ซีรีย์สั้นกุด [บังเอิญ] .... ณ โรงพยาบาล (จบในตัว)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ซีรีย์สั้นกุด [บังเอิญ] .... ณ โรงพยาบาล (จบในตัว)  (อ่าน 39127 ครั้ง)

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
**************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

**********************************************************************

รวมงานเขียนของ BaoBao จ้า
อ่านก่อน ชั่งใจ
เรื่องที่เป็นอักษรตัวสีชมพู คือ แนวน่ารักไม่ปวดใจ
เรื่องที่เป็นอักษรตัวสีม่วง คือ แนวเจ็บปวดหน่วงหัวใจ
เรื่องที่เป็นอักษรตัวสีเขียวฟ้า คือ แนวที่จัดอารมณ์ไม่ได้

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เรื่องสั้น

[หึง & ง้อ]
[ข้างๆ]
[บังเอิญ]… ณ โรงพยาบาล
[อย่าเงียบสิวะ!]
[บังเอิญ]… คำบางคำกับช่อดอกไม้
ซีรีย์สั้นกุด [บังเอิญ]...คน (ไม่) รู้จัก
ซีรีย์สั้นกุด คำ บ า ง คำ [Silence speaks...]

เรื่องกึ่งสั้น-กึ่งยาว
[แอบ]
[สองก้าว]
[เวลา]
[รู้แล้ว]


เรื่องยาว
[กระดาษ]
[กระซิบ]
[บังเอิญ]… สวนทาง


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2017 13:17:25 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
ซีรีย์สั้นกุด [บังเอิญ]...ณ โรงพยาบาล





รถแท๊กซี่ผ่อนความเร็วลง และหักเลี้ยวเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

ผู้โดยสารที่นั่งหน้าจ่ายค่ารถกับโชเฟอร์ ส่วนผู้โดยสารอีกคนเดินลงรถไปพร้อมแม่ของเขา

ทางที่จอดเป็นเนินเล็กน้อย ทำให้ประตูหน้าของฝั่งที่เขานั่งอยู่เปิดอ้าไม่ได้ เขาเอาขาข้างหนึ่งหย่อนลงไปนอกรถ เอามือข้างเดียวกับขาที่เหยียบลงบนพื้น กันประตูให้เปิดอ้าไว้

"เดี๋ยวนะครับพี่ รู้สึกตังค์ในกระเป๋าจะไม่พอทอน" โชเฟอร์บอกกับเขา ก่อนจะยื่นมือมาเปิดลิ้นชักหน้ารถที่อยู่ตรงหน้าเขา

มือเขาที่สัมผัสประตู อยู่ดีๆ ก็ไม่รู้สึกถึงสัมผัสนั้น....เขาหันหน้าไปนอกรถ เห็นอีกคนที่มากับเขาจับประตูทางฝั่งเขาให้เปิดอ้าไว้ให้

"ทอนหนึ่งร้อยเท่าไหร่น๊า-----" โชเฟอร์พึมพำกับตัวเอง

"-หนึ่ง-สี่-เจ็ด- ครับ" เขาบอกกับโชเฟอร์

".....47.....อะ เท่านี้ละกัน ไม่มีเหรียญบาทเลย ...." โชเฟอร์ยื่นแบงค์ห้าสิบมาให้เขา พร้อมรอยยิ้ม

"....อา ขอบคุณครับ" เขารับเงินมาแล้วเดินออกไปจากรถ

"ขอบคุณครับ" โชเฟอร์กล่าวตามหลังเขามา

อีกคนปิดประตูรถให้เขา เขาเดินตรงไปหาแม่ของตัวเองที่ยืนรออยู่ภายในอาคารไม่ไกลจากที่พวกเขาอยู่

.....

....

...

..

.

"แม่ง่วงมั้ย?" เขาถามแม่ของตัวเอง

"ไม่หรอก ทำไมช้าจังล่ะ?" แม่ถาม ไม่ได้หัวเสียอะไร แม่แค่ผิดสังเกต

"อ๋อ ทอนตังค์น่ะครับ ไม่มีอะไร" เขาบอกแม่พลางจับแขนของแม่ไว้ ประคองแม่เดินเข้าไปในอาคาร

ขณะที่เขากำลังค่อยๆ เดินไป ไหล่ของเขาก็มีคนมาสะกิด

"ไปทางนี้" คนที่นั่งรถมาด้วยกันกับเขา สะกิดที่หัวไหล่เขา แล้วชี้บอกให้เขาเดินเข้าไปในแผนกฉุกเฉิน

"ไปทำไมทางนั้น เราต้องไปตึกหน้านะ" เขาแย้ง

"ทางมันเชื่อมกัน ไปทางนี้เร็วกว่า ใกล้ดี" อีกคนบอกเขา

"ยังไม่หกโมงเลย ประตูยังไม่เปิดหรอกมั๊ง"

...เวลานี้คือ ตี 4 ครึ่ง เขามาโรงพยาบาลเพื่อมารับบัตรคิว ปกติเวลานี้บัตรคิวจะอยู่กับโต๊ะยามหน้าตึกใหญ่....ประตูและตึกต่างๆ ของโรงพยาบาลเปิดในช่วง 6 โมงเช้า...ดูเวลามาจากในเน็ต

ถึงแผนกฉุกเฉินจะเชื่อมทางกับตึกเก่าที่ลัดไปถึงตึกใหญ่ได้ แต่ประตูมันไม่น่าจะเปิด....นะ?

"เปิดแล้วน่า มานี่เหอะ" อีกฝ่ายพูดแล้วก็เดินนำเขากับแม่ไปลิ่วๆ....ไม่รอกันเลย

"ตามพี่เค้าไปเถอะหนู หนูไปเอาคิวก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวแม่ค่อยๆ เดินไปได้" แม่บอกกับเขา

"ผมไปกับแม่แหละ พี่เค้าเดินไปโน่นแล้ว คงไปเอาบัตรคิวให้แล้วล่ะครับ" เขาบอกกับแม่

"รบกวนพี่เค้าจริงๆ ยังไม่ได้เลย ต้องพาแม่มาแต่เช้าขนาดนี้" แม่พูดพลางค่อยๆ ก้าวไปตามทางที่อีกคนบอกไว้

"ไม่เป็นไรหรอกแม่ เราคุยกันแล้วไง ของมันจำเป็นต้องมา อย่าคิดมากนะครับ" เขาปลอบใจแม่ของตัวเองให้หายกังวล

.....

....

...

..

.

เขาพาแม่เดินมาถึงทางลาด ผู้คนเริ่มมีให้เห็นเยอะขึ้น แม่เขาแทบไม่เชื่อสายตาว่าจะมีคนมารอคิวก่อนแม่กับพวกเขาจะมา..... “โอ้โห หนู...ทำไมคนเยอะแบบนี้ล่ะ?”

“โรงบาลรัฐน่ะแม่ สมคำร่ำลือเนอะแม่เนอะ” ถึงพูดแบบนั้น ใจของเขาจริงๆ แล้วก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน

เขาเดินพูดจุ๊กจิ๊กกับแม่ไปอีกระยะ ก็เดินมาถึงบันไดใหญ่ด้านหน้าตึก

ตนป่วยที่นอนบ้างนั่งบ้าง ออกันอยู่ริมทางด้านหน้าตึก บันไดที่แผ่กว้างหลายขั้นของตึกใหญ่ เวลานี้มีผู้คนจับจองไปทุกตารางนิ้ว คนที่ยืนรอก็มี คนที่กระจายไปอยู่บริเวณใกล้ๆ ก็ไม่ใช่น้อย แม่ของเขาเงียบไป....ไม่พูดต่อ เขาเองก็เช่นกัน

สักอึดใจ หลังจากที่เขาหายจากอาการตะลึง เขาก็เริ่มมองหาแผ่นหลังของแฟนตัวเอง เขาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะอยู่ในกลุ่มคนมุงหน้าทางเข้าตึก....และก็จริงดังคาด เพราะไม่นานแฟนของเขาก็เดินคิ้วขมวดออกมาจากฝูงชน

.....

....

...

..

.

“หน้ามุ่ย เป็นไรอ่ะครับ?” เขาถามแฟนของตัวเอง

“ร้อยแปดสิบเก้า ถ้าจะเอาเลขสองตัวเราต้องมามันตีสามเลยมั้ย?” อีกฝ่ายพูดเอาฮา

“หึหึหึ เท่านี้ก็ดีแล้วลูก นี่ถ้าพวกเราตามใจแม่มาแปดโมง ไม่รู้จะได้คิวที่เท่าไหร่” แม่บอกอย่างอารมณ์ดี

“พี่ถามยามแล้วนะ เดี๋ยวเราต้องไปตรวจเอกสารตอนเปิดตึก เค้าเปิดประตู 6 โมงเช้า แต่พยาบาลกับส่วนอื่นๆ เริ่มทำงานตอน 7 โมงครึ่ง ตอนนี้ไปหาที่รอกันก่อน ยืนไปก็เท่านั้น เค้าว่าทุกอย่างตามคิว” อีกฝ่ายบอก

“นั่งไหนดีล่ะพี่ หลายชั่วโมงเลยนะ พี่นอนได้เลยนะเนี่ย” เขาถามเชิงปรึกษาพร้อมบอกกับแฟนตัวเอง

“อืม.....ที่เราเดินผ่านมาเมื่อกี้ก็ได้มั๊ง เงียบดี ไม่ไกลจากตึกใหญ่ด้วย” อีกฝ่ายบอกเขา

“ป๊ะ ป๊ะ เดินไปลูก พี่เค้าจะได้นอนสักงีบ” แม่เร่งให้เขาเดินไปยังที่ที่อีกฝ่ายบอกเขา

.....

....

...

..

.

แฟนของเขา....ฐานะนี้เรารู้กันแค่สองคน แม่ของเขาไม่รู้ว่าพี่เค้ากับเขาเป็นอะไรกัน มีฐานะต่อกันอย่างไร แม่รู้แค่----

------พี่เค้าเป็นคนข้างบ้าน

------พี่เค้าเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัย

------พี่เค้าเป็นรุ่นพี่อยู่คณะเดียวกัน

------พี่เค้าอยู่คนละเอกกัน

------พี่เค้าอายุห่างกัน 2 ปี

------พี่เค้าใจดี

------พี่เค้ามีน้ำใจ

-------------------เราเป็นเช่นนั้น....อย่างที่แม่รู้มาโดยตลอด แค่รุ่นพี่รุ่นน้อง

ทว่า เรามีฐานะอื่นเพิ่มขึ้นเมื่อปีก่อนนี้เอง....มันจับผลัดจับพลู

....มันเมา

....มันลืมยับยั้งชั่งใจ

....แล้วมันก็ปล่อยอารมณ์ให้เป็นไปตามธรรมชาติ

....พอตื่นมา พี่เค้าให้คบกัน เป็นแฟนกัน

....พี่เค้าขอรับผิดชอบ

....เขาก็ดันใจง่าย ให้พี่เค้ารับผิดชอบ

....เลยได้เป็นแฟนกัน

.....

....

...

..

.















































































































“พี่แมวนอนตักแม่มั้ย? พี่แมวตัวยาว เดี๋ยวเก้าอี้ไม่พอ” แม่บอกพี่แมวที่เริ่มเอาหัวซบกับพยักเก้าอี้ของที่นั่งข้างหน้าตัวเอง พอดีช่วงนั้น คนข้างหน้าเว้นที่ไว้วางของ

“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวแม่ปวดขาแย่เลย ผมตัวหนักนะครับ” พี่แมวบอกแม่ด้วยรอยยิ้ม แต่ตาน่ะปรือมากแล้ว

“นอนแบบนั้นปวดหลังเปล่าๆ ตาสนมานั่งนี่มา ให้แม่นั่งริม ให้พี่เค้าหนุนขาหน่อย จะได้นอนสบายๆ เร็วๆ ลูก เสียเวลาพี่เค้านอน” แม่พูดพลางจัดแจงลุกขึ้นเปลี่ยนที่นั่งกับลูกชายของตัวเอง

ตึกเก่านี้มีเก้าอี้ทรงยาวหลายตัววางเรียงกัน ถึงคนไม่มาก แต่ส่วนใหญ่มาตรงนี้เพื่อนอน และก็นอนราบไปตามเก้าอี้ด้วย ดังนั้นเก้าอี้ที่เหลือให้นั่ง จึงเหลือแค่ไม่กี่ตัว และหากพวกเขาจะใช้กันสองตัว โดยให้พี่แมวนอนราบไปเลยคนเดียวอีกตัว แม่ก็บอกว่าเกรงใจคนอื่นที่เขามาเหนื่อยๆ แม่บอกว่าต้องมีหลายคนที่จีรถมาไกล กว่าจะมาถึงที่นี่ เราจึงควรแบ่งๆ ที่นั่ง และเหลือที่ไว้ให้คนมาทีหลังบ้าง

“เอ้า นอนมาพี่แมว เอ๊ะ เดี๋ยวนะ หมอนมันแข็งไป เอาเสื้อมารองให้พี่เค้าหนุนหน่อยสิ สน” แม่ที่นั่งตรงริมเก้าอี้แล้ว บอกเขาที่กำลังหย่อยก้นลงนั่งให้ถอดเสื้อแจ๊คเกตของตัวเองออกมา

เขาก็ทำตามที่แม่สั่ง เพราะคิดอยู่ในใจด้วยเหมือนกัน

“ไม่ต้องๆ สน พี่นอนได้ ใส่ไว้เหอะ อากาศมันเย็นๆ” พี่แมวรีบบอก

“ไม่หนาวพี่ กำลังพอดี” เขาพูดพลางถอดเสื้อของตัวเองออกมา พับมันให้เอาด้านที่มีกระเป๋า มีซิป ไว้ทางหนึ่ง หงายด้านที่มีแต่ผ้านุ่มๆ ขึ้น...แล้ววางลงบนตักตัวเอง

พี่แมวทำหน้าลำบากใจนิดหน่อย แต่พอแม่ของเขาเร่งให้นอนซะ พี่แมวก็รับคำยานคาง ก่อนจะเอนหลังลงมา

เขายื่นแขนข้างที่ติดตัวอีกฝ่ายไปวางพาดยาวกับพนักเก้าอี้ ไม่มีที่วางเหมาะๆ อื่นอีก....เพราะไอ้ที่มันวางแล้วสบาย ท่ามันอาจหมิ่นเหม่ต่อความรู้สึกใครหลายคน....ได้

เขาคุยกับแม่เบาๆ เรื่องโน้นเรื่องนี้ ไม่นานเท่าไหร่เขาก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่ดังเป็นจังหวะคุ้นหู....พี่แมวหลับไปแล้ว

.....

....

...

..

.

เป็นแฟนกัน ฐานะนี้...เหมือนเป็นแค่ลมปาก เพราะทุกๆ อย่างระหว่างสนกับพี่แมว.....ยังเหมือนเดิม

หลังจากปีนั้น....ที่เกิดเหตุ เขามีอะไรกับพี่แมวอีกแค่ไม่เท่าไหร่ แต่พี่แมวเริ่มเข้ามาในวงจรชีวิตเขามากขึ้น

เราจูบกันบ่อยมากกว่ามีอะไรกัน แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรกุ๊กกิ๊กกันมากนัก ----- ที่กล่าวมาคือเวลาที่เราอยู่ด้วยกันเป็นการส่วนตัว

เมื่อหลุดออกมาจาก “โลกของเรา”.....เราเป็นเหมือนเดิม รุ่นพี่-รุ่นน้อง

สน...สนทำตัวไม่ถูกต่อหน้าคนอื่น เขาค่อนข้างเกรงใจสายตาของผู้คน เขากลัวนิดๆ กับความสัมพันธ์แบบนี้ เพราะ....เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมามีความรักกับผู้ชายด้วยกันได้

พี่แมว...เป็นเกย์ หรือเป็นผู้ชาย สนไม่รู้.....

สนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่แมวคิดอะไร แต่เท่าที่สังเกต พี่แมวค่อนข้างไม่แสดงออกว่าเป็นแฟนเมื่ออยู่ภายนอก “โลกของเรา” พี่แมวมีระยะเหลือไว้แค่พี่ชายน้องชายที่สนิทกันมากๆ

สำหรับสน เขาคิดว่า “ก็ดีนะ”.....เราเป็นแบบนี้มันก็ดี

.....

....

...

..

.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2017 13:12:06 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2


.....

....

...

..

.

“ฮื๊อ-----------” เขายืดแขนทั้งคู่บิดขี้เกียจ

“จะหกโมงแล้วนะลูก” แม่มองนาฬิกาที่ข้อมือ

“ครับ เดี๋ยวปลุกพี่เค้าก่อน” เขาบอกแม่ แล้วก้มหน้าลงไป ..... ที่ไหนได้ คนที่นอนหงายเอาหัวหนุนตักเขา ลืมตาแป๋วมาอยู่แล้ว----ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย?

“ตีห้าสี่สิบห้าแล้วครับ ไปรอกันหน้าประตูมั้ย?” เขาถามคนที่นอนลืมตาแป๋ว

“........” อีกฝ่ายพูด แต่ผุดลุกขึ้นมานั่งบิดขี้เกียจ สักพักจึงหันมาบอกเขากับแม่ว่า “เดี๋ยวพี่ไปเอง เรากับแม่รออยู่ตรงนี้ก่อน ถ้าไงแล้วพี่จะโทรมา”

“ไม่เอา ผมไปเองก็ได้ พี่รอตรงนี้กับแม่ เดี๋ยวถ้าแม่ต้องไปตรงนั้น แล้วผมจะโทรมาหาพี่” เขาแย้ง

“พี่ไปเร็วกว่าน่า” อีกฝ่ายแย้งบ้าง....ไม่ยอม

“ผมไปก็เหมือนกันแหละ” เขาเถียงไม่ตกฟาก

“ไปทั้งคู่นั่นแหละ ถ้ามีอะไรก็โทรมา เดี๋ยวแม่เดินไปหา” แม่แทรกมาหน้าตาเฉย

“อ๋าว แม่ แล้วจะอยู่ยังไงคนเดียว....” เขาหันมาง๊องแง๊งกับแม่

“โหย เค้านั่งกันอยู่หลายคน แม่มีเพื่อนนั่งด้วยตั้งเยอะ เดินไปตึกนั้นก็แค่นี้เอง แม่ไม่เป็นไรหรอกน่า” แม่บอกอย่างแข็งขัน

“หนู...พวกหนูไปกันเถอะ ไว้เดินเรื่องเสร็จ ค่อยมารับคนป่วยไปก็ได้ ช่วงเช้าๆ คนเยอะ มีแต่เดินเอกสาร ให้คนแก่ไปตรงนั้นก็เหนื่อยเปล่าๆ ” คุณน้าที่นั่งอยู่ด้านหน้าหันหน้ามาบอกอย่างมีน้ำใจ

“อ้าว เหรอครับ” เขาอุทาน

“จ๊ะ นี่น้าก็ให้ลูกไปเดินเรื่อง น้าก็รอตรงนี้ล่ะ หากต้องการตัวคนป่วยก็แค่จะซักประวัติกับวัดความดันเฉยๆ จ๊ะ น้าพาสามีมาเมื่อเดือนก่อน วันนี้น้ามาโรคของน้า ก็เลยพอรู้ขั้นตอนจ๊ะ” คุณน้าแจกแจงให้ฟัง

“อ๋อ.... ครับ ขอบคุณครับ” เขาบอกแก่คุณน้าผู้ใจดี

“ขอบคุณนะจ๊ะ ไปเถอะตาสน แม่นั่งได้ ไม่เป็นไรหรอก เร็วๆ ไป จะหกโมงแล้วลูก” แม่กล่าวสรุปความให้

เช่นนั้น....เขากับพี่แมวจึงเดินมาตึกใหญ่พร้อมกัน ปล่อยแม่ให้นั่งคุยกับน้าผู้หญิงที่ใจดีบอกขั้นตอนการเดินเรื่องให้เรา....พลางรอ

.....

....

...

..

.

เขามายืนหน้างงอยู่ในฝูงชนที่ยืนอออยู่หน้าประตูทางเข้าตึก

ยามและพนักงานของทางโรงพยาบาลประกาศโทรโข่งบอกสิ่งที่ทุกคนต้องทำ ทวนซ้ำเป็นช่วงๆ.....ไม่ถึง 3 นาที ประตูก็เปิด แล้วพวกเขาก็โดนผู้คนเบียดเข้าไปในตึก

ยามหน้าสิ่วหน้าขวาน เอ๊ย ยามชุลมุนเช่นนี้เค้ายังไม่วายคิดในใจว่า หากเขาเอารองเท้าติดล้อมาใส่คงแล่นฉิวได้สบาย ไม่ต้องออกแรง ยืมแรงจากคนอื่นเดินหน้าไปแทนได้เลย

แต่แล้ว เขาก็ได้มาประสบกับความผิดพลาดทางความคิด....มีคนเหยียบเท้าเขา ซึ่งเจ็บมาก....มีคนเอาศอกมาชนเขา ซึ่งก็เจ็บอีก....มีคนเบียดเขาจนเกือบล้ม แต่แฟนของเขาคว้าแขนเขารั้งไว้ได้ทัน.......  :เฮ้อ: โชคดีไป

“เดินดีๆ สิ” แฟนของเขาพูดกระซิบกระซาบให้พอได้ยินกันแค่สองคน

“ก็.....” เขากำลังจะบอกว่าที่เขาเซจะล้ม ไม่ใช่เป็นความผิดของตัวเอง แต่พอเขาเงยหน้าขึ้นไปบอกอีกฝ่ายก็เห็นสีหน้าที่นิ่ง ...เหมือนบอกเป็นนัยว่า...รู้แล้ว

เขาเห็นแบบนั้นแล้วเลย ไม่พูดต่อ...โมโหนิดๆ ยังไม่หาย แต่ก็ช่างมัน แล้วเขากับอีกคนก็เดินไปต่อแถวที่ยาวเหยียดกันแบบเงียบๆ

.....

....

...

..

.

เรายืนขยับไปทีละนิดๆ สักพัก เขาหันไปมองคนที่เดินไปมา และคนที่อยู่ด้านหน้า สักพักเขาก็นึกสงสัย เขาจึงหันหน้าไปถามอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกัน

“พี่ๆ เราไม่ได้ถ่ายเอกสารอะไรมาเลยนะ มันต้องใช้ด้วยเหรอ?”

“....ไม่รู้สิ ไว้ถึงตรงนั้นเดี๋ยวเขาคงบอกเราเองล่ะ” อีกฝ่ายบอกเขา

“นานอ่ะ ลำบากเนอะ เจ็บป่วยเนี่ย ผมล่ะไม่อยากป่วยเลย ให้ตายสิ” เขาพึมพำแกมระบาย

“หึหึหึ ใครล่ะจะอยากป่วย เรานี่เนอะ” พูดเสียงกลั้วหัวเราะ

พี่แมว.....เป็นคนยิ้มไม่ง่าย....คนอื่นบอกเขา

แต่เขาก็เห็นพี่แมวยิ้มบ่อยนี่นา ไม่เห็นเป็นอย่างที่คนอื่นพูด

พี่แมว...เป็นลุงในสายคณะของสน

พี่สายของสน เป็นน้องสายของพี่แมว พี่แมวจึงเป็นลุงสายของสน

สนเจอพี่แมวตอนที่พี่สายของตัวเองพาไปเลี้ยงข้าวหลังเสร็จงานกีฬามหาลัย.... ที่นั่นเรียกกันว่าเปิดตัวสาย ----- สายรหัสของคณะ ไม่ใช่สายรหัสของมหาลัย

พี่แมวอยู่คนละเอกกับสน พี่สายของสนอยู่เอกเดียวกันพอดี

สนสนิทกับพี่สายของตัวเอง เลยกลมเกลียวเหนียวแน่นกับพี่แมวด้วย เพราะพี่แมวสนิทกับน้องสายของตัวเอง

ไปๆ มาๆ สายของเราก็สนิทกันเป็นสามเกลอ

ถึงต่อมาพี่สายของสนมีแฟน ความสนิทของสนกับพี่แมวก็ไม่ได้ลดลง แต่กลับยิ่งสนิทกันมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

จนพี่แมวจบออกไป

จนพี่สายของสนจบออกไป

จนสนจบออกมา

พี่แมวก็ไม่ได้หายไปจากการติดต่อของสนเลย

สนได้งาน และทำงาน สามเดือนพอผ่านโปร สนคิดว่าที่ทำงานนี้ก็ดี เลยกะว่าจะปักหลักหาที่อยู่ดีๆ .....

คุยกับพี่แมว พี่แมวบอกว่าข้างบ้านเค้าย้ายไปอยู่เมืองนอกกัน บ้านว่าง เปิดให้เช่า พี่เค้าถามว่าจะมาเช่ามั้ย ถูกมาก แค่สองพันเอง บ้านชั้นเดียว มีรั้วกั้นบ้าน เครื่องเรือนเครื่องใช้มีนิดหน่อยอยู่แล้ว

สนหูผึ่งตรงคำว่าเดือนละสองพัน เลยรับคำว่าจะไปดูบ้าน

วันอาทิตย์หลังจากที่คุยกับพี่แมว สนไปหาพี่แมวที่บ้าน พี่แมวเปิดประตูบ้านให้เขาดู พี่แมวมีกุญแจเพราะเจ้าของบ้านฝากไว้กับพี่แมว ให้หาคนเช่าให้

บ้านก็ดีนะ ไม่ใหญ่โต สภาพไม่เก่ามาก เอาแค่พอมีประวัติศาสตร์ เคยมีคนอยู่มาก่อน ..... จุดนี้สนชอบ สนชอบที่มันมีร่องรอยของคนอาศัย มันดูไม่แห้งแล้ง มีชีวิต มีจิตวิญญาณ

การเดินทางก็พอสะดวก ไม่ลำบากในการไปกลับที่ทำงาน โดยรอบมีที่อำนวยความสะดวก มีพี่แมวอยู่ข้างบ้าน... โอเคแล้วล่ะ

ว่าแล้วอาทิตย์ต่อมา สนก็ย้ายข้าวของเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ โดยมีพี่แมวช่วยขับรถไปเอาของ และพาส่งถึงบ้าน ช่วยจัดของ แล้วพาไปกินข้าวเย็นที่บ้านพี่แมว....เป็นพระคุณจริงๆ

“สน ใบส่งตัวของแม่อยู่ไหน?” คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ถามเขา

เขารีบเอากระเป๋าที่อีกฝ่ายถืออยู่มาเปิด ค้นหาซองสีขาว..... เมื่อเจอแล้ว เขาก็เอาสิ่งที่อยู่ในซองยื่นให้พนักงานดู

“โอเคค่ะ เดี๋ยวน้องไปถ่ายเอกสาร อันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้นะคะ เสร็จแล้วก็เก็บตัวจริงไว้กับน้อง เอาชุดพวกนี้ไปวางไว้ในตะกร้าสีฟ้า แล้วรอพยาบาลเรียกนะคะ” พนักงานชายแต่พูดลงท้ายด้วยคำว่า ‘ค่ะ’ กล่าวอย่างคล่องแคล่ว....เร็วจนสนเกือบฟังไม่ทัน

“คะ..ครับ....สีฟ้า....ตะกร้าไหนนะครับ?” สนถามย้ำอีกครั้ง

“ตรงนั้นค่ะ หลังเสา น้องเดินไปตรงนั้น เดี๋ยวก็เห็นค่ะ” พนักงานชายผายมือไปอีกทาง พลางตอบเขาอย่างอารมณ์ดี

เขามองตามไปทางที่อีกฝ่ายผายมือบอก แต่เขาก็ยังไม่เห็น ตะกร้าสีฟ้าที่ว่า

“ขอบคุณครับ” พี่แมวกล่าวขอบคุณเขาแล้วจับแขนเขาลากออกมาจากแถว

เขารีบหันหลังไปกล่าวกับคุณพนักงาน “ขอบคุณนะครับ”

“ค่า” พนักงานกล่าวตอบรับเขาแบบเสียงดังฟังชัด

เขาเดินตัวปลิวมากับแรงฉุดของพี่แมว “พี่จะไปไหนน่ะ เราต้องถ่ายเอกสารก่อนนะ”

“ถ่ายไหนล่ะ?” พี่แมวหันหน้ามาถามเขา....หน้าตาเฉย

จะรู้มั้ยล่ะ ก็มาด้วยกัน เพิ่งเคยมานะเฟ้ย! -------  :angry2:

เขากวาดตามองไปรอบๆ แล้วตัดสินใจ “เดี๋ยวถามๆ เค้าดู อืม.....คนนั้น เมื่อกี้ผมเห็นเหมือนเค้าเดินไปถ่ายเอกสารมานะ ผมไปถามดูก่อน”

พี่แมวปล่อยมือจากต้นแขนเขาตอนที่เขาหันตัวและเริ่มก้าวขาไปทาง...คนที่เขาหมายตาว่าจะถาม แต่พี่แมวยังเดินตามหลังกันมาด้วย

.....

....

...

..

.

เราเดินมาตามทางเดินที่ยาวในระยะหนึ่งแล้วเลี้ยวไปเลี้ยวมาตามที่คนคนนั้นบอก สักพักเราก็มาถึงร้านถ่ายเอกสารที่มีคนมาต่อแถวยาวเหยียด

เขาแยกเอาสิ่งที่ต้องออกมาถือ แล้วส่งที่เหลือไปให้พี่แมวถือ

พี่แมวรับเอกสารที่คลิปไว้ด้วยกันจากเขาไปถือ จากนั้นก็เดินไปรออีกที่ ปล่อยให้เขาต่อแถวเอง

เขาต่อแถวต่อไปอีกราว 5 นาทีก็ถึงคิวเขา เขายื่นกระดาษสามแผ่นไปให้กับคนที่ถ่ายเอกสาร “เอาอย่างละแผ่นครับ”

รอสักพักเดียวเขาก็ได้มันมา พร้อมราคาที่ทำให้เขาตาโต

เขาถือกระดาษสามแผ่นและต้นฉบับอีกสามของตัวเองไปหาพี่แมว

“แผ่นละ 2 บาท พี่...เราเลิกทำงานเหอะ มาเปิดร้านถ่ายเอกสารที่นี่กัน รวยเละ!” อดไม่ได้ที่จะพูด

“เขาก็ต้องหากินน่า” พี่แมวขำคิก รับเอกสารตัวก๊อปปี้ไปจากมือเขา แล้วเอาพวกมันใส่เข้ามารวมในชุดเดียวกัน

เขาดึงกระเป๋าหนังขนาดพอดีกับกระดาษเอสี่มาจากจักกะแร้ของพี่แมว เปิดซิป แล้วเอาต้นฉบับเก็บเข้าที่ของมันให้เรียบร้อย เพื่อความสะดวกต่อการค้นหาในวาระต่อไป

“ป๊ะ เอาไปวางที่ตะกร้ากัน กี่โมงแล้วเนี่ย?” พี่แมวถาม

“6 โมง 25 แหละ” เขามองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง

“ท้องร้องอ่ะ สงสัยทำงานมาทั้งคืน” พี่แมวบอก

“เหรอ เดี๋ยวนะ เอานี่ไปวางก่อน ค่อยไปหาของกินกัน” เขารีบกระตือรืนร้น

“แม่กินข้าวได้ป๊ะ?” พี่แมวถามพลางเร่งฝีเท้าเดินไปยังตึกใหญ่ที่เดิมที่เราจากมา

“น่าจะได้ แต่แม่บอกว่า จะไม่กินเผื่อเค้าตรวจเลือด พยาบาลที่เป็นญาติกันบอกแม่มาอ่ะ” เขาบอกอีกฝ่าย

“เหรอ....มันจะดีเหรอ?” พี่แมว....เหมือนไม่เห็นด้วย

“ไม่รู้สิ ไว้ค่อยถามแม่อีกทีละกัน” เขาตัดบท

“ครับ”

.....

....

...

..

.

เราเดินไปวางเอกสารที่ตระกร้าสีฟ้า ตรงนั้นมีป้ายตั้งว่า รอพยาบาลเรียกชื่อตอน 7 โมงครึ่ง.... เราเลยจะไปหาข้าวเช้ากินกัน

เราเดินออกมาจากตึก แล้วเดินต่อไปยังตึกเก่าที่แม่นั่งคอยอยู่

แม่นั่งคุยกับคุณน้าผู้หญิงอย่างสนุก หัวเราะกันคิกคัก ท่าจะถูกคอกันดี

เขาส่งยิ้มให้คุณน้า แล้วยื่นมือข้างหนึ่งไปจับบ่าแม่ “แม่ ไปกินข้าวกันครับ 7 โมงครึ่งค่อยไปรอกันอีกที”

“มากันแล้วเหรอ ..... สนไปกินกับพี่แมวเถอะ แม่ไม่กินล่ะ เผื่อตรวจเลือด” แม่บอก

“แม่ครับ กินเลยไม่ดีกว่าเหรอครับ? จะได้ตรวจรึเปล่าเราก็ไม่รู้” พี่แมวบอกแม่อย่างสุภาพ

“เผื่อจ๊ะพี่แมว ถ้าเราไม่เผื่อไว้ คราวหน้าแม่ต้องเสียเวลาตรวจเลือดให้หมอดูผลอีก เหนื่อยเปล่าๆ จ๊ะ แม่ไม่เป็นไร นั่งเฉยๆ แม่ไม่หิวหรอก” แม่บอกด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าเกินสิบโมงยังไม่เจอหมอ ค่อยให้แม่กินก็ได้นะหนู สามีน้าคราวก่อนไม่ได้อด ต้องเสียเวลาใหม่อีกที ลำบากมากเลยล่ะ” คุณน้าบอก

“เหรอครับ.... แต่แม่จะไหวเหรอครับ” พี่แมวยังไม่วายกังวล

“จ๊ะ แม่เคยอดอยู่ ตอนตรวจที่โรงพยาบาลแถวบ้าน แม่ก็รอนานเลย ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวแม่บอกละกัน ซื้อนมกับขนมปังเผื่อให้แม่ไว้ก็ได้” แม่บอกทางเผื่อให้พี่แมว

“...งั้นก็ได้ครับ แม่ชอบหนมปังแบบไหนล่ะครับ? เอานมอะไรดีครับ?” พี่แมวถามแม่ของเขา

“ให้สนเค้าเลือกละกัน แม่นึกไม่ออกละ” แม่บอก

“ครับ....” พี่แมวพยักหน้าพร้อมรับคำ

“แม่ไปเดินเล่นมั้ย? เบื่อรึเปล่า?” เขาถามแม่ตัวเองด้วยความห่วงใย

“ไม่เบื่อหรอก คุยกับน้าเค้าสนุกดี เราไปเถอะ ไม่ต้องรีบนะ ค่อยๆ กินกัน” แม่บอก

.....ว่าแล้วเราก็เดินไปหาที่กินข้าวกันสองคน อาหารที่โรงพยาบาลมีขาย แต่พี่แมวบอกว่ามีร้านโจ๊กเจ้าอร่อยอยู่ใกล้ๆ โรงบาลนี้ เพื่อนพี่เค้าเคยพามากิน เช้าๆ แบบนี้ร้านเค้าเปิดแล้ว คนยังไม่เยอะ นั่งกินได้สบายๆ

เขา....กินของร้านได้ช้ามาก ลิ้นแมว ต้องละเลียดกิน ติดตรงนี้นั้น แต่พี่แมวบอกว่านั่งกินได้สบายๆ เพราะกว่าคนจะมาเยอะ ก็ช่วงราว 7 โมงที่พวกเขาต้องกลับมา ดังนั้นเราจึงได้กินโจ๊กเจ้าอร่อย

.....

....

...

..

.

พี่แมวมาเดินข้ามสะพานเลย ลงมาเดินเลาะๆ ไปตามถนน สักพักเราก็เดินมาหึงปากซอยแห่งหนึ่ง ..... มีร้านโจ๊กแบบลูกทุ่งๆ ตั้งอยู่ ร้านไม่มีอะไรเท่าไหร่ แค่โต๊ะกับหม้อโจ๊ก เตาอันเล็กๆ.....ป้ายก็ไม่มี

“แน่ใจเหรอพี่ ไหนเจ้าอร่อยทำไมมันโล่งงี้ล่ะ” เขาถามย้ำ

“ก็ยังไม่มีคนนี่ครับ แถวนี้กลางคืนมันเป็นย่านบันเทิง ที่แพงจะตาย ตั้งขายได้เท่านี้ล่ะครับ พี่บอกว่าอร่อยก็อร่อยน่า กินเหอะ” พี่แมวแจงให้ฟัง

“เหรอ......พี่สั่งให้ด้วยนะ นั่งไหนล่ะ?” เขาพยักหน้าหงึกๆ อย่างเชื่อฟัง

“ตามใจครับ” พี่แมวพูดแล้วก็สาวเท้าไปหาเจ้าของร้าน ส่วนเขา....เดินเข้าไปในซอย เลือกนั่งโต๊ะในสุด โล่งตาดี มองได้ทั่วดี

พี่แมวเดินตามมานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกัน “เอาธรรมดานะ ของพี่เอาพิเศษ ถ้าไม่อิ่มมากินของพี่”

-กินของพี่- อันนี้ทำประจำ ตั้งแต่สมัยเรียนที่มหาลัย ....เขาขี้เบื่อ ถึงมันเป็นของอร่อย แต่บางทีก็เบื่อ อยากกินอย่างอื่น แต่บางทีก็อยากกินมันอย่างเดียวซะงั้น กับบางอย่างที่ต้องรอ....รอให้เย็น รอคิวสั่ง..... พี่แมวจะสั่งพิเศษ หรือสั่งเผื่อมาไว้ ซึ่งเขาจะกินหรือไม่กินก็ได้ ตามใจเขา

พอมานั่งคิดดู พี่แมวก็ชอบเทคแคร์คนนะ เขาก็โดนพี่แมวเทคแคร์ให้โดยไม่รู้ตัว พอรู้ตัว ปฏิเสธพี่แกไปก็ไร้ประโยชน์ แกก็ยังทำแบบที่แกชอบทำ เบื่อจะบอก เบื่อจะแย้ง เลยปล่อยพี่แกทำไป....จนวันนี้ “ชิน” ไม่พอยัง “ติด” ด้วย

สนเคยชินกับการเทคแคร์ของพี่แมว และเคยชินกับการมีพี่แมวอยู่ในวงจรชีวิต

การเป็นแฟนกับพี่แมว ไม่ได้มีอะไรเพิ่มขึ้นในการเทคแคร์ของพี่แมวที่มีต่อสน พี่แมวยังทำเหมือนเดิมทุกอย่าง

แล้วเขาไม่ชอบเหรอ? อยากได้อะไรมากกว่านี้เหรอ?

คำตอบคือเปล่าหรอก แค่แปลกใจนิดนึง....เท่านั้นล่ะ

ลึกๆ ในใจเขาก็คิดว่าดีนะ ที่พี่แมวไม่เปลี่ยนไป....หลังจากที่เริ่มเป็นแฟนกันแล้ว

ให้พี่แมวมาจี๋จ๋ากับเขาแบบคู่รักวัยรุ่นชายหญิงหรือชายชายที่เดินกันหนุงหนิง.....เขาทำไม่ได้ มันตะขิดตะขวงใจ......

“ง่วงมั้ย? ไหวรึเปล่า?” เขาถามพี่แมวหลังจากที่จ้องขอบตาดำๆ ของพี่แมวมาสักครู่

“ง่วง แต่ไหวครับ” พี่แมวตอบสั้นๆ ตาของพี่แมวจ้องสบกับเขา....ไม่วางตา

“ผมทำเองได้นะ ไม่น่าลำบากเท่าไหร่ คงเหลือแค่รอพบหมอ” เขาบอก

“.....พี่อยากทำครับ” พี่แมวตอบสั้นๆ

“ทำไมถึงต้องอยากทำ?” เขาถาม

“.............ก็แม่ของแฟนพี่นี่ครับ ถ้าพี่ไม่ว่างก็ว่าไปอย่าง นี่พี่ว่าง พี่ต้องทำสิครับ” พี่แมวบอก

“เราเป็นแฟนกันเหรอ.....” ลากเสียงลงท้ายยาวๆ แบบยียวนกวนประสาท

“ครับ” พี่แมวรับคำอย่างหนักแน่น

“ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย!” ทำเสียงยียวนต่อ

“สน......” พี่แมวลากเสียงยาว....ให้เสียงลอดออกมาจากไรฟันที่กัดไว้พอแน่น

“หึหึหึ-----”

พี่แมว........ไม่ค่อยชอบให้พูดแบบนี้ ‘เราเป็นแฟนกันเหรอ?’  คำนี้เขารู้ว่าพี่แมวไม่ชอบ แต่ก็ชอบแซวพี่แมว ชอบเห็นหน้าลำบากใจปนกลัว ปนระแวง ปนกังวล...ของพี่แมว

เห็นแล้วมันตื้นตันใจดี

เห็นแล้วรู้สึกดี....ดีที่ได้เห็นได้รู้ว่าพี่แมวยังรัก และเรายังเป็นแฟนกัน

เฮ้อ----- การคบกับผู้ชายมันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคย

สนไม่รู้ว่าพี่แมวเอาจริงหรือล้อเล่น

แฟน.....หีือเราคบกันเพื่อฆ่าเวลา?

พี่เค้าจริงจังกับการคบกันมากแค่ไหน ในเมื่อ......จุดเริ่มต้นของเรามันเริ่มจาก “ความพลั้งพลาด”

.....

....

...

..

.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2012 02:55:18 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2


.....

....

...

..

.

“เอาอีกมั้ยครับ?” คนถามพูดแล้วก้เลื่อนชามโจ๊กของตัวเองมาทางเขา

เขาหยิบช้อนในชามของตัวเองมาตักของกินในชามของอีกฝ่ายเข้าปาก

“มีขนมปังอร่อยๆ ขายตรงไหนมั้ยพี่” เขาถาม

“มีครับ จะซื้อให้แม่เหรอ?” อีกฝ่ายถามแล้วค่อยตักโจ๊กเข้าปาก

“.....อื้อ....เอาที่อร่อยนะ” เขาบอกสำทับ

“งั้นก็รีบๆ กิน เดี๋ยวต้องเดินไปอีกหน่อย ไม่ไกลหรอก”

แล้วพวกเราก็รีบจ้วงเอาของกินในชามเข้าปากไปคนละหมุบละหมับ พริบตาเดียว ก็เหลือแค่ชามเปล่า คำสุดท้ายพี่แมวไม่กิน วางช้อนแล้วเดินไปจ่ายตังค์ เขากวาดเอาโจ๊กในชามที่เหลือเพียงคำสุดท้ายเข้าปาก ดื่มน้ำ แล้วลุกเดินไปหาพี่แมว

พี่แมวพาเดินมาตามถนนอีกราวๆ 5 นาที ทั้งข้ามถนน ทั้งเดินเลาะซอย แล้วพี่แมวก็มาหยุดอยู่หน้าขายขนมปังท่วมร้าน....เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว

“อันไหนอร่อยอ่ะครับ” หันหน้าไปกระซิบถามที่ข้างหูของพี่แมว ไม่กล้าเสียงดังเพราะมายืนอยู่หน้าแล้ว กลัวเสียมารยาท

“แม่ชอบกินแบบไหนล่ะ?” พี่แมวหันหน้ามาถาม พอให้ได้ยินกันแค่สองคน

“แม่ชอบแบบของหวาน ไม่ชอบไส้กรอก...หมูหยอง แต่เอาที่ไม่หวานมากนะ แม่ชอบแบบรสโกโก้ รสกาแฟงี้ครับ” เขาบอก

“อืม.....” พี่แมวฮัมในลำคอสักพักก็หยิบขนมปังที่มีถ้วยอยู่ 4 ถ้วยขึ้นมา “อันนี้มั้ย รวมๆ หลายรส”

เขายื่นหน้าไปมอง แล้วชี้นิ้วที่ขนมปังอันหนึ่งในกล่อง “อันนี้อะไร”

“เนยสด”

“อันนี้ล่ะ” ชี้ไปที่อันข้างๆ ในกล่องเดียวกัน

“โกโก้”

“อันนี้ล่ะ” ชี้ไปที่อันล่างถัดกันมา....ในกล่องเดียวกัน

“อืม.....น่าจะไส้สังขยานะ ถ้าจำไม่ผิด”

“อันนี้ล่ะ” ชี้ไปที่อันสุดท้าย

“แฮมชีส”

“เอากล่องที่ไม่มีแฮมชีสอ่ะ อันนี้แม่ไม่กิน” เขาบอก

“เดี๋ยวพี่กินเอง.... สามอันพอมั้ย เอาอย่างอื่นด้วยมั้ย?” พี่แมวถาม

“อันไหนพี่เคยกินอ่ะ” หันหน้าไปถามแล้วพูดคำว่า -อร่อยนะ- แบบไม่ออกเสียง...รู้กันเอง

“อ๋อ....” พี่แมวเดินไปชิดชั้นวางแล้วจิ้มให้ดูสามอย่าง

เขาชโงกหน้าไปมอง แล้วเลือกมา 2 อย่างจากที่พี่แมวจิ้ม....แม่ก็กินด้วยได้ และเขาก็คิดว่าตัวเองน่าจะชอบ

“พอมั้ย? อยากกินไรอีก?” พี่แมวหยิบขนมสองอย่างที่เขาจิ้มขึ้นมา แล้วยื่นมันให้คนขาย

“พี่....อยากกินคัสตาร์ด” ย่านธุรกิจที่มีสำนักงานเยอะแบบนี้ มันต้องมีสิ....ที่เขาร้องหา

“......” พี่แมวยกมือขึ้นมาดูเวลา “ร้านยังไม่เปิดหรอก..... 7 โมงครึ่งแล้ว สน ไปก่อนเหอะ”

พี่แมวทำน้ำเสียงตกใจ ทำให้เขาก็ตกใจไปด้วยเหมือนกัน.....

.....

....

...

..

.



















































































































วิ่งกันหอบแฮกมาถึงตึกใหญ่ เรทไป 5 นาที ..... ผู้คนที่อยู่ด้านในตึกล้มหลามมาก

เขากับพี่แมวก็เร่งฝีเท้าไปตรงใกล้ๆ ตะกร้าสีฟ้าที่เราเอาเอกสารไปวาง.... พี่แมวสอบถามคนที่อยู่ตรงนั้น ได้ความว่า รอพยาบาลเรียกชื่ออยู่ ให้คอยฟังชื่อให้ดี

เขาเลยยืนนิ่งๆ เงียบๆ .... ทั้งที่หอบแฮก

เขาล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่หน้าตัวเอง พอพยาบาลเริ่มขานชื่อ เขาก็เงยหน้าขึ้นมา.....หลังพี่แมว เปียกโชก เขามองไปถึงหน้าครึ่งเสี้ยวของพี่แมว เขาเห็นพี่แมวยกแขนเสื้อขึ้นมาซับเหงื่อให้ตัวเอง

จะให้ผ้าเช็ดหน้าพี่แมวไปซับเหงื่อ....ผู้คนก็ล้นหลาม....ไม่กล้า กลัวสายตาคนอื่น....แต่....

“ครับ ครับ!” พี่แมวชูมือข้างขวาขึ้น แล้วเดินแทรกเข้าไปหาพยาบาล

เขายืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้เดินเข้าไปด้วย เกรงใจคนสูงวัยที่ยืนอยู่ด้านหน้า.... แต่แล้ว....พี่แมวก็หันหลังขวับ

พี่แมวทำปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วพี่แมวก็หุบปาก แล้วพี่แมวก็พูดเสียงดังว่า “แม่เป็นความดันหรือโรคหัวใจมั้ยครับ?”

“เป็นความดันครับ” เขาร้องบอก

พี่แมวหันหน้าไปหาพยาบาล สักพักพี่แมวก็แหวกผู้คนออกมาหาเขา..... “พาแม่มาวัดความดันก่อนครับ แล้วก็รอเรียกหมายเลข พี่รอตรงนี้นะ สนพาแม่ไปวัดความดันตรงนั้นนะครับ แล้วจดเลขมาให้พี่ เดี๋ยวพี่ไปบอกพยาบาลเค้าอีกที”

“อื้อ...” เขาพยักหน้าหงึกๆ แล้วหมุนตัวเดินจ้ำไปหาแม่ที่ตึกข้างๆ กัน

.....

....

...

..

.

วัดความดันเสร็จ เขาก็ประคองแม่ไปหาพี่แมว ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ใกล้ทางเข้าออกของประตูใหญ่

“พี่ อ่ะ นี่” เขายื่นใบจดความดันให้พี่แมว

พี่แมวยืนขึ้น ยื่นมือมารับกระดาษใบเล็กๆ ไปจากมือเขา จากนั้นก็บอกให้แม่ของเขาไปนั่งที่ที่ตัวเองลุกมา.....เก้าอี้ถูกจับจองหมดแล้ว ที่ตรงนี้....ไม่มีให้เลือก

แม่นั่งลงแล้วสะกิดเขา เขาลงนั่งยองๆ เพื่อฟังแม่.... แม่บอกว่า คุณน้าคนเมื่อกี้บอกว่า หากพยาบาลคัดกรองอาการแล้ว เราก็รอตรวจสิทธิการรักษาตรงนี้ จากนั้นถึงไปพบหมอได้ แม่บอกว่าเดี๋ยวแม่ไปนั่งรอที่ตึกเดิม ให้สนอยู่รอเค้าเรียกตรงนี้ แล้วให้พี่แมวไปนอนพักกับแม่ที่ตึกโน้น

พอพี่แมวมา เขาก็บอกพี่แมวอย่างที่แม่บอก

พี่แมวประคองแม่ไปนั่งที่เดิม

ส่วนเขาก็นั่งที่เก้าอี้ตัวเมื่อกี้.....แล้วก็รอ.....

















































































































































เขานั่งมองไปเรื่อยๆ มองคนโน้น มองคนนี้.....

เขาเห็นเด็กผู้ชายสองคนนั่งอยู่แถวเกือบหน้าสุด คนที่ตัวสูงกว่าเอาหัวซบที่ไหล่ของคนที่ตัวเล็กกว่า....คาดว่าคงนอน...

เขาเห็นคุณตาที่แต่งตัวสุดจะปอนพร้อมย่ามใบเก่าครึนั่งอยู่ไม่ไกลกัน

เขาเห็นผู้หญิงที่แต่งหน้าเรียบเนียน สวมชุดดูดี เนื้อผ้าแบบไทยนั่งอยู่เก้าอี้ด้านหลังของคุณตา

เขาเห็นผู้หญิงอายุไล่ๆ กับเขานั่งคุยกับพ่อของเธอ....ที่งอแงว่าไม่เอาแหละ รอนาน ไม่หาหมอแล้ว จะกลับบ้าน

เขาเห็นตากับยายคู่หนึ่งที่นั่งนิ่งๆ ข้างกัน....คาดว่าน่าจะเป็นคู่สามีภรรยา ในมือของคุณตามีเอกสารคล้ายของเขา

เขาก้มลงมองคนที่นั่งข้างๆ สายตาลื่นไหลไปเห็นหมายเลขที่อีกฝ่ายได้------- 37

เขาตาโต....เขาเงยหน้าขึ้นมามองคนที่นั่งข้างๆ ด้วยความทึ่ง แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะ-------- “โทษครับพี่ พี่ได้คิวที่ 37 เหรอครับ?”

“ครับ” คนที่นั่งข้างๆ หันหน้ามาทางเขา

“พี่มากี่โมงน่ะครับ?” เขาถามต่อ...อยากรู้มาก

“อ๋อ...ถึงนี่ก็เกือบตี 4 น่ะ” อีกฝ่ายบอกเขา

“พี่เห็นคนที่ได้คิวเลขตัวเดียวมั้ยครับ?” เขาถาม

“หึหึหึ เห็นสิ โน่น---” พี่เค้าชี้ไปที่ตากับยายที่เขามองเมื่อครู่

“ห๊า! คุณตาที่กำลังกินนมนี่นะ” ตอนเขาพูดคุณตากำลังกินนมแลตตาซอยอยู่

“อื้อ! ตาเค้ายืนหน้าโต๊ะยามเลยนะ คนแรกเลย พี่เดินมาเค้าเริ่มแจกบัตรคิวพอดี” คนข้างๆ พูดแบบอารมณ์ดี

“ไม่อยากคิดเลยว่าต้องมากี่โมงให้ได้เลขตัวเดียว” เขาครางเสียงอ่อย

“ฮ่าฮ่าฮ่า.... เหมือนกัน”

แล้วเขาก็คุยนู่นนี่ไปเรื่อยกับพี่คนที่ข้างๆ ไม่นานนักก็ถึงคิวพี่เขา เราก็โบกมือลากันด้วยรอยยิ้ม....จากนั้นเขาก็นั่งรอต่อไป

.....

....

...

..

.

ผ่านมาราวชั่วโมงได้ เพิ่งถึงคิวที่ 90... เขากำลังเบื่อ

แล้วก็มีคนมาสะกิดไหล่เขา เขาหันหลังไป ก็เห็นพี่แมวยืนถือแก้วกาแฟเย็น ยืนดูดกาแฟแบบสบายใจ

“อร่อยมั้ย?” เขาถาม

“อื้อ....” แล้วก็ยื่นแก้วมาให้เขา

เขารับไปดูด....อร่อยดีแฮะ!

แล้วก็ดูดต่อ...... พี่แมวทรุดขาลง นั่งยองๆ “เลขเท่าไหร่แล้วล่ะครับ?”

“...ซู๊ด.... ถึง 90 แหละ” เขาคายหลอดออกมาแล้วถึงค่อยตอบ

“มาพี่รอเอง เราไปนั่งคุยกับแม่ไป” พี่แมวยื่นมือมา จะเอาเอกสารไปถือ

“พี่ไปนอนดิ ผมรอเอง” ยึกกระดาษที่ถือไว้ในมือแน่น ไม่ปล่อยให้

“นอนมาแล้ว กินกาแฟไปแล้ว ไม่ง่วงแล้วล่ะ” เอานิ้วดึงเอกสารในมือคนที่นั่ง...ออกแรงเพิ่มขึ้นนิดหน่อย

“........”

เมื่อแน่ใจว่าไม่ได้แน่ พี่แมวก็เปลี่ยนใจ หันไปนั่งกับพื้น เอาหลังพิงประตูที่ปิดไว้ หันนห้ามาทางเขาที่นั่งรออยู่บนเก้าอี้ แล้วพี่แกก็เอามือถือออกมา.....กดเล่นเกมส์

ไม่แปลกที่จะนั่งพื้น เพราะคนอื่นๆ เขาก็นั่งกัน...ที่มันไม่พอ

.....

....

...

..

.

อยู่ด้วยกันตลอดเวลา......เรียกแบบนี้ก็ได้

พี่แมวชอบมาอยู่ด้วย ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แต่ตอนนั้นแค่มานอนอ่านการ์ตูนที่เขาเช่ามา บางทีพี่แกก็เช่ามาเอง อ่านแล้วก็ทิ้งไว้ที่ห้องเขา ให้เขาเอาไปคืน...

ไปกินหมูกะทะด้วยกัน...

ไปขึ้นเขาด้วยกัน....

ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดด้วยกัน.....

แล้วพี่เค้าก็ห่างไปตอนที่พี่เค้าเรียนจบ แต่โทรหากันบ่อยอยู่ เขามีเรื่องปรึกษาแกเยอะ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องนู่นนี่..... จากนั้นก็กลับมาตัวติดกันอีกทีตอนเขาย้ายมาเช่าบ้าน ข้างๆ บ้านของพี่แก

สบายใจดี เวลาอยู่กับพี่แมว

ไม่ต้องเก๊ก ไม่ต้องเก็บอารมณ์.....โมโห เซ็ง เบื่อ ทำอะไรก็ได้ตามสบาย พี่แมวรับได้หมด

โดนพี่แมวเขกหัวก็มีบ้าง ตอนเขาหน้ามึนหนักๆ

โมโหพี่แมวก็เคยมี แต่ไม่ได้อะไรมาก เป็นคนโมโหง่ายหายเร็ว ส่วนพี่แมวก็เป็นคนง่ายๆ ไม่คิดอะไร

พอเป็นแฟนกับพี่แมว...... เขารู้สึกว่าพี่แมวมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ บ่อยขึ้น

หลายครั้งพี่แกจะอยู่เงียบๆ แบบนี้ เหมือนแค่อยากเห็นเขาอยู่ในสายตา จะอยู่ด้วย ไม่รบกวน.....

พี่แมวรู้ดีกว่าเขาขี้เบื่อ ขี้รำคาญขนาดไหน

เขาเองก็รู้ตัวเองดีว่า....... กับพี่แมวแล้ว คนคนนี้เขาไม่เคยรู้สึกเซ็งหรือเบื่อด้วยเลย... ไม่เลย ไม่เลยสักครั้ง....

.....

....

...

..

.

เป็นแบบนี้ดีแล้วหรือยัง?

เขาทำหน้าที่แฟนได้ดีแล้วหรือยัง?

พี่แมวพอใจแล้วหรือยัง?

ช่วงนี้เขาเริ่มคิด.....แต่แบบนี้.... นั่นก็เพราะวันนั้น

วันนั้น.....วันที่ฟังเพื่อนของเขาเล่าให้เขาฟัง......

เพื่อนมันเล่าว่า มันรักน้องคนหนึ่ง เป็นเพื่อนของน้องสาวตัวเอง สนิทกันมานานแล้ว แล้วก็เพิ่งหันมาคบกัน

เพื่อนของเขา....เกรงใจ กลัวน้องผู้หญิงคนนั้นอายเพื่อน เลยทำตัวแค่พี่ชาย ไม่ได้ทำกุ๊กกิ๊กไรมาก

เห็นน้องเค้าเฉยๆ ก็นึกว่าน้องเขาชอบให้ทำตัวแบบนั้น แต่ที่ไหนได้.....มารู้ทีหลังว่าน้องเค้าน้อยใจ ที่ไม่ทำตัวแบบแฟนกับน้องเค้าเลย

เพื่อนของเขาเล่าว่า เกือบเลิกกัน โชคดีที่เข้าไปเซ้าซี้ถามเอาความจริงอย่างหนัก เลยได้รู้.....

ถ้าตามใจน้อง ถ้าคิดเอาเองว่าน้องเบื่อกันแล้ว เขาคงไม่มีทางรู้ว่า น้องเค้าก็รักตัวเองมากแค่ไหน

เพื่อนมันบอกว่า อย่าไปอายที่จะทำอะไรให้กัน เล็กน้อยบ้าง ใหญ่โตบ้าง..... ทำต่อหน้าผู้คน

คือเราสามารถกุ๊กกิ๊กกันเป็นการส่วนตัวได้ แต่.....การแสดงออกว่าเราผูกใจกันอยู่ต่อหน้าคนอื่นบ้าง..... มันก็เป็นการเติมความรักให้แก่กันและกันได้ด้วย

เขาจึงเริ่มฉุกคิด..... พี่แมวคิดเหมือนกันรึเปล่า?

แต่พอสังเกตพี่แมว........ แล้วคิด..........

เขาก็กลับมาคิดว่า พวกเราเป็นแฟนคู่ชายชาย ไม่เหมือนคู่ชายหญิง หรือแบบนี้มันเป็นปกติของคู่รักในแบบพวกเขาอยู่แล้ว...??

.....

....

...

..

.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2012 03:08:18 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2


.....

....

...

..

.

หน้าพี่แมวมาอยู่ใกล้ เสียงของพี่แมวดังเบาๆ พอได้กันสองคน----“สน ถึงคิวเราแล้ว เหม่อไรเนี่ย”

“อุ้ย----” เขารีบลุกขึ้นยืน แล้วเดินก้าวฉับๆ ไปต่อแถว

พอต่อแถวได้ เขาก็หันไปมองพี่แมวอีกครั้ง พี่แมวยืนพิงประตูที่ปิดไว้...ที่เดิม ก้มหน้าเล่นเกมส์ต่อ

.....

....

...

..

.

“เค้าให้ไปชั้น 6 น่ะพี่” เขาเดินมาหาพี่แมวที่ยืนเล่นเกมส์หน้าตาเมามัน

“ครับ...” พี่แมวก้มหน้ากดที่มือถือ สักพักจึงเอามันเข้าไปเก็บที่กระเป๋าเสื้อ แล้วยื่นมือมาเอากระเป๋าหนังที่เขาถือ ไปหนีบไว้ แล้วเดินนำไป.....ออกไปจากตึก

.....

....

...

..

.

เราพาแม่ขึ้นลิฟท์มาถึงชั้นที่ 6

เขาเอากระดาษที่ใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อย ไปเสียบที่แท่งเหล็กซึ่งบอกแผนกที่แม่ของเขาต้องเข้าพบหมอ หันกลับมาอีกที พี่แมวนั่งคุยงุ้งงิ๊งกับแม่แล้ว

เขาเดินมาในระยะที่ห่างหน่อย มองจ้องพี่แมว กะว่าจะบอกว่าเดี๋ยวเขาจะไปเข้าห้องน้ำ แต่พี่แมวก็คุยจ้อ ไม่มองมาทางนี้เลย เขาจึงล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกง

ขณะที่กำลังจะล้วงเอามือถือออกมา จู่ๆ พี่แมวก็เงยหน้าขึ้น มองตรง สักพักพี่แมวก็หันควับมาด้านข้าง แล้วพี่แมวก็สบตากับเขาเข้าพอดี

---- จะไปเข้าห้องน้ำนะ---- เขาทำบอกพี่แมวแบบไม่มีเสียง

พี่แมวพยักหน้ารับรู้ แล้วก็หันไปคุยกับแม่ของเขาต่อ

.....

....

...

..

.

พี่แมวให้เขาไปนั่งแทนที่ตัวเอง เพราะจะไปเข้าห้องน้ำเหมือนกัน

“แม่หิวยัง?” เขาถาม

“ยังจ้า...” แม่บอกอย่างอารมณ์ดี

“เบื่อมั้ย? รอนานเลยเนอะ”

“ก็แบบนี้แหละ มาหาหมอ ไม่ได้มาเที่ยว”

“โหย....แม่อ่ะ พูดเข้า...หึหึหึ....”

กลัวเหมือนกันว่าแม่จะเครียดที่ต้องมาหาหมอถึงในกรุงเทพฯ

ก่อนนี้แม่หาหมอแถวบ้าน แต่พอดีอาการแม่เยอะขึ้น หมอเลยให้มารับรักษาที่โรงพยาบาลที่ใหญ่ๆ จะดีกว่าอยู่รักษาตัวต่อในโรงพยาบาลแถวบ้าน

ญาติของเขาที่ช่วยดูแลกัน โทรมาบอกเขา เมื่อแม่ได้รับใบส่งตัวมาแล้ว

ทีแรกญาติบอกว่าจะมาเอง แต่เขารู้สึกไม่ดีเลย จึงขอหยุดงานแล้วพาแม่มาเองดีกว่า.... แม่ก็โวยวายนะ ไม่อยากให้เสียงาน

คุยกันนานอยู่ กว่าแม่จะยอมให้เขาพามาในวันนี้

พี่แมวพาเขาขับรถไปรับแม่ที่บ้านเกิด แล้วก็ขับรถกลับมากรุงเทพฯ ตีเที่ยวเดียวเลย ถึงกรุงเทพฯ เที่ยงคืน.....พี่แมวไม่ได้นอน เห็นว่างานที่ส่งไปมีปัญหา เลยแก้งานให้ลูกค้าใหม่ พอตีสามเราก็นั่งแท๊กซี่มาโรงพยาบาล ไม่ให้พี่แมวขับมาเอง กลัวแกหลับใน

บอกพี่แมวว่าไม่ต้องมาหรอก แต่แกก็รั้น จะมาด้วย แม่พูดก็ไม่ฟัง เลยยอมให้แกมาด้วยกัน

“สน ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก ช่วยๆ ดูพี่แมวเค้าด้วย บอกพี่เค้านะ ถ้าเป็นโรคน่ะมันลำบาก จำกันไว้นะ ทำงานก็ให้พอดี ห่วงสุขภาพกันเองบ้างนะลูก” แม่บอก แม่สอน

“ครับ... พี่แมวไม่ฟังผมหรอก แม่บอกพี่เค้าสิ” เขาเท็จทูล

“บอกแล้วจ้า เมื่อกี้ ก็รับคำดีหรอก แต่พอแม่กลับบ้านจะทำรึเปล่าไม่รู้ เราน่ะ อยู่ใกล้ๆ พี่เค้า ก็เตือนก็บอกกันบ้าง” แม่บอก

“ครับผม...... หิวน้ำมั้ย?” เขาเปลี่ยนเรื่องอื่น

“หึ.....ไม่หิว ไม่พูดแหละ เดี๋ยวคอแห้ง” แม่พูดเหมือนประชด

“หึหึหึหึ.....น้อยใจๆ ...อะ อะ เก็บแรงไว้นะ เดี๋ยวหาหมอเสร็จ จะพูดอะไรให้พูดยาวเลย ผมไม่ขัด สาบาน”

แล้วแม่ก็แจกขนมเปี๊ยะก้อนเล็กให้เขาทีหนึ่ง

.....

....

...

..

.

พาแม่เลื่อนไปนั่งรอหมอที่หน้าห้องตรวจด้านใน

ก่อนเข้ามามองหาพี่แมวไม่เจอ โทรไปก็ไม่ติด รอหมอมาชั่วโมงกว่าๆ แล้วก็ยังโทรไม่ติด.....สงสัยจะนอน เลยเลิกโทร

ที่ด้านในคนไม่เยอะ แต่ที่นั่งมีจำกัด.... ญาติส่วนใหญ่ต้องยืนไม่ก็นั่งพื้น เก้าอี้....เราเก็บไว้ให้ผู้ป่วยนั่ง

เรียกชื่อที หายกันเข้าไปนานมากๆ เขาลองนั่งจับเวลา สั้นๆ ก็ราว 15 นาที บางห้องหายไปร่วมชั่วโมงเลยทีเดียว.... คุณหมอที่นี่ ใจเย็นกันดี ตรวจนานมาก

เขาล่ะไม่อยากคิดเลยว่าแม่ของเขาจะได้เข้าไปในห้องเป็นคนที่เท่าไหร่

เท่าที่ดู ก่อนจะเข้าไปในห้อง พยาบาลประจำห้องจะมาเรียกชื่อผู้ป่วยให้เตรียมตัวก่อน 3 คน.... ที่นี่ไม่บอกว่าผู้ป่วยเข้ามาด้านในแล้วจะได้คิวที่เท่าไหร่ ซึ่งทีแรกเขาก็ไม่ชอบนะที่ไม่คิวตัวเอง แต่พอยืนรอไปนาน เขากลับคิดว่า เออ มันก็ดีนะ เพราะหากรู้ว่าตัวเองได้คิวที่เท่าไหร่ แล้วรู้คิวของคนอื่น เราก็จะยิ่งร้อนใจ----- ให้ไม่รู้แบบนี้ก็เหมือนเรียนรู้ “การปลง” ได้อีกแบบ

ขณะที่เขากำลังคิดเพลินๆ อยู่นั้น มือถือที่อยู่ในกระเป๋าหลังของเขาก็สั่น เขาล้วงมันออกมาดู เห็นชื่อคนโทรเข้ามาแล้ว เขาก็รับสาย พูดแบบกระซิบกระซาบ “ครับ พี่อยู่ไหนน่ะ”

“เราอยู่ไหนน่ะ ทำไมไม่เห็นเจอเลย”

“เข้ามาด้านในแล้วพี่”

“อ้าว เข้าห้องตรวจแล้วเหรอ”

“เปล่า รออยู่หน้าห้องหมอ”

“อ้าวเหรอ ...... งั้นพี่รอตรงที่ที่เมื่อกี้เรานั่งละกันนะ แค่นี้นะ”

แล้วพี่แมวก็วางสาย เขามองมือถือในมือ

อยากรู้พี่แมวหายไปไหนมาตั้งนาน

เขา............ตัดสินใจออกไปคุยกับพี่แมวข้างนอก เพราะโทรถามมันไม่สะดวกเท่าไหร่

เขาเดินไปบอกแม่ แม่พยักหน้ารับ แล้วบอกว่า หากพยาบาลเรียกชื่อจะโทรบอก ให้นั่งรอข้างนอกเลย สงสารลูก ยืนปวดขา

เขารับคำของแม่แล้วเดินออกมาด้านนอก

มองหาพี่แมวเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เลยโทรหา ----- “พี่อยู่ไหนน่ะ นั่งอยู่ตรงไหน?”

“หือ?...... ที่นั่งนอกๆ น่ะ ทำไมเหรอ?”

“อ้อ เดี๋ยวเดินไปหา ยกมือให้ด้วยนะ”

พูดจบเขาก็วางสายไป แล้วเดินไปยังที่นั่งอีกแนวที่ญาติผู้ป่วยมานั่งออกัน มันจัดไว้ในชั้นเดียวกัน และอยู่นอกๆ จากส่วนที่ต้องทำธุระเรื่องมาหาหมอ

เขาเดินมาเรื่อยๆ พอมาถึงจุดที่ว่า เขาก็เห็นพี่แมวที่ยกแขนข้างนึงชูขึ้น....ให้เขาสังเกตุเห็น

ที่ที่พี่แมวนั่งอยู่ ห่างจากกลุ่มคน ร้อนหน่อย แต่เงียบดี.....พี่แมวชอบบรรยากาศแบบนั้น ไม่อึกทึก โล่งๆ

“พี่ไปไหนมาอ่ะครับ เป็นชั่วโมงเลย โทรไปก็ไม่รับ” เขาพูดพลางหย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดียวกัน เว้นที่ตรงข้ามไว้ ไม่นั่งข้างกัน

“ไปซื้อนี่มา.....อ่ะ กินเลยสิ ห่วงอยู่ว่าเดี๋ยวหายเย็นแล้วไม่อร่อย”

พี่แมวพูดพลางยื่นถุงเล็กๆ ใบหนึ่งมาให้เขา

“อะไรน่ะ?” เขาขมวดคิ้วพลางยื่นมือไปรับถุงในมือพี่แมวมาเปิดดู

.....

....

...

..

.

“ไปซื้อมาจากไหน?” เขาพูดเสียงอ่อย

“ก็แถวๆ ที่ไปกินข้าวนั่นแหละ ร้านเค้าเปิด สิบโมง”

“ไม่เห็นต้องลำบากเลย เอาเวลาไปนอนดีกว่านะครับ”

“ฮึ.....ไม่ได้ลำบากครับ”

................... มองของที่อยู่ในมือด้วยความรู้สึกบรรยายไม่ถูก

“กินสิครับ เดี๋ยวมันหายเย็น ได้มาปุ๊บ พี่ก็รีบเดินมาเลยนะ”

“..........กินด้วยกันสิ”

“ฮึ.....หวาน ไม่ชอบ”

“แล้วเสียเวลาไปซื้อทำไมเนี่ย ซื้อมาตัวเองก็ไม่กิน”

“ก็ให้สนกิน”

“...............................ขอบคุณ......ครับ”

“ไม่เป็นไรครับ”

ถ้วยคัสตาร์ดเค้กในมือของสน ถูกเปิดฝาออก ไอเย็นจากถ้วยส่งผ่านมาถึงมือของเขา แต่เขารู้สึกว่ามันอุ่น.....

“อร่อยมั้ย?” พี่แมวถาม

“ครับ” หันหน้าไปยิ้มให้

เขาละเลียดกินมันไปทีละนิด ไม่รีบจ้วงๆ มัน..... ไม่อยากให้มันหมดเร็ว

อยากรับรู้ถึงความอร่อยของมัน

อยากนั่งให้พี่แมวมอง.....แล้วยิ้ม...ด้วยความดีใจ ที่เขากินอย่างอร่อย..... ไปให้นานเท่าที่จะนานได้

.....

....

...

..

.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2012 03:15:36 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2


คัสตาร์ดคำสุดท้ายเข้าปาก มือถือก็สั่น เขาหยิบมือถือขึ้นมาแล้วส่งมันให้พี่แมวคุย ของกินยังเต็มปาก แต่แม่โทรมาแล้ว

“ครับแม่” / “ครับ” / “นั่งอยู่ตรงนี้ล่ะครับ” / “ครับ เดี๋ยวบอกให้นะครับ” / “ครับ”

“แม่โทรมาบอกว่าเค้าเรียกชื่อให้ต่อคิวแล้วครับ”

“อื้อ...” เก็บถ้วยขนมใส่ถุง

“เอามานี่ เดี๋ยวพี่ไปทิ้งเอง เราไปเหอะ” พี่แมวยื่นมือมาเอาถุงไป

“ป๊ะ ไปด้วยกัน รอแป๊บนึง เดี๋ยวก็ได้เข้าห้องหมอแหละ” เขาบอกอีกฝ่าย

“ไม่เป็นไร พี่รอได้”

“ไปสิครับ ไปเหอะ ขี้เกียจออกมาเล่าซ้ำ ป๊ะลุก เร็วๆ พี่”

คะยั้นคะยออีกฝ่ายอีกสองที พี่แมวถึงลุกตามมาด้วย

เขาเดินนำอีกฝ่ายมายังหน้าห้องตรวจ แล้วเราก็ยืนรอไปราวๆ ชั่วโมงได้ก็......ถึงคิวเรา....ในที่สุด

.....

....

...

..

.
















































































แม่ต้องมาตรวจเพิ่ม และพบหมออีกครั้งในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า แต่ตรวจวันหนึ่ง แล้วต้องมาพบหมออีก 5 วันต่อมา

พี่แมวรับไปเดินเรื่องเอ๊กซเรย์ที่อีกตึก เขากับแม่อยู่รอรับยาที่ชั้นเดียวกันกับที่เข้าพบหมอ เราออกมาติดช่วงพักเที่ยงของพนักงานพอดี

เขาจึงพาแม่ไปนั่งกินขนมปังที่อีกส่วนของชั้น ซึ่งถูกจัดไว้ให้เป็นพื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร

ทีแรกเขาโทรปรึกษากับพี่แมวว่าจะไปกินข้าวเที่ยงที่ห้องอาหารของโรงพยาบาลเลยมั้ย แต่แม่ยั้งไว้ก่อน บอกว่าไปตอนนี้คนก็เยอะ หากลูกยังไม่หิว แม่ก็กินขนมปังรองท้องก่อน แล้วค่อยไปกินช่วงบ่ายพร้อมกันทีเดียวก็ได้

พี่แมวเห็นด้วยกับแม่ เพราะไม่อยากรีบๆ กินแล้วกลับมาเดินเรื่องต่อ สู้มาต่อคิวรอเป็นรายแรกๆ ดีกว่า

เช่นนั้นเราจึงรอต่ออีกชั่วโมง และเดินเรื่องเสร็จกันภายใน 30 นาทีต่อมา

.....

....

...

..

.

“สนโทรบอกพี่เค้านะว่าเราลงมาแล้ว เดี๋ยวพี่เค้าเสียเวลาขึ้นไปด้านบนเปล่าๆ ปลี้ๆ” แม่บอกเขาทันทีที่ลงมาถึงชั้นล่างแล้ว

“ครับ” เขารับคำของแม่ พาแม่ไปนั่งที่เก้าอี้ จากนั้นถึงค่อยโทรไปหาพี่แมว

“ครับ” พี่แมวรับสาย

“พี่ ผมลงมาชั้นหนึ่งแล้วนะ”

“เหรอ ของพี่ก็ยื่นแล้วนะ รอเค้าเรียกอีกที ไม่รู้ว่านานมั้ยอ่ะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมรอตรงนี้นะ แม่ให้โทรมาบอกพี่ไว้”

“ครับ รอหน่อยนะ แต่หากแม่หิว พาแม่ไปกินก่อนเลย เดี๋ยวพี่ตามไปครับ”

“ครับ เดี๋ยวลองถามก่อน”

เขาวางสายแล้วเดินไปถามแม่ว่าหิวรึยัง แม่บอกว่ารอไปพร้อมพี่แมว ไม่อยากไปก่อน ก็เลยตามใจแม่

เรานั่งรอกันสัก 20 นาที พี่แมวก็มาพร้อมเหงื่อที่เปียกซก

“สน พี่ต้องเอาวันที่ไปบอกพยาบาลข้างบนอีกอ่ะ เราพาแม่ไปกินข้าวก่อนเถอะ”

“พี่แมวขึ้นไปเถอะ แม่รอได้ กินพร้อมกันนะ” แม่หันมาบอกเสียงแข็ง ไม่ยอมท่าเดียว “แม่ไปห้องน้ำดีกว่า อ๊ะ ไม่ต้องๆ แม่ไปเองได้”

แม่ลุกขึ้น “พี่แมวนั่งพักก่อนลูก เหงื่อซกเลย ไม่ต้องรีบ แค่นี้เอง ขึ้นลิฟท์แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว”

แม่บอกพลางตบๆ ที่แขนพี่แมว จากนั้นแม่ก็เดินไปเข้าห้องน้ำ

“พี่ขึ้นข้างบนก่อนนะ”

“เดี๋ยวพี่.......นั่งพักก่อน ดื่มน้ำก่อน เอามานี่ ไหนบอกไรมั่ง เดี๋ยวผมขึ้นไปเอง”

ยืนมือไป คิดว่าจะเอาประดาษที่พี่แมวถือมาดู แต่พี่แมวกลับเอามือหลบ

“ไม่เอา พี่ไปเอง รู้เรื่องกว่า”

“งั้นพี่ก็นั่งพัก กินน้ำ แล้วค่อยไป” เขาพูดเสียงเด็ดขาด ตาแข็ง ไม่ยอมให้อีกฝ่ายไปง่ายๆ

พี่แมวจ้องตาเขา สักพัก พี่แมวก็ระบายลมหายใจแล้วเดินไปนั่ง

เขาเดินตามไป ล้วงเอาขวดน้ำดื่มของเขาขึ้นมาให้พี่แมว

พี่แมวรับมันไปดูด....ไม่รีบ ค่อยๆ ดื่ม

เขาหันหน้าไปมองตรงหน้า

เขาเห็นคุณตากับคุณยายที่ได้คิวหมายเลข 1..... คุณตาเดินประคองคุณยายมา แต่เขาได้ข่าวมาว่า คนป่วยน่ะคือคุณตา

“พี่กินหมดได้เลยรึเปล่า?” พี่แมวเอ่ยถาม

เขาหันหน้ากลับมาหาพี่แมว “ตามสบายเลยครับ”

“สนกินยัง?”

“เรียบร้อยแล้วครับ พี่เอาให้หมดเลย เดี๋ยวยังไงเราก็จะไปกินข้าวกันอยู่ดี”

พอพี่แมวดูดน้ำต่อ เขาก็หันหน้ามาทางเดิม....บันไดเลื่อนทางลง

เด็กวัยรุ่นชายสองคนเดินลงบันไดเลื่อนมาด้วยกัน.......เขาจำลายเสื้อของสองคนนั้นได้ คนที่นั่งอยู่ที่นั่งด้านหน้าของเขาเมื่อเช้านี้ คนตัวสูงกว่านอนซบไหล่ของอีกคน...เวลานี้คนตัวเล็กประคองแขนของอีกคนลงมาจากบันไดเลื่อน

ทั้งสองเดินลงมา แล้วคนตัวเล็กก็ประคองให้อีกคนมานั่ง....ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเรา อยู่ตรงด้านหน้าพวกเรา

คนตัวสูงกว่านั่งลงบนเก้าอี้ในสภาพที่เหมือนหมดแรง

คนตัวเล็กกว่าคิ้วขมวด เขายืนอยู่ตรงหน้าของเพื่อน เขาเอามือไปอังที่หน้าผากของเพื่อนแล้วร้องว่า “ไข้ขึ้นอีกแล้ว กินยาเลยนะ”

ทั้งสองคนเหมือนเถียงอะไรกันสักอย่าง แต่แล้วอีกคนก็บังคับให้อีกฝ่ายกินยาได้

คนตัดเล็กรับขวดน้ำมาแล้วทำอะไรยุกยิกสักครู่ ก่อนจะเอามือขึ้นมา......ผ้าเช็ดหน้าที่เปียกนิดๆ ถูกลูบไล้เบาที่ใบหน้าคนเพื่อนที่ป่วย ไล่ไปเรื่อยๆ จนถึงคอ และแขนทั้งสองข้าง

“เดินไหวมั้ย? เอารถเข็นมั้ย?” คนตัวเล็กบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

เขาเห็นเพื่อนที่ป่วยส่ายหน้า แล้วคนตัวเล็กก็ถอนหายใจหนัก ส่ายหน้า ..... จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ.... หัวของคนที่ป่วย ตกลงมาบนไหล่ของเพื่อนในท่าเดียวกับเมื่อเช้า

ทั้งสองนั่งในท่านั้นนิ่งๆ

เขาถอนสายตามาจากเด็กหนุ่มทั้งสอง หันหน้าไปมองคนที่นั่งข้างกัน

พี่แมวมองไปยังจุดเดียวกับเขา.....ไม่ถอนสายตา....

.....

....

...

..

.

เขามองแววตาของพี่แมวที่มองสองคนนั้น

.....

....

...

..

.

เขามองพี่แมวอยู่อย่างนั้น จนพี่แมวถอนสายตาออกจากเด็กหนุ่มสองคนนั้น แล้วหันมาส่งยิ้มจางๆ ให้เขา.....แต่แววตาพี่แมวไม่ได้ยิ้ม

.....

....

...

..

.










































































































































































“แม่มาแล้วจ๊ะ พี่แมวเสร็จแล้วเหรอ?”

แม่เดินมานั่งตรงเก้าอี้ด้านหลังเรา

“อ๊ะ ยังไม่ได้ขึ้นไปเลยครับ งั้นผมไปนะครับ พี่ไปนะ” พี่แมวสะดุ้งนิดๆ ..... หันไปบอกแม่ แล้วถึงหันมาบอกเขา

จากนั้นพี่แมวก็ลุกขึ้น

พี่แมวเดินไปขึ้นบันไดเลื่อน และสวนกับเด็กหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ตรงเราเมื่อกี้

ทั้งสองกำลังประคองกันเดินออกไปจากตึก.....ในทางที่จะขึ้นรถแท๊กซี่ได้

เขามองเด็กหนุ่มเดินไปจนทั้งสองลับหายไปจากมุมตึก......และเห็นพี่แมวที่แม้ขึ้นบันไดเลื่อนไปแล้วก็ยังหันหลังมามองสองคนนั้นจนตัวเองขึ้นไปพ้นบันได

“พี่แมวเค้าดีเนอะ” แม่พูด

เขาตื่นจากภวังค์ แล้วหันหน้ามาหาแม่ของตัวเอง “ครับ”

“เป็นแบบนี้ตั้งแต่เรียนมาด้วยกันใช่มั้ย?” แม่ถาม

“ครับ เป็นแบบนี้ล่ะครับ พวกชอบเทคแคร์คนอื่น”

“เค้าเรียกคนที่ใส่ใจคนอื่น คนมีน้ำใจดี แต่ก็เป็นคนทันคน ไม่ใช่จะดีกับใครไปทั่วหรอกมั๊ง”

“............ก็...มั๊งครับ...คนอื่นก็เคยพูดนะว่าพี่เค้ายิ้มยาก...เป็นคนนิ่ง....แต่ผมว่าไม่ใช่หรอก หากพี่เค้ารู้สึกสนิทใจ เค้าก็ดีด้วยนะ ดีมากๆ เลยล่ะครับ”

“อื้อ.....ดีก็ดีแล้วล่ะ...คนดีๆ หายาก คบๆ กันไว้ดีแล้วลูก”

“...............ครับ............”

.....

....

...

..

.

“แม่”

“หือ?”

“อยากได้หลานรึเปล่า?”

“มีก็เอา”

“ถ้าไม่มีล่ะ”

“ไม่มีก็ได้ ตามใจสิ”

“เหงามั้ยครับ”

“หมายถึงอยู่บ้านน่ะเหรอ ไม่เหงาหรอก ญาติเราเยอะแยะ”

“เหงาก็บอกนะ ผมกลับไปอยู่บ้านได้”

“......ทำตามใจเถอะ มีรถทัวร์ มีโทรศัพท์ คิดถึงยังไงก็โทรคุยกัน ไปมาหากันได้”

.....

....

...

..

.


“...............พี่แมวเค้าเป็นคนดีเนอะแม่เนอะ”

“อื้อ....”

“จะรังเกียจมั้ยแม่ หากให้แม่รับพี่เค้าไว้เป็นลูกอีกสักคน”

“หึหึหึ......ก็รับอยู่แล้วนี่ รับไปแล้วด้วย....”

“...........ผม........”

สนมองหน้าแม่ตัวเองนิ่ง คาดคะเนอารมณ์และความคิดของแม่ตัวเอง......สักพัก....เขาจึงตัดสินใจ

“ผมเป็นแฟนกันพี่แมวนะครับ อยากบอกแม่ไว้ให้รู้ .........ขอโทษแม่ด้วยนะครับ”

“..............................................................อื้อ........ คบกันเมื่อไหร่ล่ะ หรือตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัย”

“เปล่าครับ.....เพิ่งตกลงคบกันตอนปีก่อนนี่เองครับ ก่อนนี้เป็นพี่เป็นน้องกันธรรมดา”

“......อื้อ.........ใครขอคบก่อนล่ะ”

“.....พี่แมวครับ....”

“น่าสงสารพี่แมว คงปวดหัวตาย”

“แม่-----------------”

ก้มหน้าลงไปกอดเอวแม่แน่นๆ ที่แม่แกล้งตัวเอง.....ซบหน้ากับตักแม่ แล้วน้ำตามันก็ไหล

อยากบอกแม่ว่า ขอบคุณครับแม่

อยากบอกแม่ว่า ผมขอโทษ

แต่ตอนนี้ทำได้แค่กอดแม่ไว้แน่นๆ

ให้แม่ลูบหัวให้...... เหมือนทุกครั้งที่ตัวเองร้องไห้....เหมือนตอนเด็ก....

.....

....

...

..

.






















































































































































































“พี่แมวมาแล้ว อุ้ย ทำไมหัวเปียกงั้นล่ะ?” เสียงแม่พูดอยู่เหนือหัว

เขารีบลุกมากจากตักแม่ หันหน้าไปทางบันไดเลื่อน ------ พี่แมวหัวเปียกซก ยืนอยู่บนบันไดเลื่อนที่เลื่อนลงมา กำลังเอาแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดหน้าตัวเอง

เขาผุดลุกขึ้น เดินไปทางพี่แมว

พี่แมวเดินลงมาหาเขา

เขาหยุด

พี่แมวเดินตรงมา แล้วหยุดตรงหน้าเขา

“ไปทำไรมาล่ะพี่?”

สนล้วงผ้าเช็ดหน้าที่อยู่กระเป๋ากางเกงหลังออกมา

“เด็กเค้าถือขวดน้ำแล้วฝามันปิดไม่ดี น้องเค้าอยู่เหนือพี่ พี่ลงบันไดเลื่อนมา มันเลยรดพี่โชกเลยอ่ะครับ”

สนยื่นมือเอาผ้าเช็ดหน้าไปซับน้ำที่หน้าของพี่แมวให้

พี่แมวสะดุ้ง ยกมือจะปัดมือเขาทิ้ง เขาก็จับมือที่แมวไว้ แล้วเช็ดหน้าให้พี่เค้าต่อไป พร้อมบอกเหมือนบอกเล่าให้พี่แมวฟังว่า “เมื่อกี้แม่บอกว่าพี่เป็นคนดีนะ”

“สน....” พี่แมวทำหน้ากระอักกระอ่วน จะเบี่ยงตัวหนี ไม่ยอมให้เขาเช็ดหน้าให้

“เลยบอกแม่ว่าตอนนี้เป็นแฟนพี่แมวอยู่”

พี่แมวชะงักกึก

พี่แมวจ้องตาเขาเขม็ง แววตาพี่แมวตระหนกมาก หน้าก็ตกใจสุดๆ ไม่มีเก็บอาการเลย

“แม่ถามว่าใครบอกรักใครก่อน”

“แล้ว.....เรา.....”

สนเลื่อนผ้าเช็ดหน้าไปซับน้ำช่วงเส้นผมเหนือหน้าผากแล้วจึงพูดต่อ “ก็บอกไปว่าพี่บอกรักผมก่อน”

“......สน....” น้ำเสียงเบาหวิวมีแววสั่นเคลือ ปากของพี่แมวฉีกยิ้ม ลูกตาพี่แมวมีประกาย มันใส....แจ๋วแหว๋ว เหมือนเคลือบด้วยน้ำ

“ทนหน่อยนะ ผมมันคงต้องให้แห้งเอง ป๊ะ ไปกินข้าวกัน แม่คงหิวมากแหละ แม่เค้ารอพี่กินข้าวด้วยกันนะครับ”

ส่งยิ้มให้ แล้วจับมือพี่แมวลากเดินตามมา........เดินไปหาแม่ของตัวเอง

ฝ่ามือของพี่แมวที่เขากุมลากเดินมานั้นเย็นเฉียบ.....แต่เขากลับรู้สึกว่ามัน “อุ่น”

























































































































































































































































.....

....

...

..

.




เอวัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2012 14:14:36 โดย BaoBao »

kisz

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจแทนพี่แมวจริงๆ ที่ทางแม่ของสนรับได้ ><

ออฟไลน์ posh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
พี่แมวดีอ่ะ

ออฟไลน์ Salome

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 343
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
อ่านแล้วอิ่มอก อิ่มใจเสมอกับงานเขียนของคุณBao Bao
แต่แอบๆลุ้นนะว่าจะหน่วงๆ บีบหัวใจหรือเปล่า
ปรากฏว่า โล่งอก ยิ้มได้เต็มที่
บางทีคนเราก็แคร์สายตาคนอื่นมากกว่า คนใกล้ชิดจริงๆ

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
บอกได้แค่คำเดียวว่า "เยี่ยม" มากๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ยาวสะใจมาก

เหมือนตอนเราพาแม่ไปโรงบาลเลย

รอจนเหงือกแห้ง เดินจนหัวปั่น

ไปหกโมงกลับบ่ายสามบ่ายสี่

ต้นเหตุที่ทำให้อยากซื้อไอแพดคือไปโรงบาลเนี่ยแหละ5555

เล่นมือถือจนแบตหมดไปเครื่องนึง

เบื่อจะแย่ :z3:

(ไมได้เกี่ยวอะไรกะเรื่องเลย 555)

 :z10:



ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
อ่านแล้วยิ้มเลยค่ะ พี่แมวเป็นคนดีเนอะ ดีมากเลย ..
นิสัยส่วนตัวน้องสนคงเป็นคนแคร์สายตาคนรอบข้างอยู่เหมือนกัน แต่ก็เอาสิ่งที่เพื่อนพูดมาคิดแล้วก็ปรับตัว...น่าดีใจแทนพี่แมวนะคะ
คุณแม่น่ารักมาก จริงๆคงพอเดาได้ แต่ก็อยากได้ยินจากปากลูก...คุณแม่ใจดีมากเลย

รักกันมากๆนะคะ...

ขอบคุณพี่เบาเบา เรื่องนี้น่ารักอีกแล้วค่ะ ชอบมากๆเลย
อ่านเรื่องของพี่เบาเบาทีไร(เรื่องที่ไม่หน่วงใจนะคะ 555 หนูเป็นโรคกลัวดราม่า) มีความสุขทุกครั้งจริงๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ขอให้พี่มีกำลังใจเยอะๆนะคะ *ปาหัวใจใส่*
จุ๊ฟๆค่าา  :กอด1:

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
ยาวสะใจมาก

เหมือนตอนเราพาแม่ไปโรงบาลเลย

รอจนเหงือกแห้ง เดินจนหัวปั่น

ไปหกโมงกลับบ่ายสามบ่ายสี่

ต้นเหตุที่ทำให้อยากซื้อไอแพดคือไปโรงบาลเนี่ยแหละ5555

เล่นมือถือจนแบตหมดไปเครื่องนึง

เบื่อจะแย่ :z3:

(ไมได้เกี่ยวอะไรกะเรื่องเลย 555)

 :z10:




ช่วงรอ เบาเบาถามสูตร...
สุตรขนม สูตรของกิน
สูตรนั่นนี่ กับคนป่วย
ก็เพลินๆ ดี

วันที่ไม่ตรวจเลือดจะสนุก
เดินไปหาของกินมาให้คนป่วยชิม
แล้วเราก็กินส่วนที่เหลือ
  :laugh:

ไอแพดคิดเหมือนกัน อยากได้ก็เพราะจุดนี้แหละ
เอาไว้คนป่วยดูหนัง


ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ต้องไปรพ.บ่อยๆ เราเลยพกที่ชาร์จไปด้วย
บ่อยจนซี้กับร้านกาแฟ ร้านข้าวในรพ.แล้ว

ไม่เกี่ยวกับเรื่องเลยแฮะ =__=


แต่อ่านแล้วชอบจัง ตอนที่อ่านตรงพี่แมวมองคู่อื่น แล้วแปล๊บๆ ในใจมาก

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
พี่แมวโคตรจะดีเลย น่ารักมาก
เทคแคร์ เอาใจ ทั้งแฟนและแม่แฟน
ในที่สุด ก็ได้ใจทั้งคู่แบบเต็มใจไปเลย
ฮู่ว~ อิ่มอก อุ่นใจ :กอด1:
บวกๆจ้า


ป.ล. ชอบทานคัสตาร์ดเหมือนกัน ฝึกทำอยู่ แต่เป็นแบบพุดดิ้งนะ

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
สนโชคดีที่มีพี่แมวเป็นแฟน และก็โชคดีที่แม่เข้าใจ
ไปโรงพยาบาลเป็นอะไรที่น่าเบื่อจริงๆแหละ

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
อ๊าาา
ดีจังเลยน้าาาา
เห็นภาพโรงพยาบาลเลยล่ะ หึหึ
เป็นอะไรที่สุดยอดมว๊ากกกกก

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
รักพี่แมวคนดีที่หนึ่ง
สนยังจะคิดว่ามันบังเอิญอยู่หรือเปล่าหนอ
แต่เท่าที่อ่านมาทั้งหมด พี่แมวเข้าหาตั้งนานแล้ว
ทำดี สนิทเสน่หาตั้งกะสมัยเรียน แต่อาจเพราะอาย ไม่กล้า
เลยออกมาในรูปแบบนี้ วิธีการอาจไม่สวยเท่าไหร่ แต่ผลลัพธ์เยี่ยม

เคยเป็นคนไข้ต้องไปรอคิวแบบนี้เมื่อหลายปีก่อน เหนื่อยมาก เบื่อมาก
ยิ่งไปเห็นสภาพผู้ป่วยที่แออัด พาให้หดหู่หนักเข้าไปอีก
ขอบคุณคนเขียนสำหรับอีกหนึ่งเรื่องน่ารัก ๆ พล็อตไม่ซ้ำใคร ไม่ตลาด ถูกใจที่สุด

Supermimt

  • บุคคลทั่วไป
อ่าาาาาาาาาาาาา

อบอุ่นหัวใจจัง

พี่แมวดีมากๆเลย

นึกถึงตอนพาแม่ไป โรงพยาบาลเลย
คนไม่รู้มาจากไหนเยอะมากกกกกกกกกกกก

ไม่มีที่จะนั่ง
แม่บ้านหน้าห้องน้ำก็น่ามุ่ยมาก
T^T

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
พี่แมวโคตรจะดีเลย น่ารักมาก
เทคแคร์ เอาใจ ทั้งแฟนและแม่แฟน
ในที่สุด ก็ได้ใจทั้งคู่แบบเต็มใจไปเลย
ฮู่ว~ อิ่มอก อุ่นใจ :กอด1:
บวกๆจ้า


ป.ล. ชอบทานคัสตาร์ดเหมือนกัน ฝึกทำอยู่ แต่เป็นแบบพุดดิ้งนะ

ถ้าทำแล้วคุณคิดว่า ใช้ได้ หรือ อร่อย
บอกสูตรมาหน่อยนะคะ
จะเอาไปให้ นายมะยม ทำให้ คุณภัก ชิม  :กอด1:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
นึกถึงสมัยก่อนที่น้องสาวต้องไปโรงพยาบาลตั้งแต่ตีห้า
แล้วก็เอารองเท้าไปวางเพื่อจองคิว  ดังนั้นหน้าเคาท์เตอร์หยิบบัตรคิวก็จะมีรองเท้าที่วางต่อกันเป็นแถวยาว

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
น้ำเยอะ

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
สนุกสมชื่อตลอด น่ารักใสๆ อ่านแล้วมีความสุขมากจ๊ะ

เก่งนะเวลาเขียนเรื่องใสๆก็สนุกดี เวลาเขียนเรื่องหน่วงๆก็บีบกันร้องไห้หนักๆ

อย่างกับคนละคนเลย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆจ๊ะ

LapiN

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วอบอุ่นจังค่ะ ชอบบบ พี่แมวน่ารักมากก

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
น้ำเยอะ

น้ำเยอะ  :m28:
หมายถึงอะไรรึคะ? ที่สุดของความสงสัย :impress2:

ออฟไลน์ imissyou

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
อยากเลี้ยงแมว  :m1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-08-2012 05:03:59 โดย imissyou »

ออฟไลน์ kabung

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-3
น่ารักอีกแล้ววววว อยากอ่านอีกกก 555

armmyrine

  • บุคคลทั่วไป
พล็อตเยอะจริงๆ ได้ข่าวมีเรื่องที่ยังไม่ได้อัพเกือบ10เรื่อง [ แซวเล่น] แต่เราก็ชอบนะ คริคริ

ออฟไลน์ RinNam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
มีพี่แมวแพ็คขายไหมคะ   :impress2:

ชอบอะ หวานๆละมุนละไม ละเลียดอ่านแล้วแบบ >>  :-[

ปล.นึกภาพโรงพยาบาลออกเลย นึกออกถึงความเซ็งเวลาไปหาหมอ ความไม่เป็นโรคคือลาภอันประเสริฐโดยแท้น้อ

 :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด