[...Miracle Café...] คาเฟ่อลวน-คนอลเวง / +ตอนพิเศษให้อ่านแถม P.22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [...Miracle Café...] คาเฟ่อลวน-คนอลเวง / +ตอนพิเศษให้อ่านแถม P.22  (อ่าน 222155 ครั้ง)

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)


เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



----------------------------------------------

นิยายเก่า ๆ ที่ลงไว้ (จบแล้ว)
คุณตำรวจยอดรัก  ,  คุณอาที่รัก(แนวโชตะ)  , กรงรัก...พันธนาการใจ  , The Eden School  , ดวงใจจ้าวมังกร , ม่านราตรี ,   Miracle Café 
ลิขิตรักอสุรกาย    ,  เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ.    , ขอโทษที คนนี้พี่จองแล้ว    , กรงรัก พันธนาการใจ (ฉบับรีเมก)


เรื่องสั้น
คุณพี่...ที่รัก   ,  สัญญา สายใย เชื่อมใจรัก


นิยายที่ยังไม่จบ
-
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2014 19:18:37 โดย Xenon »

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: Miracle Café ประเดิมตอนแรก 23/7/55
«ตอบ #1 เมื่อ23-07-2012 12:55:31 »


แวะมาทำสารบัญค่ะ ^^

   ตอนที่ 1  ตอนที่ 2   ตอนที่ 3   ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6   ตอนที่ 7   ตอนที่ 8   ตอนที่ 9   ตอนที่ 10   ตอนที่ 11   ตอนที่ 12   ตอนที่ 13   ตอนที่ 14   ตอนที่ 15   ตอนที่ 16   ตอนที่ 17   ตอนที่ 18     ตอนที่ 19  ตอนที่ 20    ตอนที่ 21   ตอนที่ 22    ตอนที่ 23    ตอนที่ 24         ตอนที่ 25     ตอนที่ 26         ตอนที่ 27      ตอนที่ 28        ตอนที่ 29    ตอนที่ 30       ตอนที่ 31     ตอนที่ 32         ตอนที่ 33     ตอนที่ 34    ตอนที่ 35   ตอนที่ 36    ตอนที่ 37    ตอนที่ 38    ตอนที่ 39    ตอนที่ 40    ตอนที่ 41   ตอนที่ 42   ตอนที่ 43   ตอนที่ 44   ตอนที่ 45   ตอนที่ 46   ตอนที่ 47   ตอนที่ 48   ตอนที่ 49   ตอนที่ 50   ... บทสรุปส่งท้าย


.................................................................................

สวัสดีค่ะนักอ่านที่ติดตามงานของปัด และที่เพิ่งเคยเข้ามาอ่าน

ปัดได้พล็อตนิยายเรื่องใหม่แล้วนะคะ และคิดว่าน่าจะเขียนรอดได้หลายตอน ปัจจุบันเขียนนำไปแล้ว ถ้ายังไงจะลงวันละตอนจนกว่าจะหมดสต็อกนะคะ (เขียนได้ไม่เยอะมากหรอกค่ะ แต่ตอนนี้กำลังไฟแรง ปั่นได้เรื่อย ๆ)


สำหรับเรื่องใหม่นี้ชี้แจงกันสักหน่อยว่าเป็นแนว "ฮาเร็ม"    (ตั้งแต่ตอนท้าย ๆ ขึ้นไป (ราว ๆ ตอน 30 กว่า ๆ ) ตัวละครเริ่มจับคู่แน่นอนกันแล้วนะคะ^^)   และ  เรท "โชเน็นไอ"

ซึ่ง Shonen ai  หรือ โชเน็นไอ ก็คือ  แนวรักระหว่างหนุ่ม ๆ แต่ใส ๆ ไร้ NC แต่มีเซอร์วิสเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พอชุ่มชื่นหัวใจ (ปัดไม่ถนัดเรท นาน ๆ จะบิวส์ขึ้นที แต่ถ้าเขียนใส ๆ หวาน ๆ จะแถไปได้เรื่อย ๆ แหะ ๆ)

ส่วน Harem (ฮาเร็ม)  ก็คือ  แนวรวมหนุ่ม ๆ หล่อ ๆ ที่่สวนใหญ่มักจะตกหลุมรักตัวละครหลักของเรา  ไม่ได้จับคู่ตายตัว ทุกคนมีสิทธิ์เป็นพระเอกได้ แล้วแต่แรงแม่ยก หรือความพอใจคนเขียน (ตอนนี้คนเขียนล็อกตัวไว้สองสามตัวแล้ว แต่ก็เปลี่ยนแปลงได้ตามอารมณ์และสถานการณ์ของตัวละครพาไปอยู่ดี --...)  อาจจะขัดใจหลายคนที่ชอบคู่แบบรักเดียวใจเดียว แต่เรื่องนี้จริง ๆ แล้ว จะเน้นกุ๊กกิ๊ก และความน่ารักของหนุ่ม ๆ ทุกคน ที่ทำงานร่วมกันมากกว่าประเด็นรัก จึงออกมาสไตล์นี้ล่ะค่ะ (เขียนไปหิวไป เพราะบางทีต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องดื่มและอาหาร)


หวังว่านักอ่านที่หลงเข้ามาคงจะสนุกสนานกับเรื่องใหม่นี้ของปัดบ้าง ไม่มากก็น้อยนะคะ   หากมีข้อมูลผิดพลาดตรงไหน ปัดขออภัยมา ณ ที่นี้ ปัดพยายามจะปรับเอาข้อมูลจริง ๆ มาลงในนิยายเท่าที่เอื้ออำนวยได้ แต่บางครั้งก็อาจจะไม่ตรงกับชีวิตการทำงานจริงนัก แต่จำต้องปรับเพื่อให้สามารถเขียนได้ราบรื่น และไร้กังวลยิ่งขึ้น  (หลายคนที่อ่านงานปัดก็คงรู้ว่า ปัดไม่ค่อยชอบใส่อุปสรรคในนิยายนัก)  แต่ถึงอย่างไร ถ้าพบข้อผิดพลาดในนิยาย ปัดก็ขอน้อมรับคำตำหนิและติติงเอาไว้ทุกประการ และจะพยายามปรับปรุงให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ


สุดท้ายนี้ก็รักและขอบคุณทุกคนที่แวะเวียนเข้ามาอ่านนะคะ  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2013 15:11:06 โดย Xenon »

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: Miracle Café ประเดิมตอนแรก 23/7/55
«ตอบ #2 เมื่อ23-07-2012 12:57:28 »


ขอบคุณที่สนใจคลิกเข้ามาอ่านค่ะ ^^ สำหรับเรื่องนี้คาดว่าจะเป็นเรื่องยาวเรื่องใหม่แนวใส ๆ จิ้นได้ แต่ไม่มี NC นะคะ เป็นแนวปกติ ไม่มีแฟนตาซี เรื่อย ๆ เปื่อย ๆ (มั้ง) และหวังว่าคงจะได้เขียนเป็นเรื่องยาวเกิน 10 ตอนล่ะนะ ^^"

เรท : ตอนนี้คิดว่าคงเป็นแนวโชเน็นไอ ใสปิ๊ง จิ้นกระจาย ไร้ NC / และแต่ละตอนค่อนข้างสั้นค่ะ ไม่ยาวมาก

แนว : ฮาเร็มหนุ่ม (หลัง ๆ ทุกตัวละครมีคู่เป็นของตัวเองค่ะ) / คอมมาดี้ ฮาเฮ / ไร้สาระ /

ป.ล. อ่านแล้วใครคิดชื่อภาษาไทยได้ก็ช่วยแจมตั้งชื่อให้ด้วย เพราะตอนนี้คนแต่งยังคิดชื่อไม่ออกค่ะ อ้อ ...ชอบไม่ชอบยังไงก็ร่วมแสดงความคิดเห็นได้นะคะ ทุกคอมเมนต์ของท่าน เป็นแรงกำลังใจให้คนแต่งค่ะ ^^


Edit : ได้ชื่อไทยแก้ขัดมาแล้วค่ะ เป็นชื่อ "คาเฟ่อลวน คนอลเวง"  ^^" (สกิลการตั้งชื่อช่าง...เหมือนเคย เฮ้อ)
--------------------------------------------------


Miracle Café / 1




“เพล๊ง!”

เสียงที่ดังขึ้น ทำให้คนที่เผลอเตะบอลแรงเกินไปใจหายวาบลงไปอยู่ตาตุ่ม ส่วนคนที่ถือแจกันใบสวยที่บัดนี้หลุดจากมือกลายเป็นเศษกระเบื้องไร้ค่า เหลือบกลับมามองพลางจ้องใบหน้าของคนก่อเรื่องนิ่งสักพัก ก่อนจะแย้มยิ้มน้อย ๆ ในแบบที่ทำให้คนซึ่งกำลังเดินมาขอโทษชะงักกึก

“เอ่อ...คือผมขอโทษนะครับ ผมไม่ทันระวัง เลยทำของคุณเสียหาย...ถ้ายังไงผมจะชดใช้ให้...”

“สามแสน...”

ชายหนุ่มผมยาวรูปร่างสูงโปร่ง ผู้มีใบหน้าหล่อเหลาและเป็นเจ้าของแจกันใบงามเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ แต่ทำเอาคนฟังสะดุ้งเฮือก

“แจกันนี่นะครับ สามแสน!”

สิ้นเสียงหลุดโพล่งออกมาด้วยความตกใจของเจ้าตัว ก็ทำให้คนในทีมที่ร่วมเล่นฟุตบอลด้วยกันวิ่งหายไปส่วนหนึ่ง แต่ก็มีบางคนพากันมารุมดูด้วยความสงสัย

“แจกันบ้าอะไรจะแพงขนาดนั้นคุณ ขูดรีดกันหรือเปล่าเนี่ย!”

ชายคนที่เล่นบอลร่วมกับชายหนุ่มที่เตะบอลพลาดเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าไม่ค่อยพอใจ แต่พอเห็นอีกฝ่ายล้วงหยิบใบเสร็จรับเงินจากในกระเป๋ายื่นให้ เขาก็รับมาอ่าน แล้วกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

“ง่า...ท่าทางจะของจริงแล้วว่ะ โย”

วาโยรับใบเสร็จจากมือเพื่อนมาดูบ้าง แล้วก็หน้าซีด ก่อนจะส่งใบเสร็จคืนอีกฝ่ายด้วยมืออันสั่นเทา

“เอ่อ...ถ้ายังไงผมขอผ่อนเป็นงวด ๆ ได้ไหมครับ...คือตอนนี้ผมเพิ่งเรียนจบ ยังหางานทำไม่ได้เลยน่ะครับ ...แต่ผมไม่โกงแน่ครับ อ๊ะ...จดชื่อนามสกุลผมไว้ได้เลยนะครับ”

ชายหนุ่มหน้าตาดีมองคนที่รีบล้วงกระเป๋าสตางค์แล้วหยิบบัตรประชาชนทั้งที่หน้าซีดเผือดให้กับเขา เจ้าตัวรับมาดูก่อนส่งคืน พลางอมยิ้มน้อย ๆ อย่างนึกพึงพอใจมากขึ้นไปอีก

“คุณว่าคุณเพิ่งเรียนจบ ยังไม่มีงานทำสินะ”

วาโยพยักหน้าตอบรับ แล้วมองดูว่าอีกฝ่ายจะพูดยังไงต่อ

“อืม... ถ้างั้นสนใจมาทำงานที่ร้านของผมไหม ...แน่นอนผมจะจ่ายเงินเดือนให้ แต่ผมจะหักเงินเดือนคุณเดือนละ 80 เปอร์เซ็นต์เพื่อล้างหนี้ อ้อ! แต่ถ้าได้ทิปจากแขก เงินส่วนนั้นจะเป็นของคุณไม่มารวมกัน”

ข้อเสนอที่ฟังดูแล้วค่อนข้างน่าสนใจ แต่สำหรับวาโยก็ยังคงเป็นกังวลอยู่ดี

“แล้วงานที่ผมต้องทำล่ะครับ...”

“เด็กเสิร์ฟร้านคอฟฟี่ช็อปเล็ก ๆ ส่วนเงินเดือนก็สตาร์ทที่หมื่นบาทต่อเดือน รับทิปต่างหาก ...ถ้าทำงานได้ดี มีประสิทธิภาพ ปลายปีมีโบนัสแถมให้ด้วยนะ”

วาโยและเพื่อนอีกสองสามคนทำตาโต โดยเฉพาะเพื่อนของชายหนุ่ม นึกอยากจะถามว่ามีตำแหน่งว่างเหลือบ้างหรือไม่

“เอ่อ... ว่าแต่ร้านคุณอยู่แถวไหนหรือครับ ไกลจากแถวนี้มากไหม”

ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้าที่แสดงถึงการตัดสินใจไปกว่าครึ่ง เพราะเขาในเวลานี้คงไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า ขืนกลับไปต่างจังหวัดแล้วบอกพ่อแม่ว่าไปทำแจกันราคาสามแสนของคนอื่นแตก แทนที่จะได้เงินมาใช้ มีหวังหัวของเขาคงจะได้แตกตามแจกันไปแทนแน่

“อืม... คุณมีบ้านพัก หรือ เช่าบ้านอยู่ล่ะ”

แทนที่จะตอบคำถามของวาโย แต่อีกฝ่ายกลับย้อนถามแทน ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วนิด ๆ แล้วตอบกลับไปตามตรง

“เอ่อ...ผมเช่าห้องอยู่กับเพื่อนครับ ...ตรงตึกแถวใกล้ ๆ นี่เอง”

“อย่างนั้นรึ... ก็ไม่ไกลกันนัก ...แต่ด้วยสภาพหนี้สินที่คุณมี ผมขอเสนอให้คุณใช้บริการห้องพักของทางร้านจะดีกว่า เพราะมันเป็นหนึ่งในสวัสดิการของพนักงานร้านที่จะได้รับน่ะ”

ชายหนุ่มบอกพร้อมรอยยิ้ม แล้วจึงหยิบนามบัตรสีแดงใบหนึ่งออกจากกระเป๋าของเขา ก่อนจะส่งยื่นให้กับวาโย

“พรุ่งนี้สองโมงเช้า คุณมาตามที่อยู่นี่นะ มาพูดคุยเซ็นสัญญากันให้เรียบร้อย แล้วคุณก็ไปเก็บของย้ายมาอยู่กับทางผมได้เลย...”

วาโยรับนามบัตรนั้นมาอ่าน ตัวอักษรสีทองสลักชื่อ Miracle Café กลางนามบัตร และตรงมุมบัตรเหนือที่อยู่และเบอร์โทร มีชื่อสั้น ๆ ว่า ‘ปวีร์’ บนกระดาษใบนั้น วาโยจ้องมองที่อยู่ตามนามบัตรแล้วนิ่งคิดว่าอยู่ตรงละแวกไหน ทว่าก่อนที่จะคิดออก ชายหนุ่มก็ต้องชะงัก เมื่อคนที่ยื่นนามบัตรให้เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์หาใครบางคน

“ฉันเอง มารับด้วย ....ก็ใช่ ตั้งใจจะถือของเดินเล่นชมวิวมาเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้ ของไม่อยู่แล้วเลยขี้เกียจเดินนี่ .... ก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก แต่ไม่ได้อยู่ในสภาพเดิม..... เออน่า มารับแล้วกัน เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ...อ้อ ฉันไปรอตรงแถวเซเว่นแล้วกัน”

ชายหนุ่มตัดบท ก่อนจะหันมายิ้มให้กับวาโยและเพื่อน ๆ

“ถ้าอย่างนั้นผมไปล่ะนะ คุณวาโย”

“ง่า...ครับ คุณ...ปวีร์”

วาโยเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจนัก ชายหนุ่มตรงหน้าแย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วพยักหน้าให้

“ใช่ ...นั่นล่ะชื่อผม แล้วเจอกันพรุ่งนี้...หวังว่านะ”

ปวีร์แสร้งกระเซ้า แล้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะเดินจากไปเรื่อย ๆ วาโยมองตามไปปริบ ๆ ส่วนเพื่อนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เกาศีรษะอย่างมึนงง พลางเอ่ยขึ้น

“คนอะไรวะ โดนทำของแตกแทนที่จะโกรธ ยังหางานดี ๆ ให้ทำอีก ...แล้วนี่ถ้านายหนีไปตอนนี้จะทำยังไงล่ะ”

เพื่อนอีกคนพอได้ยินก็ยักไหล่ แล้วเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ

“คงหนีรอดหรอก ก็โยมันเอาบัตรประชาชน ยื่นให้ดูชื่อนามสกุลจริงขนาดนั้น ถ้าหนีพี่แกก็จำไปแจ้งความได้อยู่แล้ว”

คนอื่นพอได้ฟังก็ถอนหายใจกับความซื่อของเพื่อนของพวกตน แต่วาโยก็เป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และเพราะเป็นคนดี ซื่อสัตย์ และไว้วางใจได้ พวกเขาถึงได้คบกันมายืดตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงป่านนี้ล่ะนะ

“ว่าแต่ที่ตั้งร้านนี่มันตรงร้านที่กำลังก่อสร้างหรือเปล่า ที่ทำเลดี ๆ ติดถนนแถวนั้นน่ะ”

เพื่อนของวาโยคนหนึ่งที่หยิบนามบัตรไปดูเอ่ยขึ้น ทำให้คนอื่น ๆ หยิบนามบัตรใบนั้นมามุงดูกันบ้าง

“ไหน...เอ เหมือนจะใช่”

“ถ้าเป็นที่นั่น เท่าที่ฉันเห็นเขาสร้างเสร็จแล้ว และเหมือนจะขนเฟอร์นิเจอร์เข้าไปแต่งร้านแล้วล่ะ...เท่าที่สังเกตดูเหมือนจะเป็นร้านที่ค่อนข้างหรูทีเดียวล่ะนะ”

เพื่อนอีกคนบอก ทำให้วาโยยิ่งรู้สึกเครียดหนัก

“ฉันจะทำรอดหรือเปล่าเนี่ย... ต้องอยู่ตั้งสามปีกว่าแน่ะ กว่าจะหมดหนี้หมดสินกับเขา”

“ไม่ลองไม่รู้ว่ะ... คิดเสียว่าดีแล้วที่ได้งาน อย่างน้อยก็มีที่พักฟรี ถึงจะได้เงินเดือนแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็เถอะ แต่ถ้าได้ทิปก็พออยู่ได้ไม่ใช่หรือไง”

เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยปลอบ ทำให้วาโยถอนหายใจยาว แล้วจึงมองที่เศษแจกันตรงหน้า

“ยังไงก็เก็บพวกนี้ไปทิ้งก่อนเถอะ เดี๋ยวใครจะเดินมาเหยียบเข้า”

เพื่อนคนอื่นที่เหลือมองสบตากัน ก่อนที่ต่างฝ่ายจะต่างส่ายหน้า พลางยิ้มน้อย ๆ บางคนอาสาไปหยิบยืมไม้กวาดกับที่ตักผงของบ้านใกล้ ๆ แถวนี้มาใช้ และมีบางคนเริ่มคิดว่า ควรจะหาตาข่ายมากันระหว่างสนามบอล ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นพื้นที่ว่างรกร้างติดถนนและทางเท้า ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีคนเกือบโดนลูกหลงจากการเตะพลาดหลายคน ไม่ว่าจะเป็นคนเดินตามทางเท้า หรือรถจักรยานที่ขี่ผ่านมา แต่ก็มีรายของวาโยนี่ล่ะที่หนักสุด และทำให้ทุกคนเริ่มคิดว่าตนเองก็อาจจะซวยพลาดพลั้งเข้าได้สักวันเช่นเดียวกัน



อีกด้านหนึ่งชายหนุ่มผมยาวซึ่งผูกมัดผมไว้เรียบร้อย กำลังยืนรอใครบางคนอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ด้วยรูปลักษณ์อันโดดเด่นสะดุดตา อีกทั้งการแต่งกายที่ดูภูมิฐาน ทำให้ทั้งพนักงานในร้านและคนแถวนั้นต่างชำเลืองมองชายหนุ่มแทบตลอดเวลา จนกระทั่งรถยนต์สีดำราคาแพงคันหนึ่ง แล่นมาจอดเทียบทางเท้าบริเวณนั้น

“มาช้านะ...”

“ใครใช้ให้เดินมาเองแต่แรกกันเล่า”

เสียงบ่นดังขึ้นจากคนที่ลงมาจากรถ อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ สวมแว่นตาดำ แถมยังใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงผ้าสีดำทั้งชุด แม้จะมีแว่นปิดบังแต่ดูจากโครงหน้าแล้ว บ่งบอกให้เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวนั้นค่อนข้างเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งทีเดียว

“แล้วแจกันหายไปไหน”

คำถามที่ตามมาทำให้คนฟังยกยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะทำหน้านึกขึ้นได้

“อ๊ะ ...ลืมเก็บซากมาแฮะ ...แต่คิดว่าเด็กคนนั้นคงจะเก็บให้แล้วล่ะนะ”

คำตอบที่ได้รับทำให้คนฟังขมวดคิ้ว และก่อนที่ชายสวมแว่นตาดำจะซักต่อ ปวีร์ก็ตัดบท เพราะพวกเขาเริ่มเป็นจุดสนใจมากยิ่งขึ้น

“ไปคุยกันในรถ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”

คนฟังเม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะทำเสียงในลำคออย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่ก็ยังยอมทำตามคำสั่งของอีกฝ่าย เขาเปิดประตูด้านข้างคนขับให้ปวีร์ ส่วนตัวเองก็อ้อมไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับตามเดิม และขับรถออกไปจากบริเวณนั้น

“ตกลงจะเล่าได้หรือยัง!”

คนขับถามอย่างหงุดหงิด เพราะนั่งรถมาจนจะเลี้ยวเข้าเขตบ้านพักส่วนตัวของเขาและอีกฝ่าย ป่านนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบเลยสักคำ

“ขี้โมโหจริง ๆ เลยนะนาย ...ไหน ๆ ก็ถึงบ้านแล้ว ไปเล่าในบ้านแทนแล้วกัน”

ปวีร์บอกยิ้ม ๆ และพอรถจอดเขาก็ลงเดินเรื่อย ๆ เข้าไปในห้องรับแขกของบ้านพักสองชั้นหลังใหญ่ตรงหน้า เจ้าตัวทิ้งร่างลงบนโซฟานุ่มตัวใหญ่ ก่อนจะเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มในชุดสูทสุภาพที่นำน้ำเย็นมาเสิร์ฟทันที เมื่อเห็นเขา

“ขอบใจปยุต”

อีกฝ่ายโค้งให้อย่างสุภาพแล้วนำน้ำเย็นอีกแก้วเสิร์ฟให้คนที่เดินตามไล่หลังมา และทรุดกายลงนั่งบนโซฟาตัวตรงข้าม

“ขอบใจ”

ชายหนุ่มสวมแว่นตาดำหันไปขอบคุณชายในชุดสูท ก่อนที่จะหันมามองคนตรงหน้า แล้วถอดแว่นตาเก็บไว้ในกระเป๋า

“เล่าได้หรือยังล่ะทีนี้”

“หึ ๆ นายนี่ใจร้อนไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ราเมศ...อ๊ะ! อย่าทำตาดุใส่แบบนี้สิ ...เล่าก็ได้”

ปวีร์รีบบอกพร้อมยิ้มขำ ๆ แต่อีกคนนั้นไม่ขำด้วย ทางด้านปยุตพอหมดหน้าที่ของเขาแล้ว ชายหนุ่มก็เดินเลี่ยงออกไป ปล่อยให้ทั้งคู่สนทนากันต่อตามลำพัง

“ฉันทำหลุดมือตกแตกไปแล้วล่ะ”

ปวีร์บอกพร้อมยักไหล่ แต่ทำให้คนฟังขมวดคิ้วยุ่ง แล้วย้อนถามกลับเสียงเรียบ

“คนรอบคอบระมัดระวังตัวอย่างนายนี่นะ ทำของหล่นจากมือ ...แล้วยิ่งเป็นของสำคัญแบบนั้นด้วย”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูท่าจะซักไซ้สาเหตุไม่เลิกรา ก็ทำให้ปวีร์ต้องถอนหายใจเบา ๆ แล้วเล่าความจริงทั้งหมดออกไป

“นายคิดหรือว่าเขาจะไม่หนีไปเสียก่อน เงินจำนวนไม่น้อยเลยนะ แถมยังต้องมาทำงานใช้หนี้อีกตั้งนานแบบนั้น”

ราเมศเอ่ยขึ้นหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดเรียบร้อย ทว่าทางด้านปวีร์กลับไม่มีสีหน้าทุกข์ร้อน ตรงกันข้ามเขากลับดูสนุกสนานราวกับเจอของเล่นถูกใจเสียด้วยซ้ำ

“เห็นหน้านายแบบนี้แล้วไม่ค่อยไว้ใจเลย...คิด ๆ ดูแล้ว ฉันชักอยากให้เด็กนั่นหนีนายไปแทนเสียมากกว่าแล้วล่ะสิ”

ราเมศบ่นตามมาทำให้คนฟังหลุดหัวเราะ แล้วมองคนที่รู้จักเขาดีพอ ๆ กับตัวเองตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันไม่แกล้งเขารุนแรงนักหรอก...แต่ฉันเชื่อนะ ว่าถ้านายได้เห็นเด็กนั่น นายก็ต้องถูกใจเขาเหมือนกัน”

ปวีร์บอกพร้อมรอยยิ้ม ส่วนราเมศลอบถอนหายใจค่อย ๆ แล้วจึงขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยของร้านซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างตกแต่ง และตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักหลังนี้นัก ส่วนปวีร์ไม่ได้ตามไปด้วย ชายหนุ่มเดินตรงไปห้องทำงานของเขา หยิบแฟ้มสีแดงขนาดเอสี่บนโต๊ะทำงานขึ้นมาเปิดผ่าน ๆ ด้านในนั้นมีรูปและประวัติของชายหนุ่มอยู่หลายคน เจ้าตัวยิ้มน้อย ๆ อย่างเจ้าเล่ห์แล้วจึงเอ่ยพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา

“ในที่สุดก็เจอใบหน้าอีกแบบที่ชอบจนได้ ...เท่านี้บรรดาตุ๊กตาที่น่ารักของฉันก็ครบคอเล็คชันสักทีสินะ”




... TBC ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-09-2012 15:35:55 โดย Xenon »

jelatin99

  • บุคคลทั่วไป
Re: Miracle Café ประเดิมตอนแรก 23/7/55
«ตอบ #3 เมื่อ23-07-2012 13:32:30 »

หยา~แนวโชเน็นฯ ชอบอ้ะ :laugh: 5555
ปกติคุณปัดจะแต่งแนวแฟนซีซะส่วนใหญ่ อิอิ
ยังไงก็รอตอนต่อไปด้วยคนคร๊าบบ :pig4:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: Miracle Café ประเดิมตอนแรก 23/7/55
«ตอบ #4 เมื่อ23-07-2012 14:52:30 »

น่าสนุก มาต่อเร็ว ๆ นะ :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4
Re: Miracle Café ประเดิมตอนแรก 23/7/55
«ตอบ #5 เมื่อ23-07-2012 15:35:14 »

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
Re: Miracle Café ประเดิมตอนแรก 23/7/55
«ตอบ #6 เมื่อ23-07-2012 16:32:13 »

โอ้วววว เปิดฮาเร็มสะสมหนุ่มๆหรอจ๊ะ

คาเฟ่อยู่แถวไหนเขาจะไป *0*

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
Re: Miracle Café ประเดิมตอนแรก 23/7/55
«ตอบ #7 เมื่อ24-07-2012 07:43:26 »

 :a5:

จะกลายเป็นตุ๊กตาแล้วซะงั้น
 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: [ Miracle Café ] : ตอนที่ 2 24/7/55
«ตอบ #8 เมื่อ24-07-2012 12:54:13 »

มาต่อตอนที่ 2 แล้วค่ะ หนุ่ม ๆ เริ่มต่อคิวออกมาแนะนำตัวทีละคนสองคนแล้วค่ะ

.........................




Miracle Café /2



                วาโยเลือกเสื้อผ้าที่คิดว่าสุภาพที่สุดของเขาออกมา ลงท้ายเพื่อนร่วมห้องก็เสนอให้ชายหนุ่มใส่ชุดนักศึกษาไปแทน เพราะไม่ว่าจะหยิบเสื้อสีอะไรให้ดู อีกฝ่ายก็สั่นหน้าปฏิเสธไปเสียตลอด

                “ก็แค่สัมภาษณ์งานเป็นเด็กเสิร์ฟ จะกังวลอะไรมากนักวะ”

                จรัลซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องบ่นใส่ แต่วาโยนั้นมีสีหน้ากังวลแล้วแย้งกลับ

                “แต่ฉันเป็นหนี้เขาอยู่นะ เกิดเขาไม่พอใจขึ้นมา แล้วไม่รับฉันเข้าทำงาน ฉันจะไปหาเงินที่ไหนมาใช้เขาได้... แล้วถ้าเขาเกิดเปลี่ยนใจเร่งรัดเอาดื้อ ๆ ขึ้นมาล่ะ ...โอย ถ้าพ่อแม่ฉันรู้เข้ามีหวังฉันโดนฆ่าทิ้งหมกสวนแน่”

                คนฟังมองเพื่อนสนิทบ่นอย่างนึกสมสารปนสมเพช เพราะดูเหมือนวาโยจะวิตกจริตเกินไปหน่อยแล้ว

                “เมื่อไหร่จะเลิกคิดมากเกินเหตุสักทีวะโย  ฉันว่าเขารับนายเข้าทำงานตั้งแต่เขาเสนอเรื่องงานขึ้นมาแล้วล่ะ ก็เห็นบอกว่าให้ไปเซ็นสัญญาด้วยเลยไม่ใช่หรือไง”

                จรัลเอ่ยเตือนสติอีกฝ่าย ทำให้วาโยใจเย็นลง และยิ้มขอบคุณเพื่อน ส่วนจรัลนั้นก็ยิ้มน้อย ๆ ตอบ แต่ในใจกลับคิดอะไรบางอย่างที่เขาคิดว่าไม่ควรบอกเพื่อนสนิทให้เป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง

                ‘….ถ้าเขาเดาไม่ผิด สายตาของปวีร์ที่มองเพื่อนของเขานี่ มันแฝงเลศนัยประหลาดบางอย่างชัด ๆ ...ยังดีที่อีกฝ่ายไม่ได้มองวาโยในเชิงชู้สาว แบบหนุ่ม ๆ ที่มีรสนิยมผิดเพศออกไปชอบมองเพื่อนเขา ...ไม่อย่างนั้นเขาคงจะได้เอ่ยห้ามเพื่อนออกไปบ้างแล้วนั่นล่ะ’

                จรัลคิดในใจ แล้วเหลือบมองคนที่กำลังหยิบชุดนักศึกษาออกมารีดตรงหน้าอย่างนึกเป็นห่วง แม้จะชอบทำตัวไม่ใส่ใจในภาพลักษณ์ของตัวเองสักเท่าใดนัก แต่เพราะโครงหน้าได้รูปสวย รวมไปถึงสรีระร่างกายค่อนข้างผอมเพรียว ที่แม้เจ้าตัวจะขยันออกกำลังกายรวมไปถึงกินนมแทบทุกวันเท่าไหร่ มันก็ไม่ค่อยดูล่ำมีกล้ามเนื้อกับเขาขึ้นมาสักนิดเลย นั่นจึงทำให้วาโยดูเหมือนเป็นคุณหนูคุณชายหยิบโหย่งเจ้าสำอางไปแทน  ทั้งที่จริง ๆ แล้วแทบจะตรงกันข้ามทุกอย่างด้วยซ้ำ 

                “ยังไงถ้าไปอยู่ประจำกับที่นั่นจริง ๆ ก็ระวังตัวไว้หน่อยแล้วกัน อย่าทำตัวเอ๋อ ๆ ไม่รู้เหนือรู้ใต้กับเขานัก ฉันเป็นห่วงนายว่ะ”

                จรัลลุกขึ้นตบบ่าเพื่อนสนิท และแม้จะรู้สึกทะแม่งกับคำพูดของอีกฝ่ายนัก แต่วาโยก็รู้ดีว่าเพื่อนเป็นห่วงตนเพียงใด และเพราะมีจรัลคอยเป็นเพื่อนนี่ล่ะ จึงทำให้เขาสามารถเรียนจบได้ปลอดภัย รอดปากเหยี่ยวปากกา จากบรรดาหนุ่ม ๆ ร่วมสถาบัน ที่คิดจะเข้ามาสานสัมพันธ์กับเขา ในแบบที่ให้ตายเขาก็ไม่มีวันยอมตกลงเด็ดขาด แต่แน่นอนว่าเพราะมีเพื่อนของเขาคอยเป็นก้าง และตัวเขาเองก็แสดงให้เห็นว่าไม่เล่นด้วย และยังชอบผู้หญิงแท้อยู่ จึงทำให้คนเหล่านั้นค่อย ๆ ถอยห่างออกไป... แต่หากเผลอเมื่อไหร่พวกนั้นก็เข้าหาถึงตัวได้ตลอดเหมือนกันนั่นล่ะ

                วาโยลอบถอนหายใจเบา ๆ เมื่อหวนคิดถึงอดีตสมัยเรียนที่ผ่านมา จะว่าไปตั้งแต่สมัยประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย จนกระทั่งระดับมหาวิทยาลัย เขาก็ผ่านเหตุการณ์ชวนสยองขวัญต่อพรหมจรรย์ด้านหลังเขามาหลายรูปแบบ ทำให้เขาต้องตัดสินใจฟิตตัวเองให้แข็งแรง รวมถึงศึกษาวิชาต่อสู้ต่าง ๆ  จนสามารถต่อยผู้ชายตัวใหญ่กว่าลงไปกองได้สบาย แต่ก็นั่นล่ะ ทั้งที่ฟิตร่างกายขนาดนั้นแล้วแท้ ๆ แต่ทำไมหุ่นของเขามันแทบจะไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดก็ไม่รู้

                ทั้งวาโยและจรัลถอนหายใจยาวแทบพร้อมกัน จนทำให้ทั้งคู่สะดุ้ง ก่อนต่างฝ่ายจะต่างหัวเราะแห้ง ๆ ให้กัน แล้วหันมาสนอกสนใจกับสิ่งที่ทำอยู่ แม้จะรู้สึกแปลกใจและอดสงสัยไม่ได้ว่าเพื่อนนั้นกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ก็ตาม


                เช้าวันรุ่งขึ้น วาโยตื่นขึ้นมาแต่งกายและตรวจทานความเรียบร้อย เขาสะพายกระเป๋าใบเก่งสีดำพร้อมเอกสารสำคัญสำหรับสมัครงานเตรียมไว้ด้วย แม้ว่าทางปวีร์จะไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ให้เขาทราบก็ตาม

                “โชคดีนะเพื่อน ขอให้ได้งานนะ”

                จรัลออกมายืนส่งเพื่อนของเขาด้านล่าง แม้จะระแวงต่อพฤติกรรมของปวีร์อยู่บ้างก็ตาม แต่มองดูแล้วอีกฝ่ายก็ไม่น่าจะใช่คนไม่ดีอะไรนัก...และที่สำคัญถ้าอีกฝ่ายมาร้ายจริง ๆ เขาคิดว่าเพื่อนของเขาก็คงสามารถป้องกันตัวเองได้บ้างนั่นล่ะ

                ชายหนุ่มพยายามไม่คิดมาก แล้วมองตามวาโยที่ตัดสินใจนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างไปแทนการเดิน จนลับสายตา จากนั้นเขาก็ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า แล้วเตรียมออกไปหางานทำบ้างเช่นเดียวกัน


                “จอดตรงร้านนั่นล่ะครับพี่...เท่าไหร่ครับ”

                วาโยบอกกับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง และเมื่ออีกฝ่ายจอด เจ้าตัวก็บอกราคากับชายหนุ่ม ซึ่งพอจ่ายแล้ว วาโยก็เดินเข้ามาในเขตร้านที่ตอนนี้มีกระดาษปิดกระจกจากด้านใน ไม่ให้มองเห็นจากด้านนอก แต่เท่าที่สังเกตสภาพของร้านน่าจะตกแต่งไปแล้วเกิน 90 % เป็นแน่

                “จะเข้าไปดีไหมเนี่ย...ไม่เห็นมีใครอยู่เลย”

                วาโยพึมพำแล้วตัดสินใจโทรศัพท์หาปวีร์  รอสักพักอีกฝ่ายก็รับสายของเขา

                “อ้าว มาถึงแล้วหรือ ...งั้นก็เข้ามาเลย อ้อมมาทางด้านหลังร้านนะ แล้วยืนรออยู่ก่อน เดี๋ยวผมออกไป”

                ปวีร์บอกแล้วก็ตัดสาย ทำให้วาโยต้องเดินอ้อมร้านไปทางด้านหลังตามที่อีกฝ่ายบอก เขายืนรอยู่ราวสิบนาที อีกฝ่ายก็มาถึง พร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม

                “มาไวกว่าที่คิด เลยไม่ได้มารอ ขอโทษที”

                ปวีร์ทักทาย ทำให้วาโยยิ้มแห้ง ๆ แล้วก้มหัวขอโทษ

                “ขอโทษทีครับ ผมกลัวสายก็เลยมาก่อนเวลาสักหน่อย”

                “ไม่เป็นไร ดีแล้ว เอ้าไปนั่งคุยในห้องทำงานผมดีกว่า ไปอ่านสัญญากันให้เรียบร้อย ถ้าพอใจก็ตกลงเซ็นแล้วย้ายของมาอยู่ที่นี่ได้เลย เพราะอาทิตย์หน้าร้านนี้ก็จะเปิดทำการแล้ว”

               ปวีร์บอกแล้วก็นำทางอีกฝ่ายเข้าไปในร้านซึ่งมีอยู่ด้วยกันสองชั้น ...ห้องทำงานของปวีร์นั้นขึ้นบันไดวนไปบนชั้นสอง ในห้องค่อนข้างกว้างขวาง แถมยังตกแต่งไว้เรียบร้อยอย่างมีรสนิยม ทว่าริมห้องที่ถูกปล่อยว่างไว้นั้นมีแท่นสี่เหลี่ยมสีดำตั้งว่างไว้อยู่  วาโยจ้องมองมันอย่างประหลาดใจ ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเจ้าของห้องเอ่ยขึ้น

                “ที่ตรงนั้นเตรียมไว้สำหรับแจกันใบเมื่อวาน ผมเที่ยวนั่งรถตามหาดูแต่ละร้าน จนในที่สุดก็พบจนได้ ถ้ามันไม่แตก ไปเสียก่อน มันจะเข้ากับห้องนี้ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว”

                พอได้ฟังวาโยก็ยิ่งรู้สึกผิด เขารีบโค้งศีรษะพลางเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายปลก ๆ จนปวีร์นึกขำ

                 “ไม่ต้องขอโทษขนาดนั้นหรอกน่า ก็ในเมื่อคุณตัดสินใจทำงานชดใช้หนี้แทนแบบนี้แล้วนี่...ใช่ไหม”

                “ครับ ผมจะทำครับ!”

                วาโยบอกอย่างหนักแน่น เพราะยังไงสำหรับตอนนี้เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า

                “ดี...งั้นอ่านสัญญา ‘ให้ละเอียด’ ถ้าทำได้ก็เซ็นรับ ...และจำไว้ล่ะว่า หลังจากวินาทีที่คุณเซ็นสัญญาแล้ว คุณก็ถือเป็นลูกจ้างของร้านเราตามกฎหมาย และจำต้องปฏิบัติตามกฎ ข้อบังคับ ของร้านทุกประการ ซึ่งในสัญญามีระบุไว้ให้อ่านหมดแล้ว”

                ปวีร์บอกพร้อมแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำให้คนมองรู้สึกสงสัย แต่เขาก็รับสัญญาฉบับนั้นมานั่งอ่านบนเก้าอี้ที่อีกฝ่ายเชื้อเชิญให้นั่งลง

               เนื้อความในสัญญานั้นระบุ ชื่อ นามสกุลของผู้ที่จะทำสัญญา จำนวนเงินเดือน และกฎระเบียบข้อบังคับรวมไปถึงสวัสดิการต่าง ๆ ที่ลงไว้ค่อนข้างละเอียด และบทลงโทษต่าง ๆ หากผิดกฎร้าน หรือทำผิดสัญญาในนั้น วาโยอ่านเรื่อย ๆ จนมาถึงข้อตกลงพิเศษที่ด้านล่างสัญญา ชายหนุ่มชะงักก่อนจะเงยหน้าถามปวีร์อย่างไม่แน่ใจนัก

             “…เอ่อ ตรงข้อนี้ ที่ว่า...ลูกจ้างอนุญาตให้ผู้จ้าง ค้าขายหากำไรต่อยอดจากลูกจ้างได้ในทุก ๆ กรณี...มันหมายความว่ายังไงหรือครับ”

                ปวีร์ยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงอธิบายออกไปตามตรง

                “คือทางผมตั้งใจว่า จะให้ร้านจัดอีเวนท์พิเศษ ประจำทุกเดือน  แล้วผมก็อาจจะเปิดให้ลูกค้าถ่ายรูปคู่กับพวกคุณบ้าง หรือขายรูปถ่ายพวกคุณในอีเวนท์นั้น ๆ บ้าง เพื่อหาเงินเข้าร้าน ซึ่งกรณีพวกนี้ นั่นก็คือเงื่อนไขในสัญญาข้อที่ว่านั่นล่ะครับ”

                วาโยกลืนน้ำลายลงคอพลางคิดว่าการกระทำดังกล่าวค่อนข้างละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอยู่บ้าง แต่พอมาหวนคิดดู ดี ๆ การถ่ายรูป หรือจัดอีเวนท์พิเศษหาเงินเข้าร้าน ก็นับเป็นเรื่องปกติที่พนักงานในร้านควรให้ความร่วมมืออยู่แล้ว และการที่ปวีร์ชี้แจ้งรายละเอียดโดยไม่ปิดบังหมกเม็ดในสัญญาแต่แรก ก็ถือว่าอีกฝ่ายยุติธรรมพอสมควร

                “ครับ...พอจะเข้าใจแล้ว ...ถ้าอย่างนั้นผมเซ็นสัญญาเลยนะครับ”

                วาโยเงยหน้าขึ้นถามอีกฝ่ายอย่างลังเล ทางด้านปวีร์ยิ้มรับแล้วพยักหน้าค่อย ๆ ทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงตัดสินใจเซ็นสัญญาทั้งสองฉบับ โดยฉบับหนึ่งเก็บไว้กับเขา และอีกฉบับอยู่กับทางปวีร์

                “ดีมาก...ถ้าอย่างนั้น นับจากวินาทีนี้ไป คุณก็เป็นพนักงานของผมเต็มตัวแล้วนะวาโย ...ต่อไปเราจะปฏิบัติต่อกัน แบบนายจ้าง ลูกจ้าง ในเวลางาน และแบบพี่ น้อง นอกเวลางาน ...เข้าใจไหม”

                ปวีร์บอกคนตรงหน้าพร้อมรอยยิ้ม แล้วรอคอยคำตอบ วาโยจ้องอีกฝ่ายแล้วจึงพยักหน้ารับรู้

                “รับทราบครับ”

                “ดี...ถ้าอย่างนั้น ‘เธอ’ ก็เตรียมแพคของจากที่เก่าย้ายมาเลย ...เอาเฉพาะพวกเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวมาก็พอ เพราะที่ห้องพักของพนักงานมีเฟอร์นิเจอร์จำเป็นให้ใช้อยู่แล้ว”

                ปวีร์เปลี่ยนสรรพนามเรียกอีกฝ่าย แม้วาโยจะค่อนข้างขัดหู เพราะรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่เรียกเด็กหรือไม่ก็เด็กผู้หญิง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นนายจ้างของเขา วาโยก็ไม่คิดจะค้านไม่ว่าปวีร์จะเรียกเขาแบบไหนก็ตาม

                “ครับ...เอ่อ แล้วผมจะขนของไปไว้ที่ไหนล่ะครับ”

                วาโยถามต่ออย่างสงสัย ซึ่งปวีร์ก็หัวเราะเบา ๆ แล้วบอกอีกฝ่าย

                “ขอโทษที ฉันลืมบอกไป ...มาสิ เดี๋ยวจะพาไปดูห้องนะ”

                ปวีร์บอกกับวาโยพร้อมเปลี่ยนสรรพนามแทนตนอย่างสนิทสนมมากขึ้น และเพราะสีหน้ายิ้มแย้มของอีกฝ่ายจึงทำให้วาโยรู้สึกสนิทใจด้วยได้ไม่ยากนัก



                ตึกสองชั้นซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังร้านมีอาณาบริเวณค่อนข้างกว้างอยู่ไม่น้อย แถมด้านนอกยังมีสนามสำหรับไว้เล่นบาส หรือฟุตบอลก็ได้ตามแต่จะดัดแปลง และยังมีพื้นที่ไว้สำหรับจอดรถ ซึ่งแบ่งสัดส่วนไว้สำหรับรถยนต์และมอเตอร์ไซด์รวมไปถึงจักรยานอย่างเรียบร้อย

                สำหรับชั้นล่าง ปวีร์อธิบายให้วาโยฟังว่า นอกจากจะมีห้องออกกำลังกายขนาดเล็กให้พนักงาน  ก็ยังมีห้องซักรีด  ห้องครัว และห้องอาหาร ที่พนักงานทุกคนจะต้องใช้รวมกัน  ส่วนห้องพักบนชั้นสองนั้น มีทั้งหมด 3 ห้อง และมีห้องน้ำในตัวห้อง แต่ละห้องจะให้พนักงานอยู่ร่วมกันห้องละสองคน

                “ของเธอเป็นห้องเบอร์สาม ...แป๊บนะ ...คุณนน ผมขอกุญแจห้องเบอร์สามให้ด้วยครับ”

                ปวีร์ที่เดินไปเคาะประตูกระจกห้องบานหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ด้านล่างและติดกับทางเข้า ‘บ้านพัก’ แห่งนี้

                “อ้าว คุณปวีร์ คนใหม่มาแล้วหรือครับ”

                ชายที่เปิดช่องประตูกระจกออกมา เป็นชายหนุ่มหน้าตาราวสามสิบต้น ๆ ท่าทางดูใจดี และอารมณ์ดี เพราะเขานั้นมีใบหน้ายิ้มแย้มชวนมองให้เสมอ แม้กับคนแปลกหน้าอย่างวาโยก็ตาม

                “ใช่ แต่ยังไม่เข้าตอนนี้หรอก เพราะเขาต้องกลับไปเอาของก่อน แต่ผมอยากให้กุญแจเขาไว้ก่อน แล้วก็พาเขามาดูสถานที่ล่วงหน้าด้วย”

                ปวีร์บอกยิ้ม ๆ ซึ่งคนฟังก็ยิ้มตอบ แล้วจึงหันมาทางวาโย

                “ยินดีต้อนรับนะครับ คุณ...”

                “วาโยครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ!”

                วาโยรีบบอก พลางยิ้มตอบ แม้จะค่อนขัดเขินกับท่าทางที่ดูสุภาพของอีกฝ่ายซึ่งแสดงกับเขานักก็ตาม

                “คุณชานนเป็นผู้ดูแลบ้านพักหลังนี้  ถ้าเธอมีอะไรสงสัยก็ถามเขาได้ทุกเรื่อง”

                “อ๊ะ ครับ”

                วาโยหันมารับคำกับปวีร์ จากนั้นเขาก็รับกุญแจห้องที่มีหมายเลขห้องห้อยติดไว้ว่าเบอร์หกมาด้วย เจ้าตัวเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์อย่างดี ก่อนจะขอตัวลาทั้งสองไปเก็บของที่ห้องพักของตน ทว่าพอเดินไปเขาก็ชะงักฝีเท้า แล้วหันมาถามคนที่ยืนอยู่

                “เอ่อ...ผมต้องย้ายมาอยู่ที่นี่วันนี้เลยหรือเปล่าครับ ...คือว่า”

                วาโยอ้ำอึ้งไม่กล้าเอ่ยต่อ เพราะเกรงว่าปวีร์จะไม่พอใจ

                “คุณปวีร์ครับ คนอื่น ๆ นอกจากผมคงยังไม่ย้ายกันมาคืนนี้หรอกครับ ถ้ายังไงให้เขามาวันพรุ่งนี้แทนไม่ดีกว่าหรือครับ”

                ชานนที่อ่านสีหน้านั้นของชายหนุ่มออกดีเอ่ยกับนายจ้างของเขา ปวีร์นิ่งคิดก่อนจะนึกบางอย่างได้ตามมา

                “อ้อ...จริงสิ ผมก็ลืมไป  ถ้าอย่างนั้นคืนนี้คุณก็ไปล่ำลาเพื่อนฝูงร่วมห้องของคุณให้เรียบร้อย แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาที่นี่ก็ได้”

                วาโยแย้มยิ้มอย่างยินดี เขาเอ่ยขอบคุณทั้งชานน และปวีร์ แล้วจึงขอตัวกลับไปห้องพักเดิม และเมื่อลับร่างวาโยไปแล้ว ชานนก็เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

                “เป็นเด็กดีเหมือนที่คุณบอกไว้เลยนะครับ...น่าสนใจทีเดียว”

                “ใช่ไหมล่ะ ...แถมยัง ‘น่ารัก’ ตรงสเป็คผมอีกต่างหาก ทีนี้ผมก็สามารถสร้างคาเฟ่ในฝันของตัวเองได้สักที”

                ปวีร์บอกด้วยน้ำเสียงกึ่งขำ ทำให้คนฟังลอบถอนหายใจ นึกสงสารบรรดาชายหนุ่มที่จะเข้ามาทำงานในร้านของอีกฝ่าย ซึ่งเขามั่นใจว่า แต่ละรายนั้นย่อมไม่มีทางรู้แน่ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้างในชีวิตการทำงานที่นี่



... TBC ...

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: [ Miracle Café ] : ตอนที่ 2 อัพเดท 24/7/55
«ตอบ #9 เมื่อ24-07-2012 14:54:42 »

 :-[ :-[ อร๊ายยยยย
ชอบแนวนี้
 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [ Miracle Café ] : ตอนที่ 2 อัพเดท 24/7/55
« ตอบ #9 เมื่อ: 24-07-2012 14:54:42 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: [ Miracle Café ] : ตอนที่ 2 อัพเดท 24/7/55
«ตอบ #10 เมื่อ24-07-2012 16:44:20 »

โอ้ยน่ารัก มากเลยค่ะ อยากอ่านต่อแล้วมาต่อเร็ว ๆ นะค่ะ   :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
 

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: [ Miracle Café ] : ตอนที่ 2 อัพเดท 24/7/55
«ตอบ #11 เมื่อ24-07-2012 17:41:13 »

คาเฟ่ที่นี่จะมีแต่หนุ่มๆหน้าตาดี ตั้งอยู่ตรงไหนนะ จะไปใช้บริการ :z1:

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
Re: [ Miracle Café ] : ตอนที่ 2 อัพเดท 24/7/55
«ตอบ #12 เมื่อ24-07-2012 17:56:04 »

ทิ้งท้ายซ่ะน่ากลัว
แล้วจะเจอกับอะไรล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
รอวันเปิดร้าน

ออฟไลน์ Mekaming

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
รอวันเปิดร้านด้วยคนค่ะ  :z1:

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ไล่ตามเก็ยเหยื่อเพื่อคาเฟ่ในฝัน  :a3:

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
อยากจะไปใช้บริการคาเฟ่นี้จริงๆเลยค่ะ

หนุ่มๆๆๆๆ ><

jelatin99

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ะโอ~ เริ่มสนุกแล้วสิ  :z2: รอตอนต่อไปฮะ

ปล  :pig4: คุณคนแต่งครับผม

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
มันคงจะเป็นฮาเร็มน้อยๆของคุณปวีร์และคนอ่าน :o8:
คาเฟ่อยู่ที่ไหนนะ เปิดเมื่อไหร่จะไปยล ><

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
**ตอน 3 มาพร้อมกับหนุ่มคนใหม่ค่า ^^  และหนุ่มคนอื่น ๆ ก็จะทยอยกันมาแนะนำตัวกับผู้อ่านตามมาในตอนหน้า ๆ นะคะ (เรื่องนี้หนุ่มเพียบค่ะ แต่ตัวหลัก ๆ ในฮาเร็มจะอยู่ที่ 4- 5 คนค่ะ)



Miracle Café คาเฟ่อลวน คนอลเวง  /3




                หลังจากที่จรัลและเพื่อนคนอื่น ๆ ของวาโยจัดงานเลี้ยงโต้รุ่งให้กับชายหนุ่ม พอถึงตอนเช้าแต่ละคนนอกจากจรัลและวาโยที่ดื่มไปไม่มาก คนอื่นต่างก็หมดสภาพนอนสลบไสลไม่ได้สติกันถ้วนหน้า

                “ไอ้พวกนี้นี่ ทั้งที่บอกว่าจะตามไปส่งนายตอนเช้าแท้ ๆ แล้วดูสภาพพวกมันสิ!”

                จรัลบ่นอุบอย่างหงุดหงิด ส่วนวาโยมองเพื่อนฝูงของเขาอย่างนึกปลง แต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรเลยสักนิด

                “ช่างเหอะ แค่ที่มาเลี้ยงส่งกันเมื่อคืนก็พอแล้วล่ะ ส่วนของที่ต้องย้ายก็มีแค่สองกล่อง เดี๋ยวฉันเรียกแท็กซี่ไปเองก็ได้”

                วาโยบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทำให้เพื่อนสนิทของเขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วตบบ่าอีกฝ่าย

                “ถ้ามันลำบากหรือมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจยังไง ก็ต้องรีบโทรมาบอกนะ ถ้าช่วยได้ฉันจะรีบไปช่วยทันทีเลยล่ะ”

                “อืม...ขอบใจมากนะเจ ที่ช่วยเหลือฉันมาตลอด...ขอให้นายได้งานไว ๆ นะ ...และถ้าทางนั้นมีตำแหน่งว่าง บางทีฉันอาจจะลองขอคุณปวีร์ให้เรียกนายมาสัมภาษณ์ด้วยกันก็ได้”

                จรัลหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เขายักไหล่นิด ๆ อย่างไม่ใส่ใจมากมายนัก

                “ไม่ต้องห่วงฉันหรอกน่า ฉันเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว อีกอย่างนิสัยแบบฉันไม่เหมาะกับงานบริการหรอก เผลอ ๆ จะได้ชวนลูกค้าทะเลาะเข้าให้”

                วาโยยิ้มแห้ง ๆ เพราะอีกฝ่ายก็เป็นอย่างที่พูดมาจริง ๆ จากนั้นเขาและจรัลจึงยกกล่องกระดาษใบใหญ่ที่บรรจุเสื้อผ้าและเครื่องใช้ส่วนตัวทั้งสองกล่องลงไปด้านล่าง และเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่บ้านพักหลังใหม่ซึ่งเขาต้องไปอยู่หลังจากนี้

                “โชคดีนะเพื่อน ขอให้ใช้หนี้ได้หมดไว ๆ นะ ...แล้วอย่าลืมเก็บเงินไว้เสี่ยงโชคเดือนละใบล่ะ เผื่อจะฟลุกถูกหวยกับเขาบ้าง!”

                จรัลบอกกับเพื่อนสนิทก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวขึ้นรถหลังจากเอาสัมภาระไปเก็บไว้หลังรถแท็กซี่เรียบร้อย

                “อืม...จะเก็บไอเดียไว้พิจารณานะ”

                วาโยบอกพร้อมรอยยิ้ม แต่ไม่คิดจะทำตามจริงจังอะไรมากมาย เพราะตัวเขานั้นไม่ค่อยจะมีดวงทางด้านพวกนี้นักนั่นเอง

                “พี่ครับ ไปส่งที่....นะครับ”

                วาโยบอกเป้าหมายกับแท็กซี่ และใช้เวลาเพียงไม่นานนัก พวกเขาก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่บ้านพักหลังใหม่ในที่สุด

                “ขอบคุณนะครับ”

                วาโยบอกกับคนขับแท็กซี่ที่ลงมาช่วยเขาขนของลงจากหลังรถ และเมื่ออีกฝ่ายขับกลับไปแล้ว วาโยก็มองกุญแจห้องพักที่ได้รับมา ก่อนจะตัดสินใจยกของขึ้นไปเก็บทีละกล่อง

                “อ้าว! คุณวาโย มาแล้วหรือครับ”

                ชานนที่เดินออกมาจากห้องพักส่วนตัวเพราะได้ยินเสียงรถยนต์เอ่ยทัก วาโยยิ้มน้อย ๆ แล้วพนมมือไหว้อีกฝ่าย เล่นเอาชานนยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน

                “สวัสดีครับ ...เอ่อ มาแต่เช้าแบบนี้ รบกวนหรือเปล่าครับ”

                ชานนหัวเราะเบา ๆ กับคำถามที่แสดงความเกรงใจของอีกฝ่าย เขาโบกไม้โบกมือแล้วบอกกลับไปอย่างอารมณ์ดี

                “โอ๊ย ไม่รบกวนเลยครับ ที่สำคัญปกติผมตื่นค่อนข้างเช้าอยู่ ตีสี่ตีห้าก็ตื่นแล้วล่ะครับ”

                วาโยยิ้มแห้ง ๆ ให้ เพราะตีสี่ตีห้าสำหรับเขา มันยังไม่เรียกว่าเช้าด้วยซ้ำ

                “แล้วนั่นจะยกของขึ้นข้างบนเลยใช่ไหมครับ มาครับผมช่วย”

                ชานนบอกกับอีกฝ่ายแล้วตรงเข้าไปช่วยยกของโดยที่วาโยยังไม่ทันจะเอ่ยปฏิเสธเพราะเกรงใจด้วยซ้ำ

                “ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของผู้ดูแลอยู่แล้ว”

                เหมือนชานนพอจะอ่านสีหน้าของอีกฝ่ายออก และพอได้ยินดังนั้นวาโยก็ยิ้มออกมาเขิน ๆ

                “ครับ...ยังไงก็ขอบคุณมากเลยนะครับ”

                จากนั้นทั้งสองคนก็เดินยกของขึ้นไปบนห้อง และเพราะบันไดของบ้านพักค่อนข้างจะกว้างและไม่ชันมาก จึงทำให้การยกของขึ้นชั้นบนนั้นไม่ได้ลำบากแต่อย่างใด

                “วางไว้หน้าห้องก็ได้ครับ เดี๋ยวผมยกเข้าไปเอง”

                วาโยรีบบอกเมื่อเห็นชานนยังคงยืนถือกล่องกระดาษของเขา เพื่อรอให้เขาไขกุญแจห้องเข้าไป

                “อย่างนั้นก็ได้ครับ ...งั้นผมวางไว้ตรงนี้นะครับ แล้วถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็เรียกผมได้เสมอนะครับ”

                ชานนบอกกับอีกฝ่ายและเมื่อวางของลงแล้วเขาก็ขอตัวกลับไปประจำที่ห้องพักส่วนตัวต่อ ด้านวาโยนั้นถอนหายใจเบา ๆ พอเห็นคนที่อายุมากกว่ามาคอยดูแลและสุภาพกับเขาแบบนี้ มันก็ทำเอาเขาวางตัวแทบไม่ค่อยถูกนัก


                พอเปิดประตูเข้ามา ห้องที่เห็นเบื้องหน้าก็ทำให้วาโยอุทานเบา ๆ อย่างตกตะลึง  เพราะเฟอร์นิเจอร์ในห้องถูกจัดตกแต่งไว้อย่างสวยงามลงตัว แทบไม่ต่างจากห้องในโรงแรม หรือตามคอนโดหรู ผิดกับห้องพักราคาถูกที่เขาเคยเช่าอยู่ร่วมกับจรัลลิบลับ

                “สุดยอดเลย นี่มันโรงแรมดี ๆ นี่เอง!”

                วาโยสำรวจห้องส่วนตัวของเขาอย่างตื่นเต้น  นับตั้งแต่ก้าวเข้าห้องพักมา เขาก็ต้องพบกับตู้วางรองเท้าขนาดเล็ก และชั้นวางของหน้าห้อง พอเดินเข้ามาเล็กน้อย ซ้ายมือจะเป็นมุมโซฟาพักผ่อน และชั้นวางทีวี  รวมไปถึงตู้เย็นขนาดเล็ก ส่วนทางด้านขวามือนั้น มีโต๊ะญี่ปุ่น และเบาะรองนั่ง พร้อมหมอนใบโตวางซ้อนกันริมห้องหลายใบ มีผืนพรมหนาปูทับพื้นบริเวณนั้น และมีชั้นวางหนังสือติดผนัง ชนิดที่วาโยพอเห็นแล้วก็นึกอยากหาหนังสือมานอนอ่านบนพรมนั่นให้สบาย ๆ เสียเดี๋ยวนี้

                ถัดจากมุมรับแขกและมุมอ่านหนังสือแล้ว ด้านหน้าของชายหนุ่มนั้นมีประตูห้องสองห้อง วาโยลองเปิดดูทั้งสองห้อง ก็พบว่าข้างในนั้นเป็นห้องนอนที่จัดวางเตียงและข้าวของในลักษณะเดียวกัน

                “ห้องส่วนตัวในฝันเลยนะเนี่ย”

                วาโยพึมพำ หลังจากที่เขาเลือกห้องพักซึ่งอยู่ทางซ้าย พอเข้ามาข้างในนั้น เตียงเดี่ยวผ้าปูสีขาวสะอาดที่ตั้งขนานไปกับริมหน้าต่างบานใหญ่ก็ดึงดูดสายตาให้ชายหนุ่มขึ้นไปนั่งเล่นบนเตียงหนานุ่มนั้นอย่างสนอกสนใจ

                “นุ่มชะมัด”

                ชายหนุ่มพึมพำ แล้วสำรวจห้องพักของเขาต่อ เตียงของเขานั้นนอกจากด้านข้างจะขนานไปกับผนังฝั่งหน้าต่างห้อง ปลายเตียงเองก็ติดกำแพงห้องน้ำพอดี จนมองผ่าน ๆ เหมือนกับเป็นเตียงที่ฝังติดผนังห้องแทนเสียด้วยซ้ำ

                “ว้าว! มีอ่างอาบน้ำด้วย”

                คนที่สำรวจห้องน้ำต่อ ต้องอุทานอย่างตื่นเต้น เพราะนอกจากอ่างล้างหน้า และชักโครก ซึ่งมีฉากกั้นเป็นสัดส่วนแล้ว ก็ยังมีอ่างเล็ก ๆ พอดีคนหนึ่งคนลงไปแช่ พร้อมกับฝักบัวติดผนังด้านบนรวมไปถึงเครื่องทำน้ำอุ่นแถมให้อีกด้วย

                “สุดยอดเลย อยากชวนเจมาอยู่ด้วยชะมัด”

                วาโยพึมพำคิดถึงเพื่อนสนิทร่วมห้องของเขา ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ เพราะแม้จะมีเงินเดือนดี สวัสดิการดีเพียงใด แต่เขามั่นใจว่างานที่เงินดีขนาดนี้ คงไม่ใช่งานง่าย ๆ ที่จะทำแบบขอไปทีก็ได้เป็นแน่ ที่สำคัญเขายังมีหนี้สินก้อนโต ที่ต้องทำงานถึงกว่าสามปีจึงจะชดใช้จนหมดอีกด้วย

                “เก็บของก่อนดีกว่าแฮะ”

                วาโยบอกกับตัวเอง แล้วค่อย ๆ ทยอยยกกล่องกระดาษของเขาเข้าไปเก็บไว้ในห้อง เขาเก็บข้าวของสำคัญ พวกเอกสารต่าง ๆ ไว้ในลิ้นชักของชั้นวางเล็ก ๆ ข้างหัวเตียง ก่อนที่จะวางนาฬิกาปลุกคู่บุญที่ใช้มาตั้งแต่ตอนสมัยเรียนไว้บนชั้นวางนั่น  จากนั้นจึงหันมาให้ความสำคัญกับโต๊ะทำงานตัวเล็กที่ตั้งอยู่ใกล้กัน เขาวางโน้ตบุคตัวเก่งที่ลำบากลำบนทำงานพิเศษในช่วงปิดเทอมเก็บเงินซื้อมาไว้บนนั้น แล้วจึงหันไปฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นตู้เสื้อผ้าเข้ามุม ซึ่งพอเปิดดูแล้วน่าจะใส่เสื้อผ้าได้อยู่มากมายหลายชุดเลยทีเดียว


                ทว่าระหว่างที่วาโยกำลังเก็บของอยู่นั้น เขาก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อประตูห้องที่ปิดไว้ถูกเปิดพรวดเข้ามา

                “อ้าว...มีคนอยู่แล้วหรือ”

                ชายคนที่เข้ามาเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา หุ่นนักกีฬา ชนิดที่วาโยมองแล้ว ถึงกับรู้สึกอิจฉาในรูปร่างของอีกฝ่ายเป็นยิ่งนัก

                “เอ่อ...คือ”

                วาโยเตรียมจะถามว่าอีกฝ่ายคือใคร และดูเหมือนคนถูกมองจะรู้ตัว เขารีบบอกตามมาอย่างอารมณ์ดี

                “ฉันน่ะหรือ ฉันชื่อกวิน นายจะเรียกฉันว่า วิน ก็ได้  ว่าแต่นายคือรูมเมทของฉันสินะ”

                “คิดว่าอย่างนั้นล่ะครับ”

                วาโยตอบออกไปอย่างสุภาพ ทำให้คนฟังขมวดคิ้วยุ่ง  กวินเดินเข้ามาใกล้ พลางจ้องหน้าวาโยอย่างพิจารณา แล้วถามอีกฝ่าย

                “นายอายุเท่าไหร่”

                วาโยมองคนถามอย่างสงสัยแต่ก็ยังคงตอบไปตามตรง

                “ยี่สิบสองครับ...”

                พอได้ยินดังนั้นคนฟังก็ตบบ่าวาโยค่อนข้างแรง จนชายหนุ่มสะดุ้ง

                “อายุก็เท่ากันกับฉันแท้ ๆ ไม่ต้องมาพูดจาสุภาพนักหรอก!”

                กวินบอกแล้วยิ้มกว้าง พร้อมกับรอฟังคำตอบจากอีกฝ่าย วาโยเห็นดังนั้นจึงถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับพยักหน้าตามมา

                “อืม...งั้นก็ได้”

                “ดีแล้ว!”

                กวินยิ้มรับ แล้วจึงสำรวจดูห้องของวาโยอย่างสนใจ ก่อนจะพึมพำขึ้น

                “ห้องสวยจัง อีกห้องจะเป็นแบบเดียวกันหรือเปล่านะ”

                “อ้าว แล้วคุณ..เอ๊ย นายยังไม่ได้เข้าไปดูหรอกหรือ”

                วาโยถามอีกฝ่ายและเกือบจะทักไปอย่างสุภาพด้วยความเคยตัว

                “ยังเลย พอก้าวเข้าห้องก็เลี้ยวมาห้องนี้เลย ว่าแต่นายก็เลือกห้องนี้สินะ พวกเรานี่ใจตรงกันดีเนอะ น่าจะอยู่ร่วมห้องกันยืดอยู่ล่ะ”

                กวินบอกอย่างอารมณ์ดี แต่คำพูดของเขาทำให้วาโยรู้สึกเป็นกังวล และเอ่ยถามอีกฝ่ายไปเสียงแผ่ว

                “เอ่อ...ถ้ายังไงจะแลกห้องก็ได้นะ ฉันยังไม่ได้จัดอะไรเข้าที่เข้าทางสักเท่าไหร่หรอก”

                “เอ๋! ไม่ต้อง ๆ นายเก็บของเข้าที่ไปบ้างแล้วไม่ใช่หรือไง  อีกอย่างห้องอีกห้องก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ฉันอยู่ได้สบายอยู่แล้ว ไม่ต้องคิดมาก!”

                กวินบอกแล้วยิ้มกว้างให้ ทำเอาวาโยต้องยิ้มน้อย ๆ ตาม  เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายมีอะไรหลายอย่างคล้ายกับจรัลเพื่อนสนิทของเขา และทำให้รู้สึกสบายใจถ้าต้องใช้ชีวิตร่วมอยู่กับคนแบบนี้

                “ถ้าอย่างนั้นฉันไปจัดของบ้างดีกว่า ....อ๊ะ! จริงสิ ลืมได้ไงเนี่ย!”

                จู่ ๆ กวินก็โพล่งขึ้นเสียงดังอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาวาโยสะดุ้งเฮือก และยิ่งรู้สึกกังวลหนักไปอีกเมื่ออีกฝ่ายจ้องเขาเขม็ง แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจตามมาเมื่อกวินหลุดยิ้มออกมาได้ในที่สุด

                “ฉันลืมถามชื่อนายน่ะ  ตกลงนายชื่ออะไรหรือ”

                วาโยหลุดถอนหายใจอย่างลืมตัว แล้วจึงยิ้มตอบพร้อมกับแนะนำตัวเองออกไป

                “ฉันชื่อวาโย หรือจะเรียกโยก็ได้”

                “โอเค...โยสินะ เอาล่ะจำได้แล้ว หวังว่าเราคงเป็นเพื่อนร่วมห้องที่ดีต่อกันนะ”

                กวินบอกแล้วยื่นมือมาตรงหน้า ทำให้วาโยต้องยื่นมือไปสัมผัสกับอีกฝ่าย จากนั้นชายหนุ่มผู้ร่าเริงก็ขอตัวไปจัดของที่ห้องพักของเขาบ้าง ทิ้งให้วาโยยืนนิ่งมองตามไล่หลังอีกฝ่ายอยู่พักใหญ่ ก่อนจะชะงักรู้สึกตัว แล้วรีบจัดของตัวเองให้เสร็จเช่นเดียวกัน


                เมื่อจัดของเสร็จเรียบร้อย วาโยก็ออกจากห้องนอนมานั่งที่ตรงมุมโต๊ะญี่ปุ่นของห้อง เขาเหลือบไปยังห้องทางด้านขวาซึ่งยังปิดประตูอยู่ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อประตูถูกเปิดพรวดออกมา พร้อมกับเจ้าของห้องที่พอเห็นเขาก็มีรอยยิ้มเป็นมิตรขึ้น

                “ไง! จัดของเสร็จแล้วหรือ”

                “อ่า...อืม”

                วาโยรับคำสั้น ๆ ยังคงทำตัวให้สนิทสนมแบบอีกฝ่ายทันทีเลยไม่ได้นัก

                “ฉันก็เสร็จแล้ว  ไม่ได้เอาอะไรมามากนอกจากเสื้อผ้า เพราะคุณเจ้าของเขาบอกว่ามีเฟอร์นิเจอร์ครบหมดแล้ว ซึ่งมันก็มีหมดแล้วจริง ๆ อย่างที่เขาบอกไว้ล่ะนะ”

                กวินพูดจบก็เดินมานั่งแหมะฝั่งตรงข้ามกับวาโย แล้วจ้องชายหนุ่มนิ่ง จนวาโยรู้สึกอึดอัด

                “มีอะไร...”

                วาโยพึมพำถาม เพราะอีกฝ่ายยังคงจ้องมองเขาไม่วางตา

                “อืม...รู้สึกว่านายน่ารักดีก็แค่นั้น”

                กวินบอกตรง ๆ แล้วยิ้มตาม แต่คนฟังไม่ได้ยิ้มด้วย แถมยังเริ่มไม่ค่อยสบอารมณ์ขึ้นมานิด ๆ ทว่าคนพูดไม่ได้สนใจ แถมยังชวนคุยต่อยืดยาวอีกต่างหาก

                “ก่อนหน้านั้นฉันเพิ่งทะเลาะกับเจ้านายเก่า เพราะกิ๊กเขามาเหล่ฉันเอง ฉันรำคาญก็เลยลาออกมาเสียเลย  แล้วก็บังเอิญไปเจอคุณเจ้าของร้านเข้าพอดี... ตอนที่ฉันถามว่าทำไมถึงชวนฉันมาทำงาน แถมยังให้เงินเดือนและสวัสดิการเยอะขนาดนี้ คุณเจ้าของร้านนั่นเขาตอบว่าไงรู้ไหม...เขาบอกว่าเขาชอบหน้าตาฉัน ทำเอาฉันอึ้งไปสักพัก แต่พอเขาบอกต่อว่า ร้านของเขาคัดคนทำงานด้วยหน้าตา ฉันก็เลยโล่งอกตามมา ...ก็นะ ฉันก็พอมั่นใจเรื่องหน้าตาตัวเองอยู่เหมือนกัน  แล้วพอได้เจอนาย ก็ทำให้ฉันมั่นใจในเรื่องที่เขาคัดคนที่หน้าตามากยิ่งขึ้นล่ะนะ... โชคดีไปเนอะ ที่พวกเราหน้าตาพอไปวัดไปวากับเขาได้น่ะ”

                พอพูดจบกวินก็ยิ้มกว้าง แต่วาโยนั้นได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ตอบกลับ ทีแรกเขาคิดว่าตัวเองจะโดนอีกฝ่ายแซวว่าหน้าตาเหมือนผู้หญิง แต่พอได้ยินแบบนี้เขาก็พูดอะไรไม่ออก ทั้งที่เขาคิดว่าหน้าแบบนี้สำหรับผู้ชายมันคือปมด้อย แต่กลับกลายเป็นว่าเพราะหน้าของเขา ถึงทำให้เขาได้งานทำ ถึงจะเป็นงานที่ต้องทำเพราะชดใช้หนี้ก็ตาม

                “นายนี่เงียบจังน้า พูดไม่ค่อยเก่งล่ะสิ”

                กวินตั้งข้อสังเกต ทำเอาคนกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ชะงัก ก่อนจะตอบออกไป

                “นั่นเพราะนายพูดเก่งเกินไปต่างหาก”

                “ฮ่า ๆ ใครก็ว่าอย่างนั้น ...เอาเถอะ ถ้ารำคาญกันก็บอกนะ ฉันจะพยายามปรับตัว”

                วาโยมองคนตรงหน้าเขา แล้วก็หลุดยิ้มในแบบที่มักจะยิ้มให้เฉพาะกับคนสนิทกันออกมา

                “อืม...ฉันก็เหมือนกัน”

                กวินนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบยิ้มรับ ชายหนุ่มบ่นตัวเองในใจที่ดันเผลอใจเต้นกับรอยยิ้มหวาน ๆ ของอีกฝ่าย ทั้งที่ก็รู้ว่าเจ้าตัวเป็นผู้ชายแท้ ๆ แบบนี้

                “ง่า...ฉันชักเริ่มหิวข้าวแล้วสิ เมื่อเช้ารีบมายังไม่ได้กินข้าวเลย นายว่าคุณผู้ดูแลข้างล่าง เขาจะมีข้าวเช้าให้เรากินไหมนะ”

                กวินรีบเปลี่ยนเรื่องคุย ทางด้านวาโยพอได้ยินดังนั้นก็รู้สึกหิวขึ้นมาบ้างเช่นเดียวกัน

                “ลองไปดูกันไหมล่ะ ถ้าไม่มีจริง ๆ ก็ไปหาอะไรกินแถวนี้ก็ได้ ฉันรู้จักร้านอร่อย ๆ ถูก ๆ แถวนี้หลายร้านอยู่นะ”

                วาโยบอกอย่างเป็นมิตรมากกว่าเดิม ทำให้คนฟังยิ้มรับ แล้วลุกขึ้นก่อนจะยื่นมือมาให้คนที่นั่งอยู่

                “ดี! งั้นก็ไปกัน”

                วาโยมองมือที่ยื่นมาให้เขา ก่อนจะยื่นมือของตนไปให้จับ กวินฉุดร่างโปร่งนั้นดึงขึ้นอย่างง่ายดาย แล้วพวกเขาทั้งคู่จึงเดินลงไปยังชั้นล่าง เพื่อหาอาหารเช้ากินกันต่อไป



... TBC ...

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
โฮ๊ะ กวินแอบใจเต้นกับโยล่ะ

แ้ล้วคุณเจ้าของร้านจะใช่พระเอกไหม หรือเป็นกวิน

ติดตามต่อจ้าาา

แล้วจะมีหนุ่มคนไหนมาอีกเนี้ยย รอดูๆๆๆ ว้าววววว *0*

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
อยากรู้ตอนต่อไปแล้ว มาต่อเร็ว ๆ นะค่ะ :bye2: :bye2: :bye2: :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
เดาเรื่องราวไม่ถูก ว่าจะเป็นงัยต่อไป จะดีหรือร้าย :z3:

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หนุ่มหน้าตาดีๆๆ

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
เมทแอบใจเต้นอ่ะดิ

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
แวะมาแปะตอนที่ 4 ค่ะ ^^

หนุ่มหน้าใหม่มาอีกรายแล้วจ้ะ เชิญเลือกสรรกันได้เลยค่ะ หุๆ 


------------------------------------------------------


Miracle Café /4




    พอลงมาชั้นล่างทั้งสองก็เห็นชานนออกมาจากห้องพอดี และพอพูดคุยสอบถามกันเรื่องอาหารเช้า ผู้ดูแลประจำบ้านพัก ก็บอกให้ทั้งคู่ไปนั่งรอหรือเดินเล่นตามอัธยาศัย แล้วเขาจะทำอาหารเช้าให้ทานเอง

    “เซอร์วิสดีเกินไปจริง ๆ ไม่รู้ว่าพอถึงวันเปิดร้าน พวกเราต้องทำอะไรกันบ้างนะ  นายคิดว่ายังไงล่ะโย”

    กวินหันมาถามคนที่นั่งรอข้าง ๆ เขา วาโยยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบไปตามตรง

    “ฉันเองก็ไม่รู้ แต่ถ้าเขาให้ทำอะไรก็คงต้องทำนั่นล่ะ ไหน ๆ ก็เซ็นสัญญามาแล้วนี่ แถมฉันยัง...”

    วาโยหยุดชะงักคำพูดแล้วมีสีหน้าลังเลว่าจะบอกไปดีไหม

    “ยังอะไร”

    กวินถามสวนกลับทันที แต่พอเห็นสีหน้าลำบากใจของอีกฝ่ายเขาก็รีบบอกตามมา

    “ง่า...ถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ขอโทษนะที่ฉันเสียมารยาทน่ะ”

    วาโยพอเห็นอีกฝ่ายขอโทษเขาก็รู้สึกไม่ดี แล้วจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กวินฟัง พอฟังแล้วเจ้าตัวก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงเอ่ยขึ้น

    “ลำบากแย่เลยนะนาย...หักไปเสียเดือนละแปดสิบเปอร์เซ็นต์นี่แทบจะไม่เหลือกินเลย...เอ แต่เอาจริง ๆ แล้วกินฟรี อยู่ฟรีแบบนี้ ก็คงพออยู่ได้ล่ะ ... อ้อ! ถ้าไม่โดนหักเงินเดือนซ้ำเพราะทำผิดกฎร้านล่ะก็นะ”

    ท้ายประโยคกวินนึกถึงบทลงโทษในข้อสัญญา ที่จะใช้การหักเงินจากเงินเดือนเมื่อทำผิดพลาด ซึ่งก็ลงรายละเอียดไว้พอควร จนเขาคิดว่าถ้าทำผิดมันเสียทุกข้อที่มีระบุไว้ คงได้ทำงานฟรีแทนในแต่ละเดือนเป็นแน่

    “ยังไงฉันก็จะพยายามนั่นล่ะ อีกอย่างก็เพื่อต้องการตอบแทนคุณปวีร์เขาด้วย เพราะนอกจากเขาจะไม่เร่งรัดให้ฉันใช้หนี้แล้ว เขายังหางานให้ทำแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นป่านนี้ฉันก็ไม่รู้จะไปหาเงินที่ไหนมาใช้เขาเลยด้วยซ้ำ”

    กวินมองเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ของเขาอย่างนึกชื่นชม ก่อนจะชะงักเมื่อได้กลิ่นหอม ๆ โชยเข้ามาใกล้ตัว

    “เสร็จแล้วครับอาหารเช้าง่าย ๆ พอทานได้ไหมครับ หรืออยากทานอะไรเพิ่มเติมก็ระบุได้นะครับ เดี๋ยวผมทำเพิ่มให้”

    ผู้ดูแลบ้านพักมาพร้อมกับสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาสองจาน ที่ใส่ทั้งเส้นเนื้อและผักมาเต็มที่ ทั้งสองคนซึ่งกำลังหิวกลืนน้ำลายลงคอ พวกเขากล่าวขอบคุณอีกฝ่าย และพอได้ชิมคำแรก กวินก็โพล่งขึ้นทันที

    “อร่อยชะมัด! อร่อยจริง ๆ นะครับ ฝีมือคุณนี่เป็นพ่อครัวได้เลยนะครับเนี่ย!”

    ชานนยิ้มน้อย ๆ แล้วกล่าวขอบคุณสำหรับคำชม ส่วนทางด้านวาโยเองก็รู้สึกไม่แตกต่างกัน

    “อร่อยดีครับ เผ็ดกำลังดีไม่จัดจ้านไปนัก เนื้อนี่ก็นุ่มเคี้ยวง่าย ส่วนผักก็หวานกรอบอร่อย เข้ากันกับเส้นมากเลยครับ”

    วาโยเอ่ยชมตามมา ทำให้คนฟังหันไปมองแล้วพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

    “ขอบคุณครับ ดีใจนะครับที่ถูกปาก พอดีผมตั้งใจจะไปซื้อกับข้าวมาตุนไว้ในตอนสาย ๆ ตอนเช้านี้ก็เลยทำที่พอมีไปก่อนน่ะครับ”

    ทั้งสองคนรู้สึกทึ่งในตัวของผู้ดูแลบ้านพักยิ่งนัก และพอรู้ว่าวัตถุดิบมีจำกัด ก็ยิ่งชื่นชมฝีมือทำอาหารของชานนเข้าไปอีก

     “สำหรับอาหารของที่นี่ ถ้าเป็นวันทำงาน พนักงานทุกคนจะทานร่วมกันที่บ้านพักในตอนเช้า มื้อกลางวันจะทานที่ร้านในช่วงพักของแต่ละคน และหลังจากร้านปิด ก็จะทานมื้อเย็นพร้อมกันที่ร้านเลยน่ะครับ”

    ชานนอธิบายให้ทั้งคู่ฟังในระหว่างที่ทั้งสองกำลังทานอาหารกันอยู่ กวินและวาโยพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ แล้วก็ต้องอึ้งตามมาเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดต่อ

    “สำหรับคู่มือพนักงานของร้าน ทางคุณปวีร์กำลังสั่งพิมพ์อยู่ และคาดว่าน่าจะพิมพ์เสร็จก่อนร้านเปิดสักสองสามวัน ในนั้นจะมีกฎ กติกา และระเบียบต่าง ๆ ในการทำงาน ตลอดจนกระทั่งการใช้ชีวิตในบ้านพักหลังนี้อย่างละเอียด รวมไปถึงวิธีการได้โบนัส และบทลงโทษต่าง ๆ เอาไว้ให้ศึกษากันด้วยนะครับ”

    กวินและวาโยมองตากันปริบ ๆ แต่ก็ต่างหันไปพยักหน้ารับรู้กับอีกฝ่ายตามเดิม และเป็นกวินที่พูดขึ้นมาก่อน

    “เข้าท่าดีเหมือนกันนะครับ เหมือนเป็นบทสรุปประกอบการเล่นเกมยังไงยังงั้นเลย”

    ชานนมองคนพูดยิ้ม ๆ แล้วทำท่านึก

    “เกมหรือครับ...จะว่าไป ‘ไอ้นั่น’ มันก็คล้ายกับการเล่นเกมจริง ๆ ด้วยนั่นล่ะครับ”

    “ไอ้นั่น?”

    ทั้งวาโยและกวินย้อนถามแทบจะพร้อมกัน ชานนหันมายิ้มน้อย ๆ แล้วบอกกับทั้งคู่

    “ไว้พอถึงวันทำงานก็รู้เองล่ะครับ...”

    คำตอบที่ทำเอาคนฟังต้องทำตาปริบ ๆ อีกรอบ แต่เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่มีท่าทางจะบอกอะไรเพิ่มเติม ทั้งคู่ก็ต้องยอมแพ้ และต่างก็อาสาล้างจานชามเก็บให้ โดยไม่สนคำพูดของชานนที่ว่านั่นมันเป็นหน้าที่ของผู้ดูแลบ้านพัก

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ เป็นการตอบแทนสำหรับมื้อเช้าที่แสนอร่อย  ถ้าคุณกังวลล่ะก็ พวกผมขอค่าตอบแทนเป็นอาหารกลางวัน แบบเต็มฝีมือแทนก็แล้วกัน”

    กวินบอกกับชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้มกว้างจริงใจ เช่นเดียวกับวาโยที่มีรอยยิ้มให้เขาด้วยเช่นกัน

    “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ”

    ชานนตอบรับคำยิ้ม ๆ รู้สึกชื่นชอบในตัวสมาชิกทั้งสองมากยิ่งขึ้น ไม่เสียแรงที่ปวีร์นั้นคัดมาเองกับมือของอีกฝ่าย

    “งั้นผมขอตัวไปซื้อกับข้าวสำหรับวันนี้ก่อนนะครับ เพราะสมาชิกที่เหลืออีกสามคนโทรมาบอกว่า จะย้ายเข้ามาในวันนี้ แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมาช่วงไหน ยังไงถ้าผมไม่อยู่ก็ฝากพวกคุณช่วยดูด้วยนะครับ...”

    ชานนบอกกับทั้งสองพร้อมกับฝากกุญแจห้องเบอร์หนึ่งและสองไว้ที่ทั้งคู่ ซึ่งกวินและวาโยก็รับมาด้วยความเต็มใจ จากนั้นพอชานนออกไปซื้อกับข้าวแล้ว ทั้งสองคนจึงเลือกมานั่งเล่นที่ชุดโต๊ะรับแขกด้านนอกบ้านพัก ซึ่งตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เพราะยังเป็นเวลาเช้า ลมพัดเย็นสบาย และแดดไม่ค่อยแรงนัก

    “เพื่อนร่วมงานอีกสามคนจะเป็นคนยังไงบ้างนะ นายพอจะรู้บ้างไหม”

    กวินชวนวาโยคุย ซึ่งอีกฝ่ายก็สั่นศีรษะปฏิเสธ

    “ไม่รู้เหมือนกัน ...แต่ก็หวังว่าคงจะทำงานเข้ากันได้ล่ะนะ”

    กวินยักไหล่นิด ๆ ส่วนตัวแล้วเขาไม่ค่อยมีปัญหาในการปรับตัวกับคนอื่นอยู่แล้ว ยกเว้นก็เฉพาะประเภทที่เขาไม่ถูกชะตาจริง ๆ แต่คนประเภทนั้นชายหนุ่มก็ไม่ค่อยได้เจอบ่อยเท่าใดนัก

   

    เสียงรถยนต์ที่เข้ามาจอดทำให้ชายหนุ่มทั้งสองซึ่งกำลังคุยกันหันไปมองยังต้นเสียงเป็นตาเดียว พวกเขาเห็นปวีร์เดินนำใครคนหนึ่งที่มีรูปร่างผอมบางไม่แพ้วาโยเข้ามา แต่อีกฝ่ายนั้นตัวสูงกว่าวาโยเล็กน้อย  แถมยังมีรูปหน้าที่สวยมาก ทว่ากลับดูค่อนข้างเย็นชานิ่งเฉย แม้กระทั่งยามที่ปวีร์นำเจ้าตัวมาพบกับพวกเขาก็ตาม

    “สวัสดีวาโย กวิน ทั้งสองคนรู้จักทักทายกันดีแล้วสินะ”

    ปวีร์เอ่ยถามชายหนุ่มทั้งสองตรงหน้าเขา กวินและวาโยยิ้มให้อีกฝ่ายพร้อมพยักหน้า เห็นดังนั้นปวีร์จึงยิ้มตอบอย่างพึงพอใจ

    “เข้ากันได้ก็ดีแล้ว...อ๊ะ จริงสิ นี่ก็เป็นเพื่อนร่วมงานของพวกเธอเหมือนกัน เขาชื่อ การิน เป็นหลานชายของฉันเอง ฝากด้วยล่ะ แล้วถ้าหมอนี่อาละวาดอะไรก็จัดการได้ตามสบายเท่าที่บทลงโทษของพนักงานจะเอื้ออำนวยล่ะนะ ไม่ต้องกลัวว่าเป็นหลานฉันแล้วจะต้องดูแลประคบประหงมอะไรนักหรอก”

    ปวีร์บอกด้วยน้ำเสียงและสีหน้าร่าเริง แต่คนหน้าสวยที่อยู่ใกล้ ๆ กลับมีใบหน้าบึ้งตึงลง จนวาโยที่มองอยู่ลอบกลืนน้ำลายลงคอแล้วเอ่ยตัดบทเสียก่อน

    “แล้วคุณการินอยู่ห้องไหนล่ะครับ เดี๋ยวผมจะได้เอากุญแจห้องให้ เพราะคุณชานนฝากกุญแจไว้ ส่วนตัวคุณชานนเองตอนนี้กำลังออกไปซื้อกับข้าวมาไว้สำหรับมื้อกลางวันและเย็นของวันนี้น่ะครับ”

    การินหันมามองวาโยแล้วจ้องดูอีกฝ่ายที่อายุก็น่าจะไล่เลี่ยกับเขา แต่กลับพูดจาสุภาพด้วย แต่เมื่อชายหนุ่มสังเกตดูแล้วว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้คิดประจบประแจงเขาอย่างที่เข้าใจ การินจึงคลายใบหน้าบึ้งตึงลงแล้วเอ่ยตอบเรียบ ๆ

    “ห้องไหนก็ได้ที่ไม่ต้องมีรูมเมท”

    คนฟังชะงักก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ แล้วเหลือบไปมองปวีร์ ซึ่งอีกฝ่ายก็รู้ดีว่าวาโยคิดอะไรอยู่

    “หมอนี่เขาไม่ค่อยชอบเข้าสังคมน่ะ เลยต้องจับมาฝึกงานแบบนี้นั่นล่ะ พ่อแม่เขาฝากเอาไว้ ...ส่วนห้องก็เอาห้องเบอร์ 2 ให้เขาก็ได้ แล้วถ้าอีกสองคนมาก็ให้ห้องเบอร์ 1 ไปแล้วกัน สองคนนั่นไม่ค่อยเรื่องมากเหมือนเด็กคนนี้เท่าไหร่นักหรอก”

    วาโยฟังคนที่นินทาหลานซึ่ง ๆ หน้า แล้วกลืนน้ำลายลงคอ พลางเหลือบมองการินที่ดูเหมือนจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ

    “อ้อ! อย่าลืมไปขนของที่ท้ายรถของฉันเองด้วยล่ะ  แต่ถ้าจะให้ฉันช่วยขนล่ะก็ อย่าลืมจ่ายค่าตอบแทนมาด้วยแล้วกัน”

    ปวีร์บอกกับหลานชายที่รับกุญแจห้องมาแล้วก็ทำท่าเหมือนจะเดินกลับขึ้นไปพักบนห้องเลยเสียอย่างนั้น

    “ถ้ายังไงผมช่วยขนให้ก็ได้นะครับ”

    วาโยรีบอาสาเพราะเกรงว่าจะเกิดศึกระหว่างญาติด้วยกันเข้าให้เสียก่อน

    “แค่ของตัวเองยังไม่มีปัญญาถือ แล้วจะทำงานเสิร์ฟไหวหรือ ดูท่าทางก็บอบบางเสียขนาดนั้น”

    น้ำเสียงที่เปรยขึ้นอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ ทำให้วาโยหันกลับไปมอง คนพูดไม่ใช่ปวีร์แต่กลับเป็นกวินที่มองไปทางการินด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก

    “เฮ้...กวินพูดแบบนั้นไม่ดีนะ”

    วาโยเอ่ยเตือนอีกฝ่าย เพราะถึงการินจะไม่ใช่หลานชายของปวีร์ แต่การพูดใส่คนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกแบบนี้ มันก็ออกจะเป็นการหาเรื่องกันเกินไป

    “ฉันก็แค่พูดความจริง ...เขาจะมาทำงานร่วมกับพวกเราไม่ใช่หรือครับ แล้วถ้าไม่คิดสนใจใครเลย จะทำงานด้วยกันได้ยังไง”

    กวินตอบวาโยแล้วหันไปย้อนถามปวีร์ ซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้นึกโกรธเคืองอะไร ตรงกันข้ามกับอมยิ้มน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ เพราะจากการที่พูดคุยสัมภาษณ์อีกฝ่ายไปบ้างแล้ว ก็พอทำให้เขาเข้าใจอุปนิสัยของคนตรงหน้าอยู่บ้าง  เพราะกวินค่อนข้างจะเป็นคนที่เปิดเผยพอสมควร

    “ก็ถูกของเธอ...แล้วเราจะว่ายังไงล่ะริน”

    การินเม้มปากน้อย ๆ ด้วยความโกรธ ที่ต้องมาถูกคนไม่รู้จักต่อว่าแบบนี้ ทว่าเขาก็เถียงกลับไปไม่ออก เพราะสิ่งที่กวินพูดมาก็มีส่วนถูก ชายหนุ่มทำได้แค่ตวัดสายตาค้อนใส่แล้วเดินกระแทกเท้าไปถือกระเป๋าเสื้อผ้าหลังรถมาสะพายไหล่ แล้วแบกกล่องที่ใส่ข้าวของอื่น ๆ ที่เหลืออีกหนึ่งกล่องเดินไปอย่างทุลักทุเล เพราะกล่องนั่นค่อนข้างใหญ่ และกระเป๋าก็ใหญ่เทอะทะอยู่มาก

    “ผมช่วยดีกว่า...ถือไปคนเดียวแบบนี้ไม่ไหวหรอก”

    วาโยรีบเข้าไปช่วยเพราะเกรงว่าการินจะก้าวพลาดกลิ้งตกบันไดเสียก่อน

    “ไม่เป็นไร แค่นี้ฉันถือไหว... ขืนให้นายช่วย เดี๋ยวใครบางคนเขาจะบ่นตามมาได้อีก”

    การินบอกเสียงห้วนและไม่ยอมให้วาโยช่วย ทางด้านปวีร์มองหลานชายและอีกคนอย่างสนใจ ส่วนกวินนั้นทำเสียงฮึในลำคอ แล้วเดินไปดึงกล่องในมือของการินมาถือเสียเอง และเพราะรูปร่างและส่วนสูงของชายหนุ่ม จึงทำให้ถือกล่องใบใหญ่นั่นได้อย่างไม่มีปัญหานัก

    “นายทำอะไร!”

    การินตวาดใส่อย่างหงุดหงิด แต่กวินนั้นสวนย้อนกลับไปในทันที

    “ก็ช่วยถือไง ตัวนิดเดียวจะแบกไปทีเดียวยังไงไหว  รู้หรอกว่าประชด แต่ทำอะไรให้มันรู้จักลิมิตตัวเองบ้างเถอะ!”

    “นาย! หุบปากไปเลยนะ แล้วเอาของฉันคืนมาด้วย!”

    การินตวาดด้วยความโมโห แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะโต้เถียงกันไปมากกว่านี้ เสียงหนึ่งก็ตะโกนดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

    “หยุดเถียงไร้สาระกันได้แล้ว!”

    ทั้งสองคนเงียบกริบ แล้วหันมามองที่คนพูดด้วยสายตาอึ้ง ๆ

    “ไม่รู้หรอกว่าหมั่นไส้อะไรกัน แต่พวกเราต้องทำงานด้วยกัน แล้วก็พักร่วมบ้านกันนับจากนี้ไป ถ้าไม่พอใจอะไรก็มานั่งคุยกันทีหลังให้รู้เรื่อง แต่ตอนนี้ไปเก็บของให้เรียบร้อยก่อน มายืนทะเลาะกันตรงบันไดแบบนี้ พลาดพลั้งตกลงไปแล้วบาดเจ็บจะทำยังไง ไม่ใช่แค่ตัวเองต้องลำบาก พ่อแม่พี่น้องและคนอื่นที่ต้องคอยดูแลก็ลำบากด้วยไม่ใช่หรือไง!”

    วาโยที่ตวาดออกไปยืดยาวพักหยุดหายใจ แล้วปั้นหน้าบึ้งจ้องทั้งคู่เขม็ง ทางด้านกวินกับการินหลังจากได้สติ ทั้งคู่ต่างก็หันมาสบตา จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจเบา ๆ ไล่เลี่ยกัน

    “โอเค ๆ เลิกทะเลาะกันก็ได้... งั้นเดี๋ยวฉันช่วยถือกล่องนี่ไปส่งที่ห้องนายแล้วกัน”

    กวินเอ่ยขึ้นก่อน ส่วนการินนั้นพยักหน้าแล้วเอ่ยขอบคุณเบา ๆ ทำให้วาโยที่จ้องมองทั้งคู่อยู่ยิ้มออก ส่วนทางด้านปวีร์ที่จับตามองอยู่หลังจากนิ่งอึ้งไปสักพัก พอตั้งสติได้เจ้าตัวก็หันไปลอบหัวเราะอย่างถูกใจ แล้วพึมพำกับตัวเองตามมา

    “ดีเยี่ยมกว่าที่คิดเสียอีกแฮะ...อย่างนี้ค่อยคุ้มค่ากับแจกันที่แตกไปหน่อย”

   

    หลังจากเข้ามาในห้อง กวินและวาโยก็พบว่าการตกแต่งของห้องเบอร์สองนั้นไม่ได้แตกต่างไปจากห้องพวกเขาเท่าใดนัก มีเพียงสีผนังห้องเท่านั้นที่แตกต่างออกไป ห้องของพวกเขาเป็นสีฟ้าอ่อน ส่วนห้องนี้ออกสีเขียวอ่อนสบายตา

    “นอนคนเดียวเหงาแย่เลย ถ้าอยากได้เพื่อนคุยไปหาพวกผมที่ห้องเบอร์สามได้ทุกเมื่อนะครับ”

    วาโยบอกกับการินพร้อมรอยยิ้มจริงใจไร้การเสแสร้ง ทำให้การินพูดอะไรไม่ออก ได้แต่พยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ

    “อีกแล้วนะโย...อายุอานามหมอนี่ก็คงไม่ต่างจากพวกเรานักหรอก ทำไมนายถึงชอบพูดสุภาพกับคนอื่นนักนะ”

    เสียงกวินที่แทรกขัดมาทำให้วาโยสะดุ้ง แต่คราวนี้คำพูดของกวินก็ตรงกับใจของการินพอดี ชายหนุ่มจึงไม่ได้แย้งอะไรออกไป

    “ก็คนเพิ่งรู้จักกันจะให้ไปพูดจาสนิทสนมกับเขาได้ยังไง...ถ้าเขาไม่พอใจขึ้นมามันก็ไม่ดีใช่ไหมล่ะ...ถ้าเจ้าตัวอนุญาตแล้วก็ไปอย่าง”

    วาโยแก้ตัวและพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเขานั้นแสดงออกอย่างคนปกติทั่วไป ไม่ได้แปลกประหลาดแต่อย่างใด

    “ถ้าอย่างนั้นก็พูดธรรมดาเถอะ ฉันไม่ถือหรอก”

    การินเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ ทำให้วาโยชะงักแล้วหันไปมองอย่างลังเล

    “จะดีหรือครับ...ง่า...งั้นก็ได้”

    วาโยรีบรับคำเพราะไม่เพียงแต่แววตาคมกริบคาดคั้นของการิน  กวินเองก็ยังจ้องเขาเขม็งด้วยเช่นกัน

    “หึ... นายนี่อะไรก็ดี เสียอย่างเดียวชอบเกรงใจไม่เข้าเรื่อง ...อ้อ! แต่เมื่อครู่นี้น่ากลัวมากเลยนะ ปกติหลุดโกรธแบบนั้นบ่อยหรือเปล่าน่ะ”

    กวินที่เห็นว่าวาโยยอมพูดกับการินตามปกติเหมือนพูดกับตนแล้ว จึงชวนชายหนุ่มคุย ซึ่งเนื้อหาที่ชวนคุยก็ทำให้คนฟังยิ้มแห้ง ๆ พลางนึกบ่นตัวเองที่ดันเผลอโกรธจนหลุดตวาดทั้งสองเข้าให้แบบนั้น

    “ก็นาน ๆ ที... ไม่ค่อยอยากเห็นใครทะเลาะกันต่อหน้า โดยเฉพาะยิ่งเป็นเพื่อนกันทั้งคู่ด้วยแล้วล่ะนะ”

    วาโยบอกไปตามตรง ทำให้คนฟังนิ่งอึ้ง แล้วต่างมีปฏิกิริยาตามมาหลังจากนั้น กวินหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ส่วนการินนั้นหลุดยิ้มน้อย ๆ

    “นายนี่นิสัยแปลกดี แต่ก็น่าสนใจไม่น้อยล่ะนะ”

    กวินเอ่ยชมพร้อมยิ้มกว้างให้ แต่วาโยกลับมีสีหน้าทะแม่ง ๆ มองไปที่การินซึ่งอีกฝ่ายพอรู้สึกตัวว่าโดนจ้องเขาก็รีบหุบยิ้มแล้วปั้นหน้านิ่งเฉยต่อ

    “งั้นพวกเราไปรอข้างล่างล่ะนะ ถ้านายจัดของเสร็จแล้วอยากลงมาแจมก็มาแล้วกัน เรายังต้องรอสมาชิกอีกสองคน ก่อนที่คุณคนดูแลจะกลับมาน่ะ”

    กวินลุกขึ้นยืนแล้วหันไปบอกการิน ซึ่งอีกฝ่ายก็เงียบไปสักพักก่อนจะพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ สร้างความพึงพอใจให้คนชวนยิ่งนัก ส่วนวาโยมองทั้งสองที่ดูเหมือนจะดีกันได้แล้วก็รู้สึกโล่งอก เขาหันไปยิ้มแล้วกล่าวลาการินก่อนจะเดินตามเพื่อนร่วมห้องของตนไป

     ทางด้านเจ้าของห้องเองนั้นก็เฝ้ามองคนทั้งคู่จนลับสายตา แล้วจึงถอนหายใจออกมาแผ่วเบา เจ้าความเบื่อหน่ายและหงุดหงิดตั้งแต่เมื่อครั้งที่รู้ว่าจะต้องมาทำงานกับผู้เป็นอาเริ่มลดน้อยลงทีละนิด และเริ่มถูกแทนที่ด้วยความสนใจในบางสิ่ง จนทำให้เขาคิดว่า บางทีการมาฝึกงานในครั้งนี้ มันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เคยคาดคิดเอาไว้ก็เป็นได้

   
… TBC…

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
กวินกับการิน เกิดมาคู่กันป่าวนี้

55555 โยโกรธแล้วน่ากลัวเนอะ

หุหุ รออีกสองคนๆๆ ปูเสื่อๆๆ

jelatin99

  • บุคคลทั่วไป
เชียร์กวิน-การิน อิอิ :z2:
รอตอนต่อไปครับ  :pig4:

alekung103

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดมากค่ะ น่ารักอ่ะชอบวาโย

แต่อ่านแล้วสำนวนคุ้นๆ ไม่ทราบว่าเคยแต่งเรื่องในเด็กดีหรือเปล่าคะ

^^ เห็นชื่อปัดเหมือนกันด้วย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด