สัญญา สายใย เชื่อมใจรัก (นิยายขนาดสั้น) ....ตอนที่ 8+บทส่งท้าย [29/6/2555]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สัญญา สายใย เชื่อมใจรัก (นิยายขนาดสั้น) ....ตอนที่ 8+บทส่งท้าย [29/6/2555]  (อ่าน 52369 ครั้ง)

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)


เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2013 11:34:27 โดย Xenon »

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
สวัสดีค่ะ  ไม่ได้มาลงนิยายที่เล้านานแล้ว คิดถึงนักอ่านที่นี่มาก ๆ เลยค่ะ ^^


สำหรับนิยายเรื่องนี้เป็นนิยายขนาดสั้น เขียนเพื่อคั่นเวลาระหว่างที่ปัดกำลังปวดหัวคิดพล็อตเรื่องยาวเรื่องใหม่ไม่ออก

เพื่อเป็นการกระตุ้นตัวเอง ที่ดองแม้กระทั่งเรื่องสั้น จึงนำมาลงที่เล้านี่ด้วยค่ะ  ^^" 

และระหว่างปั่นเรื่องนี้ให้จบ ก็จะพยายามเข็นนิยายเรื่องใหม่ให้ได้เช่นกัน


แล้วก็คงต้องกล่าวคำขอบคุณสำหรับคนที่คลิกเข้ามาเพื่อจะอ่านเรื่องนี้นะคะ ^^


----------------------------------------------

นิยายเก่า ๆ ที่ลงไว้ (จบแล้ว)
คุณตำรวจยอดรัก  ,  คุณอาที่รัก(แนวโชตะ)  , กรงรัก...พันธนาการใจ  , The Eden School  , ดวงใจจ้าวมังกร , ม่านราตรี ,   Miracle Café 
ลิขิตรักอสุรกาย    ,  เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ.    , ขอโทษที คนนี้พี่จองแล้ว    , กรงรัก พันธนาการใจ (ฉบับรีเมก)


เรื่องสั้น
คุณพี่...ที่รัก   ,  สัญญา สายใย เชื่อมใจรัก


นิยายที่ยังไม่จบ
-
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2014 19:23:44 โดย Xenon »

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
รอค่ะ
 :L2:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4


สัญญา สายใย เชื่อมใจรัก


     “พี่เอส พี่เอส ทางนี้ ทางนี้!”

   เสียงใสจากร่างเล็กเตี้ยป้อมตะโกนเรียกอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้เด็กชายวัยสิบขวบต้องอมยิ้มน้อย ๆ แล้วเดินตามเสียงเรียกนั้นไปอย่างไม่รีบร้อนนัก

   “เอ้า ๆ อย่าวิ่งสิปอม เดี๋ยวหกล้มหรอก…”

   ยังไม่ทันที่เด็กชายจะพูดจบดี ร่างเล็กก็สะดุดพื้นดินแถวนั้น ล้มหน้าคว่ำลงไปเรียบร้อย ทำให้คนพูดมีสีหน้าตกใจ แล้วรีบวิ่งตรงไปยังจุดที่ร่างนั้นอยู่ทันที

   “ฮือ ๆ พี่เอส …ปอมเจ็บ”

   เสียงสะอึกสะอื้นพร้อมน้ำใสไหลอาบแก้ม ทันทีที่เห็นว่าหัวเข่าของตัวเองมีของเหลวสีแดงไหลซึมออกมา เด็กชายซึ่งอายุมากกว่าห้าปีรีบเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามาเช็ดเลือดที่หัวเข่า แล้วผูกเอาไว้ ก่อนจะชวนอีกฝ่ายกลับบ้าน

   “กลับกันเถอะปอม ไปทำแผลกันก่อนนะ แล้วค่อยมาเที่ยวใหม่”

   “ตะ แต่ปอมเจ็บ  เดินไม่ไหว”

   เด็กชายบอกพลางสะอื้น ทำให้คนโตกว่าขมวดคิ้วคิด ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ตามมาอย่างนึกได้

   “งั้นปอมขี่หลังพี่นะ เดี๋ยวพี่พาปอมกลับเอง”

   พอเจ้าตัวพูดจบก็หันหลังและย่อเข่าให้ เด็กชายอายุน้อยกว่ายันกายลุกกะเผลก ๆ เข้ามาขี่หลังอีกฝ่าย โดยระหว่างทางที่กลับบ้าน เจ้าของแผ่นหลังก็คอยชวนคุย และร้องเพลงปลอบไปตลอดเวลา ทำให้น้ำตาที่ไหลรินของร่างเล็กเริ่มเหือดแห้ง ก่อนจะแทนที่ด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา และเสียงหัวเราะร่าเริงตามมาในที่สุด

..
...
..

   …แสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านมาแยงตา ทำให้ร่างบนเตียงต้องขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะดึงผ้าห่มกายขึ้นมาคลุมศีรษะ เป็นเช่นนั้นอยู่พักใหญ่จนเสียงนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงดังขึ้น

   “รู้แล้ว ๆ เฮ้อ …ขอนอนสบาย ๆ อีกนิดก็ไม่ได้”

   เสียงงัวเงียจากร่างใต้ผ้าห่มบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ มือคลำควานหาปุ่มปิดเสียงนาฬิกา ก่อนจะยันกายขึ้นมานั่ง ด้วยอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น สักพักจึงเดินโซเซเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา แล้วจึงกลับออกมาด้วยความสดชื่น

   ‘ไม่ได้ฝันถึงตอนเด็ก ๆ มานานแล้ว ป่านนี้เด็กคนนั้นจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้แฮะ’

   ชายหนุ่มหวนคิดถึงเด็กน้อยตัวเล็ก ๆ ซึ่งเคยเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของตน และได้ย้ายตามมารดาของอีกฝ่ายไปตั้งแต่ตอนที่เด็กคนนั้นอายุได้หกปี จนปัจจุบันนี้ผ่านมาสิบห้าปีแล้ว  ตัวเขาเองก็เรียนจบปริญญาตรี  และเลือกทำงานที่พ่อแม่พี่ชายและพี่สาวต้องส่ายหน้า แต่เพราะครอบครัวของเขาเลี้ยงดูลูกหลานกันอย่างไม่คิดบังคับ เขาจึงสามารถทำงานเขียนที่เขารัก แม้จะต้องเสี่ยงกับสภาวะไส้แห้งเป็นพัก ๆ ก็ตาม



        ชายหนุ่มเดินลงจากห้องนอนชั้นสองมายังห้องครัว เขาหยิบขนมปังจากในตู้เย็นมาสองแผ่น จับมันยัดใส่เครื่องปิ้ง ขณะที่เดินไปชงกาแฟอย่างสบายอารมณ์  อาหารเช้าสำหรับเขานั้นเน้นอะไรก็ได้ที่เรียบง่าย เพราะความขี้เกียจแถมยังอยู่คนเดียว เนื่องจากบิดามารดาย้ายตามไปอยู่กับพี่สาวและพี่เขยของเขาที่ต่างจังหวัด ส่วนพี่ชายคนโต ก็แยกไปอยู่กับครอบครัวของเจ้าตัวด้วยเช่นกัน  ส่วนเขานั้นยืนกรานที่จะอยู่ในกรุงเทพฯ แม้จะต้องอยู่คนเดียวก็ตาม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาไม่คุ้นเคยที่จะไปอยู่ที่อื่น เพราะอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เล็กจนโต และอีกส่วนก็คือ เขารักบ้านหลังนี้ และมีความทรงจำกับมันมากมาย จนไม่อาจตัดใจปล่อยให้เช่าหรือขายบ้านไปตามคำแนะนำของญาติคนอื่นได้

   เจ้าของบ้านเดินถือขนมปังปิ้งและถ้วยกาแฟไปนั่งกินยังห้องรับแขก เขาเดินผ่านป้ายประกาศที่ใส่กรอบทองสวยไว้กลางผนังอย่างโดดเด่น มันคือความภาคภูมิใจในชีวิตของเขา และทำให้ชายหนุ่มเลือกที่จะก้าวเดินสู่เส้นทางของนักเขียนเต็มตัว

   ‘ประกาศนียบัตรฉบับนี้ให้ไว้เพื่อแสดงว่า นายสายใย วงศ์วานเจริญ ได้รับรางวัลชนะเลิศ งานประกวดประเภทเรื่องสั้น โครงการปากกาทองคำ ประจำปี 25XX’

   สายใยนั่งจิบกาแฟโดยตำแหน่งสายตาของเขานั้นตรงกับกรอบป้ายประกาศรางวัลพอดี ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ เมื่อหวนคิดถึงชีวิตในอาชีพนักเขียนที่ผ่านมา มันไม่ได้สวยหรูโรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่เขาคิด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรักและพร้อมที่จะฝ่าฟันมันไปเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่เขายังคงทำไหว

   “ตรื๊ดดดด…”

   เสียงจากโทรศัพท์ตั้งโต๊ะที่ได้ยินทำให้สายใยสะดุ้ง เขาลุกขึ้นไปรับ แล้วก็ต้องแปลกใจที่ปลายสายนั้นเป็นพี่ชายคนโตของเขาเอง

   “มีอะไรหรือครับพี่อาร์ม ถึงโทรมาแต่เช้าแบบนี้”

   สายใยถามกลับไปอย่างสงสัย ปลายสายถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงมีเสียงดังขึ้นตามมา

   “เอส พี่ฝากเอสดูแลคนให้พี่สักหน่อยได้ไหม”

   “คน? ใครหรือครับ?”

   คนฟังถามต่ออย่างแปลกใจ ซึ่งปลายสายก็เงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะกล่าวต่อ

   “ลูกชายของลูกค้าคนสำคัญน่ะ”

   ทันทีที่ได้รับคำตอบเสียงโวยวายก็ดังสวนกลับไปอย่างตกใจ

    “อ้าว! แล้วทำไมคนระดับนั้นต้องมาฝากผมดูแลด้วยล่ะพี่ เจ้านายพี่เขาไม่มีงบประมาณไว้สำหรับรับรองแขกหรือไงกัน!”

   เสียงถอนหายใจจากปลายสายดังขึ้นเบา ๆ ก่อนจะมีเสียงตอบตามมา

   “ทำไงได้เล่า พี่ก็ตกใจเหมือนกันตอนรู้เรื่องเข้า แต่ดูเหมือนว่าทางนั้นจะเจาะจงมาแบบนี้เอง ว่าอยากได้การรับรองต้อนรับจากครอบครัวธรรมดา เจ้านายพี่ก็เลยเลือกสุ่มมาเป็นบ้านพี่  แล้วพอพี่แย้งไปว่า บ้านพี่น่ะมีตาอาร์ตที่เพิ่งอายุได้แค่หกเดือน บางทีอาจจะร้องงอแงกวนใจแขกก็ได้ เจ้านายพี่ก็เลยถามว่า พี่ไม่มีญาติคนไหนที่พอจะอาศัยอยู่คนเดียวบ้างหรือ พี่ก็เลยนึกถึงเอสขึ้นมาไงล่ะ”

   “แล้วเจ้านายพี่ก็เลยจะให้ผมคอยรับรองแขกของเขาหรือไง?”

   สายใยถามต่อ ยังคงรู้สึกทะแม่ง ๆ ไม่หาย กับพฤติกรรมของเจ้านายพี่ชายและแขกคนสำคัญผู้นี้

   “ก็อย่างนั้นล่ะ … เอส พี่รู้นะว่าเอสลำบากใจ แต่เจ้านายพี่บอกว่า ถ้าทำให้แขกไม่พอใจ บางทีอาจจะมีผลต่อธุรกิจก็ได้  เฮ้อ… แต่เอาเถอะ ถ้าเอสลำบากใจจริง ๆ พี่จะไปลองขอร้องเจ้านายพี่อีกทีก็ได้ …หวังว่าเขาคงจะไม่ว่าอะไรนะ…เฮ้อ”

   เสียงถอนหายใจสลับพูดของพี่ชายทำให้สายใยกลืนน้ำลายลงคอ สังเกตจากน้ำเสียงก็พอจะฟังออกว่าอีกฝ่ายนั้นหนักใจเพียงใด ชายหนุ่มนิ่งคิดก่อนจะตอบกลับเสียงอ่อย

   “แล้วแขกของเจ้านายพี่ เขาจะมาพักที่นี่กี่วันล่ะ”

   “เห็นว่าจะมาพักที่นี่สองอาทิตย์น่ะ…เอสยอมช่วยพี่แล้วใช่ไหม?”

   ท้ายประโยคน้ำเสียงที่ถามดูมีความหวัง ทำให้สายใยลอบถอนหายใจก่อนจะตอบกลับเบา  ๆ

   “ได้อยู่พี่ ถ้าแขกของเจ้านายพี่ เขาอยากสัมผัสชีวิตบ้าน ๆ จริง ๆ ล่ะก็นะ เพราะพี่ก็รู้ว่าลำพังตัวผมเอง ก็กินง่ายอยู่ง่าย ไม่ค่อยใส่ใจอะไรอยู่แล้ว”

   “เรื่องนั้นพี่บอกเจ้านายไปแล้ว เขาบอกว่าไม่ต้องห่วงอะไร อ้อ เขาให้ค่าเลี้ยงดูกับพี่ไว้ด้วย เดี๋ยวพี่จะโอนเงินไปให้บัญชีของเอสเลยนะ เอสเบิกใช้ได้เต็มที่ตลอดสองอาทิตย์นี้เลย ถ้าเหลือก็ไม่ต้องคืนหรอก”

   สิทธาบอกด้วยน้ำเสียงยินดีอย่างไม่คิดปิดบัง ทำให้ผู้เป็นน้องชายยกยิ้มเนือย ๆ แต่ก็ดีใจที่ช่วยแบ่งเบาภาระของพี่ชายคนเดียวได้

   “แขกของเจ้านายพี่เขาจะมาถึงในวันพรุ่งนี้ แล้วก็คงไปที่บ้านเราเลยนั่นล่ะ พี่ฝากเอสดูแลด้วยนะ ขอบใจมาก ๆ เลยน้องรัก ส่วนรายละเอียดของแขกพี่จะส่งเมล์ตามไปให้ทีหลังนะ”

   สิทธาเอ่ยตัดบทพร้อมกับวางสายไป ส่วนสายใยนั้นถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงวางหูโทรศัพท์ลงบ้าง

   “ไม่รู้เป็นคุณชายไฮโซจากไหน แต่ให้ตายเถอะ ช่างสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเขาซะจริงเชียว”

   สายใยบ่นอุบก่อนจะเดินไปจัดเก็บกวาดบ้านและห้องนอนของแขกให้สะอาด แม้จะยังคงรู้สึกแปลก ๆ ต่อพฤติกรรมของอีกฝ่ายก็ตาม แต่ในเมื่อรับปากพี่ชายเอาไว้แล้ว ชายหนุ่มก็จำต้องให้คนแปลกหน้าที่อยากสัมผัสชีวิตบ้าน ๆ ผู้นี้ มาอยู่ร่วมชายคากับตน อย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้อยู่ดี

 

   …เสียงกดออด และเสียงทุบประตูรั้วปัง ๆ อย่างไร้มารยาทแต่เช้า ทำให้คนที่กำลังนอนหลับสบายต้องขมวดคิ้วยุ่งแล้วเดินไปมองทางหน้าต่างห้องนอนของตนซึ่งอยู่ชั้นสอง

   ตรงหน้ารั้วบ้านของเขาในยามนี้นั้น มีร่างสูงของชายหนุ่มแปลกหน้า สวมแว่นตาดำ ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงสีเทาเข้ม  ข้างกายมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่วางอยู่ สายใยมองอยู่สักพักด้วยความงัวเงีย ก่อนจะเบิกตากว้าง  รีบเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งลงมาจากชั้นสอง ตรงไปยังประตูรั้วหน้าบ้านทันที

    “สวัสดีครับ ใช่คุณวิลเลียม แอนเดอสันหรือเปล่าครับ”

   สายใยทักทายพร้อมกับลอบพิจารณาใบหน้าและรูปร่างของอีกฝ่าย มันค่อนข้างใกล้เคียงกับรูปถ่ายที่ได้รับมาจากประวัติแฟ้มคร่าว ๆ ของเจ้าตัวที่ส่งมาทางอีเมล์ของเขาอยู่มาก ทว่าคนฟังนั้นยังคงเงียบ แต่กลับจ้องมาทางสายใยนิ่งจนคนถูกมองรู้สึกกดดัน

   “เอิ่ม … You’re Mr. Anderson?”

   แขกผู้มาเยือนชะงักแล้วยกยิ้มมุมปากน้อย ๆ แต่คนที่ได้เห็นกลับรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์ เพราะมันเหมือนยิ้มขันเยาะอย่างคนที่อยู่เหนือกว่าตน

   “ผมพูดไทยได้ แล้วก็ถูกอย่างที่คุณทักนั่นล่ะ ผมชื่อวิลเลียม แอนเดอสัน”

   น้ำเสียงทุ้มฟังนุ่มหูเอ่ยทักตอบด้วยภาษาไทยชัดเจน ก่อนที่คนพูดจะถอดแว่นตาออกเผยให้เห็นนัยน์ตาสีดำเข้ม โครงหน้าและเส้นผมดกดำขลับของอีกฝ่ายนั้นค่อนข้างไปทางเอเชียมากกว่าที่คิด  แต่ก็ยังคงโดดเด่นสะดุดตาผู้พบเห็น เพราะมันเป็นใบหน้าของบุรุษหนุ่มที่ดูดีชวนให้น่าหลงใหลคนหนึ่งทีเดียว

    “ผมคิดว่าทางพี่ชายของคุณ คงแจ้งเรื่องของผมกับคุณไว้บ้างแล้ว”

   วิลเลียมเริ่มบทสนทนาต่อ ทำให้สายใยชะงัก แล้วจึงพยักหน้ารับ

   “ใช่ครับ แต่ผมคิดว่าคุณจะมาตอนสาย ๆ กว่านี้ … อะ ขอโทษครับ เชิญข้างในก่อน”

   สายใยเปิดประตูบ้าน แล้วเตรียมจะเข้าไปช่วยอีกฝ่ายยกกระเป๋าเดินทาง ทว่ากระเป๋าใบนั้นกลับถูกยกขึ้นมาจากเจ้าของกระเป๋าเสียก่อน เจ้าตัวขยับกายเดินเข้าไปในบ้าน แล้วมองชายหนุ่มเจ้าของบ้านอย่างพิจารณาครู่ใหญ่จนสายใยแปลกใจ

   “มีอะไรหรือครับ”

   สายใยถามออกไปตรง ๆ อย่างสงสัย ทว่าคนมองกลับยกยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบกลับมาเบา ๆ

   “คุณตัวเล็กจัง นึกว่าจะสูงกว่านี้เสียอีก”

   สายใยชะงักกึกกับคำพูดที่ได้รับ เขามองอีกฝ่ายที่สูงร้อยแปดสิบกว่าด้วยสายตาขุ่นเคือง แล้วตอบกลับไปอย่างพยายามรักษามารยาทเต็มที่

   “มาตรฐานชายไทยก็สูงราวๆ นี้ล่ะครับ”

   คนถูกหาว่าตัวเล็กตอบเสียงขุ่น ทำให้อีกคนลอบยิ้มนิด ๆ

   “ผมเจอผู้ชายไทยมาเยอะนะ แต่คุณตัวเล็กกว่าที่ผมคิดจริง ๆ ผมคิดว่าคุณน่าจะสูงกว่านี้ … อืม ช่างเถอะ บางทีผมอาจจะมีภาพติดตาในตอนเด็กมากไปก็ได้”

   คำพูดตัดบทของวิลเลียมทำให้สายใยขมวดคิ้วยุ่งอย่างแปลกใจ แต่ชายหนุ่มก็ไม่รอให้อีกฝ่ายซักถาม เขาเดินหิ้วกระเป๋าเดินทางเข้าไปในบ้านทันที

   “จะให้ผมนอนห้องไหน ชั้นบนหรือชั้นล่าง”

   วิลเลียมหันมาถามชายหนุ่มทันทีที่เข้ามาในบ้าน

   “ผมเตรียมห้องให้คุณไว้ที่ชั้นบนเรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวผมจะพาไป”

   สายใยที่รีบเร่งฝีเท้าตามแขกคนพิเศษมาตอบไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่ก็ต้องพยายามท่องไว้ในใจว่าอีกฝ่ายเป็นคนสำคัญที่พี่ชายเขาอุตส่าห์ฝากฝังเอาไว้

   “ห้องใกล้ห้องพระนั่นสินะ”

   วิลเลียมพึมพำ แล้วจึงเดินก้าวเท้ายาว ๆ ของตนขึ้นไปบนชั้นสองโดยไม่คิดรอเจ้าของบ้าน ทำให้สายใยรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

   “เดี๋ยวสิคุณ รอผมก่อน…”

   สายใยชะงักค้างไว้แค่นั้น เมื่ออีกฝ่ายเปิดห้องเข้าไปแล้วหันมาทางเขา

   “ผิดห้องหรือครับ”

   วิลเลียมถามยิ้ม ๆ ส่วนคนฟังนั้นอึ้งไปสักพักก่อนจะสั่นศีรษะเบา ๆ

   “เปล่าครับ ห้องนั้นนั่นล่ะถูกแล้ว”

   “ผมก็เดาว่าน่าจะใช่ห้องนี้”

   วิลเลียมบอกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้สายใยยิ่งรู้สึกแปลกใจมากขึ้นไปอีก แต่ในฐานะเจ้าของบ้านที่ดี เขาจึงเดินตามเข้าไปในห้อง เพื่อที่จะสอบถามว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่

   “ไม่เปลี่ยนไปเลยนะห้องนี้”

   เสียงพึมพำจากร่างสูงทำให้สายใยชะงักแล้วหันกลับไปมองอย่างแปลกใจ เพราะเขาได้ยินไม่ค่อยถนัดนัก

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

   “เปล่าหรอกครับ ผมแค่ชอบบรรยากาศของห้องนี้”

   วิลเลียมหันมาบอกแล้วยิ้มน้อย ๆ ให้ ก่อนจะยกกระเป๋ามาวางไว้ที่บนเตียงนอน ทางด้านสายใยนั้นรู้สึกโล่งอกที่อีกฝ่ายชอบห้องที่เขาเตรียมไว้ ซึ่งความจริงแล้วห้องนี้ถูกจัดให้เป็นห้องพักผ่อนของแขกบ้านนี้มาตั้งแต่เขายังเด็ก เพราะเมื่อก่อนนั้นมักจะมีเพื่อนของพ่อและแม่แวะมาเยี่ยมเยียนที่บ้านนี้อยู่บ่อย ๆ และก็เริ่มห่างเหินไป ตั้งแต่พ่อแม่เขาย้ายไปอยู่กับพี่สาวและพี่เขย

   “ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติมก็บอกผมแล้วกัน ผมอยู่ห้องตรงข้ามกับคุณนี่ล่ะ”

    สายใยบอกพร้อมกับเตรียมจะเดินจากไปทำอาหารเช้าง่าย ๆ สำหรับตัวเองและแขก แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินคำพูดไล่หลังตามมา

   “ถ้าผมต้องการคนมานอนเป็นเพื่อนล่ะ คุณจะจัดให้ผมได้ไหม”

   “นี่คุณ บ้านผมไม่ใช่โรงแรมนะ ถ้าคุณต้องการทำเรื่องแบบนั้น ก็ขอเชิญคุณไปพักที่อื่นดีกว่า!”

   สายใยโพล่งใส่อย่างลืมตัว แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่ได้นึกโมโหที่ถูกตวาดใส่แบบนั้น

   “ซีเรียสไปได้ ผมก็แค่หมายถึงเพื่อนร่วมห้อง แบบรูมเมทอะไรแบบนั้น  เห็นแบบนี้ผมค่อนข้างขี้เหงานะ”

   วิลเลียมบอกพร้อมรอยยิ้มอารมณ์ดี ทำให้สายใยเริ่มรู้สึกตัว เขาพยายามสงบสติอารมณ์แล้วพูดโต้ตอบกลับไปอย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้

    “ถ้าคุณมีเพื่อนที่เมืองไทย คุณอยากจะให้เขามาพักเป็นเพื่อนคุณก็ได้อยู่ แต่ผมขอไว้อย่าง ว่าอย่าทำเรื่องไม่เหมาะสมที่บ้านของผม แล้วอีกอย่างผมจะไม่คอยรับผิดชอบดูแลในส่วนของเพื่อนคุณ เพราะมันไม่ได้มีในข้อตกลงที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้”

   เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นเบา ๆ จากร่างสูง วิลเลียมมองสายใยยิ้ม ๆ ในแบบที่ชายหนุ่มไม่นึกชอบนัก

   “ทำไมต้องยุ่งยากแบบนั้นล่ะ ในเมื่อมีคุณอยู่”

   สายใยขมวดคิ้วพยายามตีความในคำพูดของอีกฝ่าย

   “ผมหมายถึง ผมไม่ต้องลำบากไปตามหาเพื่อนที่เมืองไทยของผมหรอก… ให้คุณมานอนเป็นเพื่อนผมแทน มันก็โอเคแล้ว จริงไหม”

   วิลเลียมเอ่ยตามมาในสิ่งที่ทำให้คนฟังหน้าบึ้ง

   “ขอโทษ เห็นทีจะไม่ได้ เพราะผมไม่ชอบนอนร่วมห้องกับใคร”

   “จริงหรือ ผมคิดว่าอย่างคุณน่าจะเป็นพวกขี้เหงา ไม่ชอบนอนคนเดียวเหมือนกันเสียอีก”

   วิลเลียมสวนกลับ ทำให้สายใยหน้าบึ้งหนักขึ้นไปอีก

   “ดูท่าว่าคุณจะมองผิดแล้วล่ะครับ”

   สายใยพยายามพูดสุภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่ตอนนี้ชักอยากระเบิดเสียงใส่แขกคนสำคัญที่เริ่มจะสร้างปัญหาชวนปวดหัวให้เขาเข้าแล้ว

   “อืม ผมคงเข้าใจผิดไปเอง ก็อย่างว่าล่ะนะ เวลาเปลี่ยนคนเราก็เปลี่ยนกันได้”

   วิลเลียมบอกพร้อมรอยยิ้มที่ดูหมองลงอย่างน่าประหลาด ก่อนที่สักพักใบหน้านั้นจะกลับเป็นยิ้มแย้มดูน่าหมั่นไส้ตามเดิม

   “เอาล่ะ งั้นผมจะนอนพักสักหน่อย อาหารเช้าไม่ต้องทำเผื่อผม เพราะผมทานบนเครื่องมาแล้ว มาปลุกผมตอนอาหารกลางวันเลยแล้วกัน”

   ร่างสูงออกคำสั่งทำเอาคนฟังชะงักนิด ๆ แต่ก็ต้องข่มอารมณ์พร้อมกับพยักหน้ารับรู้แล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูด้วยเสียงค่อนข้างดัง จนคนอยู่ในห้องต้องลอบยิ้มพร้อมสั่นศีรษะอย่างเอือมระอา

   “ตอนเด็ก ๆ ออกจะใจดียิ้มแย้มตลอดแท้ ๆ ทำไมโตมาเป็นคนขี้โมโหแบบนี้ได้นะ…เฮ้อ”

   วิลเลียมถอนหายใจยาว พลางหยิบกระเป๋าสตางค์ของเขาออกมาเปิดดู ในนั้นมีรูปของเด็กน้อยสองคนยืนยิ้มกว้างเคียงข้างกัน ชายหนุ่มใช้นิ้วไล้ลูบไปที่ภาพของเด็กผู้ชายที่ตัวโตกว่าอีกคน แล้วพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง พร้อมแววตาจริงจัง

   “ผมกลับมาแล้วนะพี่เอส … กลับมาทวงสัญญาของพวกเรา และถึงพี่จะลืม แต่ผมจะไม่ยอมให้พี่ผิดคำสัญญาแน่ …คอยดูแล้วกัน!”



... TBC ...

กลับมาแล้วค่า ยังจำคนเขียนคนนี้ได้อยู่ไหมเอ่ย   สำหรับเรื่องนี้เป็นนิยายขนาดสั้น (น้ำเน่า) คั่นเวลาระหว่างคิดพล็อตนิยายเรื่องใหม่ .... สำหรับเรื่องนี้คนที่อ่านตอนแรกแล้ว ก็คงเดาได้ตลอดทั้งเรื่อง ^^" เพราะไม่ได้เน้นปมให้ซับซ้อนค่ะ  เขียนเพื่อความบันเทิง เน้นหวาน ๆ เป็นหลัก ไร้ดราม่า  อ่านเอาเพลิน ๆ กันนะคะ

ยังไงก็จะทยอยอัพเดททุกวันนะคะ เพราะปั่นสต็อกไปได้จำนวนหนึ่งและกำลังปั่นใกล้จบแล้ว

แล้วเจอกันใหม่ค่ะ ^^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2012 13:14:22 โดย Xenon »

ออฟไลน์ reborn23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
 :mc4:
เรื่องใหม่  ติดตามต่อไป

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
รอตอนต่อไป
 :z2:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
welcome back ค่าา :mc4: จำได้ๆ เคยอ่านนิยายคุณอยู่นะ

 ตอนนี้น้องปอมจะมาตามหัวใจกลับคืนแล้วสิเนี่ย

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
น้องปอมโตขึ้นหล่อมาดแมนมากสินะพี่เอสถึงจำน้องไม่ได้

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
แหงะ...หนุกอ่ะ... ติด...มาต่ออีกนะคับ ^_^

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4


/2



   สายใยเดินลงมาหาอะไรกินที่ครัวด้วยความหงุดหงิด เขารู้สึกไม่ค่อยถูกชะตาแขกคนสำคัญผู้นี้สักเท่าใดนัก คงเพราะความที่อีกฝ่ายอายุน้อยกว่าแต่ทำตัวเหนือเขา จนชวนให้หมั่นไส้นั่นเอง

   “ไม่รู้จะทนไหวถึงสองอาทิตย์ไหมนะฉัน เฮ้อ!”

   สายใยบ่นอุบกับตัวเองขณะที่กำลังชงกาแฟดื่ม เขาเดินไปที่โซฟาแล้วทิ้งตัวนั่งด้วยสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนที่จะเพลียหลับไปอีกรอบ เพราะเมื่อคืนนั้นเขานั่งเขียนนิยายเกือบโต้รุ่ง แล้วต้องตื่นแต่เช้ามาต้อนรับวิลเลียมอีก 

   ภาพของร่างโปร่งที่นอนหลับฟุบบนโซฟา ทำให้คนที่ลงมาหาน้ำดื่มต้องชะงัก แล้วจึงอมยิ้มน้อย ๆ อย่างนึกเอ็นดู พลางเดินตรงมาหาคนที่นอนหลับอยู่

   “ยังหลับง่ายเหมือนเคยเลยนะ…”

   วิลเลียมพึมพำกับตัวเอง แล้วจึงช้อนร่างตรงหน้าอย่างเบามืออุ้มกลับขึ้นห้องนอนของเขาไปด้วยกัน ก่อนทิ้งตัวลงนอนกอดร่างข้าง ๆ ไปแบบนั้นจนกระทั่งเจ้าตัวหลับตามไปด้วยอีกคน



   “อืม…อุ่นจัง”

   เสียงพึมพำจากร่างโปร่ง พร้อมกับอาการซุกกายเบียดชิดอีกร่างที่อยู่ใกล้กันอย่างลืมตัว ทำให้คนที่นอนหลับอยู่ข้าง ๆ ปรือตาขึ้นมามอง ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับขยับกายกอดอีกฝ่ายตอบอย่างจงใจ

   “งืม…”

   สายใยยังคงหลับสบาย และซุกกายเบียดแนบชิดอกเปลือยของวิลเลียมเข้าไปอีก สัมผัสของอีกฝ่าย และกลิ่นกายหอม ๆ ของเจ้าตัว ทำให้ร่างสูงชักเริ่มรู้สึกแปลก ๆ และลอบถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะตัดสินใจกระซิบข้างหูอีกฝ่าย

   “ถ้าไม่รีบตื่นมาให้ไวกว่านี้ ผมจะปล้ำพี่แล้วนะ”

   เสียงกระซิบและลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดหู ทำให้สายใยรู้สึกจั๊กกะจี้ ก่อนจะปรือตาขึ้นตื่นอย่างงัวเงีย เจ้าตัวนิ่งให้หายมึนงงสักพัก แล้วจึงตาเบิกกว้าง พร้อมกับดันกายขยับออกห่างร่างสูงด้วยความตกใจ

   “เฮ้ย!”

   สายใยอุทานเสียงดังอย่างลืมตัว ส่วนวิลเลียมนั้นอมยิ้มนิด ๆ ด้วยความเอ็นดู เขาตะแคงตัวนอนจ้องตอบอีกฝ่าย และพอสายใยตั้งสติได้ ชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วยุ่ง พลางถามกลับเสียงห้วน

   “ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่กับคุณได้!”

   “ก็ผมลงไปหาน้ำดื่มข้างล่าง เห็นคุณนอนหลับบนโซฟา ดูแล้วไม่ค่อยน่าสบายนัก ก็เลยอุ้มมานอนเตียงด้วยกันยังไงล่ะ”

   วิลเลียมตอบกลับไปตามตรง พร้อมรอยยิ้มยั่วกวนโมโห พลางรอคอยดูท่าทีว่าอีกฝ่ายจะโต้ตอบกลับมาเช่นไร

   “คุณนี่มัน …”

   สายใยพยายามสงบสติอารมณ์ของตนอย่างเต็มที่ แม้ตอนนี้เขาจะเริ่มรู้สึกหงุดหงิดบ้างแล้วก็ตาม

   “ขอบคุณในความมีน้ำใจ แต่คราวหลังไม่ต้องหรอกนะครับ”

   วิลเลียมหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ มองสีหน้าก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวไม่พอใจ แต่เขาก็ยังคงแกล้งตอบกลับกวนโมโหอีกฝ่ายต่อไปอีก

   “ไม่เห็นต้องทำตัวเป็นสาวเวอร์จินแบบนั้นเลยนี่นะ ผมกับคุณก็เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ ๆ”

   สายใยกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินคำพูดอีกฝ่าย เขาพยายามข่มจิตข่มใจไม่ให้โมโห แล้วลุกขึ้นยันกายจะนั่งแต่ก็ต้องหลุดอุทานเสียงหลง เมื่อมือแข็งแรงคว้าหมับที่ข้อมือของเขา พร้อมกับดึงมาแรง ๆ จนเขาเสียหลักล้มลงไปนอนบนร่างเปลือยครึ่งท่อนของเจ้าตัว

   “นี่นาย!”

   สายใยลืมตัวตวาดลั่น หลังจากพลิกกายกลับมาตั้งหลัก ทว่าวิลเลียมกับยิ้มน้อย ๆ ส่งให้อย่างไม่ถือสา แถมยังแก้ตัวหน้าตาเฉย

   “ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

   “…ผมจะออกไปเตรียมอาหารกลางวัน”

   สายใยพูดตอบไปหลังจากเงียบไปพักใหญ่เพื่อสงบสติอารมณ์ของเขาไม่ให้หลุดระเบิดออกมา

   “ให้ผมช่วยไหม”

   “ไม่ต้อง ผมเกรงใจ!”

   เสียงปฏิเสธห้วนอย่างสิ้นเยื่อใย ผิดกับคำพูดลิบลับ ทำให้คนฟังต้องหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วยกมือสองข้างในลักษณะยอมแพ้

   “โอเค งั้นผมจะรอกินอย่างเดียวแล้วกันนะ”

   สายใยสะบัดหน้าใส่อย่างหงุดหงิด แล้วจึงเดินกระแทกเท้าออกไปจากห้อง เขาชักจะไม่ไว้ใจแขกพิเศษคนนี้เสียแล้ว นี่ดีนะตอนที่เขาตื่นขึ้นมายังเห็นว่าอีกฝ่ายใส่กางเกงอยู่ ถ้าเจ้าตัวเปลือยแล้วมานอนกอดเขาล่ะก็ มีหวังเขาคงตะเพิดไล่อีกฝ่ายออกนอกบ้านไปแล้ว

   “ท่องไว้ แค่สองอาทิตย์เท่านั้น ...แค่สองอาทิตย์”

   ชายหนุ่มบ่นพึมพำไปตลอดจนถึงชั้นล่าง เขาจ้องมองอาหารสดที่มีไม่กี่อย่างในตู้เย็น พลางขมวดคิ้วคิดว่าจะทำเอง หรือออกไปซื้อดี  ทว่าพอสายตาเหลือบไปเห็นบางอย่างในนั้น เจ้าตัวก็ชะงักแล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก

   “เป็นไฮโซแต่อยากใช้ชีวิตธรรมดานักใช่ไหม ดีล่ะ งั้นลองกินอาหารพื้น ๆ ดูบ้างแล้วกัน”

   สายใยหยิบไข่ออกมาสองใบจากตู้เย็น เขาคดข้าวสวยที่หุงทิ้งไว้ตั้งแต่เช้ามาสองจาน ก่อนจะตอกไข่ใส่ถ้วย คนไข่ ใส่เครื่องปรุง แล้วเทใส่กระทะที่ตั้งน้ำมันจนร้อนเรียบร้อย

   “นี่ยังใจดีนะเนี่ย ถึงให้กินของอร่อยแบบนี้”

   คนชอบไข่เจียวบอกกับตัวเองอย่างอารมณ์ดี เขาตักไข่แบ่งโปะบนข้าวในส่วนของตัวเองและอีกฝ่าย ทว่าพอเขาเอาจานข้าวไปวางบนโต๊ะอาหาร และคิดจะไปเรียกวิลเลียมลงมากินอาหารกลางวัน เขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินลงมาเสียแล้ว

   “หอมไปถึงข้างบนเลย นึกไม่ถึงเลยว่ามื้อแรกที่กลับไทย จะเป็นไข่เจียวแบบนี้”

   “ถ้าไม่ชอบก็บอกนะครับ จะได้โทรสั่งพิซซ่าอะไรพวกนี้ให้กินแทน”

   สายใยย้อนกลับไป เพราะคิดว่าอีกฝ่ายนั้นประชดที่เขาทำข้าวไข่เจียวให้กิน

   “หือ...พิซซ่าน่ะหรือ ไม่ล่ะ ผมชอบกินข้าวมากกว่าขนมปัง อีกอย่างผมก็ไม่ได้กินไข่เจียวมานานแล้วด้วย  พี่ ๆ ผมไม่ชอบทานไข่ ที่บ้านก็เลยต้องงดเมนูไข่ไปตามระเบียบ”

   วิลเลียมบอกเรื่อย ๆ แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวที่มีจานข้าววางอยู่ โดยมีสายใยมองตามไปด้วยความแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกินง่ายและไม่เรื่องมากเป็นกับเขาเหมือนกัน

   “อร่อย...คุณทำเก่งขึ้นเยอะนี่นะ”

   คนฟังชะงักกับคำพูดนั้น พลางย้อนถามไปอย่างสงสัย

   “คุณเคยกินที่ผมทำหรือไงถึงว่าผมทำเก่งขึ้น”

   วิลเลียมยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงยักไหล่

   “โอ... ผมคงใช้ภาษาไทยผิด ก็ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่นี่นะ ... อืม ผมตั้งใจจะบอกว่า คุณทำอาหารเก่งน่ะ”

   สายใยร้องอ๋อ แล้วจึงตอบกลับไป

   “แค่เจียวไข่ ใคร ๆ ก็ทำได้”

   “หึ ๆ แต่ถ้าพลั้งมือเหยาะน้ำปลาไปมาก ๆ มันก็กลายเป็นไข่เจียวเค็มปี๋ได้นะ”

   สายใยสะดุ้งเฮือก พลางจ้องมองอีกฝ่ายที่ยิ้มน้อย ๆ ให้เขาแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวตรงหน้า 

   “เราคงไม่เคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหม”

   สายใยถามอย่างสงสัย วิลเลียมเหลือบตามอง ยิ้มให้แต่ไม่ตอบอะไร นั่นจึงทำให้คนมองขมวดคิ้วยุ่ง แต่สักพักก็ต้องสลัดความคิดว่าเคยรู้จักอีกฝ่ายออกไป เพราะเขาจำไม่ได้หรอกว่า เคยรู้จักไฮโซ เชื้อฝรั่งกับเขาด้วย

   “ผมคงคิดฟุ้งซ่านไปเอง ก็แค่ไข่เจียวเค็ม ๆ ใคร ๆ  ก็พลั้งเผลอทำกันได้นั่นล่ะ ยิ่งตอนนั้นยังอายุไม่ค่อยมากด้วย”

   ชายหนุ่มพึมพำเหมือนจะพูดบอกตัวเองมากกว่าจะสนทนากับอีกฝ่าย ทำให้วิลเลียมต้องลอบมองคนพูด แล้วจึงอมยิ้มแต่ก็แสร้งทำเป็นไม่ได้สนใจอะไรกับคนตรงหน้า

   ‘ยังหรอก...ต้องให้พี่จำผมได้เองต่างหาก ไม่งั้นก็ไม่คุ้มค่ากับที่ผมอุตส่าห์ลงทุนขอร้องพ่อเพื่อมาค้างกับพี่ที่นี่สิ’

    “นี่คุณวิลเลียม มื้อเย็นนี้คุณมีอะไรอยากกินเป็นพิเศษหรือเปล่า”

   วิลเลียมเงยหน้ามองคนถามที่มีแววตาจริงจัง ไม่ได้ถามแบบขอไปที หรือตามมารยาทอย่างที่คิดไว้

   “อืม...ความจริงผมกินอะไรก็ได้ที่เป็นอาหารไทย ...แต่ถ้าให้ระบุ ผมอยากกินแกงจืดวุ้นเส้นหมูสับน่ะ”

   เมนูอาหารที่ทำให้คนฟังสะดุ้ง เพราะเป็นเมนูที่เด็กคนนั้นในความทรงจำของเขาโปรดปรานมากที่สุด และมักจะขอให้มารดาของเขาทำให้กินทุกครั้งที่เจ้าตัวมากินข้าวด้วยกันที่บ้านหลังนี้

   “คุณสายใย...เป็นอะไรไปหรือครับ”

   วิลเลียมถามขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป สายใยชะงักแล้วรีบสั่นศีรษะก่อนจะพึมพำตอบเบา ๆ

    “ไม่มีอะไร โอเค แกงจืดวุ้นเส้นหมูสับนะ”

   “ครับ...ว่าแต่ถ้าจะกรุณาล่ะก็ ช่วยเรียกชื่อผมโดยไม่ต้องใส่คุณได้ไหม ผมเด็กกว่าคุณหลายปีเลยนะ”

   วิลเลียมบอกตามมา ทำให้คนฟังเลิกคิ้ว แล้วชั่งใจว่าจะเรียกดีไหม เพราะยังไงอีกฝ่ายก็เป็นถึงแขกคนสำคัญของบริษัทพี่ชายอยู่ดี

   “นะครับ เรียก บิล* แทนดีกว่า ฟังดูแล้วสนิทกว่ากันเยอะ” 

   สายใยถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงพยักหน้ารับรู้

   “ก็ได้ งั้นผมจะเรียกอย่างที่คุณอยากให้เรียกแล้วกัน”

   วิลเลียมยิ้มกว้าง แต่นั่นก็ทำให้คนมองชะงัก เพราะใบหน้ายิ้มแย้มของอีกฝ่ายนั้นช่างแสนจะดูดี และดึงดูดสายตาชนิดที่ว่า หากเจ้าตัวไปยิ้มให้สาวที่ไหน มีหวังสาวเจ้าคงจะเคลิบเคลิ้มและตกหลุมรักเอาเข้าง่าย ๆ แน่

    “ถ้าอย่างนั้นผมขอเรียกคุณว่าพี่บ้างได้ไหม”

   คำขอต่อมาทำให้คนฟังหันขวับกลับไปมอง แต่วิลเลียมก็ยังคงยิ้มแย้มไม่เปลี่ยน สายใยขมวดคิ้วยุ่ง แต่พอคิดดูแล้วตัวเองก็อายุมากกว่าจริง ๆ ดังนั้นถูกเรียกพี่ก็เหมาะสมแล้ว ถึงแม้จะดูให้ความสนิทสนมกันเกินไปนักก็ตาม

   “ตามใจคุณแล้วกัน”

    “โอ ดีเลย งั้นผมจะเรียกคุณว่าพี่เอสแล้วกันนะ”

   สายใยพยักหน้าก่อนจะสะดุ้งโหยง แล้วมองคนพูดเขม็ง

   “ใครบอกคุณเรื่องชื่อเล่นผม!”

   “อ้าว ไม่ใช่ชื่อนี้หรือครับ...ผมนึกว่าข้อมูลจะถูกต้องเสียอีก”

   สายใยชะงัก แล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายก็คงมีข้อมูลของผู้ที่ตนพักอาศัยอย่างละเอียดอยู่แล้ว เขาหน้าแดงนิด ๆ แล้วเกาแก้มแก้เขินค่อย ๆ

   “ง่า...ถูกแล้วล่ะ อืม...ลืม ๆ ที่ผมพูดไปแล้วกัน ขอโทษที่ทำเสียงดุใส่นะ”

   วิลเลียมอมยิ้ม ใบหน้านั้นน่ารักจนเขาอยากจะลุกขึ้นไปหอมแก้มของชายหนุ่มเสียเหลือเกิน แต่ขืนทำแบบนั้นมีหวังไม่โดนต่อย ก็คงโดนด่า

   สู้กระตุ้นให้อีกฝ่ายรู้สึกและนึกถึงเขาได้เองแบบนี้ไปเรื่อย ๆ น่าจะเหมาะกว่า ยังไงเขาก็มีเวลาอยู่กับชายหนุ่มตลอดทั้งสองอาทิตย์นี่อยู่แล้วล่ะนะ

   “อ๊ะ…ถ้างั้นผมขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะ ถ้าคุณมีอะไรอยากได้เพิ่มเติม ก็ไปเรียกผมที่ห้องแล้วกัน”

   สายใยที่กินข้าวเสร็จแล้วบอกกับชายหนุ่มอ่อนวัยกว่า ซึ่งวิลเลียมก็พยักหน้ารับรู้ แล้วมองไล่ตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายไปอย่างไม่วางตา



   พอเข้ามาในห้องส่วนตัว สายใยก็เปิดโน้ตบุค เปิดเน็ต ค้นหาข้อมูลการทำแกงจืดวุ้นเส้นทันที เพราะจริง ๆ แล้ว ถ้าเป็นพวกแกงต่าง ๆ  เขามักจะพึ่งร้านแกงถุงหน้าปากซอยเสมอ แต่เพราะเห็นวิลเลียมกินไข่เจียวที่ตนทำอย่างเอร็ดอร่อย เขาก็อยากแก้ตัวและลงมือปรุงอาหารให้อีกฝ่ายกินขึ้นมาบ้าง

   “คนอร์หรือ...น่าจะมีติดตู้ไว้บ้างนะ”

   เพราะเดือนก่อนมารดาเขาแวะมาเยี่ยม จึงตุนพวกเครื่องปรุงต่าง ๆ ติดตู้เย็นไว้เพียบ หวังว่ามันจะยังคงเหลือพอให้เขาลงมือทำอาหารในเย็นนี้ล่ะนะ

   พอได้สูตรมาแล้ว สายใยก็จัดแจงพิมพ์มันออกมาลงกระดาษ เขานอนอ่านสูตรทำแกงจืดแล้วก็พลันคิดถึงคนอยากกินขึ้นมา

   “วิลเลียมอย่างนั้นหรือ...ทำไมถึงคิดภาพไปซ้อนกับเด็กคนนั้นได้นะ”

   ชายหนุ่มพึมพำ ก่อนจะถอนหายใจ เขาเดินไปที่โต๊ะทำงาน บนนั้นมีกรอบรูปตอนเขายังเป็นเด็ก ถ่ายคู่กับเด็กชายตัวเล็กน่ารักอีกคน สายใยลูบภาพในกรอบเบา ๆ แล้วยิ้มน้อย ๆ ออกมา

   “คิดมากไปได้ เด็กคนนั้นออกจะน่ารักขนาดนี้ ไม่มีทางเป็นคนเดียวกับผู้ชายขี้เต๊ะ ปากเสีย อย่างนายวิลเลียมนั่นอยู่แล้วเนอะ”

   แต่ถึงอย่างนั้นสายใยก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่า รอยยิ้มตรึงใจนั่น ช่างแสนสะกดสายตาและชวนมอง เหมือนที่เด็กคนนั้นเคยมีให้ไม่มีผิด

   “ไม่ใช่หรอกน่า ถ้าใช่ก็ต้องจำเราได้แล้วสิ!”

   สายใยสรุปเอาเอง แล้วจึงโยนสูตรอาหารไว้บนเตียง ส่วนตัวเขาก็เริ่มต้นทำงานแต่งนิยายต่อ เขาจดจ่อกับงานของตนเป็นอย่างมาก จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น

   “พี่เอส ...หลับอยู่หรือเปล่าครับ”

   “อะ...ปะ เปล่านะ...เอ๋! ห้าโมงแล้วหรือเนี่ย!”

   เสียงโวยวายดังขึ้นจากในห้อง พร้อมกับเจ้าของห้องที่วิ่งหน้าตื่นออกมา ทำให้วิลเลียมชะงัก

    “ผะ...ผม ลืมไปเลย ขอโทษนะ เดี๋ยวผมจะไปเตรียมอาหารเย็นเดี๋ยวนี้ล่ะ”

   สีหน้าสำนึกผิดนั่น ชวนให้คนมองสงสาร วิลเลียมยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงจับบ่าทั้งสองของอีกฝ่ายบีบ ทำเอาสายใยสะดุ้ง

   “ใจเย็น ๆ ... ผมยังไม่หิวเท่าไหร่หรอก เอาเป็นว่า เดี๋ยวผมช่วยพี่ทำอาหารเย็นนี้แล้วกัน”

   สายใยนิ่งอึ้ง แล้วพยักหน้าตอบรับเบา ๆ อย่างไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนัก แต่ก็รู้สึกว่าเขาพอจะเชื่อมั่นคนตรงหน้าได้อยู่บ้าง



   “ผมเคยได้ยินมาว่าพี่เขียนนิยายเป็นอาชีพสินะ”

   สายใยที่เดินนำไปครัวชะงักกึก แล้วจึงหันมามองคนถามด้วยสายตาสงสัย

   “ผมรู้จากข้อมูลที่เขาเตรียมไว้ให้น่ะ”

   วิลเลียมเอ่ยตอบ โดยจงใจละเรื่องที่เขาสั่งให้นักสืบคอยตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับตัวสายใย ในช่วงระยะเวลาสิบห้าปีนี้มาให้เขาทั้งหมดเท่าที่จะทำได้

   “อย่างนั้นหรือครับ”

   สายใยพึมพำเบา ๆ แม้จะคิดในใจว่า ทางบริษัทของพี่ชายนั้นค่อนข้างจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขามากไปสักหน่อย

   “ผมอยากอ่านนิยายที่พี่เขียนจัง”

   สายใยสะดุ้ง เขาหันไปมองคนถามแล้วยิ้มเจื่อน ๆ

   “ง่า...อย่าดีกว่า ผมว่าคงไม่ใช่แนวคุณหรอก”

   “อ้าว รู้ได้ไงว่าไม่ใช่แนวผม เห็นอย่างงี้ผมก็ชอบอ่านหนังสือนะ และอ่านได้ทุกแนวด้วย”

   วิลเลียมบอกยิ้ม ๆ ทำให้อีกฝ่ายต้องขมวดคิ้วยุ่ง แล้วจึงถอนหายใจออกมาในที่สุด

   “ผมไม่ค่อยชอบให้คนใกล้ตัวอ่านนิยายตัวเอง”

   คำตอบที่ได้รับทำให้คนฟังชะงักแล้วหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ

   “ทำไมล่ะ ปกติของแบบนี้มันต้องให้คนใกล้ตัวช่วยดูให้ไม่ใช่หรือครับ”

   “ก็ผมอายนี่...”

   วิลเลียมมองนักเขียนขี้อายตรงหน้าเขาอย่างนึกขำ แต่เขาก็ไม่กล้าล้อเลียนอะไรไป เพราะดูเหมือนหลังจากหลุดอาการอายแล้ว อีกฝ่ายก็หน้ามุ่ยตามมาติด ๆ

   “โอเค ผมเข้าใจแล้ว ... ตอนนี้เราไปทำอาหารเย็นกันดีกว่า”

   ชายหนุ่มสรุปตัดบท เขาไม่คิดบอกสายใยหรอกว่า หนังสือที่อีกฝ่ายเขียนนั้นได้ผ่านตาเขามาหมดแล้ว แถมยังซื้อเก็บไว้เรื่องละสองชุดอีกต่างหาก โดยเก็บไว้อ่านชุดหนึ่งและสะสมอีกหนึ่งชุด แต่ที่ถามไปก่อนหน้านั้นก็เพื่อต้องการเปิดประเด็นชวนอีกฝ่ายคุยแทนต่างหาก


... TBC ...


*เกร็ดความรู้เล็กน้อยของชื่อเล่นแบบชาวต่างชาติ*

  ชื่อเล่นของชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะเป็นการย่อชื่อ หรือตัดคำ เปลี่ยนเสียงให้สั้น ไม่เหมือนกับชื่อเล่นคนไทย ที่ตั้งกันต่างหากคนละความหมายกับชื่อจริงไปเลย

ยกตัวอย่างเช่น : อดัม ชื่อเล่นก็จะเป็น เอ็ด หรือ เอ็ดดี้    / โรเบิร์ต ก็จะเป็น  บ็อบ , บ็อบบี้ , โรบิน , ร็อบ ,ร็อบบี้ เป็นต้น

 ชื่อเล่นของชื่อวิลเลียม ( William)  ในเรื่อง ความจริงใช้ได้ ทั้งบิล , บิลลี่ , วิล , วิลลี่  แต่ชื่อเล่นที่ติดหูและนิยมตั้งกันมากที่สุด ก็เห็นจะเป็น "บิล" นี่ล่ะค่ะ

พอดีตอนแรกที่เขียนปัดใช้ชื่อ "วิล" แล้วเจอน้องนักอ่านผู้รู้ทักมา ก็เลยไปศึกษาเพิ่มเติมและเห็นว่าใช้บิลมากกว่าจริง ๆ ก็เลยเปลี่ยนมาเป็น "บิล"  นี่ล่ะค่ะ

หวังว่านักอ่านคงไม่ขัดตานะคะ ^^" (ถ้าจะขัดก็คงขัดตั้งแต่ ชื่อ ปอม อัพเกรด เป็นวิลเลียมละ ตอนเขียนก็ลืมไป ว่าน่าจะใช้ชื่อฝรั่งพื้น ๆ หน่อย มาตอนนี้ก็คงได้แต่เลยตามเลยล่ะนะ แหะ ๆ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2012 08:57:42 โดย Xenon »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
จะวิลเลียม หรือ บิล ก็คือน้องปอมของพี่เอสล่ะนะ

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ตอนในฝันยังคิดว่าพี่เอสจะเป็นเมะซะอีก
พอโตมากลับผิดคาด

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
  ต้อนรับเรื่องใหม่ ของคนเขียนคนเดิมจ้ะ :pig2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2012 12:35:51 โดย yayee2 »

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
แนวอบอุ่นมาเลย อยากให้พี่เอสจำน้องได้เร็วๆจัง :man1:
แต่ว่าอยู่ดีๆจากปอมทำไมกลายเป็นบิลได้น้อ สิบห้าปีที่ผ่านมา มีอะไรเกิดขึ้นเยอะเลยสิเนี่ย :z1:
รออ่านตอนต่อไปนะคะ :กอด1:

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
เนื้อเรื่องน่ารักดีค่ะ อ่านแล้วอยากจะอมยิ้มตลอดทั้งตอนเลย
บวกจ้า :L2:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4


/3



   “นี่...บิล คุณเอาวุ้นเส้นไปแช่น้ำไว้ให้หน่อยแล้วกัน”

   สายใยลงมือใช้คนที่อาสามาช่วยเขาทำครัวอย่างเป็นกันเองมากขึ้น ไม่รู้ทำไมพอเห็นอีกฝ่ายทำตามคำสั่งของตัวเองโดยไม่ขัดงอนแบบนี้ มันชวนให้นึกถึงร่างเล็กป้อม ๆ ในสมัยเด็กที่มักจะเชื่อฟังและคอยทำตามคำสั่งของเขาอยู่เป็นประจำ

   “พี่เอส จะให้ผมตั้งน้ำเลยไหม”

   “อือ...ตั้งได้เลย ส่วนปริมาณก็...ก็เท่าไหร่นะ”

   สายใยนิ่งคิด เพราะเขาลืมสูตรอาหารไว้ด้านบน จะวิ่งเอามากางอ่านดูก็กลัวถูกหัวเราะเยาะ เขาเหลือบมองอีกฝ่ายที่รอคอยคำสั่งจากเขา ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอนิด ๆ แล้วจึงบอกออกไป

   “ง่า...ใส่สักครึ่งหม้อก็ได้”

   วิลเลียมยิ้มรับ แล้วทำตามที่บอกแต่โดยดี สายใยลอบถอนหายใจแล้วจึงค้นคนอร์ในตู้เย็น พร้อมกับหยิบผักและหมูสับในนั้นออกมา

   “อาจจะไม่ถูกปากนักนะ เพราะผมถนัดแต่ทำพวกของทอดง่าย ๆ ทั่วไปมากกว่า”

   สายใยรีบออกปากบอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องเวลาเขาทำ วิลเลียมสั่นศีรษะเบา ๆ ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ให้อย่างอ่อนโยน

   “ไม่เป็นไร ผมอยากกินเองนี่ เพราะฉะนั้นต่อให้ออกมารสไหน ผมก็กินได้อยู่แล้ว”

   คำพูดและรอยยิ้มที่ทำให้คนมองใจเต้นแรง แล้วรีบหลบสายตาไปมองทางอื่นทันที

   ‘บ้าน่า จะอายทำไม ผู้ชายเหมือนกันแท้ ๆ’

   สายใยคิดในใจ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเวลายิ้มแล้ววิลเลียมนั้นค่อนข้างดูดีจริง ๆ

   “โอ๊ย!”

   เพราะมัวแต่คิดเรื่อยเปื่อย ทำให้ชายหนุ่มไม่ทันระวังและเฉือนมือตัวเองเข้าให้ ดีที่ไม่ได้บาดลึกนัก แต่ก็มีเลือดไหลซึมออกมาอยู่ดี

   “พี่เอส เป็นอะไรไป!”

   วิลเลียมที่กำลังจ้องให้คนอร์ละลายน้ำจนหมด รีบหันกลับมามองสายใยที่หลุดร้องออกมาอย่างตกใจ และพอเห็นเลือดบนนิ้วของอีกฝ่ายเขาก็รีบจับมือชายหนุ่มมาล้างน้ำสะอาด แล้วหันซ้ายหันขวาเพื่อจะหาที่ปิดแผล

   “มะ...ไม่เป็นไร แผลแค่นิดเดียวเอง”

   “เดี๋ยวเชื้อโรคเข้าจะแย่นะครับ”

   วิลเลียมบอก แล้วจึงถามถึงที่เก็บยาสามัญประจำบ้าน สายใยถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงเดินไปหยิบพลาสเตอร์ยาออกมาจากลิ้นชักในตู้โชว์มุมห้องรับแขก แต่ก็ต้องตกใจเพราะวิลเลียมที่เดินตามมาด้วยกัน หยิบแผ่นพลาสเตอร์ยาไปจากมือของเขาเสียก่อน

   “ผมแปะให้”

   “อะ...อืม”

   สายใยยอมทำตามที่อีกฝ่ายขอแต่โดยดี เขาจ้องมองคนที่กำลังแปะพลาสเตอร์ที่นิ้วเขา ยิ่งพอมองใกล้ ๆ แบบนี้ก็ยิ่งเห็นว่าวิลเลียมนั้นหน้าตาดีเอามาก ๆ โดยเฉพาะขนตาสีดำขลับหนาเป็นแพยาวนั่นยิ่งส่งให้นัยน์ตาเรียวยาวชวนมองมากขึ้นไปอีก

   หลังจากที่ปิดแผลให้อีกฝ่ายเสร็จแล้ว วิลเลียมก็รู้สึกว่ามีสายตากำลังจ้องมองตน ซึ่งพอเขาเงยหน้าก็สบกับสายตาของอีกฝ่ายพอดี

   “พี่เอส...จ้องอะไร ติดใจผมหรือ”

   “ปะ เปล่าสักหน่อย!”

   คนถูกจับได้รีบแก้ตัว เบือนหน้าหนีไปอีกทาง ใบหน้านั้นแดงระเรื่อด้วยความเขินที่ดันเผลอไปจ้องหน้าคนอื่นอย่างเสียมารยาทแบบนั้น

   “ไม่เห็นเป็นไรเลย...ถ้าเป็นพี่ ผมยอมให้จ้องอยู่แล้ว หรือจะทำมากกว่าจ้องก็ได้”

   วิลเลียมบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับใช้สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง จนทำให้คนที่หันกลับมามองใจเต้น  รู้สึกแปลก ๆ กับคนตรงหน้า  ยิ่งได้พูดคุย ได้เข้าใกล้ สายใยก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยกับอีกฝ่ายมากขึ้นทุกที โดยเฉพาะนัยน์ตาสีดำเรียวยาวที่ดึงดูดให้คนมองคู่นั้น

   “พี่เอส...ไปทำแกงจืดกันต่อดีไหม”

   วิลเลียมเอ่ยตัดบท เพราะขืนปล่อยให้จ้องตากันนานไปกว่านี้ เขาคงอดไม่ได้ที่จะจูบสายใยแน่ 

   “อะ...อืม...นะ นั่นสิ”

   สายใยตอบรับคำเสียงตะกุกตะกัก รู้สึกแปลก ๆ ยามที่ได้จ้องตาอีกฝ่าย ใบหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาประหลาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

   ทางด้านวิลเลียมนั้นค่อนข้างพอใจกับปฏิกิริยาตอบรับของชายหนุ่มไม่น้อย เขารู้ดีว่าสายใยไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรักเท่าใดนัก เพราะเจ้าตัวเอาแต่เรียน แถมพอเรียนจบก็ตั้งหน้าตั้งตาเก็บตัวเขียนนิยายอยู่บ้าน จนไม่มีโอกาสจะไปคบสาวที่ไหน ดังนั้นถ้าเป็นเรื่องความรักแล้ว ชายหนุ่มดูจะไร้เดียงสาผิดกับอายุของเจ้าตัวอยู่มากทีเดียว

   “พี่เอส ใส่อะไรก่อนดี วุ้นเส้นหรือหมู”

   วิลเลียมหันไปถามคนที่ยืนใจลอยข้างเขา สายใยสะดุ้งแล้วยิ้มเจื่อน ๆ ส่งให้

   “ง่า...วุ้นเส้น...เอ๊ย ไม่สิ หมูต่างหาก ...น่าจะหมูนะ”

   “ครับ ๆ หมูก็หมู”

   วิลเลียมรับคำขำ ๆ ก็ค่อนข้างจะพอรู้มาบ้างว่าอีกฝ่ายไม่ถนัดงานครัว แต่ก็ดีใจที่เจ้าตัวอาสาทำกับข้าวให้เขากิน เพราะฉะนั้นต่อให้จะออกมาแบบไหน เขาก็พร้อมจะรับมันได้เสมอ

   แต่ถึงอย่างนั้นถ้ารสชาติมันออกมาเลวร้ายมาก ๆ วิลเลียมก็คิดว่าจะกินพวกยาแก้ท้องเสียกันไว้ก่อนล่ะนะ

    ….

   “อร่อยผิดคาดแฮะ”

   คำชมดังขึ้นหลังจากที่เจ้าตัวตักชิมไปคำแรก โดยมีคนทำมองดูด้วยสายตาลุ้นระทึก

   “จริงหรือ!”

   สายใยถามกลับอย่างตื่นเต้น วิลเลียมหัวเราะเบา ๆ แล้วใช้ช้อนตักน้ำแกง ก่อนจะยื่นให้ที่ด้านหน้าของอีกฝ่าย

   “พี่ก็ลองชิมดูสิ อร่อยดีนะ”

   สายใยชะงักกึก หน้าแดงนิด ๆ แล้วสั่นศีรษะเบา ๆ ก่อนจะตอบไปอย่างลืมตัว

   “ไม่เป็นไร พี่ เอ๊ย ผมกินเองได้”

   วิลเลียมชะงักมือที่เตรียมจะป้อนอีกฝ่าย แล้วค่อย ๆ วางลงที่จานก่อนจะนิ่งเงียบไป ทำให้สายใยต้องมองอย่างสงสัย เขานึกว่าวิลเลียมจะโกรธที่เขาปฏิเสธ เลยเตรียมจะขอโทษ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสีหน้าอ่อนโยนและรอยยิ้มสะกดใจของชายหนุ่มอีกครั้ง

   “เมื่อครู่นี้ทำให้ผมรู้สึกดีมากเลย ...พี่แทนตัวเองกับผมว่าพี่แบบนั้นได้ไหม”

   สายใยเงียบกริบ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนตรงหน้าถึงอยากให้เขาเรียกตัวเองแบบนั้น ทั้งเรื่องที่ขอเรียกเขาว่าพี่ก่อนหน้านั้นอีกด้วย

   “จะเหมาะหรือ...ยังไงคุณก็เป็นแขก”

   “ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย...นะ... ได้ไหม ผมอยากได้ยินจัง”

   วิลเลียมเริ่มอ้อน ทำให้อีกฝ่ายกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกแปลก ๆ พิกล แต่ก็จำต้องตอบรับไป เพราะไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ตรงไหน อีกอย่างอายุของเขาและอีกฝ่ายก็ห่างกันหลายปีจนเป็นพี่น้องกันได้จริง ๆ อยู่แล้ว

   “ก็ได้...พี่ก็พี่”

   คำพูดพร้อมใบหน้าคล้ายเอียงอายนิด ๆ นั่น ทำให้คนมองชะงัก ก่อนจะลืมตัวเผลอทำบางสิ่งออกไป

   “อา... พี่เอสน่ารักที่สุดเลย ผมรักพี่จัง”

   วิลเลียมบอกแล้วชะโงกหน้าข้ามโต๊ะหอมแก้มคนตรงข้ามไปหนึ่งฟอดใหญ่ อย่างอดใจไว้ไม่ไหว แต่พอเห็นสีหน้าตกตะลึงนั่น ชายหนุ่มก็ต้องถอนหายใจ แล้วจึงเอ่ยตามมา

   “ตอนแรกก็ตั้งใจให้พี่รู้สึกตัวเอง แต่พี่เล่นน่ารักแบบนี้ ผมจะอดใจไหวได้ไง...”

   สายใยเบิกตากว้าง ยังคงมึนงง สับสนนึกอะไรไม่ออก ตั้งแต่โดนผู้ชายด้วยกันหอมแก้มเข้าให้เมื่อครู่แล้ว ทว่าเขาก็ต้องตกใจหนักยิ่งกว่าเดิม เมื่อได้ยินประโยคถัดมาของวิลเลียม

     “ผมกลับมาแล้วนะพี่ อย่างที่เคยสัญญากันไงล่ะ ว่าถ้าผมเรียนจบเมื่อไหร่ ผมจะมารับพี่เป็นเจ้าสาวน่ะ ...ยังไม่ลืมใช่ไหม”

   “คะ...คุณ...ไม่ใช่สิ หรือว่านะ...นายคือ...”

   คำสัญญาสมัยเด็กที่ชวนให้อมยิ้มด้วยความขบขันกับความไร้เดียงสาของเด็กชายตัวน้อย แต่ตอนนี้สายใยไม่อยากเชื่อเลยว่า อีกฝ่ายจะกลับมาทวงสัญญากับเขาในสภาพที่แตกต่างจากเดิมจนสิ้นเชิง

   “พี่สัญญากับผมแล้วไม่ใช่หรือ ...ผมทำตามสัญญาแล้วนะ เพราะฉะนั้นผมก็หวังว่า พี่คงไม่คิดกลับคำใช่ไหม?”

   วิลเลียมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ มันช่างผิดกันลิบลับกับเด็กชายในความทรงจำของสายใยเสียเหลือเกิน

   “นั่นมัน...ตอนนั้น นายยังเด็ก แล้วก็...”

   สายใยพยายามปฏิเสธ ยังไม่อยากจะเชื่อว่าวิลเลียมจะเป็นคนเดียวกับเด็กตัวน้อยผู้แสนน่ารักคนนั้นของเขา

   “ผมหรือสู้อุตส่าห์ตั้งอกตั้งใจเรียนจนจบได้ในที่สุด แถมยังต้องทะเลาะกับพ่อแล้วก็พี่ชาย เรื่องที่จะกลับมาขอพี่แต่งงานอีก ...เพราะฉะนั้นผมไม่มีทางปล่อยให้พี่ปฏิเสธง่าย ๆ หรอก”

   วิลเลียมตอกย้ำ พลางจ้องชายหนุ่มราวกับจะกลืนกิน จนคนถูกจ้องต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

   “ง่า...คือ....คือ กินข้าวเย็นกันก่อนดีไหม”

   นักเขียนหนุ่มพยายามจะหลีกหนีความจริงเต็มที่ ทำให้คนที่กำลังจ้องมองเขาเขม็งถึงกับชะงัก ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ

   “โอเค กินก็กิน ไหน ๆ พี่ก็อุตส่าห์ทำเพื่อผมทั้งทีนี่นะ”

   วิลเลียมบอกแล้วกลับมายิ้มอ่อนโยนให้ตามเดิม จนคนถูกมองใจเต้น แต่พอคิดว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงกับตนเขาก็ต้องรีบหลบตา ทว่าใบหน้านั้นกลับยิ่งแดงหนักขึ้นกว่าเดิม

   “แต่ถ้ากินเสร็จแล้ว เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวเลยนะครับ...พี่เอส”

   น้ำเสียงอันแสนคุกคามดังขึ้นถัดมา ทำให้คนถูกเรียกชื่อนึกอยากจะโทรไปหาพี่ชายให้เอาแขกพิเศษกลับไปเสียเดี๋ยวนี้ ทว่าเขากลับทำได้เพียงพยักหน้านิด ๆ แล้วกินข้าวต่อไปเงียบ ๆ ไม่ได้รู้สึกถึงรสชาติของแกงถ้วยนั้นแต่อย่างใด

   ทางด้านวิลเลียม เขาเองก็คิดว่าตัวเองตัดสินใจสารภาพความจริงเร็วไปสักหน่อย แต่ดูจากปฏิกิริยาของสายใยแล้ว เขาดูท่าทางจะมีหวังมากกว่าวืด และถ้าเขาลองรุกมากกว่านี้อีกสักนิด คงจะทำให้ชายหนุ่มยอมรับในตัวเขาได้ไม่ยากนัก

   ถึงยังไงเขาก็ตั้งใจไว้แล้วว่า นอกจากสายใยซึ่งเป็นรักแรกและรักเดียวตั้งแต่เด็กของเขาแล้ว เขาก็ไม่คิดจะปันใจไปชอบใครอีก และเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้คนที่เขารักคนนี้หลุดมือไปได้แน่ เพราะฉะนั้นต่อให้ต้องใช้แผนการเล่ห์กลแค่ไหน เขาก็ต้องทำให้อีกฝ่ายยอมรับรักเขาให้จงได้!

   

   แค่เพียงวันเดียวกลับเกิดเรื่องราวต่าง ๆ มากมายกับสายใย  มีแขกพิเศษมาร่วมพักที่บ้านอันแสนสงบของเขา แล้วแขกคนนั้น ก็ดันเป็นคนเดียวกับเด็กน้อยข้างบ้านที่เคยสนิทกับเขามากมาก่อน แถมเจ้าตัวยังบอกอีกว่า การมาครั้งนี้มาเพื่อจะทวงสัญญาที่เคยให้ไว้สมัยเด็ก และตอนนี้ก็กำลังนั่งนิ่งรอฟังคำตอบอยู่ตรงโซฟาตรงข้ามเขาเสียด้วย

   “ว่าไงครับ พี่เอส ถ้าพี่รับปากตอนนี้ ผมจะได้บอกให้แม่กับพ่อบินมาไทยเลย จะได้ไปสู่ขอกับพ่อแม่พี่ให้เรียบร้อยตามประเพณีที่นี่”

   “บ้ารึ! แต่งงานนะ ไม่ได้เล่นของเล่น จะได้ให้คิดปุ๊บให้คำตอบได้ปั๊บน่ะ!”

   สายใยโวยวาย ยิ่งพอเห็นวิลเลียมพูดด้วยแววตาจริงจังไม่มีล้อเล่น เขายิ่งเครียดหนักเข้าไปอีก

   “เอาจริงหรือปอม...ไม่ใช่สิ บิล”

   พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กน้อยในความทรงจำ สายใยก็เริ่มพูดจาเป็นกันเองกับชายหนุ่มมากขึ้น

   “เรียกอะไรก็ได้พี่ จะบิลจะปอม ถ้าเป็นพี่ผมโอเคทั้งนั้น”

   สายใยมองคนตรงหน้าเขาที่ยิ้มแย้มออกมาอย่างบริสุทธิ์ ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจึงย้อนถามกลับไป

   “แล้วตอนนี้ใช้ชื่ออะไรอยู่ล่ะ ที่ครอบครัวปัจจุบันนี้เรียกน่ะ”

   “ก็ใช้บิลนี่ล่ะครับ พอแม่หย่า แม่ก็อยากทิ้งอดีตเก่า ๆ ไปให้หมด ทางครอบครัวใหม่ก็เลยช่วยตั้งชื่อให้พวกเราแม่ลูกใหม่กันทั้งคู่นั่นล่ะ”

   สายใยรับฟังอย่างเข้าใจ ถึงตอนนั้นเขายังเด็ก แต่เขาก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ของอีกฝ่ายไม่ค่อยดีนัก พ่อแท้ ๆ ของชายหนุ่มนั้นขี้เหล้า และชอบทำร้ายลูกเมียตอนเมาเสมอ ชายหนุ่มตอนเป็นเด็กน้อยจึงมักถูกฝากให้ครอบครัวเขาเลี้ยงตอนที่มารดาอีกฝ่ายออกไปทำงาน ซึ่งครอบครัวเขาและตัวเขาก็เต็มใจและรักอีกฝ่ายเหมือนสมาชิกในบ้านคนหนึ่ง

   “ครอบครัวใหม่ดีกับนายมากไหม”

   สายใยเปลี่ยนเป็นชวนคุยเรื่องของวิลเลียมแทน เพราะสิบห้าปีแล้วที่เขาไม่ได้ข่าวคราวจากทางนั้นเลย

   “ดีมาก ๆ เลยครับ ...ดีจนผมคิดว่าทำไมผมถึงไม่เกิดเป็นลูกแท้ ๆ ของพ่อ เป็นน้องแท้ ๆ ของพวกพี่ ๆ ไปเสียเลย”

   สายใยมองคนที่มีสีหน้าเปี่ยมสุข แล้วก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้ เพราะถึงยังไงคนตรงหน้าก็เป็นน้องชายที่เขาเคยรักมากคนหนึ่ง

   “ไม่เป็นไรหรอก สายเลือดบางทีมันก็ไม่จำเป็นต่อชีวิตครอบครัวหรอกนะ มันอยู่ที่ความรักความเข้าใจกันต่างหาก”

   วิลเลียมยิ้มตอบ เขาจ้องมองสายใยนิ่ง จ้องจนนักเขียนหนุ่มเริ่มรู้สึกตัว แล้วจึงรีบหลบตาน้อย ๆ 

   “ผมอยากให้พี่มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวใหม่ผมจัง...”

   คำขอนั้นทำให้คนฟังกลืนน้ำลาย อยากจะปฏิเสธออกไป แต่ก็กลัวทำร้ายจิตใจของอีกฝ่าย จะว่าไปเขาก็มีส่วนผิดที่ดันไปเผลอรับปากก่อนจาก เพราะคิดว่าเป็นแค่คำพูดไร้เดียงสาของเด็ก ๆ ใครจะรู้ว่าวิลเลียมจะยึดถือคำสัญญานั้นมาสิบห้าปี แล้วมาขอเขาเป็นเจ้าสาวเอาเข้าจริง ๆ

   “พี่เอสก็ยังโสดไม่ใช่หรือ...หรือพี่เกลียดผม”

   วิลเลียมตีสีหน้าเศร้าสลด   ทำเอาอีกคนสะดุ้งเฮือก

   “ปะ…เปล่านะ”

   สายใยรีบตอบ ถ้าเป็นนายวิลเลียมที่เจอตอนแรกนั่นเขาก็รู้สึกหมั่นไส้อยู่บ้าง แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนเดียวกับเด็กในความทรงจำคนนั้นของเขานั่นมันก็อีกเรื่อง

   “ไม่เกลียด แสดงว่ารัก”

   อีกฝ่ายรุกต่อ ทำเอาคนกำลังคิดหนักเผลอตัวตอบรับออกไป

   “เออ...รักก็รัก...”

   สายใยชะงัก แล้วมองอีกฝ่ายที่ทำตาโต พลางยิ้มกว้างตามมาอย่างดีใจ ชายหนุ่มนิ่งคิดว่าตัวเองตอบอะไรออกไป แล้วก็ต้องรีบลุกพรวดปฏิเสธลั่น

    “เฮ้ย! ไม่ใช่นะ!”

   “แต่พี่บอกเองไม่ใช่หรือ”

   วิลเลียมแย้งยิ้ม ๆ ก็รู้หรอกว่าอีกฝ่ายมึน แต่เขาก็อยากเห็นสีหน้าตกใจแบบนี้จากเจ้าตัวเช่นกัน

   “ก็นาย ...โธ่โว้ย!”

   “ฮะ ๆ ใจเย็น ๆ ผมแค่แกล้งแหย่พี่เอง”

   วิลเลียมโบกมือน้อย ๆ ทำให้อีกคนหน้ามุ่ย ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตามเดิมแล้วบ่นอุบเบา ๆ กับตัวเอง

   “แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากได้ยินว่ารักกันบ้างจัง”

   ชายหนุ่มหยอดคำหวานที่ทำให้คนฟังขนลุกซู่ แล้วยิ้มเจื่อน ๆ ให้

   “ง่า...ถ้าจะกลับคำสัญญานี่ จะโกรธกันมากไหม”

   วิลเลียมชะงักก่อนจะบอกตามมา

   “ใครจะโกรธพี่ลงล่ะครับ”

   ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมยิ้มหวาน ทำเอาสายใยลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ทว่าเพียงครู่เดียว เขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินประโยคถัดมา

   “แต่หากพี่ผิดสัญญา ผมจะไม่รอทำตามประเพณี แต่จะจับพี่เข้าหอเสียเดี๋ยวนี้เลยล่ะ!”

   พูดไม่พูดเปล่า วิลเลียมนั้นยังขยับกายเข้ามาใกล้จนสายใยสะดุ้งโหยง

   “เดี๋ยวบิล  อย่าล้อเล่นนะ!”

   “ไม่ล้อล่ะพี่ ทนรอมาตั้งสิบห้าปี จู่ ๆ จะมาบอกยกเลิกสัญญา ใครหน้าไหนมันจะทนไหว”

   วิลเลียมบอกเสียงเข้ม ทำเอาสายใยอยากจะร้องไห้ เพราะอีกฝ่ายตัวสูงใหญ่กว่าเขา แถมเรี่ยวแรงก็ดูจะมากกว่า ถ้าปล้ำกันมีหวังเขาคงสู้อีกฝ่ายไม่ได้แน่

   “ดะ  เดี๋ยว ขอเวลาพี่คิดบ้างสิ!”

   สายใยพยายามต่อรอง ทำให้วิลเลียมหยุดเดิน แล้วถามกลับ

   “เท่าไหร่ล่ะครับ”

   “ง่า...ก็สัก...สองอาทิตย์”

   สายใยบอกแล้วเหลือบมองว่าอีกฝ่ายจะว่าไง เพราะเขาตั้งใจว่าพอครบกำหนดสองอาทิตย์ที่วิลเลียมอยู่ที่นี่ เขาจะหาทางหลบไปค้างบ้านเพื่อนเพื่อหนีอีกฝ่ายเสียเลย

   “หืม...สองอาทิตย์อย่างนั้นหรือ”

   วิลเลียมมองคนพูด แล้วซ่อนยิ้มในสีหน้า ก่อนจะตอบกลับไปง่าย ๆ

   “ก็ได้ ผมจะให้เวลาพี่คิดคำตอบสองอาทิตย์”

   สายใยยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ทำให้คนมองนึกขำ ทำไมเขาจะเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไร  สิบห้าปีที่ผ่านมา แม้สายใยจะไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไงทำอะไรอยู่ แต่ตัวเขานี่ล่ะพยายามทุกอย่างที่จะสืบค้นข้อมูลของชายหนุ่มมาตลอด จนกระทั่งวันที่เรียนสำเร็จ เขาจึงตัดสินใจกลับมาที่ไทยเพื่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้สักที

   “ผมหวังว่า คำตอบที่พี่จะให้ จะทำให้ผมพอใจนะ”

   วิลเลียมโน้มใบหน้าลงไปกระซิบคนที่นั่งเผลอ ๆ ก่อนจะงับหูชายหนุ่มเบา ๆ จนเจ้าตัวสะดุ้งเฮือก หน้าแดงทั้งฉุนทั้งอาย แล้วขยับถอยห่างไปชิดริมโซฟาทันที

   ‘อะไรกันวะ ตอนเด็กออกจะน่ารักเหมือนลูกแกะน้อย ทำไมโตขึ้นมามันถึงได้กลายเป็นหมาป่าแบบนี้ไปได้!’

   สายใยคิดในใจอย่างหงุดหงิด โดยเฉพาะหลังจากนี้ที่ต้องมาอยู่ร่วมบ้านกับคนที่คิดจะเอาเขาเป็นเจ้าสาวอีกสองอาทิตย์ เขาก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าวิลเลียมจะอดทนตามที่สัญญาไว้ได้ไหม หรือจะตบะแตกจับเขาปล้ำเอาเสียก่อนเข้าให้

   ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ล่ะก็ รีบ ๆ หาเมียเสียก่อน เหมือนพี่ชายเคยบอกไว้ก็คงดี!




....TBC...

เรื่องไปแบบเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ นะคะ ^^" อาจจะไม่ถูกใจคนชอบพล็อตสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนนัก แต่พอดีเขียนเพราะอยากได้อะไรหวาน ๆ น่ารัก ๆ ไว้แก้ขัดระหว่างคิดพล็อตใหม่ ก็เลยมาแบบสไตล์นี้ล่ะค่ะ อีกอย่างค่อนข้างเป็นเรื่องสั้นด้วยก็เลยได้ราว ๆ นี้ล่ะนะคะ แหะ ๆ ....แต่ถ้าชอบกันสักนิดก็จะดีใจมากเลยนะคะ ^^

kakuro

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณคุณปัด :L2:
ชอบนะ ชอบเรื่องแบบนี้ อ่านแล้วสบายใจเหมือนได้พักผ่อน :pig3:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ชอบนะ เรื่องราวน่ารักดี
อาหารการกินเราก็ยังมีของชอบตั้งหลากหลาย
นิยายและเครื่องประเทืองอารมณ์ ก็ใช่จะชอบเพียงแบบเดียว
พี่เอสน่ะ พอครบสองอาทิตย์แล้ว เจ้าความคิดที่ว่าจะหลบไปค้างบ้านเพื่อนน่ะ คงเปลี่ยนไปนะ

ออฟไลน์ maio2000

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
เข้ามาอ่านแล้วชอบมากๆเลยค่ะ แนวแบบเนี่ยน่ารักดี
เป็นแรงใจเชียร์บิลให้จีบพี่ตินนะคะ
สู้ๆถ้าไม่ยอมก็กดไปเลย :laugh:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
อ่านไปยิ้มไป น่ารักดีค่ะ
อยากรู้ว่าสายใยจะยอมสยบกับน้องปอมเมื่อไหร่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
น้องปอมเล่นกลับมาลุคใหม่ทำเอาพี่เอสจำไม่ได้เลยอ่ะ
เรื่องน่ารักค่ะ ฮุฮุ ลูกแกะน้อยอัพเลเวลกลายเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ไปแล้วเน้อ
นี่แค่วันแรกที่ประกาศตัวพี่เอสยังทำอะไรไม่ถูกกับยังเขินซะขนาดนี้
วันที่รอคอยของน้องปอมอยู่ไม่ไกลหรอก รุกเข้าไป รุกเข้าปายยย

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
พี่เอสกับน้องปอม น่ารักอะ ชอบๆๆ แนวนี้

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
วู้วววว จากแกะน้อยน่ารัก กลายเป็นหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ไปเลยนะ บิลลลล

พี่เอสอย่าคิดนานนะฮ้าบบบบ เรารอตอนเลิฟๆๆๆๆ

5555 :กอด1:

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
ชอบสายใยคิดอะไรก็โดนปอมดักทางได้หมด
ปอมเป็นคนที่รักมั่นคงต่อพี่เอสมากถึงเวลาเปลี่ยนแต่ใจคนไม่เปลี่ยนตาม o13
บวกบวกจ้า :L2:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4



/4



   รุ่งเช้าของอีกวัน สายใยตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ เพราะมัวแต่คิดมากเรื่องของวิลเลียมจนแทบจะนอนไม่หลับ เจ้าตัวเดินเบลอ ๆ เข้าไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แต่ความง่วงก็ยังมีมากกว่า ทำให้ชายหนุ่มต้องเดินกึ่งหลับกึ่งตื่นเกาะบันไดลงมาอย่างช้า ๆ จนคนที่ตื่นไวกว่าและกำลังนั่งจิบกาแฟ พร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วยต้องละสายตาไปมอง ก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ อย่างเอ็นดู

    “เดินลืมตาดี ๆ สิพี่ เดี๋ยวก็ตกบันไดหรอก”

   เสียงเตือนของวิลเลียมทำให้สายใยชะงักกึก ตาสว่าง ทว่าเผลอลนลานจนลืมตัวแทน

   “พี่เอส!”   

   วิลเลียมเรียกเสียงดังด้วยความตกใจ วางแก้วกาแฟจนเกือบเป็นกระแทกแล้วรีบวิ่งไปดูคนที่เสียหลัก ก้นไถลมากับขั้นบันไดเกือบสิบขั้น

   “พี่เอสเป็นอะไรบ้าง หัวกระแทกหรือเปล่า ไปหาหมอไหมพี่!”

   วิลเลียมถามพร้อมกับสำรวจร่างกายอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง สายใยนิ่วหน้าด้วยความเจ็บก่อนจะสั่นศีรษะปฏิเสธตามมา

   “ไม่เอาไม่ไป ไม่ได้เจ็บอะไร แค่ก้นกระแทกเอง”

   วิลเลียมถอนหายใจเพราะอีกฝ่ายดูเหมือนจะดื้อดึงไม่ยอมไปหาหมอท่าเดียว

   “ถ้ากระดูกหักขึ้นมาล่ะพี่”

   สายใยชะงัก แล้วรีบแย้งเสียงอ่อย

   “ไม่หักหรอก ถ้าหักก็ต้องเห็นน่ะสิ”

   “หึ…นั่นมันพวกกระดูกหักนอกเนื้อต่างหาก ถ้าของพี่มันแบบเริ่มร้าว แล้วไม่รีบรักษา ปล่อยไว้ให้หักทิ่มทะลุออกมา พี่จะว่าไง”

   สายใยหน้าซีด กลืนน้ำลายลงคอ แล้วเริ่มสำรวจร่างกายตัวเองอย่างลังเล

   “นะครับ...ไปหาหมอกันนะ”

   วิลเลียมพยายามเกลี้ยกล่อมจนอีกฝ่ายเริ่มใจอ่อน

   “ก็ได้...แต่แค่คลินิกแถวนี้พอนะ”

   คนฟังขมวดคิ้วยุ่ง พลางถอนหายใจหนัก ๆ ตามมา

   “ผมจะให้พี่ไปเอ็กซเรย์ดูทั้งตัวเลยนะครับ คลินิกเขามีเครื่องมือพวกนี้หรือไง ไปโรงพยาบาลนั่นล่ะครับ อ้อ ไปเอกชนแล้วกัน ไม่ต้องรอคิวทำเอกสารโน่นนี่วุ่นวายให้เสียเวลา”

   สายใยทำตาโตด้วยความตกใจ แล้วรีบสั่นศีรษะปฏิเสธ

   “ไม่เอาเด็ดขาด มันแพง เปลืองด้วย!”

   วิลเลียมถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือกดเบอร์ไปหาใครบางคน

   “คุณไกรสรหรือครับ ผมวิลเลียมพูดนะ ช่วยส่งรถมารับผมหน่อย ผมจะไปโรงพยาบาลแถวนี้ ...หือ ไม่ใช่ผมหรอก แต่เจ้าของบ้านที่ผมอาศัยอยู่ด้วยประสบอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ”

   จากนั้นวิลเลียมก็คุยกับปลายสายอีกเล็กน้อย แล้วจึงตัดสายทิ้ง ทำให้สายใยที่นั่งอยู่จ้องเขม็ง

   “พี่ไม่ไปโรงพยาบาลเอกชนนะ!”

    “หรือครับ...”

   วิลเลียมรับคำลอย ๆ แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก เขาอุ้มช้อนร่างของสายใยขึ้นจากพื้นโดยไม่สนใจเสียงโวยวายจากอีกฝ่ายเท่าใดนัก

   “ปล่อยนะบิล! พี่เดินเองได้!”   

   “แน่ใจหรือครับ?”   

   วิลเลียมก้มมองคนอวดเก่งในอ้อมกอดเขา แล้วเอ่ยตามมา

   “ถ้างั้นปล่อยเดี๋ยวนี้เลยแล้วกัน”

   ชายหนุ่มแกล้งทำเหมือนจะปล่อยให้อีกฝ่ายร่วงลงไปกับพื้น ทำเอาสายใยต้องอุทานพร้อมกอดคอร่างสูงหมับด้วยความตกใจ

   “หึ ๆ ผมแค่ล้อพี่เล่นน่ะ ใครจะใจร้ายทำให้ว่าที่เจ้าสาวตัวเองเจ็บซ้ำซ้อนกันล่ะครับ”

   วิลเลียมบอกยิ้ม ๆ ทำเอาสายใยหน้าแดงวาบ ชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูกด้วยความอาย ได้แต่ก้มหน้าซุกกับอกกว้างเพื่อไม่ต้องการเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายให้เขาต้องอายซ้ำ

   “นั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ”

   ร่างสูงประคองร่างในอ้อมกอดวางบนโซฟาอย่างอ่อนโยน แล้วขยับไปนั่งข้าง ๆ เพื่อคอยดูแลใกล้ชิดสายใยตลอด จนกระทั่งเสียงแตรรถนอกบ้านดังขึ้น

   “เอส! เป็นอะไรหรือเปล่า!”

   ทันทีที่รถจอดสิทธาพี่ชายของสายใยก็รีบลงจากรถมายืนรอที่หน้าประตูพลางตะโกนถามอย่างเป็นห่วง

   “พี่อาร์มมาด้วยหรือนั่น!”   

   สายใยอุทานอย่างตกใจ ไม่คิดว่าแค่เขาตกบันได จะกลายเป็นเรื่องใหญ่จนพี่เขาต้องรีบทิ้งงานเผ่นมาหาแบบนี้ ต้องโทษคนข้างกายนี่ล่ะที่ไม่ยอมแจ้งสาเหตุให้ชาวบ้านเขารับรู้ให้ละเอียดเสียก่อน

   “อืม...พี่อาร์มมาก็ดีแล้ว จะได้ช่วยกันกล่อมให้พี่เอสไปหาหมอ...ที่โรงพยาบาลเอกชน”

   วิลเลียมทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทำเอาสายใยอ้าปากค้าง ก่อนจะหุบปากหมับแล้วรีบเอามือยกปิดปากตนเอง เมื่อเห็นร่างสูงชะโงกหน้าเข้ามาใกล้

   “ชิ! เบื่อคนรู้ทันชะมัด”

   วิลเลียมบ่นเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้หัวเสียอะไรนัก ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหน้าบ้านเปิดประตูรั้ว แล้วพูดคุยกับสิทธา และอีกคนที่มาด้วยกัน สักพักสิทธาก็เดินตามวิลเลียมเข้ามาในบ้าน ส่วนชายอีกคนนั้นนั่งรออยู่บนรถที่จอดไว้หน้าบ้าน

   “เอส! ให้ตายเถอะ ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้ สามสิบแล้วนะเรา ยังเดินตกบันไดอีกหรือไง”

   ทันทีที่เจอหน้าสิทธาก็ดุน้องชายตัวเองทันที แล้วหันไปทางวิลเลียม

   “ขอโทษนะครับ ที่ทำให้ต้องมาเดือดร้อนเพราะน้องของผมไปด้วยอีกคน”

   สายใยมองทั้งคู่ตาปริบ ๆ จริงอยู่ที่เขาประมาทและพลั้งเผลอ แต่ต้นเหตุหลักที่ทำให้เขาเป็นอย่างนั้น ก็คือคนที่ยืนทำหน้ายิ้ม ๆ อยู่ข้างพี่ชายของเขานั่นล่ะ

   “ไม่เป็นไรครับพี่อาร์ม ผมกับพี่เอสก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันอยู่แล้ว”

   วิลเลียมตอบยิ้ม ๆ แต่ทำให้คนฟังชะงักกึก แล้วหันมามองน้องชายสลับกับแขกคนสำคัญของประธานบริษัทตรงหน้าอีกที

   “เอ่อ...คุณรู้จักผมด้วยหรือครับ”

   “หึ ๆ จำผมไม่ได้หรือพี่   ตอนเด็ก ๆ ผมมากินมานอนที่บ้านนี้ออกบ่อย ๆ แล้วก็มักเล่นซนกับพี่เอสจนโดนพี่ดุอยู่เรื่อยไงล่ะครับ”

   สิทธาเบิกตากว้าง ก่อนจะชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างลืมตัว

   “ปะ...ปอม?”

   “ใช่ครับพี่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อแล้ว เป็นวิลเลียม เรียกบิลแทนแล้วกันครับ เพราะพี่เอสก็เรียกแบบนี้เหมือนกัน”

   วิลเลียมบอกพร้อมรอยยิ้ม  สายใยลอบถอนหายใจเบา ๆ เข้าใจความรู้สึกของพี่ชายตัวเองดี เขาตอนแรกที่รู้ก็ตกใจไม่แพ้กัน ...แต่ก็ดีนะ ที่วิลเลียมไม่บอกจุดประสงค์แท้จริงที่มาเมืองไทยให้พี่ของเขารับรู้ทั้งหมด

   “ไว้ไปคุยกันบนรถดีกว่าครับพี่ ตอนนี้ต้องพาพี่เอสไปหาหมอก่อน  ไปโรงพยาบาลเอกชนนะครับ สะดวกดี  เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วง จ่ายผ่านการ์ดผมได้เลย”

   สิทธาพยักหน้ารับรู้อย่างมึนงง จากนั้นเขาก็เตรียมจะไปประคองน้องชายให้เดิน ทว่ากลับโดนวิลเลียมตัดหน้าอุ้มสายใยลอยขึ้นในอ้อมกอดเสียก่อน

   “พี่อาร์ม ผมฝากไปค้นพวกบัตรประชาชนของพี่เอสให้หน่อยนะครับ เดี๋ยวผมพาพี่เขาไปไว้ที่รถก่อน”

   “อ๊ะ...อ้อ จริงสิ งั้นเดี๋ยวผมตามไปนะ”

   สิทธารับคำ แม้จะชะงักที่ถูกชิงน้องชายไปต่อหน้าเมื่อครู่ก็ตาม  จากนั้นชายหนุ่มจึงวิ่งขึ้นบันไดตรงไปชั้นสองหยิบกระเป๋าเงินของน้องชายลงมา แล้วตามไปที่รถ เขาเลือกนั่งด้านหน้าคู่คนขับ เพราะเบาะด้านหลัง มีสายใยและวิลเลียมนั่งอยู่แล้ว

   “ไปโรงพยาบาล** แล้วกันนะคุณชูวิทย์”

   สิทธาหันไปบอกคนขับ แล้วชำเลืองมองดูน้องชายและชายหนุ่มอีกคน ก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง จริงอยู่ที่สมัยเด็กทั้งคู่นั้นสนิทกันมาก แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ท่าทางที่วิลเลียมมีต่อสายใย มองยังไงมันก็ไม่เหมือนเพื่อนในวัยเด็กธรรมดาเสียเลย โดยเฉพาะสายตาอ่อนโยนยามที่อีกฝ่ายมองน้องเขา ถ้าสายใยเป็นผู้หญิง สิทธาจะฟันธงได้เลยว่านายวิลเลียมคนนี้ กำลังตกหลุมรักน้องของเขาอยู่แน่

   

   สายใยถูกหมอจับตรวจเอ็กซเรย์ร่างกายเรียกได้ว่าแทบจะศีรษะจรดปลายเท้า ซึ่งก็เป็นที่น่ายินดีว่าอีกฝ่ายไม่มีอาการกระดูกร้าวหรือหักในส่วนใดเลย

   “เห็นไหมพี่บอกแล้วว่าไม่เป็นอะไร บิลก็ยังบังคับให้พี่ตรวจอีก แล้วเป็นไง เปลืองเงินโดยใช่เหตุเลยไหม”

   สายใยบ่นอุบเมื่อรู้ว่าตนปลอดภัยดี ส่วนวิลเลียมนั้นแทนที่จะสลด  เขากลับยิ้มน้อย ๆ ให้คนบ่นแทน

   “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วนี่ครับ อีกอย่างตรวจไว้นั่นล่ะดีแล้ว ผมจะได้สบายใจด้วย”

   สายใยนิ่งอึ้ง แล้วรีบหลบตา หน้าร้อนวูบวาบ  รู้สึกได้ถึงความรักใคร่และห่วงใยของคนตรงหน้าที่ไม่คิดจะปิดบังตัวเองเลยสักนิด

   “อะแฮ่ม...ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะเอส แล้วก็...ง่า คุณด้วย”

   สิทธาเรียกอีกฝ่ายอย่างลำบากปาก เพราะถึงจะรู้จักกันตั้งแต่เด็ก แต่สถานะปัจจุบันวิลเลียมก็เป็นถึงลูกชายของคู่ค้าระดับวีไอพีของบริษัทที่เขาทำงานอยู่

   “เรียกผมบิลก็ได้พี่อาร์ม ผมไม่ถือหรอก”

   สิทธาถอนหายใจเบา ๆ แล้วพยักหน้าค่อย ๆ

   “ครับ...แต่ไว้นอกเวลางานนะครับ ไปเถอะเอส”

   สิทธาตรงเข้าประคองร่างของน้องชายก่อนที่วิลเลียมจะถึงตัวอีกฝ่าย ทำเอาคนที่ตั้งท่าจะอุ้มสายใยไปเหมือนขามาชะงักกึก พร้อมกับเพ่งมองตามไล่หลังสิทธาไปอย่างครุ่นคิด

   ‘สงสัยพี่อาร์มจะรู้ตัวแล้วแน่เลย...แต่ก็ไม่แปลกหรอกนะ ก็พี่เขาเป็นคนฉลาด ช่างสังเกตมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่’

   วิลเลียมคิดในใจพร้อมยกยิ้ม เห็นทีนอกจากจะกล่อมให้สายใยยอมรับในตัวเขา ภายในสองอาทิตย์นี้ คงต้องดึงสิทธามาให้เป็นพวกของเขาเสียก่อน ไม่อย่างนั้นพี่ชายที่แสนจะรักน้องชายคนนี้ คงต้องหาทางขัดขวางเขาแน่

   ชายหนุ่มคิดอย่างไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจนัก เขาเชื่อว่าสิทธาจะต้องยอมรับในความรักมั่นคงกว่าสิบห้าปีของเขา เพราะสิทธานั้นเป็นพวกค่อนข้างหัวสมัยใหม่ ใจกว้าง และนิยมชมชอบคนที่ซื่อสัตย์และรักษาสัญญาเป็นที่สุด ขอเพียงเขาแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขารักสายใย และพร้อมจะดูแลชายหนุ่มไปตลอดชีวิต เชื่อว่าสิทธาจะต้องใจอ่อนยอมรับและเชื่อมั่นในความรักของเขาที่มีต่อน้องของตนแน่นอน

   

   พอกลับมาถึงบ้าน สายใยก็ต้องอยู่ตามลำพังกับวิลเลียมอีกครั้ง เพราะสิทธาต้องรีบกลับไปทำงานที่ค้างไว้ต่อ แต่ก็ยังบอกว่าจะแวะมาเยี่ยมหลังเลิกงานในเย็นนี้

   “พี่เอสหิวไหม เดี๋ยวผมทำกับข้าวให้กิน”   

   วิลเลียมเหลือบมองดูนาฬิกาที่ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยง เพราะรีบตรงกลับบ้านเขาจึงไม่ได้แวะทานอาหารที่ไหนเลย

   “บิลทำเป็นด้วยหรือ?”

   “หึ ๆ อย่าดูถูกเชียวนา ผมเข้าครัวช่วยแม่ออกจะบ่อย พอมาอยู่กับครอบครัวใหม่ แม่ก็ไม่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ มีเวลาพัฒนาฝีมือเรื่องอาหาร แล้วก็มักจะเรียกผมไปเป็นผู้ช่วยประจำนั่นล่ะ”

   พอพูดถึงครอบครัวที่อยู่ด้วยปัจจุบันชายหนุ่มก็มักจะมีรอยยิ้มอย่างมีความสุขเสมอ สายใยจำรอยยิ้มนั้นได้เป็นอย่างดี เป็นรอยยิ้มที่อีกฝ่ายในตอนเด็กมีเฉพาะเวลาอยู่กับเขาและครอบครัวของเขา แต่พอต้องกลับไปบ้านที่มีพ่อขี้เหล้าชอบทำร้ายทุบตีตนและแม่ เด็กน้อยคนนั้นก็มักจะมีแววตาเศร้าสร้อยให้เห็น ดังนั้นตอนที่วิลเลียมบอกว่าให้เขาเลือกเรียกชื่ออีกฝ่ายว่าอะไรก็ได้ เขาจึงเลือกเรียกชื่อใหม่ที่ครอบครัวปัจจุบันตั้งให้แทน  เพื่ออยากให้ชายหนุ่มลืมเรื่องแย่ ๆ ในอดีตไปเสียให้หมด

   “พี่เอส ...จ้องหน้าผมทำไม อ๊ะ หรือว่าตกหลุมรักเข้าให้แล้ว”

   วิลเลียมถามแล้วรีบบอกเข้าข้างตัวเอง ทำเอาสายใยหน้าแดงวาบ แล้วรีบดุใส่

   “บ้าน่ะสิ! พี่ก็แค่คิดถึงเราตอนสมัยเด็ก ๆ แค่นั้นเอง”

   อีกฝ่ายเงียบไปแล้วจึงยิ้มน้อย ๆ  ก่อนจะเดินลงมานั่งคุกเข่าทรุดลงหน้าคนเจ็บ พลางยื่นหน้าเข้ามาถามใกล้ ๆ จนชวนให้หวาดเสียว

   “พี่รำคาญผมไหม ยังชอบผมเหมือนเดิมหรือเปล่า”

    สายใยกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่ เมื่อใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น

   “ง่า...พี่ไม่ได้รำคาญบิลนะ แล้วก็ยังชอบเหมือนเดิม...แต่ไม่ใช่ในแง่นั้น”

   สายใยรีบบอกแล้วก็ต้องเสียใจที่เผลอหลุดปากไปเพราะคนที่กำลังเตรียมยิ้มกว้างต้องชะงักสีหน้า แล้วเปลี่ยนเป็นสลดลงอย่างน่าสงสาร

   “แต่ผมรักพี่...รักมาตลอดสิบห้าปี”

   “แต่ตอนนี้พี่ยังไม่พร้อมจะมีใคร...ไม่สิ...”

   สายใยที่เตรียมจะแก้ตัวเงียบลงสักครู่  แล้วจึงตัดสินใจบอกความจริงที่กังวลอยู่ออกไป

     “พี่กลัวน่ะบิล ...กลัวสายตาผู้คน กลัวพ่อแม่กับครอบครัวพี่จะรับไม่ได้”

   วิลเลียมจ้องมองชายหนุ่มนิ่ง พอเห็นอีกฝ่ายพยายามหลบตาเขาก็ต้องถอนหายใจตามมา

   “พี่เอส... พี่รู้ไหมว่าผมต้องใช้ความพยายามขนาดไหน กว่าจะทำให้พ่อกับแม่ยอมปล่อยผมมาหาพี่ได้ และผมก็เชื่อว่า ผมจะสามารถทำให้ครอบครัวของพี่ยอมรับผมได้ในสักวันหนึ่งเช่นกัน...”

   ชายหนุ่มหยุดเว้นวรรค ซบหน้าลงกับตักของอีกฝ่าย ทำเอาสายใยสะดุ้ง ทว่าอ้อมกอดหลวม ๆ ของชายหนุ่มที่กอดเอวเขา ส่งผ่านความรู้สึกอ่อนโยนและเต็มไปด้วยรัก จนสายใยไม่กล้าปฏิเสธตัดรอนอ้อมกอดนั้นได้

   “...ผมเชื่อว่าความรักของผมที่มีต่อพี่มันไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย ไม่ใช่สิ่งที่สมควรจะโดนดูถูกหรือประณาม ...ผมไม่แคร์หรอกว่าใครจะมองผมว่ายังไง ผมขอแค่คนที่ผมรัก รักผมตอบ แค่นั้นมันก็ทำให้ผมสุขใจ และพร้อมจะใช้ทั้งชีวิตปกป้องคนที่ผมรักและครอบครัวของเขา ไม่ให้ใครมาดูถูกหรือรังแกได้”

   คำพูดที่สื่อออกมาจากหัวใจของคนพูด ทำให้สายใยถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วอึดใจ และเมื่อวิลเลียมยันกายลุกชะโงกตัวเข้ามาใกล้ แม้กระทั่งยามที่ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันแผ่วเบา สายใยก็ยังคงจ้องมองนัยน์ตาของอีกฝ่ายอย่างไม่คิดละสายตา

    “พี่เอส...ไม่ว่าพี่จะเลือกผมหรือไม่  แต่คนที่ผมจะรักตลอดไป  จะมีเพียงแต่พี่คนเดียวเท่านั้น”

   น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบ ริมฝีปากคลอเคลียสัมผัสกันอ้อยอิ่ง ก่อนที่สายใยจะค่อย ๆ พริ้มตาหลับ ยามเมื่อริมฝีปากของอีกฝ่ายบดเบียดกระชับเข้ามาหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ

   สายใยปรือตาขึ้นมามองคนตรงหน้า เมื่อรู้สึกว่าแผ่นหลังของตนสัมผัสกับพื้นผิวโซฟานุ่ม วิลเลียมถอนริมฝีปากออกมา เขาแย้มยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยน พลางกระซิบบอกรักชายหนุ่มแผ่วเบา แล้วจึงโน้มใบหน้าลงมาประทับบดเบียดริมฝีปากเข้าหากันอย่างดูดดื่มอีกครั้ง...   



... TBC ...



ตอนที่ 4 มาแล้วค่ะ ^^ ..... พี่เอสเริ่มจะหวั่นไหวแล้ว ....แต่จะเสร็จคุณน้องบิลไหม อันนี้ต้องคอยติดตามตอนต่อไปกันนะคะ  :o8:






LiTTlE [A]

  • บุคคลทั่วไป
+1ให้เบาเบา
ชอบทุกเรื่องที่คุณแต่ง จัดมาเลย
************
แค่วันที่ 2 เองยังหวั่นไกวขนาดนี้ วันที่เหลือม่ะรอดแน่ :impress2:
น่ารักทั้งคู่ ชอบชอบ
 :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
สายใยไม่รอดแหงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด