C h a p t e r 0 1“งานการเป็นหลักแหล่ง หน้าตาก็ดี ยังไม่มีแฟน ดูเป็นคนสบายๆ ยังไงก็ได้แท้ๆ ทำไมถึงยังโสด”คำถามนี้เป็นคำถามเบสิคที่เจอบ่อย ๆ มวนบุหรี่ของคนตรงหน้าถูกเคาะให้ขี้เถ้าร่วงลงสู่กระป๋องเบียร์ตัดฝาที่วางริมระเบียง มีทรายใส่ไว้เพียงก้นเพื่อถ่วงน้ำหนัก กลิ่นเมนทอลลอยคลุ้ง แคคตัสต้นเล็กๆ ริมรั้วไม่ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นแม้แต่น้อย
หลังจากเจ้าของคำถามพ่นลมหายใจออก ผมก็ยกมวนบุหรี่ของตัวเองขึ้นมาบ้าง อัดลมหายใจเข้าผ่านก้นกรอง กลิ่นหอมจากการเผาไหม้คลุ้งในปาก ลามขึ้นบนจมูก ก่อนผ่อนออกมาช้าๆ เป็นจังหวะ สีเทานั่นเรียงตัวเป็นรูปโดนัท ทิ้งระยะห่างตามลมหายใจที่พ่นออก
“ถามจริง แกชอบคนแบบไหน”
ลิปสติกสีแดงเลือดนกของคนตรงหน้าเด่นชัด ผมสีดำ ยาว เหยียดตรงประบ่า ผิวขาวจัด แต่ตาสีน้ำตาล พี่จิ๊บเป็นworking woman ที่นับถือ เพิ่งได้ตำแหน่งหัวหน้างานคนใหม่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา คนไทยเชื้อสายจีน เติบโตมากับพ่อเลี้ยงที่เป็นฝรั่ง นิสัยตรง แข็งกระด้าง แต่เซ็กซี่ เย้ายวน
“เลือกๆ มาสักคนในสตูฯ ก็น่าจะได้นี่ อย่างหวานก็น่ารัก ดูจะชอบแกอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ”
“มันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิพี่”
“เอาอะไรไปยาก ไม่ชอบผู้หญิงเรียบร้อยล่ะสิ”
“ไม่ใช่แบบนั้น” หัวเราะในลำคอ ควันสีเทาที่ตกค้างในปอดลอยออกมาจางๆ “ไม่ได้มีสเปคหรอก แต่ไม่ชอบแบบนั้น เข้าใจปะ”
“เออๆ ถามจริง เคยมีแฟนไหม”
“จะว่ายังไงดีล่ะ” ผมหัวเราะ ยกมือข้างที่ยังว่างขึ้นเกาท้ายทอย “แฟนของพี่นี่คือแบบไหน นอนด้วยกันบ่อยๆ นับว่าเป็นแฟนหรือเปล่า”
“จะบ้าเหรอ เซ็กส์ก็ส่วนเซ็กส์สิ เอาแบบ คนที่คิดจะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต ไม่อยากหาไว้สักคนเหรอ”
กลิ่นไหม้ของนิโคตินลอยละล่อง ผมเขี่ยปลายมวนบุหรี่ลงที่ขอบกระป๋องบ้าง “ก็อยากหาอยู่ แต่เป็นคนขี้รำคาญน่ะ”
“เพราะยังไม่เจอคนที่ใช่มากกว่ามั้ง”
“ที่จริงก็ใช่หมดนะ ไม่รู้สิ ผมยังไม่เคยเจอคนที่ไม่ใช่เลยว่ะพี่”
เสียงหัวเราะดังในลำคอ ดวงตาโฉบมองด้วยดวงตาเฉี่ยว “ตอนเอาน่ะเอาไม่เลือก พอจะให้เลือกก็เลือกที่จะไม่เอา ปวดหัวจริง ๆ เด็กสมัยนี้”
“ถึงเวลามันก็มาเองแหละพี่”
“เลิกทำตัวสำมะเรเทเมาแล้วหาจริงๆ จังๆ สักทีเถอะแซค ในสตูฯ นี่พี่ห่วงแกสุดแล้ว”
“เพราะผมหล่อล่ะซี่”
“กลัวจะเป็นเอดส์ตายเข้าสักวัน” พี่จิ๊บถอนหายใจ ทิ้งบุหรี่ครึ่งมวนลงกระป๋อง “เดี๋ยวพี่มีนัดคุยกับลูกค้าที่สยาม อยากให้ไปด้วย”
“ผม?”
“ก็แกน่ะสิ” น้ำเสียงสะบัด แต่ไม่ใช่ไม่พอใจ ผมกับพี่จิ๊บสนิทกัน เมื่อก่อนที่พี่จิว พี่ชายคนโตยังอยู่ ผมก็โดนจับเป็นคู่หูกับพี่จิ๊บบ่อยๆ ตอนนี้บอสเก่าวางมือไปแล้ว พี่จิ๊บขึ้นตำแหน่งหัวเรือแทน ส่วนผมก็เลื่อนขั้นมาเป็นมือขวาของหัวหน้าตามกันมา “เอาคนอื่นไปคุยบ้าง อย่างไอ้เดี่ยวอยากให้พี่พามันไปรับงานกับลูกค้าเหมือนกัน”
“พูดรู้เรื่องที่ไหน ไปถึงก็โชว์พาว ฉันยังไม่อยากชวดงาน คนนี้ลูกค้าใหญ่ด้วย”
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ไอ้แซค” เสียงหวานเอ่ยขรม ผมยักยิ้มที่มุมปาก พี่จิ๊บเองก็รู้ว่าเจตนาพูดเล่นแต่ก็ปรามทุกครั้ง “แกจะหม้อใครก็หม้อไป อย่าหม้อลูกค้า”
“ผมล้อเล่น”
“ฉันกลัวใจแกจริงๆ แล้วเดี๋ยวขากลับแวะไปส่งที่ร้านด้วยนะ จะแวะไปดูเจเรมี่หน่อย”
“เปิดแล้วเหรอ” พูดถึงร้านกาแฟที่น้องชายต่างบิดาของพี่จิ๊บตั้งใจจะเปิด รายนั้นเพิ่งกลับมาจากอังกฤษหลังจากไปเรียนเชฟจริงๆจังๆเสียหลายปี “ฝากท้องได้หรือเปล่า”
“ขอเจเรมี่เองสิ”
“หายโกรธที่ผมทำกล่องดนตรีมันหักไปหรือยังก็ไม่รู้” นึกถึงเด็กหนุ่มตาน้ำข้าว ผมหยักศกที่หวงกล่องดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ มันเป็นลูกครึ่งที่บังเอิญว่าพ่อเป็นฝรั่งตัวเล็ก ส่วนสูงของเจ้าตัวเลยหยุดอยู่ที่มาตรฐานทั่วไปของคนเอเชีย เด็กกว่าแค่สองปี แต่เก่ง เก่งเหมือนพี่สาวมันนั่นแหละ
“ยิ้มอะไร”
“ไม่เจอมันตั้งหลายปี กำลังนึกหน้าอยู่”
“ก็เหมือนเดิม” พี่จิ๊บบอกเสียงเรียบ เปิดประตูออกจากโซนสำหรับสูบบุหรี่เข้าไปในออฟฟิศ หวานมองผม อมยิ้มให้ที่มุมปาก “แกเคยนอนกับหวานหรือเปล่า”
“บ้าเหรอพี่ มองผมเป็นคนยังไงวะ”
“จะไปรู้เหรอ เห็นชอบทำท่าทางมีเลศนัยกัน”
“ก็คุยกันเฉยๆ”
“ไหนบอกไม่ชอบ”
“ก็ไม่ได้ไม่ชอบ”
“ถ้าไม่จริงจังก็อย่าไปเล่นกับน้องมัน เดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติด” รับคำในลำคอ พอถึงโต๊ะตัวเองก็เก็บเอกสารลงแฟ้ม
“ไปไหนวะพี่แซค”
“ออกไปข้างนอกกับพี่จิ๊บ” หันไปบอกเดี่ยว มันอ่อนกว่าผมหนึ่งปี จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน “ลูกค้าใหญ่”
“พี่ช่วยพูดให้ผมยัง”
“เออ” ตอบรับมันหลังจากปรับทุกข์กันไปเมื่อศุกร์ที่ผ่านมา ไอ้เดี่ยวเพิ่งเข้าทำงานที่นี่ได้ไม่นานมาก ผมนี่แหละเป็นคนแนะนำ มันหัวไว ไอเดียดี แต่ปากนำเกินหัวไปหน่อยพวกผู้ใหญ่ไม่ชอบ บางทีก็ขายฝันให้ลูกค้าแล้วทำไม่ได้พานเอาพี่จิ๊บเสียเครดิตไปด้วย
“เจ๊มีเรื่องเตือนมึงเหมือนกัน ไว้พรุ่งนี้ไปกินข้าวด้วยกันเดี๋ยวบอก”
“โห ผมใจคอไม่ดีเลยพี่”
“เออ ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก” ว่าพลางพาดกระเป๋าสะพายข้างแดปเปอร์สีน้ำตาลเข้มลงบ่า โบกมือลามันพอดีกับที่พี่จิ๊บเดินออกมาพร้อมหลุยวิกตองค์หลักหมื่น คนละระดับอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงจะทั้งสวย รวย เก่ง แต่ก็มีลูกมีสามี นักธุรกิจชาวไต้หวันที่ดีลงานด้วยกันตั้งแต่เป็นพนักงานต๊อกต๋อยที่นี่นั่นแหละ
แล้วทำมาเป็นไม่ให้ผมจีบลูกค้า ตัวเองล่ะงาบไปลงหลักปักฐานกับเขาก่อนใครแท้ๆ เลยเชียว
งานใหญ่จริงๆ ด้วย
ไม่ใช่ใหญ่ธรรมดา แต่มันโคตรใหญ่ ใหญ่มากเลยต่างหาก งานเปิดตัวร้านอาหารลูกชายคนเดียวของอดีตนายกรัฐมนตรี พี่จิ๊บไปเอาเส้นสายจากไหนถึงรับงานแบบนี้มาได้ จริงอยู่ว่าสตูดิโอที่ผมรับงานประจำตอนนี้เป็นเครือข่ายของบริษัทรับจัดอีเวนท์แนวหน้าของประเทศ กระนั้นงานถ่ายแบบโปรโมทร้านโดยมีนายแบบชื่อดังอย่างธาม ร่วมงานด้วยก็ทำเอาผมมือสั่นไปหมด
“พี่เอาจริงอะ”
ถามพลางคนคาปูชิโน่เย็น หวานน้อยในแก้วไปด้วย ตั้งแต่ทำงานมาตลอดปีกว่าไม่เคยรู้สึกประหม่าขนาดนี้มาก่อน “พี่ งานมันไม่เกินตัวไปเหรอวะ”
“แกกลัวอะไรวะแซค”
“เชี่ย พี่จิ๊บ ธามแม่งอันดับต้นของนายแบบเอเชียเลยนะเว้ย” กรอกตาหลุกหลิกด้วยความไม่มั่นใจ “ถ้าผมถ่ายเขามาห่วยแตกแม่งดับ หมดสิ้นหนทางทำมาหากินของช่างภาพแน่นอน”
“อีแซค” พี่จิ๊บเริ่มขึ้นเสียง ภายในร้านอาหารเล็กๆ ของเจเรมียังมีผู้คนไม่มากนัก ผมก้มหน้าลงกัดหลอดเหมือนเด็กๆ กังวลในเรื่องที่ยังไม่มาถึง “ฉันวิ่งรอกจะเอางานนี้เพื่อให้แกมาบอกว่ามันเกินตัวอย่างนั้นน่ะนะ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมก็แค่...”
“ถ้าไม่ทำฉันจะให้ไอ้เดี่ยวทำ”
“เฮ้ย ได้ไง พี่ชวนผมมาฟังบรีฟนะเว้ย” อุตส่าห์ตื่นเต้นเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง โดนปาดหน้าเค้กผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน “โอเค ผมรู้ ผมทำได้”
“เออ ลีลา ท่ามาก จะกินอะไร รีบๆ สั่งเจเรมี่ เดี๋ยวเลิกงานแล้วลูกค้าจะเยอะ”
“มีลูกค้าแล้วเหรอ” หันไปยักคิ้วถามเชฟมือทอง เจเรมี่ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ผมยาวประบ่าหยักศกรวบมัดลวกๆ ไว้ด้านหลัง หน้าตามันเหมือนตุ๊กตาฝรั่งเศส เป็นลูกครึ่งไทยยุโรปที่น่ารักน่าชัง ติดก็ตรงที่ทำตัวเซอร์ไปหน่อย เซอร์แบบที่เซอร์จริง ๆ ไม่ใช่ซกมกเหมือนผม
“พี่จิ๊บเอาพี่แซคไปเก็บที มานั่งไม่ถึงชั่วโมงก็ปากหมาแล้วเนี่ย”
พูดไทยชัดปร๋อ ไม่อยากจะเชื่อว่าไปอยู่นอกมาเสียนานนม ตั้งแต่จบมอ.หกนั่นล่ะมั้ง ตอนนั้นผมเรียนปีสอง ทำพาร์ทไทม์เก็บเงินซื้อกล้องที่สตูฯ นี่แหละ
“อย่าเพิ่งตีกันได้ไหม ฉันปวดหัว”
“ใครใช้ให้ปากหมาก่อนวะ”
“เจม พูดกับพี่แซคดีๆ”
ปกติเจเรมี่เป็นคนน่ารัก ร่าเริง แต่ชอบมาอารมณ์เสียใส่ผม ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม “พี่จิ๊บก็เข้าข้างมัน”
“เฮ้ กาย ฉันแก่กว่านายตั้งสองปีนะ ช่วยทำสองปีให้มีความหมายสักหน่อยเถอะ”
“แก่กินข้าว” เด็กนอกอย่างมันก็รู้จักสำบัดสำนวน ถ้าไม่ติดว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามจะตบหัวสักทีอยู่หรอก ผมส่ายหัว หยิบบุหรี่ที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาจุด
“ไปสูบข้างนอกเลย เหม็นร้าน”
“เออๆ รู้แล้วน่า” พอถูกไล่สิ่งที่ต้องทำคือปลีกวิเวกออกมาเสพนิโคตินเพียงลำพังนอกตัวร้านอาหารเล็กๆ ย่านชุมชน
ผมกลับมาจากร้านของเจเรมี่ประมาณสามทุ่มเศษ เปิดเบียร์คนละสามขวดกับพี่จิ๊บ แล้วให้เจ้าของร้านวนรถมาส่งที่บ้านชานเมือง ผมอายุ 25 ช่วงวัยเบญจเพสพอดิบพอดี ไม่มีรถยนต์ส่วนบุคคลขับ อยู่คนเดียว โสด มีมอเตอร์ไซค์หนึ่งคันกับหมาโกลเด้นพันธุ์ผสมที่คนข้างบ้านคนก่อนย้ายไปแล้วทิ้งไว้ มนุษยสัมพันธ์ไม่ค่อยดี ไม่รู้มาว่ามันชื่ออะไร รู้อีกทีคู่รักนักศึกษาข้างบ้านก็ทะเลาะกัน ย้ายออก แล้วปล่อยให้ไอ้หมาพันทางถูกทิ้งไว้ลำพังได้เกือบสัปดาห์ แรกๆ ได้ยินเสียงมันร้อง สอดจมูกออกจากรั้วบ้าน สีดำ มัน กระดิกเมื่อได้กลิ่นลูกชิ้นในมือ วันที่หนึ่ง วันที่สอง จนมันไม่โผล่มาแล้ว นอนพังพาบตัวผอมแห้งอยู่ในรั้วบ้านก็ชวนไอ้เดี่ยวมาอุ้มมันข้ามฟาก ให้ข้าวให้น้ำเสร็จสรรพ เพิ่งรู้จากบ้านอื่นว่าที่นี่เป็นบ้านเช่า นักศึกษาสองคนนั้นคงไม่กลับมารับมันอีกแล้วเลยตั้งชื่อใหม่ว่าบุญเหลือ
“ไง”
เปิดรั้วบ้านเข้ามาได้ ไอ้บุญเหลือก็กระโดดโลดเต้น ตั้งชื่อไปก่อนรู้ว่าเป็นตัวเมีย เจ้าตัวก็ไม่หือไม่อือ ให้ข้าวติดกันสามวันก็สวามิภักดิ์ผมโดยดุษณี
“รื้อต้นไม้อีกหรือเปล่า”
บุญเหลือยิ้มแป้น ตีหางกระดิก เดินนำไปที่ประตู ไขกุญแจเข้าตัวบ้านได้หมาก็แซงมานั่งรอหน้าพัดลมด้วยความเคยชิน
“ร้อนเหรอมึง”
กดเปิดไฟ เปิดพัดลม เปิดโทรทัศน์ เป็นโฆษณาของธามพอดิบพอดี ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ค่อนข้างผอม เป็นนายแบบunisex ไม่ใช่ว่าหน้าเจียดไปทางผู้หญิง มองปราดเดียวก็รู้ว่าผู้ชาย หน่วยก้านสมสัดส่วน จะขยับเดินหรือนั่งล้วนเป็นเอกลักษณ์ อธิบายไม่ถูก ดูเป็นคนนิ่ง ๆ แต่กลับไม่มีความดิบเถื่อนของผู้ชายในแววตาแม้แต่น้อย
แต่อย่างว่าล่ะนะ คนในวงการจะเหลือชายแท้สักเท่าไหร่
ผมถอดเสื้อผ้า โยนลงตะกร้า เรียกบุญเหลือมานั่งดูทีวีด้วยกัน ปลาทาโร่ที่กินทิ้งไว้บนโต๊ะเมื่อวานเป็นเครื่องบรรณาการของทั้งผมและหมาตัวใหญ่ มองโฆษณาตัวนั้นจนจบแล้วเปลี่ยนช่องอื่น กลายเป็นโฆษณาอีกตัว
แต่นายแบบคนเดิม “พี่อำผมปะเนี่ย”ไอ้เดี่ยวร้องเสียงหลงในวันถัดมา ผมดูดโอเลี้ยงเย็นๆ ที่สั่งมากินกับก๋วยเตี๋ยวเรือ คีบลูกชิ้นใส่ปาก
“งานกับคุณเมธัสเลยนะ”
“เออ”
“เชี่ย ผมอยากได้ว่ะ”
“เออ เดี๋ยวเจ๊คงจัดให้มึงลงสักงาน นี่รับมาแบบงานเหมาเลย ตั้งแต่ถ่ายลงนิตยสาร ถ่ายวันเปิดร้าน ไม่รู้ได้เส้นใครถึงเก็บเรียบ ลงปกAward เดือนกุมภาด้วย เป๊ะไหม พิมพ์ช่วงวาเลนไทน์กับร้านอาหารสุดชิค”
“ถ่ายลง Award ด้วยเหรอ คุณเมธัสถ่ายเองเลยหรือเปล่า”
“ภาพประกอบจะให้ธามมาช่วยน่ะ แต่บทสัมภาษณ์ก็เลี่ยงไม่ได้ คุณเมธัสเขาไม่ค่อยชอบออกกล้อง มึงก็รู้”
“โห ธาม นิธาน น่ะนะ”
“เออ”
“เชี่ย ผมโคตรชอบพี่เขาเลย ถ้าเป็นผู้หญิงก็เป็นอัม พัชราของไทยอะ แต่นี่ยิ่งกว่า ยิ่งกว่าตรงเขาเป็นผู้ชายอะพี่”
“เออ” คีบเครื่องในที่ไม่กินใส่ชามก๋วยเตียวรุ่นน้องที่เอาแต่อ้าปากค้าง ตกใจยิ่งกว่าได้งานเอง “เส้นอืดหมดแล้วไอ้เดี่ยว”
“เออๆ โทษพี่ ตื่นเต้นว่ะ พี่ไม่ตื่นเต้นเหรอ นั่นนายแบบระดับเอเชียเลยนะ”
“แล้วไง?”
“ถ้าพี่ทำอะไรไม่ถูกใจเขาโดนเหวี่ยงกลับมาทำไงวะ พี่ยิ่งใจร้อนอยู่ด้วย”
“กูนะเหรอใจร้อน” วางตะเกียบลง ขมวดคิ้ว รุ่นน้องคนสนิทก็ยกมือไหว้พัลวัน
“ผมหมายถึง พี่เป็นคนมีเหตุผล ถ้าโดนเหวี่ยงเพราะอากาศร้อนอะไรงี้ ไม่แย่เหรอ”
“วงในบอกว่าคุยง่ายนะ” สืบมาจากเพื่อนร่วมอาชีพที่เคยถ่ายแบบให้ธามแล้ว ไม่เห็นใครมีปัญหา “อาจจะแค่ไม่ค่อยเล่นกับคนอื่น แต่ไม่ใช่คนขี้วีน”
“เออ ได้งั้นจริงก็ดี ดาราดังๆ น่ะผมปวดหัว”
“นั่นน่ะ ช่างมันเถอะ แต่เจ๊จิ๊บฝากกูเตือนมึงเรื่องที่พรีเซนท์งานเกินตัว”
“โธ่ พี่ ใครๆ ก็พรีเซนท์งานเกินตัวทั้งนั้นแหละ” จริงอย่างไอ้เดี่ยวมันว่า เช่นตอนสัมภาษณ์งาน ได้ครับ ได้ค่ะ ดีอย่างนั้นเด่นอย่างนี้กันทุกคน เอาเข้าจริงดีๆ ได้สักกี่ราย
“แต่มึงพูดกับลูกค้าแล้วพอมึงทำไม่ได้ทีมก็เสียชื่อ”
“เออ ผมรู้ ผมมีไอเดียนี่หว่า”
“มึงพูดให้น้อยทำให้เยอะเถอะ” ผมว่า ซดน้ำซุปในชามแล้วคว่ำช้อนลง กินเสร็จเรียบร้อย รุ่นน้องคนสนิทก็ยังไม่ถึงครึ่ง “อาทิตย์หน้าว่างไหม จะชวนไปสวนรถไฟ”
“ทำไมอะพี่”
“ถ่ายรูปงานรับปริญญาน้องไอติม”
“ไอติม เน็ตไอดอลอะนะ”
“เออ ที่นมโตๆ อะ”
“เฮ้ย เจ๋ง แต่คงไม่ว่างอะ วันอาทิตย์แฟนผมบิน เก็บมาฝากด้วยซี่” ผมหัวเราะเหอะ นักหมั่นไส้คนมีคู่ครามครัน “พี่ไม่ลองชวนหวานไปถ่ายล่ะ”
“ทำไมต้องชวนวะ”
“เห็นนะ แอบไลน์คุยกัน”
“คุยงาน” เบี่ยงประเด็นไปเรื่อย ไอ้เดี่ยวหัวเราะคิก เรื่องสอดรู้สอดเห็นขอให้บอก “เออ จะว่าไปวันนี้ธามมีถ่ายปกที่สตูข้างๆ แวะไปแนะนำตัวไหมพี่ พาผมไปแนะนำด้วย”
“มึงจะไปทำไม”
“โธ่ นานๆ จะได้รู้จักดาราดัง”
ผมถอนหายใจ มองรุ่นน้องกินบะหมี่ในถ้วยไปด้วย “ทำงานไปเรื่อยๆ ก็ได้เจอ”
“เจอใครก็ไม่ว้าวเท่าธามอะ ผมว่าสาวๆ ครึ่งประเทศต้องชอบเขา ขนาดผมเป็นผู้ชายผมยังชอบเลย มีความคูล ขนาดอายุ30แล้วแท้ๆ”
“แล้วไง”
“พี่ไม่ตื่นเต้นเลยจริงๆ อะ” ส่งยิ้มเย็นให้ ตอบมันในใจว่าตื่นเต้นไปเรียบร้อยแล้ว โอเค วันนี้สติผมดี นิธานก็แค่นายแบบคนหนึ่ง เอาจริงก็นับเป็นโอกาสของผมที่จะได้ชื่อติดไปด้วย
“อยากไปก็รีบๆ เดี๋ยวไปส่องสตูพี่ไก่ด้วยกัน”
พี่ไก่เป็นตากล้องมือหนึ่งของบริษัทจะว่าไปบริษัทที่ผมทำอยู่ก็เป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ งานหลักคือเปิดสตูดิโอถ่ายภาพ มีนิตยสารเป็นของตัวเองชื่อ award เป็นนิตยสารท่องเที่ยวที่สร้างชื่อให้บริษัทเป็นที่รู้จัก รับถ่ายภาพตามอีเวนท์ จิปาถะ แตกแขนงจนผมเองก็ไม่รู้โครงสร้างของบริษัทแน่ รับผิดชอบแค่ส่วนของทีมตัวเองคือเป็นตากล้องสัมภาษณ์นักธุรกิจจำพวกเปิดร้านอาหาร หรือโรงแรมเก๋ๆ ตามใบสั่ง งานดี เงินโอเค เพื่อนร่วมงานเยี่ยม มีปวดหัวกับนักธุรกิจรับเชิญบ้างประปราย แต่เรียกได้ว่าชีวิตดี มีความสุข ได้ทำงานที่รัก ถึงจะไม่เก่งแต่ก็มีโอกาสเก่ง โผล่หน้าเข้าไปยกมือไหว้พี่ไก่ สาวหล่อร่างท้วมที่เซ็ทกล้องอยู่เหลือบตามองกลับมา ยิ้มแป้นใจดีอย่างทุกครั้งที่เจอกัน
“เอ้า มาไง”
“ซื้อกาแฟมาฝากครับพี่”
“เออ ยังไม่ได้ลงไปข้างล่างเลยเนี่ย กำลังอยากพอดี”
“ผมซื้อมาฝากคนอื่นด้วย” ไอ้เดี่ยวแจกจ่ายให้เพื่อนร่วมงานทีละแก้ว กระทั่งสองแก้วสุดท้ายก็ยื่นให้ผมส่งต่อพี่ไก่อีกที “คุณธามล่ะครับ”
“ไปเข้าห้องน้ำ อ้อ ได้ข่าวว่าได้งานของคุณเมธัสที่น้องธามไปเป็นแบบให้นี่”
“ครับ เลยซื้อกาแฟมาฝาก อยากทำความรู้จัก อิอิ” พี่ไก่หัวเราะร่า พอดีกับที่คนถูกพูดถึงเดินเข้ามาในสตู เขาอยู่ในเสื้อเชิ้ตขาวล้วน กางเกงยีนขาดลุ่ยตามแฟชั่นนิยม พี่ไก่ถ่ายรูปส่งนิตยสารแฟชั่นที่ดีลงานกับที่นี่ธีมของวันนี้ถึงเฟี้ยวเงาะจนมองตาค้าง ผู้ชายอายุสามสิบ ผมสีดำสนิทหวีเรียบเสยไปด้านหลัง ตาคม เฉี่ยว ขาวโดดเด่นกว่าคนอืน สีหน้านิ่งสนิท แต่มุมไหนก็ดูดีไปเสียหมด
“น้องธามมาพอดี คนนี้ไงที่ธามถามถึง แซคที่จะถ่ายงานคุณหม่อนให้สัปดาห์หน้า”
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ เขาแก่กว่าผมห้าปี แต่กลับหน้าเด็กกว่าเป็นไหนๆ อีกฝ่ายเพียงพยักหน้า มองผมแล้วละสายตาไปยังไอ้เดี่ยวที่ยื่นแก้วกาแฟสดให้
“ผมชื่อเดี่ยวครับพี่ กาแฟครับ”
“ขอบคุณ แต่ผมไม่ดื่มกาแฟ” ตอบด้วยสีหน้าแบบเดิมแล้วเดินผ่านไป ไอ้เดี่ยวถึงกับเหวอ ขอความช่วยเหลือจากผมซึ่งเหลือบตาขอคำชี้แนะจากพี่ไก่อีกที
“เป็นแบบนี้แหละ ไม่มีอะไรหรอก”
“เนี่ยนะไม่มีอะไร”
“งานยากแล้วว่ะพี่” ผมพยักหน้าเห็นด้วย มองตามเจ้าของร่างโปร่งที่มีกลุ่มช่างแต่งหน้าเดินตามเป็นพรวนแล้วถอนหายใจ
“เฮ้ย อย่าคิดมาก ธามไม่ใช่คนขี้เล่นน่ะ แต่ทำงานด้วยก็โอเคนะ เก่ง ไม่วีน”
“ทำงานด้วยกันไม่อึดอัดแย่เหรอพี่”
“ไม่หรอก” พี่ไก่มองตามคนที่ถูกพูดถึง “ดีกว่าดาราพูดมากแล้วเรื่องเยอะหลายๆ คนเลยแหละ”
“เดี๋ยวก็รู้” เดี่ยวยักคิ้วใส่ ส่วนผมได้แต่ปาดเหงื่อพลางๆ
TBCเปิดเรื่องใหม่แล้ว กรี๊ดดด เป็นยังไงกันบ้าง ไม่ได้ชิทอะแชทกันตั้งเกือบสองเดือน คิดถึงนะทุกคน
ฝากตากล้องสุดซ่ากับนายแบบสุดซึนไว้อีกเรื่องนะคะ เป็นแนววัยทำงาน ชอบไม่ชอบยังไงแนะนำกันได้ จะได้ปรับปรุงแก้ไขต่อไป
สุขสันต์วันพุธค่ะทุกคน ทำงานอีก 1 วันก็ได้หยุดแล้ว
12 123 12 12 1 เฮ้!