01 พี่ชาย หรือซานต้าผมชื่อปอปรเมศวร์ เลิศพิพัฒน์ เป็นนักศึกษาสัตวแพทย์ชั้นปีที่ 2
เปล่า ผมไม่ได้รักสัตว์ ที่บ้านไม่ได้เลี้ยงแม้แต่ปลาทองสักตัวในโหลเปล่า ๆ ของแม่ จบจากโรงเรียนเอกชนชายล้วนมีชื่อในกรุงเทพ ครอบครัวค่อนข้างมีฐานะ พ่อกับแม่ทำธุรกิจส่วนตัวที่ไม่ได้กะเกณฑ์ให้ผมสืบสานกิจการต่อเท่าไร
ผมเป็นลูกชายคนกลางของบ้าน มีพี่สาวหนึ่งคน น้องชายอีกหนึ่งคนอายุทิ้งช่วงกันทุก 3 ปี ตอนนี้พี่ป่านเรียนโทบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยเอกชนเพราะอยากทำธุรกิจเหมือนพ่อแม่ตั้งแต่แรก ส่วนผมเลือกเรียนคณะนี้ไม่ใช่เพราะมีใครเป็นต้นแบบ ส่วนในเรื่องของแรงบันดาลใจที่จริงแล้ว.....ก็พอจะมีอยู่
“โฮ่ง โฮ่งโฮ่ง...”เสียงเห่าของฝูงหมาข้างบ้านข่มกันขรม ล็อตไวเลอร์ตัวใหญ่ ชิห์สุขนยุ่ง บีเกิ้ลบ้าพลัง ฮัสกี้จอมอเลิร์ต รวมไปถึงคอร์กี้ขาสั้นแข่งกันกระดิกหางสลับกับวิ่งวนชนกันวุ่นเมื่อเห็นออดี้สีเหลืองแล่นปราดมาจอดหน้าบ้าน ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่วัยสามสิบกลางเดินลงมาจากรถ ใบหน้ายิ้มแย้มแม้เจ้าฝูงสัตว์จะแข่งกันตะโกนเสียงลั่นจนดังไปแปดบ้าน
พี่ธันส่งเสียงจุ๊ ๆ ก่อนเข็นรั้วบ้านเปิดด้วยตัวเองเพื่อเอารถเข้ามาจอดในบ้านเดี่ยวหลังติดกับผม พวกหมาแสนรู้ก็ไม่เกเรออกไปนอกอาณาเขตที่ควรอยู่อาจเป็นเพราะแค่บริเวณบ้านของพี่ธันก็กว้างมากแล้ว อีกส่วนคงเพราะคิดถึงเจ้าของที่หายหน้าไปเกือบสัปดาห์ช่วงก่อนปีใหม่
ครอบครัวพี่ธันอยู่สวิซเซอร์แลนด์ มีร้านอาหารไทยที่นั่น พี่ธันเป็นลูกชายคนเล็กของบ้านที่ชอบประเทศไทยเป็นพิเศษ ตอนเด็ก ๆ ครอบครัวพี่ธันจะกลับมาเยี่ยมอาม่าที่บ้านหลังนี้ปีละหน ผมจำได้ว่าทุกครั้งที่ได้เจอกัน พี่ธันจะมาพร้อมของเล่นทันสมัยกับขนมห่อใหญ่ เขาเป็นเหมือนซานตาคลอสตัวจริงเพราะจะมาช่วงวันหยุดของต่างประเทศซึ่งตรงกับวันคริสมาสต์พอดี
ถ้าจะนับว่ารู้จักกันมานานแค่ไหนแล้วก็คงเท่าอายุผม เพียงแต่เราเริ่มสนิทกันเป็นพิเศษหลังจากแม่พี่ธันบินมาไทยเพื่อฝากฝังพี่ธันไว้กับพ่อแม่ผม และเริ่มเลี้ยงหมาฝูงใหญ่โดยใช้ผมไปจับตอนฉีดวัคซีนให้ทุกครั้ง
“พี่ธันชอบหมามากเลยเหรอครับ”
“ไม่อะ อยู่คนเดียวแล้วเหงาเลยซื้อมาเลี้ยง”
“มันเกินคำว่าเหงาแล้วนะครับพี่ เลี้ยงเป็นฝูงขนาดนี้ ที่จริงถ้าชอบหมาพี่ธันน่าจะเรียนอะไรที่เกี่ยวกับหมานะครับ”
พี่ธันยิ้มให้ผม เขาทำงานฟรีแลนซ์เกี่ยวกับวาดแบบส่งบริษัทก่อสร้างเป็นค่าอาหารหมา ส่วนรายได้หลักส่วนใหญ่อยู่ที่การเล่นหุ้น “พี่ทำใจผ่าท้องมันไม่ได้ว่ะ กลัวเลือดหมา” นั่นเป็นสาเหตุที่ผมเลือกเรียนสัตวแพทย์ ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้บอกใครหรอก ปรึกษาอินทรีย์ไว้เหมือนกันแต่ไม่จริงจังมาก พอติดโควตาค่อยรายงานผลให้ที่บ้านฟัง พ่อแม่ไม่ว่าอะไร ออกจะดีใจด้วยซ้ำจากนั้นก็เรียกผมหมอปอกันใหญ่ คนนำเทรนด์ไม่ใช่ใคร ก็ไอ้พี่ธันนี่แหละครับ ผมตั้งใจเลยว่าทันทีที่ได้ใบประกอบวิชาชีพมาแล้วงานแรกที่ทำเลยคือผ่าหมาออกจากปากมัน คนอะไร กวนตีนได้ตลอดเวลา
เขาไม่พูด แต่ผมคิดว่าพี่ธันรู้ดีว่าผมเลือกเรียนคณะนี้เพราะอะไร พี่ธันเป็นคนฉลาด ไม่รู้ว่าฉลาดเพราะไอคิวหรือฉลาดเพราะอายุที่มากกว่าผมรอบกว่ากันแน่ ที่แน่ ๆ คือเป็นคนเจ้าเล่ห์พอตัว เป็นผู้ชายลูกเล่นแพรวพราวแบบหาตัวจับยากคนหนึ่งเลยทีเดียว
“อ้าว หมอ ไม่ไปเคาท์ดาวน์กับเพื่อนเหรอวะ?”
“ไม่ครับ วันนี้พี่ป่านทำกับข้าวกินเลยบังคับทุกคนอยู่บ้าน พี่ธันมาทานด้วยกันสิครับ คุณพ่อจะเปิดไวน์ด้วย ได้มาจากที่ทำงาน”
“อ่อ เออ เดี๋ยวไป นี่ทำอะไรอยู่ปะ?” พี่ธันตะโกนถามจากอีกฝั่งรั้วบ้าน ผมส่ายหน้า ไม่ได้ทำอะไรจริงๆ อ่านหนังสือรอดูว่าพี่ธันกลับวันนี้ตามที่บอกไว้หรือเปล่า ถ้าหกโมงแล้วยังไม่มาตั้งใจว่าจะได้เอาข้าวไปให้ลูก ๆ พี่แกก่อน แต่มาก็ดีแล้ว ผมเองก็ไม่อยากไปให้ไอ้ลูกชายทั้ง 5 ของพี่ธันฟัดเท่าไรหรอก ยิ่งไอ้ล็อตไวเลอร์สองขวบนั่นตัวดี กระโดดใส่ทีผมหงายท้องเก๋งทุกรอบ
“หมาเหม็นว่ะ มาช่วยจับอาบน้ำหน่อย”
“พี่ธัน อากาศมันเย็นแล้วนะครับ”
ไม่ได้กลัวหมาหนาว ผมนี่แหละจะแข็งตายเอา บ้าเหรอ ชวนอาบน้ำหมาตอนห้าโมงเย็น
“เดี๋ยวให้อาบน้ำอุ่นในจากุซซี่ ไม่หนาวหรอก มาเหอะ”
นั่นล่ะครับ พี่ธันเขาเลย
สุดท้ายผมก็ปฏิเสธไม่ได้ ช่วยพี่ธันจับล็อตไวเลอร์อาบก่อนตัวแรกตามด้วยคอร์กี้ พี่ธันไม่ตั้งชื่อให้ลูก ๆ ครับ เรียกแต่หมา หมา โกรธก็ด่ามันไอ้หน้าหมา ตลกดี แต่หมาทุกตัวก็คุยกับเจ้านายมันรู้เรื่องนะ อีกสามตัวที่เหลือพี่ธันไม่ได้จับอาบโดยเฉพาะชิสุห์เพราะต้องเสียเวลาแปรงขนมันนานกว่าตัวอื่นเลยยกยอดเป็นพรุ่งนี้ ส่วนผมแค่ปล้ำกับล็อตไวเลอร์ยักษ์ตัวเดียวก็เยินเกินทนแล้วครับ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น หลังจากเช็ดขนให้เสร็จคนก็อาบน้ำตามหมา ผมใส่เสื้อผ้าพี่ธันทิ้งของตัวเองให้เขาซักค่อยเอามาแลกกันวันหลัง ล้มตัวลงบนโซฟาหน้าทีวีได้ก็ปรือตาปรอยใกล้หลับเต็มแก่ กระทั่งพี่ป่านโทรเรียกไปกินข้าวถึงได้ขยับตัวลุกไปตามพี่ธันที่ยังแต่งตัวอยู่
พี่ธันไม่ชอบล็อกประตูห้องพอๆกับไม่ชอบใส่เสื้อผ้าตอนอยู่บ้าน ผมเห็นของเขาจนชินชาไปแล้วแหละ พอเปิดประตูเจอชีเปลือยหน้าตาดีเลยไม่ตื่นเต้นอะไร
"พี่ป่านตามกินข้าวแล้วครับ"
พี่ธันพยักหน้ารับรู้แต่ใช้ผมไปหากางเกงในให้ ชั้นในของพี่ธันอยู่ในลิ้นชักบน พับเป็นระเบียบเรียบร้อยตามประสาคนว่างจัด ผมเดินหยิบชั้นในมาให้ชายหนุ่มที่รูปร่างกำยำไปทุกสัดส่วนแล้วเผลอกวาดตามอง บ่อยครั้งที่ผมมักจ้องกล้ามเนื้อบนร่างกายอีกฝ่ายแบบไม่ได้ตั้งใจ พี่ธันเป็นคนชอบออกกำลังกาย เช้า ๆ จะพาหมาทั้ง 5 ออกไปวิ่งรอบหมู่บ้าน ซื้อโจ๊กมาฝากผมด้วยบางที กล้ามเนื้อถึงได้เรียงหลั่นกันได้รูปสวยขนาดนี้
"วันหลังไปวิ่งด้วยกันดิ"
เขารู้ว่าผมชอบมอง พี่ธันเลยชอบชวนออกไปวิ่งบ่อย ๆ แต่ขี้เกียจครับ ใครจะตื่น ไม่ใช่ผมคนนึงล่ะ
"ไม่ล่ะครับ เชิญพี่ธันเถอะ"
เจ้าของบ้านหัวเราะร่วน หยิบชั้นในจากมือผมไปสวมก่อนแล้วขยับเดินมาชิด จับชายเสื้อตัวโคร่งใหญ่ที่ผมสวมถลกขึ้น "เฮ้ย พี่ธัน! เล่นบ้าอะไรเนี่ย"
"ขี้เกียจแบบนี้ไงมันถึงได้ผอมกะหร่อง ดูซิ แห้งยังกับพวกขี้โรค"
ผมดิ้นสะบัดอยู่ในอ้อมแขน พี่ธันสำหรับผมเป็นคนตัวใหญ่มากครับ แขนข้างเดียวก็ล็อคเอวผมไว้อยู่ จับผมพลิกตัวเข้าหากระจกโดยที่ตัวเองยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ผมตัวสูงเท่าบ่าพี่ธันได้ สวมแว่นหนาเตอะกรอบสีดำเหมือนปกติเวลาที่อยู่บ้าน ผมเส้นเล็กถูกดันขึ้นโดยที่คาดผมสีชมพูของพี่ป่านโชว์หัวเหม่งที่มีสิวผดขึ้นประปราย ส่วนชีเปลือยด้านหลังมีโครงร่างของคนยุโรปปนอยู่ในสายเลือด ดวงตาสีอมเทาแต่ผมย้อมดำสนิทจับจ้องผ่านกระจก ใช้นิ้วหัวแม่มือหยาบลูบผิวเหนือสะดือผมไปมา
"เมื่อไรจะโตนะเรา"
"มีแค่พี่ธันนั่นแหละที่คิดว่าผมยังเด็ก"
"ก็ตัวแค่นี้" พูดพลางเอาคางมาวางบนหัวผมย้ำให้เห็นความสูงที่แตกต่างกันชัดเจน "ตัวแค่นี้ก็มีแฟนแล้วกัน ไม่เหมือนตาแก่บางคน หน้าตาดี โปรไฟล์เป๊ะเสียเปล่า หาคนมาอยู่ด้วยไม่ได้ต้องเลี้ยงหมาเป็นเพื่อน"
เรื่องส่วนสูงสำหรับผมแล้วแตะไม่ได้ครับ ต้องห้าม พ่อ แม่ ตัวเท่านี้เหมือนกันจะให้ผมสูงจากไหนล่ะวะ ไอ้พี่ธันก็แซวเหลือเกิน บอกตั้งหลายรอบแล้วว่าไม่ชอบ
"ใครบอกหาไม่ได้ ไม่เอาต่างหาก แล้วเราน่ะเป็นเด็กเป็นเล็ก รีบมีแฟนไปไหน เลิกไปเลยนะ ไว้เรียนจบค่อยหา"
ผมสะบัดตัวหลุดจากการเกาะกุม ไอ้พี่ธันชอบเล่นแบบนี้ คิดว่าผมเป็นเด็กชายปรเมศวร์อยู่เรื่อย นายแล้วครับ นายมาหลายปีแล้วด้วย ขืนไอ้อินเห็นมันต้องหาว่าผมเป็นเกย์แน่ ๆ มีที่ไหนให้ผู้ชายกอดแนบเนื้อขนาดนั้น กับคนอื่นน่ะไม่ได้นะ ต่อให้เป็นเพื่อนสนิทผมก็ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้แบบนี้หรอก เว้นไว้ให้พี่ธันคนนึงแล้วกัน ในฐานะพี่ชายคนสนิทต่างสายเลือด
"ปัญญาอ่อนครับพี่ธัน อายุเท่าผมน่ะเป็นพ่อคนกันไปหลายคนแล้วนะ”
“ก็ปล่อยเขามีไปสิ เราน่ะจะรีบไปไหน ป่านยังไม่รีบ”
“มันคนละคนกันนี่ครับ”
พี่ธันไม่ฟัง มองหน้าผมแล้วถอนหายใจหน่ายหยิบเสื้อกับกางเกงมาสวม “ไม่รู้ล่ะ คบกันเป็นเพื่อนไปก่อน อย่าดื้อ เข้าใจที่พูดไหม”
ผมเบะปากใส่ เชื่อพี่ธันก็แย่สิครับ ใครจะโสดเป็นตาแก่เลี้ยงหมาแบบเขากัน ผมกับเฟิร์นคบกันมาตั้งแต่ ม.6 แล้ว แค่ไม่ได้เล่าให้ใครฟังเท่านั้น ผมไม่ใช่พวกชอบอวดแฟน ปล่อยให้ใคร ๆ เข้าใจผิดว่ายังโสดก็ดี ขี้เกียจมาตอบคำถามคนที่บ้านกันมากมาย
“ไปกินข้าวเถอะครับ พี่ป่านรอแย่แล้ว” รีบตัดบทก่อนโดนซักก็ดี พี่ธันนี่ตัวแสบเลย ขี้สงสัยอะไรนักหนาก็ไม่รู้ ขืนยังทู่ซี้พูดเรื่องนี้ต่อได้ซักกันยาว ทำหน้าแบบนั้นแสดงว่าไม่เชื่อที่ผมคบสาว ไม่เชื่อก็ตามใจ๊ รอวันได้การ์ดงานแต่งผมค่อยเชื่อก็ไม่ว่ากัน
ที่บ้านผมไม่ค่อยจัดปาร์ตี้กันบ่อยนัก นึกครึ้มพี่ป่านอยากทำอาหารทีก็จัดที ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นปีใหม่ กับวันเกิดพ่อ แม่ พี่ป่านไม่ใช่คนชอบทำอาหารครับ แต่เป็นพวกขี้เห่อ นี่เพิ่งได้เตาอบขนมเค้กมาใหม่เลยตั้งใจจะทำฉลองกันที่บ้าน อาหารอื่นๆเป็นของที่แม่ทำกับป้าเล็ก พี่เลี้ยงของผม ส่วนพ่อไม่ค่อยยุ่งในครัวอยู่แล้ว ดวลเกมส์กันกับเจ้าป้อนน้องชายคนเล็กของบ้านในห้องโถงกลงจนถึงเวลาถึงค่อยลุกพากันมาที่ครัว ผมกับพี่ธันเป็นคู่สุดท้ายที่เดินมานั่งที่โต๊ะ ส่วนใหญ่ของโปรดเจ้าป้อนมัน แม่คงเอาใจเต็มที่แลกกับที่ไม่ต้องออกไปเคาท์ดาวน์กับเพื่อน ม. 6 ของมันวันนี้
“อ้าว ธัน กลับมาแล้วเหรอลูก พ่อแม่เป็นยังไงบ้างล่ะ”
แม่ผมหันมาทักผู้ชายตัวใหญ่ก่อนเป็นคนแรก พี่ธันเพิ่งกลับมาจากเยี่ยมครอบครัวที่สวิตซ์ครับ ตั้งแต่อาม่าพี่ธันเสียทางโน้นก็ไม่ค่อยกลับไทย สั่งให้ลูกชายคนเล็กของบ้านไปหาที่ต่างประเทศแทน ญาติของพี่ธันเป็นคนสวิตซ์ แต่แม่เป็นไทยปนจีน หน้าตามันเลยออกมาเป็นของดีพิมพ์นิยม ใครเห็นก็อยากได้กันหมด พี่ป่านเองก็เถอะ เมื่อก่อนเฝ้าพี่ธันเช้าเย็นแต่ไปคุยกันอีท่าไหนไม่รู้จู่ๆก็เลิกสนใจไปเฉย ๆ กลายเป็นผมที่ถูกสั่งไปเฝ้าหมาให้บ้าง ยกกับข้าวไปแบ่งบ้างแทน
พอพี่ธันมาบ้านก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยไม่หยุด ส่วนลูกทั้งสามคนกลายเป็นใบ้โดยบริบูรณ์ พี่ธันเป็นคนคุยสนุก พ่อแม่ผมเอ็นดูยิ่งกว่าลูกคนไหน ๆ กว่ากับข้าวจะหมดทั้งพี่ธันก็เล่าเรื่องที่ไปสวิตซ์สัปดาห์ที่ผ่านมาจบพอดีก่อนหันมาชวนผมไปเคาท์ดาวน์ที่บ้าน
ผมเองก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว วันนี้เฟิร์นออกต่างจังหวัดกับที่บ้านคงไม่ได้โทรมาเลยตัดสินใจไปตามคำเชิญ ผมมานอนบ้านพี่ธันไม่บ่อย ที่นอนไม่ค่อยสบายเท่าไร เตียงขนาดคิงไซส์ก็จริงแต่ไอ้หมา ๆ ของพี่แกนี่เข้ายึดเต็มพื้นที่ ตอนหัวค่ำก็นอนบนเบาะของมันดี ๆ แหละครับ เช้าขึ้นมาเอาคางเกยพุงผมบ้าง หันตูดให้ดมบ้างกันตลอด เหม็นน้ำลายหมากันทั้งตัว
“เอามันออกไปนอนข้างนอกได้ไหมพี่ธัน”
ผมถามคนที่กำลังแกะของฝากที่เพิ่งยกลงจากท้ายรถ แบ่งเป็นถุงหลาย ๆ ใบเพราะซื้อมาฝากหลายคน พี่ธันเหลือบตาขึ้นมองผมแล้วหันมองหมาทั้ง 5 ที่นอนแทะอาหารแท่งกันระเกะระกะ
“หมอไม่สงสารมันเหรอ มันเหงานะ”
“ผมไม่ชอบนอนกับหมา”
“เป็นหมอหมาเสียเปล่า”
ผมถอนหายใจระอา ถ้าไม่ได้ก็บอกว่าไม่ได้สิครับ จะมาประชดประชันกันทำไมเนี่ย “งั้นก็นอนด้วยกันนี่แหละครับ”
“ต้องใจดีแบบนี้สิ อะ นี่ ลองกินดู อร่อยมั้ย”
พี่ธันยื่นกล่องขนมมาให้ ผมแกะเลย ขนมอะไรไม่รู้หน้าตาเหมือนอาหารแท่งของหมา ดม ๆ ดูแล้วกัดแม่มเหนียวโคตร แต่เค็ม ๆ ดีเหมือนกัน
“อร่อยมั้ย?”
“ก็ดีครับ”
เคี้ยวไปตอบไป พลิกข้างกล่องมาอ่านดูชัดเลย “ของหมานี่”
“อื้อ ซื้อมาฝากหลายรสเลย ลองรสตับไหม? เดี๋ยวพี่แกะให้”
ไอ้พี่บ้า รักหมาจนประสาท ผมวางกล่องลงไม่สบอารมณ์เท่าไหร่แต่ชิ้นที่กัดแล้วก็ยังกินต่อ สักพักก็ได้ของฝากกล่องเบอเริ่ม เป็นคุ้กกี้กับช็อคโกแลตนอกที่พี่ธันตั้งใจซื้อมาฝากผมจริงๆ “อันนี้ของคน”
“กว่าจะให้ ผมทานอาหารหมาจนอิ่มแล้วครับ”
“อ้าว ไม่เอาเหรอ”
“เอาสิครับ!” พี่ธันหัวเราะร่วน ผมแทบกระโดดไปตะครุบก่อนมันเปลี่ยนใจ แต่มือใหญ่กลับยื้อของหลบไปอีกข้างให้ผมวืด ล้มตัวลงไปนอนคว่ำหน้าบนตักมันซะงั้น
“จับกบเหรอ แถวนี้ไม่มีกบนะ มีแต่งู”
หน้าผมคะมำอยู่ที่เป้ามันครับ ทำเลดีเหลือเกิน ปกติก็ไม่เคยเก็บไอ้นั่นของพี่ธันมาฝังในหัวหรอกนะ แต่พอได้มีโอกาสชิดเชื้อโดยไม่ได้ตั้งใจแบบนี้ภาพของงูที่ถูกอ้างถึงก็แวบขึ้นมาให้ผมร้อนฉ่าไปทั่วหน้า พี่ธันพยุงผมลุกก่อนจะออกแรงดันให้ผมขึ้นมานั่งบนตักเหมือนเด็กเล็ก ๆ ดิ้นจะลงได้สักพักแต่แค่ถูกอีกฝ่ายใช้คางเกยบ่าผมก็นิ่งแล้ว มีคำถามในใจตลอดเวลาครับว่าระหว่างผมกับพี่ธัน ความสัมพันธ์กับสนิทสนมกันแบบนี้คือพี่น้องหรือมากกว่านั้น เด็ก ๆ ผมไม่คิดอะไรหรอกครับเวลาที่ถูกอีกฝ่ายกอดบ้างหอมบ้าง แต่นี่ผมโตแล้วนี่ครับ...
“พี่ธัน ผมว่าเลิกทำแบบนี้เถอะครับ”
“แบบไหน” ยังมีหน้ามาถาม
“ผมโตแล้วนะครับ เล่นแบบนี้มันแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ ขนาดกับป้อนยังไม่ทำแบบนี้กันเลย”
“ก็มันคนละคน” พี่ธันพูดเสียงนุ่ม ใช้จมูกซุกเข้ามาในเรือนผมแล้วจูบเบา ๆ ที่ต้นคอ ตั้งแต่จำความได้พี่ธันก็ทำแบบนี้กับผมแล้ว เด็ก ๆ มันไม่รู้สึกอะไรนอกจากจั๊กกะจี้หรอก แต่โตขึ้นแล้วมันก็เริ่มมีอะไรบางอย่างที่ค่อยๆเปลี่ยนไป
ผมรู้... ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น ผมมีอารมณ์ทุกทีที่ถูกพี่ธันจูบแบบนี้ ครั้งแรกที่รู้สึกตอนผมอยู่ ม.ต้น และนั่นเป็นครั้งเดียวที่มันแข็งขึ้นมาแล้วถูกพี่ธันช่วยด้วยมือ
“พี่ธัน... ผมไม่ได้อยากเสียมารยาทนะครับ แต่ว่า พี่ธัน...เป็นเกย์หรือเปล่าครับ”
เรื่องพี่ธัน อินทรีย์เพื่อนผู้ฝักใฝ่ในเพศเดียวกันของผมก็เคยเตือนมาเมื่อนานมาแล้ว มันบอกว่าพี่ธันชอบมองตาขวางเวลาที่มันมาบ้านผม ผมไม่คิดจะถาม ไม่ใช่เพราะเชื่อว่าพี่ธันชอบผู้หญิงแน่ ๆ แต่เพราะคำตอบมากกว่า
ไม่ใช่ไม่ชอบที่ถูกทำแบบนี้ รู้สึกดีมาก ๆ ต่างหาก
เพียงแต่ว่า... ผมเองก็กลัว
“จะรู้ไปทำไม ไม่อยากให้พี่กอดขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ”
“ถ้าพี่เป็นเกย์ หรือไม่เป็นเกย์ มันต่างกันยังไงเหรอปอ....”
ผมไม่รู้ว่ามันต่างกันยังไง คำตอบที่ผมได้จะเป็นแบบไหน แล้วผมอยากได้ยินอะไรกันแน่ พี่ธันไม่ตอบ ผมเองก็ไม่ซักต่อ เราอาศัยอยู่ในความเงียบ ให้เสียงตะกุยถุงพลาสติกจากบรรดาหมาๆส่งเสียงดังน่าหนวกหู แต่เสียงที่ดังกว่านั้นคือเสียงที่ตะโกนใส่กันด้วยความสับสนในใจ
ผมมีความสุข ที่พี่ธันอยู่ตรงนี้
มีความสุข ที่พี่ธันเป็นแบบนี้
“ปอแน่ใจจริงๆเหรอว่าอยากได้คำตอบจากพี่ ถ้าปอรู้ว่าพี่เป็นเกย์ หรือไม่เป็นเกย์... ปอจะสบายใจเหรอ หรือว่าปออึดอัดที่ระหว่างเราเป็นแบบนี้”
ผมส่ายหัวระวิง ไม่ได้อึดอัด เพียงแต่มัน... มันไม่เหมาะ
เพราะพี่ธัน...กำลังทำให้ผมไม่สงบขึ้นทุกที
“ก่อนปอจะถามพี่ ปอตอบคำถามตัวเองก่อนดีไหม?”
ผมเงยหน้าขึ้นมา เสียงปะทัดดังวุ่นเพราะถึงเวลาเที่ยงคืนของวันใหม่ หมาทั้ง 5 ตัววิ่งกันอุตลุตส่งเสียงหอนระงม ผมจ้องตาคนที่มองมาอยู่แล้ว ไม่ได้เคาท์ดาวน์อะไรแต่จำได้ว่าเวลานั้นแสงจกพลุที่สะท้อนในดวงตาสีอ่อนของพี่ธันสวยแค่ไหน พร้อมกันกับริมฝีปากหยุ่นทาบทับเหนือกลีบปากที่เผยอค้างของผมในวันที่ 1 มกราคม
พองโต...หัวใจมันกำลังเป็นแบบนั้น
ผมหลับตาลง ใช้สองมือเกาะบ่ากว้างเอาไว้แน่น ขยับริมฝีปากตามที่อีกฝ่ายชักนำ เรียวลิ้นอุ่นแทรกเข้ามาในช่องปาก ไล่เกลี่ยไปตามฟันเรียงก่อนดูดดึงปลายลิ้นผมออกไปหาอย่างเชื้อเชิญ
ผมห้ามตัวเองไม่อยู่
หยุดตัวเองไม่ได้ที่จะไม่จูบเขา
กระทั่งเสียงพลุหยุดดัง พี่ธันก็เป็นฝ่ายถอนจูบออกไป ผมมองตามริมฝีปากสีระเรื่อที่เคลือบด้วยหยาดน้ำอย่างเลื่อนลอย สีมันสดขึ้นส่วนหนึ่งสาเหตุนั่นมาจากผม
“....ปอรู้สึกยังไง”
ผมหลบสายตาคมที่จ้องมองมา แววตาเหมือนจะเว้าวอนอยู่ในทีกำลังทำให้ผมละลาย
มันเกิดขึ้นอีกแล้ว.. ความรู้สึกแบบนี้
ผมไม่ชอบเลย...
ใจ...
มันเต้นแรงจนแน่นหน้าอกไปหมด“พี่ให้เวลาหนึ่งปี... ปอค่อยมาตอบพี่ แล้ววันนั้นพี่จะบอกปอเหมือนกันทุกคำถามที่ปอคาใจ..”
“....ทุกๆคำถาม เป็นต้นว่า.. พี่รู้สึกกับปอยังไง”
"แต่รับปากกับพี่ก่อน ว่าปอจะตอบตัวเองให้ได้ว่าสิ่งที่อยู่ในใจปอมันคืออะไร"
ผมพยักหน้า ที่จริงผมรู้ แต่แกล้งไม่รู้ เรื่องที่คบผู้หญิงส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพี่ธันไม่ใช่ใครที่ไหนเลย
มากกว่าพี่ชาย...
และไม่ใช่ซานต้า"สุขสันต์วันปีใหม่นะครับ หมอปอของพี่"
ผมพยักหน้าอีกครั้ง ก้มหน้าแนบกับอกแกร่งของพี่ชายข้างบ้านคนสนิท
ไม่อยากจะยอมรับเลย.. แต่ว่าสิ่งที่ผมรู้สึกตอนนี้ มันเป็นเรื่องจริงที่ผมคงเลี่ยงไม่ได้
สุขสันต์วันปีใหม่เช่นกันครับ พี่ธันของปอประโยคนั้นผมพูดในใจ
HNY
ไม่ได้ขยันอะไรครับ เพียงแต่คิดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว (ผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดีมาก) ว่าอยากทำเป็นเรื่องสั้น จบเป็นตอนๆ ไปสักเรื่องสำหรับเทศกาลต่างๆโดยเฉพาะตลอดปีนี้ คือมันห้วนๆสักหน่อย อาจรู้สึกแบบ อะไรวะเนี่ย สาระอยู่ตรงไหน
บอกเลยว่าไม่มีครับ 5555 ตามอารมณ์ล้วนๆ
ยังไงฝากไว้อีกเรื่องนะครับ สวัสดีปีม้าอีกรอบ
ส่วนนี่ พี่ธันในอุดมคติ
![](http://xn--12c1b5bj3a3bbb3a9h.com/wp-content/uploads/2010/01/Daniel-Henney.jpg)
มีความสุขกันถ้วนหน้านะจ๊ะ
รักมก ![:mew1:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/mew1.gif)