PART 1PART 2PART 3PART 4PART 5PART 6PART 7PART 8PART 9.1Part 9.2
ชายหนุ่มร่างโปร่งรีบเดินจนแทบจะวิ่งเมื่อได้รับโทรศัพท์ด่วนจากมารดาของตัวเองว่าให้กลับบ้านทันทีที่เรียนเสร็จ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าทำไมถึงได้ให้รีบกลับนัก เพราะแบบนี้พอเลคเชอร์วิชาสุดท้ายของวันจบลงสีน้ำก็ขอตัวกับสไปรท์และโชนเพื่อจะรีบกลับบ้าน โดยมีคีย์อาสาจะขับรถมาส่ง แต่รถเจ้ากรรมกลับสตาร์ทไม่ติดซะนี่ สีน้ำเลยต้องเดินไปขึ้นรถเมล์กลับเอง
“สีน้ำ สีน้ำ”
เสียงเรียกคุ้นหูดังมาจากด้านข้าง สีน้ำหันไปมองตามเสียงเรียกก็เห็นรุ่นพี่ผู้เป็นคู่กรณีเปิดกระจกหน้าต่างรถส่งเสียงเรียกสีน้ำออกมาซะดัง
“พี่สมาร์ท”
“สีน้ำจะไปไหน เดี๋ยวไปส่งให้ขึ้นมาสิ”
สีน้ำมองหน้าคนตรงหน้าที่ทำเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้เกิดอะไรขึ้นแล้วทักทายเขาได้ตามปกติอย่างแปลกใจ
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ”
สีน้ำตอบไปแล้วรีบเดินไปตามทางให้เร็วที่สุด แต่สมาร์ทเองก็ไม่ยอมขับรถตามมาแล้วส่งเสียงเรียกดังไปตลอดทาง
“สีน้ำยังโกรธอีกหรอ อย่าโกรธเลยน่า ที่ทำไปเพราะว่าพี่รักสีน้ำนะ”
เส้นทางเดินไปขึ้นรถจากมหาวิทยาลัยที่มีแต่เพื่อนร่วมสถาบันนั้นทุกคนพร้อมใจกันหยุดเดินแล้วหันมาให้ความสนใจผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาที่นั่งอยู่ในรถแล้วขับตามปานจะง้อคนรักหนุ่ม สีน้ำรู้สึกหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันที
“อย่าโกรธพี่เลยนะสีน้ำ”
“นี่เธอดูสิ คู่รักเขาง้อกันแบบนี้เลยอ่ะ”
“นั่นสิ กล้ามากเลยเนอะ สงสัยรักจริง เปิดเผยขนาดนี้”
“นั่นมันสมาร์ท คณะนิเทศนินา ดังมากเลยนะ แล้วเด็กที่เป็นแฟนเขาใครกัน ไม่คุ้นหน้าเลย”
เสียงพูดคุยเซ็งแซ่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้สีน้ำที่ไม่เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้รู้สึกอึดอัดกับการเป็นเป้าสายตาหลายสิบคู่ อาการคลื่นไส้ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสมัยมัธยมตอนที่เขาถอดแว่นไปโรงเรียนแล้วโดนรุมล้อมกลับมาอีกครั้ง
“หน้าซีดเชียว ไปขึ้นรถ เดี๋ยวไปส่ง”
สมาร์ทยิ้มอย่างพอใจที่ลงมาลากตัวเด็กหนุ่มที่เหมือนจะหมดแรง ขัดขืนให้ขึ้นรถไปกับเขาได้ ใบหน้าเนียนนั้นแทบไม่มีสีเลือด ก็แค่เล่นกลนิดหน่อยกับราชรถขององครักษ์ที่รับส่งแล้วก็ใช้แผนทำให้อายต่อหน้าผู้คน เด็กหัวอ่อนแบบสีน้ำมีหรือจะขัดขืนเขาได้
“ปล่อยผม ผมไม่ไปกับรุ่นพี่”
สีน้ำพยายามจะขัดขืน แต่แรงบีบที่ต้นแขนทำให้เจ็บจนนิ่วหน้า รุ่นพี่ร่างใหญ่ดึงสีน้ำไปขึ้นรถแล้วรีบขับออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
“ให้ผมลง”
“ไม่ได้หรอก หน้าซีดแบบนี้จะเดินไปเองได้ยังไง จะไปไหนเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ผมไปเองได้ ถ้าไม่ให้ลงผมจะกระโดดลงเดี๋ยวนี้แหละ”
“สีน้ำกล้าพูดกล้าทำขึ้นเยอะเลยนะ ได้คนสอนมาดีหรือไง”
“ผมไม่เข้าใจ ทำไมไม่เลิกแล้วต่อกันไปซะที ผมทำอะไรให้รุ่นพี่ไม่พอใจหรอครับ”
“พี่แค่จะพาไปส่งบ้าน จริงๆ นะ”
“...”
สีน้ำมองรุ่นพี่ร่างใหญ่อย่างไม่เชื่อใจ การที่เขาเชื่อใจคนๆ นี้ทำร้ายเขามาหลายครั้งแล้ว และสีน้ำเองก็ไม่อยากให้พี่ดินต้องมาโกรธเขาอีกแล้วกับเรื่องนี้
“ถ้ารุ่นพี่หวังดีจริงๆ ก็ให้ผมลงเถอะครับ”
สีน้ำตอบไปเสียงเรียบ รถที่ความเร็วเหมือนจะมากขึ้นเรื่อยๆ นั้นทำให้ใจเริ่มเต้นเร็วด้วยความหวาดกลัว
“พี่สมาร์ท”
“ฉันเอานี่มาให้ดู สีน้ำจะได้ตาสว่าง”
สมาร์ทหยิบซองเอกสารขึ้นมาส่งให้สีน้ำแล้วพยักเพยิดหน้าให้สีน้ำเปิดซองออกดู เจ้าตัวเลยเปิดออกดูอย่างเสียไม่ได้ ด้านในนั้นอัดแน่นไปด้วยข่าวกอสซิปและภาพแอบถ่ายของนายแบบดังกับสาวที่เปลี่ยนไม่ซ้ำหน้า สีน้ำไม่เคยสนใจข่าววงการบันเทิงอยู่แล้ว ข่าวพวกนี้ คนพวกนี้ เขาก็ไม่รู้จัก
“พี่แค่อยากจะให้สีน้ำได้รู้ว่าคนที่มาทำดีอยู่ด้วยจริงๆ แล้วเป็นคนยังไง มันก็แค่อยากเอาชนะเท่านั้นแหละ เชื่อพี่สิว่าพอได้ตัวสีน้ำแล้วมันก็จะหายหน้าไป สีน้ำจะต้องเสียใจ”
“ขอบคุณที่หวังดีครับ แต่ผมไม่คิดว่าพี่ดินเป็นคนแบบนั้น”
สมาร์ทขบเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ สีน้ำเหมือนจะเชื่อในตัวไอ้นายแบบนั่นอยู่เยอะพอสมควร แต่เขาไม่เชื่อหรอกว่าสันดานเพลย์บอยแบบนั้นจะมาหยุดลงที่เด็กผู้ชายแสนธรรมดาคนนี้
“พี่หวังดีกับสีน้ำจริงๆ นะ ไม่อยากให้สีน้ำเสียใจ พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่อาจจะรวบรัดใจร้อนมากไปกับเรื่องของสีน้ำ แต่พี่จริงใจนะ”
“ถ้าพี่จริงใจกับผมก็ให้ผมลงรถสิครับ”
สมาร์ทเหลือบมามองหน้าคนข้างๆ สีน้ำดูจะมีการ์ดที่แข็งขึ้นมาสักหน่อย แต่แค่นี้ไม่คณามือเขาหรอก
“สีน้ำไม่ให้อภัยพี่สินะ พี่ขอโทษที่รักสีน้ำมากไป รักจนอยากจะทำให้ สีน้ำเป็นของพี่คนเดียว”
“ผม...ผมไม่ได้โกรธรุ่นพี่แล้ว แต่...เรื่องนั้นผมคงตอบรับรุ่นพี่ไม่ได้จริงๆ ขอโทษครับ”
สีน้ำตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เจือความรู้สึกเสียใจ ในเมื่อตอนนี้เขาคบกับพี่ดินอยู่แล้ว คงไม่ดีที่จะให้ความหวังกับใครอื่นอีก
รถยนต์ค่อยๆ ชะลอลงช้าๆ จนจอดสนิทที่ริมทางตรงปากทางเข้าหมู่บ้านที่สีน้ำอยู่ สมาร์ทดึงมือขาวจัดของคนที่นั่งข้างๆ มากอบกุมเอาไว้
“ทำไมล่ะ พี่ไม่ดีตรงไหน ทำไมสีน้ำถึงรักพี่ไม่ได้”
ดวงตาที่สะท้อนความปวดร้าวของคนข้างๆ ทำให้สีน้ำปวดร้าวไปด้วย เขาทำร้ายคนข้างๆ ให้เจ็บหนักเพียงนี้เชียวหรือ
“รุ่นพี่...ผมขอโทษ แต่ผมเห็นพี่เป็นเหมือนพี่ชายของผม”
ดวงตาโศกเหมือนฉายแววโกรธเกรี้ยวอยู่แว็บเดียว ก่อนจะกลับมาเป็นความปวดร้าวเกินเยียวยาเช่นเดิม
“รักมันมากขนาดนั้นเลยหรอ”
“ผม....”
ริมฝีปากแดงถูกเม้มแน่นเวลาที่เจ้าตัวกำลังใช้ความคิด สีน้ำไม่รู้จะทำอย่างไรถึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดไม่ให้รุ่นพี่ที่เคยแสนดีคนนี้ต้องเสียใจ สมาร์ทมองริมฝีปากอิ่มอย่างหลงใหล ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าความหอมหวานของปากแดงตรงหน้านั้นเลิศรสเพียงใด เมื่อได้เคยลิ้มลองก็ติดใจจนยากเกินจะปล่อยให้หลุดมือผ่านไป
“สีน้ำ”
เสียงเรียกชื่อนั้นแหบพร่าอย่างประหลาด เหมือนเจือด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ชวนให้ขนลุก ใบหน้าขาวเนียนที่มีแว่นตาหนาบดบังไปกว่าครึ่งหน้านั้นเงยขึ้นไปสบตาของรุ่นพี่ร่างใหญ่ที่ไม่รู้ว่าเคลื่อนหน้าเข้ามาจนเห็นหน้ากันในระยะที่ลมหายใจรินรดกันตั้งแต่เมื่อไร
“รุ่นพ...”
ยังไม่ทันจะจบประโยคริมฝีปากหนาก็มาครอบครองปากอิ่มแดงที่หมายมั่นจะลิ้มรสไปแล้ว ค่อยๆ บดเบียดละเลียดชิมทีละน้อย เปลี่ยนมุมกระชับดูดซับความหอมหวานที่พุ่งขึ้นสูง มือข้างนึงนั้นถูกเกาะกุมเอาไว้แน่น สีน้ำเลยใช้มืออีกข้างทั้งผลัก ทั้งทุบที่ไหล่หนาให้ปล่อยเขา กว่าจะหลุดมาได้นั้นริมฝีปากแดงก็บวมเจ่อ
“รุ่นพี่ทำแบบนี้ทำไม ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ”
สีน้ำรีบเปิดประตูรถแล้วลงมาจากรถโดยทันที เมื่อเห็นว่าอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้านก็รีบเดินแกมวิ่งไปตามทางให้เร็วที่สุด เขารู้สึกสั่นไปทั้งตัว ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการอยู่ใกล้รุ่นพี่ที่เคยอบอุ่นนั้น ในตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวจนไม่อยากแม้แต่จะเข้าใกล้
“นายต้องเป็นของฉันสีน้ำ”
สมาร์ทพูดเบาๆ ไล่หลังรุ่นน้องที่รีบเดินจากไป อย่างน้อยสีน้ำก็ถือซองข่าวที่เขาไปรวบรวมมาไปด้วย รอยร้าวเล็กๆ ในวันนี้มันก็อาจจะเป็นรอยใหญ่ได้ เขาไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีช่องทางที่จะแยกสีน้ำออกมาจากไอ้นายแบบนั่น
สีน้ำเดินจ้ำมาตามทางจนใกล้จะถึงหน้าบ้านเลยผ่อนฝีเท้าลง มองไปด้านหลังไม่เห็นว่าจะมีคนหรือรถตามมาก็โล่งใจ ค่อยๆ ปรับลมหายใจให้เป็นปกติมากที่สุด เขาไม่อยากให้แม่สงสัยถ้าเขาวิ่งหอบเข้าไปในบ้าน แต่ที่น่าแปลกใจคือรถยนต์หรูที่จอดอยู่หน้าบ้าน
“ใครมานะ”
ร่างสูงเดินเข้าไปในบ้าน พอเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงของคนสองคนที่สนทนากันอยู่อย่างสนุกสนาน
“กลับมาแล้วครับ”
สีน้ำส่งเสียงบอกมารดาของเขาก่อนจะเข้าไปด้านใน
“กลับมาแล้วหรอลูก เข้ามาเลยจ๊ะ”
สีน้ำปัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ลูบผมที่ฟูไม่เป็นทรงให้เข้าที่เข้าทางก่อนโผล่หน้าเข้าไปหามารดาที่นั่งคุยอยู่กับผู้หญิงวัยใกล้เคียงกัน ในมือเหมือนจะมีอัลบั้มภาพที่เปิดดูค้างอยู่
“สวัสดีครับ”
สีน้ำยกมือขึ้นไหว้แขกของมารดาแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาเดี่ยวข้างๆ มารดาของเขา
“นี่หรอจ๊ะ ตาสีน้ำ ได้มาเจอตัวซะทีนะคะ”
“ครับ?”
สีน้ำสงสัยจริงๆ แขกที่มาคนนี้เป็นใคร พอเขามาถึงก็จ้องเอาจ้องเอา แถมยังส่งรอยยิ้มกว้างและอบอุ่นมาให้อีกด้วย จากการพูดแล้วเหมือนรู้จักตัวเขามาก่อนเป็นอย่างดี
“คุณแม่ของพี่ดินไงละลูก”
“อ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ สีน้ำครับ”
“จ๊ะ แม่น่ะฟังตาดินพูดถึงจนทนไม่ไหวเลยมาขอทำความรู้จักตัวจริงไว้เลยดีกว่า ไหนๆ อนาคตเราก็คงจะต้องเจอกันบ่อยๆ อยู่แล้วจริงไหมจ๊ะ”
มารดาของคนรักยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน สีน้ำเองไม่รู้ว่าโดนเอาไปพูดถึงในเรื่องแบบไหนทำให้ถึงกับมาขอเจอกับตัวเขาเช่นนี้
“ต้องมาคอยรับมือคนที่เอาแต่ใจแบบเหนือดิน เหนื่อยไหมลูก”
“เอ่อ จริงๆ แล้วพี่ดินต่างหากละครับที่คอยดูแลผมมากกว่า ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“เป็นครั้งแรกเลยนะที่แม่เห็นเจ้าลูกชายมันทำอะไรเพื่อใครขนาดนี้ แม่ฝากพี่ดินด้วยนะลูก ถ้าเจ้านั่นทำอะไรให้ไม่พอใจ นิสัยไม่ดี หนูสีน้ำก็ฟ้องแม่ได้เลยเดี๋ยวแม่จัดการให้”
สีน้ำได้แต่ยิ้มรับแล้วหันไปมองมารดาที่ยิ้มน้อยๆ ส่งมาให้เขา
“ไว้คราวหน้าขอเชิญทั้งครอบครัวเลยดีไหมคะ ไปทานข้าวด้วยกันทำความรู้จักกันเอาไว้”
“ก็ดีนะคะ จะได้ตามตาสีไม้ไปทานด้วยเลย”
“ดีค่ะ”
“ร้านอาหารของพู่กันก็ดีนะคะ ไปทานมาหลายครั้งแล้ว ชอบบรรยากาศมากๆ เลยค่ะ”
สีน้ำมองแม่ของเขาและแม่ของพี่ดินที่คุยกันอย่างถูกคอเหมือนคนที่รู้จักกันมานานแล้วอย่างแปลกใจ ทำไมรอบตัวเขาถึงได้มีแต่เรื่องน่าแปลกใจเพิ่มขึ้นได้ทุกวัน ไม่ว่าจะรุ่นพี่ที่คอยตามราวีเขาไม่เลิกอย่างน่าประหลาด หรือจะเป็นความสัมพันธ์รอบตัวที่เพิ่มทวีคูณขึ้น โลกของเขากำลังค่อยๆ ขยายตัวกว้างขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อนตั้งแต่ย้ายมาที่นี่
“บ๊อก บ๊อก”
สีน้ำก้มลงไปมองกลุ่มขนสีมอมที่เคล้าคลอเคลียขาเขาอยู่ ยังมีเจ้าพุดดิ้งอีกด้วยที่ทำให้ชีวิตเขามีความสุขมากขึ้น
“เอ๊ะ นั่นเจ้าพุดดิ้งหรือเปล่าจ๊ะตาสีน้ำ”
“ครับ คุณแม่”
“ก็น่ารักดีออกนะ ทำไมดินไปบอกว่าทั้งดื้อแล้วก็ไม่น่ารัก”
เจ้าพุดดิ้งแสนรู้เดินไปหามารดาของคนรักแล้วคลอเคลียเลียมืออย่างประจบประแจง
“จริงๆ พุดดิ้งก็น่ารักกับทุกคนนะคะ แต่ไม่รู้ทำไมกับเหนือดินแล้วละก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันเลย เจอหน้าไม่ได้เป็นต้องขู่”
“สงสัยจะหวงเจ้านายนะคะ”
“นั่นสิคะ”
สองแม่คุยกันเป็นอย่างดีสีน้ำได้แต่นั่งมองตาปริบๆ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย
***********************************************
กว่ามารดาของพี่ดินจะกลับไปก็หลังจากทานอาหารค่ำด้วยกันเรียบร้อยแล้ว สีน้ำที่อาสาเป็นคนล้างจานแทนมารดาโผล่หน้าออกมาจากห้องครัวเมื่อจัดการงานเรียบร้อยแล้ว
“เสร็จแล้วหรอลูก เหนื่อยไหม”
“เหนื่อยไม่เท่าแม่หรอกครับ”
สีน้ำลงไปนั่งที่โซฟาข้างๆ มารดาแล้วพิงไหล่บางที่แสนอบอุ่นนั้น โดยมารดายังสาวก็ละมือมาลูบหัวลูกชายคนโตเบาๆ
“สีน้ำ แม่ถามหน่อยสิลูก”
“ครับ”
“สีน้ำคบหากับพี่ดินนานหรือยังลูก”
ศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมสีดำนั้นเอนซบมารดามากกว่าเดิม ที่ผ่านมาสีน้ำไม่เคยมีอะไรปิดบังกับมารดาอยู่แล้ว ริมฝีปากแดงที่ขบเม้มอย่างครุ่นคิดคลายออกแล้วเอ่ยคำตอบออกมาเบาๆ
“ระยะนึงแล้วฮะ”
“อย่างนั้นหรอลูก ไหนเล่าให้แม่ฟังได้ไหมว่าไปรักกันตอนไหน”
“ต้องเล่าด้วยหรอฮะ”
“สีน้ำไม่เคยมีอะไรปิดแม่ไม่ใช่หรอ หรือเรื่องนี้บอกแม่ไม่ได้”
“เปล่านะฮะ”
ร่างโปร่งรีบตอบเพราะกลัวมารดาจะน้อยใจ สีน้ำเลื่อนตัวลงไปนั่งที่พื้นพรมแล้วเอนหัวซบลงที่ตักของแม่ มือเรียวไม่ต่างกับบุตรชายลูบกลุ่มผมสีเข้มอย่างอ่อนโยน
“ผมไม่รู้เหมือนกันนะฮะว่ามันเริ่มจากไหน ตอนแรกเราก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากัน เจอกันทีไรเป็นได้มีเรื่องเถียงกันทุกที แต่พอหลังๆ พี่ดินเขาก็เปลี่ยนไป แล้วก็มีเรื่องนั่นเรื่องนี้เกิดขึ้นมากมาย เขาก็ช่วยผมมาตลอด”
“เขาบอกรักสีน้ำของแม่หรือยังล่ะ”
“บอกทุกวันเลยมั้งฮะ”
“ขนาดนั้นเลย เป็นคนที่จริงจังไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ย แล้วสีน้ำล่ะลูก รู้สึกยังไง”
“ผมก็ไม่รู้....มันผิดไหมฮะแม่”
“มันไม่มีผิดหรือถูกหรอกลูก แค่ว่าสีน้ำรู้สึกยังไง บอกแม่สิลูก”
“รักมันคืออะไรหรอฮะ ผมยังไม่ค่อยจะเข้าใจเลย”
“เรานี่น้า ไปบอกพี่ดินเขาแบบนี้หรือเปล่า”
เจ้าของกลุ่มผมสีเข้มที่ซบอยู่ตรงตักพยักหน้าหงึกหงักเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากมารดาได้เป็นอย่างดี
“แม่ชักสงสารพี่ดินซะแล้วสินะเนี่ย”
“แม่อ่ะ พูดเหมือนพวกสไปรท์เลย”
“สีน้ำ ฟังแม่นะลูก แม่น่ะอยากให้เรามีความสุข ถ้าอะไรที่สีน้ำทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะลูก ลูกแม่ชอบใครรักใคร แม่ก็จะรักด้วย แม่ไม่ได้หัวโบราณ เดี๋ยวนี้มันก็สมัยไหนแล้ว ความรักไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัว แม่เข้าใจ ขอแค่คนนั้นเขารักลูกแม่แล้วก็ดีกับสีน้ำให้มากๆ แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว”
ร่างบางเอื้อมมือมาโอบเอวมารดาเอาไว้จนแน่น
“ขอบคุณฮะแม่ ผมกลัวทำแม่เสียใจที่มีความรักแบบนี้อยู่เหมือนกัน”
“ไม่ต้องกลัว ส่วนเรื่องพ่อเขา แม่จัดการเอง ว่าแต่ตกลงสีน้ำรู้สึกยังไงกับพี่ดินละลูก”
“ผม...”
เมื่อเห็นลูกชายทำท่าจะตอบไม่ถูก คุณแต้วจึงเปลี่ยนคำถามใหม่
“เวลาไม่เจอเขาสีน้ำเหงาไหมลูก อยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง เป็นห่วงไปซะหมด”
“อืม..ฮะ”
“แล้วเวลาอยู่ใกล้ๆ ใจเต้นไหม”
ใบหน้าขาวจัดของลูกชายคนโตแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย เจ้าตัวตอบด้วยการพยักหน้าแทน
“เวลาจับมือละลูก”
เจ้าของใบหน้าเรียวยังใช้การพยักหน้าแทนการตอบเหมือนเคย
“แล้วมากกว่านั้น?”
ลูกชายคนเก่งที่ฉลาดเรื่องเรียนแต่กับเรื่องนอกเหนือจากนั้นยังอ่อนต่อโลกทำตาโตแล้วใบหน้าก็แดงเข้มจนน่าเอ็นดู คุณแต้วจึงขยี้ผมที่ฟูฟ่องให้ยิ่งยุ่งขึ้นไปอีก
“เรื่องความรักต้องใช้ตรงนี้”
มารดาใช้นิ้วชี้จิ้มไปตรงตำแหน่งที่หัวใจกำลังเต้นอยู่
“ลูกแม่ต้องรู้แน่ๆ จ๊ะว่ารักคืออะไร เก่งออกแบบนี้ ค่อยๆ คิดไป”
“ขอบคุณนะฮะแม่ ที่เข้าใจผมมาตลอด”
“คงต้องยกความดีความชอบให้กับการป่วยของเราแล้วล่ะ เพราะเราเข้าออกโรงพยาบาลจนแม่กลัวว่าเราจะไม่ได้อยู่กันมาถึงทุกวันนี้ แม่เลยรู้ว่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เพราะอย่างนั้นแล้ว อะไรที่ทำแล้วสีน้ำมีความสุขก็ทำไปเถอะลูก แม่จะเป็นกำลังใจให้”
ร่างสูงกอดเอวมารดาแน่น เขารู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีนักที่มีแต่คนที่เข้าใจและเป็นกำลังใจให้อยู่รอบข้าง
“ฝากบอกตาดินด้วยนะลูกว่าถ้าอยากมารับสีน้ำก็มาได้ แม่ไม่ห้ามแล้ว”
“ฮะ”
หลังจากรอโทรศัพท์ของอีกฝ่ายจนเวลาล่วงมากว่าสี่ทุ่มแล้ว สีน้ำที่ตอนนี้นั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะริมหน้าต่าง ก็มองโทรศัพท์ตัวเองสลับกับมองไปยังถนนด้านนอก ไม่มีวี่แววของรถสีแดงคันคุ้นตาเลย จนในที่สุดก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์จะกดโทรออกไปเอง รอสายไม่นานก็มีเสียงทุ้มคุ้นหูตอบกลับมา
“สีน้ำ มีอะไรหรือเปล่า”
หากแต่เสียงด้านหลังที่เฮฮาและดูอึกทึกทำให้สีน้ำรู้ว่าคนรักไม่ได้อยู่ตามลำพัง
“เอ่อ....ไม่มีอะไรหรอกฮะ แต่เห็นพี่ดินหายไปทั้งวัน ก็เลยลองโทร มาหา”
รอยยิ้มอย่างดีใจประดับที่ริมฝีปากอิ่มของคนที่ได้ฟัง ที่หัวใจเหมือนมีน้ำทิพย์มาชโลมให้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง
“คิดถึงพี่หรอสีน้ำ”
“...ฮะ”
คำตอบสั้นๆ แต่จริงใจเล่นเอาเหนือดินแทบอยากจะออกไปจากงานเลี้ยงที่เพื่อนๆ จัดให้เขากับการที่จะได้เป็นพรีเซนเตอร์ระดับอินเตอร์
“วันนี้คุณแม่ของพี่ดินมาที่บ้านด้วยนะฮะ ผมตกใจหมดเลย แต่คุณแม่ใจดีจังเลยนะฮะ”
“แม่ไปแล้วหรอ แล้วคุณแม่ของสีน้ำว่าไงมั่ง”
“อ่อ แม่ฝากบอกว่าถ้าพี่ดินอยากจะมารับผมก็มารับได้ บอกแบบนั้นมาฮะ”
“ยะโฮ่ แม่ทำสำเร็จแล้ว”
“ดีใจอะไรฮะ”
“เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก”
“แล้วตอนนี้อยู่ไหนหรอฮะ เสียงดังจังเลย”
“อยู่ที่งานเลี้ยงน่ะ แต่เดี๋ยวก็กลับแล้ว”
“เหนือดินช้าจังเลย ทุกคนรออยู่น้า มาเร็วๆ สิ”
“เดี๋ยวตามไป”
“ช้าแบบนี้เดี๋ยวปรับให้ดื่มเหล้าสักห้าแก้วดีไหมน้า”
เสียงหญิงสาวที่ดังแทรกเข้ามาบ่งบอกถึงความสนิทสนมทำให้สีน้ำรู้สึกแปลกๆ แล้วก็พาลนึกไปบรรดาข่าวกอสซิปที่รุ่นพี่เอามาให้เขาวันนี้
“สีน้ำ...สีน้ำ ทำไมเงียบไป”
“ไม่มีอะไรครับ ถ้าพี่ดินยุ่งอยู่ ไว้เราคุยกันวันหลังก็ได้ครับ ขอโทษที่รบกวนครับ”
สีน้ำกดวางสายไปทันทีแล้วมองโทรศัพท์ที่ยังอยู่ในมืออย่างไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ในขณะที่นายแบบหนุ่มก็ยังคงถือสายค้างฟังสัญญาณเสียงไปอยู่อย่างนั้น สีน้ำของเขาแปลกไปมากในวันนี้ ถ้าเป็นคนอื่นทำเหนือดินก็แน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องหึงเขาแน่ๆ แต่นี่เป็นสีน้ำ
“หรือว่าสีน้ำจะหึง เป็นไปไม่ได้หรอก ไม่น่าเป็นอย่างนั้น”
“เหนือดินมาเร็วๆ ดิ เจ้าของงานไปจีบใครอยู่”
เพื่อนนายแบบในสังกัดพากันออกมาเรียกทำให้เหนือดินต้องเก็บโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์แล้วกลับไปสนุกกับงานที่จัดให้เขา ทั้งที่ใจก็ยังสงสัยกับการกระทำที่แปลกไปของสีน้ำอยู่
*****************************************************
TBC