สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>  (อ่าน 323693 ครั้ง)

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
****************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


****************************************************

ข่าวการเปิดจอง อ่านได้>>>ที่นี่<<<

พลาดคราวนี้ไม่พิมพ์เพิ่มแล้วนะคะ

-----------------------------------

สารบัญ
ตอนที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12(END)


-----------------------------------------------------------------------

สัตยาธิษฐาน


“ยามแค้น แสนแค้น เคียดขึ้งแค้น
จบแดน ทั่วหล้า ต้องอาสัญ
ยามรัก แสนรัก ปักชีวัน
ผูกพัน ร่วมฝัน กระหวัดกรุม
ยามแค้น แสนแค้น แค่นวินาศ
เผ่นพาด ผ่านภพ สบเพลิงสุม
ยามรัก แสนรัก เร้ารักรุม
ร้อนรุ่ม เร่าเริง เพลิงวิญญาณ์
ยามแค้น แสนแค้น คาดเคืองคิด
ร้อนจิต ปลิดเป่า เหล่าพงศา
ยามรัก แสนรัก ปักชีวา
เคียงครอง หัตถา เจ้าดวงใจ”


   ครั้งหนึ่ง เมื่อครุฑได้รับอนุญาตจากพระอินทร์ ให้สามารถจับนาคกินเป็นอาหารได้ ด้วยความแค้น ณ เวลานั้น ครุฑจึงจัดการกับพี่น้องต่างมารดาของตนไปเป็นจำนวนมาก ทว่ากลับมีนาคตนหนึ่งซึ่งรู้ว่าตนกำลังจะถึงฆาต ก็ได้ตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ภายภาคหน้าได้มีโอกาสแก้แค้นครุฑคืนบ้างโดยได้เป็นที่โปรดปรานของผู้มีอำนาจ ดังเช่นที่ครุฑได้เป็นพาหนะของพระนารายด์ ก่อนที่นาคตนนั้นจะหลบลี้หนีไปซ่อนตัวอยู่ใต้บาดาลในดินแดนอันห่างไกล และจำศีลรอคอยเวลาที่จะมาถึงในอีกไม่ช้า

   ทางฝ่ายครุฑ เมื่อเกิดสำนึกผิด ก็กลับไปชุบชีวิตนาคที่ตายด้วยมือของตน ทว่ากลับพบว่านาคขาดไปตนหนึ่งซึ่งหาเท่าไหร่ก็ไม่อาจหาพบ ครุฑจึงได้รู้ว่านาคตนนั้นหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว ด้วยความรู้สึกผิดและอยากจะไถ่โทษ ครุฑจึงอธิษฐานให้วันใดที่นาคตนนั้นกลับมายังพื้นพิภพ ขอให้ตนจุติลงไปในภพมนุษย์ และได้พบกับนาคตนนั้นอีกครั้ง

   และด้วยคำอธิษฐานของทั้งสอง จึงดลบันดาลให้เกิดเรื่องราวในปัจจุบัน.....


-------------------------->


   ดวงเนตรสีแดงก่ำขยับปรืออย่างเชื่องช้า ปลุกตนเองจากนิทราอันยาวนานราวชั่วกัลป์ สัตว์เทพรูปร่างใหญ่โตค่อยคลายขนด คืบคลานออกมาจากถ้ำอันวิจิตรพิศดารราวกับสรวงสวรรค์ในแดนบาดาล ดวงเนตรคู่นั้นสอดส่ายไปรอบกายก่อนจะสะบัดหางพยุงตัวขึ้นจากพื้น แหวกว่ายไปในสายน้ำที่นิ่งสงบและค่อยๆโผล่พ้นขึ้นมาเหนือผิวน้ำของทะเลสาบอันห่างไกลในป่าใหญ่ ร่างกายใหญ่โตนั้นลาบเลื้อยขึ้นมาบนบก ผ่านพงหญ้ามุ่งไปยังกระท่อมหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบแห่งนั้น กระท่อมซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวห่างไกลจากความวุ่นวายของผู้คน และที่นั่น มันได้พบกับหญิงนางหนึ่งกำลังนั่งปักผ้าอยู่ตรงชานบ้าน เนตรสีแดงราวทัมทิมปรือลงมองดูรอบๆว่ามีใครนอกเหนือจากนี้หรือไม่ ก็พบชายหนุ่มอีกคนกำลังทำไร่อยู่ข้างหลังบ้าน เมื่อเป็นเช่นนั้น นาคจึงรู้ว่าตนได้พบทางที่จะไปสู่คำอธิษฐานของตนแล้ว

   ลำตัวซึ่งเต็มไปด้วยเกล็ดสีมรกตเลื้อยกลับเข้าพงหญ้าอย่างเงียบงัน และซุกตัวนิ่งเหนือจอมปลวกใหญ่ในป่า เนตรสีทัมทิมทั้งคู่ค่อยๆปรือหลับลง วางศีรษะลงบนขนดหาง และเฝ้ารอ.....

   ดวงตะวันค่อยอ้อยอิ่งลาลับขอบฟ้าในยามพลบค่ำ ทิ้งแสงสุดท้ายสีนวลตาสาดส่องกระทบเกล็ดสีมรกตเป็นแสงแวววาว และกระทบเปลือกตาที่ปิดสนิทให้กระพือเปิดขึ้นอีกครั้ง นาคใหญ่ขยับศีรษะชูชันจับจ้องไปยังกระท่อมหลังนั้นอันเป็นเป้าหมาย ชายหนุ่มหญิงสาวเก็บสำรับอาหารเย็นเสร็จ ทั้งสองก็พยุงกันเข้าบ้านด้วยความทนุถนอม

   แสงไฟจากดวงเทียนซึ่งส่องสว่างมาจากในตัวกระท่อมดับมืดลง พร้อมกับแสงสุดท้ายที่ลาลับไปกับขอบฟ้า เสียงสวบสาบจากในพงหญ้าเป็นเสียงเดียวซึ่งบังเกิดขึ้นท่ามกลางความมืดมิด แม้หรีดหริ่งเรไรก็พากันเงียบเสียง มนุษย์สองคนซึ่งเพิ่งเข้าสู่นิทราไม่รู้ความใด

   นาคตนนั้นเลื้อยผ่านไร่เข้าสู่ตัวกระท่อมอย่างง่ายดาย ผ่านเพียงชานบ้านเข้าไปก็ได้เจอกับห้องนอนซึ่งมีเพียงฟูกหนึ่งผืน หมอนสองใบ ผ้าห่มบางๆและมุ้งที่กางทับขึงตึงกับสี่มุมห้อง ภายในม่านมุ้งนั้น ปรากฏสองร่างหลับใหลเคียงกัน

   เจ้านาคใหญ่พันกายรอบมุ้ง จ้องมองเข้าไปภายใน พบร่างหญิงสาวนอนหงายในท่าสำรวมก็มุดศีรษะเข้าไปในมุ้งอย่างเงียบเชียบ

   ศีรษะของมันขยับเข้าไปใกล้ ก่อนจะวางลงบนหน้าท้องของหญิงสาว และแล้วก็บังเกิดแสงสว่างเรืองรองรอบกายทั้งสอง ในบัดนั้น นาคใหญ่ก็หดกายเล็กลงและแทรกผ่านเข้าไปในท้องนั้น ก่อนที่ทุกๆสิ่งจะกลับเข้าสู่ความเงียบสงัดเช่นเดิม ทว่าในตอนนั้นเอง ที่ปรากฏดาวตกสีแดงพุ่งทะยานลงมาจากฟากฟ้าและลับหายไปที่ขอบฟ้าอีกด้านหนึ่ง เสียงหรีดหริ่งเรไรภายนอกกรีดร้องขึ้นอีกครั้ง ชวนวังเวง พิศวง และไพเราะราวเสียงกระซิบบอกเรื่องราวที่กำลังดำเนินไป.....


---------------------------->


   ยามเช้ามาถึง แสงตะวันทาบทาขอบฟ้า ส่องแสงกราดทั่วผืนดิน เสียงนกการ้องระงมพากันโผผินจากรังนอนสู่ฟากฟ้าเพื่อหาอาหารแด่ตนเองและลูกน้อย สัตว์น้อยใหญ่ในป่าพากันตื่นจากหลับใหล แทะเล็มหญ้ายอดน้ำค้างริมทางและดื่มกินน้ำในทะเลสาบ

   พร้อมกับการตื่นของเหล่าสรรพสัตว์ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อจะไปทำไร่ ทว่าทันทีที่เข้าเลิกผ้ามุ้งก็ต้องตกตะลึงเป็นการใหญ่เมื่อพบงูมากมายหลากหลายมาชุกชุมอยู่เต็มห้องตั้งแต่พื้นจรดหน้าต่าง ซ้ำพวกมันยังทำราวกับเป็นเจ้าของบ้าน เลื้อยไปมาไม่สนใจว่าเขาจะส่งเสียงไล่อย่างไร ทว่า ทันทีที่ชายหนุ่มคว้าเอาไม้ใกล้ตัวขึ้นมา หมายจะหวดไล่งูเหล่านั้น ร่างกายของเขากลับชะงักค้างราวกับถูกจับยึด งูบางตัวเริ่มหันมาสนใจเขา พวกมันจ้องมองอย่างเงียบเชียบ ตวัดลิ้นสองแฉกอยู่กลางอากาศและชูคอโยกย้ายไปมาราวกับกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง ในตอนแรกพวกมันทำท่าเหมือนจะเลื้อยเข้ามาใกล้ แต่ก็ไม่ได้ทำ เพียงครู่เดียวหลังจากนั้น งูทั้งหลายก็พากันแหวกทางให้ชายหนุ่มเดินไป และเลื้อยออกไปนอกหน้าต่าง

   ทันทีที่งูตัวสุดท้ายลับหายไปจากสายตา ร่างกายของชายหนุ่มก็กลับมาเคลื่อนไหวได้ดังปกติอีกครั้ง

   “คุณจันทร์! คุณจันทร์!” เมื่อคืนสติ ชายหนุ่มก็ทรุดตัวลงเขย่าปลุกภรรยาสาวเป็นการใหญ่

   “อืม.....อะไรกันคะ พี่ยศ” หญิงสาวขยับตัวงัวเงีย โงศีรษะขึ้นมาจากหมอนด้วยความสงสัย “พี่ยังไม่ออกไปทำไร่หรือคะ? เดี๋ยวจันทร์ไปเตรียมอาหารให้ก่อนไหม?”

   “เอ่อ...คือ....” เมื่อเห็นภรรยาไม่รู้เรื่อง เขาเองก็เริ่มอ้ำอึ้งเพราะเกรงว่าหากเล่าไปจะทำให้เธอหวาดกลัวเสียเปล่าๆ ยศจึงส่ายศีรษะก่อนจะห่มผ้าให้ภรรยาเช่นเดิม “ขอโทษที คือผมเผลอหลับเพลินแล้วฝันร้ายน่ะ”

   “ทำตัวเป็นเด็กเชียว” จันทร์หัวเราะ “ไม่นอนแล้วล่ะค่ะ จันทร์จะไปอาบน้ำแล้ว” เธอเลิกผ้า ก่อนจะลุกขึ้นเก็บที่นอนในขณะที่ยศลุกไปอาบน้ำอาบท่าที่ริมทะเลสาบ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังตกใจเรื่องงูไม่หาย หรือจะเป็นเพราะใกล้ฤดูฝน งูจึงเข้ามาอยู่ในบ้านคนเพื่อหลบฝนที่จะตก แต่ว่า เขาไม่เคยเห็นงูมากเท่านั้นมาก่อนเลยทั้งที่อยู่นี่ที่มาก็นานมากแล้ว

   หลังจากยศอาบน้ำเสร็จ จันทร์จึงไปอาบบ้าง เธอเปลื้องเสื้อผ้าเก่าออกจากร่างกาย เผยผิวเนื้อที่แตกต่างจากชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ทั้งเปล่งปลั่งและเนียนละเอียดราวกับเนื้อมุก จะมีรอยคล้ำแดดสักนิดก็หาไม่ เพียงแต่ร่างนั้นค่อนข้างผอมบางจากความยากจนที่ต้องเผชิญ

   จันทร์นั้น แต่เดิมเธอมีชื่อเต็มว่าจันทร์วนา เป็นบุตรสาวของนักธุรกิจในกรุงเทพสืบสกุลจากเชื้อเจ้าเก่าแก่ ส่วนยศเป็นหลานชายชาวไร่ที่เข้ามาเป็นคนงานในบ้านของจันทร์วนา ทั้งสองตกหลุมรักกันท่ามกลางเสียงคัดค้านและสายตาเยียดหยามของคนในบ้าน ในที่สุด เมื่อจันทร์วนาได้รู้ว่าตนกำลังจะถูกจับคลุมถุงชน เธอจึงตัดสินใจหนีออกมาจากบ้านพร้อมกับยศ ในตอนแรกนั้น กระท่อมหลังนี้มีปู่กับย่าของยศอยู่ด้วย แต่เมื่อเธอมาอยู่ได้ไม่นาน ทั้งสองก็มีอันจากลาไปด้วยโรคชรา ยศจึงทำอาชีพชาวไร่ต่อจากปู่และย่า โดนดูแลไร่มันที่ทั้งสองช่วยกันลงทุนและทำขึ้นมาจนเป็นรูปเป็นร่าง โดยที่จันทร์วนานั้นทำได้เพียงจัดหาสำรับอาหาร ทำงานบ้านเท่าที่จำทำได้ เพราะยศแทบจะไม่ให้เธอต้องทำอะไรเลย ซ้ำน้อยครั้งนักที่จะแตะต้องตัวเธอเยี่ยงสามีภรรยา นั่นเพราะยศยังถ่อมว่าเป็นผู้น้อยอยู่นั่นเอง

   จนตอนนี้ พวกเขาก็อยู่ร่วมชายคาเดียวกันมาสามปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโซ่ทองออกมาให้เชยชม

   การมาอยู่กระท่อมกลางป่าและไร่เช่นนี้เป็นสิ่งที่จันทร์วนาไม่เคยนึกเดียดฉันท์ เธอสามารถปรับตัวได้ไม่ยาก และคิดว่าป่านี้เป็นเพื่อนของเธอ ทว่าวันนี้เธอก็ต้องนึกแปลกใจเมื่อเธอพบงูกำลังเลื้อยผ่านกอหญ้าไปตอนที่เธอกำลังอาบน้ำ เพราะปกติแล้ว จันทร์วนาไม่ค่อยจะได้พบงูบ่อยนักเนื่องจากพวกมันค่อนข้างระวังที่จะปรากฏตัวให้ใครเห็น

   ในตอนแรก จันทร์วนาก็ไม่ได้คิดอะไร แต่อาบน้ำไปครู่หนึ่ง เธอก็แทบจะกรีดร้องเมื่อพบว่ารอบตัวของเธอเต็ทไปด้วยงูใหญ่น้อย ทั้งลาบเลื้อยอยู่บนฝั่ง ว่ายลงมาในน้ำ และห้อยโหนอยู่บนต้นไม้ จันทร์วนาตัวแข็งทื่อไม่รู้จะทำอย่างไร ทว่าก็น่าแปลก ที่งูเหล่านั้นไม่ได้เข้ามาใกล้เธอเลย พวกมันเพียงเลื้อยอยู่ห่างๆเสมือนกำลังระวังอันตรายให้เสียมากกว่า

   จันทร์วนาทำใจอยู่นานกว่าจะขยับตัวอีกครั้ง และรีบขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าบนฝั่ง ในตอนนั้น งูก็ค่อยๆเลื้อยหายเข้ารกเข้าพงไปทีละตัว ทีละตัวจนหมด....

   เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้จันทร์วนาย้อนนึกไปถึงความฝันของเธอเมื่อคืนนี้

   เธอฝันว่าในขณะที่เธอหลับอยู่นั้น ร่างกายของเธอพลันเบาโหวงราวกับลอยอยู่บนผิวน้ำ สรรพสิ่งรอบกายไร้ความเคลื่อนไหว ทันใดนั้นที่เธอลืมตาขึ้น เธอก็พบว่าเธอกำลังถูกจ้องมองโดยนาคตัวใหญ่ที่มีตาสีแดงก่ำ มันโผล่พ้นขึ้นมาจากน้ำเพียงส่วนหนึ่ง ที่เหลือพันขดอยู่ใต้ผิวน้ำเป็นที่นอนของเธอ

   ตอนที่นาคเคลื่อนกายเข้ามาใกล้นั้น จันทร์วนาไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย แม้แต่ตอนที่นาคตนนั้นเปล่งแสงจะกลายเป็นดวงมณีเล็กจ้อยลอยเข้าสู่อุ้งมือของเธอ

   ระหว่างที่เธอกำลังจ้องมองดวงมณีนั้นอยู่ เธอก็กลับถูกกระชากให้ตื่นขึ้นโดยแรงเขย่าตัวจากสามีของเธอเอง

   สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น จันทร์วนาเลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้ในใจ และเมื่อเป็นเช่นนี้ไปชั่วระยะหนึ่ง จันทร์วนาก็เริ่มคุ้นชินกับมัน ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเพียงสองเดือนนับแต่วันแรกที่เกิดเหตุการณ์ประหลาดนั้น จันทร์วนาก็เกิดเวียนหัวและคลื่นไส้ขึ้นมา เธออาเจียนและรู้สึกไม่อยากอาหาร ทำให้ยศนึกเป็นห่วง

   “ไปโรงพยาบาลดีกว่านะ คุณจันทร์” ยศว่า

   “เดี๋ยวก็หายน่าพี่ยศ ไปโรงพยาบาลมันแพงจะตายไป” จันทร์วนาตอบ เธอรู้แก่ใจดีว่ารายได้ของครอบครัวนั้นน้อยยิ่งกว่าน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเศรษฐกิจอย่างนี้ ดังนั้นเมื่อใดที่เกิดเป็นไข้ไม่สบายขึ้นมาก็มักจะปล่อยให้หายเองโดยไม่พึ่งหมอ แต่ว่าหลังจากผ่านไปอาทิตย์เต็มๆ กลับไม่มีอะไรดีขึ้นแม้แต่น้อย จันทร์วนาจึงต้องยอมให้ยศพาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คสุขภาพที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ

   และก็เป็นอย่างที่รู้กันสำหรับโรงพยาบาลรัฐ ทั้งที่พวกเขาไปถึงตั้งแต่ตีห้า กลับได้คิวตรวจเสียบ่าย ช่วงเวลานั้นจันทร์วนาก็ได้แต่นั่งผะอืดผะอมกับอาการคลื่นเหียนที่ไม่รู้สาเหตุ และเมื่อทั้งสองได้พบกับหมอ ผลที่ออกมา ทำให้ทั้งสองตกใจยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น

   “ท้องหรือคะ!?” จันทร์วนาถามย้ำ

   “ครับ ผลออกมาว่าคุณกำลังท้องแน่นอน ผมขอแนะนำให้คุณทำเรื่องฝากครรภ์เอาไว้ก่อน และมาตรวจทุกครั้งที่หมอนัดนะครับ” นายแพทย์วัยกลางคนท่าทางใจดียิ้มให้เพื่อแสดงความยินดีแก่คู่รักทั้งสอง พร้อมกับขยับมือเขียนใบสั่งยาพร้อมกับเอกสารนัดตรวจแนบไป ทว่าราคาค่าตรวจนั้นทำให้ทั้งสองแทบลมจับ ครั้งต่อๆไปก็ยังจะต้องเสียแบบนี้อีกหลายครั้ง แค่นึกก็ทำให้ขวัญผวาแล้ว

   “พี่ยศ....ฉันว่าไม่ต้องฝากครรภ์หรอก คนสมัยก่อนยังคลอดกันเองได้เลย” จันทร์วนากล่าว

   “จะบ้าหรือคุณจันทร์! ถ้าลูกเป็นอะไรไปจะทำยังไง!” ยศโวยลั่นอย่างลืมตัว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เด็กคนนี้ก็เป็นลูกของเขากับจันทร์วนา หากว่าเด็กคนนี้จะเป็นอะไรไป เขาสู้ยอมทำงานไม่ลืมหูลืมตาเพื่อพยุงรักษาไว้ให้ดีที่สุดเสียจะดีกว่า และในวินาทีที่เขาคิดขึ้นมาเช่นนั้น คือวินาทีที่เขารู้ตัวว่าได้เป็นพ่อคน....ความรู้สึกบางอย่างรื้นล้นขึ้นมาจนถึงคอ เมื่อสำนึกถึงความรักของความเป็นพ่อซึ่งพึงมีต่อลูกของตน เป็นความรักแบบเดียวกับที่พ่อของจันทร์วนามีให้กับหญิงสาวผู้นี้ซึ่งเป็นดังแก้วตาดวงใจ ดวงแก้วล้ำค่าที่ถูกเขาช่วงชิงมา หัวใจของผู้เป็นพ่อจะเจ็บปวดปานแหลกสลายแค่ไหน

   “แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะ?” จันทร์วนาเอ่ยขึ้นอย่างกังวล เธอรู้ว่ายศไม่มีทางส่งเสียได้จนถึงกำหนดคลอด

   “ผมพอมีหนทาง.....เอาอย่างนี้ คุณจันทร์ไปรอผมที่รถก่อนนะ ผมจะไปทำธุระสักครู่ เดี๋ยวผมตามไป” ยศพูดเพื่อให้อีกฝ่ายคลายใจ และพยุงจันทร์วนาไปส่งถึงรถปิ๊กอัพเก่าๆ ส่วนเขาก็เดินย้อนกลับเข้ามาในโรงพยาบาล และมองหาตู้โทรศัพท์ เขากดต่อสายไปยังเบอร์หนึ่งซึ่งเขานึกอยากโทรหลายครั้งแต่ไม่เคยกล้า

   “สวัสดีค่ะ บ้านชลวรินทร์ค่ะ ต้องการเรียนสายใครคะ?” เสียงหญิงรับใช้ในบ้านกล่าวขึ้น

   “ยายพิม นั่นยายพิมใช่ไหม?”ยศเอ่ยถามเสียงสั่นพร่า

   “เอ๊ะ? นั่น.....เจ้ายศ! แกคือเจ้ายศใช่ไหม!” เสียงฝ่ายนั้นร้องดังขึ้น ก่อนจะรีบหรี่เสียงลงกลายเป็นกระซิบกระซาบ “แกนะแก โทรมาทำอะไรเอาป่านนี้ แกจะทำให้คนแก่หัวใจวายใช่ไหม!” เสียงยายพิมฟังดูคล้ายกำลังจะร้องไห้
   ยายพิมคือคนที่เลี้ยงดูจันทร์วนามาแต่เล็กแต่น้อยแทนแม่ที่เสียไปทั้งที่ยังสาว และเป็นญาติของยศซึ่งแนะนำให้เจ้าตัวเข้ามาทำงานในบ้าน เธอรักทั้งยศและจันทร์วนาเหมือนลูกในไส้ ในตอนที่เกิดเรื่องขึ้น ยายพิมก็แทบจะลมจับถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อไปร่วมอาทิตย์

   “ขอโทษที่โทรมาป่านนี้ครับยายพิม เอ่อ.....คุณท่านอยู่ไหมครับ?” ยศดูไม่ค่อยจะแน่ใจนักเมื่อเอ่ยถึงคนที่จนถึงบัดนี้คงจะยังโกรธแค้นเขาไม่เสื่อมคลาย

   “คุณท่านออกไปทำงาน แต่ท่านยังโกรธแกไม่หาย ยายว่าท่านคงไม่ยอมคุยกับแกหรอก” เสียงยายพิมดูอ่อนระโหย “แล้วนี่คุณหนูจันทร์แกเป็นยังไงบ้าง สบายดีใช่ไหม?”

   “ผมจะคุยกับคุณท่านเรื่องนี้นั่นแหละครับ....” ยศเว้นวรรคไปครู่หนึ่งอย่างชั่งใจ “เอ่อ....คุณจันทร์.....กำลังท้องครับ....”

   “อะไรนะ!” เสียงยายพิมร้องดังลั่น ก่อนจะตามด้วยเสียงตึงตังจากอีกฝากของสายโทรศัพท์ “โอ๊ย! ตาเถรยายชี! ยาดม! ขอยาดมหน่อยนังกิ่ง!” แล้วเสียงยายพิมก็เงียบไปครู่หนึ่ง แต่มีเสียงพึมพำไม่ได้ศัพท์มาจากฝั่งนั้นแทน คงเป็นเสียงกิ่งแก้ว หลานสาวของแกกำลังตำหนิที่แกออกอาการจนตกอกตกใจกันไปทั้งครัว ซ้ำตัวเองยังจะมาเป็นลมเสียแทน

   “ยายพิม ผมฝากบอกคุณท่านด้วยนะครับ แล้วผมจะติดต่อไปใหม่” ยศตัดบทเพราะหากนานไปจันทร์วนาจะนึกสงสัย

   “เออๆ ฉันจะบอกคุณท่านให้” เสียงของยายพิมยังไม่ค่อยดีนัก และมีเสียงสูดยาดมแทรกมาเป็นช่วงๆ “แกก็รักษาเนื้อรักษาตัวด้วยล่ะ ดูแลคุณหนูดีๆด้วย”

   “ครับ ผมทราบแล้วครับ” ชายหนุ่มว่าก่อนจะวางสายไป เขาถอนหายใจหนักออกมาเฮือกหนึ่ง มือของเขายังสั่นไม่หายตอนที่บอกขอสายคุณท่านใหญ่แห่งบ้านชลวรินทร์หรือพ่อของจันทร์วนา ยศกำมือที่สั่นเทาแน่นแล้วหลับตาลง มีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่เขาจะทำได้ เขาคิดเช่นนั้นก่อนจะผินหลังกลับไปยังรถปิ๊กอัพที่จอดรออยู่ โดยจันทร์วนาออกมายืนรอข้างนอก

   เมื่อยศกลับมา หญิงสาวก็ถามด้วยความสงสัย

   “ไปไหนมาคะพี่ยศ จันทร์รอตั้งนาน”

   “อ้อ ผมไปหาเพื่อนที่เป็นหมอที่นี่มาน่ะคุณจันทร์ เรื่องลูกของเรานั่นแหละ คุณจันทร์ไม่ต้องเป็นห่วง” ยศตอบด้วยรอยยิ้มลำบากใจพลางพยุงจันทร์วนาให้ขึ้นนั่งบนรถ

   “รบกวนเพื่อนพี่ยศเปล่าๆ” เธอว่า

   “ไม่หรอก เดี๋ยวค่อยทยอยใช้มันทีหลัง” ชายหนุ่มพูดเพื่อให้จันทร์วนาสบายใจทั้งที่ใจเขานั้นกำลังเป็นกังวลอย่างหนัก หากว่า....คุณท่านโกรธจนไม่ยอมรับรู้อะไรอีกแล้วล่ะ....


------------------------------>


   สิ่งที่ยศคิดนั้น ได้คำตอบในอีกหลายวันถัดมา เมื่อเขาโทรไปที่บ้านอีกครั้ง และพบว่าคุณท่านไม่อยู่ และยายพิมเป็นคนรับสาย เสียงแกตะกุกตะกักเหมือนจะร้องไห้

   “คุณท่านบอกว่าจะรับเป็นภาระค่าใช้จ่ายจนกว่าจะคลอดให้แก”

   “จริงหรือครับ!” ยศถามย้ำอย่างลิงโลด แต่แล้ว ประโยคต่อมาก็ทำให้ห่อเหี่ยวไปในทันที

   “แต่คุณท่านแกบอกว่า แกมีเงื่อนไข คือต้องยกลูกคนนั้นให้แก ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ตาม”

   เสียงของยายพิมเหมือนฟ้าผ่ากลางแจ้ง ยศแทบจะล้มทั้งยืนเมื่อรู้ว่าตนไม่มีทางเลือกใดนอกจากตอบตกลง แต่เรื่องนี้เขาจะบอกกับจันทร์วนายังไงดี.....จันทร์วนาจะยอมหรือหากรู้ว่าต้องยกลูกให้กับคนอื่นโดยที่ตนไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้อุ้มชูอย่างที่แม่อื่นๆได้ทำ

   ยศเก็บงำเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไม่บอกจันทร์วนา แต่ใช่ว่าเขาไม่อยากบอก แต่เพราะไม่รู้ว่าควรจะบอกอย่างไร จนเวลาล่วงเลยมาใกล้กำหนดคลอด ยศต้องตื่นขึ้นกลางดึกเมื่อได้ยินเสียงครวญครางของผู้เป็นภรรยา เสียงนั้นบ่งบอกถึงความเจ็บปวดเหลือประมาณ ยศลืมตาผุดลุกขึ้นหมายจะถามว่าเป็นอะไร แต่เขาก็ต้องชะงักค้างเมื่อเห็นงูตัวหนึ่งเลื้อยขึ้นมาพันขดบนหน้าท้องกลมเป่งนั้น ยศรีบหันไปหาไม้ ทว่าเมื่อเขาหันกลับมา งูตัวนั้นก็กำลังจ้องหน้าเขา ลูกนัยน์ตาเรียวรีน่าขนลุกของมันกำลังจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา และแล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในสมอง ราวกับงูตัวนั้นกำลังพูด

   .....ในน้ำ......ต้องเกิดในน้ำ.....

   สิ้นเสียง งูตัวนั้นก็ส่งเสียงฟ่อครั้งหนึ่ง แล้วเลื้อยจากไป อาการเจ็บปวดของจันทร์วนาก็ค่อยทุเลาลง เธอหลับไปอีกครั้งพร้อมกับความค้างคาในใจของยศ

   รุ่งเช้า ยายพิมก็โทรมาหา

   “เจ้ายศ คุณท่านบอกว่าให้พาคุณจันทร์มาฝากท้องที่โรงพยาบาลในกรุงเทพแน่ะ”

   “เอ๋ ทำไมล่ะครับ โรงพยาบาลเอกชนแถวๆนี้ก็ได้” ยศสงสัยเป็นอย่างมาก เพราะการเดินทางไปกรุงเทพนั้นไม่ใช่ง่ายๆเลย ซ้ำหากไปฝากครรภ์ที่กรุงเทพ เขาก็ต้องทิ้งไร่ไปหาที่พักอยู่ใกล้ๆ เพื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้นจะได้พาจันทร์วนาไปโรงพยาบาลได้ทันเวลา

   “คุณท่านแกบอกว่า.....” เสียงยายพิมกลายเป็นเสียงกระซิบ “....แกฝันว่ามีพญานาคมาบอกแก ให้ทำคลอดเด็กในน้ำเท่านั้น แกเลยให้มาติดต่อฝากครรภ์กับโรงพยาบาลที่มีบริการทำคลอดในน้ำน่ะสิ”

   คำของยายพิมทำให้ยศแข็งค้างไปชั่วขณะ สิ่งที่งูตัวนั้นพูด เขาไม่ได้คิดไปเอง มือของยศสั่นขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ตั้งแต่เรื่องงูในห้องนอน และต่อมาก็มักจะมีงูเข้ามาอยู่ในบ้าน จนล่าสุดนี้ ยศชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าลูกของตนเป็นอะไรกันแน่

   “ยศ เจ้ายศ! ยังอยู่หรือเปล่า!” เสียงยายพิมก้องอยู่ในหูและดังขึ้นจนตื่นจากภวังค์

   “ครับ....ครับ ยังอยู่ครับ” เขาตอบกลับไป

   “เออ ฉันก็ตกใจนึกว่าแกเป็นลมไปซะแล้ว มันก็แค่ฝันเท่านั้นแหละ นาคเนิกมีที่ไหนกัน” ยายพิมว่า “แต่คุณท่านแกอยากทำให้สบายใจ นี่ก็ส่งตั๋วเครื่องบินไปแล้ว พรุ่งนี้คงถึง คุณท่านหาที่พักไว้ให้แล้วด้วยที่อยู่อยู่ในซองที่ส่งตั๋วเครื่องบินไปนั่นแหละ แกก็รีบพาคุณจันทร์มาก็แล้วกัน”

   “ทราบแล้วครับ ฝากขอบคุณคุณท่านด้วยนะครับยายพิม ถ้ามีโอกาสผมจะไปกราบท่านให้ได้”

   “เอาเรื่องของแกให้พ้นก่อนเถอะ” ยายพิมทิ้งท้ายก่อนจะวางสายไป


----------------------------->
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2011 16:04:17 โดย ZIar »

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1
«ตอบ #1 เมื่อ01-02-2011 14:53:23 »



   วันต่อมา ก็มีจดหมายด่วนพิเศษมาถึงที่บ้านจริงๆ ในนั้นมีตั๋วเครื่องบินสองใบกับกระดาษซึ่งเขียนที่อยู่กับแผนที่อย่างชัดเจน ยศรีบขับรถเข้าไปในตัวเมือง นัดแนะขอให้เพื่อนเอารถมารับตนกับจันทร์วนาไปสนามบินตามวันเวลาของไฟลท์บิน ก่อนจะกลับไปบอกจันทร์วนาให้เตรียมตัวไปกรุงเทพ โดยจัดเก็บของที่จำเป็นลงกระเป๋าทั้งหมดจนจันทร์วนาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเธอถาม ยศก็บอกเพียงว่าเพื่อนของเขาแนะนำให้ไปฝากท้องที่กรุงเทพ และเพื่อนของเขาได้จัดหาที่อยู่ไว้ให้แล้ว

   ทั้งสองออกเดินทางในสองวันถัดมา โดยหลังลงจากเครื่องบิน ทั้งสองก็โบกรถแท็กซี่ให้พาไปบ้านซึ่งปรากฏในแผนที่

   บ้านที่ปรากฏต่อสายตาทำให้ทั้งยศและจันทร์วนางุนงงจนถึงขั้นตกตะลึง เพราะมันเป็นบ้านจัดสรรราคาแพงในหมู่บ้านแถบชานเมือง ซ้ำภายในยังมีอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ครบครัน มีสวนเล็กๆอยู่รอบบ้านสำหรับจัดสวนและนั่งเล่นยามว่าง

   “เพื่อนพี่ยศนี่เป็นใครกันคะ?” จันทร์วนาเอ่ยถามพร้อมกับเดินเข้าไปในบ้าน

   “เอ่อ....พอดีหมอนี่มันรวยน่ะ พอผมบอกว่าคุณจันทร์ท้องมันก็ตกใจโวยวายใหญ่ สงสัยจะตกใจไม่หายเลยหาบ้านให้เสียเว่อร์” ยศโป้ปดคำโตโดยไม่กล้ามองหน้าภรรยาของตน เขานำกระเป๋าไปเก็บในห้องนอนที่ชั้นสอง แล้วเดินลงมาพยุงจันทร์วนาไปเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปโรงพยาบาล และที่โรงพยาบาลนั้น ทั้งสองก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่ามันเป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำที่ค่าบริการแพงจนขนหัวลุก

   “เพื่อนคนนี้ชักไม่ธรรมดาแล้วนะคะ” หญิงสาวตั้งข้อสังเกตพร้อมมองยศอย่างจับผิด

   “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน รีบเข้าไปกันเถอะคุณจันทร์” ยศตัดบทสั้นๆ แล้วพาหญิงสาวเข้าไปในโรงพยาบาล น่าแปลกที่ทั้งสองได้รับการบริการอย่างดีทั้งที่แต่งตัวธรรมดาๆ โดยปกติแล้วควรจะโดนเลือกปฏิบัติ แต่ดูเหมือนว่าจะมีคนแจ้งล่วงหน้าว่าพวกเขาจะมา และต้องเป็นคนใหญ่คนโตจนเป็นบุคคลระดับที่คู่ควรกับการบริการของที่นี่เป็นแน่

   ในที่สุด จันทร์วนาก็ได้ฝากท้องที่โรงพยาบาลแห่งนี้ และเทียวไปเทียวมาบ่อยขึ้นเนื่องจากใกล้ถึงกำหนดคลอดเต็มที


----------------------------->


   และแล้ววันแห่งความยินดีก็ดำเนินมาถึง ยศเดินวนไปมาอย่างกระวนกระวายอยู่หน้าห้องคลอด เขาไม่กล้าเข้าไปดู และได้แต่รออยู่ข้างนอก และในระหว่างที่เขากำลังเฝ้ารอด้วยความทรมานใจอยู่นั้น หูของเขาก็ได้ยินเสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นเป็นจังหวะหนักแน่นที่คุ้นเคยยากจะหาใครเลียนแบบ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากพื้น ประสบสายตาเข้ากับดวงตาสีดำดุดันดูเจ้าระเบียบและเข้มงวด ทันทีที่โดนสายตานั้นจ้องมอง ยศก็รู้สึกเหมือนตนเองร่างกายหดเล็กลง เขาก้มหน้าอย่างนอบน้อมและถ่อมตัวเฉกเดียวกับครั้งที่ยังทำงานรับใช้ในรั้วบ้านชลวรินทร์

   “สวัสดีครับ คุณท่านพงษ์ศักดิ์” เขายกมือไหว้อย่างนอบน้อมที่สุดเท่าที่คนบ้านนอกอย่างเขาจะทำได้

   “จันทร์วนาล่ะ?” น้ำเสียงเข้มดุเอ่ยถามโดยไม่นำพาต่อคำทักทาย

   “เข้าห้องทำคลอดไปแล้วครับ” ยศหน้าเจื่อนไป ก่อนจะถอยเพื่อให้พงษ์ศักดิ์นั่งลง โดยตนเองไม่กล้าแม้แต่จะเยื้องกรายเข้าไปใกล้หรือแสดงท่าทีประจบสอพลอในฐานะลูกเขย เขาเพียงแต่ยืนอยู่ห่างๆ ก้มหน้าก้มตาในฐานะบ่าวเช่นที่เคยเป็น

   เสียงเด็กร้องจากในห้องคลอดปัดเป่าบรรยากาศน่าอึดอัดไปจนสิ้น นางพยาบาลหน้าแฉล้มเดินออกมาพร้อมเด็กน้อยในห่อผ้า พงษ์ศักดิ์เดินเข้าไปดูเป็นคนแรกเพราะยศไม่กล้าออกหน้าก่อน ชายวัยกลางคนมองดูเด็กน้อยตัวเล็กแดงนั้นด้วยสายตาที่แสดงถึงความรักและความกรุณาอย่างที่สุด เขาขยับเปิดผ้าที่บังใบหน้าเด็กน้อยออกแล้วมองดูดวงหน้านั้นชัดๆ

   “เพศอะไร?” เขาเอ่ยถาม เสียงของเขาอ่อนลงมากทีเดียว

   “ผู้ชายค่ะ” นางพยาบาลตอบยิ้มแย้มก่อนจะพาเด็กน้อยไปยังห้องเด็กอ่อน แพทย์ผู้ทำคลอดจึงเดินมาหาพงษ์ศักดิ์และยศ

   “เด็กแข็งแรงดีมากเลยครับ ส่วนแม่เด็กก็สุขภาพดีมาก ไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อเด็กครับ?”

   “ผมเองครับ” ยศตอบเสียงอ้อมแอ้ม

   “อ้อ คุณนี่เอง ภรรยาของคุณบอกว่าให้คุณเป็นคนตั้งชื่อให้ลูก ผมขอชื่อด้วยนะครับ” นายแพทย์หนุ่มกล่าว

   “เอ่อ...ผม.....” ยศอ้ำอึ้งไป เขามองหน้าพ่อตาตนเองก่อนจะหลบตาอีกครั้ง “ผมให้...เอ่อ....คุณท่านเป็นคนตั้งดีกว่าครับ”

   “ดี” พงษ์ศักดิ์ตอบสั้นๆ “งั้นฉันให้ชื่อสัตยา”

   “เป็นชื่อที่ดีทีเดียว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ตอนนี้แม่เด็กกำลังพักผ่อน จะเข้าไปเยี่ยมก็ได้แต่อย่าทำเสียงดังล่ะครับ” แล้วนายแพทย์หนุ่มหน้าตายิ้มแย้มก็เดินจากไป ทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดกดทับลงมาบนตัวของยศอีกครั้ง

   “ฉันจะไปดูจันทร์วนา” พงษ์ศักดิ์เอ่ย ยศจึงรีบกุลีกุจอเดินนำทางไปในทันที

   เมื่อเข้ามาในห้องพัก ยศก็พบว่าจันทร์วนาตื่นอยู่และกำลังจ้องมองมาทางเขา และมองเลยไปทางด้านหลังซึ่งพงษ์ศักดิ์ยืนอยู่ด้วยท่าทีนิ่งสงบดูเย็นชาอย่างเคย

   “จันทร์ว่าแล้วเชียว” จันทร์วนากล่าว เสียงของหญิงสาวดูไม่ขัดเคืองนักเมื่อรู้ความจริง ราวกับว่าเธอสามารถคาดเดาได้อยู่แล้ว “คุณพ่อจะมาเอาลูกของหนูไปหรือคะ?” เธอหันไปมองพ่อตนเอง ซึ่งบัดนี้กำลังจ้องมองมาด้วยสายตาที่แสดงถึงความปวดร้าวอยู่ลึกๆ

   “ใช่” เสียงดุดันนั้นตอบชัดเจนจนยศรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว แต่จันทร์วนากลับรอฟังต่ออย่างใจเย็น “แต่ฉันจะฝากแกเลี้ยงไปก่อนจนกว่าจะหย่านม แล้วฉันค่อยรับมาอยู่ที่บ้านชลวรินทร์ ต่อจากนี้แกกับนายยศต้องอยู่ในบ้านที่ฉันหาให้ เลี้ยงหลานของฉันดีๆก็แล้วกัน” ว่าแล้ว พงษ์ศักดิ์ก็หันไปหาคนขับรถที่มาด้วยกัน “ประเสริฐ ไปเอารถมา ฉันจะกลับแล้ว”

   “คุณพ่อคะ.....หนูขอโทษ...” เมื่อพงษ์ศักดิ์ผินหลัง จันทร์วนาก็กล่าวขึ้นมา ทันใดนั้น ความเงียบยาวนานก็เกิดขึ้นท่ามกลางคนทั้งสาม พงษ์ศักดิ์นิ่งไปในขณะที่จันทร์วนาจ้องมองแผ่นหลังเหยียดตรงของพ่อด้วยความรู้สึกผิด คำขอโทษที่อยากจะเอื้อนเอ่ยมาสามปี และอยากจะอธิบายถึงเหตุผลที่ทำให้พ่อผิดหวัง ทว่าเธอกลับขี้ขลาดจนปล่อยปละละเลยมาถึงวันนี้ เดือดร้อนยศต้องมาเชื่อมประสานสัมพันธ์แทน และปล่อยให้พ่อต้องปวดร้าวกับสิ่งที่เธอทำลงไป

   เมื่อความเงียบยังคงดำรงอยู่ ยศจึงเดินเข้าไปใกล้พงษ์ศักดิ์และทรุดตัวลงคุกเข่ากราบเท้าคุณท่านซึ่งเคยเมตตารับเด็กบ้านนอกอย่างเขาเข้าทำงาน แต่เขากลับทำให้คนๆนี้ต้องผิดหวังอย่างมากมาย

   “ลูกของแกชื่อสัตยา” พงษ์ศักดิ์กล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบ เสียงของเขาอ่อนลงทว่ายังคงความดุดันเหมือนเก่า “หลังจากลูกแกเข้ามาเป็นคนในบ้านชลวรินทร์แล้ว แกจะมาเยี่ยมเมื่อไหร่ก็ตามใจ แกก็หางานทำในกรุงเทพซะนายยศ ฉันจะฝากงานให้” ว่าแล้ว พงษ์ศักดิ์ก็เดินออกไปจากห้อง ยศจึงลุกขึ้นมาทั้งน้ำตานองหน้า เดินเข้าไปกอดจันทร์วนาที่กำลังร้องไห้อยู่เช่นกัน

   “คุณท่านยกโทษให้เราแล้วคุณจันทร์” ยศพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

   “คุณพ่อยกโทษให้พี่ยศนานแล้วล่ะค่ะ” จันทร์วนากล่าวแล้วหลับตาลงเพื่อพักผ่อน ครั้งนี้เธอจะหลับไปด้วยรอยยิ้ม....

   สัตยาหมายถึงคำสัตย์ แทนความสัตย์ซื่อซึ่งยศมีให้กับจันทร์วนาและพงษ์ศักดิ์ ทว่านามนี้ในใจของนาคผู้กำเนิดในร่างมนุษย์นั้น กลับหมายถึงสัตย์อธิษฐานที่ตนเคยให้ไว้ ว่าตนจะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และแก้แค้นครุฑ ศัตรูคู่ชาติแต่ปางก่อนให้จงได้.....

   จากโรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้น มาสู่โรงพยาบาลรัฐในอีกฟากของเมือง ก็ได้มีเด็กทารกถือกำเนิดในเวลาเดียวกัน เด็กคนนั้นเกิดมามีปานแดงรูปปีกปรากฏบนสบักหลังทั้งสองข้าง จึงได้ชื่อว่า รักตปักษ์ หมายถึงผู้มีปีกสีแดง ซึ่งเป็นอีกนามหนึ่งในหลายนามของครุฑ เขาได้จุติมากับดาวตกในวันที่นาคเข้าไปในท้องของหญิงชาวมนุษย์ เพื่อทำคำอธิษฐานในอดีตกาลให้เป็นจริง....


---------------------------->


   หลายเดือนผ่านไป สัตยาก็ถึงกำหนดหย่านม จันทร์วนาจึงโทรไปหาพงษ์ศักดิ์เพื่อให้มารับสัตยาไปตามสัญญา ในคราแรก ทั้งจันทร์วนาและยศต่างก็กลัวว่าลูกของตนจะดื้อไม่ยอมไปกับตา เพราะเด็กส่วนใหญ่มักจะติดแม่จนไม่ยอมไปไหนกับใคร หากห่างแม่ก็จะงอแงไม่ฟังคำ แต่แล้วทั้งสองก็ต้องแปลกใจ เมื่อพงษ์ศักดิ์มาถึง สัตยาก็คลานเข้าไปหาโดยไม่มีใครต้องบอก และจ้องมองตาของตนอย่างใคร่รู้ สัตยาไม่งอแงหรือร้องไห้แม้สักนิดตอนที่พงษ์ศักดิ์อุ้มออกไป นับเป็นเด็กที่แปลกทีเดียว

   สัตยากลายเป็นคุณชายน้อยของบ้านชลวรินทร์เต็มตัว ทว่าเขากลับแปลกเด็ก เพราะไม่ยอมให้ใครแตะตัวเลยนอกจากพงษ์ศักดิ์ซึ่งเป็นตา พอมีใครจะมาอุ้ม สัตยาก็จะร้องไห้เสียงดังทันที พงษ์ศักดิ์จึงมักจะอุ้มหลานไปทำงานด้วยเสมอ เป็นที่เอ็นดูของเหล่าพนักงานสาวที่อยากจะเล่นกับเด็กน้อย แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะสัตยาดื้อหนัก ไม่ยอมให้แตะแม้ปลายผม

   “เขาอยากรักษาพรหมจรรย์” พงษ์ศักดิ์เคยแซวหลานตัวเองเช่นนั้น เพราะสัตยาเป็นเด็กหน้าตาน่ารัก ผิวขาว แก้มชมพู ปากแดง ตากลมโต ปากและจมูกเล็กจิ้มลิ้ม ทำให้คนมองเผลอคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงหลายครั้ง

   สัตยาเป็นเช่นนั้นจนหลายปีก็ไม่ยอมหาย ไม่ยอมสัมผัสใครและไม่ให้ใครสัมผัส จนมีปัญหากับเพื่อนในโรงเรียนอนุบาล เนื่องจากความหวงตัวนี้ทำให้หัวโจกของห้องเกิดหมั่นไส้ จึงคิดจะรังแก ทว่าเมื่อเอื้อมมือไปหมายจะทำร้าย เด็กคนนั้นก็ร้องออกมาเป็นการใหญ่จนทั้งครูและผู้ปกครองแถวนั้นตกอกตกใจวิ่งเข้ามาดู ในตอนแรกทุกคนเห็นว่าไม่มีอะไร แต่เมื่อจับเด็กคนนั้นให้แบมือออก ก็พบว่ากลางมือถูกของมีคมบาดเป็นรอยยาวเหมือนโดนเกล็ดบาด สัตยาซึ่งอยู่ห่างออกไปมองดูเพื่อนคนนั้นอย่างเย็นชา พ่อแม่ของเด็กคิดจะเอาเรื่องแต่ไม่อาจหาหลักฐานได้ว่าสัตยาเป็นคนทำ จึงต้องเลิกราไป

   เมื่อสัตยาอายุได้สิบปี มีวันหนึ่งที่งูเข้ามาในบ้าน กิ่งแก้วหลานสาวยายพิมจึงฉวยไม้หมายจะตีงูให้ตาย สัตยาก็เดินเข้ามาห้ามไว้

   “หยุดนะกิ่งแก้ว”

   “คุณยา! อย่าเข้ามานะคะ เดี๋ยวงูกัด” กิ่งแก้วร้องบอกด้วยความเป็นห่วงในสวัสดิภาพของนายน้อย แต่สัตยากลับเดินเข้ามาแล้วดึงไม้ออกจากมือกิ่งแก้ว

   “เขาไม่ทำอะไรหรอกหากเราไม่ทำเขา” สัตยาว่าก่อนจะหันไปทางงูตัวนั้น “ไปซะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า” เพียงแค่คำพูดนั้น งูก็ชูคอคล้ายรับคำ ก่อนจะเลื้อยออกไป เหตุการณ์นั้นทำให้กิ่งแก้วงงงันไม่หาย แต่ด้วยความเป็นคนมองโลกในแง่ดี กิ่งแก้วจึงคิดว่าเป็นเพราะสัตยาเป็นเด็กที่ไม่คิดมุ่งร้าย งูถึงได้ไม่ทำร้ายกระมัง

   สัตยาค่อยๆโตขึ้นจากเด็กน้อยเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่น ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักแปรเปลี่ยนเป็นคมคายติดจะหวาน ดวงตากลมทว่าคมปลาบเหมือนดวงตาของผู้เป็นตา จมูก ปาก และรูปหน้าเล็กเหมือนแม่ ผมดกดำเป็นเงาเหมือนพ่อ มองไปแล้วก็ให้นึกถึงดาราและนายแบบเด็กตามนิตยสาร ทว่ากลับมีเสน่ห์ดึงดูดแปลกตา ด้วยความรู้สึกเสมือนมองดูภาพเงาใต้ผืนน้ำ ทั้งยั่วยวนให้ลุ่มหลง ชักชวนมองพิศ และดึงดูดให้เข้าหา

   นอกจากนี้ สัตยายังเป็นเด็กฉลาด ชอบทำกิจกรรม แม้จะเข้ากับเพื่อนได้ไม่ดีนัก เขายังคงหลีกเลี่ยงที่จะสัมผัสผู้อื่นและชอบอยู่คนเดียวมากกว่าอยู่ในหมู่ผู้คน ผลการเรียนของเขาดีมากเป็นที่น่าชื่นชม ยายพิมถึงกับชมเปราะให้คนรับใช้คนอื่นฟังไม่เว้นวัน จนบางครั้งกิ่งแก้วก็ต้องคอยเบรกไม่ให้เกินเลย

   ในวันเกิดอายุครบสิบห้า สัตยาได้ของขวัญหลายชิ้นจากคนในบ้านซึ่งเป็นเรื่องปกติ คุณตาให้หนังสือปรัชญานักบริหาร ยายพิมกับกิ่งแก้วทำอาหารพิเศษให้ พ่อยศให้ลูกบอลสำหรับออกกำลังกาย ส่วนแม่จันทร์ก็ซื้อเสื้อตัวใหม่ให้ ทว่านอกจากของขวัญจากคนในบ้านและญาติคนอื่นแล้ว กลับมีของขวัญชิ้นหนึ่งส่งมาจากคนที่ไม่เขียนชื่อ มันเป็นกล่องกว้างประมาณห้าเซนติเมตร ยาวยี่สิบเซนติเมตร และสูงเพียงสามเซนติเมตร มองดูแล้วไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าของภายในเป็นสิ่งใด

   สัตยาเปิดดูด้วยความสงสัย ก่อนจะมุ่นคิ้วและเปลี่ยนสีหน้าเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธเมื่อพบว่าในกล่องนั้นบรรจุขนนกสีแดงสดอยู่อันหนึ่ง

   ครุฑ.....

   “อะไรน่ะลูก? ขนนกสวยดีนะ ใครส่งมาให้น่ะ?” ยศเอ่ยถามบุตรชายพลางมองดูของในกล่องและนึกสงสัยว่าทำไมสัตยาจึงทำหน้าไม่พอใจเช่นนั้น

   “ไม่รู้ครับ เพื่อนคงแกล้งเล่น” สัตยาโยนกล่องนั้นกลับไปบนโต๊ะ

   “เอ๋ แต่เป็นขนนกที่สวยมากเลยนะ เพื่อนของลูกอาจจะคิดว่าลูกชอบเลยส่งมาก็ได้” จันทร์วนาเก็บกล่องมาปิดเพื่อกันขนนกปลิวหาย “แม่เอาไปประดับหมวกให้ดีไหม?”

   “ไม่!” สัตยาร้องพร้อมกับผุดลุกขึ้นทันที ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างงงงวยกับปฏิกิริยาแปลกใหม่ เหตุเพราะแต่ไหนแต่ไรมา สัตยาจะเป็นเด็กสุขุมเยือกเย็น ไม่แสดงอารมณ์ต่อสิ่งใดมากนัก แล้วขนนกนี้มีอะไร สัตยาจึงต้องปฏิเสธเสียขนาดนั้น

   “นั่งลง สัตยา” พงษ์ศักดิ์เอ่ยเสียงเข้ม เด็กหนุ่มจึงค่อยนั่งลงด้วยหน้าตาบูดบึ้ง “แกก็เหมือนกันจันทร์วนา ลูกไม่ชอบแกจะไปยัดเยียดทำไม ยายพิม เดี๋ยวเอาขนนกนี่ไปทิ้งซะด้วยล่ะ ในเมื่อสัตยาไม่อยากเห็นก็ไม่ต้องเก็บไว้”

   “ค่ะคุณท่าน” ยายพิมรับคำก่อนนำกล่องใส่ขนนกสีแดงนั้นออกไป ท่าทีของสัตยาจึงอ่อนลง

   “มาๆ หลานตา จันทร์วนากับนายยศด้วย กินข้าวกินปลาให้สบายใจดีกว่า” พงษ์ศักดิ์กล่าวเมื่อสำรับกับข้าวพร้อมพรัก สัตยาจึงกลับสู่สภาพอารมณ์ปกติ กระนั้นในใจเขาก็ยังกรุ่นโกรธในสิ่งที่เห็น เพราะนั่นแสดงว่าครุฑรู้แล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน และอีกฝ่ายอยู่ใกล้ๆตัวเขานี่เอง ทว่าทั้งที่เขาทั้งเกลียดทั้งชังขนาดนั้น แม่ของเขายังจะเอามาทำหมวก หากจะต้องยอมให้ชิ้นส่วนใดของครุฑอยู่เหนือศีรษะ เขายอมตายเสียยังดีกว่า!

   ทว่า.....ขนนกสีแดงเส้นนั้นก็เป็นสัญญาณแรกและสัญญาณเดียวที่บ่งบอกถึงครุฑ เพราะหลังจากนั้น สัตยาก็ไม่พบสิ่งใดที่จะเชื่อมไปถึงครุฑได้อีกเลย ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดี เพราะเขาจะไม่รู้สึกรำคาญใจ มีเพียงการเดินผ่านธนาคารเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ เพราะมีครุฑประดับเด่นหราเสียจนแทบจะทิ่มลูกตา ซ้ำยังตั้งไว้สูงเหนือหัวเขาเสียอีก

   และจนกระทั่งวันนี้.....สัตยาได้กลายเป็นผู้บริหารที่อายุน้อยที่สุดของบริษัทในเครือชลวรินทร์ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและส่งออกสินค้าเกี่ยวกับผ้าไหมชั้นนำของประเทศบริษัทหนึ่งหลังจากพงษ์ศักดิ์เกษียณตัวเองจากตำแหน่งเพื่อให้หลานชายสุดที่รักรับช่วงต่อ หากจะกล่าวว่าคำอธิษฐานของสัตยาได้กลายเป็นจริงแล้วก็ถือว่าไม่ผิด เพราะเขากลายเป็นผู้กุมอำนาจที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจซึ่งเป็นระบบที่มีบทบาทอย่างมากในยุคปัจจุบัน เป็นที่โปรดปรานของพงษ์ศักดิ์ ชลวรินทร์ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเครือบริษัทนี้ขึ้นมา และด้วยเหตุนั้น สัตยาจึงกลายเป็นบุรุษซึ่งถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่ง มีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์บ่อยครั้ง และต้องไปร่วมงานเลี้ยงแทบไม่ซ้ำหน้าแขก รวมทั้งมีหญิงสาวมากมายพยายามจะผ่านสายตาให้เขาชายมอง

   “คุณสัตยา มีนักข่าวมาขอพบครับ” เลขาผู้มากประสบการณ์ของพงษ์ศักดิ์ยังคงติดตามรับใช้แม้จะเปลี่ยนผู้บริหารคนใหม่ด้วยความเชื่อมั่นในสายตาการเลือกคนของนายตนเก่า ทำให้สัตยารู้สึกไว้วางใจและมอบหมายให้ดูแลเรื่องรอบตัว

   “ให้เขารอในห้องรับแขก เดี๋ยวผมไป” สัตยากล่าวตอบพลางมองดูแบบกระเป๋าผ้าไหมในมือซึ่งเพิ่งสั่งให้ดีไซเนอร์ออกแบบมาใหม่ให้เป็นแฟชั่นประจำฤดูกาล

TBC



ทอร์ค กะ ถีบ สักนิด

นิยายเรื่องนี้เป็นแนวที่เซียร์ไม่ถนัดเอาซะเลยนั่นคือแนวไท๊ยไทยนั่นเองค่ะ=A=!
แต่ทำไมอยากแต่ง?
เพราะมันดันมีแรงบัลดาลใจผลักดันโครมใหญ่จนหัวทิ่มหัวตำหกคะเมนตีลังหา69ตลบ จนสมองกลับลำ อยากเขียนแนวไทยอิงตำนานขึ้นมาซะอย่างงั้น

และนี่คือแรงบันดาลใจของเซียร์ค่า~


เนื้อเพลง นาคราช

(ญ) รัก...จากดวงใจฉัน
ช่างเสกสรรค์...สวรรค์สวาท
มีฉันเธอเลอพิลาศ
โลมพิษสวาท...ขาดใจ

(ช) ฉัน...จูบเธอในฝัน
กอดคลอขวัญ...พันเลื้อยเปลือยไป
เราสำเริงเพลิงรักใคร่
จนร้อนจนไหม้...มอดทรวง

(ญ) โอ้ ดวงใจ...น้อยหนึ่งนี้
เมื่อมันมี...รักใหญ่หลวง
แดนฝันมันนั้นโชนช่วง
ดังล้านดวง...ดาริกา

(ช) รัก...จากดวงใจฉัน
ช่างเสกสรรค์...สวรรค์วิวาห์
รอรักเธอลอยฟ้าหล้า
มาซบดวงหน้า...แนบทรวง....


ไม่เห็นตรงที่เน้นกันใช่ไหมคะ....คะ....คะ.... :-[

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1
«ตอบ #2 เมื่อ01-02-2011 14:55:25 »

 :z13: :z13: :z13: :z13:เรื่องใหม่ๆ  จิ้มก่อนคนแรก  

เดี๋ยวอ่านจ้า

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #3 เมื่อ01-02-2011 15:18:25 »

อา........แฟนตาเซีย
ขอบคุณนะคะ จะติดตามแน่นอน
ชอบแฟนตาเซียเป็นชีวิตจิตใจ
ยิ่งแฟนตาเซียแบบไทยยิ่งปลื้มมาก ^o^

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #4 เมื่อ01-02-2011 15:22:39 »

รับเรื่องใหม่..ชอบแนวนี้ สนุกมาก :L2:
+1 เป็นกำลังใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2011 15:24:23 โดย Little Devil »

tonight

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #5 เมื่อ01-02-2011 15:25:19 »

ต้อนรับเรื่องใหม่นะคับ o13

แนวนี้ชอบมากๆๆๆ แนวนี้หาอ่านยากคับ รออ่านตอนต่อไปนะคับ สู้ๆๆ :L2:

pandaๅ123

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #6 เมื่อ01-02-2011 15:57:01 »

o13 สนุกอ่ะ น่าลุ้น น่าติดตาม
รอๆๆๆ รอตอนต่อไป  :z10:

hahn

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #7 เมื่อ01-02-2011 17:33:52 »

+1 ให้กำลังใจจ้า และมารอตอนต่อไป

แฟนตาซีอิงตำนานด้วย แต่ว่าจะดราม่าหรือ happy end ล่ะ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #8 เมื่อ01-02-2011 18:03:37 »

 :L1: :mc4:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #9 เมื่อ01-02-2011 18:09:50 »

อ่านแล้วขนลุกเลยอ่ะ ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

+1เลย อยากจะ+10เลยแต่+ได้แค่1 อิอิ แล้วมาต่ออีกนะคะ

 แปะลิงค์ เพลงด้วย ฟังแล้วเข้ากับบรรยากาศมากๆ


MV นาคราช (2534)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2011 18:19:32 โดย samsoon@doll »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
« ตอบ #9 เมื่อ: 01-02-2011 18:09:50 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ จันทร์ผา

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #10 เมื่อ01-02-2011 18:16:51 »

อ่านแล้วสนุกดีมาต่อบ่อยๆนะครับ :pig4:

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #11 เมื่อ01-02-2011 18:30:43 »

โอ้ว....
มาให้กำลังใจที่นี่ึคะ อ่านแล้วสนุกมากเลย  o13
ไม่ได้อ่านแฟนตาซีแบบนี้มานานแล้ว
นาค กับ ครุฑ  :o8:

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #12 เมื่อ01-02-2011 19:18:16 »

:m20: :m20: :m20:อ่านแล้ว  คนเขียนชื่อเซียร์ใช่มะ  เห็นได้ชัดว่าแรงบันดาลใจมาจากตรงที่เน้นแน่ๆ  5555


ยังไงก้ติดตามแน่ๆจ้า

มาบ่อยๆนะ

สู้ๆค่ะ

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #13 เมื่อ01-02-2011 19:27:55 »

อา... นานๆทีจะได้อ่านแบบตำนานไทย

เป็นปลื้ม...... ค่ะ !!

ออฟไลน์ วิหคท่องนภา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #14 เมื่อ01-02-2011 19:34:02 »

เคยอ่านแล้วค่า  เรื่องนี้สนุกมาก o13  รับรอง

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #15 เมื่อ01-02-2011 19:37:03 »

สุดยอดอ่า อ่านไปขนลุกไป
ยิ่งภาคอดีตนี่ภาษาสวยสุดๆ เลย
บวกเป็นกำลังใจให้นะคะ จะรอติดตาม
ปล...เคยลงที่ไหนมาก่อนเหรอคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2011 19:41:01 โดย JJHJJH »

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #16 เมื่อ01-02-2011 19:37:38 »

น่าติดตามมากค่ะ

ออฟไลน์ kazhiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #17 เมื่อ01-02-2011 19:57:33 »

ชอบแนวนี้มากเลยค่า  o13 มาลงให้อ่านบ่อยๆนะคะ ติดตามเป็นกำลังใจ และ +1 ให้ค่ะ

คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #18 เมื่อ01-02-2011 20:51:40 »

ชื่อเพราะกันจัง มีความหมายดีด้วย  แต่สัตยาเกลียดครุฑเอามาก ๆ เลยนะ ครุฑหน้าธนาคารเค้าเป็นญาติที่ห่างมาก ๆ ของพญาครุฑ ซวยไปด้วยเลย   :m20:  :laugh:
น่าติดตามมากค่ะ จะรอตอนต่อไปนะค่ะ
ปล. คำที่เน้นเห็นแล้วค่ะ ไม่ได้คิ้ดดดด อะไรจริง ๆ มันหมายความว่าไรเหรอ  :-[ :-[

vita.Min

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #19 เมื่อ01-02-2011 20:56:58 »

เรื่องนี้สนุกมากเลยครับ  ยืนยันเลย 555
ดีใจมากเลยครับที่พี่เอามาลงที่นี่ 
ถ้าจะรวมเล่มขอจองล่วงหน้าเลยนะครับ  :L2: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
« ตอบ #19 เมื่อ: 01-02-2011 20:56:58 »





ออฟไลน์ MeepadA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1069
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #20 เมื่อ01-02-2011 21:03:12 »

ชอบมาก แนวนี้อ่ะ ขอบอก  o13

b27072010

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #21 เมื่อ01-02-2011 21:08:30 »

ชอบอ่านแนวนี้อะนะ

แต่อยากรู้จังเลยว่าครุฑจะเกิดมาในครอบครัวไหน

แล้วหาที่อยู่ของสัตยาเจอได้ไง

เอ่อมีชื่อเล่นด้วยหรือเปล่า

pigg

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #22 เมื่อ01-02-2011 22:04:40 »

คลิกเข้ามาอ่านเรื่องนี้เพราะนามปากกา...ใช่พี่เซียร์ที่อยู่ในสมาคม D18 หรือป่าวคะ?

แต่จะใช่หรือไม่ใช่ ก็เขียนได้ดีสุดๆไปเลยเหอะ!!
(ถ้าใช่พี่เซียร์บอร์ดนั้นจริงๆ เก๊าก็ขอตามมาอวยแบบเต็มที่ 55)
เป็นแนวที่ปลื้มและหาอ่านยากมากมาย~ น้องนาคเป็นเคะแอบร้ายสินะ
อยากอ่านต่อตอนสองไวๆ อยากรู้แล้วว่าพี่ครุฑเป็นไผ จะใช่นักข่าวคนที่กำลังมาหรือไม่

ยังไงก็ขอฝากตัวกับนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ ♥

 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #23 เมื่อ02-02-2011 00:18:52 »

กำลังเพลิน เลยคะ สนุกดีนะจ๊ะ รอตอนต่อไปค่ะ

lovevva

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #24 เมื่อ02-02-2011 05:14:59 »

สนุกดีค่ะ รออ่านต่ออยู่นะคะ :z2:

kihaezzzzzz

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #25 เมื่อ02-02-2011 06:41:01 »

ชอบอ่า าา  หนุกมากเลย

รีบมาต่อนะคะ

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #26 เมื่อ02-02-2011 07:49:49 »

สัตยา เจอครุฑขนแดงแน่
อา...อยากอ่านต่อ

ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #27 เมื่อ02-02-2011 09:17:38 »

 :mc4:

เค้าชอบเรื่องนี้~ >.<

ออฟไลน์ akazu

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +240/-6
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #28 เมื่อ02-02-2011 10:45:27 »

+1 ต้อนรับน้องแมวเข้าบ้านค่ะ ในที่สุดก็นำผลงานเรื่องนี้มาตีแผ่ที่บ้านหลังนี้ด้วย  :laugh:ดีจัยจัง หลังจากที่ได้อ่านในหนังสือแล้ว ก็จะมาเป็นแบบตัวอักษรในบ้านด้วย เรื่องนี้อ่านแล้วได้อารมณ์ของความเป็นไทยกันจริงๆ เป็นกำลังใจใ้ห้นู๋แมวจ๊ะ

กระต่ายชมจันทร์

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 1 (1/02/11)
«ตอบ #29 เมื่อ02-02-2011 14:30:38 »

เง้อ อดมาเจิมคนแรกแต่ไม่เป็นไร 555+

 :กอด1:

มามี๊สู้ๆ เพิ่งมาตอนแรกแต่ได้รับความนิยมล้นหลาม 555+

+1 ให้เป็นกำลังใจค่า ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด