[เรื่องสั้น] เมื่อนักดาราศาสตร์โคจรมาพบกับดาวพฤหัสบดี จบ +special 2/1 (1/6/18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] เมื่อนักดาราศาสตร์โคจรมาพบกับดาวพฤหัสบดี จบ +special 2/1 (1/6/18)  (อ่าน 5845 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mocc1007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :m20:ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

================================================



เมื่อนักดาราศาสตร์โคจรมาพบกับดาวพฤหัสบดี

(ห้าตอนจบ)














เรื่องสั้นเรื่องอื่นๆ
พี่ครับ...ผมสงสัย
Loop of Déjà vu


           
         
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2018 15:58:50 โดย Mocc1007 »

ออฟไลน์ Mocc1007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
           หากเปรียบชีวิตผมเหมือนดาวดวงหนึ่งบนท้องฟ้า บรรดาผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคงเป็นเหมือนดาวน้อยใหญ่ที่โคจรอยู่รอบๆ บางดวงอาจจะโคจรวนเวียนพบเจอกันประจำ บางดวงอาจจะนานๆ ทีจึงจะโคจรมาพบกัน บางดวงอาจจะเข้ามาเพราะมีแรงจากดวงอาทิตย์ช่วยดึงมา บางดวงอาจจะแค่เพียงหลงเข้ามา บางดวงอาจจะเข้ามาด้วยเหตุผลแปลกๆ หรือบางดวงอาจจะเข้าแบบตั้งใจเพื่อจะมาดึงดูกัน แต่อาจมาด้วยพลังงานที่มากเกินไป เราอาจได้โคจรรอบกันก็จริง สุดท้ายแล้วเพราะพลังงานนั้นมากเกินจะดึงเราทั้งคู่ไว้ ไม่นานเราสองคนก็จะต้องหลุดวงโคจรของกันไป มันอาจจะทำให้วีถีโคจรผมเปลี่ยนไป แต่สุดท้ายชีวิตก็คือชีวิต ยังคงต้องโคจรตามวีถีต่อไป


          ตอนที่ 1 วงโคจร


          “เอาหล่ะครับนักศึกษา วันนี้พอแค่นี้ก่อน อย่าลืมว่าคาบหน้าเรามีควิซกันเรื่องดาวพฤหัสบดี อย่าลืมอ่านมาดีๆ” ผมสั่งเหล่านักศึกษาที่ตอนนี้กำลังเก็บชองเตรียมจะออกจากห้องเล็กเชอร์

          หลังจากทุกคนออกจากห้องไปแล้วผมถึงได้ล้วงหยิบมือถือออกมาดูว่าใครโทรมา ผมรู้สึกได้ถึงการสั่นของมันตอนก่อนจะหมดเวลาสามสิบนาที แต่ตอนนั้นกำลังสอนอยู่ ผมไม่ควรรับโทรศับมือถือระหว่างสอนเพราะผมถือว่าเป็นการให้เกียรติผู้เรียนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเรียนถึงกับต้องถ่างตาไว้เพื่อไม่ให้หลับไหลไปตามห้วงอวกาศอันไกลโพ้น

          ผมมองดูรายชื่อแล้วก็ต้องแปลกใจนิดๆ เพราะมันเป็นชื่อของเพื่อนผมที่เคยเรียนที่อังกฤษด้วยกัน เราเพิ่งเจอกันเมื่อวันก่อน มันคงต้องมีธุระอะไรแน่ๆ

          “ฮัลโหลคิด กว่าจะโทรกลับได้นะ” มันทักผมทันทีที่รับสาย

          “โทษที เมื่อกี้สอนอยู่หน่ะ มีธุระอะไรหรือเปล่า” ผมถาม

          “อ้อใช่ มึงจำที่เราคุยเรื่องรุ่นน้องกูเมื่อวันก่อนได้ไหม ที่เป็นช่างภาพอะ ที่เล่าให้ฟังว่ามันสนใจถ่ายรูปดาวอะ”

          ช่างภาพหรอ... ช่างภาพไหนวะ “อ่อจำได้สิ ทำไม” ผมตอบไปก่อนครับ ถึงจะจำไม่ได้แต่มันก็เล่ามาแล้วว่าเป็นใคร ฮาๆ

          “อาฮะ นั่นแหละ คือมันอยากให้มึงช่วยเป็นคนแนะนำเรื่องการถ่ายภาพ ประมาณว่าดาวดวงนี้ควรถ่ายช่วงไหน” มันพูดรายละเอียด ผมกับมันเรียนที่เดียวกันแต่คนละเรื่องครับ มันเรียนไบโอเคม ผมเรียนเอสโตรฟิสิกส์ พวกเราเพิ่งจะจบมาเมื่อสี่เดือนก่อนตอนนี้กำลังทำงานใช้ทุนอยู่

          “อ๋อ ได้สิ แล้วเขาจะติดต่อมาอะไรยังไง” ถ้าแค่เรื่องแนะนำเวลาก็คงได้

          “กูบอกให้เขาไปหามึงละ เดี๋ยวสักพักคงจะเข้าไป”

          “งั้นบอกเขาว่ากูจะรอที่ห้องพักอาจารย์นะ” ผมว่าแค่นั้นก่อนจะวางสายแล้วเก็บของใส่เป้สะพายหลัง ตอนนี้บ่ายสามแล้ว ผมคิดว่าเขาน่าจะมาตอนเย็นๆ

          ผมคิดได้ดังนั้นจึงเดินลงไปหากาแฟที่โรงอาหารของคณะกินแก้ง่วง เมื่อคืนเตรียมสอนจนตีหนึ่ง แถมยังบวกกับนอนไม่หลับอีกด้วย สอนในคาบวันนี้ก็เกือบหลับไปพร้อมนักศึกษาแล้ว แต่ไม่ได้ครับผมจะหลับให้เหล่าลูกศิษย์เห็นไม่ได้

          ระหว่างที่นั่งกินกาแฟผมก็เอาแลปท็อปออกมาเปิดดูพิกัดของดาวเคราะห์ที่สามารมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าช่วงนี้ไปด้วย นายคนนี้ถือว่าโชคดีที่คิดจะถ่ายภาพดาวเคราะห์ตอนนี้ เพราะไม่มีดวงไหนที่อยู่หลังดวงอาทิตย์หรืออยู่ไกล้ดวงอาทิตย์เลย จะมีก็แต่บางดวงที่อยู่ไกล้ดวงจันท์ แต่ก็รอให้ถึงข้างแรมได้เพราะอีกไม่กี่วันก็เป็นวันเดือนดับแล้ว แถมช่วงนี้ยังเป็นช่วงไม่มีพายุเข้า คิดว่าท้องฟ้าน่าจะเป็นใจเปิดให้เขาได้ถายภาพสมใจ

          เขาโชคดีกว่าผมนัก พูดไปแล้วก็ต้องปาดนน้ำตาครับ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมต้องทำรายงานเกี่ยวกับดาวเคราะซึ่งอาจารย์ให้จับสลากว่าใครจะได้ดาวเคราะห์ดวงไหน ซึ่งปรากฎว่าดวงที่ผมได้คือได้ดาวเสาร์ สิ่งที่ผมบอกว่าโชคร้ายนั้นคือ ตอนนั้นดาวเสาร์มีมุมอีลองเกชั่นห่างจากดวงอาทิตย์แค่สามสิบองศา แถมยังเป็นทางตะวันตกด้วย นั่นหมายความว่าดาวเสาร์จะขึ้นก่อนดวงอาทิตย์แค่สองชั่วโมง มันจึงทำให้ผมต้องตื่นตีสี่เกือบทุกวันเพื่อมาส่องกล้องบันทึกผล ซึ่งผมมีเวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำถ้าหากหักเอาเวลาที่ดาวเสาร์จะขึ้นจากขอบฟ้า(ผมต้องเฟ้นหาที่ที่มีขอบฟ้าต่ำที่สุด) และหักเอาเวลาที่แสงจากดวงอาทิตย์รบกวนจนทำงานไม่ได้แล้วออก และบวกกับช่วงนั้นมีข่าวพายุจะเข้าด้วยผมต้องมานั่งลุ้นอีกว่าฟ้าจะปิดไหม นับว่าเป็นการทำงานหนึ่งสัปดาห์ที่อึดอัดที่สุดก็ว่าได้         

          หลังจากเช็คพิกัดดาวและลองคำนวนเวลาดูสักนิดเสร็จ มองแล้วเวลาตอนนี้สี่โมงผมคิดว่ารุ่นน้องของเพื่อนผมน่าจะมาแล้วเลยรีบเดินขึ้นไปรอที่ห้องพักอาจารย์ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เดินถึงประตูห้องพักก็สังเกตุเห็นร่างหนึ่งกำลังด้อมๆ มองๆ ผ่านกระจกหน้าห้องอยู่

          “เอ่อ ขอโทษนะครับ นักศึกษาหรือเปล่า ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรทำไมถึงได้มาทำลับๆ ล่ออยู่หน้าห้องพักอาจารย์แบบนี้” ผมทักออกไป ตอนแรกผมคิดว่าเป็นพวกนักศึกษาปีสี่มาพบอาจารย์ที่ปรึกษา แต่พอดูดีๆ แล้วคงไม่ใช่เพราะเขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนขาดๆ ที่คอสะพายกล้องตัวใหญ่ ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนที่จะมาเจอผมมากกว่า

          ชายคนนั้นหันขวับมาอย่างรวดเร็วก่อนจะตอบผม “คือผมจะมาพบอาจารย์คิดหน่ะครับ ผมให้รุ่นพี่นัดให้เลยไม่มีเบอร์ติดต่อครับ”

          ใช่จริงๆ ด้วย “ผมเนี่ยแหละครับอาจารย์คิด”

          “อ้าว สวัสดีครับอาจารย์” เขายกมือไหว้ผมก่อนจะพูดต่อ “ผมจูปีเตอร์ครับ เรียกเตอร์ก็ได้ เป็นช่างภาพอิสระ” ทำไมชื่ออลังการยังวะ ผมฟังคุณเตอร์แนะนำตัวแล้วมองสำรวจดูเขา เขาตัวเท่าๆ กับผม ผิวสีน้ำผึ้งที่กร้านแดดนิดๆ ทำให้ขับใบหน้าคมให้ดูมีเสน่ห์ เสริมกับกล้องที่ห้อยคอเขาอยู่ตอนนี้ยิ่งทำให้เขาดูน่าเข้าห้า

          “สวัสดีครับ ผมชาคริต เรียกพี่คิดก็ได้นะ อายุเราคงไม่ห่างกันมาก” ผมว่า “งั้นเชิญคุณเตอร์เข้าไปข้างในก่อนครับ”

          “ครับพี่คิด”

          ผมเดินนำคุณเตอร์เข้ามาในห้อง เชิญเขานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะผม ตอนนี้ในห้องพักอาจาร์เงียบเชียบไม่มีใครอยู่เลย แต่เดี๋ยวนะผมเพิ่งนึกอะไรออก ผมลืมไปเลยว่าผมต้องตรวจรายงานของนักศึกษาที่กองอยู่บนโต๊ะตอนนี้ บ้าจริงต้องบอกคะแนนพรุ่งนี้แล้ว คงต้องหอบกลับบ้านไปตรวจคืนนี้ ผมเลื่อนออกรายงานออกไปไว้ข้างก่อนจะหยิบกระดาษเปล่าขึ้นมาเตรียมเขียนรายละเอียดวันเวลาที่ควรถ่ายภาพให้คุณเตอร์

          “รุ่นพี่คุณบอกว่าคุณอยากถ่ายภาพดาวเคราะห์” ผมถาม

          “ใช่ครับ พอดีตอนนี้ผมกำลังเขียนหนังสือภาพอยู่ เป็นภาพเกียวกับวิยาศาสตร์หน่ะครับ แล้วนำเอาความหมายของภาพเหล่านั้นมาผูกกับเรื่องเล่าอีกที ผมเห็นภาพดาวเคราะของพี่คนหนึ่งแล้วผมเกิดสนใจขึ้นมาครับ” เขาสาธยายให้ผมพยักหน้าเข้าใจ “ทีนี้ผมก็เลยอยากได้ภาพดวงดาว ผมเห็นคนถ่ายรูปท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวมาเยอะแต่ไม่ค่อยเห็นคนถ่ายภาพดาวเดี่ยวๆ สักที ผมเลยคิดว่ามันน่าสนใจ”

          “ที่เขาไม่ถ่ายกันเพราะมันยากไงครับ คุณต้องใช้กล้องโทรทรรศน์ที่มีกำลังขยายดีพอควรถึงจะถ่ายออกมาให้ภาพคมสวยได้”

          “อ่าวอย่างนั่นหรอครับ ผมเข้าใจว่าแค่ตั้งกล้องแล้วก็ใช้เลนส์ซูมดีๆ สักตัว” หน้าคุณเตอร์ดูหงอยๆ ลงไปนิด

          “แบบนั้นก็ได้ครับ” สีหน้าเข้าดูมีความหวังขึ้นมา “แต่คุณก็จะได้ภาพมาแค่เป็นจุด”

          “อ่าว” คราวนี้หงอยไปจริงๆ เลยครับ

          “แต่ผมมีกล้องแบบนี่คุณต้องการนะ ถ้าคุณอยากถ่ายจริงๆ ผมจะให้ยืมก็ได้” ผมเสนอ เห็นหน้าเขาแล้วผมสงสารครับ

          “จริงหรอครับ” คุณเตอร์ตาลุกวาวขึ้นมาทันที

          “จริงสิ มันอาจจะใช้ยากหน่อย สำหรับคนที่ไม่เคยรู้เรื่องพิกัดท้องฟ้ามาก่อน แต่ผมคิดว่ามันคงไม่เกินความสามารถคุณ”

          “ผมจะพยายามศึกษาครับ”

          “เอาหล่ะ งั้นผมจะแนะนำเวลาสังเกตการณ์ให้คุณ” ผมว่า “ดาวเคราะที่สังเกตุได้ด้วยตาเปล่าและคนรู้จักกันมีทั้งหมดห้าดวงคือ พุธ ศุกร์ อังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ ซึ่งคุณโชคดีที่ช่วงนี้ไม่มีดวงไหนมีอุปสรรค์ในการถ่ายภาพเลย” ผมลงมือเขียนตามที่พูด “ดวงแรกคือดาวพุธ ดวงนี้อาจจะสังเกตหน่อยยากเพราะมันอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ คือความจริงมันไม่เคยห่างจากดวงอาทิตย์เกินสามสิบองศาหรอกเพราะมันอยู่ไกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด ถ้าจะถ่ายดวงนนี้ต้องถ่ายช่วงหลังดวงอาทิตย์ตกถึงหนึ่งทุ่ม หลังจากนั้นมันจะลับขอบฟ้าไปแล้ว”

          “ครับๆ” คุณเตอร์พยักหน้ารับอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ว่าเข้าใจจริงไหม

          “ดวงที่สองคือดาวศุกร์ ดวงนี้ก็เป็นดวงถัดจากดาวพุธ ถ้าจะถ่ายดวงนี้คุณต้องตื่นเช้าหน่อย มันจะขึ้นตอนตีสี่ คุณสามารถถ่ายได้จนถึงพระอาทิตย์ขึ้น” ผมเงิยหน้ามองคนที่ผมกำลังอธบายให้ฟัง “คุณเตอร์ครับ” ผมเรียก ตอนนี้เขากำลังจ้องโมเดลดาวพฤหัสบดีที่ตั้งอยู่บนโต๊ะผม

          “อ้อครับ ฟังอยู่ครับ ตีสี่ๆ” เขารีบหันหน้ามามองผม

          “ครับ ดวงต่อไปคือดาวอังคาร ดวงนี้อยู่ถัดจากโลกไป ช่วงนี้ดาวอังคารขึ้นตอนสองทุ่ม คุณสามารถถ่ายได้ตั้งแต่ตอนนี้ไปจนประมาณสี่ทุ่มเพราะหลังจากนี้ไปมุมมันจะอยู่สูงเกินไป ถ่ายยาก หรือถ้าถ่ายไม่ทันก็รอมันลงมาต่ำอีกรอบช่วงตีสี่ ถ่ายพร้อมดาวศุกร์เลย แต่อาจจะมีแสงอาทิตย์รบกวนบ้าง”

          ผมเงิยหน้ามองคุณเตอร์อีกครั้ง เขาจ้องโมเดลนั่นอีกแล้วครับ

          คุณเตอร์คงจะรู้สึกถึงความเงียบถึงได้หันกลับมามองผม “เอ่อ...” เขามองหน้าผมอย่างขอโทษ “ขอโทษทีครับ”

          “ดูเหมือนคุณสนใจโมเดลนี่นะครับ” ผมถาม

          “มันดูสวยดีครับ ดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผมชอบแถบสีส้มสลับสีอ่อนแก่ของมัน” คุณเตอร์พูดไปด้วยพลางยื่นมือไปหมุนโมเดล “มันชื่อดาวอะไรครับ”

          ...ห่ะ อย่าบอกนะว่าเขาไม่รู้จักดาวพฤหัส เขาไม่เคยถามพ่อแม่เลยหรือว่าชื่อตัวเองมาจากไหน

          “ดาวดวงนี้ชื่อจูปีเตอร์ครับ” ผมตอบ คุณเตอร์ตาโต

          “อะไรนะครับ จูปีเตอร์หรอ แต่ผมจำได้ว่าดาวดวงนี้เป็นดาวในระบบสุริยะนี่นาไม่ยักกะเคยได้ยินชื่อนี้ พี่คิดคงไม่ได้แกล้งผมใช่ไหม” ท่าจะจริงครับ

          “แล้วชื่อจูปีเตอร์ของคุณเตอร์เนี่ย ได้มาจากไหนครับ” ผมถามกลับ อันนี้สงสัยจริงๆ

          “แม่ผมบอกแค่ว่าเป็นชื่อเทพองค์หนึ่งของกรีก รู้สึกจะมีอีกชื่อแต่ผมจำไม่ได้ น่าจะขึ้นต้นด้วยตัวซอ.โซ่”

          “ซุส” ผมตอบให้ ต้องนวดขมับระบายอารมณ์นิดๆ ผมไม่รู้จะหงุดหงิดในความไม่รู้อะไรเลยของเขา หรือจะตลกในความซื่อของเขาดี

          “อ้อ ใช่เลยครับนั่นแหละ แต่แม่ผมไม่เห็นเคยบอกว่ามันเป็นชื่อของดาวในระบบสุริยะ”

          “ดาวดวงนี้เป็นดาวเคราะห์ดวงที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ ความจริงผมน่าจะบอกชื่อไทยคุณไปเลยดีกว่า ดาวดวงนี้ชื่อว่าดาวพฤหัสบดี” คุณเตอร์ตาโตอีกรอบ “ซึ่งเป็นดวงต่อไปที่ผมจะพูด ดาวดวงนี้จะขึ้นตอนเที่ยงคือกว่าๆ คุณสามารถถ่ายได้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปจนถึงตีสาม ด้วยเหตผลเดียวกับดาวอังคารคือหลังจากนั้นมุมมันจะสูงเกินไปจนสังเกตการณ์ยาก และดวงนี้รอให้ลงมาอีกรอบไม่ได้ด้วยเพราะดวงอาทิตย์จะขึ้นก่อน”

          “ผมเพิ่งรู้นะครับว่าชื่อผมมันหมายถึงดาวพฤหัสได้ด้วย” หน้าตาเขาดูตื่นเต้น

          “ดวงสุดท้ายคือดาวเสาร์” ผมพูดต่อ “ดาวเสาร์จะตกตอนสามทุ่ม ดังนั้นคุณสามารถถ่ายได้ตั้งแต่หลังพระอาทิตย์ตกจนถึงสามทุ่มครับ”

          “ครับ” คุณเตอร์พยักหน้ารับ

          ผมยื่นกระดาษที่เขียนรายละเอียดให้เขาอ่าน คุณเตอร์รับไปอ่านด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจังสักพักก่อนจะวางมันลง

          “พี่คิดครับ” เขาหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจังที่ฟังดูกังวลนิดๆ

          “ครับ” ผมเลิกคิ้ว

          “แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าดาวดวงไหนอยู่ตรงไหน”

          ผมตบหน้าผากตัวเอง เห้อ... ผมว่าชีวิตผมต่อจากนี้ต้องได้เจอกับคุณจูปีเตอร์นี่อีกนานแน่ๆ


JJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJ

สวัสดีนักอ่านท่านคนอีกครั้งครับ วันนี้มีเรื่องสั้นเรื่องใหม่มาให้อ่านกันอีกแล้ว
เรื่องนี้เกี่ยวกับดาราศาสตร์นะครับ อาจจะมีคำศัพท์เฉพาะบ้างแต่จะพยายามอธิยายให้เข้าใจกันแบบง่ายๆ

ยังไงก็ฝากติดตามและคอเม้นติชมเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
 :mew1: :impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2017 14:06:48 โดย Mocc1007 »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
จากที่คนขียนเกริ่นไว้ก่อนเริ่มบททำเอาเราคิดว่าเรื่องนี้ต้องจบด้วยการจากลาแน่ ๆ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เห็นด้วยกะเม้นท์ของคุณ sirin_chadada โทนเรื่องอาจจะหม่นๆ รออ่านต่อค่า  :ling2:

ออฟไลน์ Mocc1007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
          หาเปรียบความรักเหมือนหลุมดำที่ดูดเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ มัน การตามหาความรักสำหรับผมก็เหมือนตามหาหลุมดำเช่นกัน เพราะหลุมดำไม่สามารถมองเห็นได้ในย่านแสงที่ตามนุษย์มองเห็น และมันยังดูดกลืนเกือบทุกช่วงความยาวคลื่นจนแถบจะไม่เหลือให้ตรวจวัด เราสามารถทำได้เพียงอนุมานว่าบริเวณนี้มีหลุมดำ จากปรากฏการณ์แวดล้อมเท่านั้น เช่นการแผ่รังสีของกลุ่มก๊าซโดยรอบ วงโคจรที่ผิดปกติของวัตถุรอบตัวมัน หรือการบิดโค้งของสเปซไทม์จนเกิดเลน์ความโน้มถ่วง ยิ่งมีปรากฎการณ์โดยรอบเกิดขึ้นมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งสามารถมั่นใจได้มากขึ้นเท่านั้นว่าที่นั่น ตรงนั้นมีหลุมดำอยู่จริงๆ

          ตอนที่ 2 ขอบฟ้าเหตุหารณ์

          และท้ายที่สุดแล้วผมก็ต้องอาสาเป็นคนนำคุณจูปีเตอร์ไปถ่ายรูป เขาทำให้ผมปวดหัวจนต้องกุมขมับกับการไม่รู้อะไรเลยในสิ่งที่ตัวเองกำลังสนใจของเขา ความจริงผมก็ดีใจนะที่มีคนหันมาสนใจเรื่องเกี่ยวกับดาราศาสตร์ ถึงแม้จะแค่ถ่ายรูป แต่ถ้าหาว่าผมได้ทำให้คนธรรมดาคนหนึ่งได้รู้เรื่องเกี่ยวกับอะไรก็ตามบนท้องฟ้าได้สักเศษเสี้ยวของที่เหล่านักดาราศาสตร์รู้ ผมก็ภูมิใจแล้ว

          ผมตัดสินใจว่าจะเป็นคนพาเขาถ่ายภาพในคืนวันเสาร์และอาทิตย์ที่จะถึงนี้ และก่อนถึงวันนั้นผมก็ได้นัดเขามาที่บ้านเพื่อที่ผมจะได้สอนเข้าใช้กล้องของผม วันไปจริงจะได้ถ่ายกันเลยไม่ต้องมาเงอะงะกับเรื่องอุปกรณ์

          ผมเดินลงจากตึกคณะตอนเย็นหลังจากสอนเสร็จในวันที่ผมนัดคุณเตอร์ไว้ ผมบอกทางไปบ้านผมพร้อมกับให้เบอร์โทรติดต่อไปในวันเขามาหาผมเมื่อวันก่อน ตอนนี้ผมกำลังจะกลับบ้านโดยอาศัยรถไฟฟ้า เนื่องจากกว่าวันนี้ไม่ได้เอารถมาเพราะมีสอนเช้าถ้าหากขับรถมาเองคงมาไม่ทันสอนเพราะรถติดแน่ๆ จึงจำเป็นต้องอาศัยบริการสาธรณะ

          แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นจากประตูลิฟต์สายตาผมก็สังเกตเห็นว่าคนที่ผมนัดไว้วันนี้ กำลังนั่งคุยกับบรรดานักศึกษาที่ผมเพิ่งจะปล่อยจากห้องเรียนเมื่อสามสิบนาทีก่อนอย่างออกรสออกชาติ

          “คุณเตอร์” ผมเรียกเขา

          “อ้าวพี่คิด” เขาหันมาทางผมก่อนจะเลิกคิ้วสูง “งั้นพี่ไปก่อนนะครับน้องๆ ไว้เจอกันใหม่ เดี๋ยววันหลังจะมาสอนถ่ายรูปนะ บาย” เขาหันไปพูดกันนักศึกษาที่กำลังโบกมือลายิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันอยู่ วันนี้คุณเตอร์ยังคงมีกล้องห้อยอยู่ที่คอเหมือนเดิม และยังแต่งตัวแบบเดิมแต่เปลี่ยนจากเสื้อเชื้ดเป็นเสื้อยืดสีกรมท่าไม่มีลายแทน

          “ผมนึกว่าผมบอกให้คุณไปหาที่บ้านเสียอีก” ผมถามหลังจากเขาเดินเข้ามาหาผม

          “พอดีผมมีธุระแถวนี้หนะครับเลยแวะเข้ามาเผื่อจะได้ถามว่าผมต้องเตรียมอะไรไปไหม แล้วนี้พี่คิดจะกลับบ้านเลยมั้ยครับ”

          “ครับ”

          “กลับยังไงครับเนี้ย”

          “วันนี้ผมไม่ได้เอารถมาเลยจะกลับรถไฟฟ้าหน่ะครับ”

          “ดีเลย งั้นเราไปพร้อมกันเลยครับจะได้ไม่ต้องเปลืองค่ารถ” เขาเสนอ

          ก็ดีเหมือนกัน ผมก็ขี้เกียจเดิน “ก็ดีครับ”

          “งั้นไปครับ” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเอื้อมือข้างหนึ่งมาแย่งเอาของในมือผมไปถือ มืออีกข้างก็มาจับมือผมจูงไปที่รถของเขา

          อาจจะเป็นเพราะผมง่วง หรือเบลอๆ จากการนอนไม่พอ เลยทำให้ผมไม่ได้เอะใจกับการกระทำนั้นสักเท่าไหร่ มารู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองถูกยัดลงมานั่งลงบนเบาะข้างคนขับแล้ว

          “พี่คิดทานข้าวยังครับ ตอนนี้สี่โมงเย็น หิวหรือยัง” คุณเตอร์ถามขึ้นตอนเรากำลังจะออกจากประตูทางออกมหาวิทยาลัย

          “ผมเพิ่งจะนึกได้ว่ายังไม่ได้ทานข้าวเที่ยง แต่ไม่เป็นไรครับ ผมรอกินพร้อมข้าวเย็นเลยดีกว่า ผมยังไม่หิว”

          แต่ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค ท้องผมก็ทรยศด้วยการส่งเสียงครวกครากออกมาซะดัง

          “โอเคผมเชื่อครับ ฮาๆ ถ้าอย่างนั้นแรงแวะซื้อขอกินไปกินที่บ้านพี่คิดดีไหมครับ”

          “ก็ดีเหมือนกันครับ” ผมตอบอย่างจำนน



          โชคดีที่บ้านผมอยู่แถบชาญเมืองจึงแสงรบกวนท้องฟ้าน้อยกว่าในเมือง แต่ถึงแม้จะน้อยกว่าก็ยังทำให้เห็นดาวไม่มากนัก สถานที่ที่เราจะไปถ่ายกันจริงๆ วันเสาร์อาทิตย์นี้คือที่บ้านของคุณดาวพฤหัสบดี ซึ่งเขาบอกว่าเขามีบ้านพักอยู่บนภูเขาที่ต่างจังหวัด เป็นบ้านพักของครอบครัว มีลานกว้างให้ตั้งอุปกรณ์ถ่ายภาพได้ ไม่มีอะไรมาบดบังขอบฟ้าด้วย แถมยังมีแสงรบกวนน้อยเพราะอยู่ไกลจากเมือง ถ่ายภาพออกมาสวยแน่นอน เขาว่ามาแบบนั้นผมก็เชื่อครับ

          บ้านผมตอนนี้มีผมอยู่คนเดียวครับ พ่อกับแม่ผมพอเกษียณแล้วก็พากันย้ายไปอยู่ที่อเมริกากับพี่ชาย จะกลับมาหาผมบ้างช่วงเทศกาลหรือตอนวันเกิดใครสักคนในบ้าน บางทีถ้าผมเหงาก็อ้อนให้พวกท่านมาหาครับ ผมเป็นลูกคนเล็กเลยจะติดอ้อนพ่อกับแม่แล้วพวกท่านก็ยอมตลอด แม่บอกว่าตอนผมใช้ทุนเสร็จแล้วให้ไปทำงานอยู่ที่นั่นด้วยกัน แต่ผมก็ยังคิดอยู่ว่าอยากไปไหม

          ที่บ้านผมเลี้ยงแมวไว้แก้เหงาสองตัว เวลาว่างก็จะเล่นกับมันบ้าง แต่ช่วงหลังๆ มานี้ผมไม่ค่อยมีเวลาครับ ว่างก็ตรวจงานนักศึกษาหรือทำวิจัยตลอด ช่วงปลายปีนี้ผมต้องไปญี่ปุ่นเพื่อเก็บข้อมูลทำวิจัยที่ผมกำลังศึกษาอยู่ด้วย ยังไม่รู้เลยว่าเอาพวกมันไปฝากไว้ที่ไหน

          พวกเรามาถึงกันตอหกโมงเย็น ฟ้ายังไม่มืดสนิทจึงเป็นโอกาศให้ผมได้มีเวลาเอาอาหารที่ก่อนจะมาถึงเราแวะซื้อกันเข้าท้อง

          “ตัวนี้ชื่ออะไรครับ” คุณเตอร์ถามแล้วชี้ไปที่แมวตัวอ้วนตัวสีขาวหนึ่งที่กำลังปีนไปนั่งบนตักเขา ตอนนี้เรากำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ในห้องครัว

          “แคนิสเมจอร์ครับ แต่ผมเรียกมันว่า เม” ผมตอบ

          “แล้วตัวนั้นหล่ะครับ” เขาชี้ไปทางประตูครัว มีแมวสีส้มอีกตัวกำลังเดินต้วมเตี้ยมเข้ามา

          “แคนิสไมเนอร์ ผมเรียกมันว่า ไม เมกับไม” เจ้าไมเดินวนรอบขาผม

          “ชื่อเพราะดีนะครับ เหมือนคอร์ดกีต้าเลย” ผมเดาว่าเขาคงไม่รู้จักชื่อที่ผมพูดมา

          “มันเป็นชื่อกลุ่มดาวหน่ะครับ สุนัขเล็กกับสุนัขใหญ่ ตอนแรกผมจะเลี้ยงหมาเลยคิดตั้งชื่อไว้แล้วเรียบร้อย แต่กลับมาเปลี่ยนใจเพราะเพื่อนเอาแมวมาให้ซะก่อน”

          “ผมไม่คิดเลยนะครับว่าคนอย่างพี่คิดจะเลี้ยงแมวด้วย”

          “เลี้ยงไว้แก้เหงาหน่ะครับ แต่เหมือนผมเอามันมาไว้เฝ้าบ้านมากกว่า ไม่ค่อยมีเวลาได้ดูแลมันเลย”

          “งั้นถ้าวันไหนผมเลิกทำงานเป็นตากล้อง ผมมาสมัครเป็นคนเลี้ยงแมวพี่คิดได้ไหมครับเนี้ย” เขาว่าพลางลูบหัวเจ้าเมไปด้วย

          “บวกทำความสะอาดบ้านไปด้วยก็ดีนะครับ” ผมตอบทีเล่นทีจริงก่อนจะตักอาหารเข้าปาก


          พอทานข้าวเสร็จตอนนี้ก็มืดแล้ว ผมจึงเรียกให้คุณเตอร์ขึ้นไปช่วยยกอุปกรณ์ที่บนห้องผมเพราะมันเยอะมากครับ หนักด้วย ผมไม่ได้ใช้มานานแล้วตั้งแต่กลับมาที่ไทย ผมซื้อตัวนี้ไว้ตอนที่เรียนอยู่ที่อังกฤษ ขอเงินพ่อซื้อครับ ผมไม่มีปัญญาเก็บเงินซื้อเองหรอกเพราะของพวกนี้มันแพงเกินไปสำหรับนักเรียนทุนตัวเล็กๆ อย่างผม

          “โห” คุณเตอร์อุทานทันทีที่ผมเปิดประตูห้อง “สมกับเป็นห้องของนักดาราศาสตร์” เขามองไปรอบๆ ห้องผม

          ในห้องผมเต็มไปด้วยโมเดลของดาว โมเดลจรวด กระสวยอวกาศ โปสเตอร์รูปดาวเคระห์ ภาพนักวิทยาศาสตร์ เขามองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าที่ดูอึ้งๆ จนผมรู้สึกอายขึ้นมานิดๆ

          “พี่คิดคงชอบอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ”

          “เปล่าหรอกครัก” ผมตอบ “นี่มาช่วยกันยกหน่อย” ผมเรียกให้จูปีเตอร์ที่ตอนนี้กำลังใช้มือหมุนลูกบอลดาวพฤหัสบดีที่แขวนไว้บนเพดานอยู่มาที่มุมห้อง

          ผมยืนมองลังทรงสี่เหลียมผืนผ้าก่อนจะลงไปนั่งยองๆ เปิดเช็คดูของข้างในว่าครบไหมแล้วค่อยช่วยกันออกแรงยกลังลงไป

JJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJ


จูปีเตอร์
 
          ผมยืนมองพี่คิดประกอบกล้องโทรทรรศน์ด้วยความชำนาญ หยิบของนู่นนี่ด้วยความคล่องมือ ตอนนี้เราอยู่ที่สวนหลังบ้านของพี่คิด ผมเป็นคนถือไฟฉายให้พี่คิด ด้วยเหตุผลที่ว่าเราต้องการให้มีแสงรบกวนน้อยที่สุด เพราะแสงจากเมืองก็รบกวนกล้องมากพอแล้ว พี่คิดว่ามาแบบนี้

          “คุณเตอร์มีเข็มทิศไหมครับ” หืม ต้องใช้เข็มทิศด้วยหรอ “ผมลืมเอาลงมา”

          ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพี่คิดถึงยังเรียกผมว่าคุณ ทั้งที่บอกให้ผมเรียกตัวเองว่าพี่

          “ต้องใช้ด้วยหรอครับ” ผมถามอย่างอยากรู้ก่อนยื่นมือถือที่มีแอพเข็มทิศให้

          “ก็ต้องใช้สิครับ ไม่งั้นเราจะตั้งให้กล้องหันตรงทิศเหนือได้ยังไง” พี่คิดตอบแค่นั้นก่อนจะไปหันไปก้มๆ เงิยๆ อยู่แถวๆ ขากล้อง ผมก็ไม่เข้าใจหรอกครับ แต่ไม่อยากกวนคนที่กำลังตั้งใจทำงานเลยไม่ได้ถามต่อ

          พี่คิดตัวเท่าๆ กับผม แต่เตี้ยกว่าผมเล็กน้อย หุ่นออกไปทางผอมแต่ก็ยังไม่แห้ง ผมขาวดูสะอาดสะอ้าน หน้าถือว่าดีแต่ตอนนี้ดูเพลียๆ คงจะนอนไม่พอมาหลายวันแล้ว

          สีหน้าพี่คิดตอนทำงานดูตั้งใจ แล้วก็ดูรักสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ตอนนี้ เหมือนกับว่าถ้าหากผมเข้าไปขัดตอนนี้ผมคงต้องรู้สึกผิดที่ไปขักขวางความสุขของใคร ผมคิดว่าพี่คิดคงมีความสุขกับชีวิตตัวเองตอนนี้มาก ได้อยู่กับสิ่งที่ชอบ ทำงานในสาขาที่ตัวเองรัก ดูจากของในห้องแล้วผมคิดภาพพี่คิดตอนเด็กๆ ที่เป็นพวกบ้าดวงดาวบ้าจรวดออกเลย ดูเป็นเด็กที่มีจินตนาการ มีความใฝ่ฝัน

          “เสร็จแล้วครับ” หลังจากที่งุ่นอยู่กับอุปกรณ์สามขาที่ตอนนี้ตั้งตระหง่านอยู่หน้าเราสองคนอยู่นานสองนาน ก็ได้เวลาที่ผมจะต้องฟังวิธีการใช้ที่ผมคิดว่าต้องเข้าใจยากแน่ๆ แล้ว

          “ผมพร้อมฟังแล้วครับ” ผมสูดหายใจ

          “นี่คือกล้องโทรทรรศน์ คุณเตอร์ก็น่าจะรู้อยู่แล้ว แต่กล้องนี้มันพิเศษอย่างหนึ่งคือเราสามารถต่อสายเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อให้เราสั่งถ่ายภาพได้” พี่คิดยกสายขึ่นมาให้ดู แล้วเสียบเข้ากับแลปท็อบของตัวเองที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ “แล้วทีนี้วิธีการปรับภาพ”

          ผมมองตามพี่คิดที่เดินอ้อมมาทางด้านหลังของกล้อง ที่ผมรู้เพราะมันมีที่ให้ส่อง

          “เดี๋ยวผมจะเอาดวงจันทร์เข้ากล้องก่อน” พี่คิดว่าแล้วก็หมุนกล้องไปทางพระจันทร์ที่วันนี้เป็นเสี้ยวบางๆ ไม่รู้ว่ามันกำลังจะขึ้นหรือกำลังจะตก “วันนี้เป็นข้างขึ้น ผมคิดว่าเป็นสามหรือสี่ค่ำนะ เพราะเริ่มเห็นเสี้ยวมันแล้ว เราต้องรีบเพราะมันกำลังจะตก”

          ผมหยิบกล้องของผมขึ้นมา กดชัตเตอร์ถ่ายตอนที่พี่คิดกำลังส่องกล้องอยู่ เนื่องจากว่าที่นี่มืดเลยทำให้เห็นเป็นเพียงแค่เงาเท่านั้น

          “นี่ไง ได้แล้วครับ ลองมาส่องดู” ผมเดินไปส่องดูที่เลนส์ไกล้ตา ในกล้องตอนนี้มีภาพเสี้ยวของพระจันทร์ปรากฎอยู่ เห็นผิวขรุขร่ะที่เป็นด้านสว่างเพียงนิดเดียวแต่ผมก็ยังคิดว่ามันสวยมาก

          “มันสวยมากครับ”

          พี่คิดจับมือข้างหนึ่งของผมไปวางไว้ที่ปุ่มอะไรสั่งอย่างกลมๆ

          “นี่คือปุ่มปรับโฟกัสภาพ ลองหมุนดูครับ” ผมลองหมุน และเมื่อหมุนไปข้างหน้า ภาพดวงจันทร์ก็เบลอจนเกือบจะละลายหายไป ผมหมุนกลับให้ภาพกลับมาชัดเหมือนเดิม เงิยหน้าขึ้นจากกล้องก็เห็นว่าพี่คิดกำลังยิ่นยิ่มอยู่ข้างๆ ผม พี่คิดตอนยิ้มดูมีเสน่ห์มาก น่าหลงไหล

          “เจ๋งมากครับ”

          “แล้ววิธีสั่งถ่ายภาพ...” พี่คิดอธิบายวิธีถ่ายภาพต่อ


JJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJ


          “...แล้วไฟล์ก็จะมาโผล่อยู่ในโฟลเดอร์นี้ครับ” ผมอธิบายวิธีถ่ายภาพอย่างละเอียดให้เขาฟัง “เดี๋ยวผมจะให้คุณลองเล่นกล้องดูครับ เอ... ผมคิดว่าน่าจะลองเอากระจุดดาวลูกไก่เข้ากล้องดูก่อนก็ได้ครับ หาง่ายดี”

          “ครับ” เขาพยักหน้าก่อนจะถาม “แล้วไอ้กระจุกดาวไก่น้อะที่ว่าเนี้ยมันอยู่ที่ไหนครับ”

          เห้อ...โอเค “ตรงนั้นครับ” ผมชี้ไปที่กระจุกดาวลูกไก่ อาจจะเห็นไม่ค่อยชัดเนื่องจากแสงไฟในเมืองรบกวนแต่ก็ถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่ง่ายสำหรับมือใหม่

          คุณเตอร์พยายามมองตามนิ้วชี้ผมไป “ตรงไหนครับ”

          “นั่นไงครับ ที่เป็นกระจุกอยู่หลายๆ ดวง”

          เขาเดินมาด้านหลังเพื่อจะมองตามนิ้วชี้ผม

          “ไหนครับ” เขาพูดขึ้นทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้หน้าเราอยู่ชิดกันแค่ไหน เขาเอาหน้ามาเกยบ่าผมอยู่ ลมหายใจรดหูผมจนรู้สึกจั๊กจี้ รู้สึกว่าตอนนี้หน้าผมกำลังจะเริ่มแดง

          “หน่ะ...นั่นครับ ตรงนั้น”

          “อ้อผมเห็นล่ะ...แล้วครับ” คุณเตอร์ดูเหมือนเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตอนนี้หน้าเราอยู่ชิดกัน เขาทำหน้าเลิกลักก่อนจะรีบดึงหน้าตัวเองออกไป “โทษทีครับ แหะๆ”

          “ไม่เป็นไรครับ...โอเคที่นี้ วิธีเอาวัตถุเข้ากล้อง อย่างแรกที่ต้องทำคือให้ส่องที่กล้องเล็งเพื่อเอาวัตถุเข้ามาในกล้องเล็งให้ได้ก่อน...” แล้วผมก็อธิบายต่อถึงวิธีหมุนกล้องและล็อกกล้อง

          ผมปล่อยให้เขาเล่นกล้องไปแล้วตัวเองมานั่งพักที่เก้าอี้หลังโต๊ะที่ผมวางแลปท็อปไว้ คุณเตอร์เขาเป็นคนที่หัวไว ถึงแม้จะไม่รู้เรื่องในตอนแรก แต่พอผมอธิบายก็ทำตามได้เลย ผมมองดูเขาแล้วนึกถึงตัวเองตอนที่จับกล้องครั้งแรก ตื่นเต้นจนเกือบทำกล้องแตก ฮ่าๆ แต่ใครๆ ก็มีครั้งแรกกันทั้งนั้นครับ ผมเห็นเขาหมุนกล้องปรับกล้องอย่างเอาจริงเอาจัง ดูเขาจะสนุกกับมัน ต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนที่มีเสนห์เวลาจับกล้องถายภาพของเขา แต่พอมาลองจับกล้องโทรทรรศน์ดูผมก็ว่าไม่เลวเหมือนกันนะ


          ระหว่างที่คุณเตอร์กำลังสนุกกับกล้องโทรทรรศน์ผมก็ต้องทำงานเตรียมสอนต่อวันพรุ่งนี้ครับ เห้อ ขี้เกียจชะมัด



         
          เราเก็บของกลับเข้าบ้านกันตอนเที่ยงคืน

          “งั้นผมกลับก่อนนะครับพี่คิด” คุณเตอร์พูดขึ้นหลังจากเรายกของขึ้นมาบนห้องผมเสร็จ

          “แค่ผมว่าดึกแล้วนะครับ คุณนอนที่นี่ดีกว่านะ ตอนเช้าค่อยกลับ” ผมบอก ขับรถกลางคืนอัตรายครับ แถวนี้ยิ่งมีข่าวคนโดนทำร้ายบ่อยๆ
 
          “จะดีหรอครับ”

          “ดีครับ ขับรถดึกๆ มันอันตราย” ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่และเสื้อผ้าของผมในตู้ให้เขา “นี่ครับ เชิญคุณอาบน้ำก่อนเลยครับ ผมขอทำงานก่อน ห้องน้ำอยู่ทางนั้นครับ” ผมพูดเป็นเชิงมัดมือชก

          “เอางั้นก็ได้ครับ” เขายอมรับของที่ผมยื่นให้ แล้วเดินไปทางประตูห้องน้ำที่ผมบอก   

          หลังจากเขาเข้าห้องน้ำไปผมถึงได้เอางานมาทำต่อ     


          “พี่คิดทำอะไรครับ” เขาถามผมหลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จแล้วพบว่าตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่หน้าแลปท็อบอยู่เหมือนเดิมตั้งแต่เขาเข้าห้องน้ำไป ผมเหลือบมองเห็นว่าเขาใส่เสื้อผ้าผมได้พอดีเปะเลย

          “เตรียมสอนครับ” ผมตอบ

          “ดึกแล้วนะครับ นอนได้แล้ว ตอนนี้จะตีหนึ่งแล้วนะครับ”

          “ครับ จะเสร็จแล้ว”

          “พี่คิดคงนอนดึกมาหลายวันแล้ว หน้าพี่คิดดูเพลียๆ ไปอาบน้ำนอนเถอะครับ” เขายังรบเร้า

          “ไม่ได้ครับ ต้องใช้สอนพรุ่งนี้” ผมตอบ

          “สอนตอนไหนครับ”

          “บ่ายครับ”

          “งั้นเอาไว้ทำพรุ่งนี้เช้าดีกว่านะครับ สมองจะได้ปลอดโปร่งด้วยนะ”

          “โอเคครับๆ ผมยอมแล้ว” ผมยกมือขึ้นจากแป้นพิมพ์ ยอมแพ้ครับ จะว่าไปแล้วผมก็ควรพักจริงๆ ผมพับหน้าจอลงแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป

          แต่ตอนที่ผมออกมาจากห้องน้ำก็ยังเห็นเขานั่งอยู่บนเตียง

          “อ้าวทำไมคุณยังไม่นอนครับ” ผมถาม

          “พี่คิดจะให้ผมนอนตรงไหนครับ”

          “ก็นอนบนเตียงด้วยกันเนี้ยแหละครับ จะไปยากอะไร” เขาพยักหน้าก่อนจะขยับเข้าไปตรงหัวเตียงแล้วเลิกผ้าห่มขึ้น ผมเดินไปผิดไฟ

          “พี่คิดครับ ผมมีอะไรจะสารภาพ” คุณจูปีเตอร์พูดขึ้นอีครั้งหลังจากผมดึงผ้าห่มขึ้นมาห่ม

          “อะไรครับ” ผมควรจะลุ้นมั้ย เขาไม่อยากนอนกับผู้ชายหรือเปล่า หรือเขายังฉี่ใส่ที่นอนอยู่

          “คือผม...” เหมือนเขาจะไม่กล้าพูด ส่วนผมก็รอฟังอยู่ “ผมติดหมอนข้างครับ”

          นึกว่าเรื่องอะไร ไหงเมื่อกี้เป็นผู้ใหญ่อยู่ดีๆ ทำไมตอนนี้กลับมาเป็นเด็กติดหมอนข้างได้หล่ะ “อ่า แต่ห้องผมไม่มีหมอนข้างนะครับ”

          “งั้นก็ขอโทษนะครับ แต่พี่คิดคงต้องเป็นหมอนข้างให้ผม เพราะถ้าไม่มีผมคงต้องนอนลืมตาทั้งคืนแน่ๆ”


          จะยอมไม่ยอมตอนนี้คุณเตอร์เขาก็เอาทั้งแขนทั้งขามาพาดแล้วดึงผมไปกอดเรียบร้อยแล้วครับ

KKKKKKKKKKKKKKKKKKKKKKKKKKKKKKKK

ตอนที่สองมาแล้วครับ เย้
โมเม้นตอนดูดาวกับคนที่ชอบนี่มันฟินมากเลยนะครับ55555

คือเรื่องนี้ผมกะจะเขียนให้เป็นนิยายที่อ่านง่ายๆ แทรกความรู้นิดๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก
แต่ไหงนักอ่านถึงได้บอกว่ามันเป็นโทนหม่นๆ ได้อะ แงงงงงง
ไม่เป็นไรครับ นักอ่านว่ายังไงนักเขียนก็ว่าอย่างนั้น ถึงจะหม่นแต่ไม่ม่าแน่นอนคอนเฟิร์มมมม

พรุ่งนี้สงกรานต์ ถ้าไม่ถูกมอมจะพยายามมาอัพให้อ่านกันครับ
ยังไงก็ฝากติดตามแล้วก็คอมเม้นเป็นกำลังใจด้วยนะค้าบบบ
 :hao7: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2017 14:07:35 โดย Mocc1007 »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เข้าใจผิดอ่อ..คำโปรยต้นเรื่องแลดูจะไม่สมหวังเลยเดาเอาว่าโทนหม่น แต่เจอหมอนข้าง Addict เข้าไปน่าจะโทนสีชมพู  :o8:
ข้าน้อยยอมรับผิด อิอิ   :hao3:

ออฟไลน์ Mocc1007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
          หากเราสามารถดึงดูดใครสักคนให้เข้าหาเราได้เขาก็ต้องดึงดูดเราได้เช่นกัน ถ้าหากเปรียบคนสองคนเป็นมวลสองก้อนสองคนจะดึงดูกันด้วยแรงตามกฎการแรงดึงดูดระหว่างมวลของนิวตัน ตามกฎบอกว่าแรงที่จะดึงดูกันนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่ที่มวลก้อนใดก้อนหนึ่ง แต่มันขึ้นอยู่กับทั้งสองมวล ถ้าหากมีก้อนหนึ่งที่มวลมากกว่ากับอีกก้อนที่มวลน้อยกว่า แรงที่ดึงดูดนั้นไม่ได้กระทำต่อทั้งสองมากน้อยต่างกันเลย หากแต่กระทำเท่ากันต่อทั้งสองมวลหมายความว่ามวลหนึ่งดูดมวลสองและมวลสองดูดมวลหนึ่งด้วยแรงเท่ากัน ซึ่งถ้าหากยิ่งมวลมากแรงดึงดูก็ยิ่งจะมาก และปัจจัยที่สองของแรงดึงดูดคือระยะห่าง แรงจะแปรผกผันกับระยะห่างยกกำลังสอง นั่นคือยิ่งระยะใกล้ แรงดึงดูดจะยิ่งเพิ่มขึ้นทวีคูณ

          ตอนที่ 3 แรงดึงดูดระหว่างมวล

          “สวัสดีครับลุงพล ป้าณี” ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่สองคนที่ผมรู้จักตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้ผมกับพี่คิดยืนอยู่หน้าบ้านที่เราจะมาพักกันสองคืนตามที่วางแผนกันไว้ หรือบ้านที่คนในครอบครัวผมเรียกว่าบ้านไร่

          “พี่คิดครับ นี่คือลุงพลกับป้าณี คนดูแลบ้านและเป็นหัวหน้าคนงานที่ไร่” ผมแนะนำให้พี่คิดรู้จักทั้งสองคน “ลุงพลป้าณีครับ นี่คือคุณชาคริต คนที่จะมาพาผมทำงาน”

          “สวัสดีครับ เรียกผมคิดก็ได้ครับ” พี่คิดยกมือไว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง

          “สวัสดีจ๊ะ เชิญคุณหนูจู กับคุณคิดด้านในก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวป้าเรียกเด็กๆ มาขนของขึ้นห้องให้นะคะ” ป้าณีเชิญเราเข้าบ้าน

          บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ผมชอบมาก เพราะเป็นที่ที่สงบ ไม่มีเสียงรถ เสียงเจี้ยวจ้าวของผู้คนเหใอนในเมืองใหญ่ มีแต่เสียงนกร้อง เสียงใบไม้ปลิว เสียงลมพัด ไร้ซึ่งความวุ่นวาย ผมกับที่บ้านจะมาที่นี่กันทุกเดือนตอนที่ผมเด็กๆ แต่พอผมโตขึ้น ความจำเป็นที่ผมจะมาที่นี่นั้นก็ยิ่งน้อยลงสวนทางกับอายุ เพราะกิจการที่บ้านผมทำตอนนี้ไม่เกี่ยวกับผมเลย และตอนนี้ก็กำลังจะกลายเป็นของพี่ชาย ตอนแรกป๊ากับแม่ก็จะให้ผมเป็นผู้ช่วยพี่ชายอีกคน แต่เพราะผมเลือกเรียนสายนี้ ความรู้ที่จะมาบริหารงานทั้งบริษัทจึงไม่มี

          ตอนที่ผมบอกป๊าไปตอนแรกว่าผมจะเรียนทางนี้ ไม่เรียนบริหาร ตอนนั้นผมจำได้ว่าบ้านแทบจะระเบิด ยังดีที่แม่ผมเข้าใจและช่วยกล่อมป๊าได้ หลังจากเรียนจบผมจึงพยายามพิสูจน์ให้ป๊าเห็นว่าผมสามารถใช้ความรู้ที่เรียนมาเลี้ยงตัวเองและสร้างอนาคตให้ตัวเองได้

          “ไม่เจอคุณหนูจูตั้งนาน โตขึ้น หล่อขึ้นเยอะเลยนะคะเนี้ย” ป้าณีพูดขึ้นระหว่างทางที่เราเดินเข้ามาในบ้าน ส่วนลุงพลคงกำลังไปกำกับเด็กที่กำลังยกของอยู่

          “โถ่ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับป้าณี ผมก็ตัวเท่าเดิมแหละ แต่เรื่องหล่อขึ้นนี่ของจริงครับ ฮาๆ” ผมตอบ

          “งั้นเชิญคุณหนูจูกับคุณคิดนั่งพักก่อน เดินทางกันมาเหนื่อยๆ ตามสบายเลยนะคะ เดี๋ยวป้าไปเอาน้ำส้มมาให้ดื่มค่ะ” ป้าณีมาส่งเราที่ห้องรับแขกก่อนจะผละเดินไปทางครัว

          “บ้านน่าอยู่ดีนะครับ” พี่คิดพูดขึ้นพลางหันซ้ายหันขวาสำรวจบ้าน

          “ครับ ตอนเด็กๆ ผมมาที่นี่บ่อยมาก”

          “อ่อ” พี่คิดพยักหน้าไม่ซักไซร้ต่อ “ผมอยากมีบ้านไม้สวยๆ อยู่บนเขา บรรยากาศน่าอยู่ๆ แบบนี้บ้าง”

          “พี่คิดก็ลองหาแฟนที่มีบ้านแบบนี้ดูสิครับ ไม่ต้องซื้อที่ แถมยังไม่ต้องสร้างเองอีก” ผมแนะนำพี่คิด

          “หาได้ง่ายๆ ก็ดีหน่ะสิครับ แค่เวลาจะหาก็ไม่มีแล้ว แถมจะไปหาให้ตรงสเปคแบบนั้นอีก ชาตินี้คงเจอ”

          “ผมว่าไม่ยากนะครับ” จริงๆ นะ “แล้วคืนนี้เราจะเริ่มถ่ายกันตอนไหนดีครับพี่คิด”

          “ผมคิดว่าวันนี้เราเก็บดาวภาคเช้า คือดาวพฤหัสตอนประมาณตีสองถึงตีสาม และดาวศุกร์ตอนตีสี่ถึงตีห้า แล้วพรุ่งนี้เก็บดาวภาคค่ำคือดาวพุธตอนก่อนหนึ่งทุ่ม ดาวเสาร์ช่วงสองถึงสามทุ่ม และดาวอังคารตอนสามถึงสี่ทุ่ม เช้าวันจันทร์จะได้เดินทางกลับแต่เช้าเพราะผมมีสอนตอนบ่ายสาม”

          “โอเคตามนนั้นครับ” ผมพยักหน้า

          “อ้อใช่ เดี๋ยววันนี้ลองถ่ายดาวพุธก่อนด้วยก็ดีครับ เพราะมีโอกาศเสี่ยงที่จะไม่ได้ภาพเหมือนกันเพราะมันแค่ประมาณชั่วโมงเดียวกลังพระอาทิตย์ตก เผื่อเมฆที่ขอบฟ้าด้วยเดี๋ยวจะพลาด กันไว้ก่อน”

          พี่คิดพูดจบป้าณีก็เดินเข้ามาพร้อมถาดที่มีน้ำส้มตั้งอยู่สองแก้ว

          “ทานน้ำส้มแก้กระหายกันก่อนนะคะ” ป้าณียกแก้ววางไว้ที่โต๊ะ เราสองก่อนกล่าวขอบคุณก่อนพี่คิดจะยกแก้วขึ้นดื่ม “คุณคิดอยากขึ้นไปดูห้องพักก่อนไหมคะ”

          “ไม่เป็นไรครับป้าณี เดี๋ยวผมพาพี่คิดไปเองครับ ลำบากป้าณีเปล่าๆ” ผมพูดก่อนพี่คิดจะทันได้ตอบ

          “ครับ เดี๋ยวให้คุณเตอร์พาผมไปก็ได้ครับ” พี่คิดเสริม

          หลังจากนั้นผมก็พาพี่คิดเดินขึ้นไปดูห้องที่พี่คิดต้องนอน ป้าณีจัดให้ผมนอนห้องเดิมที่ผมนอนทุกครั้งที่มา ส่วนพี่คิดนอนที่ห้องรับรองแขกซึ่งอยู่ห้องตรงข้ามผมพอดิบพอดี

          พอสำรวจห้องเสร็จผมก็เสนอว่าจะพาพี่คิดเดินชมบ้าน เจ้าตัวก็ตอบตกลงทันที และดูเหมือนพี่คิดจะชอบบ้านหลังนี้มาก ทำหน้าสนใจทุกที่ที่ผมพาไป ผมว่าพี่คิดคงเป็นคนรักสงบเหมือนผม

          “แล้วที่ที่เราจะทำงานกันหละครับ อยู่ที่ไหน” พี่คิดถามขึ้นตอนที่เรากำลังเดินอยู่ริมบ่อปลาคราฟหลังบ้าน

          “อ้อ ใช่ครับผมลืมไปเลย งั้นตามผมมาเลยครับ”

          ผมเดินนำพี่คิดขึ้นมาที่ดาดฟ้าด้านบนซึ่งกว้างอยู่พอสมควร บนนี้มีหลังคาใสเปิดปิดได้ มีที่นั่งเป็นมุมพักผอนเล็กๆ และไม่มีอะไรบังขอบฟ้าตามที่พี่คิดต้องการ เพราะบ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนยิดเขาพอดี เลยมองลงไปเห็นไร่ของที่บ้านผมเป็นริ้วๆ อยู่ไกลๆ วิวรอบๆ เห็นหุบเขาสูงต่ำ แต่จุดที่เราอยู่นั้นสูงที่สุดจึงเห็นวิวรอบทิศได้สามร้อยหกสิบองศา มีลมพัดเอื่อยๆ เย็นสบายตลอดเวลา ยิ่งถ้าเป็นตอนกลางคืนนี่ถึงกับหนาวจนสั่นเลยก็ว่าได้

          “ใช้ได้ไหมครับ” ผมถามพี่คิดที่ทำหน้าดูไร้อารมณ์ ยืนตาลอยไปที่ขอบฟ้า

          “...”

          “พี่คิดครับ”

          “หือ ครับ?” เหมือนพี่คิดเพิ่งจะหลุดมาจากภวังค์

          “ผมถามว่าใช้ได้ไหมครับ ที่นี่”

          “ดีเลยหล่ะครับ” พี่คิดตอบ

          “พี่คิดเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ตาดูลอยๆ” ผมตัดสินใจถามไป

          “อ๋อ เปล่าหรอกครับ ผมแค่คิดว่าผมไม่ได้ดูดาวจริงๆ มานานแค่ไหนแล้ว”

         


          ในตอนเย็นเราช่วยกันออกแรงยกลังกล้องโทรทรรศน์ของพี่คิดขึ้นมาที่ดาดฟ้าเพื่อถ่ายภาพดาวพุธตามที่พี่คิดบอก พี่คิดจัดการตั้งกล้องอย่างมือโปรเช่นเคย ผมที่ไม่รู้จะทำอะไรเลยได้แต่ยกกล้องของตัวเองขึ้นมาถ่ายภาพนู่นนี่ไปเรื่อย แสงกำลังดีเพราะตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า

          “พระอาทิตย์สวยดีนะครับ” ผมพูดขึ้นลอยๆ

          “มันก็สวยแค่ตอนตกกับตอนขึ้นนั่นแหละครับ” พี่คิดพูดขึ้นขณะที่ง่วนอยู่กับการตั้งกล้อง “ตอนที่ความร้อนของมันลดลง ตอนที่มันกลายเป็นดวงสีแดงใหญ่เพราะถูกชั้นบรรยากาศหักเห”

          พี่คิดพูดทำให้ผมต้องหยุดคิด ก็ถูกครับ ดวงอาทิตย์มันสวยแต่ตอนขึ้นกับตอนตก ตอนที่มันดวงใหญ่กว่าตอนปกติหลายเท่า ดวงสีแดงไร้ที่ติ

          พี่คิดหันมายิ้มให้ผมก่อนจะพูดต่อ “น่าแปลกนะครับที่ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นตกของมันทุกวัน แต่หลายคนไม่เคยเห็นมันตอนขึ้นหรือตกเลย พอตอนเห็นถึงได้บอกว่ามันสวย”

          “เพราะมนุษย์ไม่สนใจสิ่งที่เป็นปกติละมั้งครับ”

          “คงเรียกว่าเป็นการเพิกเฉยหรือชินชาได้”

          ผมกดชัตเตอร์กล้องไปเรื่อยๆ ระหว่างที่เราคุยกัน

          “พี่คิดครับ ผมก็ถามอะไรหน่อยได้ไหม”

          “ได้ครับ”

          “ทำไมพี่คิดถึงเลือกเรียนดาราศาสตร์”

          พี่คิดหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนจะตอบ “ไม่รู้สิ อาจจะเพราะผมสอบติดละมั้ง”

          “อ้าว แต่ทำไมพี่คิดดูรักสิ่งที่ตัวเองทำตอนนี้มากเลยหล่ะครับ” พี่คิดดูมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำจริงๆ ครับ “ผมนึ่งว่าพี่คิดชอบเรื่องแบบนี้อยู่แล้วตั้งแต่เด็กเสียอีก”

          “หึ... คนเราหน่ะ เวลาอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานๆ มันก็จะเกิดความผูกพันธ์กันเป็นธรรมดา ถึงแม้ว่าสิ่งที่เราอยู่ด้วยนั้นมันจะเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ แต่หากใจเราไม่ได้ปฏิเสธมัน สันวันเราก็จะรักมันไปเอง เราไม่มีทางรู้ตัวหรอกว่าเราจะไปรักมันเข้าตอนไหน จะรู้แค่ว่าตอนนั้นเราขาดมันไม่ได้แล้ว”

          ก็จริงอย่างที่พี่คิดว่านะครับ ถ้าใจเราไม่ปฏิเสธมัน เดี๋ยวเราก็จะชอบหรืออาจจะถึงขั้นรักมันไปเลยก็ได้

          “แล้วคุณเตอร์หล่ะครับ ทำไมถึงชอบถ่ายภาพ” พี่คิดถามกลับ

          “ตอนแรกที่ผมเลือกเรียนเพราะประชดป๊าที่จะบังคับให้ผมเรียนบริหาร” ผมตอบตามความจริง “ตอนนั้นบ้านผมแทบแตก ยังดีที่มีคนเข้าใจผม”

          “แต่ผมเดาว่าถ้าวันนี้กล้องถ่ายภาพคุณหายไป ชีวิตคุณคงจะเหมือนขาดอะไรไป”

          ผมคิดตามที่พี่คิดพูด มันก็คงจะเหมือนกับว่าชีวิตผมไม่มีอะไรให้ทำแล้วจริงๆ “ก็จริงครับ ผมว่าตอนนี้ผมก็รักการถ่ายภาพไปแล้ว”

          ตอนที่พี่คิดตั้งกล้องเสร็จดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปพอดี พี่คิดชี้ดาวพุธให้ผมดู บอกว่ามันกำลังจะตกทางทิศตวันตก แต่ตรงนั้นมันมีดาวที่มองเห็นได้สองดวงเพราะฟ้ายังไม่มืดมาก ผมต้องเพ่งอยู่นานกว่าจะรู้ว่าเป็นดวงไหน ผมไม่กล้าไปเล็งจากหลังพี่คิดครับเพราะกลัวจะเข้าไปไกล้เกินไปเหมือนครั้งก่อน มันอันตรายต่อหัวใจผมเกินไป

          หลังจากที่แสงรบกวนจากดวงอาทิตย์น้อยลง พี่คิดปล่อยให้ผมจัดการถ่ายภาพเอง วันนั้นผมหัดใช้กล้องนี้จนเป็น วันนี้มันจึงไม่เป็นปัญหาอะไรกับผม ผมจักการเล็งกล้องไปที่ดาวพุธ ตอนนี้มันอยู่ต่ำแล้วดังนั้นผมเลยไม่ต้องย่อมากนัก

          ผมเพิ่งจะรู้ว่าดาวพุธนั้นเห็นเป็นแค่เสี้ยว พี่คิดบอกว่าดาวเคราะที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลกทุกดวงเห็นเป็นเสี้ยว ไม่สามารถเป็นเต็มดวงได้เนื่องจากว่ามันทำมุมกับโลกและดวงอาทิตย์น้อยเกินไป




          หลังจากถ่ายภาพได้ พี่คิดก็เอาผ้าคลุมกล้องไว้ด้วยเหตุผลว่าขี้เกียจเก็บแล้วตั้งใหม่ หลังจากนั้นเราก็ลงมารอทานข้าวที่ด้านล่าง ระว่างรอผมก็นำภาพเข้าโปรแกรมไลท์รูมเพื่อนปรับแสงและสี ปรับยากเหมือนกันแฮะ เพราะสีที่ได้มันเกือบจะเป็นขาวดำเลยปรับยากนิดหน่อยครับ ผมหวังว่าดวงอื่นๆ จะมีสีสันมากกว่านี้นะ

          เราตัดสินใจว่าจะนอนพักเอาแรงกันก่อน แล้วค่อยลุกมาตอนตีหนึ่งเตรียมตัวถ่ายดาวพฤหัสและดาวศุกร์ โชคดีที่ป้าณีเตียมหมอนข้างไว้ให้ผมแล้ว ดังนั้นผมเลยไม่จำเป็นต้องรบกวนพี่คิดอีก ฮ่าๆ


         

          “...เตอร์ คุณเตอร์ครับ ตื่นได้แล้ว” ฮือ เรียกผม “จะตีสองแล้วนะครับ”

          ตีสองแล้วไงหล่ะ

          “คุณเตอร์ครับ เราต้องไปถ่ายรูปนะ เดี๋ยวดาวจะไปก่อนนะครับ”

          “ฮือ...” เอาไว้วันหลังก็ได้น่า

          “คุณเตอร์...เห้ย” มีคนมาจับผมเขย่า ผมเลยถีบหมอนข้างตัวเองออกแล้วดึงเขามาเป็นหมอนข้างแทนซ่ะเลย พูดมากจริง

          แปะ!!
 
          “โอ้ย” ผมลืมตาขึ้นทันทีที่ผมรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่มาปะทะกับใบหน้า

          “ตื่นได้แล้วครับ”

          ผมดึงสติก่อนจะรับรู้ว่าตอนนี้ผมกำลังนอนกอดพี่คิดอยู่ และมือพี่คิดกำลังเตรียมจะตีหน้าผมอีกรอบ

          “ขอโทษทีครับ แหะๆ” ผมรีบปล่อยพี่คิดให้เป็นอิสระ

          “ไม่เป็นไรครับ” พี่คิดยิ้มแล้วลุกออกจากเตียงผมไป

          ผมรีบล้างหน้าแปรงฟันให้ตัวเองสดชื่นก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบันไดตามพี่คิดขึ้นไปที่ดาดฟ้า ในใจก็คิดไปตามทางว่าพี่คิดเข้ามาในห้องผมได้ไง ก่อนจะนึกออกว่าผมลืมล็อกห้อง บ้าจริง

          “โห...” ผมอุทานขึ้นทันทีที่ผมเงิยหน้ามองท้องฟ้าเมื่อผมมาถึง

          ตอนนี้บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยจุดสีขาวประกายวิบวับๆ มันสวยงามมาก มีดาวที่สว่างเรียงรายเป็นรูปต่างๆ ที่ผมมองไม่ออก เป็นรูปสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยม แต่มีอยู่รูปหนึ่งที่เด่นมาก มันดูเหมือนนาฬิกาทราย ผมคิดนะ ไว้ผมค่อยถามพี่คิดละกัน

          ผมเพิ่งรู้ว่าท้องฟ้าตอนกล้างคืนสวยขนาดนี้ และไม่รู้มาก่อนเลยว่าบนดาดฟ้าบ้านผมจะเป็นสถานที่ดูดาวที่ดีขนาดนี้ ผมหันไปมองพี่คิด เห็นว่ากำลังยกมือทั้งสองข้างวาดไปมาบนฟ้า ปากก็พึมพำอะไรสักอยากที่ผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง

          “...ถ้าดวงนี้อัลเดบารัน ดวงนั้นก็ต้องเป็นคาเพล่า กลุ่มดาวสารถีออยู่ตรงนี้ ถ้างั้นตรงนี้ก็ต้องเป็น...”

          “พี่คิดครับ” ผมเรียก

          “อ้าว มาแล้วหรอครับ” พี่คิดหันมาทางผม หน้าตาดูกระตือรือร้นมาก

          “ครับ”

          “งั้นตอนนี้ดาวพฤหัสขึ้นแล้ว มุมกำลังดีเลย อยู่ทางทิศตะวันออกครับ ประมานสิบยี่สิบองศาจาขอบฟ้า ตรงนั้น” พี่คิดชี้ไปที่ดาวพฤหัส ผมคิดว่าน่าจะเป็นดวงสีส้มที่สว่างๆ ดวงนั้น

          ผมจับกล้องหันไปดางดาวพฤหัส เล็งให้เข้ากล้องเล็งแล้วไปส่องดูในกล้องใหญ่ ผมใช้กล้องโทรทัศน์ตัวนี้เก่งแล้วครับ จะให้ส่องอะไรว่ามาเลยผมส่องได้หมด

          “อะ นี่ไงได้แล้ว” ผมพูดขึ้นหลังจากลุ้นอยู่นานว่ามันจะโฟกัสตอนไหน “โห...” ผมอุทานให้กับท้องฟ้าเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

          “ส่องตัวเองเป็นยังไงบ้างครับ” พี่คิดส่งเสียงถาม

          ผมหัวเราะ “สวยมากครับ พี่คิดมาดูสิ”

          พี่คิดเดินมาส่องบ้าง “อืม สวยครับ เดี๋ยวนี้คุณใช้กล้องโทรทัศน์เก่งขึ้นเยอะเลย”

          “ฮ่าๆ ขอบคุณครับ”

          ในกล้องตอนนี้มีภาพของดาวพฤหัสบดีที่มีแถบสีส้มกับจุดสีแดงๆ ปรากฎอยู่ มันสวยมากครับ สวยกว่าโมเดลที่ห้องทำงานพี่คิดอีก จากที่ตาเราเห็นแค่เป็นจุดแสงจุดเดียว แต่ความจริงมันคือดาวเคราะห์ดวงใหญ่ มันให้อารมณ์เหมือนอะไรสักอย่างที่ลอยนิ่งเวิ้งว้างอยู่บนฟ้าและดูอบอุ่นด้วยในเวลาเดียวกัน

          “รีบถ่ายเถอะครับ เดี๋ยวมันจะหลุดกล้องก่อน” พี่คิดบอกให้ผมรีบถ่าย เพราะดาวเคลื่อนที่ตลอดเวลาจะทำให้ดาวหลุดจากขอบกล้องได้ อันนี้ผมถามพี่คิดมาครับ

          “ครับ”

          “เออ ผมแนะนำให้ถ่ายแบบให้เห็นดวงจันทร์ทั้งสี่ของดาวพฤหัสบดีด้วยก็ดีนะครับ เปลี่ยนเลนส์ใกล้ตาให้เป็นความยาวโฟกัสยาวๆ จะได้เห็นได้กว้างขึ้น”

          “โอเคครับ”

          หลังจากที่ผมถ่ายภาพอยู่หลายรอบ ก็ได้ภาพที่ถูกใจมาสองภาพ เป็นภาพดาวพฤหัสเดี๋ยวๆ หนึ่งภาพ และภาพที่สองเป็นภาพที่เห็นดวงจันทร์ดาวพฤหัสเป็นสุดสี่ดวงอยู่รอบๆ ดาวพฤหัสตรงกลาง

          เมื่อผมเซฟภาพเสร็จก็หันไปเห็นพี่คิดนั่งกอดเข่ามองท้องฟ้าอยู่ ตอนนี้รอให้ดาวศุกร์ขึ้นเพื่อจะได้ถ่ายอีกรอบ ผมนำจึงกล้องตัวเองออกมาตั้งกับขากล้องเพื่อถ่ายภาพท้องฟ้าฆ่าเวลา มันต้องตั้งให้เปิดชัตเตอร์นานหน่อยกว่าจะได้แสงดาว ดังนั้นผมเลยไปนั่งรอกับพี่คิดที่พื้น

          “พี่คิดทำอะไรครับ” ผมถาม ความจริงก็ไม่น่าถามหรอก

          “ดูดาวครับ ผมไม่ได้ดูดาวจริงๆ มานานหลายเดือนแล้วหล่ะครับ”

          “งั้นก็ถือซ่ะว่าสองวันนี้เรามาพักผ่อนละกันนะครับ”

          “ครับ หลังจากนี้ผมคงหาโอกาศดูดาวแบบสบายใจๆ แบบนี้ยากหน่อย เพราะต้องเตรียมทำวิจัยปลายปีนี้แล้ว”

          ผมมองไปบนท้องฟ้า ตอนนี้ดาวที่เคยอยู่ตรงกลางหัวผมเมื่อตอนตีสองคล้อยงลงมาแล้ว

          “พี่คิดครับ กลุ่มดาวนั้นชื่ออะไร” ผมชี้ไปที่กลุ่มดาวนาฬิกาทรายที่ผมคิด “ที่เหมือนนาฬิกาทรายหน่ะครับ”

          “คุณนี่จินตนาการดีนะครับ มันชื่อกลุ่มดาวโอไรออน ภาษาไทยคือกลุ่มดาวนายพราน เป็นกลุ่มดาวที่สังเกตง่ายที่สุดแล้วบนท้องฟ้า เพราะมันเกือบจะอยู่บนศูนย์สูตรท้องฟ้าพอดี แล้วยังเด่นมากด้วย เป็นกล่มดาวฤดูนาวครับ จะดูดาวช่วงฤดูหนาวให้มองหากลุ่มดาวนี้ไว้ก่อนเลย”

          ผมชอบมองพี่คิดตอนอธิบายเรื่องต่างๆ ให้ผมฟัง มันทั้งมีเสน่ห์และน่าหลงไหล ดูตั้งใจที่จะอธิบาย ต้องการให้ความรู้ผมจริงๆ ผมสงสัยจังว่าปากสีแดงๆ ได้รูปของพี่คิดจะมีความรู้ที่ซ่อนอยู่รอให้พูดออกมามากแค่ไหน

          “อ้อ ครับ” ผมพยักหน้า “แล้วกลุ่มดาวที่เหมือนสกู๊ดเตอร์นั่นแหล่ะครับ”

          “หืม? ไหนครับ คุณนี่จิตนาการล้ำโลกจริงๆ เลยนะ”

          ผมชี้ไปที่กลุ่มดาวที่ผมหมายถึง “นั่นหน่ะครับ ตรงนั้นเป็นแฮนด์แล้วก็มียาวๆ ลงมาตรงนั้น แล้วก็นั่นเป็นที่เหยียบ”

          พี่คิดพยายามมองตามที่ผมชี้ แต่เหมือนว่าจะมองไม่เห็นเลยขยับเข้ามาเบียดผมเพื่อจะได้มองตามนิ้วชี้ผม

          เอ่อ มันไกล้ไปแล้วครับ...

          ตอนนี้หัวพี่คิดอยู่ชิดกับจมูกผม ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากแชมพูที่พี่คิดใช้ ทำไมมันหอมนานจังเลยนะ

          “อ้อ ตรงนั้นเอง ฮ่าๆ ผมนึกว่าอะไร มันคือกลุ่มดาวหมาใหญ่ครับ หรือแคนิสเมเจอร์ ที่ผมใช้ตั้งชื่อเจ้าเมไง แล้วก็สุนัขเล็กคือกลุมดาวที่สว่างๆ อีกกลุ่มตรงนั้น มีแค่ดวงเดี่ยวที่เด่น” พี่คิดกลับไปนั่งตัวตรงเหมือนเดิม แต่ตอนนี้เรานั่งใกล้กันกว่าเดิมครับ “ตอนนี้เราหันหน้าไปทางทิศไต้ หัวนายพรานชี้ไปทางทิศเหนือค แล้วคุณเห็นดาวที่ไหล่นายพรานฝั่งซ้ายของเราไหมครับ แล้วก็ดวงที่สว่างที่สุดของหมาทั้งสอง เราจะสามารถวาดเป็นสามเหลี่ยมได้ เราเรียกสามเหลียมนี้ว่าสามเหลี่ยมฤดูหนาว”

          ผมมองหน้าพี่คิดกำลังตั้งอกตั้งใจพูด

          “แล้วคุณเห็นกลุ่มดาววัวที่อยู่ข้างๆ กลุ่มดาวนายพรานไหมครับ ตรงหัวมันจะมีดาวอัลเดบารันเป็นตาวัว ดวงสีแดงๆ ดวงนี้เป็นดาวยักษ์แดงครับ”

          ผมพยังหน้ามองตามนิ้วชี้ของพี่คิด

          “คุณเตอร์เกิดราศีอะไรครับ”

          “เมถุนครับ”

          “พอดีเลย กลุ่มดาวประจำราศีเมถุนคือกลุ่มดาวคนคู่หรือเกมมินี อยู่ตรงนั้นครับ” พี่คิดชี้ไปที่จุดที่อยู่สูงหน่อย “มีดาวเด่นอยู่สองดวงคือพอลลักซ์กับคาสเตอร์ สองคนนี้ตามตำนานเทพนิยายกรีกแล้วเป็นฝาแฝดกัน คนหนึ่งเป็นลูกของซุสหรือจูปีเตอร์ที่ปลอมตัวเป็นหงส์มามีอะไรกับนางเลดา”

          พี่คิดทำหน้าตาแบบที่ผมชอบมองอีกแล้ว หน้าตาที่ดูจริงจังกับการให้ความรู้

          “ผมหรอครับ” ผมอยากรู้จังว่าถ้าหากผมจูบปากแดงของพี่คิด ผมจะดูดความรู้มาได้บ้างไหม

          “ฮ่าๆ” พี่คิดหัวเราะก่อนจะพูดต่อ “จะว่าไป ตามตำนานแล้ว เทพซุสนี่เป็นคนเจ้าชู้มากเลยนะครับ ไปไข่ไว้ทั่วเลย”

          “แล้วพี่คิดว่าผมเจ้าชู้ไหมครับ”

          พี่คิดหันมามองหน้าผม ตอนนี้ผมเอาคางเกิยบ่าพี่คิดอีกครั้ง เราสบตากันโดยที่รับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน เพราะไม่มีแสงไฟจึงทำให้เรามองหน้ากันไม่ค่อยชัดนัก แต่ไฟจากหน้าจอแลปท็อปของผมก็ทำให้เห็นแววตาของพี่คิดที่ตอนนี้ดูจะสับสนเล็กน้อย

          “เอ่อ...”

          ผมไม่ปล่อยให้พี่คิดตอบ ผมยื่นหน้าประกบปากพี่คิด ตอนแรกพี่คิดเหมือนจะตกใจ ไม่ยอมให้ผมรุกล้ำเข้าไป ผมทำได้เพียงขบเม้มริมฝีปากพี่คิดจนฉ่ำไปหมด

          “อืม...” พี่คิดเปิดปากยอมให้ลิ้นของผมเข้าไปสำรวจโพรงปาก ผมประคองหน้าพี่คิดเพื่อให้อยู่ในองศาที่ถนัด ลิ้นนุ่มๆ ของพี่คิดหยอกล้อกับปลายลิ้นของผม แขนสองข้างของพี่คิดก็ยกขึ้นมากำเสื้อผมแน่น

          เราจูบกันท่ามกลางท้องฟ้าที่แพรวพราวไปด้วยแสงดาว รู้สึกเหมือนว่าเสียงจ๊วบจ๊าบจะดังก้องหุบเขาออกไป ลมพัดเอื่อยจนบางทีก็รู้สึกหนาว เราใช้ปากสื่อสารกันโดยไม่ใช้เสียง หากแต่สามารถรับรู้ความรู้สึกของกันและกัน ได้เป็นอย่างดี

JJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJ

มาแล้วครับตอนที่สาม แทบจะคลานมาอัพ ยืนเล่นน้ำปวดขาไปหมด5555
มาถึงครึ่งทางแล้วนะฮะ ยังไงก็คอยติดตาม
และก็คอมเม้นเป้นกำลังใจนักเขียนคนนี้ด้วยนะค้าาาบบบ
 :katai4: :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2017 14:08:21 โดย Mocc1007 »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
โอ๊ะ..เค้าจูบกันแล้ว น้องจูแอบชอบพี่คิดตอนไหน อ้อย...ยยยยยหนักมาก  :impress2:

ออฟไลน์ Mocc1007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ลืมลงภาพประกอบครับ 55555

นี่คือเสี้ยวของดาวพุธ


ดาวพฤหัสบดี

ดาวพฤหัสกับดวงจันทร์ทั้งสี่


กลุ่มดาวโอไรออน หรือนาฬิกาทรายที่คุณเตอร์จินตนาการ



กลุ่มดาวสุนักใหญ่(สกู๊ดเตอร์55555)


สามเหลี่ยมฤดูหนาว


กลุ่มดาวประจำราศีคุณเตอร์ Gemini


คนสมัยก่อนนี่จิตนาการล้ำเลิศจริงๆนะครับว่ามั้ย555555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Mocc1007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
          การอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขคือการอยู่ในที่ที่เป็นของเรา อยู่ในที่ที่ควรอยู่ เหมือนการโคจรรอบกันของสองวัตถุ ซึ่งต้องอาศัยอยู่หนึ่งปัจจัยที่จะทำให้อยู่ในวงโคจรได้โดยไม่หลุดออกไป นั่นคือพลังงาน และพลังงานนี้ประกอบด้วยสองแบบคือ หนึ่งพลังงานจากความเร็วที่ใช้ในการโคจร สองพลังงานจากการดึงดูดกัน(ที่ขึ้นกับระยะทาง) ซึ่งสองพลังนี้ต้องมีความสมดุลกัน มันคือการที่เราต้องอยู่ในระยะที่พอเหมาะต่อกันและกัน ใช้ความเร็วที่พอดีกับระยะห่างนั้น ถ้าหากความเร็วมากกว่าเกินสมดุลกับระยะทางก็มีโอกาศที่จะปลิวจากวงโคจรแล้วไม่กลับมาอีกเลย หรือถ้าหากระยะทางน้อยเกินไปจนความเร็วไม่พอที่จะโคจรได้ ทั้งสองอาจจะชนแล้วทำลายกันให้ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ได้

           ตอนที่ 4 กฎการอนุรักษ์พลังงาน

          คืนที่สองของการถ่ายภาพ ตอนนี้เรากำลังส่องดาวเสาร์ ดาวเคราะห์ที่ไกลที่สุดที่เราสามารถมองเห็นได้ เป็นดาวเคราะห์ที่ผมว่าสวยงามที่สุดในระบบสุริยะ วงแหวนของมันเหมือนเป็นมงกุฎที่สวมอยู่บนหัวราชินี

          "คุณเตอร์รู้ไหมครับว่าวงแวนของดาวเสาร์หนาเพียงแค่ห้าร้อยกิโลเมตร ซึ้งเทียบกับขนาดดาวเสาร์แล้วมันบางมาก บางจนถ้าหากเรามองด้านข้างเราจะมองไม่เห็นเลยทีเดียว" ผมอธิบายเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวงแหวนดาวเสาร์ให้คุณเตอร์ฟัง

          ตอนนี้เรานั่งรอให้ดาวเสาร์ขึ้นมาในมุมที่พอเหมาะจะถ่ายได้ง่าย ผมนั่งอยู่บนพื้นโดยที่คุณเตอร์นั่งอยู่ข้างผม พูดไปด้วยนั่งมองดาวบนฟ้าที่วันนี้ไม่เหมือนกับเมื่อวานไปด้วย เนื่องจากกลุ่มดาวที่เราเห็นเมื่อวานนั้นตอนนี้ยังไม่ขึ้น

          “แล้วคุณเตอร์รู้ไหมครับว่าที่ขั้วเหนือของดาวเสาร์มีพายุรูปหกเหลี่ยมอยู่ด้วย...”

          "...”

          “...”

          แล้วอยู่ดีๆ ก็เกิดความเงีบยขึ้นจนผมต้องหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างผม ตอนนี้คุณเตอร์กำลังมองหน้าผมอยู่ด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม

          “เอ่อ...มีอะไรติดหน้าผมหรืเปล่าครับ” ผมลูบหน้าตัวเอง ความจริงก็รู้อยู่แก่ใจแหละว่าเขามองผมทำไม

          “เปล่าครับ ผมแค่ชอบมองหน้าพี่คิดตอนให้ความรู้ผม” เขาตอบ ตั้งแต่ที่เราจูบกันเมื่อวาน น่าจะใช้คำว่าเขาจูบผมมากกว่า นั่นและ ตั้งแต่ตอนนั้นก็ดูเหมือนเขาจะแสดงออกความรู้สึกที่มีกับผมมากขึ้น “ตอนปกติผมก็ชอบอยู่แล้ว ตอนนี้ผมยิ่งชอบไปอีก”

          ผมก้มหน้า ถึงแม้จะรู้ว่าเขาไม่มีทางเห็นหน้าผมตอนนี้ แต่ผมก็กลัวว่ามันจะเรืองแสงสีแดงออกมา “...”

         “พี่คิดฟังเพลงไหมครับ” คุณเตอร์ถามผมโดยไม่รอคำตอบใดๆ จากผม เขาลุกขึ้นเดินไปทางแล็ปท็อปของตัวเองแล้วเปิดเพลง

         เป็นเพลงที่ผมคิดว่าผมน่าจัเคยฟังเมื่อนานมาแล้ว

https://youtu.be/7Xf-Lesrkuc
Now that she's back in the atmosphere
With drops of Jupiter in her hair, hey, hey, hey
She acts like summer and walks like rain
Reminds me that there's a time to change, hey, hey, hey
Since the return from her stay on the moon
She listens like spring and she talks like June, hey, hey, hey
Hey, hey, hey



         เขาเดินกลับมานั่งลงข้างๆ ผม

But tell me, did you sail across the sun?
Did you make it to the Milky Way to see the lights all faded
And that heaven is overrated?

Tell me, did you fall for a shooting star–
One without a permanent scar?
And did you miss me while you were looking for yourself out there?

Now that she's back from that soul vacation
Tracing her way through the constellation, hey, hey, hey (mmm)
She checks out Mozart while she does tae-bo
Reminds me that there's room to grow, hey, hey, hey (yeah)


         งานของเรากำลังจะเสร็จในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ตอนนี้ผมไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วนี้คืออะไรความสัมพันธ์ของเราจะเป็นยังไงต่อไปหลังจากนี้ ผมรู้เพียงว่ารสจูบของดาวพฤหัสบดีนั้นหวานเหลือเกิน

Now that she's back in the atmosphere
I'm afraid that she might think of me as plain ol' Jane
Told a story about a man who was too afraid to fly so he never did land

But tell me, did the wind sweep you off your feet?
Did you finally get the chance to dance along the light of day
And head back to the Milky Way?
And tell me, did Venus blow your mind?
Was it everything you wanted to find?
And did you miss me while you were looking for yourself out there?

Can you imagine no love, pride, deep-fried chicken?
Your best friend always sticking up for you even when I know you're wrong
Can you imagine no first dance, freeze dried romance, five-hour phone conversation?
The best soy latte that you ever had and me…


[Train - Drops of Jupiter]


JJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJ


          “ดาวพฤหัสบดี พี่ใหญ่แห่งระบบสุริยะ” บรรดานักศึกษาในเซคผมตอนนี้กำลังตั้งหน้าตั้งตาฟังที่ผมอธิบาย มือก็จดทุกคำพูดของผมไปด้วย “ดาวเคราะห์ที่มีมวลมากที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ หากดาวพฤหัสมีมวลมากกว่านี้อีกเพียงนิด มันจะกลายเป็นดาวฤกษคู่กับดวงอาทิตย์ได้เลย

          “องค์ประกอบหลักของดาวพฤหัสบดีคือ ก๊าซไนโตรเจนและก๊าซฮีเลียม ซึ่งเป็นองค์ประกอบประมาณ 75% และ 25% โดยมวลตามลำดับ นอกจากก๊าซสองชนิดหลักแล้วยังมีสารอื่นๆปะปนอยู่บ้างแต่มีปริมาณน้อยมาก การศึกษาธาตุองค์ประกอบของดาวพฤหัสบดีอย่างละเอียดชี้ให้เห็นว่า ดาวพฤหัสบดีมีปริมาณธาตุองค์ประกอบคล้ายกับดวงอาทิตย์มาก แสดงให้เห็นว่าดาวเคราะห์ก๊าซดวงนี้แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบเลยตั้งแต่รวมตังขึ้นเมื่อหลายพันปีมาแล้ว

          “หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าดาวพฤหัสบดีนั้นเป็นพี่ใหญ่ที่แสนดีแค่ไหน เขาคอยปกป้องน้องๆ จากอุกาบาตทั้งหลายที่จะเข้ามาในระบบสุริยะชั้นในเพื่อนจะชนดาวเคราะวงใน โดยการล็อคพวกมันไว้ด้วยแรงดึงดูดระหว่างตัวดาวพฤหัสเองและดวงอาทิตย์ ทำให้อุกาบาตเหล่านั้น ไม่สามารถเข้ามาได้ และบางที ดาวพฤหัสเองก็เป็นตัวรับอุกาบาตนั้นไปเองด้วย เป็นดาวที่อบอุ่น ปกป้องเราได้ นิสิตสาวๆ น่าจะชอบนะผมว่า ฮ่าๆ”

          “แล้วพี่จูปีเตอร์อบอุ่นเหมือนดาวพฤหัสหรือปล่าวครับอาจารย์” นักศึกษาชายคนหนึ่งพูดขึ้น

          “อะไรกัน ผมจะไปรู้ได้ไงเล่าว่าเขาเป็นคนยังไง ผมไม่ใช่แฟนเขาเสียหน่อย” ผมขมวดคิ้ว เด็กพวกนี้ไปเอามาจากไหน

          “อ้าว แล้ววันนั้นที่พวกเราเห็นพี่เตอร์มารออาจาร์นหล่ะคะ แถมอาจาร์ยยังให้พี่เตอร์จูงมือไปอีกแหน่ะ” อีกคนผูด

          “พวกเราไปทำธุระกันครับ”

          “แล้วเมื่อวันจันทร์หนูยังเห็นพี่เตอร์ลงภาพถ่ายที่ติดอาจารย์ด้วยนะคะ ในภาพเห็นอาจารย์กำลังตั้งกล้องโทรทรรศน์อยู่หน้าพระอาทิตย์ที่กำลังจะตก ไปดูดาวกันโรแมนติกดีนะคะ” แล้วทุกคนในห้องก็โห่แซว

          “เดี๋ยวก่อนครับ เดี๋ยวก่อน ที่เฮฮากันนี่จดในสไลด์เสร็จกันแล้วใช่ไหมครับ” แล้วทั้งห้องก็กลับมาอยู่ในโหมดเงียบเหงา ผมส่ายหัว
 
          ซึ่งจนถึงวันนี้ ผมไม่ได้เจอกับคุณเตอร์มาเกือบสองสัปดาห์แล้ว เขาไม่ได้โทรหาผม ผมก็ไม่ได้โทรหาเขา อาจจะเพราะเราทั้งคู่ต่างก็ติดงานกัน เลยไม่ได้มีเวลามาสนใจกันเลย
 
          วันนี้ผมสอนถึงหนึ่งทุ่ม กว่าทำธุระ เคลียร์งานเสร็จ ตอนที่ผมถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่มครึ่งแล้ว

          แต่เมื่อมาถึงก็ต้องแปลกใจกับรถคันคุ้นตาที่จอนสนิทอยู่หน้าบ้าน ผมจอดรถก่อนจะลงไปดูให้แน่ใจว่าเป็นคนที่ผมคิดไว้จริงไหม และก็ใช่ครับ เขานั่นแหละ

          ผมต้องเคาะกระจกรถเพื่อปลุกคนที่นั่งหลับอยู่หลังพวงมาลัยให้ตื่น ไม่รู้ว่าเขามารอผมนานแค่ไหนแล้ว

          “คุณเตอร์มาทำอะไรครับ” ผมถามหลังเขาลดกระจกลง

          “ผมจะมาขอข้อมูลทำหนังสือน่ะครับ ถ้ามันไม่เป็นการรบกวน...”

          “มาด้วยเหตุผลเดียวเนี้ยหรอครับ”

          “โถ่พี่คิดครับ กว่าผมจะคิดเหตุผลมาเจอพี่คิดได้นะ” เขาทำหน้ามุ้ย

          “หึๆ...” ผมยิ้มมุมปากให้เขา “งั้นเชิญเข้าบ้านก่อนครับ”

          ปากเขาบอกว่าจะมาขอข้อมูล แต่เจ้าตัวกลับหิ้วถุงกับข้าวลงจากรถมาแทบจะล้นมือ เชื่อเขาเลย

          เราสองคนทานข้าวกันโดยที่มีแมวทั้งสองตัวของผมเดินป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่รอบๆ และก็เหมือนว่าพวกมันจะชอบคุณเตอร์เป็นพิเศษจนถึงขั้นรวมตัวกันไปนั่งบนตักของเขาทั้งสองตัว เจ้าของตักเองก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังท่าจะเอ็นดูลูบหัวพวกมันไปด้วยตักข้าวเข้าปากไปด้วย

          เขาเล่าให้ผมฟังระหว่างกินข้าวว่าสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเขารับงานไปถ่ายภาพที่ต่างจังหวัดมา ที่ไม่ได้โทรหาผมเพราะลืมเอาโทรศัพท์ไป ตอนแรกผมก็งงครับว่าลืมได้ยังไง แต่พอเขาอธิบายว่าเขาไม่ค่อยพกโทรศัพท์เลยพยักหน้าเข้าใจ
 
          “คุณเตอร์ต้องการข้อมูลแบบไหนครับ” ผมถามหลังทานข้าวเสร็จ

          “ข้อมูลเกี่ยวกับพวกดาวเคราะห์นี่แหละครับ พวกรายละเอียดต่างๆ”

          “งั้นผมเอาหนังสือให้คุณยืมไปอ่านดีกว่านะครับ ถ้าจะให้ผมอธิบายเกรงว่าคืนนี้คงไม่จบ”

          “ได้เลยครับ”

          ผมเดินนำคุณเตอร์ขึ้นมาบนห้องเพื่อจะได้ให้คุณเตอร์เลือกหนังสือที่เข้าต้องการ หนังสือเกี่ยวกับระบบสุริยะผมมีเยอะมากครับ ตั้งแต่หนังสือเกร็ดความรู้เล่มเล็กๆ ไปจนถึงหนังสือความรู้จริงๆ ที่ลงรายละเอียดลึกถึงแก่นเล่มหนาเตอะ บางเล่มผมซื้อเอง บางเล่มก็เป็นของรุ่นพี่ที่เอามาให้ แต่เกินครึ่งนั้นเป็นของที่แม่ผมซื้อให้ครับ ท่านซื้อให้แล้วยังบังคับให้ผมอ่านให้จบอีกด้วย

          และตอนที่ผมพาเขามาที่หน้าชั้นหนังสือ ผมก็ได้ยินเสียงเขาอุทานคำว่าโหอีกครั้ง

          “โห...หนังสือเยอะจังครับ เป็นผมชาตินี้คงอ่านไม่หมด” เขามองสำรวจชั้นที่เต็มไปด้วยหนังสือต่างๆ นาๆ ของผม

          ผมหัวเราะก่อนจะพูด “เชิญคุณเตอร์เลือกเลยครับ”

          “เยอะขนาดนี้ผมคงเลือกไม่ถูก”

          “งั้นผมแนะนำเล่มนี้ครับ” ผมหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาจากชั้น “น่าจะเหมาะสำหรับคนที่เป็นมือใหม่ อ่านเข้าใจง่าย” ผมจำได้ว่าเล่มนี้เป็นเล่มแรกที่ผมซื้อหลังจากรู้ว่าตัวเองสอบติด และหลังจากอ่านเล่มนี้ไปผมก็หลงรักระบบสุริยะไปโดยปริยาย

          “ขอผมดูหน่อยครับ” ผมยื่นให้เขารับไปเปิดดูในตอนเดียวกับที่รู้สึกว่าโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่น

          ผมหยิบขึ้นมาดูถึงได้รู้ว่าเป็นคนที่ผมไม่ได้โทรหามาเกือบเดือนแล้ว

          “ผมขอตัวนะครับ” ผมบอกคุณเตอร์

          เขาพยักหน้าให้ผม ผมจึงเดินผละออกมาคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงห้อง

          “สวัสดีครับแม่ สบายดีนะครับ” ผมกดรับแล้วพูดทักทายคนที่อยู่ปลายสาย

          “สบายดีจ๊ะลูกชายย เดี๋ยวนี้เป็นแม่แล้วหรอที่ต้องโทรหาเนี้ย” แม่ทำเสียงน้อยใจ เพราะปกติแล้วผมจะเป็นคนโทรหาท่านเองทุกสัปดาห์

          “ช่วงนี้ผมไม่มีเวลาว่างเลยครับแม่ ขนาดเวลานอนยังแทบจะไม่มี”

          “จ่ะ แม่เข้าใจ ก็นึกว่าแอบไปมีแฟนจนลืมแม่แท้ๆ คนนี้แล้ว”

          “ฟงแฟนอะไรกันครับ ไม่มีซ่ะหน่อย”

          “ก็แม่ได้ยินข่าวลือมา” ห่ะ แม่ไปเอาข่าวมาจากไหนกัน

          “ข่าวที่ไหนครับ มั่วแล้วหล่ะ ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนกันเล่า แล้วผมก็ยังไม่อยากมีด้วย”

          “อืมๆ ไม่มีก็ไม่มี แล้วนี่แม่โทรมากวนหรือเปล่าเนี้ย งั้นแค่นี้ก่อนน่ะจ๊ะ แม่โทรถามเฉยๆ แม่จะออกไปช็อปปิ้งแล้ว”

          “ครับคุณแม่ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะให้กับแม่ที่ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่น ทั้งที่อายุก็ไม่ได้น้อยๆ แล้วนะ แล้วนี่แม่ตั้งใจโทรมาถามแค่นี้จริงๆ หรอ

          ผมเตรียมจะหันหลังกลับเข้าห้อง แต่ยังไม่ทันได้หันกลับไปก็รู้สึกถึงแรงกอดจากด้านหลัง และเมื่อหันหน้ากลับไปมองก็เห็นว่าตอนนี้คนที่ผมคิดว่ากำลังดูหนังสืออยู่กำลังซุกหน้าอยู่ที่ท้ายทอยผม เขาใช้จมูกถูไถคอผมไปมาอยู่หลายรอบ

          “พี่คิด” เขาพูดเสียงอู้อีกออกมาจนทำให้ผมจั๊กจี๊ที่ท้ายทอย

          “ครับ”

          เขาเลื่อนหน้าลงมาแล้วกระซิบที่หูผม “แต่ผมอยากเป็นแฟนพี่คิดนะ”

          “นี่มาแอบฟังหรอครับ”

          “เปล่า...แต่ถึงพี่จะไม่มีเวลาหา ผมก็จะเป็นคนหาพี่คิดเองนะ”

          “...”

          “แม้ว่าเราจะเวลาไม่ค่อยตรงกัน แต่ผมเชื่อว่าเราค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปกันได้”

          คุณเตอร์หมุนให้ผมหันไปหาเขา เรามองหน้ากัน คราวนี้ไม่มีความมืดมาปิดบังใบหน้าเราทั้งสองคน ผมเห็นสีหน้าเขาจริงจังตามที่เขาพูด ก่อนเขาจะเชิยคางผมขึ้นแล้วประจบปากจูบลงมาอีกครั้ง ผมยอมเปิดปากให้เขารุกล้ำเขามาแต่โดยดี อ้าปากรับจูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกโหยหา เขาขบเม้มริมฝีปากผมให้แฉะไปหมดจนลมเอื่อยๆ ที่พัดเข้ามาทำให้ผมรู้สึกเย็นปาก

         “อืม...” เสียงของผมลอดออกมาอย่างน่าอาย

         ไม่รู้ว่าเราจูบกันอยู่นานแค่ไหน จนตอนที่ผมรู้ตัวอีกทีคือตอนที่ผมนอนอยู่บนเตียงโดยที่มีเขาคร่อมอยู่แล้ว

         “พี่คิดครับ” เขาเรียกผม

         “ครับ”

         “พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปถ่ายรูปที่ยุโรป หนึ่งเดือน”

         ผมพยักหน้าหงึกๆ

         “เดี๋ยวผมกลับมานะ เรื่องของเรา...” เขาพูดแล้วโน้มตัวลงมาจูบผมอีกครั้ง

         เขาเลื่อนปากลงไปพรมจูบที่คอและลาดไหล่ผม มือเขาก็ล้วงไปใต้เสื้อเพื่อลูบไล้ไปตามลำตัวก่อนไปหยุดที่จุดอ่อนไหวของผม เขาเล่นกับมันจนแข็งเป็นตุ่มไตชูชันขึ้นมาสู้กับนิ้วของเขา ส่วนมือของผมตอนนี้กำเสื้อของเขาไว้แน่นด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน

         เขาเริ่มปลดกระดุมเสื้อผม ปากเขาก็เลื่อนต่ำลงไปเรื่อยอย่างแผ่วเบา จนผมต้องแอ่นอกรับมันไว้

         “คุณเตอร์...”

         “เรียกผมเตอร์เถอะครับ”

         “เตอร์...พรุ่งนี้ผมมีสอนนะ” ผมบอกเขา

         “ตอนไหนครับ” เขาเงิยหน้าขึ้นมาพูดกับผม

         “บ่าย”

         เขายิ้มก่อนจะตอบ “เดี๋ยวผมไปส่งนะ เครื่องผมออกตอนเย็น”

         ว่าแล้วเตอร์ก็ก้มลงใช้ลิ้นเล่นกับหัวนมผมต่อแล้วเลื่อนต่ำลงมาที่หน้าท้อง เขาปลุกเร้าผมจนสิ่งที่อยู่ใต้กางเก่งตื่นขึ้นมา มือซนของเขาเลื่อนลงไปปลดเข็มขัดของผมแล้วดึงให้กางเกงผมหลุดออกจากขา จากนั้นเขาก็ปลดปล่อยให้สิ่งที่กำลังดันขอบกางเก่งในผมเป็นอิสระ ก่อนจะครอบปากอมมันเข้าไป

         “อือ...เตอร์” ผมเสียวจนต้องครางชื่อเขาออกมา

         

         เตอร์ยกขาข้างหนึ่งของผมพาดบ่าเขาก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยน “พี่คิดพร้อมไหมครับ”

         ผมพยักหน้าหงึกๆ ให้เขาอีกครั้งก่อนที่จะรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมดันเข้ามาที่ช่องทางด้านหลัง

         “อือ...”



         ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมผมถึงยอมเขาขนาดนี้ ผมยอมรับว่าผมก็ชอบเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบไปตอนไหน รู้ตัวอีกทีผมก็ยอมเขาไปแล้ว และผมก็รู้ว่าเขาชอบก็ผม ความรู้สึกของเราตรงกัน ผมรูแค่นั้น


JJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJ

ตอนที่สี่ครับผมมม ตอนหน้าก็จบล้าาาวววว
รู้สึกตอนนี้จะงงๆ รึไม่งง 5555555
เอาเป็นว่าตอนนี้ไม่ค่อยจะมีสาระเลย

ภาพประกอบครับ
ดาวเสาร์


พายุที่ขั้ว


อำนาจแรงโน้มถวงดาวพฤหัสปกป้องโลก


ไปแล้วครับ เจอกันตอนหน้า
ฝากติดตามและคอมเม้นเป็นกำลังใจด้วยนะค้าบบ
 :katai4: :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2017 14:08:31 โดย Mocc1007 »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เค้ามีอะไรกันแล้ว..ววววววววววว     :oo1:

ออฟไลน์ ryne

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-2
ชอบค่ะ
ดูดาวไม่เป็น 555 แต่ชอบเรื่องดาราศาสตร์นะคะ
ช่วงนี้ยิ่งมีข่าว ocean world กับ cassini เลยได้อ่านบ่อยเลย
มีนิยายแบบนี้ก็ยิ่งฟินไปอี๊กกก

ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ่านไปๆ ก็ยิ้มกริ่ม
นอกจากมุ้งมิ้งกับเตอร์  คิด  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
โรแมนติค มากกกกกกกกก
แล้วยังได้ความรู้เรื่องดาราศาสตร์อีกเพียบ
ได้ดูภาพสวยๆ อีกด้วย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     

ออฟไลน์ Mocc1007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
         



         นักดาราศาสตร์ไม่จำเป็นต้องไปถึงใจกลางกาแล็กซี่เพื่อศึกษาระบบดาราจักร และไม่จำเป็นต้องไปให้ถึงดาวที่กำลังสนใจเพื่อศึกษามันด้วยตัวเอง เราสามารถรู้อัตราเร็วของมันได้ รู้อุณหภูมิ รู้ขนาด รู้มวล รู้ระยะที่มันห่างจากเรา ทั้งหมดนี้เราสามารถรู้ได้โดยการทำแค่เพียงสังเกตมันอยู่บนโลก หากเพียงแค่เราใช้ความเข้าใจในทฤษฎีก็จะอธิบายความเป็นไปของมันได้ - เพียงแค่เราเข้าใจ

ตอนที่ 5 คาบการโคจร

          ดาวพุธ หลายคนอาจจะรู้จักฉายาเตาไฟแช่แข็งของมัน เนื่องจากสนามแม่เหล็กที่เข้มเพียง 1% เมื่อเทียบกับของโลก และระยะที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์แค่ห้าสิบเจ็ดล้านกิโลเมตร(โลกห่างจากดวงอาทิตย์ร้ายห้าสิบล้านกิโลเมตร) จึงทำให้ทันมีอุณหภูมิบนพื้นผิวแตกต่างกันมากคือด้านที่หันเข้าดวงอาทิตย์ร้อนสุดได้ถึง 427 องศาเซลเซียส และด้านที่หันออกจากดวงอาทิตย์เย็นที่สุดได้ถึง -183 องศาเซลเซียส

          คงจะเหมือนวันแรกที่ผมได้ทำความรู้จักเขา จากด้านหลังผมเห็นเพียงคนคนหนึ่งที่ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ให้ความสำคัญกับเพียงสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ เย็นชา เข้าถึงยาก แต่พอผมได้ทำความรู้จักเขา ค่อยๆ ได้เห็นอีกด้านหนึ่ง ได้รู้ว่าเขาเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ ยินดีที่จะมอบความรู้ให้ผมด้วยความหวังดี และยิ่งผมได้รู้จักด้านหน้าของเขา ผมก็ยิ่งรู้ว่าเขานั้นเร่าร้อนแค่ไหน



          ดาวศุกร์ ดาวที่มักจะสุกสว่างหลังพระอาทิตย์ตกหรือก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เป็นดาวเคราะห์ลำดับที่สองถัดจากดาวพุธ ถึงแม้ว่าดาวศุกร์จะอยู่ห่างจากดาวอาทิตย์มากกว่าดาวพุธ แต่อุณหภูมพื้นผิวเฉลี่ยกลับสูงถึงห้าร้อยองศา เพราะชั้นบรรยากาศของดาวศุกร์นั้นประกอบด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกมากถึง 95%

          ช่างเหมือนกับผมที่กักเก็บความรักที่ผมมีให้เขาไว้ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ห่างกันไกลแค่ไหน ได้มีเวลาพบเจอกันเพียงน้อยนิดเนื่องจากเราทั้งคู่ต่างก็มีสิ่งที่ต้องทำ หากแต่ความรู้สึกที่เรามีให้กันนั้นสื่อถึงกันตลอดเวลา...



          ดาวอังคาร ดาวเคราะสีแดงฉาน ตัวแทนแห่งเทพสงคราม ดาวอังคารมีขนาดรัศมีเล็กกว่าโลกประมานครึ่งหนึ่งและใหญ่กว่าดวงจันทร์ประมานครึ่งหนึ่ง และมันยังโคจรอยู่ในโซนที่สิ่งมีชีวิตอยู่อาศัยได้หรือแฮบิแทดโซน เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่านาซ่าพบน้ำบนดาวอังคารด้วย นั่นทำให้เป็นอีกความหวังหนึ่งที่เราจะเจอสิ่งมีชีวิตนอกโลก

          หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าดาวอังคารนั้นมีฤดูการเหมือนกับโลก ในฤดูหนาวนั้นที่ขัวเหนือหรือใต้ของดาวจะมีนำแข็งสีขาวโพลนเกาะอยู่ เหมือนใจผมที่อาจจะหนาวสั่นบ้างเวลาที่เราห่างกัน แต่หากเพียงผมได้ยินเสียงเขา ได้เห็นหน้าเขาเพียงชั่วครู่ มันก็เหมือนกับว่าน้ำแข็งในใจผมละลายหายไปในทันที



          ดาวพฤหัสบดี ดาวเคราะห์ลำดับที่ห้า เป็นดาวเคราะก๊าซที่ขนาดใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ มันมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมานสิบเอ็ดเท่าของโลก และมีมวลเป็นสองจุดห้าท่าของมวลดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ รวมกัน นอกจากนี้ ดาวพฤหัสยังมีดวงจันท์ที่โคจรรอบๆ มันอีกหลายดวง และดวงที่คนรู้จักกันมากที่สุดสี่ดวงคือ ไอโอ, ยูโรปา, แกนีมีด และคัลลิสโต

          ชื่อของดาวพฤหัสบดีในภาษาอังกฤษคือจูปิเตอร์ ซึ่งเป็นชื่อโรมันของเทพซุส ราชาแห่งเหล่าทวยเทพกรีก ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพที่เจ้าชู้ประตูดินที่สุด มีชายากว่าสี่สิบคน และลูกอีกเกือบแปดสิบ ถึงแม้ว่าจูปีเตอร์ในตำนานเทพนิยายปกรณัมปรัมปรากรีกจะเป็นคนหลายใจเพียงใด แต่จูปีเตอร์ที่เป็นมนุษย์คนนี้เป็นคนรักเดียวใจเดียวแน่นอน



          ดาวเสาร์ เพรชยอดมงกุฎแห่งระบบสุริยะ วงแหวนของมันนั้นสวยที่สุดและไม่มีวงแหวนของดาวเคราะก๊าซดวงใดเทียบได้ และด้วยความที่ดาวเสาร์นั้นอยู่ไกลจากดวงอาทิตย์มากกว่าโลกสิบเท่า จึงทำให้คาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์นั้นใช้เวลานานไปด้วย นั่นคือใช้เวลา 29.45 ปี จึงจะกลับมาทีเดิม

          นั่นสิดี มันหมายความว่า โลกจะโคจรมาพบกับดาวเสาร์อีครั้งโดยใช้เวลาเพียง 378.09 หรือ 1 ปีกับอีก 13 วัน ในขณะที่ดาวที่อยู่ใกล้ๆ เราอย่างดาวอังคารนั้นต้องใช้เวลาถึง 780 จึงจะได้เจอกันอีกรอบ

          แต่มันไม่ค่อยจะเหมือนผมกับเขาหรอก เราสองคนอาจจะอยู่ไกลหรือใกล้กันตอนไหนก็ได้ บางครั้งอาจจะไกลกันนาน หรือบางครั้งอาจจะใกล้กันนาน เราไม่มีทางรู้เลยว่าวันพรุ่งนี้หรือเดือนหน้าจะมีงานมาพรากเราจากกันอีกตอนไหน แต่สิ่งที่ผมรู้แน่ๆ ก็คือว่า สุดท้ายแล้วผมและเขาก็ต้องกลับมาพบกันด้วยพันธะแห่งหัวใจอีกเหมือนเคย


JJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJ

          บางส่วนจากหนังสือที่เตอร์เขียน

          ผมอ่านหนังสือที่เตอร์ส่งมาให้ผมอ่าน ห้าเดือนให้หลังจากที่ผมนำเขาไปถ่ายภาพ มันอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานานแล้ว แต่มันก็ยังทำให้ผมยิ้มไม่หุบกับการเชื่อมโยงข้อเท็จจริงของดาวเคราะห์ที่ผมไม่รู้ว่าเขาไปเสาะแสวงมาจากไหนให้เข้าความคิดของเขา และในนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ภาพของดาวเคราะ แต่ยังมีภาพตอนที่ผมกำลังตั้งกล้อง ภาพพระอาทิตย์ตกวันนั้น ภาพดาวเต็มท้องฟ้าในคือวันเสาร์และอาทิตย์ และอีกมากมาย รวมไปถึงภาพที่มีเงาของเราสองคนนั่งอยู่ข้างกันมีฉางหลังเป็นดาวขาวโพลน

          ตอนนี้เตอร์กำลังเดินทางกลับจากถ่ายภาพสัตว์ที่แอฟริกา เขาไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนและจะกลับมาในวันนี้ สวนตอนนี้ผมกำลังจัดกระเป๋าเดินทางเพื่อไปดูงานที่ฝรั่งเศสหนึ่งอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้ แต่ผมยังไม่ได้บอกเขาครับ มันเป็นงานที่ออกจะด่วนหน่อย ผมก็เพิ่งจะรู้เมื่อสองวันก่อนนี่เอง


          “พี่คิดอยู่บ้านใช่ไหมครับ” เขาโทรมาหาผมในตอนเย็นวันนั้น เพิ่งจะลงจากเครื่องเขาก็โทรหาผมเลยหรอเนี้ย

          “ครับ”

          “งั้นเดี๋ยวผมไปหานะ”

          “เตอร์ไม่ต้องรีบก็ได้ครับ เพิ่งจะเดินทางมาถึง พักก่อนก็ได้นะครับ” ผมว่า

          “อะไรกัน ก็ผมคิดถึงพี่คิดนี่ครับ” เขาทำเสียงบูดๆ

          “โอเคครับๆ มาก็มาๆ”

          เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เขาเดินทางไปไหนนานๆ เขามักจะมานอนบ้านผมคืนแรกที่กลับมา 



          แล้วเขาก็มาหาผมในตอนค่ำวันนั้นโดยที่นำกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาด้วย ยังไม่เอาของไปเก็บจริงๆ ตามที่ผมเดาไว้

          "ผิวเตอร์สีเข้มขึ้นนะครับ" ผมทักเขา

          "ก็ต้องเข้มสิครับ ผมทำงานตากแดดนะ ตั้งอาทิตย์หนึ่งแหน่ะ" เขาเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ ผมที่โซฟา ก่อนจะเอาหัวมาซุกไหล่ผม "แต่ถึงจะเข้มขึ้น ผมก็รู้นะครับว่ายังไงพี่คิดก็ยังชอบผมอยู่เหมือนเดิม"

          "..."

          "ใช่มั้ยล่ะ" เขาชะโงกหน้ามามองผมที่หันหน้าหนี

          "..." จะให้ตอบยังไงหล่ะครับ มันเขิน

          "โอะ นั่นมันหนังสือผมนี่นา พี่คิดได้รับแล้วหรอครับ" เขามองไปยังหนังสือที่ปกเป็นภาพของดาวประกายวิบวับเต็มท้องฟ้าเบื้อหลังของเงาคนสองคนที่ดูเหมือนกำลังจูบกันที่วางอยู่บนโต๊ะ

          "ครับ"

          "เป็นยังไงบ้างครับ"

          "ก็ดีครับ ข้อมูลแน่นดี"

          "ผมไม่ได้ถามถึงข้อมูล ผมถามถึงข้อความที่ผมเขียนถึง...เรา...เป็นยังไงบ้างครับ"

          "...ก็" ผมหันหน้าหนีอีกครั้ง "ดีครับ..."

          "ดี?"

          "คะ...ครับ...อะ...อืมม..." เขาใช้มือสองข้างประคอหน้าผมให้หันกลับไปก่อนจะบดจูบลงมาที่ปาก




          ผมก็เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเตอร์นั้นมันถึงขั้นไหนแล้ว เราไม่เคยขอกันเป็นแฟน ไม่รู้สิ ผมว่าเราทั้งคู่อายุมากเกินกว่าจะมาขอกันใช้คำว่าแฟนเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างเรา ผมว่าการกระทำของเราเนี้ยแหละเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันที่ดีกว่า

          อาจจะเป็นเพราะด้วยความที่ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ จึงทำให้ผมได้รู้ว่าปรัชญากับทฤษฎีนั้นมันอาจจะเป็นสิ่งคล้ายกัน แต่ความจริงแล้วสองสิ่งนี้พูดถึงคนละเรื่อง ทฤษฎีทางฟิสิกส์คือการอธิบายธรรมชาติ อาจจะอธิบายด้วยสมการทางคณิตศาสตร์ หรืออธิบายด้วยข้อความก็ได้ ซึ่งมันสามารถถูกล้มล้างได้ด้วยการพิสูจน์และทดลอง แต่ปรัชญานั้นกล่าวถึงการใช้ชีวิตและความรู้สึกของมนุษย์ ซึ่งหลายครั้งที่เราอาจจะเปรียบเทียงธรรมชาติให้เข้ากับความรู้สึก เหมือนกับเปรียมทฤษฎีกับปรัชญาชีวิต แต่ในความเป็นจริงความรู้สึกอาจจะไม่สามารถเปรียบเทียบธรรมชาติได้เสมอไป

          มนุษย์ใช้ภาษาเพื่อสื่อสาร เพื่อการดำรงชีวิต จนภาษากลายเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อ ฝังลึกลงไปในแก่นรากของจิตใต้สำนึก จนภาษามีผลกับความรู้สึก ทำให้มนุษย์สามารถแสดงกริยาตอบสนองต่อคำที่ได้ยิน
         
          ซึ่งแน่นอนว่าคำว่าความรักก็เป็นคำหนึ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ด้วยความที่เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง มีสังคมและความเชื่อ และสังคมนั้นอยู่ร่วมกันด้วยความสัมพันธ์ ซึ่งความสัมพันธ์และความรู้สึกที่ทำให้มนุษย์สองคนอยู่รวมกัน กินอยู่ด้วยกันนั้นเราเรียกมันว่าความรัก
         
          มนุษย์พยายามให้คำนิยามความรักด้วยปรัชญา พยายามตีกรอบว่ามันคือสิ่งนั้น มันทำให้เกิดสิ่งนี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่ทำให้เกิดมีแค่มนุษย์เท่านั้นที่เป็นผู้กำหนด

          แต่ความรักสำหรับตัวผม มันอาจจะเป็นการที่คนสองคนผูกพันธ์กันด้วยสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องหาคำมาอธิบายความสัมพันธ์นั้น เพียงแค่เรามีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน คอยห่วงใย หวงแหน รับฟัง และยอมรับซึ่งกันและกันโดยปราศจากเงื่อนใขใดๆ ไม่จำเป็นหรอกว่ามันจะเกิดขึ้นมาตอนไหน ขอแค่ผมรู้ใจตัวเองตอนนั้นว่าต้องการอะไรก็พอ

          “ผมว่าจะถามตั้งแต่ขึ้นห้องมาแล้ว พี่คิดจะไปไหนครับ” เขาถามผม ตอนนี้เราสองคนนอนอยู่บนเตียงโดยที่ผมนอนหันหลังเป็นหมอนข้างให้เขาอยู่เช่นเคย
         
          “พรุ่งนี้ผมต้องไปดูงานที่ฝรั่งเศษครับ หนึ่งอาทิตย์” ผมตอบ
         
          “อ่าว ไหงงั้นอะ ผมเพิ่งจะกลับมา พี่คิดจะเป็นคนไปซ่ะงั้น” เตอร์ใช้จมูกถูไถอยู่ที่หลังใบหูผม “แล้วเจ้าเมกับเจ้าไมหล่ะครับ”
         
          “คงต้องให้คนใจบุญแถวนี้ดูแลครับ”
         
          “เอ๋ งั้นพรุ่งนี้ผมไปทำบุญดีกว่า”
         
          ผมหัวเราะ “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้งครับ”

          “พี่คิด...” เขาเกริ่นขึ้นก่อนจะเงียบไป

          “ครับ”
         
          “พี่คิดว่าระหว่างเราเป็นแบบนี้ดีแล้วหรอ นานๆ ถึงเจอหน้ากันทีแบบนี้หน่ะ”
         
          “จะใช้คำว่าดีก็คงไม่ถูกครับ แต่เราสองคนก็มีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำ ผมก็มีงานสอน มีวิจัยที่ต้องทำ เตอร์ก็ต้องทำงานถายภาพของตัวเอง ไม่จำเป็นหรอกว่าถ้าคนสองคนรักกันแล้วต้องอยู่ด้วยกัน ขอเพียงแค่รู้ว่ารักกัน แล้วรักษามันไว้ได้ก็พอแล้วครับ”

          “แต่... ถ้าวันหนึ่ง... ถ้าหากว่าผมอยากดูแลพี่คิดมากกว่านี้... ถ้าหากวันหนึ่งผมต้องเลิกทำงานนี้... หรือหากวันหนึ่งพี่เตอร์ต้องไปอยู่ที่อื่น... ”

          ผมพลิกตัวไปทางเขา “ถึงตอนนั้นเดี๋ยวเราก็คงจะรู้เองแหละว่าควรทำยังไง” คราวนี้ผมเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าไปจูบเขา บดขยี้ริมฝีปากที่ให้ความรู้สึกหยุ่นๆ นั่น ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายรุกผมกลับ

          ก็อย่างที่ผมพูดไป ต่อจากนี้ไม่รู้ว่าระหว่าเราจะเป็นยังไงต่อไป แต่ผมเห็นด้วยกับกับกับประโยคหนึ่งในนังสือของเขานะ

         
ถ้าหากสองวัตถุได้โคจรรอบกันด้วยความสมดุลแล้ว มันก็จะโคจรแบบนั้นอยู่ตลอดไป

-จบ-


JJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJ

จบแล้วครับ ฮื่อออ
ไม่รู้ทำไมต้องเขียนห้าตอนด้วย เกือบได้ผ่าสมองออกมารีดตัวหนังสือ
เขียนตอนท้ายๆ เนี้ยคือสมองแบล้งมาก
แต่สุดท้ายมันก็จบจนได้ เฮ้

เรื่องนี้ตั้งใจแต่งให้ความรู้เลยไม่ได้เน้นเรื่องความสัมพันธ์ของสองคนเท่าไหร่
ด้วยความที่มันเป็นเรื่องสั้น ดีเทลมันเลยน้อยไปหน่อย
ไม่รู้ว่าเดินเรื่องเร็วไปไหม

ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่ชอบ และติชมนะครับ
หวังว่าเรื่องนี้จะทำให้หลายคนใสใจดาราศาตรมากขึ้นหรือได้ความรู้เล็กๆ น้อยๆ บ้างก็ยังดี

ยังไงก็คอมเม้นเป็นกำลังใจด้วยน้าาาคร้าบบบ
ไปแล้วครับเจอกันใหม่เมื่อตอนขยันครับ
 :hao5: :katai4: :bye2:

ปล. อาจจะมีตอนพิเศษมาให้อ่านกัน ยังไงก็รอติดตามนะครับ แต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้ เพราะหลังจากนี้จนสิ้นเดือนผมไม่ว่างเลย นี้ก็อู้อ่านหนังสือมารีบปั่นมาให้อ่านกันก่อน (ความจริงคือขี้เกียจอ่าน5555)

ออฟไลน์ Mewalsax

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านแล้วเหมือนกำลังดูดาวไปด้วยเลย อยากกลับบ้านเก่าเลยทีนี้ ท้องฟ้าโล่ง เห็นดาวชัด แถมมีเรื่องของพี่ิคิดกับคุณเตอร์ด้วยแล้ว คงดูดาวแบบเขินๆ น่าดู 55555

คนแต่งเก่งมาก ข้อมูลแน่น ไม่วิชาการเกินไป เข้าใจง่าย ชอบบบบ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พ่อดาวพฤหัสโคตรจะโรแมนติก ใครเขียนหนังสือให้แบบนั้นบ้าง รักตายเลย
รอตอนพิเศษ ช้าหน่อยไม่ว่า แต่เขียนนะ อยากอ่านต่อ  :pig4:

ออฟไลน์ Mocc1007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

          หากพูดถึงดาวหาง หลายคนคงยังสับสนคำนี้กับดาวตกหรือผีพุ่งใต้ ซึ่งความจริงแล้วสองอย่างนี้มันเกิดที่คนละจุด ดาวตกหรือฝนดาวตก คือสะเด็ดดาวหรือฝุ่นต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลก แต่ดาวหางนั้นคือก้อนก๊าซหรือน้ำแข็งที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ แต่วงโคจรของดาวหางนั้นมีความรีมาก มันจึงมีระยะที่ใกล้และไกลดวงอาทิตย์ที่สุด และหากมันเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ ลมสุริยะจะพัดให้ก้อนก๊าสนั้นเกิดหางออกมา


          โดยส่วนใหญ่แล้วคาบของดาวหางนั้นมีระยะเวลานานมาก อาจจะหลายสิบปี หรือหลายร้อยปี ขึ้นอยู่กับวงโคจรของมัน หากคุณเคยเห็นดาวหางก็พึงระลึกไว้เถิดว่า คุณได้เห็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนหน้าคุณหลายรุ่น และหลังคุณหลายรุ่น อาจจะยังไม่เคยเห็นมาก่อน

ตอนพิเศษ 1 ดาวหาง

          กริ๊ง!!!

          เสียงออดหน้าบ้านพี่คิดดังขึ้นตอนที่ผมกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ที่หน้าบ้านทำให้ผมต้องหันไปมองว่ามีใครมา

          ผมเดินมาดูก็พบว่ามีหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูรั้ว เธอสวมหมวกใบใหญ่สีแดงกับแวนตาดำปิดไปครึ่งหน้า ผมเดาว่าเธอคงมีอายุเลยวัยกลางคนไปมากแล้ว สังเกตได้จากรอยย่นของผิวที่อยู่นอกเหนือการปิดบัง ด้านข้างเธอมีกระเป๋าเดินทางใบยักอีกสามใบวางอยู่

          “สวัสดีครับ” ผมทักออกไป “ไม่ทราบว่ามาหาใครครับ”

          “ฉันไม่จำเป็นต้องมาหาใครที่นี่”

          “...เอ่อ” อะไรวะ “แล้วคุณผู้หญิงมาทำอะไรที่นี่ครับ”

          “ฉันจะทำอะไรกับที่นี่ก็ได้”

          “...” ใครวะ โรคจิตหรือเปล่า “แล้ว...”

          “รีบเปิดประตูสิคะ ฉันร้อน” เธอพูดแทรกขึ้นสั่งผมทำเอาผมงงเป็นไก่ตาแตก

          “เอ่อ...ขอโทษนะครับ แต่คุณเป็นใคร” ผมตัดสินใจถามออกไป เธอคือใคร อยู่ดีๆ มากดออดแล้วมาสั่งใส่ผมเปิดประตู ไม่บอกไม่กล่าวอะไรเลย

          “ฉันก็เป็น—”

          “แม่!!!” ยังไม่ทันที่คุณผู้หญิงหมวกแดงจะทันได้พูด เสียงพี่คิดก็ดังจากทางด้านหลังผม

          อะไรนะ...แม่หรอ แม่พี่คิด!!! ตายห่าแล้ว

          ผมรีบหันขวับไปด้านหลังเห็นพี่คิดวิ่งเข้ามาทางผมแล้วรีบเปิดประตูรั้วออกไป

          “จะมาทำไมไม่บอกคิดก่อนเลยครับ” พี่คิดโผเข้าไปกอดแม่แน่น

          “ถ้าบอกก็ไม่เซอไพรซ์สิจ๊ะ ไม่ใช่คิดเซอไพรซ์นะ แม่เนี้ยแหละ” แม่พี่คิดหอมแก้มพี่คิดข้างซ้ายทีขวาที “เข้าบ้านกันเถอะ ทำไมอากาศเมืองไทยมันร้อนขนาดนี้นะ”

          ผมรีบวิ่งตาลีตาเหลือกออกไปยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ให้คุณแม่พี่คิดโดยเร็ว มันหนักเอาการอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรครับ แค่นี้จิ๊บๆ ส่วนพี่คิดก็เดินกอดแขนแม่นำเข้าบ้าน

          “แล้วพ่อไม่มาด้วยหรือครับ” พี่คิดถามแม่ ผมไม่ได้แอบฟังนะ ผมเดินตามหลังพวกเขาอยู่ มันได้ยินเอง

          “พ่อเขาติดธุระหน่ะจ๊ะ อีกสามวันถึงจะมา แม่คิดถึงคิดเลยรีบมาก่อน” แม่พี่คิดตอบพร้อมกับถอดหมวกและแว่นยื่นให้ลูกชายถือ

          “แล้วแม่จะอยู่นานไหมครับรอบนี้”

          “คงสักเดือน แต่ถึงแม่อยู่ไม่นาน ตอนนี้คิดก็คงไม่เหงาแล้วมั้ง ใช่ไหมจ๊ะ” แม่พี่คิดยกมือขึ้นลูบหัวลูกชาย พี่คิดไม่ตอบ ส่วนผมก็ได้แต่เดินอมยิ้มตามไป

         

          “แม่ครับ นี่คือคุณจูปีเตอร์ เป็น...เอ่อ...เป็น...ฟ...”

          “แม่รู้แล้ว” คุณแม่ตัดบทอึกอักของพี่คิดแล้วจะยิ้มกว้าง หลังจากให้ผมยกกระเป๋าสองใบขึ้นไปไว้บนห้องนอนแล้วเหลือหนึ่งใบไว้ในห้องรับแขก แม่พี่คิดก็เรียกให้ผมมานั่งที่โซฟา “สายสืบแม่ทำงานไม่ขาดตกบกพร่องจริงๆ”

          “สวัสดีครับ เรียกผมเตอร์ก็ได้ครับ” ผมยกมือไหว้

          “สวัสดีจ่ะ หน้าตาหล่อเหลาสมกับที่สายสืบแม่เชียร์นะ” ประโยคหลังคุณแม่หันไปพูดกับพี่คิด “ขอโทษด้วยนะจ๊ะที่แม่กวนเตอร์เมื่อกี้ แม่แกล้งขำๆ นะ”

          “ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มรับ ออกจะเกร็งๆ อยู่บ้าง จะใม่ให้เกร็งได้ไง นี่แม่พี่คิดนะ

          “อ่าวจะสายแล้ว” พี่คิดมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง “งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ เดี๋ยวตอนเที่ยงผมกลับมาทานข้าวด้วยครับ”

          “เดี่ยวผมไปส่งครับพี่คิด” ผมเสนอ

          “ไม่เป็นไร เตอร์อยู่ช่วยแม่จัดของดีกว่า” พี่คิดว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปทางแม่ก่อนจะหอมแก้มทั้งสองข้างบอกลา ส่วนผมที่โดนปฎิเสธก็นั่งหน้าเอ๋อ

          พี่คิด...ทิ้งผมงี้เลยหรอครับบบ

          แต่เดี๋ยวก่อน จัดของอะไรกัน “ดีเลย เตอร์มาช่วยแม่จัดของดีกว่า ทางนี้เลย” ยังไม่ทันได้ถามผมก็ถูกสั่งให้ต้องเดินมาหยุดอยู่ข้างกระเป๋าใบโต ใบที่ไม่ได้ยกไปไว้ข้างบน ผมจำได้ว่าใบนี้มันหนักเป็นพิเศษ

          คุณแม่เปิดกระเป๋าใบนั้นทำให้ผมเห็นของที่อยู่ข้างใน ในนั้นมีซองกันกระแทกห่อสิ่งที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมผื่นผ้าไว้ ซ้อนทับกันอยู่หลายอัน ผมก้มหยิมมั้นขึ้นมาหนึ่งอันแล้วลงมือแกะ

          “ฮ่าๆๆๆๆ” ผมหัวเราะก๊ากออกมาโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่อยู่ในห่อกันกระแทกนั่นคือกรอบรูปที่มีภาพพี่คิดตอนเด็กๆ อยู่ ในรูปพี่คิดกำลังกินไอกรีมรศช็อกโกแล็ต แต่ไม่รู้กินท่าไหนถึงได้มอมแมมขนาดนั้น ช็อกโกแล็ตเปื้อนเต็มขอบปากลามไปครึ่งแก้ม

          “อ้อ รูปนี้ ตอนนั้นเราพาคิดไปฉลองวันเกิดนอกบ้านครั้งแรก แม่จำได้ว่าตอนนั้นคิดกินไอกรีมไปหกถ้วยแหนะ” แม่พีคิดว่าไปก็ยิ้มไป

          “โห”

          “เตอร์เอาไปแขวนไว้ที่ผนังเลย ตรงนั้นนะ” คุณแม่ชี้ไปที่ผนังห้องรับแขกที่มีตะปูโผล่ออกมาหลายอัน ผมเคยสงสัยอยู่เหมือนกันว่ามันมีไว้ทำไมแต่ก็ไม่เคยถามพี่คิดสักที

          “คุณแม่พกรูปพวกนี้ไปไหนมาไหนด้วยตลอดเลยหรือครับ” ผมถามขณะเดินเอาภาพไปแขวน

          “ใช่จ่ะ เวลาแม่คิดถึงลูกๆ แม่ก็จะเอาภาพพวกนี้ขึ้นมาดู” แม่พี่คิดหยิบอีกอันขึ้นมาแกะ “จะทำไงได้หล่ะ ลูกแม่ทุกคนหน่ะไม่อยู่ติดบ้านเลยซักคน แต่ก่อนคนโตก็ไปทำงานต่างประเทศ คนเล็กก็ไปเรียนต่างประเทศ พอคนเล็กเรียนจบมาทำงานที่ไทย พ่อกับแม่ก็พากันย้ายไปต่างประเทศ เราเลยก็ได้แต่ไปๆ มาๆ หาคนนู้นทีคนนี้ทีนั่นแหละ”

          ผมพยักหน้าเข้าใจ

          “นี่ไง รูปนี้ตอนที่คิดกับพี่ชายเขาไปเล่นน้ำครั้งแรก คิดกลัวนำลึกจนต้องเกาะหลังพี่ชายไว้ตลอดเลย” คุณแม่ยื่นภาพมาให้ผม เป็นภาพเด็กชายตัวเล็กกำลังเกาะหลังเด็กอีกคนที่ตัวโตกว่า โดยที่เด็กตัวเล็กทำหน้ากำลังจะร้องไห้ส่วนพี่ชายกำลังอ้าปากหัวเราะอยู่

          ผมยิ้มออกมาหลังจากเห็นภาพนั้น พี่คิดตอนเด็กน่ารักมาก ผิวขาวกว่าตอนนี้ มีแก้มยุ้ยๆ น่าฟัดมากๆ

          “พี่คิดตอนเด็กน่ารักมากเลยนะครับ”

          “ใช่จ่ะ แถมยังขี้อ้อนอีกด้วยนะ จนตอนนี้ก็ยังอ้อนอยู่ อยากได้อะไรก็จะมาอ้อนพ่อกับแม่ตลอด บางทีก็ไปอ้อนพี่ชายด้วย แล้วด้วยความที่เป็นลูดคนสุดท้อง ใครๆ ก็มีแต่คนตามใจ”

          คุณแม่เอาอีกหลายๆ ภาพให้ผมดู ภาพตอนที่พี่คิดแข่งฟุตบอลของโรงเรียนชนะ ในภาพพี่คิดเป็นคนถือถ้วยรางวัลโดยมีเพื่อนๆ ยืนทำท่าทางดีใจอยู่รอบๆ ภาพตอนที่พี่คิดกับพี่ชายกำลังเล่นสกีโดยที่พี่คิดกำลังจะล้มหัวคะมำกับหิมะ ภาพตอนพี่คิดอาบน้ำตอนเด็กๆ มีเป็ดยางตัวเล็กลอยอยู่รอบอ่าง ภาพพี่คิดนั่งเล่นของเล่นอยู่กลางบ้าน ภาพพี่คิดหัดขับจักรยานครั้งแรก ภาพที่คิดกับเพื่อนตอนมัธยม ภาพพี่คิดตอนรับรางวัลดาราศาสตร์โอลิมปิก ภาพพี่คิดกับกล้องโทรทรรศน์ตัวแรก ภาพพี่คิดกอดกับพี่ชายที่สนามบิน ภาพตอนพี่คิดรับปริญญา

          “รูปนี้ ตอนที่คิดกับพี่ชายเขาไปเล่นเบสบอล วันนั้นเป็นวันซ้อมใหญ่ก่อนแข่ง” คุณแม่ยื่นภาพพี่คิดกับพี่ชายที่กำลังถือไม้เบสบอลยืนคู่กันให้ผมดู “แต่โชคไม่ดีเท่าไหร วันนั้นคิดโดนลูกเบสบอลอัดเข้าที่หน้า ปากแตกเลยหล่ะ ดีที่ฟันเขาไม่หัก คิดยืนยั้นว่าจะลงแข่งให้ได้แต่แม่ยอม และมันก็เป็นครั้งแรกที่แม่ขัดใจเขาได้ด้วยนะ เพราะคิดร้องไห้ไม่ได้ เจ็บปาก ฮ่าๆๆๆ”
         
          ภาพพวกนี้ทำให้ผมเห็นชัดเลยว่าตอนเด็กพี่คิดเป็นเด็กที่มีความสุขแค่ไหน มีครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อแม่ที่ดูแลเอาใจใส่ มีพี่ชายที่แสนดี ฮืออออ ทำไมแฟนผมน่ารักขนาดนี้นะ

          “นี่ตอนวันวาเลนไทน์ ตอนนั้นคิดอยู่มอปลาย” ผมมองดูภาพพี่คิดใส่ชุดนักเรียนมัธยม มีสติกเกอร์หัวใจติดเต็มเสื้อนักเรียนสีขาว มือสองข้างมีดอกไม้อยู่เต็มมือ “ฮอตมากเลยใช่ไหมล่ะจ๊ะ”

          หลังจากที่ผมกับแม่พี่คิดแขวนภาพเสร็จเวลาก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว เพราะว่าแขวนไปคุณแม่เขาก็เล่าเรื่องสมัยพี่คิดเด็กๆ ให้ผมฟังไปด้วยจนผมรู้สึกผ่อนคลายไม่รู้สึกเกร็งกับคุณแม่อีกแล้ว วีรกรรมตอนเด็กพี่คิดก็แสบใช่ย่อยเหมือนกันนะผมว่า พอใกล้จะเที่ยงแล้ว แม่พี่คิดจึงเข้าครัวทำอาหารโดยมีผมเป็นลูกมือ โชคดีที่ยังมีของสดกับผักติดตู้เย็นอยู่พวกเราเลยไม่ต้องออกไปซื้อข้างนอกให้เสียเวลา

JJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJ


          ผมเดินเข้าบ้านมาในตอนเที่ยงจมูกก็ได้กลิ่นอาหารที่ผมคุ้นเคย เย้ อาหารฝีมือแม่ที่ผมคิดถึง

          “โอ้โห ทำไมแม่ทำเยอะจังครับ” ผมเดินมาทางโต๊ะทานข้าวก็ต้องตาโตเพราะมีอาหารวางอยู่เต็มโตะไปหมด ดูเหมือนว่าแม่ผมเพิ่งจะทำเสร็จพอดี ควันยังลอยฟุ้งอยู่เลย

          “ก็เพราะแม่มีลูกมือไงล่ะจ๊ะ” ผมหันไปมองเตอร์ที่ยังใส่เสื้อกันเปื้อนยืนยิ้มให้ผมอยู่

          ความจริงผมก็รู้อยู่หรอกว่าเหตุผลที่แม่มาเซอร์ไพรซ์ผมเพราะอะไร คิดไว้แล้วว่าแม่ต้องเล่นอะไรแบบนี้ เรื่องของผมกับเตอร์ผมไม่ได้จะปิดบังใครอยู่แล้ว แต่แม่ก็ยังไม่เคยถามถึงเขาผมเลยไม่ได้บอก แล้วก็ดูเหมือนแม่ไม่จำเป็นต้องฟังจากปากผมด้วยซ้ำเพราะมีสายคอยรายงานอยู่ตลอด ผมสงสัยอยู่เหมือนกันนะว่าใคร แต่ก็ช่างมันเถอะครับ ดีซะอีกผมจะได้ไม่ต้องอธิบายอะไรกับแม่ให้มากความ

          เราสามคนนั่งทานข้าวกันโดยที่มีแม่เล่าเรื่องของผมให้เตอร์ฟังไปเรื่อย คนฟังก็ยิ้มไม่หุบ แถมหันมายิ้มให้ผมบ้างบางครั้ง

          “แล้ววีรกรรมตอนมัธยมที่ตลกที่สุดของคิดหน่ะ แม่ยังจำได้ดีเลยวันนั้น”

          “แม่...” ผมปรามแม่ รู้ว่าแม่กำลังจะพูดเรื่องที่ผมอายที่สุดในชีวิต

          “วันนั้นเป็นวันเกิดของเพื่อนคิดสักคน แม่จำชื่อไม่ได้แล้ว แม่ไปส่งเขาที่งานเลี้ยงตั้งแต่ตอนเย็น คิดก็บอกแม่ว่าไม่ต้องไปรับเดี๋ยวเพื่อนจะมาส่งที่บ้าน แม่เลยเข้านอนก่อนคิดจะกลับ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นมันอยู่ที่ ไม่รู้ว่าคิดไปกินอิท่าไหน ถึงได้โดนเพื่อนมอมเหล้า เมาเละเป็นหมาเลยสิทีนี้ กลับบ้านมาตอนไหนไม่รู้ พอแม่มาดูตอนเช้าวันถัดมานะ ประตูห้องก็ไม่ปิดและที่สำคัญคือบนเตียงบนพื้นห้องเต็มไปด้วยอ้วก เหม็นหึ่งเลย”

          แม่...

          ผมหันไปมองเตอร์ที่กำลังนั่งกลั้นขำจนไหลสั่น ส่วนตัวผมก็ได้แต่ก้มหน้ากินข้าวต่อ หน้าแดงไปหมดเลยครับ ผมคิดถึงสภาพตอนนั้นแล้วก็ยังอายอยู่เลย มันเละจนน่าอายมากจริงๆ ตื่นเช้ามาแฮงหนักลุกขึ้นมาอวกอีกเกือบทั้งวัน

          “แล้วตั้งแต่ตอนนั้น คิดก็ไม่แตะเหล้าอีกเลย”

          “โห ก็ดีเลยสิครับ” เตอร์พูด

          “ใช่ แม่อยากจะไปขอบคุณเพื่อนที่มอมเหล้าคิดมากๆ เลยหล่ะ”

          แล้วทั้งสองคนก็พากันหัวเราะออกมา เข้ากันดีจริงๆ เลยนะ

JJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJJ

เย้ๆ เอาตอนพิเศษมาให้อ่านแล้วครับบบ โนสาระ เน้นเผาพี่คิด555555

หายไปหลายวัน แอบไปดูดาวมาครับ เอารูปดาวพฤหัสมาฝาก



อันนี้ใช้มือถือถ่ายจากกล้องโทรทรรศน์อีกที แสงอาจจะมากไปนิด5555
ไปแล้วครับ เจอกันไหม่เร็วๆ นี้
ฝากคอมเม้นต์เป้นกำลังใจด้วนนะค้าบบบบบบ
 :katai5: :katai5: :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2017 16:42:34 โดย Mocc1007 »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ขุ่นแม่น่ารัก..เปิดตัวราชินีที่แท้ก้อนางฟ้าดีๆนี่เอง
ว่างๆก้อมาลงตอนพิเศษอีกน๊า เรื่องน่ารัก ชอบ  o13

ออฟไลน์ Mocc1007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
           คุณเคยรอการกลับมาของอะไรบางอย่างไหม? ถ้าคุณเคยคงจะรู้จักการรอคอยสินะ ผมคิดว่าทุกคนคงเคยรออะไรบางอย่าง บางทีรอแบบไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันจะมาตอนไหน หรือบ้างก็ไม่รู้เลยว่ามันจะกลับมาไหม – แต่มีอย่างหนึ่งที่คุณไม่ต้องเดา ไม่ต้องคิดเลยว่ามันจะมาไหม เพราะมันมาแน่นอนและมาในวันเดิมๆ ของทุกๆ ปี

ตอนพิเศษ ฝนดาวตก part 1

           ลมหนาวเดือนธันวาพัดเอื่อยๆ เข้ามาปะทะหน้าผมที่ยืนอยู่บนหอดูดาวยอดดอยอินทนนท์ ความเย็นทำให้ผมแสบจมูกจนต้องดึงผ้าพันคอขึ้นมาปิดจมูกไว้

           ในฤดูหนาวนั้นท้องฟ้าจะโปร่งปลอดเมฆ ฝุ่นในบรรยากาศก็น้อย ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเหมาะแก่การเก็บข้อมูลวิจัยเป็นอย่างยิ่ง และด้วยเหตุนี้ผมจึงได้ออกมาทำงานนอกสถานที่ในช่วงปลายปี ถ้านับคืนนี้ก็คืนที่สองแล้ว ตอนนี้เวลาตีสองสิบห้านาที วัตถุท้องฟ้าที่ผมมาสังเกตการณ์นั้นตกขอบฟ้าไปเป็นที่เรียนร้อยแล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นเวลาที่ผมควรกลับที่พักและเข้านอนอย่างสบายอารมณ์ได้แล้ว

           เนื่องจากที่นี่ไม่อนุญาตให้ใช้แสงไฟส่องสว่างมากนักเพราะมันเป็นการรบกวนกล้องโทรทรรศน์ ทำให้แสงที่ได้อาจผิดเพี้ยน ดังนั้นผมจึงเดินลงบันไดด้วยความมืดอย่างระมัดระวังไปยังลานจอดรถด้วยแสงเพียงน้อยนิดที่พอทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวเป็นเพียงเงาลางๆ

           “สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติขอเชิญชวนประชาชนชมฝนดาว Gemini หรือกลุ่มดาวคนคู่ ในระหว่างวันที่สี่ถึงสิบเจ็ดธันวาคมนี้ ตั้งแต่เวลายี่สิบนาฬิกาเป็นต้นไป โดยฝนดาวตกจะมีความถี่ประมาณเจ็ดสิบสามดวงต่อช่วงโมง...”

           เสียงข่าวยามย่ำรุ่งจากวิทยุดังขึ้นขณะที่รถของผมเคลื่อนช้าๆ ไปตามถนนที่มืดมิด

           อ่า จริงสิ นี่มันเดือนธันวาแล้วนี่นา ฝนดาวตกเจมินีจะมาในช่วงนี้ของทุกๆ ปี อืม...พอมาคิดอีกที จากที่ตอนแรกผมคิดว่าพอได้ข้อมูลตามต้องการแล้วผมจะกลับกรุงเทพเลย แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกอยากเปลี่ยนใจอยู่รอดูฝนดาวตกแล้วสิ

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
           “ฮือ...ว่าไง...”

           “พี่คิด”

           “ครับ ว่าไง”

           เช้าวันใหม่ของผมถูกปลุกด้วยเสียงริงโทนโทรศัพท์จากนายจูปีเตอร์ที่ตอนนี้อยู่ประเทศทางตะวันออกกว่าประเทศไทย ผมคิดว่าตอนนี้ที่นั่นคงจะเป็นเวลาสายๆ แล้ว

           “ก็ไม่ว่าไง ผมแค่จะโทรหาแฟนไม่ได้หรอ”

           “ได้ แต่ว่ายังไม่ใช่ตอนนี้สิ ขอนอนต่อก่อนได้ไหม เมื่อคืนนอนตีสาม” ผมหลับตาพูด รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหลับไปอีกครั้ง

           “อ่าว ผมโทรมาปลุกหรอเนี้ย” เตอร์ออกอาการไม่รู้ “งั้นผมไม่เล่นละ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ผมจะกลับไทยวันพรุ่งนี้นะ”

           “หืม? ทำไมกลับเร็วจัง ไหนรอบนี้บอกสามสัปดาห์”

           “ก็กลับไปฉลองวันเกิดพี่คิดไง กลับไปสองสามวันค่อยมาทำงานต่อ”

           “...”

           วันเกิด... ให้ตายเถอะผมลืมวันเกิดตัวเองไปได้ยังไงกัน

           “อย่าบอกนะว่าพี่คิดลืมวันเกิดตัวเอง”

           “เปล่าไม่ได้ลืม” ผมรีบบอกปัด

           “แล้วทำไมถึงเงียบไปหล่ะ”

           “พี่หลับ” ผมโกหก

           “หึๆ ไม่ลืมก็ไม่ลืมครับ งั้นผมคุยแค่นี้นะ พี่คิดนอนต่อได้ละ อีกสองวันเจอกันครับ บาย”

           “อืม บาย”

           กว่าจะนอนหลับต่อได้ก็กินเวลาไปนานสองนานเพราะผมมัวแต่ยิ้ม

           ไม่รู้ว่ายิ้มทำไม ดีใจละมั้ง

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

           หลังจากจูวางสายไป ผมก็หลับไปแบบไม่รู้ตัวจนตื่นมาอีกทีพระอาทิตย์ก็เกือบจะตรงหัวแล้ว วันนี้ผมมีนัดกับเพื่อนที่ร้านอาหารในตัวเมืองเชียงใหม่ตอนบ่ายโมง ดังนั้นผมจึงถือโอกาสไปกินข้าวเที่ยงที่นู้นเลยแล้วกัน

           ฮ่าๆ ความจริงคือผมกำลังจะเลทนัดแล้วต่างหาก

           แม้ช่วงนี้จะไม่ใช่ช่วงวันหยุดยาว แต่ก็เป็นฤดูหนาว ทำให้มีรถบนถนนเยอะพอสมควร นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศทำให้ร้านอาหารที่ภายนอกดูใหญ่โตตอนผมเดินเข้ามา ตอนนี้ดูเล็กไปถนัดตา

           “ฮัลโหลเมฆ กูถึงร้านแล้วนะ มึงอยู่ไหน”

           “สิบนาฬิกา” ปลายสายตอบกลับมาให้ผมหันไปตามทิศที่เขาบอก และผมก็เห็นคนโบกมือไวๆอยู่ทางนั้น

           “ไงเพื่อนรัก ไม่เจอกันนานเลย” เมฆเอ่ยทักผมทันทีที่เดินถึงโต๊ะ

           “ก็สบายดี แล้วนี่...” ผมพยังพเยิดไปทางผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างมัน

           “อ่อ นี่ไอ้ริว เจ้าของร้านที่มึงเหยีบยอยู่เนี้ย”

           “สวัสดีครับ ผมชาคริต เรียกคิดก็ได้ครับ” ผมยื่นมือให้คุณริว

           “สวัสดีครับ” คุณริวยืนขึ้นแล้วจับมือผมเขย่า “เชิญคุณคิดนั่งก่อนครับ เดี๋ยวผมเรียนพนักงานมาแล้วเดี๋ยวสั่งหารกัน”

           หลังจากสั่งอาหารแล้วผมกับเมฆก็พูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน มีคุณริวร่วมวงสนทนาด้วยบ้าง(เมฆไล่ให้ไปดูร้านแล้วแต่เขายืนยันว่าจะอยู่ต้อนรับผม)

           เมฆเป็นเพื่อนสนิทสมัยมัธยมของผม เขาเป็นคนเชียงใหม่แต่สอบติดโรงเรียนในกรุงเทพเลยได้ระเห็จระเหินไปเรียนไกลบ้านหลายร้อยกิโลเมตร หลังจบม.ปลายเมฆสอบเข้าคณะบริหารของมหาวิทยาลัยดังของประเทศได้ ตอนนี้เขาจึงทำงานบริหารธุรกิจครอบครัวอยู่ที่บ้านเกิด เรามีโอกาสพบกันบ้างบางครั้งตอนที่เขาเข้ากรุงเทพ แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสคุยกันนานแบบนี้เสียที

           “ช่วงนี้โหมงานหนักสิท่า ขอบตาดำยิ่งกว่าหลินปิง”

           “ก็ไม่หนักหนาอะไรมากหรอก มึงก็รู้ว่างานกูเป็นงานกลางคืน”

           “หึๆ งานกลางคือ...เออ แล้วแฟนมึงไม่เป็นห่วงบ้างรึไง เห็นมึงทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทั้งงานสอนงานวิจัย เขาไม่บอกให้มึงพักบ้างหรอ” ถึงจะไม่ค่อยได้คุยกันจริงๆจังๆ แต่เมฆก็พอรู้เรื่องของผมบ้าง

           “ไม่อะ เขาคงเห็นกูมีความสุขกับสิ่งที่ทำละมั่ง”

           “จริงสิ อีกสามวันก็วันเกิดมึงแล้วนี่”

           “ใช่” แน่นอนว่าผมจำได้แล้ว

           “มึงอยู่ถึงวันนั้นเลยมั้ย ไปจัดงานที่บ้านกูกัน หรือว่ามีแพลนไว้แล้ว”

           “ยังไม่มีเลย จะมีได้ไงกูจำวันเกิดตัวเองไม่ได้เนี้ย ถ้าเมื่อเช้าเตอร์ไม่บอกก็คงลืมไปเลย”

           “กูว่าแล้ว ฮ่าๆ แล้วตอนนี้น้องเขาอยู่ไหน ไม่ชวนมาด้วยกัน”

           “ไปทำงาน แต่จะกลับวันพรุ่งนี้มาวันเกิดกูแล้วก็กลับ”

           “เฮ้อ กูยอมพวกมึงสองคนละ ปีนึงเจอหน้ากันถึงสิบวันมั้ยเนี้ยกูถามจริง” เมฆส่ายหน้าแบบกวนๆตามประสามันใส่ผมแล้วว่าต่อ “เออ งั้นเป็นอันตกลงว่าวันเกิดมึงจัดที่บ้านกู โอเค้?”

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

           ปกติแล้วทุกปีในวันเกิดผมพ่อกับแม่จะมาเซอร์ไพรซ์ทุกๆปี ไม่ว่าตอนที่ผมอยู่อังกฤษหรืออยู่ไทย พวกท่านจะมาหาแม้ว่าจะงานยุ่งแค่ไหน แต่หลังจากที่พวกท่านรู้ว่าผมมีแฟนก็เหลือเพียงของขวัญที่ส่งมาแทนใจ กับโทรศัพท์มาอวยพรในคืนวันเกิดแทน เฮ้อ สงสัยพ่อกับแม่คงจะหมดรักผม... ฮ่าๆ ไม่หรอก ผมก็ดีใจที่พ่อกับแม่ไม่มา ไม่ใช่เพราะไม่อยากให้มา แต่ผมไม่อย่าให้พวกท่านเดินทางไกลบ่อยๆ สังขารร่วงโรยกันมากแล้ว ให้ผมไปหาดีกว่า

           เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่ผมกำลังเดินออกจากของน้ำในเย็นวันถัดมา

           “พี่คิด”

           “ครับ?”

           “ทำไมไม่บอกผมว่าไม่อยู่บ้าน ผมกดออดตั้งนานสองนานก็ไม่มีใครออกมาเปิดประตูเลย เห็นแต่เจ้าพอลลักส์กับคลัสเตอร์เดินไปมาในบ้าน”

           ให้ตาย ผมลืมไปเลย ผมยังไม่ได้บอกคุณจูว่าจะมาทำงานที่นี่หนึ่งสัปดาห์เพราะคิดว่าเตอร์คงไม่จำเป็นต้องรู้

           “อ่า...ใช่ พี่ลืมไปเลย ขอโทษที” ผมเพิ่งนึกออกว่าไม่ได้บอกเขา

           “แล้วตอนนี้พี่คิดอยู่ไหนครับ”

           “อยู่เชียงใหม่ครับ”

           “หืม เชียงใหม่ อ้อ คงไปหอดูดาวสินะ”

           “อืมใช่”

           “เฮ้อ พี่คิดนี่ ไม่ไหวๆ คราวหลังจะไปไหนก็ต้องบอกผมนะ ไปวันเดียวสองวันก็ต้องบอก เดี๋ยวเกิดมีอะไรฉุกเฉินขึ้นมาจะทำไงครับ” เตอร์ทำเสียงดุ

           “โอเคๆ ผมขอโทษครับคุณจู” ผมได้ยินเสียงหึๆ มาจากปลายสาย “แล้วจะทำยังไงครับ จะให้พี่กลับไปหรือจะมาที่นี่”

           “เดี๋ยวผมไปหาที่นู่นดีกว่า แค่นี้นะครับ จุ๊บ”


OOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

หายไปนานหลายปีดีดัก ได้ฤกษ์มาอัพตอนพิเศษ555555555
ตอนนี้เขียนโครงไว้นานแล้วแต่เพิ่งเอามาเขียนใหม่เมื่อวันก่อน ฮ่าาาา
ยังไงก็ฝาติดตามpart2ด้วยนะครับ
 :sad4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พี่คิดเหมือนเด็กน้อย..รอพาร์ท 2  :3123: :3123: :3123:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
โอ้ยยสนุกก อยากไปส่องดูดาวเลย ส่องดาวและความรักของอาจารย์พี่คิดกับเตอร์ช่างภาพ  :กอด1: :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด