PART 1PART 2PART 3PART 4PART 5PART 6PART 7PART 8PART 9.1PART 9.2Part 10
ถนนย่านชานเมืองในเวลาที่ล่วงเข้าวันใหม่มาได้สองชั่วโมงแล้วแทบไม่เห็นรถคันอื่นเลย คนขับรถสปอร์ตสีแดงจึงเร่งความเร็วอวดประสิทธิภาพของรถได้อย่างเต็มที่ วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาออกจากปาร์ตี้ก่อนจะเช้า เป็นครั้งแรกที่ดื่มเหล้านับแก้วได้ และเป็นครั้งแรกที่ไม่มีตุ๊กตาหน้ารถที่เป็นสาวลูกครึ่งกลับมาที่บ้านด้วย เหนือดินถอนหายใจยาวๆ เขารู้สึกไม่สบายใจเลยเพราะรู้สึกแปลกๆ กับน้ำเสียงของสีน้ำ และนี่ก็เป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้เขาทิ้งงานเลี้ยงแล้วขอกลับบ้านมาแบบนี้ ถึงจะรู้ดีว่ากลับมาก็คงไม่ได้คุยกับสีน้ำ แต่ยังไงขอแค่เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี
“สีน้ำเป็นอะไรไปหรือเปล่านะ ทำไมแกมันงี่เง่าอย่างนี้นะเหนือดิน สีน้ำโทรมาหาทั้งที”
เหนือดินแทบอยากจะทึ้งหัวตัวเองออกไปซะ เขาอยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าสีน้ำหึงที่ได้ยินเสียงผู้หญิงดังใกล้ๆ หรือสีน้ำจะโกรธที่เขาบอกว่าจะโทรไปหาแล้วไม่ได้โทรสักที หรือไอ้ลูกครึ่งนั่นทำอะไรสีน้ำ สมองคิดวนไปเวียนมาแต่ก็ไม่พ้นเรื่องของสีน้ำเลยสักเรื่อง
รถสปอร์ตสีแดงแล่นมาช้าๆ แล้วจอดสนิทที่ฝั่งตรงข้ามบ้านหลังนึงในหมู่บ้านที่พ่อของเขาเป็นคนสร้างขึ้นมา ทั้งบ้านปิดไฟหมดแล้วและคนรักของเขาเองก็คงอยู่ในห้วงนิทราเช่นเดียวกับพ่อและแม่ นายแบบหนุ่มที่กำลังจะได้เป็นนายแบบดังระดับโลกในไม่ช้าเปิดประตูรถออกมา ร่างสูงเอนหลังพิงกับประตูรถจ้องไปยังห้องชั้นสองอยู่เงียบๆ ดวงตากลมโตทรงพลังจ้องราวกับว่าอยากจะมองทะลุเข้าไป เพื่อดูว่าคนรักหนุ่มน้อยนั้นนอนหลับสบายดีอยู่ หรือเปล่า
“ฝันดีนะสีน้ำ”
ร่างสูงยืนนิ่งตากน้ำค้างอยู่แบบนั้นกว่าสิบนาที ก่อนจะตัดสินใจกลับบ้านไปพักผ่อนบ้างแต่ทันทีที่กลับเข้าไปในรถ เครื่องมือสื่อสารที่ถูกยัดอยู่ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นมา
“ใครส่งไรมาป่านนี้นะเนี่ย”
มือสีน้ำผึ้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู ชื่อเจ้าของเบอร์ทำให้ตาที่ว่าโตแล้วยิ่งโตกว่าเดิมด้วยความตกใจ จึงรีบเปิดข้อความที่ได้รับออกมาดู
“กลับบ้านแล้วพักผ่อนเยอะๆ นะครับ มายืนตากน้ำค้างแบบนี้ระวังไม่สบายด้วย ฝันดีครับ...สีน้ำ”
ถ้าไม่ติดว่าเป็นตอนตีสองกว่าๆ ที่เป็นเวลาพักผ่อนของทุกคนเหนือดินอยากจะออกไปร้องตะโกนดังๆ ให้สมกับความดีใจที่มีอยู่เลยทีเดียว ไวกว่าความคิดมือหนากดโทรกลับไปหาเจ้าของข้อความทันที รอสายไม่นานเสียงนุ่มก็ตอบมาเบาๆ
“ฮะ”
“ยังไม่นอนหรอสีน้ำ”
เหนือดินกลับไปยืนพิงรถแล้วมองไปยังหน้าต่างห้องนอนคนรักเหมือนเช่นเมื่อครู่ ได้ยินเสียงไปมองห้องนอนไปก็ยังดี
“นอนไม่หลับฮะ”
“ทำไม การบ้านเยอะหรอ”
“เปล่าฮะ การบ้านนะเสร็จหมดแล้ว แต่มันนอนไม่หลับเอง”
“รู้ล่ะ คิดถึงพี่จนนอนไม่หลับใช่ไหมละ”
ริมฝีปากหนาแย้มยิ้มออกยามที่พูดแบบนี้ออกไป แต่มือถือที่อยู่ในมือก็แทบร่วงตอนที่ได้ยินคนรักเขาตอบกลับมาว่า
“รู้ได้ยังไงฮะ”
“สีน้ำว่าอะไรนะ”
ถ้าประโยคนี้มาจากคนอื่น เหนือดินคงคิดว่าฝ่ายนั้นพูดเพื่อเอาใจเขา แต่นี่มาจากสีน้ำ คนที่ไม่มีทางจะพูดโกหกและทำอะไรแบบนั้นแน่ๆ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร ทำไมวันนี้ใครต่อใครพากันมาถามเรื่องของเรา คีย์เอย แม่เอย ยังมีคุณแม่ของพี่ดินอีก”
“ไม่สบายใจหรือเปล่า สีน้ำเอาไปคิดมากอยู่หรอ”
ร่างขาวจัดที่นั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือที่วางติดหน้าต่างมองคนรักที่ยืนพิงรถอยู่ฝั่งตรงข้าม นอนเวลาแบบนี้ก็ผิดวิสัยของเขาแล้วและการที่เก็บเรื่องมาคิดจนนอนไม่หลับนี่เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้
“สีน้ำ....กลุ้มใจอะไรก็บอกกับพี่สิ”
เมื่อเห็นปลายสายเงียบไป เหนือดินเลยถามไปอีกครั้ง
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เมื่อกี้ก็รู้สึกแปลกๆ”
“แปลกยังไง”
“บอกไม่ถูก มันเหมือนไม่พอใจ ไม่สบายใจ ไม่ชอบ”
“ตอนไหนเนี่ยที่สีน้ำรู้สึกแบบนั้น”
“ตอน...”
สีน้ำไม่แน่ใจว่าจะพูดออกไปดีไหม ที่เขารู้สึกแบบนี้มันแย่หรือเปล่านะ
“สีน้ำ ตอนไหน หืม บอกพี่มาสิ”
“ก็....ตอนที่พี่ดินอยู่กับ...เพื่อนเมื่อกี้”
เสียงปลายสายเบาจนแทบกลายเป็นเสียงกระซิบ แต่ในความคิดเหนือดินแล้วคำตอบนั้นดังก้องไปมาในสมองเขาไม่หยุดหย่อน
“สีน้ำ พี่อยากเจอหน้าสีน้ำจังเลย เราไม่ได้เจอกันตั้งสามวันแล้วสินะ”
เหนือดินอยากเจอคนรักใสซื่อของเขา อยากจะกอดร่างขาวจัดนั้นไว้ในอ้อมกอด อยากจะทำให้สีน้ำมั่นใจในความรักของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะด้วยคำพูดหรือด้วยอ้อมกอดนี้ก็ตาม
“พรุ่งนี้ก็มารับสิฮะ แม่บอกว่าถ้าไม่ติดงานก็มารับผมได้นะ”
“แต่พี่อยากเจอสีน้ำตอนนี้เลยนี่นา นะ...ได้ไหม...พี่คิดถึงสีน้ำจริงๆ นะ”
เด็กหนุ่มรู้สึกหน้าร้อนผะผ่าวขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดออดอ้อนแสนหวาน เหนือดินกำลังจะทำให้เขาทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อน การแอบออกจากบ้านไปในเวลาค่อนคืนแบบนี้ถ้าแม่รู้เข้าจะโดนดุสักแค่ไหนนะ แต่ขาเรียวใต้ชุดนอนก็ค่อยๆ จรดปลายเท้าออกไปจากห้องนอนชั้นสอง ผ่านเจ้าพุดดิ้งที่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าเจ้านายแล้วสีน้ำก็ตบหัวเบาๆ ให้มันนอนหลับต่อ เจ้าตัวคว้าแจ็กเก็ตมาใส่แล้วลงบันไดช้าๆ คลำทางในความมืดมาจนถึงประตูบ้าน
“สีน้ำ...หลับไปแล้วหรอ หายไปไหน”
“เปล่าฮะ ยังไม่หลับ”
ประตูหน้าบ้านของคนรักเปิดออกช้าๆ พร้อมกับร่างสูงในชุดนอนที่สวมเพียงแจ็กเก็ตทับเอาไว้ ผมฟูนั้นไม่ได้ทำให้ใบหน้าเรียวดูงดงามน้อยลงเลยยามที่ปราศจากแว่นตาหนานั้น
“ก็เห็นบอกว่าอยากเห็นหน้า”
สีน้ำยิ้มน้อยๆ ให้กับนายแบบหนุ่มที่สาวเท้าจนเกือบกลายเป็นวิ่งเข้ามาหาแล้วกระชากตัวเขาเข้าไปซุกในอ้อมกอดอุ่นนั้นจนแน่น
“ผมหายใจไม่ออกแล้ว พี่ดิน”
“เดี๋ยวผายปอดให้ถ้าหายใจไม่ออก ขอพี่กอดสีน้ำแน่นๆ ไว้สักครู่ ได้ไหม”
เด็กหนุ่มยอมรับว่าเขาเองก็คิดถึงทั้งอ้อมกอดและเจ้าของอ้อมกอดนี้อยู่เหมือนกัน ดังนั้นมือเรียวขาวจึงยกขึ้นมาโอบกอดคนรักไว้ด้วย
เหนือดินอยากจะขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เขาได้พบกับคนในอ้อมกอดนี้ ถ้าไม่ได้เจอสีน้ำเขาคงจะไม่ได้รู้จักความรักที่ลึกซึ้งและจริงใจแบบนี้เป็นแน่
“พี่รักสีน้ำนะ รู้ไหม”
“อืม รู้แล้วฮะ พูดทุกวันเลย”
“แล้วพี่จะรอวันที่สีน้ำบอกว่ารักพี่นะ”
ร่างหนาผละออกมาเล็กน้อยแล้วเชยคางคนรักหนุ่มน้อยให้หันมามองเขา ในช่วงเวลาที่มีแสงเรืองรองของไฟริมทางสลัวๆ นัยน์ตาของสีน้ำกลับสุกสกาวน่าหลงใหล ใบหน้าเข้มโน้มเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนริมฝีปากหนาแนบชิดปิดริมฝีปากแดงอิ่มของสีน้ำเอาไว้ จูบเบาๆ เต็มเปี่ยมไปด้วยความอ่อนหวานถูกส่งมอบให้กับคนในอ้อมกอด เติมเต็มความอบอุ่นให้กับหัวใจทั้งสองดวง
*************************************************
ร่างสูงมองไปรอบๆ ห้องนอนที่ได้เข้ามาอีกครั้ง ห้องของสีน้ำก็ยังคงเรียบร้อยเป็นระเบียบและเต็มไปด้วยหนังสือเหมือนเช่นเคย เขาหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงนุ่มก่อนจะลุกไปยังโต๊ะริมหน้าต่าง จากตรงนั้นมองไปเห็นรถของเขาได้พอดิบพอดีเลยทีเดียว ต้องเป็นที่ๆ สีน้ำนั่งคุยกับเขาเมื่อครู่เป็นแน่
“จะอาบน้ำไหมฮะ ห้องน้ำอยู่ทางนี้ ใส่เสื้อของผมก็น่าจะได้”
สีน้ำที่เดินตามเข้ามาในห้องหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอนมาให้กับคนรัก ใบหน้าขาวจัดยังแดงระเรื่ออยู่กับจูบมาราธอนที่หน้าบ้านของเขาเอง เหนือดินมองใบหน้าเนียนนั้นแล้วก็รู้สึกอยากจะกดจมูกลงไปที่แก้มขาวตรงหน้าเสียจริง
“ขอบใจนะ”
มือใหญ่รับของจากสีน้ำแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้เด็กหนุ่มนั่งลงบนเตียงแล้วหยิบหมอนมากอดพลางคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ซึ่งเป็นการกระทำที่บ้าบิ่นที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
กว่าเหนือดินจะยอมปล่อยริมฝีปากแดงที่เฝ้าครอบครองชิมความหวานให้เป็นอิสระได้ ร่องรอยก็ปรากฏให้เห็นด้วยความบวมเจ่อที่ยิ่งทำให้ดูน่าดึงดูดเข้าไปกันใหญ่ สีน้ำซุกหน้าลงกับบ่าหนา ความอ่อนหวานลอยล่องในบรรยากาศยามดึก เหนือดินกอดคนรักหนุ่มน้อยเอาไว้
“อยากลักพาตัวสีน้ำกลับไปนอนด้วยที่บ้านจังเลย”
“นอนค้างที่นี่ไหมฮะ ถ้าไม่รังเกียจว่าห้องจะเล็กไปหน่อย”
ร่างหนาดันตัวคนรักออกมา อาศัยแสงไฟสลัวพยายามมองหน้าสีน้ำ แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของการชวนเชิญเหมือนกับบรรดาหญิงสาวมากหน้าที่เคยพูดแบบนี้กับเขา มันก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้วสิ เพราะเด็กที่มาจากเมืองเล็กๆ ห่างไกลสังคมที่สับสนวุ่นวาย และเติบโตมากับโรงพยาบาลห้องสีเหลี่ยมสีขาว สีน้ำเต็มไปด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์ มองโลกในแง่ดีเกินไป คิดว่าใครต่อใครเป็นคนดีไปเสียหมด ภูมิคุ้มกันต่อคนที่ไม่ดีทั้งหลายก็ไม่มี แต่เพราะว่าสีน้ำเป็น แบบนี้นั่นล่ะถึงได้ขโมยหัวใจของเขาไปได้ง่ายดาย
“ถ้าแถมด้วยว่าได้นอนกอดเจ้าของห้อง ฉันจะย้ายมาอยู่ที่นี่เลยได้ไหม”
พอพูดจบนายแบบหน้าคมก็ฝังจมูกสูดดมความหอมรวยรินจากแก้มใสนั่นอยู่อีกนานสองนาน ก่อนที่สีน้ำจะพาเขาเข้าบ้านแล้วขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง
เสียงฝักบัวดังมาจากห้องน้ำ เป็นระยะแล้วก็เงียบลง ไม่นานนายแบบร่างหนาก็เดินออกมาในชุดนอนตัวใหญ่ของสีน้ำที่เขาใส่ได้พอดิบพอดี
“ใส่ได้พอดีเลยนะฮะ”
“แต่ไม่อยากใส่มากกว่านะเนี่ย”
“อะไรนะฮะ”
“เปล่าๆ แล้วจะให้นอนไหน อย่าบอกนะว่าจะไล่พี่ไปนอนพื้น”
เหนือดินเห็นฟูกผืนใหญ่วางปูอยู่ที่พื้นข้างๆ เตียงขนาดเล็กที่ถ้าผู้ชายสองคนไปนอนเบียดกันก็คงไม่สบายตัว
“ก็ให้พี่ดินนอนเตียงไงครับ ผมนอนฟูกเอง เป็นแขกจะมานอนพื้นได้ไง”
“ไม่เอา ก็พี่จะนอนกอดสีน้ำ งั้นขึ้นมานอนเตียงด้วยกัน”
“เตียงมันไม่ได้ใหญ่ขนาดที่จะนอนกันได้สบายๆ เลยนะฮะ”
“ก็ถ้านอนกอดกันมันก็นอนได้พอดีไง ชวนพี่ค้างไม่ใช่หรอ งั้นก็ต้องตามใจพี่ด้วยสิ”
“ไม่เห็นเกี่ยวเลย”
“เกี่ยวมากๆ เลย บอกแล้วไงคิดถึงสีน้ำจะแย่แล้ว”
มือหนาเอื้อมไปดึงเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้เขามาใกล้ แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงไปด้วยกัน
“พี่ดิน”
เสียงเรียกชื่อที่แผ่วเบาเพราะกลัวพ่อและแม่ที่อยู่ห้องข้างๆ จะได้ยิน
“ก็บอกแล้วไงว่านอนค้างได้แต่ขอนอนกอดเจ้าของห้องด้วย มานอนดีกว่าน่า”
เหนือดินเขยิบตัวให้หัวไปหนุนหมอนแล้วก็ลากร่างเพรียวในอ้อมกอดให้หนุนแผ่นอกหนาของเขาแทนหมอน
“พี่ดิน ไม่อึดอัดหรอฮะ”
“ไม่เลย สีน้ำตัวนิ่มจัง”
มือใหญ่ลูบไล้สัมผัสไปทั่วแผ่นหลังผ่านชุดนอน ทำไมสีน้ำถึงได้รู้สึกถึงความร้อนในแต่ละจุดที่มือหนาลากผ่านได้เป็นอย่างดี
“ทำไมคิ้วผูกโบว์อย่างนั้นล่ะ”
“ป..เปล่าฮะ”
ใบหน้าร้อนเห่อขึ้นมา เมื่อเจ้าของมือจงใจที่จะล้วงเข้าไปสัมผัสกับผิวเนียนโดยตรง
“ผิวสีน้ำนี่ลื่นมือดีจังเลยน้า”
“อย่าแกล้งกันสิฮะ นอนได้แล้ว”
“ใครว่าแกล้ง พี่อยากสัมผัสสีน้ำไปทุกส่วนเลยรู้ไหม”
“ไม่เอาละ ผมจะนอน”
“งั้นก็นอนไป”
สีน้ำพยายามข่มตาหลับลง แต่มือซนก็ยังลูบไล้แผ่นหลังของเขาไปทั่ว และมือร้อนเหมือนจะเน้นสัมผัสหนักมือยิ่งขึ้น เมื่อมือของคนรักทำท่าจะมุดขอบกางเกงนอนเข้าไปดวงตาเรียวก็เปิดขึ้นมาอย่างตกใจ
“พี่ดิ.....”
เหนือดินดูดกลืนเสียงค้านเอาไว้หมดด้วยการปิดริมฝีปากแดงอิ่มนั้นด้วยริมฝีปากของเขาเอง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่จูบผิวเผินแสนอ่อนหวานแบบเมื่อครู่ แต่เป็นจูบที่ร้อนแรงไปถึงห้วงอารมณ์ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดสอนให้คนที่อ่อนประสบการณ์ได้เรียนรู้ ทั้งไล่ตามและซอนไซ้ไปทั่วช่องปากนิ่ม
“อื้มมมมม”
เสียงครางแผ่วหลุดรอดออกมาให้ได้ยินยามที่เน้นรอยจุมพิตให้ยิ่งลึกซึ้งขึ้น ร่างหนาค่อยๆ ขยับพลิกตัวจนตอนนี้เขามาคร่อมสีน้ำอยู่ทางด้านบน ริมฝีปากเฝ้าชิมความหอมหวานอย่างได้ใจ ส่วนมือหนาก็ฟอนเฟ้นผิวขาวเนียนไปทั่ว แล้วค่อยๆ ร่นเสื้อนอนของคนรักให้ไปอยู่ที่ลำคอขาวที่หงายเงย
“พี่ดิน?”
ช่วงจังหวะที่ผละริมฝีปากออกมานั้นเองก็ดึงเสื้อนอนให้ออกไปจนเห็นแผ่นอกขาวจัดที่มีจุดสีชมพูเรื่อประดับอยู่สองข้าง ริมฝีปากหนาเข้าจู่โจมแต้มเล็กที่แผ่นอกเรียบทันที
“อื้มมมม ไม่เอา.....พี่ดิน....อ่า”
เด็กหนุ่มพยายามขัดขืนปัดป้อง แต่ริมฝีปากร้อนที่ดูดดันยอดอกก็ไม่ได้ผ่อนแรงลงเลย มิหนำซ้ำยังใช้หัวแม่มือเขี่ยยอดอกอีกข้างไปมาแล้วกดบดเบียดลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนยอดอกทั้งสองข้างนั้นเป็นตุ่มไตแข็งชูชัน เสียงครางแผ่วดังสลับกับเสียงเรียกชื่อคนรักที่ยิ่งฟังก็ปั่นป่วน ความหวานของ เรือนกายยั่วเย้าบดบังความจริงและสติที่ว่าขณะนี้ทั้งสองอยู่ที่ไหน
“อื้มมม ไม่....อย่า.....พอแล้ว”
สีน้ำกำลังกลัวคนที่โลมเล้าร่างกายของเขาอยู่ในขณะนี้ ทั้งยังกลัวความร้อนประหลาดที่แผ่ไปทั่วเรือนร่าง แถมยังทำท่าไปรวมตัวกันที่ส่วนกลางของร่างกายมากกว่าที่อื่น ขาเรียวทั้งสองข้างบดเบียดกันเองเพื่อที่จะปิดบังไม่ให้เหนือดินสังเกตเห็นสิ่งแปลกประหลาดที่กำลังจะแปรรูปร่างไป
เสียงริมฝีปากที่หยอกเย้าตุ่มไตแข็งฟังดูช่างหยาบโลนนักในความคิดของสีน้ำ ทั้งที่อยากจะดิ้นรนขัดขืนก็ทำไม่ได้ เรี่ยวแรงเหมือนจะหายไปหมด แม้แต่เสียงร้องขอให้อีกฝ่ายหยุดก็ดังแผ่วเบาจนไม่สามารถหยุดยั้งนายแบบดังได้ มารู้ตัวอีกทีหยาดน้ำตาอุ่นก็ไหลรินลงไปจากทางหางตาไม่ขาดสาย สิ่งที่เขากำลังถูกกระทำอยู่นี้นั้นคือสิ่งที่เรียกว่าความรักเช่นนั้นหรือ
“ฮึก ฮึก ฮึก”
เสียงกลั้นสะอื้นดังเข้ามาในโสตประสาทประกอบกับเรือนกายที่กำลังโลมไล้อยู่นั้นสั่นเทา เหนือดินจึงหยุดการรุกไล่ทั้งหมด ยามเมื่อเงยหน้าไปมองคนรักหนุ่มน้อย หัวใจเหมือนหล่นวูบหายไป ดวงตาเรียวฉ่ำไปด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอแล้วยังที่ไหลรินลงไปเปียกหมอนเป็นวงกว้างนั่นอีก ทั้งหมดเกิดจากการที่เขายับยั้งความปรารถนาเอาไว้ไม่ได้ จนกลายเป็นการทำร้ายสีน้ำไปโดยปริยาย
“สีน้ำ พี่ขอโทษนะ ไม่ต้องร้อง”
เหนือดินดึงเด็กหนุ่มเข้ามากอดเอาไว้แนบแน่น คางมนเกยอยู่ที่ไหล่ รู้สึกได้ถึงหยดน้ำตาที่ตกลงมาต้องแผ่นหลังของเขาเอง ทำไมเขาถึงลืมไปได้ว่าสีน้ำไม่เคยคุ้นกับการกระทำแบบนี้ เรื่องราววันนั้นที่เกิดขึ้นเพราะฤทธิ์ยาล้วนๆ
“พี่ดิน...”
“หืม พี่ขอโทษ พอดีมันอดใจไม่ไหว เห็นคนรักอยู่ใกล้ๆ แล้วมันก็เกินห้ามใจ สีน้ำตกใจใช่ไหม”
เหนือดินดันตัวสีน้ำออกมาแล้วไล้มือเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ นัยน์ตาเรียวเหลือบมองคนตรงหน้าแล้วหลุบต่ำลง
“สีน้ำ อย่าโกรธพี่เลยนะ พี่ไม่ทำอะไรแล้ว นะ อย่าร้องไห้”
ร่างขาวเอนซบแผ่นอกกว้างตามแรงดึงของคนรัก แผ่นหูได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวไม่ต่างกับหัวใจของเขาเลย
“วันนั้น...เราก็ทำแบบนี้...กัน....หรอฮะ”
เจ้าของริมฝีปากแดงที่บวมเจ่อค่อยๆ พูดออกมาช้าๆ ด้วยเสียง แผ่วเบา
“สีน้ำ”
ไม่เคยมีครั้งไหนที่ความปรารถนาจะสุมร่างจนเกินที่จะอดทนเช่นนี้ ถ้าเป็นทุกครั้งร่างในอ้อมกอดคงนอนแผ่แล้วโดนเขารุกรานด้วยความร้อนแรงไปแล้ว หากแต่ครั้งนี้ความอดทนนั้นกลับมีมากจนน่าแปลกใจ
“ไอ้รอยแดงๆ ที่มีทั้งตัวคราวก่อนก็เพราะโดนแบบนี้เหมือนกันหรอฮะ”
สีน้ำที่หยุดร้องไห้แล้วเหลือบมองไปทั่วแผ่นอกในแสงไฟสลัวจากหัวเตียง จ้ำแดงประปรายเริ่มปรากฏให้เห็น พอเหนือดินกลับมาอ่อนโยนกับตัวเองอีกครั้งความหวาดกลัวก็เริ่มจะหายไป
“สีน้ำ นอนเถอะ พี่สัญญาจะไม่ทำอะไรแบบเมื่อกี้แล้ว”
ยิ่งสีน้ำถามเท่าไร เหนือดินก็ยากจะหักห้ามความปรารถนาที่มีกับร่างขาวจัดที่กอดไว้แนบอก เขาอยากจะตะโกนตอบไปเหลือเกินว่าอย่าเพิ่งมาอยากรู้อะไรในสภาพที่เกือบเปลือยกันทั้งคู่แบบนี้ได้ไหม
“พี่ดินยังไม่ตอบผมเลย”
ถ้าพระเจ้ามีจริง เหนือดินอยากให้ช่วยมาหยุดสีน้ำเอาไว้ที เขาไม่ใช่คนที่มีความอดทนสักเท่าไรกับเรื่องแบบนี้ ลมหายใจถูกระบายออกมาอย่างหนักหน่วงก่อนจะดันคนที่ซุกแผ่นอกเขาให้ออกห่างไป
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยถาม แล้วพี่จะตอบสีน้ำทุกเรื่องเลยนะ ตอนนี้มานอนก่อน”
“แล้วทำไมตอบตอนนี้ไม่ได้ละฮะ”
หมดกันแล้วกับความอดทน มือหนาจับมือเรียวขาวของสีน้ำแล้วดึงมาวางตรงเป้ากางเกงนอนให้สีน้ำได้สัมผัสกับความร้อนแรงข้างในเนื้อผ้าบางได้อย่างถนัดถนี่
“รู้ไหมว่านี่อะไร ยิ่งสีน้ำรั้งพี่ไว้ด้วยคำถามเท่าไร ไอ้เจ้านี่มันก็อยากจะออกมาทำงานมากขึ้นเท่านั้น มันจะทำให้สีน้ำต้องร้องไห้แล้วก็กลัวพี่แบบเมื่อกี้ เข้าใจแล้วก็นอนซะ เดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำแล้วจะมานอน”
“พี่ดินก็เป็นเหมือนผมเลย มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอฮะ”
เหนือดินรู้ว่าสีน้ำใสซื่อแต่ไม่เคยคิดว่าจะไม่เดียงสาได้ถึงขั้นนี้ อย่าบอกนะว่า
“สีน้ำไม่ได้เรียนมาหรอว่าทำไมมันถึงเปลี่ยนรูปร่างได้”
“ก็เรียนมาฮะ แต่ไม่ได้เรียนมานี่นาว่าทำยังไงมันถึงเป็นแบบนี้ได้ เขาทำกันแบบเมื่อกี้หรอฮะ”
ก็ในเมื่อถ้าเป็นเด็กใฝ่รู้ เหนือดินจะสอนเรื่องที่ไม่ได้มีในตำราให้ก็คงไม่ผิดใช่ไหมนะ ก็ตลอดเวลาที่คุยกันอยู่นั้นเขายังปล่อยให้มือเรียววางอยู่บนส่วนที่แข็งร้อนนั้นอยู่ตลอดเวลา
“แล้วสีน้ำอยากรู้ไหมละว่าทำยังไง”
“แต่เมื่อกี้พี่ดินน่ากลัว ผมกลัว”
“พี่สัญญาว่าครั้งนี้จะไม่เป็นแบบเมื่อกี้อีกแล้ว นะ เดี๋ยวพี่จะสอนให้ สิ่งที่ไม่ได้มีในหนังสือเรียนของสีน้ำ”
เหนือดินอยากจะขอบคุณตำราต่างๆ ที่สีน้ำอ่านมาจริงๆ ร่างหนาค่อยๆ เอนตัวคนรักของเขาให้นอนราบไปกับเตียงแล้วตามลงไปคร่อมร่างขาวจนแนบชิดไปทุกสัดส่วน สีน้ำรู้สึกได้ถึงอะไรที่แข็งร้อนดันอยู่ที่เป้ากางเกงของเขา
“พี่...”
“ชู่ววว”
นิ้วเรียวไล้ไปตามริมฝีปากแดงอิ่มช้าๆ จ้องมองคนรักที่นอนอยู่ใต้ร่างด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความรักและความปรารถนา ความร้อนแรงนั้นสะกดสีน้ำให้จ้องตอบมา