No Sugar : 02
หน้าตึกศิลปกรรม ผมจอดสุดหวงไว้ตรงลานจอดก่อนเดินเข้าไปในตัวตึก ที่มาเพราะไอ้กลอยมันส่งข้อความไปขอข้อมูลเกี่ยวกับทำหมันสุนัข ที่ผมรู้ก็เพราะลูกของป้าผมเปิดคลินิกรักษาสัตว์อยู่นั่นเอง ไอ้กลอยเลยจะเอาไปที่นั่น ที่สำคัญ ได้ส่วนลดเพราะรู้จักผมอีกต่างหาก แฟนมันก็รวยจะตายห่า ยังมีหน้าขอส่วนลด
เดินเข้ามามองซ้ายมองขวาก็ยังไม่เห็น เจอก็แต่กลุ่มสาวๆ ที่นั่งรวมกลุ่มพูดคุยเสียงดัง บนโต๊ะผมเห็นมีหนังสือนิยายที่รูปปกมีผู้ชายสองคนกอดกัน นั่นหนังสือนิยายหรือการ์ตูนหรือมันคืออะไร ผู้ชายสองคนกอดกันอีก พอกลุ่มนั้นเห็นผมยืนเป็นหินอยู่ก็หันหน้ามาทักทาย
“มาหาใครเหรอคะ” สาวใส่แว่นทักผมพร้อมรอยยิ้ม
“เอ่อ กลอยอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ” ถามแบบสุภาพ สาวๆ กลุ่มนี้จ้องผมนิ่งซะจนต้องก้มมองตัวเอง หรือเพราะผมสวมเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตนี่วะ คนถึงมอง ก็คนเพิ่งไปดูแปลงผักมา “เอ่อ”
“อุ๊ย มาหาไอ้กลอยเหรอคะ นู้นค่ะ นั่งเสนอหน้าอยู่ตรงนู้น” ผมมองตามแขนยาวๆ ที่ชี้ไปทางตึกด้านใน กำลังจะก้าวขากลับถูกมือฉุดเสื้อไว้
“ต้อมเพจคิ้วบอยนั่นนี่นา ใช่มั้ยอีแป้น เสิร์ชด่วนค่ะมึง” เสียงโวยวายยิ่งทำให้ตกใจ อะไรวะ เพจนั่นอีกแล้ว “เจอยังๆ” คนที่พูดยังไม่ยอมปล่อยมือจากเสื้อของผม
“เจอแล้วค่ามึง” แล้วผู้หญิงที่นั่งอยู่อีกด้านพลิกหน้าจอมือถือของตัวเองให้ผมดู
รูปผมจริงด้วยว่ะ รูปสมัยตอนปีหนึ่ง ที่ถ่ายให้คณะโปรโมทการแต่งกายถูกระเบียบ
“ตัวจริงด้วย แต่หน้าใสไม่เท่าเมื่อก่อนเลยนะ” ผมเอนหน้าหนีเมื่อมีมือยื่นมาแตะ ผมไม่ชอบให้ใครมาโดนตัว ยิ่งเป็นผู้หญิงอีก มันดูไม่ดี
“ขอโทษที่หน้าผมมันแย่ลง” บอกตามตรง อันนี้ก็ยอมรับเพราะเวลาลงแปลงเราต้องเจอแดดแรงๆ แล้วผมไม่ชอบทาครีม คือมันเหนียวเกินผมไม่ชอบ
“อุ๊ย พวกเราไม่ได้ว่าเลยนะ” นี่ขนาดไม่ได้ว่า ผมยังรู้สึกแย่กับหนังหน้าตัวเอง
“ไม่เป็นไรครับ” ยิ้มให้นิดๆ ก่อนจะแยกไปหาไอ้กลอย
เดินไปลูบหน้าตัวเองไป นี่ผมคงโทรม หน้าดำ ผิวแห้งมากสินะ จะว่าไปหน้าก็กร้านขึ้นเยอะ ลูบทีนึกว่าเป็นกระดาษทรายเบอร์ศูนย์
“เป็นไรมึง” ไอ้กลอยเห็นผมลูบหน้าตัวเอง มันก็ลองยื่นมาลูบบ้าง “หน้ามึงหรือส้น...วะ” ดีมันยังดูดเสียงเองไม่งั้นคงโดนไอ้ที่มันดูดเตะเข้าให้
"ก็หน้ากูนี่แหละ” ผมว่า ไอ้กลอยมันเป็นพวกผิวพันธ์ดี แถมได้แฟนรวยก็บำรุงเยอะ เห็นมันบ่นในไลน์ว่าโดนบังคับกินวิตามินแถมถ่ายให้ดูอีก เต็มกำมือ ไม่รู้กินเข้าไปได้ยังไง “ว่าแต่ มึงทำไมแต่งตัวเหมือนไอ้เชยอยู่วะ”
“เรื่องของกูน่า ว่าแต่ไหนเอกสาร” ผมยื่นเอกสารทุกอย่างให้มันไป มันก็รีบถ่ายรูปแล้วส่งให้แฟนมันดู “เรียบร้อย”
“แฟนมึงเขาจะมาเอาหมาเมื่อไหร่” ผมถาม จะได้บอกเจ้าของคลินิกถูก
“น่าจะพรุ่งนี้มั้งนะ ต้องดูว่ามีประชุมหรือเปล่าอ่ะ” ไอ้กลอยมันว่า
ผมจ้องหน้าเพื่อนต่างคณะแล้วทำให้นึกถึงหน้าไอ้คนที่เกือบถอยรถชนผม ก็ไม่แปลกที่จะตกหลุมรักไอ้เกรียนตรงหน้า ผมว่ามันเป็นคนจิตใจดีนะ ขนาดครั้งแรกที่ได้เจอ มันยังทำเหมือนสนิทกับผมมาเป็นสิบกว่าปี คุยไฟแลบจนผมรำคาญ
“เออๆ ยังไงก็บอกด้วยล่ะ” ผมว่าก่อนจะบอกลาเพื่อกลับคณะ ไอ้กลอยดันแว่นให้เข้าที่ก่อนโบกมือลา
พอเดินออกมาก็ยังต้องผ่านกลุ่มสาวๆ ที่รั้งผมในตอนแรก พวกเธอโบกมือลาผมจนผมต้องยิ้มกลับไป แต่ก็ต้องรีบหุบเมื่อหันหน้าไปเจอไอ้คนนิสัยเลวยืนพิงรถตัวเองอยู่ ด้านหลังรถมันถอยชิดกับสุดหวง
ผมเดินอาดๆ เข้าไปคว้าสุดหวงกำลังจะขึ้นควบ ไอ้บ้านั่นดึงแขนจนผมเซเกือบล้ม แถมหน้ามันยังจ้องซะเหมือนผมไปฆ่าแมวมัน
“มองกูทำไม” ถามมัน
“มึงรู้จักกลอยด้วยเหรอ” คิ้วดำของไอ้เลวขมวดเป็นปม สงสัยจะเห็นผมยืนคุยกับไอ้กลอย
“เออ ทำไม”
“มึง...จีบกลอยเหรอวะ” เสียงมันกดต่ำลง ไอ้เชี่ยนี่หวงผมกับไอ้กลอยเหรอวะ เป็นคนนอกแท้ๆ ถ้าเป็นแฟนไอ้กลอยจะไม่ว่าสักนิด
“กูเป็นเพื่อนมัน จบนะ แล้วก็เอาแขนมึงออกด้วย” ผมเหลือบตามองฝ่ามือมันที่จับแขนผมอยู่ พอมันปล่อย แขนของผมกลายเป็นสีแดงเป็นปื้นคงเพราะมันจับแน่น “เชี่ย แขนกูผื่นขึ้นแน่”
“สำออย มือกูสะอาดกว่าแขนมึงอีก” มันถลึงตาใส่ผม
“เรื่องของมึง” ผมขึ้นควบจักรยานเตรียมจะปั่น แต่ไอ้บ้านั่นยังดึงไว้ทำให้ปั่นไม่ไป “ไอ้เชี่ย อะไรของมึงอีกวะ” เหวี่ยงทั้งเสียง เหวี่ยงทั้งสายตา
“มึงเรียนคณะไหน” ตามันจ้องนิ่ง
“ถามทำไม”
“กูถาม ไม่ใช่ให้มึงถามกลับ” โคตรเอาแต่ใจ
“เกษตร พอใจก็ปล่อย” ปรายตาดูมือที่จับจักรยานผม แต่ก่อนไปผมเลยบอกสิ่งที่คิดในใจ “เอาจริงๆ นะ กูว่ามึงน่าจะไปหาคนอื่นที่เขาไม่มีแฟน ไม่มีเจ้าของคบ มาไล่ตามแฟนคนอื่นโคตรหน้าสมเพชว่ะ หน้าตามึงก็พอดูได้ มีดีที่รวย สาวๆ ขี้ค้านจะนอนรอบนเตียง” ตบบ่ามันไปทีหนึ่งก่อนจับมือมันออก ไอ้นี่ก็ไม่ยอมปล่อย พอมันยืนนิ่งผมก็รีบปั่นกลับคณะ
เห็นเป็นคนมหาลัยเดียวกันหรอกนะ เลยยอมพูดตรงๆ
เรียนวันนี้ก็ยังไม่มีอะไร จนไอ้ป่านชวนไปกินนมปั่นหน้าม. ตอนแรกก็ไม่อยากไปหรอก แต่เพราะมันส่งสายตาอ้อนวอนเหมือนลูกหมาอยากได้บ้านผมเลยยอมไปด้วย ส่วนไอ้ดอยมันต้องไปรับแฟนมันอีกที่
“เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงเอง” มันว่า ผมเหล่ตามองเพื่อนตัวเอง ไอ้นี่มันแปลกๆ
“มึงมีอะไร บอกกูมาตรงๆ” ท่าทางมันน่าจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับผม
“มึงก็ฉลาดตลอด” ไอ้ป่านหัวเราะแห้งๆ “คืองี้นะ กูแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่ง ทีนี้ กูเจอเขาเข้า แล้วเขาก็รู้จักมึง” มันอธิบายวนไปมาจนผมงง “มึงช่วยกูจีบเขาหน่อย” นี่คือใจความ
“ใครวะ กูไปรู้จักตอนไหน” ผมรู้จักผู้หญิงที่ไหนวะ นอกจากสาวๆ ในคณะ คนนอกน้อยคนที่ผมจะรู้จัก พอดีมนุษยสัมพันธ์ค่อนข้างแย่
“กูก็ไม่รู้” อ่าวไอ้เชี่ยป่าน “แต่เขาชื่อครีมอะ” ผมนึกตั้งนานก่อนหน้าไอ้คนที่ผมเพิ่งด่าจะลอยแวบเข้ามา
“อ๋อ กูไม่รู้จักว่ะ” บอกไปตรงๆ
“อ่าวไอ้เหี้ยต้อม แต่เขาบอกรู้จักมึง”
“ถ้ารู้จักชื่อมันก็ใช่ แต่ไม่สนิท”
“อย่างน้อยก็รู้จักไง มึงจะได้ช่วยกูสานสัมพันธ์” ผมรีบส่ายหน้าทันที
“กูว่ามึงเลิกสนใจเถอะว่ะ” เพราะลูกพี่ลูกน้องมันโคตรเลว จะฆ่าผมอีกต่างหาก
“กูไม่ยอมแพ้หรอก” มองเพื่อนตัวเองอย่างแปลกใจ “มึงคอยดู กูจะจีบเขาให้ได้”
ผมถอนหายใจเสียงดัง “ก็เรื่องของมึง”
มาถึงร้าน ผมเห็นไอ้กลอยมากับเด็กที่ไหนไม่รู้แถมห้อยป้ายชื่ออีก หรือมากับรุ่นน้อง ผมเดินเข้าไปทักไอ้กลอยก่อน มันมองหน้าผมตื่นๆ เหมือนกับเห็นผี
“อ่าว ไอ้เชี่ยกลอย มานั่งเชี่ยไรแถวนี้ กูเห็นไอ้ต๋องมันยัดข้าวอยู่ในโรงอาหารกลาง” ผมทัก แต่หน้ามันเริ่มซีด ตากลมๆ ที่มีแว่นตาบังอยู่หันไปมองเด็กสามคนนั่น...หรือว่า มันจะเป็นพี่เนียน ซวยแล้ว นี่ผมทำความลับมันแตกหรือเปล่าวะ เลยตบบ่าขอโทษมันไปแล้วเดินเลี่ยงมานั่งกับไอ้ป่านแทน
“ไอ้กลอยมันมากับใครวะ” ไอ้ป่านมองเห็นไอ้กลอยที่เปิดประตูออกไปอย่างงงๆ
“เด็กปีหนึ่ง” ผมบอก ไอ้ป่านพยักหน้าก่อนจะเบิกตาโต
“นี่มันเป็นพี่เนียนอีกแล้วเหรอวะ ปีที่แล้วเป็นได้แค่สองวันไอ้สัด นึกแล้วขำ”
ปีที่แล้วไอ้ป่านมันเป็นพี่เนียนครับ แล้วเจอไอ้กลอยแต่งตัวถูกระเบียบทักทายพอประมาณ ปรากฏว่า มีเด็กปีหนึ่งมากอดคอแล้วเรียกพี่เฉย ไอ้ป่านตาเหลือกรีบเดินหนีเพราะมันก็กลัวความลับมันแตก
มองแอบเสมองกลุ่มไอ้เด็กสามคนที่นั่งดูดนมปั่นไม่มีท่าทีร้อนรนอะไร อาจจะพอสงสัยบ้างแล้ว ก่อนประตูร้านจะเปิดออก สาวสวยที่ผมเคยเจอเดินเฉิดฉายเข้ามา ความน่ารักทำเอาคนในร้านมองกันเป็นแถว ยิ่งมีหนุ่มหน้าตางั้นๆ เดินตามมาอีก เรียกสายตาทั้งชายและหญิงเลยทีเดียวคู่นั้น
แต่ถ้าผมรู้ว่าไอ้บ้านั่นจะมาด้วย ไม่มีทางที่จะมานั่งตรงนี้หรอก
ดูเหมือนไอ้นั่นจะเห็นผม มันหน้าบึ้งทันทีจนสาวที่เดินข้างๆ ตีเข้าที่แขน พร้อมกับเดินยิ้มเข้ามาที่โต๊ะผม
“มานานแล้วเหรอ ขอโทษที พอดีครีมต้องรอพี่ฟลอยด์มารับ” ครีมยิ้มหวานจนไอ้ป่านตาลอย มันไม่สนไอ้คนข้างๆ ที่จ้องจะกินหัวเมื่อมองน้องมันนาน
“ไม่นานหรอกครับ เพิ่งมาเหมือนกัน” ไอ้ป่านตอบ ครีมยิ้มให้เพื่อนผมแล้วเผื่อแผ่มาหาผมด้วย
ป่านรีบขยับเก้าอี้ข้างๆ ตัวเองให้ครีม แล้วสาวเจ้าดันนั่งด้วย กลายเป็นว่า ข้างผมต้องเป็นไอ้คนที่จะฆ่าผม มันส่งเสียงจิ๊จ๊ะแต่ก็ยอมนั่ง ใจจริงอยากเตะเก้าอี้ออกตอนมันกระแทกตัวนั่งลง แต่เกรงใจน้องมันเลยปล่อยมันไปก่อน
“สั่งเลยมั้ย” ไอ้ป่านรีบจัดการทุกอย่าง จดออเดอร์แล้วเอาไปยื่นเอง แล้วก็ไปรับมาให้เอง ทีอยู่กับสาวนี่มันทุ่มเทตลอด
“ของมึงครับคุณเพื่อน” นมปั่นเพิ่มวิปครีมโรยน้ำตาลสี เมนูประจำเมื่อสมัยมานั่งบ่อยๆ ผมพยักหน้ารับ ตาก็แอบเหล่มองของไอ้คนข้างๆ มันมองกาแฟปั่นตรงหน้าแล้วหันมาจ้องนมปั่นของผม
ไอ้ป่านชวนครีมคุยจนทั้งโต๊ะมีแต่เสียงสองคนนั้น ส่วนผมก็ตักวิปครีมกิน นมปั่นยังอร่อยเหมือนเดิม หวาน หอม มัน แบบนี้เลยรสชาติที่ผมชอบ แต่เหมือนจะมีใครจ้อง พอหันไปมองก็เจอไอ้คนข้างๆ ยังจ้องผม อะไรวะ จ้องตั้งนาน แถมกาแฟปั่นมันละลายแล้ว
“อะไร” ผมกระซิบถาม เพราะกลัวสองคนตรงหน้าจะหมดสนุก
“อร่อยป่ะ” มันถามผมครับ หันมองแก้วตัวเองแล้วก็พยักหน้าลง อะไรของมันวะ “กูชิมคำหนึ่ง”
เชี่ย นี่ผมหูเพี้ยนหรือเปล่า ไอ้บ้านี่ขอชิมนมปั่นของผม
“อะไรของมึง” มันจ้องแก้วของผมจนต้องยอมขยับแก้วให้มัน พอแก้วมาอยู่ตรงหน้า ไอ้บ้านั่นก็เอาหลอดของผมที่ตรงปลายเป็นช้อนตักวิปครีมพร้อมนมปั่นเข้าปาก เห็นมันทำหน้านิ่งก็เริ่มแปลกใจ “ไม่อร่อยเหรอวะ” ถาม แต่มันหันมาจ้องหน้าผมแทน
“อร่อยว่ะ” ไอ้ต้อมเริ่มงงครับ ไอ้บ้านี่นิสัยมันเพี้ยนหรือเปล่า หรือเป็นไบโพลา ไอ้อาการอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ผมพยักหน้าเออออ มันก็ยังตักนมปั่นของผมกินอยู่ สรุปคือโดนยึดแก้วไปโดยปริยาย
“พี่ฟลอยด์ไปแย่งแก้วพี่ต้อมทำไม” ครีมตีมือพี่มันครับ แต่พี่มันโยกแก้วหนีจนผมขำ “ขอโทษด้วยนะคะ พี่ต้อมเลยไม่ได้กินเลย”
ผมส่ายหน้า “ไม่เป็นไร กินบ่อยแล้ว” บอกไปก็จ้องหน้าไอ้คนข้างๆ ไป ก่อนจะเอนหน้าหนีเมื่อมีหลอดมาจ่อที่ปาก “อะไร” ผมถามไอ้คนที่ตักนมปั่นมาจ่อปาก
“แบ่งมึงไง” แบ่งอะไรวะ นั่นแก้วของผมชัดๆ “กินสิ” คะยั้นคะยออีก ผมส่ายหน้าแต่สุดท้ายก็ต้องอ้าปากกิน
“พี่ฟลอยด์ถูกตามใจตั้งแต่เด็ก อย่าโกรธเลยนะคะ” ครีมเอ่ยขอโทษผมอีกรอบ ไอ้คนข้างๆ มันถลึงตาใส่น้องมัน
“เอาตามที่สบายใจครับ” บอกไปแล้วยกมือกอดอก สุดท้ายแก้วนมปั่นของผมก็หมดเกลี้ยง ดูท่าจะอร่อยจริงๆ
ผมกับไอ้ป่านเดินกลับเข้ามาในมหาลัยอีกครั้งหลังจากแยกกับสองพี่น้องคู่นั้น ไอ้ป่านมันดูนิ่งไปจนผมต้องตบหัว ท่าทางมันดูเหม่อลอย หรือดีใจที่ความสัมพันธ์ไปได้สวย
“เป็นเชี่ยไรวะ เงียบนะมึง” ผมว่า ไอ้ป่านขมวดคิ้วมองหน้าผม
“มึงกับพี่ของครีม...” มันหยุดพูดจนผมต้องใจฟัง “เหมือนคบกันเลยว่ะ” ตบเข้าหัวมันเต็มๆ สองรอบ
“ไอ้เหี้ยป่าน คิดมาได้ กูขนลุกเลยสัด”
“กูพูดจริงๆ ตอนป้อนกัน กูเห็นผู้หญิงโต๊ะข้างหลังถ่ายรูปด้วย” ชิบหายละ
“ไร้สาระ กูกับไอ้เชี่ยนั่นไม่มีทางญาติดีกัน” บอกอย่างมาดมั่น ผมก็ไม่ได้รังเกียจความรักของเพศไหนๆ หรอกนะ แต่ถ้าเลือกได้ขออยู่คนเดียวดีกว่า “คิดเรื่องมึงเถอะ อย่ามาคิดเรื่องกู เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้”
นั่งอ่านหนังสือการปลูกผักปลอดสารอยู่ในห้อง แสงที่จอมือถือวาบขึ้นมา ผมเอามาเปิดดูคิดว่าเป็นข้อความจากไอ้กลอยเกรียน ผมส่งไปหาเพื่อถามเรื่องราว แต่มันก็เงียบไม่ยอมตอบ หรือมันจะโกรธหรือเปล่า
หน้าจอเป็นข้อความจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก ข้อความมันบอกว่า นมปั่นวิปครีมอร่อย แต่คนสั่งโคตรไม่อร่อย ไม่เชี่ย แทบปามือถือทิ้ง มันรู้จักเบอร์ รู้จักไลน์ผมได้ยังไง แล้วดูมันส่งรูปเบียร์ฟองเต็มแก้วมาเย้ย ไอ้สัดฟลอยด์ ที่มันส่งมาคงเพราะผมอัพทามไลน์ว่าอยากจิบเบียร์เย็นๆ แกล้มกับปลาหมึกปิ้ง
นิ้วพิมพ์ตอบกลับไปว่า ไอ้สัด ไม่นานมันก็ขึ้นอ่าน แล้วก็มีสติ๊กเกอร์เป็ดหัวเราะ เป็นบ้าอะไรของมัน หรือโดนผมด่าจนเพี้ยนวะ หรือกินนมปั่นแล้วสมองกลับ
อยู่ๆ มือถือก็สั่น มันโทรวีดีโอคอลจากไลน์มาหาผมว่ะ ตอนแรกจะไม่รับ แต่กดพลาดไปรับได้ หน้ามันกำลังเย้ยหยัน มือยกเบียร์มีฟองขึ้นจิบ
(อร่อยเชี่ย) กินล่อหน้ากูอีก
“เรื่องของมึง” ตอบกลับไป มันยักคิ้ว
(มึงอยู่ไหนวะ) ขมวดคิ้วตอนมันถาม จะอยากรู้ทำไม
“อยู่หอสิวะ ดึกขนาดนี้” เกือบจะห้าทุ่มอยู่แล้ว
(เด็กดีไม่เที่ยวเหรอมึง) ดูจากด้านหลังก็พอรู้ว่ามันเที่ยวอยู่
“กูไม่ใช่คนชั่วแบบมึง” ด่ามันไป จนมันถลึงตาใส่ “รีบแดกแล้วก็รีบกลับ ระวังเจอด่านนะมึง” ผมว่า มันก็หัวเราะ
(เป็นห่วงกู?)
“สมองมึงกลับหรือเปล่าวะ ทำไมกูต้องห่วงมึง กูห่วงคนใช้ถนนมากกว่าเวลาเจอขี้เมาอย่างมึงขับรถ”
(หึๆ) แม่ง หน้าตาไม่มีสลดหรือสำนึกใดๆ ทั้งสิ้น
“มีอะไรอีกหรือเปล่า กูจะนอนแล้ว” ผมว่าพลางล้มตัวนอน เอามือถือพิงกับตุ๊กตาลิงที่เล่นคีบตู้มา
(กูกำลังนึกถึงสิ่งที่มึงพูดกับกูอยู่) ไอ้ฟลอยด์มันว่า ผมก็ตาปรือๆ คนมันนอนหลับง่ายก็แบบนี้แหละครับ หัวถึงหมอน ภาพก็เริ่มเบลอ (กูจะลองหาคนที่มึงว่าดู แล้วก็.....) ทุกอย่างดับมืดเมื่อผมหลับตาแล้วจมหายไปกับห้วงความฝัน
“...”
(กูอาจจะเจอคนนั้นแล้ว) รอยยิ้มที่จ้องมองภาพคนนอนหลับผ่านหน้าจอมือถือเครื่องแพง หน้าตาธรรมดา แถมพูดจาขวานผ่าซาก ไม่นับถือรุ่นพี่ต่างคณะ แถมยังกวนประสาทน่ากระทืบอีก บางทีก็น่าสนใจ ไม่มากก็น้อย ฟลอยด์ยิ้มให้กับภาพนั้น มือแคปหน้าจอไว้แล้วกดสิ้นสุดการโทรลง
หน้าจอโทรศัพท์เครื่องแพงถูกเปลี่ยนรูปจากสีดำเป็นรูปคนกำลังนอนหลับสนิท ขนตายาวเป็นแพที่เห็นระยะใกล้กับดวงตาที่เวลาจ้องมาก็คอยแต่หาเรื่อง นานแล้วที่ชีวิตไม่มีเรื่องให้ตื่นเต้นแบบนี้ นานแล้วที่ไม่ได้เจอคนพูดจาตรงไปตรงมาแบบนี้ จนอยากจะลองดูสักตั้ง แม้จะต่างจากสเป็กที่ชอบไปมากก็ตาม....
“หึๆ ไอ้เด็กปากหมานอนน้ำลายยืด”
...TBC ตอนที่ 2 มาแล้วค่าาา พี่ฝอย เอ้ย พี่ฟลอยด์ของเรา >w<
