากผมเร็วๆ ทีหนึ่ง

“แล้วนี่พวกนายสองคนจะทำอะไรกันต่อจากนี้เหรอ” หญิงสาวยิ้มหวาน ผมกับโลแกนจึงหันมามองหน้ากันนิดหนึ่ง สื่อสารกันทางสายตาอย่างรวดเร็ว โลแกนเลิกคิ้วข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม ผมจึงพยักหน้าให้เจ้าตัวดีทีหนึ่ง

โลแกนหันไปยิ้มให้แฟนสาวของผม

“ฉันกับลูคัสว่าจะไปซื้อของทำข้วเย็นกันน่ะ ถ้าเธอไม่มีแพลนอะไรเย็นนี้และอยากมากินข้าวกับเรา จะมาด้วยกันไหมล่ะ?”






---------------------------------
Talk: จริงๆ ที่ดูเหมือนมาลงเร็วเพราะเขียนเก็บไว้หลายตอนแล้วค่ะ ^^;;; จะพยายามลงให้หมดสต็อกเร็วๆ น้า~~

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ชอบบบบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
ไรท์ ลงต่อไวๆมากๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ลูคัส โลแกน  :hao3:
เหมือนแฝดน้อง จะหวงๆพี่ คอยปกป้องพี่นะ
อย่างโลแกนว่าก็ถูกนะ
ว่าเป็นแฟนประสาอะไร แยกแฟนไม่ออก
แต่ก็สองคนนี่แฝดเหมือนนะ จะแยกออกยังไง
แถมเสื้อผ้ายังใส่ด้วยกันอีก
ไว้คอยดูต่อละกัน จะยังไงกันแน่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณมากๆ นะคะ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ตอบ พอดีไม่ค่อยคุ้นกับระบบอะไรเท่าไร ^^;;;

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 4

(Mode: Logan Collins)





ผมกับลูคัสแบ่งหน้าที่กันทำอาหาร ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ววันนี้เป็นเวรของผม แต่ในเมื่อทางบ้านเรามีแขกกิตติมศักดิ์เป็นแฟนสาวคนสวยที่คบกับลูคัสมาได้ร่วมปีมาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน พ่อพี่ชายตัวแสบของผมก็ต้องมาแสดงฝีมือการทำอาหารของมันหน่อย

ซึ่ง… ก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับผมน่ะนะ จะได้ไม่ต้องทำคนเดียว มีลูกมือมาช่วยแบบนี้

พวกเราทั้งสามคนรับประทานอาหารพร้อมๆ กับเปิดทีวีดูซีรีย์ที่ลูคัสเก็บไว้ในยูเอสบีของมัน ยุคนี้แทบไม่มีใครดูซีรีย์สดๆ ผ่านโทรทัศน์กันแล้ว เพราะพวกโฆษณาที่แสนน่าเบื่อคอยขัดจังหวะ ได้ดูแบบต่อเนื่องแบบนี้สิถึงจะมันในอารมณ์

ผมเอนตัวลงพิงกับโซฟายาวขณะที่หยิบเฟรนช์ฟรายส์ขึ้นปาดซอสมะเขือเทศแล้วเอาเข้าปาก เสียงพูดคุยของตัวละครในโทรทัศน์ปนเปไปกับเสียงอ่อนหวานของโอลิเวียที่ตอนนี้กำลังฉอเลาะ เอนศีรษะลงบนบ่าของแฝดผม กอดแขนเจ้าตัวไว้แนบแน่น และแน่นอนว่าเนินอกที่นูนเว้าออกมาได้รูปนั่นกำลังเสียดสีลงบนแขนของลูคัสที่ตอนนี้เอื้อมมือมาลูบเส้นผมสีบลอนด์ของสาวเจ้าอย่างเอ็นดูด้วยสีหน้ายิ้มๆ

นั่น… แล้วสองคนนั้นก็จูบกันเร็วๆ อีกรอบหนึ่ง แย่จริงๆ เลย ไม่เห็นรึไงว่าวันนี้ผมไม่ได้เอาสาวมาด้วยน่ะ หัดเกรงใจกันบ้างสิ

“โอลิเวีย เธอนี่สวยนะ” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ ทำเอาคู่รักที่กำลังจี๋จ๋าอยู่ข้างหน้าผมชะงักกันไปนิดหนึ่ง ก่อนยัยสวยหยาดเยิ้มจะค่อยๆ หันกลับมายิ้มหวานให้ผม โอ๊ย… ดูตาแม่นั่นสิ ฉ่ำเยิ้มไปหมดเลย ลูคัสนี่ก็ร้ายไม่ใช่เล่นนะเนี่ย ถึงทั้งคู่จะคบกันมาเกือบปีแล้วก็เถอะ แต่ผมที่นานๆ จะเห็นพี่ชายฝาแฝดของตัวเองเอาแฟนเข้าบ้านทีก็ยังอดทึ่งไม่ได้ (ส่วนมากมันจะเป็นฝ่ายหาโอลิเวียที่ห้องมากกว่า) เห็นมันดูหงิมๆ แบบนั้น แต่เอาจริงก็ไม่เลวเลยนะ

“ขอบใจ” หญิงสาวตอบกลับ นัยน์ตาสีฟ้าของหล่อนประกายท้าทายเล็กน้อย “ไม่ใช่นายคนแรกที่พูดแบบนั้นหรอก โลแกน”

“ฉันก็ว่างั้น” ผมหันไปยิ้มให้ลูคัสที่มองมาทางผมอย่างไม่ไว้ใจ “เนอะ ลูคัส?”

“เออ” เจ้าตัวตอบรับห้วนๆ ก่อนจะเลื่อนหน้าไปจุ๊บหน้าผากหญิงสาวในอ้อมแขนนิดหนึ่ง เป็นการแสดงความรักแบบที่ผมจะไม่มีวันทำกับผู้หญิงคนไหนที่ตัวเองนอนด้วยเด็ดขาด ผมหมายถึง… ส่วนมากผู้หญิงที่ผมซื้อเอาก็ไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้นอยู่แล้วนี่ ถูกไหม?

ผมเห็นลูคัสยังคงก้มหน้าลงไปพูดกระซิบกับโอลิเวียอย่างอ่อนหวาน หากนัยน์ตาสีฟ้าของเจ้าตัวชำเลืองมองมาทางผมเป็นระยะๆ ราวกับยังไม่ไว้ใจอย่างไรอย่างนั้น โอ๊ย หมอนี่นี่มันน่าหมั่นไส้จริงๆ ถึงโอลิเวียนี่จะสวยหยดขนาดไหน แต่ก็ใช่ว่าผมจะหาที่ดีกว่านี้ไม่ได้นะ แล้วขอที… นั่นน่ะ แฟนไอ้ลูคัสมันนะเว้ย? ขืนไปแตะต้องของมันมาก เดี๋ยวก็ได้ทะเลาะกัน กลายเป็นศัตรูกันอีก วุ่นวายตายชัก

แต่ดูเหมือนหมอนั่นจะไม่เข้าใจความคิดผมเอาเสียเลย… แหม ปวดใจจัง โดนพี่ชายสุดที่รักมองด้วยสายตาถมึงทึงแบบนั้น

...ว่าแล้วก็ต้องจัดสักหน่อย

“แต่… การที่เธอคบกับลูคัสแบบนี้ก็แปลว่าเธอชอบหน้าแบบนี้ใช่ไหม” ผมพูดเหมือนชวนคุย ขยับตัวเข้าหาหญิงสาวนิดหนึ่งพร้อมกับชี้หน้าตัวเองยิ้มๆ เห็นไอ้ลูคัสขมวดคิ้วมุ่นขึ้นนิดหนึ่งแล้วรู้สึกตลกจัง

“อืม… ก็นะ เรื่องหน้าก็ส่วนหนึ่ง” หญิงสาวตอบรับอย่างไม่เกี่ยงงอน ไล้นิ้วเรียวยาวที่เล็บถูกแต่งแต้มด้วยสีสันมากมายลงลูบใบหน้าพิมพ์เดียวกับผมนั่นอย่างยั่วยวน “แต่อย่าโกรธกันเลยนะ โลแกน ฉันว่าแฝดนายดูดีกว่านายนิดหนึ่ง”

“อ้อ เหรอ” โธ่ ยัยขี้โกหกเอ๊ย เธอยังแยกฉันกับลูคัสไม่ออกเลยด้วยซ้ำไม่ใช่หรือไง ถ้าไม่ใช่เพราะเราแต่งตัวไม่เหมือนกันน่ะ

“แถมยังนิสัยน่ารักแล้วก็ใจดีกว่าด้วย” หล่อนว่าพร้อมกับเลื่อนใบหน้าขึ้นไปจุ๊บปากลูคัสทีหนึ่ง คนถูกชมใบหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยด้วยความพอใจ แหม… เห็นแล้วน่าแกล้งจริงๆ

ว่าแล้วก็หย่อนระเบิดเลยแล้วกันนะ

“งั้นเธอสนใจจะมา 3p กับฉันแล้วก็ลูคัสไหม”

คู่รักที่อยู่ตรงหน้าผมเงยหน้าขึ้นมาจ้องผมอย่างอึ้งๆ ในทันที ผมเหยียดยิ้มกว้างเหมือนเดิม ตาของลูคัสแทบจะถลนออกมานอกเบ้าอย่างไม่เชื่อหู แต่หญิงสาวที่ถูกผมเชิญชวนกลับมีสีหน้าที่บ่งบอกว่าสนใจขึ้นมาวูบหนึ่ง แหม ยัยนี่ดูได้เรื่องกว่าไอ้คนน่าเบื่ออย่างลูคัสอีกแฮะ อย่างน้อยก็เรื่องบนเตียงน่ะนะ

“พูดบ้าอะไรของนายวะ โลแกน” แฝดคนพี่ของผมพูดด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง หากนัยน์ตาสีฟ้าแสดงออกชัดเจนว่าโกรธจัดสุดๆ “นายคิดว่านี่มันตลกนักเหรอ”

“แหม ก็แค่ลองถามดู” ผมว่ายิ้มๆ เหลือบมองมือทั้งสองข้างของลูคัสที่กำหมัดแน่นและสั่นระริก ท่าทางจะยัวะจริงแฮะ “ไม่สนก็ไม่เป็นไร ดีกว่าไม่ได้ลอง ใช่ไหมครับ คุณผู้หญิง”

“นายออกไปห่างๆ จากแฟนฉันเลย”

ผมยักไหล่จากนั้นก็เอื้อมมือไปคว้าจานที่เหลือมันฝรั่งทอดเพียงไม่กี่ชิ้นขึ้นมาถือแล้วเดินเข้าครัว ตัดสินใจล้างจานชามที่กองสุมอยู่เพราะคิดว่าถึงจะออกไปข้างนอกตอนนี้ แฝดผมคงไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก

ทันใดนั้นเอง กระจกบานเล็กแบบตั้งโต๊ะที่อยู่ในครัวที่สะท้อนวิบวับออกมา ผมรู้สึกได้ทันทีว่ามีใครพยายามจะติดต่อสื่อสารกับผม ที่โลกอีกฟากนั่น ดังนั้นผมจึงเอื้อมมือไปคว้ากระจกแบบตั้งโต๊ะอันนั้นมาวางตรงข้างๆ อ่างล่างจาน ส่องดูสภาพของตัวเองนิดหนึ่ง อืม ผมโอเค หน้าโอเค ดูดีเหมือนเดิม ดังนั้นผมจึงปล่อยให้ภาพที่อีกฝ่ายพยายามส่งมาปรากฏขึ้น เงาสะท้อนของผมและห้องครัวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นพื้นที่สีดำมืดที่ดูไร้ที่สิ้นสุดและเปลวไฟสีแดงที่ลุกโชติช่วงขึ้นเป็นจุดๆ

จากนั้นก็ร่างของคนสองคนปรากฎขึ้นมาให้เห็น ผมส่งยิ้มให้คนทั้งคู่ทันที

“หวัดดี เนท เมแกน”

“ฮาย น้องรัก” หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีแดง นัยน์ตาสีใกล้เคียงเอ่ยทักกลับมาอย่างอารมณ์ดี เจ้าหล่อนก็เหมือนผู้ชายอีกคนที่นั่งเยื้องถัดไป นั่นคือมีเขาโค้งงอปลายแหลมงอกออกมาจากศีรษะ รูปหน้าเรียวน่าหลงใหล ความงามขนาดที่โอลิเวียที่ว่าสวยหยดยังต้องยอมชิดซ้าย ผู้หญิงคนนี้คือพี่สาวของผมเอง โลกมนุษย์จะรู้จักหล่อนในชื่อซัคคิวบัส ปีศาจสาวที่ชอบเข้าฝันชายหนุ่มคนที่หล่อนปรารถนาแล้วก็มีอะไรด้วย สูบพลังมาจากชายหนุ่มผู้โชคร้ายคนนั้น… หรืออาจจะโชคดีในอีกความหมายหนึ่ง ไม่รู้สิ

“อุ๊ย กำลังล้างจานอยู่ด้วยเหรอ เพิ่งรู้ว่าท่านพ่อส่งนายไปเป็นเบ๊ให้พวกมนุษย์” เมแกนว่าก่อนจะหัวเราะกิ๊ก หล่อนขยับนิ้วไปม้วนปอยผมที่ยาวถึงกลางหลังของตัวเอง เส้นผมตรงบริเวณที่โดนนิ้วของเจ้าหล่อนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ ยัยนี่ชอบเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกไปเรื่อยตามสเปคของผู้ชายแต่ละคนที่ตัวเองปรารถนา

“ไม่ใช่เบ๊สักหน่อย แต่ผมเองก็มีอะไรหลายอย่าง” ผมพูดตอบอย่างไม่ถือสา พี่ชายอีกคนของผมเริ่มขยับตัวในเก้าอี้ของตัวเองเพื่อมองหน้าผมได้ชัดเจนขึ้น

“แล้วนี่ท่านพ่อส่งให้นายไปทำอะไร” เนท ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทพูดขึ้น บนหน้าที่ดูจากภายนอกแล้วเหมือนอยู่ในวัยปลายยี่สิบ ต้นสามสิบมีแว่นกรอบสีชาทรงวงรีอยู่ เสริมให้ท่าทีสุขุมของเจ้าตัวดูเด่นขึ้นมาอีก ยิ่งตอนที่เขาขยับปลายนิ้วขึ้นแตะกันแบบนี้ด้วยแล้ว

“แล้วทำไมพวกพี่ไม่ถามท่านพ่อเองล่ะครับ” ผมตอบกลับยิ้มๆ สายตาเหลือบมองเป็นระยะๆ ว่าไอ้บ้าลูคัสหรือยัยโอลิเวียจะโผล่มาแถวนี้รึเปล่า แต่ดูจากท่าทีแล้วคงไม่ “อยู่ใกล้ท่านพ่อมากกว่าผมอีก จะได้ไม่ต้องเสียเวลาแล้วก็พลังติดต่อมา”

“แหม พวกพี่ๆ เองก็คิดถึงนายเหมือนกันน้า น้องรัก อย่าเย็นชานักสิ” เมแกนว่าพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้ ผมของเจ้าหล่อนกลายเป็นสีดำไปครึ่งหัวแล้วตอนนี้ ผมยักไหล่ให้อีกฝ่ายนิดหนึ่งก่อนจะตอบคำถามที่พวกพี่ๆ อยากรู้ให้ง่ายๆ

“พ่อให้ผมไปฆ่าจูดี้ ฮิลล์”

“ใคร?” ทั้งเนทและเมแกนถามขึ้นมาพร้อมๆ กัน

“รัฐมนตรีกระทรวงการคลังที่ประจำตำแหน่งอยู่ตอนนี้”

“แล้วใครอีก?”

“คนเดียว แล้วท่านพ่อก็จะให้ผมกลับนรกแล้ว” ผมยิ้มอย่างมีความสุข หากพี่ชายอีกคนที่เคยทำเรื่องชั่วช้ากว่ามากมานับไม่ถ้วนมองเหมือนไม่อยากเชื่อหู

“แค่คนเดียว!?”

“แหม ท่านพ่อใจดีกับนายจัง โลแกน” เมแกนเห็นด้วย

“ผมจะไปรู้เหรอ” ผมยักไหล่อย่างไม่แคร์ “ก็ท่านพ่อว่ามางั้น อีกอย่าง… พวกคนใหญ่คนโตเดี๋ยวนี้เล่นด้วยไม่ง่ายนะ ไม่เหมือนสมัยพวกพี่สักหน่อย”

“เออ ก็จริงของมัน” สาวผมแดงดำว่า เสกลิปสติกสีแดงสดขึ้นมาทาบนริมฝีปากเหมือนไม่ค่อยใส่ใจกับบทสนทนาระหว่างพวกเรามากนัก ก็นะ พี่สาวผมก็เป็นแบบนี้ประจำแหละ

“หืม ก็ยังฟังดูกระจอกอยู่ดี” เนทว่า ยกแขนขั้นวางบนที่วางแขนของเก้ากี้แล้วเท้าคาง ก็นะ ถ้าเทียบกับพี่ชายคนโตคนนี้แล้ว งานผมก็ดูกระจอกงอกง่อยสุดๆ ไปเลยล่ะ เนทเคยเล่าให้ฟังว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในวงในของเหตุการณ์ 911 ด้วยซ้ำ อารมณ์ประมานว่าเป็นคนยุแยง อะไรเทือกนั้น เอาเป็นว่าเลวบริสุทธิ์เลยก็แล้วกัน ถ้าให้พูดให้เข้าใจง่ายๆ “ตอนฉันนะ ท่านพ่อสั่งให้สังเวยชีวิตคนมาอย่างต่ำพันคน”

“แต่นายก็ทำยอดน่าดูเลยนี่” เมแกนว่ายิ้มๆ คนถูกชมยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ผมกลอกตาให้พี่ๆ ทั้งสองอย่างเบื่อหน่าย ถ้าจะติดต่อมากระแนะกระแหนล่ะก็...

“จะว่าไปแฝดนายน่ะ… น่ารักไม่เลวนะ ฉันว่าจะลองเข้าฝันไปเล่นอะไรสนุกๆ กับเขาสักครั้งดีไหม หรือพี่ว่าไง เนท เขาน่ารักรึเปล่า”

“ถ้าลูคัสแฝดไอ้โลแกนน่ารัก ก็แปลว่าเธอกำลังชมไอ้โลแกนมันไปในตัวด้วยนะ รู้รึเปล่า”

เมแกนหันมาทางผมเหมือนไม่อยากเชื่อสายตา ผมแสร้งเอียงคอส่งยิ้มหวานหยด กระพริบตาปริบๆ เพื่อให้ขนตาพือนิดหนึ่งอย่างล้อเลียน เมแกนแสร้งทำท่าพะอืดพะอมเหมือนจะอ้วก

“แหยะ หยะแหยงเป็นบ้า”

“แต่ถ้าพี่อยากมีอะไรกับผม ผมก็โอเคนะ ว่าไง ชอบล่ะซี้ หน้าหล่อๆ แบบผมเนี่ย”

“โอ๊ยยย นี่มันเอานิสัยหลงตัวเองแบบนี้มาจากใครฟะ” เมแกนว่าพร้อมกับหันไปโวยกับเนทที่ยกชาดำขึ้นจิบจากถ้วยลายขลิบทองอย่างนุ่มนวล

“ก็จากเธอไม่ใช่หรือไง?”

“เนท!!”

พวกเราทั้งสามแลกเปลี่ยนหัวข้อสนทนาสัพเพเหระนิดหนึ่ง ก่อนที่เนทจะเริ่มเอ่ยปากขอตัว พวกเราจึงตัดสินใจยุติการติดต่อพูดคุยในวันนี้แต่เพียงเท่านี้ อีกอย่าง… ผมว่าป่านนี้ลูคัสมันต้องเริ่มเอะใจแล้วว่าผมหายหัวไปไหน ถึงแม้ไอ้นิสัยชอบหายตัวไปแบบดื้อๆ ของผมมันจะรู้จักดีอยู่แล้วก็ตาม

“งั้นเอาไว้เดี๋ยวคุยกันนะครับ” ผมพูดพร้อมกับโบกมือให้คนในกระจก เมแกนเป็นคนเดียวที่โบกมือตอบกลับให้อย่างเริงร่าเหมือนเคย เจ้าหล่อนส่งจูบให้ผมทีหนึ่งก่อนจะแหย่ทีเล่นทีจริง

“คิดอีกที หน้าอย่างนายก็ไม่เลวนักหรอก หล่อใช้ได้ระดับหนึ่ง และแฝดนายก็ไม่ใช่นายด้วย เอาเป็นว่าอาจจะหาโอกาสเข้าฝันเขาดูสักครั้งก็แล้วกัน แถมแฝดนายแบบนี้ น่าจะดูดพลังได้ไม่ใช่น้อย”

ผมชะงักไปทันทีเมื่อเห็นว่าอยู่ๆ อีกฝ่ายก็ดูจะจริงจังขึ้นมากับเรื่องนั้นซะงั้น

และไม่รู้ทำไม… ผมถึงรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไร

“ผมว่าอย่าดีกว่านะ เมแกน”

“อ้าว ทำไมล่ะ?”

ผมส่งยิ้มให้พี่สาวคนสวยที่มองมาอย่างฉงน

“ก็เพราะว่าลูคัสเขาเป็นแฝดผมไงล่ะ เป็นพี่ผม ถ้าพี่ซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆ ของผมมีอะไรกับพี่ชายผม มัน… น่าขยะแขยงน่ะ นึกภาพพี่มีอะไรกับเนทสิ”

“อิ้ว/แหวะ” พี่ๆ ทางฝั่งนรกส่ายหน้าดิกกันเป็นแถว

“งั้นเอาไว้ค่อยคุยกันใหม่นะครับพี่ๆ ผมต้องไป…”

“โลแกน” เสียงของลูคัสที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ผมต้องรีบหันกลับไปมอง ไม่มีความตกใจอยู่ในการแสดงออกของผม ผมส่งยิ้มไปให้อีกฝ่ายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงจริงๆ จะตกใจอยู่นิดหน่อยก็เถอะ

“อะไร ลูคัส”

“เมื่อกี้ที่อยู่ในกระจกนั่น…”

อ่า… หมอนี่เห็นเข้าซะแล้วสิ แย่จริง

“ไม่มีอะไรหรอกน่า” ผมเดินไปตบบ่าอีกฝ่ายแปะๆ แล้วเดินสวนออกไป “ฉันว่านายคงตาฝาดไปเองมากกว่า”

แต่ทั้งผมและลูคัสต่างรู้ดีว่านั่นคือคำโกหก
 
เฮ้อ… ยุ่งยากจัง





-----------------------------
Talk: โลแกนนี่มีพี่หลายฝั่งนะ ถถถถถถ

ออฟไลน์ EARTHYSS :)

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
เริ่มงงกับครอบครัวของทั้งคู่ คือพ่อโลแกนฝากท้องไว้กับแม่ลูคัสหรอ หรือว่ามีพ่อแม่คนเดียวกันจริงๆ ถ้าอย่างนั้นลูคัสก็ต้องมาจากนรกด้วยสิ

ปล.แอบมีหวงพี่ด้วยนะโลแกน

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
เริ่มงงกับครอบครัวของทั้งคู่ คือพ่อโลแกนฝากท้องไว้กับแม่ลูคัสหรอ หรือว่ามีพ่อแม่คนเดียวกันจริงๆ ถ้าอย่างนั้นลูคัสก็ต้องมาจากนรกด้วยสิ

ปล.แอบมีหวงพี่ด้วยนะโลแกน

น่าจะเป็นอย่างแรกค่ะ คือมีแค่โลแกนที่เป็นลูกของลูซิเฟอร์จริงๆ อะไรทำนองนั้น ส่วนลูคัสก็คนปกตินี่แหละค่ะ ถถถถถ

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3


บทที่ 5

(Mode: Logan Collins)






ผมกับลูคัสเดินมาส่งโอลิเวียที่ปากทางถนนใหญ่ โอลิเวียเขย่งตัวขึ้นมาจูบปากลูคัสเพื่อล่ำลาจากนั้นก็ผลัดมาหอมแก้มผมทีหนึ่ง ก่อนจะเดินแยกไป ลูคัสก้มลงมองโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งมีข้อความเข้ามาก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น

“นายรออยู่ตรงนี้ก่อนได้ไหม โลแกน”

“หืม? ทำไมเหรอ?” ผมเลิกคิ้ว

“ต้องไปซื้ออะไรนิดหน่อยน่ะ ไอ้โจชัวมันส่งข้อความมาบอกลืมซื้อของ… งานกลุ่มน่ะ ขอแวะไปซุปเปอร์ตรงนั้นนิดหนึ่ง เดี๋ยวมานะ”

“โอเค งั้นฉันรอตรงนี้แล้วกัน” ผมว่าพร้อมกับโบกมือให้แฝดตัวเองหยอยๆ

ผมกวาดตามองรอบๆ ถนนที่มีผู้คนเดินสวนกันขวักไขว่อย่างเบื่อๆ กำลังคิดอยู่ว่าวันพรุ่งนี้จะหาอะไรสนุกๆ ทำดีก็เป็นจังหวะเดียวกับที่หญิงสาวคนหนึ่งที่ควรจะขึ้นรถบัสกลับบ้านไปแล้วตรงมาทางผม

โอลิเวียนั่นเอง… สาวเจ้าเดินมาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มหวานเยิ้มที่ชวนให้ผู้ชายทุกคนน้ำลายหก แหม จริงๆ ยัยนี่นี่ดูน่ากินมากๆ เลยนะ แถมยังหยอดมุกมาทางผมบ่อยครั้ง ปรายตามองอย่างท้าทายก็ไม่น้อย

ต่อให้ตอนที่ปรายตามา เจ้าหล่อนจะอยู่ข้างๆ ลูคัสและรู้ดีว่าผมคือโลแกน ไม่ใช่แฟนของตัวเองก็ตาม

เอ… ผู้หญิงแบบนี้ควรจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ?

“นี่ ลูคัส”

“เสียใจด้วย ฉันคือโลแกน ไม่ใช่ลูคัส”

“อุ๊ย งั้นเหรอ” หล่อนยกมือขึ้นปิดปากเหมือนผิดคาดไปอย่างเสแสร้ง ใช่ หล่อนรู้ดีว่าผมคือโลแกนมาตั้งแต่แรก ก็แยกกันไม่ถึงสิบนาที เสื้อผ้าที่ผมใส่วันนี้ก็ไม่เหมือนกับของลูคัส “แต่ก็ไม่เป็นไร เป็นนายก็ได้”

“อะไรเหรอ?” ผมเลิกคิ้ว ถามในสิ่งที่ตัวเองรู้คำตอบดีอยู่แล้ว “อยากให้ฉันไปเดทด้วยรึไง หรืออยากให้พาส่งขึ้นเตียง?”

หญิงสาวผมทองตรงหน้ายิ้ม เจ้าหล่อนไล้ฝ่ามือของตัวเองลงมาตรงหน้าผมอย่างเย้ายวน ผมผิวปากหวือเมื่อเจ้าหล่อนขยับขาที่ใส่กางเกนยีนส์ขาสั้นกุดขึ้นมาแนบกับต้นขาผม ผมรู้ดีว่าเกมนี้เล่นยังไง และเจ้าหล่อนก็กำลังเล่นเกมในส่วนของตัวเอง โอลิเวียโน้มหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูผมอย่างยั่วยวน

“แล้วถ้าทั้งสองอย่าง?”

หืม…

ผมเหยียดยิ้ม เลื่อนมือไปประคองใบหน้าของเจ้าหล่อนอย่างนุ่มนวลให้เงยขึ้นมาสบตาผม

“แต่เธอมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ?” ก็พี่ชายฝาแฝดของฉันไม่ใช่เหรอ แฟนเธอ

“ก็เห็นตอนอยู่ที่บ้าน ดูนายอ่อยฉันเสียขนาดนั้น” หล่อนว่าพร้อมกับไล้นิ้วลงบนเส้นผมสีบลอนด์ทองของผม นึกอยู่แล้วเชียวว่าถ้าผมมาอยู่ในที่ที่ค่อนข้างลับตาคน ยัยนี่ต้องโผล่มาเสนอตัว “แล้วฉันจะอดใจไหวได้ไง”

“เห….”

“อีกอย่าง” หล่อนเขย่งตัวพร้อมกับดึงผมลงไปจูบบนริมฝีปากอย่างดูดดื่ม ยกยิ้มอย่างพึงพอใจหลังจากผละริมฝีปากออก “ดูนายจะเก่งเรื่องบนเตียงมากกว่าลูคัสด้วย เท่าที่ได้คุยกับนายมานะ”

“หืม” ผมลากเสียงยาวในลำคอด้วยสีหน้ายิ้มๆ เหมือนเดิม ปล่อยให้โอลิเวียดึงมือผมไปสัมผัสเอวค่อดของตัวเองอย่างอ้อยอิ่ง ให้ตายสิ นี่ลูคัสมันตาบอดหรืออะไร ไปคว้าผู้หญิงแบบนี้มาเป็นแฟนเนี่ย ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นที่ท่าทางดูร้ายกว่าผมนิดหนึ่งเงี้ย ก็จะไม่แปลกใจหรอกนะ แต่ไอ้แสนดีลูคัสกับยัยนี่เนี่ยนะ? แล้วคบกันมาจะเป็นปี… ไม่อยากจะเชื่อเลย มันไม่เอะใจอะไรบ้างเลยเรอะ?

ผมโน้มใบหน้าลงต่ำให้ปลายจมูกสัมผัสลงบนใบหน้าหวานที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางค์อย่างพอเหมาะพอเจาะ รู้สึกถึงแรงที่พยายามดึงผมเข้าไปจูบ หากผมทำเป็นไม่เข้าใจความต้องการของหล่อน

ผมผละออกจากตัวหญิงสาวที่ตอนนี้มองมาทางผมด้วยสีหน้างงงวยเป็นที่สุด เห็นแบบนั้นแล้วผมจึงแกล้งส่งยิ้มไม่รู้ไม่ชี้ไปให้

“แต่… ทำไมล่ะ?” โอลิเวียถามอย่างไม่เข้าใจจริงๆ “ฉันนึกว่านายอยากนอนกับฉันซะอีก”

“อยากสิครับ คนสวย” ผมยอมรับ ยกมือขึ้นทั้งสองข้างอย่างยอมแพ้ “แต่ฉันไม่อยากกินของเหลือจากพี่ชายตัวเองน่ะ เธอพอจะเข้าใจไหม”

“เห…” โอลิเวียยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากอย่างครุ่นคิด “ไม่นึกว่านายจะถือเรื่องนี้แฮะ”

ผมน่ะไม่ถือหรอก แต่ไอ้ลูคัสถือแน่นอน

“งั้นถ้านี่ล่ะ” อีกฝ่ายว่าพร้อมเลื่อนมือไปคว้าเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ผมรู้สึกเหมือนโดนอีกฝ่ายตบหน้าแรงๆ ด้วยเศษกระดาษพวกนั้น

ยัยนี่คิดจะซื้อผมเหรอ? ล้อกันเล่นใช่ไหม?

“ฐานะทางบ้านของพวกนายไม่ค่อยดีใช่ไหมล่ะ” โอลิเวียยกยิ้ม “ถึงจะไม่ได้เห็นได้ชัดขนาดนั้นแต่ก็พอรู้สึกได้ ขนาดลูคัสไปทำงานพิเศษ ยังดูไม่ค่อยมีเงินใช้เท่าไรเลย ถ้าลำบากนัก จะพึ่งพากันหน่อยก็ได้นะ ว่าไง โลแกน ลูคัสน่ะเขาเป็นคนดี ไม่มีทางยอมเอาเงินจากฉันหรอก แต่ถ้าเป็นนาย… นายเอาเงินไปใช้ด้วยกันกับแฝดนาย แล้วก็ใช้เวลาว่างๆ สนุกกับฉัน ไม่ดีเหรอ วินวินทั้งสองฝ่าย หรือนายคิดว่าไง”

ผมยกยิ้มตามแบบฉบับของตัวเอง กระชากเงินออกจากมือของหญิงสาวแล้วก้มลงไปกระซิบเสียงต่ำ

“ผมไม่ใช่โสเภณีนะครับ คุณผู้หญิง”

“อะ….!!”

“เก็บเงินที่พ่อแม่ให้เธอมาเอาไว้ใช้เถอะ ยัยร่าน” ผมพูดอย่างไม่ใยดี ยัดเงินจำนวนนั้นลงใส่กระเป๋าถือใบสวยที่คงราคาเท่ากับค่ากับข้าวของผมกับลูคัสสามเดือน ของผมกับลูคัสนะ ย้ำ ไม่ใช่แค่คนเดียว “และถ้าคิดจะทำตัวแบบนี้ต่อไปก็ช่วยบอกเลิกกับพี่ชายฉันทีเถอะ หมอนั่นมันบื้อ ไม่เคยรู้หรอกว่าโดนเธอสวมเขาให้อยู่น่ะ”

ผมเดินจากมา ได้ยินเสียงกัดฟันกรอดจากหญิงสาวด้านหลัง ก่อนจะชะงักตัวไปทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายตะโกนมา

“ก็แฝดนายมันโง่เองนี่!! หน้าตาก็ออกจะดีแท้ๆ นายเองก็เหมือนกัน โลแกน หลงนึกว่านายจะฉลาดกว่านี้ น่าเสียดาย”

เฮ้อ… ขอยืนยันคำพูดเดิมอีกรอบ นี่ไอ้บ้าลูคัสมันคบกับแม่นี่เข้าไปได้ยังไงตั้งนานนม หรือว่าไอ้สุภาษิตที่ว่าความรักทำให้คนตาบอดนี่จะเป็นเรื่องจริง?

ผมเหลือบไปมองหญิงสาวที่ทำท่าจะหมุนตัวเดินย้อนกลับไปทางเดิมที่ตัวเองมา แต่แล้วเจ้าหล่อนก็ต้องชะงักเพราะผมคว้าแขนของสาวเจ้าไว้เต็มแรง ไม่สิ ต้องเรียกว่าออกแรงกระชากมาเลยดีกว่า

“ฟังนะ โอลิเวีย” ผมพูดเสียงเย็น รู้สึกได้เลยว่าหญิงตรงหน้าหน้าซีดเผือดลง ก็นะ ใครๆ ที่โดนผมพูดด้วยโทนเสียงนี้ บวกกับมองด้วยสายตาแบบนี้ก็มักจะมีปฏิกิริยาแบบเดียวกันนี่แหละ “ฉันไม่สนหรอกนะว่าเธอจะคบกับไอ้ลูคัสเพราะชอบหน้าตามัน ชอบนิสัยมัน อยากอ้อนมัน หรืออยากมีเซ็กส์กับมัน… แต่อย่ามาพูดว่าร้ายไอ้หมอนั่นให้ฉันได้ยิน คนที่พูดแบบนั้นถึงมันได้มีแค่ฉันคนเดียว ส่วนเรื่องเธออยากจะหลอกลวงอะไรมัน นั่นมันก็เรื่องของเธอ”

พูดในสิ่งที่ต้องการจบแล้วผมก็ปล่อยแขนเจ้าหล่อนออก ส่งยิ้มหวานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปให้แล้วเดินออกไปจากที่ตรงนั้น ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงของเด็กสาววิ่งไปอีกทางหนึ่งเช่นกัน

ว้า… ดันทำคนสวยกลัวหัวหดไปซะได้ ผมนี่ ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ แฮะ









สงสัยจังว่าไอ้ลูคัสมันจะโง่เรื่องแฟนของตัวเองไปได้อีกนานแค่ไหน

ผมลอบคิดในใจขณะที่ยกแก้วกาแฟดำขึ้นจรดปาก มองหน้าจอคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าที่น่าจะเกิดพร้อมๆ กับตอนที่ไดโนเสาร์กำลังสูญพันธุ์ หน้าจอของมันยังนูนโค้งออกมาอยู่เลย ตัวเครื่องก็ส่งเสียงครืดๆ เหมือนกลไกภายในร่ำร้องอยากจะขอเกษียณเต็มทน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีตัวเลือกนั้นอยู่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าบ้านคอลลินส์ เรายังไม่มีเงินพอจะซื้อข้าวของได้ฟุ่มเฟือยแบบนั้น อย่างน้อยก็จนกว่าผมกับลูคัสจะเริ่มทำงานเป็นจริงเป็นจัง ตอนนี้เราได้รับการอุปการะจากน้าซึ่งทำงานอยู่อีกรัฐหนึ่ง ที่นานๆ จะกลับมาเยี่ยมสักที แต่พวกเราสองคนก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรอกครับ แค่ทางนั้นส่งเงินมาให้เป็นค่าเล่าเรียนและค่าดำรงชีวิตแบบพออยู่ได้ทุกเดือนแบบนี้ก็เป็นพระคุณมากแล้ว

และตอนนี้ผมก็กำลังพิมพ์ข้อความเพื่อตอบอีเมล์ที่น้าส่งมาให้นั่นเอง

จะว่าไป… วันที่โอลิเวียมานั่น หมอนั่นมันเห็นตอนที่เราคุยกับเนทแล้วก็เมแกนในกระจกไม่ใช่เหรอ

ผมยกมือขึ้นยีหัวตัวเองเพราะเพิ่งนึกเรื่องสำคัญที่ว่านั่นมาได้ จริงๆ หลังจากที่โอลิเวียกลับไปตอนนั้น ลูคัสก็ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรกับผมอยู่หลายครั้งเหมือนกัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้พูดออกมาสักที

อืม… บางทีหมอนั่นอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ ใช่ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว เพราะผมไม่อยากต้องมาคอยนั่งหาคำอธิบายให้มันฟังอีก หรือดีไม่ดีต้องเค้นพลังเพื่อพยายามลบความทรงจำของมัน… ผมเคยทำแบบนั้นครั้งหนึ่งสมัยตอนที่เราเป็นเด็ก… นั่นเป็นเรื่องที่ยากมากเลยนะ ถึงจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ผมต้องใช้พลังและรวบรวมสมาธิหนักมากกว่าจะทำแบบนั้นได้

เสียงเปิดประตูดังมาแว่วๆ ให้ได้ยินจากด้านล่าง จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ เดินขึ้นบันไดมา ก่อนที่ลูคัสจะเปิดประตูห้องเข้ามาด้วยท่าทีสะโลหสะเหลกว่าปกติ ผมไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปทักทายมันเพราะกำลังพิมพ์ข้อความตอบกลับอีเมล์อยู่

“โย่ ลูคัส” ผมทักทายทั้งๆ ที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นไปหาอีกฝ่าย “วันนี้ซ้อมดนตรีเป็น…”

แต่ผมก็ต้องชะงักไปตรงนั้นเมื่อลูคัสก้าวเข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง ผมกระพริบตาปริบๆ แล้วหันไปมองมันงงๆ

“เป็นอะ…”

“ฉันเลิกกับโอลิเวียแล้ว”

ผมนิ่งไปนิดหนึ่งในขณะที่ลูคัสค่อยๆ ผละอ้อมแขนออกไป ชายหนุ่มถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยอ่อนทีเดียว

“ก็ดีแล้วนี่” ผมว่า

“ยัยนั่นมีคนอื่น”

ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ….

ผมเกือบจะพูดแบบนั้นออกไปอยู่แล้วถ้าไม่เห็นน้ำตาที่รื้นอยู่บนขอบตาของไอ้หมอนี่ เฮ้ยๆๆ ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะเว้ย

“ใจเย็น ลูคัส มานี่มา” ผมตัดสินใจดึงตัวแฝดคนพี่ของตัวเองให้มานั่งข้างๆ ผมบนเตียง ส่งทิชชู่แผ่นหนึ่งให้มัน “ไหน เกิดอะไรขึ้น เล่าให้ฉันฟังซิ เผื่อจะดีขึ้น”

“ยัยนั่นมีคนอื่น”

“แล้วนายรู้ได้ยัง…”

“ฉันเปิดประตูห้องเข้าไปตอนสองคนนั้นเปลือยอยู่บนเตียง” พูดแล้วลูคัสก็ยกฝ่ามือขึ้นปิดหน้าอย่างอัดอั้น ผมอ้าปากค้างไปนิดหนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปลูบบ่าอีกฝ่ายแกนๆ

แหมๆ… แม่สาวผมทองคนนั้นนี่ไม่ใช่เล่นเลยนะ รู้ทั้งรู้ว่าลูคัสมีกุญแจห้องของตัวเองยังจะกล้าเอาผู้ชายเข้าห้อง คงจะคิดว่าหมอนี่ไปซ้อมดนตรีเหมือนทุกวันล่ะสิ

“ฉันนี่มันโง่จริงๆ เลย โลแกน” เจ้าตัวสะอื้นนิดหนึ่ง หากกลืนเสียงสะอื้นนั้นลงในลำคอได้ในคำพูดต่อมา ลูคัสไม่ปล่อยให้น้ำตาไหล เขายกมือขึ้นปาดน้ำใสๆ ที่คลออยู่ออกอย่างรวดเร็ว “เขามีคนอื่น… และถึงขั้นนอนด้วยกันแบบนี้แล้ว แปลว่าต้องมีมานานแล้วแน่ๆ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย”

อืม…. บางทีมันก็อาจจะไม่เกี่ยวกับระยะเวลาก็ได้นา… แต่ก็นะ มันสำคัญตรงไหนล่ะ?

“ช่างมันเหอะ ลูคัส” ผมว่าอย่างเริงร่า ดึงมืออีกฝ่ายให้ลุกขึ้นมาจากเตียงตามผม แต่ลูคัสก็ไม่ยอมลุกอยู่ดี “เดี๋ยวฉันหาสาวสวยๆ น่ารักๆ ให้ใหม่น้า เอาให้แจ่มกว่ายัยโอลิเวียอีก”

ลูคัสไม่ตอบ สายตาไม่ได้มองมาที่ผมด้วยซ้ำ แต่ดูจากแววตาแล้ว คงเจ็บปวดมากสินะ

อืม… แย่จัง จะช่วยยังไงดี

“อ้อ รู้แล้วๆ!” ผมยกกำปั้นขึ้นทุบมืออีกข้างของตัวเอง “ออกไปหาสาวย่านไชน่าทาวน์กันเอาไหม แถวนั้นแจ่มๆ เยอะนา มาเถอะ เดี๋ยวฉันซื้อให้”

นั่นแหละ นัยน์ตาสีฟ้าเลื่อนลอยของอีกฝ่ายถึงยอมเบนมาทางผมด้วยสายตาโกรธจัดในวินาทีแรก หากวินาทีถัดไป มันก็กลับไปหม่นหมองตามเดิม

“ไม่ล่ะ”

“แน่ใจเหรอ?”

“อืม”

โดนปฏิเสธติดกันขนาดนี้ผมจึงยักไหล่ส่งกลับไปให้เขา

“งั้นก็ตามใจ”

ลูคัสไม่ตอบ หากก้มลงมองมือของตัวเองเหมือนคนไม่มีอะไรทำ เฮ้อ… แย่จริงเลย

“งั้นขออย่างสิ” ผมว่า

“อะไร”

“อย่าไปกินเหล้าจนเมาสภาพดูไม่ได้ทีนะ” แม่ง โคตรเกลียดเลย อะไรที่แบบไร้มาดแบบนั้น ผมทนไม่ได้หรอกถ้าต้องเห็นคนหน้าตาเหมือนตัวเองทำตัวอ่อนหัดแบบนั้น “ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก”

“แล้วไปหาสาวแบบที่นายว่านี่ ไม่น่าเบื่อเหรอ?” ลูคัสถามย้อนอย่างคนที่รู้ความคิดของผมดี ผมยักไหล่ให้เจ้าตัวทีหนึ่ง

“ก็อาจจะน่าเบื่อ แต่อย่างน้อยก็สนุก”

ว่าแล้วผมก็เคาะปุ่มเอนเทอร์ ส่งอีเมล์แล้วเดินออกมาจากห้องเพื่อเตรียมไปทำงานพิเศษ

คิดดู๊… ขนาดลูกปีศาจอย่างผมยังต้องทำงานพิเศษเลย ลองติดต่อเนทหรือเมแกนไปขอตังค์มาใช้ได้ไหมเนี่ย

เฮ้อ….







----------------------------
Talk: ไป โลแกน ลูคัสว่างแล้ว จัดดดด//ผิดๆๆๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
และแล้ว โอลิเวีย ก็ออกลาย ออกลายมาแล้ว  :a5:

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3
บทที่ 6

(Mode: Lucas Collins)





ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันผ่านมานานกี่วันแล้ว รู้แต่ว่าวันเวลาช่างเดินไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน

ผมค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นมาจากเตียงเมื่อได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังลอดเข้ามาผ่านโสตประสาท ผมนอนคว่ำอยู่กับเตียงแบบนี้มาตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียนแล้ว วันนี้ผมไม่ได้เข้ากะทำงาน ซ้อมดนตรีก็ไม่มีอารมณ์จะไป ส่วนต้นตอของเสียงโทรทัศน์ที่เพิ่งดังขึ้นกลางดึกแบบนี้ จะมาจากใครเป็นไม่ได้นอกจากน้องชายฝาแฝดตัวดีของผมที่คงจะเพิ่งเลิกงานมา

โลแกนมองหน้าจอโทรทัศน์ซึ่งเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวที่ดูใหม่ อย่างอื่นนอกจากนั้นอยู่ในสภาพเก่าจากใช้งานมาไม่ต่ำกว่าสิบปี ข้าวของทุกอย่างในบ้านผมก็เป็นแบบนี้หมดแหละครับ ยังไม่นับรวมความไม่เป็นระเบียบเพราะผู้ชายสองคนอาศัยอยู่รวมกันด้วยนะ เสื้อผ้าของผมกองอยู่มุมหนึ่งตรงพื้น อีกมุมของโลแกน ถุงเท้าข้างหนึ่งที่คงจะหาคู่ของมันไม่เจออีกแล้วอยู่ที่ปลายเตียง ยินดีต้อนรับเข้าสู่ห้องของชายโสดสองคน

อันที่จริงแล้วบ้านของพวกเรามีห้องนอนห้องข้างๆ อีกห้อง ซึ่งเป็นห้องของลิซ่า น้าสาวของผม น้องสาวแท้ๆ ของแม่ ญาติเพียงคนเดียวที่ผมกับโลแกนหลงเหลืออยู่ จริงๆ น้าเองก็บอกให้พวกเราคนใดคนหนึ่งไปนอนในห้องนั้นก็ได้ตอนน้าไม่อยู่ ซึ่งน้าก็ไม่อยู่แทบจะทุกวันอยู่แล้วน่ะนะ แต่เนื่องจากข้าวของ เครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้เสื้อผ้า และอื่นๆ ของพวกเราอยู่ที่ห้องนี้กันหมด ประกอบกับที่ว่าเตียงของห้องนี้เป็นไซส์คิง การนอนรวมกันสองคนจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ตรงกันข้าม พวกเราตัวติดกันมาแบบนี้จนชินไปเสียแล้วมากกว่า

ผมมองโลแกนเปิดเบียร์กระป๋องที่หยิบขึ้นมาจากตู้เย็นชั้นล่างด้วย แล้วไม่ได้เอามาแค่กระป๋องเดียว แต่ล่อมาตั้งสามกระป๋อง นี่เอ็งกลายเป็นไอ้ขี้เมาขนาดนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่

“ไม่เยอะไปหน่อยเหรอ” ผมพึมพำ ทำเอาคนที่กำลังให้ความสนใจกับรายการทีวีอยู่หันหน้าขวับกลับมา

“ตื่นตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”

“เมื่อกี้” ผมตอบ ยันตัวลุกขึ้นมานั่งด้วยท่าทางสะลึมสะลือ ปวดหัวไปหมดเหมือนหัวจะระเบิดออกมา อาการนี้สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้หากคนคนนั้นนอนตอนหัวค่ำและตื่นขึ้นมาดึกๆ แบบนี้ โอย… เหมือนจะมีอะไรหลุดออกมาจากหัวงั้นแหละ “โลแกน ขอน้ำแก้วดิ”

“ได้แน่นอน” เจ้าตัวว่า เดินไปรินน้ำจากเหยือกที่ตั้งไว้ใส่แก้ว “ฉันมันเกิดมาเป็นเบ๊นายอยู่แล้ว”

เอ้า ยังจะประชดกันอีก

“แล้วนี่นายเป็นไงบ้าง พี่ชาย”

“ก็ดีนะ”

“ก่อนพูดคงไม่ได้ส่องกระจกดูตัวเอง ตานายลึกโบ๋เข้าไปแล้วนั่น อย่างกับศพเดินได้”

“ช่างฉันเถอะน่า”

โลแกนยักไหล่ให้ผมทีหนึ่งก่อนจะหันกลับไปให้ความสนใจกับทีวีตรงหน้าต่อ ผมมองถั่วหลากสีที่น้องชายฝาแฝดเอาใส่ถ้วยมาเป็นกับแกล้มก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเม็ดหนึ่งมาเข้าปาก จะว่าไปผมยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยนี่นะ มื้อกลางวันก็แค่แซนด์วิชโง่ๆ ชิ้นหนึ่ง แถมยังกินไม่หมดด้วยนะ

แต่พอคิดว่าจะกินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา ท้องไส้ของผมก็ปั่นป่วนราวกับมันกำลังบอกปฏิเสธว่าไม่ต้องการอาหารทั้งๆ ที่หิวจนไส้กิ่ว ทำไมขัดแย้งกันแบบนี้นะ เจ้าร่างกายบ้า

โลแกนส่งเบียร์ให้ผมกระป๋องหนึ่งจากนั้นก็เริ่มหัวเราะร่าไปกับมุกตลกทางทีวีที่ผมไม่เห็นขันด้วยตรงไหน… โอเค สารภาพก็ได้ จริงๆ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมก็คงหัวเราะขำพร้อมไปกับไอ้เด็กนรกข้างตัวนี่แหละ แต่ตอนนี้สภาพอารมณ์ของผมมันหดหู่ตลอดเวลา เหมือนมีฤดูฝนมาล้อมกรอบเอาไว้ ใครเคยอกหักมาก็น่าจะพอรู้ มันไม่มีความสุขไปกับอะไรเลยจริงๆ นะ ถึงแม้ตัวเองจะพยายามทำตัวให้ร่าเริงก็เถอะ

ในที่สุด เมื่อผ่านไปเกือบชั่วโมงและผมยังมีท่าทีซังกะตาย โลแกนก็ยกมือขึ้นทุบโต๊ะจนกระป๋องเบียและถ้วยใส่กับแกล้มที่ว่างเปล่ากระเด็นขึ้นมาจากพื้นโต๊ะเล็กน้อย และนั่นทำผมสะดุ้งเฮือกตามไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย

“ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ”

“อะไร” ผมถามงงๆ

“เมื่อไหร่นายจะเลิกทำตัวซึมเซาแบบนี้สักที น่ารำคาญเป็นบ้าเลย เห็นนายเป็นแบบนี้แล้วฉันที่กำลังอารมณ์ดีๆ อยู่ต้องพลอยเซ็งไปด้วย เลิกทำตัวงี่เง่าที ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว นายจะอะไรนักหนาวะ”

“นายก็พูดได้สิ” ผมโต้กลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดังไม่แพ้มัน “ก็นายไม่ได้รักหล่อนแบบที่ฉันรักนี่ ไม่สิ นายมันไม่เคยรักใครด้วยซ้ำ เพราะงั้นนายไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าอกหักเนี่ยมันเจ็บแค่ไหน”

โลแกนเลิกคิ้ว ก่อนจะเหยียดยิ้มขันออกมานิดหนึ่ง เป็นรอยยิ้มที่น่าโมโหมาก พูดเลย

“ถ้ารักใครเป็นสักคนแล้วต้องมาอกหัก มีสภาพทุเรศๆ แบบนาย ฉันขอรักใครไม่เป็นเหมือนเดิมดีกว่า”

“นายนี่น่าสงสารนะ”

โลแกนแสร้งยกมือขึ้นมากุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองพร้อมกับคร่ำครวญ “อ่า ใช่สิ มันช่างน่าเศร้าอะไรขนาดนี้ การที่ฉันไม่มีหัวใจมันทำให้ฉันไม่สามารถรับรู้ความเศร้าและความเจ็บปวดอย่างที่นายกำลังรู้สึกได้ อ่า… มันช่างเป็นความรู้สึกที่แย่อะไรขนาดนี้”

ผมกัดฟันกรอด ยกหมอนอิงที่อยู่ใกล้มือที่สุดขึ้นมาเหวี่ยงใส่คนตรงหน้า โลแกนเอื้อมมือมาคว้าหมอนใบนั้นได้อย่างมั่นคง ก่อนจะวางมันลงบนตักของตัวเอง แล้วเบือนใบหน้าเปื้อนยิ้มมาทางผม

“ล้อเล่นแค่นี้ก็ต้องโมโหด้วยเหรอ”

“เปล่านี่” แค่หมั่นไส้

“นี่ รู้ล่ะ เรามาหาอะไรสนุกๆ ทำกันดีกว่า รอเดี๋ยวนะ ฉันไปเอาเหล้าขึ้นมาก่อน นายหยิบพวกการ์ดเกมออกมาจากตู้หน่อยดิ เล่นเกมกัน”

หะ?

ดังนั้น… ในอีกเกือบครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกผมสองคนก็ก็มีไพ่จำนวนหนึ่งอยู่ในมือพร้อมกับแก้วที่ใส่เหล้าซึ่งแฝดผมเป็นคนชงเองกับมือทุกใบ

“เอ้า ลูคัส!! นายแพ้แล้ว ดื่มนี่ซะ รวดเดียวเลยนะเว้ย!”

ผมมองแก้วน้ำสีใสที่บรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาจนปริ่มด้วยสีหน้าเหยเก ผมเป็นคนที่คออ่อนสุดๆ เลย แค่ได้กลิ่นเหล้าก็อยากจะเมาปลิ้นแล้วก็ว่าได้ แล้วไอ้หมอนี่จะให้ผมกินแบบเพียวๆ ไม่ผสมอะไรเลยเยอะขนาดนี้เนี่ยนะ?

“ไหนนายบอกกินเหล้าจนเมาไม่ได้สตินี่มันน่าเบื่อไง”

“ช่าย ถ้านายไปกินจนเมาข้างนอก หรือไปกินจนเมาไม่ได้สติอยู่คนเดียว แล้วก็คร่ำครวญหาแฟนเก่านาย… นั่นน่ะ จะเป็นอะไรที่น่าเบื่อก็จริง แต่ตอนนี้นายเล่นเกมกับฉันอยู่ไง เล่นแพ้ถึงต้องกิน” เจ้าตัวแสบดีดนิ้วดังเปาะทีหนึ่ง “แค่นี้ก็สนุกแล้วใช่ไหมล่ะ พี่ชาย ยอมรับมาเถอะน่า จมอยู่กับความเศร้าคนเดียวมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นร้อก”

ผมเม้มริมฝีปากแน่นขึ้นนิดหนึ่ง ใจจริงตอนที่โลแกนชวนเล่น ผมก็ไม่ได้นึกอยากจะเล่นกับมันนักหรอก แต่ก็รู้ดีว่าจนแล้วจนรอดมันก็ต้องลากให้ผมเล่นกับมันจนได้ ก็เลยเออออตามมันไป ก็… ช่วยอาการฟุ้งซ่านแล้วก็ซึมเซาของผมได้นิดหนึ่งล่ะมั้ง

“เอ้า กินๆๆๆ ลูคัส อย่าเบี้ยว แก้วเมื่อกี้ฉันก็กินรวด… โอ้โหเฮ้ย! ไม่เลวเลยนี่หว่า” เจ้าตัวว่าอย่างตื่นเต้นขณะที่ผมยกซดว้อดก้าแบบไม่ผสมอะไรเลยขึ้นดื่มรวดเดียว ทันทีวางแก้วลงบนโต๊ะ ของเหลวร้อนก็ไหลผ่านลำคอผมไปอย่างรวดเร็ว

รู้สึกเหมือนโลกหมุนเร็วขึ้น จากนั้นทัศนวิสัยของผมก็เริ่มพร่าเลือน ชูนิ้วมาหนึ่งนิ้วต่อหน้าผมตอนนี้ก็อาจกลายเป็นสองได้ ทำไมมันถึงได้ชวนให้ตาลายขนาดนี้เนี่ย แล้วนี่ผมจะเมาเร็วอะไรขนาดนี้…

“เฮ้ย เมาแล้วเหรอ พี่ชาย หน้าแดงเถือกแล้วนั่น”

“อือ” ผมยอมรับอย่างง่ายดาย ค่อยๆ ทรุดตัวลงนอนบนพื้น คลานไปที่ตักของคนตรงหน้าซึ่งเหยียดขาตรงทั้งสองข้าง อือ… อย่างน้อยตรงนี้ก็นุ่มสบายดี พอนอนได้

“เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งนอนดิ ปาร์ตี้มันเพิ่งจะเริ่มเองนะ เอ้า เร็ว ลุกขึ้น ฉันยังไม่ยอมให้นายเลิกแค่นี้หรอก ยังมีเหล้าเหลืออีกบานเลย ไม่เห็นเหรอ”

“อือ….” โอ๊ย… จะบ้าเหรอฟะ แค่นี้ก็แยกของในห้องไม่ออกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ยังจะมาบังคับให้ดื่มอยู่อีก

ผมแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เหมือนว่าโลแกนจะผสมเหล้าอะไรสักอย่างยัดใส่มือมาให้ จากนั้นก็ดันให้ผมกระดกของเหลวสีสดใสนั่นเข้าปากตามเหล้าไร้สีที่ลงกระเพาะเมื่อครู่ไป

รู้สึกร้อนไปหมดทั้งตัวเลยแฮะ… เอาล่ะเว้ย… ชักจะสนุกแล้วสิ

“เฮ้ โลแกน ไอ้บ้า… นายอย่า… เกาะแกะฉันสิวะ มันน่ารำคาญนะ รู้ไหม”

“เกาะแกะอะไร” คนที่ปกติจะมีสติครบถ้วนแม้จะผ่านสงครามน้ำเมาอย่างหนักหน่วงมาแค่ไหนเริ่มหน้าแดง ปกติเวลาอยู่ข้างนอกโลแกนจะกินในปริมาณที่สามารถควบคุมตัวเองได้ หมอนี่รู้ลิมิตตัวเอง ดี แต่พออยู่ในบ้านแล้ว เหมือนมันจะไม่ค่อยสนเรื่องลิมิตที่ว่านั่นเท่าไร

ถ้าให้ดู… มันคงยังมีสติมากกว่าผม แต่น้อยกว่าตอนปกติของมันแน่นอน

“นายต่างหากที่มาเกาะแกะฉัน” คนที่มีสติมากกว่าผมพูดเอ็ด หากใบหน้ามีรอยยิ้มประดับ โอ๊ย… ไอ้หมอนี่พอยิ้มแบบนี้ก็ดูดีอยู่หรอก ถ้ามันยิ้มบ่อยๆ ทำตัวดี น่ารักๆ ที่โรงเรียนก็คงดี จะได้ไม่ต้องมีแต่คนคอยหลบมัน หลบมันอย่างเดียวไม่พอ ดันมาคอยหลบผมด้วยเพราะแยกพวกเราสองคนไม่ออก…

ให้มันได้แบบนี้สิ

“นายต้องเลิกต่อยตีชาวบ้านเขาไปทั่วได้แล้วนะ” ผมงึมงำ รู้สึกเหมือนโลกหมุนเร็วขึ้นๆ และกำลังจะเหวี่ยงผมออกไปทางนอกหน้าต่าง ดังนั้นผมจึงจิกมือลงบนเสื้อผ้าของโลแกนแน่นขึ้น เผื่อไว้ถ้าผมปลิวออกไปนอกโลก ผมจะได้ไม่เหงาอยู่ในอวกาศคนเดียว “ถ้านายอยากเป็นตำรวจ… นายก็ต้องเป็นเด็กดีสิ”

“ฉันไม่เคยไปต่อยตีชาวบ้านนะ” โลแกนยักไหล่ “ถ้าพวกนั้นไม่มาหาเรื่องก่อน”

“นายก็ต้องรู้จักให้อภัยสิ”

ถึงตรงนี้ แฝดตัวดีของผมขำก๊ากออกมาทีเดียว

“ฉันไม่ใช่พ่อพระแบบนายนา... ลูคัส”

เหอะ ใครเป็นพ่อพระกัน ผมเองก็คนปกตินี่แหละ เพียงแต่มาอยู่กับไอ้นรกอย่างหมอนี่ ผมเลยดูกลายเป็นพ่อพระขึ้นมาก็เท่านั้น

“นี่ โลแกน ดูหนังกาน…” ผมว่าผมเริ่มจะพูดไม่รู้เรื่องแล้วล่ะตอนนี้ “ไหน ยูเอสบีที่ใส่หนังของนาย อันนี้ป้ะ? งั้นเสียบเลยนะ”

“เอาเลย” โลแกนว่าขณะรินเหล้าจากขวดใส่แก้วอย่างอารมณ์ดี นี่มันยังจะกินขนาดนั้นอีกเหรอ มันคิดว่าเหล้าพวกนี้เป็นอะไร? น้ำเปล่าเหรอ?

ผมกดรีโมตเพื่อเลือกหนังอะไรมาสักเรื่องสุ่มๆ ก่อนจะต้องชะงักไปเมื่อค้นพบว่ายูเอสบีที่เสียบไปนั่นเป็นคอลเลคชั่นหนังโป๊ของไอ้แฝดโรคจิตนี่… หนังโป๊ที่มีมันเป็นนักแสดงนำด้วยนะ!

จากข้างหลัง ผมได้ยินเสียงโลแกนหัวเราะก๊ากอย่างอดไม่อยู่ ผมหันหน้าขวับไปมองมันตาเขียวทันที แม่งจะขำอะไรนักหนาวะ แล้วนี่มันก็คลิปที่ตัวเองนอนกับผู้หญิงไปทั่วไม่ใช่เรอะ!?

“ขำบ้าอะไรของนาย!!?”

“ก็ดูหน้านายดิ” โลแกนพูดพร้อมกับยกหลังมือปาดน้ำตาที่เล็ดออกมาจากการหัวเราะมากเกินไป “สะดุ้งเฮือกเลยตอนเห็นฉันในหน้าจอ”

“ก็มันน่าสะดุ้งไหมล่ะ เจ้าบ้า” ยิ่งมีหน้าเหมือนกันด้วยแบบนี้ แม่ง… นึกว่ามองตัวเองมีเซ็กส์อยู่กับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้…

ผมอยากจะปิดคลิปน้องชายฝาแฝดของตัวเองที่กำลังมีค่ำคืน (จริงๆ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านั่นกลางคืนรึเปล่า) สุดเร่าร้อนกับสาวหัวดำสุดเซ็กซี่ที่ส่งเสียงครางกระเส่าดังลอดมาให้ได้ยิน แต่เหมือนร่างกายจะไม่รับฟังคำสั่งอีกต่อไป งั้นก็ช่างแม่งเลยแล้วกัน นอนไปทั้งๆ ที่เปิดหนังโป๊ของน้องตัวเองไว้แบบนี้ก็เร้าใจดี

ผมคลานกลับไปหาที่นอนซึ่งก็คือตักของโลแกนอีกรอบ ซุกหน้าลงบนต้นขาของอีกฝ่ายขณะที่หันกลับไปมองสิ่งที่ปรากฏอยู่บนจอโทรทัศน์

ให้ตายสิ… นี่หมอนี่มันเหมือนผมมากจริงๆ เลยนะเนี่ย เกิดคลิปพวกนี้หลุดออกไปมีหวังผมต้องโดนเหมารวมไปด้วยว่าเป็นคนในคลิปแน่ๆ เลย

“นี่” เสียงดังมาจากเจ้าของตักที่ผมกำลังนอนหนุนอยู่ เจ้าตัวดีค่อยๆ ดึงผมขึ้นไปใกล้ใบหน้าของตัวเองมากขึ้น “นายดูคลิปนี่แล้ว คิดยังไง ลูคัส”

คิดยังไงเหรอ… ก็คิดว่านายหน้าเหมือนฉันน่ะสิ และนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีนะ บอกก่อนเลย

“เกิดอารมณ์รึเปล่า?”

หา? เกิดอะไรนะ? ไหน พูดชัดๆ อีกรอบซิ นั่นมันน้องชายฝาแฝดของตัวเองกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่…

หากผมทำได้แค่เบิกตากว้างขึ้นอย่างตื่นตะลึงเมื่ออยู่ๆ แฝดนรกตรงหน้าก็เลื่อนริมฝีปากลงมาจูบปากผมหน้าตาเฉย

เดี๋ยวๆๆๆๆ เอ็งเป็นเสือผู้หญิงไม่ใช่เรอะ!!! ในวิดีโอนั่นเอ็งยังมีอะไรกับผู้หญิงหุ่นแจ่มๆ หน้าตาดีๆ อยู่เลยไม่ใช่เรอะ!!?

แล้วเดี๋ยวๆๆ…

อย่าสอดลิ้นเข้ามาสิโว้ย!!! ไอ้น้องเวรนี่!!!

ชิบหายแล้วไง
 



------------------

ลูคัสพยายามรวบรวมสติและแรงกำลังที่พอมีเหลือของตัวเองดันร่างของอีกฝ่ายให้ออกจากใบหน้าของตน โลแกนยอมผละริมฝีปากออกอย่างว่าง่ายขณะที่ก้มหน้าลงไปมองชายหนุ่มผู้มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับเขา ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม

ยังจะมาถาม…!! มันมีอะไรน่าถามเนี่ย ในสถานการณ์แบบนี้!!?

“อะไรเหรอ ลูคัส”

“ฉันสิต้องถามว่าอะไร!!” แฝดคนพี่ขู่ฟ่อ หากพอตะโกนออกไปแล้วก็รู้หน้ามืดลงวูบ น้ำเมาที่ลงกระเพาะเขาไปกำลังออกฤทธิ์อย่างเต็มที่ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนทุกอย่างที่พร่ามัวอยู่แล้วยิ่งเลือนลางเข้าไปใหญ่ จากนั้นสัมผัสอ่อนนุ่มก็แนบลงบนริทฝีปากของเขาอีกครั้ง…

อ๊ากกก ไอ้น้องเวรนี่!! ทำอะไรของมันวะเนี่ย!?

“ละ… โลแกน” ลูคัสอ้ำอึ้งก่อนจะต้องหลับตาแน่นลงอีกครั้งหนึ่งเมื่อคนด้านบนประกบจูบย้ำลงมาอีกรอบอย่างนุ่มนวล อ่อนหวาน ชวนให้เคลิบเคลิ้ม

แต่เดี๋ยวสิ…! ไม่นะ ถึงสัมผัสของหมอนี่จะชวนให้วาบหวามมากแค่ไหน แต่ยังไงมันก็เป็นพี่น้องของเขา… เป็นฝาแฝดของเขาด้วยซ้ำ แค่พี่น้องธรรมดาก็ว่าแย่แล้วนะ ยิ่งเป็นฝาแฝดด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ไม่ถูกต้องสุดๆ!

“อื้อ… ลูคัส” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างอ้อยอิ่ง คลอเคลียอยู่ที่ข้างหู “นายจะแตกตื่นตกใจอะไรมากมายนัก พี่ชาย ทำเป็นไม่เคยมีเซ็กส์ไปได้”

เซ็กส์น่ะเคยมี… แต่ไม่เคยมีกับผู้ชายโว้ย!!

“นี่ โลแกน อย่าทำ… อุบ” ลูคัสสะดุ้งเฮือกเมื่อมือหนาสอดเข้ามาใต้เสื้อยืดแขนยาวตัวหลวมโคร่งของเขา ลูบไล้ผิวเนื้อด้านใต้นั้นอย่างยั่วยวน เช่นเดียวกับสันจมูกที่ไล้ลงบนต้นคอขาว ตวัดลิ้นลงบนนั้นแล้วขบริมฝีปากลงอย่างซุกซน เหลือรอยแดงๆ ทิ้งไว้เป็นของต่างหน้าตรงนั้น ลูคัสหน้าร้อนขึ้นวูบ

“โล… แกน อย่า” เสียงหวานเอ่ยอย่างอ้อนวอน ตอนนี้สติของเขาเหลือน้อยลงเต็มทีเพราะฤทธิ์เหล้าและสัมผัสของอีกฝ่าย

มันรู้สึกดี… ดีเกินกว่าจะเป็นเรื่องจริง และตัวเขาที่ยังพอประคองสติได้ในตอนนี้ก็ไม่อยากยอมรับมัน
 
หมอนี่เป็นน้องชายของเขา เป็นฝาแฝดที่มีใบหน้าเหมือนกับเขาไม่มีผิดเพี้ยน เขาหมายถึง…
“นายจะอยากมีอะไรกับคนที่หน้าเหมือนตัวเองได้ไง” ลูคัสว่าขณะยกมือที่อ่อนเปลี้ยปัดมืออีกฝ่ายออกจากตัว แต่มันไม่ได้ผลเท่าไร “ทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการช่วยตัวเองน่ะสิ”

“หืม” โลแกนไม่ฟัง เจ้าตัวลากปลายลิ้นลงบนแผ่นอกของคนด้านล่าง จากนั้นก็เลื่อนไปหยุดแถวๆ บริเวณยอดอกแทน พอใจกับเสียงครางที่หลุดออกมาจากลำคอของคนด้านล่างไม่น้อย “แต่นี่มันไม่ใช่การช่วยตัวเองไม่ใช่เหรอ หืม?”

“ละ… โลแกน” ลูคัสไม่รู้จริงๆ ว่าจะพูดอะไรไปได้มากกว่านี้ ร่างกายเขาร้อนวูบไปหมด ทั้งจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และสัมผัสจากอีกฝ่ายที่ไล้ลงบนส่วนต่างๆ บนร่างกายเขาไม่ขาด “อ๊ะ… เดี๋ยว… ก่อน ตรงนั้นมัน…”

โลแกนซุกหน้าไปลงฟัดกับร่างกายของคนด้านล่างที่ตอนนี้เริ่มเกร็งตัวด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน ก่อนจะสะดุ้งแรงๆ อีกเฮือกหนึ่งเมื่อมือหนาเลื่อนไปสัมผัสแกนกลางของร่างกายเขาอย่างเย้ายวนและจงใจแกล้ง ลูคัสพยายามเบิกตาให้กว้างที่สุดเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองหมดสติไปกลางทาง มองเพดานสีมอซอด้านบน จากนั้นก็ต้องร้องครางออกมาอีกรอบเมื่อคนด้านบนเริ่มรูดขึ้นลงที่ส่วนนั้น

“มะ… ไม่ได้ ไม่ได้นะ โลแกน นายต้องหยุด… อ๊ะ!!”

ลูคัสสะดุ้งตัวอีกเฮือกเมื่ออีกฝ่ายไม่ฟังเสียงห้าม ซ้ำยังเลื่อนริมฝีปากไปครอบลงบนส่วนนั้นของเขาอย่างชำนาญการ ลิ้นหนาตวัดเกี่ยวไปมาตรงส่วนนั้นของเขา ลูคัสหลุดเสียงครางออกมาอีกระลอกตามแรงอารมณ์ นิ้วเรียวจิกลงบนเส้นผมสีบลอนด์ทองของอีกฝ่ายอย่างหาที่ระบาย โลแกนรูดริมฝีปากของตัวเองขึ้นลงอยู่แบบนั้นครู่หนึ่งจนกระทั่งร่างของลูคัสกระตุกเฮือก ชายหนุ่มปล่อยให้น้ำสีขาวขุ่นนั่นไหลทะลักเข้ามาในโพรงปาก

“อะ…!?” ลูคัสยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองอยากไม่อยากจะเชื่อ นี่เขาเพิ่งถึงจุดสุดยอด… ด้วยปากของโลแกนเนี่ยนะ!? โอ๊ยยย ให้ตายสิ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย!?

“อ้าปาก” โลแกนโน้มหน้าเข้ามาหาเขาแล้วพูดเรียบๆ เสียงอู้อี้นิดหนึ่งเพราะยังมีของเหลวเหนียวๆ นั่นอยู่ในปาก “เร็วๆ”

“แต่…”

“เร็วๆ” โลแกนย้ำ นัยน์ตาสีฟ้าของเจ้าตัวคมกริบเลยทีเดียว ทำเอาลูคัสที่ยังงงๆ กับสถานการณ์ได้แต่โอนอ่อนและทำตามที่อีกฝ่ายว่ามาอย่างไม่บิดพริ้ว

โลแกนปล่อยให้ของเหลวสีขาวขุ่นไหลลงไปในโพรงปากของคนด้านล่างอย่างระมัดระวัง ลูคัสหลับตาแน่นปี๋ รู้สึกถึงกลิ่นคาวที่มากับของเหลวเหล่านั้น มือหนาเอื้อมมาปิดปากเขาทันทีที่ถ่ายเทน้ำพวกนั้นออกจากปากของตัวเอง

“กลืนลงไป”

มะ…. ไม่เอา…

“อย่าดื้อ ลูคัส”

รู้ตัวอีกที เขาก็ได้ยินเสียงอึกดังขึ้นจากลำคอของตัวเอง ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่คลออยู่บนหางตา โลแกนยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจนิดหนึ่งก่อนจะสอดมือไปด้านล่าง ช้อนร่างของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นจากพื้นแล้วเหวี่ยงไปบนเตียง มือเอื้อมไปปลดเข็มขัดของตัวเองและรูดซิปลง

ลูคัสถอยตัวกรูดไปติดกับหัวเตียงอย่างทุลักทุเลเพราะยังมึนหัวไม่หาย ก่อนเจ้าตัวจะต้องสะดุ้งเฮือกอีกทีเมื่อโลแกนโยนถุงยางกับเจลหล่อลื่นที่หมดไปแล้วครึ่งขวดลงบนเตียงข้างๆ เขา ชายหนุ่มหน้าซีดเผือดลง

“เอ่อ… ดะ… เดี๋ยว โลแกน นายคงไม่คิดจะทำจริงๆ…”

“หืม?” ร่างสูงทวนคำ เอียงคอเหมือนตั้งคำถามนิดหนึ่งก่อนจะเปิดฝาขวดเจลนั่นออก บีบเจลสีใสลงบนแกนกลางของคนดานล่างที่ชูชันขึ้นมา ลูคัสสะดุ้งเฮือกกับความเย็นของเจลนั่น บ่าทั้งสองข้างเริ่มสั่นด้วยแรงอารมณ์ที่หลากหลาย

“ทำไมนายถึงคิดว่าฉันจะไม่ทำล่ะ?”

“โลแกน มัน… ไม่ได้นะ” เขาว่า รู้สึกปวดหัวจี๊ดไปหมด นึกคำพูดอะไรไม่ออก ได้แต่หอบหายใจออกมาถี่ๆ “มัน… แฮ่ก ไม่ถูกต้อง…”

“อย่าพูดมากน่ารำคาญไปหน่อยเลยน่า” คนด้านบนว่า โน้มหน้าลงมาจูบอย่างร้อนแรงลงบนริมฝีปากของอีกฝ่ายอีกรอบ ลิ้นหนาตวัดลงไปในโพรงปากของลูคัสที่สะดุ้งตัวอีกเฮือก จ้วงความหวานที่อยู่ในนั้นออกมาอย่างไร้ความปราณี ชอบใจกับเสียงอึกอักประท้วงที่อยู่ในลำคอของพี่ชายตัวเอง

“มาสนุกกันดีกว่า” โลแกนยกลิ้มขึ้นเลียริมฝีปากราวกับคนที่เจออาหารอันโอชะอยู่บนจานของตัวเอง “ช่วงนี้นายเองก็เก็บกดไว้ไม่น้อยเลยไม่ใช่เหรอ นอกจากยัยโอลิเวียนั่นแล้วก็ไม่เคยนอนกับคนอื่นด้วยใช่ไหมล่ะ มานี่มา เดี๋ยวน้องชายอย่างฉันจะสอนให้เอง”

“มะ… ไม่… อ๊ะ!!” ลูคัสสะดุ้งเฮือกเมื่อคนตรงหน้าสอดนิ้วที่ชุ่มไปด้วยเจลหล่อลื่นเย็นๆ เข้ามาในร่างของเขาจากโพรงด้านหลัง

ชายหนุ่มพยายามยกขาขึ้นเพื่อดันบ่าของอีกฝ่ายออก หากโลแกนใช้ขาของตัวเองกดทัขาข้างหนึ่งของคนด้านล่าง และใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ยึดข้อขาอีกข้าง จากนั้นก็ขยับนิ้วเข้าออกที่ช่องแคบด้านหลังอย่างมีจังหวะ ลูคัสครางออกมาอย่างห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่ แม้ว่าเสียงที่หลุดออกมาจากลำคอมันจะน่าอายมากๆ เลยก็เถอะ แต่เขาจะหยุดมันได้ยังไงล่ะ

“รู้สึกดีเหรอ” โลแกนยกยิ้ม ใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อยเพราะเหล้าที่กินไปวันนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ลูคัสกัดฟันกรอด พยายามดันตัวลุกขึ้นแล้วใช้แขนดันหน้าอีกฝ่ายอย่างอัดอั้น แม้มันจะดูตลกเพราะชายหนุ่มเองก็ร้องครวญครางด้วยความเสียวซ่านจากสัมผัสของอีกฝ่ายไปพร้อมๆ กันก็ตาม

“มะ… ไม่เอา”

“เถอะน่า ลูคัส ยอมรับความจริงแล้วก็สนุกไปกับมันเถอะ” เจ้าตัวว่าขณะที่ผละตัวออกจากร่างของอีกฝ่าย ลูคัสมองตามไปอย่างงงๆ ก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อโลแกนกลับมาพร้อมกับเนคไทของมันในมือสองสามเส้น ว่าแล้วเจ้าตัวดีก็หยิบขึ้นมาเส้นหนึ่งแล้วใช้มันผูกข้อมือทั้งสองข้างของเขาให้ติดไว้ด้วยกัน

“เอ้า นี่น่าจะช่วยได้บ้างนะ” ชายหนุ่มว่าหน้าตาเฉย ในขณะที่ลูคัสที่ยังมึนงงอยู่ได้แต่กรีดร้องตะโกนในใจ

ช่วยได้บ้าอะไรล่ะ!!??

“อ๊ะ…!!” ลูคัสเกร็งตัวเมื่อโลแกนสอดนิ้วเข้ามาในร่างเขาอีกครั้ง เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทั้งหมดนั่นมีกี่นิ้ว ที่รู้ๆ คือตอนนี้ทุกอย่างในหัวของเขาเริ่มขาวโพลนไปหมด คิดอะไรไม่ออก แล้วสัมผัสวาบหวามที่อีกฝ่ายมอบให้มาก็รู้สึกดีเหมือนจะหลอมละลายร่างกายของเขาไปเลย

คนด้านล่างกระตุกตัวเฮือกเมื่อชายหนุ่มด้านบนค่อยๆ ถอนนิ้วออกไปอย่างอ้อยอิ่ง จากนั้นเจ้าตัวก็ขยับร่างเข้ามา อ้าขาของลูคัสออกจนสุด จากนั้นก็แนบแกนกลางของตัวเองลงลงตรงบริเวณปากทางด้านหลัง ขยับอยู่ตรงนั้นไปมาเพื่อให้ร่างกายอีกฝ่ายปรารถนามันมากขึ้นๆ

และร่างกายของลูคัสก็เป็นไปอย่างที่เขาต้องการจริงๆ ลูคัสรับรู้ได้เลยว่าเขาต้องการมัน ร่างกายของเขากำลังเรียกร้องสัมผัสที่ไม่เคยได้มาก่อนนั่น น่าสมเพชชะมัด ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ดีแท้ๆ ว่านั่นน่ะคือโลแกน…

โลแกนแล้วยังไงล่ะ?

ความคิดนั้นลอยเข้ามาในหัวของคนสติขาดๆ เกินๆ โลแกนสังเกตเห็นท่าทีเหม่อลอยของอีกฝ่ายนั้น เจ้าตัวจึงหยุดการกระทำของตัวเองลงชั่วคราว

“มีอะไรเหรอ”

“นายมันขี้โกง”

โลแกนเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม คนตอบที่ตอนนี้หน้าแดงเพราะสภาพท่อนล่างเปลือยเปล่าและฤทธิ์เหล้าตอบงึมงำ

“นี่น่ะ มันเรียกว่าขืนใจนะ”

“ขืนใจ?” โลแกนทวนคำอย่างไม่อยากเชื่อหู ยกนิ้วขึ้นชี้ตัวเอง “ฉันเนี่ยนะ?”

“ก็ใช่น่ะสิ!!”

นัยน์ตาสีฟ้าคู่คมหรี่ลงเล็กน้อย อยากจะบอกคนด้านล่างเหลือเกินว่าร่างกายของเจ้าตัวน่ะมันร่ำร้องขนาดนี้ ยังจะมาหาว่าเขาขืนใจอีก…

ว่าแล้วโลแกนก็ยกยิ้มชั่วร้ายขึ้นบนมุมปาก ทำเอาคนที่รู้จักความหมายของรอยยิ้มนั้นดีไหวตัวนิดหนึ่ง
“ก็ได้ ลูคัส” โลแกนว่า ปล่อยมือออกจากขาเรียวของคนด้านล่าง ลูคัสรีบหุบขาทั้งสองข้างของตัวเองเข้าหากันทันที “เรามาเล่นเกมกัน”

เกมบ้าอะไรอี๊กกกกกก

“ฉันจะให้เวลานายสิบวิฯ” ชายหนุ่มยิ้มหวานหยด “ถ้านายทนหุบขาอยู่อย่างนั้นสิบวิฯ ฉันจะไม่ยุ่งอะไรกบันายอีกเลย แต่ถ้านายทำไม่ได้ นายก็ต้องยอมให้ฉันทำต่อจนจบ ว่าไง? แฟร์ดีใช่ไหมล่ะ? แล้วฉันก็ไม่ได้ขืนใจนายด้วยในกรณีนั้น หรือนายคิดว่าไง?”

ลูคัสกัดฟันแน่นเพราะรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้ากำลังเล่นตลกกับตัวเอง โลแกนแสร้งตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้จากนั้นจึงเริ่มนับเวลาถอยหลัง

“สิบ…. เก้า….”

ลูคัสหลับตาปี๋ รู้สึกเหมือนเหงื่อไหลลงมาท่วมตัวอย่างไม่มีสาเหตุ

ก็แค่อยู่เฉยๆ เท่านั้นเอง… แค่สิบวิฯ… ไม่ใช่เรื่องที่ยากหนักหนาอะไรเสียหน่อย เขาต้องทำได้สิ ก็แค่สิบวิฯ แค่สิบวิฯ…

“แปด… เจ็ด…”

แต่เดี๋ยวก่อน ไอ้หมอนั่นมันบอกว่าจะไม่ยุ่งกับเขาอีกเลยเหรอ? แบบ… แค่คุยก็จะไม่ยอมคุยกับเขาอีกต่อไปแล้วเหรอ? หรือยังไง? แบบนั้นไม่เอานะ!!

“หก… ห้า…”

โดยไม่รู้ตัว ขาเรียวทั้งสองข้างค่อยๆ เปิดอ้าออกจากกันทั้งๆ ที่มันสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด โลแกนยกยิ้มอย่างพอใจ ขยับตัวเข้าไปประจำตำแหน่ง เลื่อนมือไปยึดข้อพับทั้งสองข้างของคนด้านล่างอย่างรู้หน้าที่

“เพิ่งห้าวิฯเองนะ?” น้ำเสียงนั้นล้อเลียน ลูคัสได้แต่กัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ

“จะทำอะไรก็รีบทำเถอะน่า”

“โอเค้”

คนที่เพิ่งออกปากท้าสะดุ้งเฮือกเมื่อโลแกนดันร่างของตัวเองเข้ามาในร่างของเขาจนสุด ลูคัสเกร็งตัวแน่นจนร่างกายทุกส่วนปวดร้าวไปหมด ไม่ต้องพูดถึงท่อนล่างของเขาที่เจ็บจนจุก เจ้าตัวครางออกมาอย่างเต็มที่ ปล่อยให้น้ำตาอีกหยดหล่นแปะลงบนผ้าปูที่นอน โลแกนเลื่อนใบหน้ามาเลียน้ำใสๆ นั้นออกอย่างแผ่วเบา

“อย่าร้องไห้สิ” ชายหนุ่มกระซิบข้างหู “แบบนี้มันก็เหมือนฉันรังแกนายเลยไม่ใช่เหรอ”

“ละ… แล้วนายไม่ได้ทำอยู่เหรอ” เสียงหวานถามย้อนปนมากับเสียงหอบหายใจระรัว โลแกนยกยิ้ม

“ไม่นี่” แล้วเจ้าตัวก็ขยับตัวออกนิดหนึ่งแล้วกระแทกลงไปใหม่อีกครั้ง ลูคัสดิ้นทันทีกับความเสียวซ่านที่อีกฝ่ายมอบให้ โลแกนขยับมากระซิบข้างหูเขาอีกครั้ง “เรากำลังมีเซ็กส์กันต่างหากล่ะ แล้วนายเองก็ยินยอมพร้อมใจเองด้วย… ใช่ไหม พี่ชาย?”

“อะ…. อ๊ะ…”

จากนั้นลูคัสก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอย่างอื่นนอกจากเสียงครางของตัวเอง ความรู้สึกเสียวซ่านที่มาพร้อมกับอาการปวดหัวเหมือนสมองจะระเบิดออกมากำลังจะทำให้เขาเป็นบ้า และเขาคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้วจริงๆ ตอนที่ตวัดท่อนขารัดเกี่ยวร่างของคนด้านบนพร้อมๆ กับขยับสะโพกตามจังหวะของอีกฝ่ายอย่างสมยอม
โอเค… ก็ได้ เขาบ้าไปแล้วจริงๆ นั่นแหละ

แต่ใครสนกันล่ะ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-10-2017 09:42:04 โดย Airiณ »

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
เอาแล้ววววววววววๆ  :hao6: โลแกนจะบุกสำเร็จมั้ยยยย

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3


บทที่ 7

(Mode: Lucas Collins)



เสียงริงโทนนาฬิกาปลุกที่ผมตั้งไว้ในโทรศัพท์แผดเสียงร้องลั่นด้วยท่วงทำนองที่สุดจะเหลือรับจริงๆ

ผมลืมตาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่รับรู้คืออาการปวดหัวจี๊ด… เหมือนมีคนเอาพลั่วมาฟาดลงบนสมองแรงๆ อย่างไรอย่างนั้น จากนั้นก็ความรู้สึกปั่นป่วนในท้อง คลื่นไส้ รู้ตัวอีกทีผมก็พุ่งไปที่ชักโครกแล้วขย้อนของเก่าที่กินเข้าไปเมื่อวานออกมาอย่างทรมาน

นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าแฮงค์… ไม่เคยกินเหล้าจนเป็นหนักขนาดนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย
ผมเดินกลับออกมาจากห้องน้ำเพื่อหยิบเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวในการทำภารกิจยามเช้า จากนั้นก็เหลือบไปมองเจ้าฝาแฝดตัวร้ายที่ยังนอนกรนสบายใจเฉิบอยู่บนเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า…

เดี๋ยวนะ… เปลือยเปล่าเหรอ?

ผมก้มลงมองสภาพของตัวเองทันที ก่อนจะรู้สึกหน้าร้อนขึ้น จากนั้นอาการมึนเมาไม่ได้สติที่ว่าก็ปลิวหายไปอย่างรวดเร็ว ความทรงจำของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหลั่งไหลเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็วราวกับน้ำป่าไหลหลาก

โอ๊ยยยย ตายแล้ววว นี่ผมนอนกับน้องชายฝาแฝดของตัวเองไปแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย… ไม่อยากจะเชื่อเลย!! นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่เนี่ย!?

ผมพยายามสลัดความคิดน่าสลดใจนั่นออกจากหัว ตรงดิ่งไปจัดการอาบน้ำแต่งตัว และเมื่อก้าวออกจากห้องน้ำโลแกนก็ตื่นขึ้นจากห้วงนิทราเรียบร้อยแล้ว

“อรุณสวัสดิ์ พี่ชาย” เจ้าตัวส่งยิ้มยียวนตามแบบฉบับมาให้ “อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ งั้นฉันขอเข้าต่อนะ”

ผมสะดุ้งเฮือกทีหนึ่งเมื่อคนตรงหน้าเลื่อนมือมาสัมผัสเส้นผมของผมอย่างแผ่วเบา ผมหลับตาทั้งสองข้างแน่นอย่างไม่รู้ตัวเลย และเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกทีก็ค้นพบว่าอีกฝ่ายกำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ เห็นแบบนั้นแล้วผมจึงถองมันไปเบาๆ ทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้

“ขำบ้าอะไร!?”

“ก็นายทำหน้า…. ฮ่าๆๆๆ ฉันแค่เอาฝุ่นออกจากหัวนายเฉยๆ เอง ลูคัส” พูดพลางเจ้าตัวยื่นเศษฝุ่นที่ว่ามามาให้ผมดูด้วย “ไม่ได้กำลังจะจูบนายสักหน่อย ทำเป็นตกใจเป็นสาวน้อยที่เพิ่งเสียตัวครั้งแรกไปได้”

“อะ...!!?” หนอย… ไอ้บ้านี่!!

“โถ หน้าแดงใหญ่แล้ว ลูคัสเอ๊ย นายนี่มันไก่อ่อนจริงๆ เลยว่ะ” โลแกนว่าพร้อมกับเลื่อนมือมายีหัวผมแรงๆ สองสามที ไอ้บ้าเอ๊ย… อุตส่าห์จัดทรงแล้วนะเว้ย “แต่… ถ้านายอยากให้จูบ ฉันจูบให้ก็ได้นะ เอาไหม?”

“ไม่ล่ะ ขอบคุณ” ผมพูดอย่างหัวเสีย เดินไปคว้ากระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมา อุปกรณ์การเรียนที่ผมต้องการมีอยู่ข้างในครบแล้วผมจึงแค่ยกมันพาดไหล่ เตรียมไปโรงเรียน

“เดี๋ยวสิ” โลแกนว่า “จะไปแล้วเหรอ ไม่คิดจะรอกันบ้างเลยรึไงครับ”

“ไม่ล่ะ”

“นี่ ทำไมต้องหลบตากันแบบนั้นด้วยล่ะ ตอนพูดน่ะ”

“ฉันไม่ได้…” แต่ผมพูดได้แค่นั้นเพราะเจ้าตัวเอื้อมมือมาบิดคางผมให้หันไปมองหน้ามันแล้ว

ผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นรัวขึ้น ภาพที่มันซุกหน้าลงมาบนร่างของผมเมื่อคืนโลดแล่นเข้ามาในหัวราวกับมีใครเอามาฉายซ้ำอย่างจงใจ ผมหลบตาหนีมัน แต่จากหางตาก็เห็นยกยิ้มขึ้นน้อยๆ อย่างขี้เล่นเหมือนเดิม

ก็แหงสิ ผมไม่หวังอะไรน้อยไปกว่านี้หรอก น้องชายฝาแฝดของตัวเองที่นอนกับผู้หญิงคนนั้นคนนี้ไปทั่ว ชอบต่อยตีกับคนอื่นไปทั่วแถมยังไม่เคยแพ้ใครสักครั้ง ซ้ำยังได้สมญานามว่าไอ้เด็กนรกมาแต่ไหนแต่ไร เพราะงั้น… ไม่น่าแปลกใจหรอกถ้ามันจะไม่ได้เปลี่ยนไปแม้จะเพิ่งนอนกับพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองไปก็ตาม

แม่ง… ไม่เข้าใจเลย มันไม่รู้สึกหยึยๆ หรืออะไรบ้างเลยเหรอวะ นี่สามัญสำนึกแบบคนปกติทั่วไปน่ะ มีบ้างไหม?

“ถ้านายชอบนะ ลูคัส” คนตรงหน้าโน้มลงมากระซิบข้างหูผม “เราจะทำกันอีกก็ได้ รอบหน้าให้นายเลือกท่าที่นายชอบ เลือกสถานที่ที่อยากทำ แล้วก็…”

ผมยกกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นฟาดมัน แต่ก็แน่ล่ะ เจ้าตัวดีหลบพ้นอย่างสบายๆ ราวกับคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ผมจิ๊ปากอย่างหมั่นไส้ ไม่อยากยอมรับเรื่องหน้าที่ร้อนขึ้นนี่ แต่คิดอีกที… ผมว่ามันก็เป็นเรื่องปกตินะที่ผมจะมีปฏิกิริยาและอย่างอายแบบนี้ ไม่เหมือนไอ้หมอนี่ที่มันตายด้านไปแล้วทั้งยางอายและสามัญสำนึก!

“ใครจะไปทำอีกวะ!!” แค่คิดก็ขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย!! โอย…

ว่าแล้วผมก็จ้ำเท้าออกจากบ้าน กระแทกประตูบ้านอย่างแรง แม้จะรู้ดีว่าโลแกนคงไม่สนใจใยดีอะไรกับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของผมก็ตาม เหอะ ก็แหงสิ มันเคยสนใจอะไรที่ไหนบ้างล่ะหมอนั่น นอกจากเรื่องของตัวเอง

ผมมาถึงโรงเรียน แวะทักทายกลุ่มเพื่อนๆ ที่ยิ้มแย้มต้อนรับผมอย่างดี วันไหนที่ผมมาโรงเรียนเร็วกว่าไอ้โลแกนก็จะดีตรงนี้แหละ นั่นคือไม่ต้องมานั่งระแวงว่าไอ้โรคจิตนั่นจะสวมรอยเป็นผมแล้วเข้ามาพูดคุยกับเพื่อนๆ อีกอย่าง วันนี้ผมใส่เสื้อผ้าที่สไตล์ผมโคตรๆ แบบว่า ตอนเช้าขี้เกียจคิดเลยหยิบตัวโปรดที่ใส่ง่ายขึ้นมาสวม
 
...แล้วนี่ผมมาใจเย็นอะไรอยู่เนี่ย

ฉันนอนกับน้องชายฝาแฝดของตัวเองไปแล้ว ฉันนอนกับน้องชายฝาแฝดของตัวเองไปแล้ว….

อีกสักพักนี่ต้องกลายเป็นบทสวดใหม่ของผมแน่ เพราะผมไม่สามารถสลัดประโยคนั้นออกจากหัวได้แม้ว่าในตอนนี้จะนั่งอยู่ในห้องเรียนก็ตาม

ผมควรจะทำยังไงดี…. ตอนนี้รู้สึกแย่กับตัวเองมากที่กินเหล้าเข้าไปตั้งขนาดนั้นจนทำให้ไม่มีสติในการควบคุมตัวเอง นี่ถ้าแม่ที่อยู่บนสววรค์รู้ล่ะก็… ไม่สิ แต่เพราะแม่อยู่บนสรววค์ เพราะงั้นป่านนี้ก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่เรอะ อ๊ากกกกก!!

“โย่ ลูคัส”

ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงของคนที่ไม่อยากได้ยินที่สุดในตอนนี้ดังขึ้นข้างตัว โลแกนดึงเก้าอี้ออกมานั่งข้างๆ ในขณะที่กลุ่มเพื่อนผมค่อยๆ ถอยกรูดกันเป็นเงียบๆ แม้แต่อาจารย์หน้าชั้นยังไม่พูดเอ็ดหรือว่าอะไรหมอนี่สักคำที่มาสาย เป็นนัยว่าไม่อยากมีเรื่องกับโลแกนอย่างแน่นอน ทำไมกันนะ ทำไมหมอนี่ถึงได้ถนัดเหลือเกิน เรื่องไล่ผู้คนให้ออกห่างจากตัวเองเนี่ย

“ทำหน้าตาซะอย่างกับแบกโลก” โลแกนเอ่ยแซวผมยิ้มๆ ผมเหลือบไปมองคนที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับผม แถมวันนี้ยังแต่งตัวแบบเดียวกับผมมาอีกต่างหาก เสื้อฮู้ดสีเทาแบบที่ผมชอบซื้อแม้จะรู้ว่ามีซ้ำอยู่แล้วก็ตาม… เจริญล่ะ งั้นวันนี้ทั้งวันคนคงแยกพวกเราสองคนไม่ออกแน่

“ก็มันเป็นเพราะใครกันล่ะ” ผมแยกเขี้ยวใส่คนที่ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้อย่างหมั่นไส้ โอ๊ยๆๆ พอขยับตัวแรงๆ ทีไรแล้วสะโพกนี่ระบมไปหมดเลย นี่ไอ้หมอนี่มันล่อไปกี่ยกเนี่ย!?

“ตัวเองก็ชอบแท้ๆ ยังจะมาทำเป็นพูด”

“ใครบอกว่าชอบวะ!”

“ก็ร่างกายนายไง” เจ้าตัวเหยียดยิ้ม เป็นยิ้มที่ทำให้ผมต้องยกมือขึ้นไปขยี้ผมตัวเองอีกรอบอย่างอัดอั้น ทำไมพระเจ้าถึงส่งไอ้เด็กนรกนี่มาเป็นน้องชายฝาแฝดผมฟะ!!? หรือว่าผมทำอะไรผิด?
“รอบหน้าเดี๋ยวฉันเตรียมอะไรสนุกๆ ไว้ให้นะ นายชอบแบบไหน”

“ไม่มีรอบหน้าแล้วโว้ย” แล้วอะไรสนุกๆ ที่ว่านั่นมันอะไรฟะ!? ไอ้โรคจิต!!

หมดคาบเรียนช่วงเช้า ผมตั้งใจจะเดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนของตัวเองด้วยความเคยชิน แต่ก็ค้นพบว่าทุกคนยิ้มแหยๆ ให้ผมและพูดขอตัวอย่างสุภาพ จากนั้นก็เผ่นจากไป อ้อ จริงสินะ เพราะโลแกนเคยสวมรอยเป็นผมหลายครั้ง เพราะงั้นถ้าไอ้พวกเพื่อนผมมันไม่แน่ใจขึ้นมาแล้ว พวกมันจะพยายามไม่เสี่ยงแล้วก็หลีกเลี่ยงไปบ่อยครั้ง ซึ่งผมก็ไม่โทษพวกมันหรอก ถ้าเป็นผม ผมก็คงไม่อยากเสี่ยงเหมือนกัน

“ว้า ดูเหมือนว่าวันนี้จะโดนเพื่อนทิ้งนะ” โลแกนเดินเข้ามาพร้อมกับโอบบ่าของผมอย่างสนิทสนม บริเวณที่โดนหมอนี่สัมผัสร้อนวูบขึ้นมาทันที ผมเบือนหน้า ดันแขนมันออกแล้วพูดตัดบทไป

“หนวกหูน่า มันก็เป็นเพราะนายนั่นแหละ โลแกน เลิกแต่งตัวเหมือนฉันสักที ไม่มีสมองคิดเองหรือไง”

“โอ้โห ด่าซะเจ็บเชียว” ถึงจะพูดงั้นแต่น้ำเสียงหมอนี่ดูสบายอารมณ์สุดๆ ผมถอนหายใจดังเฮือกก่อนจะตัดสินใจลากคนข้างตัวไปยังห้องน้ำชายที่ไม่ค่อยมีคน จากนั้นก็ดันเจ้าตัวดีไปติดผนัง จ้องหน้ามันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ

“เมื่อคืนน่ะ เราสองคนก็แค่เมามาก”

“เฮ้” โลแกนค้าน “นายน่ะเมามาก แต่ฉันเปล่า”

ผมต้องมันเขม็ง เจ้าตัวแสบเลยทำแค่ยักไหล่คืนมาทีหนึ่ง

“โอเค้ เมาก็ได้ แต่ไม่มากขนาดนั้น พอใจไหม”

“จะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง”

“อะไร เมามากน่ะเหรอ”

“เรื่องที่พวกเราสองคนนอนด้วยกันต่างหาก” ทั้งๆ ที่แม่งก็รู้ดีอยู่แล้วแท้ๆ ยังจะมาถาม… โอย ปวดหัวชะมัด ที่แฮงค์เมื่อคืนนี่ยังตกค้างอยู่เลย สงสัยต้องไปซื้อน้ำอะไรเปรี้ยวๆ หวานๆ กินเผื่อจะดีขึ้น “มันก็แค่อุบัติเหตุ เข้าใจไหม ลืมมันไปซะ แล้วก็ระวังอย่าให้เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก”

โลแกนยกยิ้ม ก่อนจะเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้หน้าผม ใกล้เสียจนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของมัน แฝดผมพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียนหากมั่นคง

“นั่นน่ะ นายกำลังบอกตัวเองอยู่งั้นเหรอ ลูคัส”

“หา!!” พูดเรื่องบ้าอะไรของมัน….

“นายอยากจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน และนายก็ย้ำว่าจะต้องไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกตั้งหลายรอบ” โลแกนพยักหน้าหงึกหงัก “เพราะใจจริงๆ ของนายก็คือ นายไม่สามารถลืมเรื่องนั้นได้ และนายก็อยากให้มันเกิดขึ้นอีก แต่ไอ้เรื่องที่ว่ามันไปผิดศีลธรรมอันดีของนายเข้า นายก็เลยต้องย้ำตัวเองหลายๆ รอบเพื่อบอกว่า ไม่ได้นะ ‘ฉันจะทำตัวแหลกเหลวแบบนี้ไม่ได้ หมอนั่นเป็นน้องชายของฉัน ฉันจะนอนกับน้องชายตัวเองไม่ได้’ อะไรแบบนั้นใช่ไหมล่ะ”

“แล้วมันผิดตรงไหนฟะถ้าฉันจะมีสามัญสำนึกที่บอกว่านอนกับน้องชายตัวเองไม่ได้” ผมเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเจ็บใจ แต่เจ้าตัวดีตรงหน้ากลับเหยียดยิ้มกว้างมากขึ้น

“ไม่ปฏิเสธเรื่องที่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกด้วยแฮะ”

“ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกโว้ย!!” เมื่อไหร่ไอ้หมอนี่จะเลิกพูดเองเออเองสักที

“เอาเถอะ นายจะว่ายังไงก็ช่าง” โลแกนตัดบท ดันตัวผมออกแล้วตรงไปที่อ่างล้างมือ เจ้าตัววักน้ำขึ้นมาล้างหน้า จากนั้นก็ยกมือขึ้นจัดแต่งทรงผมอันเป็นสิ่งที่ต้องทำเมื่อตัวเองอยู่ต่อหน้ากระจก

...อยู่ต่อหน้ากระจก

ผมไหวตัวนิดหนึ่งเมื่อมองเงาสะท้อนของโลแกนที่อยู่ในกระจกเงาบานใหญ่ของห้องน้ำ รู้สึกเหมือนหัวใจบนอกข้างซ้ายของตัวเองเต้นรัวขึ้นด้วยความ… ไม่รู้สิ กลัวเหรอ? เหมือนยำเกรง ผมยังไม่ลืมสิ่งที่เห็นในกระจกเงาเมื่อวันก่อนโน้นหรอกนะ ตอนที่กระจกเงาไม่ได้สะท้อนภาพของห้องครัวในบ้านผมอย่างที่มันควรจะเป็นออกมา หากสะท้อนให้เห็นถึงสถานที่ดำมืดที่มีเปลวไฟสีแดงฉานอยู่โดยรอบ

ในนั้นมีคนที่ผมไม่รู้จักอยู่ แต่ผมเห็นหน้าไม่ชัด ในทางกลับกัน ผมกลับเห็นเงาสะท้อนของโลแกนออกมาจากในกระจกนั่น แต่มันไม่ใช่โลแกนแบบที่ผมรู้จัก เพราะโลแกนที่สะท้อนออกมาในกระจกเงานั่น… มีเขาแหลมโค้งงอกออกมาจากบนหัวเหมือนพวกที่แต่งตัวเป็นปีศาจในวันฮัลโลวีนอย่างไรอย่างนั้น

ที่ต่างไปก็คือ… มันดูจริงมาก จริงแบบทำให้ผมเชื่อได้จริงๆ ว่ามันคือปีศาจ ติดอยู่ที่ว่าสิ่งที่ผมเห็นนั่นอยู่แค่ในกระจก แล้วก็ได้เห็นเพียงแค่ชั่วแวบเดียวเท่านั้น เป็นชั่วแวบที่ทำให้คิดว่าเป็นภาพลวงตาหรือแค่ตาฝาด แต่ลึกๆ ลงไปแล้วผมกลับรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่แค่นั้น

แต่จะให้ผมพูดอะไรหรือทำยังไงกับเรื่องนั้นล่ะ?

โลแกนหันกลับมามองผมที่หน้าซีดลงไปนิดหนึ่งด้วยสายตางุนงง

“เป็นอะไรไปน่ะ”

“เปล่า”

“แล้วนี่ข้าวกลางวันนายจะเอายังไง วันนี้ม่ได้ห่ออะไรมากินไม่ใช่เหรอ จะซื้อเอาเหรอ?”

“ไม่ล่ะ ไม่หิว”

“นี่ นายไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาพักหนึ่งแล้วนา” โลแกนว่า เดินตามผมที่ก้าวพรวดๆ ออกมาจากห้องน้ำ “ผอมลงจนเห็นได้ชัดแล้วเนี่ย กินไรบ้างเถอะ มานี่มา เดี๋ยวเลี้ยงเอง”

“ปัญหามันไม่ใช่เรื่องเงิน…”

“คุณคอลลินส์”

เสียงเรียกของใครคนหนึ่งเรียกให้ทั้งผมและโลแกนหันกลับไปมอง อาจารย์ประจำห้องปกครองนั่นเอง เฮ้อ มาอีหรอบนี้ไม่เคยจะมีเรื่องดี

“คนไหนคือโลแกน คอลลินส์” ชายหนุ่มวัยกลางคนที่มีแว่นไร้กรอบทรงวงรีอยู่บนหน้าขมวดคิ้วมุ่นขึ้น อันเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีใครแยกพวกเราสองคนออก ไม่เว้นแม้แต่คุณครู

“ผมลูคัสครับ” โลแกนยกมือขึ้นทันที และผมหันขวับกลับไปด่าเจ้าตัวอย่างรวดเร็ว

“ไอ้บ้า นั่นมันฉันโว้ย!”

“งั้นก็มาทั้งคู่นั่นแหละ” เจ้าตัวตัดบท ผมอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ส่วนไอ้โลแกนแสร้งทำคิ้วขมวดมุ่นขึ้นอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แม่ง สวมบทบาทเป็นผมได้ดีกว่าผมเองอีก ไม่อยากจะเชื่อ

ว่าแล้วเราสองคนก็ต้องลากเท้าตามอาจารย์ตรงหน้าไปอย่างเสียไม่ได้

จำไว้เลยแล้วกันนะ ไอ้น้องนรก ถ้าต้องมาเป็นแฝดแม่งแล้วมีชีวิตที่ยากลำบากขนาดนี้ ชาติหน้าขอเกิดเป็นลูกคนเดียวดีกว่า

ถ้าเกิดเลือกได้อะนะ…

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อั๊ยยะ.....โลแกน ตั้งใจนอนกับลูคัสชัดๆ :ling1: :ling1: :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เป็นแฝดที่มาจากนรกของจริงเลย 5555 :hao7:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เรียบร้อยโรงเรียนแฝด

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3


บทที่ 8

(Mode: Lucas Collins)






“โลแกน ผมได้ยินเรื่องที่คุณไปมีเรื่องชกต่อยกับชมรมอเมริกันฟุตบอลมาเมื่อสองอาทิตย์ก่อน แถมเมื่อไม่กีวันที่แล้วก็ยังไปมีเรื่องกับนักเรียนโรงเรียนข้างๆ มาทำเอาต้องมีคนแอดมิทเข้าโรงพยาบาลเกินสามสิบคนภายในเวลาไม่ถึงเดือน”

ผมกับโลแกนที่ตอนนี้นั่งอยู่ในห้องปกครองกระพริบตาปริบๆ กับคำพูดของผู้อำนวยการโรงเรียนที่มองพวกเราสองคนผ่านแว่นทรงวงกลมของตัวเองด้วยสายตาคมกริบ เขาเป็นผู้อำนวยการที่สูงวัย อย่างที่โรงเรียนมัธยมน่าจะมี ดูท่าทางมีอำนาจ สุขุม และดูเหมือนจะเป็นคนเดียวในโรงเรียนที่กล้าพูดกับโลแกนพร้อมกับมองตาเขาไปด้วย เอ่อ แต่เดี๋ยวนะ ที่ท่านกำลังมองอยู่น่ะ ตาผม และผมไม่ใช่โลแกนนะครับ

“เอ่อ แต่ว่าผม…” ผมพยายามจะรีบแก้ไขความเข้าใจผิด หากอีกฝ่ายยกมือขึ้นมาห้ามทันที

“คุณรู้ตัวรึเปล่าว่าตัวเองมีสิทธิ์ถูกไล่ออกจากโรงเรียนได้ทุกเมื่อ แม้แต่ตอนนี้ วินาทีนี้”

ผมกลืนน้ำลายลงคออึกพร้อมกับก้มหน้างุด อยากจะบอกคนตรงหน้าเหลือเกินว่าผมไม่ใช่โลแกน แล้วทำไมท่านถึงมั่นใจนักว่าผมคือโลแกน ไม่ใช่ลูคัส นี่อย่าบอกนะว่าไอ้โลแกนมันเล่นละครเป็นผมได้ดีกว่าที่ผมเป็นตัวเองจริงๆ? บ้าน่า…

“แต่มันก็ไม่มีหลักฐานอะไรยืนยันไม่ใช่เหรอครับว่าโลแกนเป็นคนทำ” โลแกนตัวจริงที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมพูดตอบด้วยสีหน้าเฉยเมย ผมอ้าปากค้างกับสิ่งที่เจ้าตัวแสบพูดออกไปหน้าตาเฉย เอ็งเป็นคนทำแท้ๆ ยังไม่ยอมรับความผิดอีก! แถม… ยังมีหน้ามาสวมบทเป็นผมต่ออีกนะ ไอ้ชิบหายเอ๊ย….

“คำบอกเล่าของผู้เสียหายเป็นพยานในตัวของมันเองอยู่แล้ว คุณลูคัส” ท่านผู้อำนวยการหันไปพูดตอบกับไอ้โลแกนสีหน้าราบเรียบ เอ่อ ฮัลโหลครับ นั่นไม่ใช่ลูคัสครับ ลูคัสอยู่นี่

“เอ่อ คือ…”

“ผมจะบอกอะไรคุณให้นะ โลแกน” เจ้าตัวหันขวับกลับมาทางผมด้วยสายตาคมกริบ ขนาดผมที่รู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่โลแกนยังต้องสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ “ครูประจำชั้นของคุณบอกผมแล้ว คุณอยากจะเป็นตำรวจใช่ไหม คุณคงคิดสินะว่าคะแนนสอบระดับหัวกะทิของคุณคงสามารถเข้าโรงเรียนตำรวจได้ไม่ยาก”

“เอ่อ”

“แต่ผมจะบอกอะไรให้ สมัยนี้นี่นะ ไม่ใช่ว่าแค่คะแนนในสมุดพกเท่านั้นที่สำคัญ แต่การกระทำของเราเองก็ด้วย” ผมเชื่อว่าถ้าตอนนี้โลแกนไม่ได้สวมบทเป็นผมอยู่ล่ะก็ มันคงกลอกตาขึ้นมองเพดานด้วยความเหนื่อยหน่ายแล้ว

หลังจากนั้นผมก็ทนฟังผอ. เทศน์อีกประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนเจ้าตัวจะพยักหน้าอย่างพอใจเมื่อเห็นท่าทางสงบเจี๋ยมเจี้ยมของผม ก็แหงสิ ก็ผมไม่ใช่โลแกน แต่ดันโดนเทศน์แทนมันแบบนี้ คงจะทำหน้าระรื่นอยู่ได้หรอก

“อ้อ ก่อนไป” คนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะว่า ก้มตัวลงค้นเอกสารจากในลิ้นชักกุกกัก จากนั้นก็ยื่นเอกสารจำนวนหนึ่งให้โลแกน “เอ้านี่ คุณคอลลินส์ ผมได้ยินมาว่าคุณอยากเข้าวิทยาลัยทางดนตรี เท่าที่ผมเห็นคุณในงานเทศกาลโรงเรียนมา คุณเองก็มีฝีมือพอตัว ผมสนับสนุนนะ ขอให้คุณได้เรียนในสิ่งที่ชอบ”

โลแกนรับเอกสารปึกนั้นมาดูนิดหนึ่ง คลี่ยิ้ม ก่อนจะยื่นส่งให้ผมหน้าตาเฉย

“เอ้านี่ ลูคัส มีพวกทุนอะไรเต็มเลย ลองกว้านสมัครดูสิ มันต้องได้สักอันแหละ” แล้วเจ้าตัวก็เดินจากไปหน้าตาเฉย ทิ้งให้ทั้งผมและผอ. มองตามหลังมันไปพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ

“นี่ ลูคัสเหรอ?”

ก็ใช่น่ะสิครับ….












ผมตรงดิ่งไปยังห้องซ้อมดนตรีทันทีออดเลิกเรียนดังขึ้น ปีเตอร์อยู่ในตัวห้องก่อนแล้ว เจ้าตัวกำลังดีดสายกีต้าร์ไฟฟ้าที่ยังไม่ได้เสียบเข้ากับลำโพงเพื่อซ้อมมา พอผมก้าวเข้าไป เจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาระแวงนิดหนึ่ง ก่อนจะถามแหยงๆ

“นี่… ลูคัสใช่ไหม”

“อือ”

“โอเค” เจ้าตัวว่า แต่ยังมองผมด้วยสายตาไม่แน่ใจนัก ไอ้บ้าโลแกนเอ๊ย สวมรอยบ่อยจนทำเอาคนรอบตัวผมผวาไปหมดแล้วเนี่ย

“นี่ วันนี้ได้นี่มาจากผู้อำนวยการ” ผมพูดพร้อมกับโบกแผ่นกระดาษในมือให้เพื่อนร่วมก๊วน เจ้าตัวเอื้อมมือมาหยิบไปดู ปีเตอร์เป็นคนที่มีเส้นผมสีแดงอมส้มยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ใบหน้าตกกระเล็กน้อย ตัวเตี้ยกว่าลงไปนิดหนึ่ง ผมกับโลแกนเรียกได้ว่าเป็นคนที่สูงพอสมควรเลยก็ว่าได้ โชคดีที่พวกเราสองคนสูงเท่ากัน เพราะถ้าเกิดผมเตี้ยกว่ามัน ผมคงได้ก่นด่าสาปแช่งพระเจ้าเป็นแน่

ขอทีเถอะ แค่นี้ก็เป็นรองมันหลายอย่างแล้ว ถ้าไม่อยากให้ผมเหนือกว่ามัน อย่างน้อยให้เสมอกันก็ยังดี

“น่าสนใจว่ะ นายจะสมัครไหม”

“ว่าจะลองดู” ผมพูดพร้อมกับเดินไปเปิดฝาเปียโนสีดำขลับน่าหลงใหลขึ้น จริงๆ วันนี้อยากซ้อมไวโอลินแล้วก็กีต้าร์โปร่งด้วย แต่อืม… ถ้าผมจะสมัครทุนจริงๆ ยังไงก็ต้องเน้นที่เปียโนนี่ล่ะนะ

“นายต้องได้ทุนแน่เลยว่ะ นายเก่งออก”

“ก็ขอให้เป็นแบนั้น” ผมพึมพำ “ที่บ้านการเงินไม่ค่อยดีเท่าไร”

“น้าไม่ได้ส่งให้แล้วเหรอ”

“ส่ง” ผมตอบ เริ่มกดนิ้วลงบนคีย์เปียโนนิดหนึ่งเพื่อวอร์มอัพ “แต่เขาก็มีภาระที่ต้องใช้จ่ายในครอบครัวเขาเหมือนกัน คงรบกวนเขาตลอดไปไม่ได้หรอก”

ปีเตอร์พยักหน้ารับเนิบๆ จากนั้นก็เริ่มหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบเข้ากับกีต้าร์ไฟฟ้าของตัวเองแล้วซ้อมต่อ

ผมขลุกอยู่ในห้องชมรมที่มีคนเวียนเข้าเวียนออกอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็ขอตัวออกจากที่นั่นเพราะวันนี้มีงานพิเศษต้องไปทำกะดึก

ผมตัดสินใจเดินออกนอกโรงเรียนผ่านประตูหลังเพราะเป็นทางที่ใกล้กว่า ใจก็คิดถึงเรื่องทุน เอกสารและสิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการยื่นขอ ถ้าเกิดว่าผมได้ทุนเรียนในวิทยาลัยทางดนตรีจริงๆ นั่นจะต้องเป็นเรื่องที่วิเศษมากแน่ๆ ถึงจะยังไม่ค่อยแน่ใจว่าการเลือกเดินไปทางนี้จะไปได้ไกลแค่ไหนก็เถอะ แต่ก็อยากจะลองสักตั้ง แต่ถ้าไม่ได้ทุนที่ว่านี่ก็อาจจะจบอยู่แค่ตรงนี้…

ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ไหล่ผมก็ไปชนเข้ากับบ่าของใครอีกคนที่เดินเข้ามา ผมหลุดอุทานออกมาเบาๆ ก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นไปหาอีกฝ่ายทันที

“ขอโทษนะครับ”

แต่เหมือนนั่นจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไร เพราะชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เหมือนภูเขากระชากคอเสื้อผมขึ้นไปแล้ว เหวอ… คนอะไรจะตัวใหญ่ได้ขนาดนี้เนี่ย!?

“ขอโทษแล้วมันหายรึไง หา! ไอ้หน้าปลาจวด”

โอ้โห ด่าซะ เจ็บไปถึงทรวง

“ก็ขอโทษแล้วนี่” ผมขมวดคิ้วนิดหนึ่ง เบื่อจริง พวกชอบใช้กำลังไม่เข้าท่าเนี่ย “อีกอย่าง ตัวนายเองก็ออกจะใหญ่โต โดนชนไปแค่นั้นไม่บุบสลายหรอกน่า”

“อุ๊บ” เสียงเพื่อนของไอ้ภูเขาเดินได้นี่เริ่มปิดปากหัวเราะกันเป็นแถว ยิ่งทำเอาเจ้าตัวหน้าแดงด้วยความไม่พอใจแล้วกระชากคอเสื้อผมให้สูงขึ้นไปอีกนิดหนึ่ง

“แกไม่รู้ซะแล้วว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร”

อืม… ดูจากทรงนี้แล้วคงจะเป็นนักเรียนเข้าใหม่… พวกเกรดสิบรึเปล่านะ เด็กสมัยนี้นี่โตกันไวจังแฮะ แต่แบบนี้ก็แปลว่าหมอนี่ไม่รู้จักโลแกนน่ะสิ ฮืม แย่จัง ว่าจะหลอกมันเสียหน่อย

แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น ผมก็เหยียดยิ้มบนมุมปากส่งให้อีกฝ่าย

“นายต่างหากที่ไม่รู้ว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร ไอ้หนู”

“หนอย!” ภูเขาเดินได้เงื้อหมัดของมันขึ้นมา “ไอ้นี่วอนซะแล้ว”

ผมปัดมือที่มันกระชากคอเสื้อผมขึ้นไปออกจากนั้นก็ดีดขาส่งตัวออกจากองศาที่อาจโดนหมัดหนักๆ นั่นกระแทกเข้ามาบนหน้า แค่วิถีที่หมอนี่เหวี่ยงหมัดก็รู้เลยว่ามือสมัครเล่น เบื่อจริงๆ เลย พวกที่ไม่รู้วิธีต่อสู้จริงๆ แล้วยังจะมีหน้ามาหาเรื่องคนอื่นอีกเนี่ย

“แก!!”

ภูเขาเดินได้ถลาตัวเข้ามา ผมก้มตัวลง ใช้ศอกกระแทกสีข้างของคนตรงหน้าอย่างไร้ความปราณี ได้ยินเสียงร้องอั่กสั้นๆ หลุดออกมาจากปากเจ้าตัว จากนั้นชายหนุ่มก็ทรุดลงไปงอตัวด้วยความเจ็บปวด ไม่รู้ซะแล้วว่าเล่นอยู่กับใคร

หากเมื่อผมเริ่มโจมตีใส่เจ้าภูเขานี่ เพื่อนๆ ของมันก็เริ่มล้อมกรอบเข้ามาทางผมอย่างรวดเร็ว แย่ล่ะสิ ถ้าสู้แบบตัวต่อตัวก็อาจจะหาทางเอาชนะได้ แต่ถ้ามันรุมเข้ามาพร้อมกัน ต่อให้เก่งขนาดไหน แต่ถ้าไม่ใช่ระดับโลแกนก็น่าจะรอดยาก

พลาดแล้วสิเรา ไอ้พวกอันธพาลพวกนี้คงไม่มีน้ำใจนักกีฬาพอที่จะสู้ตัวต่อตัวหรอกสินะ

ผมลงมือเตะขาของเด็กหนุ่มที่ใส่เสื้อสีน้ำเงินและดูไร้น้ำยาที่สุดในกลุ่มก่อน เจ้าตัวร้องโอ๊ยแล้วก้มตัวลงไปกุมเข่าแทบจะในทันที แต่ในเวลาเดียวกันเท้าของคนที่อยู่ด้านข้างก็กระแทกเข้ากลางลำตัวจนผมเซไปแทบจะล้มไปกองกับพื้น

ชายหนุ่มอีกคนที่ใส่หมวกลายทหารกำหมัดแล้วถองลงบนหน้าท้องผมเต็มรัก เล่นเอาจุกจนร้องไม่ออก ตอนนี้ไอ้ภูเขาที่เริ่มฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บเริ่มลุกกลับขึ้นมาอีกครั้งและยกฝ่าเท้าถีบเข้าที่ข้อพับผมเข้าไปเต็มๆ และแน่นอนว่านั่นทำให้ผมทรุดเข่าลงไปติดพื้นคอนกรีตทันที

แม่งเอ๊ยยย ชิบหายแล้วไงล่ะ สี่รุมหนึ่งแบบนี้ แล้วผมจะไปชนะได้ไง โคตรขี้โกง

คนใส่เสื้อลายทางยกเท้าขึ้นมาจะเหยียบลงบนขาของผม ผมรีบขยับหลบจากนั้นถองศอกเข้าที่เข่าของเจ้าเสื้อสีน้ำเงินอย่างแรง พยายามหลบหมัดจากไอ้ภูเขาที่พุ่งเข้ามาแต่ไม่ทัน มันจึงกระแทกลงบนใบหน้าผมเต็มๆ ตอนนี้ทัศนวิสัยผมมันพร่ามัวจนเริ่มเห็นอะไรไม่ชัดแล้ว รู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่อยู่ในปากที่คงจะมาจากหมัดเมื่อครู่

พลาดจริงๆ… ไม่น่ามาออกประตูหลังที่ค่อนข้างปลอดคนแบบนี้เลย แล้วแบบนี้ผมจะหลุดออกไปจากสถานการณ์ตรงนี้ได้ยังไงล่ะเนี่ย

ผมพยายามจะยันตัวลุกขึ้น แต่ขาของใครสักคนก็กระแทกลงมาบนไหล่ผมให้ล้มกลับไปนอนราบกับพื้น และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาจากการนอนราบไปกับพื้นแบบนี้ก็คือการยำตีนนั่นเอง

ผมไม่รู้อีกต่อไปแล้วว่าใครกำลังทำอะไร รู้แต่ว่าแรงกระแทกแรงๆ ของฝ่าเท้าใครสักคนกระเทือนไปจนถึงไตของผม และนั่นทำให้ผมแหกปากร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด สิ่งที่ผมทำในตอนนี้คือพยายามไม่ให้มือตกลงพื้น เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นร้ายแรงกับมือผมล่ะก็… อย่าหวังจะได้เล่นเปียโนอีกเลยตลอดชีวิต แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะคงสติเอาไว้ไม่อยู่แล้วสิ…

พลั่ก!

เสียงหมัดที่กระแทกลงบนผิวเนื้อของใครสักคนอย่างแรงดังขึ้น แต่นั่นไม่ใช่ผิวเนื้อของผม

มีใครสักคนมาช่วยผม...

ผมรีบเงยหน้าขึ้นไปมองคนคนนั้นทันที แปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นโลแกนยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับยึดร่างของไอ้เสื้อลายทางโดยจับมือข้างหนึ่งของมันไพร่หลังแล้วเหยียดออกเต็มที่

“เดี๋ยว โลแกน” ผมพูดอย่างร้อนลน แต่ไม่ร้อนลนเท่าเจ้าเสื้อลายทางที่กำลังกรีดร้องและดิ้นเร่าๆ ด้วยความทรมานนั่นหรอก “อย่า…”

แต่ไม่ทันแล้ว โลแกนจัดการหักกระดูกแขนของไอ้หมอนั่นลงอย่างเลือดเย็น จากนั้นก็ย่างเท้าสามขุมไปที่ไอ้หมวกลายทางที่ค่อยๆ ก้าวถอยหลังหนีอย่างหวาดกลัว แต่แน่นอนล่ะว่าไม่มีใครหนีพ้นเงื้อมมือของโลแกน คอลลินส์ไปได้…

ผมหลับตา ฟังเสียงกรีดร้องโหยหวนที่ดังขึ้นระงมราวกับมีมหรสพเกิดขึ้น ผมไม่เอ่ยปากห้ามน้องชายฝาแฝดของตัวเองเพราะรู้ดีว่ายังไงอีกฝ่ายก็คงไม่ฟัง ที่สำคัญกว่านั้น… ตัวของผมชาและระบมไปหมด แค่แรงจะขยับตัวลุกขึ้นยังไม่มี

เสียงกรีดร้องเหล่านั้นค่อยเปลี่ยนเป็นเสียงโอดครวญอย่างทรมานแทน โลแกนสาวเท้าเข้ามาหาผม ใบหน้าของเจ้าตัวมีคราบเลือดติดอยู่บนแก้มเล็กน้อย จากนั้นก็เอื้อมมือมาช่วยพยุงให้ผมลุกขึ้นยืนจากพื้น ผมมองไปรอบตัวที่ตอนนี้ทั้งสี่คนที่พยายามจะรุมทำร้ายผมเมื่อครู่ลงไปนอนกองกับพื้นกันหมด

“แก…” ไอ้ภูเขาที่ยังพอมีสติอยู่พูดขึ้น “แกจะไม่ได้อยู่ในโรงเรียนนี้จนจบภาคการศึกษาแน่ คอยดูนะ!”

“โอ้โห กลัวจนตัวสั่นแล้วเนี่ย” โลแกนว่าด้วยรอยยิ้มยียวน สาวเท้าไป ก้มลงแล้วจิกเส้นผมของชายหนุ่มปากดีคนนั้นขึ้นมา นัยน์ตาสีฟ้าพราวระยับอย่างน่ากลัว “แกอย่าพยายามดีกว่าถ้ายังอยากมีที่ยืนต่อ แกคือปาร์คเกอร์ที่อยู่เกรดสิบใช่ไหม คงไม่อยากให้ฉันแพร่งพรายเรื่องที่นายขายยาให้พวกเด็กเกรดเก้า เกรดแปดให้ใครๆ รู้หรอกใช่ไหม อ้อ แล้วไม่ใช่แค่เรื่องของหมอนี่นะ ฉันรู้เรื่องความลับของพวกนายทุกคน แต่ฉันเดาว่าพวกนายคงไม่อยากให้ฉันไล่ให้ฟังหรอกใช่ไหม หืม?”

เจ้าตัวแสบหันไปขู่กำชับ และนั่นทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นทุกคนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม โลแกนปล่อยมือออกจากเส้นผมของชายคนนั้นแล้วตรงมาหา คว้ากระเป๋าเป้จากมือผมไปถือ มุ่งหน้าไปที่ประตูหลังโรงเรียนโดยไม่ลืมหันไปเหยียดยิ้มกวนประสาทให้กับทุกคนที่นอนกองอยู่บนพื้น

“และอีกอย่าง ชื่อของฉันคือโลแกน คอลลินส์ จำเอาไว้ให้ขึ้นใจและอย่าได้มาแหยมกับฉันอีกล่ะ เข้าใจไหม เจ้าพวกเด็กใหม่”

อืม… บางทีความป่าเถื่อนและโรคจิตของหมอนี่ก็เป็นประโยชน์เหมือนกันแฮะ





-------------------------------
Talk: ฉากบู๊ก็มาาาา ฉากโปรดของเราเอง 55555555

ออฟไลน์ EARTHYSS :)

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
อัพเร็วอัพแรงยิ่งกว่าเน็ตไฮสปีด แต่เราก็ตามอ่านทัน ฮ่าๆๆๆ  :laugh3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว  :ling3:

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3


บทที่ 9

(Mode: Lucas Collins)





โลแกนพาผมกลับบ้านโดยการนั่งแท็กซี่ ผมเหลือบมองสภาพยับเยินของตัวเองแล้วได้แต่ถอนหายใจยาว เสื้อฮู้ดสีเทาอ่อนตัวเก่งของผมเต็มไปด้วยรอยรองเท้าและคราบเลือดเล็กน้อย ขอบใจมากเลยที่มาช่วยแต่งแต้มสีสันให้กับเสื้อผ้าสีพื้นของผม เป็นพระคุณอย่างสูง

“มีตรงไหนที่เจ็บหนักๆ ถึงขั้นต้องไปโรงพยาบาลรึเปล่า” โลแกนที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามขึ้น ผมยักไหล่ให้มันทีหนึ่งเพราะอยากแสดงออกให้มันเห็นว่าไม่เป็นไรจริงๆ แต่นั่นก็ทำเอาร่างกายเจ็บแปลบขึ้นไม่น้อยเหมือนกัน ผมข่มความเจ็บปวดนั่นลงก่อนจะพูดเรียบๆ

“ไม่ร้ายแรงหรอก มากสุดก็แค่ซี่โครงช้ำ ที่เหลือก็ทำแผลอีกนิดๆ หน่อยๆ”

โลแกนพยักหน้า ต่อให้เขาไม่พูดออกมาผมก็รู้ว่าเขารู้ว่าผมคิดอะไร ผมไม่อยากไปโรงพยาบาล ไม่ได้เกลียดหมอหรือกลัวเข็มหรืออะไรหรอกนะ แต่ไม่อยากใช้เงินโดยไม่จำเป็นมากกว่า

ทันทีที่มาถึงบ้านโลแกนก็บอกให้ผมถอดเสื้อผ้าและไปนั่งรอที่โซฟา ผมทำตามอย่างว่าง่าย จากนั้นแฝดตัวดีของผมก็เอาผ้าชุบน้ำและกล่องปฐมพยาบาลมาให้อย่างรู้หน้าที่ ยอดเยี่ยม จะมีอะไรดีไปกว่ามีน้องชายที่รู้ดีทั้งเรื่องการแผลและทำให้ผู้คนเป็นแผลได้ในเวลาเดียวกันแบบนี้อีก

“อูย… โลแกน เบาๆ” ผมครางออกมานิดหนึ่งเมื่อคนข้างตัวซับสำลีลงมาอย่างแรง เจ้าตัวขมวดคิ้วมุ่นขึ้นนิดเหมือนไม่ชอบใจแต่ก็ยอมผ่อนแรงที่กำลังทำแผลให้ผมอยู่แต่โดยดี

“ดีขึ้นไหม” ชายหนุ่มถามหลังจากที่จัดการแผลและทายาตรงบริเวณที่ฟกช้ำต่างๆ ให้เรียบร้อย ผมพยักหน้ารับแบบครึ่งๆ กลางๆ ก่อนจะยกผ้าสีขาวชุบน้ำสะอาดขึ้นปิดตาแล้วเงยหน้าพิงคอกับโซฟาด้านหลัง

“ต้องโทรไปบอกที่ทำงานว่าไปไม่ได้”

“เดี๋ยวโทรให้” อีกฝ่ายว่า จากนั้นก็เริ่มหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นแบบเดียวกันกับผมขึ้นมากดจึ้กๆ ผมได้ยินเสียงฝีเท้ามันเดินหายไปครู่หนึ่งและกลับออกมาอีกที ผมก็ยังนอนแหงนหน้าขึ้นโดยมีผ้าปิดตาอยู่อย่างนั้นแหละ ล้าเป็นบ้าเลย รู้สึกไม่อยากขยับตัว

“เดี๋ยวฉันเตรียมน้ำลงในอ่างให้” คนที่ยืนอยู่ด้านหลังผมว่า นั่นทำให้ผมขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมาจริงๆ

“ทำไมใจดีจังวะ” แบบนี้มันน่ากลัวพิกลนา

“ก็นายเจ็บอยู่นี่”

“งั้นซักผ้าแล้วก็ตากผ้าให้ด้วยได้ไหม”

“วอนตีนแล้วพี่ชาย อาทิตย์นี้เวรนายนะ” ชิ ว่าจะถือโอกาสนี้ใช้งานมันซะหน่อย

“มือเป็นยังไงบ้าง” เสียงของโลแกนย้ายมาจากด้านหลังมาอยู่ด้านหน้าผมแทนแล้วตอนนี้ เจ้าตัวยกมือผมขึ้นไปพิจารณา สัมผัสอบอุ่นจากนิ้วมือของหมอนั่นทำให้หน้าผมร้อนขึ้นมานิดหน่อย อยู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจนได้ อ๊ากกก

ฉันนอนกับน้องชายฝาแฝดของตัวเองไปแล้ว ฉันนอนกับน้องชายฝาแฝดของตัวเองไปแล้ว….

ไอ้ประโยคนี้ลอยวนเวียนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง และผมรู้สึกว่าอาการปวดหัวของตัวเองที่ทรมานอยู่แล้วยิ่งแย่ลงไปใหญ่ ผมต้องการยาไทลีนอลที่มีส่วนผสมของโคดีนช่วย คืนนี้ผมต้องการมันแน่ แล้วพรุ่งนี้ค่อยลดไปใช้อะไรที่เบากว่านั้น

ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆ ก็มีสัมผัสอ่อนนุ่มแนบติดลงบนริมฝีปากของผม นั่นทำเอาผมสะดุ้งเฮือก มือเอื้อมไปกระชากผ้าสีขาวที่พาดตาของตัวเองอยู่ออกอย่างรวดเร็ว เงยหน้าขึ้ไปมองเจ้าตัวแสบที่ส่งยิ้มหวานมาให้หน้าตาเฉย ไอ้บ้าเอ๊ยยย นี่คิดว่าเรื่องนี้มันตลกนักเหรอ

“ตกใจอะไรขนาดนั้น” เจ้าตัวว่ายิ้มๆ พร้อมกับยื่นนิ้วชี้และนิ้วกลางที่แนบติดกันสองนิ้วมาตรงหน้าผม “ไอ้นี่ต่างหากล่ะ ไม่ใช่ปากฉัน เมื่อกี้สะดุ้งซะสุดตัวเลยนะ คุณพี่”

“เล่นอะไรบ้าๆ!” คราวนี้แหละ ภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนโลดแล่นเข้ามาในหัวราวกับมีคนฉายหนังย้อน โอ๊ย… ไม่นะ ไม่ๆๆๆๆ

“งั้นฉันไปเตรียมน้ำให้นายก่อนละกัน ส่วนเรื่องจูบ ถ้านายอยาก เดี๋ยวจะบริการพิเศษ ถึงใจกว่าแค่จูบนิ้วฉันแน่นอน” พูดจบ เจ้าตัวก็เลื่อนิ้วทั้งสองนั้นไปทาบริมฝีปากของตัวเอง ไม่รู้ทำไม แต่นั่นทำให้ผมหน้าแดงเถือกขึ้นมาทันที

“ไอ้บ้า หยุดเล่นอะไรบ้าๆ เดี๋ยวนี้เลยนะ!” พูดพลางโยนหมอนอิงบนโซฟาใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวหัวเราะหลังจากที่เคลื่อนตัวหลบทันได้อย่างสวยงาม จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดบ้านไปเพื่อไปเตรียมใส่น้ำลงอ่าง

เฮ้อ…. ปวดหัว ยาอยู่ไหนเนี่ย เดี๋ยวค่อยบอกให้ไอ้หมอนั่นเอามาให้ทีหลังก็ได้มั้ง

หลังจากที่จัดการอาบน้ำ แช่น้ำจนสบายตัวขึ้นแล้ว ผมก็กลับออกมานอนคว่ำหน้าลงบนเตียงอย่างอ่อนล้า เป็นจังหวะเดียวกับที่โลแกนเปิดประตูห้องพรวดเข้ามา ในมือมีถาดที่ใส่ถ้วยข้าวต้มสองถ้วยใหญ่อยู่ในนั้น อ่า น้องรักช่างรู้ใจ (พอแบบนี้ล่ะ น้องรักเชียว) คนกำลังหิวอยู่พอดีเลย กินข้าวเสร็จจะได้กินยา แล้วก็นอนหลับพักผ่อน

“เออ ลิซ่าส่งอีเมล์มาเมื่อวันก่อน” โลแกนพูดอย่างนึกขึ้นได้ขณะที่มือเอื้อมไปกดรีโมตหาช่องรายการสนุกๆ ดู

“นายต้องเรียกเขาว่าน้าลิซ่าสิ เรียกชื่อห้วนๆ ได้ไง”

“ลิซ่าท้องแล้วนะ รู้รึเปล่า”

ผมหันขวับกลับไปมองคนข้างตัวทันที ตาเบิกกว้างขึ้น

“จริงดิ?”

“อืม”

“ทำไมนายไม่บอกฉันวะ”

“ลืม” เจ้าตัวพูดหน้าตาเฉย “แต่ก็บอกอยู่นี่ไง”

ขอบใจ

“งั้นเราคงรบกวนเรื่องเงินของน้าขนาดนี้ไม่ได้แล้ว” ผมพูดอย่างกังวล โลแกนหันกลับมามองผมนิดหนึ่ง นัยน์ตาสีฟ้าแบบเดียวกับผมฉายแววครุ่นคิด

“นายคิดมากเรื่องนั้นจริงๆ สินะ”

“ก็แหงสิ”

ทันใดนั้น น้องชายผมก็ทำเรื่องที่ผมไม่คิดว่ามันจะมาก่อนในชีวิต นั่นคือเอื้อมมือมาบีบมือผมแรงๆ จากนั้นก็ปล่อยออก ผมเบิกตากว้างขึ้นจนตาแทบจะถลนออกมา แต่เจ้าตัวดีหันหน้าหนีไปดูทีวีต่อหน้าตาเฉย ผมหรี่ตาลงมองมันนิดหนึ่ง

“วันนี้นายแปลกๆ ไปจริงๆ นะ โลแกน”

“มีวันไหนที่ฉันไม่แปลกด้วยเหรอ” เจ้าเด็กนรกหันมายิ้มฉ่ำ “สำหรับนาย”

เออ จริงของมัน

“แต่วันนี้นายแปลกแบบน่ากลัวๆ จริงๆ นะ”

“อืม” คนโดนหาว่าแปลกครางในลำคอ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อดทนอีกนิดนะ ลูคัส”

คราวนี้แหละ ทำให้ผมแปลกใจมากๆๆๆๆๆ จริง

“อดทนอะไร”

“เรื่องเงินไง”

“นายจะทำอะไร โลแกน”

“ตอนนี้ฉันกำลังรับทำงานพิเศษ” โลแกนว่าขณะตักข้าวต้มข้าวปาก สีหน้าชั่งใจก่อนจะพูดออกมาสั้นๆ “บางอย่าง”

“บางอย่างอะไร” ผมรีบคาดคั้นทันที “นายทำงานพิเศษอะไรอยู่ โลแกน ฉันนึกว่านายทำอยู่ที่ร้านซับเวย์ซะอีก”

“ฉันเพิ่งลาออกจากที่นั่นไป”

“แล้วนายกำลังทำอะไร”

คนข้างตัวผมหันมายิ้มให้นิดหนึ่ง ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง “ความลับ”

“โลแกน” ผมพูดอย่างร้อนลน ความลับอะไรทั้งหลายทั้งปวงของไอ้นี่ไม่เคยใช่เรื่องดี แต่เจ้าตัวแสบลุกขึ้นยืน เตรียมเอาชามเปล่าลงไปไว้ที่อ่างจานด้านล่างแล้ว “นายกำลังทำอะไร คงไม่ได้ทำเรื่องอะไรไม่ดีอยู่ใช่ไหม”

“แหม พูดจาแบบนั้นใจร้ายจัง” เจ้าตัวว่าพร้อมกับแสร้งเอามือกุมอก ทำเหมือนจะขาดใจรอนๆ ไอ้ตอแหลเอ๊ย

“อย่าบอกนะว่านายจะไปไถตังค์คนอื่น”

“โอ๊ย ทำแบบนั้นจะได้สักเท่าไรเชียว” เจ้าตัวหัวเราะร่า แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะบอกความจริงให้ผมฟังสักที ผมเริ่มร้อนใจแล้วก็กังวลขึ้นมาจริงๆ แล้วนะ

“นายปล้นธนาคารไม่ได้นะ!!”

คราวนี้แหละ โลแกนระเบิดหัวเราะลั่นออกมาทันที

“จะบ้าเรอะ ลูคัส ฉันยังไม่ได้จนตรอกขนาดนั้น”

“จะไปรู้นายเรอะ”

“เออ แต่พอนายพูดมาแบบนี้ จริงๆ ก็ฟังดูน่าสนใจ”

“โลแกน!!!”

หากน้องชายตัวดีของผมไม่แม้แต่จะหุบยิ้ม เจ้าตัวเลื่อนมือขึ้นมาเชยคางผม จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงมาจูบลงบนริมฝีปากของผมอย่างรุนแรง ผมชะงักไปทันทีพร้อมกับหลับตาปี๋ ไม่ล่ะ ผมทนดูไม่ได้ กับคนที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับผมอย่างไอ้หมอนี่เนี่ยนะ? ไม่… ไม่นะ…

ลิ้นร้อนถูกสอดเข้ามาอย่างรุนแรงและโหยหา ผมได้ยินเสียงมันวางถ้วยชามที่ถือไว้ในมือเมื่อครู่ลงบนโต๊ะ จากนั้นเลื่อนมือข้างหนึ่งมายึดไว้ที่หลังท้ายทอยของผม มืออีกข้างวางลงบนเอวที่ดันตัวผมให้เข้าไปแนบชิดกับมันมากขึ้น ผมรู้สึกว่าเนื้อตัวบริเวณที่ได้สัมผัสกับมันร้อนวูบวาบขึ้นแม้มันจะถูกขวางกั้นด้วยเนื้อผ้าที่เราสวมใส่กันอยู่ก็ตาม

ไม่นะ ไม่ดีแน่… แบบนี้ไม่ดีแน่ ไม่นะ…

“อื้ม…” ผมรู้ตัวนะว่าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่ดี แล้วก็ควรจะรีบหยุดมันไว้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป แต่… จะว่ายังไงดีล่ะ อีกใจหนึ่งผมมันก็ร้องบอกว่าทุกอย่างมันสายเกินไปตั้งแต่ขึ้นเตียงกับหมอนี่แล้ว แล้วนี่แค่จูบเนี่ยนะ… มามัวดึงดันตอนนี้จะช่วยอะไรได้?

ผมปล่อยให้โลแกนทำอย่างที่เจ้าตัวอยากจะทำ นั่นคือการไล้สันจมูกลงบนแก้มผม เลื่อนต่ำลงมาจนถึงซอกคอ ลมหายใจร้อนของหมอนี่กำลังทำให้ผมวูบวาบขึ้น

โอเค ผมรู้ล่ะ มันไม่โอเคตั้งแต่ที่ผมวูบวาบนี่แหละ และผมต้องหยุดมัน

เดี๋ยวนี้เลย

ผมรวบรวมแรงกำลังของตัวเอง ผลักบ่าของคนตรงหน้าออกไป โลแกนเลิกคิ้วมาให้ผมเหมือนงงเสียเต็มประดาว่าผมทำแบบนั้นทำไม ขอบใจนะ พ่อสมองทึบ บางทีก็สงสัยว่านี่นายเป็นฝาแฝดฉันจริงๆ รึเปล่า ทำไมเรื่องที่ไม่ควรโง่ถึงได้โง่จัง

“ฉันบอกแล้วไงว่าเราจะไม่ทำกันอีก”

“ทำไมล่ะ”

ผมยักไหล่ “มันไม่ดี”

“แล้วมันสนุกไหม”

คำถามนั้นทำให้ผมขมวดคิ้วมุ่นขึ้นจริงๆ โลแกนถามย้ำ

“นอนกับฉัน สนุกไหม”

เอ่อ ฮัลโหล หวังจะได้คำตอบอะไรจากคำถามนั้นเหรอ ถามจริง?

“มันก็… สนุกมั้ง” ผมถอนหายใจเฮือก ก่อนจะไหวตัวทันทีเมื่อเห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้า ชิบหายล่ะ หรือว่าผมไม่ควรตอบแบบนั้นนะ “แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะนอนกับนายอีกนะ เรื่องความสนุกเนี่ย บางทีมันก็ควรมาพร้อมกับคำว่าศีลธรรม”

“นายไม่มีทางท้องได้อยู่แล้ว” โลแกนพูดหน้าตาเฉย ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น ไม่พอ เลื่อนมือมาลูบไล้ใบหน้าของผม จากนั้นก็เริ่มสอดมือลงใต้เสื้อ เป็นสัมผัสวาบหวามที่บอกอย่างชัดเจนว่าเจ้าตัวคิดจะทำอะไรต่อไป “และถ้ามันสนุก ก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลยไม่ใช่เหรอ”

“ไม่…”

“นายนอนกับฉันมารอบหนึ่งแล้ว” เจ้าตัวดีว่าต่อ ก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหู “ครั้งที่สองที่สาม มันก็ไม่ต่างกันหรอก”

โอ๊ย… ปัดโธ่โว้ย..!!

“นี่ ลูคัส”

“อะ!!” ผมสะดุ้งเฮือกทันทีเมื่อเจ้าตัวไล้ฝ่ามือลงบนท่อนล่างของผม โลแกนไม่พูดอะไรต่อจากนั้น แต่แววตาของเจ้าตัวสะท้อนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการอะไรต่อจากนี้
 
มันอยากจะนอนกับผม… เอาจริงสิ มันเกิดขึ้นไปครั้งหนึ่งแล้วนะ และนี่ก็กำลังจะเป็นครั้งที่สอง… ถ้าเป็นแบบนั้น… มันไม่มีทางย้อนกลับไปได้อีกแล้วนะ

ผมหลับตาลง ปล่อยให้คนตรงหน้าโน้มหน้าลงมาจูบริมฝีปากผมอีกรอบอย่างนุ่มนวล หอมหวาน และโหยหา

โอเค… ก็ได้… แบบนั้นก็ได้

“ฉันมีเงื่อนไขอย่างเดียว” ผมว่าหลังจากที่มันผละริมฝีปากออกไปอย่างเชื่องช้า โลแกนเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“อะไร?”

“นายต้องหาอะไรมาปิดตาฉัน”

“หา??” คนตรงหน้าพูดเสียงดังขึ้นนิดหนึ่ง “นายจะบอกอะไร หน้าตาฉันมันแย่จนนายไม่อยากมองเรอะ หน้าตาอันแสนหล่อเหลาของฉันมันก็เหมือนกับหน้านายนะโว้ย”

“ก็เพราะมันเหมือนกันน่ะสิ!! ถึงได้ไม่อยากมอง เจ้าบ้า!!” แค่นี้ก็ต้องให้บอกอีก!! แล้วไอ้บ้านี่ไปติดนิสัยหลงตัวเองจากใครมา ถามจริง?

“ทำไม” แน่ะ ดูมัน ยังจะถาม

ผมขมวดคิ้วมุ่นใส่มัน ก่อนจะก้มหน้า หลุบตาลงต่ำลงแล้วพูดเสียงเบา

“ก็มัน… น่าขยะแขยง”

สิ้นคำพูด ผมก็รู้สึกได้เลยว่าบรรยากาศรอบตัวของไอ้หมอนี่เย็นยะเยือกลงทันที ผมลอบกลืนน้ำลายลงคออึกอย่างเกรงๆ โลแกนเดินผละจากตัวผมไปก่อนจะกลับมาพร้อมเนคไทเส้นที่มันให้มัดมือผมเมื่อคืน เดี๋ยวๆๆๆ ไม่เอาแล้วนะ แล้วนี่ร่างกายผมยังระบมอยู่เลยนะเฟ้ย

“หลับตา”

“หะ?”

“เร็วๆ”

ผมตามที่มันบอกจนได้ โลแกนทาบเนคไทเส้นนั้นลงมา ผูกไว้ที่ด้านหลังศีรษะของผมแน่น จากนั้นก็โน้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหู

“เท่านี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหม?”

อืม… มันก็…

“อุบ…” คนตรงหน้าเลื่อนริมฝีปากลงมาปิดปากผมอีกครั้งอย่างรุนแรง พร้อมๆ กันนั้นก็ดึงตัวผมไปแล้วดันลงบนเตียงจากนั้นก็ปีนขึ้นคร่อมลงมาแล้วทาบจูบร้อนแรงลงมาอีกรอบ

จูบที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะละลายได้

โอเค… ก็ได้ มันคงสายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ

มันไม่มีทางย้อนกลับไปได้อีกแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อคืน

เยี่ยมเลย...






----------------------------------
Talk: แหม มีครั้งแรกก็ย่อมมีครั้งที่สองและที่สามเนอะ ถถถถถถถ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ^^

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โลแกน ลูคัส  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
พวกที่รังแกลูคัส ไม่รู้จักกิติศัพทืโลแกนเลยสินะ
อืม.....แล้วลูคัสจะอยู่ยาก หรือ สบายขึ้นหรือเปล่านะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Airiณ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-3

บทที่ 10

(Mode: Logan Collins)




บนโลกนี้นี่ช่างมีอบายมุขและสิ่งชักนำอยู่มากมายเหลือเกิน

นั่นคือความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวสมองของผมขณะที่ทอดสายตามองกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่มีอายุไล่เลี่ยกับผม บ้างก็มากกว่า บ้างก็น้อยกว่า หรือเท่ากันก็มี

ตอนนี้ผมอยู่ในโกดังแห่งหนึ่งที่ถูกปล่อยให้ทิ้งร้างมานานและเป็นที่รวมตัวกันของพวกเด็กใจแตกที่ชอบมามั่วสุมทำเรื่องชั่วๆ ที่มาตรากฎหมายสั่งห้าม และแน่นอนว่าในสถานที่อันเป็นมุมมืดของสังคมเมืองแบบนี้ การทำเรื่องชั่วช้ามักไม่ได้มากับคนคนเดียว

ผมยกยิ้มบนมุมปากขณะที่มองเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ดูจากหน้าตาแล้วคงอายุไม่เกิน 15 ที่กำลังสูบกัญชาด้วยบารากู่หรือหม้อสูบยาที่มีหัวต่อแยกออกไปอีกอีกสองสาย รวมกันแล้วก็เป็นสามสาย สรุปแล้วก็คือมีวัยรุ่นชายสามคนกำลังเสพสารเสพติดที่มีโทษด้านกฎหมายนี่พร้อมๆ กันถึงสามคนในคราวเดียว

โธ่เอ๊ย… ก็เพราะมนุษย์มันลุ่มหลงอะไรแบบนี้ได้ไง ถึงได้โดนสิ่งชั่วร้ายครอบงำได้ง่ายนัก

ผมลอบคิด จะว่ามันเป็นเรื่องดีมันก็เป็นเรื่องดี… สำหรับพวกผมน่ะนะ ผมก้มลงมองจี้ห้อยคอซึ่งเป็นไม้กางเขนกลับหัวที่ทำจากแสตนเลสน้ำหนักเบาที่มักห้อยติดคอไว้ประจำ บางวันก็เอาออกมานอกเสื้อบ้าง บางวันก็ใส่เก็บไว้บ้าง นี่ที่ผมทำแบบนี้เพราะผมให้เกียรติพ่อของผมนะ ไม่ใช่เพราะอยากโชว์พาวว่าตัวเองเป็นเด็กนอกคอกหรือเด็กที่อยากทำตัวแหลกเหลว อะไรแบบนั้น

ชายคนหนึ่งที่ดูอายุมากที่สุดในเจ้าสามคนที่สูบไอ้เครื่องนั่นอยู่ลุกขึ้นมาจากตรงนั้น พ่นควันสีขาวออกมาพร้อมกับครางในลำคออย่างพึงพอใจ จากนั้นเจ้าตัวก็ย่างฝีเท้าเข้ามาหาผมซึ่งนั่งพิงผนังอยู่ในมุมของตัวเอง

“นายอยากลองไหม โลแกน”

“หืม ไม่เป็นไรหรอก ตามสบายเลยเพื่อน” ไม่ใช่ว่าพวกนายกลัวว่าไอ้สารเสพติดที่พวกนายคลั่งไคล้นักหนาจะหมดก่อนเวลาอันควรหรอกเรอะ

“อย่าเกรงใจไปเลยน่า” เจ้าตัวว่าพร้อมกับฉุดแขนผมให้ลุกขึ้นจากพื้นตรงนั้น แน่นอนล่ะว่ามันน่ารำคาญ แต่ในเมื่อบางสถานการณ์ผมไม่มีตัวเลือกอื่นผมก็ต้องยอมทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผมนั่งลงในวงที่มีคนกำลังสูบกัญชาจากกระบอกสูบยานี่อีกสองคน คนหนึ่งตาลอย เคลิ้มไปกับภาพหลอนที่ฤทธิ์ยาหมุนวนอยู่ในสมอง ส่วนอีกคนกำลังพ่นควันฉุยออกมาทางปาก จากนั้นก็หัวเราะคิกคักอย่างกับคนบ้า

โอเค งั้นผมก็เป็นคนบ้าคนที่สาม ยินดีที่ได้รู้จักนะ พวกนาย

ผมหยิบทิชชู่ที่อยู่แถวๆ นั้นขึ้นมาเช็ดตรงบริเวณที่สูบ ขอที ผมยังไม่อยากอมน้ำลายของไอ้เจ้าพวกนี้ ถ้าเป็นสาวๆ สวยๆ ล่ะก็อีกเรื่อง แต่กับกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ตาลึกโบ๋ ประสาทหลอนไปกับสารเสพติดพวกนี้… ขอทีเถอะน่า

ผมสูบสารที่ใส่อยู่ในตัวเครื่อง พ่นควันออกมาเบาๆ ปล่อยให้มันล่องลอยขึ้นบนอากาศโดยรอบอย่างอ้อยอิ่ง ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจมาจากโจ เจ้าขาโจ๋ที่คุมถิ่นแถบๆ นี้ มันเป็นผู้ชายอายุ 23 ปีได้ รูปร่างใหญ่โต กล้ามเป็นมัดๆ เทียบกับรูปร่างหุ่นที่ภายนอกดูเก้งก้างอย่างผมแล้ว ไม่ว่าใครต่อใครคงลงพนันข้างมันถ้าเกิดเราสองคนต้องสู้กันจริงๆ

หืม… แต่ผมไม่คิดว่าคนพวกนั้นจะชนะพนันหรอกนะ

“ว่าไง ไอ้โลแกน เป็นไงบ้าง หมู่นี้มาบ่อยนะเรา” โจเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับตบบ่าจากด้านหลังป้าบๆ ผมยักไหล่ให้เจ้าตัวทีหนึ่ง

“ก็นะ อยู่ตรงนี้มันสนุกกว่านี่”

“โอ้โห เยี่ยมว่ะ งั้นก็เต็มที่ ไอ้น้องชาย ถ้าไม่พอ เดี๋ยวเอามาให้อีกถุง”

อีกสองคนที่กำลังเมามันกับเจ้าบารากู่นี่ส่งเสียงร้องอย่างดีใจ ผมผิวปากตอบให้โจไปทีหนึ่ง จริงๆ ไอ้กัญชาที่ผมเพิ่งเอาเข้าร่างกายตัวเองไปนี่ก็ไม่เลวนะ รู้สึกเคลิ้มๆ ดี ก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมใครต่อใครถึงได้ลุ่มหลงมันนัก

ผมผละออกจากกระบอกสูบยาอันนั้นเพื่อผลัดเปลี่ยนให้คนอื่นที่เวียนเข้าเวียนฐานแห่งนี้มาใช้แทน แน่นอนว่าผมเช็ดตรงปากที่เอาไว้สูบเรียบร้อยแล้ว ผมไม่อยากให้ใครมาอมน้ำลายผมพอๆ กับที่ไม่อยากอมน้ำลายคนอื่นนั่นแหละ

ผมผละไปนั่งคุยกับโจและพวกพ้องคนอื่นๆ ส่วนมากก็คุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไปนี่แหละ ถึงจะลำบากหน่อยตรงที่สองในสามในวงสนทนาจะเมากัญชากันไปเรียบร้อยจนคุยกันแทบจะไม่รู้เรื่องแล้วก็ตาม

เสียงหัวเราะของผมผสมปนเปไปกับเสียงหัวเราะ พูดคุย ตะโกนโหวกเหวกของคนที่อยู่ในโกดังแห่งนี้คละเคล้าไปทั่ว ผมสังเกตเห็นว่าโจลุกออกจากวงสนทนาไปพร้อมกับลูกน้องที่มักจะตามขนาบเจ้าตัวตลอดอีกสองคน แต่แน่นอนล่ะว่าผมไม่ได้ตามพวกเขาไป

ผมเพิ่งเข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้ได้ไม่นานเท่าไร ยังไม่มีอภิสิทธิ์มากพอจะทำแบบนั้น ผมยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาเลื่อนดูอะไรเรื่อยเปื่อยนิดหนึ่งเพื่อฆ่าเวลา ก่อนจะต้องไหวตัวเมื่อหนึ่งในผู้ติดตามของโจเดินมาสะกิดผม พยักเพยิดไปยังทิศทางที่โจเดินไป

“โจให้มาตาม”

หืม… นี่เป็นสัญญาณที่ดีหรือเปล่าเนี่ย

ผมก้าวเท้าออกไปยังพื้นที่ที่โจอยู่ ตรงนั้นเป็นมุมอับ แต่สถานที่ที่เป็นแหล่งมั่วสุมแบบนี้มักเป็นมุมอับอยู่แล้ว มีเด็กชายคนหนึ่ง ดูๆ แล้วน่าจะอายุไม่เกิน 16 สวมแว่นตา ท่าทางหงอๆ เจ้าตัวเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัวอะไรสักอย่าง และอะไรสักอย่างนี่ก็ยืนอยู่ข้างๆ ผมไง

“เฮ้ โลแกน ขอให้ฉันแนะนำเพื่อนใหม่เราคนนี้ให้นายรู้จักหน่อย” โจพูด เอื้อมมือไปตบบ่าไอ้เด็กหน้าหงอที่กำลังห่อไหล่อย่างน่าสงสาร ผมเพียงแค่ยกยิ้มแบบที่ตัวเองทำบ่อยๆ กลับไปให้จากนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม “ไอ้หมอนี่ชื่อทอมสัน อยู่โรงเรียนเดียวกับนายด้วยนะ รู้สึก”

“ไง” ผมทักทายเรียบๆ หากอีกฝ่ายตัวสั่นเทาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ก็งี้แหละ เรื่องปกติ “แล้วเรามีธุระอะไรกับเขา?”

“หมอนี่มันเบี้ยวไม่จ่ายค่ายามาสองสัปดาห์แล้ว”

เห… เห็นหน้าติ๋มๆ แบบนี้ เล่นเกับเขาด้วยเหรอเนี่ย

“ดะ… ได้โปรดเถอะครับ ที่บ้านผมไม่ยอมให้ผมมา…”

“แกก็ต้องหาทางอื่นมาใช้หนี้สิวะ!” ลูกน้องอีกคนที่ใส่เสื้อสีเหลืองในชุดเอี๊ยมยีนส์รูปร่างท้วมตะโกนพร้อมกับกระชากคอเสื้อของทอมสันที่ตัวสั่นงกขึ้นมาเป็นเชิงข่มขู่ ยินดีต้อนรับสู่โลกอันธพาล

“สตีเว่น ไม่ต้อง” โจพูดเสียงเรียบ “ให้โลแกนจัดการ”

ผมเลิกคิ้วขึ้นทันที เป็นวินาทีเดียวกับที่ไอ้ชุดเอี๊ยม… ที่ผมเพิ่งรู้วันนี้แหละว่ามันชื่อสตีเว่นปล่อยมือออกจากคอเสื้อนั้น จากนั้นมันก็พยักเพยิดบอกให้ผมทำตามคำสั่งนั้นทันที

ผมเหลือบมองคนสั่งและลูกน้องของมันโดยไม่พูดอะไร แต่แค่มองตามัน ผมก็เข้าใจแล้ว การที่อีกฝ่ายสั่งให้ผมเป็นคนจัดการแบบนี้ มันย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าถ้าผมจัดการ มันจะไม่จบลงแค่บาดแผลฟกช้ำธรรมดาๆ ต้องได้เข้าโรงพยาบาลเป็นขั้นต่ำ และในขณะเดียวกัน ก็เพื่อทดสอบผมไปในตัวด้วย

ผมยกยิ้ม จากนั้นก็กระชากคอเสื้อของเด็กหนุ่มเคราะห์ร้ายที่อยู่ตรงหน้า

โทษทีว่ะ จริงๆ รังแกคนอ่อนแอมันก็ไม่สนุกหรอก

แต่ก็นะ… แกดวงซวยจริงๆ ว่ะ




 



ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ขยับตัวเพื่อให้กระเป๋าสะพายสีดำที่อยู่ด้านหลังเข้าที่ พวกคุณต้องไม่เชื่อแน่ว่าผมมาหยุดยืนอยู่ที่ไหนในตอนนี้

สิ่งก่อสร้างที่อยู่ด้านหน้ามีป้ายเขียนแปะติดไว้ตัวเบ้อเริ่มว่าสถานีตำรวจ ที่นี่เป็นศูนย์กลางที่ค่อนข้างใหญ่ในตัวเมืองนี้ และจะบอกอะไรดีๆ ให้ ผมมาที่นี่ค่อนข้างบ่อยเลยล่ะ ในหลายๆ ความหมายน่ะนะ

ผมเดินตรงดิ่งไปที่เคาน์เตอร์ด้วยความเคยชิน บอกชื่อของคนที่ต้องการพบ จากนั้นไม่ถึงห้านาทีต่อมาก็มีคุณตำรวจสาวในเครื่องแบบเดินมาหาผม หล่อนคงจะเป็นคนนำทางที่จะพาผมไปเจอกับผู้ชายคนที่ผมอยากเจอสินะ อ่า… คนนี้นี่ไม่เคยเห็นหน้านะ

“สวัสดี คุณคอลลินส์” หล่อนว่า เลื่อนมือมาข้างหน้า “ฉันแองเจลีน่า แกรนท์ เจ้าหน้าที่พิเศษที่จะมานำทางคุณไปหาคุณแมคโดเวลวันนี้”

ผมเลื่อนมือไปจับกับเจ้าหล่อน ให้ตาย สมัยนี้ตำรวจเขาคัดกันที่หน้าตาแล้วก็ทรวดทรงแล้วเหรอ ทำไมคุณตำรวจสาวคนนี้ถึงได้มีหุ่นที่เพอร์เฟคต์ได้ถึงขนาดนี้ แถมผมสีน้ำตาลที่ถูกมัดตึงเพื่อให้ดูเรียบร้อยนั่น ไม่ได้ลดความงามของแม่คุณลงไปเลย

น่าสนใจแฮะ สาวในเครื่องแบบเหรอ

คุณเจ้าหน้าที่พิเศษแกรนท์นำทางผมไปขึ้นลิฟท์ตัวเดิมเพื่อตรงไปยังห้องทำงานของคุณแมคโดเวลที่ว่า หญิงสาวข้าวตัวผมเหลือบมองการแต่งตัวของผมนิดหนึ่ง ผมก้มลงมองสภาพตัวเอง กางเกงยีนส์ขาดๆ ของไอ้ลูคัสที่ผมหยิบใส่มาเมื่อเช้า กับเสื้อยืดลายสกรีนเห่ยๆ ของไอ้ลูคัสอีกเช่นกัน ไอ้หมอนี่นี่ไม่รู้ยังไง แต่เลือกซื้อเสื้อผ้าแต่ละที เอ็งเลือกได้แค่นี้เหรอวะ

แต่ก็นะ มันก็ใส่สบายดี เพราะแบบนี้ บางทีผมก็เลยหยิบมาใส่บ้าง แต่ไอ้พี่บ้าผมชอบโวยวายว่าผมจะสวมรอยเป็นมันทุกทีเลย ผมหมายถึง… ผมคงไม่สวมรอยเป็นไอ้เห่ยอย่างมันตลอดเวลาหรือว่าทุกวันหรอกน่า ใช่ม้า?

ผมก้าวเท้าเข้าไปในตัวห้อง ชายสูงวัยที่นั่งอยู่ข้างหลังโต๊ะมีเส้นผมสีขาวทั้งหัว หากใบหน้าดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริง ร่างกายและสุขภาพก็ยังดูแข็งแรงดี บ่งบอกให้เห็นว่าเจ้าตัวคอยดูแลเอาใจใส่ตัวเองอยู่เสมอ

ผมตรงดิ่งไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของชายผู้นั้น จากนั้นก็เริ่มเปิดกระเป๋า หยิบแฟ้มเอกสารทั้งหลายทั้งปวงออกมาวางบนโต๊ะ

“คุณแมคโดเวลคะ” แกรนท์ที่ยืนอยู่ด้านหลังผมเอ่ยถามอย่างอดไม่อยู่ “ช่วยอธิบายให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมคะ ว่าเด็กคนนี้เป็นใครกันแน่”

“เด็กเหรอ?” ผมเลิกคิ้ว ส่งยิ้มยียวนไปให้พี่สาวคนสวยตรงหน้าทันที “ผมไม่เด็กแล้วนะครับ คุณผู้หญิง จะ 18 อาทิตย์หน้าแล้ว”

แกรนท์ขมวดคิ้วฉับ บ่งบอกว่าไม่รับมุกตลก

“คุณมีธุระอะไรกับเด็กคนนี้กันแน่คะ”

“ใจเย็นๆ ก่อน แกรนท์” แมคโดเวลพูด หยิบแว่นสายตาขึ้นมาสวมก่อนจะพลิกดูเอกสารที่ผมเพิ่งวางลงตรงหน้าอย่างพิจารณา “นี่ โลแกน คอลลินส์ เขาทำงานเป็นสายให้เรา”

ผมหันไปส่งยิ้มหวานให้พี่สาวที่ตอนนี้ทำหน้าบึ้ง ไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน แหม ดีจริง กำลังอยากได้ความตื่นเต้นท้าทายอยู่พอดี เท่าที่ผ่านมาเจอแต่แบบ... เห็นหน้าผมแล้วก็ส่งยิ้มหวานให้ พอผมชวนคุยก็ตอบรับหวานๆ อะไรแบบนี้ บางทีชีวิตคนเราก็ต้องการหลายรสชาติ

“ทำไมเราต้องให้เด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาเป็นสายให้เราด้วยคะ?”

“เขาเป็นหนึ่งในคนที่อยู่ภายใต้ความดูแลของหน่วยคุ้มกันพยาน”

คำพูดนั้นทำเอาเจ้าหน้าที่แกรนท์ชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนเจ้าตัวจะเลิกคิ้ว “เด็กคนนี้น่ะเหรอ”

“ครับผม” ผมส่งยิ้มหวานให้ ก่อนจะหันไปหาชายตรงหน้า “ทำไมคุณแมคโดเวลไม่เอาแฟ้มประวัติผมให้คุณเจ้าหน้าที่พิเศษดูล่ะฮะ จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาอธิบายอะไรกัน”

แมคโดเวลทำตามที่ผมพูด นั่นคือส่งแฟ้มประวัติของผมไปให้หญิงสาวตรงหน้า เจ้าหล่อนพลิกๆ ดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนสีหน้าดุเข้มนั่นจะอ่อนลง ก็นะ… ใครต่อใครก็รู้สึกแบบนั้นทั้งนั้นแหละ ถ้าได้รู้ประวัติของผมกับลูคัสสมัยยังเด็ก แต่ถ้าถามผม… เอาจริงนะ ผมไม่เสียใจหรืออาลัยอาวรณ์อะไรหรอก ไม่แม้แต่จะเจ็บปวด ไม่คร่ำครวญหรือโหยหา

แต่ผมคิดว่าลูคัสมีทุกอย่างที่ผมกล่าวมา เพียงแต่อารมณ์ความรู้สึกพวกนั้นมันถูกฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของหมอนั่นและยังไม่มีอะไรไปกระตุ้นให้มันแสดงออกมาเท่านั้นเอง

แต่ผมไม่เหมือนกับลูคัส

ผมไม่ใช่มนุษย์แบบหมอนั่น

ในที่สุดเจ้าหน้าที่พิเศษสุดสวยก็ปิดสมุดลง เจ้าหล่อนมองมาทางผมด้วยสายตาเห็นใจมากขึ้น

“มันคงเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก…”

“แกรนท์” แมคโดเวลพูดเป็นเชิงปราม แต่เหมือนหญิงสาวจะหยุดไม่ได้

“ต้องเห็นพ่อกับแม่ตัวเอง…”

“แกรนท์ พอได้แล้ว” แมคโดเวลเอ่ยย้ำ เจ้าหล่อนจึงยอมหุบปากเงียบลงไปในที่สุด

ใช่… ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างกลัวว่าผมจะเสียใจหรือสะเทือนใจหากไปแตะต้องมัน แต่ว่ากันตามตรงนะ ผมไม่รู้สึกอะไรสักนิดเดียว






-------------------------------------------
Talk: มุมลูคัสมาหลายตอนล่ะ มาดูมุมโลแกนกันบ้างเนอะ XD
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านกันนะคะ ^^

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด