เวลา : วันนี้ (บทส่งท้าย) [แจ้งเรื่องเฮเดสและเจ้าชายค่ะ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เวลา : วันนี้ (บทส่งท้าย) [แจ้งเรื่องเฮเดสและเจ้าชายค่ะ]  (อ่าน 152877 ครั้ง)

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


ใกล้ปิดจองแล้ว เลยมาประชาสัมพันธ์อีกรอบค่ะ


ขายของค่า ^^
ประชาสัมพันธ์นิยายที่กำลังเปิดจองอยู่นะคะ

เฮเดส

ปิดจอง 31 ก.ค.2559



ชื่อเรื่อง : เฮเดส (Hades)
ผู้แต่ง : ชุนภุศ
ภาพปก : Leila
Full price: 339 บาท


คำโปรย

อายุสิบหกปี

เจ้าชายเฮเดสทรงซื้อตัวเด็กชายอายุแปดขวบมาจากลานประมูลทาส

อายุยี่สิบสองปี องค์รัชทายาทหนุ่มโปรดให้เขาในวัยสิบสี่เข้าถวายตัว

สิบปีต่อมา พระองค์จะทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงต่างแคว้น

ทว่าสิ่งที่ธามถวายให้ไปไม่ใช่แค่ร่างกาย

เจ้าชายเฮเดสไม่เคยรับสั่งบอกว่าพระองค์ทรงรู้สึกอย่างไรกับเขา

แต่ในฐานะมหาดเล็กที่ถวายงานใกล้ชิด

ธามรู้ว่าพระองค์ทรงมีเขาเพียงคนเดียวมาตลอดสิบปี

ประโยคเดียวที่เขาอยากทูลถามก่อนวันอภิเษกสมรสจะมาถึงก็คือ

...ฝ่าบาท ‘เคยรัก’ กระหม่อมบ้างรึเปล่า...




เจ้าชาย

ปิดจอง 7 ส.ค.2559


ชื่อเรื่อง : Princes / เจ้าชาย
ผู้แต่ง : ชุนภุศ
ภาพปก : 童童TUNG (ภาพจะตามมาภายหลัง)
Full price : 499 บาท

คำโปรย

 

เจ้าชาย 3 พระองค์แห่งแคว้นเรืองอรุณล้วนแต่ทรงเสน่ห์

 

เจ้าชายภีมเสน... เจ้าชายพระองค์โตทรงรับเจ้าชายศวัส เชลยจากอันธกาลเป็นพระชายา นั่นเป็นตำแหน่งที่ใครๆ ต่างใฝ่ฝัน ทว่าศวัสหวังเพียงว่า วันหนึ่งเขาจะหลุดพ้นจากฐานะที่แสนอัปยศเสียที

 

เจ้าชายศีลวัต... เจ้าชายรองผู้แสนเผด็จการและเอาแต่ใจทรงรักมั่นจริงใจต่ออานนท์ องครักษ์ประจำพระองค์มาโดยตลอด ทว่านั่นเป็นสิ่งที่องครักษ์หนุ่มไม่เคยปรารถนา

 

เจ้าชายอัทธายุ... เจ้าชายสามผู้มีน้ำพระทัยงดงามทรงลืมไทวา เด็กหนุ่มจากเผ่าไทวะไปนานแล้ว ไม่นึกว่าสิบปีต่อมา พระองค์จะต้องทรงรับเขาไว้ในฐานะเชลยศักดิ์

 

เจ้าชาย 4 พระองค์แห่งแคว้นเทพภวันทรงมีความรักในแบบของพระองค์เอง

 

เจ้าชายภีษมะ... เจ้าชายของชยาเป็นคนที่หาเรื่องแกล้งคนได้เก่งที่สุดในโลก

 

เจ้าชายธราธพ... เจ้าชายของวสุธาช่างแสนเอาแต่ใจ แต่เขาไม่ใช่คนเอาใจเก่ง สิ่งที่เขาให้ได้ มีแค่ความรักแบบไม่ค่อยแสดงออก

 

เจ้าชายภควัต... เจ้าชายของพฤชไม่ใช่เจ้าชาย ในสายตาของเขา พระองค์ทรงเป็นเพียงเด็กชายที่ไม่รู้จักถนอม ‘ของเล่น’

 

เจ้าชายจันทรัช... เจ้าชายของวาริศทรงอ่อนโยน อ่อนหวาน และแสนดี เป็น ‘เจ้าชาย’ ที่เขาจะไม่ยอมปล่อยมือจากพระองค์ไปตลอดชีวิต




รายละเอียดเพิ่มเติมและความคืบหน้า
ติดตามได้ที่เพจนาบูนะคะ
https://www.facebook.com/Nabupublishing?fref=ts


หรือสั่งซื้อเรื่องอื่นๆ ของสนพ.ได้ที่นี่ค่ะ
http://www.nabu-publishing.com/





อัพเดตค่ะ

ขอประชาสัมพันธ์หน่อยค่ะ

เวลา+ภีษมะ+จันทรัช+ภควัต+พฤช+ธราธพ จะตีพิมพ์กับสนพ.นาบูนะคะ รวมอยู่ในเล่มเดียวกัน ชื่อเรื่อง "เจ้าชาย" น่าจะเปิดจองเร็วๆนี้ค่ะ ฉบับ e-book ทั้ง 6 เล่มชุนจะหยุดขายหลังจากเซ็นสัญญากับสนพ.แล้ว ใครที่ซื้อ E-book เรื่องใดเรื่องหนึ่งไปแล้ว สามารถซื้อเก็บให้ครบได้เลยนะคะ เพราะจะไม่มีขายแยกแล้วน่ะค่ะ จะเป็นฉบับรวมเล่มอย่างเดียว จะว่าเป็นรวมเรื่องสั้นก็ได้ค่ะ ท่านที่ซื้อหนังสือเรื่องเวลาฉบับพิมพ์เองของชุนไปแล้วและไม่อยากซื้อซ้ำ ก็สามารถซื้อเรื่องสั้น 5 เรื่องเป็นแบบ e-book ได้ใน meb นะคะ (www.mebmarket.com) น่าจะลบเร็วๆ นี้

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็น กำลังใจ และการอุดหนุนตลอดมานะคะ :กอด1:

ชุนค่ะ





มีคนใจดีทำสารบัญให้ด้วยล่ะ^^


สารบัญ



พรุ่งนี้... ที่รอคอย
บทนำ   บทที่ 1   บทที่ 2   บทที่ 3   บทที่ 4 
บทที่ 5   บทที่ 6   บทที่ 7   บทที่ 8   บทส่งท้าย

วันวาน... สู่นิรันดร์
บทนำ   บทที่ ๑   บทที่ ๒   บทที่ ๓   บทที่ ๔   บทที่ ๕
บทที่ ๖   บทที่ ๗   บทที่ ๘   บทที่ ๙

วันนี้... แค่มีเธอ
บทนำ   บทที่ ๑ + บทที่ ๑   บทที่ ๒   บทที่ ๓   บทที่ ๓.๕   บทที่ ๔   บทที่ ๔.๕
บทที่ ๕   บทที่ ๖   บทที่ ๗   บทที่ ๘   บทที่ ๙   บทที่ ๑๐   บทที่ ๑๑   บทส่งท้าย



ป.ล.ขอบคุณ คุณอ๊ายอาย นะคะ กอดดดดดด :กอด1:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2016 20:11:55 โดย ชุน »

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา (3 เม.ย.57)
«ตอบ #1 เมื่อ03-04-2014 17:26:54 »

บทนำ


   ดินแดนทางใต้อันอุดมสมบูรณ์นี้ประกอบไปด้วยสองแคว้นใหญ่

คือเรืองอรุณ และอันธกาล

กับเผ่าเล็กๆ อีก 3 เผ่า

ได้แก่ ไทวะ ชุณหะ และเวณุ

เผ่าทั้งสามรวมตัวกันเป็นสมาพันธ์เพื่อป้องกันตนเองจากการรุกรานของแคว้นใหญ่ทั้งสอง
เพราะที่ตั้งของทั้งสามเผ่าอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองแคว้นพอดี

เรืองอรุณรักสงบ แต่อันธกาลเคยพยายามครอบครองเผ่าทั้งสามอยู่หลายครั้ง ทว่าไม่สามารถเอาชนะได้

ต่อมาอันธกาลส่งทูตมาเจริญสัมพันธไมตรีกับเรืองอรุณ
โดยยินดีจะยกเจ้าหญิงเพียงพระองค์เดียวของแคว้น
ให้อภิเษกสมรสกับเจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณ

ทว่าเรืองอรุณปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า

เจ้าชายรัชทายาทไม่โปรดผู้หญิง

หากส่งเจ้าชายรัชทายาทของอันธกาลมาแต่งงานด้วยจึงจะยอม

หรือไม่ก็ต้องแต่งกับเจ้าชายพระองค์อื่น

อันธกาลได้ข่าวกรองมาแล้ว ว่ารัชทายาทแห่งเรืองอรุณที่ ‘ไม่โปรดผู้หญิง’ นั้น

ทรงมีนางสนมเกือบห้าสิบนาง

แต่ทั้งที่รู้ว่าเรืองอรุณโกหก อันธกาลก็ยังยืนกรานจะเกี่ยวดองกับเจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณเท่านั้น
แต่ก็ไม่สามารถส่งเจ้าชายรัชทายาทของตนไปแต่งงานด้วยได้ จึงขอเปลี่ยนเป็นเจ้าชายรองแทน

เรืองอรุณไม่ยินยอม อันธกาลจึงล่าถอยกลับไป

ก่อนจะเปลี่ยนวิธีใหม่

คัดเลือกท่านหญิงที่เป็นราชนิกูลสามพระองค์ขึ้นมา

ส่งราชทูตไปเจรจากับเผ่าทั้งสาม บอกว่ายินดีจะเกี่ยวดองกับเผ่าทั้งสาม ขอเพียงทั้งสามเผ่าช่วยรบกับเรืองอรุณ

สมาพันธ์เผ่าตกลงยินยอม หลังจากอันธกาลยินดีแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการส่งตัวท่านหญิงสามองค์
ไปยังเผ่าทั้งสามในฐานะ ‘คู่หมั้น’ ของลูกชายคนโตของหัวหน้าเผ่าแต่ละเผ่า


ผลการรบปรากฏว่าเรืองอรุณเป็นฝ่ายชนะ


เจ้าชายรัชทายาทของอันธกาลถูกปลงพระชนม์กลางสนามรบ

เจ้าหลวงของอันธกาลถูกสำเร็จโทษประหารชีวิต

เจ้าหลวงแห่งเรืองอรุณส่งพระอนุชาร่วมพระมารดาไปปกครองอันธกาลในฐานะเมืองประเทศราช

และส่งขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่เหมาะสมไปปกครองเผ่าทั้งสาม

ปลดหัวหน้าเผ่าให้เป็นเพียงที่ปรึกษา

ท่านหญิงแห่งอันธกาลต้องอยู่ที่เผ่าทั้งสามในฐานะตัวประกัน

ขณะที่เจ้าชายรองแห่งอันธกาลและลูกชายของหัวหน้าเผ่าทั้งสามถูกส่งตัวไปยังเรืองอรุณ

...ในฐานะเชลย...





เจ้าหลวงแห่งเรืองอรุณโปรดให้พระราชโอรสทั้งสามทรงแบ่งกันรับ ‘เชลยศักดิ์’ ไว้ในอุปการะ

หรืออีกนัยหนึ่งคือโปรดให้ช่วยกันควบคุมดูแล

เจ้าชายรองแห่งอันธกาลและคุณชายทั้งสามถูกสำนักนางบำเรอหลวงจับขัดสีฉวีวรรณ
และตกแต่งร่างกายเสียใหม่ด้วยเครื่องแต่งกายแบบเรืองอรุณ
ก่อนจะถูกพาตัวไปยังท้องพระโรงกลาง

คุกเข่าเรียงหน้ากระดานกลางท้องพระโรงให้เจ้าชายทั้งสามทรงเลือกไว้รับใช้ส่วนพระองค์

วันนั้นราชอาลักษณ์จดบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ ดังนี้

เจ้าชายภีมเสน เจ้าชายรัชทายาท เสนาบดีมหาดไทยแห่งเรืองอรุณ

ขณะมีพระชนมายุ 35 พรรษา

โปรดให้เจ้าชายศวัส เจ้าชายรองแห่งอันธกาลซึ่งมีพระชนมายุ 25 พรรษา เป็นพระชายา

ประทานพระธำมรงค์เรือนทองฝังไพลินน้ำเอกที่ทรงสวมติดนิ้วพระหัตถ์ก้อยข้างซ้ายให้เป็นแหวนแต่งงาน




เจ้าชายศีลวัต เจ้าชายรอง เสนาบดีกลาโหมแห่งเรืองอรุณ

ขณะมีพระชนมายุ 30 พรรษา

โปรดให้คุณชายภูวัน บุตรชายคนโตของหัวหน้าเผ่าเวณุเป็นบาทบริจาริกา

ประทานเรือนเทพดำรูในเขตฝ่ายในพร้อมทั้งนางกำนัลสองนางให้รับใช้

และโปรดให้คุณชายวาริศ บุตรชายคนโตของหัวหน้าเผ่าชุณหะเป็นบาทบริจาริกาเช่นเดียวกัน

ประทานเรือนดรณีในเขตฝ่ายในพร้อมนางพระกำนัลสองนางให้รับใช้




เจ้าชายอัทธายุ เจ้าชายสาม เจ้ากรมโยธาธิการแห่งเรืองอรุณ

ขณะมีพระชนมายุ 29 พรรษา

ทรงรับคุณชายไทวา บุตรชายคนโตของหัวหน้าเผ่าไทวะไว้ในพระกรุณา

และประทานพระกรุณาให้พำนักร่วมพระตำหนัก






*****************************************************************************


เรื่องใหม่ค่ะ ^^

เป็นคล้ายๆ กับซีรี่ย์นิยายขนาดสั้นคือพอเขียนเรื่องยาวไม่จบก็เลยอยากจะเขียนเรื่องสั้นๆ จบเร็วๆ ดูบ้าง (แต่ไม่ใช่เรื่องสั้น)

ที่คิดๆ ไว้ก็คือ อยากให้ความยาวของทั้งสามเรื่องรวมกันแล้วเท่ากับเรื่องยาวหนึ่งเรื่องพอดี

ประกอบด้วยเรื่องของเจ้าชายสามพี่น้องแห่งแคว้นเรืองอรุณนะคะ

ทั้งสามเรื่องได้แก่

พรุ่งนี้ (ภีมเสน - เจ้าชายรัชทายาท)

วันนี้ (ศีลวัต - เจ้าชายรอง)

วันวาน (อัทธายุ - เจ้าชายสาม)

ขอถามความคิดเห็นว่า อยากให้เขียน พรุ่งนี้ หรือว่า วันวาน ก่อนดีคะ

เพราะคาดว่า วันนี้ จะเป็นไฮไลต์ของเวลา คิดว่าจะเอาไว้สุดท้ายเลยค่ะ (ปลื้มศีลวัตเป็นพิเศษ ^^)


ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: เวลา (3 เม.ย.57)
«ตอบ #2 เมื่อ03-04-2014 22:53:41 »

 :hao7: เปิดเรื่องได้เริ่ดมาก น่าติดตามสุดๆ
ขอโหวต พรุ่งนี้ก่อนเลยนะ
เอา ราชากับราชินีก่อน  :กอด1:

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
Re: เวลา (3 เม.ย.57)
«ตอบ #3 เมื่อ03-04-2014 23:17:26 »

 :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (1) 5 เม.ย.57
«ตอบ #4 เมื่อ05-04-2014 08:48:00 »

พรุ่งนี้... ที่รอคอย
[/size][/size]



บทที่ 1

ศวัสไม่คาดคิดมาก่อนว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขา

หายนะครั้งร้ายแรงที่เกิดขึ้นนี้

จะว่าไปก็เป็นเพราะเจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณทรงปฏิเสธ ไม่รับเจ้าชายรองแห่งอันธกาลอย่างเขาเอาไว้

ในท้องพระโรง องค์รัชทายาทหนุ่มในฐานะที่ทรงดำรงตำแหน่งสูงสุด

มีพระชนมายุมากที่สุด

และเป็นเจ้าชายเพียงพระองค์เดียวที่ประสูติแต่องค์รานี

พระองค์ย่อมทรงมีสิทธิ์ทุกประการที่จะทรงเลือกเชลยก่อน

เจ้าพนักงานกรมวังกราบทูลประวัติคร่าวๆ ของเชลยแต่ละคนถวายเจ้าชายทั้งสามพระองค์

แม้ว่าเขาจะมีฐานันดรสูงกว่าใครทั้งหมด แต่ประวัติของเขาเสียหายมากกว่าคนอื่น

เพราะแม้ว่ามารดาจะเป็นพระชายาองค์หนึ่งของเจ้าหลวงแห่งอันธกาล

แต่ก็เป็นเพียง ‘หญิงบ้า’ คนหนึ่ง

ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ทำอย่างไรกันบ้าง แต่เขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่มองใคร

“ศวัส”

ใครสักคนเรียกชื่อเขา ฟังแค่น้ำเสียงก็น่ากลัวแล้ว

ทหารนายหนึ่งบังคับจับคางของเขาให้เงยหน้าขึ้น

คนแรกที่เขามองเห็นประทับบนเก้าอี้บนยกพื้นที่อยู่ตรงกลาง เบื้องหน้าเขาพอดี

เขารู้โดยไม่ต้องมีใครบอกว่านี่เอง

เจ้าชายภีมเสน

“มานี่สิ”

แม้จะเป็นถึงเจ้าชาย แต่เมื่อบัดนี้กลายเป็นเพียงเชลย วิธีเดียวที่จะไปถึงองค์ตามรับสั่งได้คือคลาน

ท่ามกลางความเงียบที่กดดันเข้ามาทุกทิศทาง

ศวัสสั่นทั้งตัวอยู่เกือบตลอดเวลา

กว่าเขาจะคลานไปหยุดอยู่ตรงเบื้องพระพักตร์ก็ใช้เวลานาน

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทรงรู้สึกอย่างไร

แต่เขารู้สึกว่าระยะทางมันช่างสั้นเหลือเกิน

เขาหมอบกราบตามที่สำนักนางบำเรอหลวงสอนมา

“ยื่นมือซ้ายมา”

อีกฝ่ายรับสั่งอยู่เหนือหัว เขาได้แต่ทำตาม มือสั่นจนแทบจะประคองไว้ไม่อยู่

งงจัด เมื่อเจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณทรงสวมแหวนให้ เขาสบสายพระเนตรสีเหล็กของพระองค์

“ต่อไปนี้เธอจะอยู่ที่นี่ ในฐานะชายาเพียงคนเดียวของฉัน”





เจ้าชายศวัสแห่งอันธกาลรู้ตั้งแต่อยู่ในสำนักนางบำเรอหลวงแล้ว ว่าจะต้องปรนนิบัติองค์รัชทายาทแห่งเรืองอรุณอย่างไร

แต่เขาทำไม่ได้ ไม่อาจทำใจได้

คืนนั้น คืนแรกที่เขาต้องไปอยู่ในพระตำหนักของเจ้าชายภีมเสน

โชคดีเหลือเกินที่เจ้าของพระตำหนักติดงานข้างนอก

เขาจึงมีโอกาสทำแจกันกระเบื้องใบหนึ่งในห้องนอนตกแตก

มหาดเล็กที่เฝ้าอยู่นอกห้องเข้ามาดูและจัดการเก็บกวาด ทำความสะอาดให้

แต่เขาเก็บเศษกระเบื้องเอาไว้แล้วชิ้นหนึ่ง

มันทั้งเจ็บ ทั้งเสียวมากทีเดียวตอนที่เขาใช้มันกรีดผิวเนื้อ

แต่เขาก็พอจะโล่งใจอยู่บ้างเมื่อปลอบใจตัวเองว่า มันจะเป็นความเจ็บเพียงครั้งเดียว

และครั้งสุดท้าย

พรุ่งนี้... เขาก็จะไม่เจ็บอีกต่อไป

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ข้อมือข้างซ้ายของเขาก็มีผ้าขาวพันเอาไว้อย่างแน่นหนา

ใครบางคนที่เฝ้าอยู่ในห้องรีบบอกต่อไปยังคนข้างนอกว่าเขาฟื้นแล้ว

ไม่นานนัก คนที่เขากลัวที่สุดก็เสด็จเข้ามา

สีพระพักตร์ดูเรียบๆ เฉยๆ เหมือนปกติ

แต่ดวงพระเนตรสีเหล็กมีแววเหมือนโล่งพระทัย

“อยากจะดื่มน้ำไหม”

เขาพยักหน้า เจ้าชายภีมเสนจึงตรัสสั่งให้มหาดเล็กนำน้ำมาให้เขาดื่ม

ส่วนพระองค์เองทรงประคองให้เขาลุกขึ้นนั่งพิงพระวรกาย

เจ้าชายรองแห่งอันธกาลกระหายน้ำ

แต่ไม่ใช่ความกระหายหรอก ที่ทำให้เขาสำลักน้ำจนคนที่ประทับซ้อนหลังต้องทรงลูบหลังประทานให้

มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจเสียจนเขารู้สึกว่าลำคอแห้งผากชนิดที่ว่าไม่ว่าจะดื่มน้ำอีกสักกี่แก้วก็คงไม่ชุ่มชื้นขึ้น

เจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณเป็นคนตัวใหญ่ ส่วนเขาเป็นคนตัวเล็ก

แต่เขาไม่คิดเลยว่าแค่นั่งเอนหลังพิงพระอุระ ก็รู้สึกเหมือนจะถูกพระองค์ทรงกลืนกินเข้าไปในอ้อมอกได้ทั้งตัวแบบนี้

“พวกเธอออกไปข้างนอกให้หมด สั่งคนเตรียมตั้งโต๊ะให้พร้อม อีกสักพักฉันจะพาพระชายาไปกินข้าว”

มหาดเล็กในตำหนักนี้ เจ้าชายเชลยไม่รู้จักเลยสักคน แต่กลับไม่อยากให้พวกเขาออกไปเลย

เชลยศักดิ์สะดุ้งเฮือก เมื่อถูกกอดรัดเอาไว้หลวมๆ

แต่คนนั่งซ้อนหลังไม่ได้บังคับให้เขาหันกลับไปเผชิญหน้า เพียงรับสั่งเบาๆ อยู่เหนือหัว

“ชีวิตไม่มีค่าหรือ”

คนถูกถามเงียบ คนตรัสถามไม่ได้ทรงคาดคั้นคำตอบ แต่เมื่อยังไม่มีเสียงตอบ พระองค์ก็ไม่รับสั่งอะไรต่อ

คนที่เพิ่งผิดหวังจากการฆ่าตัวตายมาหมาดๆ จึงต้องข่มความกลัวแล้วกราบทูลด้วยน้ำเสียงสั่นเบา

“ถ้าต้องอยู่อย่างทรมาน ก็สู้ตายเสียดีกว่าพระเจ้าค่ะ”

“ฉันทรมานเธอเมื่อไหร่”

ถึงยังไม่ได้ทรมาน แต่อีกไม่นานก็ต้องทรงทำ

แล้วเขาจะต้องรอให้พระองค์ทรงทำกับเขาก่อนหรือ ถึงจะมีสิทธิ์ฆ่าตัวตายได้

“ฝ่าบาทไม่ได้ทรงทำหรอกพระเจ้าค่ะ แต่หม่อมฉันอยากตายเอง”

“อย่าเพิ่งอยากเลย ที่นี่เพิ่งจะมีคนตายไปหลายคน”

เจ้าชายศวัสนิ่วหน้า อีกฝ่ายกำลังจะทรงเอาเรื่องผีมาขู่เขาหรือยังไง

“คนที่ฉันสั่งให้คอยดูแลเธอมีสี่คน ทุกคนทำหน้าที่บกพร่อง ปล่อยให้เธอพยายามฆ่าตัวตาย ฉันจึงสั่งประหารชีวิตทั้งหมด”

เจ้าชายเชลยสะดุ้งเฮือก หันขวับกลับไปมอง มองสีพระพักตร์ สบสายพระเนตร

ไม่เห็นแววล้อเล่นแล้วก็ได้แต่ครางทั้งที่อกกลวงโหวง

“ทำไม...”

“อย่าห่วงเลย พวกนั้นตายสบาย ไม่ต้องทรมาน”

ดวงตาสีน้ำตาลสวยของเชลยศักดิ์เต็มไปด้วยรอยสั่นไหว

เจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณรับสั่งเหมือนชีวิตคนเป็นผักปลา

“ถ้าเธอตาย แม้แต่ทหารองครักษ์ข้างนอกอีกสิบคนก็จะต้องตายตามเธอไปด้วย”

ขู่เขาหรือ เปล่าเลย แม้ไม่เคยรู้จักเจ้าชายพระองค์นี้มาก่อน แต่เขาก็คิดว่าตัวเองมองไม่ผิด

อีกฝ่ายไม่เคยต้องทรงขู่ใคร พระองค์ทรงทำได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร

เจ้าชายรองแห่งอันธกาลกลืนน้ำลายไม่ลงคอ

“เธอหลับไปสามวัน ตอนนี้น่าจะหิวมากแล้ว ไปเถอะ ไปกินข้าวกัน”

กินข้าว จะให้คนที่เป็นสาเหตุให้คนอื่นต้องตายไปถึงสี่คนอย่างเขากินข้าวลงได้ยังไง

“ฉันให้คนเตรียมอาหารอ่อนๆ ไว้ที่ห้องข้างๆ เดินไปคงไม่ทำให้เธอเหนื่อยมาก
ดีกว่านอนอุดอู้อยู่แต่ในนี้ แต่ถ้าเดินไม่ไหวฉันจะอุ้ม”

“หม่อมฉัน... เดินเองไหวพระเจ้าค่ะ”

ถ้าให้พระองค์ทรงอุ้ม เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ตายแล้วก็เรื่องหนึ่ง แต่นี่ยังไม่ตาย

ถ้าต้องเสียเชิงชาย ก็คงจะอายจนมองหน้าใครไม่ได้




อาหารเรืองอรุณรสชาติแปลกลิ้น แต่ก็กินได้

ศวัสจำใจกินเข้าไปทุกอย่าง อย่างละคำสองคำ เพราะทันทีที่เขานั่งลง คนประทับหัวโต๊ะก็รับสั่งบอกเขาเนิบๆ

“กินเสีย ลองชิมให้หมดทุกอย่าง จะได้รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร
อาหารจานไหนที่เธอไม่แตะต้อง ฉันจะถือว่าคนทำทำหน้าที่บกพร่อง”

“แล้วก็จะทรงประหารชีวิตเขา”

คนพูดไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงปากไวอย่างนั้น พูดไปแล้วก็ตกใจ

ขณะที่เจ้าชายภีมเสนดูจะทรงแปลกพระทัยนิดๆ เช่นกัน แต่ก็แย้มพระสรวลแล้วตรัสชม

“เก่ง รู้ก็ดี”

อาหารมื้อนั้นรสชาติฝืดคอสิ้นดี



จบมื้ออาหาร องค์รัชทายาทหนุ่มก็ทรงแนะนำให้ ‘พระชายา’ ของพระองค์รู้จักกับนางพระกำนัลวัยกำดัด
รูปร่างหน้าตางดงามสองนาง

“นารา กับพิรุณ สองคนนี้จะคอยรับใช้เธอทุกเรื่อง ต้องการอะไรก็บอกใครคนใดคนหนึ่งได้”

ศวัสโล่งใจเป็นอันมาก ที่ในที่สุดองค์รัชทายาทหนุ่มก็ทรงออกจากพระตำหนักไปเสียที

นาราเป็นหญิงสาวที่ดูจะเข้ากับคนง่าย ยิ้มเก่ง พูดเก่ง และทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

ขณะที่พิรุณเป็นผู้หญิงที่สวยจับตากว่า ดูเป็นผู้ใหญ่กว่า อ่อนโยนกว่า แต่มีดวงตาที่ดูเศร้าๆ




เจ้าชายรองแห่งอันธกาลไม่คิดจะฆ่าตัวตายอีก

สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะนับตั้งแต่วันนั้น ‘พระสวามีในนาม’ ของเขาไม่ได้ เสด็จมาให้เขาเห็นอีกเลย

จนถึงวันนี้ก็เกือบจะครบสัปดาห์แล้ว แต่ละวันผ่านไปโดยไม่น่าเบื่อนัก

นารากับพิรุณพาเขาไปชมรอบๆ พระตำหนักอันกว้างใหญ่ รวมทั้งเดินชมห้องต่างๆ ในพระตำหนัก

หลายวันผ่านมาแล้ว แต่เขาก็ยังเดินดูไม่ทั่ว เพราะมัวแต่ติดใจห้องหนังสือที่เต็มไปด้วยหนังสือที่น่าสนใจเต็มห้อง

“โปรดเล่มไหนก็ทรงหยิบอ่านได้ตามพระทัยเลยเพคะ องค์รัชทายาทประทานพระอนุญาตไว้แล้ว รับสั่งว่าพระตำหนักของพระองค์ก็เหมือนกับพระตำหนักของพระชายาเพคะ จะเสด็จไปที่ไหน ทำอะไรก็ได้ ยกเว้นก็แต่ห้องทรงงานเท่านั้น”

“แสดงว่าห้องบรรทมไม่ห้าม”

พลั้งปากไปอีกแล้ว พิรุณถึงกับชะงัก ขณะที่นารายกมือขึ้นปิดปาก หน้าแดง ก่อนจะเอ่ยสัพยอกอย่างเต็มที่

“ไม่ได้ทรงห้ามเพคะ พระชายาจะเสด็จไปหรือเพคะ”

“เปล่า! ไม่ใช่! ฉันแค่... สงสัย”

นาราหัวเราะคิกคัก ความสดใสร่าเริงของนางช่วยเยียวยาความรู้สึกโดดเดี่ยวของเจ้าชายต่างแคว้นได้มาก

ติดอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือนางเรียกเขาว่าพระชายา ขอร้องยังไงก็ไม่ยอมเรียกว่าองค์ชาย

“ปกติถ้าไม่มีหน้าที่ ใครก็ห้ามเข้าห้องบรรทมนะเพคะ แม้แต่พระสนมเองก็เถอะ”

พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของนางพระกำนัลสาวก็ผิดปกติไปนิดหนึ่ง นาราหันไปมองเพื่อน สีหน้าและสายตาดูเกรงใจอย่างไรชอบกล

ทว่าพิรุณกลับยิ้มบางๆ ตามปกติแล้วอธิบายต่อแทน

“แต่ฝ่าบาททรงเป็นพระชายาย่อมเป็นข้อยกเว้นเพคะ จะเสด็จเมื่อไหร่ก็ย่อมได้”

“ฉันถามดูเท่านั้น ไม่ได้คิดจะไป”

อยู่ให้ห่างเอาไว้เป็นดีที่สุด แต่สิ่งหนึ่งที่ติดพระทัยก็คือ

“องค์รัชทายาททรงมีพระสนมด้วยหรือ”

“โอ๊ย! มีสิเพคะ ตั้งเกือบจะห้าสิบนางแน่ะเพคะ อุ๊ย!” นาราโพล่งขึ้นมาแล้วก็นึกขึ้นได้ รีบปิดปากแล้วหัวเราะแหะๆ

“พระชายาคง... ไม่ทรงหึงหรอกนะเพคะ เพราะว่าก็แค่เคยมีเท่านั้นเอง ตอนนี้...” คนพูดหันไปมองเพื่อนอีกครั้ง

“ตอนนี้โปรดให้ทูลลาออกหมดแล้วเพคะ” พิรุณพูดต่อด้วยสีหน้านิ่งๆ เป็นปกติ

“ทำไม”

“ไม่มีใครทราบเหตุผลหรอกเพคะ” นาราบอก “แต่พระองค์โปรดให้ออกก็ต้องออก
หม่อมฉันคิดว่าอาจจะเป็นเพราะว่าทรงรักพระชายาเลยไม่ต้องการมีหญิงอื่นอีกก็เป็นได้เพคะ”

คนฟังถึงกับสะดุ้ง

รัก... รักเขาน่ะหรือ เป็นไปไม่ได้

“โปรดให้ลาออกตั้งแต่เมื่อไหร่”

“วันที่พระชายาทรงกรีดข้อมือเพคะ”

ศวัสนิ่วหน้า เวลาช่างประจวบเหมาะ ไม่แปลกที่นาราจะคิดว่าเป็นเพราะเหตุผลนั้น

แต่เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แวบหนึ่งเมื่อมองเห็นสายตาของพิรุณ เขาก็สะดุ้งใจ

เพราะราวกับนางกำลังเคียดแค้นเขาอยู่ก็ไม่ปาน

แต่เมื่อมองดีๆ อีกทีก็ไม่เห็นสีหน้าและแววตาเช่นนั้นแล้ว

เจ้าชายรองแห่งอันธกาลได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้

“พระสนม... เป็นผู้หญิงใช่ไหม”

นาราหัวเราะขบขัน

“ก็ต้องเป็นผู้หญิงสิเพคะ”

ไม่ถูกล่ะ มีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง

เรืองอรุณปฏิเสธการแต่งงานระหว่างแคว้นเพราะอ้างว่าเจ้าชายรัชทายาทโปรดผู้ชาย

แต่คนที่ชอบผู้ชายจะมีนางสนมเกือบครึ่งร้อยได้ยังไง

“พระองค์... เคยมีพระสนมผู้ชายบ้างไหม”

“ไม่มีเลยเพคะ”

“แล้วทำไม...”

คำถามค้างอยู่แค่นั้น แต่นางพระกำนัลช่างพูดก็ช่างรู้ใจจนทูลตอบได้ถูกต้อง

“ทำไมถึงทรงรับพระชายามาเป็นพระชายาน่ะหรือเพคะ
หม่อมฉันคิดว่าต้องเป็นเพราะพระองค์ทรงหลงรักพระชายาตั้งแต่แรกเห็นเป็นแน่เพคะ”

คราวนี้นาราไม่หันไปมองหน้าเพื่อนเลย

“... ฉันดูเหมือนผู้หญิงหรือ”

“อุ๊ย! ไม่เหมือนเลยสักนิดเพคะ พระชายาทรงเป็นผู้ชายที่งดงามมากต่างหากเพคะ
ขนาดหม่อมฉันเห็นครั้งแรกยังรู้สึกใจเต้นเลย”

คำพูดนี้อาจจะไม่เกินจริง เพราะขณะพูด คนพูดถึงกับหน้าแดงปลั่ง

เจ้าชายรองแห่งอันธกาลเห็นแล้วยังอดยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกไม่ได้

“แย้มสรวลแบบนี้แล้วก็ยิ่งงามนะเพคะ หม่อมฉันใจสั่นจะแย่แล้ว”

คราวนี้เจ้าชายต่างแคว้นถึงกับหัวเราะออกมาดังๆ

เพราะอีกฝ่ายดูเหมือนสาวรุ่นแก่แดดมากกว่าหญิงสาวผู้ตกหลุมรักชายหนุ่มอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

“ถ้าองค์รัชทายาททอดพระเนตรเห็น ก็คงจะยิ่งทรงหลงรักพระชายามากขึ้นแน่ๆ เลยเพคะ”

ศวัสหัวเราะไม่ออกอีกต่อไปแล้ว แม้จะฝืนยิ้มก็ยังลำบาก




แค่อ่านหนังสือในห้องหนังสือก็กินเวลาในแต่ละวันของเจ้าชายรองแห่งอันธกาลไปมากแล้ว

แต่ยังมีกิจกรรมอื่นให้เขาเลือกทำอีกมาก หน้าพระตำหนักเป็นสนามหญ้ากว้างขนาดสนามม้า

ถึงจะเคยขี่ม้าแค่ไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็ชื่นชอบมันมากและอยากจะขี่อีก

“ทรงม้าได้เพคะ หม่อมฉันทูลแล้วนี่นาว่าจะทรงทำอะไรก็ได้ องค์รัชทายาทประทานพระอนุญาตแล้ว”

“ฉันขี่ไม่เก่งนัก”

“กราบทูลองค์รัชทายาทให้โปรดหาครูมาสอนสิเพคะ”

“ได้หรือ”

“ได้สิเพคะ พระชายาทรงเป็นพระชายา ทูลขอดีๆ อ้อนหวานๆ หน่อย
มีพระประสงค์อะไร องค์รัชทายาทก็ประทานให้หมดแหละเพคะ”

ถ้าอย่างนั้นก็อย่าดีกว่า

ที่ชั้นสองของพระตำหนักมีห้องหนึ่งที่มีเปียโน เจ้าชายรองแห่งอันธกาลเคยฟังและชื่นชอบ

นึกอยากจะเล่นเป็นแต่ไม่มีใครสอน จึงได้แต่ลองจิ้มคีย์บอร์ดแล้วฟังเสียงดู นาราแนะนำด้วยคำแนะนำเดิมว่า

“ทูลองค์รัชทายาทสิเพคะ พระองค์จะได้โปรดให้ครูมาสอน”

เขาปฏิเสธทันที

“ไม่อย่างนั้นก็ทูลขอให้ทรงเล่นให้ฟังก็ได้เพคะ องค์รัชทายาททรงเปียโนเก่งมากนะเพคะ
หม่อมฉันมีวาสนาได้ฟังครั้งหนึ่ง แต่ได้ยินว่าพระองค์ไม่ค่อยทรงเปียโนหรอกเพคะ เพราะว่าทรงมีงานมาก”
 
วรองค์สูงใหญ่น่าเกรงขามออกอย่างนั้น พระพักตร์ดุขนาดนั้น ทรงดนตรีได้ด้วยหรือ




นอกจากห้องหนังสือและห้องดนตรี ยังมีห้องวาดภาพ ห้องงานไม้ชิ้นเล็ก ห้องแผนที่

ห้องกระดาษ ห้องดอกไม้ ห้องประวัติศาสตร์ และอีกหลายๆ ห้องที่น่าสนใจ

สามารถใช้เวลาอยู่ในนั้นได้เป็นวันๆ นอกพระตำหนักยังมีเรือนกระจก

มีสระน้ำ ศาลากลางน้ำ และสวนดอกไม้ชนิดต่างๆ อีกมาก

แต่ศวัสไม่มีเวลาได้เที่ยวชมจนครบ เวลาแห่งความรื่นรมย์ของเขาหมดลง เมื่อพิรุณมาบอกว่า

“คืนนี้องค์รัชทายาทจะเสด็จมาหานะเพคะ”

“มาทำไม” สีหน้าของคนถามซีดลง

“บาดแผลของฝ่าบาทหายดีแล้ว จึงโปรดให้ถวายตัวเพคะ”

เจ้าชายต่างแคว้นนึกอยากจะกรีดข้อมือตัวเองเพิ่มขึ้นมาอีกสักแผล แต่นาราเหมือนจะรู้ทันจึงรีบดักคอ

“พระชายาอย่าทรงทำร้ายพระองค์เองอีกนะเพคะ ถ้าไม่เห็นแก่พระองค์เองก็เห็นแก่หม่อมฉัน
หม่อมฉันรักพระชายานะเพคะ อย่าทรงทำให้หม่อมฉันต้องเสียใจไปชั่วชีวิตที่ดูแลพระชายาไม่ดีเลย”

อา... เขารู้แล้ว ที่แท้นางก็แค่พยายามทำให้เขาสบายใจ ทำให้เขารู้สึกเอ็นดู

จนกระทั่งเขาทำร้ายตัวเองอีกไม่ได้เท่านั้นเอง

เมื่อก่อนเขาคิดว่าตัวเองเหลือตัวคนเดียวแล้ว ต่อให้ตายไปก็ไม่เป็นไร

แต่ตอนนี้ เขาทำร้ายคนที่เขารู้สึกเอ็นดูเหมือนน้องสาวไม่ลงจริงๆ

ศวัสยิ้มซีดเซียว






“ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ฆ่าตัวตาย”



tbc.

*******************************************************


สรุปว่าจะเริ่มที่ "พรุ่งนี้" ก่อนนะคะ
ต่อด้วย "วันวาน"
แล้วก็จบด้วย "วันนี้"

พรุ่งนี้จะหม่นๆ เล็กน้อย
วันวานจะสดใสกว่า ถือเป็นการพักเบรก
ส่วนวันนี้จะหนักกว่าพรุ่งนี้ค่ะ

ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ โปรดรับดอกไม้แทนใจไปคนละหนึ่งกำด้วยค่ะ :กอด1:

 :3123: :3123: :3123:

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (1) 5 เม.ย.57
«ตอบ #5 เมื่อ05-04-2014 13:38:34 »


น่าสนุกดีนะ

เป็นกำลังใจให้คนแต่งละกัน---สู้ๆ

+ 1 + เป็ดจ้า

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (1) 5 เม.ย.57
«ตอบ #6 เมื่อ06-04-2014 01:36:47 »

 o13 สนุกมาก ยกนิ้วให้เลย
อ่านแล้วติดจริงๆ ชักอยากให้เรื่องมันยาว

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 2) 9 เม.ย.57
«ตอบ #7 เมื่อ09-04-2014 22:54:10 »

พรุ่งนี้... ที่รอคอย
บทที่ 2


การถวายตัวที่ว่าดูจะไม่ใช่เรื่องเล็กเลย เพราะต้องใช้เวลาเป็นวันๆ ในการ ‘เตรียมตัว’ นาราบอกว่า

“องค์รัชทายาทจะได้พอพระทัยนะเพคะ”

แล้วมีใครสนใจความรู้สึกของเขาบ้างไหม

“ไม่ต้องทรงอายหรอกเพคะ พระวรกายของพระชายางดงามมาก”

นั่นไม่ใช่ประเด็น ความสำคัญมันอยู่ที่ว่าเขาเป็นผู้ชาย แต่อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงต่างหาก

“หรือถ้าทรงอาย จะให้หม่อมฉันถอดเป็นเพื่อนก็ได้นะเพคะ”

พอเถอะ แค่ชุดนุ่งน้อยห่มน้อยที่สวมใส่อยู่เพื่อจะได้สะดวกในการอาบน้ำและขัดสีฉวีวรรณให้เขานี่มันก็มากพอแล้ว
ถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย หวั่นไหวกับสรีระร่างกายของผู้หญิง

วันนี้ทั้งวันไม่รู้ว่าเขาเผลอมองหน้าอกใต้ผ้าเช็ดตัวของพิรุณไปกี่ครั้งกี่หนแล้ว

เจ้าชายแห่งเรืองอรุณไม่ทรงระแวงว่าเขาจะทำอะไรไม่ดีไม่งามกับนางพระกำนัลของพระองค์บ้างหรือยังไง

หรือคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง

การเตรียมถวายตัวของผู้หญิงเป็นอย่างไรเขาไม่รู้ แต่ของผู้ชายมีขั้นตอนบางอย่างที่น่าอายนัก
เจ้าชายศวัสแห่งอันธกาลตกใจแทบสิ้นสติเมื่อพิรุณยืนกรานว่าจำเป็นต้องทำเพื่อป้องกันความผิดพลาด

ที่จริงแล้วเรื่องนี้เขาก็เรียนรู้จากสำนักบำเรอหลวงมาก่อน แต่ไม่คิดว่าพิรุณจะเป็นคนทำให้

“ถ้าไม่โปรดให้หม่อมฉันทำ จะมีคนจากสำนักบำเรอหลวงมาทำถวายนะเพคะ”

“หรือจะโปรดให้หม่อมฉันทำแทนก็ได้นะเพคะ”

นารากราบทูลด้วยสีหน้าแสดงความเห็นใจ เจ้าชายหนุ่มต้องรวบรวมกำลังใจอย่างมากกว่าจะกลั้นพระทัยรับสั่ง

“ฉัน... จะทำเอง”

จะยอมให้นางกำนัลที่พูดคุยอย่างสนิทสนมด้วยกันมาหลายวันทำให้ได้ยังไง ต่อไปท่าจะมองหน้ากันไม่ติด

“ไม่ได้นะเพคะ”

พิรุณบอกเสียงแข็งเสียจนเจ้าชายหนุ่มประหลาดใจ และดูเหมือนเจ้าตัวก็จะรู้ว่าทำตัวมีพิรุธ

“หม่อมฉัน... แค่อยากให้การถวายตัวคืนแรกเป็นไปด้วยดีเพคะ
อย่างน้อยก็ขอให้ผ่านคืนนี้ไป ถ้าทำให้ไม่พอพระทัยตั้งแต่คืนแรก
ฝ่าบาทจะทรงลำบากนะเพคะ”

คนฟังลังเล หลังจากนิ่งไปนาน ก็ตัดสินใจพยักหน้าให้

“งั้นก็... ทำเถอะ”

เขาไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะลำบาก
แต่กลัวว่าเจ้าชายที่ฆ่าคนเป็นผักปลาพระองค์นั้นจะทรงลงพระอาญานางกำนัลของเขา
เขาไม่อยากตื่นขึ้นมาแล้วรับรู้ว่าทำให้ใครต้องตายไปอีก

หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว พิรุณก็ถามกึ่งขออนุญาต

“สร้อยพระศอเส้นนั้นถอดออกได้ไหมเพคะ”

เจ้าชายแห่งอันธกาลจับสร้อยเงินห้อยล็อกเก็ตรูปหยดน้ำที่ทรงสวมติดพระศอมาตั้งแต่สิบปีที่แล้วไว้

“ทำไมหรือ”

“องค์รัชทายาทโปรดให้คนที่จะถวายงานเนื้อตัวเกลี้ยงๆ ไม่สวมใส่เครื่องประดับเพคะ”

“ตั้งแต่ใส่ ฉันก็ไม่เคยถอดเลย ขอใส่ไว้อย่างนี้เถอะ ถ้าองค์รัชทายาทตรัสสั่งให้ถอด ฉันจะถอดเอง”

พิรุณมีสีหน้าไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก






ท่ามกลางความเงียบ เสียงหัวใจของคนที่นั่งอยู่ตามลำพังบนเตียงดังขึ้นทุกที

“องค์รัชทายาทเสด็จ”

เสียงขานที่ดังอยู่ในห้องนอนส่วนนอกทำให้รู้ว่าพิรุณยังไม่ได้ออกจากห้องตามนาราไป
ไม่นานเจ้าของวรองค์สูงใหญ่ก็เสด็จอ้อมฉากไม้เข้ามา
คนที่จะต้องถวายตัวลุกขึ้นยืนแล้วค้อมตัวถวายความเคารพ
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็แปลกใจเพราะพิรุณเดินตามเข้ามาด้วย
นางถือถาดใส่ขวดแก้วเจียระไนใบเล็กๆ กับถ้วยใบย่อมที่มีลักษณะคล้ายเหยือกไว้

“พิรุณไม่ได้บอกเธอหรือ ว่านางจะต้องอยู่ด้วย”

ศวัสตกตะลึง

“อยู่... ทำไมพระเจ้าค่ะ”

องค์รัชทายาทหนุ่มเสด็จไปประทับลงบนเก้าอี้ พิรุณยังอยู่ที่เดิม
แต่คุกเข่าและก้มหน้าลงน้อยๆ ทำเอาเจ้าชายต่างแคว้นนึกขึ้นได้ว่า
โดยธรรมเนียมแล้วเมื่อเจ้าชายประทับ ข้ารับใช้จะต้องคุกเข่า ห้ามยืน
ขณะกำลังละล้าละลังว่าจะต้องคุกเข่าด้วยหรือไม่ เจ้าชายหนุ่มก็ตรัสตอบ

“ตามระเบียบต้องอยู่เพื่ออำนวยความสะดวก
และจะต้องมีมหาดเล็กหรือองครักษ์อีกคนคอยดูแลความปลอดภัยในกรณีที่นางสนมคิดไม่ซื่อ”

“แต่หม่อมฉันเป็นพระชายา!”

เจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณแย้มพระสรวลได้งดงามมาก
อาจจะละลายหัวใจของผู้หญิงได้ทุกคน

แต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่เจ้าชายรองแห่งอันธกาลอยากจะเห็นในเวลาเช่นนี้

“ยอมรับก็ดีแล้ว”

ไม่ต้องรอให้ร้องขอ พระองค์ก็ตรัสสั่ง

“วางของเอาไว้แล้วออกไปได้”

“แต่...”

พิรุณมีสีหน้าไม่ยินยอมพร้อมใจ
ศวัสไม่มีเวลามาคิดว่าทำไมหญิงสาวถึงอยากจะอยู่ด้วยนัก
มัวแต่โล่งใจว่าเพียงแค่ถูกเจ้าชายภีมเสนตวัดสายพระเนตรมองเพียงแวบเดียว นางก็หน้าซีด
เดินเข่าไปวางถาดทองไว้บนโต๊ะตรงเบื้องพระพักตร์ ก้มลงกราบครั้งหนึ่งแล้วล่าถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ

“สำนักนางบำเรอหลวงสอนมาแล้วใช่ไหมว่าต้องทำยังไง”

แค่คิด ตัวก็สั่นสะท้านน้อยๆ อย่างห้ามไม่อยู่  จำใจต้องพยักหน้าและคุกเข่าลง
ยังไม่ทันได้คลานไปหา อีกฝ่ายก็เสด็จมายืนอยู่ตรงหน้า
ปลายคางถูกพระหัตถ์ใหญ่ช้อนให้เงยขึ้นมองพระพักตร์

“นั่นมันระเบียบของผู้หญิงทั่วไป ลืมๆ มันไปเสีย เธอแค่ผ่อนคลายก็พอ”

ผ่อนคลายหรือ ยากยิ่งกว่าสั่งให้ไปตายเสียอีก

“ยืนขึ้น”

ขาสองข้างดูเหมือนจะอ่อนแรงขึ้นมาเฉยๆ ได้แต่ยืนตัวสั่นระริกอยู่เบื้องพระพักตร์พลางก้มหน้าก้มตา

สะท้านเฮือก

เมื่อจู่ๆ ก็ถูกสวมกอดไว้หลวมๆ ขนทั่วทั้งตัวลุกชั้นเมื่อถูกหอมตรงซอกคอ

“ฝ... ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นผู้ชาย”

“รู้แล้ว”

ปลายคางถูกเชยขึ้นอีกครั้ง ตาต่อตาประสานกันในระยะใกล้
ดวงพระเนตรสีเหล็กสะกดให้ยืนนิ่งเพื่อรอรับจุมพิตที่ร้อนผ่าว

แรกทีเดียวคนประทานจูบให้ก็พยายามจะทรงนุ่มนวลอ่อนโยน
แต่รสปากอันไร้เดียงสาเย้ายวนให้ต้องทรงดูดดื่มครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างรุนแรง

ในสายตาที่พร่ามัว ศวัสเห็นอารมณ์อันเข้มข้นลึกล้ำในดวงพระเนตรอย่างแจ่มชัด

“เป็นผู้ชาย... แล้วก็เป็นเมียของฉัน”

ยังไม่ทันจะปรับลมหายใจได้เป็นปกติ ริมฝีปากก็ถูกครอบครองอีกครั้ง
เนื้อตัวที่สั่นสะท้านเป็นลูกนกตกน้ำถูกลูบไล้ปลอบประโลมด้วยพระหัตถ์ของคนที่เขาตกอยู่ในกำมือ

ศวัสหูอื้อตาลาย

มัวเมาในรสจูบจนกระทั่งหลังติดเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทันรู้ตัว

พระหัตถ์ใหญ่ที่อุ่นจนร้อนสอดเข้ามาลูบไล้แผ่นอก
คนตกเป็นเบื้องล่างสะดุ้งเมื่อยอดอกถูกสัมผัส
เผลอครางเสียงสั่นพร่าเมื่อบริเวณไวสัมผัสถูกบดบี้
เคล้นคลึงอย่างเอาใจ

“ฝ... ฝ่าบาท...”

ยอดอกอีกข้างหนึ่งตกอยู่ในพระโอษฐ์
แม้จะมีเสื้อตัวบางขวางกั้น แต่ก็ยังรับรู้ถึงความอบอุ่นและเปียกชื้นได้เป็นอย่างดี
ร่างกายส่วนล่างที่พยายามดิ้นหนีถูกกดทับและเสียดสีกับพระวรกายที่ใหญ่โตกว่ามาก

ขณะที่กำลังสับสนมึนงงกับสัมผัสอันแสนแปลกประหลาดที่ได้รับ

ก็ถูกจับถอดเสื้อผ้าออกอย่างไม่รู้ตัว

“เธอสวยมาก แล้วก็ตัวหอม”

ไม่หอมได้หรือ เขาถูกจับตัวแช่อยู่ในอ่างน้ำดอกไม้เป็นครึ่งค่อนวันจนตัวแทบเปื่อย
แล้วยังถูกลูบไล้ด้วยน้ำหอมของผู้หญิงอีก

“ฝ่าบาท ทรงปล่อยหม่อมฉันไปได้ไหมพระเจ้าค่ะ จะโปรดให้ทำอะไรถวายก็ได้
จะลงโทษหรือดูถูกเหยียดหยามยังไงก็ได้ ให้สาสมกับที่หม่อมฉันเป็นเชลย
ขอแค่อย่าทรงทำลายศักดิ์ศรีของหม่อมฉันด้วยวิธีนี้”

“ศวัส”

เจ้าของชื่อสูดหายใจเข้าดังเฮือก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกเรียกชื่อหรือเพราะถูกลูบแก้ม

“เธอรู้ดีว่าหนีฉันไม่พ้น เพราะฉะนั้นจงเงียบเสีย
และอย่าโทษตัวเองว่าไม่ได้พยายามดิ้นรน
เธอพยายามแล้ว แม้กระทั่งฆ่าตัวตาย แต่เธอก็ยังต้องอยู่ตรงนี้
สภาพของเธอเป็นอย่างนี้แล้ว นอนเปลือยอยู่ใต้ร่างของฉัน
และสภาพของฉันก็เป็นอย่างนี้”

คนรับสั่งทรงจับมือของเขาไปสัมผัสกับส่วนกึ่งกลางพระวรกาย

ศวัสเบิกตากว้าง ดวงตาไหวระริกด้วยความหวาดหวั่น
ทั้งแข็งชันและใหญ่โตอย่างนั้น

แล้วเขาจะเป็นยังไง

“รู้ใช่ไหมว่าเธอเลี่ยงไม่ได้ ทางเดียวคือต้องพยายามผ่อนคลาย ครั้งแรกของเธอ ฉันจะอ่อนโยนให้เป็นพิเศษ”

เจ้าชายแห่งอันธกาลส่ายหน้า เขารู้ แต่เขายอมรับไม่ได้
อย่างไรก็ดี คนเบื้องบนทรงเปลื้องฉลองพระองค์ออกแล้ว
พระวรกายแข็งแรงกำยำที่อยู่เหนือร่างของเขาดูใหญ่โตจนน่ากลัว
โดยเฉพาะส่วนที่ผงาดแข็งชูชัน

“ฝ่าบาท”

คนทูลเรียกเสียงเครือหลับตา

“อย่าร้องไห้”

เสียงที่กระซิบอยู่ข้างหูช่างอ่อนโยน แต่ความแข็งขืนร้อนผ่าวที่เสียดสีกับตัวเขาอยู่ไม่อนุญาตให้เขาหลงกล

“ขอได้ทรงโปรด เมตตาหม่อมฉันเถิดพระ... อะ... อื้ม...อื้อ...”

เจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณทรงกลืนกินคนใต้ร่างทีละน้อย
พระหัตถ์ฟอนเฟ้นไปทั่วเรือนกายขาวผ่องเนียนมือ
เจ้าชายแห่งอันธกาลสะดุ้งเมื่อส่วนกลางกายตกเป็นเชลยอยู่ในพระหัตถ์และถูกรูดรั้งเอาใจ
องค์รัชทายาทหนุ่มทรงกดจูบดูดดื่ม ซุกไซ้พระนาสิกไปทั่วผิวเนื้อหอมกรุ่น

“ไม่ต้องกลัว ฉันจะเมตตาเธออย่างดีในฐานะสามี อย่าเกร็ง แล้วทำหน้าที่ของเมียให้ดี”

หน้าที่อะไร ต้องทำยังไงเขาไม่รู้แล้วทั้งนั้น ความกลัวมีมากมายจนต้องร้องไห้
ทว่าทั้งที่สะอื้นขนาดนี้แล้ว อีกฝ่ายก็ยังไม่ทรงปรานีแม้แต่น้อย
ขยับพระหัตถ์ปลุกเร้าอารมณ์ไม่หยุดยั้งจนเขาเสียวสะท้านไปทั้งข้างบนและข้างล่าง

“ฮะ... ฮ่าห์.... อะ... อื้อ... อ้า... ฮ่าห์... ฝ่าบาท... อยะ... อ๊าา””

ตัณหาถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรงขณะที่ยอดอกข้างหนึ่งถูกกัด

ทั้งเจ็บและเสียวในขณะเดียวกัน

ศวัสหลับตาหอบหายใจ

เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองมานิ่งๆ

สายพระเนตรที่มองมาทำให้ทั้งหวั่นกลัว

อับอาย

และหวั่นไหวในขณะเดียวกัน

เจ้าของพระวรกายใหญ่โตทรงก้มลงมาจูบเขาอีกครั้ง
เจ้าชายแห่งอันธกาลไม่มีแรงจะหุบปาก
จำต้องปล่อยให้อีกฝ่ายทรงส่งพระชิวหาล่วงล้ำเข้ามาในปาก
ทว่าถึงอารมณ์จะปั่นป่วนแค่ไหนก็ยังมีสติรับรู้รางๆ ว่าของเหลวอุ่นๆ ถูกราดลงบนช่องทางด้านหลัง

“อื้อ!”

นิ้วพระหัตถ์นิ้วหนึ่งสอดล้ำเข้ามาในร่างของเขาแล้ว แต่เสียงร้องกลับออกมาไม่ได้

“อย่าเกร็ง ฉันเข้าไม่ได้”

เข้าไม่ได้ก็ไม่ต้องเข้า!

“ถ้าฉันเข้าดีๆ ไม่ได้ เธอจะเจ็บมาก”

ศวัสหน้าซีด

“เพราะฉะนั้นผ่อนคลายซะ ให้ฉันเข้าไป”

ไม่! ไม่เอา! เจ้าชายต่างแคว้นเกร็งตัวเอาไว้

“อ๊า!”

“ฉันเตือนเธอแล้ว อย่าเกร็ง ถ้าไม่อยากเจ็บ”

เพราะพระองค์ทรงปวดหนึบไปหมด ใกล้จะทนไม่ไหวเต็มทีแล้ว
ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงไม่ต้องห่วง
แต่นี่เป็นศวัส
ความอดทนของพระองค์จะหมดเอาง่ายๆ

“ผ่อนคลายนะ เด็กดี”

คนถูกเรียกว่าเด็กดีหน้าแดงวาบ
ทว่าเมื่อเห็นสายพระเนตรอ่อนโยน ก็เผลอตัวผ่อนคลายขึ้นนิดหนึ่ง
จังหวะนั้นเองนิ้วพระหัตถ์ก็สอดลึกเข้ามาอีกจนต้องเผลอร้องคราง
เขาอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเมื่ออีกฝ่ายแย้มพระสรวลให้

เจ้าชายภีมเสนทรงจูบปลอบประโลมให้มัวเมา พลางขยับนิ้วพระหัตถ์เพื่อเปิดทาง
สอดเข้าออกแล้วเพิ่มจำนวน แยกปากทางอ่อนนุ่มให้ขยายตัวกว้าง
เมื่อพอจะได้ที่ก็จงใจถอนพระโอษฐ์ออกในจังหวะที่สอดใส่พระวรกายร้อนผ่าวเข้าไป

“อ้าาาาา!”

เพื่อที่จะได้ยินเสียงหวีดร้องก้องสะท้าน

ศวัสเสียวแปลบ ความเสียวซ่านระคนเจ็บปวดแล่นปลาบไปตามสันหลัง
เจ้าชายหนุ่มหอบหายใจดังฮั่กๆ
ขณะเจ้าชายภีมเสนทรงรอให้อีกฝ่ายหายใจเบาลงก่อนจะทรงขยับพระวรกายที่แข็งจนปวด

ความรู้สึกซาบซ่านแล่นพล่านไปทั่วร่าง ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ไม่มีสติสัมปชัญญะจะคิดอะไรทั้งสิ้น

ยอมแอ่นกายให้อีกฝ่ายทรงกัด และดูดเลียแต่โดยดี
ความเสียวซ่านช่วยบรรเทาความเจ็บปวดเบื้องล่างได้
ไม่นานนัก ช่องทางที่ถูกเสียดสีจนแทบลุกไหม้ก็สร้างความรู้สึกเสียวกระสันขึ้นมา
จนแก่นกายตั้งชันขึ้นมาอีกหน
ครั้นถูกจับกระตุ้นเพียงเล็กน้อย ก็ถึงกับปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

ช่องทางอ่อนนุ่มที่บีบกระชับ ตอดรัดถี่ๆ
ส่งผลให้องค์รัชทายาทหนุ่มทรงลุถึงฝั่งในเวลาต่อมาไม่นาน


พระวรกายหนักๆ ทาบทับลงมาจนคนอยู่เบื้องล่างแทบจะจมหายลงไปในฟูก



tbc.

******************************


ได้กันเร็วเนอะ  :-[

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 2) 9 เม.ย.57
«ตอบ #8 เมื่อ10-04-2014 01:15:13 »

 :m10: ฝ่าบาท เอ็นซีของท่านช่างร้อนแรงจริงๆ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 2) 9 เม.ย.57
«ตอบ #9 เมื่อ10-04-2014 01:24:39 »

ทันใจจังวุ้ย เดาว่าพิรุณคือสนมเก่า น่าสงสารนาง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 2) 9 เม.ย.57
« ตอบ #9 เมื่อ: 10-04-2014 01:24:39 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 3) 12 เม.ย.57
«ตอบ #10 เมื่อ12-04-2014 09:12:45 »

พรุ่งนี้...ที่รอคอย
บทที่ ๓


   “อย่าฆ่าตัวตาย เพราะถ้าเธอตาย ฉันจะส่งคนไปโลกหน้าเป็นเพื่อนเธอหลายๆ คน”

เจ้าชายภีมเสนรับสั่งประโยคนั้นเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะเสด็จออกจากห้องไป

ไม่นานนักพิรุณก็เข้ามา

เจ้าชายแห่งอันธกาลซึ่งกำลังทรงคับแค้นและชอกช้ำเหลือจะกล่าวรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดร่างกาย

“หม่อมฉันจะชำระพระวรกายถวายเพคะ ฝ่าบาทจะได้ทรงสบายตัว”

“ไม่เป็นไร”

เวลาอย่างนี้เขาอยากอยู่คนเดียว

“เป็นหน้าที่เพคะ”

น่าแปลกที่วูบหนึ่งคนฟังรู้สึกว่านางพระกำนัลสาวดูปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำหน้าที่นี้

“นาราล่ะ”

“ตอนนี้พักผ่อนอยู่เพคะ แต่ถ้าโปรดให้นางถวายงาน หม่อมฉันจะไปเรียกมาเข้าเฝ้า”

“ไม่เป็นไร พิรุณทำเถอะ”

จะต้องอายอะไรอีก ให้มือของผู้หญิงช่วยลบล้างสัมผัสของผู้ชายออกไปบ้างก็น่าจะดี




“ประทับอยู่บนพระที่นั่นล่ะเพคะ หม่อมฉันจะเช็ดพระวรกายถวาย”

คนที่สวมเสื้อเรียบร้อยแล้วและกำลังจะลงจากเตียงเพื่อไปห้องน้ำชะงัก

รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมขึ้นไปอยู่บนเตียงดังเดิม

ก็ดีเหมือนกัน

เพราะตอนนี้เขาปวดตัวไปหมด แค่ขยับตัวยังลำบาก

นางพระกำนัลสาวสวยจัดการเตรียมน้ำลอยดอกไม้กับผ้าสะอาดมาวางไว้บนตั่งปลายเตียง

ออกปากขออนุญาตแล้วจึงขึ้นมาบนเตียง

“ถ้าไม่สะดวกพระทัย จะทรงหลับพระเนตรก็ได้นะเพคะ”

เจ้าชายหนุ่มหลับตาลง

ก่อนจะลืมตาโพลงเมื่อส่วนไวสัมผัสถูกแตะต้อง

“หม่อมฉันแค่จะทำความสะอาดถวายเพคะ”

เจ้าของเตียงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

ก่อนจะพยักหน้าแล้วหลับตาลงอีกครั้ง แม้จะรู้สึกแปลกๆ

แปลกใจด้วยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้ไม่รู้สึกเขินอายเลยแม้แต่น้อย

แต่ความปรารถนาจะลบสัมผัสของ ‘สามี’ ทิ้งไปมีมากกว่า

จึงยอมแม้กระทั่งให้นางใช้นิ้วล้วงเอาเชื้อพันธุ์ที่คั่งค้างอยู่ในช่องทางที่แสนน่าอายออกมา

นิ้วของผู้หญิง ยังไงก็ดีกว่าของผู้ชาย

แต่แปลกเหลือเกินที่ความทรงจำยามถูกสอดชำแรกยังไม่ยอมจางหายไป มีแต่จะยิ่งแจ่มชัดมากขึ้น

“ทำอะไร!”

สิ่งที่ลืมตาขึ้นมาเห็น

คือใบหน้างดงามของนางพระกำนัลสาวที่อยู่ห่างจากระหว่างขาของเขาไม่มาก

คราบของเหลวที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากบ่งบอกให้รู้ว่าไม่ได้เข้าใจผิด

ขณะที่เขาตกใจ นางกลับยิ้มอ่อนโยน

“หม่อมฉันทราบเพคะ ว่าฝ่าบาททรงรังเกียจสัมผัสขององค์รัชทายาท หม่อมฉันเห็นใจฝ่าบาทและเต็มใจทำอย่างนี้
ขอให้หม่อมฉันได้ช่วยลบล้างความรู้สึกไม่ดีให้ฝ่าบาทเถิดนะเพคะ”

เจ้าชายแห่งอันธกาลนิ่งอึ้ง ขณะที่ใบหน้าของพิรุณยังไม่ยอมเคลื่อนห่างออกไป ดวงตากลมโตคู่สวยมีแววเว้าวอน

เนิ่นนาน... ในที่สุดเจ้าชายต่างแคว้นก็พยักหน้าแล้วหลับตาลง

คราวนี้ความทรงจำยามถูกความแข็งขึงร้อนผ่าวตอกกระแทกไม่มีอยู่อีกแล้ว

เพราะถูกแทนที่ด้วยสัมผัสอันอ่อนนุ่มของเรียวลิ้นเล็กๆ ที่ตวัดพลิกพลิ้วอยู่ในช่องทางน่าอาย

...ครั้งแล้ว... ครั้งเล่า อย่างไม่คิดจะรังเกียจเลยแม้แต่น้อย





ห่างจากคืนแรกสามวัน เจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณก็เสด็จไปหาพระชายาของพระองค์อีก

ศวัสยังคงขัดขืน แต่น้อยลงกว่าเดิม

เจ้าชายแห่งอันธกาลมีทีท่ายินยอมพร้อมรับชะตากรรมมากขึ้น

แต่ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกขมขื่นยามถูกล่วงล้ำลดน้อยลง

คราวนี้ทรงเรียกร้องมากขึ้น เขาต้องรองรับพระองค์ถึงสองครั้งสองครา

ส่วนตัวเขาเองเสร็จสมไปมากครั้งกว่านั้น

เขารู้แล้ว ว่าที่เคยรับสั่งว่า ‘ครั้งแรกของเธอ ฉันจะอ่อนโยนให้เป็นพิเศษ’ นั้นเป็นความจริง

เพราะครั้งต่อมา พระองค์ทรงรุกรานเขาหนักขึ้นมาก

ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ส่งเสียงร้องออกไป แต่เอาเข้าจริงกลับกลั้นเสียงครวญครางเอาไว้ไม่ได้เลย

อารมณ์ถูกปลุกปั่นจนพลุ่งพล่าน สติสัมปชัญญะเหือดหาย

จนแอ่นผวาตัวเข้าหาการโหมกระทั้นของคนเบื้องบนอย่างลืมตัว

กลิ่นคาวคละคลุ้งของกิเลสตัณหาอบอวลเต็มห้อง
.
.
.
จนกระทั่งถูกกลืนหายเข้าไปในริมฝีปากเล็กๆ ที่แสนเย้ายวนของนางพระกำนัลคนงามจนหมดสิ้น




“สร้อยเส้นนี้สำคัญมากหรือ”

ครั้งหนึ่ง หลังจากเสร็จกิจกรรมบนเตียงแล้ว เจ้าชายภีมเสนเคยตรัสถามพระชายา

“สำคัญมากพระเจ้าค่ะ เป็นของที่แม่ของหม่อมฉันให้ติดตัวไว้ก่อนตาย”

ขณะทูลตอบ ก็ภาวนาไปด้วยว่าขออย่าให้อีกฝ่ายทรงยึดเอาไป หรือตรัสสั่งให้ถอดออกเพราะมันเกะกะเวลาร่วมสังวาส

“เป็นของนางเอง หรือนางได้มาจากใคร”

เจ้าชายแห่งอันธกาลแปลกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะติดใจถาม

“ท่านแม่บอกว่าเป็นของประจำตระกูลพระเจ้าค่ะ”

“เธอรักแม่ไหม”

คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมาจากพระอุระเปล่าเปลือยที่ถูกบังคับให้นอนซบอยู่

เมื่ออีกฝ่ายไม่ว่าอะไร เขาก็ถือโอกาสลุกขึ้นนั่งเสียเลย

อยากจะขยับตัวออกห่างอีกฝ่ายให้มากที่สุด แต่ก็ตระหนักว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดทันทีที่มองเห็นสายพระเนตร

เจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณทรงอ่านยาก สีพระพักตร์ สายพระเนตร ล้วนไม่บ่งบอกว่าทรงรู้สึกยังไง คิดอะไรอยู่

คนที่พระองค์ทอดพระเนตรมองเสียอีก ที่รู้สึกว่าถูกอ่านเสียจนทะลุ

“ใครๆ ก็รักแม่พระเจ้าค่ะ”

“เคยโกรธนางไหม ที่นางทำให้เธอถูกรังเกียจจากคนในราชวงศ์”

คนถูกถามสะท้านใจ แม้จะเป็นเรื่องเก่าแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะลืมเลือนกันได้ง่ายๆ

เคยมีคนถามคำถามนี้กับเขาหลายคน แต่ไม่คิดว่าเจ้าชายภีมเสนจะทรงเป็นหนึ่งในนั้น

ไม่รู้ว่ามีพระประสงค์อะไร

ขณะที่เขาเงียบไปนาน คนที่เขารู้จากนาราว่ามีงานมากมายอยู่ตลอดเวลากลับทรงรอคอยเงียบๆ

โดยไม่เร่งเร้าหรือเปลี่ยนเรื่อง

“ท่านแม่ของหม่อมฉันใจดีมากพระเจ้าค่ะ ถึงนางจะ... เป็นหญิงบ้า
แต่ก็มีบางเวลาที่พูดกับหม่อมฉันอย่างปกติ ถึงจะเป็นตอนที่... พูดไม่รู้เรื่อง ก็ยังใจดี”

คนพูดไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรจึงกราบทูลออกไปยาวขนาดนั้น

เขาไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใครบ่อยนัก และก็น้อยนักที่จะมีคนฟังเงียบๆ อย่างตั้งใจ ไม่มีเจตนาจะเสียดสีเยาะเย้ย

องค์รัชทายาทหนุ่มทรงยกพระพาหาขึ้นเป็นเชิงเรียกให้เข้าไปหา

คนเป็นพระชายาจำยอมอึกอักลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับเข้าไปนอนตรงตำแหน่งเดิมอย่างขลาดๆ

แต่อีกฝ่ายไม่ได้ทรงทำอะไรมากไปกว่าลูบไล้ต้นแขนเขาไปมา

อาจเพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เสร็จกิจแล้วยังไม่เสด็จจากไปทันที ศวัสจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยระคนทำตัวไม่ถูก

เมื่อไม่รู้จะพูดอะไรจึงพลั้งปาก

“ท่านแม่บอกว่า ให้หม่อมฉันมอบสร้อยเส้นนี้ให้กับคนที่หม่อมฉันรักพระเจ้าค่ะ”

“อืม”

ศวัสรอคอย แต่เจ้าของพระวรกายหนาอุ่นที่กอดเขาอยู่ก็ไม่ได้รับสั่งอะไรมากกว่านั้น

เขาไม่รู้เลย ว่าความรู้สึกผิดหวังบางเบาในอกนี้มาจากไหน

คืนนั้นเขาเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ แต่ตื่นขึ้นมาอีกทีก็สายแล้ว และเขาก็นอนอยู่บนเตียงคนเดียว

ไม่นาน พิรุณก็เข้ามาทำหน้าที่อย่างเคย แต่คราวนี้เขารู้สึกกระดากใจที่จะให้นางปรนนิบัติเช่นเดิมอีก

อาจเพราะตอนนี้เช้าแล้วก็เป็นได้

นางพระกำนัลสาวดูจะหงุดหงิด แต่ก็เพียงแวบเดียวอีกเช่นเคย

“ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันไม่ทำอย่างนั้นก็ได้ แต่ตอนเช้าๆ อย่างนี้ ถ้าได้ทรงผ่อนคลายสักหน่อยก็จะทำให้สบายตัวนะเพคะ”

ก่อนที่เจ้าชายต่างแคว้นจะทันได้ถามอะไร อีกฝ่ายก็ใช้มือน้อยๆ อันนุ่มนิ่ม

จับส่วนอ่อนไหวที่กึ่งแข็งกึ่งอ่อนตรงกลางกายของเขาเอาไว้

รูดรั้งเบาๆ แล้วครอบครองด้วยริมฝีปากที่ทั้งอ่อนนุ่ม ชุ่มชื้น และร้อนผ่าวทันที

“พิรุณ เดี๋ยวก่อน จะทำอะไร”

คนถูกถามช้อนสายตาขึ้นมามอง แต่ไม่ยอมถอนริมฝีปากออก

กลับเร่งเร้าปรนนิบัติอย่างดูดดื่มยิ่งกว่าเดิม

และคนที่ไม่เคยได้รับการปรนนิบัติทำนองนี้มาก่อนก็ไม่มีแรงจะขัดขืน

อารมณ์ถูกปลุกเร้าจนเตลิดเพริด

ครั้นถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด หยาดอารมณ์ขุ่นขาวก็พวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง

แต่ไม่ตกลงบนฟูกเลยแม้แต่หยดเดียว

ภาพของหญิงสาวหน้าตาสะสวยใช้ปลายลิ้นแลบเลียคราบกามารมณ์บนริมฝีปากนั้นตราตรึง
.
.
.
.

ฝังใจคนมองไปตลอดวัน




tbc.

**********************


IsDeer - จุดประสงค์เบื้องต้นของการเขียนเรื่องนี้ก็คือฉากบนเตียงนี่แหละค่ะ หุหุ

iforgive - ถึงตอนนี้ ความคิดเกี่ยวกับพิรุณอาจจะ... เปลี่ยนไป... รึเปล่าคะ

อ๊ายอาย - เรื่องรวมเล่มคิดว่าจะทำเก็บไว้อ่านเองสักเล่มค่ะ แต่ก็ยังไม่ได้คิดจริงจังมาก
เรื่องอ่านแล้วอิ่ม แต่อยากอ่านต่อนี่นึกถึงเรื่องคุณครับ ระวัง บ้านนี้...ผัวดุ ขึ้นมาเลยล่ะค่ะ
ให้อารมณ์แบบนั้นเลย ชอบมากๆ

ฉากอัศจรรย์นี่ก็... น่าจะมีอยู่เป็นระยะๆ ค่ะ ^^
ว่าแต่ ฉากศวัสกับพิรุณนี่นับเป็นฉากนั้นด้วยมั้ยคะ น่าจะนับสินะ  :laugh: :mew5:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 3) 12 เม.ย.57
«ตอบ #11 เมื่อ12-04-2014 10:21:21 »

เอ่อ พิรุณ เกินคาดมากอ่ะ ทำแบบเพื่ออะไรกัน

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 3) 12 เม.ย.57
«ตอบ #12 เมื่อ14-04-2014 09:45:28 »

เนิบๆ นิ่มๆ ค่อยๆ ระอุอุ่น...
มาคอยตอนต่อ อย่างใจจดใจจ่อ
++ค่ะ :L2:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 3) 12 เม.ย.57
«ตอบ #13 เมื่อ14-04-2014 10:33:08 »

พิรุณมาแปลกจริงๆ ต้องการอะไรกันแน่

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 3) 12 เม.ย.57
«ตอบ #14 เมื่อ14-04-2014 15:40:39 »

พิรุณจะรุกศวัสเหรอ  o22
สาวเสียบเหรอเนี่ย
องค์ชายถ้าเสียข้างหลังให้ผู้หญิง ฉันรับไม่ได้  :mew5:

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 4) 16 เม.ย.57
«ตอบ #15 เมื่อ16-04-2014 11:01:52 »

พรุ่งนี้...ที่รอคอย
บทที่ ๔


หลังจากคิดมาทั้งวัน ศวัสก็ตัดสินใจพูดคุยกับพิรุณตามลำพังในห้องนั่งเล่นใกล้ห้องนอน
เขานั่งบนเก้าอี้ ส่วนพิรุณนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนพื้น
ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่กล้าทำเรื่องน่าอายโดยไม่ลังเลได้เลย

“ตอบฉันมาตามตรงได้ไหม เธอทำอย่างนี้ทำไม”

“ทำอะไรเพคะ”

สีหน้าสงบเสงี่ยม น้ำเสียงก็อ่อนโยน จนคนฟังเกือบจะเผลอคิดว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเขาคิดไปเอง

“อย่าให้ฉันต้องพูดให้ชัดเจนกว่านี้เลย ฉันรู้ว่าเธอรู้ แล้วฉันก็คิดว่า เธอไม่น่าจะทำเพราะเห็นใจฉัน”

พิรุณลังเลอยู่ชั่วอึดใจ

“หม่อมฉันทำเพราะความรักเพคะ”

เจ้าชายแห่งอันธกาลถึงกับตกตะลึง นิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ

“ธ... เธอรักฉัน”

นางพระกำนัลสาวสวยหลบสายตา ไม่ยอมตอบ

“เป็นไปไม่ได้”

“อย่าทรงบีบบังคับให้หม่อมฉันต้องพูดเลยเพคะ ทรงทราบเพียงว่าหม่อมฉันจะแย่งชิงฝ่าบาทมาจากองค์รัชทายาทให้ได้ก็พอ”

“แต่ฉันเป็น...” ถึงยังไงก็ทำใจให้พูดออกไปไม่ได้ “เป็นเชลยของพระองค์ ส่วนเธอก็เป็นนางพระกำนัลของพระองค์
ถ้าองค์รัชทายาททรงทราบ ทั้งฉันและเธอจะต้องพระอาญา”

พิรุณส่ายหน้าอย่างมั่นใจ

“พระองค์จะไม่ทรงลงพระอาญาฝ่าบาทแน่นอนเพคะ ส่วนหม่อมฉัน ขอเพียงฝ่าบาททรงยืนกรานว่ารักหม่อมฉัน
จะโปรดให้หม่อมฉันได้เป็นพระชายา รับรองว่าองค์รัชทายาทก็จะประทานพระอนุญาตให้เรามีความสุขด้วยกันแน่เพคะ”

มีบางอย่าง หรือหลายอย่างในคำพูดของหญิงสาวที่ไม่ถูกต้อง ผิดปกติ หรืออาจจะผิดปกติทั้งหมดก็ได้

“แต่เธอก็รู้ว่าฉันถูก... ฉันต้องถวายงานทุกคืน ขอร้องทุกคืนให้ทรงละเว้น แต่ก็ไม่เคยทรงละเว้นให้สักครั้ง”

“ก็มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้นล่ะเพคะที่องค์รัชทายาทจะทรงฝืนพระทัยฝ่าบาท ถ้าเป็นเรื่องอื่น พระองค์คงไม่ทรงห้าม”

ถึงแม้ว่าเรื่องอื่นที่ว่าจะหมายถึงการที่ ‘เมีย’ ของพระองค์จะมี ‘เมีย’ น่ะหรือ

ท่าจะบ้า พิรุณมีความคิดบ้าๆ และถ้าเจ้าชายภีมเสนทรงยินยอมจริง พระองค์ก็คงจะทรงบ้าไปด้วย
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้น เพราะถึงแม้พิรุณจะทำให้เขาหวั่นไหว
แต่เขาก็ไม่คิดจะทำเรื่องเสี่ยงพระอาญาถึงขนาดยอมให้พิรุณทำอะไรให้มากกว่าแค่ ‘ปลอบใจ’

“จะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าฉันขอห้ามว่าต่อไปนี้เธออย่า... ทำอะไรให้ฉันมากเกินความจำเป็นอีกเลย
ที่ผ่านมาฉัน... ข... ขอบใจมาก” 

ทั้งที่คิดไว้แล้วว่าอาจจะต้องเกลี้ยกล่อมมากกว่านี้ แต่นางพระกำนัลสาวก็ทำให้เขาแปลกใจด้วยการตอบรับง่ายๆ

“ได้สิเพคะ หม่อมฉันยินดีทำตามพระประสงค์”





“เป็นอะไร สีหน้าไม่ค่อยดี”

บางทีเขาก็คิดว่าเจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณเป็นผู้วิเศษ สามารถอ่านใจคนได้

“หม่อมฉัน...”

ต่อให้อยากบอก เขาก็บอกไม่ถูก อย่าว่าแต่เป็นเรื่องที่เขาบอกออกไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดเช่นเรื่องนี้เลย

“คืนนี้ทรงงดได้ไหมพระเจ้าค่ะ”

เสี่ยงกราบทูลออกไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้หวังหรอกว่า...

“งั้นจะทำอะไรกันดี”

“ก็ทำ...” พูดออกไปแล้วจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ “ทำอย่างอื่นได้หรือพระเจ้าค่ะ”

องค์รัชทายาทหนุ่มแย้มพระสรวล

“คืนนี้ได้ เธออยากจะทำอะไรล่ะ”

อะไรดีเล่า เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ทำกิจกรรมอย่างอื่นนอกจากกิจกรรมบนเตียง

“อ่านหนังสือในห้องหนังสือได้ไหมพระเจ้าค่ะ”

อีกฝ่ายทรงเลิกพระขนง คนเป็นพระชายาใจเต้นแรง สีหน้าก้ำกึ่งกันระหว่างมีหวังกับเตรียมใจรับความผิดหวัง

เจ้าชายภีมเสนทอดพระเนตรแล้วก็แย้มพระสรวลขำ

“ได้”

คนได้รับอนุญาตอย่างไม่คาดคิดดีใจจนแทบจะกระโดดตัวลอย





ถึงห้องหนังสือ มหาดเล็กเปิดไฟถวายจนสว่างไสวทั่วห้อง
ยกเครื่องว่างมาถวายสองที่แล้วก็ล่าถอยออกไปตามรับสั่ง
ภายในห้องเหลือเจ้าชายสองพระองค์อยู่กันตามลำพัง

“หม่อมฉันเลือกหนังสือเข้าไปนั่งอ่านในนั้นได้ไหมพระเจ้าค่ะ”

ในนั้นที่ว่าคือห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ถูกกั้นแบ่งเอาไว้เป็นมุมส่วนตัว ผนังสองด้านเป็นชั้นหนังสือ
ด้านหนึ่งมีเตียงวางชิดไว้พร้อมหมอนอิงใบใหญ่หลายใบ ส่วนอีกด้านที่เป็นทางเข้าก่อเป็นผนังเพียงครึ่งเดียว
และเจาะเป็นช่องหน้าต่าง กลางห้องเป็นโต๊ะกระจกตัวเตี้ยสำหรับวางของเล็กๆ น้อยๆ กับเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง

“ได้ ไปเถอะ”

คนได้รับพระอนุญาตอย่างง่ายๆ กลับลังเลขึ้นมา ทว่าเมื่อพิจารณาแล้วว่าเตียงในห้องนั้นเล็ก
ผู้ชายสองคนนอนด้วยกันไม่ได้แน่จึงตัดสินใจหยิบหนังสือเล่มที่อ่านค้างไว้เข้าไปนั่งอ่านข้างใน

เพิ่งจะอ่านได้สองบรรทัดก็ต้องสะดุ้งเมื่อเจ้าของห้องที่แท้จริงเสด็จมายืนอยู่ตรงทางเข้า
พระวรกายสูงใหญ่ปิดทางเข้าออกไว้มิด คนในห้องรู้สึกเหมือนหนูที่ถูกต้อนให้มาอยู่ในกรงทันที

“ฝ่าบาท”

“เผื่อหิว” รับสั่งแล้วก็ทรงวางแก้วนมกับจานขนมไว้บนโต๊ะให้ “นมยังอุ่นอยู่ ดื่มเสียเลย เย็นแล้วจะดื่มไม่ได้”

กว่าจะรู้ตัวว่าต้องขอบพระทัย คนที่อุตส่าห์เอามาประทานให้ก็เสด็จกลับไปที่โต๊ะหนังสือที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้องเสียแล้ว

ภายในห้องเงียบสงบ เหมาะแก่การอ่านหนังสืออย่างยิ่ง
แรกๆ เจ้าชายแห่งอันธกาลก็รู้สึกอึดอัดอยู่บ้างเพราะตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่าไม่ได้อยู่ตามลำพัง
แต่นานเข้าก็หลงอ่านหนังสือเพลินจนลืม ครั้นอ่านจนจบและหันไปมองทางหน้าต่าง
ก็เห็นว่าคนประทับหลังโต๊ะหนังสืออีกฝั่งหนึ่งของห้องทอดพระเนตรมองมาอยู่ก่อนแล้ว
ถึงจะเห็นไม่ชัด แต่เขาก็จดจำแววเนตรทรงอำนาจคู่นั้นได้

ไม่รู้ว่ามองเขาอยู่นานเท่าไหร่แล้ว แต่บนโต๊ะตรงเบื้องพระพักตร์ไม่มีหนังสืออยู่เลยสักเล่ม

หัวใจของคนถูกมองเต้นแรง ยิ่งแรงขึ้นอีกเมื่อเจ้าของวรองค์สูงใหญ่ทรงพระดำเนินตรงมาหา

“ง่วงนอนหรือยัง”

ศวัสส่ายหน้าหวือ

“ยังพระเจ้าค่ะ”

“หนาวไหม”

“ไม่หนาวพระเจ้าค่ะ”

อีกฝ่ายทรงพยักพระพักตร์ แต่ตรัสเรียก

“ใครอยู่ข้างนอกบ้าง”

“เกล้ากระหม่อมพระเจ้าค่ะ”

“บอกนาราหรือพิรุณหาผ้าห่มมาให้พระชายาสักผืน”

“รับด้วยเกล้าฯ พระเจ้าค่ะ”

ระหว่างรอ องค์รัชทายาทหนุ่มก็ไม่ทรงขยับไปไหนเลย
คนเป็นพระชายาถูกบังคับให้ต้องจ้องมองพระพักตร์อยู่อย่างนั้น
แม้จะยังคงรู้สึกอึดอัดระคนหวาดกลัว แต่ก็ไม่มากอย่างที่เคย
หนำซ้ำความรู้สึกที่คล้ายๆ กับขัดเขินยังตีตื้นขึ้นมาจนรู้สึกได้ชัด

ต่อเมื่อมหาดเล็กเคาะพระทวาร กราบทูลขอประทานพระอนุญาตและนำผ้าห่มผืนหนามาถวายแล้ว
เจ้าชายภีมเสนจึงเสด็จล่วงล้ำเข้ามา ภายในห้องแคบขึ้นทันตา

ศวัสยื่นมือออกไปรับ ทว่าอีกฝ่ายทรงคลี่ออกแล้วห่มประทานให้
แม้ร่างกายจะไม่ได้สัมผัสกันเลย
แต่คนนั่งอยู่บนเตียงกลับใจเต้นแรงยิ่งกว่าถูกสัมผัสโดยตรงเสียอีก

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”

ไม่เคยคิดเลยว่าจะรู้สึกอย่างนี้ รู้สึกว่าหัวใจพองฟูขึ้นมา
เพียงแค่เจ้าของพระพักตร์ดุๆ และสายพระเนตรทรงอำนาจทรงยกมุมพระโอษฐ์ประทานให้เพียงเล็กน้อย

คืนนั้นเขาก็เผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้อีก
รู้แต่เมื่อตื่นขึ้นมา ภายในห้องก็มืดแล้ว
แต่ตรงช่องกระจกเหนือหน้าต่างมีแสงฟ้าสางอยู่รำไร
และเพียงแค่ขยับตัวก็มีเสียงทัก

“ตื่นบรรทมแล้วหรือเพคะ”

“องค์รัชทายาทล่ะ” อีกครั้งที่ถามออกไปโดยไม่ได้คิด

“เสด็จกลับไปทรงงานตั้งแต่ฝ่าบาทบรรทมหลับเพคะ แต่มีพระบัญชาให้หม่อมฉันมานอนเป็นเพื่อน
พระองค์เป็นคนอุ้มฝ่าบาท จัดให้บรรทมในท่าสบายด้วยนะเพคะ”

แม้จะเห็นหน้าไม่ชัด แต่น้ำเสียงของนาราก็บอกชัดทีเดียวว่าต้องกำลังทำหน้าล้อเลียนอยู่เป็นแน่
น่าแปลกที่คราวนี้คนถูกสัพยอกก็เผลอยิ้มออกมาด้วย

รู้สึกดีเหลือเกินที่ตื่นมาแล้วพบนาราแทนที่จะเป็นพิรุณ

อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าพรุ่งนี้เป็นเช่นนี้อีกก็คงจะดี

อยู่ด้วยกัน แต่ไม่ต้องมีความสัมพันธ์บนเตียงเข้ามาเกี่ยวข้อง





ชะตากรรมของเขาคงจะไม่ดีงามอย่างที่หวัง คืนต่อๆ มาจึงไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีก
เพราะเมื่อเขากราบทูลขอ เจ้าชายภีมเสนก็รับสั่งว่า

“ก็ได้ ถ้าเธอยังมีแรงเหลือ”

ถึงแม้ว่าเขาจะเริ่มเคยชินกับเรื่องเช่นนั้นแล้ว แต่รอจนกระทั่งองค์รัชทายาทหนุ่มพอพระทัย เขาก็ไม่มีแรงเหลืออีกแล้ว
ต่อให้ไม่ถึงกับลุกไม่ขึ้น แต่ก็เพลียมากจนอยากจะหลับอย่างเดียว

ดีอยู่อย่างที่ตอนนี้พิรุณไม่ได้ปรนนิบัติให้เขารู้สึกสบายตัวด้วยวิธีการอันน่ากระอักกระอ่วนใจอีกแล้ว
นางเพียงแต่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ และขออนุญาตช่วยปรนนิบัติในห้องอาบน้ำ
แต่การทำความสะอาดภายในนั้นเขาเป็นผู้ทำเอง

บางครั้ง... นางก็เผลอตัว... จูบเขาบ้างตามเนื้อตัว
เฉพาะจุดที่เจ้าชายภีมเสนทรงทิ้งร่องรอยเอาไว้
ตามหน้าอก แขน ท้อง หรือแม้แต่สะโพก
ครั้นเขาขยับตัวหนี นางก็มักจะทำหน้าเศร้าแล้วขอโทษ

“หม่อมฉันลืมตัวไปเพคะ ขอทรงอภัยด้วย”

บางครั้งนางก็ไม่ได้เผลอตัว แต่ตั้งใจจูบแล้วให้เหตุผลว่า

“หม่อมฉันสงสารฝ่าบาทเพคะ ทั้งที่ทรงเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่กลับถูกกระทำเหมือนกับเป็นผู้หญิง”

เหตุผลนั้นมีอิทธิพลสั่นคลอนจิตใจของ ‘ผู้ถูกกระทำ’ ได้เสมอ
เจ้าชายแห่งอันธกาลมักจะปล่อยให้นางพระกำนัลสาวสวยจูบซ้ำย้ำรอยทุกรอยอย่างง่ายดายหากว่านางกราบทูลในทำนองนั้น

บ่อยครั้งที่เผลอมองนวลแก้ม มองตามริมฝีปากที่กดประทับ ขบเม้มไปตามเนื้อตัว
มองเลยไปถึงทรวงอกอิ่มที่โผล่พ้นคอเสื้อมาให้เห็นรำไร
แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อนางช้อนสายตาขึ้นมามอง

ครั้งหนึ่งถึงกับเผลอตัว ยอมให้นางประกบริมฝีปากด้วย
เพียงแค่นางขยับเรียวลิ้นยั่วเย้า แล้วเรียกเสียงพร่าอยู่ชิดริมฝีปากว่า

“ฝ่าบาท”

เขาก็เปิดปากออกแล้วเป็นฝ่ายเรียกร้องความหอมหวานจากริมฝีปากของนางอย่างเชื่องช้าในคราแรก

ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอย่างตะกละตะกลามในเวลาต่อมา

ความรู้สึกยามได้เป็นผู้ควบคุม
.
.
.
.
.

ชวนให้ใจฮึกเหิมลำพองเช่นนี้เอง




tbc.

********************************

พิรุณเป็นสาวเสียบ  :a5:

เป็นผู้หญิงค่ะ หญิงแท้แน่นอน
ตอนแรกกะจะเขียนคำเตือนไว้ ว่าเรื่องนี้ออกจะมีอะไรบางอย่างที่ดู 'จิตๆ' นิดนึง ก็เรื่องพิรุณนี่แหละค่ะ

แต่ตอนนี้คิดว่า คนอ่านคงจะรับได้... สินะ
นางก็มีเหตุผลของนางค่ะ อ่านๆ ไปคนอ่านคงจะเดาได้

คุณอ๊ายอาย - ถ้าชุนมีโครงการเมื่อไหร่จะบอกนะคะ

ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็นนะคะ :L1:
ตอนหน้าคิดว่าจะเป็นวันเสาร์ค่ะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 4) 16 เม.ย.57
«ตอบ #16 เมื่อ16-04-2014 11:58:26 »

ถ้าไม่มีพิรุณเรื่องนี้คงไม่มีดราม่าซินะ
555555

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 4) 16 เม.ย.57
«ตอบ #17 เมื่อ16-04-2014 13:47:14 »

คือถ้าภีมเสนรู้เรื่องพิรุณจะทำอย่างไรกับเจ้าชายนะ
แล้วหล่อนไปหลงรักเจ้าชายตั้งแต่เมื่อไรกัน

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 4) 16 เม.ย.57
«ตอบ #18 เมื่อ16-04-2014 16:15:53 »

ตอนแรกนึกว่าพืรุณจะรักภีมเสนเสียอีก
นางมีแผนรึปล่าว

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 4) 16 เม.ย.57
«ตอบ #19 เมื่อ17-04-2014 18:21:44 »

เพิ่งได้ตามมาอ่านจากนิยายแนะนำค่ะ

เอ่อ พิรุณจิต ดูแล้วนางรักองค์ชายรัชทายาท จึงยากกินน้ำของพระองค์

หรือแม้แต่รอยจูบถึงจะไม่ได้ทางตรงก็เถอะ แล้วคงอยากทำให้ทั้งสองคนต้องแตกแยกกัน

ถ้าองค์ชายรองกระอั่กกระอ่วนกับพิรุณควาทูลสามีตามตรง และเลิกพฤติกรรมแบบนี้เถอะ

มันเหมือนการนอกใจเลยนะ !!
 :pig4: นักเขียน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 4) 16 เม.ย.57
« ตอบ #19 เมื่อ: 17-04-2014 18:21:44 »





ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 4) 16 เม.ย.57
«ตอบ #20 เมื่อ17-04-2014 23:11:23 »

รู้สึกกลัวพิรุณ  :sad4:

ออฟไลน์ puengkiss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 4) 16 เม.ย.57
«ตอบ #21 เมื่อ19-04-2014 13:14:18 »

มารอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ poogan_zadd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 4) 16 เม.ย.57
«ตอบ #22 เมื่อ19-04-2014 19:47:42 »

ไม่จริงงงงงงงงง คือเหมือนพิรุณเป็นด้านมืดและภีมเสนเป็นด้านสว่างเลยค่ะ
ตอนที่อยู่ในห้องหนังสือ บรรยากาศละมุนมากๆ ไม่มีพิรุณแล้วกลับรู้สึกสบายใจดี โล่งดี
แต่พอจะเอนเอียงยอมรับได้ เหมือนจะมีใจให้ภีมเสนได้ ก็มีพิรุณมาคอยฉุดไว้ แล้วนี่ดูท่าจะเลยเถิด
กลัวใจศวัสมากๆ แต่แอบมีความรู้สึกว่าพิรุณไม่ได้รักศวัสแฮะ ไม่กล้าเดา รออ่านต่อไป

กรีดร้องอีกที อ๊ากกกกกก

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 5) 20 เม.ย.57
«ตอบ #23 เมื่อ20-04-2014 14:22:22 »

พรุ่งนี้... ที่รอคอย
บทที่ ๕

“พระชายาไม่นึกอยากจะเสด็จออกไปข้างนอกบ้างหรือเพคะ”

นาราทูลถาม สีหน้าบอกชัดว่าตัวนางเองต่างหากที่อยากจะไป

“ฉันออกไปได้หรือ”

“อ้าว ได้สิเพคะ พระชายาไม่ใช่นักโทษนี่เพคะ ทำไมจะออกไปไม่ได้
เพียงแต่ต้องทูลขอประทานพระอนุญาตก่อนเท่านั้นเอง”

อย่างนั้นถึงไม่ใช่นักโทษก็คงจะใกล้เคียง
อย่างไรก็ดี การได้รู้ว่าสามารถออกนอกตำหนักได้เป็นความรู้ใหม่

“คืนนี้ฉันจะลองทูลขอดู”

“ทำไมต้องรอถึงคืนนี้ด้วยล่ะเพคะ วันนี้องค์รัชทายาทก็ประทับอยู่ในพระตำหนักนะเพคะ”

นี่ก็ความรู้ใหม่
นอกจากตอนกลางคืนที่ต้อง ‘ถวายงาน’ แล้ว
ศวัสก็ไม่เคยรู้ว่าตอนกลางวันเจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณทรงทำอะไรที่ไหนบ้าง
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ในพระตำหนักหรือไม่อยู่

วูบหนึ่งคิดว่า เป็นเพราะเขาไม่เคยใส่ใจใช่รึเปล่า
แต่พระองค์ก็คงไม่เคยสนพระทัยเหมือนกัน ว่าวันๆ หนึ่งเขาทำอะไรบ้าง

“เสด็จไปตอนนี้เลยก็ได้นะเพคะ ถ้าจะเสด็จไปเดี๋ยวหม่อมฉันไปหาฉลองพระองค์คลุมมาถวายก่อน
ถ้าองค์รัชทายาททอดพระเนตรเห็นว่าฉลองพระองค์ไม่หนาพอล่ะก็ หม่อมฉันต้องพระอาญาหนักแน่เลย”

“ทำไมต้องถูกลงโทษ”

“ก็พระองค์เพิ่งจะทรงกำชับหม่อมฉันมาน่ะสิเพคะ ว่าอากาศเริ่มหนาวแล้ว ให้ดูแลพระชายาให้ดีๆ”

“กำชับ... ตอนไหน”

สีหน้าของนาราเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเผลอตัวพูดผิด แต่แล้วก็งึมงำ “ไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

“หม่อมฉันต้องทูลรายงานทุกวันเพคะว่าแต่ละวันพระชายาทรงทำอะไรบ้าง
ทรงพระสำราญดีไหม โปรดหรือว่าไม่โปรดอะไร”

“ไปรายงานตอนไหน” ในเมื่ออยู่กับเขาแทบจะตลอดเวลา

“ตอนที่พิรุณถวายงานอยู่ในห้องสรงแล้วก็ห้องแต่งพระองค์ตอนเย็นเพคะ”

เดี๋ยวนี้ก่อนจะ ‘ถวายตัว’ เขาไม่ต้องถูกบังคับให้แช่ตัวอยู่ในอ่างน้ำที่มีกลีบดอกไม้ลอยอยู่เต็มไปหมด
หรือยอมให้พิรุณช่วยชำระล้างร่างกายให้แม้กระทั่งในส่วนลี้ลับอีกต่อไปแล้ว
เพราะตอนที่ถูกกอดเอาไว้เฉยๆ หลังจากเสร็จกิจ เขาไม่มีอะไรจะพูด
จึงเคยกลั้นความอายทูลขอว่า ขอไม่ต้องขัดสีฉวีวรรณให้มากมายอย่างผู้หญิงได้หรือไม่
เขารับรองว่าจะดูแลร่างกายให้สะอาดสะอ้าน ไม่ให้ต้องทรงขุ่นเคืองพระทัย
เจ้าชายภีมเสนยังแปลกพระทัยเสียด้วยซ้ำว่าเขาจะยอมให้ทำทำไมถ้าไม่ชอบ

‘เธอเป็นพระชายา ส่วนนางเป็นนางกำนัล ใครก็บังคับเธอไม่ได้ ถ้าเธอไม่ต้องการ’

‘แต่ฝ่าบาท... จะไม่โปรด’

‘ฉัน ‘โปรด’ เธอเสมอ ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง’

ขณะที่ใจเต้นตึกตัก ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทรงหมายความว่ายังไงกันแน่ เขาก็ได้รับการ ‘โปรด’ อีกครั้งตอนนั้นเลย
และถึงแม้จะรู้แล้วว่าคำว่า ‘โปรด’ ของพระองค์หมายความว่ายังไง เขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นจนไม่สามารถยอมให้พิรุณจูบได้

แม้นางจะพูดให้ถึงกับสะอึกว่า

‘เมื่อคืนนี้องค์รัชทายาทคงจะทรงใช้งานส่วนนี้ของฝ่าบาทหนักมากนะเพคะ
หยาดเชื้อพันธุ์ไหลออกมาเองมากขนาดนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงจะท้องไปแล้ว’

 


“สาลี่ยักษ์เมื่อวันก่อนที่พระชายาทรงชมว่าทั้งหวานทั้งกรอบ องค์รัชทายาทก็ประทานมาให้เพคะ
เพราะหม่อมฉันเคยกราบทูลว่าพระชายาโปรด”

นาราบอกเสียงใส ทว่าคนฟังกลับรู้สึกผิดขึ้นมาทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้ทำอะไรผิด

“หม่อมฉันสนิทกับองครักษ์ประจำพระองค์ขององค์รัชทายาท
เลยแอบรู้มาก่อนด้วยนะเพคะว่าพระองค์ทรงสั่งตัดเสื้อคลุมกันหนาวตัวใหม่เอาไว้เตรียมประทานให้พระชายา
เพราะว่าหอฤดูกาลพยากรณ์ว่าปีนี้อากาศจะหนาวกว่าปีที่แล้วมาก พระชายา... ทรงเป็นอะไรรึเปล่าเพคะ”

“... เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไร”

“แล้วจะเสด็จไปเข้าเฝ้าไหมเพคะ”

“ไปสิ”

จู่ๆ ก็นึกอยากจะเห็นหน้าคนที่หวาดกลัวจับจิตตั้งแต่แรกเห็นขึ้นมาจับใจ

“ต้องให้คนส่งหนังสือไปกราบทูลก่อนไหม”

“คนอื่นต้อง แต่พระชายาไม่ต้องหรอกเพคะ ยังไงองค์รัชทายาทก็ต้องประทานพระอนุญาตอยู่แล้ว”





ศวัสเคยเดินมาทางปีกซ้ายของพระตำหนักแล้วตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่มาอยู่
แต่พอรู้ว่าเป็นส่วนที่ประทับของเจ้าของพระตำหนักก็ไม่ได้มาอีก
วันนี้เมื่อมาอีกครั้งก็รู้สึกเหมือนเพิ่งมาเป็นครั้งแรก

เจ้าชายภีมเสนประทับอยู่ในห้องทรงงาน
มหาดเล็กเข้าไปกราบทูลเพียงครู่เดียวก็ออกมาทูลเชิญให้พระชายาเสด็จเข้าไปได้

เมื่อเข้าไปในห้อง กลิ่นแรกที่เตะจมูกคือกลิ่นยา

“ดีจริงที่วันนี้มาหาถึงนี่”

ทั้งที่คิดมาสารพัดว่าถ้าถูกถามว่ามาทำไมจะตอบว่าอะไรดี
เจอรับสั่งอย่างนี้เป็นประโยคแรกก็รู้สึกว่าเขากลัวไปเองไม่เข้าเรื่อง

“กินกลางวันมาหรือยัง”

“ยังพระเจ้าค่ะ”

“กินด้วยกันไหม ฉันจะได้สั่งให้ตั้งโต๊ะ”

คนถูกถามลังเล นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ที่เขามาที่นี่

“หม่อมฉัน... จะมาทูลขอประทานพระอนุญาตออกไปข้างนอกพระเจ้าค่ะ” กราบทูลไปแล้วก็ได้แต่กลั้นใจรอคำตอบ

“ไปไหน”

ดีที่พระสุรเสียงถึงจะเรียบแต่ก็เป็นปกติ ไม่ได้แสดงว่าไม่พอพระทัย

“ไม่ได้อยากไปไหนเป็นพิเศษพระเจ้าค่ะ แค่...” จะทูลยังไงดี

“แค่อยากออกไปข้างนอกบ้าง”

“พระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายต่างแคว้นยืนลุ้นอยู่ไม่นานก็ได้รับประทานพระอนุญาต

“ไปสิ ให้องครักษ์ตามไปเป็นเพื่อนสักสี่ห้าคน”

ศวัสชะงัก รู้ว่าฐานะที่แท้จริงไม่ใช่ ‘เพื่อน’ แต่เป็น ‘ผู้คุม’ ต่างหาก จะยังไงก็ช่าง ขอแค่เขาได้ออกไปก็พอ

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันทูล...”

คนจะทูลลาชะงักเมื่อองค์รัชทายาททรงพระกรรสะแห้งๆ ออกมาหลายครั้งติดกัน

“ฝ่าบาท ประชวรหรือพระเจ้าค่ะ”

“ไม่สบายนิดหน่อย”

“... น่าจะตามหมอหลวง...”

“ฉันกินยาแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หาย จะไปเที่ยวก็ไปเถอะ”

แม้จะยังติดใจอยู่ แต่ดูท่าแล้วอีกฝ่ายคงจะไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ เจ้าชายต่างแคว้นจึงทูลลากลับไป

ขณะที่เดินห่างออกมาเรื่อยๆ หูยังได้ยินเสียงกรรสะดังแว่วมาอีกหลายครั้ง




นาราและพิรุณตามมาดูแล ‘พระชายา’ ทั้งคู่ ส่วนองครักษ์ติดตามนั้น
เอาเข้าจริงศวัสก็มองไม่เห็นแม้แต่คนเดียว แต่นาราบอกว่า

“องค์รัชทายาทคงจะโปรดให้ตามมาแบบไม่ให้เห็นตัวเพคะ พระชายาจะได้สบายพระทัย”

คนที่อยู่เหนือคนอื่นนับแสนนับล้านแบบนั้น จะใส่ใจความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ ของเชลยขนาดนี้เลยหรือ

“พระชายา พระชายา เอ่อ... คุณชาย... ขนมนั่นอร่อยมากเลยนะคะ ลองชิมสักหน่อยไหมคะ
หม่อมฉัน เอ่อ... บ่าวก็จะขอซื้อด้วยสักชิ้น”

“เอาสิ”

นาราอยู่ที่ไหน ศวัสก็รู้สึกว่าเขาจะอารมณ์แจ่มใสเบิกบานได้เสมอ
แม้แต่ตอนเป็นเจ้าชายของอันธกาล เขาก็ยังไม่เคยรู้สึกมีความสุขอย่างนี้
ไม่เคยมีอิสระ ไม่เคยมีใครสนใจไยดี ใส่ใจความรู้สึกของเจ้าชายที่มีแม่เป็นหญิงบ้า

หญิงบ้าที่เจ้าหลวงจำใจต้องรับเป็นพระชายา เพียงเพราะนางช่วยชีวิตพระองค์ไว้
และเรียกร้องตำแหน่งพระชายาเป็นสิ่งตอบแทน

ตลาดกลางเมืองหลวงแห่งเรืองอรุณมีสิ่งน่าดูน่าชมมาก บรรยากาศก็คึกคัก
เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน เจ้าชายต่างแคว้นเดินดูอย่างเพลิดเพลิน

“คุณชายต้องการอะไรก็ซื้อได้เลยนะคะ เรามีเงิน เอ๊ย... นายท่านให้เงินมาเยอะแยะเลยล่ะค่ะ
ถ้าไม่พอก็ยังให้องครักษ์ เอ๊ย บ่าวรับใช้กลับไปขอมาเพิ่มได้เลย
นายท่านยินดีจ่ายไม่อั้น ขอแค่คุณชายต้องการเท่านั้น”

บางครั้งศวัสก็นึกหมั่นไส้นางพระกำนัลที่เขาเอ็นดูเหมือนน้องสาวคนนี้อยู่บ้าง
เฉพาะตอนที่นางพูดจาสนับสนุน เทิดทูนความดีงามของนายเหนือหัวให้เขาฟังเสียจนเลิศลอย

“ถ้าฉันอยากจะซื้อทั้งตลาด ก็ซื้อได้ใช่ไหม”

“เอ่อ... เรื่องนั้น... เดี๋ยวหม่อม... เอ่อ... เดี๋ยวบ่าวขอกลับไปทูล... ไปถามนายท่านก่อนนะคะ”

เห็นนางทำท่าทางเลิกลั่ก มองไปรอบๆ ราวกับจะประเมินราคาของสิ่งของทั้งตลาดแล้ว
เจ้าชายหนุ่มก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่

“ฉันล้อเล่น”

“โธ่ คุณชายล่ะก็”




เจ้าชายรองแห่งอันธกาลล้อเล่นเป็นแล้ว แต่เจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณท่าทางจะไม่รู้จักคำนี้
เพราะวันรุ่งขึ้น นาราก็มาบอก ‘พระชายา’ ของนางอย่างตื่นเต้นว่าให้ลงไปดูข้างล่าง ที่สนามหญ้าหน้าพระตำหนัก

“ตอนนี้เต็มไปด้วยของมากมายอย่างกับตลาดที่เราไปกันมาเมื่อวานเลยเพคะ”

ศวัสยืนตะลึงอยู่ตรงมุขหน้าของพระตำหนักนั่นเอง เพราะสิ่งที่นาราพูดนั้นไม่ผิดความจริงเลยแม้แต่น้อย

“องค์รัชทายาทโปรดให้ทหารไปกว้านซื้อมาทั้งตลาดจริงๆ เพคะ
ของอะไร ร้านไหน ที่มีวางขายอยู่เมื่อวาน ถูกซื้อมาหมดเลยเพคะ”

“เธอกราบทูล... ว่าฉันอยากจะได้หรือ ไม่ได้บอกหรือว่าฉันล้อเล่น”

“หม่อมฉันทูลแล้วนะเพคะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังโปรดให้ซื้อมาอีก”

“ไหนๆ ก็ประทานมาให้แล้ว ฝ่าบาทควรจะคิดหาวิธีจัดการก่อนนะเพคะ
แล้วก็คิดด้วยว่าคืนนี้จะขอบพระทัยพระองค์ยังไง ไม่เคยมีใครได้รับพระกรุณามากมายแบบนี้มาก่อน
นี่ไม่ใช่เงินน้อยๆ เลยนะเพคะ เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทเป็นที่โปรดปรานมาก”

พิรุณพูด เจ้าชายแห่งอันธกาลรู้สึกเหมือนถูกตำหนิและประชดอยู่กลายๆ
เพียงแต่น้ำเสียงของนางพระกำนัลสาวนุ่มนวลมาก และสีหน้าก็มีรอยยิ้มอ่อนโยนอยู่บางๆ
จึงชวนให้คิดว่าเขาอาจจะคิดไปเอง

วันนั้นทั้งวัน ศวัสก็ยังจัดการกับข้าวของต่างๆ ได้ไม่เรียบร้อย
ได้แต่สั่งให้องครักษ์ช่วยกันขนย้ายเข้ามาในพระตำหนักและจัดการกับบรรดาของที่จะเน่าเสียง่าย
อย่างผัก ผลไม้ เนื้อหมู เนื้อไก่ โดยให้นำไปไว้ที่ห้องเครื่อง




คืนนั้น ประโยคแรกที่พระชายาต่างแคว้นกราบทูลพระสวามีก็คือ

“ฝ่าบาททรงทำอย่างนี้เพราะอะไรพระเจ้าค่ะ”

เขาไม่เชื่อว่าเจ้าชายรัชทายาทอย่างพระองค์จะคิดไม่ได้
ว่าไม่ควรใช้จ่ายเงินทองมหาศาลเพื่อทำสิ่งไร้สาระเหมือนกับลูกเศรษฐีที่ไร้สติปัญญา
เอาแต่ผลาญเงินทองให้หมดไปโดยไร้ประโยชน์

“ทำอะไร”

“ก็ซื้อของมาทั้งตลาด”

“เธออยากได้ไม่ใช่หรือ”

“หม่อมฉันแค่ล้อเล่น”

“เธอบอกว่า ‘ถ้า’ ใช่ไหม ตอนนี้ก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ ว่า ‘ถ้า’ เธออยากได้อะไร ฉันก็จะให้”

คนรับสั่งไม่รับสั่งเปล่า แต่ยังขบกัดใบหูของอีกฝ่ายเล่น อ้อมกอดของพระองค์ไม่ได้รัดแน่นจนเกินไป
แต่คนถูกกอดไม่เคยดิ้นรนหลุดออกไปเองได้ หากว่าพระองค์ไม่ยินยอม

ก่อนที่เสื้อผ้าจะถูกถอดออกเป็นลำดับต่อไป ศวัสก็โพล่งออกไปอย่างเก็บกดมานาน

“สิ่งเดียวที่หม่อมฉันอยากได้คือขอให้ฝ่าบาททรงเลิกทำกับหม่อมฉันเหมือนหม่อมฉันเป็นผู้หญิงเสียทีพระเจ้าค่ะ
หม่อมฉันเป็นผู้ชาย เป็นพระชายาของฝ่าบาทไม่ได้ พระชายาของฝ่าบาทควรจะเป็นผู้หญิง”

ทั้งที่คิดว่าวันนี้ล่ะ จะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว
แต่เพียงแค่ถูกเจ้าของดวงพระเนตรสีเหล็กกล้าจับจ้องมองมานิ่งๆ ในระยะประชิด

เขาก็อ้าปากไม่ออกอีกต่อไป

“ฉันเคยบอกแล้ว ว่ายกเว้นเพียงเรื่องนี้ เป็นได้หรือไม่ได้ เธอก็เป็นมาแล้วแทบทุกคืน ถ้าจำไม่ได้ ฉันจะช่วยทบทวนให้”

“ไม่... ไม่เอาพระเจ้าค่ะ...”

ทั้งที่คิดว่าเคยชินแล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้านทานไม่ได้อีกแล้ว
แต่ในที่สุดเจ้าชายเชลยก็ตระหนักในคืนนั้นเอง
ว่าความเสียวสะท้านไปทุกอณูเนื้อเป็นยังไง

ไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นเมีย แต่รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายไม่ใช่ของตัวเอง
เป็นของคนที่กำลังกกกอด กลืนกินเขาเข้าไปอย่างรุนแรง เร่าร้อน

โจนจ้วง ทะยานลึกเข้ามาในร่างกายของเขาซ้ำๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า

บดขยี้เขาจนหัวสั่นหัวคลอน

ถึงกระนั้นเขาก็ยังรู้สึกดีจนแทบบ้า

เจ็บใจ

แต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่ขยับส่ายสะโพก

แอ่นกายเข้าหาราวกับจะวอนขอให้สอดใส่เข้ามาลึกๆ




ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ เขาก็ต้องลงเอยด้วยการนอนหอบอยู่บนพระอุระของพระองค์แทบทุกคืน
ศวัสกำมือแน่นอย่างคับแค้นใจตัวเอง ตาแดงก่ำเพราะอยากจะร้องไห้เต็มทน
ยิ่งอีกฝ่ายทรงลูบหัวของเขาไปมาเบาๆ ก็ยิ่งรู้สึกว่าทั้งดวงตาและปลายจมูกร้อนขึ้นทุกที

“ทิ้งศักดิ์ศรีของเธอไปก่อน อย่าเพิ่งไปคิดถึง ชีวิตไม่ได้มีแค่เพียงวันนี้
อดทนนะ ศวัส คิดเอาไว้ว่า พอถึงวันพรุ่งนี้ ก็จะเป็นวันของเธอแล้ว
เธอจะไม่ต้องอดทนอีก”

“พรุ่งนี้... ฮึก... จะมีจริงหรือพระเจ้าค่ะ”

“มีสิ”   

“ฮึก”

“นอนเสีย พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว”





พรุ่งนี้จะมาถึงเมื่อไหร่เขาไม่รู้ รู้แต่ว่าตื่นมาทีไรก็เป็นแค่ ‘วันนี้’ ทุกครั้งไป
พิรุณไม่ได้ทำอะไรเขามากไปกว่าช่วยขัดถูร่างกายของเขาให้
ฝ่ามืออ่อนนุ่มสมเป็นมือของผู้หญิงลูบไล้ไปตามร่างกายของเขาอย่างอ่อนโยน อ้อยอิ่ง และยั่วเย้าอยู่ในที

บ่อยครั้งที่เขายอมให้นางจูบปลอบประโลมใจ

จูบ เพื่อเรียกศักดิ์ศรีของความเป็นผู้ชายที่เขาเหลืออยู่เพียงน้อยนิดกลับคืนมา

ตอนเช้ามีพิรุณ ส่วนตอนกลางวันก็มีนารา

เจ้าชายแห่งอันธกาลออกไปเที่ยวนอกวังเป็นประจำ และทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ กับ ‘พระสวามี’ แทบทุกค่ำคืน
ที่ว่า ‘เล็กๆ น้อยๆ’ ก็เพราะว่ามีเพียงแค่เขาคนเดียวที่ชวนทะเลาะ
จะว่าเป็นการทะเลาะเพียงข้างเดียวก็ย่อมได้ เพราะอีกฝ่ายนอกจากไม่ทะเลาะด้วยแล้วยังทำให้เขาสงบปาก
ไม่มีแรงจะพูดอะไรอีกได้ในเวลาอันรวดเร็ว

กรีดร้องด้วยความรู้สึกสุขสมอย่างไม่อาจหักห้ามได้... จนกระทั่งเสียงแหบแห้ง

“วันนี้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง”

จะต้องถามทำไม ในเมื่อน่าจะทรงทราบจากนาราอยู่แล้ว

“หลายที่พระเจ้าค่ะ”

“ชอบที่ไหนเป็นพิเศษไหม”

“... ย่านหอบุปผาพระเจ้าค่ะ ได้ยินว่ามีผู้หญิงสวยๆ ให้เลือกมาก”

ทั้งที่เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าอาจจะต้องถูกทำรุนแรงหรือไม่ก็ต้องได้เห็นปฏิกิริยาบางอย่างที่แสดงว่าไม่พอพระทัย
แต่แม้กระทั่งน้ำหนักมือที่ลูบผมของเขาอยู่ก็ยังไม่เปลี่ยนไป

“ผู้หญิงในสถานที่อย่างนั้นไม่ควรเกี่ยวข้องด้วย เธออาจจะติดโรคร้าย
ถ้าต้องการก็บอกนารา อยากได้แบบไหนก็บอกได้ทุกอย่าง นางจะเป็นคนจัดหามาให้เธอเอง”

เจ้าชายต่างแคว้นถึงกับลุกพรวดขึ้นมานั่งมองพระพักตร์ของอีกฝ่ายในความมืด แต่ก็จนใจที่มองไม่เห็น

“ฝ่าบาททรงหมายความว่ายังไง” คิดว่าเขาพูดเล่น คิดว่าเขาไม่กล้าทำใช่ไหม

“แต่ผู้หญิงที่นาราจะจัดหามาให้ก็เหมาะกับความสัมพันธ์แค่ชั่วคราว
ถ้าเธอต้องการผู้หญิงดีๆ ที่จะมีความสัมพันธ์ยาวนานถึงขนาดแต่งงานด้วย ก็ควรจะเลือกผู้หญิงที่มีชาติตระกูลดี”

คนฟังโกรธเสียจนหอบหายใจแรง

“หม่อมฉันเป็นพระชายาของฝ่าบาท ยังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนได้อีกพระเจ้าค่ะ
ถึงอยากจะแต่ง แต่ผู้หญิงมีชาติตระกูลดีๆ ที่ไหนจะยอมแต่งด้วย”

เขาลืมไป ว่าทุกคำที่พูด ไม่มีคำไหนแสดงว่าคิดถึงความรู้สึกของคนฟังในฐานะที่เป็น ‘สามี’ เลยแม้แต่คำเดียว

“แต่งได้ ถ้าฉันอนุญาต แต่งแล้วก็ให้นางอยู่ที่นี่ เพียงแต่ตอนกลางคืน เธอจะต้องอยู่กับฉัน”

“จะบ้าหรือพระเจ้าค่ะ!”

ผู้ชายคนหนึ่งจะมีทั้งผัวทั้งเมียได้ยังไง มีสามีเป็นผู้ชาย มีภรรยาเป็นผู้หญิง แล้วอยู่ด้วยกันน่ะหรือ

วิปริตสิ้นดี!

“คิดไปก่อนก็ได้ว่าเธอต้องการอะไรกันแน่ ถ้าอยากได้ผู้หญิงชั่วคราวก็บอกนารา
แต่ถ้าต้องการผู้หญิงดีก็บอกฉัน พรุ่งนี้ฉันจะไปงานเลี้ยงบ้านเสนาฯ ยุติธรรม
จะได้พาเธอไปด้วย คงจะมีผู้หญิงมาร่วมงานกันมาก”

อ้อ ถ้าเขาไม่ไป พระองค์ก็จะได้พบกับผู้หญิงพวกนั้นเพียงพระองค์เดียวใช่ไหม

ไม่รู้ว่าคิดเช่นนั้นออกมาได้ยังไง ไม่ได้พิจารณาว่ามันหมายความว่ายังไง เพียงเพราะโมโหจึงได้กราบทูลตกลง

“หม่อมฉันจะไปพระเจ้าค่ะ”




งานเลี้ยงวันเกิดเสนาบดีผู้เฒ่าแห่งเรืองอรุณไม่มีสิ่งใดน่าสนใจเลยแม้แต่น้อย
เจ้าชายรองแห่งอันธกาลนึกเสียใจตั้งแต่เห็นสายตากระหายใคร่รู้จำนวนมากที่จ้องมองมาทางเขาแล้ว

เขาอยู่ในฐานะอะไร ใครในราชสำนักต่างก็รู้กันทั่ว ตอนนี้ไม่ใช่แค่นาราแล้ว
แต่ทุกคนในงานที่มีโอกาสพูดคุยกับเขาต่างเรียกเขาว่า ‘พระชายา’

ประหลาดนักที่องค์รัชทายาทกลับเป็นคนรับสั่งบอกว่า

“เรียกเขาว่าองค์ชายก็พอ”

เขาจึงพอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง

จะว่าไป... พิรุณก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยเรียกเขาว่า ‘พระชายา’ เลย

จุดมุ่งหมายสำคัญที่มาในงานนี้คืออะไรเขายังไม่ลืม แต่ในอกกลับรู้สึกหน่วงๆ
อึดอัดใจเมื่อเจ้าชายภีมเสนทรงเป็นผู้แนะนำให้เขารู้จักกับธิดาคนหนึ่งของเจ้ากรมทหารราบ
รอยแย้มพระสรวลจางๆ ตรงมุมโอษฐ์ก่อนจะทรงผละไปทางอื่นนั้นราวกับจะบ่งบอกว่า
ผู้หญิงที่ทรงเลือกให้นี้เป็นผู้หญิงที่ ‘ดีพอ’ ที่เขาจะมีความสัมพันธ์ในระยะยาวด้วยได้

นางดีจริง ไม่มีทีท่ารังเกียจเลยแม้แต่น้อยแม้รู้ว่าเขาอยู่ในเรืองอรุณในฐานะอะไร
แต่เขาเองกลับไม่มีสมาธิที่จะคุยกับนางมากเท่าที่ควร
สายตามัวแต่วนเวียนไปยังเจ้าของวรองค์สูงใหญ่ในฉลองพระองค์สีเทาเข้ม
ที่กำลังถูกแวดล้อมด้วยหญิงสาวมากหน้าหลายตา

มีผู้หญิง ‘ดีๆ’ ให้เลือกมากมายออกอย่างนี้แล้วยังจะมาบังคับให้เขานอนด้วยอีกทำไม

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ศวัสกลัวมากที่สุดไม่ได้เกิดขึ้น
เจ้าชายรัชทายาทไม่ได้ทรงแตะเนื้อต้องตัวเขาเลย
ไม่ได้แสดงความเป็นเจ้าของให้เขาต้องรู้สึกอับอายใครต่อใคร

เขาเองต่างหากที่นึกยังไงก็ไม่รู้
ถึงได้ผละจากธิดาคนงามของเจ้ากรมทหารราบ
เดินตรงไปหาคนในวงล้อมของสาวๆ แล้วกราบทูลหน้านิ่ง

“หม่อมฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากจะกลับแล้วพระเจ้าค่ะ”

ใครจะว่ายังไงก็ช่าง แต่พระองค์รับสั่งบอกเขาเอง
.
.
.
.
.

ว่าเขาจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ




tbc.

**************************************************


lizzii – พิรุณเป็นคนสำคัญค่ะ เพราะมีเธอ จึงมีเรื่องราวขึ้นมา ส่วนดราม่านี่ก็... อาจจะนิดหน่อยแหละค่ะ
เพราะว่าชุนค่อยไม่นิยมเท่าไหร่
iforgive - ขอบคุณค่ะที่ช่วยแนะนำเรื่องนี้ให้  :pig4: คำถามประจำบทนี้คือ... คิดว่าภีมเสนไม่รู้ว่าพิรุณทำอะไรเหรอคะ หึหึ
IsDear – พิรุณมีแผนค่ะ คงเฉลยตอนจบ แต่ระหว่างทางน่าจะค่อยๆ เดาได้เรื่อยๆ
อ๊ายอาย – ชอบพิรุณ  :a5:   นางก็มีเหตุผลที่ทำให้สามารถพูดได้อย่างมั่นใจอยู่ค่ะ เฉลยท้ายเรื่องเนาะ ส่วนศวัส ไม่ต้องห่วงค่ะ ภีมเสนเขาไม่ทำอะไรรุนแรงหรอกค่ะ (นอกจากเรื่องบนเตียง) เรื่องรามิเรสนั่นลุ้นไปก็เหนื่อยเปล่า กว่าจะลงเอยกันก็โน่นนนน (เมื่อไหร่?) ถึงรักกันแล้วก็คงไม่มีฉากอะไรด้วย เอาฉากมาลงเรื่องนี้แทน ^^
Sar2288 – That’s right! Exactly! Perfect! (มีคำอื่นอีกมั้ย) ศวัสนี่จะว่ากระอักกระอ่วนก็ใช่ แต่ยังไงดี พอถลำตัว ก็เหมือนจะถลาใจไปด้วย ไม่กล้าบอกภีมเสนหรอกค่ะ
Snowermyhae – เป็นชุน เจอแบบนี้ชุนก็กลัวนะ คุณอ๊ายอายก็ควรจะรู้สึกแบบเดียวกับคุณ  Snowermyhae นะคะ ไม่ใช่ เอิ่ม... ชอบซะงั้น ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะรู้สึกกลัวคุณแทน 555
puengkiss – ไม่ได้จ่ายค่าเน็ตสองเดือน ถูกตัด เมื่อวานเลยไม่ได้ลงตามนัด วันนี้ไปจ่ายมาแล้ว ใช้ได้แล้วค่ะ ^^
poogan_zadd – เรื่องพิรุณ ก็ตามที่คุณ Sar2288 คิดเลยค่ะ ส่วนศวัสนี่เบญจเพสพอดี ชีวิตก็เรียบๆ มาตลอด เจอทั้งภีมเสนทั้งพิรุณรุกเอาๆ เลยสับสนไปหน่อย (และไปเรื่อยๆ) น่ะค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2014 18:30:52 โดย ชุน »

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 5) 20 เม.ย.57
«ตอบ #24 เมื่อ20-04-2014 15:33:23 »

ศวัสหึงแล้วเว้ยยยย 5555 อ่านบทนี้แล้วมีหลายจุดที่อดยิ้มไม่ได้จริง ๆ
ทั้งเรื่องที่ "โปรด" ทั้งเรื่องที่จริง ๆ แล้วภีมเสนคอยดูแลดูไม่ห่าง
ทั้งนาราที่รักจริง ๆ ขำตอนที่ไปเดินตลาดมาก ๆ พูดผิดพูดถูกอยู่นั่นแหละ
จุดที่อารมณ์สะดุดก็คงแม่ฝนพิษ (พิรุณ) นี่แหละ
ออกมาทีแหละ อารมณ์สะดุด หัวทิ่มตลอดสิน่า

ประโยคโดนใจสำหรับตอนนี้ คือ ... ‘ฉัน ‘โปรด’ เธอเสมอ ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง’

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 5) 20 เม.ย.57
«ตอบ #25 เมื่อ20-04-2014 16:39:48 »

 :hao5: กีสสสสสสสสสสสส
ทำไมอยู่ๆฉันก็รู้สึกสงสารฝ่าบาทขึ้นมา
ทำไมรู้สึกเหมือนพระองค์แลดูโดเดี่ยวมากเลยอ่ะ
มีความต้องการแค่อยากได้ความรักจากชายาแต่ก็รู้ว่าชายาตอบความรักไม่ได้
เลยได้แค่รั้งทางกายไว้ ฮือๆๆๆ

ออฟไลน์ poogan_zadd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 5) 20 เม.ย.57
«ตอบ #26 เมื่อ20-04-2014 22:56:34 »

นี่มันอาการหึงชัดๆ อร๊ายยยยยยย ตั้งแต่บอกว่าไปเที่ยวย่านนั้นมา อิอิอิอิ
แต่ไม่เข้าใจภีมเสนเลย หรือเค้าจะชอบที่อีกคนหึง
ตอนนี้อ่านไปก็รู้สึกเพลินๆดีแต่ทำไมหน่วงหว่า โดนคุณชุนทำร้าย TT

ไปๆมาๆ เพิ่งย้อนนึกไปถึงตอนแรก...ทางนู้นเคยจะยกศวัสให้นี่หว่าแต่เรืองอรุณไม่เอา แต่ทำไมตอนนี้ดูรักมาก

มีอะไรอยู่เบื้องหลังงงงงง


ปล.รออ่านรามิเรสอยู่อีกเรื่องนะคะ จะช้าจะเรื่อยๆก็ช่าง เพราะฟิน 55

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 5) 20 เม.ย.57
«ตอบ #27 เมื่อ21-04-2014 10:58:55 »

สงสารฝ่าบาทมาก คงเจ็บปวดมากจากแต่ล่ะคำที่พระชายาพูด  :sad4:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 5) 20 เม.ย.57
«ตอบ #28 เมื่อ21-04-2014 23:05:03 »

อืม น่าติดตาม

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา : พรุ่งนี้ (บทที่ 6) 22 เม.ย.57
«ตอบ #29 เมื่อ22-04-2014 18:26:11 »

พรุ่งนี้... ที่รอคอย
บทที่ ๖

เจ้าชายรองแห่งอันธกาลเสด็จออกนอกวังเกือบทุกวัน
จนแทบจะรู้จักสถานที่ต่างๆ ในเมืองหลวงของเรืองอรุณครบถ้วนหมดแล้ว
แต่ละวันไม่เคยมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น

จนกระทั่งวันนี้

แม้ไม่อยากจะใช้เงินของ ‘พระสวามี’ มากนัก แต่ก็อยากจะตอบแทนน้ำใจของนาราและพิรุณบ้าง
จึงออกปากจะซื้อเครื่องประดับให้คนละชิ้น ในร้านเครื่องประดับนั้นเองที่ความสะสวยของพิรุณเตะตาต้องใจ
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เข้ามาในร้านพร้อมกับคนติดตามอีกนับสิบ

ศวัสออกตัวปกป้องว่าเขาเป็นคนรักของนางพระกำนัลสาว

“แกก็มีน้องสาวคนนั้นอยู่คนหนึ่งแล้ว ยังจะเอาคนนี้อีกเหรอวะ ควบสองนี่ไม่ยุติธรรมกับผู้หญิงนะเว้ย
อีกอย่าง คนรักของแกก็เล่นหูเล่นตา ยั่วยวนฉันเอง”

“บ่าวเปล่านะคะ คุณชาย” พิรุณขยับเข้ามากอดเขา

“อะฮ้า! นั่นไง ที่แท้ก็แค่สาวใช้ โกหกนี่หว่า งั้นก็ไปกับพี่เถอะน้องสาว พี่จะพาไปหาความสุขนะจ๊ะ
ต้องการอะไรก็บอกได้เต็มที่ ของในร้านนี้จะเลือกเอาสักกี่ชิ้นก็ได้”

พิรุณไม่พูดอะไรเลย เอาแต่กอดแขนแล้วยืนอยู่ข้างหลังเจ้าชายต่างแคว้น ศวัสปกป้องคนของเขาอย่างเต็มที่
แทบจะทันทีที่มีการยื้อยุดฉุดกระชากเกิดขึ้น ทหารองครักษ์นอกเครื่องแบบก็เข้ามาจัดการสถานการณ์
ทว่าอีกฝ่ายมีจำนวนคนมากกว่า และศวัสก็ไม่ยอมหนีไปก่อน แต่ยืนกรานว่าจะร่วมต่อสู้ด้วย
กว่าทหารประจำเมืองจะมาจัดการให้เรียบร้อย ศวัสก็ได้แผลจากการถูกปลายกระบี่เฉียดต้นแขนไปแล้วแผลหนึ่ง




เจ้าชายภีมเสนไม่ได้รับสั่งอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
ไม่มีการตำหนิอย่างรุนแรงอย่างที่ศวัสนึกกลัว เพียงแต่รับสั่งว่า

“ต่อไปต้องระวังตัวมากกว่านี้ ห้ามเธอออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกอีกจนกว่าแผลจะหายดี”

นั่นเป็นโทษทัณฑ์ที่เจ้าชายรองแห่งอันธกาลยอมรับได้อย่างเต็มใจ
เพียงแต่รู้สึกตงิดใจอยู่บ้างที่อีกฝ่ายทรงใช้คำว่า ‘เที่ยวเล่น’ ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนดูถูกว่าเขายังเป็นเด็กอยู่

เขาไม่ใช่เด็กแล้ว ถึงจะอายุน้อยกว่าพระองค์ถึงสิบปีก็เถอะ

ปีนี้เขาอายุยี่สิบห้า ว่ากันว่าเป็นปีที่อาจจะมีเคราะห์จนถึงแก่ชีวิตได้... อย่างนั้นสินะ





ศวัสมัวแต่โล่งใจว่าเขาไม่ถูกลงโทษ แต่ลืมไปว่าชะตากรรมของคนอื่นอาจจะไม่เหมือนกับเขา

“โอ๊ย!”

พิรุณนิ่วหน้าครางทันทีที่เขาเบี่ยงหน้าหนีแล้วผลักไหล่นางออกเพื่อไม่ให้นางจูบเขาได้

“เป็นอะไร”

เขาแค่จับเบาๆ เท่านั้น

“ไม่มีอะไรเพคะ”

คนตอบหลบหน้าหลบตาแล้วยอมล่าถอยออกไปแต่โดยดี ทว่านั่นยิ่งดูมีพิรุธ
เจ้าชายหนุ่มจึงยึดต้นแขนของนางไว้ก่อนที่นางจะคลานลงจากเตียงไป

“พิรุณ บอกมา เธอเป็นอะไร ฉันทำให้เจ็บหรือ”

“ไม่ใช่ฝ่าบาทหรอกเพคะ”

พูดออกไปแล้วหญิงสาวก็มีสีหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูด ทว่าเจ้าชายแห่งอันธกาลไม่ใช่คนโง่
หลังจากใคร่ครวญดูแล้วก็นึกขึ้นมาได้

“องค์รัชทายาทใช่ไหม พระองค์ทรงทำอะไร”

หลังจากพยายามเค้นความจริงอยู่นานสองนาน ในที่สุดนางพระกำนัลสาวก็ยอมบอกความจริงด้วยการถอดเสื้อออก

เผยให้เห็นรอยถูกเฆี่ยนเต็มแผ่นหลัง

ศวัสไม่มีอารมณ์เพศเลยแม้แต่น้อยเมื่อเห็นร่างเปลือยครึ่งบนของสาวงาม

ในอกร้อนรุ่มเป็นไฟด้วยความโกรธ

“หม่อมฉันสมควรได้รับพระอาญาแล้วเพคะ เพราะหม่อมฉันส่งสายตายั่วยวนให้คนพวกนั้น ฝ่าบาทถึงทรงได้รับอันตราย”

หญิงสาวบอกเสียงเศร้าพลางยิ้มนิดๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร

“แต่เธอไม่ได้ทำ” แล้วเขาก็ไม่ได้บาดเจ็บมากมาย น่าจะไม่เท่ากับที่นางถูกเฆี่ยนเพียงครั้งเดียวเสียด้วยซ้ำ

“นาราเป็นคนกราบทูล ถ้านางทูลว่าหม่อมฉันทำ หม่อมฉันก็ต้องทำเพคะ”

คนฟังคลางแคลงใจ ไม่อยากจะเชื่อขึ้นมาทันที ทว่าเมื่อเขาเรียกนางพระกำนัลสาวที่แสนสดใสร่าเริงคนนั้นมาถาม
นางก็รับอย่างไม่บิดพลิ้วและไม่มีความรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย

“หม่อมฉันต้องกราบทูลไปตามจริงเพคะ พระชายาอาจจะไม่เห็น แต่หม่อมฉันเห็นเต็มตาว่าทั้งตอนที่คนพวกนั้นเข้ามาในร้าน และตอนที่พิรุณยืนแอบอยู่ข้างหลังพระชายา นางก็ยังส่งสายตาแบบนั้นอยู่ไม่เลิก แบบนี้จะไม่ให้พวกนั้นคิดว่านางให้ท่าจนเกิดเรื่องได้หรือเพคะ องค์รัชทายาทโปรดให้ลงพระอาญาเพียงเท่านี้ยังถือว่าเป็นพระกรุณาเสียด้วยซ้ำ”

ศวัสไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะดูคนผิดไป

หญิงสาวที่เขาเห็นว่าสดใสและจิตใจดีคนนั้น ไยกลายเป็นคนที่กล่าวโทษคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉยได้

“พระชายา จะเสด็จไหนเพคะ”





อารมณ์โกรธของเจ้าชายรองแห่งอันธกาลรุนแรงราวกับพายุ พัดไปจนกระทั่งถึงปีกซ้ายของพระตำหนัก
แม้แต่มหาดเล็กก็ห้ามไม่ทันและไม่กล้าห้าม มัวแต่ละล้าละลัง
เพราะองค์รัชทายาทมีรับสั่งว่าถ้าพระชายาเสด็จมาเมื่อไหร่ให้เข้าเฝ้าได้ตลอดเวลา แต่ว่า...

ศวัสนิ่งอึ้งไป เมื่อเห็นว่าในห้องทรงงานนั้นนอกจากเจ้าของห้องแล้วยังมีคนอื่นอยู่อีก
เป็นชายวัยกลางคนสองคนซึ่งเขาจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่

“พวกท่านกลับไปก่อน”

หนึ่งในสองดูจะลังเล แต่แล้วก็ถวายคำนับพร้อมกับอีกคน สายตาที่มองมาทาง ‘พระชายา’ เจือแววตำหนิที่ไม่รู้จักเวลา

“ปิดประตู”

มหาดเล็กหน้าห้องปฏิบัติตามรับสั่ง ครั้นเหลือกันเพียงลำพัง ศวัสก็ยังนึกหาคำพูดไม่ออกในทันที
อารมณ์โมโหต่อเนื่องชะงักไปตั้งแต่เห็นว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องด้วยและเขาก็เพิ่งจะเสียมารยาทอย่างรุนแรง

“วันนี้อากาศเย็น ทำไมไม่ใส่เสื้อคลุมล่ะ”

อารมณ์โกรธที่ชะงักไปแล้วปะทุขึ้นมาใหม่ทันที

“หม่อมฉันมาทูลถามเรื่องพิรุณพระเจ้าค่ะ”

“พิรุณทำไม”

“ฝ่าบาทสั่งลงพระอาญานางทั้งที่นางไม่มีความผิด”

“นางบอกอย่างนั้นหรือ”

คนถูกถามงันไป ก่อนจะตั้งสติใหม่ได้

“นางยอมรับผิดเพราะนางเป็นผู้น้อย ฝ่าบาทจะทรงลงพระอาญาเสียอย่างนางจะทำอะไรได้ ถ้ากริ้วที่มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาก็ทรงลงพระอาญาหม่อมฉันดีกว่า เพราะหม่อมฉันเป็นคนอยากออกไปข้างนอกเอง อย่าพาลลงพระอาญาคนที่ไม่เกี่ยวข้อง พิรุณจะส่งสายตาให้คนพวกนั้นทำไมในเมื่อ...”

“ในเมื่ออะไร”

คนถูกถามไม่กล้าพูดต่อ ว่าในเมื่อนางบอกเองว่ารักเขา

“ในเมื่อนางไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำอย่างนั้น นางเป็นผู้หญิงนะพระเจ้าค่ะ ถูกเฆี่ยนตีขนาดนั้นมันโหดร้ายมาก นางเป็นไข้ด้วย ฝ่าบาทยังส่งนางไปรับใช้หม่อมฉันอีก”

“แล้วอยากจะให้ฉันทำยังไง”

คนถูกถามนิ่งอึ้งไปอีก คิดว่าจะต้องพูดกันยาว ไม่คิดว่าจะถูกถามแบบคำถามเดียวจอดแบบนี้ อยากจะให้ทำยังไงหรือ เขาเองก็ไม่ได้คิดมาก่อน

“ค... แค่ฝ่าบาทรับสั่งขอโทษนางก็พอ”

พูดออกไปแล้วก็ตระหนักได้เองว่าออกจะเป็นคำขอที่หนักหนาสาหัสไป องค์ชายจะรับสั่งขอโทษนางกำนัลได้หรือ

“ขอโทษเรื่องอะไร”

“ที่ทรงลงพระอาญานางทั้งที่นางไม่มีความผิดพระเจ้าค่ะ”

“นางรับสารภาพเอง ว่าทำจริง”

“ไม่จริง ฝ่าบาททรงบังคับนาง”

“ต้องการให้นางมาพูดตรงนี้ไหม”

ศวัสชั่งใจ แต่แล้วก็คิดว่าถ้าให้มาพูดตรงนี้ พิรุณคงไม่กล้าพูดแน่ เพราะขนาดต่อหน้าเขาคนเดียวแท้ๆ นางยังยอมรับเศร้าๆ ว่านางทำเอง

“ฝ่าบาททรงทราบอยู่แล้วว่านางจะต้องไม่กล้าพูด”

“อย่างนั้นเรื่องขอโทษก็ตกไป ถูกไหม”

ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น

“แล้วทหารองครักษ์ที่ติดตามไปเล่าพระเจ้าค่ะ กลุ่มคนพวกนั้นด้วย ฝ่าบาทโปรดให้ทำยังไง”

“เธอจะไม่ได้เห็นพวกเขาอีก”

“โปรดให้ประหารพวกเขา อีกแล้วหรือพระเจ้าค่ะ!”

คนทูลถามถึงกับกล้ายืนค้ำโต๊ะทรงพระอักษรแล้วยื่นหน้าเข้าไปถามจนเกือบจะถึงพระพักตร์ ผงะถอยนิดหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายทรงลุกขึ้นยืนแล้วเสด็จอ้อมโต๊ะมาหา เจ้าชายต่างแคว้นรู้สึกกลัวจนต้องถอยหลังไปจนผนังห้อง

“พระชายาในเจ้าชายรัชทายาทบาดเจ็บถึงขั้นได้เลือด คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดต้องรับผิดชอบ”

“แต่พิรุณไม่ผิด”

แม้จะค้าน แต่เสียงก็เบาลง เพราะเจ้าของวรองค์สูงใหญ่ทรงกักเขาเอาไว้กับผนังห้องเสียแล้ว

“ทำไมถึงเดือดร้อนแทนนางนัก”

“ก็เพราะนางเป็นผู้หญิงน่ะสิพระเจ้าค่ะ ไม่ควรต้องรับโทษหนักขนาดนั้นเลย”

“จะหญิงหรือชาย ถ้าทำให้เมียฉันเจ็บ ก็ต้องรับโทษทุกคน”

“หม่อมฉันเป็นผู้ชาย! หม่อมฉันไม่ใช่เมียของฝ่าบาท!”

“ไม่ใช่หรือ”

พระสุรเสียงยังคงปกติ แต่มีบางอย่างร้องเตือนว่าเพื่อความปลอดภัย เขาไม่ควรดื้อดึงต่อไปอีก

“ไม่ใช่พระเจ้าค่ะ!”

คนกลั้นใจปฏิเสธเสียงแข็งสะดุ้งเฮือกทันทีที่ถูกบังคับให้แยกขาออก สองมือที่พยายามจะดันพระอุระออกถูกจับรวบแล้วยึดไว้เหนือศีรษะด้วยพระหัตถ์เพียงข้างเดียว อีกข้างหนึ่งปลดเข็มขัดแล้วสอดเข้ามาใต้เสื้อ ศวัสแขม่วท้องพลางดิ้นหนีเมื่อถูกปลุกเร้า

“ฝ่าบาท... อื้อ... อื้ม...”

“ไม่ใช่ก็เป็นเสียวันนี้เลย”

เจ้าชายรองแห่งอันธกาลตัวอ่อนเป็นเทียนถูกไฟลน กางเกงถูกปลดลงไปกองที่ข้อเท้า เนื้อตัวถูกฟอนเฟ้นโลมไล้เพียงไม่นาน อารมณ์ปรารถนาที่ถูกซ่อนเร้นไว้ก็โหมลุกฮือ ขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาเกี่ยวกระหวัดรัดบั้นพระองค์หนาเอาไว้ บั้นท้ายถูกบีบขย้ำหนักหน่วง ก่อนที่ช่องทางร้อนผ่าวจะถูกนิ้วพระหัตถ์ชำแรกเข้าไปพรวดเดียวมิด

“อ๊า!”

ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้านบน ด้านล่าง ล้วนได้รับการปรนเปรออย่างหนักหน่วง

“ฝ่าบาท”

เขาแค่เรียกเฉยๆ ไม่ได้เรียกร้องอะไรเลย แต่คนถูกเรียกก็ทรงส่งพระวรกายร้อนจัดเข้าไปแทนที่ราวกับจะรู้ใจ ศวัสทั้งจุกและเจ็บ แต่ไม่นานก็มีอารมณ์ร่วมอย่างเต็มที่ อ้าปากหอบหายใจและตอบรับเมื่ออีกฝ่ายทรงสอดพระชิวหาเข้ามาดูดกลืน

เมื่ออารมณ์พลุ่งพล่านปั่นป่วนจนถึงขีดสุด หยดหยาดของความปรารถนาก็ทะลักล้นออกมาจนเปียกชุ่ม ศวัสขาสั่น แทบยืนไม่อยู่เมื่อองค์รัชทายาทหนุ่มทรงถอดถอนพระวรกายออกทั้งที่ยังไม่ถึงฝั่ง เขาถูกจับให้หันหน้าเข้าหาผนังอย่างง่ายดายและจำต้องใช้ผนังเป็นที่พยุงตัวเมื่ออีกฝ่ายทรงเสียบสอดเข้ามาจากด้านหลัง

ศวัสเผลอหวีดเสียงออกมาเมื่อองค์รัชทายาทหนุ่มทรงทะยานลึก เจ้าชายต่างแคว้นยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงร้อง ทว่าอีกฝ่ายทรงดึงมือออกแล้วยึดไพล่หลังเอาไว้

“ร้องออกมา เจ็บก็ร้อง เกลียดก็ร้อง สุขสมแค่ไหน... ก็ร้องออกมาให้ฉันได้ยิน”

“อ๊ะ... อ๊า!”

เจ้าชายภีมเสนทรงเคลื่อนไหวพระวรกายเข้าออกลึกล้ำต่อเนื่อง ศวัสได้ยินเสียงครางต่ำอย่างพอพระทัยอยู่หลายครั้ง อารมณ์ของเขาทะยานสูงขึ้นทุกทีตามการเคลื่อนขยับพระวรกาย ในที่สุดก็ปลดปล่อยอีกครั้งพร้อมๆ กับรู้สึกถึงสายธารอุ่นๆ ที่ฉีดเข้ามาในกาย

เจ้าชายต่างแคว้นกระตุกกายถี่ สั่นระริกไปทั้งตัวจนยืนไม่อยู่ ทรุดฮวบลงกับพื้นพลางหอบหายใจแรง ก่อนจะอุทานออกมาเมื่อถูกช้อนตัวขึ้นอุ้มอย่างง่ายดาย

หลังจากนั้นก็ถูกมอบความสุขสมจนแทบทนทานไม่ได้ให้อย่างน่าอาย ทั้งบนโต๊ะทรงพระอักษรและบนพระเก้าอี้ที่เขาต้องเป็นฝ่ายขยับกายอยู่เบื้องบน เพราะหากไม่ยอมขยับ อีกฝ่ายก็จะทรงปรนเปรอและเหนี่ยวรั้งไม่ให้เขาปลดปล่อย ทำอย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเขาต้องยกตัวขึ้นแล้วขย่มลงมาเพื่ออ้ารับท่อนลำร้อนจัดราวกับเหล็กเผาไฟเข้าไปไว้ในกาย สอดแน่น บดเบียด เสียดสีจนลาวาแห่งตัณหาทะลักทลาย

ท่ามกลางสติอันรางเลือน ศวัสยังได้ยินรับสั่งดังอยู่ข้างหู

“ใครอยู่ข้างนอกบ้าง เข้ามา”

“อยะ... อย่า...”

เสียงเขาแหบแห้งไปหมด ขยับตัวก็ลำบาก แค่อีกฝ่ายทรงกดให้ซบนิ่งอยู่กับพระอุระ เขาก็หมดแรงจะเงยหน้า

“หาเสื้อคลุมมาให้ฉันสักตัว”





คนที่เดินมารนหาความลำบากใส่ตัวจนถึงที่ตื่นมาอีกครั้งในห้องที่ไม่คุ้นตา และพบว่าเจ้าของห้องเองก็ประทับอยู่บนเตียง ทอดพระเนตรมองเขาอยู่ คนนอนขยับตัวจะลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ต้องทรุดฮวบลงไปดังเดิม

“ค่อยๆ”

ถึงจะเจ็บใจที่ต้องให้อีกฝ่ายช่วยพยุง แต่คนไม่มีแรงก็จำใจต้องยอม

“หิวไหม กินข้าวกัน”

ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือประโยคที่เจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณรับสั่งกับคนที่พระองค์เพิ่งจะร่วมสังวาสด้วยอย่างดุเดือดจนสลบคาตัก

“ใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หม่อมฉันพระเจ้าค่ะ”

“นารา”

ศวัสพยักหน้า พลางขยับตัวออกห่าง

“หม่อมฉันอยากจะกลับห้อง”

“เธอไม่ได้กินข้าวมาสองมื้อแล้ว กินก่อนแล้วค่อยไป”

“หม่อมฉันไม่อยากกินพระเจ้าค่ะ”

“อยู่ด้วยกันมาเกือบสามเดือนแล้ว เธอเพิ่งเคยกินข้าวกับฉันแค่มื้อเดียว”

“เราไม่จำเป็นต้องกินพร้อมกันก็ได้พระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทรับสั่งบอกว่า หม่อมฉันจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ แค่... ต้อง... อยู่กับฝ่าบาทตอนกลางคืน”

“ตอนนี้สามทุ่ม”

ศวัสพูดต่อไม่ถูก

“สามีภรรยาควรจะกินข้าวด้วยกัน”

“หม่อมฉันไม่ใช่พระชายาของฝ่าบาท”

“อย่างนั้นหรือ”

นั่นเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เพราะองค์รัชทายาทแห่งเรืองอรุณทรงมีวิธีทำให้พระชายาของพระองค์ยอมรับทั้งตัว ทั้งปากอยู่แล้ว

เจ้าชายรองแห่งอันธกาลไม่รู้ว่าร่างกายของเขามีชีวิตเป็นของมันเองหรืออย่างไร ถึงไม่ยอมฟังคำสั่งของเขาเลย เพราะแม้ว่าจะสั่งให้ตัวเองนอนนิ่งๆ คิดถึงสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พระวรกายกำยำของคนร่วมห้อง แต่ก็ยังรับรู้ถึงความรู้สึกซาบซ่านไปทุกรูขุมขนตั้งแต่หัวจรดเท้า เจ้าชายภีมเสนทรงทำให้เขาเคยชินกับรสสัมผัสของพระองค์เสียแล้ว รวดร้าว ปวดหนึบไปทั้งตัวจนต้องเป็นฝ่ายยอมออกปากร้องขอ

“ได้โปรด... ขอได้ทรงโปรด... เลิกทรมานหม่อมฉัน...”

“บอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าอยากได้อะไรก็จะให้”

ยังไม่ทันจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เงื่อนไขเก่าก็ถูกยื่นมาอีกครั้ง

“แต่ต้องบอกฉันก่อน ว่าเธอเป็นอะไรของฉัน”

ศวัสเม้มปากแน่นทั้งที่เกือบจะทานทนไม่ไหว รู้สึกได้ชัดเจนว่ากำลังผวาแอ่นเข้าหาอย่างกระหาย แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมถอนนิ้วพระหัตถ์ออกแล้วเติมเต็มด้วยสิ่งที่เขาต้องการเสียที

“พูดสิ”

“ปะ... เป็น... พระชายา”

“ภาษาชาวบ้านล่ะ ต้องพูดว่ายังไง”

“... อื้อ... มะ... ฮะ... ฮ่าห์... เมีย... เป็นเมีย... อ๊า!”
.
.
.
.
.

ทันทีที่ยอมรับ ช่องทางอันตะกละตะกลามของเขาก็ถูกตอกกระแทกเต็มลำ




tbc.

************************************************

แบบว่า... ไม่มีอะไรจะพูดค่ะ :o8:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด