ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
แห่งนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชมกรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 *********************************************
สวัสดีค่ะ วันนี้มีเรื่องของเพื่อนเก่าที่เพื่อนๆเคยรู้จักมาเล่าสู่กันฟัง
ให้คนที่คิดถึงพอหายคิดถึงกันบ้าง
นึกซะว่านานๆเจอกันทีก็มาคุยพอหอมปากหอมคอแล้วกันนะค่ะ
สำหรับคนที่ไม่รู้จักก็ไปที่นี่เลยค่ะ
♡ ตรวจสอบหัวใจ ♡อ่านภาคนี้แล้วไปอ่านต่อ
ไปเที่ยวเชียงใหม่กันที่นี่เลยค่ะ
#1มาอีกรอบ#2เพื่อนร่วมทาง#3ชมวัดร่องขุน#4ขึ้นภู..#5ขึ้นภูชี้ฟ้า#6บนภู#6บนภู(ต่อ)**********************************************
สายฝนที่พัดกระหน่ำอย่างแรงทั้งๆที่เป็นตอนบ่ายของเดือนมีนาคม ทำให้ผมต้องอดหันไปมองด้านนอกร้านไม่ได้ อากาศที่เคยร้อนจัดในเวลากลางวันตอนนี้คลายความร้อนลงไปได้มากเพราะความเย็นของฝน ลมพัดกระโชกแรงจนได้ยินเสียงของต้นไม้ที่สะบัดปลิวไปตามแรงลมดังหวือๆ ผมลุกขึ้นยืนเอามือเท้าสะเอวบิดตัวด้วยความเมื่อยล้า สะบัดหัวไปมาเพื่อคลายความมึนแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ผมได้แต่คิดในใจอากาศแบบนี้ทำไมมันน่านอนอย่างนี้นะ อากาศก็แสนจะเย็นสบาย แล้วทำไมตรูต้องมานั่งทำงานงกๆๆๆอยู่เนี่ย สายลมจากภายนอกพัดเข้ามาในร้านปนด้วยละอองฝนโปรยปราย แทนที่ผมจะกลัวเปียกกลับอยากจะออกไปยืนให้ละอองฝนสาดมาโดนตัว ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกแบบนี้มันอารมณ์ไหนกัน
ผมลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินออกไปหน้าร้าน ยืนกอดอกมองบรรยากาศฝนตกภายนอก ทำไมมันเหงาจัง......ผมยืนมองเหม่อออกไปแบบไร้จุดหมาย
ไม่สนใจละอองฝนที่โดนตัว ฝนตกแรงจนเหมือนม่านสีขาวที่พรางตาคนให้เห็นสรรพสิ่งต่างๆอย่างลางเลือน พวกพนักงานคงงงว่าผมเป็นอะไร ทำไมไปยืนนิ่งสงบทำราวกับไว้อาลัยให้กับใบไม้ที่ต้องจำใจปลิวหล่นเพราะแรงของลมฝน หรือเค้าจะคิดว่าผมกำลังเล่นMVเพลงคนอกหักอยู่ซะก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ
แต่ที่ผมต้องมายืนมองสายฝนเหมือนคนอกหักก็เพราะ......ผมไม่ได้เจอพี่ต่ายมาเดือนกว่าแล้ว นึกๆแล้วก็หงุดหงิดในหัวใจ :serius2:อยากจะตะโกนระบายความหงุดหงิดออกมาก็ไม่ได้เพราะคนอยู่กันเต็มร้าน
ช่วงนี้เป็นช่วงที่นักบัญชีส่วนใหญ่จะพอรู้กันว่าเป็นช่วงปิดบัญชี แต่ผมก็ไม่เข้าใจบริษัทใหญ่ๆขนาดที่ทำงานของพี่ต่าย ควรจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าร้านค้าเล็กๆอย่างของผมซิ แล้วทำไมป่านนี้พี่ต่ายยังคงเอาแต่ทำงานๆๆๆ ทำกันไม่เสร็จสักที ไม่มีเวลาให้กับผมบ้างเลย ไม่รู้บ้างหรือไงว่าผมคอยจนจะทนไม่ไหวแล้ววววว คิดถึงการคุยโทรศัพท์กันครั้งสุดท้ายแล้วก็อดเซ็งไม่ได้
“โอมก็ขึ้นมาหาพี่ซิครับ.....แต่พี่คงไปหาโอมตอนนี้ไม่ได้ ตอนนี้ที่บริษัททำงานกันทุกวันเลยไม่มีวันหยุด พี่รับผิดชอบหลายบริษัทจะทิ้งให้ลูกน้องทำกันเอง ก็ผิดวิสัยคนเป็นหัวหน้า”
พี่ต่ายพยายามอธิบายเหตุผลให้ผมฟัง ผมก็เข้าใจหมดทุกอย่าง ก็คนทำงานเหมือนกัน พูดนิดเดียวก็เข้าใจแล้ว ไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาวหรอก
“ผมเข้าใจ.....แต่ผมไม่พอใจ พี่ไม่ยอมแม้แต่โทรมาหาผม ต้องให้ผมโทรไปเอง พอผมโทรไปก็คุยนิดเดียวเหมือนเสียไม่ได้”
“ก็พี่ไม่....” พี่ต่ายพยายามจะพูดขัดคำผมขึ้นมา แต่อารมณ์แบบนี้พูดไม่ทันผมหรอกครับ ผมกำลังโมโห ผมรู้ว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ก็นั่นแหล่ะผมทั้งโง่ทั้งบ้า
“พี่ไม่ต้องมายกแม่น้ำทั้งสายมาอ้าง พี่ไม่อยากคุยก็บอกมาตรงๆซิ ผมจะได้ไม่ต้องโทรไปหา”
นี่กรูงอนอยู่นะ ง้อมาด้วยแหล่ะ ขอให้พี่ต่ายง้อแล้วทุกอย่างก็จบ ก็ช่วงนี้ผมเองก็ทำงานเยอะไม่แพ้พี่ต่าย เวลาเหนื่อยๆเราก็อยากได้กำลังใจจากคนรักบ้างน่ะครับ ไม่ใช่ว่าต่างคนต่างยุ่งแล้วก็แค่คิดถึงกันในใจ แล้วจะรับรู้ความรู้สึกกันได้ยังไง ก็ยังเป็นมนุษย์นะครับไม่ได้สื่อสารกันทางโทรจิต ประเภทว่ารักนะแต่ไม่แสดงออกน่ะขอนานๆทีแล้วกันบ่อยๆก็ไม่ไหว
แต่น้ำเสียงของผมคงจะฟังดูไม่น่ารักเกินไป หรืออาจจะเป็นคำพูดที่ห้วนเกินไป พี่ต่ายก็เลยตอบมาแบบนี้น่ะครับ “ถ้าโอมจะใช้อารมณ์มาเหนือเหตุผล โดยไม่ฟังคำอธิบายของพี่”
ผมได้ยินเสียงพี่ต่ายถอนหายใจ แล้วก็พูดต่อไปว่า “พี่ว่า....ตอนนี้ต่างคนต่างมีสมาธิกับงานของตัวเองไปก่อนแล้วกัน เราหยุดติดต่อกันชั่วคราว แล้วงานพี่เสร็จเมื่อไหร่พี่จะไปหาโอมแล้วกันนะ ....อืม...แป๊ปนึงนะครับโอม”
ขณะที่ผมกำลังอึ้งกับคำพูดและน้ำเสียงอันดุดันของพี่ต่ายที่ผมไม่ได้ยินมาเป็นแรมปี พี่ต่ายก็ผละจากสายผมไปตอบคำถามลูกน้องครับ ผมกดโทรศัพท์วางหูไปแบบเบลอๆ ได้ยินเหมือนเสียงไอ้บร้าคนนึงมันบ่นพึมพำๆแว่วๆมาว่า
“เออไม่ติดต่อก็ได้ ไม่ต้องมาเจอกันไปเลย ไม่รออีกต่อไปแล้ว อยากจะไปทำงานจนตายก็ไปเลย”
ก็จากวันนั้นน่ะครับ พี่ต่ายของผม....ก็เข้าสู่โหมดหายยยยยอีกแล้ว
ทั้งวันที่ผมวางสายไปก่อน จนถึงวันนี้ไม่มีการโทรกลับมาหาผมเลย ผมเลยต้องมายืนทำหน้าเป็นตูดเป็ดยืนมองฝนตกอย่างกับคนอกหักอยู่อย่างนี้ แต่ตัวผมเองก็ใจแข็งไม่โทรไปหาพี่ต่ายเหมือนกัน ทั้งที่เวลาเผลอๆจากความคิดเรื่องงานเมื่อไหร่ เป็นแอบคิดถึงแต่พี่ต่ายคนเดียว บางทีก็คิดฟุ้งซ่านไปว่าพี่ต่ายจะวอกแวกไปเจอคนอื่นรึเปล่า แล้วก็คิดไปถึงพี่คม...มดแดงเจ้าเก่าที่ไม่รู้ว่าจนป่านนี้ยังคงแฝงพวงมะม่วงวางมือจากพี่ต่ายไปรึยัง
กำลังยืนคิดเรื่อยๆเปื่อยๆแรงกระตุกที่แขนเสื้อทำให้ผมต้องหันหน้าไปมอง ใครว่ะ “อ้าวมรึงมาได้ไงบุ้ง.....กรูกำลังดูฝนแบบโรแมนติคหมดกันเลย อารมณ์ซึ้งๆของกรู”
บุ้งมันดูหน้าตาสดใสครับ ยืนยิ้มหวานให้ผม แต่มือก็ยังจับแขนเสื้อผมอยู่คาไว้ สงสัยมันคงมีอะไรดีๆมาเล่าให้ผมฟัง ทำยังกับกับลูกมาอ้อนขอตังค์แม่ไปซื้อชั่วโมงเกมออนไลน์
“ทำไมมึงมายืนให้ฝนสาดเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก เมิงนึกว่าตัวเองแข็งแรงมากรึไง” ผมฉีกยิ้มเลยครับ มีเพื่อนดีก็อย่างงี้แหล่ะมันห่วงสุขภาพผม ฮ่าๆๆๆๆ แล้วบุ้งมันก็พูดต่อยิ้มๆ
“ถึงเมึงจะทำงานอึดเป็นควาย แต่โดนฝนบ่อยๆควายก็ล้มได้นะเว้ย เดี๋ยวเดือดร้อนพ่อแม่เมิงต้องพาไปหาสัตว์แพทย์”
เหอะๆๆ ฟังมันพูดครับ ทีแรกผมก็ดีใจไอ้บุ้งเพื่อนรักมรึงห่วงกรู ผมก็เริ่มประทับใจมันเตรียมสั่งน้ำตาให้ไหลมาด้วยความซาบซึ้ง แต่พอเริ่มพูดต่อๆไปนี่ ปากมันก็ลืมประเภทของตัวเองไปไม่ได้ ใครไปเอาตระกร้ออกจากปากมันเนี่ย มันด่าว่าผมเป็นควายนี่หว่า ผมสะบัดแขนที่มันยังจับอยู่ออกเลยครับ แล้วมือขวาก็สะบัดฝ่ามือตบกะโหลกมันไปสักที
“ซะทีนะเมิง...ไอ้นี่หลอกด่ากรู คิดว่ากรูโง่คิดไม่ออกรึไง”
บุ้งมันเอามือลูบหัวป้อยๆ ร้องโอดโอยแล้วก็ด่าผมต่อ
“โอ๊ย....เมิงมาตบกรูทำไม ก็ดูเมิงดิทำงานเป็นควายจริงๆ ไม่ออกไปดูแสงเดือนแสงตะวันเลย อยู่แต่กะที่โต๊ะทำงานเนี่ย”
“ถ้ากรูเป็นควายจริง เมิงมาเลยมาช่วยกรูไถนา เมิงรู้จักไม๊ว่าชาวนาน่ะเพื่อนๆต้องมาช่วยกันลงแขก เมิงไม่มาช่วยกูไถนา....ก็ไปไกลๆฝ่าเท้ากรูเลย” พอผมพูดจบแค่นั้นแหล่ะครับ มันมองหน้าผมยิ้มๆด้วยตาเจ้าเล่ห์ครับ
“เมิงพูดจริงเหรอ อยากให้กรูมาลงแขกมึง แน่ใจนะเว้ย แต่คนอื่นไม่ต้องมาช่วยกรูลงแขกเมิงหรอก กรูคนเดียวก็เหลือแหล่แล้ว” พูดเสร็จมันเอาลิ้นเลียปาก ทำหน้าหื่นกว่าปรกติครับ ใช้แววตาเจ้าเล่ห์มองหน้าผม :haun5:คือ.....ถ้าผมคิดว่ามันพูดแบบซื่อๆไม่ได้คิดลามกอะไรกับผม ผมก็คงเป็นหัวหน้าควาย หรือเรียกอีกอย่างว่าโคตรโง่ หรือโง่เป็นพิเศษ
“ไอ้เอี้ยบุ้งมรึงตายยยยยยย.......” :m31:ผมกำลังจะยกฝ่าเท้าทดสอบพลังฝ่าเท้ากับเพื่อนร๊ากกกสักหน่อย แต่ไอ้บุ้งน่ะมันไวครับ ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันเกิดปีลิงหรือเปล่า แต่ตอนนี้มันโกยแน่บหนีฝ่าตีนพญายมของผมไปหลังบ้านแล้วครับ ผมวิ่งไล่มันมาทันเอาตรงเกือบจะถึงทางออกพอดี ไม่ใช่อะไรหรอกครับฝนมันตกอยู่ บุ้งมันไม่อยากออกไปตากฝนมันก็เลยวิ่งหนีไปไหนไม่รอด
“มรึงอย่าหนีน่ะ...กรูเหนื่อยแล้วนะ...แฮ่กๆๆ”ผมวิ่งจนหอบเลยครับ เราวิ่งสลับไปมาล่อหลอกกันไปมาหลายหนในที่สุดผมก็คว้าตัวมันได้ ผมเอาแขนล็อคคอมันไว้ได้คราวนี้ผมก็มีโอกาสปู้ยี่ปู้ยำมันมันสมใจอยาก เหอะๆๆ เล่นกะใครไม่เล่นมาเล่นกะผม โอมผู้ไม่เคยให้ใครมาด่าฟรีๆ
มรึงตายยยไอ้บุ้ง“นี่แน่ะๆๆ ด่ากรูเหรอ วันนี้กรูโดนหลายดอกเลยนะมรึง ด่าซะกรูเขาเลี่ยมทองเลยยย”
“กรูกลัวแล้ว....ปล่อยกรูเถอะ กร๊ากกกก.....ปล่อยยยย...กรูขอร้องไอ้เชี่ยโอม....กรูจะขาดใจอยู่แล้ว”
ไอ้บุ้งมันดิ้นพราดๆเหมือนกับกิ้งกือโดนไม้จิ้มเลยครับ ทีแรกผมก็ว่าจะตื๊บมันน่ะครับ แต่คิดไปคิดมาผมว่าอย่าให้ถึงกับเลือดตกยางออกเลย เอาแค่ได้แกล้งจี๋เอวมันให้ขาดใจก็พอแล้ว ก็มันน่ะบ้าจี้ขนาดหนักเลยครับ ตอนเด็กๆผมแกล้งมันประจำไม่นึกว่าตอนโตๆมันจะยังเป็นอยู่ แต่ตอนนี้มันดิ้นแรงจนผมแทบจับมันไม่อยู่มันหลุดรอดจากมือผมลงไปกองกับพื้นแล้วครับ
ส่วนผมก็ยืนหัวเราะเยาะมัน “ฮ่าๆๆๆ...เป็นไงล่ะมาเล่นกะกรู”
สมน้ำหน้ามัน ตอนนี้มันหน้าแดงไปหมดเลยครับคงใช้แรงดิ้นมากไป พวกลูกน้องผมมองผมเล่นกับบุ้งกันหัวเราะกันคิกๆคักๆ ผมเริ่มรู้สึกตัวว่าออกจะผิดที่ผิดทางไปหน่อย เลยต้องรีบดึงบุ้งมันขึ้นมา
“เมิงลุกขึ้นมาเลยบุ้ง อายเด็กๆมันเว้ยยย....ขึ้นมา”
ผมยื่นมือดึงบุ้งที่นอนอยู่กระชากตัวมันอย่างแรง บุ้งมันทำเป็นปล่อยตัวให้ผมดึงเต็มที่ แล้วมันเกิดเปลี่ยนใจยังไงไม่รู้ครับตอนที่ผมเผลอๆ มันกับกระชากผมกลับอย่างแรงคราวนี้แทนที่จะเป็นผมดึงมันให้มายืนได้ กลายเป็นว่ามันดึงผมล้มไปทั้งคู่แล้วอีท่าไหนไม่รู้ตัวมันทับผมอยู่
แบบว่าเ่อ่อ....ขัดใจเฟ้ย....วูบนึงผมคิดว่าทำไมไม่เป็นพี่ต่ายว้า หน้ามันมาจิ้มอยู่ที่หน้าผมน่ะครับ สบตากันจะๆได้ประมาณ2 วินาที คือตามันน่ะเริ่มหวานแล้วครับ แต่ผมน่ะตกใจตาเหลือกผลักมันไปอย่างแรงจนมันกระเด็นออกไปนอนข้างๆ ไอ้บร้ามาทำกรูใจหวิวเลือดยางอายสูบฉีดขึ้นหน้า จนหน้าแดงไปหมด
“เดี๋ยวเหอะมรึง........”ผมพูดไม่ออกครับพูดได้แค่นี้ชี้หน้ามัน แล้วก็รีบลุกขึ้นวิ่งหนีเข้าไปในบ้าน นางเอกอิบอ๋ายเลยกรูทำอย่างกับนางเอกละครเผลอสะบัดตูดไปรึเปล่าเนี่ย ฮ่าๆๆๆ
ซักพักมันก็เดินตามเข้ามาครับไม่พูดอะไรอีกแต่ผมว่ามันทำหน้าแปลกๆปูเลี่ยนปูเลี่ยนแบบเขินๆ ผมได้แต่นึกในใจผมซิต้องเขิน เมิงน่ะเอาหน้ามาจิ้มกรู อ่ะไม่ใช่ซิมานจิ้มผมมาทั้งตัวมากกว่า แน่ะมานั่งเกาหัวหูเป็นลิง อะไรไม่รู้จะพูดก็ไม่พูด ผมรอมันเปิดปากไม่ไหวในภาวะที่ต้องการผู้นำแบบนี้ผมเลยต้องถามมันก่อน
“อ้าว......นี่วันนี้มรึงมีอะไร หรือว่าเกิดคิดถึงกรูเป็นกรณีพิเศษเลยมากวนตรีนกรูถึงบ้าน” มันเงยหน้ามองผมแต่ตอนนี้มันไม่ตาหวานแล้วครับ โมดกวนตรีนภาคปรกติเริ่มทำงาน
“เออ...คงงั้นมั๊ง...ก็.....ก็....ไม่เจอหน้าเมิงตั้งนานนึกว่าทำงานจนต่ายห่าไปแล้วเลยแวะมาดูสักหน่อย เผื่อตายคาโต๊ะแล้วไม่มีคนเห็นศพ กรูจะได้จัดการให้ เห็นแก่ความดีงามที่เมิงสั่งสมมาให้กรู กรูจะทำบุญกะเมิงเป็นครั้งสุดท้าย”
แล้วมันก็ยกมือไหว้ “สาธุ...จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด”
ครับมาสาปแช่งผมถึงที่เลยเพื่อนรักผม เหอะๆ “เมิงไปไกลๆกรูเลย จะไปทำงานต่อล่ะ เสียเวลาจริงๆ”
ผมโบกมือไล่ให้มันกลับบ้านมันไป ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง เพราะกลัวจะยืดเยื้อไปกันใหญ่ มือก็หยิบงานมาทำต่อไม่สนใจจะคุยกับมันอีกต่อไป
“นีไล่กรูจริงๆเหรอ อุตส่าห์มาหาไปกินข้าวเป็นเพื่อนกรูหน่อยซิ กรูเหงาจวย”
“ฮ่าๆๆๆ อะไร จวยของมรึง ภาษาไทยวิบัติหมด ไปไกลๆไปไปไป พูดภาษาไทยแค่นี้ทำเป็นคนลักลอบหนีเข้าเมืองไปได้ ไม่เข้าใจรึไง...ไป!!!”
มันทำตาละห้อยครับแล้วมันก็เอาขาหน้ามาสะกิดผมครับ เอ๊ยเอามือมาสะกิดผม แต่ผมไม่สนใจกรูจะตายอยู่แล้วงานท่วมหัว ไม่มีสนใจใครแล้ว ปรกติผมก็สมาธิแตกซ่านอยู่แล้ว ต้องตั้งใจทำงานให้ได้ แล้วนี่มานั่งหน้าเป็นทำเจ๋อ.....กวนอยู่ตรงหน้า ผมจะอดใจ(ไม่ด่า)ได้ยังไงไหว
“กรูไม่ได้เจอเมิงมาตั้งนานยังไงวันนี้เมิงต้องไปกินผัดไทยเจ้าโปรดกะกรูด้วย กรูจะนั่งรอเมิงตรงนี้แหล่ะ” ผมเลยเงยหน้ามองบุ้ง มันทำตาละห้อยเหมือนหมาอยากกิินผัดไทย ฮ่าๆๆๆ
“กรูรู้ว่าเมิงก็ชอบ วันนี้ยังไงเมิงก็ต้องสละเวลากินข้าวอยู่แล้ว เมิงไปกะกรูนะ นะนะนะ”ผมตัดสินใจครับ ถ้าผมไม่ตกลงไปกับบุ้งมานคงจะพูดพล่ามไม่หยุดแน่ๆ แล้วผมจะไปมีสมาธิทำงานได้ยังไง
“เออๆๆๆ แต่เมิงเลี้ยงงงง”ผมมองหน้ามันอีกที บุ้งอ้าปากกำลังจะพูดอะไรไม่รู้คับ แต่ผมชี้หน้ามาน “เมิงหยุด ถ้าเมิงไม่เลี้ยงกรูม่ายยยยไป แล้วเมิงก็กระดิกหางกลับบ้านเมิงไปเลย แล้วนี่หุบปากซะทีกรูจะรีบทำงาน”
มันอ้าปากค้างครับ แล้วก็ค่อยๆหุบปากเงียบอย่างรวดเร็ว มันคงคิดดีแล้วว่ายอมเสียเงินไม่ถึง 50 บาทเลี้ยงผมยังดีกว่าจะต้องกลายเป็นหมาไปจริงๆ 5555+ ก็แค่นั้นเองไอ้บุ้งเอ๊ย.........
พอเสร็จงานสัก 6 โมงเย็นครับวันนี้ผมเลยซ้อนมอเตอร์ไซด์บุ้งไปหาอะไรกินกันสองคนตามประสากิ๊ก หุหุหุ อันนี้บุ้งเป็นคนบอกครับผมเลยปล่อยมันไป ให้มันเป็นกิ๊กไป ผมคงไม่มีอะไรต้องเสียนี่นา ให้ตำแหน่งมันสักหน่อยเงินเดือนอะไรก็ไม่ต้องเสีย ให้แค่ความเป็นเพื่อนกัน แค่นี้ก็สุขใจแล้วครับ
แต่อย่าคิดว่าผมมีอะไรเกินเลยกับมันนะครับ ตำแหน่งกิ๊กของมันเป็นแค่ชื่อ แต่ความหมายจริงๆคือเพื่อนสนิทที่รู้ใจ เป็นเพื่อนที่อาจโดนเนื้อตัวกันได้บ้าง แต่ก็แค่จับมือนิดหน่อย โอบบ้างพอเป็นกระษัยไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้น พี่ต่ายก็อนุญาติแล้วครับ ก็พี่ต่ายน่ะไม่มีเวลาให้ผมเลย คิดแล้วมีแฟนใหม่ซะดีไม๊เนี่ย
ผมคงจะคิดฟุ้งเพ้อเจ้อไปกันใหญ่ถ้าบุ้งไม่พาผมมาจอดที่ร้านผัดไทยเจ้าประจำของเราก่อน ร้านผัดไทยเจ้านี้พวกผมกินกันมาตั้งแต่เด็กครับ เป็นร้านไม้เก่าๆเหมือนร้านตามตามจังหวัดทั่วๆไป แต่เพราะฝีมือดีจึงขายกันมายาวนาน ร้านที่ผมเห็นก็ไม่ต่างไปจาก10กว่าปีก่อนที่ผมมา โต๊ะไม้ตัวเดิม แต่คนทำเปลี่ยนจากรุ่นพ่อมาเป็นรุ่นลูกแล้วครับ แต่ฝีมือยังเหมือนเดิม เส้นนุ่มรสชาติกลมกล่ิอม ออกหวานนิดๆ
ฝาผนังมีรายการอาหารตามสั่งที่เป็นลายมืิอเขียนกันเอง ผมเคยสงสัยคำว่าราดหน้าหมูเนี่ย ทำไมคนชอบเขียนกันว่าลาดหน้า จนผมชักสงสัยตกลงมันต้องเขียนยังไงกันแน่ ผมว่าความรู้ภาษาไทยของบางคนยังแย่กว่าภาษาอังกฤษอีก เพราะการศึกษาเราไปเน้นที่ภาษาต่างประเทศมากกว่า
ร้านมีแต่ควันอาหารครับ ผมไม่ชอบแค่ตรงนี้แหล่ะครับ คงต้องกลับไปสระผมกันใหม่ กินอะไรมาหรือที่ร้านขายอะไร พอกลับไปทายเมนูได้เลยครับ มันจะอบอวลไปทั้งหัวและตัว ระหว่างที่ผมนั่งรออาหารก็มีโทรศัพท์มาครับ ใครหว่าเบอร์ไม่คุ้น แต่ผมก็รับครับเผื่อเป็นลูกค้าโทรมา
“สวัสดีครับผมโอมครับ”
“โอมเหรอ....เราเอง”ฟังเสียงแล้วทำไมผมจะจำไม่ได้ครับ ผมเผลอยิ้มปากฉีกไม่รู้ตัว :m3:พอดีเค้าเอาผัดไทยมาเสริฟ บุ้งมันมองผมคุยแล้วทำท่าทางให้ผมกินก่อน แต่ผมว่ามันเอียงหูฟังนะ คือมันตั้งใจฟังแบบไม่มีแอบซ่อนเลยครับ เพื่อนกรูจริงใจอีกแระ อยากรู้ทุกเรื่องของผมจริงๆเลย
“จำเสียงได้ไม๊...ใครเอ่ย” :m1:ที่จริงผมว่ามุขนี้ปัญญาอ่อนนะครับ แล้วก็หน่อมแน้มไปหน่อย แต่คนนี้ผมยกให้คนครับ
“จำได้ซิ....เบ็ตไงทำไมผมจะจำไม่ได้ หึหึ สบายดีไม๊ครับ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วไปเอาเบอร์เค้ามาจากไหน”ผมคุยไปเอาตะเกียบเขี่ยผัดไทยให้เส้นมันกระจายออกจากกัน มันจะได้ไม่ร้อนครับ ควันระอุขึ้นมาเลยครับ น่ากินจริงๆ
พอเงยหน้าขึ้นมาเจอตาบุ้งโตเท่าไข่ห่านจ้องผมอยู่ แต่ผมบอกตัวเองว่าเมิงฟังได้ฟังไปเรื่องของกรู มันคงงงกับที่ผมแทนตัวเองว่าเค้าครับ ฮ่าๆๆๆๆ ก็เบ็ตน่ะแฟนเก่าผมเอง
“โอมตัวเองถามเค้ามาเป็นชุดตอบไม่ทันเว้ย เอาทีล่ะคำถามนะ เอ้า...อยากรู้อะไรก่อน ถามใหม่”
“นี่ตัวเองอย่ามากวนนะ ตอบๆมาเค้ากินผัดไทยอยู่ ให้ไวเดี๋ยวมันเย็นหมด”ผมกับเบ็ตเหมือนเพื่อนกันมากกว่าครับ คบกันจากเพื่อนมาเป็นแฟนแล้วจากแฟนกลายมาเป็นเพื่อนในที่สุด เลยแยกๆกันไปโดยปริยายแบบไม่รู้ตัวจริงๆไม่เคยมีคำว่าเลิกกันเถอะจากเราสองคน เอ๊ะหรือว่าเราไม่เคยเลิกกันเนี่ย
“คิกๆๆๆ แหมก็ขอกวนนิดนึงให้หายคิดถึง คิดถึงกันมั่งป่าว ไม่เจอกันนานอ่ะ เนอะโอมเนอะ” :อิอิ1:
“ใช่กี่ปีแล้วอ่ะ ตั้งแต่ตัวเองไปนอก คิดถึงว่ะฟังเสียงแล้วอยากกอดได้ป่าว ขอกอดทีนึงนะ”
ไอ้บุ้งที่ก้มหน้าก้มตากินแต่เอาผมทัดหูกะฟังแบบเคลียร์ๆเงยหน้ามองผมทันทีครับ มันชี้หน้าผมครับทำปากขมุบขมิบพอจับใจความได้ว่า “กรูจะฟ้องพี่ต่าย”
ผมทำปากตอบมันครับ “เชิญเมิงเลย....กรูไม่กลัว”
“มามะมากอดเลย คิดถึงโอมมากเลย เนี่ยไปได้เบอร์จากเพื่อนที่ทำออดิทเหมือนโอมอ่ะไอ้น่อยน่ะ”
“อ๋อเออๆ แล้วตัวเองโทรมาหาเค้าทำไม จะมาหาเค้ารึเปล่า มาเที่ยวซิอยากให้มา หรือจะให้เค้าไปหาดี เอาไงวันไหน”ผมคิดถึงเบ็ตจริงๆนะครับ เวลาเพื่อนเก่าโทรมาหามันดีใจบอกไม่ถูก แล้วเบ็ตก็เป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งอดีตแฟนผมก็ยิ่งดีใจสุดๆไปเลย
“เปล่าเบ็ตจะโทรมาบอกโอมว่านนนี่จะแต่งงานเดือนหน้า จะโทรมาชวนโอมให้ไปด้วยกันคิดถึงอยากเจอโอมน่ะ ไปนะโอมนะ จะได้เจอเพื่อนคนอื่นๆด้วย เดี๋ยวนนนี่คงจะส่งการ์ดไปให้ตามหลังน่ะ”
“นนนี่จะแต่งงานเหรอแต่งกับพี่โจรึเปล่าที่เป็นแฟนกันตั้งกะตอนที่เรียนน่ะ”
“ไม่ใช่นะซิ เค้าเลิกกันไปตั้งนานแล้วโอมไปอยู่ไหนมา เจ้าบ่าวนี่เป็นหัวหน้าที่ทำงานนนนี่น่ะ”อ้าวผมก็งงซิ ก็ตอนที่ยังเรียนมหาลัยนนนี่เค้ารักกับรุ่นพี่โจมากๆเลยครับรักกันมาตั้งแต่ปี1จนปี4ก็ยังเป็นแฟนกันอยู่ ใครๆยังล้อกันว่าคงจะแต่งงานเป็นคู่แรก แล้วไหงมาเลิกกันได้
“อ้าวเหรอ ก็เค้าไม่รู้จริงๆ ไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนคนไหนเลย ช่วงนี้ก็งานยุ่งมากมาย หัวโตอยู่เนี่ย”
เพื่อนโทรมาแบบนี้ผัดไทยไม่ต้องทำกินแล้วล่ะครับ ขอคุยให้หายคิดถึงหน่อย จะกินไปคุยโทรศัพท์ไปผมก็ไม่ชอบทำ แต่ไอ้บุ้งซิทำไมมันเป็นคนไม่มีมารยาทแบบนี้มานั่งฟังผมคุยโทรศัพท์ มันนึกว่ามันเป็นหน่วยสืบราชการรึไง
“แป๊ปนึงนะเบ็ต”ผมมองหน้าบุ้งเอามือปิดโทรศัพท์ไม่ให้เบ็ตได้ยิน
“นี่มึงอย่ามาฟังกรูพูดได้ไม๊ กรูอึดอัด”บุ้งมันมองหน้าผมครับ แล้วยิ้มกวนติง
“กรูหูไม่ตึง มันได้ยินเอง กรูช่วยอะไรไม่ได้ เมิงไม่อยากให้กรูฟัง เมึงก็พูดไม่มีเสียงดิ ใช้ภาษามือไปเลยกรูดูไม่ออกหรอก เอาดิ ดิ ดิ ดิ” :m14:แล้วส่งยิ้มมาอีก
ตอนนี้ผมอยากถีบมันมากเลยครับ ติดที่ว่าคุยโทรศัพท์อยู่แล้วอยู่ที่ร้านอาหารด้วย ผมเลยได้แต่ชี้หน้ามัน “กรูฝากไว้ก่อนนะเมิง จำไว้”แล้วผมก็หันไปคุยกับเบ็ตต่อ
“เบ็ต เรื่องไปงานเดี๋ยวใกล้ๆถึงวันนั้นแล้วโอมโทรหานะจะได้นัดกัน อยากเจอมากๆเลยครับ คิดถึงผมมั่งไม๊”
แอบหยอดนิดหน่อยบริหารเสน่ห์ครับ ตามประสาผู้ชาย หุหุหุ
“ไม่คิดถึงเลย พอไปที่นู่นนะเบ็ตก็ลืมโอมไปเลย มีแต่ฝรั่งหล่อๆ จะมาคิดถึงไอ้ตี๋ทำไมกัน”เสียงเบ็ตหัวเราะคิกคัก ดีใจที่ย้อนผมได้ กรรมหมดกันผมตี๋ก็จริงแต่ตี๋เกาหลีนะ กำลังอินเทรนด์ออก
“โหยน้อยใจอ่ะ ไม่ไปดีกว่างานต่งงานแต่ง แล้วตอนนี้เบ็ตทำงานอะไรที่ไหนล่ะ”บลาๆๆๆๆ.....หลังจากนั้นผมก็ถามสารทุกข์สุขดิบครับ แล้วก็คุยสัพเพเหระไปเรื่อย กว่าจะรู้ตัวหันมาอีกทีไอ้บุ้งมันนั่งหาวรอผมแล้วครับ แล้วผัดไทยผมก็เย็นชืดไปแล้ว ผมละเซ็ง....ไม่อร่อยเลย
ผมเห็นแก่เพื่อนเลยต้องตัดใจ กล่าวคำลากับเบ็ต เกรงใจบุ้งที่มานั่งรอ เกรงใจผัดไทยจานนี้ด้วยมันคงร้องไห้รอผมมากินมันจนเย็น ผมยังมีโอกาสคุยกับเบ็ตอีกมากมาย แต่สงสารเพื่อนมานั่งรอ ผมรีบกินจะได้รีบกลับ พอทานผัดไทยเสร็จ ผมตบไหล่บุ้งที่นั่งง่วงอยู่
“ไปกลับบ้านกันบุ้งโทษทีว่ะให้เมิงต้องมานั่งรอ”
บุ้งมันเงยหน้ามองผมแล้วพูดคำเดียวครับ “เออ” มันพูดแค่นี้จริงๆแล้วก็เดินไปที่รถเลย เหอะๆๆๆมันโกรธผมรึเปล่าผมเลยไม่รู้จริงๆ แล้วที่สำคัญมันจะคิดว่าผมกับเบ็ตตี้เป็นยังไงอะไรที่ไหนเมื่อไหร่ล่ะ ทำไมมันไม่ถามผมซักคำ ผมก็ยังงงๆอยู่เลยว่าบุ้งมันแปลกไป ก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่เป็นอีกาคาบข่าวไปบอกใครก็แล้วกัน
TBC
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไว้มาเล่าสู่กันฟังต่อคราวหน้าค่ะ
อยากบอกว่าคิดถึงเพื่อนๆทุกๆคนค่ะ ที่จริงเขียนมาตั้งนานแล้ว แต่มันไปไม่ถึงไหนซักทีเลยไม่ได้เอามาลง หวังว่าคงไม่ลืมพี่ต่ายกับน้องโอมไปก่อนนะค่ะ
*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
ทิพย์โมบอร์ดนิยาย