Sweet Dilemma - รักวิบัติ #14.2 แตงกวา (Update! 14/01/20)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #14.2 แตงกวา (Update! 14/01/20)  (อ่าน 62470 ครั้ง)

ออฟไลน์ lykar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

 

***************************************************************


Sweet Dilemma
รักวิบัติ


สารบัญ

#00     #01     #02     #03     #04
#05     #06     #06.2     #07     #08
#09     #10     #10.2     #11     #12     
#13     #14

NEWWWW!! #14.2 (หน้า 10)  New! 14/01/20



----------------------------------------------------------------------


#00 : Prologue



“เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเราคุยกันเรื่อง เหตุผลวิบัติ หรือ Fallacy ไปหลายแบบเลย ไหนลองช่วยกันยกตัวอย่างกันคนละหนึ่งแบบสิครับ...”

อาจารย์สุกฤตมองไปยังนักศึกษาที่นั่งกันอยู่ในห้อง ท่าทางหลบตาแบบนี้คงไม่มีใครยกมือแน่ๆ ร่างสูงใหญ่ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเรียกหัวโจกประจำคลาสให้เป็นคนเริ่มคนแรก

“ปอครับ”

คนถูกเรียกสะดุ้งนั่งตัวตรง ตาคมๆ นั่นมองล่อกแล่กไปมาก่อนจะหยุดยังเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกัน และเจ้าตัวแสบคงจะได้คำใบ้อะไรจากเพื่อนนั่นแหละ รอยยิ้มสดใสถึงได้เผยออกมาต่างจากตอนแรกลิบลับ

“กำปั้นทุบโต๊ะครับ!” เสียงทุ้มตอบอย่างมั่นใจ พร้อมกอดอกยืดตัว และฉีกยิ้มโชว์ฟันขาวประหนึ่งได้เหรียญทองโอลิมปิกวิชาการ

“เอ่อ...ก็ใกล้เคียงนะครับ” อาจารย์หน้าห้องกระแอมนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “จริงๆ มันคือ ‘กำปั้นทุบดิน’ หรือ Begging the question นั่นเองครับ...”

“ไอ้ภูมิ มึงใบ้ผิดได้ไงวะ” คนหน้าแตกหดคอพลางกระซิบกับเพื่อนเสียงเบา ก็ไอ้ห่าภูมิมันกำมือทุบโต๊ะชัดๆ ใครมันจะไปนึกว่าจะเป็นทุบดินไปได้วะ

ผู้ใบ้คำกลั้นหัวเราะขณะฟังเพื่อนคนอื่นๆ ตอบ โดยพยายามไม่สนใจเสียงบ่นกระปอดกระแปดจากไอ้ปอ มนุษย์เพศชายที่มีไอน์สไตล์เป็นไอดอล เพราะสำหรับมันแล้ว ‘จินตนาการสำคัญกว่าความรู้’ จริงๆ

“ที่ตอบกันมาก็ถูกหมดเลยนะครับ ผมขออีกสักหนึ่งแบบดีกว่า ...ภูมิครับ”

เจ้าของชื่อหันไปมองอาจารย์ผู้สอน ภูมิคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงเบา “False Dilemma ครับ”

เสียงฮือฮาจากเพื่อนในห้องกับคำตอบระดับโปรทำเอาคนตอบยิ้มเขิน

“ดีมากครับ ภูมิพอจะอธิบาย False Dilemma ได้มั้ยครับ ยืนขึ้นเลยก็ได้ครับ”

เสียงปรบมือเชียร์รอบห้องทำให้ภูมิต้องลุกขึ้นยืน และยกนิ้วมาแตะปากเป็นสัญญาณให้เพื่อนเงียบเสียงก่อนตัวเองจะเริ่มอธิบาย

“อ่า... False Dilemma ก็คือการยื่นข้อเสนอที่ไม่น่าเลือกสักทาง โดยผู้พูดจงใจละเลยข้อเท็จจริงที่ว่า มันยังมีทางเลือกอื่นๆ อีกที่เป็นไปได้ เช่น ‘ถ้าคุณไม่สนับสนุนเสื้อแดง แสดงว่าคุณเป็นเสื้อเหลือง’ ทั้งๆ ที่ยังมีคนไม่ฝักใฝ่ทั้งเหลืองและแดงครับ”

อาจารย์เจ้าของวิชายิ้มอย่างพอใจในคำตอบ พลางบอกให้ภูมินั่งลงได้

“ปอครับ...” แต่แล้วอยู่ๆ อาจารย์กฤตก็พุ่งความสนใจไปยังศิษย์คนเดิมอีกรอบ “เมื่อกี๊พอเข้าใจที่ภูมิอธิบายมั้ย”

คนถูกถามพยักหน้ารัวๆ แม้จะยังประมวลผลไม่ทันว่าไอ้ภูมิพูดอะไรไปบ้าง

“ดีครับ งั้นปอลองยกตัวอย่างของ False Dilemma มาอีกสักข้อสิครับ”

เชี่ย.....

คนถูกถามอุทานในใจ เพราะไม่ทันคิดว่าอาจารย์สุดหล่อจะวกกลับมาถามตนเองอีก

“เอ่อ...อ่า...คือ...ตะ ตัวอย่าง...เช่น ....เช่น...” ไอ้ตัวแสบหน้าถอดสี จะหันไปขอตัวช่วยจากไอ้ภูมิเพื่อนรัก ก็กลัวจะโดนหักเหลี่ยมเหมือนกำปั้นทุบโต๊ะอีก เอาวะ...

“คนที่รักไม่ได้กับคนที่ไม่ได้รักครับ!!”

ความเงียบของห้องเรียน เป็นดั่งคำเฉลยที่ทำให้ปอรู้ว่า ตัวอย่างที่เคยพูดเล่นๆ กับไอ้ภูมิในคาบก่อน คงจะออกฤทธิ์ประหนึ่งกรดไหลย้อนที่ทำให้ร้อนคอหอยแน่ๆ

“ว่ออออออ....”

แต่แล้วเสียงอื้ออึงจากเพื่อนๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงปรบมือและคำชื่นชมจากอาจารย์ ก็สร้างความงงงวยให้กับคนตอบมากกว่าเดิม

“เยี่ยมเลยครับ เป็นตัวอย่างที่เข้าถึงทุกๆ คนมากๆ นักศึกษาจะเห็นได้ว่า ในชีวิตจริง เราไม่ได้มีแค่คนที่รักไม่ได้ กับคนที่ไม่ได้รัก เพราะเรายังมีคนที่เรารักและเค้าก็รักเราอยู่ด้วย ถูกต้องมั้ยครับ แต่ว่าจะหาเจอมั้ยก็อีกเรื่องหนึ่ง”

คำอธิบายติดตลกเรียกเสียงหัวเราะจากนักศึกษาได้เป็นอย่างดี

"แต่มันก็ตัดสินใจไม่ยากนี่คะ ออกจะหว้านหวาน" นักศึกษาคนหนึ่งออกความเห็น

เจ้าของวิชาหัวเราะก่อนระบายยิ้ม "งั้นเอาโจทย์หวานๆ ไปคิดมาเป็นการบ้านกันนะครับ ว่าถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกใคร"

"โห่... อาจารย์อ่า การบ้านเยอะแล้วน้า"

"ใช่ๆๆ ทำไม่ทันล้าววว"

"มีสอบอีกหลายตัวนะจารย์"

"อะๆ ไม่ต้องงอแง อันนี้ไปคิดขำๆ ตอบแบบไม่ต้องใช้ทฤษฎีอะไรก็ได้ จับคู่ จับกลุ่ม หรือคิดคนเดียวก็ได้หมดเลยนะครับ"

"ถ้างั้นอาจารย์ก็มาตอบกับพวกเราด้วยนะคะ" นักศึกษาอีกคนตะโกนขึ้น

"ใช่ๆๆๆ" พร้อมเสียงสนับสนุนจากเด็กทั้งห้อง จนอาจารย์ผู้ตั้งคำถามต้องยกมือห้าม

"โอเคๆ ผมก็จะตอบกับพวกคุณด้วย"

"เย้!"

“งั้นตามนี้นะ...” อาจารย์ผู้สอนหันหน้าเข้าหาไวท์บอร์ด ก่อนจะเขียนโจทย์การพูดคุยของอาทิตย์หน้าลงไปที่มุมซ้ายของกระดาน “จดกันให้เรียบร้อย แล้วเดี๋ยวเรามาเข้าบทเรียนต่อไปกัน”

.
.
.

“ภูมิ...ภูมิ!” เสียงกระซิบเรียกจากเพื่อนโต๊ะข้างๆ ทำให้คนที่กำลังมีสมาธิกับการเรียนต้องหันกลับไป

“ว่า”

ปอเหลือบมองอาจารย์หน้าห้องเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าอาจารย์ไม่ได้สนใจทางฝั่งตัวเองจึงพูดกับเพื่อนต่อ “มึงคู่กับกูมั้ย”

มือขาวที่กำลังจดเลกเชอร์ชะงักลง “อะไรวะ”

“เอ้า!” อีกฝ่ายอุทาน “ก็ไอ้ไดเลมม่าอาทิตย์หน้าไง โจทย์บนกระดานอะ”

“อ่อ...” คนถูกถามพยักหน้า “ก็เอาดิ”

“เยสสสส!” แขนยาวๆ คว้าคอเพื่อนข้างๆ เอาไว้ พร้อมความดีใจอย่างไม่มีปิดบัง ก็ถ้าคู่กะไอ้ภูมิ ยังไงก็รอดอยู่แล้ววว เออ แต่ว่า “มึงว่า เราจะเป็นคนที่รักไม่ได้ หรือคนที่ไม่ได้รักดีอะ”

ภูมิผลักแขนที่กอดคอตัวเองออก ก่อนจะขยับนั่งตัวตรง พยายามสนใจเสียงอาจารย์ที่สอนอยู่ แต่เหมือนว่าสมาธิจะหายไปพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นรัวอยู่ตอนนี้

“ว่าไงๆ” อีกฝ่ายยังถามย้ำ

“ก็...ทั้งสองอย่างมั้ง” ตอบจบก็พรูลมหายใจออกช้าๆ ...ตากลมมองโจทย์บนกระดานอีกครั้ง


'SWEET DILEMMA'
"คนที่รักไม่ได้" กับ "คนที่ไม่ได้รัก"


TBC.


สวัสดีค่ะ เปิดเรื่องใหม่ต้อนรับปีใหม่กันเล้ยยย
หายไปจากการแต่งนิยายนานมาก หลัง - GAYscale Magazine - กองบ(เ)ก(ย์)สุดป่วง! จบลง (นานมากกก นานจนบางคนลืมไปแล้ว!)
ก็มีเรื่องสั้นๆ ศึกไอติมสะท้านโลกันตร์ รับวันสงกรานต์ปีที่แล้ว แล้วก็โดดมาต้นปีนี้เลย กับเรื่องยาวอีกเรื่อง

ขอฝากพลพรรคนัก (ศึกษา) ปรัชญาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ
เรื่องนี้ชื่อเรื่องอาจดูแปลกๆ แต่เนื้อหาก็ไสยๆ เอ๊ยย ใสๆ วัยมหา'ลัยธรรมดาค่ะ
ใครชอบแนวแอบรักเพื่อนน่าจะชอบกันนะคะ

ยังไงก็ช่วยติดตามกันหน่อยน้า คอมเมนต์ติชมได้เลยค่ะ
จะพยายามอัพให้ได้อาทิตย์ละครั้ง ไม่ดองยาวเหมือนเรื่องก่อนเนอะ  o22

ปล. ถ้าไปสกรีมที่ไหน ติด #SweetDilemmaFiction ให้ด้วยย จะตามส่อง ฮี่ๆ
ปล.อีกที อัปเดตข่าวสารผ่านเพจได้ที่ http://www.facebook.com/lykarfanpage

แล้วเจอกันตอนต่อไป (ซึ่งก็คือรีพลายแรกข้างล่างนี้แหละค่ะ 555555)




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2020 11:47:43 โดย lykar »

ออฟไลน์ lykar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (New! 05/01/17 #Prologue #01)
«ตอบ #1 เมื่อ05-01-2017 21:25:04 »

Sweet Dilemma #01


คณะอักษรศาสตร์มีตึกใหญ่ๆ อยู่ 4 ตึกด้วยกัน สามตึกแรกเป็นอาคารเรียน ส่วนตึกสุดท้ายซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดถูกจัดเป็นห้องพักอาจารย์ของแต่ละภาควิชา สำหรับภาควิชาปรัชญานั้นครอบครองพื้นที่ชั้นล่างฝั่งขวา เมื่อเปิดประตูภาคเข้ามา จะพบกับห้องโล่งๆ ตรงกลางซึ่งเอาไว้จัดกิจกรรมตามอัธยาศัย ส่วนขวามือจะเป็นห้องพักอาจารย์ และซ้ายมือเป็นห้องประชุมและห้องเก็บของ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ลับแลด้านหลังภาคที่น้อยคนนักจะรู้ เพราะประตูที่จะเปิดออกไปดันอยู่หลังตู้ใบเขื่อง จริงๆ มันก็ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร นอกจากให้พวกสิงห์นักสูบไปพ่นควันหลบๆ ตาคนอื่นบ้างบางครั้ง แต่หลังๆ อาจารย์ก็แก้เผ็ดด้วยการเอาต้นไม้มาลง และมันก็ดันโตวันโตคืนจนแทบไม่มีที่จะยืน เป็นการไล่ไอ้พวกเผาปอดไปโดยปริยาย

ถึงห้องภาควิชานี้จะได้ชื่อว่าเป็นห้องพักอาจารย์ แต่ก็ไม่ได้จำกัดแค่ที่ที่ให้อาจารย์พักเท่านั้น เพราะนักศึกษาวิชาเอกและโทก็มักจะเข้ามานั่งๆ นอนๆ ในห้องภาคของตัวเองกันเป็นประจำ โดยเฉพาะภาคปรัชญาที่มีนักศึกษารวมสี่ชั้นปีไม่ถึง 50 คน จึงไม่แปลกที่ห้องภาคจะเป็นที่สิงสถิตของเด็กปรัชญาทุกหมู่เหล่า ตั้งแต่ปีหนึ่งที่สอบเข้าด้วยโควตาปรัชญา ไปจนถึงปีสี่ ที่บางคนอยู่ซ้ำมาหลายปีก็ยังไม่ไปไหน ดังเช่นในวันนี้...

หลังจากวิชา Critical Thinking ซึ่งทุ่มเถียงและติ้งกิ้งกันเรื่องเหตุผลวิบัติจบลง นักศึกษาที่ดีอย่างปอและภูมิก็ช่วยอาจารย์สุกฤตถือของไปห้องพัก ก่อนจะพบว่าพี่ๆ น้องๆ หลายคนรวมตัวกันอยู่ในห้องประชุมของภาคอย่างหนาแน่น

“เข้! นี่มันวันมาฆบูชาเหรอวะ พวกมึงถึงมาชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมายทุกชั้นปีเนี่ย” หัวโจกปีสามอย่างไอ้ปอตะโกนเสียงดังลั่นห้อง ทำเอาสมาชิกทุกคนที่นั่งบนเก้าอี้บ้าง นั่งบนเสื่อบ้าง หันมามองมันเป็นตาเดียว

“หมายถึงครูด้วยหรือเปล่าคะ” น้ำเสียงหวานๆ เย็นๆ ดังขึ้นมาจากทางเข้าห้องเก็บของที่เชื่อมกับห้องประชุม ก่อนร่างของคนพูดจะปรากฏตัวออกมา

คำถามง่ายๆ นั้นทำให้คนถูกถามขนลุกซู่ ร่างสูงค่อยๆ หันไปหา ‘อาจารย์กรรณิการ์’ แล้วยกมือไหว้พร้อมถอนสายบัวอย่างงดงาม
“ปรนัยคะ...” เพียงเท่านั้นก็ทำให้เจ้าของชื่อน้ำตาตกใน “ตามครูไปที่ห้องค่ะ”

“เอ่อ...ขอฉบับย่อนะครับอาจารย์” น่าจะเป็นคำขอเดียวที่นายปรนัยพอจะขอได้ในตอนนี้ ก่อนจะเดินคอตกตามหลังอาจารย์ไปเพียงลำพัง

“โชคดีนะพี่ปอ”

“น้องปอครับ พวกพี่จะคิดถึงน้องปอนะครับ”

“โธ่ปอ...ดีใจนะเว้ยที่ได้เป็นเพื่อนกันนน ฮือออ”

ถ้อยคำอาลัยรักจากทุกคน ทำให้คนกำลังเดินเข้าสู่แดนประหารขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอดกลั้นคำด่าเอาไว้จนแน่นอก แต่ก็พูดอะไรออกมาไม่ได้ เพราะแค่นี้ก็คิดว่าจะโดนด่าลากยาวจนจบเวลาพักเที่ยงแล้วแน่ๆ

หลังไอ้ตัวแสบเข้าห้องเย็นไปได้สักพัก พิซซ่าชุดใหญ่ก็มาส่งถึงหน้าประตู วันนี้เป็นวันเกิดของประธานภาค พวกพี่ๆ ปี 4 เลยรวมเงินกันสั่งพิซซ่ามาเลี้ยงคนทั้งปรัชญา

“ถือว่าทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับท่านประธานภาคของเรา” พี่โจ๊ก รองประธานเป็นผู้อธิบายถึงวัตถุประสงค์การเลี้ยงอาหารกลางวันทุกคน พร้อมอวยพรให้กับเจ้าของวันเกิดอย่างเป็นทางการ “ขอให้ท่านประธานของเรา จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้...โอ๊ยยยย! สัสไนท์ ตบหัวกูไมวะ”

ภูมินั่งหัวเราะน้ำหูน้ำตาไหลกับคณะตลกที่ไร้ซึ่งรัศมีความน่าเกรงขามของปี 4 แต่ก็ยังไม่วายหันไปมองที่ประตู ซึ่งใครบางคนเดินออกไปตั้งแต่สิบนาทีที่แล้ว ด้วยความปากหมาของไอ้ปอ อาจารย์กรรณิการ์ที่ขึ้นชื่อว่าเฮี้ยบที่สุดในภาค เลยเพ่งเล็งเป็นพิเศษ และมันก็มักจะพลาดให้โดนเรียกเข้าห้องเย็นเป็นประจำ

“ภูมิ ทั้งหมดนี้ของปีสามนะ แบ่งกันได้เลย” พี่จ๋า พี่ปี 4 ที่ภูมิคิดว่าเป็นผู้เป็นคนที่สุดเดินเอาพิซซ่า ไก่ และสปาเกตตีมาให้ เขาเอ่ยขอบคุณก่อนจะเลื่อนอาหารทั้งหมดไปให้ไอ้แก้วกับชิงชิง และเพื่อนวิชาโทที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน

“พี่ฝากอันนี้ไว้ให้ไอ้ปอด้วยสิ” พี่จ๋าคนเดิมส่งจานกระดาษที่มีพิซซ่าและไก่มาให้ คนถูกฝากก้มมองอาหารในมือสลับกับคนให้ด้วยความสงสัย

“เห็นมันชอบกินหน้าค็อกเทลกุ้งนี่ เอาไว้ปลอบใจหลังโดนจารย์กรรด่าก็แล้วกัน” พี่จ๋าอธิบายแบบสบายๆ แต่คนที่ไม่สบายคือคนกลางนี่แหละ จริงๆ แล้วไอ้ปอกับพี่จ๋าค่อนข้างสนิทกันเป็นพิเศษ เพราะพี่จ๋าเป็นเพื่อนกับพี่รหัสมัน และเป็นคนที่ติวภาษาอังกฤษให้มันมาตั้งแต่ปี 1 ส่วนภาคภูมิกับพี่จ๋านั้นรู้จักกับแบบทั่วๆ ไป แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกเส้นกระตุกทุกครั้งที่เจอรุ่นพี่คนนี้ มันเหมือน...มีอะไรแปลกๆ

สองมือของทุกคนกำลังเลอะเทอะไปกับการกินสไตล์อเมริกันชนในตอนที่ปอเปิดประตูเข้ามา เสียงฮือฮาดังขึ้นเกรียวกราว จนผู้มาใหม่ต้องกางแขนขวาออกก่อนจะวาดเข้าหาตัวแล้วโค้งคำนับ ราวกับตอบรับเสียงแซ่ซ้องชื่นชมวีรบุรุษก็ไม่ปาน

“ขอบคุณครับ...ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้ผ...”

“สัสปอ บังจอโว้ย หลบหน่อยๆๆ” เสียงตะโกนโหวกเหวกบอกให้คนที่สำคัญตัวผิดรีบหลบไปให้ไกล เพราะมันกำลังบังทีวีที่ถ่ายทอดมวยไทยคู่สำคัญอยู่ คนโดนโห่ไล่สบถอย่างหงุดหงิดก่อนจะทิ้งตัวลงเบียดกับเพื่อนสนิท ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจากภาคภูมิคนนี้นี่เองงง

“โอ๊ย!! ทับขากู๊!” คนนั่งแทะไก่เพลินๆ ร้องเสียงหลง เมื่อร่างหนักๆ ของคนมาใหม่นั่งทับตักครึ่งหนึ่งของตัวเองเต็มๆ

“พีพี เค้าโดนไล่มา ฮือออ ช่วยซับน้ำตาให้พี่ปอหน่อยสิครับบบ” นอกจากไม่ยอมลุกออกไป ห่าปอยังยกมือมาคล้องคอเจ้าของตัก ก่อนจะเอาหัวเน่าๆ ถูไปกับแก้มของภาคภูมิ หรือพีพีที่ไอ้ปอเรียกอีกด้วย

“เชี่ยปอออ... พ่องตัยเหอะ ออกไปโว้ยยย” เสียงโวยวายของภาคภูมิทำให้สมาชิกให้ห้องภาคหันมาเชียร์มวยนอกจอคู่นี้แทน เพราะนานๆ ทีจะเห็นท่านจอมปราชญ์ประจำชั้นปีในมุมรั่วๆ แบบนี้บ้าง

เมื่อแกล้งเพื่อนสนิทจนพอใจ ร่างสูงโปร่งจึงกระเถิบตัวนั่งลงบนเสื่อดีๆ

“เป็นไงล่ะมึง งวดนี้” ภูมิถามคนที่เพิ่งออกจากห้องเย็นสดๆ ร้อนๆ

“กูนี่นึกว่าตัวเองเป็นพระสงฆ์เลย” ไอ้ตัวแสบตอบขณะมองไปยังกองอาหารตรงกลางวง ก่อนจะพบเพียงขอบพิซซ่าที่มีรอยกัดทิ้งไว้อย่างสวยงาม ประหนึ่งผลงานปั้นของไมเคิล แองเจลโลก็ไม่ปาน

“ทำไมวะ” เพื่อนสนิทเอ่ยถามอย่างสงสัย ขณะหยิบจานอาหารที่แอบไว้ออกมา

“เอ๊า! ก็กูเจอ ‘กรร-เทศน์’ ฮ่าๆๆๆ” คนปากดียังคงความปากดีไว้ไม่มีเสื่อมคลาย ก่อนตาตี่ๆ นั่นจะลุกวาวเมื่อเห็นพิซซ่าสองชิ้น พร้อมไก่นิวออลีนอีกสองน่องในจานที่ภาคภูมิส่งมาให้

“อะ แดกซะ ก่อนนรกจะกินกบาล” ด่าพอเป็นพิธี แล้วก็ไม่ลืมบอกความจริงให้เพื่อนฟัง “พี่จ๋าฝากไว้ให้ เค้าบอกว่ามึงชอบหน้าค็อกเทลกุ้ง”

ใบหน้าขาวบุ้ยใบ้ไปยังพี่สาวผมยาวที่ยืนหัวเราะอยู่กับเพื่อน

“เหรอๆ” คนฟังฉายยิ้มสดใสตามสไตล์ ก่อนจะถือจานกระดาษแล้วลุกไปหาพี่จ๋าทันควัน แล้วเสียงหัวเราะทั้งด่าทั้งแซวจากกลุ่มที่ไอ้ปอยืนเป็นศูนย์กลางก็ลอยมาให้คนที่นั่งอยู่บนเสื่อได้ยินเป็นระลอก

ภูมิลุกขึ้นเอาเศษอาหารไปทิ้งข้างนอก ก่อนจะกลับมาเอากระเป๋าแล้วเดินออกไปเงียบๆ เขามีเรียนปรัชญาดนตรีต่อ คงไม่เป็นอะไรถ้าจะไปนั่งรอในห้องเรียนก่อนเวลาสัก 10 นาที


---------------------------------------


“นี่ก็คิดว่า ฉิบหายละ พี่อนงค์คนงามเล่นกูแน่ๆ ยืนนิ่งผมยาวอยู่หน้าเรือนไทย ตอนนั้นไอ้ภูมิบอกให้รีบปั่นจั๊กไปเร็วๆ แต่คือขาแข็งแล้วไง กลับตัวก็ไม่ได้ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง สุดท้ายสติหลุดเลยหันไปจ้องตรงเงานั้นเต็มๆ ตา คิดว่าถ้ากูจะช็อกตาย ก็ขอเห็นหน้าที่อนงค์ชัดๆ หน่อยแล้วกัน พอหันไปเท่านั้นแหละ...พี่..อะ อะ”

“อะไร! ตกลงเป็นพี่อนงค์จริงเปล่า”

“อะ...อะ...อะ...วันนี้ไม่มีเธอออ เหตุใดโลกนี้ช่างดูโหด..ระ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าย นั่นมันพี่ตูน บอดี้สแลม! ฮ่าๆๆๆ แม่งเป็นป้ายไดคัทรูปพี่ตูน เค้าจะมีคอนเสิร์ตที่ร้านหน้ามอ ฮ่าๆๆๆ”

“โอ๊ยยยย เสียเวลาฟังจริง!”

เสียงเฮฮาที่ดังลอดประตูห้องเรียนเข้ามา ทำให้ภาคภูมิที่กำลังฟุบนอนอยู่รู้ว่าไอ้คนที่เป็นศูนย์กลางของเสียงหัวเราะอย่างไอ้ปอคงเดินผ่านห้องเรียนที่เขานั่งอยู่ไปแน่ๆ แถมยังโม้เรื่องผีพี่อนงค์อีก ทั้งๆ ที่ตอนนั้นมันนี่กลัวฉี่แทบราด ว่าแต่มันมาทำอะไรแถวนี้วะ

แอ๊ด...

เสียงประตูที่เปิดออกเรียกสายตาของคนคนเดียวในห้องให้หันไปมองทันควัน แล้วภาพของไอ้เชี่ยปอ พี่จ๋า อาจารย์ผู้สอน และเด็กคนอื่นๆ ก็ปรากฏขึ้น ไม่ทันได้เอ่ยถาม คนตัวสูงก็เอ่ยปากบอกกับเขาทันที

“วันนี้กูขอเข้าคลาสนี้ด้วย” พูดกับภูมิเสร็จ ก็หันไปพูดกับกลุ่มพี่จ๋าบ้าง “เดี๋ยวผมไปนั่งกะเพื่อนนะ ไปล่ะคร้าบบบ”

รอยยิ้มสดใสมาหยุดอยู่ตรงหน้าภาคภูมิ ก่อนฝ่ามืออุ่นจะวางลงบนผมหยักศกของคนที่นั่งอยู่ “ออกมาไม่บอกกูเลย ไลน์ไปก็ไม่ตอบ”

น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยขึ้นเบาๆ แบบที่ทำเอาคนฟังหัวใจกระตุก ภูมิกะพริบตาปริบๆ ขณะมองคนพูดวางสัมภาระและทิ้งตัวนั่งลงที่โต๊ะเลกเชอร์ตัวข้างๆ

“มึงเรียนไปแล้วไม่ใช่เหรอตัวนี้” เขาเอ่ยถาม เพราะวิชานี้ไอ้ปอมันเก็บไปเมื่อเทอมที่แล้ว และปกติตอนนี้ก็เป็นคาบว่างของมัน ซึ่งมันมักจะแอบกลับไปงีบที่หอมากกว่ามานั่งเสนอหน้าอยู่ในห้องเรียนแบบนี้

“กูอยากมาทบทวนความรู้ไม่ได้ไง้” อีกฝ่ายตอบกลับมา “อีกอย่าง กูจะได้มานั่งเรียนเป็นเพื่อนมึงด้วย”

คนฟังเกือบจะเผยรอยยิ้มแห่งความดีใจออกไปแล้ว ถ้าไม่บังเอิญเห็นสายตาที่ไอ้ปอกับพี่จ๋าแอบมองกันไปมา สุดท้ายภาคภูมิก็หันไปรื้อของในกระเป๋าออกมา หยิบนู่นอ่านนี่จนอาจารย์เริ่มสอน

คาบนี้อาจารย์ให้ดูหนังเกี่ยวกับนักดนตรีชาวอินเดีย พอไอ้ปอได้ยินชื่อเท่านั้นก็จัดแจงเอากระเป๋าเป้ขึ้นมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูน้องเน่าของมันมาวางด้านบนกระเป๋าอีกที

“กูนอนรอนะ เรื่องนี้ดูไปสามรอบละ” เมื่ออาจารย์ปิดไฟในห้องและเริ่มเปิดวิดีโอ คนข้างๆ ก็ฟุบหัวลงไปทันที ภาคภูมิเผลอมองคนหลับผ่านความมืดอยู่นาน ก่อนจะดึงตัวเองให้หันกลับไปสนใจที่หนังซึ่งอาจจะออกสอบเร็วๆ นี้

เพราะการเล่าเรื่องสไตล์สารคดี ประกอบกับเสียงบรรยายภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดีย ทำให้ความตั้งใจที่จะโน้ตประเด็นของหนังเป็นอันต้องพับเก็บไป กลายเป็นความง่วงที่จู่โจมหาภาคภูมิแทน พอเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ปรนัยก็ตื่นขึ้นมา แล้วสะลึมสะลือย้ายอุปกรณ์การนอนจากโต๊ะตัวเองมายังโต๊ะของภาคภูมิ แถมยังเขยิบโต๊ะให้ชิดกันด้วย และปิดท้ายด้วยการทิ้งตัวลงนอนยังตำแหน่งใหม่ที่จัดแจงไว้เรียบร้อย

“อะไรของมึงเนี่ย” ภูมิมองหัวโตๆ ของคนนอนท่าพิสดารแล้วพึมพำด้วยความงุนงง “ไม่เมื่อยหรือไง”

“ฮื่อ โต๊ะสั้นจังวะ กูปวดหลัง” คนง่วงบ่นงึมงำ

ภาคภูมิมักนิยามรูปร่างของเพื่อนสนิทว่า ‘มึงไม่ได้สูง มึงแค่สันหลังยาวกว่าปกติ’ ซึ่งปรนัยเริ่มจะยอมรับคำนิยามนั้นแล้วจริงๆ เพราะถ้าเทียบกับการนอนขดหลังบนโต๊ะตัวเองแล้ว การได้ทอดตัวนอนข้ามโต๊ะแบบนี้ก็สบายกว่ากันเห็นๆ

ทว่าความสบายของคนนอน แลกมากับความลำบากของคนนั่ง เพราะตอนนี้เจ้าของโต๊ะตัวจริงกำลังเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ไหน เพราะหน้าโต๊ะถูกยึดไปแล้ว จะเอาวางที่ตักก็ไม่ชินอีก ขณะที่สองมือยกค้างอย่างตัดสินใจไม่ได้ มือคู่ใหญ่ของคนที่น่าจะหลับไปแล้วก็คว้ามือเจ้าของโต๊ะไว้ ก่อนจะวางลงที่ศีรษะตัวเอง

“ไว้ตรงนี้ แอร์ลงหัวกู” เสียงอู้อี้ถือเป็นคำสั่งขาดที่เจ้าของมือจำต้องปฏิบัติตาม คนฟุบนอนแอบอมยิ้มที่แกล้งเพื่อนสนิทได้แบบเนียนๆ รับรองว่ามือมึงเหม็นแน่ เพราะหัวกูนี่หมักดองมาอย่างเข้มข้นสองวันเต็มๆ

แม้จะเก้อเขินเล็กน้อย แต่เมื่อสมาธิไปจดจ่อกับภาพยนตร์บนจอโปรเจกเตอร์ มือขาวๆ ก็วางบนศีรษะของคนหลับโดยอัตโนมัติ แถมยังเผลอลูบเส้นผมในมือไปมาอีกด้วย แต่ภาคภูมิคงไม่รู้ว่าการกระทำดังกล่าวทำให้จอมวายร้ายเสียแผนอย่างจัง เพราะจากตอนแรกที่ว่าจะแกล้งหลับ แต่พอมีคนมานั่งลูบหัวเบาๆ แบบนี้ ไอ้ปอก็แพ้และหลับไปจริงๆ น่ะสิ Zzzzzz


TBC.


บทแรกก็แนะนำสถานที่และตัวละครกันไป รับรองเรื่องราวใสๆ เกาะรั้วมหาลัยทั้งเรื่อง! 55555
ตอนต่อไปจะมาเร็วๆ นี้ค่ะ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2017 16:00:42 โดย lykar »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (New! 05/01/17 #Prologue #01)
«ตอบ #2 เมื่อ05-01-2017 21:35:02 »

ตอนแรกนึกว่าปอเป็นนายเอก ที่ไหนได้ อ่านไปอ่านมาชักคิดว่าไม่ใช่ละ
ดูท่าภาคภูมิจะชอบปอ ส่วนปอก็อ่อยแบบไม่รู้ตัวสินะ คิดว่าเพื่อนกันจะอ่อยเท่าไหร่ก็ได้งั้นเรอะ ฮึ่ม อย่ามาทำภาคภูมิคนดีเสียใจเชียวนะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (New! 05/01/17 #Prologue #01)
«ตอบ #3 เมื่อ05-01-2017 21:55:15 »

โถน้องภูมิของป้า

ออฟไลน์ CanonDNattari

  • ☆.•:*´เชื่อในสิ่งที่เห็นและต้องการให้เป็น ¨`*:•☆
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 701
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (New! 05/01/17 #Prologue #01)
«ตอบ #4 เมื่อ06-01-2017 09:56:26 »

เข้ามารอหนุ่ม ๆ ค่าาาาาาาา
สนิทกัน สนิทกัน


ออฟไลน์ Fujoshi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (New! 05/01/17 #Prologue #01)
«ตอบ #5 เมื่อ06-01-2017 14:08:24 »

ภูมิเป็นนายเอกถูกมั้ย 555
โอเคคคค เราชอบนายเอกแบบนี้นะ
ไม่ต้องโวยวาย นิ่งๆ มีเหตุผล
รออ่านตอนต่อไปจ้าาาาา

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (New! 05/01/17 #Prologue #01)
«ตอบ #6 เมื่อ06-01-2017 15:34:13 »

ภูมิชอบปอ
ปอชอบพี่จ๋า??
อาจารย์ ?? เกี่ยวมั้ย

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (New! 05/01/17 #Prologue #01)
«ตอบ #7 เมื่อ06-01-2017 17:28:18 »

โธ่ น้องภูมิของพี่ ซบอกพี่มามะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (New! 05/01/17 #Prologue #01)
«ตอบ #8 เมื่อ06-01-2017 20:30:08 »

 :pig2:

ออฟไลน์ MOLI

  • ทำวันนี้ ได้วันนี้
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (New! 05/01/17 #Prologue #01)
«ตอบ #9 เมื่อ06-01-2017 20:41:24 »

อ่านๆมาสักพักค่อยจับได้ว่าปอคือฝ่ายเมะ(?)  :a5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (New! 05/01/17 #Prologue #01)
« ตอบ #9 เมื่อ: 06-01-2017 20:41:24 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (New! 05/01/17 #Prologue #01)
«ตอบ #10 เมื่อ07-01-2017 18:11:03 »

ทำไมเราถึงคิดว่าพีพีเป็นพระเอก
อาจจะเพราะปออ้อร้อมั้ง
กะล่อนๆนี่โดนปราบแล้วจะน่ารักมุ้งมิ้งขึ้นนะ

เห็นลงในเพจหลายวันแล้ว เพิ่งได้มาอ่านค่ะ
เราก็เป็นอีกคน ที่สงสัยว่าอาจารย์???

ออฟไลน์ lykar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (New! 05/01/17 #Prologue #01)
«ตอบ #11 เมื่อ09-01-2017 22:45:53 »

#02

ตลาดนัดมอในช่วงเที่ยง คราคร่ำไปด้วยฝูงมนุษย์ที่เดินเบียดเสียดกันจนแทบไม่มีพื้นที่หายใจ สำหรับมหาวิทยาลัยในเขตปริมณฑล ซึ่งห้างหรูที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไป 30 กิโลเมตร แหล่งอัปเดตแฟชันสุดชิกจึงต้องพึ่งพาตลาดนัดวันพุธแห่งนี้ไปโดยปริยาย ซึ่งก็ไม่น่าผิดหวังนัก เพราะพ่อค้าแม่ค้าพยายามหาของดีๆ เก๋ๆ มาขายกัน จนเป็นความยูนีคของแฟชันที่หาจากที่อื่นได้ยาก แต่บางทีเสน่ห์อันแสนพิเศษนี้ก็ดูจะพิเศษเกินไปนิด แบบถ้าเอาชุดนี้ไปใส่นอกเขตมหา’ลัย อาจเข้าข่ายคนบ้าไปเลยก็ได้

   “เฮีย...แบบแขนสองข้างยาวเท่ากันไม่มีจริงๆ เหรอ” ร่างสูงโปร่งชูเสื้อตัวหนึ่งขึ้นขณะเจรจากับพ่อค้า

   “แบบธรรมดามันก็ไม่เท่สิน้อง ดูที่พี่ใส่สิ สั้นข้างยาวข้างแบบเนี้ย แนวจะตาย” เจ้าของร้านหมุนตัวให้ลูกค้าพิจารณาเต็มที่ แต่ว่าที่ลูกค้ากลับเกาหัวแกร็กๆ ด้วยไม่เห็นความงามอย่างที่พ่อค้านำเสนอสักนิด

   ภาคภูมิที่ยืนดูดกาแฟอยู่ข้างๆ สะกิดไอ้คนเรื่องมากแล้วกระซิบเสียงเบา “ไม่ชอบก็ไปดูร้านอื่นเถอะมึง”

   ปรนัยส่ายหน้าก่อนอธิบาย “ผ้ามันดีเว่ยมึง เนี่ย...ปั่นเครื่องได้ ไม่หดด้วย ราคาไม่แพง”

   “งั้นมึงก็ซื้อไปตัดแขนไป”

   “แต่กูอยากให้แขนมันยาวมากกว่าสั้นง่ะ”

   “ค่อยมาดูอาทิตย์หน้าเหอะ เผื่อเค้ามีมาขาย” ภูมิช่วยเสนอทางออก เพราะเขาสองคนเสียเวลาอยู่ร้านนี้เกือบ 10นาทีแล้ว และตอนนี้เขาก็เหงื่อท่วมตัว เหนียวเหนอะหนะจนเริ่มจะหงุดหงิดนิดๆ สุดท้ายก็ขอออกมารอหน้าร้านแทน

   ขณะที่ไอ้ปอยังฉอเลาะกับพ่อค้าไม่จบไม่สิ้น เสียงทักทายจากพี่ๆ ปี 4 ที่เดินผ่านมาก็ดังขึ้น หนึ่งในนั้นคือสาวผมยาวที่มัดจุกยุ่งๆ ไว้กลางหัว ...พี่จ๋านั่นเอง

   “ช็อปปิ้งกันเหรอ” จ๋าบอกลาเพื่อน แล้วเดินมาหยุดอยู่ข้างรุ่นน้อง

   “หวัดดีครับ” ภูมิผงกศีรษะทักทายรุ่นพี่อีกครั้ง สาวผมจุกตอบรับด้วยรอยยิ้ม หากสายตากลับมองไปรอบๆ เหมือนกำลังมองหาใครบางคน และไม่รอให้อีกฝ่ายถาม ภาคภูมิก็บอกออกมาทันที

“ไอ้ปออยู่ในร้านครับ” ตากลมโตของคนฟังแฝงแววเขินอายเล็กน้อย ก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้าไปในร้านและหยุดยืนข้างๆ รุ่นน้องที่ยืนเลือกเสื้ออยู่

   “หน้าอย่างแกใส่อะไรก็ไม่หล่อขึ้นหรอกเว้ย” พี่จ๋าเปิดฉากแซวรุ่นน้องตัวโต เสียงคนโดนสบประมาทตอบโต้กลับอย่างสนุกสนาน ทำให้ภาคภูมิที่รออยู่ด้านนอกแอบถอนหายใจแรงๆ มือข้างหนึ่งเริ่มเขี่ยน้ำแข็งเล่นแก้เซ็ง

   ภูมิไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องมายืนร้อนๆ หงุดหงิดกับเหงื่อไคลที่ไหลท่วมตัว ทำไมต้องมาคอยหลบคนที่เดินชนไปมา ทำไมต้องมารอ...รอคนที่อาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ตรงนี้ ถ้านี่คือ Dilemma ภูมิก็คิดว่ามันคงมีทางอื่นอยู่ แต่เขากลับตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่เลือกอีกทาง…

“พี่ถือเองๆ ไม่ต้องมาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเลย ฮ่าๆ” หลัง 10 นาทีผ่านไป เสียงร่าเริงของพี่จ๋าก็เรียกให้ภูมิเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง จึงเห็นว่าในมือของเพื่อนสนิทมีถุงกระดาษสกรีนชื่อร้านนี้สองถุง ซึ่งพี่จ๋ากำลังแย่งถุงใบหนึ่งไปไว้ในมือตัวเอง

   “แก่แล้วก็ยอมรับเหอะพี่ เดี๋ยวผมถือให้” ท่อนแขนแข็งแรงชูถุงเสื้อขึ้นเหนือศีรษะของรุ่นพี่ ทำให้เจ้าของเสื้อตัวจริงค้อนขวับก่อนจะเดินนำออกไป

   “ตกลงกูซื้ออีกแบบมา” ปอเล่าให้เพื่อนที่เดินอยู่ข้างกันฟัง “แขนยาวเกือบเท่ากัน แต่ชายเสื้อหน้าหลังเสือกยาวไม่เท่ากันอีก แม่งเอ๊ย”

   “ขี้เลียนแบบว่ะ” พี่จ๋าตะโกนกลับมาแซวคนข้างหลัง คนถูกแซวจึงเร่งเท้าเดินไปหา พร้อมคำตอบโต้ที่ไม่มีใครยอมลดให้ใคร ภาคภูมิมองภาพของผู้ชายกับผู้หญิงที่เดินแกล้งกันข้างหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ไม่มีความรู้สึกใดใกล้เคียงกับความสุขแม้แต่นิดเดียว

   “ปอ...” ภูมิสะกิดร่างสูงที่หัวเราะเสียงดังลั่นอยู่กับรุ่นพี่ คนถูกเรียกหันมามองและเลิกคิ้วเป็นคำถามเขาจึงพูดต่อ “กูไปก่อนนะ ร้อนว่ะ”

   “อ้าว ไม่ไปกินปลาไข่ด้วยกันเหรอ” อีกฝ่ายร้องถามด้วยเสียงประหลาดใจที่เพื่อนสนิทยอมพลาดเมนูโปรดที่มันเฝ้ารอมาทั้งอาทิตย์

   ภูมิส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะแยกตัวเดินออกมา ได้ยินเสียงเพื่อนสนิทตะโกนแว่วๆ ว่าเดี๋ยวเจอกัน แต่เขาก็ไม่มีอารมณ์จะตอบรับอะไรอีก

   พี่จ๋ามองตามรุ่นน้องที่เดินแยกออกไป ตากลมโตมีแวววิตกเล็กน้อย “ภูมิโกรธไรเปล่าอะ”

   รุ่นน้องที่เหลือเพียงคนเดียวหัวเราะเบาๆ “ไม่หรอก เดี๋ยวกลับภาคก็เจอมัน”

   “เหรอ...แต่สีหน้ามันไม่ค่อยดีเลย”

   “ไม่มีไรหรอกๆ แล้วนี่พี่จ๋าจะไปไหนต่อ เดี๋ยวผมจะไปหาอะไรกินหน่อย” หนุ่มรุ่นน้องเอ่ยถาม เมื่อนึกได้ว่าคนที่เดินอยู่ด้วยอาจจะมีธุระอะไรต่อ

   “โอ๊ย! ชิลๆ วันนี้ไม่มีเรียน” อีกฝ่ายตอบ

   “จริงดิ งั้นไปตลาดข้างในกันเลยมะ กลัวปลาไข่หมด”

   “อยากกินอะไรเบอร์นั้น” พี่จ๋าแซวพร้อมเสียงหัวเราะ

   ร่างสูงของรุ่นน้องฉีกยิ้มกว้างก่อนอธิบาย “ผมอะเฉยๆ แต่ไอ้ภูมิดิอยากกินมาก ต้องซื้อไปเซ่นมันหน่อย เดี๋ยวมันงอแง”
   คนฟังพยักหน้าตกลง สะกิดใจนิดๆ ในถ้อยคำที่เด็กรุ่นน้องมีต่อเพื่อนอีกคน แม้ในตอนที่ต่อคิวซื้ออาหารที่ว่า คนตัวสูงก็มีเรื่องเล่าถึงเพื่อนสนิทไม่พัก

   “พี่รู้ปะ ไอ้ห่าภูมินี่คลั่งปลาไข่มากกก มากแบบผมแทบจะพามันไปเลิกที่ถ้ำกระบอกอะ กินมาตั้งแต่ปีหนึ่ง จนตอนนี้แม่งน่าจะท้องแทนปลาไข่ไปละ”

   พี่จ๋าหัวเราะตาหยีเมื่อได้ฟังคำเปรียบเทียบนั้น “ไอ้บ้า ภูมิมันจะท้องได้ไง”

   “เออว่ะ...” ปรนัยพึมพำ “แต่ถ้ามันท้อง ลูกมันคงน่ารักเนอะ ดูหน้ามันดิ เวรี่คิวท์บอยโคตรๆ”

   “นี่คิดไรกะมันปะเนี่ย ชมซะขนาดนี้”

   พอถูกแซว ร่างสูงเลยทำท่าขนลุกขนพองชุดใหญ่ “โอ๊ย!! คิดไรแบบนั้น ขนลุก!!”

พี่จ๋าปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่นแบบไม่เข้ากับหน้าตาสวยๆ ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

   “ตอนภาพนิ่งพี่แม่งก็ ‘สายป่าน’ อยู่หรอก พอขำทีมโนภาพพังทลายเลย ฮ่าๆๆ”

   หญิงสาวร่างเล็กที่หลายต่อหลายคนทักว่าหน้าตาคล้ายนางเอกสุดอินดี้ยักไหล่ แล้วแกล้งทำหน้าลิงใส่คนที่ยืนอึ้ง ก่อนจะหลุดขำกันทั้งคู่


   ปอกับพี่จ๋าแยกกันที่หน้าตลาดในเวลาเกือบบ่ายสอง ร่างสูงโปร่งหอบข้าวของพะรุงพะรังกลับมาที่ห้องภาควิชา  แต่เมื่อเปิดประตูห้องประชุมเข้าไป กลับพบเพียงรุ่นน้องปีสองนั่งอ่านหนังสือกันอยู่ ไร้วี่แววของเพื่อนสนิท เขาเดินออกจากห้องนั้นมาเคาะห้องพักอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน หลังได้รับคำอนุญาต จึงเปิดประตูและยื่นหน้าเข้าไปด้านใน

   “ขอโทษครับ ไม่รู้ว่าอาจารย์ติดธุระ” ผู้มาเยือนบอกน้ำเสียงเกรงใจ เมื่อเห็นว่ามีเด็กรุ่นน้องนั่งคุยกับอาจารย์อยู่ คนถูกรบกวนโบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ปรนัยเลยรีบเอ่ยคำถามของตัวเองออกไป “จารย์กฤตเห็นภูมิมั้ยครับ”

   อาจารย์หนุ่มขวัญใจนักศึกษาขมวดคิ้วเล็กน้อย “วันนี้ยังไม่เห็นเลยนะ”

   หลังขอบคุณอาจารย์เรียบร้อย ร่างสูงก็โทรหาบุคคลผู้สูญหายทันที ทว่าสัญญาณที่ดังยาวๆ นั้นกลับไม่มีคนรับสาย แม้จะเว้นระยะไปหลายนาทีแล้วก็ตาม จนสุดท้ายนิ้วเรียวก็กดหาเบอร์ของคนที่น่าจะช่วยเช็กได้อีกคน

   พอปลายสายกดรับ เสียงทุ้มก็เอ่ยถามเข้าประเด็น โดยไม่มีการเซย์เฮลโหลใดๆ ทั้งสิ้น “เฮ้ยสิปป์ มึงอยู่หอปะ”

   หลังอีกคนตอบว่าใช่ เขาจึงบอกถึงวัตถุประสงค์ทันที

   “มึงดูห้องไอ้ภูมิให้หน่อยดิ ระเบียงเปิดปะ” คนที่เขาโทรหาคือเพื่อนที่เลือกปรัชญาเป็นวิชาโท ซึ่งห้องพักอยู่ตรงข้ามกับห้องไอ้ภูมิพอดี แบบที่ถ้าออกมาตากผ้าพร้อมกัน ก็สามารถตะโกนทักทายกันได้

   “เปิดเหรอ โอเคขอบใจมาก” นิ้วเรียวกำลังจะกดวางสาย แต่ก็นึกขึ้นได้ “เฮ้ย! กูขอยืมชีทปรัชญาเทคโนหน่อยดิ เดี๋ยวอีกสิบนาทีไปเอานะ”
   

   เสียงกดกริ่งหน้าห้องดังรัวๆ สามครั้งติด ทำเอาคนที่นอนกลิ้งอ่านการ์ตูนอยู่บนเตียงต้องรีบลุกไปเปิดประตูอย่างหัวเสีย ใครมากดวะ ทำไมไม่เคาะประตูธรรมดา รู้มั้ยว่ากดครั้งนึงค่าไฟขึ้นที 7 บาทเลยนะ อย่าให้...

   “เชี่ยปอ!!” เจ้าของห้องในชุดเสื้อยืดกางเกงบ็อกเซอร์พร้อมหัวยุ่งๆ กับแว่นอันโตยืนอ้าปากค้าง เมื่อเห็นว่าใครคือแขกผู้มาเยือนในวันนี้ หากในขณะกำลังจะด่าไอ่ห่าปอที่สะเออะมากดออดหน้าห้อง ริมฝีปากบางก็ต้องหยุดไว้เพียงแค่นั้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทไม่ได้มาคนเดียว แต่ยังมีเพื่อนอีกคนมาด้วย

   “อ้าว...ทำไมมากะไอ้ปอวะไอ้สิปป์” ภาคภูมิเอ่ยถามเพื่อนห้องตรงข้ามด้วยความงุนงง

   “ไอ้ปอจะมายืมชีทกูอะ นี่ผ่านห้องมึงเลยแวะมาทักก่อน” เพื่อนร่วมหอตอบตามความจริง ก่อนจะหันไปบอกกับผู้มาเยือน “มึงรออยู่ห้องไอ้ภูมิละกัน ห้องกูรกมาก ไม่พร้อมรับแขกอย่างแรง”

   เอ่ยจบก็ทิ้งให้พวกมันสองคนเคลียร์กันเอง ส่วนคนห้องรกก็เดินไปเอาเอกสารเพียงคนเดียว โดยไม่สนใจเสียงบ่นของไอ้ภูมิที่ดังไล่หลังมาแม้แต่น้อย

   ภาคภูมิจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด หากสุดท้ายก็ยอมให้ไอ้แขกไม่ได้รับเชิญเดินเข้าห้องมาในที่สุด

   ร่างสูงโปร่งจัดแจงวางสารพัดถุงที่หอบหิ้วมาลงกับโต๊ะเขียนหนังสือ แล้วจึงเห็นว่าโทรศัพท์ของเจ้าของห้องถูกชาร์จทิ้งไว้ แถมยังสุมทับด้วยหนังสือการ์ตูนอีกกองใหญ่ แบบนี้ไอ้มนุษย์โหมดสั่นจะรู้ว่ามีสายเข้าก็แปลกแล้วล่ะ

   “โทรศัพท์หรือที่ทับกระดาษ เปิดเสียงไม่เป็นไง้” ปากก็บ่นเพื่อนไป แต่ตัวกลับเนียนมานอนกลิ้งบนเตียงนุ่มริมห้องแทน

   “ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลยเชี่ยปอ!!” ภาพนั้นทำให้เจ้าของห้องตาค้าง ภาคภูมิพุ่งตัวไปฉุดร่างที่เต็มไปด้วยเหงื่อให้ลุกจากที่นอนทันควัน “กูเพิ่งเปลี่ยนผ้าปูนะเว้ยยย”

   นอกจากร่างสูงใหญ่จะไม่ไหวติงต่อแรงที่ฉุดลากแล้ว แขนยาวๆ ยังคว้าหนังสือการ์ตูนที่ถูกคว่ำไว้บนเตียงขึ้นมาพิจารณาอย่างสบายอารมณ์อีกด้วย

   “โห! โทริโกะทั้งเซตเลยเหรอวะ มึงอ่านจบยัง กูยืมต่อนะ”

   “สัสปอ!! ลุกกก” ภูมิกระโดดขึ้นเตียงแล้วพยายามลากขายาวๆ ที่นอนขวางเตียงออก แต่ไอ้ห่าปอที่ไม่รู้ว่ายัดอิฐไว้หรืออะไร ถึงได้ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้สักนิด

   ร่างสูงลอบมองใบหน้ายุ่งๆ ที่ประดับด้วยแว่น ซึ่งตั้งหน้าตั้งตาทำร้ายร่างกายของตนเองก่อนจะคิดอะไรแผลงๆ ออก จึงแกล้งหดขาและลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ทำเอาอีกคนที่ไม่ทันระวังตัวหน้าทิ่มลงบนหน้าขาแข็งแรงนั่นทันที

   “เฮ้ยยย!”

   เสียงอุทานด้วยความตกใจไม่ได้มาจากทั้งคนแกล้งและคนถูกแกล้ง แต่มาจากคนที่เปิดประตูเข้ามาเมื่อสักครู่นี้

   “โทษทีว่ะ กู...กูเคาะนานแล้วนะ เห็นไม่มีใครปะ...เปิด เลยเปิดเข้ามา...เอง” สิปป์หน้าเหวอ พูดจาตะกุกตะกัก ก่อนปลายเสียงจะเบาลงคล้ายพึมพำกับตัวเอง “ไม่คิดว่าจะเจอภาพกีฬามันๆ”

   ก็ภาพที่เจ้าของห้องซุกหน้าอยู่แถวๆ ตักของเพื่อนอีกคนมันชวนให้คิดน้อยเสียเมื่อไร ยิ่งเป็นคนมีจินตนาการกว้างไกลอย่างไอ้สิปป์ด้วยแล้ว ภาคภูมิจึงต้องรีบลุกขึ้นและแก้ความเข้าใจผิดโดยเร็ว

   “เชี่ยปอมันแกล้งกู ไม่ได้มีอะไรนะเว้ย!!” เขาละล่ำละลักอธิบาย ก่อนจะขยี้หัวตัวเองไปมา

   “เออ กูเล่นกันเฉยๆ” เพื่อนสนิทเห็นว่าเรื่องชักจะไปกันใหญ่ เลยเปิดปากเล่าความจริงด้วยอีกคน

   คนที่ยังยืนพิงประตูพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะยื่นเอกสารในมือออกไปแล้วพูดเปลี่ยนเรื่อง “ชีทปรัชญาเทคโนของอาทิตย์ที่แล้ว เสร็จแล้วคืนกูด้วยล่ะ”

   ปรนัยก้าวลงจากเตียงแล้วไปรับเอกสารที่เพื่อนที่เรียนคลาสเดียวกันเอามาให้ เสียงทุ้มกล่าวขอบใจก่อนจะบอกลาเพื่อน พอเข้ามาในห้องของไอ้ภูมิอีกครั้ง ก็พบว่าเจ้าของห้องนั่งขัดสมาธิหน้านิ่งอยู่บนเตียงแล้ว

   “เสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงนิ่งๆ เอ่ยขึ้นเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ “กลับไปดิ”

   ใบหน้าคมของผู้มาเยือนเผยรอยยิ้มกว้าง ร่างสูงเดินมานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริงที่น่าจะเอาไว้ใช้หลอกเด็กบ่อยๆ

   “พีพี~ กูซื้อปลาไข่มาฝาก มากินสิ”

   เมื่อเห็นอีกคนทำเป็นไม่สนใจ เสียงทุ้มจึงพูดต่อ

“มีลูกชิ้นปลาระเบิดด้วยน้า...กูไปต่อคิวซื้อตั้งนาน เพื่อมึงเลยนะเนี่ย”

เสียงเปิดหนังสือการ์ตูนของคนบนเตียง ทำให้รู้ว่าเขายังง้อไม่สำเร็จ

“จริงๆ มีน้ำส้มคั้นด้วย แต่มันไม่เย็นแล้วอะ ไม่รู้ยังอร่อยเปล่า มึงลองชิมหน่อยดิ น้าๆๆ”

สุดท้ายเจ้าของห้องก็ยอมเดินมาที่โต๊ะเขียนหนังสือ ดวงตาใต้กรอบแว่นมองถุงอาหารมากมายที่อีกคนซื้อมาให้แล้วก็ต้องถอนหายใจ

“กูจะกินยังไงหมด”

คนได้ฟังลอบอมยิ้มกับตัวเอง “มึงกินคนเดียวที่ไหน กูจะกินกับมึงด้วย”

“อ้าว!”

“กูยังไม่ได้กินไรเลยเนี่ย ก็มึงหนีกลับมาก่อนอะ” อีกฝ่ายเอ่ยคล้ายตัดพ้อ

ภาคภูมิเหล่มองจอมมารยานิดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “มึงไปกะใคร ก็ไปกินกับคนนั้นสิ”

ปอหัวเราะเบาๆ “งั้นกินกะมึงก็ถูกแล้ว ...ก็กูไปกะมึงนี่”

เจ้าของห้องก้มลงใต้เตียงเพื่อลากโต๊ะญี่ปุ่นมากางกินข้าว คนที่นั่งบนเก้าอี้จึงไม่ทันเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าขาวที่ฉายออกมาด้วยความยินดี ก่อนเจ้าตัวจะพยายามอย่างหนักเพื่อเม้มปากเก็บมันไว้

   นอกจากอาหารที่ปอซื้อมาแล้ว ภูมิยังมีผัดไทยและลูกชิ้นปิ้งที่เก็บไว้รอกินตอนเย็นอีกหนึ่งชุด เลยจัดการอุ่นทั้งของฝากจากเพื่อนและกับข้าวตัวเองมากินในมื้อนี้เสียเลย

   “เย็นนี้มึงไปไหนเปล่า” ผู้มาเยือนเอ่ยถามเจ้าของห้อง

   “มีเมคอัพคลาสแปลว่ะ” ภาคภูมิหมายถึงการนัดเรียนนอกเวลาของวิชาการแปลภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นสาขาที่ตนเองเก็บเป็นโท

   แขกของห้องเอ่ยอย่างแปลกใจ “อ้าว ไหนว่านัดพรุ่งนี้”

   “อาจารย์ไม่ว่าง เพิ่งเลื่อนเมื่อบ่ายนี้เอง ...เชี่ย!” คนกำลังกัดลูกชิ้นปลาสบถดังลั่น เมื่อน้ำมันในลูกชิ้นกระเด็นออกมาเปื้อนแก้มขึ้นไปจนถึงแว่น ดีว่ามันเริ่มอุ่นแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทิ้งความรู้สึกแสบร้อนนิดๆ ไว้อยู่ดี

   มือหนาของคนที่นั่งตรงข้ามช่วยถอดแว่นของเพื่อนสนิทออก ก่อนจะส่งทิชชู่ให้อีกคนเช็ดหน้าเช็ดตา “ไปล้างหน้าไปมึง”
   ภูมิวิ่งไปห้องน้ำตามที่เพื่อนบอก หลังทำความสะอาดหน้าจนความระคายเคืองที่ผิวเริ่มเบาลงแล้ว จึงกลับมานั่งที่เดิม “โคตรซวยเลย ต่อไปกูจะไม่กินลูกที่มันพองๆ...”

   อยู่ๆ นิ้วสากของอีกคนก็เอื้อมมาลูบที่แก้มของคนกำลังพูด ทำเอาปลายเสียงที่กำลังบ่นลูกชิ้นเจ้าปัญหาต้องขาดหายไปด้วยความตกใจ

   “นี่มันแดงเพราะมึงถู หรือเพราะโดนน้ำมันวะ” ปรนัยพิจารณาหน้าเพื่อนใกล้ๆ นิ้วเรียวแตะอย่างแผ่วเบา ราวกับผิวของเพื่อนสนิทเป็นมรดกโลกที่ได้รับการอนุรักษ์จากยูเนสโก้

“ต้องทายาเปล่าเนี่ย มันจะเป็นแผลมั้ย” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลยังเอ่ยถามต่อ

   “มะ...”

   แล้วโลกของภาคภูมิก็หยุดหมุนไปชั่วขณะ เมื่อใบหน้าคมของคนตรงข้ามเลื่อนเข้ามาหาในระยะที่เกินกว่าสายตาจะมองเห็นได้ชัด ก่อนลมอุ่นๆ จะปะทะกับผิวที่ร้อนผ่าว

“...เพี้ยง...”

...แล้วปื้นแดงๆ ที่เคยเป็นแค่ตรงแก้ม ก็ลุกลามไปทั้งหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว



TBC.




สวัสดีค่ะ ตอนที่สองมาแล้วววว
ส่วนคำถามว่าใครเมะใครเคะ ถ้าตามคำอธิบายแล้ว ตอนนี้ก็น่าจะชัดเจนขึ้น
แต่น้องภูมิฝากบอกว่า #ให้ไปวัดกันบนเตียง! 555555555

ถ้าใครได้อ่าน คอมเมนต์วิจารณ์กันได้นะคะ
เหมือนเดิมค่ะ ถ้าเล่นทวิตเตอร์ฝาก #SweetDilemmaFiction น้า
ขอบคุณที่ติดตามค่า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2017 16:01:06 โดย lykar »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (Update! 09/01/17 #02)
«ตอบ #12 เมื่อ09-01-2017 23:52:19 »

ปอ เนียนได้ใจจริงๆ เขินแทนเลยนะเนี่ย

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (Update! 09/01/17 #02)
«ตอบ #13 เมื่อ09-01-2017 23:52:27 »

ฮือออออออออ แม่มโคตรน่ารักเลย ปออย่าอ่อยนุ้งภูมิมากเริ่มไม่มีแรงต้านทานล้าววววว โว้ยยยยย ชอบอะไรแบบนี้จริงๆ กร๊าวใจแรงมาก  :ling1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (Update! 09/01/17 #02)
«ตอบ #14 เมื่อ10-01-2017 17:59:21 »

น้องภูมิน่ารักมากเลยยยย

ออฟไลน์ CanonDNattari

  • ☆.•:*´เชื่อในสิ่งที่เห็นและต้องการให้เป็น ¨`*:•☆
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 701
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (Update! 09/01/17 #02)
«ตอบ #15 เมื่อ10-01-2017 18:25:31 »

อู้ยยยยยยยยยยยยยยยย
อ่อยจริง อ่อยจัง

อิน้องสิปป์นี้ จาก  Gayscale หรือเปล่าคะ ?
ถ้าใช่นี้จำได้ว่าอิตาเมตตา ก็เรียนด้วยกัน
แอบส่อง แอบส่อง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2017 09:39:09 โดย CanonDNattari »

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (Update! 09/01/17 #02)
«ตอบ #16 เมื่อ10-01-2017 18:42:45 »

 :o8:

ตามมาจากเพจ เข้ามาติดตามในนี้ด้วยคนนะคะ

ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (Update! 09/01/17 #02)
«ตอบ #17 เมื่อ10-01-2017 20:55:56 »

รอคอยเธอ มานานแสนนานนนนนน~
เรื่องใหม่นี่น่าจะใสๆกว่ากองบก.นะคะ
เพราะอายุต่างจากกองบก.ราวกับตาและหลาน
555555555555555
แนวแอบรักเพื่อนหรอเนี่ย
แล้วปอกับภูมิจะสมหวังหรือจะได้เปลี่ยนคู่ของตัวเอกกันล่ะเนี่ย
ก็มันรักไม่ได้กับไม่ได้รักนี่เนอะ

ออฟไลน์ twenty8

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (Update! 09/01/17 #02)
«ตอบ #18 เมื่อ11-01-2017 08:33:59 »

เขินอะะะะ บ้าจริง ฮือ มันก๊าวใจม้ากกกก

ชอบค่ะ อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (Update! 09/01/17 #02)
«ตอบ #19 เมื่อ11-01-2017 09:04:00 »

กว่าจะได้ลงเอยกัน ภูมิต้องปวดใจอีกสักเท่าไร

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (Update! 09/01/17 #02)
« ตอบ #19 เมื่อ: 11-01-2017 09:04:00 »





ออฟไลน์ Shin Heeyoo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (Update! 09/01/17 #02)
«ตอบ #20 เมื่อ11-01-2017 13:42:07 »

โอ๊ย สั้น!
พอมีกายภาพมาบรรยายด้วยก็พอเข้าใจค่ะ
มาตอนแรกเดาจากชื่อก่อนเลย ปอนี่เคะแน่ๆ ฮ่าๆๆๆ
ตอนนี้ตัวใหญ่แล้ว ให้เป็นเมะก็ได้ ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (Update! 09/01/17 #02)
«ตอบ #21 เมื่อ11-01-2017 14:59:03 »

แอะ

ออฟไลน์ BitterSweet

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +725/-2
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (Update! 09/01/17 #02)
«ตอบ #22 เมื่อ11-01-2017 15:22:46 »

เข้ามาถึอป้าย FC น้องภูมิ
รักเขาข้างเดียวมันเจ็บแบบนี้แหละลูก โอ๋ๆ

 :กอด1:

ป.ล. คิดถึงทับแก้ว

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (Update! 09/01/17 #02)
«ตอบ #23 เมื่อ11-01-2017 18:38:25 »



มาลงชื่อให้กำลังใจคนเขียนก่อนค่ะ
เดี๋ยวจะรีบตามอ่านให้ไวเลย!  :L2:


ออฟไลน์ lykar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ (Update! 09/01/17 #02)
«ตอบ #24 เมื่อ13-01-2017 18:08:20 »

#03


คลาสวิชาของอาจารย์กรรณิการ์เลิกเร็วกว่าปกติ ปรนัยเลยมานั่งเล่นรอคนอื่นๆ ที่ห้องภาคฯ จริงๆ แล้ววิชานี้ควรต้องเรียนตอนปีที่แล้ว แต่เพราะตารางเวลาชนกับวิชาที่เขาเก็บสาขา ซึ่งบังคับให้เรียนให้ครบภายในปี 2 เขาเลยต้องไปเรียนตัวนั้นก่อน มาปีนี้เลยต้องนั่งเหงาเรียนกับรุ่นน้องไปแบบเซ็งๆ

ไม่นานนักไอ้แก้วกับชิงชิงก็มาถึง สองคนนี้เป็นเพื่อนปีเดียวกับเขาและภูมิ และเนื่องจากเด็กเอกปรัชญาปี 3 มีกันอยู่เท่านี้ พวกเขาเลยฟอร์มทีมเป็นแก๊ง F4 โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากใคร เพราะเป็นรุ่นชายล้วน 4 หน่อ ที่ความหล่อกินกันไม่ลง

   “แดกข้าวยังวะ” ปรนัยเอ่ยทักคนมาใหม่ตามมารยาท พออีกสองคนชูกล่องข้าวในมือขึ้นมา เสียงทุ้มเลยโวยวาย “ไม่มีเผื่อกันอะ เพื่อนปะเนี่ย เพื่อนปะเนี่ยยย”

   แก้วจัดการเบิ้ดกะโหลกไอ้คนปากดีไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ “มีตังค์ก็ซื้อแดกเองสิวะ”

   ฝ่ามือหนาลูบหัวตัวเองป้อยๆ แม่งมีเรื่องต้องเจ็บตัวแต่วันเลย เซ็งโว้ย!!

   ระหว่างที่สามหนุ่มกำลังโหวกเหวกได้ที่ สมาชิกคนที่สี่ก็เปิดประตูเข้ามา ภาคภูมิเอามือแคะหูพลางทำหน้าเบื่อ เป็นนัยว่ารำคาญไอ้พวกลูกหมาที่กัดกันไม่เลิก

   “น้องพีพีช่วยพี่ปอด้วย พี่ปอถูกรังแก กระซิกๆ” ร่างสูงที่แสร้งออเซาะบีบน้ำตานั้นทำเอาผู้มาใหม่ต้องรีบผลักมันออกไป

   “แค่แกล้งยังน้อยไป ไม่โดนกระทืบตายก็บุญแล้วมึงอะ” ‘น้องพีพี’ เอ่ยเสียงเรียบ แต่คนฟังนั้นเจ็บสะเทือนไปสุดขั้วหัวใจ

   “คนบ้า! ชอบพูดทำร้ายจิตใจเค้า ฮือออ” ท่าทางทรุดนั่งดุจสาวน้อยทำให้ภาคภูมิต้องข่มใจในการยั้งฝ่าเท้าไม่ให้ไปประทับตราที่กลางหลังของอีกฝ่ายอย่างมาก

   “ลุก! กินข้าว!” ปลายคอนเวิร์สสะกิดข้อศอกคนที่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนพื้น “ปอเอ๊ยยย กินข้าวมาลูก โม่ๆๆ”

   “สัสภูมิ! กูไม่ใช่ผีเสื้อ!”

   “หมา!” คนอื่นๆ ประสานเสียงตอบกันอย่างพร้อมเพรียง ให้ว่าที่ผีเสื้อได้เข้าใจสถานะตนเองอย่างถูกต้อง

   ปรนัยกระฟัดกระเฟียดที่โดนรุมจนหมดทางสู้ แต่พอเห็นข้าวที่ภาคภูมิซื้อมาให้ อารมณ์บูดๆ ก็เปลี่ยนเป็นร่าเริงสดใสขึ้นทันควัน

   “บุญของกูแล้วที่ได้กินหมูกรอบเฮียง โว้วๆๆๆ” ร้านเฮียงเป็นร้านขายข้าวหมูแดงหมูกรอบข้างมหา’ลัย ด้วยรสชาติความอร่อยที่ไม่เคยเพี้ยนไปตามกาลเวลา ประกอบกับชื่อเสียงที่โด่งดังมารุ่นต่อรุ่น ทำให้ลูกค้าของร้านเนืองแน่นไม่มีลด ขนาดร้านเปิด 7 โมงเช้า ยังมีคนไปรอต่อคิวกินกันทุกวัน และเผลอๆ 10 โมงตรงเฮียคนขายก็รูดประตูปิดร้านเรียบร้อย

   “ไปซื้อทันได้ไงวะ” แม้จะเพลิดเพลินกับหมูกรอบชิ้นหนาที่กรุบกรอบเต็มคำ แต่ปรนัยก็ยังถามข้อสงสัยออกไป

   ภาคภูมิกลืนน้ำซุปลงคอ ก่อนจะตอบคำถามเพื่อน “ไอ้ท่านขุนซื้อมาฝาก”

   “ฮะ??” คิ้วหนาขมวดแน่น “มันเพี้ยนไรอีกวะ”

   “ไม่รู้มัน มันบอกว่าซื้อมาฝาก แถมให้ตั้งสองกล่อง”

   “แล้วมึงเจอมันที่ไหน”

   “ที่หอ”

   “ที่หอ!!” คราวนี้เพื่อนสนิทขึ้นเสียงทันควัน “มันไปทำอะไรที่หอมึง”

   “อ้าว” ภูมิอุทานด้วยความงุนงง “จะไปรู้มันเหรอ”

   “เอ้า! แล้วมึงก็รับของมันมาแบบนี้เหรอ” ปรนัยยังตะโกนเสียงดังระดับเดิม ยิ่งพอเพื่อนตัวเองตอบว่า ‘อือ’ มือหนาก็อยากจะเอื้อมไปเขย่าตัวไอ้คนใจง่ายให้หัวหลุด ก็ไอ้ ‘ท่านขุน’ หรือไอ้ห่าขุนเนี่ย เป็นน้องปี 2 ที่มีบุคลิกเข้าข่ายคนบ้า วันๆ แม่งไม่ทำอะไร ใส่สูทกับแว่นดำเดินไปเดินมาทั่วคณะ ดูเอาเถอะ คนดีๆ ที่ไหนเค้าทำกัน นี่ยังไม่นับไอ้การคิดเองเออเองว่าคนนั้นคนนี้ชอบมันอีก เช่นว่า ‘น้องปีหนึ่งคนนี้มองผมบ่อยๆ สงสัยน้องคงชอบผม’ หรือ ‘ที่หลบตาเรานี่เธอคิดอะไรกับเราหรือเปล่า’ ประโยคพวกนี้ไอ้ห่าขุนมันพล่ามทั้งวันนั่นแหละ

พอนึกถึงไอ้ขุนมาถึงตรงนี้ ปรนัยก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นได้

“มันชอบมึงเหรอ!!”

แค่กๆๆๆ!!

คนกำลังดูดชาลิปตันถึงกับสำลักในคำพูดนั้น ก่อนมือเรียวจะตบกะโหลกไอ้คนช่างจินตนาการไปอีกหนึ่งป้าบ “ขนลุก!!”

คนโดนทำร้ายร่างกายถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิ้วหนาขมวดมุ่น “ไม่รู้แหละ มึงอยู่ไกลๆ ไอ้ขุนไว้ละกัน”

คราวนี้เสียงทุ้มปรับวอลุ่มให้ดังในระดับปกติแล้ว ถ้อยคำที่ไม่เจือการพูดเล่นเหมือนทุกครั้งทำให้ภาคภูมิต้องรับคำไปเงียบๆ โดยไม่โต้เถียงอะไรต่อ

“ห่วงเว้ย...หวงเว้ยยย” ชิงชิงพึมพำแบบตั้งใจให้คนอื่นได้ยิน ซึ่งไอ้แก้วก็หันมายักคิ้วหลิ่วตาแบบรู้กันให้ทันที

“อะไรของพวกมึง”  ช้อนพลาสติกในมือไอ้ปอตวัดชี้เพื่อนสองตัวไปมา

“เปล้าาา” พอไอ้เพื่อนปากดีก้มหน้าก้มตากินข้าว ปรนัยเลยเลิกสนใจพวกมันไป ภาคภูมิแอบถอนหายใจยาวๆ เมื่อความสงบกลับมาเยือนสักที


หลังจากขึ้นเรียนคาบบ่ายเสร็จ แก๊ง F4 ก็ว่างอีกครั้ง จึงมานั่งๆ นอนๆ กันอยู่ในห้องภาคฯ เหมือนเดิม เพราะเดี๋ยวตอนบ่าย 3 จะมีประชุมรวมของภาค แก้วกับชิงชิงไปรื้อเสื่อที่ซุกไว้ในตู้ออกมาปู พร้อมหมอนและผ้าห่มที่แลกแสตมป์เซเว่นมาแบ่งกันนอน เพิ่มความจริงจังอีกขั้นด้วยการเปิดดนตรีบรรเลงเป็นนัยว่าขับกล่อมให้หลับฝันดี

“มึงเห็นใจคนทำการบ้านบ้างแมะ” ไอ้ปอโบกทอล์กกิ้งดิกในมือไปมา

“แล้วมึงเห็นใจคนจะนอนบ้างแมะ ทำไปเงียบๆ เลย ชิ้วๆ” ไอ้สองเกลอที่จัดที่นอนอยู่เถียงกลับ แต่ก็ยอมหรี่เสียงดนตรีลงนิดหนึ่ง ก่อนจะสวมผ้าปิดตาและนอนลง

“เอ๊อออ...มึงไม่ตกอิ๊งบ้างในมันรู้ไป” สาขาวิชาภาษาอังกฤษเป็นสาขาที่บังคับให้นักศึกษาทุกคนต้องเรียนในชั้นปีที่ 1-2 แต่ประชากรกว่า 30% ก็ยังสอบตกครั้งแล้วครั้งเล่า จนต้องมาเรียนซ่อมกันในปีต่อๆ มา ซึ่งของปรนัยถือว่ายังดีที่เหลือแค่ตัวเดียว และมีแนวโน้มว่าจะผ่านในปีสาม เพราะคะแนนเก็บเป็นที่น่าพอใจ

“มา...กูช่วย” หลังจากเห็นเพื่อนสนิทบ่นอุบอิบกับการกดแปลคำศัพท์สลับกับจดลงชีทอยู่นาน ภาคภูมิก็สงสารจนต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

“ดีมากกก มาๆ มึงกดดิกให้กูหน่อย” มือหนายื่นเครื่องแปลภาษาให้ ซึ่งก็เป็นของภาคภูมินี่แหละที่ให้มันยืมไปใช้ แล้วไอ้บ้านี่ก็เนียนไม่คืนจนถึงวันนี้

“I-L-L-N-E-S-S”

นิ้วเรียวชะงัก “อิลเนส...อิลก็ป่วย อิลเนสเป็นคำนาม ก็ความเจ็บป่วยไง”

“อ่อ...”

“T-O-W-A-R-D”

“ไปสู่, ไปทาง, ในที่สุด มีหลายความหมาย”

“แล้วอันนี้จะแปลว่าไรอะ” มือหนาเลื่อนชีทไปให้เพื่อนช่วยดู

“จริงๆ มึงไม่ต้องแปลทุกคำ อันนี้คือตอบคำถามใช่ปะ มึงก็ดูคำถามก่อนดิว่าเค้าถามอะไร แล้วก็วงคีย์เวิร์ดไว้ พอมึงอ่านเนื้อหาอะ มึงก็อ่านแบบรวบๆ เพื่อหาคำหรือประโยคที่มันตรงกับคำถาม บางทีมันไม่ตรงแต่ก็จะมีใจความใกล้เคียงกัน”

เด็กโทอังกฤษร่ายยาวถึงวิธีการอ่านบทความ พอเห็นเด็กน้อยยังหน้าเบลอๆ เลยต้องยกตัวอย่างประกอบให้ฟัง

“อะ อย่างคำถามนี้ มึงก็ไปหาว่าส่วนไหนของเนื้อเรื่องพูดถึงตอนแพนด้าตาย...” ภูมิเลื่อนชีทบนโต๊ะไปให้ใกล้คนเรียน ก่อนนิ้วเรียวจะช่วยไล่บรรทัดในบทความพร้อมสอนไปด้วย “นี่ไง …the end of her life ขึ้นมางี้คือจะเล่าถึงตอนตายแล้วถูกปะ อะมึงก็วงไว้”

ปลายปากกาวงลงบนคำที่เพื่อนบอก ก่อนใบหน้าคมจะเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์จำเป็น หากเป็นจังหวะเดียวกับที่ภาคภูมิก้มหน้าลงไปพอดี

“โทษ...โทษที” ปรนัยละล่ำละลัก เมื่อปลายจมูกของตนเองเฉียดผ่านแก้มขาวๆ นั่นอย่างไม่ตั้งใจ

“อือ....เออ ที ทีนี้มึงก็ไป...ไปดูคำถามอีกรอบ” ไม่ใช่เพียงความขัดเขินจากเจ้าของจมูกโด่ง แต่คนที่ถูกสัมผัสผ่านๆ นั้นก็มีอาการไม่ต่างกัน “มัน...มันถะ...ถามว่า ว่า...”

“มึง!” คนกำลังอธิบายสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆ คนข้างๆ ก็เรียกตนเองเสียงดัง

“ฮะ?”

มือหนาเอื้อมมาวางบนไหล่ทั้งสองข้างของคนฝั่งตรงข้าม ก่อนดวงตาคมจะสะกดตรึงให้ดวงตาใสต้องประสานสายตาอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

“เมื่อกี๊...กูขอโทษ มันแค่เฉียดๆ ไม่ได้โดนนะเว้ย” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยความหนักแน่น ปอคิดว่าถ้าไม่พูดให้ชัดเจน เขาสองคนคงมีอะไรตะขิดตะขวงใจกันอีกนาน

“เออ...กูรู้ๆ” คนเกือบเสียบริสุทธิ์ทางแก้มตอบรับให้อีกฝ่ายสบายใจ

“ขนลุกฉิบหาย อี๋ๆๆๆ” แล้วไอ้คนที่จริงจังเมื่อครู่ก็กลายร่างเป็นลิงหลอกเจ้า ทำท่าขนลุกขนพองจนน่าถีบ

ภาคภูมิสะบัดตัวออกจากมือที่กุมไหล่ตัวเองอยู่ทันควัน “เอ๊อ...กูมันไม่ใช่สาวๆ ของมึงนี่”

“หือออ มีที่ไหน ไหน...ไหน อยู่ใต้โต๊ะปะเนี่ย ยู้ฮู้ สาวๆ จ๋า มาหาพี่ปอหน่อยเร้ว” ว่าแล้วก็มุดโต๊ะเปิดตู้หาสาวประกอบคำพูดไปด้วย “ไม่มี้ เห็นมะ”

“อย่าให้กูรู้ว่ามีก็แล้วกัน!” เสียงคาดโทษนั้นทำให้ปรนัยยกมือไหว้ปลกๆ แบบยอมแพ้

“กลัวแล้วจ้าพ่อ...กลัวแล้ววว มาสอนการบ้านกูต่อดีกว่า เนอะๆ”

ติวเตอร์จำเป็นเขยิบตัวมาเปิดชีทต่อ “ถึงไหนแล้ว อ่อ...ก็มาดูคำถามใช่มะ นี่ไง เค้าถามว่า ก่อนตายแพนด้ากินน้อยลงเท่าไร แบบนี้แสดงว่ามึงต้องหาตัวเลขในเนื้อหาหลังจากคำที่วงไว้”

นิ้วเรียวขยับเลื่อนไปยังคำที่ว่า และให้เจ้าของชีทลองหาคำตอบเอง ปรนัยพยักหน้ารับก่อนจะลองไล่สายตาอ่านตามที่เพื่อนสอน สุดท้ายก็เจอคำที่น่าจะเป็นคำตอบ

“ตรงนี้ปะ มันบอกว่า...”

“ฮัลโหลน้องๆ มากันเร็วจัง”

เสียงใสๆ ที่ร้องทักทำให้ทุกคนหันไปสนใจรุ่นพี่ที่มาใหม่ นำทีมโดยประธานเอกซึ่งจะเป็นผู้นำประชุมในวันนี้ พี่ปีสี่แยกย้ายกันหาที่นั่ง ทำให้ปอกับภูมิต้องเก็บของเพื่อจะลุกไปนั่งที่เสื่อเพื่อเสียสละให้พี่ผู้หญิงนั่งแทน

“ไม่เป็นไรๆ นั่งเถอะ” พี่จ๋าเป็นคนเอ่ยห้ามรุ่นน้อง “นี่ทำไรกันอยู่”

“ทำอิ๊งอะพี่” เป็นปรนัยที่ตอบ คนมาใหม่ชะโงกตัวเข้ามาดูการบ้านที่ว่า ก่อนจะทำตาโต

“โห อีเรื่องแพนด้านี่ยังใช้อีกเหรอ ตั้งแต่พี่เรียนอะ”

“หืมมมม ห้าสิบปีแล้วเหรอเนี่ย...” คนทำการบ้านงึมงำ ซึ่งคนโดนล้อว่าแก่ก็ตอบโต้ไปชุดใหญ่

“ห้าสิบปีบ้านแกสิ เห็นฉันถือไม้เท้าหรือไง”

“อ้าว ที่วางแอบไว้หน้าภาคฯ นั่นของพี่เองเหรอ ไอ้เราก็นึกว่าของใคร...” สุดท้ายทั้งพี่จ๋าและไอ้ปอก็เถียงกันไปเถียงกันมาเป็นเด็กๆ

ครืด...

ภาคภูมิเลื่อนเก้าอี้ออกก่อนจะลุกขึ้น “พี่จ๋านั่งเถอะครับ”

“อ้าว ไม่เป็นไรๆ พี่จะไปห้องอาจารย์แล้ว”

“นั่งเถอะครับ” เจ้าของที่นั่งยังคงยืนยัน “น่าจะคุยกันอีกนาน”

พูดเพียงเท่านั้นภาคภูมิก็ผละออกมาจากห้องทันที โดยไม่ได้สนใจว่าคนด้านในจะว่ายังไงบ้าง ภาคภูมิไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แต่ว่าหงุดหงิดและรำคาญความพ่อแง่แม่งอนของสองคนนั้นจนทนไม่ไหว ถ้าเขาต้องนั่งต่อไปอีกสักนาที คำพูดร้ายๆ ที่วิ่งวนอยู่ในหัวคงถูกพ่นออกมาจนหมด


----------------


   ภาคภูมิกลับมาถึงห้องกลางของภาคฯ ตอนที่การประชุมจะเริ่มพอดี ห้องพักเล็กๆ ตอนนี้เต็มไปด้วยนักศึกษาเอกปรัชญาทุกชั้นปี และเนื่องจากสาขานี้เปิดให้สอบโควตาเข้าเอก ต่างจากบางสาขาที่ให้เลือกเอกตอนปี 2 จึงมีน้องๆ ปี 1 มาด้วยอีกจำนวนหนึ่ง

   ระหว่างกำลังหยิบกระเป๋าของตัวเองจากบนโต๊ะกลางห้อง ใครคนหนึ่งก็มาสะกิดไหล่ให้หันไปมอง ภูมิจึงจะเห็นว่าสิปป์ศิลป์กำลังกวักมือเรียก ร่างโปร่งขยับไปยืนกับเพื่อนร่วมหอ ในขณะที่สายตาก็อดจะมองหาเพื่อนสนิทไม่ได้ แต่น่าแปลกที่ไม่เห็นปออยู่ในห้องนี้

   “ไอ้ปอไปไหนอะ” สิปป์ศิลป์ เพื่อนที่อยู่หอเดียวกันที่เอ่ยถาม

   ภาคภูมิส่ายหน้าด้วยไม่รู้คำตอบ ทำเอาคนถามเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “ทุกทีเห็นแทบจะสิงร่างเดียวกัน”

   คนโดนกล่าวหาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเห็นว่ายังมีเพื่อนอีกคนยืนอยู่ด้วย “อ้าว เมต”

   “หวัดดี” ผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่มีหนวดเครารกครึ้มยิ้มทัก

   “เอกไทยมึงว่างกันเหรอ ย้ายมานี่กันครบองค์ประชุมเลย”

   “กูเบื่อเอกกู คนเยอะเกิ๊น มาอยู่ปรัชญาดีกว่า” เพื่อนร่วมหอตอบอย่างไม่ยี่หระ

   เด็กเอกปรัชญาทำเสียงอือออเป็นเชิงว่าเข้าใจ หากแล้วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นอีกรอบ เพราะนึกได้ว่า ยังไงไอ้สิปป์ก็เป็นเด็กโท แต่ไอ้เมตนี่มาไงวะ “แล้วไอ้เมตอะ”

   สิปป์ศิลป์ถอนหายใจเสียงดังแบบหน่ายๆ “แม่งร้องตามกู...โอ๊ย!”

   ภาคภูมิเห็นนิ้วของคนที่ถูกกล่าวหาว่าร้องตาม ดีดลงบนหน้าผากของเพื่อนเขาแบบไม่เบานักก็ต้องหัวเราะออกมา

   “ว่าแต่กู พวกมึงนี่สิงร่างเดียวกันยิ่งกว่าอีก”

   เสียงไมโครโฟนดังขึ้นเมื่อพี่ไนท์ประธานเอกเอ่ยทักทายทุกคน ในตอนนั้นเองที่ภาคภูมิรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นที่พาดมาโอบไหล่ตัวเองไว้ ก่อนหัวใจของเขาจะเต้นระรัวอย่างไม่อาจควบคุม

   “ไปไหนมา”

   “ไปไหนมา”

   คำถามเดียวกันจากคนสองคนทำให้อีกฝ่ายต้องแปลกใจ ก่อนจะเป็นร่างสูงที่เอ่ยซ้ำอีกครั้ง “มึงไปไหนมา กูไปหาที่โรงอาหารแล้วไม่เจอ”

   ไปหาทำไม ไปหาเขาทำไม... หลายครั้งที่ภาคภูมิมีคำถามกับการกระทำของเพื่อนสนิท...

   “เห็นลุกไปสีหน้าไม่ค่อยดี ...กูเป็นห่วง”

ไอ้แบบที่ทำเสียงเป็นกังวล ที่ทำเหมือนเป็นคนพิเศษ ไอ้การที่ทำเหมือนจะเปิดทางให้เดินไปเจอความหวัง แต่ทุกครั้งก็มีแต่ทางตัน ไอ้การกระทำทั้งหมดน่ะ ...ทำไปเพื่ออะไร

แรงบีบเบาๆ ที่ไหล่ด้านซ้ายทำให้ภาคภูมิต้องกลืนความเจ็บปวดในหัวใจลงไป ก่อนเรียวปากบางจะคลี่ยิ้มให้ร่างสูงที่ยืนมองอยู่ข้างๆ

“ไม่มีไร กูหิวน้ำเฉยๆ”

คนได้ฟังยิ้มสดใสก่อนจะเอ่ยต่อ “กูก็บอกแล้วว่ามึงไม่เป็นไรๆ พี่จ๋าก็ยังให้ไปตามมึง ...เห็นมะๆ”

คำสุดท้ายร่างสูงหันไปทำปากพะงาบๆ พร้อมชี้ไม้ชี้มือคุยกับสาวผมยาวที่ยืนอยู่หลังประธานเอก พี่จ๋าเบะปากก่อนจะขำแบบไม่มีเสียง ซึ่งทำให้ปอหัวเราะไปด้วย

ภาคภูมิก้มหน้าลงมองพื้น รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังเต้นช้าลงๆ กับเส้นทางอีกเส้นที่แสนว่างเปล่า วูบโหวงและปราศจากความหมาย ซึ่งคงไม่ต่างอะไรกับหัวใจของคนข้างๆ...


TBC.

สวัสดีค่ะ

พาตอนใหม่มาเสิร์ฟรับวันศุกร์แล้ว เย้ๆๆ

ชอบไม่ชอบยังไงคอมเมนต์บอกกันได้เลยนะคะ

แล้วเจอกันตอนต่อไปค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2017 16:11:51 โดย lykar »

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #03 (Update! 13/01/17)
«ตอบ #25 เมื่อ13-01-2017 19:05:25 »

สงสารรน้องพีพี
ปอมันก็ซื้อบื้อน้อออ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #03 (Update! 13/01/17)
«ตอบ #26 เมื่อ13-01-2017 20:11:20 »

มีหึงโดยไม่รู้ตัวนะ พีพี

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #03 (Update! 13/01/17)
«ตอบ #27 เมื่อ13-01-2017 23:43:42 »

ยังคงสเตตัสปวดใจไปกับภูมิ ก็อย่างนี้ละนะ แอบรักเพื่อนลำบากใจกว่าหลายเท่า

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #03 (Update! 13/01/17)
«ตอบ #28 เมื่อ14-01-2017 02:28:18 »

แหมมมมมมนังปอทำซึน เดี๋ยวรู้เลย เดี๋๋ยวรู้เลย ยุน้องภูมิชอบคนอื่นเลยแง่มมมมม นี่แอบจี๊ดตอนยัยพี่จ๋าออกมาทุกที หมั่นไส้ อินนนนนนนนนน  :katai1:

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
Re: Sweet Dilemma - รักวิบัติ #03 (Update! 13/01/17)
«ตอบ #29 เมื่อ14-01-2017 10:52:26 »

สั้น! 5555 บ่นทุกตอน
อยากอ่านยาวๆ งี๊ดๆ

ว่าจะถามตั้งแต่ตอนที่แล้ว
เมตนี่เรียนเอกไร โทไรอ่ะค่ะ
สงสัยตั้งแต่ Gayscale แล้ว
ถ้าไม่ได้เรียนเอกเดียวกับสิปป์ ทำไมถึงมาสนิทกันได้
คนนึงเอกไทย โทปรัชญา อีคนนึงเป็นตากล้อง ดูไม่มีส่วนเชื่อมโยง
ให้สนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนเลย บอกทีๆ งี้ดๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด