เป็นเรื่องที่เหมาะแก่การอ่านคั่นเวลา
ไม่เค้นอารมณ์มาก
อ่านไปเรื่อยๆมาเรียงๆฟังเพลงกันค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=flK2tqusitkChrisette Michele - Epiphany (I'm Leaving)
(ใส่ไม่เป็น555)
...............................................................................
เหนื่อยไหม?
ผมมีแฟนอยู่คนนึง เราคบกันมาก็ราวๆสามปีแล้ว เขาน่ารัก เรียบร้อย ออกจะหัวทึ่มอยู่บ้าง ซุ่มซ่ามหน่อยๆ แต่เขาก็นิสัยดี ผมเป็นฝ่ายจีบเขาก่อน เรื่องเจอกันผมไม่อยากเล่าหรอกนะ อันที่จริงผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เรากลับมาที่ปัจจุบันดีกว่า
ผมทำงานเป็นผู้ช่วยฝ่ายบริหารของบริษัทแห่งหนึ่ง ผมทำงานดี เจ้านายรัก และด้วยความรักนี้เองที่มักทำให้ผมได้สังสรรค์บ่อยๆ การได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา ทำให้ผมมีความสุขมาก ได้เหล้าชั้นดี ไวน์รสเยี่ยม และแน่นอนว่าคนธรรมดาๆอย่างผมมีหรือจะไม่นอกใจ....
“กลับมาแล้วคร้าบ” ผมก้มลงกอดชายผู้เป็นที่รัก คนตัวเล็กนั่งอยู่บนโซฟานิ่ง ไม่โต้ตอบอะไร จนผมนึกว่าตัวเองกอดหุ่นขี้ผึ้งอยู่นะเนี่ย
“กลับดึกอีกแล้วนะ” มือสีน้ำผึ้งจับมือของผมไว้แน่น ผมรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
“มีอะไรเหรอพี่ไม้” ผมหอมแก้มเนียน แล้วลงไปนั่งข้างๆกัน
“คุณเคเค้าโทรมาบอกว่าระโดดงาน” คุณเคคือเจ้านายผมเอง แต่นั่นมันไม่ช็อคเลยถ้าไม่ใช่เรื่องโดดงาน....
“ระไปทำอะไรมา?” เสียงเนือยๆของแฟนผมไม่แสดงถึงความโกรธ ความหึงหวงอะไรเลยสักนิด ฟังแล้วชวนง่วงมากกว่า ผมไม่อยากตอบคำถาม จึงเงียบเสีย บางทียิ่งแก้ตัวจะยิ่งทำให้เรื่องแย่
“คุณเคเค้ารักระมากนะ ถ้าระทำอะไรไม่ดี เค้าก็ตัดใจให้ออกไม่ลงหรอก ระโตแล้วนะ มีอะไรก็บอกพี่ ปรึกษากัน”
ผมไม่ชอบให้ใครมาสั่งสอน ผิดรู้ว่าผมผิด แต่ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรเกินขอบเขตและรู้จักควบคุมได้ ไม่อย่างนั้นคุณเคคงไล่ผมออกไปนานแล้ว
“นี่พี่ว่าผมเป็นเด็กเหรอ”
ผมถามเสียงเย็น แต่พี่ไม้กลับใช้เสียงเนือยๆชวนง่วงก็ยังคงว่าต่อ “ไม่ใช่สักหน่อย พี่แค่อยากให้เราคุยกันบ้าง ช่วงนี้ระไม่คุยกับพี่เลย กลับบ้านดึกทุกวัน คิดว่าพี่ไม่รู้เลยเหรอว่าระไปทำอะไรมา พี่ไม่ใช่ตอไม้นะ ที่ระมองไม่เห็นพี่น่ะ เราคบกัน เราควรจะคุยกันนะ”
“คุยแล้วไงล่ะ พี่ก็โยงไปเรื่องนี้จนได้”
พี่ไม้เงียบไป หน้าหมองลง
“พี่แค่อยากให้เราเข้าใจกัน พี่ว่าหลังๆนี้เราเหมือนไม่รู้จักกันเลย”
“เออใช่ ไม่รู้จักกันจริงๆนั่นแหละ วันก่อนพี่ซื้อแต่กับข้าวที่ผมไม่ชอบ พี่ใช้ให้ผมล้างจานทั้งๆที่ผมไม่ชอบ พี่ใช้ให้ทั้งขยะทั้งๆที่มันสกปรกจะตาย พี่ขอจะเลี้ยงหมาทั้งๆที่ผมแพ้หมาอ่ะ สามปีมานี่ผมทนจะตายห่าอยู่แล้ว”
ไม่รู้ว่าความอัดอั้นตันใจมันมาจากไหน ความรู้สึกรักใคร่หายไปหมดสิ้น
“ระใจเย็นๆ ประเด็นของวันนี้คือวันนี้นะ วันนี้ที่ระโดดงานต่างหาก”
“ใช่แน่เหรอ!”
“ระเหมือนพูดเรื่องอื่นกลบเกลื่อนเรื่องวันนี้ .... ไอ้ต้นมันเป็นใครล่ะถ้างั้น มันโทรมาหาพี่บอกให้พี่เลิกกับระ เอากันกี่ครั้งแล้วล่ะ....” ผมกำหมัดแน่น เอาพูดแต่เรื่องบ้าๆด้วยน้ำเสียงไม่สนโลก ตกลงมึงสนกูจริงป่ะเนี่ย!
“ผมอยากนอน” ผมตัดบทแค่นั้น แล้วพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์คุกรุ่น กลัวว่าจะใช้กำลังกับคนที่รัก
..................................
เช้าวันต่อมา ผมแต่งตัวเสร็จก็ลงมาด้านล่าง ปกติพี่ไม้จะทำกับข้าวไว้ทุกวันแต่วันนี้คงไม่สินะ เมื่อลงมาแล้ว ก็เป็นอย่างที่คิด พี่ไม้ยังนอนหลับอยู่บนโซฟา ไม่มีผ้าห่มสักผืน นอนขดตัวเหมือนกุ้ง ดูๆไปแล้วก็น่ารักดี ถ้าหากเมื่อคืนเราไม่ทะเลาะกัน
ผมสตาร์ทรถ ขณะที่จะเข้าไปนั่งนั่นเอง เสียงหนึ่งก็บาดหูผม
“เราเลิกกันเถอะ”
ไม่รู้เพราะสิ่งใดมาดลใจ ผมไม่คิดอะไรเลยนอกจากพูดว่า “ตามใจ”
...................
เย็นวันนั้นผมสำมะเลเทเมาอยู่ในผับแห่งหนึ่ง ไม่ใช่ว่าผมเฮิร์ทอะไรหรอกนะ ก็แค่ยังไม่อยากกลับบ้าน ผมย้ายมาอยู่กับเขาตั้งแต่ปีที่แล้ว ขายคอนโด ขายทุกอย่างมาอยู่บ้านเขา ดังนั้นถ้าจะบากหน้ากลับไปเอาข้าวของคงต้องใช้เวลาหน่อย อันที่จริงผมก็ไม่อยากเลิกหรอก ใครจะอยากเลิกล่ะจริงมั้ย คนเราคบกันมาตั้งนาน มีช่วงเวลาดีๆด้วยกัน แต่ผมยอมรับว่าพี่เขาคงทนไม่ได้จริงๆ ผมบ่นกระปอดกระแปด พูดกับตัวเองเหมือนคนบ้าว่าผมมันเลวเองซ้ำๆอยู่ในผับ
สุดท้ายผมก็ได้ผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งกลับมา
ตื่นมาด้วยความมึน ผมลุกจากเตียงเพราะกลิ่นหอมของข้าวต้ม ในห้องเช่าเล็กๆ แค่มองไปก็เจอคนๆนั้นโดยไม่ต้องหา ชายร่างเล็ก ผิวสีแทน ผมยาวระคอกำลังตักข้าวต้มใส่ถ้วย
“นายกินสิ”
“ขอบใจ”
ผมนั่งกินข้าวเงียบๆ ฟังแต่เขาคุย ซึ่งมีแต่เรื่องตลกๆ เรื่องน่าสนใจทั้งนั้น ดูเหมือนเราจะชอบอะไรเหมือนๆกัน เขาชื่อบี เป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิด หน้าตาดี นิสัยก็ดี น่ารักว่ะ...
เราแลกเบอร์โทรกันในเช้าวันนั้น ก่อนผมกลับมาที่บ้าน ในวันนี้ผมไม่ต้องไปทำงาน ดังนั้นผมจะจัดการเอาข้าวของไปไว้ที่บ้านบีเสียให้หมด
รถหรูเหยียบล้านจอดเทียบท่าในโรงจอดรถ เช้าที่แสนจะสดใส ผมสูดอากาศดีๆเข้าเต็มปอด เดินชมดอกกล้วยไม้ที่อดีตแฟนผมปลูกบานสะพรั่ง เสียงน้ำไหลอยู่หลังบ้าน ผมจึงเดินไปหาเสียงนั้น
คนตัวเล็กใบหน้าสวย หาได้ยากยิ่งในเมืองไทย ผมเข้าไปกอด
“มาเก็บของ” ในใจผมแอบคิดนะว่าเขาควรจะให้อภัยผม
ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก....
“ไปช่วยผมเก็บหน่อยสิ” เท่านั้นร่างเล็กจึงขยับ พี่ไม้ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามามองผม มือเล็กที่สั่นนิดๆเหมือนจะข่มความรู้สึก ผมเบือนหน้าไปทางอื่นจะได้ไม่ต้องนึกสงสารเขา
เมื่อผมขนกระเป๋าเข้าในรถเรียบร้อย พี่ไม้ยังไม่มีทีท่าจะไป ผมจึงยกมือไหว้ แต่ดวงตาคู่สวยที่เหม่อลอยนั้นไม่สนใจผมเลย
“พี่”
หยาดน้ำใสไหลจากตา พี่ไม้ก้มหน้าหลบ หยดน้ำตาจึงหยดลงพื้น ผมมองมันด้วยความปวดร้าว สงสารเขามาก
“เรายังเป็นพี่น้องกันนะ” พูดจบก็วิ่งเข้าบ้านไป
ผมก้าวขาไปหาเขาไปได้เลยจริงๆ ผมว่าผมเจอคนที่ดีกว่าแล้ว คนที่สดใสร่าเริงไม่น่าเบื่อเหมือนพี่ไม้
............................
ผมกับบีเข้ากันได้ดี บีร่าเริง พูดเก่งมาก (ย้ำว่ามาก) ผมที่ไม่ค่อยจะชินกับการฟังคนใกล้ตัวพูดกับตัวเองตลอดเวลาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้หยุด ก็คงต้องปล่อยให้เขาพูดต่อไปละเนอะ แต่การพูดนี่มันดีอย่างนึงนะ คือเราได้รู้อะไรจากเค้ามากขึ้น และรู้ว่าเราชอบเขามากขึ้นแค่ไหน ผมไม่เคยเบื่อเลยที่ฟังบีพร่ำเพ้อต่างๆนานา เห็นเขามีความสุข ใบหน้าแจ่มใส ไม่อมทุกข์เหมือนคนเก่าก็ดีแค่ไหนและ
แต่บีมีข้อเสียอยู่อย่างคือ เขาค่อนข้างฟุ่มเฟือย พอรู้ว่าผมมีเงินหน่อยก็อ้อนนู่นอ้อนนี่ ไอ้ผมจะให้เท่าไหร่ก็ได้ ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก แต่ทำไมไม่เหมือนคนอื่นๆเลยน้าที่เขาประหยัดกันน่ะ อย่างพี่ไม้ยังประหยัดจะตายทั้งๆที่ตัวเองรวยกันทั้งบ้าน
“ระว่าเราย้ายบ้านกันมั้ย ไปหาห้องที่ใหญ่กว่านี้ ห้องนี้มันโคตรเล็กเลยอ่ะ อึดอัดมาก” บีเข้ามาหนุนตักผม ใบหน้าที่แสนร่าเริงตั้งใจจ้องแต่หนังสือนิยาย
“แล้วหาได้ยัง ลองไปหามาสิ เดี๋ยวดูราคาก่อน”
“จริงเหรอ !! ขอบคุณมากคร้าบ”
.............
เวลาเปลี่ยน ....ใจคนก็เปลี่ยน
..............
คอนโดราคาเหยียบล้านที่ผมซื้อมา ค่อนข้างดีทีเดียว จริงๆแล้วบีเป็นคนเลือกอ่ะนะ เราอยู่ด้วยกันตอนนี้ก็สามเดือนแล้ว บอกตรงๆว่าผมเสียดายเงินที่ซื้อคอนโด เพราะมาคิดดูอีกที มีหลายอย่างที่เราไม่เหมือนกัน ผมคิดว่าเราไม่น่าจะไปกันรอด จะหาว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้นะ แต่ตอนนี้ผมเจอคนที่น่ารักกว่าบีอีกคน เราคุยกันผ่านโปรแกรมแชทในมือถือทุกวัน ซึ่งบีไม่ได้สนใจ ผมว่าเขาสนใจแต่เรื่องของตัวเองว่ะ จะชอบทำดีก็ต่อเมื่อเราซื้อของให้ ขี้อ้อนเป็นที่หนึ่ง ไม่รู้ว่าตอนแรกผมไม่รำคาญได้ยังไงนะ สู้คนนี้ก็ไม่ได้ เขาชื่อนัท หน้าตาดีมาก ขาวใส เหมือนหนุ่มเกาหลี ผมเข้าใจเลยว่าทำไมสาวๆถึงชอบหนุ่มเกาหลีกัน แบบว่าน่ากอด น่ากินตลอดเวลาที่เห็นจากรูปดิสเพลย์
“พี่ไม้ว่าน่ารักป่ะ” ผมยื่นโทรศัพท์ให้พี่ไม้ดู เขาพยักหน้าเล็กน้อยเป็นอันว่าเห็นด้วย แล้วผมก็กลับมาแชทต่อ
คงสงสัยล่ะสิว่ามาบ้านพี่ไม้ทำไม ก็แหม คนเคยรักกัน พอดีผ่านมาทางนี้จึงเข้ามาเยี่ยม ปรากฏว่าพี่ไม้ก็ยังคงอยู่บ้านไป ไม่เห็นจะทำอะไร ไม่ออกไปเที่ยว
“ไม่เหงาเหรอ”
คนน่ารักส่ายหน้า
“แฟนระเขาจะไม่หึงเอาเหรอ มาหาแฟนเก่าเนี่ย”
“ไม่หรอก ผมว่าจะเลิกกับเขาอยู่พอดี”
“ทำไมล่ะ?” สีหน้าสงสัยเด่นชัด ผมจึงต้องตอบอย่างขัดมิได้
“ก็ไงล่ะ แบบว่าบีอ่ะมันพูดมาก น่ารำคาญจะตาย ใช้เงินฟุ่มเฟือยด้วย เนี่ยผมเพิ่งซื้อคอนโดใหม่ แต่ดีนะกันไว้ก่อนไม่โอนเป็นชื่อมันน่ะ จริงๆผมก็ไม่อยากเลิกหรอก แต่คนมันไม่รักแล้วนี่นา ถ้ายื้อต่อไปเดี๋ยวมันจะเจ็บทั้งคู่”
“ก็เลยปล่อยให้เขาเจ็บคนเดียวสินะ”
“หา พี่ว่าอะไรนะ พูดเบาเหมือนเดิมเล้ยพี่เนี่ย”
“เปล่าหรอก”
“เอ้อ ! ก็นี่ไง ผมเจอคนใหม่ที่ให้ดูรูปเมื่อกี๊นี้น่ะ น่ารักเนอะ น่ารักมาก อยากเห็นตัวจริงมากเลย แต่น้องเขายังเรียนอยู่เชียงใหม่ ต้องรอปิดเทอมแล้วจะมากรุงเทพ”
แล้วจู่ๆพี่ไม้ก็หัวเราะ หัวเราะแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเราะจนน้ำตาไหลเลย ผมนี่สิที่งงเป็นไก่ตาแตก มีเรื่องตลกอะไรวะ ...
“พี่ว่าระน่ะพูดมากเหมือนแฟนระเลยนะ สงสัยอยู่กับใครมากจะเป็นแบบนั้น อย่างที่เขาว่านั่นแหละ”
“อ๋อ ฮ่าๆๆๆ”
“ตอนอยู่กับพี่อ่ะ พี่มันน่าเบื่อใช่มั้ยล่ะ ระก็เลยอมทุกข์ตลอดเลย เดี๋ยวถ้าระลองคบกับน้องหน้าขาวนี่ อาจจะนิสัยเป็นอย่างอื่นก็ได้นะ เช่นแอ๊บแบ๊ว สาวแตกไรเงี้ย”
“โหพี่ไม้ พี่แม่งก็พูดเว่อร์เกิ๊น น้องเขาไม่สาวหรอกเชื่อดิ”
........
เสียงครวญครางที่ผมคุ้นเคยดีดังมาจากห้องนอน ไม่ต้องอธิบายบ้าบออะไรมากหรอกนะ ผมรีบเปิดประตูห้องทันที!!
“ไอ้บี!”
ไอ้บีแม่งกำลังนอนกับผู้ชายสองคน กำลังเมามันส์เลยนะมึง
“สามคนกันเลยเหรอพวกชั่ว ออกไปจากห้องกูเดี๋ยวนี้!!”
ด้วยเสียงที่ทรงอำนาจ ทำให้ไม่มีใครกล้าต่อกร ถึงแม้ผมจะเห็นว่าตาของพวกมันโมโหเช่นกัน
“ระ บีขอโทษนะ” ไอ้บีมาเกาะแขนเกาะขาเหมือนปลิง ผมตบหน้าไปหนึ่งทีจนมันล้มคว่ำ หนอยทีนี้ทำอ่อนแอ
“เก็บข้าวของของมึงออกไป อย่าให้กูเห็นหน้าอีก หนอย กูประเคนทุกอย่างให้ก็ยังทำกับกูได้ลงคอ”
ร่างเล็กลุกขึ้นแล้วเข้ามาทุบผมไม่ยั้ง หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งผมก็สู้กลับด้วยการผลักออกและเตะบ้าง ต่อยบ้าง
“มึงคิดว่ากูไม่รู้เหรอว่ามึงมีกิ๊กน่ะ ! คิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าเหรอ ตัวเองถูกตลอดเลยสิ คนอย่างมึงไม่มีใครรักมึงจริงหรอก ขนาดแฟนเก่าที่เขาดีหนักหนาที่มึงเล่าให้กูฟังทุกวันเขายังทิ้งมึงเลย โถ ไอ้คนน่าสมเพช!” ร่างเล็กที่สะบักสะบอมวิ่งขลุกขลักออกไปด้วยเสื้อผ้าหลุดลุ่ย
ผมโมโหสุดขีด ฟาดข้าวของที่มันขวางหูขวางตาออกไปให้หมด แม่ง อยากจะร้องไห้มันก็ไม่นึกร้อง มันอัดอั้นอยู่ในอกที่ผมถูกนอกใจ ได้แต่ระบายทางอารมณ์ที่รุนแรงแทน
ที่ไอ้บีมันพูดมา ผมจุกมาก มันมาด่าผมได้ยังไง มันรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นพระเจ้า ถ้าผมเป็นพระเจ้าจริงจะถูกมันหักอกเหรอ!
ปกติเวลาที่ผมโกรธแบบนี้ผมต้องหาคนระบายสักคน คนที่จะปลอบผม เข้าใจผมอย่างไม่สงสัยอะไร ผมนึกออกแค่คนๆเดียวเท่านั้น....
“พี่ไม้!! เปิดประตูหน่อย” ผมตะโกนเรียกลั่นบ้าน ผมไม่สนใจว่าใครหน้าไหนจะด่าจะว่า ขอแค่พี่ไม้ออกมาหาผม ออกมาปลอบผม
“พี่ไม้!!!” ผมเขย่ารั้วอย่างแรง จนกระทั่งเห็นร่างสูงของใครบางคนที่ไม่ใช่เมียเก่าผม!
“คุณครับ ใจเย็นๆครับ” ไอ้หล่อหน้าเข้ม ดูยังเด็กมากกว่าผม มันเดินเข้ามาเปิดประตูให้ ผมจ้องมันไม่วางตา ใคร...มันคือใคร...
“พี่ไม้อยู่ไหน”
“ในบ้านครับ เชิญเข้าบ้านก่อนครับ”
“มึงเป็นอะไรกับพี่ไม้”
มันชะงักไปนิด แต่ก็ยังไม่ยอมตอบ ไอ้เด็กเวรเดินนำหน้าผมเหมือนมันเป็นเจ้าบ้าน นั่นยิ่งทำให้ผมโมโหมากขึ้นไปอีก
พอผมเดินเข้าไปในบ้านก็ไม่เจอพี่ไม้ เด็กนั่นไม่พูดอะไร แต่นำผมขึ้นไปบนบ้าน ...จะให้คิดอะไรได้อีกวะ!
“แม่งเอ๊ย! มึงเป็นผัวใหม่เมียกูเหรอวะ” ผมกระชากไหล่มันอย่างแรง ผลักมันอีกที หน้ามันเสียไปเหมือนกัน มันไม่มีท่าทีจะโต้ตอบ ผมเลยได้ใจ คิดว่ามันกลัว เลยต่อยมันไปอีกหมัด
“เชี่ย! ฟังก่อนสิคุณ พี่ไม้อยู่ในห้อง ไม่สบาย”
อย่านึกว่ากูจะเชื่อ
“แล้วมึงเป็นใคร”
“น้อง” แม่งตอบห้วน กวนตีนชะมัด
“น้องท้องติดกันล่ะสิ มึงเปิดห้องเลย กูจะดูว่าใช่แน่มั้ย มึงหลอกกูไม่ได้หรอก” เด็กเวรเปิดประตูห้องนอนที่เคยเป็นของผม
....ผมถึงกับผงะ
ทำไมร่างโปร่งบางนั้นดูราวกับจะจมหายไปกับที่นอน.....มันดูผิดปกติ
พี่ไม้นอนหลับตา หายใจแผ่วเบา...ผมก้าวเท้าไปหาอย่างเงียบๆ ลืมสิ้นว่าโกรธใคร โกรธอะไรมาบ้าง พี่ไม้ค่อยๆลืมตา เมื่อผมสัมผัสฝ่ามือร้อนจัดนั้น
“พี่เป็นอะไร”
“ก็ไข้ธรรมดาเนี่ยแหละ แต่ไม่หายสักที ผมพาเค้าไปหาหมอแล้วนะ แต่มาไข้กลับวันนี้ พรุ่งนี้ถ้าไม่ดีขึ้น ก็จะพาไปอีก” เสียงไอ้เด็กจอมแส่แทรกขึ้นมา
“มาหาพี่มีอะไรหรือเปล่า” พี่ไม้พูดแผ่วเบา
“จะให้มีอะไรล่ะ เรื่องเดิมๆ ....แต่พี่ไม่สบายทำไมไม่บอกผม ให้คนอื่นมาดูแลได้ยังไง” ผมแอบจิกกัดไอ้คนที่ยืนหัวโด่อยู่ข้างหลัง
“ธันว์ก็เป็นน้องพี่เหมือนกับระนั่นแหละ อีกอย่าง...พี่ไม่กล้ารบกวนระหรอก”
ผมถอนหายใจกับความใจแข็งไม่เข้าท่าของพี่ไม้
“งั้นเดี๋ยววันนี้ผมดูพี่เอง ให้มัน เอ้ย! น้องเค้ากลับไปก่อน” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ไอ้เด็กนี่เข้าใจสถานการณ์จึงออกไปแต่โดยดี
...
นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่ได้ดูแลพี่แบบนี้.....เช็ดตัว ป้อนยา แม้กระทั่งพยุงไปปลดทุกข์
ผมพยายามยิ้มให้กำลังใจคนป่วย และเลือกที่จะเล่าเรื่องที่ตัวเองประสบพบเจอมาให้เป็นโทนเรื่องตลก ยอมรับในสิ่งที่บีมันทำ ...ก็แหงล่ะ ผมมีเด็กเหนือมาดามใจแล้วนี่
แต่สิ่งที่ผมแอบผิดหวังหรือจะเรียกว่าอะไรดี....น้อยใจ
คือพี่ไม้ไม่ยอมยิ้มเลย ไม่แม้แต่มองกันตรงๆ เวลาเขาต้องการอะไร ก็จะแค่พูดเบาๆราวกับกระซิบ
“ดึกแล้ว ระไปนอนเถอะ”
“ขอนอนกับพี่ได้หรือเปล่า นี่ก็ห้องผมนะ” ผมพูดทะเล้น
“แค่เคย...”
ผมหุบยิ้มฉับ แต่ผมมันพวกดื้อด้าน ไม่สะท้านกับเรื่องแค่นี้หรอก
“แรงขึ้นนะเรา” หยิกแก้มนิ่มๆ ของเขาไปทีนึง แล้วปิดไฟ ล้มตัวลงนอนข้างๆกัน ไม่รู้คนน่ารักจะงอนอะไรนักหนา พลิกตัวหนีผมไปซะงั้น
ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะคิดว่าคงเป็นอารมณ์ของคนไม่สบาย ไม่นานผมจึงเคลิ้มหลับไป