จูบแรกของกลอน (2)
ผมได้ยินเสียงรถยนต์ของพ่อเคลื่อนออกไปจากบ้านตอนหกโมงเช้า ผมนอนขี้เกียจอยู่บนเตียงถึงครึ่งชั่วโมงก็ตัดสินใจลุกไปอาบน้ำแล้วก็ลงไปข้างล้าง แม่ทำต้มข่าไก่กับผัดฉ่าปลาทับทิมเอาไว้ให้ผม ผมยังไม่รู้สึกหิวเท่าไหร่เลยรินแค่นมมานั่งกินที่หน้าโทรทัศน์ นานแล้วที่ผมไม่ได้อยู่บ้านคนเดียวแบบนี้ ปกติวันหยุด เราสามคนพ่อแม่ลูกก็จะชวนกันปลูกต้นไม้บ้างหรือหากิจกรรมทำด้วยกัน แต่คราวนี้แม่คงไม่อยากเลื่อนนัดกับยาย เพราะยายบ่นว่าพวกผมไม่ได้ไปหาท่านนานแล้ว ผมก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่โกหกแม่ว่าผมอยากจะพัก เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ปกติ ผมคิดถึงคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในชีวิต ก่อนจะหลับก็นึกถึง ตื่นมาก็นึกถึงอีก วันนี้กว่าจะเลือกชุดใส่ได้ใช้เวลานานกว่าทุกวัน ก็ผมอยากดูดีต่อหน้าเขา
เต็งหนึ่งขี่รถมอเตอร์ไซด์มาจอดที่หน้าผมก่อนเวลานัด ผมได้ยินเสียงกริ่งก็วิ่งออกมาเปิดประตูรั้วให้ เต็งหนึ่งจูงมอเตอร์ไซด์เข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ผมล็อกรั้วเสร็จก็เดินตามเขาแล้วเชิญเขาให้เข้าไปข้างใน ผมให้เต็งหนึ่งนั่งรอที่โซฟา ส่วนผมก็เดินไปรินน้ำให้เขา รู้สึกเขินๆทำตัวไม่ถูก เรื่องที่ผมกับเต็งทำลงไปเมื่อคืนมันทำให้ผมไม่กล้าสบตาเขาเลย เต็งหนึ่งชวนผมคุยจนผมหายเกร็ง เขาเล่าเรื่องที่เขาไปเล่นดนตรีเปิดหมวกที่กรุงเทพตอนปิดเทอมใหญ่ ผมตั้งใจฟังเขาเล่าด้วยความสนใจ อีกมุมหนึ่งของเขาที่ผมไม่เคยรู้ ผมฟังแล้วก็คิดว่าชีวิตเต็งหนึ่งต่างจากผมโดยสิ้นเชิง พ่อของเต็งหนึ่งเป็นสถาปนิก ส่วนแม่มีร้านเบเกอรี่ พี่สาวของเต็งหนึ่งเรียนอยู่ที่กรุงเทพ แล้วก็กำลังจะได้แสดงละคร พ่อแม่ของเต็งหนึ่งเลี้ยงดูแบบให้อิสระเต็มที่ ไม่ว่าลูกจะทำอะไรก็พร้อมสนับสนุน ผมก็ไม่แปลกใจ เพราะเต็งหนึ่งดูเป็นคนรักอิสระ เรื่องที่เขาเล่าให้ผมฟังแปลว่าเขาได้ไปเที่ยวมาหลายที่ ต่างจากผม ที่ไม่เคยได้ไปไหนเลยนอกจากบ้านของยาย
“คิดอะไรอยู่” เต็งหนึ่งถามผมก่อนจะลุกจากโซฟาอีกตัวมานั่งโซฟาเดียวกันกับผม
“ก็อิจฉาหนึ่ง ได้ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ”
“ทำไมละ พ่อแม่ของกลอนไม่ให้ไปไหนเลยเหรอ”
“ก็ไม่เชิงว่าไม่ให้ไป แต่เราไม่เคยขอไปไหน”
“แล้วทำไมไม่ลองขอดูละ”
“ก็..เพราะเราก็ไม่ได้อยากไปด้วยละมั๊ง”
“จากนี้ไปหนึ่งจะพากลอนออกไปพบเจอโลกอีกใบ กลอนจะได้เรียนรู้ว่าโลกใบนี้มันกว้างมากจริงๆ”
“โลกของหนึ่งเหรอ” ผมถาม เต็งหนึ่งขยับเข้ามาใกล้ผมกว่าเดิม
“ตาของกลอนสวยมากเลยนะ ขนตายาวงอนกว่าผู้หญิงบางคนอีก” เต็งหนึ่งพูดจบก็จูบที่เปลือกตาของผม ผมหลับตารับริมฝีปากของหนึ่ง หัวใจผมเริ่มเต้นแรง ทั้งตื่นเต้นทั้งเกร็งไปหมด ผมรู้ว่าการที่ยอมให้เต็งหนึ่งมาหาที่บ้านตอนที่พ่อกับแม่ไม่อยู่ มันแปลว่าผมก็อยากอยู่ใกล้ชิดกับเขา เคยไหมครับ ใจหนึ่งก็ต้องการ อีกใจก็รู้สึกตลอดเวลาว่าตัวเองทำผิด
“ใช่ โลกของหนึ่ง” เต็งหนึ่งล้วงมือเข้ามานเสื้อของผม ลูบไล้แผ่นอกของผมเบาๆ ปลายนิ้วของเต็งหนึ่งเหมือนมีไฟฟ้าสถิต แตะโดนตรงไหนผมก็รู้สึกวูบวาบราวกับว่ามีไฟฟ้าแล่นผ่านมาถึงผิวกายของผม
“หนึ่ง..กลอนว่า..มันเร็วไปไหม” ผมถามเสียงสั่นและต้องกลั้นหายใจเพราะรู้สึกสะท้านหวิว ก็เต็งหนึ่งกำลังบีบปั่นยอดอกผมอยู่ ขนลุกไปทั้งตัว
“หนึ่งกำลังพากลอนไปที่โลกของหนึ่งไงครับ กลอนหลับตานะ อย่าเกร็ง ไปกับหนึ่งนะ” เต็งหนึ่งทำเสียงอ้อนผม ผมไม่ได้ตอบอะไรไป ได้แต่หันหน้าหลบสายตาเว้าวอน สุดท้ายก็ต้องกัดริมฝีปากแน่นเพราะเต็งหนึ่งดันตัวผมลงนอนกับโซฟาแล้วเลิกเสื้อของผมขึ้น ทันทีที่ปลายลิ้นของเต็งหนึ่งตวัดโดนยอดอก ร่างกายของผมก็ตอบรับความรู้สึกนั้นด้วยกระครางเบาๆ
บอกตรงๆว่าผมก็แอบแปลกใจว่าทำไมเต็งหนึ่งดูชำนาญทั้งที่ก็อายุเท่าๆกันกับผม ถึงเราจะไม่ใช่เด็กๆ แต่ผมว่าสิ่งที่เต็งหนึ่งทำกับผมเมื่อคืนหรือกระทั่งตอนนี้มันเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับผมมากๆ แต่ตรงกันข้ามกันกับอีกฝายที่ดูจะรู้ไปหมดว่าควรจะทำอะไรตรงไหนที่จะทำให้ผมอ่อนระทวยได้ง่ายๆแบบนี้ เต็งหนึ่งดูดหน้าอกของผมจนผมต้องส่งเสียงออกมา ไม่ได้เจ็บปวด แต่มันทรมาน ยิ่งตอนนี้ปลายลิ้นกำลังไล่ลงไปที่หน้าท้องของผม ผมต้องบิดตัวไปมาเพราะมันเสียววูบวาบไปหมด กระดุมกางเกงของผมถูกปลด ผมพยายามจะดึงเอาไว้ก่อน แต่มือของเต็งหนึ่งก็ปัดมือผมออกเบาๆ ด้วยความชำนาญของอีกฝ่าย ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรเลยนอกจากเสื้อตัวเดียว ผมไม่กล้ามองหน้าเต็งหนึ่ง ต้องหลับตา มือก็กำหมอนอิงแน่น น่าอายมากๆ เพราะรู้ว่าส่วนนั้นของผมกำลังท้าทายเต็งหนึ่งอยู่
“สวยมากเลยกลอน ขาวน่ากินจัง”
“ไม่เอา อย่าพูด กลอนอาย” ผมรีบบอก ได้ยินเสียงหัวเราะของเต็งหนึ่ง เพียงไม่นานผมต้องสะท้านวาบเมื่อส่วนกลางของผมถูกครอบครองด้วยปากของเต็งหนึ่ง ผมกระถดหนีความทรมาน แต่เต็งหนึ่งรั้งสะโพกของผมเอาไว้
“หนึ่ง ฮื้อ..ออ อืมม” ผมทรมานจนต้องส่งเสียงออกมาเบาๆ เต็งหนึ่งทำกับส่วนนั้นของผมเหมือนมันเป็นไอศกรีมแท่งที่เขาโปรดปราณ ไม่เพียงจะลิ้มรสด้วยลิ้นที่ลากผ่านไปมาบางจังหวะก็ดูดดุนแรงๆราวกับว่าของผมจะละลายหายไป ผมต้องแอ่นอกบิดกายเพราะรู้สึกว่าในร่างกายของผมมีพายุลูกน้อยๆที่กำลังก่อนตัวเป็นพายุลูกใหญ่ในเวลาอันใกล้นี้ เสียงชื้นแฉะดังเข้ามาในหู หน้าท้องของผมหดเกร็งแล้วเสียววูบวาบ เต็งหนึ่งครอบปากลงส่วนนั้นของผมจนสุดไปถึงโคน ผมร้องครางดังพร้อมกับหอบหายใจถี่ พยายามจะผลักหัวเต็งหนึ่งออกเพราะว่าว่าอารมณ์ของผมมันกำลังจะทะลักทลายแล้ว
“หนึ่ง ออกเถอะ กลอนไม่ไหวแล้วครับ ฮื้อออ. หนึ่ง อื้อออ ฮื้มม เฮ้อ..หนึ่ง อ๊า...” ผมเหยียดตัวเกร็งแล้วปลดปล่อยออกมาในที่สุด รีบชะโงกดูเต็งหนึ่ง เห็นเขากำลังบ้วนน้ำรักของผมออกใส่ทิชชูก่อนจะหันมายิ้มให้ผม ผมรีบลุกขึ้นมานั่ง ช่วยดึงทิชชูเช็ดส่วนที่ยังเปรอะเปื้อนให้เต็งหนึ่งด้วย
“ขอโทษนะ” ผมบอกเสียงอ่อย
“ขอโทษทำไม หนึ่งเต็มใจ หนึ่งอยากให้กลอนมีความสุข กลอนไม่เคยกับใครใช่ไหม” หนึ่งถามผม
“จะไปเคยกับใครเล่า” ผมแอบค้อนเต็งหนึ่ง เขาหัวเราะและดึงผมไปหอมแก้ม
“ทำให้หนึ่งบ้างได้ไหม” เต็งหนึ่งถาม ผมอึ้งไป ผมลืมไปเลยว่าเต็งหนึ่งเป็นฝ่ายทำให้ผมอยู่ฝ่ายเดียว
“แต่กลอน..ไม่เคยทำ”
“ไม่เป็นไร หนึ่งสอนให้ นะครับคนดีของหนึ่ง” เสียงเต็งหนึ่งอ้อนอีกแล้ว ผมเลยพยักหน้าให้ เต็งหนึ่งโน้มใบหน้ามาจูบผม ลิ้นเราสองคนตวัดต้อนกันไปมา ผมเริ่มจะคุ้นเคยกับการจูบของเต็งหนึ่ง เริ่มรู้ว่าควรหลบหรือรุกไล่ยังไง จากนั้นเต็งหนึ่งก็จับข้อมือของผมเอามาวางตรงส่วนกลางของเขา เขาออกแรงกดที่มือของผมให้คลึงตรงส่วนกลางของเขาที่กำลังโตจนตุงคับกางเกง
“ลองสัมผัสของหนึ่งสิครับ” หนึ่งถอนจูบมาบอกผม ผมค่อยๆถอดกางเกงของหนึ่งออก ระหว่างนั้นเต็งหนึ่งก็ซุกไซร้ที่คอของผม ผมปลดกางเกงตัวนอกออกแล้วเหลือแต่กางเกงใน เต็งหนึ่งเกี่ยวกางเกงในของตัวเองออกจนส่วนนั้นของเต็งหนึ่งดีดผึ่งออกมา ผมไม่กล้ามองเต็มๆ ได้แต่เหลือบๆมอง ก็ดูสะอาดสะอ้านดี
“ลองจับมันรูดๆดูสิ” เต็งหนึ่งบอกผม ผมทำตาม ไม่กล้ารูดแรง ผมกลัวทำเขาเจ็บ จนกระทั่งเต็งหนึ่งกุมมือผมแล้วเร่งจังหวะให้เอง
“ลองชิมดูนะครับ ค่อยๆเลีย เหมือนกลอนกำลังเลียไอติมนะครับ” เต็งหนึ่งบอก ผมไม่ได้มองหน้าเขา แต่ก็ก้มหน้าลงไป ค่อยๆแลบลิ้นแล้วแตะไปเบาๆ
จากนั้นผมก็นึกถึงสิ่งที่หนึ่งทำให้ผม ผมก็ค่อยๆทำตาม ได้ยินเสียงเต็งหนึ่งร้องซี๊ดแผ่วๆ มือของหนึ่งจับที่ศีรษะของผม ผมค่อยๆครอบลงให้ลึก แต่ทิ่มที่โคนลิ้นจนผมต้องรีบถอนออกเพราะจะขย้อน มันยังไม่คุ้น เต็งหนึ่งยิ้มให้ผม เหมือนกับจะให้กำลังใจ ผมเลยก้มลงไปทำต่อ สักพักก็เริ่มจะคุ้นเลยทำได้คล่องขึ้น เต็งหนึ่งเริ่มส่งเสียงคราง มือที่จับศีรษะผมแล้วออกแรงกดเป็นจังหวะ บางทีผมก็เกือบสำลักแต่ก็อดทน คราวนี้เต็งหนึ่งเริ่มสวนสะโพกกระแทกเข้ามา ผมหายใจไม่ทันเลยต้องใช้มือช่วย ผมออกแรงเร่งจังหวะรูดรั้งส่วนนั้นของเต็งหนึ่ง แอบมองหน้าเต็งหนึ่งก็เห็นว่ากำลังกัดริมฝีปาก ระบายลมหายใจ ไม่นานเต็งหนึ่งก็ดันผมออกแล้วใช้มือตัวเองรูดจนน้ำรักพุ่งออกมาเต็มหน้าผมเลย เต็งหนึ่งรีบหยิบทิชชูมาเช็ดให้ผม เช็ดแล้วก็ทั้งหอม ทั้งจูบปากผมจนเขาพอใจ
“กลอนมีความสุขไหม”
“อืม” ผมพยักหน้า
“นี่แค่เริ่มแรกเองนะ หนึ่งจะพากลอนไปที่โลกของหนึ่งบ่อยๆ รับรองว่ากลอนจะมีความสุขมากกว่านี้” เต็งหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจะพึงพอใจ ผมมีความสุขนะกับสิ่งที่เขาทำให้ แต่ผมนึกว่าโลกของเต็งหนึ่งคือการพาผมไปรู้จักสิ่งรอบๆตัวเขา ครอบครัว เพื่อนสนิท ไม่ใช่แค่เรื่องแบบนี้ ถึงผมจะคิด แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป
“กินข้าวกันนะ” ผมชวน เต็งหนึ่งยิ้มให้
...
..
.
เราสองคนแต่งตัวจนเรียบร้อยแล้วก็ไปนั่งทานข้าวกัน เต็งหนึ่งก็ชวนผมคุย แต่คุยแต่เรื่องอย่างว่าจนผมรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ผมก็เปลี่ยนเรื่องเป็นถามเรื่องส่วนของเต็งหนึ่งบ้าง ผมก็ได้รู้เรื่องของเขามากขึ้น เขาชอบไปเล่นบอลกับเพื่อนที่สนามของวิทยาลัยพละในช่วงหลังเลิกเรียน เสาร์อาทิตย์ก็ไปห้องเช่าอัดดนตรีในตลาดเพื่อเล่นดนตรีกับเพื่อนๆในวง มีเพื่อนจากต่างโรงเรียนด้วย ผมถามเต็งหนึ่งว่าทำไมถึงได้มาชอบผม ทำไมถึงกล้าเขามาหาผม ผมดูออกว่าชอบผู้ชายเหรอ เต็งหนึ่งหัวเราะแล้วก็บอกว่าไม่มีใครดูผมออกหรอก เพราะผมนิ่งจนเหมือนรูปปั้น แต่เขาอยากเสี่ยงเพราะเก็บความรู้สึกไม่ไหวแล้ว เขากลัวผมจะมีใครไปก่อน
เรากินข้าวเสร็จ เต็งหนึ่งก็ขอผมขึ้นไปดูห้องนอน ผมพาเต็งหนึ่งขึ้นไป เขาก็ชมว่าห้องของผมสะอาดมาก ห้องเขารกมาก เต็งหนึ่งแซวว่าห้องผมหนังสือเยอะจนเอาไปสร้างกำแพงเมืองจีนได้เลย เต็งหนึ่งชวนผมคุยไปเรื่อย คุยไปคุยมากลายเป็นว่าเขามานอนกอดผมอยู่บนเตียง เราสองคนนอนก่ายกันไปมา จูบที่เร้าร้อนทำให้ผมโอนอ่อนผ่อนตามเขาไปทุกอย่าง โลมเล้าไปมาร่างกายของเราสองคนก็เปลือยเปล่า นอนเบียดเสียสีกันตามแรงอารมณ์ ช่วยกันด้วยปากและมือจนเสร็จไปรอบแล้วรอบเล่า แต่แค่นี้ผมก็เหนื่อยจนไม่มีแรง ตัวของผมแดงไปหมด มีแต่รอยจูบ รอยดูดของเต็งหนึ่ง จนเกือบสี่โมงเย็นผมถึงได้บอกว่าแม่ของผมคงใกล้จะกลับแล้ว เต็งหนึ่งถึงได้ยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระแล้วแต่งตัวกลับบ้านไป ผมได้แต่ยืนมองตัวเองในกระจก เต็งหนึ่งคือรักแรกของผม ผมไม่รู้ว่าเขาแอบมองผมมานานจริงหรือเปล่า เพราะผมเคยแต่เป็นฝ่ายแอบมองเขา ไม่เคยเห็นสายตาของเต็งหนึ่งมองกลับมาสักครั้ง แต่วันนี้เขาเป็นฝ่ายเข้ามาหาผม เพียงแค่วันเดียวเราสองคนก็ปล่อยใจให้อารมณ์นำทาง แล้วตอนนี้ผมคือแฟนของเขาใช่ไหม ผมทำอะไรได้มากกว่าเพื่อนรึเปล่า ผมไม่กล้าถามเขา แค่เขาบอกว่าคิดถึงผม อยากนอนกอดผม อยากอยู่ใกล้ๆผม ไม่อยากไปไหน ผมก็ดีใจจนหุบยิ้มแทบไม่ได้แล้ว
ผมว่า..ผมคงตกหลุมรักเต็งหนึ่งมากกว่าเดิมเสียแล้ว
ความสัมพันธ์ของผมกับเต็งหนึ่งดำเนินไป จะว่าเรื่อยๆก็เรื่อยๆ จะว่าไวก็ไว เราสองคนไม่ได้เปิดตัวว่าคบกัน ในโรงเรียน ผมก็ดำเนินชีวิตให้เหมือนทุกวัน ผมกับเต็งหนึ่งไม่เคยไปนั่งกินข้าวด้วยกัน ไม่เคยไปเดทกัน ที่โรงเรียนเราได้แต่ส่งไลน์หากัน เต็งหนึ่งป้อนคำหวานมาให้ผมได้เก้อเขินเสมอ พอตกเย็นผมก็ไปห้องสมุดและรอพ่อมารับเหมือนเดิม แต่วันไหนถ้าครูเป็ดไม่อยู่ เต็งหนึ่งถึงจะมาหาผม แล้วก็ไม่พ้นว่าเราสองคนแอบกอดจูบกันในซอกชั้นหนังมือ เต็งหนึ่งบอกว่าตื่นเต้นดี แต่ผมกลัว กลัวว่าสักวันจะมีคนมาเห็น ผมเลยให้เขาทำได้แค่จูบเท่านั้น ตกกลางคืน เต็งหนึ่งก็จะโทรมาหา แล้วก็ให้ผมช่วยเซ็กส์โฟนกับเขา เสาร์อาทิตย์ จากที่ผมเคยอยู่แต่บ้าน ก็จำต้องโกหกแม่ว่าไปหาซื้อหนังสืออ่าน แต่จริงๆแล้วเต็งหนึ่งจะมาเอารถยนต์ของพ่อมารับผม แล้วก็พาผมไปจอดที่โกดังข้าวร้าง เราสองคนใช้เบาะหลังเป็นรังรัก เขาทำให้ผม ส่วนผมก็ต้องทำให้เขาเหมือนกัน หลายต่อหลายครั้งที่เต็งหนึ่งอยากจะสอดใส่มาในร่างกายของผม แต่ผมไม่ยอม เหมือนวันนี้ก็เช่นกัน เราสองคนมาอยู่ที่โรงสีร้าง เต็งหนึ่งกำลังพยายามใช้ปลายลิ้นโลมเร้าที่ช่องทางด้านหลังของผมอยู่
“หนึ่ง กลอนไม่เอานะ” ผมรีบบอก
“ทำไมละครับ เราก็คบกันมาเดือนนึงแล้วนะ กลอนไม่อยากมีความสุขเหรอ”
“ความสุขของกลอน แค่มีหนึ่ง กลอนก็มีความสุขนะ” ผมบอก เต็งหนึ่งขยับตัวขึ้นมาจูบผม นิ้วของเต็งหนึ่งก็กำลังพยายามจะดันเข้าไปที่ช่องทางของผม ผมรีบดึงมือของเต็งหนึ่งออก
“ทำไมละกลอน รังเกียจหนึ่งเหรอ”
“มันไม่ใช่แบบนั้น แต่กลอนยังไม่อยากไปถึงขั้นนั้น”
“ทำไมละ หนึ่งต้องการ หนึ่งขอนะ กลอนเป็นผู้ชาย ไม่ท้องหรอก จะกลัวอะไร” เต็งหนึ่งดูเหมือนจะไม่พอใจ
“กลอนใช้ปากให้นะ นะครับ” ผมร้องขอ
“หนึ่งอยากให้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน หนึ่งอดทนไม่ได้แล้ว” เต็งหนึ่งบอกพร้อมกับจับผมให้นอนคว่ำ ผมดิ้นแล้วพลิกตัวกลับ รีบคว้ากางเกงกับเสื้อมาใส่ เต็งหนึ่งเห็นแบบนั้นก็ชักสีหน้าใส่ผมทันที
“กลอนขอกลับบ้านก่อนนะ” ผมบอก
“ทำไมละกลอน กลอนไม่ได้รักเราเลยใช่ไหม ถ้าคนรักกันเขาต้องยอมกันได้”
“ถ้าคนรักกันเขาต้องอดทนได้เหมือนกัน” ผมเถียง
“นี่กลอนหาว่าเราไม่ได้รักกลอนเหรอ”
“แล้วหนึ่งรักกลอนรึเปล่าละ กลอนยังไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากหนึ่งเลย มีแต่ชวนนอนแล้วก็ทำเรื่องแบบนี้”
“อ๋อ จะบอกว่าฝืนใจเหรอ แล้วที่ครางกระเส่านี่ไม่ชอบใช่ไหม”
“หนึ่ง ทำไมพูดแบบนี้”
“กูจะพูด มึงไม่พอใจก็กลับไปเอง” หนึ่งตวาดผม ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาเลย ความน้อยใจ ความเสียใจทำให้ผมตัดสินใจหยิบกระเป๋าแล้วเดินลงจากรถ
ผมเดินออกมานอกโกดังข้าว แถวนี้ไม่มีรถผ่าน ผมจะกลับยังไง เสียงรถของหนึ่งดังตามมา แต่แล้วมันก็ผ่านเลยไป เขาทิ้งผม ทิ้งให้ผมกลับบ้านเอง น้ำตาของผมไหลออกมาทันที เขาทำแบบนี้ได้แปลว่าเขาไม่มีเยื่อใยเลย รู้ว่าโกรธ แต่ทำกันแบบนี้ได้ ผมว่าคงไม่ใช่คนที่มีความรักให้กัน ผมตัดสินใจไปนั่งร้องไห้ในตู้โทรศัพท์สาธารณะจนพอใจ จากนั้นผมก็โทรศัพท์ไปหาเด่น รอไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเด่นก็เอารถกระบะของแม่เด่นมารับผม เด่นไม่ได้ถามอะไรผม ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาจนกระทั่งถึงบ้านของเด่น ผมถึงได้รู้ว่าเด่นยังไม่ได้ไปส่งผมที่บ้าน
“มึงไปล้างหน้าก่อนเลย ตาแดงขนาดนี้ กลับไปแม่มึงถามแน่” เด่นบอกผม
“ขอบคุณนะ” ผมบอกมัน มันพยักหน้าให้ พ่อแม่ของเด่นไม่ค่อยอยู่บ้าน บ้านเด่นค่อนข้างมีฐานะมากๆ แต่มันไม่ค่อยอวดว่าตัวเองรวย ติดดิน แต่เจ้าชู้มาก ผมเจอมันแต่ละที แฟนมันไม่เคยซ้ำหน้าเลย ผมกับเด่นรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจนเราแทบไม่ต้องพูดกันก็รู้ว่าคิดอะไร ผมอยู่ชมรมบรรณารักษ์เพราะชอบหนังสือ แต่มันนี่สิ ตามมาสมัครด้วยเพราะเหตุผลที่ว่า มันจะได้ไม่ต้องทำอะไร ให้ผมทำแทนมัน มันจะได้มีเวลาไปจีบหญิง
“เออ แล้วเดียวกูไปส่ง กูนัดน้องยิ้มเอาไว้ด้วย” เด่นบอก มันไม่ถามผมจริงๆว่าผมเป็นอะไร คงรู้ว่าผมไม่อยากพูด ผมยังไม่อยากกลับบ้านในตอนนี้ โกหกแม่ว่าจะกลับตอนสองทุ่ม เพราะจะไปนั่งอ่านหนังสือที่ร้านหนังสือ
“ไปส่งเราที่ร้านหนังสือแล้วกัน ยังไม่อยากกลับบ้าน”
“อีกแล้ว ร้านหนังสืออีก ไม่ต้อง ไปดูหนังกับกู”
“แต่เด่นไปกับแฟน จะเอาเราไปทำไม”
“เอามึงไปเปิดหูเปิดตาบ้าง มึงไม่ต้องโกหกแม่ละ โทรไปบอกแม่มึงว่าอยู่กับกู” เด่นสั่งผม ผมเลยต้องทำตามที่มันบอก โทรไป แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร มีบ่นๆนิดหน่อยว่าผมออกจากบ้านบ่อยไปแล้ว
ผมมาถึงที่หน้าโรงภาพยนตร์ เด่นมันไปซื้อตั๋วหนังให้ ผมเลยไปเข้าห้องน้ำ รู้สึกปวดท้อง ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำที่เป็นห้อง ไม่ชอบยืนฉี่ที่โถด้านนอก เข้าไปได้ไม่กี่นาทีก็ได้ยินเสียงคนหัวเราะและคุยกัน ผมว่าผมจำได้ว่าเป็นเสียงของเต็งหนึ่ง
“มึงหายไปไหนมาวะไอ้หนึ่ง พักนี้มึงแว๊บบ่อย มีกิ๊กละสิมึง กูจะฟ้องน้องนิว”
“ฟ้องดิ น้องนิวไม่กล้าโกรธกูหรอก เจอลิ้นกูก็ยอมหมด”
“มึงแม่งเชี้ย กิ๊กมึงใครวะ กูเห็นมึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับโทรศัพท์ทุกที เด็ดไหมวะ”
“เด็ดไรวะ โคตรอ่อน ที่เอาเพราะน่าเอา อยากลอง จะว่าไปก็เด็ดนะ แต่เล่นตัว แม่ง กูว่าจะทิ้งแล้ว เบื่อ”
“เขาไม่ให้มึงเอาละสิ”
“ไม่ต้องถามมา หงุดหงิด ไปเหอะ เดี๋ยวมึงไปนั่งห่างกูหน่อยนะ กูอยากลองในโรงหนังกับนิวหน่อย”
“มึงแม่งสุดยอดไอ้หนึ่ง ระวังโดนแอบถ่ายนะมึง”
“ไม่กลัวโว้ย”
เสียงของเต็งหนึ่งเงียบไปแล้ว ผมยืนตัวสั่นใจสั่นอยู่ ผมรู้สึกว่าใจของผมกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ ผมไม่โทษเต็งหนึ่งเลยบอกตรงๆ ผมโทษตัวเองเพราะผมมันง่ายเอง เขาแค่มาบอกชอบก็ยอมให้เขาเข้าหาถึงเนื้อถึงตัวง่ายๆ ถึงผมจะเป็นผู้ชาย แต่ผมก็มีศักดิ์ศรี ผมทำลายศักดิ์ศรีของตัวเองไปแล้ว ผมได้ยินเสียงของเด่นมาเรียกผม ผมไม่ได้ร้องไห้ แต่รู้ตัวว่าคงไม่มีอารมณ์จะดูหนังพอออกมาก็เลยบอกเด่นว่าผมปวดท้องอยากกลับบ้าน เด่นเลยบอกว่าจะไปส่ง ผมเกรงใจมัน มันนัดแฟนมาดูหนังเลยบอกว่าเดี๋ยวจะให้พ่อมารับ มันถึงยอม ผมนั่งรถเมล์กลับถึงบ้านด้วยจิตใจหม่นหมองสุดๆ ต้องขอบคุณโลกของหนึ่งที่อยากให้ผมได้รู้จัก ผมได้รู้จักแล้ว โลกที่ไม่มีความจริงใจ โลกที่ใจร้ายกว่าที่ผมจะคิดถึง ผมอ่อนเกินไปจริงๆ อ่านหนังสือมาตั้งมากมาย แต่ก็ไม่รู้เท่าทันคน ผมควรออกจากโลกที่เคยเป็น ออกจากการเป็นดักแด้เสียที
วันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านไป อีกอาทิตย์เดียวผมก็ต้องไปข้าค่ายที่เขื่อนรัชชประภา ซึ่งมีชมรมของเต็งหนึ่งไปด้วย ผมพยายามไม่คิดถึงแต่ก็ยังอดไม่ได้ แอบร้องไห้จนสงสารตัวเอง เห็นสภาพตัวเองแล้วก็พาลสงสารไปถึงพ่อกับแม่ ท่านเลี้ยงผมมา คงไม่ต้องการให้ผมไปร้องไห้ให้ใคร ผมตัดสินใจนับหนึ่งใหม่ ก็แค่คนๆหนึ่งที่เดินเข้ามาเป็นบทเรียน บทเรียนที่ผมจะจำมันเอาเพื่อสอนตัวเอง
“กลอน วันนี้จะมีครูฝึกสอนมาสอนสองคน หญิงคนชายคน เห็นไอ้จุ้ยมันบอกว่า ครูผู้หญิงแจ่มมากมึง” เด่นทำหน้าตื่นเต้น ผมก็ได้แต่ขำมัน รู้สึกว่าผู้หญิงทุกคนก็แจ่มสำหรับมันหมด
“จะเล่นของสูงเหรอ” ผมถามมัน
“เล่นได้ก็ดี เฮ้ย..ไม่ใช่ละ หาเรื่องให้กูแล้วไง”
“กลอน” เสียงของใครบางคนเรียกผม ผมกับเด่นหันไปดูก็เห็นเต็งหนึ่งมายืนอยู่
“ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ” เต็งหนึ่งพูดต่อ เด่นหันมามองหน้าผม ผมทำหน้าเฉยๆไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
“งั้นเดี๋ยวกูมา” เด่นบอกผม ผมพยักหน้าให้มัน พอเด่นเดินออกไปแล้วเต็งหนึ่งก็เข้ามานั่งตรงกันข้ามกับผม
“กลอน หนึ่งขอโทษนะ หนึ่งกลับไปคิดๆดูแล้ว หนึ่งผิดเองที่ไม่รู้จักอดกลั้น กลอนคงตกใจใช่ไหม หนึ่งแค่รักกลอนมาก มันมากจนอยากให้ครอบครองทั้งกายทั้งใจ” เต็งหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆเหมือนเคย แต่ผมกลับรู้สึกรังเกียจคำพูดและท่าที่เสแสร้งนั้นจับใจ
“แค่นี้ใช่ไหมที่อยากพูด” ผมถาม พร้อมกับลุกเก็บการบ้านใส่กระเป๋า
“ยังโกรธหนึ่งเหรอ ขอโทษนะครับคนดี”
“อย่าพูดอีกเลยหนึ่ง พอเถอะ อย่ามายุ่งกับเราอีก เราขอร้อง” ผมพูดจบก็เดินหนีไปเลย เต็งหนึ่งไม่ได้ตามผมมาหรอก ในโรงเรียนเขาคงไม่กล้า กลัวคนจะรู้ว่าดาวโรงเรียนเป็นเกย์ ตกเย็นผมก็ไปที่ห้องสมุดเหมือนทุกที คราวนี้ครูเป็ดไม่อยู่ ให้ผมช่วยเก็บหนังสือและล็อกห้องให้ ผมเก็บหนังสือเสร็จก็เห็นเต็งหนึ่งมานั่งรออยู่
“กลอน ดีกันนะ หนึ่งผิดไปแล้ว นะครับ หนึ่งจะไม่ทำแบบนั้นอีก” เต็งหนึ่งดึงผมให้เดินเข้าไปในซอกชั้นหนังสือ ผมสะบัดมือ แต่สะบัดไม่ออกเพราะเต็งหนึ่งจับเอาไว้แน่น
“หนึ่ง เราได้ยินหมดแล้วที่หนึ่งพูดที่โรงหนัง หนึ่งมีแฟนแล้ว หนึ่งแค่อยากลอง เราเล่นตัว หนึ่งเบื่อยากเลิกกับเรา เลิกเสแสร้งได้แล้ว พอเถอะ ต่างคนต่างอยู่ เราไม่ใช่แค่ที่ระบายตัณหาให้หนึ่งนะ” ผมพรั่งพรูออกมาทั้งน้ำตา ที่คิดว่าจะไม่ร้องก็อดกลั้นไม่ได้ มันเจ็บ เสียใจ ผมแค่คิดว่า ถึงเราสองคนจะต้องแอบคบกัน ผมก็พร้อมจะยอมรับให้ได้ เพราะสังคมของเราสองคนจำต้องทำแบบนั้น แต่ไม่ใช่เก็บผมเอาไว้เพราะเขามีแฟนออกนอกหน้าแล้ว เขาแค่อยากลองเรื่องเซ็กส์กับผู้ชาย ผมเป็นแค่ตัวทดลอง
“กลอน..”
“อย่าให้ต้องเกลียดกันมากไปกว่านี้เลย” ผมบอกแล้วสะบัดมืออกจากการจับกุม หนึ่งยืนมองผม ก่อนจะกระชากเสื้อนักเรียนผมออกจากกางเกง ผมตกใจมาก หนึ่งจู่โจมจูบผม มือของหนึ่งก็ขยำที่เป้าของผม ผมไม่ได้รู้สึกดีเลย ผมดิ้นแต่ไม่กล้าร้องให้คนช่วย มันน่าอาย ผมกลัวและอาย
“หนึ่ง ปล่อย หนึ่ง ไม่เอานะ อย่าทำแบบนี้” ผมร้องไห้ บอกหนึ่ง อยากให้เขามีสติ แต่ไม่ได้ผล หนึ่งกัดปากผมจนผมเจ็บ รู้สึกได้รสชาติของเลือด หนึ่งจับผมกดลงไปนอนที่พื้นห้อง พลิกให้ผมนอนคว่ำ ปลดกางเกงผมออก ผมดิ้นไปดิ้นมา แต่สู้แรงหนึ่งไม่ได้จริงๆเขาใช้ตัวกดทับผม ผมจะร้องหนึ่งก็อุดปากผม หนึ่งใช้เข่าแยกขาผมออก ผมดิ้นสุดตัวจนหนึ่งล้มไปชนชั้นหนังสืออย่างแรง เต็งหนึ่งเงื้อมือจะต่อยผม แต่มีคนมาดึงเต็งหนึ่งจนเต็งหนึ่งหงายหลังไป ผู้ชายคนหนึ่งกระชากคอเสื้อเต็งหนึ่งขึ้นมาแล้วทำท่าจะต่อย
“จะให้แจ้งความไหม” เขาถามผม ผมรีบส่ายหน้าก่อนจะดึงกางเกงขึ้นมาใส่
“อย่ามายุ่งกับเราอีก” ผมบอกเต็งหนึ่งแบบไม่มองหน้าเขา ผู้ชายคนนั้นปล่อยคอเสื้อเต็งหนึ่งแล้วทำหน้าดุใส่ เต็งหนึ่งรีบวิ่งออกไปจากห้องสมุด ผมรีบลุกขึ้นมา ยกมือไหว้ขอบคุณ ทั้งที่รู้สึกอายไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ผู้ชายคนนั้นก้มลงไปหยิบโทรศัพท์มือถือของผมมาส่งให้ผม
“เป็นอะไรรึเปล่า” เขาถาม ผมส่ายหน้า
“อย่าบอกใครได้ไหมครับ” ผมบอก
“ไม่ใช่เรื่องน่าบอก”
“ขอบคุณมากครับ” ผมบอกเขา เขาพยักหน้าให้ก่อนจะเดินออกไป น่าจะเป็นผู้ปกครองของใครสักคน แต่ยังดูอายุไม่เยอะเท่าไหร่เลย ผมไม่รู้ว่าเขาจะไม่บอกใครจริงหรือเปล่า ถ้าบอกไปผมคงทนอยู่ที่นี่ไม่ได้ ผมนึกสงสารพ่อกับแม่ รู้สึกผิด ผมทำให้ท่านผิดหวัง
“เฮ้ย ไอ้กลอน พ่อมึงเขาโทรหามึงไม่ได้ เขาบอกโทรมามึงปิดเครื่อง ดีนะกูยังไม่กลับเลยแวะมาดู แล้วทำไมเสื้อผ้ามึงเป็นอย่างนั้นวะ” เด่นที่เดินเข้ามาตอนที่ผมจะล็อกห้องสมุดพอดี ผมหยิบโทรศัพท์ตัวเองมาดูพบว่ามันดับสนิทสงสัยตอนหล่นแน่ๆ
“ดับอะ แบตหมดแน่เลย” ผมบอก
“แล้วทำไมเสื้อมึงยุ่งอย่างนั้นวะ”
“แอบหลับน่ะ” ผมปดไป เด่นพยักหน้า ก่อนจะทำท่าทางตื่นเต้นอีกรอบ แล้วหยิบโทรศัพท์ของมันมาให้ผมดู
“เออ แสดงว่ายังไม่เห็นคลิปนี้ ดูๆเลยมึง” เด่นกดเปิดคลิปให้ผมดู ผมเห็นแล้วตกใจมาก เพราะเป็นคลิปของหนึ่งในโรงภาพยนตร์ กำลังถูกผู้หญิงคนหนึ่งก้มลงไปก้มๆเงยๆที่เป้า ดูก็รู้ว่ากำลังทำอะไร ในคลิปเห็นหน้าหนึ่งชัดเจน
“คลิปหลุดเหรอ” ผมถาม
“เออดิ แล้วมันมาหามึงทำไมเมื่อบ่ายอะ”
“อ๋อ มาถามเรื่องหนังสือ” ผมรีบหลบตาเด่น แต่ดูเด่นไม่ติดใจสงสัยอะไร
“ตอนนี้คลิปแพร่ไปทั่วเลยมึง พรุ่งนี้ได้ดังแน่” เด่นบอก ผมนึกเห็นใจหนึ่งนะ แต่สงสารผู้หญิงมากกว่า ดีที่ไม่ค่อยเห็นหน้า ถ้าในคลิปนั่นเป็นผม ผมคงตายแน่ๆ นี่ก็เป็นอีกบทเรียนของผม วัยที่ใช้อารมณ์นำพา อารมณ์มาเหนือความถูกผิดทั้งหมด
“สงสารเขานะ” ผมบอก
“เฮ้อ พ่อแม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนวะแบบนี้ ไปกันเถอะ พ่อมึงให้กูไปส่งมึง เขาติดงานสำคัญ” เด่นบอก ผมพยักหน้าแล้วเดินตามเด่นไป นึกแปลกใจเหมือนกัน ปกติถ้าพ่อมารับไม่ได้แม่ก็จะมา แต่ท่านทั้งคู่คงไม่ว่างจริงๆ
สรุปว่า ข่าวของเต็งหนึ่งแพร่สะพัดไปไวมากในโลกโซเชียล เต็งหนึ่งไม่ได้มาที่โรงเรียนอีก ผมได้ข่าวว่าพ่อแม่ของเต็งหนึ่งมาลาออกให้ แล้วก็ให้เต็งหนึ่งไปเรียนที่เมืองนอก ผมก็ไม่ได้เจอกับเต็งหนึ่งอีกเลย เรื่องของผมกับเต็งหนึ่งจบลงแบบไม่น่าประทับใจเลยสักนิด แต่ผมก็จำเขาได้แม่นยำ เขาเป็นคนแรกที่ก้าวเข้ามาในโลกเรียบๆของผม พาผมไปสู่โลกที่ผมไม่คุ้นเคยเลยสักนิด ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ความรักอย่างที่ผมเคยนึกฝัน แต่ผมก็ยอมรับว่าเวลาสั้นๆ ในมุมที่เจ็บปวดนั้น ผมก็มีความสุขจริงๆ ทั้งทางกายและทางใจ เต็งหนึ่งจะเป็นบันทึกหน้าแรกที่ผมจะเขียนถึงและจะขอบคุณที่ทำให้ผมกล้าที่จะก้าวออกมาจากโลกใบเดิม
*************โปรดติดตามตอนต่อไป*************
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ คือเรื่องนี้อาจจะมีบทเรทๆเยอะหน่อย แต่มันมีที่มาที่ไหม เป็นเรื่องของคนๆหนึ่งที่อยากออกจาก
โลกใบเดิม แต่เดินออกมาก็เจอกับบทเรียนมากมาย มีทั้งดีไม่ดี ทุกอย่างมันทำให้เขากลายเป็นใครอีกคนที่ต่างจากเดิม
มันทำให้เขาคิดว่า รักกับเซ็กส์มันต้องมาด้วยกันเสทอเลยรึเปล่า สาระมาก!! 5555 แต่มีพระเอกนะเออไม่ใช่ไม่มี 555 