พี่ครับ...ไอเลิฟยู >ตอนพิเศษ กลับบ้านเรา รักรออยู่< [P.5] Up!! // [07/11/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พี่ครับ...ไอเลิฟยู >ตอนพิเศษ กลับบ้านเรา รักรออยู่< [P.5] Up!! // [07/11/60]  (อ่าน 54349 ครั้ง)

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


พีี่ครับ ... ไอเลิฟยู



เรื่องนี้เป็นเรื่องของม่านนะคะ แล้วม่านเป็นใครล่ะ ม่านคือเพื่อนของกลอย (ประเกรียน) จาก Just you and i ค่ะ
ยังคงเป็นแนวมหาลัยใสๆ ดราม่าน่าจะมีบ้างนิดๆ หน่อย แต่เรื่องนี้ก็ยังเน้นสายฮาเพราะม่านเป็นดูโอ้ความเกรียน

หากผิดพลาดตรงไหนขอประทานอภัยด้วยค่า



**เนื้อเรื่อง บทนำ - ตอนที่ 5 ได้ทำการรีไรท์ใหม่ค่า ขออภัยในความไม่สะดวกค่ะ**



สารบัญ


Intro
Chapter 1
Chapter 2
Chapter 3
Chapter 4
Chapter 5
Chapter 6



ผลงานเรื่องที่ผ่านมา

Just you and I เพราะนายคือของฉัน [จบแล้ว]
No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ [จบแล้ว]
คำทำนาย...ทายว่าต้องรัก [จบแล้ว]






*** หมายเหตุ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากจิตนาการ ไม่มีบุคคลในชื่อหรือสถาบันใดๆ เกี่ยวข้องทั้งสิ้น***
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-11-2017 22:56:21 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
บทนำ
(Re-write)




        ยิ่งกว่าถูกผีหลอก นี่คือนิยามในตอนนี้ ผมกำลังยืนอึ้ง ทึ่ง และเงียบ ไม่ใช่แค่ผม แม้แต่เพื่อนของผมก็เป็น สาเหตุมาจากไอ้เด็กต่างมหาลัยที่กล้าหยามเข้ามาหาผมถึงคณะ แล้วบอกผมโต้งๆ ว่าจะจีบ เดี๋ยวนะ รู้สึกว่า ผมน่าจะฟังผิด

   “มึง...” พอเอาเข้าจริงก็พูดไม่ออกเหมือนกัน ไอ้เด็กตรงหน้าทำหน้าตามุ่งมั่น “มึงพูดอีกทีดิ กูว่า กูน่าจะหูเพี้ยนว่ะ” ขยี้รูหูตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   “ผมบอกว่า ผมจะจีบพี่ครับ” เน้นคำอย่างกับครั้งแรกที่ได้ยิน

   “กูว่ามึงเพี้ยนแทนหูกูแล้วล่ะ” ผมว่าและจะเดินผ่าน แต่มันจับแขนผมไว้ “อะไรของมึง กูมีเรียน” นี่ไม่ใช่เวลาที่ผมต้องมาสนใจ เพราะผมมีเรียนจริงๆ

   “แต่ผมจริงจัง” ไอ้เด็กตัวสูงยังทำหน้านิ่ง ดวงตามันจ้องผมไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อย

   “มึงไม่ได้จริงจัง แต่มึงกำลังสับสน กูบอกมึงได้เท่านี้ว่ะ” ผมตบบ่ามันไปเบาๆ มองเพื่อนตัวเองที่ยืนรออยู่ไม่ไกล ดีที่ตอนนี้ใต้ตึกไม่มีเด็กปีอื่นอยู่ ไม่อย่างนั้นผมคงถูกล้อไปเป็นปี

   “ผม...” ถึงกับหาคำพูดไม่เจอ   

   “กูจะบอกอะไรให้มึงฟัง มึงกำลังสับสนระหว่างกูกับคนที่มึงชอบ มึงควรไปคิดแล้วคิดอีกว่าตอนนี้มึงชอบอะไร ตัวตนมึงชอบผู้ชายหรือผู้หญิง และที่สำคัญที่สุด...” ผมสูดเอาลมหายใจเข้าปอดลึกๆ “กูไม่ใช่ตัวแทนเพื่อนกู จบนะ”

   ว่าเสร็จผมก็เดินไปหาเพื่อนตัวเองที่อยากจะล้อเต็มแก่ แต่ต้องเก็บอาการเมื่อฐานะที่พวกมันเป็นอยู่ไม่เอื้อสักเท่าไหร่

   ผมไม่ได้หันไปดูว่าไอ้เด็กต่างมหาลัยจะยังอยู่ที่เดิมหรือว่าเดินไป แต่ที่แน่ๆ ผมรู้สึกเบาใจที่ได้บอกออกไปตรงๆ ตั้งแต่วันที่ผมถูกเพื่อนรัก เพื่อนสนิทใช้ของฟรีมาล่อให้ไปติดกับ โดยที่ผมเพิ่งรู้ว่าไอ้เพื่อนตัวดีมันอยากจะสลัดคนที่เข้ามาติดพัน นั่นก็คือไอ้คนที่บอกว่าจะจีบผม


   แล้วยังไงล่ะ มันก็ตามมาหาผมอยู่นี่ไง


   มันอาจจะคิดว่าผมนิสัยเหมือนคนที่มันชอบ แต่ผมอยากบอกเหลือเกิน ว่าผมไม่ได้ครึ่งของเพื่อนตัวเอง ผมไม่ได้น่ารัก น่าทะนุถนอมแบบมัน ผมก็แค่ไอ้เด็กต่างจังหวัดหน้าตาธรรมดาๆ มีเพื่อนหน้าตาดีเลยเกาะกลุ่มได้กุศลจากการมีสาวเข้าหาบ้างเป็นบางครั้ง


   เห็นไหม ผมไม่ได้ดีเด่นอะไร


   แล้วแบบนี้ ไอ้เด็กนั่นมันจะมาสนใจอะไรผมวะ นอกจากอยากหาตัวตายตัวแทน หรือไม่ก็อยากคบเพื่อประชด หรืออยากเอาใจคนที่มันชอบ

   แต่ขอบอกไว้ก่อน ไอ้ม่านคนนี้ไม่ใช่จะรักใครง่ายๆ ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย แม้ผมจะยอมรับกับตัวเองและเพื่อนว่าสนใจทั้งสองเพศ แต่ผมก็ไม่ได้มั่ว ไม่ได้ไปเรื่อย เพราะตอนนี้ เรื่องเรียนสำคัญกว่าคนรัก พ่อกับแม่ผมยังรอผมกลับบ้าน ผมเป็นคนดีใช่ไหมล่ะ ผมรู้ ไม่ต้องชมผมหรอก เพราะผมชมตัวเองทุกครั้งที่ส่องกระจก


   ไอ้ม่าน ไอ้คนดีเอ้ย

......................................

วันแรกที่ลงครั้งแรก (16/09/59)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-01-2017 19:52:17 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ bluerose

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: พี่ครับ...ไอเลิฟยู >>บทนำ<< //[16/10/59]
«ตอบ #2 เมื่อ16-10-2016 22:53:20 »

มาแล้วคู่นี้ แววมาเีน่ะเนี้ยยย

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: พี่ครับ...ไอเลิฟยู >>บทนำ<< //[16/10/59]
«ตอบ #3 เมื่อ16-10-2016 23:14:51 »

ในที่สุดก็เปิดตัวคู่นี้ซะที 55555

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: พี่ครับ...ไอเลิฟยู >>บทนำ<< //[16/10/59]
«ตอบ #4 เมื่อ17-10-2016 03:07:43 »

พี่ม่านกับน้องเม่นมาแล้ว :katai2-1: รอตอนต่อไปนะคะ :L2:

ออฟไลน์ Coffeeblack

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: พี่ครับ...ไอเลิฟยู >>บทนำ<< //[16/10/59]
«ตอบ #5 เมื่อ17-10-2016 06:18:33 »

เรื่องใหม่มาแล้ววว ติดตามฮะ

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: พี่ครับ...ไอเลิฟยู >>บทนำ<< //[16/10/59]
«ตอบ #6 เมื่อ17-10-2016 06:35:39 »

มาต้อนรับเม่นม่าน 555+ ชอบมู่ลี่อ่า น่ารักจุง^^

รอติดตามความสนุกสนานเพลิดเพลินจำเริญใจอยู่นะคะ  :katai2-1:

ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับนิยายน่ารักๆอ่านแล้วมีความสุขทุกเรื่องเลย :กอด1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: พี่ครับ...ไอเลิฟยู >>บทนำ<< //[16/10/59]
«ตอบ #7 เมื่อ17-10-2016 06:54:25 »

 :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Re: พี่ครับ...ไอเลิฟยู >>บทนำ<< //[16/10/59]
«ตอบ #8 เมื่อ17-10-2016 07:03:41 »

 o13

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
Re: พี่ครับ...ไอเลิฟยู >>บทนำ<< //[16/10/59]
«ตอบ #9 เมื่อ17-10-2016 14:10:07 »

มันดีกับใจที่สุด น้องเม่นพี่ม่าน   :katai5: :katai5: :katai5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: พี่ครับ...ไอเลิฟยู >>บทนำ<< //[16/10/59]
« ตอบ #9 เมื่อ: 17-10-2016 14:10:07 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: พี่ครับ...ไอเลิฟยู >>บทนำ<< //[16/10/59]
«ตอบ #10 เมื่อ17-10-2016 18:52:34 »

ตกลงเม่นมาตามจีบม่านแบบจริงจังแล้วสินะ

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
Re: พี่ครับ...ไอเลิฟยู >>บทนำ<< //[16/10/59]
«ตอบ #11 เมื่อ20-10-2016 11:28:00 »

น่ารัก

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
1
(Re-write)




        เหตุการณ์ก่อนหน้า

   ในช่วงค่ำผมกำลังนั่งก๊งเหล้ากับกลุ่มเพื่อน เสียงริงโทนบ้านๆ ดังขัดจนผมต้องลุกออกไปรับ ปลายสายคือเพื่อนรักที่คบกันมาตั้งแต่มัธยม มันชื่อไอ้กลอย ปกติมันไม่โทรหาผมหรอก มีแต่หยอดมาให้โทรกลับ ไอ้นี่มันขี้งกตัวพ่อ

   “โทรมาได้แสดงว่ามีเรื่อง” กรอกเสียงไปตามความคิด

   (แหม รู้ทันกูตลอดนะไอ้ม่าน) น้ำเสียงมันกวนนิดๆ ตามสไตล์

   “ถ้าไม่รู้ กูก็ไม่ใช่เพื่อนมึงสิ มีอะไรวะ” ไอ้ปลายสายมันหัวเราะร่วน

   (พรุ่งนี้มึงว่างหรือเปล่าวะ กูว่าจะชวนมึงไปเที่ยว) ผมกำลังจะปฏิเสธ แต่เพราะมีประโยคถัดมาทำให้ผมตาวาว (ฟรีทั้งงานนะมึง กินเที่ยวฟรีตลอดสาย สนป่ะ)

   “สน” ตอบแบบไม่ต้องคิด ของฟรีที่ไหนมี ไอ้ม่านไม่พลาดอยู่แล้ว

   (แจ๋ว งั้นพรุ่งนี้มึงมาหากูเช้าๆ นะเว้ย แค่นี้ เลิกกัน) แล้วมันก็วางไป ของฟรีอะไรที่ถึงขั้นทำให้ไอ้กลอยมันโทรมาชวน จะชวนกินเหล้าที่ห้องแฟนมันอย่างทุกทีก็ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น มันจะเอาเบอร์ของแฟนโทรมาแทน แปลกจริงๆ

   เดินกลับมานั่งในวงล้อมใหม่ ตอนนี้พวกมันกรึ่มได้ที่เลยทีเดียว เด็กเกษตรอย่างเราต้องคอแข็งครับ หากคออ่อนเราจะถูกกำจัดด้วยการมอมเหล้าทุกครั้งที่เข้าร้าน ดังนั้นต้องหัดและฝึกเข้าไว้

   นึกถึงปีหนึ่งของตัวเอง แม้ผมจะกินเหล้าได้แต่คอไม่แข็งมาก ถูกรุ่นพี่มอมเมาซะเหมือนหมา ยังดีที่ได้พวกเพื่อนลากกลับ ไม่อย่างนั้น ผมคงไปนอนเล่นที่พื้นกับไอ้ด่างของร้าน

   “ใครโทรมาวะ” ไอ้เจ เพื่อนคนแรกในคณะของผมครับ เจอกันครั้งแรกโคตรไม่ชอบในความขี้เก๊กเลย ก็อย่างว่า คนหล่อมันต้องเก๊ก แต่พอเริ่มคุย ไอ้เชี่ยนี่เพี้ยน ติดการ์ตูนอย่างหนัก

   “ไอ้กลอย” ผมบอก มือก็รับแก้วเหล้าจากไอ้มีน เพื่อนอีกคน

   “มันโทรมาทำไมวะ” ไอ้เกมส์ที่นั่งมุมสุดถามขณะตบมืออีแน่ว เพื่อนสาวที่อยากเป็นผู้ชายหนึ่งเดียวของกลุ่ม โคตรแปลกที่มันมาขอเข้ากลุ่ม

   “มันชวนกูไปเที่ยว ฟรีด้วย” ผมยักคิ้วบอกเพื่อให้กลุ่มขี้สอดหายสงสัย

   “อย่างไอ้กลอยเกรียนมันจะเลี้ยงเหรอวะ เป็นไปไม่ได้” ไอ้มีนรีบส่ายหน้ารัวๆ

   เพื่อนผมที่นี่รู้จักไอ้กลอยดีครับแม้จะอยู่คนละมหาลัย แต่ตอนคบกันใหม่ๆ ผมก็พาเพื่อนใหม่ไปกินเหล้ากับเพื่อนเก่าบ่อยๆ ไอ้กลอยที่มีฉายาเกรียนเป็นที่ร่ำลืออย่างดีในกลุ่มเพื่อน ความเกรียนที่ไม่มีใครเข้าถึงจิตใจของมัน ชอบนักกับการทำเรื่องที่ชาวบ้านเขาไม่ทำกัน และมันก็ชอบกล่าวหาว่าผมเกรียนไม่แพ้มันสักนิด ซึ่งมันคิดผิด ผมโคตรเป็นคนดีศรีสังคมเถอะ แม่งใส่ร้ายผมว่ะ

   “พรุ่งนี้ก็รู้” ยกเหล้าขึ้นจิบ สายตาก็มองเพื่อนตัวเองที่ยกแก้วไม่ถนอมน้ำใจของคนซื้อเหล้าอย่างไอ้เจเลย มันถูกหวยครับ โคตรฮา เห็นว่าแม่มันให้เลขเด็ดมา รู้แบบนี้ตามมันสักหน่อยคงดี





   เช้าวันใหม่ ผมแหกขี้ตาตื่นแต่เช้าเพราะถูกไอ้คนนัดโทรปลุก ไม่รู้จะตื่นเต้นดีใจอะไร หรือว่าคึกที่แฟนไปเที่ยวเมืองนอกมันเลยเที่ยวได้ คอยดูเถอะ แฟนมันกลับมาผมจะฟ้อง

   แต่งตัวธรรมดา เสื้อยืด กางเกงยีนส์ เดินลงหอพักพร้อมทักทายคนรู้จักที่เดินผ่าน พอดีไอ้ม่านเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ผมขับรถกระบะที่พ่อซื้อให้เป็นของขวัญตอนสอบเข้าที่นี่ได้ พ่อบอกมันจะทำให้ผมไม่ลำบากในการเดินทาง ผมเลยถนอมเช็ดล้างอย่างดีจนผ่านมาจะสามปี รถผมยังใหม่เอี่ยมไร้รอยขีดข่วนใดๆ โคตรภูมิใจตัวเอง

   ผมขับมาถึงคอนโดที่ไอ้กลอยพักอยู่ มันลงมายืนรออยู่แล้ว พอเห็นผมมันก็ยิ้มแป้นแล้นกวักมือให้ไปหา มันบอกว่าต้องรอคนเลี้ยง นี่ผมคิดผิดใช่ไหม ที่คิดว่าคนอย่างไอ้กลอยจะเลี้ยง สรุปมันมีคนเลี้ยงอีกทอดสินะ มิน่าถึงใจป้ำเลี้ยงตลอดทริป

   “กูว่าแล้ว ว่ามึงไม่มีทางออกเงิน” ตบหัวไอ้กลอยไป มันก็ทำหน้ามุ่ย “แล้วพี่โชติดต่อมาบ้างหรือเปล่าวะ” ถามเพราะเป็นห่วง ไอ้กลอยเป็นคนขี้เหงา แฟนมันไปต่างประเทศนานๆ แบบนี้มันต้องอยู่คนเดียว

   “เออ เมื่อคืน กูทวงของฝากแล้ว” ตอนแรกหน้ามันดูสลด แต่พอพูดถึงของฝาก หน้ามันบานเป็นจานสังกะสี

   “แบ่งกูด้วย” และผมก็บานไม่แพ้มันหรอก ไอ้กลอยมันรักผม รักเพื่อน แม้จะงกแต่ก็แบ่งปันของอร่อยเสมอ

   “ตลอด ของฟรีนี่ไม่มีพลาดนะมึง” โดนมันแขวะ แต่ผมก็ทำหูทวนลม
 
   รออยู่นานจนเบื่อ ขนมที่ผมหยิบมาจากห้องไอ้เจก็หมดเพราะไอ้คนข้างๆ มันกินเรียบ เห็นมันเงียบที่แท้กำลังฟาดขนมผมเรียบอยู่

   “นิดหน่อยน่า มึงนึกถึงขนมที่พี่โชซื้อมานู้น แพงกว่าซองนี้อีก” แม้อยากจะนึกตาม แต่ผมก็หวงขนมของผมอยู่ แม้จะเอามาแบ่งมันกิน แต่ผมไม่ได้กินสักอัน

   กำลังจะบ่น โทรศัพท์ไอ้กลอยมันก็ดัง คนโทรเข้าก็ไอ้คนที่มันนัด คุยไม่นานก็วางสาย ไอ้กลอยทำหน้าแหยหันมามอง

   “รถมันยางแบนว่ะ มารับไม่ได้”

   “งั้นกูกลับ”

   “เฮ้ย ไอ้ม่าน มาแล้วนะเว้ย” ผมมองหน้ามันนิ่ง “เราไปรับมันก็ได้ หอมันอยู่ไม่ไกล”

   “รถกู?”

   “เดี๋ยวกูเติมน้ำมันให้”
 
   ผมมองแบงค์สีม่วงที่มันยื่นมาให้ นานๆ จะได้เห็นเงินของไอ้กลอย แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่อยากเอารถของผมไป กลัวเด็กที่มันนัดจะทำรถผมเป็นรอย ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด

   คนที่ไอ้กลอยนัดเป็นเด็กปีหนึ่งคณะมันนั่นแหละ ผมไม่รู้ว่าพวกมันนัดอะไรกัน แต่เท่าที่ผมคบกับไอ้กลอยมา มันต้องมีแผนอะไรสักอย่าง ที่สำคัญ ผมต้องมีส่วนเกี่ยวในเรื่องนั้นแน่ ดูได้จากรอยยิ้มและแววตาแพรวพราวของมัน

   “สวัสดีครับ” ทันทีที่จอดหน้าตึก ไอ้เด็กที่นัดไว้ก็รีบวิ่งมาหา มันยกมือไหว้ผมก่อนจะยิ้มเท่ของมัน “เพื่อนพี่ชื่ออะไร” พอมันนั่งบนรถแล้วก็เริ่มถามรุ่นพี่มัน ไอ้กลอยเหล่ตามองผมนิดๆ แต่ผมขัดใจรอยยิ้มของมัน รอยยิ้มที่กำลังคิดวางแผนชั่วร้าย

   “มันชื่อม่าน ชื่อมอม้าเหมือนมึงเลย ม่านกับเม่น” นั่นไง ว่าแล้ว ตงิดใจตั้งแต่มันบอกว่าจะเลี้ยงแล้ว เห็นมันยิ้มมากๆ เข้าก็หมั่นไส้ เลยตกหน้าผากเพื่อนตัวเองไปแรงๆ จนหน้าหงาย

   “รอยยิ้มมึงนี่กำลังคิดอะไรแผลงๆ อยู่ใช่ไหม กูรู้นะมึง” ผมกระซิบบอกกับไอ้กลอยอย่างรู้ทัน ตามันกรอกไปมาอย่างมีพิรุธ แปลว่าผมคิดถูก “อย่าคิดจะเอากูเป็นไม้กันหมา กูไม่สนุก”

   “อะไร” ไอ้กลอยขึ้นเสียงสูง ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับความคิดของเพื่อน แล้วไอ้เด็กนั่นมันก็คงพอจะรู้แหละครับ ผมดูหน้ามันผ่านกระจกมองหลัง หน้าตาหมองเชียว คงเพราะหลงคนไม่น่าหลงอย่างไอ้กลอยเนี่ย

   “พี่ชื่อม่านเหรอ เรียนที่ไหนอะ” ละสายตาจากท้องถนนแป๊บหนึ่งเพื่อมองหน้าคนถาม ไอ้เด็กที่ชื่อเม่นยิ้มให้เพราะมันก็กำลังมองผมผ่านกระจกมองหลังเช่นกัน

   “กูเรียนเกษตร แต่ไม่ใช่ที่มหาลัยมึง” ตอบเรียบๆ มีเสียงขำในลำคอของไอ้กลอยแทรกเบาๆ

   “อ่อ ก็ว่าไม่เคยเห็น” ไม่ได้สนใจเสียงตอบกลับ แต่พอเหลือบมอง ไอ้เด็กเม่นก็ยังจ้องผมอยู่ หรือหน้าผมมีอะไรติดวะ
 
   “แล้วมึงเป็นรุ่นน้องไอ้กลอยเหรอวะ” ถามไปอย่างนั้นเอง ที่จริงรู้อยู่แล้ว

   “ครับ แต่ไม่ใช่น้องรหัส อยากเป็นแต่ไม่ได้เป็น เศร้าเนอะ” เบ้ปากให้กับเสียงสำออยของเด็กปีหนึ่ง

   “ระวังเถอะมึง ผัวมันดุ” ไม่ได้คิดจะขัดคอ แต่ที่เตือนเพราะรู้นิสัยพี่โชดี ผมกับไอ้เด็กนั่นคุยต่ออีกนิดหน่อย ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าห้างสรรพสินค้า

   เพราะไม่รู้จะไปไหน เลยเลี้ยวเข้าห้างสัมผัสแอร์เย็นๆ ให้รู้แล้วรู้รอด ผู้ชายสามคนเดินเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมาย ไอ้กลอยก็พูดมาก ไอ้เด็กปีหนึ่งก็เงียบ แล้วผมมาด้วยทำไมวะ เมื่อไม่รู้จุดหมายไอ้เด็กที่เงียบมันเอ่ยชวนกินข้าวแล้วไปดูหนัง ร้านข้าวที่เลือกก็ไม่เห็นจะมีข้าวสักเม็ด ร้านที่ไอ้เม่นมันเลือกเป็นร้านสเต็ก นานๆ ทีผมถึงจะเข้า แล้วไม่รู้ด้วยว่าอันไหนอร่อยหรือไม่ ผมกินได้ทุกอย่าง (ที่ฟรี)

   ทิ้งไอ้กลอยไว้ที่โต๊ะ ผมกับไอ้เม่นเดินมาตักสลัดก่อน ไอ้เด็กปีหนึ่งมันแนะนำอันไหน ผมก็ตักอันนั้น รู้ตัวอีกทีก็พูนจาน กว่าจะได้กินสเต็กผมก็อิ่มผักก่อน แถมไอ้กลอยมันเนียนใจดียกสเต็กมันให้ผม อยากจะเอาฟาดหน้า มันอิ่มจนล้นเลยเอาให้ รู้นิสัยกันอยู่

   ช่วยที่กินนั่นกินนี่ ผมแอบสังเกตคนที่กล้าจีบเพื่อนของผม ไอ้เด็กเม่นดูใจกล้าและเปิดเผยดี แต่มันไม่เอาใจไอ้กลอยเลย มีแต่จะตักผักอันที่ผมเขี่ยออกไปใส่จานตัวเอง มันควรเอาของไอ้กลอยหรือเปล่า ผักกองเต็มจานเลย ผมเหล่ตามองหน้ามันบ้าง ไอ้เม่นก็ยิ้มตอบกลับ ลางสังหรณ์เริ่มไม่ค่อยดี

   “กูอิ่ม” ไอ้กลอยลูบท้องโตๆ ของตัวเอง “แต่เหลือว่ะ มึงช่วยกูกินหน่อย” ตาเหลือกสิ ขนาดของผมเองยังไม่หมด

   “กูเอาถุงมา” เป้ผมมักจะมีถุงติดไว้เสมอ เผื่อฉุกเฉิน พอผมเอาถุงออกมา ไอ้เม่นก็หัวเราะหน้าดำหน้าแดง

   “พี่แม่งตลกว่ะ” หยิบหมูใส่ถุงไป มองไอ้คนหัวเราะไป

   “หัวเราะกูไอ้สัด” ด่าไปนิดๆ ถ้ามันหุบปากจะไม่มีใครมอง แต่พอมันอ้าปากหัวเราะ คนเลยมองมา ผมเก็บถุงแทบไม่ทัน ไอ้ห่า

   “ก็พี่แม่งตลก” มันยังหัวเราะต่ออีก

   หนังท้องตึงก็เริ่มอืด เพราะไม่รู้จะไปไหน นั่งอยู่กับที่ก็ง่วง พอเดินก็เบื่อ ไปดูรอบหนังยิ่งเบื่อ ไม่มีหนังสนุกให้ดู แต่ไม่มีที่ไปจริงๆ เลยต้องตัดสินใจดูหนังที่น่าจะดูดีที่สุดในรายการ

   หนังความรักกับสงคราม ก็น่าสนใจดี และมันน่าสนใจมากเมื่อได้ดูจริงๆ ผมว่าเขาเล่นดีเลยนะ สงครามดูน่ากลัว แต่พอมีความรักทำให้หนังดูซอฟต์ลง ไม่หนักหน่วงเท่าไหร่ แต่ไอ้กลอยหลับตั้งแต่สิบนาทีแรก ก็บอกแล้วว่ากินข้าวก่อนมันจะง่วง 
เมื่อหนังจบ ผมกับไอ้เม่น ก็เริ่มคุยกันมากขึ้น คงเพราะหนังเมื่อกี้ พอได้คุย มันก็เป็นเด็กที่มีความคิด มีเหตุมีผล ไม่รู้หลงมาชอบไอ้กลอยได้ยังไง หรือถูกมนต์ดำเป่าใส่ 

   เมื่อจบโปรแกรม พวกเราก็แยกย้าย ผมขับรถไปส่งไอ้กลอยก่อนเพราะมันบอกไอ้นี่แผนสูงจริงๆ เหลือบตามองไอ้เม่นที่ย้ายมานั่งข้างหน้าทำตาแป๋วอยู่ข้างๆ เราสลับกันมองไปมาอยู่ครู่ใหญ่ เพราะอยู่กันสองคนโดยไม่มีไอ้กลอย ไอ้เด็กนี่ดูนิ่งไม่กรุ้มกริ่ม ผมเหลือบตามองมันแต่ก็ไม่พูดอะไร รอจนมันเอ่ยออกมาก่อนถึงยอมคุย

   “พี่เป็นเพื่อนพี่กลอยนานแล้วเหรอ” เหล่ตามองนิดๆ แล้วพยักหน้าลง “เหรอ”

   “ทำไมถึงชอบไอ้กลอยวะ แฟนมันดุ มึงไม่รู้เหรอ” เห็นใจหรอกนะผมถึงบอกตรงๆ ไม่อยากให้มันมีความหวังกับเพื่อนตัวเอง อีกอย่าง ตีนพี่โชก็ไม่เบา เคยเห็นตอนกระทืบพวกที่ทำร้ายไอ้กลอยจนสาหัส กลัวแทนเลย

   “รู้ แต่ผมก็...” อยู่ๆ มันก็หยุดพูดจนผมต้องละสายตาจากถนนมอง

   “ถ้ามึงคิดว่า สิ่งที่มึงทำ ไอ้กลอยจะหันมาสนใจ มึงก็ทำไปเถอะ เอาตามที่มึงสบายใจ” ไม่ได้ประชดนะ แต่คนเรายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุไง แต่ถ้าเรายุ มันอาจจะหยุด

   “โหพี่” ไอ้เด็กเม่นลากเสียงยาวแล้วขำออกมา “คิดได้ว่ะ”

   “กูเก่ง” ยักไหล่ แต่ไอ้เด็กเม่นมันหัวเราะเอาซะผมเสียเซลฟ์ “หยุดขำเลยมึงน่ะ”

   “พี่ไม่เห็นเกรียนแบบพี่กลอยเลยว่ะ”

   “อ่าว กูผิดเหรอ”

   “เปล่า” กะจะพยักหน้า แต่ต้องตวัดตามองมันแทน เมื่อได้ยินประโยคหลัง “แต่พี่เกรียนแบบของพี่”

   “มึงลองจำกัดความคำว่าเกรียนของมึงซิ” อยากรู้จริงๆ คำว่าเกรียนคืออะไร สำหรับไอ้กลอยผมพอรู้ เพราะมันชอบคิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน คิดแต่เรื่องแผลงๆ แต่ผมเนี่ย เกรียนตรงไหนวะ

   “ก็...” 

   “เอาดีๆ นะมึง”

   “ก็อย่างพกถุงเพื่อเอาสเต็กกลับ” คนมันเสียดายผิดเหรอวะ “เรอใส่หน้าไม่อายใคร” ก็คนมันอิ่ม “ชอบทำคิ้วขมวดเวลาได้ยินอะไรที่ไม่ตรงกับที่คิด” ไอ้นี่ชักจะรู้มากไปแล้ว

   “กูเนี่ยนะ ตรงไหนวะ” ผมชอบขมวดคิ้วเหรอวะ ไม่เห็นจะรู้

   “ก็อย่างเมื่อกี้ พี่กลอยกับผมพูดอะไรที่พี่ไม่เห็นด้วย ก็จะขมวดคิ้ว พอให้เดินไปอีกฝั่งก็เลือกไปอีกฝั่ง เอาซะพี่กลอยกับผมงงเลย”

   “แค่นั้นก็เรียกเกรียนเหรอวะ” ส่ายหน้าให้กับคำตอบ ใครๆ ก็ขมวดคิ้วหรือเปล่า “นั่นเพราะกูรำคาญต่างหาก พวกมึงถามกันอยู่นั่นว่าจะทำอะไร กูเลยตัดสินใจให้จะได้จบๆ มัวแต่ผลัดกันเมื่อไหร่จะได้ทำ” บ่นยาวเหยียด ไอ้เด็กเม่นก็พยักหน้ารับฟัง

   “พี่ดูเป็นผู้ใหญ่เนอะ”

   นี่มันชมหรือด่าผมอยู่หรือเปล่าวะ

   “มึงว่ากูแก่เหรอ”

   “ถ้าเทียบกับผมนะ” ตวัดสายตามองโหด “ล้อเล่นน่า ผมหมายถึงความคิดต่างหาก ตอนแรกคิดว่าจะง้องแง้งเหมือนพี่กลอย” ดูมันว่าผมสิ

   “กูไม่ได้ทำตัวไร้สาระ ปัญญาอ่อนแบบไอ้กลอย คิดผิดคิดใหม่ซะ” กำชับเสร็จก็เลี้ยวเข้าจอดหน้าหอพัก จะเรียกหอพักก็ไม่ได้ ดูเหมือนจะเป็นคอนโด แต่ไม่หรูมากเท่าไหร่ “ถึงละ โชคดีไอ้น้อง”
 
   “ผมขอไลน์พี่หน่อยได้ป่ะ” ก่อนจะลง มันยื่นมือถือเครื่องแพงมาตรงหน้า ผมเหล่ตามองอย่างระแวง “ผมไม่เอาไปทำเสน่ห์หรอกน่า”

   “กูไม่ได้กลัวแบบนั้นไอ้ห่า” คว้ามือถือมันมาค้นหาชื่อของตัวเอง เจอก็แอดไป รูปโปรไฟล์ผมเป็นรูปขวดเหล้าครับ ให้รู้ว่าคอแข็งพร้อมรับคำท้า และกลุ่มผมก็ใช้ขวดเหล้าเป็นรูปโปรไฟล์ทุกคน ต่างกันแค่ยี่ห้อเท่านั้น

   “โห หมกมุ่นว่ะ” ไอ้เม่นมันหัวเราะเมื่อเห็นรูปของผม

   “โชว์ความเทพเว้ยไอ้น้อง” ยักคิ้วให้มัน ไอ้เม่นก็หัวเราะ ก่อนมันลง ดูเหมือนจะลังเลอะไรสักอย่าง “อะไร ไม่ลงเหรอวะ”

   “พี่ ผมถามเรื่องหนึ่งสิ” ไอ้เม่นไม่หันมามองหน้าผม ตามันจ้องช่องแอร์เย็นช่ำ แต่คิ้วมันขมวดเป็นปม “ความรักมันคืออะไรวะ”

   เป็นคำถามที่ผมก็ไม่เคยรู้เลย

   “ไม่รู้ว่ะ” ตอบตามตรง “กูไม่เคยมีแฟน” พอผมบอก ไอ้เม่นรีบหันมา มันทำหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด

   “โม้ป่ะ อย่างพี่เนี่ยนะ”

   “เออ กูไม่คิดว่ามีแฟนมันจะดีตรงไหน” เห็นเพื่อนมีแฟนแล้วปวดหัว ขออยู่คนเดียวดีกว่า เต๊าะเด็กบ้างบางเวลา สบายอุรากระเป๋าเงิน (มันใช่กลอนเหรอเปล่าวะ)

   “พี่ไม่คิดจะมีแฟนบ้างเหรอ” ไอ้เม่นถามออกมาทำให้ผมมองหน้ามันนิ่ง
 
   “ก็กูกำลังบอกอยู่นี่ไง ว่ามันไม่มีดี”

   “พี่ไม่เคยมี จะรู้ได้ไงว่ามันไม่ดีวะ” ก็จริงของมัน ผมทำหน้ายุ่งคิดตามที่มันบอก “พี่ไม่อยากลองเหรอ”

   “ลองอะไร” เหล่ตามองไอ้เด็กที่ยิ้มกริ่ม

   “มีแฟนไง ผมลองเป็นให้เอาหรือเปล่า” มันพูดจบ ผมก็แจกนิ้วกลางให้ไป “โหย แจกของลับเลยเหรอ หยาบคายว่ะ”

   “พล่ามมากเกินไปแล้วไอ้น้อง ลงเลยมึงน่ะ” ออกปากไล่ครับ ไอ้เม่นก็หัวเราะลงจากรถผมไป แต่ก่อนมันจะปิดประตู ยังไม่ลืมพูดส่งท้ายจนผมต้องเอาซองขนมขว้างใส่หน้ามันไป

   “ผมยอมเป็นแฟนทดลองของพี่เลยนะ ไม่คิดเงินด้วย โอเคนะ”

   “โอเคพ่องมึงสิ ไอ้เหี้ย”




   ผมขับรถออกจากที่พักไอ้เด็กปากมากที่มันยังยืนหัวเราะอยู่ที่เก่า เพี้ยนแน่ๆ ไอ้เม่น เป้าหมายต่อไปเป็นมหาลัยครับ ตอนนี้เพื่อนผมกำลังสุมหัวอยู่ที่นั่น พวกมันกำลังเตรียมงานส่งท้าย กีฬาเฟชรชี่กำลังจะถึงแล้ว อีกอย่าง ห้องเชียร์ก็ใกล้ปิด ดังนั้นวันหยุดแบบนี้จึงเป็นเวลาดีในการเตรียมงาน ผมขอไปสาย ด้วยข้ออ้างเพื่อนมีปัญหาต้องปรึกษาอย่างเร่งด่วน

   ผมมาถึงตอนบ่ายแก่ๆ ห้องที่นัดเป็นห้องเรียนที่ถูกปิดทึบเพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน แง้มประตูดู ในห้องมีปีสอง ปีสามและพี่ปีสี่อีกนิดหน่อย ทุกคนทำหน้าเครียดพอดู แต่พอผมเปิดประตูเข้าไป สายตาทุกคู่ก็พุ่งมา กดดันโคตรๆ เลยว่ะ โค้งศีรษะขอโทษแล้วเดินเรียบกำแพงด้านหลังไปยืนข้างเพื่อนสาวใจแมนอย่างแน่ว มันทำท่าทางล้อเลียนจนผมต้องเตะข้อพับมันไป

   “ทำไมมันเครียดกันวะ” กระซิบถามให้เบาที่สุด

   “เรื่องห้องเชียร์ปิดท้ายไง” อีแน่วมันกระซิบตอบ

   “แล้วเรื่องกีฬาละวะ”

   “คุยเสร็จตั้งแต่มึงไม่โผล่หัวแล้วไอ้ห่า”

   ดูเหมือนพวกผมจะคุยเสียงดังไปนิด เลยถูกสายตาตวัดมองอีกรอบ ผมเห็นไอ้เจ ที่ได้รับความไว้วางใจจากเฮดรุ่นก่อนให้สืบทอดเป็นเฮดว๊ากดูเครียดหนักสุด โชคดีของผมที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ทั้งที่ใจจริงก็อยากลองเป็นพี่ว๊ากสักครั้ง แต่ติดตรงพี่รหัสผมออกปากดูถูกน้ำหน้าว่าผมว๊ากใครไม่ได้ โคตรดูถูกเหอะ

   นั่งฟังพวกเป็นการเป็นงานคุยกัน ได้เรื่องได้ราวเสร็จก็แยกย้าย จะเหลือแค่พวกว๊ากปีสามที่ต้องอยู่ ผมไม่เกี่ยวข้องแต่ก็อยากอยู่ด้วย

   “ตามกูออกมาเลยไอ้มู่” เรียกซะผมเป็นหมูเลย

   อย่าแปลกใจกับการเรียกชื่อของผม ต้นเรื่องนั้นมาจากที่ผมมารายงานตัวตอนปีหนึ่ง เสียงกอง เสียงเพลงดังจนรุ่นพี่ที่เขียนป้ายชื่อไม่ได้ยิน ผมเลยตะโกนแข่งไปแล้วบอกว่าชื่อม่าน ม่านที่เหมือนมู่ลี่ แล้วพี่แกได้ยินแค่มู่ลี่ก็เลยเขียนไปแบบนั้น ที่สำคัญแก้ไม่ได้ ผมเลยต้องห้อยป้ายชื่อนั้นทั้งปี ผู้คนเลยชินกับการเรียกผมว่ามู่ลี่ ไม่ก็ไอ้มู่นี่แหละ นานๆ ทีถึงจะหลงเรียกชื่อม่านออกมา จนตอนนี้ผมกำลังสับสนว่าตัวเองชื่ออะไรกันแน่

   “โหยพี่เฟรนด์ ให้ผมอยู่ต่อเถอะนะ ไม่เอาไปบอกใครหรอกน่า” นี่ก็กลัวความลับรั่วไหลซะจริง

   “มึงกล้าหือกับพี่รหัสมึงเหรอวะ” โดนแขนหนีบคอแล้วลากออกไป ถูกรุ่นพี่ รุ่นน้องหัวเราะเยาะ คือพี่ครับ ผมอายรุ่นน้อง

   “ไอ้พี่เฟรนด์โว้ย” แหกปากโวยวายจนลั่นตึก พี่เฟรนด์เลยยอมปล่อย “ไม่เจอกันนาน พี่ขาวขึ้นหรือเปล่าวะ” ทักทายพี่รหัสสุดรัก มือก็จัดผมตัวเองที่ชี้ฟู

   “กูไปฝึกงานในไร่ตัวดำอย่างกับเมี่ยง มึงประชดกูใช่ไหม” โดนตบหัวไปอีกหนึ่งดอก

   “โหย ถ้าพี่ดำคนอื่นก็ถ่านแล้วเถอะ” ส่ายหน้ากับพี่รหัส พี่เฟรนด์เลือกไปฝึกงานในไร่ข้าวโพดที่ทำแป้ง เห็นว่าเพื่อนพ่อเป็นเจ้าของ แบบนั้นมันจะตัวดำได้ยังไง นั่งออฟฟิศสบายตูดมากกว่า

   “มึงเถอะ หายหัวไปไหนมาวะ ขึ้นปีสามแล้วขี้เกียจเหรอวะ ไม่ใช่ว่าแอบไปเที่ยวหรอกนะ” โดนเหล่ตาจ้องจับผิด ผมรีบยิ้มตาหยีกลบเกลื่อน

   “ไม่ได้ไปเที่ยวเลย” แก้ตัวไปแต่พี่เฟรนด์ไม่เชื่ออยู่แล้ว

   ก่อนที่จะโดนเค้นมากกว่านี้ ห้องที่ปิดสนิทก็เปิดออก บรรดาพี่ว๊ากทั้งปีสาม ปีสี่ก็เดินออกมา หน้าตาไอ้เจเครียดเหมือนเดิม รวมทั้งเพื่อนอีกสามคนของผม เห็นแล้วใช่ไหมว่าผมเป็นแกะดำ เพื่อนสี่คนเป็นพี่ว๊ากทั้งหมด โคตรเซ็ง

   “ไง” ผมยกมือไหว้พี่อินที่ทักทาย พี่เขาเป็นพี่รหัสไอ้เจครับ ซึ่งเป็นเฮดว๊ากปีสี่ด้วย เห็นหน้าตาใจดีแบบนี้โคตรโหด ตอนผมอยู่ปีสองถูกสั่งลงโทษให้วิดพื้นบ้าง สก๊อตจ้ำบ้าง วิ่งบ้าง จนเล็บเท้าผมหลุดก็มี ขนาดนัดแนะกันไว้แล้วนะ ปีนี้คงไม่ต่างมาก แต่เบาขึ้นเยอะ เพราะถูกจับตามอง ผมว่า การรับน้องที่เป็นระบบต้องมีผู้คุมกฎที่ดี แม้ใครหลายคนจะเกลียดระบบแต่ผมว่า มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย อยู่ที่ใครจะนำไปใช้อย่างไร

   คณะเกษตรของผมเราก็เป็นหนึ่งในมหาลัยที่ใช้ระบบรับน้องแบบโซตัส หรือระบบการเคารพรุ่นพี่ หากใครได้ผ่านระบบนี้มาจะรู้ได้ถึงแก่นแท้ของมัน หากคุณสัมผัสถึงนะ คุณจะมีทั้งพี่ ทั้งเพื่อน และมีระเบียบวินัย ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ส่วนข้อเสียมันก็มี แต่ผมเลือกจะมองข้ามมันไป ไม่ใช่ผมคิดบวกนะ แต่เพราะผ่านมาแล้วไม่อยากจำแค่นั้น

   “พวกพี่จะเชือดเมื่อไหร่” ลองถามดู เลยถูกพี่เฟรนด์ตบหัวซะผมปลิว รุนแรงตลอดว่ะ

   “ไอ้ขี้เสือก ไม่ต้องรู้ มึงไม่เกี่ยว”

   “พี่อะ ถ้าพี่ไม่ดักทาง  ผมก็ได้เป็นพี่ว๊ากแล้ว”

   “มึงอยากถูกน้องเกลียดเหรอวะ”

   “ไอ้เจยังไม่เกลียดพี่อินเลย” คนที่ผมพาดพิงทำตาโตก่อนจะหัวเราะออกมา “เห็นป่ะ”

   “อ่าว มึงอย่าเอากูเข้าไปเกี่ยวไอ้มู่” พี่อินรีบโบกมือเป็นพัลวัน ไม่ใช่อะไร แต่กลัวพี่เฟรนด์งับหัว “ส่วนมึง กลับเถอะ กูหิว”

   “แหม สวีทจริง” ไอ้เกมส์เหยียดยิ้มล้อเลียน พี่อินยักไหล่ไม่แคร์ แต่พี่เฟรนด์เตะไอ้เกมส์ไปแล้ว

   “พูดมากนะมึง กูจะให้ไอ้อินเอาพวกมึงให้หนัก” มีชี้หน้าสั่ง ก่อนจะถูกพี่อินลากออกไป

   “คบกันได้ไงวะ” เป็นอีแน่วที่พึมพำออกมาซึ่งทุกคนต่างก็เห็นด้วย

   เมื่อไม่มีอะไรแล้ว พวกเราก็แยกย้าย ผมกลับมาที่หอ ทิ้งตัวนอนกะจะงีบสักหน่อย แต่ข้อความมือถือดังมาขัดซะก่อน หยิบมาเปิดดูเป็นข้อความจากไอ้เด็กที่ผมไปส่งมันเมื่อตอนบ่าย

   ‘พี่ทำอะไรอยู่’ เหมือนมันรู้จังหวะที่ผมกลับห้องเลยว่ะ

   ‘อ่านข้อความมึงอยู่นี่ไง’ พิมพ์ตอบกลับ ไอ้เม่นมันส่งสติ๊กเกอร์หัวเราะกลับคืน ‘ว่างมากเหรอมึง’
 
   ‘ถึงไม่ว่าง ผมก็มีเวลาให้พี่น่า ไม่ต้องห่วง’

   ‘ไอ้...’

   ไม่รู้จะพิมพ์ด่าอะไรดี ผมไม่ได้สนิทกับมันมาก เพิ่งเจอวันนี้วันแรก จะให้ด่าเสีย เทเสียก็ไม่ใช่ แม้มันจะปีนเกลียวก็เถอะ

   ‘พี่อยู่ไหนเหรอ’ มันคงเห็นผมเงียบ เลยส่งมาถาม ‘อ่านไม่ตอบว่ะ’

   ‘อยู่ห้อง มึงถามทำไม’

   ‘ก็เป็นห่วงไง’

   ‘ห่วงตัวมึงเองเถอะ’

   ‘ห่วงพี่นั่นแหละถูกแล้ว จำไม่ได้เหรอ ผมยอมเป็นแฟนทดลองของพี่อยู่นะ’ แทบอยากจะขว้างมือถือทิ้ง แต่ติดตรงที่มันแพงเกินที่ทำใจ

   ‘ประสาทนะมึง กูไปตกลงตอนไหน แล้วอีกอย่าง มึงจีบเพื่อนกูอยู่ อย่าเอากูไปเกี่ยว กูไม่เล่นด้วย’ พิมพ์จนนิ้วแทบพันกัน แต่ทำไมไอ้เด็กเม่นถึงตอบกลับมาไว สงสัยมันคงพิมพ์จีบสาวบ่อย แถมยังบ่นผมอีก ไอ้นี่
 
   ‘พี่ทำไมตอบช้าวะ’ ดูมันเร่งผมครับ

   ‘ให้เวลากูพิมพ์บ้างอะไรบ้าง’

   ‘แก่แล้วก็แบบนี้แหละ’

   ‘ไอ้เหี้ย’

   พิมพ์ด่ามันไป แต่มันกลับส่งตัวหัวเราะมาให้ ไอ้เด็กนี่ดูโกรธยากเหมือนกันแฮะ

   ‘ว่าแต่ ผมพูดจริงนะ เรื่องที่จะเป็นแฟนกับพี่น่ะ ผมอยากรู้และอยากให้พี่รู้ ว่าความรักมันเป็นยังไง วินๆ เห็นป่ะ’

   ‘ไม่โว้ย’ หาคำพูดคำด่าแทบไม่ได้ ยกมือขยี้ผมตัวเองซะเละเทะ

   ‘โหยพี่ ผมแซ่บนัวมากนะเออ’ แล้วมันก็ส่งตัวดุ๊กดิ๊กโคตรเสื่อมมา ผมรีบถ่ายรูปเท้าแล้วส่งให้มันทันที ‘ตีนพี่โคตรน่ารักอะ’
 
   พอครับ ผมปิดโทรศัพท์แล้วยัดไว้ในลิ้นชัก ไม่สนเสียงมันจะดังอีกสักแค่ไหน ไอ้ม่านไม่อยากรับรู้ ไม่อยากจะเชื่อ ว่าชีวิตผมจะเจอเด็กปีนเกลียวได้ถึงขนาดนี้ ขยาดจริงๆ ไอ้ม่านขอบาย


...........................................

ขออภัยในความไม่สะดวกค่า เนื่องจากเนื้อเรื่องเดิมมันดูเดินไวไป เรื่องเร็วเกินจนสับสน เลยขอรีไรท์ใหม่ เพื่อให้ความเสี่ยวของน้องเม่นในการเต๊าะพี่ม่านได้กระจ่างมากกว่านี้

ต้องขอประทานอภัยอย่างสูงค่าา 

:pig4:  :pig4:

ครั้งแรกที่ลง (20/10/59)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-01-2017 19:54:31 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

อ่านเรื่องกลอยมาก่อน  :pig4:แล้วก็พี่ฝอย 55 ชอบนะ สนุกดี
เป็ฯกำลังใจให้คนเขียน :katai2-1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มีเรื่องเป็นของตัวเองแล้วเพื่อนเกรียนกลอย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
น่ารักดี ฮา

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
เม่นให้พวกพี่ว๊ากสามคนนี้ช่วย เพื่อสารภาพรักกับพีม่านรึเปล่านะ :hao3:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ว่าพี่ฝอยรุกแล้ว เจอเม่นรุกกว่าม่านท่าจะงานหนักแล้ว

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
เม่นรุกหนักมากๆๆๆ  ม่านเสร็จแน่ๆๆ :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ไม่ทันแล้วม่านนน มันไม่ทันตั้งกะโดนกลอยประเกรียนมันล่อลวงนายแล้ว o3 o3 o3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

2
[Re-write : 05/02/60]




        ถึงแม้ผมจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่สนใจข้อความที่ส่งมานับร้อยกว่าข้อความ แต่ไอ้คนข้างๆ ผมมันกำลังสน ไอ้เจทำตาสอดรู้ยื่นหน้ามาดู แต่ผมรีบยัดใส่กระเป๋าได้ทัน มันเลยเบ้ปากใส่

   “มีความลับกับพวกกูนะมึง ไอ้เชี่ยมู่” ไอ้เจพูดจบ คนอื่นเลยพลอยหันมาสนใจ

   “ความลับอะไรวะ” ไอ้มีนทำหน้าอยากรู้ขึ้นมาทันที

   “ไม่มีเว้ย อย่ามาใส่ร้ายกู” ผมรีบออกตัวครับ กลัวพวกนี้มันเค้นจนเจอ “ว่าแต่ พวกมึงเข้าห้องเชียร์กี่โมงวะ” ช่วงนี้พวกพี่ว๊ากเข้าห้องเชียร์แทบทุกวัน นั่นเพราะใกล้จะมีกีฬาของเด็กปีหนึ่ง ดังนั้นพี่ว๊ากมีหน้าที่คอยกระตุ้นให้ปีหนึ่งมีความตื่นตัว ถึงแม้จะไม่ใช่วิธีโดยละม่อม

   “ปีสองนัดตอนเย็น เอ่อ ตอนเที่ยงมีคัดนักกีฬาด้วยนี่หว่า” อีแน่ว ผู้หญิง (แต่อยากเป็นผู้ชาย) หนึ่งเดียวของกลุ่มว่า ตามันก็คอยสังเกตสาวๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา

   “กูต้องไปดูซะแล้ว” ผมยิ้มพรายออกมา เห็นผมตัวแห้งไม่บึกบึนแบบนี้ ตอนปีหนึ่งผมเป็นตัวทำประตูให้ฟุตบอลคณะเป็นแชมป์นะครับ ปีแรกด้วย กลายเป็นเดือนเด่นแซงหน้าไอ้เดือนมหาลัยที่ไปแข่งบาสแล้วแพ้ ตอนนั้นผมโคตรยืด ข่มไอ้เจไปหลายเดือน

   หลังจากเลิกเรียนช่วงเช้า ก่อนเที่ยงผมเดินตามหลังเฮดว๊ากไปที่ห้องรับลงทะเบียนแข่งกีฬาของคณะ ภายในห้องมีเด็กปีหนึ่งพอประมาณ เสียงพูดคุยเจี๊ยวจ๊าวจนแสบแก้วหู แต่พอกลุ่มของผมก้าวขาเข้าไป เสียงที่ได้ยินก่อนจะถึงประตูก้เงียบสนิท บรรดาเด็กปีหนึ่งต่างก้มหน้าขยับไปยืนกองที่มุมห้อง

   พวกผมเดินไปดูรายชื่อนักกีฬาแต่ละประเภท ก็ถือว่าได้รับความสนใจจากเด็กปีหนึ่งเกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะฟุตบอลที่มีคนสมัครเยอะกว่าปีก่อน ผมที่พลิกดูรายชื่อถึงกับยิ้มออกมา ต่างจากพวกที่ปั้นหน้านิ่ง พวกมันแค่ปรายตามองแล้วทำท่าไม่สบอารมณ์

   “คัดเมื่อไหร่” ไอ้เกมส์ถามปีสองที่รับลงทะเบียน

   “มะรืนครับ” น้องตอบออกมาด้วยใบหน้าเลิกลัก คงกลัวสายว๊ากจะพาลโมโห

   “เออ” ไม่มีการพูดคุยอะไรอีก ไอ้เจเดินนำกลุ่มออกไปด้านนอก จะมีแค่ผมที่ยังอยู่ ก็อยากเห็นหน้านักกีฬานี่หว่า

   ผมสะกิดไอ้จ๊อดที่คงมาดูตัวน้องๆ เหมือนกัน ไอ้นี่เคยเป็นกัปตันสมัยผมอยู่ปีหนึ่ง ฝีเท้ามันใช่ย่อย ไปสมัครเป็นนักกีฬาของมหาลัยมาแล้ว แต่ดันเมาเอารถล้มขาหัก เลยอดไปคัดตัวจริง

   “กูอยากเห็นน้องๆ ว่ะ” ผมว่า ไอ้จ๊อดมันก็พยักพเยิดหน้าไปทางกลุ่มเด็กที่จับกลุ่มอยู่ริมห้อง “กลุ่มนั้นเหรอวะ รูปร่างใช้ได้นี่หว่า” เด็กๆ ดูร่างกายบึกบึนสมส่วนใช้ได้ แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวคณะอื่นๆ แล้ว

   “มึงมาช่วยคัดด้วยสิ หัดทำอะไรเพื่อส่วนรวมบ้าง” โดนไอ้จ๊อดด่าแบบเชือดนิ่มๆ แต่วาจาเชือดเฉือน

   “ไอ้คนทำเพื่อส่วนรวม” แขวะมันไป ไอ้จ๊อดหัวเราะออกมาแล้วเดินไปหากลุ่มเด็กปีหนึ่ง ผมก็เดินตามมันไปเหมือนกัน อยากรู้จักนิดๆ

   ผมฟังไอ้จ๊อดทักทายน้องๆ มันเป็นพวกคนพูดจามีหลักการ ผมเคยบอกให้มันซิ่วไปเรียนพวกเกี่ยวกับวิชาการแต่มันบอกไม่ชอบ มันชอบกลิ่นดินกลิ่นหญ้า สงสัยชาติที่แล้วมันจะเป็นเกิดเป็นสัตว์ใหญ่

   กว่าจะฟังมันโม้เสร็จก็นานหลายนาที ผมเกือบหลับไปแล้วหลายรอบ เสียงพูดคุยค่อยๆ เงียบลงอีกแล้ว หันไปมองก็เจอไอ้เกมส์เดินเข้ามา มันเรียกผมด้วยสายตา คนอื่นอาจไม่เข้าใจ แต่ผมสนิทกับมันเลยรู้ มันกระพริบปริบๆ มองมา ผมก็รีบตบบ่าไอ้จ๊อดขี้โม้แล้วเดินไปหาเพื่อน

   “อะไรวะ” กระซิบถามเบาๆ

   “จะกินไหมข้าว” ตาโตให้กับคำถามที่ได้ยิน เพิ่งรู้ว่าพวกมันโคตรรักผม ถึงกับรอกินข้าวว่ะ

   เดินตามไอ้พี่ระเบียบออกมาด้านนอก พวกที่เดินออกมาก่อนนั่งตบหัวตบหางกันอยู่ พอเห็นผมเดินตามหลังมา มันก็แทบจะตะโกนด่า หากไม่มีเด็กปีหนึ่งอยู่แถวนี้ พวกมันต้องวางท่าให้น่าเกรงขาม

   ระหว่างทางที่จะไปกินข้าว เสียงริงโทนโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น เอาออกมาดู หน้าจอมีแต่เบอร์ไม่มีชื่อ ใครวะ จะไม่กดรับก็เผื่อเป็นคนรู้จัก

   “ฮัลโหล” รับแบบคนปกติสำหรับเบอร์ไม่คุ้นเคย

   (พี่ม่านใช่ไหมครับ) เสียงที่ได้ยินมันช่างคุ้นหู อีกทั้งยังรู้จักชื่อผมอีก หรือว่าจะเป็นรุ่นน้องของที่นี่วะ

   “ใครวะ”

   (เราเพิ่งเจอกันเมื่อวาน จำไม่ได้แล้วเหรอ) นึกอยู่นานว่าเจอใครเมื่อวาน เพราะผมเจอคนเยอะมากตอนมามหาลัย (ที่ไปดูหนังไง)

   “ดูหนัง?” เริ่มคุ้นๆ “อ๋อ ไอ้เด็กคนนั้น” นึกหน้ามันออกแล้วครับ ในสมองมัวแต่คิดเรื่องฟุตบอลจนลืมคนที่ทำให้ผมนอนเอาหมอนอุดหูทั้งคืน “มึงมีอะไรวะ”

   (ไม่มีอะไร แค่โทรมาถามว่าพี่กินข้าวหรือยัง) ปลายสายพูดติดขำนิดๆ จนผมขมวดคิ้ว

   “ยัง มีไรวะ” ถามย้ำไปหลายรอบแล้วเนี่ย ยังไม่รู้ว่ามันโทรมาทำไม

   (ก็เป็นห่วงไง กลัวพี่ยังไม่กินข้าว ผมเพิ่งกินข้าวขาหมูไปเมื่อกี้ อิ่มมากเลย) ไอ้เม่นลากเสียงซะยาว เอาซะอยากกินข้าวขาหมูตามเลย (ทำไมเงียบ อยากกินข้าวขาหมูเหมือนผมล่ะสิ แหม)

   “อย่ามามั่วไอ้ห่า” ด่ามันไป เพราะมันดันรู้ทันผมซะได้ “แค่นี้นะ กูกำลังจะไปกินข้าว”

   (เดี๋ยวๆ) กำลังจะกดวางแต่เสียงมันดันแหลมมาก่อน (พี่เลิกเรียนกี่โมง)

   “ถามทำไมวะ” ปากก็ตอบคนปลายสาย แต่หน้าก็พยักพเยิดให้เพื่อนที่ยืนเท้าเอวรอ
 
   (เปล๊า) ไอ้เม่นปฏิเสธเสียงสูง (พี่เรียนที่ตึกพี่หรือตึกไหน)

   “ถามทำไมวะ” ประโยคเดิมเด๊ะ คราวนี้ผมถูกเพื่อนลากแล้วครับ มือถือเกือบร่วง “ไอ้เชี่ยมีน กูเดินเอง” ตาขวางใส่เพื่อนตัวเอง วิญญาณพี่ว๊ากเข้าสิงหรือไง

   (พี่ทำอะไรน่ะ) น้ำเสียงมันดูตกใจ คงเพราะผมตวาดเพื่อนตัวเอง

   “เดินอยู่” ตอบไปตรงๆ ได้ยินเสียงขำลอดออกมา “มึงถามทำไม”

   (เปล๊า)

   “ไม่มีอะไรกูวางละนะ”

   (เดี๋ยวๆ พี่ยังไม่ได้ตอบเลยว่าเรียนตึกไหน)

   “ตึกคณะ แค่นี้นะ เพื่อนกูจะงับหัวกูแล้ว”

   หลังจากวางสาย ผมก็รีบวิ่งตามหลังเพื่อนที่มันรำคาญเลยเดินไปโรงอาหารก่อน วันนี้พวกมันเกิดอยากชิมร้านเปิดใหม่ที่โรงอาหารกลางที่เป็นแหล่งรวมนักศึกษาต่างคณะ อีกนัยหนึ่งคือเป็นที่ๆ ทั้งหนุ่มและสาวต่างมามองหาคนถูกใจ

   ร้านข้าวแกงราคาประหยัดแต่อร่อย ผมโคตรชอบเลย มันดีต่อเงินในกระเป๋า ระหว่างยืนรอเหลือบเห็นเพื่อนสนิทที่มันเลิกเรียนในสิ่งที่ใฝ่ฝันจะตามรอยของพ่อ และมันคงเห็นผมแล้วเลยเดินมาพร้อมรอยยิ้มเท่ของตัวเอง มันคงไม่สังเกตว่าสาวๆ ร้านข้างๆ จะงาบมันอยู่แล้ว

   “หล่อนะมึงไอ้อัธ” แกล้งแซวมันไป ไอ้นี่ก็ยิ้มๆ “เลี้ยงกูหน่อย”

   “เจอหน้ากูจะแดกฟรีตลอดไอ้ห่าม่าน” โดนมันโบกหัวไปที แต่มันก็ยอมเลี้ยง ไอ้อัธมันเรียนนิติศาสตร์ครับ อยากเป็นทนายเหมือนพ่อ แต่หน้าตาดีได้แม่ของมัน

   “เพื่อนมึงล่ะ” ปกติมันจะตัวติดกับเพื่อนอีกคนที่ชื่อดีฟ

   “นู้น อยากแดกข้าวขาหมู” ไอ้อัธชี้นิ้วไปที่ร้านข้าวขาหมู จะว่าไป ผมก็อยากกินนะ “ไปเที่ยวกับไปกลอยมาเหรอ” รีบหันหน้ามามอง ไอ้อัธหูตาไวจริงๆ สงสัยชาติที่แล้วเกิดเป็นสับปะรด

   “รู้ได้ไงวะ”

   “ไอ้กลอยมันอัพรูปไง ไม่น่าถาม”

   อยากด่ามันกลับไป แต่กลัวเจ็บตัว ผมยื่นมือไปรับจานข้าวตัวเองก่อนขยับออกมายืนรอผู้มีพระคุณที่เลี้ยงข้าวทุกครั้งที่เจอ เพื่อนผมช่างเป็นคนดีเหี้ยๆ

   “มึงนั่งไหนวะ” มองหาโต๊ะไอ้อัธครับ

   “นั่งกับพวกมึงนั่นแหละ”

   “อ่อ”

   เดินมาที่โต๊ะพร้อมเพื่อนสนิทที่คบมานาน ไอ้อัธมันเป็นคนมีโปรไฟล์ดี แต่ไม่อยากอวด เดี๋ยวมันจะเด่นกว่าผม มาถึงโต๊ะ เพื่อนต่างคณะอีกคนก็นั่งอยู่ก่อนแล้ว แถมยังคุยออกรสอยู่กับเพื่อนผม สงสัยพวกไอ้เจจะลืมคีฟลุคเก๊กเป็นพี่ว๊าก เพราะมันหลุดอ้าปากหัวเราะจนเห็นลิ้นไก่

   “ไข่ลูกเขย” ผมกำลังจะใช้ช้อนจิ้มไข่ลูกเขย แต่ไอ้ดีฟ เพื่อนคณะนิติศาสตร์ดันจับมือผมแล้วทำตาวาว “แลกกันเถอะเพื่อนม่าน”

   “หา?” งงสิครับ อยู่ๆ มันก็มาขอเปลี่ยนจาน

   “กูเพิ่งนึกออกว่าอยากกินไข่ลูกเขย แลกกันเถอะ” ไอ้ดีฟทำตาละห้อยจ้องไข่ลูกเขยในจานผม พอขยับ มันก็มองตาม
 
   “เออๆ เห็นมึงอยากกินหรอกนะ” ตลกดีเหมือนกัน

   พอสลับจานกันปุ๊บ ไอ้ดีฟก็กินข้าวอย่างอร่อย ปล่อยให้คนมองส่ายหน้าระอาไป ผมขำนิดๆ ก่อนเขี่ยข้าวขาหมู เดี๋ยวนะ นี่ผมกินแบบไอ้เม่นหรือเนี่ย

   “เป็นไรวะ” ไอ้อัธถาม คงเห็นผมเขี่ยไม่ยอมกินสักที

   “เปล่า” ตอบเสร็จก็ตักไข่ต้นครึ่งซีกเข้าปาก

   “ติดคอกูจะหัวเราะให้” ไม่สนเพื่อนจะพูดอะไร ตอนนี้กินอย่างเดียว เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน

   ทั้งโต๊ะกินไป คุยไป คนพูดมากอย่างไอ้ดีฟก็ชวนคุยไปเรื่อย มันก็รู้ว่าทั้งโต๊ะเนี่ย เป็นพี่ว๊าก แถวนี้มีเด็กคณะผมเดินประปรายจะปล่อยภาพหลุดไม่ได้ ผมเห็นไอ้มีนกลั้นยิ้มจนหน้าแดงไปหมด ไอ้เกมส์พยายามมองทางอื่น อีแน่วก็เอาแต่ก้มหน้าจิ้มโทรศัพท์ แต่ไอ้ที่เผลอคงจะเป็นเฮดว๊ากที่แสนดุอย่างไอ้เจ ที่มันฟังเรื่องขี้ขึ้น (อาการของคนไม่ได้ถ่ายอุจจาระนานแล้วลมตีขึ้นจะเป็นลม) ของไอ้ดีฟแล้วหัวเราะจนข้าวมันไก่พุ่งออกมาเต็มโต๊ะ

   “ไอ้เหี้ย” คนเล่ามันด่าครับ เพราะข้าวที่พุ่งออกจากปากไปอยู่ในจานข้าวไข่ลูกเขยด้วย โคตรสมน้ำหน้า เล่าไม่ดูเวลา

   “แค่กๆ มึงทำตัวมึงเอง” ไอ้เจก็ดื่มน้ำจนเกือบหมดขวด คงสำลักหนักเอาการ

   “หมดกันข้าวกู”





   
   มื้อกลางวันจบลงพวกเราก็แยกย้ายกลับคณะ ผมเดินตามเพื่อนตัวเองเข้าตึก วันนี้เหลืออีกวิชาเดียวก็จะได้กลับ ทำไมรู้สึกเหนื่อย อยากนอนจริงๆ ระหว่างที่ผมหลับตาอ้าปากหาว ลืมตาขึ้นเจอคนที่ไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ยิ้มแป้นแล้นขวางหน้า ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ มอง

   “มึง...” ยังคิดหาคำพูดไม่ออก

   “พี่เรียนเสร็จแล้วเหรอ” ไอ้เม่นถาม ปากก็ฉีกยิ้มจนแทบถึงใบหู

   “ยังโว้ย มึงมาทำไมเนี่ย กูตกใจสัด” ตกใจจริงๆ นะครับ อยู่ๆ มันก็โผล่มา

   “ผมจะมารับไง ทำหน้าที่แฟนที่ดี”

   “ห๊ะ”

   ตกใจสะดุ้งประหนึ่งเหยียบขี้หมา ผมเบิกตาโตมองไอ้คนขี้ตู่ว่าผมเป็นแฟน มันทำหน้าลอยไปลอยมาไม่สนใจเพื่อนผมที่ยืนทำหน้าเป็นหมาสงสัยอยู่ด้านหลัง

   “ตกใจอะไร เราตกลงกันแล้วนี่”

   “กูไปตกลงตอนไหน” รีบเถียง

   “ตอนนั้นนั่นแหละ ไม่รู้ พี่ตกลงแล้ว” เอ๊ะ...ไอ้นี่

   “อย่ามามั่วไอ้น้อง กลับมหาลัยมึงซะ กูรุ่นพี่ ไม่ใช่เพื่อนเล่น” เริ่มโมโหนิดๆ กับการถูกปีนเกลียว รุ่นน้องมันนิสัยคล้ายรุ่นพี่มันเลยว่ะ การพูดไม่รู้เนี่ย

   “ผมไม่ได้คิดว่าพี่เป็นเพื่อนสักหน่อย”

   “ไอ้เม่น” เผลอตะคอกใส่อารมณ์ไป “กูไม่สนุกนะเว้ย มึงต้องการอะไรวะเอาจริงๆ”

   “ผมจะจีบพี่” น้ำเสียงกับใบหน้านิ่งไม่เหลือเค้าคนขี้เล่นอย่างตอนแรกที่เจอ “ผมพูดจริงๆ”

   “มึง...” ไปไม่เป็นเลยจริงๆ เจอพวกที่แกล้งเข้ามาสารภาพบ่อยจนชิน แต่ทำไมตอนนี้ถึงพูดอะไรไม่ออก “มึง...พูดอีกที กูน่าจะหูเพี้ยนว่ะ” พยายามยกมือแคะหู

   “ผมบอกว่า ผมจะจีบพี่ครับ” คราวนี้มาเน้น ชัด ทุกคำ คล้ายกับมีเสียงวิ้งในหูจนสมองเบลอ

   “มึงล้อกูเล่นอยู่แน่ ซึ่งกูไม่ตลก กลับไปคิดดูดีๆ ว่ามึงต้องการอะไรกันแน่” พูดจบผมก็เดินหนี พยายามไม่มองหน้าเพื่อนตัวเองที่ยืนทำตาโตให้ภาพที่ได้เห็นและคำพูดที่ได้ยิน ผมรู้ว่าพวกมันมีคำถามมากมาย แต่ผมก็ไม่รู้จะตอบอะไร ดังนั้นตอนนี้ขอไปนั่งเรียบเรียงคำพูดก่อน

   ช่วงเวลาที่เรียน ผมแสร้งเป็นตั้งใจเรียน ไม่สนแรงดึงจากไอ้เจหรืออีแน่ว พวกมันอยากรู้ตามสันดาร ผมเมินเพื่อนตัวเองได้แค่ช่วงที่เรียน แต่พอหมดคาบปุ๊บ ก็ถูกกักบริเวณปั๊บ ตอนนี้ผมกำลังถูกพี่ว๊ากล้อมกดดัน

   “ไอ้เชี่ยมู่ อธิบายมา” น้ำเสียงนิ่งแต่กดดันของเฮดว๊าก ผมรู้ดีว่าทำไมไอ้เจถึงถูกโหวตได้ตำแหน่ง มันหน้านิ่งแต่โคตรอึดอัด
 
   “อธิบายอะไร” ตอบแบบเรียบๆ แต่ดูพวกมันจะไม่พอใจ

   “อย่ามาสตอ” ถูกผู้หญิงหนึ่งเดียวของกลุ่มตวาดจนตกใจ

   “กูไม่ชอบกินสตอ”

   “ต้องตลกไหม”

   ทำยังไงดี ผมถูกพวกมันรุม พยายามก้มหน้าก้มตาแต่ก็ถูกตบหัว

   “กูก็ไม่รู้โว้ย” ผมตะโกนออกมา

   “ไม่รู้ได้ไง ไอ้เด็กนั่นมันเดินมาตะโกนปาวๆ ว่าจะจีบมึง” ไอ้เกมส์ว่า นิ้วชี้มันจิ้วหน้าผากผมอยู่หลายรอบ “บอกกูมา ตั้งแต่เริ่ม ทำไมพวกกูไม่เคยเห็น เคยเจอวะ”

   “มึงก็รู้ว่ากูต้องอัพเดตข้อมูลทุกๆ วินาที แต่มึงทำให้กูกลายเป็นพวกตกข่าว กูเสียใจมึงรู้ไหม” เหล่ตามองไอ้มีนที่ดราม่ายกมือกุมหน้าแสร้งเสียใจ โคตรตอแหลว่ะ

   “มึงเจอไอ้เด็กหล่อนั่นที่ไหน” ละสายตาจากเพื่อนสายดราม่ามามองหน้าคนที่ออกปากชมไอ้เม่นว่าหล่อ นี่ทอมชมผู้ชายว่าหล่อด้วย ตั้งแต่คบมันมา ไอ้เม่นเป็นผู้ชายท็อปเทนเลยนะครับที่ถูกอีแน่วชมว่าหล่อ

   “มันเป็นรุ่นน้องของเพื่อนกู” มันไม่ใช่เรื่องน่าปกปิดเพื่อนอยู่แล้ว

   “เพื่อนมึง? คนไหนวะ” ไอ้เจทำคิ้วขมวด “อย่าบอกว่าไอ้กลอยเกรียน” รีบพยักหน้า

   “ไอ้เด็กนั่นมันจีบไอ้กลอย” ผมบอกตามเรื่องจริง

   “ฉิบหาย แล้วมายุ่งกับมึงทำไมวะ” ไอ้เกมส์ตีหน้ายุ่งจ้องหน้าผมอย่างสงสัย

   “กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” เพราะถ้ารู้ผมคงไม่มานั่งปวดหัวแบบนี้หรอก

   “ถามสิวะ ปากมึงก็มี” ระหว่างที่เงียบกันมาหลายนาที อีแน่วก็โพล่งออกมา

   เออว่ะ ทำไมผมโง่วะ

   กำลังนั่งหาคำถามอยู่ในหัว คอเสื้อผมถูกไอ้พวกเพื่อนชั่วหิ้วให้เดิน เดี๋ยวๆ พวกมันลืมไปหรือเปล่า ว่าเจอไอ้เม่นเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ตอนนี้มันก็กลับไปแล้วสิคงไม่อยู่...รอ

   “พี่ม่าน” เสียงทักทายอย่างสดใสกับรอยยิ้มแป้นแล้นคือภาพแรกที่เห็นหลังจากลงจากตึก นี่มันยังไม่กลับเหรอวะ สองชั่วโมงเลยนะเฮ้ย

   “มึง...มานั่งอะไรตรงนี้” ตกใจแทบหาเสียงตัวเองไม่เจอ

   “รอพี่ไง”

   “รอกู?”

   “อืม ก็เราจะไปกินข้าวกันไง พี่ไม่มีเรียนแล้วใช่ป่ะ”

   “ห๊ะ” ผมยังไม่ทันได้ตอบ ไอ้เม่นยื่นมือมาดึงแขนผมเฉย ยังดีที่ได้ไอ้เกมส์ดึงแขนอีกข้างไว้ทัน และตอนนี้พวกมันก็จ้องหน้ากันอยู่ ถ้าขู่แยกเขี้ยวด้วยนี่ใช่เลย...

   “ปล่อย” เสียงไอ้เกมส์โคตรนิ่ง

   “พี่นั่นแหละที่ต้องปล่อย” ไอ้เม่นก็นิ่งไม่ต่างกัน

   “นี่เพื่อนกู” เสียงเย็นได้อีก

   “นี่ก็...” เอาแล้ว ไอ้เม่นหาคำพูดไม่ได้ สีหน้ามันดูสับสน “ก็...แฟนในอนาคตของผม”

   “เชี่ย” เสียงสบถออกมาแทบจะพร้อมกันของผมและผองเพื่อน “มึงกินยาลืมเขย่าขวดเหรอวะ หรือเสียใจจากไอ้กลอยจนเพี้ยน”

   “ผมคิดดีแล้ว และผมก็ไม่ได้เสียใจที่พี่กลอยไม่รับรักผม” ไอ้เม่นพูดเสียงดังฟังชัดจนผมต้องหันซ้ายมองขวา ใต้ตึกตอนนี้มีนักศึกษาหลายชั้นปี แถมยังสนใจกลุ่มผมอีกต่างหาก “แต่เรื่องที่บอกว่าเพี้ยน ผมคงเพี้ยนจริง เพี้ยนใจมารักพี่ไง”


   ...เงียบ


   หลังจากไอ้เม่นพูดจบผมกับเพื่อนต่างก็นิ่งมองหน้ามัน ไม่ได้ซึ้งแต่กำลังสงสัยว่ามันพูดอะไร

   “เพี้ยนใจเหี้ยอะไรวะ” ไอ้มีนที่สติกลับคืนก่อนใครเพื่อนถาม

   “พี่ไม่เข้าใจภาษาวัยรุ่นเหรอ เพี้ยนใจมารัก ก็ผันมากจาก เปลี่ยนใจมารักไง” ไอ้เม่นชูนิ้วโป้ง นิ้วชี้และนิ้วก้อยเป็นสัญลักษณ์ชูมาตรงหน้าผม

   “เสี่ยวเหี้ย” สี่เสียงพูดออกมาพร้อมกัน ซึ่งผมรีบพยักหน้าเห็นด้วย ดูคนเสี่ยวจะพอใจกับสิ่งที่พูดออกมา ไอ้เม่นฉีกยิ้มจนตาหยีไม่กระดากปากที่พูดแบบนั้นออกมา

   อาศัยจังหวะที่ไอ้เม่นมัวแต่ชื่นชมคำพูดตัวเองรีบเดินหนี กว่ามันจะรู้สึกตัวก็ตอนที่ไอ้มีนสะกิด ผมหันไปมองเห็นมันทำหน้าเหลอหลาก่อนจะรีบวิ่งตามผม

   “พี่ม่าน รอผมด้วย”

   “ไม่รอเว้ย” เร่งซอยเท้ายิกๆ จะวิ่งก็เดี๋ยวว่าป๊อด

   “พี่ ระวังหลุมนะ” ไอ้เม่นที่สาวเท้ายาวๆ มาจนเกือบจะถึงตะโกน เด็กปีสองที่นั่งอยู่แถวนั้นถึงกับหันมามอง

   “หลุมเชี่ยอะไร อย่ามาหลอกกูซะให้ยาก” ตะโกนตอบไป ขาก็ยังเร่งเดินอยู่ ทำไมไอ้เม่นขามันยาววะ อ่อ มันสูงนี่เอง

   “ไม่ได้หลอก นั่นหลุม”

   “เชี่ย” แล้วผมก็บ้าจี้กระโดดเฉย เอาซะอยากหัวเราะตัวเอง “มึงหลอกกู”

   “ไม่ได้หลอกจริงๆ นะ” ผมหยุดเดินแล้วครับ ไอ้เม่นเลยมายืนตรงหน้า เราต่างคนต่างหอบเพราะระยะทางที่เดินมามันไกลพอสมควร

   “แล้วไหนหลุมของมึงวะ” ขึ้นเสียงนิดๆ โมโหครับ

   “เต็มไปหมด นั่นก็ใช่ นี่ด้วย นู้นด้วย” ไอ้เม่นชี้ไปทั่ว มั่วไปหมดหลุมของมัน ผมกระพริบตาปริบๆ ไม่เห็นมีหลุมสักกะหลุม หรือสายตามันสั้นวะ “พี่มองไม่เห็นแบบนี้ เสี่ยงจริงๆ ด้วย”

   “เสี่ยงอะไร”

   “เสี่ยงที่จะเดินตกหลุมรักของผมไงล่ะ” ใครก็ได้ ขอกระโถนให้ไอ้ม่านหน่อย ผมจะอ้วก ผมส่ายหน้ารับไม่ได้แล้วออกเดินต่อ “พี่ ระวังหลุมรักของผม นั่นๆ จะเหยียบแล้ว ตกแล้วผมไม่ให้ขึ้นนะ”

   “ขอร้องอย่าเสี่ยว กูจะอ้วก”

   ผมตะโกนด่า แต่มันกลับยิ้มแถมยังเดินตามตูดผมต้อยๆ อย่างกับลูกเป็ด นี่ผมต้องทนเด็กเสี่ยวตามตูดแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่

   “พี่ออกเสียงดีๆ นะ เดี๋ยวจะกำกวน”

   “ไอ้...” กว่าจะนึกออกว่าเพราะอะไรถึงกำกวม ไอ้เม่นก็เดินนำหน้าผมไปแล้ว ไอ้เชี่ย กูพูดถูกเสมอ ไม่มีทางเผลอลืมไม้เอกหรอก ไอ้เสี่ยวเอ้ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2017 22:00:22 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
มันแค่เริ่มต้นนะม่าน การเดินทางยังอีกยาวไกลลลลลลล :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ม่านไหวม้ายยยยยแต่ดูแล้วไม่น่าไหวนะ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
บอกเลยเม่นรุกหนัก จัดหนัก ม่านเอ๊ย หัวใจแกระทวยแน่ๆๆ :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5

3
[Re-write : 05/02/60]




       “พี่ไม่กินเหรอ” เสียงมาพร้อมรอยยิ้ม ผมจ้องหน้าไอ้เด็กที่สามารถพาลากผมออกมาห้างด้วยได้
 
   ยอมใจมันจริงๆ

   ไอ้เม่นเดินตามผมไปที่รถ พอผมขับรถตัวเองออกมา มันก็รีบย้อนไปที่รถตัวเองแล้วขับตามผมจนถึงหอ แต่ผมรีบเข้าไปก่อนประตูเลยล็อก คนที่ตามมาเลยไม่ได้ตามเข้ามาด้วย

   ทำนั่นทำนี่อยู่ในห้องก็หลายชั่วโมง จากที่เลิกบ่ายสาม ตอนนี้เกือบทุ่ม ท้องก็เริ่มร้อง ผมคว้ากระเป๋าตังค์ หนีบแตะลงมาเพื่อจะไปหาข้าวกิน แต่กลับต้องตกใจเมื่อเห็นคนที่เพิ่งรู้จักนั่งสัปหงกอยู่ที่พื้น มันมีความพยายามมากจริงๆ ไอ้ม่านนับถือ

   ผมเดินไปสะกิด ไอ้เม่นค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาแล้วยิ้มให้ เมื่อมันยอมลงทุนขนาดนี้ ผมเลยยอมมากินข้าวด้วย แต่ใครจะคิดว่ามันจะพาผมมากินข้าวในห้องใจกลางเมือง มันฝ่ารถติดหนึบเพื่อจะมากินข้าวหน้าหมูทอด ยอมใจทุกๆ เรื่องที่มันทำ

   “มึงไม่บอกว่าจะมาที่นี่” ผมกอดอกจ้องหน้าคนตรงข้าม

   “พี่ไม่ชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหรอ แล้วพี่ชอบกินอะไรล่ะ ไว้คราวหน้า...”

   “กูหมายถึง มึงไม่บอกก่อนกูจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้า” ไอ้เม่นยังอยู่ในชุดนักศึกษา แต่ผมเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกับกางเกงบอล หนีบแตะด้วย คนมองตั้งแต่ลานจอดรถ โคตรอาย นี่ถ้ามีเด็กในคณะมาเห็นนะ หมดเลยกับภาพที่ผมคีพลุคมานาน

   “อ๋อ ก็ว่าอะไร” ไอ้เม่นหัวเราะออกมา แม้จะอุบาทเพราะข้าวเต็มปาก แต่เพราะความหล่อทำให้พอหยวนได้ ดูได้จากสาวออฟฟิศที่ยิ้มมองมันบ่อยๆ “พี่แต่งแบบนี้ก็น่ารักดีนะ แปลกดี”

   “จะถือว่าชม”

   ผมจิ้มหมูทอดเข้าปาก ของฟรีไม่ว่าจะถูกจะแพง จะอร่อยหรือไม่อร่อย ไอ้ม่านกินได้หมด เคยไปกินส้มตำพริกร้อยเม็ดมาแล้ว ถ้าไม่เสียดายนะ ผมทิ้งไปตั้งแต่คำแรกแล้ว แต่นานๆ ทีไอ้กลอยจะเลี้ยง (มารู้ทีหลัง ว่าแอบยักยอกเงิน พี่โชแฟนของมันมา)
 
   “พี่ชอบกินอะไรเหรอ”

   “ทุกอย่างที่ฟรี” ผมตอบ ไอ้เม่นถึงกับขำ “กูพูดผิดตรงไหน” ยกถ้วยน้ำซุปเต้าเจี้ยวขึ้นซด อร่อยดีแบบนี้ไอ้เม่นชอบ

   “พี่กินโคตรอร่อยอะ” เพิ่งสังเกตว่าคนตรงข้ามไม่แตะข้าวแล้ว ไอ้เม่นนั่งจ้องหน้าผมที่ฟาดเรียบไม่เหลือ ที่จริง ใครๆ ก็บอกว่าผมกินอะไรก็ดูเหมือนจะอร่อยไปหมด

   “ก็มันอร่อยสมราคา” ผมยักคิ้วให้กับรุ่นน้องของเพื่อน “มึงเถอะ มานั่งเฝ้ากูตั้งแต่เช้า พ่อแม่ไม่ห่วงเหรอ” ดูเหมือนผมจะพูดอะไรผิด จากรอยยิ้มแย้มตอนนี้ไอ้เด็กตรงหน้าค่อยๆ นิ่งขึ้น

   “พ่อกับแม่ผมเสียไปแล้วครับ” น้ำเสียงราบเรียบซะจนผมอยากตบปากตัวเอง

   “เฮ้ย ขอโทษนะ พี่ไม่รู้ว่ะ” รีบบอกอย่างรู้สึกผิด ไอ้เม่นดูซึมๆ ไป แต่ก็ยิ้มพรายออกมาอีกรอบ “อะไร”

   “แทนตัวเองกับผมว่าพี่ โคตรน่ารักกว่ากูเยอะเลย”

   “นี่มึงเศร้าจริงปะเนี่ย หรือดราม่าเฉยๆ” ผมถามปุ๊บ ไอ้คนตรงหน้าก็ขำออกมา

   “เศร้าจริง แต่ไม่อยากให้พี่เศร้าด้วยไง” แววตาไอ้เม่นดูสั่นไหว ผมว่า มันคงเศร้าจริง “พี่รีบกินสิ เดี๋ยวเย็นจะไม่อร่อยนะ”

   “เออ” ผมลงมือกินอีกรอบ แต่คราวนี้กินไปมองหน้าคนตรงหน้าไป ในสมองมีแต่ความสงสัยไปหมด จนอดไม่ได้ที่จะถามออกมาตรงๆ “กูถามอะไรหน่อยได้ไหม”

   “ครับ ทุกอย่าง” ไม่ต้องเอียงคอทำน่ารักก็ได้ เบ้ปากใส่มันไปที มันก็หัวเราะออกมา

   “คนเราจะชอบใครก็ต้องมีเหตุผล แล้วเหตุผลที่มึงมาตามตูดกูต้อยๆ เนี่ย คืออะไรวะ” อันนี้จริงจังมากครับ ทั้งชีวิตไม่เคยมีผู้ชายมาตาม หากน่ารักอย่างเพื่อนตัวเกรียนก็ว่าไปอย่าง “เพราะกูหล่อใช่ไหม” ไอ้เม่นส่ายหน้ารัว เอาความมั่นใจลดลงมาหน่อย “เพราะกูเป็นคนดี” จากยิ้มๆ อยู่หุบลงเมื่อข้อนี้ถูกส่ายหน้ารัวกว่าข้อแรก “เพราะกูตลก”

   “เพราะพี่ไม่รู้จักความรัก”

   “ห๊ะ” เหมือนหูจะเพี้ยนไป

   “ที่ผมตามตูดพี่ เหตุผลก็คือ เพราะพี่ไม่รู้จักความรัก และผมก็ไม่รู้จักเช่นกัน”

   “มันเกี่ยวกันยังไงวะ”

   “ก็เราเหมือนกันตรงที่ไม่รู้จัก ดังนั้นผมเลยอยากลองมีความรักดูสักครั้ง และผมก็อยากให้รู้จักด้วย เป็นไง เหตุผลของผม”

   “ปัญญาอ่อน” บอกเน้นๆ ไม่อ้อมค้อม “เหตุผลฟังไม่ขึ้นว่ะ”

   “แต่ผมจริงจังนะ” พอเห็นหน้ามุ่งมั่นของมันผมก็พูดไม่ออก

   “แล้วเหตุผลที่มึงชอบเพื่อนกูล่ะ”

   “ครั้งแรกที่ผมเจอพี่กลอย ตอนที่พี่เขาลงจากรถสปอร์ตสีดำ แต่พี่เขากลับบอกว่าจน พี่เขาใส่แว่นทั้งที่สายตาไม่ได้สั้น” เอาซะผมอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ไอ้กลอยมันพลาดอย่างจังสินะ

   “รู้ได้ไงว่าสายตามันไม่สั้น”

   “พี่เขาจะอ่านหนังสือแต่เอาแว่นออก” ฉิบหาย สมควรแล้วที่ถูกจับได้ “ในหัวผม มีแต่คำว่าทำไมอยู่เต็มไปหมด จนมารู้ว่าเพราะอะไรพี่เขาถึงต้องทำแบบนั้น ซึ่งผมไม่พอใจ”

   ผมจ้องหน้าคนบอกไม่พอใจ มันขมวดคิ้วเหมือนอารมณ์ค้างมาจนผมแอบเกรงนิดๆ ตามันดุนะเนี่ยเวลาทำหน้านิ่ง

   “บ้าป่ะ ไม่พอใจที่มันเป็นพี่เนียนเนี่ยนะ” ผมเป็นที่รองรับอารมณ์ของไอ้กลอยเลยตอนนั้น โทรมาบ่นเช้า บ่นเย็นเรื่องเป็นพี่เนียน (ที่ไม่เนียน)     
 
   “ไม่ใช่ ผมไม่พอใจที่พี่เขาทำตัวน่ารัก” แทบสำลักน้ำซุปที่เพิ่งยกซด เพิ่งรู้ว่าทำตัวน่ารักก็ผิดเว้ยเฮ้ย

   “มึงเลยตามตื้อมันเหรอ” แล้วไอ้เม่นก็พยักหน้า ผมว่า ไอ้เด็กนี่ตรรกะกำลังป่วยเข้าขั้นสุดยอด “กูว่ามึงอาการหนักแล้วว่ะ” ชี้สมองตัวเองบอก ไอ้เม่นหัวเราะออกมาจนคนหันมาสนใจ

   “ก็ผมอยากรู้ว่าการตามจีบผู้ชายยากแค่ไหนไง”

   “แล้วเป็นไง”

   “มาก” เผลอขำออกมาก่อนจะเก๊กหน้าขรึมต่อ “พี่กลอยว่ายากแล้ว พี่ยากกว่าอีก”

   “แล้วไหงวกมาถึงกูละวะ”

   “ก็ผมกำลังจีบพี่อยู่ ก็ต้องวกมาหาพี่สิ” หยิบผักในจานตัวเองปาหัวไอ้เด็กยิ้มตาหยี “พี่อยากป้อนผมก็ป้อนดีๆ สิครับ”

   “ไอ้...อี๋” ทำหน้าเหยเกเมื่อไอ้เม่นเอาผักที่แปะหัวเข้าปากแล้วเคี้ยว พอกลืนปุ๊บมันก็ขยิบตาส่งยิ้มพิฆาตมา ขนาดป้าข้างๆ ยังกรี๊ดขึ้นมาเอาซะตกใจ

   “ไม่รู้ล่ะ ผมจะตามตื้อจนกว่าพี่จะยอมทดลองมีความรักกันผม”

   “แล้วถ้าทดลองแล้วล้มเหลวละวะ”

   “พี่จะยอมทดลองกับผมแล้วเหรอ”

   “ยังเว้ย” แอบผงะ ที่ไอ้เม่นยื่นหน้าข้ามโต๊ะมาซะใกล้

   “โหย” ไอ้เม่นหน้างอถอยกลับไปนั่งตามเดิม

   “มึงยังเด็กเกินไป รอเรียนจบค่อยคิดไม่ดีเหรอวะ” ผมพูดตามที่พ่อเคยบอกกับผมเมื่อห้าปีก่อน

   “พี่หัวโบราณว่ะ”

   “ด่ากูแก่เลยเถอะแบบนี้”

   “ก็พี่แก่จริงไม่ต้องด่า”

   “ไอ้...” ยิ่งคุยยิ่งปวดหัว ทึ้งผมตัวเองเบาๆ “รีบๆ กิน กูมีงานต้องทำต่อ”

   “พี่มีการบ้านเหรอ”

   “ไปดูน้องคณะซ้อมบอล มหาลัยมึงไม่มีกีฬาเฟชรชี่เหรอวะ” ดูไอ้เม่นทำตัวว่างเกิน

   “มี แต่ผมไม่ได้ลงกีฬาอะไร อ๊ะๆ จะว่าผมไม่แมนใช่ป่ะ ผมรู้หรอกน่า” โดนดักทันทีที่เผยออ้าปาก “ที่ผมไม่ลงเนี่ย เพราะผมร่างกายไม่แข็งแรง”

   “มีโรคประจำตัวเหรอวะ” พอคนถูกถามพยักหน้า ผมก็ตาโต “โรคอะไร”

   “โรคหัวใจ” มองคนเป็นโรคกุมหัวใจตัวเอง “เนี่ย มันกำลังจะกำเริบแล้ว”

   “ฉิบหาย”

   อยู่ๆ ไอ้เด็กตรงข้ามเริ่มเกร็ง มือมันหงิกจนผมต้องรีบพุ่งเข้าไปดู หัวหนักๆ ของมันเอนมาพิงกับไหล่ ผมพยายามแกะมือที่มันกำแน่นให้คลายออก ตอนนี้ผมกำลังมึน ใช่ ต้องพามันไปหาหมอ

   “พี่ม่าน” เสียงเบาๆ ดังอยู่แทบชิดหูพร้อมกับลมหายใจอ่อนๆ เป่ารดต้นคอ

   “เดี๋ยวจะพาไปหาหมอนะ” ร้อนรนจนสั่นไปหมด กลัวมันจะตาย ผมอ้าปากจะขอความช่วยเหลือกลับถูกฝ่ามือหนายื่นมาปิดปาก “อะไออ๊ะ” (อะไรวะ)

   “มันกำเริบ...เลิฟ...ยู”

   “ไอ้เหี้ย”

   ด่าเสร็จผมลุกออกจากร้านทันที โมโหมากถึงมากที่สุด ไอ้เด็กนี่มันเล่นกับความรู้สึกห่วงของผม มันเห็นผมเป็นตัวตลกหรือไงวะ

   เดินเร็วจนคล้ายกับวิ่งไปโบกรถแท็กซี่ แต่เจ้ากรรมดันไม่มีรถคันไหนรับ นี่ก็น่าโมโห จะไปส่งรถบ้าง รับเฉพาะต่างชาติบ้าง แบบนั้นจะมีคนไทยในประเทศทำไมวะ (เริ่มพาลครับ)

   “พี่ ผมขอโทษ” หงุดหงิดแท็กซี่ยังไม่พอ ยังมาหงุดหงิดเพราะไอ้เด็กนิสัยเสียอีก ผมทำเป็นไม่สนใจ มือก็โบกหารถที่จะรับ แต่กลับถูกมือใหญ่กว่านิดหน่อยคว้าแล้วออกแรงลาก “มากับผม ก็ต้องกลับกับผมสิ”

   “ไอ้เม่น กูเจ็บ” ดึงซะอย่างกับข้อมือไม่มีเส้นเลือด แม้ผมบอกแล้วมันจะผ่อนแรงลง แต่ก็ไม่ยอมปล่อย ไอ้เม่นลากผมมาที่ลานจอดรถ ตอนเดินผ่านใคร เขาก็มองเหลียวหลังกันแทบทุกคน ผมพยายามก้มหน้าก้มตา แต่ไอ้คนดึงก็เดินไวซะจนหลบหน้าใครแทบไม่ได้

   ผมนั่งหน้านิ่งในรถ ถนนที่รถติดพอสมควรจนรู้สึกว่ามันช่างน่าเบื่อ จะเปิดเพลงก็ไม่กล้าเพราะมันไม่ใช่รถตัวเอง ผมเลยสำรวจรอบๆ รถด้วยสายตาแทน รถเก๋งคันนี้สะอาด ไม่มีขยะสักชิ้น แทบไม่อยากจะเชื่อ

   ไอ้เม่นเงียบมาตลอดทางจนรถแคมรี่จอดหน้าตึกที่ผมนัดกับเพื่อน ผมกำลังจะก้าวขาออกจากรถก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าคนขับ ไอ้เม่นหันมายิ้มแล้วโบกมือหยอยๆ

   “ขับดีๆ นะมึง อย่าเหม่อไปชนใครเข้าล่ะ” อดไม่ได้ที่จะพูด

   “ครับ” กำลังจะปิดประตูต้องชะงักอีกรอบที่ถูกเรียก “พี่ม่าน ผมขอโทษจริงๆ นะ”

   “เออๆ อย่าหลอกกูอีก กูไม่ชอบ”

   “ผมไม่มีทางหลอกพี่อีกแน่”

   มุ่ยหน้ามองไอ้คนทำตาประกาย ผมปิดประตูรถแล้วเดินหนี ไม่หันไปมองว่ารถมันจะขับไปหรือยังจอดอยู่ ตอนนี้ผมไม่อยากฟุ้งซ่าน ผมควรสนใจสิ่งตรงหน้า นั่นคือรุ่นน้องที่จะเข้าคัดเลือกเป็นนักกีฬาฟุตบอล

   สนามฟุตบอลสองมีแต่นักศึกษาคณะผม ไอ้จ๊อดซึ่งเป็นคนดูแลทีมทำหน้าที่คัดสรร ส่วนผมก็ได้แต่นั่งมองเพราะวิ่งซ้อมด้วยจนเหนื่อย นานแล้วที่ไม่ได้วิ่งหนักขนาดนี้ รู้สึกเหมือนจะขาดใจตายให้ได้ ผมนั่งหอบหนักขนาดกินน้ำยังไม่หาย

   “โทรศัพท์มึงอะ” ไอ้พัดที่นั่งหอบข้างๆ สะกิด ผมเหลือบมองมือถือตัวเองที่เปิดระบบสั้นเอาไว้สว่างวาบ หน้าจอมีแต่เบอร์ไม่มีชื่อ “รับสิวะ”

   “เออ” ตวัดตามองเพื่อนก่อนลุกออกมาจากห้อง “ฮัลโหล”

   (พี่ยังไม่เลิกอีกเหรอ) ไอ้เด็กนี่บ่ายถึง เย็นถึงวุ้ย

   “ยัง กูยังอยู่ที่มหาลัย”

   (พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเสียงหอบๆ หรือว่าพี่กำลัง...)

   “กูไปวิ่งมาเว้ย”

   (ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย พี่หื่นนะเนี่ย)

   “เดี๋ยวมึงจะโดนดี” ที่รู้ความคิดของผม...ไม่ใช่แล้วครับ “โทรมามีอะไรวะ แล้วนี่เบอร์มึงเหรอ” ที่ถามเพราะไม่ใช่เบอร์ที่โทรเข้ามาครั้งแรก

   (ของเพื่อน มือถือผมตกน้ำ ผมว่าจะให้พี่ไปช่วยเลือกให้หน่อย ได้ไหมครับ)

   “เห็นกูว่างมากเหรอ”

   (นะครับ)

   “เลี้ยงข้าวกูด้วย”

   นี่ผมไม่ได้เห็นแก่ของกินหรือของฟรีหรอกนะครับ แต่คนเราก็ควรจะมีอะไรตอบแทนคนมีน้ำใจบ้าง ปลายสายรีบตอบรับรัวๆ ก่อนผมจะวางแล้วกลับไปซ้อมบอลต่อ






   ตอนนี้ผมกำลังถูกกดดันอีกแล้ว จากกลุ่มเดิมด้วย พวกมันแทบจะเอาหน้าทิ่มกับหน้าของผม ขนาดเอามือดันออกไปมันก็ยังดาหน้าดันเข้ามา

   “อะไรของพวกมึงเนี่ย”

   “แถลงการณ์มา เรื่องเมื่อวาน หลังจากที่มึงแยกไป” อีแน่วใช้ปากกาจิ้มหน้าผากผมหลายจึ๊ก จะไม่ตบมือมันเลยถ้ามันไม่ถอดปลอกปากกาแล้วเอาหัวมันจิ้ม

   “ก็ไม่มีอะไร” ตอบพร้อมจ้องหน้าให้รู้ว่าไม่ได้โกหก

   “โกหก”

       นั่นไง ไม่ได้ผล

   “มันพามึงไปไหนมาบ้าง ทำอะไรกันบ้าง บอกพวกกูมาให้หมด แม้จะไม่เกี่ยวกับพวกกู แต่พวกกูอยากเสือก” หันไปมองไอ้เกมส์ที่พูด มันเผลอหัวเราะออกหลังจากพูดจบ

   “ไม่มีอะไรเลย มันพากูไปกินข้าวแล้วก็พากลับมาส่งมหาลัย”

   “แค่นี้?”

   “เออสิ จะให้แค่ไหนพวกห่านี่”

   ทำตาขวางให้กับพวกที่ทำหน้าเซ็ง ไอ้เจเบ้ปากแล้วก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต่อ ส่วนที่เหลือก็หันไปคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ

   พวกเรานั่งอยู่ได้ไม่นาน ผมก็ต้องแยกไป เพราะกลุ่มพี่ว๊ากต้องเข้าห้องเชียร์ ผมที่ไม่ได้มีหน้าที่ก็ต้องแยกไปที่อื่น ผมตบบ่าให้กำลังใจเฮดว๊ากที่นั่งทำอารมณ์ก่อนเข้าห้อง มันเป็นคนที่กดดันที่สุด ต้องแบกรับความกดดันและภาระทุกอย่าง

   ผมเดินย้อนกลับเข้าตึกคณะเพราะไอ้จ๊อดนัดประชุมเรื่องคัดตัวน้องปีหนึ่ง ระหว่างที่ผมกำลังจะผลักบานประตู เสียงโทรศัพท์ขัดขึ้นมา หน้าจอปรากฏชื่อของรุ่นน้องของเพื่อน ผมปล่อยให้สายตัดไปหลายรอบแต่ดูมันก็พยายามอย่างมากที่จะโทรมาติดๆ กัน สุดท้ายก็เลยรับ นับถือความพยายามจริงๆ

   “ว่าไง” กรอกเสียงลงไป

   (พี่ยุ่งเหรอ หรือว่าเรียน ผมโทรมากวนหรือเปล่า) ถามรัวๆ จะให้ตอบอันไหนก่อนวะ

   “กวนไม่กวนแล้วแต่มึงจะคิด” ผมว่า ได้ยินเสียงหัวเราะเล็ดลอดเข้ามา “โทรมามีอะไรวะ ถ้าไม่สำคัญมึงจะโดน”

   (คิดถึง...สำคัญพอป่ะ)

   “มึงพูดแบบนี้ขนลุกบ้างหรือเปล่าวะ” เอาจริงๆ ผมโคตรขนลุกกับมุกบาทสองบาทของมันจริงๆ

   (มากอะ) แล้วมันก็หัวเราะ ทำเอาผมหัวเราะตามเฉย (พี่เลิกเรียนกี่โมงผมลืมถาม)

   “ถามทำไมวะ”

   (พี่นัดกับผมแล้วนี่ว่าจะไปช่วยเลือกมือถือ อย่าบอกว่าลืม ผมน้อยใจนะเนี่ย) ไอ้เม่นพูดน้ำเสียงตอแหลได้น่าหมั่นไส้สุดๆ (ผมเลิกเรียนแล้ว พี่ล่ะ)

   “เออ เลิกแล้ว แต่...กูมีประชุมกับเพื่อน ไม่รู้ว่าจะเลิกกี่โมง”

   (งั้นเหรอ...) ปลายสายเงียบไปแป๊บหนึ่ง (เดี๋ยวผมไปรอพี่ก็ได้) บอกแค่นั้นก่อนมันจะวางสาย มันไม่คิดจะรอคำตอบจากผมเลยเหรอว่าจะให้มารอหรือเปล่า

   สะบัดหัวสองทีก่อนจะเดินเข้าห้อง ทักทายเพื่อนตามประสา ผมนั่งฟังพวกมันคุยกัน บ้างก็ออกความคิดเห็น ปีนี้มีเด็กฝีเท้าดีหลายคน ต่อให้คณะไหนพวกเราก็ไม่กลัว

   “ขอตัวแป๊บ” ผมบอกเพื่อนๆ เมื่อเห็นหน้าใครบางคนโผล่มา

   “ประชุมเสร็จแล้วเหรอ” ไอ้เม่นทำตาใสยืดคอมองเข้าไปในห้อง

   “ยัง”

   “โหย ผมมานั่งรอนานแล้วนะ” เหล่ตามองนิดๆ ที่จริงผมก็รู้แต่แรกแล้วตอนมันมานั่งรอหน้าห้อง “หิวด้วย”

   “เออ รออีกหน่อยเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ทำไมผมต้องใจอ่อนเวลาเห็นหน้ามันหงอยด้วยเนี่ย “รออยู่นี่แหละ” กำชับก่อนจะกลับเข้าห้องอีกรอบ

   รู้สึกกระสับกระส่ายแปลกๆ ทำไมไอ้จ๊อดมันพูดไม่จบสักที เปิดประเด็นใหม่อยู่นั่น...แล้วทำไมผมถึงกระวนกระวาย ตาก็มองแต่ประตูวะเนี่ย

   “ไอ้เชี่ยมู่ ถ้ามึงรีบก็ไปเถอะ” ไอ้จ๊อดออกปากไล่จนคนอื่นๆ พากันหัวเราะ

   “นี่มึงกล้าไล่กูเหรอวะ” ทำตาโตชี้หน้าเพื่อน หากไม่มีเสียงของปีสองลอยแทรกเข้ามา เอาซะเก็บนิ้วแทบไม่ทัน

   “พี่จ๊อดไม่ได้ไล่หรอก แต่เขากลัวคอพี่เคล็ด ห่วงเด็กขนาดนี้” จบปุ๊บ เสียงหัวเราะก็ดังลั่นห้อง ผมชี้หน้าคาดโทษไอ้ก้อน เด็กปีสองที่มันกล้าแซว มันรีบยกมือคล้ายกับยอมแพ้แต่ปากมันยังหัวเราะ ไอ้นี่กวนฝ่าเท้าจริงๆ “พี่มู่”

   “สม” ถีบหลังไอ้เด็กปากมากก่อนคว้ากระเป๋าออกจากห้อง ที่มันกล้าต่อปากต่อคำหรือแซวผมได้ ก็เพราะฟุตบอลตอนงานปีหนึ่งของมัน เห็นปากดีแบบนั้นแต่นิสัยมันดีตามปากนะครับ

   ออกจากห้องมาแล้วแต่มองไม่เห็นคนนั่งรอ หรือมันเบื่อจนกลับไปแล้ววะ ผมลองเดินหามันแถวรอบๆ แต่ก็ไม่เจอ สงสัยจะกลับไปแล้วจริงๆ แต่ระหว่างที่ผมเดินผ่านด้านข้างของตึกที่เป็นแหล่งซ่องสุมของปีสามและปีสี่ เสียงตะโกนที่คุ้นหูเอาซะผมต้องรีบสาวเท้าไปหา ภาพที่ได้เห็นคือเด็กที่มานั่งรอผม กำลังถูกกลุ่มเฮดว๊ากกดดันอยู่ในวงล้อม นี่พวกมันทำบ้าอะไรกันวะเนี่ย

   ผมเดินเข้าไปยืนใกล้ เจออีแน่วที่ยกมือกันไว้ ผมจ้องหน้าทุกคนอย่างขอคำอธิบาย อยู่ๆ พี่ว๊ากเกิดเข้าสิงนอกห้องหรืออย่างไร ปกติพวกมันจะไม่นำอารมณ์ด้านในออกมา ที่สำคัญ ไอ้เด็กที่กำลังถูกกดดันนั่นไม่ใช่เด็กมหาลัยผมด้วย

   “พวกมันทำอะไรวะ” ยื่นหน้าถามอีแน่ว มันปรายตามองผมนิดๆ ก่อนจะตอบ

   “เค้นความจริง” คำตอบของเพื่อนทำเอาผมขมวดคิ้ว

   “ความจริงเชี่ยอะไร”

   “ก็เรื่องมึงไง”

   “ไร้สาระเหี้ยๆ” ผมไม่เห็นด้วยกับการทำแบบนี้ กะจะเข้าไปห้ามแต่ถูกพี่รหัสตัวเองดึงแขน ผมตวัดสายตามองพี่เฟรนด์ที่จ้องดุ “ผมว่ามันเกินไปนะพี่”

   “ทนแค่นี้ไม่ได้ แล้วคิดจะมาเอามึงไป กูไม่ให้หรอก” ไม่รู้จะซึ้งใจ หรือโมโหดี ไม่ใช่อะไร ผมกลัวว่า หากมีใครมาเห็นแล้วเอาไปฟ้องอาจารย์ ทุกคนจะต้องมาเดือดร้อนกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ ซึ่งมันไม่คุ้มว่ะ

   ผมยืนมองไอ้เจที่กดดันรุ่นน้องของเพื่อน ซึ่งมันก็ไม่ได้มีท่าทีจะกลัวอย่างเด็กปีหนึ่งคนอื่นๆ คงเพราะมันไม่ได้อยู่คณะผม แล้วก็ไม่ได้อยู่มหาลัยนี้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ผมว่า มันก็ต้องมีใจสั่นอยู่บ้าง โดนรุมตั้งสี่ขนาดนั้น แค่ไอ้เจก็ว่ากดดันแล้ว ยังเจอพี่อิน เฮดว๊ากปีสี่พี่รหัสไอ้เจอีก ตายแน่เม่นเอ้ย

   “คุณไม่ใช่นักศึกษามหาลัยวิทยาลัยนี้ใช่ไหม” พี่อินถามแบบสุภาพ ไม่ลงน้ำเสียงกระแทกกระทั้นเท่าไหร่

   “ครับ ไม่ใช่” ไอ้เม่นก็ตอบเสียงเรียบๆ สายตามันมองตรงไม่วอกแหวก คงถูกสั่งให้ทำแบบนั้นแน่ ไอ้นี่ก็บ้าจี้ทำ

   “งั้นคุณบอกผมหน่อย ว่าคุณมาทำอะไรที่นี่ หน้าห้องประชุมของคณะของผม” พี่อินเริ่มหยุดเดินแล้วจ้องหน้าไอ้เม่นกดดัน
 
   ความเงียบของสถานที่ยิ่งสร้างความอึดอัด ขนาดผมที่ไม่ได้อยู่ในวงล้อมนั่นเหงื่อยังแตกเลยให้ตาย

   “พี่ผมถามคุณ ทำไมคุณไม่ตอบ” ไอ้เจถามเสียงนิ่ง หน้ามันไร้รอยของความขี้เล่นอย่างที่ผมเคยเห็น

   “ผมมาหาพี่ม่านครับ” ไอ้เม่นตอบ หางตามันปรายมามองผมนิดๆ ผมเลยยิ้มส่งคืนไป เห็นมุมปากยกขึ้นเล็กๆ

   “คุณมาหาไอ้มู่ เอ่อ น้องผมทำไม” คำเรียกผมหลุดปุ๊บ พี่อินก็รีบเปลี่ยนใหม่ ผมได้ยินพี่เฟรนด์หัวเราะด้วย

   “เพราะผม...” ทำไมผมต้องลุ้นกับคำตอบที่จะได้ยินด้วยเนี่ย “ผมกำลังตามจีบพี่ม่านอยู่ครับ”

   เสียศูนย์จนเกือบเซล้ม คราวนี้ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นจากพี่รหัสและเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ส่วนพวกที่ยืนล้อมต่างพากันหันหน้าคนละทิศละทางเพื่อกลั้นหัวเราะ ความฉิบหายอยู่ใกล้แค่เอื้อม

   “พูดได้ดี” ไอ้เจพยายามปั้นหน้านิ่ง แต่ผมรู้ว่ามันอยากหัวเราะ “แต่คุณก็รู้ ว่าเพื่อนผมเป็นผู้ชาย แล้วคุณก็ผู้ชาย”

   “ผมรู้ แต่ผมไม่สน รู้แค่ว่า ผมชอบพี่ม่าน” หารูหรือปิ๊บให้ผมที “ถ้าไม่ชอบ ผมก็ไม่มายืนตรงนี้หรอกครับ” คราวนี้ไอ้เม่นหันมายิ้มกว้างให้ผม ทั้งพี่เฟรนด์กับอีแน่วต่างก็หันไปโก่งคออ้วก แล้วผมต้องทำยังไง ต้องเขินไหม หรืออ้วกดี

   “ไอ้เหี้ย” ผมด่าไร้เสียงส่งตรงไปถึงไอ้เด็กที่มันใจกล้าบอกว่าชอบผม ไอ้เม่นหัวเราะออกมาเฉย

   “เลี่ยน” เสียงไอ้เกมส์ตะโกนออกมาเรียงสายตาทุกคู่ “เลี่ยนจนอยากกินส้มตำ พี่อินเลี้ยง”

   “อ่าวไอ้เหี้ยเกมส์ กูเกี่ยวอะไร” พี่อินโวยวายตบหัวคนอยากกินส้มตำ

   จากเหตุการณ์ตึงเครียด กลายเป็นบ้าบอ ไอ้เม่นก้มหยิบของตัวเองที่พื้นแล้วเดินเข้ามาหาผม แม้ใจอยากจะเดินหนี แต่ขามันกลับยกไม่ขึ้นซะงั้น จากที่ไม่คิดอะไร มาตอนนี้กลับวางหน้าไม่ถูก

   “แหม ออกตัวแรงจริงๆ เด็กมึงเนี่ย” อีแน่วใช้ขาหน้าสะกิดข้อศอกผมยิกๆ

   “เด็กกูห่าอะไร ไม่ใช่เว้ย”

   “ไม่ใช่แต่ปาก คอยดูเถอะ มึงเสร็จแน่” เหล่ตามองพี่รหัส ไม่กล้าด่าตอบ กลัวถูกฝ่ามืออรหันต์

   ไม่มีเวลาให้ผมสนใจคนอื่น เพราะตอนนี้ไอ้เม่นมายืนยิ้มแฉ่งต่อหน้าแล้ว อีแน่วก็ยังสะกิดยิกๆ พี่เฟรนด์ก็เป่าหูอยู่ข้างๆ ด้านหลังก็มีพวกโหดยืนหาร้านส้มตำ

        นี่คนรอบข้างผม จะปกติเหมือนผมสักคนไหมเนี่ย

   “อะไร ยิ้มให้กูทำไม” ถามไอ้เม่นที่มันเอาแต่ยิ้มไม่ยอมพูดอะไร แหน่ะ ยิ่งว่าให้ มันก็ยิ่งยิ้มกว้าง “สงสัยจะบ้าว่ะ”

   “บ้ารักพี่อะดิ่” หลังพูดจบ เสียงอ้วกก็ดังเกรียวกราวทีเดียว

   “อย่าเสี่ยว ไอ้ห่า”

   “เสี่ยวแล้วชอบป่ะล่ะ” ผมกำลังจะอ้าปากท้วง แต่ไอ้เม่นดันขัดขึ้นมาซะก่อน “ห้ามขี้จุ๊ด้วย หน้าแดงแล้ว”

   “ไอ้เชี่ยเม่น จะไปกินไหมข้าวน่ะ” รีบหาวิธีหลบหลีก แต่กลับถูกเอาคืนซะต้องเดินหนีเอง

   “เราจะไปกินข้าวกันเหรอ พี่อยากกินข้าวกับผมใช่ไหม ดีใจจัง” เสียงเริงร่าดังตามหลังมาติดๆ พูดจบก็ลืมไปว่ามันแค่จะให้ไปช่วยเลือกซื้อมือถือไม่ได้จะไปกินข้าว

   “ปากหนอปาก” ตบปากตัวเองรัวๆ

   “พี่ม่าน รอผมด้วยสิ อยากกินข้าวกับผมมากถึงกับต้องรีบขนาดนั้นเลยเหรอ ไอ้เม่นดีใจนะเนี่ย”

   “อยากกินพ่องมึงสิ งั้นกูไม่ไปแล้วไอ้ห่า”

   “อย่างอนสิ ผมง้อไม่ค่อยเป็นด้วยนะ”

   “ไม่ได้งอนเว้ย ไม่ต้องมายุ่งกับกู”

   “พี่ม่านครับ รอเม่นด้วย”

   ยกมือปิดหูแล้วรีบเดินหนี ไม่รับรู้อะไรแล้วครับตอนนี้ หลบหน้าไอ้เด็กเดินตามได้เป็นดี ทำไมคิดว่าไอ้กลอยโชคดีที่หลุดพ้นมันได้ แล้วผมล่ะ ไอ้ม่านคนนี้....

   “ไอ้เชี่ยเม่น”

   “ครับพี่ม่าน”

   รอยยิ้มที่กว้างจนปากแทบฉีกถึงรูหู

   ทำไมไอ้ม่านคนนี้ถึงแพ้มันได้ ไม่เข้าใจจริงๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2017 22:09:45 โดย aiaea83 »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
รอตอนต่อไปจ้าาาาาาาาาา :mew1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:


ดีใจกลับมาแล้ววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด