หมายเหตุ : เรื่องนี้เกิดจากจินตนาการล้วน ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลจริงใดๆทั้งสิ้น
“ของตาย”
“ไปคราวนี้คงไม่ได้เจอกันอีกนาน”
“มึงดูแลตัวเองดีๆนะโช”
“รอกูอยู่ที่นี่นะ”
บอกให้รอ.....กูก็จะรอ
...............................................
เสียงคลื่นกระทบฝั่ง ดังกระทบโสตครั้งแล้วครั้งเล่า.....ไม่ได้ช่วยให้จิตใจสงบเลย เพราะมันทำให้จิตใจของผมว้าวุ่น ....ว้าวุ่น...นับครั้งไม่ถ้วน
สิบปีที่ผ่านมา...ผมก็ยังรอ...รออยู่ที่เดิม
บ้านพักริมทะเลของโช “เพื่อนรัก” ถูกแล้ว..มันคือสถานะที่คนๆนั้นยัดเยียดให้กับผม ใครกันที่ต้องการสถานะแบบนั้นในเมื่อเราไม่เคยคิดแค่เพื่อน...ผมมันเป็นของตาย ที่มันอยากได้เมื่อไหร่ก็ได้ อยากมาหาเมื่อไหร่ก็ได้
ตั้งแต่ที่เราเป็นเพื่อนกันสมัยมัธยม ความรู้สึกของผมมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ค่อยๆซึมลึกเหมือนน้ำซึมบ่อทราย โชมันรู้
...แต่มันก็เลือกสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตมันอยู่ดี
มันเลือกที่จะไปใช้ชีวิตกับคนอื่นหลังเรียนจบมหา’ลัย โดยบอกให้ผมรอ...โดยที่ผมก็โง่เง่ารอมันอยู่อย่างนี้
เสียงรถยนต์ทุ้มนุ่มลอยเข้าหู บ้านหลังนี้ไม่ค่อยมีใครมาสนใจนัก ผมอดตื่นเต้นไม่ได้ว่าอาจจะเป็นเขา อันที่จริงแล้วผมก็ตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ยินเสียงรถ เสียงคนเดิน และเสียงอื่นๆที่ไม่ใช่เสียงทะเล เพียงแต่ส่วนมาก เสียงเหล่านั้นมักจะผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น
ผมเดินออกไปหน้าบ้าน ลมทะเลปะทะใบหน้า ท้องฟ้ามีแสงสีส้มหม่นเหมือนกับจิตใจของผมที่เปี่ยมไปด้วยความหวังอันริบหรี่ รถเบ๊นซ์สีดำหยุดลง ผมเผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความตื่นเต้นและทำอะไรไม่ถูก แค่มองร่างของชายในรถ...โดยไม่ต้องลงมา ผมก็รู้......
“โช”
ผมรู้สึกว่าตัวเองยิ้มไม่หุบ และเมื่อยหน้ามากๆ โชเดินลงมาด้วยท่าทางสบายๆ มันหยุดมองผมด้วยสายตาตกใจเพียงเสี้ยววินาที จากนั้นจึงส่งยิ้มให้ผม ผมก้าวขาไม่ออก ใจน่ะอยากจะเดินไปหาแทบขาด ได้แต่บ่นด่าตัวเองว่าไม่ได้เรื่อง
“ยอด”
สิบปีที่จากไป...โชโตขึ้นมาก สายตาคมนั้นมองผมเหมือนเมื่อก่อน ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ....
“ยอด”
เสียงของผู้หญิงทัก ผมไม่ทันสังเกตเธอจริงๆ รอยยิ้มสว่างไสวเหมือนดวงตะวัน...แพรว
“โชไม่เห็นบอกเลยว่ายอดก็มาแจม” แพรวพูดกับโชด้วยสายตาที่ผมดูก็รู้ว่าเธอกำลังหงุดหงิด
“เดี๋ยวแพรวเข้าบ้านไปจัดของก่อนนะ ขอโชคุยกับยอดแป้บนึง” โชในอีกสิบปีถัดมายังคงใช้คำพูดเหมือนเด็กวัยรุ่น ผมไม่รู้สึกว่าเราห่างไกลกันเลยแม้แต่นิด...แน่นอนว่าผมไม่ได้นับแพรวเข้ามาแทรกระหว่างเราหรอก
โชพยักหน้าให้เดินตามมันไป ร่างสูงก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆโดยไม่คิดจะหันหลังมามองผม เหมือนมันลืมว่ามีเรื่องจะคุยด้วย เหมือนมันลืมว่าต้องกลับไปหาแพรว เหมือนมันลืมว่า...มีผม
“โช”
ผมเรียกให้มันหันกลับมา และไม่ลืมตัวตนของผมอย่างที่เคย
“ทำไมมึงถึงยังอยู่วะ” มันพูดกับตัวเอง ไม่ยอมหันมาทางผม
ลมทะเล กับท้องฟ้าที่เริ่มมืด...ผมเจ็บไปทั้งตัวและหัวใจ
เจ็บ...โดยที่มันไม่คิดจะรับรู้
“มึงคิดว่ากูอยากอยู่นักเหรอ”
ผมพูดเบาๆ สู้เสียงคลื่นหัวใจของตัวเอง
“กูพาแพรวมาฮันนีมูน” เปลี่ยนเรื่องง่ายดายนักนะ
“มึงรักกูมั้ย?” ผมถามมันด้วยเสียงสั่นเครือ
“กูขอโทษที่บอกให้มึงรอ....กูเคยรักมึงนะ”
ผมนิ่งเงียบ....
‘เคยรัก’
กูเข้าใจโช...กูเข้าใจ
....................................
มองดูคู่รักแห่งปีหวานใส่กันแล้วผมแทบทนไม่ได้
แพรวไม่เคยมองผม ราวกับว่าผมมันไม่มีตัวตน ขณะที่โชชอบเหลือบมามองบ่อยๆ ด้วยสายตาที่ผมเองก็เดาไม่ถูก ถ้าโชไม่ได้พูดว่า..เคยรัก ผมก็จะคิดว่าโชยังมองผมด้วยความคิดถึงเหมือนวันเก่าๆ แต่เพราะโชพูดแบบนั้นออกไป..ผมจึงไม่กล้า...แม้แต่จะคิด
โชกับแพรวกำลังสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน เรามันก็แค่ส่วนเกินของเค้า จะไปเรียกร้องอะไรได้
“ยอด! มาเล่นด้วยกันสิ” แพรวตะโกนเรียกผม ผมได้แต่ส่ายหน้า ซ่อนตัวเองอยู่หลังประตู
บอกเลยว่าอิจฉา....
ทั้งๆที่เราเฝ้ารอเค้ามาตั้งสิบปี
รออย่างไม่มีจุดหมาย
รอเหมือนของตาย
ของตายที่เค้าไม่หันมามอง.....
นาฬิกาตีบอกเวลาตีหนึ่ง ผมนั่งอยู่บนโซฟา ให้ความมืดกัดกินตัวเองอย่างช้าๆ โชกับแพรวนอนอยู่ชั้นบน สองคนนั่นมีความสุขมากเลยนะ ความสุขในรูปแบบที่ครอบครัวเขาพึงมี จะว่าไปผมมันก็สมควรที่ต้องเจ็บอยู่อย่างนี้ เพราะเรามันไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมเอง เพียงแต่มันก็น้อยใจ
...ในเมื่อผมมาก่อน
“ยังไม่หลับเหรอ?” ร่างสูงเข้ามานั่งข้างกัน ผมมองเงาดำผ่านความมืด เกือบจะเอื้อมมือไปกอบกุม แต่ยั้งไว้ทัน
“กูกินกาแฟไปเยอะเลยว่ะ” เพราะผมไม่ตอบ มันเลยเล่าเรื่องของตัวเองแทน
“อยู่อย่างนี้ไม่มืดเหรอ?”
“ไม่อ่ะ”
“ไม่กลัวเหรรรรรรรรรรรรรอออออออออ~~”
จู่ๆโชมันก็โถมตัวทับ แล้วจี้เอวผม ผมร้องโวยวายระคนหัวเราะ น้ำตาคลอเบ้าเพราะบ้าจี้
“ไอ้โช..อย่าๆๆ”
เราสองคนกลิ้งทับกันไปมา เพราะผมก็สู้คน ด้วยความที่ผมตัวบางกว่าเลยแพ้คนตัวหนาราบคาบ เรานอนหอบอยู่บนพื้น ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย ในเมื่อมันมืดเกินจะรับรู้อย่างอื่น
ความมืดและความเงียบทำให้ผมเริ่มคิดอกุศล....
“เราจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมใช่มั้ยวะโช?”
“งั้นมั้ง”
“มึงหายไปสิบปี จะไม่ขอโทษกูสักหน่อยเหรอ แบบว่า....อุบ!!!”
โชจูบผม จูบที่กดปากลงมาหนักๆจนผมเจ็บ ลิ้นร้อนๆไล้เลียริมฝีปากอย่างหิวกระหาย ผมไม่ยอมเปิดปากให้โอกาสคนข้างบน แต่ดูท่าแล้วมันก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆเช่นกัน มือหนาควานหาตุ่มไตบนยอดอก ค่อยๆเค้นคลึงอย่างเชื่องช้าและเนิบนาบ ร่างกายของผมไม่ได้สัมผัสรสรักเร่าร้อนแบบนี้มาสิบปี ทำให้โอนอ่อนตามมันได้ง่ายเกินไป โชเลิกเสื้อผมขึ้น เห็นว่ามันเกะกะ ผมเลยถอดเอง มันจะได้สะดวกๆ
ร่างข้างบนไม่ได้สนใจรสริมฝีปากอีกแล้ว มันเปลี่ยนไปไล้เลียหน้าอก ไล้ลงไปเรื่อยจนถึงหน้าท้องแบนราบ ผมเสียววาบ จำต้องกัดปากของตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้หลุดเสียงคราง ศีลธรรมดับวูบเมื่อโชดึงกางเกงบ็อกเซอร์ผมออก มือหนาค่อยๆคลึงลงที่ปลายส่วนนั้นของผม
“ไม่เคยทำเลยเหรอ”
มันพูดเสียงเครือ พลางลูบเอาน้ำใสที่ล้นเอ่อไปตามลำ และบริเวณใกล้เคียง
“สิบปีและ” ผมตอบเบาหวิว
มองร่างหนาบรรจงถอดกางเกงของตัวเองออก เพราะมันมืด ผมจึงคว้าส่วนนั้นของโชผิด มันหัวเราะหึๆ จับมือผมให้ไปโดนได้ในที่สุด
เราต่างคนต่างรูดของอีกฝ่าย ทั้งตื่นเต้น ทั้งมีความสุข
แน่นอนว่าผมกลัว หากแพรวเกิดลงมาแล้วเจอสถานการณ์แบบนี้ แต่ไอ้โชมันเหมือนไม่แคร์เองนี่นะ ดังนั้นผมจึงปล่อยเลยตามเลย
ร่างหนาหมุนตัวเองให้ปากของผมตรงกับส่วนนั้นของมัน ส่วนมันก็รับเอาทั้งหมดของผมเข้าไปไว้ในปาก ไออุ่นร้อนจากโพรงปากกระตุ้นให้อารมณ์มันพุ่งพล่านจนแทบคลั่ง ลิ้นอุ่นเลียรอบๆแท่งลำของผมอย่างใจเย็น ขณะที่ผมได้แต่เงอะๆงะๆ เพราะมัวแต่เสียวอยู่ฝ่ายเดียว ไอ้โชมันก็ช่ำชองแบบนี้มาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว แต่กับผม..เรียกว่า ‘เคย’ ช่ำชองจะดีกว่า
“เปลี่ยนท่าได้มั้ยวะ” ผมครวญ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรอก แต่เหมือนผมมีความสุขอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า ไม่อยากเอาเปรียบกัน ปากของผมไม่ได้เกิดมาทำท่านี้สักเท่าไหร่
ไอ้โชไม่พูดอะไร มันตามใจผมด้วยการหันกลับมาอยู่ในท่าปกติ ท่าที่เราจะมองหน้ากันและกันได้ แม้ในความมืด....
“ทำไมต้องบอกให้กูรอวะ มึงอ่ะเห็นแก่ตัว” อดไม่ได้ที่จะพลั่งพรูความในใจ
“ใครจะคิดว่ามึงจะรอเป็นสิบปีล่ะ”
“งั้นมึงหลอกกูว่าจะกลับมาใช่มั้ยไอ้เหี้ย” ถึงผมจะพูดหยาบ แต่ก็ไม่ได้ลงน้ำเสียงอะไรนะครับ เราต่างพูดเหมือนคนคุยกันธรรมดาๆ ผมไม่อยากสูญเสียบรรยากาศที่เราสร้างด้วยกันมาเมื่อครู่
“กูต้องมีครอบครัวปกติเหมือนคนอื่นเค้า มึงจะให้กูทำไงล่ะ”
คล้ายว่าจะหน่ายกับการต่อล้อต่อเถียง มันเลยประกบจูบดูดดื่มอีกครั้ง คราวนี้ผมเปิดปากให้มันใช้ลิ้นสอดเข้ามาชิมเอนไซม์ตัวเอง รสหวานซาบซ่าน มันซึมลึกเข้าไปในหัวใจ ผมมีความสุขเหลือเกิน มากที่สุดในรอบสิบปีที่อยู่อย่างขมขื่น ต่อให้ต่อจากนี้ไป ถ้าผมได้เป็นเมียเก็บมัน ผมก็ยินดี
“โช...” เสียงครางกระเส่าเมื่อโชมันรูดรั้งส่วนกลางลำตัวของผมขึ้นมา ส่วนแข็งชูชันและเหนอะหนะ ผมอ้าขาออกให้กว้างขึ้นอีก ช่วยโชด้วยการลูบน้ำตัวเองไปทางด้านหลัง เพื่อช่วยแทนสารหล่อลื่น
“ยอด....อืม” มันค่อยๆสอดสิ่งสำคัญนั้นเข้ามา ลึกขึ้นๆ
“โอย...” ยังไม่ถึงครึ่งทางเท่านั้น ผมก็ยันหน้าอกมันเพื่อบอกว่าไม่ไหว สิบปีแล้วไม่ได้ใช้จึงไม่แปลกที่มันจะเจ็บ
โชก้มลงดูดดุนยอดอกที่แข็งชันเพื่อผ่อนคลาย ผมเสียวมากขึ้น มันได้ใจก็เริ่มขบติ่งหู ..จุดอ่อนของผมที่มันจำได้ ช่วงจังหวะที่กำลังเคลิ้มและลืมเรื่องความเจ็บปวดไปแล้วนั้นเอง ไอ้โชก็ดันเข้ามาจนสุดลำ ผมเผลอส่งเสียง ร่างข้างบนจึงปิดปากฉับ โชค่อยๆขยับเอวเข้าออกไปพร้อมๆกับปิดปากผมด้วยปากมัน แต่เสียงครางก็ยังเล็ดรอดอยู่ดี
เสียงหนั่นเนื้อกระทบกันเข้ามาแทนที่ เมื่อมีน้ำหล่อลื่นที่มากขึ้น โชจึงเริ่มขยับเร็วกว่าเดิม ลึกกว่าเดิม ผมรู้สึกว่าตัวเองจะตายเสียตรงนี้ให้ได้ ความเสียวกระสันเต็มปริ่มจนล้นเอ่อ
โชเป็นคนเอาใจใส่กับคู่นอนของตัวเอง....มันแนบลำตัวผมกับมันให้ชิดกันเพื่อที่ส่วนนั้นของมันจะได้เสียดสีไปกับหน้าท้อง ผมคิดว่ามันชอบแบบนี้มากกว่าการใช้มือชักข้างหน้าไปกระแทกข้างหลังไป
“โช...อือ..อ๊า”
ร่างสูงขยับถี่ขึ้นจนผมหายใจไม่ทัน สุขสมระคนเหนื่อย ไอ้โชใกล้จะถึงแล้ว ผมก็เช่นเดียวกัน
“ยอด..”
โชเกร็งสุดตัว ปล่อยน้ำรักเข้ามาเต็มช่องทางด้านหลัง มันกัดปากตัวเองเพื่อที่จะไม่ส่งเสียงดัง แต่เสียงนั้นก็เร่งเร้าอารมณ์ผมให้แทบจะถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน
เราสองคนหายใจแรง...
ผมมีความสุขมาก สุขจนไม่อยากให้เวลาผ่านไปเลย ถ้าขอพรได้สักข้อ ผมก็จะขอให้เรามีกันและกันอยู่แบบนี้เรื่อยไป ไม่มีใครต้องมาทุกข์เพราะความรักอีก
ผมรักโช แล้วโชก็รักผม
เท่านี้ก็เพียงพอกับชีวิตของผมแล้ว
......
แต่ผม.....
.คิดผิด.
“ไม่ลายอดก่อนเหรอ” เสียงแพรวถามโชจากข้างนอก
เมื่อเช้าผมตื่นขึ้นมาเพื่อรับรู้ว่าโชกำลังจะกลับไป มันทำทีเหมือนเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา มันยิ้มแย้ม มันหัวเราะ มันมีความสุข....แต่ทั้งหมดนี้มันไม่ได้ทำให้ผม มันทำให้แพรว...คนที่เคียงข้างมันตลอดเวลา เหมือนผมเฝ้ามองจากที่ไกลแสนไกล ทั้งๆที่ผมก็อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน
...ใช่สิ
กูมันส่วนเกิน
“ยอดเว้ย!”
โชเรียกให้ผมตื่นจากภวังค์ ผมเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นใบหน้าของผู้ชายที่ผมรักมากที่สุดกำลังโบกมือเรียกสติผม
“กูไปแล้วนะ” สายตาของมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่...มีความสุข
“มึงไม่พูดเหรอ” ผมทวงสิ่งที่ดีที่สุดแล้วออกไป
“หืม?”
“บอกสิว่าจะกลับมาอีก บอกสิว่าให้กูรอ” จู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมา ที่จริงมันควรจะไหลตั้งนานแล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมอัดอั้นมานานจนแทบกลายเป็นคนบ้า
“ถ้ากูพูด มึงก็จะรออีกงั้นสิ? จะอีกร้อยปีมึงก็รองั้นสิ?”
ผมพยักหน้าแทนคำตอบ เพราะมันตันอยู่ในอก หยาดน้ำตายังคงไหลไม่หยุด
โชจับไหล่ผม ถ่ายทอดความอบอุ่น....สิ่งที่ส่งมาไม่ถึงผมเลยสักนิด
“ยอด.....มึงตายไปแล้วนะ”
“กูรู้...”
กูมันก็แค่ของตายของมึง
เพราะฉะนั้น.....
ก็ให้กูรอต่อไปเถอะนะ....
-Fin-