♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚  (อ่าน 175365 ครั้ง)

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


ผลงานปัจจุบันที่กำลังเขียนอยู่

≡▉≡ interstellar ∘★∘ รักหมดใจ นายต่างดาว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49903.0

ผลงานที่ผ่านมา

▓ ▒ ░ ต้นสน: มิตรภาพของเพื่อนที่แสนรักจะกลายเป็นความรักได้หรือไม่? (V2) ░ ▒ ▓
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32768.0

◐◑ I Love Kim Jong Hoon ◐◑
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32450.0

▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย (V3) ░ ▒ ▓
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46898.0

▙▜ รักนี้มีล้อ ◯ น้องเก้า VS พี่แตซอง ▛▟
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32188.0

✿✿ ธุรกิจนี้มีรัก ✿✿
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46884.0

♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ▚▚▚
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32020.0

สารบาญ

ตอนที่ 1 | ตอนที่ 2 | ตอนที่ 3 | ตอนที่ 4 | ตอนที่ 5 | ตอนที่ 6 | ตอนที่ 7 | ตอนที่ 8 | ตอนที่ 9 | ตอนที่ 10

ตอนที่ 11 | ตอนที่ 12 | ตอนที่ 13 | ตอนที่ 14 | ตอนที่ 15 | ตอนที่ 16 | ตอนที่ 17 | ตอนที่ 18 | ตอนที่ 19 | ตอนที่ 20

ตอนที่ 21 | ตอนที่ 22 | ตอนที่ 23 | ตอนที่ 24 | ตอนที่ 25 | ตอนที่ 26 | ตอนที่ 27 | ตอนที่ 28 | ตอนที่ 29 | ตอนที่ 30

ตอนที่ 31 | ตอนที่ 32 | ตอนที่ 33 | ตอนที่ 34 | ตอนที่ 35 | ตอนที่ 36 | ตอนที่ 37 | ตอนที่ 38 | ตอนที่ 39 (จบ)

ตอนที่ 40 (ตอนจบพิเศษ)



✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 01 ✦ จุดเริ่มต้นของทิวกับบูม


ทิวไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกันแน่กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าในตอนนี้ ใจหนึ่งเขาก็รู้สึกสนุกไปด้วย แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกสงสารคนที่ถูกแกล้งพอสมควร ย้ายมาเรียนวันแรกก็ต้องเจอฤทธิ์เดชสุดแสบของเพื่อนๆ ของทิวเสียแล้ว

อุ้ยทำทีเดินไปคุยกับเพื่อนใหม่ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าทิวพอดี ส่วนมัสมั่นเดินมาทางด้านหลังพร้อมกับปี๊บใส่ขนมเปล่าอันหนึ่ง มันเอาฝาปี๊บหนีบเชือกไนล่อนไว้ แล้วก็เอาปี๊บนั้นมาตั้งไว้บนโต๊ะเรียนของทิว จากนั้นก็แอบย่อตัวลงเอาปลายเชือกอีกด้านหนึ่งสอดเข้ากับหูกางเกงของเพื่อนใหม่ทางด้านหลัง แล้วก็ผูกไว้ นั่นหมายความว่าถ้าเพื่อนใหม่คนนั้นแค่ลุกขึ้นยืน เชือกที่ผูกไว้ก็จะดึงให้ปี๊บขนมเปล่าใบนี้ตกลงพื้นและเสียงมันคงจะดังจนน่าตกใจอย่างแน่นอน

มัสมั่นทำเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นหันมาจุ๊ปากใส่ทิวเป็นเชิงบอกว่าให้เงียบๆ ไว้ จังหวะนั้น ครูละเอียดซึ่งเป็นครูสอนคณิตศาสตร์วัยกลางคนเดินเข้ามาในห้องพอดี เด็กนักเรียนที่จับกลุ่มคุยกันอยู่เมื่อสักครู่นี้รีบวิ่งกลับเข้าที่นั่งของตนเองอย่างรวดเร็ว ใครๆ ก็รู้ว่าครูละเอียดคนนี้ดุขนาดไหน แค่ได้ยินเสียงก็แทบจะก้าวขาไม่ออกกันแล้ว เคยมีนักเรียนชายคนหนึ่งโดนครูละเอียดดุจนถึงกับฉี่ราดกางเกงเลยทีเดียว

"ทั้งหมดทำความเคารพ" จุ๊บแจงซึ่งเป็นหัวหน้าห้องบอกเพื่อนๆ ให้ทำความเคารพครูที่เพิ่งเข้ามา เมื่อทุกคนลุกขึ้นยืน ไม่ทันจะได้เอ่ยสวัสดีคุณครู แผนการแกล้งเพื่อนใหม่ของอุ้ยกับมัสมั่นก็ทำงานทันที

เคร้งงงงงงงงงงงงงงงงงง

ทุกคนหันมามองบูมซึ่งเป็นนักเรียนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเป็นตาเดียวกัน ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่านักเรียนที่เพิ่งมาใหม่จะตกใจมากขนาดไหน เจ้าปี๊บนั่นเสียงดังมาก แถมตอนที่มันตก ฝาของมันก็หลุดกระเด็นกลิ้งหลุนๆ ไปหน้าชั้นเรียนอีกด้วย เพื่อนๆ ทุกคนในห้องหัวเราะชอบใจกันใหญ่ บูมอายมากและโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาหันมามองด้านหลังและกวาดสายตาหาตัวผู้กระทำผิด แต่ทุกคนก็เอาแต่ก้มหน้าหัวเราะ แม้ทุกคนจะกลัวครูละเอียดแค่ไหนก็ไม่มีใครอดหัวเราะกันได้เลย

"ใคร! ใครเป็นคนแกล้งเพื่อน บอกครูมาเดี๋ยวนี้!"

ครูละเอียดถามเสียงดังและดุ เสียงหัวเราะของนักเรียนค่อยๆ เงียบลงจนกลายเป็นเงียบกริบ

"ครูถามว่าใครเป็นคนทำ"

แต่ก็ยังคงเงียบกริบกันทั้งห้อง

"ถ้าพวกเธอไม่ยอมรับ ครูจะหักคะแนนกันทั้งห้องเลยดีไหมคะ"

ได้ยินอย่างนั้นนักเรียนทั้งห้องต่างก็โอดครวญเพราะรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับคนที่ไม่ได้รู้เรื่องด้วย

"ทิวเป็นคนทำครับคุณครู" จู่ๆ อุ้ยมันก็โยนความผิดมาให้ทิวเสียอย่างนั้น

ทิวหน้าเหวอ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าอุ้ยจะกล้าโยนความผิดมาให้ตน

"เฮ้ย! กูไม่ได้ทำนะเว้ย พวกมึงนั่นแหละเป็นคนทำ ผมไม่ได้ทำนะครับครู" ทิวหันไปบอกครู

"ทิวเป็นคนทำครับ ผมเห็นกับตา"

มัสมั่นโบ้ยความผิดให้เขาอีกคนพลางยักคิ้วหลิ่วตา เมื่อเพื่อนยืนยันสิ่งเดียวกันถึงสองคนก็ย่อมทำให้ทิวกลายเป็นจำเลยโดยปริยาย ตอนที่อุ้ยกับมัสมั่นแกล้งเพื่อนใหม่นั้น เด็กนักเรียนต่างก็แยกกลุ่มคุยกันหลังจากกลับจากกินข้าวเที่ยง จึงไม่มีใครสังเกตเห็นว่าสองคนนี้แกล้งเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่

"เฮ้ย! ไงพูดงั้นวะ กูไม่ได้ทำนะเว้ย พวกมึงนั่นแหละเป็นคนทำ" ทิวเถียงอีกครั้ง หน้าเริ่มเสีย

"พอๆๆๆ ไม่ต้องเถียงกัน" ครูละเอียดปราม ทำให้ทุกคนเงียบอีกครั้ง

"พสุธน เธอมาแก้เชือกนี่ให้เพื่อนแล้วเอาปี๊บนี่ไปทิ้งถังขยะซะ แล้วทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นครูจำเป็นต้องทำโทษเธอ"

ทิวหรือพสุธนจึงรีบลุกจากเก้าอี้แล้วมาช่วยแก้เชือกไนล่อนออกจากหูกางเกงของบูม ดูท่าทางเพื่อนที่มาใหม่จะโกรธเขามากทีเดียว ส่วนทิวก็โกรธเพื่อนของเขาเหมือนกันที่อยู่ดีๆ ก็โยนความผิดมาให้โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย

พอแก้ได้แล้วทิวก็หยิบปี๊บออกไปทิ้งถังขยะใบใหญ่ที่ชั้นล่างของโรงเรียน กลับเข้ามาในห้องอีกครั้งครูละเอียดก็เริ่มสอนแล้ว บรรยากาศเริ่มกลับมาเป็นปกติ ทิวเดินผ่านโต๊ะของบูมอย่างหวาดๆ เพราะดูท่าทางเพื่อนใหม่คนนี้เคืองเขาพอสมควร จ้องหน้าทิวจนทิวต้องหลบตาเลยทีเดียว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียน เด็กนักเรียนต่างกุลีกุจอเก็บกระเป๋ากันใหญ่ บางคนก็จะกลับบ้าน บางคนก็จะออกไปเดินเล่นในห้างกับเพื่อน บางคนก็จะออกไปเล่นกีฬา ส่วนทิวชอบเล่นเตะฟุตบอล พอได้เวลาปุ๊บเขาก็จะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปเตะบอลกับเพื่อนในสนามปั๊บ เพื่อนที่มาเล่นด้วยก็มีทั้งเพื่อนในห้องเดียวกัน ต่างห้องกัน รวมทั้งมีรุ่นพี่และรุ่นน้องที่ชอบเล่นเตะฟุตบอลมาร่วมด้วย

"ไอ้ทิว กูขอโทษมึงจริงๆ นะเว้ยที่บอกครูว่ามึงแกล้งไอ้บูมมัน" ไอ้อุ้ยตะโกนบอกขณะวิ่งลงสนามตามทิวไป

ทิวหยุดวิ่งแล้วหันมามอง "มึงไม่ต้องมาพูดเลย ถ้าเกิดกูโดนทำโทษขึ้นมาล่ะ"

เห็นเพื่อนโกรธอย่างนั้นอุ้ยก็หน้าเสีย แต่มันก็แก้ตัวว่า "เฮ้ย ครูเขาไม่ทำโทษมึงหรอก มึงเป็นเด็กดีจะตาย ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งโรงเรียน เห็นไหมขนาดครูละเอียดที่ว่าดุๆ เขายังไม่ทำอะไรมึงเลย"

"โธ่ ไอ้เชี่ย ช่างพูดมาได้นะมึง" ทิวสบถอย่างไม่พอใจ

"เฮ้ย กูขอโทษจริงๆ ทีหลังกูจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว อย่าโกรธกูเลยนะ นะๆๆๆๆๆ" อุ้ยทำเสียงอ้อนและมีสีหน้าว่ามันสำนึกผิดจริงๆ

"เออๆ" ทิวบอก แต่สีหน้าก็ยังคงโกรธอยู่ จุดอ่อนของทิวคือเป็นคนใจอ่อนและขี้สงสาร เห็นเพื่อนสำนึกผิดแบบนี้เขาก็พร้อมที่จะให้อภัยเสมอ

"ทีหลังอย่าให้มีอีกละกัน" ทิวขู่ทิ้งท้าย

"อ้าว วันนี้ไอ้มัสมั่นไม่มาเล่นด้วยเหรอ"

"ไปเที่ยวกับสาวแล้ว" อุ้ยว่า

ทิวส่ายหัวพลางขำในความเจ้าชู้ของเพื่อนร่วมห้อง แล้วก็วิ่งลงไปเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ เพราะอยากเล่นเต็มแก่แล้ว

ดูเหมือนว่าความซวยของทิวจะไม่ได้มีเพียงเท่านี้ พอเล่นไปสักพัก ทิวก็เตะลูกบอลพลาดแล้วมันก็กระเด็นออกมานอกสนาม

ปึกกกก!!!!! โอ๊ย!!!!!!

เสียงลูกบอลพร้อมกับเสียงร้องของใครบางคนดังขึ้น ทิวรีบวิ่งมาขอโทษคนที่โดนลูกหลงทันที พอเห็นว่าเป็นใคร ทิวก็ตกใจ

"นี่มึงอีกแล้วเหรอ! จะเอายังไงกับกูกันแน่ฮะ!"

บูมตะโกนเสียงดังอย่างโกรธจัด เขาวางกระเป๋าลงแล้วก็ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อทิวพร้อมกับกำหมัดไว้ เตรียมพร้อมที่จะสั่งสอนให้เจ็บตัวซะบ้าง

"มึงจะเอายังไงกับกู! อยากมีเรื่องเหรอ!"

พอเพื่อนๆ ที่เล่นเตะบอลด้วยกันเห็นเหตุการณ์แล้วก็รีบวิ่งเข้ามาหย่าศึก พร้อมกับจับสองคนแยกออกจากกัน บูมขืนตัวเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้ถูกจับแยกออกมาแต่โดยดี

"เฮ้ย! ไอ้บูม ไอ้ทิวมันไม่ได้ตั้งใจนะเว้ย" อุ้ยบอกเมื่อดึงตัวบูมออกมาได้แล้ว

"เราขอโทษว่ะ เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เราไม่เห็นด้วยซ้ำว่านายกำลังเดินมา"

ทิวรีบเอ่ยขอโทษ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ทิวไม่กล้าใช้คำว่า "มึง-กู" กับเพื่อนใหม่คนนี้ อาจจะเป็นเพราะเห็นสายตาอาฆาตของบูมก็เลยกลัวจนต้องพูดเพราะขึ้น ปกติทิวไม่พูดอย่างนี้กับเพื่อนในห้องหรอก

บูมสูดหายใจลึกๆ เพื่อให้อารมณ์เย็นลง แต่ก็ยังมองหน้าทิวอย่างไม่พอใจอยู่ เขาสะบัดตัวออกจากการถูกจับตัวไว้แล้วก็หยิบกระเป๋านักเรียนเดินดุ่มๆ ออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ ทิวได้แต่มองตามเพื่อนใหม่ที่เดินออกไปอย่างหัวเสียด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมบูมต้องโมโหขนาดนั้น

"พวกมึงดูเลย เห็นไหมว่าเขาโกรธกูแค่ไหน พวกมึงสองคนต้องรับผิดชอบให้กูเลยนะเว้ย อยู่ดีๆ ก็มาสร้างศัตรูให้กู เชี่ยเอ๊ย"

ทิวหันไปว่าเพื่อน แม้ไม่จริงจังนักแต่ก็สัมผัสได้ว่าไม่พอใจอยู่เหมือนกัน อุ้ยทำหน้าเจื่อนด้วยความรู้สึกผิดพร้อมกับหัวเราะแหะๆ

ทิวอดแปลกใจกับเพื่อนที่เข้ามาใหม่คนนี้ไม่ได้ ดูเหมือนบูมพูดน้อยและค่อนข้างเครียด ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถ้าจะต้องเรียนด้วยกันอีกสามปี ทิวคงจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้หรอก ทิวไม่อยากสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"โรงเรียนใหม่เป็นยังไงมั่งบูม"

พ่อของบูมหันมาถามลูกชายแทบจะทันทีที่เปิดประตูเข้ามานั่งข้างในรถ วันนี้พ่อเลิกงานเร็วจึงมารับลูกชายคนเล็กด้วยตัวเอง

"ก็น่าจะดีนะครับพ่อ ครูสอนดีครับ" บูมตอบพลางรัดเข็มขัดนิรภัยโดยไม่หันไปมองพ่อ เขายังรู้สึกหงุดหงิดกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้อยู่ แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกให้พ่อเห็นมากนัก

"ก็ดีแล้ว หวังว่าจะไม่ได้เกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 3.5 อีกล่ะ ไม่อย่างงั้น พ่อว่ามันคงไม่ได้เป็นที่โรงเรียนแล้วล่ะ บูมต้องตั้งใจเรียนเข้าใจไหมลูก อย่าให้พ่อกับแม่ต้องอายคนอื่นเขา จะไปเรียนเมืองนอกเมืองนาอีกไม่กี่ปีแล้ว ทำเกรดให้มันดีๆ หน่อย พ่อฝากความหวังไว้กับบูมคนเดียวรู้ไหม" พ่อเขากำชับเสียงเข้ม

"ครับพ่อ"

บูมรับคำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาตั้งใจเรียนมาตลอด แทบจะไม่มีเวลาไปทำกิจกรรมอย่างอื่นหรือเล่นสนุกกับเพื่อนๆ ตามประสาเลย วันเสาร์อาทิตย์ก็ต้องเรียนพิเศษ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่บูมต้องเรียนเพิ่มเติมอย่างมากเพื่อจะได้นำไปใช้เวลาที่เขาไปเรียนต่อที่เมืองนอก

สาเหตุที่บูมต้องย้ายโรงเรียนนั้นเป็นเพราะว่าเกรดเฉลี่ยของเขาตกลงมาต่ำกว่า 3.5 โดยไม่รู้สาเหตุ บูมพยายามบอกพ่อกับแม่ว่าเขาตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่แล้ว อ่านหนังสือทุกวัน ไปเรียนพิเศษทุกครั้ง แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเกรดเฉลี่ยของเขาจึงออกมาแบบนั้น เมื่อหาสาเหตุไม่ได้ พ่อกับแม่จึงโทษว่าโรงเรียนสอนไม่ดี จึงจัดการหาโรงเรียนใหม่ให้เสร็จสรรพ เป็นโรงเรียนที่ดีและมีชื่อเสียงพอสมควร เหมาะสำหรับลูกคนมีเงินทีเดียวล่ะ แต่ก็ใช่ว่าทั้งโรงเรียนจะมีแต่ลูกคนรวยเท่านั้น นักเรียนทุนและคนที่พอส่งเสียลูกให้เรียนที่นี่ได้แม้จะไม่รวยมากก็ยังมี อย่างเช่นทิวเป็นต้น

รถเก๋งคันหรูจากยุโรปแล่นออกไป บูมแอบลอบมองเพื่อนๆ ที่เล่นเตะฟุตบอลในสนามด้วยความรู้สึกอิจฉา เขาแทบจะไม่ได้มีโอกาสเล่นอะไรสนุกๆ แบบนี้บ้างเลย กลับไปก็ต้องอ่านหนังสือเรียนอีก เขาจึงคิดไว้ว่า ถ้าได้ไปเรียนต่อที่เมืองนอกก็คงจะดีเหมือนกัน อยู่ห่างพ่อกับแม่แล้วเขาคงถูกบังคับน้อยลง นี่เป็นเพียงแรงผลักดันเดียวที่ทำให้บูมต้องตั้งใจเรียน แม้ว่าจะเหนื่อยหน่ายกับความเข้มงวดของพ่อกับแม่มากแค่ไหนก็ตาม จบ ม.6 แล้วเขาจะต้องไปเรียนต่อเมืองนอกให้ได้ ขอให้เขาได้มีชีวิตที่เป็นอิสระบ้างเถอะ เบื่อชีวิตที่ต้องอยู่ในกรอบตลอดเวลาอย่างนี้เต็มทนแล้ว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

เช้าวันต่อมา ทิวมาถึงโรงเรียนแล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นบูมมาถึงโรงเรียนก่อนเขาเสียอีก บูมแยกตัวมานั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่ตรงม้านั่งหินอ่อนคนเดียว ไม่สนใจเพื่อนๆ ที่จับกลุ่มคุยหรือเล่นกันบ้างเลย ดูสีหน้าเขาเครียดๆ ชอบกล

ทิวก็ไม่ได้เข้าไปทักเพราะยังขยาดกับท่าทางเกรี้ยวกราดเอาเรื่องของเพื่อนใหม่อยู่ นึกแล้วก็ยังโมโหเพื่อนอีกสองคนไม่หายที่อยู่ดีๆ ก็มาสร้างศัตรูให้เขาโดยไม่จำเป็น ทิวจึงเดินผ่านบูมไปเหมือนกับไม่สนใจ แต่ก็ไม่วายคอยแอบมอง จะว่าไป บูมก็หน้าตาดีไม่ใช่เล่นเลย ผิวพรรณดีอย่างกับลูกคนรวย ก็คงจะอย่างงั้นแหละเพราะทิวเห็นบูมกลับบ้านด้วยรถเบนซ์เมื่อวานนี้

"ดูท่าทางคู่อริของมึงจะขยันน่าดูเลยนะเว้ย" ต้องพูดขึ้นเมื่อทิวเดินมาถึง เขาพยักพเยิดไปทางที่บูมนั่งอยู่ เพื่อนๆ ของทิวสี่ห้าคนขยับที่ให้ทิวลงไปนั่งด้วย ทิวนั่งลงแล้วก็หันไปมองบูมที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นัก

"มึงรู้ไหมว่าทำไมมันย้ายมาเรียนที่นี่" ต้องถามต่อ

"ทำไมวะ"

ทิวหันมาถามเพื่อนด้วยความสงสัย เขายังไม่ได้มีโอกาศคุยกับบูมเลยจึงไม่รู้อะไรมาก ต้องพยักพเยิดให้อุ้ยเล่าเพราะอุ้ยเป็นคนที่ได้คุยกับบูมมากที่สุดเมื่อวานนี้

"มันสอบได้เกรดเฉลี่ยน้อยกว่า 3.5 ว่ะ แล้วพ่อกับแม่มันไม่พอใจ คิดว่าโรงเรียนเก่ามันสอนไม่ดี ก็เลยให้มันย้ายโรงเรียน" อุ้ยบอก

"จริงเหรอ" ทิวทำสีหน้าประหลาดใจ "กูได้เกรด 3 นี่กูก็โคตรดีใจแล้ว แม่กูคงเลี้ยงฉลองทั้งซอยเลย" ทิวว่าพลางขำ

"ดูท่าทางมันคงเครียดเหมือนกันนะ ตั้งแต่มันมาเรียนเมื่อวาน กูยังไม่เห็นมันเล่นกับใครเลย เอาแต่อ่านหนังสือ สงสัยพ่อแม่มันคงเฮี้ยบน่าดูเลยว่ะ" อุ้ยว่า

"เมื่อวานกูเห็นพ่อมันมารับด้วย ขับรถเบ็นซ์ซะหรูเชียว แต่ดูท่าทางพ่อมันจะดุไม่ใช่เล่นเลย" มัสมั่นบอก

"อ้าวมึงโกหกพวกกูเหรอ ไหนว่าไปเที่ยวกับสาวไง ยังเสือกเห็นอีกเหรอ" อุ้ยหันไปว่าเพื่อนอีกคนอย่างไม่จริงจังนัก

"อ้าว ก็กูเห็นก่อนจะออกไปไง"

"แล้วมึงทันได้เห็นไหมว่ามันเกือบจะต่อยไอ้ทิวแล้ว ดีนะที่กูมาห้ามได้ทัน" อุ้ยเล่าอย่างตื่นเต้น

"จริงเหรอวะ เกิดอะไรขึ้น" มัสมั่นถามอย่างตกใจ

"ก็ไอ้ทิวน่ะสิ เสือกเตะลูกบอลไปโดนมัน มันก็เลยโมโห จะต่อยไอ้ทิวอยู่แล้ว" อุ้ยเล่าพลางขำไปด้วย

"มึงไม่ต้องมาขำเลย จำไม่ได้เหรอว่าพวกมึงสองคนทำอะไรไว้ อยู่ดีๆ ก็มาสร้างศัตรูให้กู แถมเกือบทำให้กูถูกครูทำโทษอีก"

ทิวว่าเพื่อนด้วยเสียงไม่จริงจังนัก พวกนั้นจึงได้แต่หัวเราะแหะๆ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

หลังจากกินข้าวกลางวันแล้ว ทิวแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนๆ ขึ้นมาที่ห้องเรียนคนเดียวเพราะคนอื่นๆ จะแวะไปซื้อขนมกินก่อน ห้องเรียนของเขามีประตูเข้าออกอยู่สองข้าง แต่เนื่องจากทิวนั่งบริเวณด้านหน้าห้อง ทิวจึงมักเดินเลยไปเข้าประตูอีกข้างหนึ่งเสมอ พอเดินถึงประตูแรกไปก็มีใครบางคนยื่นขาออกมาขัดจนทิวสะดุดและล้มลง

"โอ๊ย!!!"

เมื่อทิวหันไปมองคนที่แกล้งก็พบว่าเป็นบูมนั่นเอง เขายืนกอดอกยิ้มเหยียดอย่างไม่แยแส สงสัยจ้องจะเอาคืนทิวอยู่หลายวันแล้วจนกระทั่งสบโอกาสวันนี้ แล้วบูมก็เดินเข้าไปในห้องหน้าตาเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร

ถามว่าทิวโกรธไหม ก็คงโกรธ แต่ก็ถือว่าเป็นการชดใช้ให้กับเรื่องเมื่อวานนี้ก็แล้วกัน ดีหน่อยตรงที่ทิวไม่เป็นอะไรมาก

บูมกลับมานั่งที่โต๊ะ ไม่ได้อ่านหนังสือหรือทำอะไรเป็นพิเศษ สีหน้าเขาเรียบเฉยมาก ทิวเดินผ่านไปนั่งโต๊ะที่อยู่ข้างหลังบูมโดยไม่ได้พูดอะไร เพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยตามเข้ามาในห้องเช่นเดียวกันเพื่อเตรียมตัวสำหรับคาบถัดไป

ทิวมองดูแผ่นหลังของบูมแล้วก็ครุ่นคิด ปกติถ้าใครแกล้งทิวแบบนี้ทิวต้องเอาเรื่องบ้าง อย่างน้อยก็ต้องต่อว่ากันหน่อย แต่คราวนี้ทิวกลับไม่กล้าทำอย่างนั้นเลย เป็นเพราะอะไรกันแน่นะ

บูมหันมามองข้างหลังแว่บหนึ่ง พอเห็นทิวคอยมองดูเขาอยู่บูมก็รีบหันกลับไปตามเดิม ดูท่าว่าความสัมพันธ์ของทิวกับบูมจะเริ่มต้นได้ไม่สวยเท่าไหร่เสียแล้วสิ ก็คงต้องทนเรียนในห้องเดียวกันต่อไปจนกว่าจะจบเสียล่ะมั้ง

TBC
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2015 22:06:07 โดย sarawatta »

m_pop91

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #1 เมื่อ04-03-2012 22:58:12 »

อย่าลืมเอากฎบอร์ดมาแปะด้วย
เดี๋ยวจะไม่ได้อ่านต่อ
รออ่านตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #2 เมื่อ05-03-2012 08:59:27 »

♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 02 ✦ บูมอยากเรียนดนตรี



การเรียนในเทอมใหม่ผ่านไปได้หลายวัน ดูเหมือนว่าบูมค่อยๆ คุ้นเคยกับเพื่อนในห้อง ม.4/1 หลายคนมากขึ้น แต่ก็ยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่และไม่ค่อยทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ เท่าไหร่ แต่ก็เป็นอันรู้กันว่าทั้งห้องนั้น บูมไม่คุยกับทิวอยู่คนเดียว เจอกันทีไรก็ทำสีหน้าเฉยชาใส่กันเสมอ

บ่ายวันศุกร์วันหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่นักเรียนต้องทำกิจกรรมอิสระ ทิววิ่งผลุนไปที่ชมรมดนตรีที่เขาเป็นสมาชิกอยู่โดยไม่รอช้า ทิวไม่ได้เล่นดนตรีแต่ชอบร้องเพลง เขารักเสียงดนตรีมากและไม่เคยพลาดโอกาสที่จะได้ใช้เวลากับเสียงเพลงให้มากที่สุด ทิวเป็นคนที่มีน้ำเสียงเพราะตามแบบนักร้องสมัยใหม่ ฟังเผินๆ อาจจะนึกว่าเป็นเบน ชลาทิศกันเลยทีเดียว

บรรยากาศในชมรมดนตรีดูอึกทึกพอสมควร ขณะที่ทิวกำลังนั่งเลือกเพลงที่จะร้องกับเพื่อนๆ อยู่ในห้องชมรม เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นบูมเดินเข้ามาแต่คงไม่ทันสังเกตเห็นว่าทิวอยู่ในห้องนี้ด้วย

"จะมาสมัครชมรมดนตรีเหรอ เล่นดนตรีอะไรเป็นหรือเปล่า" เสียงพี่ปี๊ด ประธานชมรมดนตรีถาม สีหน้าเรียบเฉยตามปกติของพี่ปี๊ด

"เล่นไม่เป็นครับ" บูมตอบตามตรงพลางส่ายหน้า ดูท่าทางเขาประหม่าพอสมควร ยิ่งเห็นท่าทางรุ่นพี่คนนี้ที่ดูไม่ยี่หระเท่าไหร่แล้วเขาก็ยิ่งใจฝ่อ

"ไม่เป็นเลยสักชิ้นเหรอ" พี่ปี๊ดเลิกคิ้ว บูมส่ายหน้าเช่นเดิม

"อ้าว แล้วร้องเพลงเป็นหรือเปล่าล่ะ"

"ไม่เป็นเหมือนกันครับ"

"เฮ้ยไอ้น้อง เล่นดนตรีก็ไม่เป็น ร้องเพลงก็ไม่เป็น แล้วจะมาสมัครเป็นสมาชิกชมรมดนตรีทำไมวะ" พี่ปี๊ดว่าพลางหัวเราะขบขัน ทำให้บูมหน้าเสีย

"ก็...ผมกะว่าจะให้พวกพี่ๆ สอนน่ะครับ" บูมบอกด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ

"ถ้าเป็นมาบ้างก็พอจะสอนให้หรอกไอ้น้อง แต่นี่ไม่เป็นอะไรสักอย่างเลย สอนไปก็เสียเวลา ไปหัดเล่นอะไรให้เป็นสักอย่างก่อนแล้วกัน แล้วค่อยมาสมัครใหม่ ไป๊ๆ"

พี่ปี๊ดบอกอย่างไม่สนใจใยดี เขาก็เป็นคนปากแบบนี้แหละ คิดอะไรก็พูดตรงๆ แต่ไม่ค่อยได้คิดว่าคนฟังจะรู้สึกยังไงบ้าง บูมคงจะมาไม่ถูกจังหวะเวลาที่เขาอารมณ์ดีพอดีก็เลยโดนตะเพิด

บูมหน้าจ๋อย ค่อยๆ เดินออกไปจากห้องชมรมดนตรีอย่างเงียบๆ แต่ก่อนจะออกไปเขาก็เหลือบหันมาเห็นทิวซึ่งมองมาทางเขาพอดี บูมหยุดมองแว่บเดียวแล้วก็เดินออกไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ทิวเก็บเอาเรื่องของบูมไปคิดตลอดช่วงวันหยุดเพราะอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าบูมมาสมัครชมรมดนตรีทำไมทั้งๆ ที่เล่นอะไรไม่ได้สักอย่าง แถมร้องเพลงก็ไม่ได้อีก หรือจะเป็นเพราะว่าบูมเครียดเลยอยากหากิจกรรมทำ ถ้าบูมสนใจร้องเพลงทิวก็พอจะสอนได้อยู่ ทิวรู้สึกสงสารเพื่อนใหม่ของเขาอย่างบอกไม่ถูก ดูสีหน้าแล้วก็เหมือนเขาไม่ค่อยมีความสุข บางทีถ้าทิวช่วยให้เขาเข้ามาอยู่ในชมรมดนตรี เขาอาจจะดีขึ้นก็ได้

หลังเคารพธงชาติ นักเรียนกลับเข้าห้องเรียนตามปกติ ทิวเข้ามาในห้องก็เห็นว่าบูมนั่งอยู่ที่โต๊ะอยู่แล้ว ดูท่าทางซึมๆ ไม่ยอมพูดจากับใคร ทิวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ทำใจดีสู้เสือ เพราะสิ่งที่เขากำลังจะทำต่อไปนี้ก็คือการเข้าไปคุยกับเสือที่อาจจะตะปบกัดเขาเมื่อไรก็ได้

"บูม" ทิวเรียกชื่อเขาเบาๆ

บูมหันมามองด้วยความแปลกใจ พอเห็นว่าเป็นทิวก็ขมวดคิ้วคล้ายกับสงสัยและไม่พอใจไปด้วย

ทิวชั่งใจอยู่พักหนึ่งจึงลองเสนอไปว่า "ถ้านายอยากเข้าชมรมดนตรี นายมาเรียนร้องเพลงกับเราก่อนก็ได้นะ เราจะสอนให้ แล้วนายค่อยไปสมัคร"

"ไม่ต้องมายุ่ง" บูมตวาดเสียงดัง

เพื่อนๆ ในห้องต่างก็หันมามองเป็นตาเดียวกัน ทิวหน้าเสียไปเลยจนถึงกับทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าบูมจะอารมณ์ร้ายใส่ถึงขนาดนี้

"มากไปแล้วนะไอ้บูม ไอ้ทิวมันก็คุยกับมึงดีๆ แล้วมึงไปตวาดมันทำไมวะ" ต้องเดินเข้ามาต่อว่า เขาเห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้อยู่

บูมนิ่งเงียบ สีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

ต้องส่ายหน้าอย่างอิดหนาระอาใจแล้วก็หันไปบอกเพื่อนอีกคนที่หน้าเสียอยู่

"ไอ้ทิว ทีหลังมึงไม่ต้องไปสนใจมัน ไม่ต้องไปหวังดีกับมันหรอก ปล่อยให้มันบ้าตำราเรียนของมันไปอย่างงี้แหละ"

ทิวจึงเดินกลับมานั่งที่นั่งของตนเอง เขาไม่โกรธบูมหรอกที่ตวาดเขาเมื่อกี้นี้ ตรงกันข้าม ทิวกลับยิ่งรู้สึกสงสาร แววตาของบูมบ่งบอกว่าเขาไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิต แต่การที่เขาจะเข้าไปทำอะไรกับบูมก็คงต้องระวังเหมือนกัน เพราะบูมดูท่าจะไม่ชอบเขามากเลยล่ะ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


พักเที่ยงแล้วในโรงอาหารก็คลาคล่ำไปด้วยเด็กนักเรียนจำนวนมาก เสียงคุยกันเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณแต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา บนโต๊ะของทิวมีเพื่อนนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่หลายคน หนึ่งในนั้นก็มีบูมด้วย หลังๆ มานี้บูมดูเหมือนจะสนิทกับอุ้ยและมัสมั่นมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ก็ไม่ถึงกับจะเรียกได้ว่าสนิทกัน แค่ได้คุยกันมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ เท่านั้นเอง

"เฮ้ยบูม ถ้ามึงเล่นดนตรีไม่เป็น ทำไมไม่ลองไปสมัครชมรมอื่นดูล่ะวะ อย่างเช่น ชมรมศิลปะ เฮ้ย ว่าแต่มึงวาดรูปเป็นปะวะ" ต้องถามขณะกินข้าว เพื่อนๆ แต่ละคนที่นั่งอยู่มีท่าทางสนใจ เพราะอยากรู้ว่าบูมทำอะไรเป็นบ้างนอกจากบ้าตำราเรียน

"ไม่เอา ไม่ชอบวาดรูป" บูมตอบเสียงห้วน

"ชมรมภาษาอังกฤษก็ได้ กูเห็นมึงชอบวิชานี้ไม่ใช่เหรอ" ต้องเสนออีก

"ไม่เอา เบื่อ" บูมตอบเสียงห้วนเช่นเดิม

จุดประสงค์ที่บูมอยากเข้าชมรมดนตรีก็เพราะเขาอยากผ่อนคลายบ้าง เวลาอยู่ที่บ้าน แม้แต่จะฟังเพลงก็ยังโดนพ่อดุเลย หาว่าเอาแต่ฟังเพลงไม่สนใจตำรับตำรา เขาจึงไม่อยากเข้าชมรมอะไรที่มันเกี่ยวกับการเรียน จะว่าไปบูมก็กลัวเหมือนกัน ถ้าพ่อกับแม่รู้เข้าว่าบูมเข้าชมรมที่ไร้สาระตามมุมมองของพ่อกับแม่ เขาอาจจะโดนดุได้ เผลอๆ ก็อาจจะต้องเปลี่ยนโรงเรียนกันอีก

"อะไรวะ นึกว่าชอบภาษาอังกฤษซะอีก เอางี้ละกัน มาอยู่ชมรมฟุตบอลกับกูดีไหม" ต้องชวนอีก

"ไม่เอาโว้ย" น้ำเสียงของบูมทำให้ทุกคนสัมผัสได้ว่าเขากำลังเริ่มอารมณ์ไม่ดี

"อะไรวะ ให้เข้าชมรมอะไรก็ไม่เข้า อย่าบอกนะว่ามึงยังอยากเข้าชมรมดนตรีอยู่ ไอ้ห่า เล่นอะไรก็ไม่เป็นสักอย่าง ร้องเพลงก็ไม่เป็น มึงจะไปเข้าชมรมกับเขาได้ไงวะ ไอ้ทิวจะสอนร้องเพลงให้มึงก็ไม่เอา ตกลงมึงนี่จะ..."

ต้องยังไม่ทันพูดจบ บูมก็ตวาดเสียงดังจนคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ หันมามองอย่างตกใจ

"กูไม่เข้าชมรมอะไรทั้งนั้นแหละ"

แล้วก็ยกจานข้าวออกไปอย่างอารมณ์เสีย บูมเทข้าวทิ้งลงถังขยะแล้วก็เอาจานไปล้าง ไม่นานก็เดินลิ่วขึ้นห้องไปอย่างหัวเสีย

"สมน้ำหน้า กูบอกแล้วว่าอย่าไปเสือกยุ่งกับมัน เป็นไงล่ะ"

อุ้ยหันไปว่าต้องที่ดูท่าทางตกใจพอสมควรกับพฤติกรรมของบูมเมื่อสักครู่นี้ ต้องเพิ่งจะเตือนทิวว่าอย่าไปยุ่งกับบูม แต่เขากลับมายุ่งเสียเองเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อน เผื่อจะช่วยทำให้บูมสดใสขึ้นมาได้บ้าง

ทิวมองตามบูมที่เดินตัวปลิวไปด้วยสายตาเป็นห่วง ดูท่าทางเขาจะเป็นเด็กมีปัญหาจริงๆ เสียด้วย ทิวไม่ได้คิดว่าบูมเป็นอย่างนั้นเพราะนิสัยไม่ดี ท่าทางที่ดูเคร่งเครียดและกดดันนั้นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้บูมต้องระเบิดอารมณ์อยู่บ่อยๆ เพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ข้างในออกมาบ้าง

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ตั้งแต่วันนั้นมา ต้องกับอุ้ยและเพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็เริ่มขยาดและไม่ค่อยมีใครอยากอยู่ใกล้หรือเสวนากับบูม กิตติศัพท์ในเรื่องความหงุดหงิดขี้โมโหของบูมเป็นที่รู้กันไปทั้งโรงเรียน จนหลังๆ มานี้บูมต้องนั่งกินข้าวคนเดียวเพราะเขารู้สึกว่าเพื่อนๆ ไม่ต้อนรับ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้เป็นคนที่น่ากลัวขนาดนั้นหรอก ตอนอยู่โรงเรียนเก่าเขาก็มีเพื่อนหลายคน พอพวกมันรู้ว่าบูมต้องย้ายโรงเรียนก็ดูจะเป็นห่วงจนไม่อยากให้ไป แต่จะทำอย่างไรได้ บูมได้แต่ทำตามความต้องการของพ่อกับแม่ เพื่อนๆ พวกนั้นมันก็รู้ว่าพ่อกับแม่ของบูมเป็นยังไง

ทิวเดินผ่านมาตรงโต๊ะม้าหินอ่อนตัวหนึ่ง เขาหยุดยืนดูบูมที่นั่งซึมและเหม่อลอยอยู่คนเดียว จังหวะนั้นบูมก็หันมาเจอกับทิวโดยบังเอิญ แต่วันนี้แปลกตรงที่เขาไม่ได้ทำสีหน้าไม่พอใจเหมือนที่ผ่านมา แถมยังไม่ได้อ่านหนังสือเรียนด้วย ที่น่าแปลกไปกว่านั้นก็คือสายตาของบูมดูเศร้าและเหงาจนรู้สึกได้ ทิวรู้ว่าช่วงหลังๆ นี้บูมถูกเพื่อนๆ โดดเดี่ยวเพราะทุกคนต่างก็ขยาดกับอารมณ์แปรปรวนของบูมนั่นเอง

ทิวลังเลใจว่าควรจะเข้าไปคุยกับบูมอีกดีไหม แต่อีกใจก็แย้งว่าอย่าไปยุ่งดีกว่า เดี๋ยวจะถูกตะคอกเข้าให้อีก

คิดไปคิดมา ทิวก็ตัดสินใจว่าน่าจะลองทักทายกับบูมดูบ้าง จะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวจนเกินไป แต่จะทักว่าอะไรดีล่ะ เมื่อนึกไม่ออกทิวจึงยิ้มให้และยกมือขึ้นเป็นเชิงทักทาย พอบูมเห็นเข้าก็ชักสีหน้าไม่พอใจจนทิวต้องรีบเดินหนีไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


และแล้ววันที่ความสัมพันธ์ของทิวกับบูมจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลก็มาถึง ก่อนจะไปเข้าแถวเคารพธงชาติในเช้าวันหนึ่ง ทิวเอากระเป๋าเรียนมาเก็บบนห้องค่อนข้างช้าเพราะมาสายและมัวแต่คุยกับเพื่อนอยู่ข้างล่าง พอมาถึงก็เห็นบูมนั่งอ่านหนังสือเรียนภาษาอังกฤษอยู่ในห้องคนเดียว วันนี้มีเรียนภาษาอังกฤษตอนเช้า เท่าที่สังเกต ทิวมักจะเห็นบูมกระตือรือร้นกับการเรียนภาษาอังกฤษเป็นพิเศษเสมอ

เสียงออดบอกเวลาเข้าแถวดังขึ้น ดูเหมือนบูมจะสะดุ้งตกใจและลนลาน เขารีบเก็บหนังสือเรียนแล้วก็รีบวิ่งออกไปอย่างร้อนรน เหมือนกับกลัวว่าจะไปเข้าแถวไม่ทัน ทิวก็รีบวิ่งออกไปเช่นกัน

ตุบ!!!! โอ๊ย!!!!!

ด้วยความรีบร้อนจนไม่ทันสังเกต บูมเหยียบถุงพลาสติกลื่นๆ ที่บังเอิญหล่นอยู่ตรงบันไดระหว่างชั้นหนึ่งกับชั้นสองของอาคารเรียน เขาลื่นล้มตกบันไดลงไป หัวเข่ากระแทกพื้นอย่างแรงจนเป็นแผลถลอก

"บูม เป็นอะไรหรือเปล่า" ทิวรีบวิ่งตามลงมาดูเพื่อนทันทีด้วยความเป็นห่วง

"ลุกไหวไหม ให้เราช่วยไหม" ทิวอาสาเมื่อเห็นบูมทำท่าจะลุกขึ้น

"ไม่ต้องมายุ่ง" บูมทำเสียงแข็งตวาดใส่อีกแล้ว พยายามยันกายลุกขึ้นแต่ก็รู้สึกเจ็บข้อเท้ามากจนล้มลงไปอีก

"เราว่านายเดินไม่ไหวแล้ว ไปห้องพยาบาลดีกว่า เดี๋ยวเราช่วย" ทิวบอกอย่างเป็นห่วง

บูมดูมีสีหน้าอ่อนลงเพราะเขาเจ็บข้อเท้าจนลุกไปไหนเองไม่ได้นั่นเอง ถ้าไม่ให้ทิวช่วยก็คงต้องนั่งอยู่ตรงนี้รอคนอื่นมาช่วย เมื่อไม่มีทางเลือกบูมจึงต้องยอมให้ทิวช่วยในที่สุด

ทิวค่อยๆ ย่อตัวลงให้ทิวเอามือเกาะไหล่ เพียงแค่เนื้อตัวสัมผัสกัน ความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้น บูมกับทิวดูประหม่าพอกัน แววตาที่อ่อนลงของบูมทำให้ทิวรู้สึกโล่งใจไม่น้อย หวังว่าคราวนี้จะเป็นโอกาสดีที่ทิวกับบูมจะดีกันเสียที ทิวไม่อยากมีศัตรูอยู่ในห้องเดียวกันเลย ทำอะไรก็อึดอัดกันทั้งสองฝ่าย

ทิวพยุงบูมมาจนถึงห้องพยาบาลของโรงเรียน ครูพยาบาลช่วยทำแผลและทายาแก้ฟกช้ำให้ ไม่เท่านั้น ที่บูมเดินเองไม่ได้ก็เพราะข้อเท้าแพลงด้วย บูมต้องกินยาแก้อักเสบและนอนพักสักหน่อย แต่แล้วครูพยาบาลก็ต้องเกาหัวแกรกๆ เมื่อบูมไม่ยอมนอนพักท่าเดียว

"ผมไม่นอนครับ ผมจะกลับไปเรียน" เสียงแข็งๆ และท่าทางที่ดื้อดึงนั้นบ่งบอกว่าบูมจะทำอย่างที่พูดให้ได้จริงๆ

"เธอจะไปเรียนได้ยังไง เห็นไหมว่าข้อเท้าเธอบวมขนาดนั้น เธอเดินไม่ไหวหรอก" ครูพยาบาลเตือน

"ไม่ได้ครับ ยังไงผมก็ต้องไปเรียนหนังสือ วันนี้มีวิชาสำคัญ ผมขาดไม่ได้ครับ ยังไงผมก็ต้องไปเรียน" บูมเถียงอีก

ทิวยืนมองบูมเถียงกับครูพยาบาลอยู่สักพัก เห็นท่าจะไม่ไหว จึงเดินเข้ามาหาครูพยาบาล

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมพาบูมไปเรียนที่ห้องเองครับ"

นั่นแหละครูพยาบาลถึงได้ยอม

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2015 09:51:17 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #3 เมื่อ05-03-2012 15:23:49 »

♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 03 ✦ ฉันดีใจที่มีเธอ



ทิวค่อยๆ ช่วยพยุงตัวบูมขึ้นมาโดยให้เขากอดคอ ตัวบูมหนักพอสมควรแต่ทิวก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับทิวเท่าไหร่ เขาค่อยๆ พาบูมเดินออกมาจากห้องพยาบาล โชคไม่ดีนักที่ไม้ค้ำยันที่มีอยู่ไม่กี่อันชำรุดจนใช้ไม่ได้ ทิวจึงต้องมารับหน้าที่เป็นไม้คำยันแทน

ระหว่างทาง ต่างคนก็ต่างเงียบ โดยเฉพาะบูมที่ดูครุ่นคิดและคอยแอบชำเลืองมองทิวอยู่บ่อยๆ ไม่ชอบหน้ากันแท้ๆ แต่กลับมีเหตุให้ต้องมาพึ่งพาอาศัยกันจนได้ เห็นทิวช่วยโดยไม่เกี่ยงงอนแถมยังยอมพยุงเด็กผู้ชายตัวหนักๆ อย่างเขาแล้วบูมก็พูดไม่ออก

จนกระทั่งโผล่เข้ามาในห้องเรียน เพื่อนๆ ต่างแปลกใจและฮือฮากับภาพที่เห็นมากทีเดียว บางคนถึงกับขยี้ตาด้วยซ้ำราวกับไม่เชื่อว่าในชีวิตนี้จะได้เห็นภาพนี้ คู่อริสองคนที่ไม่เคยถูกกันเลยตั้งแต่เข้ามาเรียน มาวันนี้กลับพยุงกอดคอกันเดินเข้ามาในห้องเรียนด้วยกัน

ทิวค่อยๆ พาบูมเดินมานั่งโต๊ะท่ามกลางสายตาสงสัยของเพื่อนๆ และครูที่กำลังสอนอยู่ การเรียนการสอนเริ่มไปได้สักพักแล้ว เพื่อนๆ ต่างก็นึกว่าทิวกับบูมจะไม่มาเรียนวันนี้เสียอีกเพราะเห็นหายไปพร้อมกันเพราะไม่เห็นมาเข้าแถว แถมยังไม่เข้าห้องเรียนอีก

"จะไปไหนก็บอกเรานะ ไม่ต้องเกรงใจ" ทิวบอกบูมเบาๆ ไปๆ มาๆ ทิวก็ไม่กล้าใช้คำว่ามึง-กูกับบูมไปโดยปริยาย ก็ดีเหมือนกัน ก็ถือว่าชีวิตนี้มีสักคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนแล้วพูดกันเพราะๆ อย่างนี้ก็พิเศษไปอีกแบบ

บูมยังคงทำหน้าเฉยเมยอยู่แต่ก็มีแววกังวลให้พอสังเกตเห็นได้ ยังไงเขาก็ต้องมีคนช่วย ถ้าจะขอให้คนอื่นๆ ในห้องช่วยก็คงจะยากเพราะใครๆ ต่างก็เอือมระอาความเจ้าอารมณ์ของบูมกันทั้งนั้น ก็คงมีแต่ทิวเท่านั้นที่พอจะพึ่งได้ในตอนนี้

"ไปโดนอะไรมาคะเนี่ย" ครูสอนภาษาอังกฤษสาวสวยถามหลังจากที่บูมนั่งที่แล้ว

"ตกบันไดครับ" บูมบอกเสียงเบาแต่ครูก็พอได้ยินเพราะเขานั่งอยู่หน้าสุดพอดี

"ไปทำอีท่าไหนให้ตกบันไดวะ" เสียงเพื่อนแซวมาจากด้านหลังพร้อมกับเสียงหัวเราะ บูมชักสีหน้าไม่พอใจ

"เดี๋ยวเถอะพวกเธอนี่ เพื่อนเจ็บยังจะมาหัวเราะกันอีก" ครูแอนส่งเสียงปราม เสียงหัวเราะจึงเงียบลง แม้ว่าครูแอนจะไม่ดุ แต่ความสวยของครูแอนก็ทำให้เด็กผู้ชายในห้องหลายคนต้องยอมสยบ ครูแอนเป็นครูที่ถือว่าอายุน้อยที่สุดในโรงเรียนก็ว่าได้ เพราะจบมาไม่นานก็ได้มาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่นี่เลย

"ไหวไหม ทำไมไม่นอนพักห้องพยาบาลก่อนล่ะคะ" ครูแอนถาม

"ไม่เป็นไรครับ ผมอยากเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ยังไงก็ต้องมาครับ" บูมบอก วิชาภาษาอังกฤษนี่แหละที่จะช่วยพาบูมไปให้พ้นๆ จากชีวิตที่ไม่พึงประสงค์ตอนนี้เสียที

"อืม ถ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ช่วยดูเพื่อนหน่อยละกันนะเรา" ครูแอนหันมาพูดกับทิว

ทิวยิ้มแล้วตอบรับ "ครับ"

เมื่อเรียนจบคาบภาษาอังกฤษแล้ว เพื่อนๆ หลายคนก็ออกจากห้องไปเข้าห้องน้ำ ทิวเห็นบูมยังนั่งเงียบอยู่ ไม่รู้ว่าอยากจะเข้าห้องน้ำด้วยหรือเปล่าจึงเดินเข้าไปถาม

"ไปห้องน้ำไหม"

บูมเงยหน้าขึ้นแล้วก็หันมามองเจ้าของเสียง รู้สึกผิดที่เขาเคยทำตัวไม่ค่อยน่ารักกับทิว จะให้ทิวมาช่วยก็อดเกรงใจไม่ได้

"ไม่เป็นไร ยังไม่ปวดหรอก" บูมตอบเบาๆ

"ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า เดี๋ยวถ้าเกิดนายปวดมากๆ จะวิ่งไปห้องน้ำไม่ทันนะ" ทิวขู่

"ไปก็ได้"

ได้ผลด้วยแฮะ ทิวนึกในใจ เขาค่อยๆ พยุงเพื่อนให้ลุกขึ้นแล้วก็พาเดินไปห้องน้ำอย่างใจเย็น อาการปวดบวมลดลงไปพอสมควรทำให้บูมพอลงปลายเท้าได้บ้าง พอไปถึงห้องน้ำ ทิวก็พาเพื่อนไปที่โถปัสสาวะ

"นายยืนเองได้ไหม"

บูมทำสีหน้าไม่แน่ใจ ถ้ามีราวเหล็กสักหน่อยเหมือนโถปัสสาวะที่ทำให้คนพิการเขาก็คงพอจับยืนเองได้ แต่นี่มีแต่ผนังลื่นๆ ก็เลยทำให้ลำบากพอสมควร เกิดพลาดล้มไปอีกก็อาจบาดเจ็บมากกว่าเดิมได้

"งั้นเรายืนอยู่ตรงนี้ นายจับไหล่เราไว้ละกัน" ทิวเสนอ

"เฮ้ย จะดีเหรอ" บูมทักท้วง

"เราไม่ดูของนายหรอกน่า ผู้ชายเหมือนกัน อายอะไรวะ" ทิวว่า

บูมจึงยอมทำตามแต่โดยดี เขาเอามือหนึ่งเกาะไหล่ทิวไว้ พยายามใช้อีกมือหนึ่งรูดซิป แต่มันก็ยากเอาการ ทิวเห็นท่าจะไม่ไหวก็เลยถือวิสาสะรูดซิปออกให้เพื่อนเสียเลย

"เฮ้ย" บูมร้องประท้วง

แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เขาจึงต้องเลยตามเลย คนอื่นๆ ที่เข้ามาในห้องน้ำชายต่างก็งงๆ ว่าผู้ชายสองคนนี้มายืนทำลับๆ ล่อๆ อะไรกันที่โถปัสสาวะ

"เฮ้ย พวกมึงสองคนทำอะไรกันน่ะ ชักว่าวกันเหรอ ไม่อายผีสางเทวดาเลยนะพวกมึง" รุ่นพี่ ม.5 คนหนึ่งทัก คนอื่นๆ รวมทั้งเพื่อนบางคนในห้องเดียวกันหันมามองแล้วก็หัวเราะ

"เปล่าพี่ พอดีเพื่อนผมขาเจ็บ" ทิวบอกไป เขารู้ว่าผู้ชายมันก็แซวกันไปอย่างนั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก

พอเสร็จธุระแล้วทิวก็พาบูมไปล้างมือ แล้วก็ให้บูมเกาะอ่างล้างมือไว้ก่อน เขาจะได้ไปทำธุระส่วนตัวของตัวเองบ้าง เสร็จแล้วจึงพาบูมเดินกลับห้อง สีหน้าของบูมเริ่มเปลี่ยนไป จากที่เคยมึนตึงขึ้งโกรธก็ดูอ่อนลง มีรอยยิ้มจางๆ ที่ทิวพอสังเกตเห็นได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

"เที่ยงแล้ว ไปกินข้าวกัน"

ทิวเดินมาชวนบูมที่โต๊ะหลังจากที่เสียงออดพักเที่ยงดังขึ้น

"ไม่เป็นไรหรอก" บูมเงยหน้าขึ้นมาบอก สีหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีร่องรอยของความโกรธเคืองเหลืออยู่เลย

"เราเกรงใจ ถ้าอยากจะช่วยจริงๆ นายซื้อมาให้เรากินข้างบนก็ได้"

"เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอก เราบอกแล้วไงว่าไม่ต้องเกรงใจ ไปกินด้วยกันนั่นแหละ นายจะได้ไปเลือกเอง จะได้มีเพื่อนคุยด้วย ไม่เหงาไง" ทิวไม่เลิกความพยายาม

ถึงอย่างนั้นบูมก็ยังรู้สึกเกรงใจอยู่ดี บวกกับความรู้สึกผิดที่เคยทำไม่ดีกับเพื่อนไว้จึงทำให้เขาลังเล

"ไปเถอะน่า เดี๋ยวไม่มีให้กินนะ" ทิวเร่งเร้า

บูมพยักหน้าตกลงพร้อมกับยิ้มบางๆ เป็นรอยยิ้มแรกที่บูมมีให้ทิวเลยล่ะ ทิวจึงยิ้มตอบกลับไป ไม่รู้ตัวเลยว่าร้อยยิ้มครั้งนี้ได้เข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในความทรงจำของทั้งสองคนเสียแล้ว รอคอยวันที่รอยยิ้มนั้นจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งในวันข้างหน้า

พอไปถึงโรงอาหารบูมก็ขอนั่งอยู่กับที่และให้ทิวช่วยเอาอาหารมาให้ เขาสั่งก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูเส้นหมี่ ส่วนทิวก็สั่งคล้ายๆ กันแต่เป็นเส้นเล็ก กินไปได้สักพัก เพื่อนร่วมชั้นเรียนก็ซักเขากันใหญ่

"ถามจริงๆ เถอะ ไปทำยังไงให้ตกบันไดวะ แล้วไปตกตอนไหนไม่เห็นรู้เรื่องเลย" อุ้ยถามเป็นคนแรก

บูมนั่งกินเงียบๆ ไม่ตอบคำถามใดๆ ทิวเห็นอย่างนั้นก็เลยตอบไปแทน

"ตอนจะไปเข้าแถวเมื่อเช้านี้แหละ ใครไม่รู้ทิ้งถุงพลาสติกเอาไว้ที่บันได บูมรีบวิ่งไม่ทันดูก็เลยเกิดอุบัติเหตุ"

"อ๋อ" เพื่อนๆ ลากเสียงเออออตามกัน

"ไม่น่าเชื่อว่าคนเรียนเก่งจะซุ่มซ่ามเป็นด้วย" มัสมั่นพูดพลางขำ

บูมหันไปมองด้วยสายตาที่เพื่อนๆ มักเอาไปล้อเลียนกันลับหลังว่า "สายตาพยาบาท" มัสมั่นจึงหยุดขำทันที

"เฮ้ยนี่กูถามมึงจริงๆ เถอะวะไอ้บูม มึงนึ่ยิ้มเป็นไหม ตั้งแต่เห็นมึงย้ายเข้ามาเรียน กูไม่เห็นมึงยิ้มซักกะแอะ โลกนี้มันมีอะไรน่าหดหู่ขนาดนั้นหรือวะ" ต้องถามบ้าง

บูมแสดงอาการรำคาญกับคำถามนั้น แต่ก็ยอมบอกเพื่อนไปแต่โดยดี "ก็ไม่มีอะไรนี่ ธรรมดากูก็เป็นแบบนี้แหละ"

"เหรอ นี่ธรรมดาของมึงแล้วเหรอ หน้าของมึงยังกะคนไม่ได้ขี้มาแล้วเป็นเดือนๆ" ต้องพูดจบเพื่อนที่นั่งข้างๆ ก็รุมเขกหัวเข้าให้

"ไอ้นี่ คนกำลังกินข้าวเสือกพูดเรื่องขี้"

ต้องได้แต่ลูบหัวตัวเองเบาๆ

"นี่แน่ะ โทษของการพูดจาไม่เพราะเวลากินข้าว" เอกว่าพลางใช้ตะเกียบคีบแย่งลูกชิ้นจากชามของต้องไปแล้วเอาเข้าปากตัวเองทันที

"ไอ้เอก นิสัยนะมึง" ต้องว่าเบาๆ เอกรีบเอามือมาป้องชามก๋วยเตี๋ยวของตัวเองไว้เพื่อไม่ให้ต้องแย่งคืนแล้วก็หัวเราะ

บูมแอบขำเล็กน้อย ทิวทันได้สังเกตเห็นพอดีเพราะนั่งอยู่ติดกัน จริงๆ บูมเป็นคนหน้าตาดีทีเดียว ถ้ารู้จักยิ้มสักหน่อย สาวๆ คงชอบกันเยอะน่าดู

คุยกันไปสักพัก ดูเหมือนว่าบูมพอจะคุยกับเพื่อนๆ ในห้องได้บ้างแล้ว หลังจากที่ทุกคนต่างเข็ดขยาดไม่อยากคุยกับเขา ก็เลยทำให้บรรยากาศการเรียนในห้องดีขึ้นไปด้วย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

คาบวิชาพละในตอนบ่ายวันนี้ครูสอนติดธุระสำคัญจึงไม่ได้มาสอน เด็กนักเรียนจึงเล่นกีฬากันตามอัธยาศัย ทิวคอยช่วยพยุงบูมมานั่งที่โรงยิมบาสเก็ตบอล เมื่อไม่มีที่นั่งทิวจึงต้องให้บูมนั่งกับพื้น

"เดี๋ยวเรามานะ มีอะไรก็ตะโกนบอกได้เลย" ทิวบอกไว้ก่อนจะลงไปเล่นบาสเกตบอลกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ

บูมเจ็บขาเล่นอะไรไม่ได้เลยจึงได้แต่นั่งเฉยๆ มองดูเพื่อนๆ เล่นบาสเก็ตบอลอยู่เงียบๆ เห็นทิวเล่นสนุกสนานและยิ้มหัวเราะกับเพื่อนๆ บูมก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้ รอยยิ้มของทิวดูจริงใจและเป็นธรรมชาติ ในขณะที่คิด บูมก็กลับคิดว่ารอยยิ้มของทิวนั้นมีเสน่ห์และพลังดึงดูดที่น่าประหลาด

ทิวเล่นบาสเก็ตบอลกับเพื่อนจนพอใจแล้วก็เดินกลับมานั่งลงข้างๆ บูม

"เป็นไง ขาดีขึ้นหรือยัง" ทิวถามพลางยิ้ม

บูมยิ้มตอบ แววตาและท่าทางที่ดูหวาดระแวงและห่างเหินหายไปมากแล้ว "หายบวมไปเยอะแล้วล่ะ พรุ่งนี้น่าจะพอเดินเองได้"

ทิวยิ้มดีใจ "ดีแล้ว" แล้วทิวก็ทำสีหน้าเหมือนอยากจะถามอะไรบางอย่างที่เขาไม่แน่ใจว่าควรจะถาม

"เราถามอะไรนายบางอย่างได้ไหม"

บูมทำหน้าสงสัยแต่ก็พยักหน้า

"นายอยากเข้าชมรมดนตรีจริงๆ หรือเปล่า" ทิวถามพลางสังเกตดูว่าบูมจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

บูมพยักหน้าแต่สีหน้าก็ดูไม่ค่อยมั่นใจนัก

"ทำไมนายอยากเข้าชมรมนี้ล่ะ" ทิวถามต่อเมื่อเห็นว่าบูมไม่ได้มีท่าทางต่อต้านสิ่งที่เขาเพิ่งถามไป

"ก็..." บูมไม่รู้จะเริ่มยังไงดี "เราอยากทำอะไรที่มันผ่อนคลาย สนุกๆ หน่อยน่ะ เรียนอย่างเดียวก็เบื่อ จริงๆ เราก็ชอบฟังเพลงนะ แต่เราก็ไม่ค่อยได้ร้องหรอก ร้องไม่เป็นนั่นแหละ"

"อ้าว ทำไมไม่ร้องล่ะ"

"เรากลัวพ่อว่า" บูมตอบสั้นๆ

คำตอบของบูมทำให้ทิวเดาว่าบูมน่าจะมีปัญหากับครอบครัวของเขาจริงๆ อย่างที่หลายคนสงสัยนั่นเอง

"แต่เราอยากจะลองร้องเพลงดู" บูมบอกอย่างนึกสนุก

"เอาไหมล่ะ เดี๋ยวเราสอนร้องเพลงให้ หลังกินข้าวเที่ยงดีไหม หรือจะตอนเย็นๆ ก็ได้ ไปซ้อมที่ห้องดนตรีกัน" ทิวเสนอ

ดูท่าทางบูมสนใจมากทีเดียว "จริงเหรอ แต่เย็นๆ เราคงฝึกไม่ได้หรอก เดี๋ยวพ่อกับแม่เรามารับ" บูมหน้าม่อย

"อืม งั้นตอนหลังกินข้าวก็ได้ ไปซ้อมที่ห้องดนตรีกัน ว่าแต่ว่านายชอบร้องเพลงแบบไหนล่ะ"

"ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบแบบไหน เราไม่ค่อยรู้จักนักร้องเท่าไรหรอก นายพอมีแนะนำเราบ้างไหมล่ะ"

"มีสิ เรามีเยอะเลย" ทิวว่าพลางหยิบเอาโทรศัพท์ไอโฟนของตัวเองออกมา หยิบเอาหูฟังมาใส่หูตัวเองข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งส่งให้บูม แล้วก็เลือกเพลงที่เขาคิดว่าบูมน่าจะใช้เริ่มต้นในการร้องเพลงได้

"เพลงนี้เป็นไง น่าจะไม่ยากนะสำหรับคนฝึกร้องใหม่ๆ"

บูมพยักหน้าและอือๆ ออๆ ไปก่อน เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอันไหนมันร้องยากร้องง่าย จนกว่าจะได้ลองนั่นแหละ

"นายร้องท่อนฮุกเพลงนี้ให้เราฟังหน่อยสิ เราอยากฟังนายร้องสดๆ" บูมบอกเมื่อได้ฟังเพลงๆ หนึ่งที่เขารู้สึกว่าน่าสนใจ

"นั่นแน่ ไม่เชื่อมือเราล่ะสิ ได้เล้ย เดี๋ยวคอยดู"

ว่าแล้วทิวก็ร้องเพลงโชว์เสียเลย "ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ เธอคือกำลังใจเดียวที่มีไม่ว่านาทีไหนๆ..."

บูมนั่งฟังอย่างตั้งใจ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าทิวจะร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้ พอทิวร้องท่อนฮุกจบ บูมก็ปรบมือให้พลางขอจับมือด้วย

"โห...เห็นนายร้องได้ขนาดนี้เราไม่กล้าร้องเลยว่ะ" บูมบอกพลางขำ เวลาบูมขำแล้วเขาจะตาหยี น่ารักไปอีกแบบ

"ได้สิ ไม่มีอะไรเกินความพยายามของเราหรอก ถ้านายเชื่อมั่นในตัวเอง นายทำอะไรก็ได้ เรียนหนังสือยากกว่าตั้งเยอะนายยังทำได้เลย" ทิวให้กำลังใจ

"เดี๋ยวเราจะลองดู" บูมบอกพลางยิ้มน้อยๆ

ตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่ใหม่ วันนี้เป็นวันแรกที่บูมรู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว เขารู้สึกเหงามาก มากจนอยากจะขอพ่อย้ายกลับไปโรงเรียนเดิม ที่นั่นเขายังพอมีเพื่อนที่สนิทๆ อยู่บ้าง แต่ถ้าเขามีเพื่อนอย่างทิวสักคนก็คงจะทำให้อะไรๆ มันดีขึ้นบ้าง คงพอทำให้เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นได้บ้าง จะว่าไป ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่เหมือนกับที่เขาเคยได้รับจากเพื่อนคนอื่นๆ เลย แต่ก็เป็นเพียงสิ่งที่แว่บเข้ามาในความคิดชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานก็คงลืมมันไปแล้ว

"เอางี้ละกัน เดี๋ยวเราเลือกเพลงให้นายไปฟังก่อนดีกว่า แล้วพรุ่งนี้นายมาบอกเราว่านายอยากร้องเพลงไหน ถ้าฝึกร้องเพลงจากเพลงที่เราชอบก่อนจะทำให้ฝึกง่ายขึ้น ว่าแต่โทรศัพท์นายฟังเพลงได้ไหม"

บูมพยักหน้า ถึงมันจะดูไม่ค่อยทันสมัยเหมือนของทิวนัก แต่มันก็ฟังเพลงได้เหมือนกัน

"มีบลูทูธปะ"

บูมพยักหน้า ทิวจึงเลือกเพลงให้บูมไป 7-8 เพลงที่คิดว่าบูมน่าจะร้องได้ ดูสีหน้าของบูมมีความสุขและมีประกายความหวังบางอย่าง ทิวรู้สึกดีใจที่ได้เห็นเช่นนั้น น่าแปลกที่ทิวเองก็รู้สึกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่เหมือนกับที่ทิวมีให้เพื่อนคนอื่นๆ เลย ไม่รู้ว่าจะเป็นเพียงความคิดที่แว่บเข้ามาวูบเดียวแล้วหายไปหรือเปล่า แต่มันก็สร้างความรู้สึกแตกต่างในความคิดที่ทิวมีให้กับบูมได้มากทีเดียว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
   

ตกเย็น ทิวช่วยพยุงบูมมาส่งที่รถ วันนี้แม่ของบูมเป็นคนมารับด้วยตัวเอง เธอยังดูสวยอยู่มากทีเดียว ดูภูมิฐานและมีสง่าราศรีอย่างคนร่ำรวย ถ้าเดาไม่ผิดเธอก็คงมีหน้ามีตาในวงสังคมของคนในระดับเดียวกับเธอพอสมควร

เห็นสภาพลูกชายอย่างนั้นแล้ว แม่ของบูมก็เปิดประตูรถลงมาพลางมองดูลูกชายที่ถูกเพื่อนพยุงมาด้วยความสงสัยและเป็นห่วง

"บูม เป็นอะไรล่ะลูก"

บูมทำหน้าหวาดหวั่นคล้ายกับกลัวแม่ ทิวทันได้พอสังเกตเห็นพอดี

"ตกบันไดครับแม่ แต่ไม่เป็นไรมากแล้วครับ" บูมบอก

ทิวช่วยพยุงเพื่อนเข้าไปนั่งในรถก่อนแล้วจึงทำความเคารพแม่ของบูม

"ทิวครับแม่ เพื่อนบูม" บูมแนะนำ

แม่ของบูมยกมือรับไหว้ทิวที่เพิ่งยกมือสวัสดีเธอไปเมื่อสักครู่นี้พร้อมกับยิ้มน้อยๆ ให้ผู้อ่อนอาวุโสกว่า

"ขอบใจมากนะที่พาบูมมาส่ง ไปบูม ไปโรงพยาบาล เจ็บตัวแบบนี้แล้วแทนที่จะโทรไปบอกพ่อกับแม่ เรานี่ก็แปลกคน"

ตอนหลังแม่หันมาทำเสียงดุใส่บูมเสียอย่างนั้น ทำให้ทิวพอเข้าใจและเห็นอะไรรางๆ บ้างแล้วว่าทำไมบูมจึงดูเครียดๆ

TBC

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2015 07:57:14 โดย sarawatta »

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #4 เมื่อ05-03-2012 19:55:46 »

:pig2: :pig2: :pig2: ต้อนรับเรื่องใหม่ค่ะ

อ่านจากบทเกริ่นนำ เรื่องนี้ต้องสนุกๆแน่ๆเลย

จะรอติดตามนะคะ มาลงบ่อยๆน๊าาา
+เป็ดกิ๊บก๊าบ...เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ  :กอด1: :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2012 20:29:18 โดย Mc_ma »

fernjaa

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #5 เมื่อ05-03-2012 20:30:04 »

แค่เพียงเริ่มเรื่องก็น่าสนใจมากแล้ว
รอต่อไปทาเคชิ  อิอิ
 o13

Ebsilon

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #6 เมื่อ05-03-2012 20:30:34 »

สนุกดีครับ

มาอัพบ่อยๆนะครับ รอติดตามอยู่

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #7 เมื่อ05-03-2012 22:30:40 »

♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 04 ✦ มิตรภาพของทิวกับบูม



กว่าจะได้กลับถึงบ้าน บูมก็โดนแม่บ่นไปหลายเรื่องตั้งแต่ออกจากโรงเรียน ที่โรงพยาบาลจนกลับมาถึงบ้าน บางทีเขาก็ชิน บางทีเขาก็รำคาญ แต่วันนี้บูมทำเงียบๆ และได้แต่ครับๆ อย่างเดียว ปกติเขาก็ไม่ค่อยจะเถียงมากอยู่แล้วเพราะรู้ว่าเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงเขาก็ต้องเชื่อฟังพ่อกับแม่อยู่ดี

ตั้งแต่บีมที่เป็นพี่ชายคนโตทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังในเรื่องการเรียน บูมก็กลายเป็นความหวังใหม่ของครอบครัวขึ้นมาทันที โชคดีหน่อยที่เขาค่อนข้างหัวดีกว่าพี่ชาย พ่อแม่ก็เลยพอมีความหวังกับบูมได้บ้าง จึงต้องถูกเคี่ยวเข็ญและเข้มงวดเรื่องการเรียนอย่างนี้ สุดท้ายก็เลยลามไปถึงชีวิตส่วนตัวของบูมด้วย

บูมได้ไม้ค้ำยันมาหนึ่งอันจากโรงพยาบาล ทำให้เขาพอทำอะไรได้สะดวกขึ้นมาบ้าง ดีที่ว่าตอนอยู่โรงเรียนมีทิวคอยช่วยจึงไม่ลำบาก พอคิดมาถึงตรงนี้บูมก็สงสัยว่าทำไมทิวถึงทำดีด้วยทั้งๆ ที่บูมทำตัวไม่น่ารักกับทิวเลย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ขอบใจทิวมากทีเดียว ถ้ามีเพื่อนสักคนที่พอจะทนคบเขาไปได้บ้างก็คงจะดี แต่ก็ไม่รู้ว่าทิวจะทนคบกับเพื่อนเจ้าปัญหาอย่างเขาได้นานแค่ไหน

วันนี้พ่อคงกลับดึกเช่นเคยเพราะมีประชุมงาน บูมจึงต้องนั่งกินข้าวกับแม่สองคนในบ้าน ที่บ้านเขามีคนรับใช้อยู่สองคน คนหนึ่งทำอาหาร อีกคนทำงานบ้านทั่วไป แต่ไม่มีคนขับรถเพราะพ่อกับแม่ขับเอง ไม่มีคนสวนเพราะใช้วิธีจ้างเอาจากข้างนอก ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในบ้านลงได้พอสมควร

กำลังนั่งกินข้าวอยู่ พี่บีมก็กลับมาจากมหาวิทยาลัยพอดี แล้วก็เดินยิ้มเผล่เข้ามาในห้องกินข้าว

"หวัดดีครับแม่ อ้าวบูม ไปเอาไม้เท้ามาทำอะไรล่ะ" บีมถามอย่างแปลกใจพลางเดินมาหาน้องชาย

"กินข้าวมาแล้วเหรอ" คุณแม่หันมาถามลูกชายอีกคนด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ยินดียินร้าย ถึงเธอจะรู้สึกว่าลูกคนนี้ไม่ได้อย่างใจ แต่ก็ยังไงก็เป็นลูก เธอก็ยังคงเป็นห่วงอยู่ดี

"ครับแม่ กินกับเพื่อนมาแล้วครับ" บีมบอกแล้วหันมาสนใจบูมต่อ "ว่าไงล่ะเรา เอาไม้เท้ามาทำไม"

"ตกบันไดที่โรงเรียนตอนเช้า" บูมตอบเสียงห้วนๆ แล้วก็หันมาสนใจกับอาหารต่อ

ในใจลึกๆ บูมก็อดที่จะโทษพี่ชายที่ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือไม่ได้ เป็นเหตุให้พ่อกับแม่ต้องมากดดันบูมแทน บีมเองก็พอจะเดาความรู้สึกของน้องชายได้อยู่ แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่เขาเรียนหนังสือไม่เก่งเลย เขาเคยถูกพ่อกับแม่ด่าว่าโง่ผ่าเหล่าผ่ากอ เคยถูกเคี่ยวเข็ญในฐานะพี่ชายคนโตที่จะต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักให้กับครอบครัวต่อไป แต่เขาก็ทำไม่ได้ จนพ่อแม่เลิกบังคับ บีมจึงหันไปเรียนศิลปะอย่างที่เขาชอบ เขาไม่อิจฉาน้องชายเลยสักนิดที่พ่อกับแม่คาดหวังจะให้ไปเรียนต่อเมืองนอก

แต่ก็อดสงสารน้องชายไม่ได้เหมือนกันที่ต้องมาถูกบังคับแทน ทำให้บูมดูไม่ค่อยร่าเริงมาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่บูมค่อนข้างฉลาดเหมือนพ่อกับแม่ ไม่ผ่าเหล่าผ่ากออย่างพี่ชาย การเรียนของบูมก็เป็นที่น่าพอใจมากทีเดียว แต่ก็น่าแปลกใจที่พ่อกับแม่ยังคงเคี่ยวเข็ญบูมอยู่ จนบูมแทบจะไม่มีเวลาได้เล่นหรือทำกิจกรรมตามวัยของตัวเองเลย

"ทีหลังระวังหน่อยนะ" บีมบอกน้องชาย เห็นบรรยากาศไม่ค่อยดีจึงรีบขอตัว

"ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับแม่" ว่าแล้วบีมก็รีบวิ่งขึ้นไป

พอลูกชายคนโตหายลับตาไป แม่ก็เริ่มบ่นอย่างที่บูมได้ยินมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขาฟังจนแทบจะจำได้ทุกคำพูดอยู่แล้ว

"เรียนอะไรไม่เรียน ไปเรียนศิลปะ จบมาจะไปทำมาหากินอะไร ก็ได้กลายเป็นศิลปินใส้แห้งกันพอดี" แม่บ่นงึมงำในตอนแรก แล้วก็หันมาบ่นดังๆ กับบูม

"จำไว้นะบูม บูมต้องตั้งใจเรียนนะลูก จบมาจะได้เป็นหน้าเป็นตาให้พ่อกับแม่บ้าง อย่าให้พ่อกับแม่ต้องอับอายขายขี้หน้าเหมือนพี่ชายของบูมอีกคนละกัน"

จากนั้นแม่ก็บ่นไปอีกหลายเรื่อง บูมได้แต่แอบถอนหายใจ รีบๆ กินข้าวแล้วก็ขอตัวขึ้นไปบนห้อง

วันนี้ไม่มีการบ้าน ปกติบูมต้องอ่านหนังสือของวันถัดไปก่อนนอน รวมทั้งยังมีหนังสือและชีทที่ครูสอนพิเศษแจกมาให้อีกส่วนหนึ่งที่เขาต้องคอยทบทวน แต่วันนี้เขาอยากจะฟังเพลงที่ทิวเพิ่งให้มามากกว่า ไม่ได้อ่านหนังสือแค่วันเดียวคงไม่ทำให้เขาสอบตกหรอก นี่ถ้าพ่อกับแม่มาได้ยินสิ่งที่บูมคิดคงไม่พอใจเป็นแน่

อันที่จริงในห้องบูมมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะตัวหนึ่งและติดลำโพงด้วย ถ้าเขาเปิดลำโพงนี้จนสุดเสียงมันคงดังไปจนถึงปากซอย แต่เขาแทบจะจำไม่ได้เลยว่าเคยเปิดเพลงฟังดังๆ กี่ครั้ง มีแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นเวลาที่พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน แต่วันนี้เขาคงไม่ได้คิดจะเปิดเพลงเสียงดังหรอก ถ้าแม่ได้ยินเข้าก็คงโดนดุ บูมจึงเอาหูฟังมาเสียบกับโทรศัพท์ที่แสนเชยในสายตาของเพื่อนๆ แล้วก็ฟังเพลงที่ทิวให้มา ฟังไปอยู่สองสามรอบก็ได้เพลงที่อยากลองร้อง อดตื่นเต้นไม่ได้จนต้องโทรไปบอกทิว

"ทิว เราได้เพลงที่เราอยากร้องแล้วนะ"

"จริงเหรอ เพลงอะไร" น้ำเสียงของทิวก็ดูตื่นเต้นไม่แพ้กัน

"ฉันดีใจที่มีเธอ" บูมบอกชื่อเพลงไป มันเป็นเพลงเดียวที่ทิวเพิ่งร้องให้ฟังเมื่อตอนกลางวันนั่นแหละ

"เราก็ชอบเพลงนี้ โอเค เดี๋ยวเราเตรียมเนื้อเพลงไว้ให้นายพรุ่งนี้เลยนะ นายจะได้ลองซ้อมดูก่อน"

"ขอบใจมากทิว" บูมบอกด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

"แค่นี้ก่อนนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้" บูมรีบบอกแล้วก็วางสายไป

ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะคุยต่อ แต่เขาได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นแม่นั่นเอง

บูมรีบวางโทรศัพท์ ทำทีไปเปิดหนังสือเรียนบนโต๊ะไว้ แล้วก็รีบไปเปิดประตู ค่อนข้างทุลักทุเลนิดหน่อยเพราะยังใช้ไม้ค้ำยันได้ไม่ค่อยคล่อง เมื่อเปิดประตูแล้วก็เห็นว่าเป็นแม่จริงๆ ด้วย

"อาบน้ำอยู่เหรอลูก ทำไมเปิดประตูช้าจัง เอ...ก็ยังใส่ชุดเดิมนี่นา"

"อ๋อ ยังครับ พอดีอ่านหนังสืออยู่ ผมยังใช้ไม้ค้ำยันไม่ค่อยถนัดครับแม่ก็เลยมาเปิดช้า" บูมแก้ตัว แม่สอดส่ายสายตาเข้ามาในห้อง เห็นบูมเปิดหนังสือทิ้งไว้แล้วก็เลยไม่ติดใจอะไร

"ทีหลังอาบน้ำก่อนก็ได้ แล้วค่อยมาอ่านหนังสือ จะได้อ่านสบายๆ" แม่บอกแล้วก็เดินลงไปข้างล่าง

บีมได้ยินเสียงคนเดินลงบันไดไปแล้วก็แง้มประตูดู พอเห็นแม่แล้วก็ได้แต่ส่ายศีรษะอย่างระอาใจ นี่พ่อกับแม่กะจะไม่ให้บูมได้มีเวลาทำอย่างอื่นบ้างเลยหรือไงถึงต้องคอยเช็คอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ เห็นแล้วก็อึดอัดแทนเสียจริงๆ

บูมปิดประตูด้วยใจระทึก นี่ถ้าแม่เกิดสงสัยหรือจับได้ขึ้นมา เขาก็คงโดนอบรมอีกเป็นชุด แถมยังอาจจะมีพ่อมาช่วยบ่นอีกคนด้วย เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะอาบน้ำ เขาคงจะต้องอ่านหนังสืออีกสักหน่อยก่อนนอน อย่างน้อยก็จะได้ไม่รู้สึกผิดที่โกหกแม่เมื่อสักครู่นี้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


เช้าวันต่อมา ทิวรีบมาโรงเรียนแต่เช้ากว่าปกติ แน่นอนว่าต้องมีอะไรพิเศษ เขาเอากระเป๋าเรียนขึ้นไปเก็บบนห้องแล้วก็รีบวิ่งแจ้นลงมารออยู่ตรงบริเวณที่เขามักจะเห็นพ่อกับแม่ของบูมมาส่งบูมเป็นประจำ ไม่นานนักรถเก๋งยุโรปสุดหรูก็วิ่งเข้ามาจอด ในเวลาที่เกือบจะเหมือนเดิมเป๊ะ จนทิวอดสงสัยไม่ได้ว่าที่บ้านของบูมบอกเวลากันเป็นวินาทีหรือเปล่า

พอเห็นบูมลงมาทิวก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยถือกระเป๋าเรียนทันทีเพราะเขารู้ว่าบูมคงถือไม่ถนัด บูมดูจะแปลกใจมากทีเดียวที่เห็นทิวมารอช่วยแต่ก็ยิ้มให้ด้วยดีใจและรู้สึกขอบคุณ ดีหน่อยที่วันนี้ทิวไม่ต้องช่วยพยุงเพราะบูมมีไม้คำยันมาด้วย

บูมกับทิวสวัสดีแม่ของบูมแล้วก็พากันเดินขึ้นมาบนห้องเรียน ระหว่างที่เดินขึ้นมาอย่างช้าๆ บูมก็ถาม

"นายมารอเราเหรอ"

ทิวพยักหน้าพลางยิ้ม "เดี๋ยวไม่มีใครช่วยนายถือกระเป๋าไง"

ได้ยินแล้วบูมก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ทิวเป็นคนดีมีน้ำใจมากกว่าที่คิดไว้เสียอีก

"ขอบคุณนะทิว" บูมบอกพลางยิ้ม เดินขึ้นไปสักพัก เหมือนบูมจะนึกอะไรได้ก็เลยหยุดแล้วหันมามองเพื่อน

"เราขอโทษนะทิว"

ทิวเลิกคิ้วด้วยความสงสัย "ขอโทษเรื่องอะไรเหรอ"

"ก็ที่เราเคยทำไม่ดีกับนายไง"

นั่นแหละทิวถึงได้ร้องอ๋อ "อ๋อ.... เฮ้ย ไม่ต้องคิดมากหรอก ไม่เห็นมีอะไรเลย นิดเดียวเอง เราไม่เก็บเอามาใส่ใจหรอก" ทิวบอกพลางเอามือไปตบไหล่เพื่อน

บูมยิ้มดีใจกับมิตรภาพใหม่ที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบจากโรงเรียนที่เขาเพิ่งย้ายเข้ามาได้ไม่นานนี้

"เรารู้แล้วล่ะว่าวันนั้นนายไม่ได้แกล้งเราหรอก" บูมเอ่ยออกมาหลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง ทิวหัวเราะเบาๆ

"นายไม่โกรธพวกนั้นเหรอที่โยนความผิดให้นาย" บูมถามพลางค่อยๆ ก้าวเท้าขึ้นบันไดต่อ

"เราไม่ถือสาพวกมันหรอก ช่างเถอะ มันผ่านไปแล้ว" ทิวบอกแค่นั้น บูมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ

เด็กนักเรียนคนอื่นๆ เริ่มทยอยกันมาบ้างแล้วล่ะ บูมกับทิวจึงเดินขึ้นไปเงียบๆ โดยไม่ได้คุยอะไรเป็นเรื่องเป็นราวมากนัก

"วันนี้นายไม่ต้องไปเข้าแถวหรอก เดี๋ยวเราบอกครูให้"

ทิวบอกเมื่อมาส่งบูมถึงโต๊ะเรียนแล้ว จากนั้นก็เดินมาค้นหากระดาษจากกระเป๋าเป้ของตัวเอง พอหาเจอแล้วก็เดินเอาไปยื่นส่งให้บูม

"เนื้อเพลงที่เราบอกจะเอามาให้ไง"

"ขอบคุณนะทิว"

บูมบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพลางรับกระดาษเนื้อเพลงที่ทิวพิมพ์มาให้ เขาเพิ่งนึกได้เดี๋ยวนี้เองว่าเนื้อเพลงนั้นมันช่างตรงกับความรู้สึกของเขาตอนนี้เสียจริงๆ

"จะกินอะไรไหมเดี๋ยวเราลงไปซื้อมาให้" ทิวถาม

เพื่อนๆ ที่เดินเข้ามาในห้องต่างก็มองเขากับบูมแปลกๆ เพราะคงไม่มีใครคิดว่าเขากับบูมจะสนิทกันได้เร็วขนาดนี้ เมื่อไม่กี่วันมานี้ยังทำหน้ายักษ์ใส่กันอยู่เลย

บูมส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอก เรากินข้าวเช้ามาแล้ว แม่ไม่ค่อยชอบให้เรากินจุกจิก เดี๋ยวอ้วน"

"อ๋อ...งั้นนายอยู่นี่ก่อนละกัน เราต้องลงไปทำเวรข้างล่าง วันนี้เวรเรา ไปช้าเดี๋ยวถูกรุ่นพี่จดชื่อ แต่นายเตรียมตัวไว้นะ หลังเที่ยงแล้วเจอกัน" ทิวบอกพลางเดินมาจับมือเพื่อนเป็นการให้คำมั่นสัญญา

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


หลังจากกินข้าวเที่ยงแล้วทิวก็พาบูมไปที่ห้องดนตรีทันที ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีคนอยู่ในห้องเพราะส่วนใหญ่ยังกินข้าวกันอยู่ ทิวรีบไปจองคีย์บอร์ดตัวหนึ่งที่อยู่ตรงมุมห้อง เขามักจะใช้คีย์บอร์ดตัวนี้ในการวอร์มเสียงก่อนร้องเพลงอยู่บ่อยๆ

"อันดับแรก เราว่านายร้องให้เราฟังก่อนดีกว่า เอาท่อนที่นายจำได้ดีที่สุดก่อนก็ได้ เราจะได้รู้ว่าเนื้อเสียงนายเวลาร้องเพลงแล้วเป็นยังไง" นั่นคือสิ่งแรกที่ทิวขอให้เพื่อนช่วยทำก่อนเมื่อนั่งประจำที่แล้ว

บูมดูประหม่าทีเดียว เขาเหลียวมองไปรอบๆ ห้องเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ แต่ก็เห็นเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ทยอยเข้ามาบ้างแล้ว แต่ส่วนมากก็คุยกับมากกว่าที่จะลงมือซ้อมดนตรี

"เอาตอนนี้เลยเหรอ" บูมถามย้ำอย่างไม่ค่อยมั่นใจ

ทิวพยักหน้า

"เอาท่อนฮุกละกันนะ" บูมบอกแล้วสูดลมหายใจยาว ก่อนจะร้องเปล่งเสียงร้องออกมา

"ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ เธอคือกำลังใจเดียวที่มีไม่ว่านาทีไหนๆ" แล้วบูมก็หยุดขำ

เขาหันไปมองรอบๆ นึกว่าจะมีใครหันมาสนใจบ้าง แต่ทุกคนก็ยังยืนคุยกันอยู่เหมือนไม่มีใครสนใจหรือได้ยินเสียงร้องเพลงเมื่อสักครู่นี้ ทำให้บูมรู้สึกประหม่าน้อยลง

"เป็นไง แย่ใช่ไหมล่ะ" บูมยิ้มอายๆ เพราะเขาไม่มั่นใจจริงๆ ว่าเขาจะร้องเพลงได้ดี

"ใครว่าล่ะ เราว่าเสียงนายมีเอกลักษณ์น่าสนใจมากๆ เลยรู้ปะ"

ทิวบอกด้วยท่าทางเหมือนแมวมองที่กำลังเจอช้างเผือกยังไงยังงั้นเลย ทำให้บูมรู้สึกมีกำลังใจขึ้นอีกไม่น้อย

"นายอำหรือเปล่า เราว่าเสียงเราแย่มากเลยนะ" บูมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

"ไม่หรอก โอเคเลยล่ะ กำลังเสียงนายอาจจะไม่ยังไม่ค่อยดีในตอนนี้ แล้วก็เพี้ยนพอดู แต่มันฝึกได้ เราว่าเนื้อเสียงของนายน่าสนใจมากๆ เราว่ามันเหมาะกับเพลงรักๆ โรแมนติกๆ นะ"

ได้ยินแบบนั้นแล้วก็ยิ่งทำให้บูมมีกำลังใจมากขึ้นจนเขาเผลอยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง แววตาเป็นประกายวิบไหว

"เรามาร้องท่อนอื่นกันดีกว่า นายจำเมโลดี้ได้ทั้งหมดหรือยัง"

บูมส่ายหน้า

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะเล่นคีย์บอร์ดเป็นเมโลดี้ให้ นายร้องตามนะ จะได้ฝึก Ear Training ไปด้วย"

บูมพยักหน้า ทิวเริ่มกดเล่นเมโลดี้เพลง บูมยังเข้าได้ไม่ตรงคีย์นัก ทิวจึงให้บูมลองเข้าประโยคแรกอยู่สองสามครั้ง จนเขาสามารถร้องได้ตรงคีย์มากขึ้น จึงค่อยๆ ไล่ไปประโยคและท่อนอื่นๆ ในเพลง

เมื่อรู้ว่าการร้องเพลงของเขาไม่แย่อย่างที่คิด บูมก็เริ่มมีความหวังว่าเขาจะได้ค้นพบความสามารถใหม่ ก็ไม่รู้หรอกว่าท้ายที่สุดนี้เขาจะใช้ความสามารถนี้ไปทำอะไรได้บ้าง พ่อกับแม่คงไม่ยอมให้เป็นนักร้องอย่างแน่นอน แต่บูมก็รู้สึกว่ามันทำให้บูมมีความสุขมากทีเดียว อย่าเพิ่งไปนึกถึงอะไรอย่างอื่นเลย อย่างน้อยๆ เขาก็จะได้มีความสามารถพิเศษเหมือนเพื่อนๆ คนอื่นๆ บ้าง ไม่ใช่แค่เรื่องเรียนอย่างเดียว

ขณะที่ทิวกำลังสอนบูมร้องเพลงอยู่นั้น พี่ปี๊ดประธานชมรมดนตรีก็เดินเข้ามาดูพอดี "เฮ้ยทิว มึงพาใครมาสอนร้องเพลงวะวันนี้"

ทิวกับบูมหยุดแล้วก็หันไปมองตามเสียง ทิวดูจะตกใจนิดๆ เพราะยังไม่ได้ขออนุญาตพี่ปี๊ดเลย

"เพื่อนในห้องผมครับพี่ปี๊ด ชื่อบูมครับ เพิ่งย้ายมาใหม่" ทิวถือโอกาสแนะนำเสียเลย

"อ๋อ... ไอ้น้องนี่เอง แล้วจะไหวไหมเนี่ย เล่นดนตรีก็ไม่ได้ ร้องเพลงก็ไม่เป็น" พี่ปี๊ดเห็นหน้าปุ๊บก็จำได้ปั๊บ เพราะเขาเป็นคนไล่ตะเพิดบูมเองตอนที่บูมไปขอสมัคร

"พอได้อยู่พี่ ผมว่าฝึกอีกหน่อยก็มาอยู่ชมรมเราได้ เนื้อเสียงดีใช้ได้เลยครับ" ทิวรีบอวด

"พี่อยากฟังหรือเปล่าครับ" ทิวถามต่อ บูมแอบเอามือมาสะกิดว่ายังไม่ต้องก็ได้เพราะเขายังไม่มั่นใจขนาดนั้น

"เฮ้ย ยังๆ เอาไว้ก่อนละกัน วันนี้พี่มีธุระต้องเคลียร์เอกสารชมรมก่อน ตามสบายละกัน" พี่ปี๊ดบอกแล้วก็รีบเดินออกไป

ทิวดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าใกล้จะบ่ายโมงแล้ว สงสัยคงต้องพักไว้ก่อน

"วันนี้เอาเท่านี้ก่อนละกันนะบูม เดี๋ยวจะไปเรียนไม่ทัน พรุ่งนี้ค่อยมาต่อกันใหม่ เดี๋ยวเราจะสอนนายเรื่องการหายใจแล้วก็การวอร์มเสียงด้วย"

บูมพยักหน้า

"โอเคเพื่อน พรุ่งนี้เรามาซ้อมกันใหม่ ขอบคุณทิวมากนะที่ช่วยสอนเราวันนี้"

การได้เรียกใครสักคนว่าเพื่อนในตอนนี้ สำหรับบูมแล้วมันวิเศษที่สุดในชีวิตเลยล่ะ เขาอยากมีเพื่อนแบบนี้มานานแล้ว ที่ผ่านมา เขาเจอแต่เพื่อนที่แค่เล่นๆ สนุกกันไปวันๆ ไม่ค่อยมีสาระ แต่เมื่อเจอทิวแล้ว บูมก็รู้สึกต่างออกไป เขารู้สึกว่าทิวไม่ใช่เพื่อนอย่างที่เขาเคยมี ทิวน่าจะเป็นเพื่อนที่เขาสามารถคบได้ลึกซึ้งมากกว่าแค่เล่นสนุก เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

"ไม่เป็นไร เห็นนายมีความสุขเราก็ดีใจแล้ว"

ทิวบอกอย่างที่รู้สึก เขาเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวของบูมบ้างแล้ว อย่างน้อยก็เห็นรอยยิ้มของบูมที่ก่อนหน้านี้ไม่ต่างจากของมีค่าที่หาได้ยากยิ่ง ทิวคิดว่าเสียงเพลงนี่แหละที่จะช่วยเปลี่ยนชีวิตของบูมได้เหมือนกับที่เคยเปลี่ยนชีวิตของทิวมาแล้ว

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-07-2015 08:58:03 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #8 เมื่อ06-03-2012 08:13:25 »

ไม่แน่ใจว่าเอารูปมาใส่ประกอบแบบนี้ได้หรือเปล่าครับ ถ้าไม่ได้จะได้เอาออก เป็นรูปดาราครับ

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #9 เมื่อ06-03-2012 11:03:06 »

จะติดตามต่อไปนะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
« ตอบ #9 เมื่อ: 06-03-2012 11:03:06 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #10 เมื่อ06-03-2012 11:40:33 »

บวกเป็นกำลังใจให้จ้า

แต่ถามนิดนึง มาม่าน้ำตาแตกมากไหมอ่า >"< กลัว

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #11 เมื่อ06-03-2012 13:28:25 »

อ่านผ่าน ๆ แบบเร็ว ๆ คือจะบอกว่าแต่งดีค่ะ  พล็อตเรื่องก็ดีด้วย  ชอบเลยแหละ
แต่ดูเหมือนจะดราม่ามากมาย  อืออ  จริง ๆ แล้วช่วงนี้หัวใจอ่อนแอ
ภูมิต้านทานดราม่าต่ำนะเนี่ยะ  จะไหวมั๊ยน๊อเรา

Ebsilon

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #12 เมื่อ06-03-2012 20:39:26 »

"ฉันดีใจที่มีเทอ"

เข้ามาให้กำลังใจคนเขียนครับ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #13 เมื่อ06-03-2012 21:13:35 »

♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 05 ✦ นักร้องใหม่วง Zenith



"เฮ้ย พวกมึงเห็นบูมปะวะ" มาถึงโรงเรียนตอนเช้าทิวก็ถามหาเพื่อนใหม่ที่เพิ่งสนิทกันได้ไม่นานก่อนใคร

"จะเกินไปแล้วโว้ย ตั้งแต่สนิทกับไอ้บูม ลืมพวกกูไปเลยนะมึง ไม่คิดจะถามหาพวกกูมั่งเหรอวะ" เอกทำเสียงประชด

"ลืมห่าอะไรล่ะ พูดดีๆ นะมึง เดี๋ยวบ้องให้ มึงไม่เห็นหรือไงว่ามันขาเจ็บอยู่ กูต้องช่วยดูแลมันหน่อย คิดไรวะ"

"ไม่ต้องไปดูแลมันแล้ว วันนี้มันไม่ได้ใช้ไม้คำยัน โน่น กูเห็นมันเดินไปข้างหลังโรงเรียนคนเดียว ไม่รู้ไปทำอะไร" อุ้ยว่าพลางชี้บอก

ทิวขมวดคิ้วสงสัย "เออๆ ขอบใจนะเว้ย เดี๋ยวมา"

พูดจบทิวก็ทำท่าจะวิ่งออกไป ก่อนหยุดชะงักเพราะมีเพื่อนอีกคนเรียกไว้ "เดี๋ยว...อย่าเพิ่งไป"

ทิวเบรกแทบไม่ทันพลางหันกลับมามองคนเรียกอย่างสงสัย ต้องนั่นเอง

"มีอะไรวะ"

"มึงช่วยดูๆ มันหน่อยละกัน กูว่ามันเหมือนเด็กมีปัญหาว่ะ พวกกูเคยพยายามคุยกับมันแล้ว แต่มันไม่ค่อยพูดแล้วก็ไม่ค่อยคุยกับพวกกู สงสัยมันคงชอบคุยกับมึงมากว่า ฝากบอกมันด้วยละกัน ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกเพื่อนๆ ได้ ไม่ต้องเกรงใจ"

ทิวยิ้มให้ต้องด้วยความตื้นตันใจ ถึงมันจะห่ามๆ และกวนๆ ไปบ้าง แต่มันก็เป็นคนมีน้ำใจและคิดดีกับเพื่อนเสมอ แม้กระทั่งกับเพื่อนที่มันไม่ค่อยสนิทด้วยก็ตาม

"เออๆ ไม่ต้องห่วง ไหนๆ บูมก็จะมาเป็นเพื่อนกับเราอีกอย่างน้อยสามปีอยู่แล้ว เราก็ต้องดูแลมันเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ นั่นแหละ" วันนี้ทิวกับเพื่อนแปลกไปจริงๆ ด้วยที่คุยเรื่องมีสาระก็เป็น ปกติมีแต่คุยเรื่องสนุกสนาน

ทิวยิ้มให้กับเพื่อนๆ อีกครั้งแล้วก็วิ่งลงมาที่ตึกด้านหลังโรงเรียน สอดส่ายสายตาหาบูมแต่ก็ไม่เจอว่าอยู่ตรงไหน อดสงสัยไม่ได้ว่าบูมมาทำอะไรที่หลังโรงเรียน ปกติมักจะเห็นอ่านหนังสือเรียนอยู่ตามโต๊ะม้าหินอ่อนหรือไม่ก็บนห้อง

มองไปมองมา ทิวก็ได้ยินเสียงเหมือนคนร้องเพลงมาจากที่ไหนสักแห่ง พอตามเสียงไปเรื่อยๆ ก็เห็นบูมแอบร้องเพลงอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งพร้อมกับถือกระดาษแผ่นหนึ่งไว้ด้วย ทิวเข้าใจว่าน่าจะเป็นเนื้อเพลงที่เขาพิมพ์ให้เมื่อวาน ดูท่าทางบูมมีความสุขทีเดียว

ทิวไม่เข้าไปทักเพื่อนในทันที แต่แอบมองและยิ้มด้วยความชื่นชมในความพยายามของเพื่อน ไม่เสียแรงที่เขาอุตส่าห์ลงทุนสอนด้วยตัวเอง นี่ถ้าเป็นคนอื่น เขาต้องคอยตามคอยจี้กว่าจะร้องแต่ละเพลงให้ได้อย่างใจ แต่กับบูม เพิ่งสอนไปแค่วันเดียวเองแท้ๆ ทิวกลับได้เห็นความตั้งใจจริงตั้งแต่วันแรกเลย

พอบูมร้องเพลงจบ ทิวก็ปรบมือให้

"เฮ้ย มาตั้งแต่เมื่อไร" บูมหันมามองอย่างตกใจและมีท่าทางเขินอาย

"ก็มาทันฟังนายร้องท่อนฮุกแล้วก็ท่อนจบเมื่อกี้นั่นแหละ ใช้ได้เลยบูม นี่ขนาดไม่ค่อยได้ร้องเพลงนะเนี่ย" ทิวชมพลางเดินเข้าไปใกล้

"จริงเหรอ" บูมยิ้มอย่างไม่ค่อยมั่นใจ "เราคิดว่าเราต้องหาเวลาซ้อมบ้าง แค่ซ้อมกับนายอย่างเดียวคงไม่พอหรอก แต่ว่าเราซ้อมที่บ้านไม่ได้ ก็เลยว่าจะซ้อมตอนเช้าๆ ที่โรงเรียนด้วย"

ทิวรับฟังแล้วพยักหน้าเข้าใจ จริงๆ ร้องเพลงตอนเช้าอาจไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะช่วงนี้เสียงจะยังมาไม่เต็มที่ ถ้าวอร์มเสียงไม่เป็นอาจทำให้เส้นเสียงเสียได้ แต่ถ้าบูมไม่สะดวกเวลาอื่นตอนเช้าก็คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

"แบบนี้คนสอนก็ปลื้มแย่เลย คนเรียนตั้งใจซะขนาดนี้ ตั้งแต่สอนร้องเพลงให้พวกสมาชิกในชมรมดนตรีมา เพิ่งเห็นนายนี่แหละที่ตั้งใจซ้อมจริงๆ" ทิวชมจากใจจริง

บูมยิ้มอีก เขาเริ่มยิ้มได้มากขึ้นในช่วงหลังๆ มานี้ ตั้งแต่ที่เริ่มมีทิวเข้ามาเป็นเพื่อนนั่นแหละ

"นายว่าเราจะเข้าเป็นสมาชิกในชมรมดนตรีได้ไหม" บูมถามด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ

ทิวพยักหน้า "ทำไมจะไม่ได้ล่ะบูม เราเชื่อว่านายทำได้แน่นอน"

"แล้วนายคิดว่า....เสียงอย่างเรา...จะมีโอกาสขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีกับเขาไหม"

ทิวพยักหน้าอีก "ได้สิ...เราจะพาให้นายไปถึงวันนั้นให้ได้ ถ้านายไม่ท้อเสียก่อนนะ ไม่ต้องห่วง เห็นนายตั้งใจแบบนี้เราเต็มที่อยู่แล้ว เชื่อมือเราได้เลย"

ไม่รู้ว่าทิวตามฝาดหรือเปล่า นอกจากเขาจะเห็นบูมยิ้มดีใจและมีความหวังแล้วก็ยังเห็นหยดน้ำตาที่มันค่อยๆ ไหลลงมาจากจากตาของบูมด้วย พอเพ่งดูดีๆ ทิวก็พบว่าเขาไม่ได้ตาฝาดไปจริงๆ ด้วย บูมกำลังร้องไห้เบาๆ อยู่

"นายเป็นไรหรือเปล่าบูม" ทิวถามด้วยความเป็นห่วง

"เปล่า เราแค่ดีใจ...ที่เรา...เพิ่งเคยมีเพื่อนดีๆ แบบนี้" พูดจบบูมก็ดึงทิวเข้าไปกอด

ทิวทำให้บูมได้รู้ตัวว่าชีวิตที่ผ่านมาของเขาช่างอ้างว้างเดียวดายเหลือเกิน บูมรู้สึกเหงา ขาดที่พึ่งทางใจ ขาดความอบอุ่นแม้ว่าครอบครัวเขาจะมีครบพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง แต่กลับขาดคนที่จะรับฟังและเข้าใจบูมอย่างแท้จริง

ทิวออกจะตกใจและสงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ก็กอดตอบและตบหลังเพื่อนเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ

"ไม่ต้องห่วงนะบูม นายเป็นเพื่อนของพวกเราแล้ว นายมีอะไรไม่สบายใจก็บอกพวกเราได้ อย่างน้อยนายก็จะต้องอยู่กับพวกเราอีกตั้งสามปีนะ เพื่อนๆ ในห้องทุกคนก็อยากเป็นเพื่อนกับนาย มีอะไรก็บอกพวกเราได้นะบูม ไม่ต้องเกรงใจ"

ได้ฟังแล้วบูมก็อดที่จะกอดทิวแน่นขึ้นอีกหน่อยไม่ได้ รู้สึกซาบซึ้งใจที่มีคนเข้าใจบูมบ้าง สักพักบูมจึงปล่อยทิวออกจากอ้อมแขน ปกติบูมไม่เคยร้องให้เลย ไม่ว่าจะโดนกดดันหรือบีบคั้นมากแค่ไหน เขาเก็บกดไว้มากจนคิดว่าในไม่ช้ามันก็คงต้องระเบิดออกมา เหมือนอย่างในวันนี้ที่เขาเพิ่งรู้ว่าเขาเก็บกดความเหงาและอ้างว้างไว้ในใจมากมายเพียงใด

"ขอบคุณมากทิว อ้อ...เมื่อเช้าเราแวะซื้อขนมร้านโปรดมาฝากพวกนายด้วย เรายังไม่ให้พวกนั้นกินเพราะว่านายยังไม่มา เดี๋ยวเราไปเอามาแบ่งเพื่อนๆ กินกันนะ"

ทิวพยักหน้าอย่างดีใจ

"นายไม่ใช้ไม้ค้ำแล้วเหรอ เดินไหวหรือเปล่า" ทิวถามพลางก้มมองดูที่ขาของเพื่อนที่ยังมีผ้าพันแผลแปะอยู่ตรงหัวเข่าที่ถลอกเป็นแผล

"ไม่เป็นไรแล้วล่ะ เราไปหาหมอมาเมื่อวาน สงสัยยาที่ให้มากินคงดีด้วยมั้ง ก็เลยหายไว" บูมพูดแล้วก็เริ่มออกเดิน

โรงพยาบาลที่บูมไปมาเมื่อวานนั้นเป็นโรงพยาบาลเอกชนอย่างดีที่พ่อกับแม่ใช้บริการเป็นประจำ ด้วยกำลังเงินและฐานะของครอบครัว พ่อกับแม่สรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้บูมเสมอไม่ว่าจะใช้เงินมากขนาดไหนก็ตาม แต่ที่เห็นเขาใช้โทรศัพท์เชยๆ นั้นเป็นเพราะพ่อกับแม่เกรงว่าโทรศัพท์ดีๆ หรูๆ ที่มันทำได้หลายอย่างจะทำให้เขาเสียคน บูมก็อยากได้โทรศัพท์ที่ดูทันสมัยเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ตามประสาวัยรุ่น แต่ก็เถียงพ่อกับแม่ไม่ได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

บูมกับทิวช่วยกันถือถุงขนมจากร้านมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งลงมาจากห้องเรียน แล้วเอามาแบ่งเพื่อนๆ ที่มานั่งแซวสาวๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่บริเวณทางเข้าหน้าโรงเรียนเล่น พวกเพื่อนๆ ดีใจกันใหญ่ที่อยู่ดีๆ ก็มีลาภปากตั้งแต่เช้า

"โห จากร้านนี้เลยเหรอ อยากกินมานานแล้ว แต่ไม่มีปัญญาซื้อ" มัสมั่นดูจะตาโตดีใจกว่าใครเพื่อน

"เขาระดับไหนแล้วมึง ไม่เห็นเหรอว่าพ่อกับแม่มันขับรถเบ็นซ์มาส่งทุกวัน เขาก็ต้องกินของมีระดับสมฐานะเขาหน่อยสิ" เอกว่าพลางกินอย่างเอร็ดอร่อย

"กูว่ามันเป็นขนมปังที่อร่อยที่สุดเท่าที่กูเคยกินมาเลยว่ะ" ช้างเป็นปลื้มด้วยคน เจ้าหมอนี่ตอนแรกๆ มันไม่ได้ชื่อช้างหรอก แต่ด้วยความที่มันกินเยอะจนอ้วน หลังๆ เพื่อนๆ ก็เลยเรียกมันไอ้ช้าง และด้วยความที่มันชอบเดินเขกหัวเพื่อนๆ เวลาอยู่ในห้องเรียน เพื่อนๆ ก็เลยเรียกมันว่าไอ้ช้างเกเรไปด้วย

"บูมไม่กินเหรอ" ทิวหันไปถามบูมที่ยืนยิ้มอย่างปลาบปลื้มใจที่เห็นเพื่อนๆ ชอบขนมที่เขาซื้อมาฝาก

"กินแล้ว ตามสบายเลย ซื้อมาฝากพวกนายนั่นแหละ"

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

ตั้งแต่บูมมีทิวเป็นเพื่อนสนิท บูมก็ดูจะเข้ากับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้ง่ายขึ้นไปด้วย แต่ไม่ว่าจะยังไง บูมก็ชอบไปไหนมาไหนกับทิวมากกว่า กลายเป็นคู่หูดูโอ้คู่ใหม่ของโรงเรียนไปเลย

ตอนเที่ยงหลังกินข้าว ถ้าไม่มีธุระอื่นที่สำคัญ ทิวก็ยังคงช่วยสอนบูมร้องเพลงเสมอ จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเดือนเศษๆ ทิวก็ทำให้บูมต้องประหลาดใจสุดๆ เพราะแทนที่จะพาบูมมานั่งฝึกร้องเพลงอย่างเคย ทิวกลับพามาที่ห้องซ้อมดนตรีของชมรมแทน

พอเปิดประตูเข้าไปทิวก็รีบขอโทษขอโพยนักดนตรีที่กำลังรออยู่ยกใหญ่ "มาแล้วๆๆ ขอโทษจริงๆ ครับที่มาช้า"

"เออๆ ไม่เป็นไรเว้ย เร็วๆ เข้า เดี๋ยวจะต้องไปเรียนแล้ว" ต้าบอกพลางหันไปเช็คสายแจ๊คที่เสียบกับเบสที่เขาถืออยู่

"ไหนล่ะนักร้องใหม่ของมึง" เพ้งถามพลางสอดส่ายสายตามองหานักร้องใหม่ที่ทิวบอกว่าจะให้มาลองร้องเพลงดู

"นี่ไง บูม เข้ามาสิ" ทิวบอกพลางเดินไปจูงแขนเพื่อนที่ยืนงงๆ เข้ามาในห้อง แล้วก็แนะนำให้เพื่อนๆ ในวงรู้จัก

"นี่บูมนะครับ บูม นี่เพ้ง มือกีตาร์ พี่ต้า มือเบส พี่ออย มือกลอง แล้วก็ซิท มือคีย์บอร์ด ทั้งหมดนี้อยู่ในวงอะไรนะครับ" ตอนหลังทิวหันไปถามเพื่อนๆ นักดนตรีด้วยกัน

"Zenith ครับ" เพื่อนๆ นักดนตรีตอบพร้อมกันพลางหัวเราะ

วง Zenith นั้นเป็นการรวมตัวกันของนักดนตรีมือเจ๋งๆ ที่พี่ปี๊ดคัดมาเองกับมือ มีทั้งที่อายุเท่ากันและต่างกันจากหลายๆ ห้อง ที่น่าแปลกก็คือในชมรมดนตรี ไม่มีเพื่อนสมาชิกจากห้องของทิวเลยแม้แต่คนเดียว

"แล้วนายพาเรามาที่นี่ทำไมเหรอ" บูมแอบถามทิวอย่างงงๆ

"ให้มาเทสต์เสียงไงล่ะ" ทิวกระซิบบอก

บูมอ้าปากค้างตาโต "จริงเหรอ"

ทิวพยักหน้า บูมดีใจจนถึงกับกระโดดกอดคอเพื่อน "ขอบใจมากทิว"

"อ้าว มัวแต่ดีใจอยู่นั่นแหละ ให้ไวเลย เหลือไม่ถึง 20 นาทีแล้วนะโว้ย" ต้าบ่น แต่สีหน้าก็ไม่จริงจังนัก

"ครับๆๆๆ" บูมรีบรับคำอย่างเร็วไว แล้วก็วิ่งมาที่ไมโครโฟนที่ตั้งไว้ให้ แล้วก็หันมาถามทิวว่า "จะให้เราร้องเพลงอะไรล่ะ"

"ก็เพลงที่นายซ้อมมาเป็นเดือนนั่นแหละ" ทิวบอก

"แล้วพี่ๆ เขาซ้อมกันมาแล้วเหรอ" บูมถามอย่างไม่แน่ใจ

"เออ" เสียงนักดนตรีข้างหลังตอบมาพร้อมกัน

บูมหันไปหัวเราะกับพวกเขาด้วย ไม่รู้หรอกว่าทิวไปจัดการเรื่องนี้ให้เขาตั้งแต่เมื่อไร แต่เขาโคตรจะดีใจเลย ดีใจจนยิ้มแทบไม่หุบเลยล่ะ

"เต็มที่เลยนะบูม เราจะถ่ายวิดีโอนี้ไว้ด้วย เอาไปให้พี่ปี๊ดดู รับรอง นายได้เข้าชมรมดนตรีในตำแหน่งนักร้องชัวร์" ทิวให้กำลังใจ พลางหยิบไอโฟนขึ้นมาเตรียมไว้

เสียงดนตรีดังขึ้นแล้ว ดนตรีมันดูแปลกๆ ไปเล็กน้อยเพราะทิวบอกให้วง Zenith เรียบเรียงดนตรีใหม่ให้มีจังหวะทันสมัยขึ้น ไม่ใช่เวอร์ชั่นอะคูสติกตามต้นฉบับเดิม

"ขึ้นตรงไหนน่ะ งง" บูมบอกพลางเกาหัว เสียงดนตรีหยุดลงตามไปด้วย

"โอเค เดี๋ยวเราให้สัญญาณละกัน เอาใหม่นะ"

ทิวบอกแล้วก็หยิบโทรศัพท์ตั้งท่าเตรียมถ่ายวิดีโออีกครั้ง

"จัดเต็มเลยนะเพื่อน" ทิวให้กำลังใจ ได้กำลังใจดีๆ แบบนี้ บูมสู้ไม่ถอยอยู่แล้ว

พออินโทรขึ้นไปได้สักพัก ทิวก็ให้สัญญาณมือว่าให้บูมเริ่มร้อง บูมขึ้นได้ถูกพอดี เขาดูงงๆ ในตอนแรกๆ บ้าง แต่พอร้องไปก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น สามารถใส่อารมณ์และลูกเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ คงไม่โปรเท่ากับทิวหรอก แต่ก็เรียกได้ว่าดีที่สุดของบูมในตอนนี้แล้วล่ะ

"ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่...กับฉัน"

เพลงจบลงแล้ว ทิวและเพื่อนๆ นักดนตรีปรบมือชอบใจกันใหญ่

"เยี่ยมเลยบูม" น้ำเสียงดีใจของทิวทำให้บูมหัวใจพองโตจนแทบจะลอยได้เลยทีเดียว

"ใช้ได้เลยบูม ยินดีต้อนรับนักร้องนำคนใหม่ไว้ล่วงหน้าเลยละกัน" พี่ต้าบอกพลางเดินมาตบไหล่เขาเบาๆ คนอื่นๆ ก็เดินมาตบไหล่และชมเขาเช่นกัน

เราอยากจะบอกว่าเราโคตรรักนายเลยว่ะทิว ขอบใจสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่นายช่วยทำให้เรานะทิว บูมคิดในใจ สายตาที่เขามองมาที่ทิวนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างล้นเหลือ ต่างคนต่างยิ้มให้กันอย่างมีความสุข นี่คงจะเป็นอีกหนึ่งความทรงจำในชีวิตที่จะต้องจดจำไปอีกนานแสนนาน

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

เลิกเรียนแล้วทิวไม่ได้ลงwxเล่นเตะบอลเหมือนเคย แต่รีบวิ่งไปที่ชมรมดนตรีและตรงดิ่งไปหาพี่ปี๊ด รุ่นพี่ ม.6 ประธานชมรมดนตรีอย่างรีบร้อน เพราะกลัวพี่ปี๊ดจะไม่อยู่เสียก่อน

"พี่ปี๊ด ผมมีอะไรมาให้พี่ดูแน่ะ พี่พอมีเวลาหรือเปล่า" ทิวบอกพลางหอบแฮ่กๆ หน้าโต๊ะทำงานของพี่ปี๊ด

พี่ปี๊ดหันมามองและทำสีหน้าสงสัยในท่าทางตื่นเต้นโดยไม่รู้สาเหตุของทิว "ได้ๆ มีอะไรเหรอ แต่ไม่นานนะ เดี๋ยวพี่จะต้องรีบกลับ พี่มีธุระกับที่บ้าน"

"ไม่นานพี่ ขอเวลาแค่ห้านาที ว่าแต่มีที่ที่มันเงียบกว่านี้ไหมครับ"

พี่ปี๊ดไม่ตอบทิวแต่กลับตะโกนเสียงดังๆ ไปทางข้างหลังแทน "เฮ้ย ช่วยเงียบๆ หน่อยแป๊บนึง"

เสียงซ้อมดนตรีเสียงคนคุยกันในชมรมก็เงียบลงทันที ทิวเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ ดึงเก้าอี้มานั่งแล้วก็หยิบโทรศัพท์ไอโฟนออกมาเปิดวิดีโอที่บูมร้องเพลงให้พี่ปี๊ดฟัง

"เป็นไงบ้างพี่"

พี่ปิ๊ดดูมีท่าทางสนใจมากทีเดียว

"เฮ้ย มีหูฟังปะ จะได้ฟังให้ชัดๆ"

ทิวรีบค้นกระเป๋าเป้แล้วหยิบหูฟังมาส่งให้รุ่นพี่ทันที พอได้ฟังจากหูฟังเท่านั้น พี่ปี๊ดก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อย

"ใช้ได้เลย คนสอนเก่งนะเนี่ย" พี่ปี๊ดหันมาบอกแล้วฟังต่อ ทิวยิ้มแทบไม่หุบเลยทีเดียว พอฟังจบพี่ปี๊ดก็ถาม

"มันยังสนใจที่จะเข้าชมรมหรือเปล่าวะ"

"สนใจสิพี่ บูมเขาซ้อมมาเป็นเดือนทุกวันเลยนะครับ ผมสอนเขาเองกับมือเลย เขาตั้งใจมากนะครับพี่ ผมยังไม่เคยเห็นใครตั้งใจเท่าบูมเลยตั้งแต่สอนร้องเพลงมา" ทิวได้โอกาศโฆษณาสรรพคุณเพื่อนใหม่ของเขาไปด้วย

"ดีๆ งั้นพรุ่งนี้ทิวพาบูมมาคุยกับพี่หน่อยละกัน"

"ได้เลยครับพี่ ขอบคุณพี่มากครับ" ทิวบอกอย่างดีใจแล้วก็รีบคว้าไอโฟนวิ่งออกไปข้างนอก ท่ามกลางความงุนงงของคนในชมรมว่าทิวรีบและดีใจอะไรนักหนา

ออกมาแล้วทิวก็โทรหาบูมทันทีเพราะทนรอที่จะบอกข่าวดีนี้ช้ากว่าอีกแค่วินาทีเดียวไม่ไหว

"จริงเหรอทิว นายพูดจริงเหรอ" บูมถามอย่างตื่นเต้นในขณะที่นั่งรถกลับบ้าน เขาแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเลย

น้ำเสียงที่ผิดปกติไปเช่นนั้นทำให้พี่ชายหันมามองด้วยความสงสัย ปกติบีมไม่ค่อยได้เห็นน้องชายดีใจอย่างนี้เลย

บูมใช้มือป้องปากแล้วบอกทิวว่า "แค่นี้ก่อนนะ"

ทิวได้ยินเสียงกระซิบกระซาบก็เลยพอเดาได้ว่าน่าจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้บูมไม่สะดวกที่จะคุยตอนนี้จึงวางสายไป

"อะไรเหรอบูม ทำเสียงดีใจเชียว" บีมหันไปถาม

วันนี้พ่อกับแม่ไม่ว่างบีมจึงถูกบังคับให้ขับรถมารับน้องชายแทน ที่ต้องใช้คำว่าบังคับเพราะบีมเข้าหน้าน้องชายไม่ค่อยติดนักในช่วงหลังๆ ก็อย่างที่รู้ๆ กันในบ้านนั่นแหละ

"เปล่า" บูมตอบเสียงห้วนเช่นเคยแล้วก็ทำสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ได้พูดดีๆ กับพี่ชายมาหลายปีแล้ว อยู่บ้านเดียวกันก็แทบจะนับคำที่ใช้คุยกันได้ บูมไม่ค่อยคุยกับคนในบ้านถ้าไม่จำเป็น โดยเฉพาะกับพี่ชายที่บูมยังเคืองๆ อยู่

บีมยิ้มนิดๆ แล้วก็ถอนหายใจ หลายปีมานี้ บ้านของพวกเขาดูไม่ค่อยจะเป็นเหมือนบ้านเลย มันดูอึดอัดและเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เคร่งเครียด ไม่ค่อยมีเสียงหัวเราะ ไม่ค่อยมีเสียงคุยกัน มันน่าอึดอัดจนแทบไม่อยากจะอยู่เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังๆ มานี้บีมก็พอสังเกตเห็นว่าน้องชายดูหน้าตาสดใสมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร มันก็ทำให้บีมรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง เห็นน้องชายยิ้มได้แม้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ อย่างนี้บีมก็ดีใจแล้ว บีมอยากช่วยน้องชายให้หลุดพ้นจากพันธนาการความรักของพ่อแม่ที่ไม่ถูกต้องเสียที แต่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะช่วยได้ยังไง

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2015 15:15:54 โดย sarawatta »

Ebsilon

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #14 เมื่อ06-03-2012 21:50:40 »

รวดเร็วทันใจดีครับ

ขอบคุณนะครับ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #15 เมื่อ07-03-2012 17:30:32 »

♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 06 ✦ น้องชายของบีม



ในที่สุดบูมก็ได้เข้ามาอยู่ในชมรมดนตรีสมใจอยาก แถมยังได้เป็นนักร้องนำคู่กับทิวด้วย แล้วก็ยิ่งโชคดีมากขึ้นไปอีกเมื่อทางโรงเรียนจะให้วง Zenith ไปร่วมแสดงในงานของกระทรวงศึกษาธิการที่เมืองทองธานีในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า บูมกับทิวจึงต้องซ้อมร้องเพลงด้วยกัน เพราะคราวนี้พี่ปี๊ดอยากเปลี่ยนรูปแบบการแสดงเป็นนักร้องคู่ดูโอ้ดูบ้าง ดูเหมือนพี่ปี๊ดจะพอใจคุณภาพการร้องเพลงของบูมมากจนถึงกับเลือกให้มาร้องเพลงคู่กับทิวเลย

ในช่วงนี้โรงเรียนให้ลดเวลาการสอนในช่วงบ่ายลงเพื่อให้นักเรียนที่จะต้องไปแสดงในงานมีเวลาซ้อมการแสดงมากขึ้น บูมจึงมีโอกาสฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ เขาพัฒนาไปได้มากทีเดียว อาจเป็นเพราะว่าคนที่เก็บกดมักจะมีพลังพิเศษบางอย่าง เมื่อถูกดึงออกมาใช้ในทางสร้างสรรค์จึงทำให้พัฒนาไปได้เร็ว ทิวไม่หวงวิชาเลย ถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างที่บูมควรรู้และทำเป็นในการร้องเพลงให้จนหมด ก็อย่างที่เขาบอกนั่นแหละ เห็นคนตั้งใจแบบนี้ ทิวก็พร้อมจะเต็มที่ด้วย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

"แม่ครับ วันเสาร์นี้ ถ้าบูมเรียนพิเศษเสร็จแล้ว บูมขอไปเดินซื้อของกับเพื่อนนะครับ"

แม่ของบูมเงยหน้าขึ้นจากการกินข้าวแล้วก็มองบูมราวกับว่าเขาได้ทำสิ่งที่ผิดมหันต์

"ซื้ออะไร ซื้อไปทำไม"

ได้ยินน้ำเสียงแบบนั้นบูมก็หลบตาลงต่ำ

"ซื้อเสื้อผ้าครับ"

"แล้วที่มีอยู่ไม่พอหรือไง"

ไม่ใช่ว่าเธอจะขี้เหนียว เสื้อผ้าแต่ละตัวที่บูมใส่ก็ล้วนแล้วแต่มียี่ห้อและราคาแพงๆ ทั้งนั้น เพียงแต่เธอไม่เข้าใจที่บูมต้องไปซื้อกับเพื่อน เพราะที่ผ่านมาเธอหรือไม่ก็สามีจะเป็นคนพาไปซื้อเอง

ยังไม่ทันที่บูมจะได้ตอบอะไร เสียงของพี่ชายบูมก็ดังขึ้น เขาเพิ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัยและบังเอิญได้ยินการสนทนาพอดี

"แม่ ให้บูมไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างเถอะครับ บูมยังเด็กเขาก็อยากจะเที่ยวสนุกตามประสากับเพื่อนๆ บ้าง"

แม่ของบูมหันขวับไปตามเสียงลูกชายคนโตทันที

"แล้วไม่คิดหรือไงว่าน้องมันจะไปเหลวไหลที่ไหน" แม่เริ่มเสียงแหว

บีมเดินมายืนข้างๆ น้องชายแล้วก็ถอนหายใจ

"โธ่แม่ แม่ไม่สงสารบูมบ้างเหรอครับ บูมยังเด็กอยู่นะครับแม่ ที่ผ่านมาบูมไม่เคยได้ทำอะไรตามที่วัยเขาควรจะได้ทำเลยนะครับ แม่ปล่อยบูมบ้างเถอะ แค่นี้บูมก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว"

บูมเงยหน้ามองพี่ชายด้วยสีหน้าราวกับจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด นี่เป็นครั้งแรกที่บีมลุกขึ้นมาเถียงแม่เรื่องนี้ บีมทนเห็นน้องชายถูกบังคับมานานจนทนไม่ไหว สงสารน้องชายจนต้องทำอะไรบางอย่างให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบ้าง

"ปล่อยให้ไปทำตัวเหลวไหลเหมือนพี่ชายมันน่ะเหรอ แม่ไม่ยอมเป็นอันขาด" แม่เริ่มเสียงดัง

"แม่" บีมร้องเสียงดังที่ถูกพาดพิง

แต่เอาเถอะ ทุกวันนี้บีมก็ไม่มีอะไรจะต้องเสียมากกว่านี้แล้ว

"แม่เชื่อใจบูมบ้างสิครับ ที่ผ่านมา บูมเขาตั้งใจเรียนเพื่อครอบครัวของเรามาตลอด บูมเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเร ตอนนี้บูมเขาโตแล้ว พ่อกับแม่ควรจะให้อิสระกับน้องบ้าง บูมเป็นผู้ชายนะครับแม่ เขาควรจะมีประสบการณ์เรียนรู้ชีวิตด้วยตัวเองได้แล้ว"

"นี่แกสอนแม่เหรอ" ถ้าแม่ใช้คำว่า "แก" เมื่อไรนั่นแสดงว่าแม่ไม่พอใจอย่างมากแล้วล่ะ แต่วันนี้บีมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

"ผมขอโทษครับแม่ ผมไม่บังอาจถึงขนาดนั้น แต่ผมสงสารบูม แม่เห็นไหมครับว่าบูมไม่เคยยิ้ม ไม่เคยหัวเราะ ไม่เคยมีความสุขเลยเวลาอยู่บ้าน บ้านเราไม่เคยมีเสียงหัวเราะ ไม่เคยนั่งคุยกันพ่อแม่ลูกอย่างมีความสุขมานานแค่ไหนแล้ว แม่เห็นบ้างหรือเปล่า" บีมพูดเสียงสั่น เผลอๆ อาจมีร้องไห้กันได้

คุณทิพย์นภาอึ้งไปพอสมควร เมื่อทบทวนดูดีๆ แล้ว ในบ้านก็ไม่เคยมีสิ่งเหล่านี้อย่างที่บีมว่าจริงๆ แต่เธอก็มองหน้าลูกชายคนโตราวกับจะกินเลือดกินเนื้อที่บังอาจเถียงคำไม่ตกฟาก

บูมได้แต่มองหน้าพี่ชายและแม่สลับกันไปมา เกิดอะไรขึ้นพี่ชายของเขาจึงได้หมดความอดทนจนถึงขนาดนี้ ดีที่วันนี้พ่อยังไม่กลับบ้าน ไม่งั้นทั้งพ่อและแม่คงช่วยกันกดดันจนสองพี่น้องสู้ไม่ได้เลย

"สงสารน้องบ้างนะครับแม่ บูมอายุแค่นี้เอง พ่อกับแม่จะบังคับเขาไปถึงไหน"

บีมบอกแล้วก็เดินไปบีบไหล่น้องชายเพื่อให้กำลังใจ เขารู้ว่าน้องยังขุ่นเคืองใจกับเขาอยู่ แต่เขาก็ไม่โทษบูมหรอกที่คิดอย่างนั้น น้องยังเด็ก พอหาที่ลงไม่ได้ก็เลยเลือกที่จะโกรธพี่ชายที่ไม่เอาไหนแทน

บูมไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่กลับมองหน้าพี่ชายด้วยความซาบซึ้งใจ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าบีมจะกล้าหาญเถียงกับแม่ให้บูมอย่างนี้

คุณทิพย์นภาเงียบไปและเริ่มมีน้ำตามาคลอที่เบ้าตา

"ครอบครัวของเราเพิ่งผิดหวังจากแกมาไม่เท่าไร จะให้ต้องผิดหวังกับบูมอีกหรือไง" แม่พูดพลางร้องไห้

บีมเห็นแล้วก็รีบเดินไปหาแม่และนั่งคุกเข่าลงตรงเก้าอี้ที่ผู้ให้กำเนิดนั่งอยู่

"แม่เชื่อใจบูมเถอะนะครับ พ่อกับแม่เลี้ยงพวกเรามาตั้งแต่เด็กๆ ก็คงจะเห็นว่าบูมไม่ใช่เด็กเกเร ให้บูมได้มีชีวิตอิสระบ้าง ผมเชื่อว่าน้องเขาไม่ทำให้พวกเราผิดหวังหรอกครับ ถ้าแม่ไม่เชื่อใจ ผมจะไปเป็นเพื่อนบูมเอง ผมจะดูแลน้องของผมเอง ยังไงบูมก็เป็นน้องชายของผม ผมก็รักและเป็นห่วงเขาไม่ต่างจากพ่อกับแม่หรอกครับ ผมไม่ปล่อยให้น้องชายของผมไปทำอะไรไม่ดีให้พ่อแม่ต้องหนักใจ ผมสัญญานะครับแม่"

"พี่บีม..." บูมเรียกชื่อพี่ชายด้วยเสียงแผ่วเบา

ที่ผ่านมาบูมคิดไม่ดีกับพี่ชายคนนี้มาตลอด ไม่เคยคิดเลยว่าบีมจะคอยเฝ้าสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นและคอยเป็นห่วงเขามากขนาดนี้ คิดแล้วบูมก็ได้แต่รู้สึกผิด

"นะแม่ ให้บูมไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง แม่เชื่อใจบูมนะครับ" บีมขอร้องอีกครั้ง

แม่มองหน้าลูกชายสองคนด้วยสีหน้าที่อ่อนลง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก็น่าจะเป็นสัญญาณบอกได้อย่างหนึ่งว่าแม่ได้ยอมแล้ว แม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจก็ตาม

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

บูมนั่งรถออกไปกับพี่ชายด้วยความรู้สึกสุขใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่รู้หรอกว่าพ่อกับแม่จะให้อิสระเขาได้อีกมากสักแค่ไหน แต่วันนี้เขาดีใจที่ได้ความรู้สึกดีๆ กับพี่ชายของเขาคืนมาแล้ว อย่างน้อยมันก็ทำให้บ้านหลังนี้น่าอยู่มากขึ้น

"พี่รู้สึกว่าหลังๆ บูมหน้าตาสดใสขึ้นนะ มีอะไรหรือเปล่า หรือว่ามีแฟนแล้ว" บีมถามขึ้นขณะที่ขับรถ

"อ๋อ...เปล่าครับ ยังไม่มีหรอก ถ้ามีขึ้นมาพ่อกับแม่คงเอาบูมตายเลย" บูมบอกพลางขำเล็กน้อย แต่อีกใจหนึ่งมันก็ไม่ขำหรอก

"ทีหลังถ้ามีอะไรแบบนี้ บอกพี่นะ เดี๋ยวพี่จะช่วยจัดการให้ พี่ไม่อยากเห็นบูมถูกพ่อกับแม่บังคับเรามากขนากนี้อีกแล้ว พี่ยอมรับว่าพี่ทนดูไม่ไหวจริงๆ พี่เคยเจอเหตุการณ์แบบนั้นมาก่อน พี่เข้าใจบูมดีว่าบูมรู้สึกยังไง"

"ครับ" บูมรับคำสั้นๆ รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้างที่รู้ว่าพี่ชายเข้าใจสิ่งที่บูมกำลังประสบอยู่

"ว่าแต่ไม่มีอะไรจะบอกพี่จริงๆ เหรอ" บีมถามย้ำ

"อ๋อ...คือ..."

"เล่ามาเถอะ...พี่ไม่บอกพ่อกับแม่หรอก" บีมพูดอย่างรู้ทัน

บูมมองหน้าพี่ชายเหมือนกับกำลังชั่งใจเป็นครั้งสุดท้าย แต่ก็คิดว่าเขาควรจะบอกพี่ชายเรื่องนี้

"พอดี...บูมเพิ่งได้เป็นนักร้องนำของวงดนตรีที่โรงเรียนครับ"

"จริงเหรอ" บีมพูดด้วยน้ำเสียงดีใจและแปลกใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบูมจะมีพรสวรรค์ทางด้านนี้

"พี่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าบูมมีความสามารถด้านการร้องเพลงด้วย"

"พอดีเพื่อนบูมที่ชื่อทิวช่วยสอนครับ บูมเรียนร้องเพลงกับทิวทุกวัน แล้วทิวก็พาบูมไปสมัครที่ชมรมดนตรี แล้วเขาก็ให้บูมเป็นนักร้องนำกับทิวครับ วันนี้...ทิวก็เลยนัดบูมไปซื้อเสื้อผ้าที่จะใส่ขึ้นเวทีกันอาทิตย์หน้านี้ครับ"

ดูเหมือนบูมจะพูดถึงเพื่อนด้วยสีหน้ามีความสุขจนบีมอยากจะเห็นเสียแล้วสิว่าทิวหน้าตาเป็นแบบไหนถึงได้ดีกับน้องชายเขาถึงขนาดนี้

"ดีแล้วบูม บูมจะได้ไม่เครียดแต่กับการเรียนอย่างเดียว แต่ก็อย่าให้มีผลกับการเรียนล่ะ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะให้ย้ายโรงเรียนอีก ว่าแต่จะเล่นวันไหนล่ะ พี่จะได้ตามไปดู อยากฟังเสียงน้องชายพี่ว่าจะเสียงดีขนาดไหน" บีมพูดพลางยิ้มอย่างชื่นชม

"วันศุกร์หน้าครับ" บูมบอกแล้วก็หัวเราะอย่างเขินๆ

"เดี๋ยวพี่จะแว่บไปดูนะ เก่งมากน้องชายของพี่"

บีมเองก็รู้สึกดีใจไม่น้อยเช่นกันที่วันนี้เขากับน้องชายสามารถกลับมาคุยกันได้อย่างสนิทใจเหมือนเดิม หลังจากที่ต่างคนต่างหมางเมินใส่กันมานานหลายปี

"เสร็จแล้วโทรหาพี่นะ เดี๋ยวพี่มารับ" บีมบอกน้องชายเมื่อมาส่งถึงโรงเรียนสอนพิเศษแถวๆ สยามแสควร์

"วันนี้มีเพื่อนๆ มากี่คนล่ะ เดี๋ยวพี่เป็นสารถีให้"

"รวมบูมด้วยก็ห้าคนครับ" บูมบอกพลางเปิดประตูรถออก

"ขอบคุณนะครับพี่" บูมบอกพลางยิ้ม บีมพยักหน้าน้อยๆ และยิ้มให้น้องชาย บูมปิดประตูรถแล้วก็เดินไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องเรียนพิเศษอย่างที่เคยทำเป็นประจำ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

ตกบ่าย บูมเรียนพิเศษเสร็จแล้วก็รีบโทรหาให้พี่ชายมารับ จากนั้นก็ออกมายืนรอเพื่อนๆ ตรงที่นัดหมาย ไม่นานนัก ทิว อุ้ย มัสมั่นและต้องก็มาถึง วันนี้ทุกคนแต่งตัวตามวัยรุ่นสมัยนี้เป๊ะเลย เว้นแต่บูมที่ยังแต่งตัวดูเป็นคุณหนูอยู่ ทำไมต้องนัดกันมาซื้อเสื้อผ้าน่ะหรือ เพราะว่าบูมจะต้องไปร้องเพลงไงล่ะ ถ้าเขายังใส่ชุดนักเรียนหรือแต่งตัวเป็นคุณหนูไฮโซแบบนี้คงจะเป็นศิลปินได้ยาก

บูมทักทายกับเพื่อนๆ สักพักพี่ชายก็ขับรถเข้ามาเพราะเขาก็วนๆ เวียนๆ อยู่ไม่ไกลจากแถวนี้นัก บีมลดกระจกลงแล้วถามบูมกับเพื่อนว่า

"พร้อมหรือยัง"

"พร้อมแล้วครับ มากันครบแล้ว" บูมตอบพลางยิ้ม

"โห... เป็นบุญของกูแท้ๆ ที่จะได้นั่งบีเอ็มเป็นครั้งแรกในชีวิต" อุ้ยพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น คนอื่นๆ ก็พลอยทำเสียงฮือฮาไปด้วย

"ขึ้นมาเลยน้อง วันนี้อยากไปไหน บอกพี่มาได้เลย" บีมร้องบอกเพื่อนๆ ของน้องชาย

ใช้เวลาไม่นานนักทุกคนก็กรูกันเข้าไปอยู่ในรถจนหมด บูมนั่งหน้ากับพี่ชายและทำหน้าที่คอยแนะนำเพื่อนๆ ให้พี่ชายรู้จัก

จริงๆ ก็ไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าที่ไหนไกลกันหรอก ก็อยู่ในบริเวณสยามนี่แหละ แต่บีมไม่ได้มาร่วมด้วยเพราะอยากให้น้องเป็นอิสระอย่างเต็มที่ ส่งเสร็จแล้วบีมก็ไปเดินดูของตามประสาของเขา พอถึงเวลาก็ขับรถไปรับน้องชายกับเพื่อนๆ เห็นบูมมีความสุขแล้วบีมก็พลอยมีความสุขไปด้วย ไม่เท่านั้น เขาก็สังเกตเห็นด้วยว่าบูมดูสนิทและทำตัวติดกับทิวมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ พอสมควร

"ไปโยนโบวล์ที่เซ็นทรัลเวิร์ลด์กันไหม แล้วก็ไปกินข้าวด้วย" ทิวเสนอเมื่อเข้ามานั่งในรถ เพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็เห็นดีด้วย

"กินอาหารอะไรกันดีล่ะ อาหารญี่ปุ่นดีไหม" ต้องถามเพื่อนๆ

"ไม่เอา กูไม่ชอบกินปลาดิบ จะอ๊วกว่ะ กิน MK ดีกว่า" อุ้ยแย้ง เวลาเพื่อนๆ ไปกินอาหารญี่ปุ่นทีไร เขาก็ได้แต่นั่งดู นอกจากไม่กินปลาดิบแล้วก็ไม่ชอบอาหารรสจืดๆ ด้วย โชคดีที่สุดท้ายเพื่อนๆ ก็เห็นดีด้วย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

ดูท่าทางบูมคงยังไม่เคยเล่นโบวลิ่ง ทิวจึงเป็นคนที่เข้ามาช่วยสอน ข้อดีของบูมอย่างหนึ่งก็คือ เขาเป็นคนหัวไว สอนไม่นานนักเขาก็เล่นได้ และเล่นได้ดีเสียด้วยจนเพื่อนๆ ต้องยกนิ้วให้เลยทีเดียว

บีมไม่ได้เล่นด้วยแต่นั่งดูน้องชายกับเพื่อนๆ เล่นด้วยกันอย่างมีความสุขแทน ไม่เสียงแรงที่เขาอุตส่าห์โทรไปบอกยกเลิกนัดกับแฟนสาวในวันนี้ ดูเหมือนแฟนสาวของเขาจะเคืองๆ อยู่เหมือนกัน แต่วันนี้เขาอยากทำให้น้องชายมีความสุขบ้าง ส่วนแฟนนั้นบีมพอจัดการทีหลังได้อยู่

เล่นอยู่สักพัก บูมกับทิวก็ขอตัวไปห้องน้ำพร้อมกัน สองหนุ่มน้อยเดินไปคุยกันไปอย่างมีความสุข เดินไปสัก บูมก็ตัดสินใจกอดคอทิว ทิวมองด้วยความสงสัยเล็กน้อยแต่ก็กอดคอเพื่อนตอบแต่โดยดี เหมือนกับจะเป็นการสัญญาว่าเขาทั้งสองคนได้ตกลงที่จะเป็นเพื่อนรักกันแล้ว จากนี้ไป ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ เขาทั้งสองคนก็พร้อมจะช่วยเหลือและฟันฝ่าไปด้วยกันเสมอ

วันนี้บูมอยากจะบอกทุกคนในโลกที่เขารู้จักว่าเขามีความสุขจริงๆ ถึงมันจะเป็นแค่วันเดียวที่มีอิสระอย่างนี้ มันก็คงเป็นอีกวันหนึ่งที่เขาต้องจดจำไปอีกนาน

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

ทิวกับบูมแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาเลยว่าจะมีคนสนใจการแสดงมากจนฮอลล์ดูแคบไปถนัดตา ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะเพื่อนๆ ในห้องช่วยกันป่าวประกาศทั่วโรงเรียนให้มาดูคู่หูดูโอ้ใหม่ของวง Zenith ปกติวงนี้ก็จะมีแฟนคลับที่เป็นสาวๆ ในโรงเรียนค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว

พอสองหนุ่มปรากฏตัวด้วยเพลงสนุกๆ เสียงกรี๊ดก็ดังกระหึ่ม บูมดูจะตื่นเวทีอยู่บ้าง แต่สักพักเขาก็เริ่มปรับตัวได้ จากนั้นสองหนุ่มก็ผลัดกันร้องเพลงซึ้งๆ แล้วก็สลับกลับมาเป็นเพลงสนุก

จนกระทั่งปิดท้ายด้วยเพลง "ฉันดีใจที่มีเธอ" ที่ทิวกับบูมจะร้องด้วยกันแบบดูเอ็ท บูมร้องเสียงหลักและทิวคอยร้องประสาน ก่อนที่จะร้องเพลงนี้ บูมถือโอกาสพูดความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ได้เตรียมมาตอนที่ซ้อมกัน

"บูมอยากจะร้องเพลงนี้ ให้กับเพื่อนคนหนึ่งของบูมครับ ที่บูมเลือกเพลงนี้เพราะว่าเป็นเพลงแรกที่บูมเลือกมาสำหรับการเรียนร้องเพลง บูมฝึกร้องเพลงนี้อยู่เดือนเศษๆ จนกระทั่งได้เข้ามาอยู่ในชมรมดนตรี แล้วก็มาเป็นนักร้องของวง Zenith แต่บูมจะมายืนอยู่ตรงจุดนี้ไม่ได้เลยครับถ้าไม่มีเพื่อนคนนี้คอยสอนและถ่ายทอดความรู้ทุกอย่างให้บูม รู้ไหมครับว่าเพื่อนคนนั้นของบูมคือใคร" บูมร้องถามแฟนคลับ

มีเสียงตะโกนตอบมาว่า "ทิว" ตามด้วยเสียงกรี๊ดที่ดังสนั่นหวั่นไหวราวกับว่าพวกเขาคือศิลปินชื่อดัง

"ใช่แล้วครับ เพื่อนคนนั้นของบูมก็คือทิวนั่นเอง บูมจะร้องเพลงนี้กับทิว และบูมก็อยากจะบอกทิวว่า ฉันดีใจที่มีเธอครับ"

สิ้นเสียงของบูม อินโทรเพลงฉันดีใจที่มีเธอก็ดังขึ้นพร้อมด้วยเสียงกรี๊ดอีกคำรบ

"เยี่ยมมากบูม"

บีมรำพึงกับตัวเองเบาๆ ด้วยความดีใจ เขากับแฟนสาวยืนมองน้องชายที่ร้องเพลงอยู่บนเวทีกับทิวด้วยความรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าจะกังวลอยู่บ้าง ถ้าหากพ่อกับแม่รู้เข้า เขาก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2015 15:16:16 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #16 เมื่อ07-03-2012 22:23:41 »

♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 07 ✦ หนีออกจากบ้าน



"พี่บีม เทอมนี้บูมได้เกรดเฉลี่ย 3.2 ทำไงดีครับ" พูดจบคนพูดก็หน้าเศร้าระคนหวาดกลัว แต่ดูเหมือนอย่างหลังจะมีมากกว่าด้วยซ้ำเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เกรดต่ำสุดแล้ว

ถ้าบีมได้เกรดสูงขนาดนี้เขาก็คงดีใจจนฟ้าถล่ม แต่บีมรู้ว่าพ่อกับแม่คงไม่คิดอย่างนั้น เทอมที่แล้วบูมได้ 3.4 พ่อยังให้บูมย้ายโรงเรียน แล้วคราวนี้เกรดเฉลี่ยน้อยกว่าเดิมไปมาก เขาเดาไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่บีมก็รับรู้และเข้าใจถึงความกังวลของน้องชายได้เป็นอย่างดี

บีมถอนหายใจ บ่งบอกว่าเขาเองก็หนักใจและเป็นห่วงน้องชายไม่แพ้กน "เดี๋ยววันนี้พี่ไปรับละกันนะบูม กลับบ้านพร้อมกัน แล้วพี่จะเข้าไปคุยกับพ่อพร้อมกับบูม"

ได้ยินแล้วบูมก็ใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย

"ขอบคุณครับพี่บีม พี่บีม...ผมกลัวครับ กลัวพ่อให้ย้ายโรงเรียนอีก บูมไม่อยากย้ายโรงเรียนอีกแล้วครับพี่บีม"

ได้ฟังความกังวลของน้องชายจากปลายสายแล้วบีมพอเข้าใจ การย้ายโรงเรียนบ่อยๆ เปลี่ยนสภาพแวดล้อมและเพื่อนฝูงบ่อยๆ คงไม่ดีกับบูมแน่ เด็กวัยอย่างบูมติดเพื่อน อยากมีเพื่อนที่รู้ใจ การย้ายไปย้ายมาอาจทำให้บูมไม่อยากสร้างสายสัมพันธ์กับใครเพราะกลัวจะต้องย้ายไปที่อื่นอีก ทำให้บูมกลายเป็นเด็กที่มีปัญหาซ้ำซ้อนมากขึ้นไปอีก

"ใจเย็นๆ บูม เดี๋ยวพี่ช่วยคุยกับพ่อให้เอง บูมไม่ต้องกังวลนะ"

บีมพยายามปลอบโยนน้องชายที่กำลังตื่นกลัวไม่ให้วิตกกังวลมากเกินไป ความจริงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าคงหนักหนาทีเดียว บีมเองก็รู้สึกกังวล แต่ถ้าเขากังวลไปด้วยอีกคนก็คงไม่มีใครที่จะให้กำลังใจกันได้ เขาจึงต้องทำใจดีสู้เสือไว้

"อีก 40 นาทีพี่จะถึงนะบูม บูมรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวพี่จะโทรไปบอกพ่อเองว่าพี่จะไปรับบูม"

"ครับพี่บีม"

บีมวางสายโทรศัพท์แล้วก็นั่งเครียด เห็นทิวกับเพื่อนๆ เล่นเตะฟุตบอลสนุกอยู่แต่ไกลแล้วก็ได้แต่อิจฉา เพื่อนๆ คนอื่นๆ สนุกสนานตามวัย ดูจะมีแต่บูมเท่านั้นที่ต้องเคร่งเครียดกับการเรียนจนแทบไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
   

"บูมจะอธิบายพ่อว่ายังไง"

นั่นคือสิ่งแรกที่พ่อพูดหลังจากที่เห็นเกรดเฉลี่ยของลูกชายคนเล็กในเทอมนี้แล้ว น้ำเสียงเย็นชาและไร้ซึ่งความอ่อนโยนบ่งบอกความไม่พอใจได้เป็นอย่างดี บูมได้แต่นั่งก้มหน้า บีมนั่งนิ่งและขมวดคิ้วอยู่ใกล้ๆ กับน้องชาย ส่วนแม่ยืนดูอยู่ข้างหลังไม่ไกลนัก

บูมรู้สึกกลัวจนมือไม้สั่น ไม่รู้จะเริ่มต้นอธิบายพ่อจากตรงไหนก่อน

"พ่อถามได้ยินไหม" พ่อเริ่มเสียงดังจนลูกชายทั้งคู่สะดุ้งตกใจ "บูมจะอธิบายพ่อว่ายังไง"

คราวนี้บูมกลัวจนร้องไห้ นั่นยิ่งทำให้พ่อโมโหมากยิ่งขึ้น

"ร้องให้ทำไมบูม" พ่อพูดเสียงดังขึ้นอีกแล้วโยนสมุดเกรดของเขาลงบนโต๊ะ

"ผมพยายามแล้วครับพ่อ แต่เทอมนี้มีวิชาใหม่ๆ ที่บูมยังไม่คุ้นเคย บูมก็เลยยังทำได้ไม่ค่อยดี" บูมพยายามอธิบายด้วยเสียงสั่น

"ไม่ใช่เพราะแกมัวแต่เอาเวลาไปร้องเพลงหรอกเรอะ อย่านึกว่าพ่อไม่รู้นะบูม"

บูมกับบีมถึงกับตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าพ่อจะรู้เรื่องนี้ด้วย

"ตกใจใช่ไหมที่พ่อรู้เรื่องนี้ ถ้าบังเอิญคุณโฉมศรีเขาไม่ได้ไปงานที่เมืองทองธานีวันนั้น พ่อก็คงจะไม่รู้หรอกว่าบูมทำอะไรที่โรงเรียน"

คุณโฉมศรีที่พ่อพูดถึงนั้นก็คือภรรยาเพื่อนที่ทำงานของพ่อนั่นเอง บูมกับบีมเคยเจอสองสามครั้งแล้วเพราะคุณโฉมศรีเคยมาคุยกับพ่อที่บ้าน ช่วงปีใหม่ก็มักจะซื้อของมาฝากเป็นประจำ

"เป็นแบบนี้แล้วเปลี่ยนโรงเรียนอีกซะเลยดีมั้ย"

บูมหน้าซีดทันทีที่ได้ยิน แต่ไม่ว่าเขาจะกลัวพ่อแค่ไหนก็ไม่อยากเปลี่ยนโรงเรียนอีกแล้ว เขายอมรับว่าติดทิวมาก ถ้าไม่มีทิวเป็นเพื่อนก็คงไม่อยากเรียนที่ไหนอีก

"ไม่นะครับพ่อ บูมไม่เปลี่ยนโรงเรียน ยังไงบูมก็ไม่เปลี่ยน" บูมเถียงพลางสะอื้น

"ไม่เปลี่ยนก็ได้ แต่แกต้องเลิกร้องเพลงไร้สาระนั่นซะ ถ้าแกไม่เลิก พ่อก็จะให้แกเปลี่ยนโรงเรียนอีก ถ้าแกยังทำแต่เรื่องไร้สาระแบบนี้อีก พ่อก็จะให้แกเปลี่ยนโรงเรียนไปเรื่อยๆ จนกว่าแกจะหยุด"

บูมกับบีมตกตะลึงอีกครั้งกับคำขู่ของพ่อ บูมเองก็รู้ตัวดีว่าท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเขาไม่อยากเปลี่ยนโรงเรียน เขาก็ต้องยอมทำตามที่พ่อบอก ไม่มีทางเลือกอื่น แต่มันก็ดีกว่าที่จะให้เขาอยู่ห่างจากเพื่อนที่ดีอย่างทิว

"ครับพ่อ เทอมหน้าผมจะลาออกจากชมรมดนตรี" บูมกัดฟันพูดออกไปจนได้

"ไม่ได้นะบูม บูมต้องเข้มแข็งสิ บูมต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่บูมทำเข้าใจมั้ย บูมไม่ต้องลาออก ไม่ต้องเปลี่ยนโรงเรียนอะไรทั้งนั้น"

บีมเริ่มลุกขึ้นมาโวยวายเพราะเขาเริ่มทนไม่ไหว พ่อดูจะตกใจมากทีเดียว

"แล้วแกมายุ่งอะไรด้วยบีม นี่มันเรื่องของบูมกับพ่อ ไม่ใช่เรื่องของแก" พ่อหันมาตะคอกใส่ลูกชายคนโตเสียงดัง

"บูมเป็นน้องผมนะครับพ่อ" บีมเถียง "ผมทนเห็นพ่อกับแม่บังคับบูมไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว บูมอายุแค่นี้เอง พ่อกับแม่จะบังคับอะไรเขานักหนาครับ บูมอึดอัดนะครับ ไม่เคยมีอิสระ ไม่เคยได้ใช้ชีวิตตามประสาวัยรุ่นทั่วไปเลย วันๆ ก็เอาแต่เรียน เอาแต่อ่านหนังสือ ทั้งๆ ที่เกรดเฉลี่ยขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากพอแล้วสำหรับพ่อแม่คนอื่นๆ"

"หยุดเดี๋ยวนี้นะบีม" พ่อตะคอกเสียงดัง มือไม้เริ่มสั่นเทา ไม่คิดมาก่อนว่าวันนี้ลูกชายคนโตจะกล้าเถียงฉอดๆ อย่างนี้

"ผมไม่หยุด พ่อกับแม่สงสารบูมบ้าง บูมอดทนทำตามที่พ่อกับแม่บังคับมาตลอดหลายปี ไม่เคยเกเร ไม่เคยปริปากบ่น แต่วันนี้ ผมอยากให้พ่อกับแม่เข้าใจบูมบ้าง บูมยังเด็กนะครับ เขาก็อยากสนุกตามประสา น้องไม่ใช่หุ่นยนต์เรียนหนังสือที่มีหน้าที่แค่เรียนหนังสืออย่างเดียวนะครับพ่อ พ่อกับแม่เห็นใจบูมบ้างสิครับ"

"แกกล้าดียังไงมาสอนพ่อฮะบีม" พ่อพูดไม่พูดเปล่า แต่ปรี่เข้ามาเงื้อมือหมายจะตบหน้าสั่งสอนลูกชายคนโต แต่คนที่โดนจริงๆ กลับเป็นบูมที่รีบลุกออกมารับแทนพี่ชาย

ผัวะ!!!

"บูม!!!!"

บีมกับแม่ที่ยืนดูอยู่ร้องอุทานแทบพร้อมกันด้วยความตกใจ แต่บูมไม่มีเสียงร้องแม้แต่คำเดียว เลือดกลบปากเล็กน้อยเพราะแรงตบเมื่อสักครู่นี้หนักเอาการ บูมเอามือลูบๆ ดูแล้วก็เห็นว่ามีเลือดซึมออกมา

ดูเหมือนพ่อเองก็ตกใจเช่นกัน แต่สิ่งที่พ่อทำก็คือตวาดไล่ทุกคนออกไป

"พวกแกทั้งหมดออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้เลย ก่อนที่ฉันจะโมโหไปมากกว่านี้ ออกไปให้หมดเลย ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้า"

บีมค่อยๆ พาน้องชายเดินออกไปจากห้อง ส่วนแม่ก็ร้องให้ด้วยความตกใจและเดินตามมาติดๆ ที่ผ่านมา ถึงพ่อจะโมโหยังไงก็ไม่เคยลุกขึ้นมาตบตีลูก นับว่าเป็นครั้งแรกทีเดียว ถึงเธอจะโมโหลูกชายทั้งสองคนมากแค่ไหน แต่หัวอกคนเป็นแม่ก็คงไม่สามารถทำร้ายร่างกายลูกแบบนั้นได้

"ผมขออยู่คนเดียวสักพักนะพี่"

บูมบอกพี่ชายเมื่อมาถึงห้อง บีมพยักหน้า ถอนหายใจแล้วก็เดินออกไป แม้ว่าจะเสียใจที่พ่อไม่ยอมฟังบ้างเลย แต่บีมก็เชื่อว่าดีกว่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่พูดอะไรเลย เขาไม่อยากให้น้องชายมีปัญหาทางจิตใจจนกลายเป็นคนไม่มั่นใจ ไม่กล้าตัดสินใจหรือไม่เคารพตัวเองในที่สุด ทุกวันนี้บูมก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นไปแล้วเสียด้วย

คนที่บูมนึกถึงมีแค่ทิวคนเดียวเท่านั้นในตอนนี้ เขาอยากไปหาทิวเหลือเกิน อยากมีใครสักคนที่จะรับฟังและให้กำลังใจ ไม่อยากอยู่ที่บ้านในเวลาที่กำลังอ่อนแอ เขาไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้เขาจะสู้หน้าพ่อกับแม่ได้ไหม บ้านที่มีแต่เรื่องน่าอึดอัดแบบนี้ไม่ช่างไม่น่าอยู่เอาเสียเลย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
   

ห้าทุ่มกว่าแล้ว เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นอยู่สองสามครั้งแล้วก็เงียบไป สักพักก็มีหญิงอายุราวๆ สี่สิบกว่าลงมาเปิดประตู เมื่อเห็นแขกที่มาในยามวิกาลเป็นชายหนุ่มวัยรุ่นที่รูปร่างหน้าตาไม่คุ้นเคย แต่แต่งตัวดูดี มาพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบหนึ่ง หญิงวัยกลางคนก็ดูแปลกใจมากทีเดียว แต่ก่อนที่จะได้ถามอะไร ชายวัยรุ่นคนนั้นก็ชิงพูดขึ้นก่อนว่า

"ผมมาหาทิวครับ ทิวอยู่หรือเปล่า ผมเป็นเพื่อนทิวครับ"

แม่ของทิวพยายามเพ่งมองดูหน้าชายวัยรุ่นคนนั้นก็ไม่รู้สึกคุ้นหน้าเอาเสียเลย ทิวเคยพาเพื่อนมาที่บ้านหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยเห็นเด็กคนนี้มาก่อน ที่น่าแปลกใจก็คือหน้าตาของเด็กคนนี้ดูเศร้าสร้อย เหมือนกับเพิ่งจะมีเรื่องอะไรบางอย่าง

"ทิวนอนหลับไปแล้วล่ะ เดี๋ยวแม่จะไปปลุกให้นะ" แม่ทิวบอก

"สวัสดีครับแม่" บูมยกมือสวัสดีเมื่อรู้ว่าหญิงวัยกลางคนคนนี้คือแม่ของทิว แม่ของทิวรับไหว้ เปิดประตูให้บูมเข้ามานั่งรอบริเวณหน้าบ้านที่มีโต๊ะนั่งเล่นอยู่ บุมนั่งลงพลางมองไปรอบๆ

"รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวแม่ไปตามทิวให้"

คุณทิษณาพูดแล้วก็เดินหายเข้าไปในบ้าน บ้านของทิวเป็นทาวน์เฮาส์สามชั้น ข้างล่างเป็นส่วนของห้องรับแขกและห้องครัว ชั้นสองเป็นห้องนอนของแม่และชั้นสามเป็นของทิว ตอนแรกแม่เคยนอนชั้นสาม แต่หลังๆ ก็เริ่มเดินขึ้นชั้นสามบ่อยๆ ไม่ไหวจึงสลับชั้นกับทิว

ไม่นานนักทิวก็ลงมาที่หน้าบ้านด้วยท่าทางง่วงๆ ในชุดเสื้อกล้ามและกางเกงบ็อกเซอร์ แต่เมื่อเห็นว่าใครมายืนรอแล้ว ทิวก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

"บูม" ทิวเรียกเพื่อนแล้วก็รีบเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว สังหรณ์ใจว่าที่บ้านบูมคงต้องมีเรื่องไม่ดีแน่เลย

แม่เห็นว่าทิวรู้จักกับเพื่อนก็เลยเข้ามานั่งรอข้างใน ปล่อยให้เด็กๆ คุยกันส่วนตัวไปก่อน

"มีอะไรหรือเปล่าบูม" ทิวถามอย่างเป็นห่วง

บูมไม่พูดอะไรแต่ดึงเพื่อนไปกอดแล้วก็ร้องให้เบาๆ ทิวกอดตอบเพื่อนพร้อมกับใช้มือลูบหลังเพื่อให้กำลังใจ

"เกิดอะไรขึ้นเหรอบูม" ทิวถามอีกครั้ง

"เราทะเลาะกับพ่อน่ะทิว ให้เราอยู่ที่บ้านนายสักพักได้ไหม" บูมค่อยๆ คลายอ้อมแขนออกแล้วมองหน้าเพื่อนด้วยแววตาเศร้าๆ

"แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ เราเข้าใจ" บูมบอกอย่างเกรงใจ

"ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ไม่มีปัญหาหรอก" ทิวบอกแล้วก็ดึงมือเพื่อนให้เดินตามเข้ามาในบ้าน แล้วก็พาบูมเดินไปตรงส่วนรับแขกที่ตอนนี้แม่นั่งรออยู่แล้ว

"เพื่อนทิวครับแม่ ชื่อบูม บูมเขาจะขอมาพักอยู่กับเราสักสี่ห้าวันน่ะครับ"

แม่ทิวพยักหน้าเข้าใจ เธอผ่านโลกมาพอสมควรก็พอจะเดาออกว่าเพื่อนของทิวคงมีปัญหาอะไรบางอย่าง อาจจะเป็นปัญหากับที่บ้านก็ได้

"ตามสบายนะบูม จะพักหลายๆ วันก็ได้ ว่าแต่กินข้าวมาหรือยังล่ะลูก" แม่ทิวถามอย่างเอ็นดู เมื่อได้เห็นหน้าชัดๆ แล้วเธอก็รู้สึกถูกชะตากับบูมอย่างประหลาด แววตาของบูมดูอ่อนโยน ไม่มีพิษภัย จึงทำให้เธอรู้สึกไว้ใจพอสมควร

"ขอบคุณครับแม่ รบกวนหน่อยนะครับ" บูมบอกพลางยกมือไหว้ขอบคุณ แม่ของทิวก็ยกมือรับไหว้ ดูแม่ของทิวเป็นคนใจดีมากทีเดียว เห็นแล้วเขาก็อยากให้พ่อกับแม่เป็นแบบนี้บ้าง

"กินอะไรมาหรือยังล่ะบูม" ทิวถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าบูมยังไม่ได้ตอบเรื่องนี้

บูมส่ายหน้าแต่ก็มีท่าทางเกรงใจเพราะไม่อยากรบกวนเจ้าของบ้านมากเกินไป

"ทิว พาเพื่อนเอาของไปเก็บบนห้องก่อน เดี๋ยวแม่เตรียมอาหารในครัวให้" แม่ของทิวหันไปบอกลูกชาย

"ครับแม่" ทิวรับคำอย่างเร็วไว

"ไปบูม เอาของขึ้นไปเก็บบนห้องเราก่อน เดี๋ยวค่อยลงมากินข้าว"

ทิวพูดพลางถอดเป้ออกจากหลังของเพื่อนแล้วเอามาช่วยถือ แล้วก็เดินนำหน้าบูมขึ้นไปบนชั้นสาม

"เก่งนะเนี่ย มาส่งเราที่บ้านครั้งเดียวก็จำทางได้ด้วย"

ทิวคุยไปด้วยระหว่างเดินขึ้นไป จริงๆ คนที่มาส่งคือพี่บีมที่เป็นคนรับอาสาขับรถไปส่งเพื่อนๆ ของทิวกับบูมจนถึงบ้านของทุกคนต่างหาก แต่บูมนั่งมาด้วยก็เลยพอจำได้ บ้านเพื่อนคนอื่นๆ บูมจำไม่ค่อยได้หรอก แต่เขาจำบ้านของทิวได้เป็นอย่างดี

"นายนั่งแท็กซี่มาเหรอ"

บูมพยักหน้า

พอมาถึงห้องนอนของทิวแล้ว ทิวก็ทำสีหน้าอายๆ "รกแล้วก็เล็กไปหน่อยนะ หวังว่านายคงพออยู่ได้"

"ไม่เป็นไรหรอก คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก" บูมบอกพลางพยายามยิ้ม ทิวก็หันมายิ้มด้วย เห็นท่าทางอ่อนระโหยโรยแรงของเพื่อนแล้วก็ได้แต่สงสาร

"เราเอากระเป๋าวางไว้นี่ก่อนนะ ปะ ลงไปกินข้าวกันดีกว่า" ทิววางกระเป๋าของเพื่อนไว้บนเก้าอี้ที่เขาใช้นั่งทำงานแล้วก็พาบูมลงไปข้างล่างอีกครั้ง

เข้ามาในห้องครัวก็เห็นแม่ของทิวที่กำลังอุ่นอาหารด้วยเตาไมโครเวฟอยู่ โชคดีที่แม่ของทิวมักจะซื้ออาหารกึ่งสำเร็จรูปที่อุ่นด้วยไมโครเวฟแล้วก็กินได้เลยมาติดไว้เป็นประจำ เพราะทิวชอบหิวตอนดึกๆ บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาอ่านหนังสือสอบ

พอได้ที่แล้วแม่ของทิวก็ยกขึ้นมาตั้งไว้บนโต๊ะอาหาร เป็นข้าวกับแกงพะแนงหมู ควันฉุยน่ากินเชียว

"ตามสบายนะลูก" แม่ทิวบอกพลางไปหยิบช้อนส้อมมาให้ ทิวพาเพื่อนเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร บูมรับช้อนส้อมมาจากแม่แล้วก็ขอบคุณ

"เห็นแล้วหิว เดี๋ยวเรากินด้วยมั่งดีกว่า" ทิวพูดพลางขำ แล้วก็เดินไปเปิดตู้เย็นเอาอาหารแช่แข็งออกมา

"นายกินไปก่อนนะบูม ไม่ต้องรอเราหรอก นายคงหิวแย่" เขาไม่ลืมที่จะบอกเพื่อนเมื่อเห็นบูมทำท่าเหมือนจะรอกินพร้อมกัน

"แม่ขึ้นไปนอนก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมกับบูมจัดการเอง" ทิวหันไปบอกเมื่อเห็นแม่รออยู่ แม่ของทิวยิ้ม พยักหน้าน้อยๆ แล้วก็เดินขึ้นไป

บูมตักข้าวกินอย่างช้าๆ พลางเหลือบไปมองทิวที่ง่วนกับการอุ่นอาหารเป็นระยะๆ

"กินเลยไม่ต้องรอ" ทิวบอกอย่างรู้ทัน

"ไม่เอา เรารอนายด้วยดีกว่า" บูมแย้ง

"ตามใจ" ทิวบอกแล้วก็เดินไปหยิบชามมาใส่เกี๊ยวกุ้งที่อุ่นเสร็จพอดี จากนั้นก็ยกมานั่งกินตรงฝั่งตรงข้ามกับบูม

"นายกินอะไร" บูมถามพลางชะโงกไปดู

"เกี๊ยวกุ้ง ของโปรดของเรา" ทิวบอกพลางตักกินอย่างเอร็ดอร่อย บูมจึงเริ่มกินบ้าง

"ลองไหม อร่อยนะ" ทิวเชื้อชวน บูมส่ายหน้าเพราะไม่อยากแย่งเพื่อนกิน

"ไม่ดีกว่า เดี๋ยวนายไม่อิ่ม นายยิ่งกินเยอะอยู่" บูมพูดพลางหัวเราะเบาๆ อารมณ์เริ่มดีขึ้นมาบ้าง

กินข้าวเสร็จแล้วทิวกับบูมก็ช่วยกันล้างจาน ปิดไฟชั้นล่างแล้วก็ขึ้นมาข้างบนห้องนอน

"นายอาบน้ำตามสบายเลยนะ" ทิวบอกเพื่อนแล้วก็เดินไปเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของเขาเพื่อที่จะเล่นเกมส์รอเพื่อนระหว่างที่อาบน้ำ

"เอาเสื้อผ้าของนายแขวนในตู้เสื้อผ้าของเราเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ ในนั้นมีไม้แขวนเสื้อเหลืออยู่" ทิวบอกแล้วก็หันมาสนใจกับคอมพิวเตอร์ต่อ

สักพักหนึ่งทิวก็หันไปมองเพื่อน ตอนนี้บูมอยู่ในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียว รูปร่างของบูมดูแข็งแรงและมีกล้ามเนื้อพอสมควร แม้จะไม่ค่อยได้ออกกำลังกายนัก แต่บูมก็ไม่กินจุกจิกจึงทำให้ไม่อ้วน จริงๆ บูมกับทิวก็มีรูปร่างที่ไม่ต่างกันมากนัก ไม่อ้วนไม่ผอม แต่ก็ไม่สูงมาก เหมือนผู้ชายไทยทั่วๆ ไป แต่สิ่งที่ทำให้ทิวรู้สึกแปลกใจในตอนนี้ก็คือ เขารู้สึกปั่นป่วนใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เห็นรูปร่างของเพื่อน เขาเองก็เคยแก้ผ้าอาบน้ำกับเพื่อนผู้ชายก็บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย ทิวเป็นอะไรไปแล้ว ทำไมรู้สึกแบบนี้

ก่อนที่ทิวจฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ บูมก็เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำเสียก่อน ทิวถอนหายใจเฮือกเพราะไม่เข้าใจตัวเอง ก่อนจะหันมาเล่นเกมส์ต่อแต่ก็ยังไม่วายอดคิดถึงภาพที่เห็นเมื่อสักครู่นี้

ไม่นานนักบูมก็ออกมาในชุดคล้ายๆ กันคือเสื้อกล้ามและกางเกงบ็อกเซอร์ แต่ดูจากเนื้อผ้าแล้วของบูมคงจะแพงกว่าหลายเท่า

"อาบน้ำไวจัง" ทิวทักอย่างแปลกใจ

"เกรงใจนายน่ะ ดึกแล้ว" บูมบอกพลางใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมให้แห้ง

"ตากตรงระเบียงได้นะ" ทิวบอกเมื่อเห็นบูมหันรีหันขวางหาที่ตากผ้าเช็ดตัว

บูมเปิดประตูออกไปตรงระเบียงแล้วก็ตากผ้าเช็ดตัวกับชุดชั้นใน มีราวตากผ้าตั้งไว้อยู่ตรงนี้ด้วย เรียบร้อยแล้วบูมจึงเดินกลับเข้ามาในห้องนอน

"ขอบใจนะทิว เรารบกวนนายหน่อยนะ" แม้ว่าทิวจะบอกแล้วว่าไม่ต้องเกรงใจแต่บูมก็ยังคงรู้สึกเกรงใจอยู่ดี

ทิวปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็หันมายิ้มให้เพื่อน พอสังเกตุเห็นได้ว่าสีหน้าของบูมดูดีขึ้นมาก

"คิดซะว่าเป็นบ้านของนายละกัน" ทิวบอกแล้วเดินมาหาเพื่อน "นอนเลยไหม"

บูมพยักหน้า

"ถ้านายมีเรื่องไม่สบายใจ เล่าให้เราฟังได้นะ เผื่อจะช่วยให้นายรู้สึกดีขึ้น อย่าเก็บไว้คนเดียวนะบูม"

บูมยิ้มด้วยความดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น ความจริงเขาตั้งใจไว้แล้วว่าวันนี้จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัวให้ทิวฟัง ปกติบูมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังเลย แม้กระทั่งโรงเรียนเก่าที่บูมมีเพื่อนที่พอสนิทบ้างอยู่หลายคนก็ตาม นั่นแปลว่าบูมมอบความไว้วางใจให้ทิวไปแล้ว ทิวที่แหละที่เป็นเพื่อนที่พิเศษสุดของบูมในเวลานี้

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2015 15:20:19 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #17 เมื่อ08-03-2012 23:20:08 »

จะติดตามต่อไปนะครับ เป็นกำลังใจให้นะ

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: รักที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต
«ตอบ #18 เมื่อ09-03-2012 18:49:01 »

โดนบังคับอย่างนี้ คงอึดอัดเเย่เลย

แอบรำคาญพ่อเเม่ไม่เข้าลูกอยู่นิดๆ

แต่ก็นะ เขารักหน้าตาทางสังคมแต่ไม่รักลูกเลย

ปล.คุณคนเขียนช่วยเปลี่ยนหัวเรื่องว่าลงตอนไหนเเล้วให้หน่อยได้ไหมครับ เข้ามาอีกทีไปตอนเจ็ดซะเเล้ว

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 08 ✦ กำลังใจจากเพื่อนและพี่ชาย



"ปากนายไปโดนอะไรมาน่ะบูม เจ็บหรือเปล่า" ทิวถามด้วยน้ำเสียงตกใจเมื่อเพิ่งสังเกตเห็นว่ามุมปากขวาของบูมมีรอยช้ำนิดๆ และเหมือนจะบวมด้วยหน่อยๆ เขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แต่คงจะใกล้เกินไปจนบูมต้องเขยิบตัวออกเล็กน้อยด้วยอาการประหม่า

บูมเอามือลูบบริเวณที่ถูกพ่อตบหน้าก่อนจะบอกไปว่า "ไม่เป็นไรมากหรอก เดี๋ยวเราเล่าให้ฟัง"

"รออยู่นี่เดี๋ยวนะ"

ทิวพูดจบแล้วก็วิ่งจู๊ดออกไป สักพักก็กลับมาพร้อมกับเบตาดีนและคอตตอนบัดในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างมีหมอนมาด้วยหนึ่งใบ

"นั่งนี่ก่อน"

ทิวบอกให้เพื่อนนั่งลงบนเตียง บูมทำตามอย่างว่าง่าย ทิวทำท่าอ้าปากเป็นสัญญาณว่าให้บูมอ้าปากเพื่อที่เขาจะได้ทาแผลให้ บูมก็อ้าปากตาม ทิวใช้คอตตอนบัดชุบเบตาดีนแล้วก็ค่อยๆ ทาแผลในปากให้เพื่อนอย่างเบามือที่สุด

บูมครางเบาๆ เพราะรู้สึกแสบๆ

"เจ็บเหรอ"

ทิวหยุดสักพัก ความรู้สึกบางอย่างแวบเข้ามาในความคิดอีกแล้ว แต่ทิวก็ไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกแวบนั้นคืออะไร

"แสบนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร" บูมตอบ

"แต่ดูแล้วคงไม่เป็นไรมากหรอก"

ทิวทาแผลเสร็จแล้วก็ลุกเอายาไปวางไว้บนโต๊ะและเอาคอตตอนบัดทิ้งตะกร้าขยะเล็กๆ ในห้อง แล้วก็เดินกลับมาที่เตียง

"นอนดีกว่า ถ้านายไม่รังเกียจเรา เราก็นอนกันเบียดๆ กันหน่อยนะ พอดีเตียงเรามันเล็กไปหน่อย ยังไม่ถึงเวลาที่จะมีใครมานอนด้วย" ทิวพูดติดตลกพลางขำในตอนท้าย

"เรานอนข้างล่างก็ได้ ไม่อยากรบกวนให้นายลำบาก"

"ไม่ได้ เราเป็นเพื่อนกันนะบูม ถ้านายนอนข้างล่าง เราจะโกรธนายจริงๆ ด้วย" ทิวขู่

"มีอย่างงี้ด้วย"

บูมว่าพลางขำ แต่เขาก็คงต้องยอม ดูท่าทางแล้วทิวคงไม่ยอมให้เขานอนข้างล่างแน่ๆ

"วันนี้ใช้ผ้าห่มผืนเดียวกับเราไปก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะหามาให้"

จริงๆ ทิวพยายามหาแล้วตอนที่ลงไปเอายาข้างล่าง แต่ก็หาไม่เจอ

ทิวเดินไปปิดไฟในห้อง เหลือแต่ไฟตรงหัวเตียงไว้ เขาทิ้งตัวลงนอนแล้วแต่บูมยังนั่งมองเหมือนกับไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี

"นอนเถอะบูม เพื่อนกัน ไม่ต้องเกรงใจเราหรอก"

ทิวพูดอย่างรู้ทัน ตั้งแต่คบกับบูมมาหลายเดือน เขาพอจะรู้ว่าบูมมีนิสัยเป็นคนขี้เกรงใจอยู่เหมือนกัน ตัวเขาเองก็เป็นแบบนั้นด้วย

เมื่อบูมนอนลงไปแล้ว ทิวก็แบ่งผ้าห่มให้เพื่อนไปครึ่งหนึ่ง เวลาที่เนื้อตัวเบียดกัน ความรู้สึกเหมือนเมื่อครู่นี้ก็กลับมาอีกแล้ว นายเป็นอะไรกันแน่ทิว ไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันคือความรู้สึกอะไรกันแน่ อย่าบอกนะว่านายเป็น...

แต่แทนที่ทิวจะปล่อยให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่าน เขาก็เริ่มหันมาสนใจปัญหาของเพื่อนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจในจิตใจไปเสียก่อน

"นายทะเลาะกับพ่อเรื่องอะไรหรือบูม"

บูมเงียบไปสักพักเหมือนกับกำลังพยายามเรียบเรียงเรื่องราวที่จะเล่า

"ก็เรื่องการเรียนของเรานั่นแหละ เทอมนี้เราได้เกรดเฉลี่ยน้อยกว่าเทอมที่แล้ว พ่อก็เลยไม่ค่อยพอใจ แล้ว...พ่อก็จะให้เราย้ายโรงเรียนถ้าเราไม่...ไม่เลิกร้องเพลง"

ทิวตาโตด้วยความตกใจ หันไปมองหน้าเพื่อน แล้วก็ต้องตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าใบหน้าของเขากับบูมอยู่ใกล้กันพอสมควร ทำไมทิวถึงรู้สึกประหม่าหรือตื่นเต้นอย่างนี้เวลาอยู่ใกล้บูมด้วย แปลกจริงๆ

"จริงเหรอบูม พ่อนายรู้เรื่องที่นายร้องเพลงด้วยเหรอ"

บูมพยักหน้า ถอนหายใจ "พอดีเพื่อนของพ่อเขาไปงานที่เมืองทองธานีวันนั้น ก็เลยเห็นเรา"

"นายคิดว่าการร้องเพลงทำให้ผลการเรียนนายแย่ลงหรือเปล่า"

ทิวชักรู้สึกไม่ดีที่มีส่วนทำให้การเรียนของเพื่อนตกจนมีปัญหากับครอบครัว

"ไม่หรอกทิว เราคิดว่ามันเป็นเพราะวิชาใหม่ๆ อย่างฟิสิกส์ เคมีแล้วก็ชีวะมากกว่า เรายังจับทางไม่ค่อยได้ จริงๆ เราคิดว่าเราแบ่งเวลาได้นะ ตอนเย็นๆ เราก็ยังอ่านหนังสือทำการบ้าน ส่วนร้องเพลงเราก็อาศัยเวลาว่างๆ ที่โรงเรียนเท่าที่จะพอมี ไม่ได้เบียดเบียนเวลาเรียนของเราหรอก"

"แต่พ่อนายคิดว่าการร้องเพลงมีส่วนทำให้การเรียนของนายแย่ลงใช่ไหมล่ะ" เหมือนทิวจะพอเดาออกบ้าง

"ก็คงอย่างงั้น" บูมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

"ที่ปากนายเจ็บอย่างนี้ก็เพราะว่า..."

ดูเหมือนทิวไม่มั่นใจที่จะคาดเดา แต่เสียงถอนหายใจอีกครั้งของบูมก็ดูเหมือนจะทำให้สิ่งที่ทิวสงสัยใกล้ความจริงมากขึ้น ถ้าบูมไม่อยากพูดถึงตรงนี้ทิวก็คงต้องหยุดถาม

"แล้วนายจะทำไงล่ะบูม" ทิวเปลี่ยนเรื่อง

บูมเงียบและครุ่นคิด "ถ้าให้เลือกระหว่างต้องย้ายโรงเรียนแล้วไม่ได้เจอกับนาย...กับเลิกร้องเพลงแล้วไม่ต้องย้ายโรงเรียน เราก็คงเลือกอย่างหลัง"

เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ทิวก็พอจะเห็นว่าบูมคงถูกครอบครัวคาดหวังเรื่องการเรียนมาก แต่เขาก็สะดุดคำตอบของบูมอยู่เหมือนกัน มันฟังดูเหมือนบูมใช้เขาเป็นเงื่อนไขในการตัดสินใจ บูมให้ความสำคัญกับเขามากขนาดนั้นเลยหรือ

"เราพูดจริงๆ นะทิว เราไม่เคยมีเพื่อนอย่างนายเลย ที่ผ่านมาเรารู้สึกว่าเราไม่มีใคร ไม่มีคนสนใจเรา ไม่มีคนที่รับฟังเรา แต่พอได้เป็นเพื่อนกับนาย มันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก ถ้าเราต้องย้ายโรงเรียนไปอีก เราก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอเพื่อนอย่างนายอีกหรือเปล่า เราก็เลยคิดว่า...เราเลิกร้องเพลงดีกว่า แต่ขอให้เรามีเพื่อนอย่างนายต่อไป"

ทิวกับบูมต่างก็มองหน้ากันในความมืด ทิวดีใจที่บูมให้ความสำคัญกับเขามากขนาดนี้ แต่ก็ไม่อยากให้บูมเลิกร้องเพลงเลย แต่อย่างว่าแหละนะ คนเราก็คงต้องเลือกบางอย่างและเสียบางอย่างไปบ้าง

ถ้าไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแบบนี้ ทิวคงกอดเพื่อนไปแล้วล่ะ แต่เพราะเจ้าความรู้สึกที่เพิ่งเกิดนั่นทำให้ทิวไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อมมือไปเลย

"ขอบใจนะบูมที่นายให้ความสำคัญกับเราขนาดนี้ เราก็อยากจะบอกนายเหมือนกันว่า...เราดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับนายนะ ถึงเราจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่นายก็เป็นเพื่อนที่พิเศษมากๆ ของเราเลยล่ะ"

สองหนุ่มยิ้มให้กันในความมืดสลัว ดึกแล้ว ทิวก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะช่วยเพื่อนได้มากกว่านี้ยังไง แต่ถ้านึกออกเมื่อไรเขาก็คงจะไม่รอช้า

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
   

เช้าวันใหม่มาถึงอีกวัน ทิวเป็นคนแรกที่ตื่นก่อน ปกติจะต้องลนลานวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวและเตรียมตัวไปโรงเรียน แต่ช่วงนี้ปิดเทอม ทิวจึงตื่นขึ้นมาอย่างสบายๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วก็มองเพื่อนที่นอนหลับอยู่ด้วยความเอ็นดู ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหวนกลับมาในความทรงจำอีกครั้ง มันจะเป็นความรู้สึกอะไรก็ช่างเถอะ ทิวพอใจและมีความสุขที่ได้มีเพื่อนคนนี้อยู่ใกล้ๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทิวรีบวิ่งไปเปิดก็เห็นว่าแม่แต่งตัวเหมือนเตรียมตัวจะออกไปทำงานแล้ว "พอดีแม่มีประชุมด่วนตอนเช้า วันนี้ทิวกับเพื่อนทำอะไรกินกันเองไปก่อนละกันนะลูก"

"ได้ครับแม่" ทิวพยักหน้ารับ แล้วแม่ก็เดินลงไป

ทิวปิดประตู หันหน้ากลับมาก็เจอบูมที่ตื่นนอนพอดี เขาลุกขึ้นนั่งแล้วก็ยิ้ม

"ตื่นแล้วเหรอ นอนหลับสบายไหมเมื่อคืน"

บูมยิ้มกว้างขึ้นอีก "โอเค ก็หลับสบายดี"

ทำไมรอยยิ้มของบูมมันดูมีเสน่ห์และแรงดึงดูดอย่างนี้นะ นายจะต้องบ้าไปแล้วแน่ทิว อาการแบบนี้มันเป็นเหมือนตอนที่เขาเคยแอบชอบรุ่นน้องมอสองคนหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว แต่คราวนั้นเป็นผู้หญิง คราวนี้เป็นผู้ชาย นี่ทิวกำลังรู้สึกอย่างนั้นกับเพื่อนตัวเองจริงๆ หรือ?

ไม่นะ! เป็นไปไม่ได้!

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
   

สองหนุ่มลงมาช่วยกันทำอาหารเช้าเมื่อทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว บูมไม่เคยทำงานในบ้านอย่างนี้เลยจึงเป็นได้แค่ลูกมือ แต่ก็สนุกมากทีเดียวที่ได้ทำอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ

พอผัดผักบุ้งไฟแดงเสร็จแล้ว ทิวก็จะทอดไข่ แต่บูมอยากลองทำก็เลยให้เพื่อนสอน นี่ถ้าบูมมีกระจกอยู่ข้างหน้า เขาคงขำสีหน้าตัวเองมากเวลาที่ทอดไข่แล้วกลัวน้ำมันกระเด็นใส่ แต่มันก็ผ่านไปได้แหละน่า อาหารเช้ามื้อนี้ที่บูมได้มีส่วนช่วยทำครั้งแรกในชีวิตก็ดูจะเป็นอาหารเช้าที่อร่อยที่สุดในโลกที่เขาเคยกินมาเลยทีเดียว

สายๆ ทิวพาบูมไปหาซื้อต้นไม้ที่ตลาดเทเวศร์ แม้ว่าพื้นที่บ้านจะไม่ได้มีมาก แต่ทิวก็ชอบปลูกต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ บริเวณหน้าบ้านของทิวจึงมีกระถางต้นไม้ ทั้งวาง ทั้งแขวนรวมทั้งไม้เลื้อยเยอะทีเดียว ถึงบูมจะไม่ค่อยรู้เรื่องต้นไม้เท่าไรนัก แต่เขาก็สนุกกับการเลือกซื้อต้นไม้ไปกับเพื่อนด้วย

"ที่บ้านนายไม่โทรตามเหรอ" ทิวถามขณะเดินเลือกดูต้นหนวดฤาษีอยู่

"เราปิดเครื่อง" บูมหยุดเว้นจังหวะไปสักพัก "เรายังไม่อยากคุย ไม่อยากเจอกับใครที่บ้านในตอนนี้เลย"

แต่อีกใจบูมก็กังวลอยู่เหมือนกันว่าที่บ้านอาจเป็นห่วงเพราะไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน พี่บีมก็ไม่รู้ว่าบูมหนีออกมา

"นายอยากให้เรากลับแล้วเหรอ" ถามเหมือนน้อยใจนิดๆ

"เปล่า...เราแค่ถามดูเฉยๆ" ทิวว่าแล้วก็หันไปสนใจต้นหนวดฤาษีต่อ

"ทิว...เราถามอะไรหน่อยสิ" ดูเหมือนบูมจะสงสัยอะไรบางอย่าง

"อะไรเหรอ" ทิวหันมามองอย่างสงสัย

"นายอยู่กับแม่สองคนเองเหรอ"

"ใช่...พ่อกับแม่เราแยกทางกันนานแล้วล่ะ เราไม่ได้เจอแล้วก็ไม่ได้ข่าวพ่อนานแล้ว แต่เราว่าชีวิตเราก็โอเคนะ แม่เราเก่ง เก่งมากๆ ด้วย" น้ำเสียงของทิวดูเหมือนจะภูมิใจกับแม่ของเขาเสียจริงๆ

บูมยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วก็หันไปสนใจกับการเลือกซื้อต้นไม้ช่วยเพื่อนต่อไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
   

บ่ายๆ ทิวกับบูมก็กลับมาถึงบ้าน ตอนแรกทิวจะขึ้นรถเมล์กลับ แต่บูมเห็นว่าทิวมีของต้องถือเยอะก็เลยให้กลับแท็กซี่ และบูมก็ขอให้เขาเป็นคนออกค่าแท็กซี่เอง พอลงจากแท็กซี่แล้วสองหนุ่มก็ช่วยกันเอาต้นไม้ที่ซื้อมาจัดให้เข้าที่ ในขณะที่กำลังจัดต้นไม้กันเพลินๆ อยู่นั้นก็มีรถมาจอดหน้าบ้านทิว สักพักชายคนหนึ่งก็เปิดประตูลงมา

"พี่บีม" บูมอุทานเมื่อเห็นพี่ชายลงมาจากรถ เขารู้สึกกลัวนิดๆ ว่าพ่อกับแม่คงให้พี่ชายมาตามเขากลับบ้านแน่เลย

"นึกแล้วว่าบูมต้องมาที่นี่"

ทิวเดินไปสวัสดีพี่ชายของเพื่อนแล้วก็เปิดประตูให้พี่บีมเข้ามา

"พี่ไปจอดรถตรงไหนได้บ้าง จอดหน้าบ้านทิวได้ไหม"

"เอามาจอดในบ้านผมก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเปิดประตูให้"

พอจัดการเรื่องจอดรถแล้ว ทิวกับบูมก็พาพี่บีมมานั่งคุยกันข้างในบ้าน

"ไม่เป็นไร ทิวอยู่ฟังด้วยกันก็ได้"

บีมร้องบอกเมื่อเห็นทิวทำท่าจะเดินไปที่อื่นเพื่อให้สองพี่น้องได้คุยกันตามลำพัง ทิวจึงหยุดนั่งลงฟังด้วย

"พ่อกับแม่ให้พี่มาตามผมหรือเปล่าครับ" บูมถามอย่างที่เขากำลังกังวลอยู่

"อืม...พ่อกับแม่รู้แล้วล่ะว่าบูมหายไป แต่พี่ไม่ได้บอกหรอกว่าบูมอยู่ไหน ก็ดูเขาเป็นห่วงบูมอยู่นะ แต่ที่พี่มาที่นี่ไม่ใช่เพราะจะมาตามบูมกลับบ้านหรอก พี่ว่าบูมอยู่ที่นี่กับเพื่อนสักพักก็ดีเหมือนกัน เผื่อจะทำให้พ่อกับแม่คิดอะไรได้บ้าง"

เห็นน้องชายกับเพื่อนมองหน้าเขาอย่างเงียบๆ บีมก็เลยพูดต่อไปว่า

"พี่ไม่รู้ว่าบูมตัดสินใจยังไง แต่พี่ก็อยากจะย้ำสิ่งที่พี่พูดเมื่อวานว่า บูมต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่บูมทำ รู้ไหมว่าเวลาที่พี่เห็นบูมร้องเพลง พี่เห็นบูมมีความสุขมาก แล้วบูมก็ทำได้เป็นอย่างดี พี่ภูมิใจนะที่บูมค้นพบความสามารถนี้และตั้งใจกับมัน พี่ไม่อยากให้บูมล้มเลิกมันง่ายๆ แบบนี้"

"แต่..." บูมเหมือนอยากจะแย้ง แต่ก็ไม่รู้จะแย้งว่าอย่างไร

"พี่เชื่อบูมนะ พี่เชื่อว่าบูมแบ่งเวลาได้ ผลการเรียนของบูมไม่ได้แย่ขนาดนั้น แล้วพี่ก็เชื่อว่าบูมจะทำได้ดีขึ้นถ้าบูมคุ้นเคยกับวิชาใหม่ๆ บูมไม่ต้องลาออกจากชมรมดนตรีนะ แล้วก็ไม่ต้องย้ายโรงเรียนหรอก"

"พี่บีม แล้วพ่อจะไม่..."

"พิสูจน์ให้พ่อเห็นสิบูมว่าบูมทำได้ บูมไม่ใช่หุ่นยนต์ ไม่ใช่ดินน้ำมันที่ใครจะสั่งให้ทำอะไรหรือปั้นให้เป็นอะไรก็ได้ พี่ไม่อยากให้บูมเหนื่อยกับการต้องทำตามพ่อกับแม่อย่างเดียว แต่ไม่ได้ฟังหัวใจของบูมเอง พ่อกับแม่ก็ต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจบูมบ้าง พี่อยู่ทั้งคน บูมไม่ต้องกลัวนะ ทิวก็อยู่ อย่างน้อยบูมก็จะมีสองคน มีพี่ มีทิว ที่จะคอยช่วย ใช่ไหมทิว"

บีมหันไปถามเพื่อนของน้องชาย แม้จะมีเวลาสังเกตแค่วันเดียวตอนไปเที่ยวด้วยกันคราวที่แล้ว แต่บีมก็พอดูออกว่าทิวเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งของบูมทีเดียว

"ครับพี่บีม ผมเต็มที่อยู่แล้วครับ ผมก็คิดคล้ายๆ กับพี่ครับว่าบูมทำได้ดีมากในเรื่องการร้องเพลง ผมก็ยังแอบเสียดายเลยที่บูมจะเลิก"

เมื่อพี่ชายและเพื่อนรักต่างก็เห็นดีไปในทางนั้น บูมก็ไม่รู้จะค้านยังไง บูมอาจจะต้องเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งและมีจุดยืนมากขึ้น ที่ผ่านมาเขาทำไม่ได้เพราะไม่มีที่พึ่งทางใจเลย แต่วันนี้ทั้งพี่ชายและเพื่อนต่างก็พร้อมที่จะร่วมเป็นกำลังใจและเป็นแรงสนับสนุนให้ บูมก็ควรจะต้องสู้ต่อไปสิ

"สู้นะบูม"

พี่บีมบอกพลางเดินมาตบไหล่น้องชาย บูมเงยหน้ามองพี่ชายด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วก็ลุกขึ้นมากอดพี่ชายแน่น แล้วก็ร้องไห้กันสองคนพี่น้อง

"พี่รู้นะบูมว่าเราเคยโกรธพี่ แต่พี่อยากให้บูมรู้ว่าพี่รักและเป็นห่วงบูมมาก เรามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง ที่ผ่านมาพี่ไม่ได้เข้ามาช่วยอะไรบูมเลย ปล่อยให้บูมต่อสู้อยู่ลำพัง แต่ว่าต่อไป...พี่จะไม่ปล่อยให้บูมต่อสู้อยู่คนเดียวอีก เชื่อพี่นะบูม บูมทำได้นะ"

"ผมขอโทษนะครับพี่บีม"

"พี่ดีใจนะที่วันนี้บูมไม่โกรธพี่ พี่ดีใจที่เราจะกลับมาเป็นพี่น้องที่รักกันอย่างสนิทใจอีกครั้งหนึ่ง พี่เองก็ต้องขอโทษบูมด้วยที่พี่ห่างเหินไป"

ทิวเห็นสองพี่น้องกอดกันร้องให้แล้วก็อดน้ำตาซึมไปด้วยไม่ได้ ทิวเองไม่มีพี่น้องเลย เห็นอย่างนี้แล้วก็พลอยนึกอิจฉาบูมที่มีพี่ชายใจดีอย่างนี้

สักพักสองพี่น้องก็กลับมานั่งที่ตามเดิม

"พี่ก็ว่าจะไปอยู่กับเพื่อนสักพักเหมือนกันช่วงนี้ ถ้าบูมกลับบ้านโทรบอกพี่ด้วยละกันนะ พี่จะได้มารับแล้วก็กลับพร้อมกับบูม"

บูมคิดว่าพี่ชายคงมีแผนการอะไรบางอย่าง พ่อกับแม่คงเหงาเหมือนกันที่จู่ๆ ลูกชายสองคนก็หายไปจากบ้าน แต่บางทีก็อาจจะช่วยให้พ่อกับแม่เข้าใจอะไรมากขึ้นก็ได้

"เดี๋ยวพี่ต้องไปแล้วล่ะ มีนัดกับเพื่อน พี่ฝากบูมหน่อยนะทิว มีอะไรก็โทรไปหาพี่นะ วันไหนว่างๆ จะพาไปเที่ยวอีก" บีมหันไปบอกเพื่อนของน้องชายพร้อมกับรอยยิ้ม

"ไม่ต้องห่วงครับพี่ ผมจะช่วยดูแลบูมเป็นอย่างดีครับ"

ทิวรับคำเป็นมั่นเหมาะแล้วก็หันไปยิ้มกับเพื่อน เห็นสีหน้าคลายกังวลของบูมแล้วก็โล่งใจขึ้นมาได้บ้าง บูมคงรู้สึกอุ่นใจมากขึ้นเพราะอย่างน้อยเขาก็มีทั้งพี่ชายและเพื่อนที่พร้อมจะช่วยเขาในทุกเรื่องในเวลาที่บูมต้องการ

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2015 15:20:46 โดย sarawatta »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
ไปตามอ่านเรื่องต้นสนมาค่ะ พอเห็นว่าเขียนไว้จนจบแล้ว ทนรอไม่ไหวเลยไปตามหาจนเจอและอ่านจากอีกเวปนึงจนจบ
เรื่องต้นสนสนุกมากๆ อ่านรวดเดียวจบใน 1 วันเลยค่ะ 
การันตีคนเขียนได้เลยว่า สุดยอด o13 o13 ต้องติดตามเท่านั้น ไม่งั้นเสียดายแย่
เรื่องราวของต้นกับสน เต็มไปด้วยความรัก ความผูกพัน และอบอุ่นมากๆ
ยกให้เป็นเรื่องที่ประทับใจมากๆเรื่องนึงเลยค่ะ

เรื่องทิวบูมก็ออกแนวอบอุ่น คล้ายเรื่องต้นสนเหมือนกัน
ชอบอ่านเรื่องราวแนวที่มีความผูกพันกันมาตั้งแต่เด็กแบบนี้มากๆเลยค่ะ มันเต็มตื้นและอุ่นในหัวใจดี

รอติดตามตอนต่อไปและเป็นกำลังใจให้คุณ Sarawatta นะคะ สนุกมากๆค่ะ
จากนี้ไป ทิวบูม จะดราม่าแค่ไหนก็ไม่กลัว อีกแล้ว....  :impress:
 :pig4:

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
อ่า ตอนนี้บูมคงกล้าตัดสินใจอะไรได้มากขึ้นเเล้วสินะ

ก็ต้องรอดูว่าพ่อเเม่จะเปิดใจขึ้นบ้างหรอเปล่า หรือยิ่งบังคับมากขึ้น

แต่ทำไมบูมได้เกรดน้อยจัง เราขึ้นม.๔เกรดพุ่งชิวเลย

๕๕๕๕๕๕ แอบนอกเรื่อง

+1 เป็นกำลังใจให้นะครับ สู้ๆ

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 09 ✦ ความกลัวของทิว


"หายหัวกันไปหมดเลย" คุณลิขิต เทพสถิตย์พิทักษา นักวิศวกรออกแบบสิ่งปลูกสร้างชื่อดังคนหนึ่งของเมืองไทยบ่นงึมงำขณะนั่งกินข้าวมื้อเย็นกับภรรยา รศ.ดร. ทิพย์นภา เทพสถิตย์พิทักษา อาจารย์ในคณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ต่างคนต่างก็มีสีหน้าบูดบึ้งไม่พอใจ หลายวันแล้วที่บีมและบูมหายไปจากบ้านและไม่สามารถติดต่อได้

"ฮึ...แล้วมันเป็นเพราะใครล่ะ" คุณทิพย์นภาแค่นเสียง อาหารเย็นมือนี้ช่างไม่มีรสมีชาติเอาเสียเลย

สามีเธอหยุดมองพลางขมวดคิ้ว "คุณจะพูดอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า"

"ก็คุณไปตบหน้าลูกทำไมล่ะคะ"

เมื่อได้ทีเช่นนี้คุณทิพย์นภาก็ถือโอกาสพูดสิ่งที่อัดอั้นตันใจมาหลายวันเสียเลย

"จะดุจะด่าลูกยังไงฉันก็ไม่เคยว่าอะไร เลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็กจนโต เราไม่เคยทำกับเขาแบบนี้เลยนะคะคุณ"

คุณลิขิตได้แต่เงียบเพราะเขาเองก็รู้สึกผิดอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องคอยดูแลทุกคนในบ้าน ในฐานะที่เป็นสามี ในฐานะที่เป็นผู้ชายและอีกสารพัดสถานะตามแต่ผู้ชายในวัยอย่างเขาจะถูกคาดหวังจากสังคมหรือแม้กระทั่งตัวเอง การที่เขาจะยอมรับผิดก็ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

เห็นสามีเงียบอยู่อย่างนั้น คุณทิพย์นภาจึงรู้สึกไม่พอใจ เธอกระแทกช้อนส้อมลงบนจานข้าวแล้วก็ลุกออกไป ไม่ว่าจะร่ำรวยแค่ไหน ไม่ว่าจะมีคนยอมรับนับถือหน้าตาในสังคมมากแค่ไหน แต่สุดท้ายเธอก็คือแม่คนหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดที่จะเอาชนะธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

ตลอดเวลาที่บูมอยู่บ้านทิวกว่าหนึ่งสัปดาห์นั้น ดูจะเป็นช่วงเวลาที่บูมมีความสุขมากทีเดียว เวลาอยู่บ้าน ทิวก็จะสอนเขาร้องเพลง นอกนั้นก็ช่วยกันทำงานบ้านไม่ว่าจะเป็นล้างจาน ซักผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน รดน้ำต้นไม้ ว่างๆ ก็ดูทีวี เล่นเกมส์ วันไหนพี่บีมว่างก็จะพาไปเที่ยว พวกเพื่อนๆ คนอื่นๆ ของทิวกับบูมก็พลอยได้อานิสงฆ์ไปด้วย ไม่ว่าจะไปเล่นยิงปืน ตกปลา ขี่เจตสกี โยนโบวลิ่งและอีกสารพัดอย่าง ทำให้เวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนถึงวันที่บูมตัดสินใจจะกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่เสียที

"นายอย่าลืมขอโทษพ่อกับแม่ก่อนนะบูม ยังไงเขาก็เป็นพ่อแม่ของนาย" ทิวเตือนเพื่อนในขณะที่นั่งอยู่บนเตียง มองดูบูมเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า

"อืม เราก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่หนีออกมาแล้วไม่ได้บอกอะไรพ่อกับแม่เลย"

"เราว่าเขาคงเป็นห่วงนายน่าดูนะบูม ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกที่ไม่รักลูกของตัวเอง"

ทิวคงหมายถึงแม่เพียงคนเดียว จนป่านนี้ทิวก็ไม่รู้หรอกว่าพ่อเคยรักและรู้สึกคิดถึงเขาบ้างหรือเปล่า

"เราคง...คิดถึงนายเหมือนกันนะ เวลากลับบ้านไป เราคงไม่ได้เจอนายอีกเป็นเดือนเลย" บูมหยุดหันมามองเพื่อนด้วยสีหน้าที่ทำให้ทิวต้องตีความอย่างหนัก

อยู่ใกล้ชิดกับบูมมาหลายวัน ทิวเริ่มรู้แล้วว่าเขากำลังคิดอะไรกับเพื่อนคนนี้อยู่ แม้จะเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากอยู่ก็ตาม แต่เขาก็เหนื่อยกับการต่อสู้ภายในใจของตัวเองจนต้องยอมรับความรู้สึกนั้นกลายๆ พอเห็นสีหน้าแบบนี้แล้ว ทิวก็อดที่จะตีความให้เข้ากับสิ่งที่เขากำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้ไม่ได้

"เราโทรคุยกันก็ได้ ไม่เห็นยากเลย"

ทิวลุกเดินอ้อมมาอีกฝั่งของเตียง เขานั่งลงใกล้ๆ กับเพื่อน ใกล้จนแขนชิดกันเลยล่ะ มันทำให้ทิวรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก คล้ายๆ ความรู้สึกเวลาที่ทิวเห็นผู้ชายวัยกลางคนที่หน้าตาใจดีแล้วอยากอยู่ใกล้

"เสื้อผ้านายมีแต่ราคาแพงๆ ทั้งนั้นเลยนะเนี่ย" ทิวพูดแซวติดตลก

"แม่เราซื้อให้ ส่วนมากเราไม่ค่อยได้ซื้ออะไรเองหรอก" บูมขำเล็กน้อย

"ถ้าวันไหนเราคิดถึงนาย เราไปหานายที่บ้านได้หรือเปล่า" ที่ทิวถามเพราะเขากลัวว่าถ้าเขาไปแล้วจะทำให้บูมมีปัญหา

"ก็น่าจะได้ แต่...เรายังไม่เคยพาเพื่อนคนไหนไปบ้านเราเลย" บูมขำในตอนท้าย

ให้ตายเถอะ เขารู้สึกว่าบูมน่ารักเหลือเกินเวลายิ้มและหัวเราะ น่ารักจนอยากจะดึงเข้ามากอดเลยทีเดียว คิดแบบนี้อีกแล้วนะทิว บูมเป็นเพื่อนนายนะเว้ย ไม่ใช่...

เออ... แล้วไม่ใช่อะไรล่ะ?

นั่นสิ?

"นายกลัวหรือเปล่าบูม" ทิวพยายามดึงสมาธิกลับมาจากความคิดฟุ้งซ่าน

"อืม...ก็กลัวนะ" บูมยอมรับตามตรง "แต่...เรามีพี่บีม แล้วก็นายด้วย ก็เลยหายกลัวไปได้เยอะเลย"

แม้จะมีสีหน้าไม่มั่นใจอยู่บ้าง แต่บูมก็รู้สึกกังวลน้อยลงเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา

ทิวพาดมือกอดคอเพื่อนไว้ "ขอบใจนะบูมที่นายให้ความสำคัญกับเราขนาดนี้"

บูมหันหน้ามามองเพื่อนพลางยิ้ม ใบหน้าของบูมกับทิวอยู่ใกล้กันแค่ไม่เท่าไร ทำไมทิวถึงรู้สึกอยากทำอะไรบางอย่างกับริมฝีปากนั้นของเพื่อนจังเลยนะ ชักจะไปกันใหญ่แล้วทิว ทิวจึงรีบปล่อยมือออกจากเพื่อนทันทีก่อนอะไรๆ จะเตลิดไปกันใหญ่ เขาทำสีหน้าเหรอหรา ไม่รู้ว่าจะเขิน จะยิ้ม จะหัวเราะหรือจะรู้สึกยังไงดี

"ไปฉี่ก่อนนะ"

ว่าแล้วทิวก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป บูมมองตามอย่างงงๆ แล้วก็หันมาเก็บเสื้อผ้าต่อ ทิวปิดประตูยืนพิงแล้วก็ถอนหายใจ ใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำเลย เขาจะต้องไม่ทำอย่างนี้อีก ถ้าบูมสงสัยมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เผลอๆ เขาอาจจะต้องเสียเพื่อนไปเลยก็ได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

"บูมขอโทษพ่อกับแม่ด้วยครับ"

ลูกชายคนเล็กพูดพลางก้มกราบแทบเท้าพ่อกับแม่เมื่อมาถึงบ้าน ต่อให้ใจยักษ์ใจมารขนาดไหน ก็คงไม่มีพ่อแม่คนไหนที่จะไม่ยกโทษให้ลูก โดยเฉพาะเมื่อเห็นลูกก้มกราบด้วยความสำนึกผิดเช่นนี้

บูมลุกขึ้นนั่งในท่าคุกเข่า มองหน้าผู้ให้กำเนิดทั้งสองคนด้วยสายตาที่แสดงความสำนึกผิด แม่ดูมีน้ำตาซึมๆ หน่อย ส่วนพ่อยังนิ่งเงียบเหมือนที่บูมเคยเห็นจนชิน

"ทีหลังก็อย่าทำแบบนี้อีก รู้ไหมว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงแค่ไหน"

คุณทิพย์นภาบอกลูกชาย น้ำเสียงตำหนิกลายๆ น้อยใจหน่อยๆ ผสมกันไป แต่บางทีก็ทำให้เดายากเหมือนกันว่าเธอรู้สึกอย่างไรกันแน่

"ครับ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกครับ" บูมรับคำ

"แล้วไปอยู่ไหนมา"

ในที่สุดคำถามแรกจากคนที่เป็นพ่อก็หลุดออกมา แม้จะมีสีหน้าเรียบเฉย แต่น้ำเสียงก็ดูอ่อนลงและแฝงด้วยความเป็นห่วงพอรู้สึกได้ แต่ก็นั่นแหละ นอกจากความรู้สึกไม่พอใจแล้ว บูมก็ไม่เคยเห็นว่าคนบ้านนี้จะแสดงความรู้สึกอย่างอื่นได้ดีและตรงกับสิ่งที่ใจคิดมากนัก

"บูมไปอยู่กับเพื่อนครับพ่อ"

เห็นท่าทางของผู้ให้กำเนิดทั้งสองคนแล้ว บูมก็ไม่ค่อยมั่นใจนักว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างที่เขากับบีมคาดหวัง มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอก พ่อกับแม่ก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว อยู่ดีๆ จะให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือคงไม่ง่าย แต่บูมก็จะพยายามอดทนต่อไปจนกว่าพ่อกับแม่จะเห็นใจและเข้าใจเขาบ้าง แต่ถึงกระนั้น บูมก็คิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้คงทำให้พ่อกับแม่เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเหมือนกัน ส่วนต่อไปจะเปลี่ยนแปลงได้มากแค่ไหนก็สุดจะคาดเดาได้

"เราก็เหมือนกัน อย่าทำให้พ่อกับแม่เป็นหัวหลักหัวตอ จะไปไหนก็บอกกันบ้าง"

คุณทิพย์นภาหันไปว่าลูกชายคนโต บีมได้แต่รับคำโดยไม่พูดอะไร อย่างน้อยสิ่งที่แม่พูดก็ทำให้บีมรู้สึกดีขึ้นมาบ้างที่เห็นพ่อกับแม่เป็นห่วง นึกว่ากลายเป็นลูกที่พ่อกับแม่ได้ตัดหางปล่อยวัดไปเสียแล้ว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

แล้วการเรียนในชั้น ม.4 ก็ผ่านพ้นไป บูมได้เกรดเฉลี่ยสูงถึง 3.9 ทำให้พ่อกับแม่พอใจมากทีเดียว แต่แน่นอน บูมก็ยังคงอยู่ชมรมดนตรีและวง Zenith เหมือนเดิม พ่อกับแม่ก็รับรู้ แม้จะไม่ได้สนับสนุน แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ที่สำคัญดูเหมือนบูมจะค่อนข้างมีอิสระขึ้นมาพอสมควร บางวันสามารถเลิกค่ำๆ แล้วไปเดินเที่ยวกับเพื่อนๆ ได้ แต่ก็ต้องกลับบ้านก่อน 3 ทุ่ม แต่ก็นับว่าดีแล้วสำหรับบูม ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับทิวนั้นก็ยังเสมอต้นเสมอปลายดี จนกระทั่ง...

"พี่คะ ช่วยอะไรหน่อยได้ไหมคะ พอดีหนูพยายามหาโทรศัพท์ในกระเป๋าแล้วหาไม่เจอค่ะ จะรบกวนให้พี่ช่วยโทรเข้าเครื่องหนูหน่อยได้ไหมคะ" สาวน้อยเสียงใสคนหนึ่งถามขึ้นขณะที่เดินผ่านมาเจอบูมซึ่งนั่งอยู่คนเดียวพอดี

"อ๋อ ได้สิครับ เบอร์ของน้องเบอร์อะไรครับ" บูมรับช่วยอย่างว่าง่าย เห็นหน้าตาสาวน้อยคนนี้แล้วก็พอคุ้นหน้าอยู่ ตอนนี้น่าจะเรียนอยู่ ม.4 หน้าตาน่ารักทีเดียว บูมจำได้ว่าพวกเพื่อนๆ ในห้องชอบแซวและพูดถึงน้องคนนี้อยู่บ่อยๆ

"ได้ค่ะ 084-xxx-xxx ค่ะ"

บูมกดเบอร์ตามแล้วก็กดโทรออก สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเพลงรักวัยรุ่นสมัยใหม่ที่มีจังหวะสนุกๆ สาวน้อยรีบเปิดกระเป๋านักเรียนของเธอที่ดูจะมีกระเป๋าซ้อนกันข้างในหลายอันอยู่ ควานไปควานมาไปตามเสียงที่ได้ยินก็เจอโทรศัพท์ของเธอพอดี

"เจอแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะพี่" สาวน้อยขอบคุณพลางยิ้มดีใจ

"ไม่เป็นไรครับ" บูมยิ้มตอบเช่นกัน ไม่รู้หรอกว่านี่คือมุกอย่างหนึ่งที่สาวๆ สมัยนี้ใช้สำหรับขอเบอร์โทรศัพท์ชายหนุ่มที่ตัวเองแอบชอบอยู่ แต่ไม่กล้าขอเบอร์ตรงๆ

"พี่เลิกเรียนแล้วหรือคะ"

"ครับ"

บูมรู้สึกแปลกใจนิดๆ ที่สาวน้อยคนนี้ทำท่าทางเหมือนยังอยากคุยกับเขาต่อ จริงๆ ก็มีสาวๆ มาชอบเขาหลายคนเหมือนกัน แต่บูมก็มัวแต่สนใจกับการเรียนและร้องเพลงมากกว่าอย่างอื่น

"แล้วพี่มานั่งรอใครอยู่หรือเปล่าคะ"

"อ๋อ...รอเพื่อนครับ"

"ชื่อแป๋มนะคะ ถ้าจำไม่ผิด เหมือนพี่จะชื่อบูมใช่ไหมคะ" สาวน้อยถือโอกาสแนะนำตัวเสียเลย

"อ๋อ...ใช่ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องแป๋ม" บูมยิ้มนิดๆ

"ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ ไปก่อนนะคะ" สาวน้อยยิ้มหวานอีกครั้งก่อนที่จะค่อยๆ เดินออกไป แต่ก็หันมายิ้มให้กับบูมเป็นระยะๆ

ชักยังไงแล้วสิ แต่ไม่ทันที่บูมจะได้คิดสงสัยอะไรต่อ เพื่อนรักของเขาก็เรียกชื่อเขามาแต่ไกล

"บูม โทษที รอนานหรือเปล่า"

"ไม่เป็นไร เราก็อ่านหนังสือไปได้เยอะเลย" บูมบอกพลางยิ้ม

"ทีหลังนายมาเล่นกับพวกเราบ้างสิ สนุกดีนะ" ทิวชวนแล้วก็ยกขวดน้ำขึ้นดื่ม

"ไม่เอาหรอก เราไม่ชอบเล่นฟุตบอล นายเล่นเถอะ เรารอได้"

บูมก็เป็นผู้ชายที่แปลกดีแฮะ ปกติผู้ชายที่ไหนก็ชอบเล่นฟุตบอล แต่ทฤษฎีนี้ดูเหมือนจะใช้กับบูมไม่ได้ ทิวชวนหลายทีแล้วแต่บูมก็ไม่ยอมเล่น อย่างมากก็เล่นบาส

"เดี๋ยวเราไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ สงสัยพวกนั้นมันคงรอกันแย่แล้ว" ทิวบอกแล้วก็วิ่งจู๊ดออกไป ไม่นานนักก็กลับมาพร้อมกับชุดนักเรียนตามเดิม

"ไปกันเถอะบูม"

บูมเก็บของใส่กระเป๋าแล้วก็เดินตามเพื่อนออกไป ปกติบูมก็ยังคงให้พ่อ แม่หรือพี่ชายมารับอยู่ แต่ถ้าวันไหนบูมอยากไปเดินเที่ยวกับเพื่อนๆ หรือมีธุระ บูมก็จะกลับเอง แต่ถ้าไปเดินเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ พี่บีมก็มักจะตามมารับทีหลัง

อุ้ย มัสมั่น ต้อง ช้าง เอกและมิตรออกมาก่อนแล้วเพราะอยากจะไปเดินดูแผ่นซีดีเกมส์ใหม่ๆ แต่เห็นทิวกับบูมมาช้าก็เลยไปนั่งรอที่ร้าน KFC และเริ่มสั่งของกินไปพลางก่อน พอทิวกับบูมไปถึงจึงโดนเพื่อนๆ ต่อว่าใหญ่

"ไอ้ห่าทิว พวกกูหิวจะแย่ละ มัวแต่รอมึงนี่แหละ วันนี้มึงต้องเลี้ยงพวกกูเลย โทษฐานที่มาช้า"

ต้องรีบว่าก่อนใคร ทุกคนต่างก็รู้ว่าคนที่ทำให้ช้าก็คือทิวคนเดียว ไม่ใช่บูม

"เดี๋ยวเลี้ยงเองก็ได้เว้ย"

บูมเสนอ เรียกเสียงฮือฮาจากเพื่อนๆ ได้พอสมควร เมื่อวานต้องกับเอกเปรยกับเพื่อนๆ ว่าอยากกินไก่ KFC เพราะเพิ่งเห็นโฆษณาชิ้นใหม่ ก็เลยชวนกันมากินวันนี้

พอกินกันเสร็จแล้ว พี่บีมก็มารับน้องชายอีกตามเคย แต่วันนี้มีแค่บูมกับทิวเท่านั้นที่กลับพร้อมกับพี่บีม ส่วนคนอื่นๆ ก็ไปเดินเที่ยวกันต่อ

ระหว่างที่นั่งกลับ โทรศัพท์ของบูมก็ดังขึ้น เบอร์ไม่ค่อยคุ้นเท่าไรนัก แต่บูมก็รับด้วยความสงสัย

"สวัสดีครับ อ๋อ...จำได้ครับ น้องแป๋มเหรอครับ อ๋อ...พอดีพี่กำลังเดินทางกลับบ้านครับ ไปกินข้าวกับเพื่อนมา ไปกันหลายคนครับ ก็เพื่อนห้องชั้น ม.5/1 ครับ อ๋อ...แถวๆ สยามครับ อ๋อ...วันนี้น้องแป๋มก็ไปกินข้าวกับเพื่อนที่สยามเหมือนกันเหรอครับ..............."

น้องแป๋มคือใคร ทิวนึกสงสัย อ๋อ...จำได้แล้ว รุ่นน้อง ม.4 คนที่เพื่อนในห้องเขามันชอบแซวบ่อยๆ แน่เลย แล้วมารู้จักกับบูมตั้งแต่เมื่อไร ทำไมดูเหมือนคุยสนิทสนมกันขนาดนั้น

"แฟนโทรมาหรือบูม" พี่บีมหันมาถามน้องชายทันทีที่บูมวางโทรศัพท์ลง

บูมหันไปปฏิเสธด้วยสีหน้าอายๆ ว่า

"เปล่าครับพี่"

บีมแอบยิ้ม คำว่าเปล่าของบูมมีความหมายที่กำกวมพอสมควร บางทีบูมอาจจะเขินจึงไม่กล้าบอกตามความเป็นจริงก็ได้

 "อายอะไร...มีแฟนก็บอกมาเถอะ มันเป็นเรื่องธรรมดานะบูม ผู้ชายวัยอย่างบูมเขาก็มีแฟนกันทั้งนั้นแหละ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย รู้เปล่าว่าพี่น่ะมีแฟนตั้งแต่อยู่ ม.1 แน่ะ"

บีมพูดติดตลก แต่เขาก็มีแฟนตั้งแต่ตอนอยู่ ม.1 จริงๆ

"แล้วทิวล่ะมีแฟนหรือยัง อย่าให้แพ้บูมนะ" พี่บีมไม่ลืมที่จะหันมาถามเพื่อนของน้องชายด้วย

ถ้าบูมหันมามองทิวที่นั่งอยู่ข้างหลังสักนิดก็คงจะเห็นแล้วว่าทิวมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก โชคดีที่แสงสว่างในรถมีน้อยจึงสังเกตเห็นได้ยาก

"ยังหรอกครับ ผมยังไม่อยากมีแฟนตอนนี้ครับพี่ ไว้ให้เรียบจบก่อนดีกว่า"

"เอาอย่างนั้นเลยเหรอทิว ใครจะไปรู้ เผลอๆ ทิวอาจจะมีสาวๆ มาแอบชอบอยู่หลายคนแล้วก็ได้ ทิวก็หล่อไม่ใช่เล่นนะ หน้าตาแบบทิวสาวๆ น่าจะชอบ หรือว่าทิวมีแอบชอบใครอยู่หรือเปล่า ให้บูมช่วยได้นะ เผื่อเคล็ดลับที่ใช้จีบน้องแป๋มจะเป็นประโยชน์" บีมพูดพลางขำ

ทิวได้แต่แค่นหัวเราะตามไปด้วย บูมหันมามองหน้าเพื่อนแล้วก็แปลกใจที่ทิวดูซึมลงไป แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ถาม เพียงแต่มองอย่างสงสัยและแอบเป็นห่วงเล็กน้อย

พอรถมาส่งถึงบ้าน ทิวก็ลาพี่บีมกับบูมแล้วก็รีบเข้าบ้าน วันนี้แม่ยังไม่กลับเลย ดูเหมือนว่าช่วงหลังๆ แม่จะมีงานเยอะและกลับค่อนข้างดึกอยู่บ่อยๆ เอาของขึ้นไปเก็บบนห้องแล้วทิวก็นั่งถอนหายใจ

นี่บูมมีแฟนแล้วจริงๆ หรือเปล่า ทำไมบูมไม่เคยบอกทิวเลย แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าไรหรอก มันสำคัญตรงที่ความรู้สึกของทิวเองหลังจากที่ได้รู้เรื่องนี้ต่างหาก ตอนที่เพื่อนยังไม่มีแฟน แอบชอบเพื่อนก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่พอรู้ว่าเพื่อนมีแฟนแล้วทิวก็รู้สึกกลัว

แล้วทิวกลัวอะไรล่ะ กลัวบูมห่างเหินไป กลัวบูมไม่สนิทด้วยเหมือนเก่า หรือกลัวอะไรอีกล่ะ

แล้วทำไมทิวถึงต้องกลัว นี่มันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายไม่ใช่หรือ สุดท้ายก็ต้องมีแฟน แต่งงาน มีลูกมีครอบครัว ทิวก็เคยคิดอย่างนั้น แล้วทำไมต้องกลัวด้วยล่ะ

ใช่สิ ทิวต้องกลัวเพราะว่าทิวไม่เหมือนเดิมแล้ว มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน ทิวไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ ว่าเขาเป็น...

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2015 15:21:14 โดย sarawatta »

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
แววดราม่าของทิว กำลังมาแล้ววว :a5: เอาใจช่วยทิวน๊าาาา......

ว่าแต่ทิวไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ ว่าเขาเป็น...........เป็น....?????  (เป็นอะไร????) รอติดตามตอนต่อไป.....
 :pig4: ขอบคุณนะคะที่มาลงเรื่องนี้ทุกวันเลย รู้ตัวอีกทีก็ติดเรื่องนี้ซะแล้ว.... :man1: +เป็ดให้กำลังใจคนเขียนค่ะ

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
หดหู่ เข้าใจความรู้สึกกกก

เเง่งๆๆๆ แอบรักเพื่อนเจ็บที่สู้ดดดดดดดดดดดดดดดดด

Ebsilon

  • บุคคลทั่วไป
เศร้าแท้

อย่ามาม่าเยอะน้า กลัวอืดเกิน TT_TT

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 10 ✦ ศักดิ์ศรีลูกแหง่



ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงบังเอิญได้ขนาดนั้น เมื่อจู่ๆ บูมก็ได้รับเลือกจากโรงเรียนให้ไปแข่งขันรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เนื่องจากเขาได้คะแนนในวิชานี้ค่อนข้างสูง บางครั้งก็ได้ถึงหนึ่งร้อยคะแนนเต็ม

หลังอาหารกลางวันวันหนึ่ง บูมจึงถูกเรียกขึ้นไปพบกับครูแอน มีครูผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ช่วยประสานงานเรื่องนี้กับทางรายการทีวีมาด้วย คนที่บูมแปลกใจมากที่สุดก็คือสาวน้อยที่มานั่งรออยู่ก่อนแล้วอีกคนหนึ่ง

"แป๋ม" บูมเรียกชื่อสาวน้อยที่เขาเพิ่งได้รู้จักเมื่อไม่กี่วันด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

"อ้าว พี่บูม พี่บูมก็จะไปแข่งรายการนี้เหมือนกันหรือคะ"  แป๋มหันมามองด้วยรอยยิ้มดีใจ เธอไม่รู้มาก่อนจริงๆ ว่าบูมก็ได้รับเลือกด้วย

"ใช่จ้ะ ก็เธอทั้งสองคนคะแนนภาษาอังกฤษนำลิ่วเลย ไม่มีใครเหมาะกว่าเธอสองคนแล้วล่ะ"

ครูแอนยิ้มด้วยความเอ็นดู แล้วก็เริ่มเล่ารายละเอียดให้ฟังว่าบูมกับแป๋มต้องทำอะไรบ้างเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม

"พวกเธอสองคนคงเคยดูรายการนี้กันแล้วใช่ไหมคะ เด็กที่คัดมาร่วมรายการนี้มีแต่ระดับหัวกะทิทั้งนั้นเลยนะ แต่ครูก็เชื่อว่าเธอสองคนก็หัวกะทิไม่แพ้ใครเลยล่ะ ช่วงนี้ ครูได้ขออนุญาต ผ.อ. แล้วที่จะให้เธอสองคนมาเรียนภาษาอังกฤษกับครูเพิ่มเติมเป็นพิเศษก่อนถึงวันออกรายการ ก็เลยจะขอให้เธอสองคนมาเรียนพิเศษกับครูทุกวันพุธกับศุกร์ ช่วงบ่ายประมาณบ่ายสาม ที่ห้องชมรมภาษาอังกฤษ..."

บูมคงไม่ได้มีปัญหาอะไรถ้าหากว่าการเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมไม่มาตรงกับวันและเวลาที่เขาต้องซ้อมร้องเพลงกับวงดนตรี พี่ปี๊ดเพิ่งบอกกับพวกเขาว่าอีกสองเดือนจะพาไปแข่งประกวดวงดนตรีชิงแชมป์ประเทศไทย เพราะฉะนั้นช่วงนี้ก็คงต้องซ้อมกับวงหนักเหมือนกัน คิดแล้วก็เริ่มปวดหัว

ก็คงยากที่จะหลีกเลี่ยงแล้วล่ะ บูมต้องเรียนพิเศษภาษาอังกฤษวันพุธกับวันศุกร์ช่วงบ่ายสาม แล้วก็ขออนุญาตครูมาซ้อมดนตรีในช่วงเย็นวันพฤหัสได้วันเดียว แต่ก็อาศัยซ้อมด้วยตัวเองในช่วงอื่นๆ ที่มีเวลาไปด้วย จนกว่าจะเสร็จสิ้นจากการเตรียมตัวออกรายการภาษาอังกฤษในอีกสามสัปดาห์ข้างหน้า หลังจากนั้นเขาก็จะมีเวลาซ้อมกับวงดนตรีอีกประมาณหนึ่งเดือน เพื่อนๆ ในวงคงเข้าใจความจำเป็นก็เลยไม่ได้ว่าอะไรมาก แม้จะบ่นๆ อยู่บ้าง

"พี่บูมคะ วันนี้รีบกลับหรือเปล่าคะ แป๋มว่าจะชวนพี่ไปเดินเล่นแถวสยามซะหน่อย" แป๋มเอ่ยชวนหลังจากที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษด้วยกันเสร็จแล้ว

"ไม่รีบครับ" บูมบอกด้วยสีหน้าลังเลใจ

"ไปเดินเล่นกันนะพี่บูม แป๋มกำลังหาเพื่อนไปช่วยซื้อของพอดีเลย ถ้าพี่บูมไม่รังเกียจ ไปเป็นเพื่อนแป๋มหน่อยนะคะ" แป๋มทำท่าเร่งเร้า คงจะเป็นเรื่องยากนักที่ชายหนุ่มจะปฎิเสธหญิงสาวที่สวยน่ารักแถมยังอ้อนเก่งแบบนี้

"ครับ" แต่บูมก็เพิ่งนัดกับทิวและเพื่อนๆ ไว้เสียด้วยว่าจะไปเดินเล่นและหาอะไรกินด้วยกัน

"งั้นพี่ไปเอาของบนห้องก่อนนะ แล้วเรามาเจอกันที่หน้าตึกดีไหม"

"ได้ค่ะ เดี๋ยวแป๋มก็จะไปเอาของที่ห้องเหมือนกันค่ะ"

พอออกจากห้องเรียนพิเศษมาได้ บูมก็รีบโทรศัพท์หาทิวทันที

"ทิว...วันนี้เราต้องขอตัวนะ คือ...พอดีน้องแป๋มเขาอยากให้เราไปซื้อของเป็นเพื่อน เราไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ก็เลยตกลงไปแล้ว แหะๆ เราขอโทษนายแล้วก็ฝากขอโทษเพื่อนๆ ด้วยละกัน"

"อืม...ไม่เป็นไร เราเข้าใจ" ทิวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบจนทำให้บูมรู้สึกผิด ไม่แน่ใจว่าทิวโกรธหรือเปล่า

"ขอโทษจริงๆ นะทิว เราก็อยากไปกับพวกนายนะแต่ว่า"

"เฮ้ย เราบอกแล้วว่าไม่เป็นไรไง นายไปเถอะ เที่ยวให้สนุกละกัน" ทิวพยายามทำน้ำเสียงให้ดูเหมือนไม่มีอะไรเพราะกลัวเพื่อนจะกังวล

"ขอบใจนะทิวที่เข้าใจเรา เที่ยวให้สนุกเช่นกันนะ แล้วค่อยเจอกัน"

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"อ้าวไอ้บูม"

ต้องอุทานด้วยความแปลกใจเมื่อเจอบูมกำลังเดินเลือกซื้อเสื้อผ้ากับสาวน้อยคนหนึ่งหน้าตาคุ้นๆ

"ไอ้ต้อง"

บูมก็ดูตกใจเช่นกัน ยิ่งพอเห็นว่านอกจากต้องแล้วก็ยังมีทิว เอก มิตร ช้าง มัสมั่นและอุ้ยมาด้วยก็ยิ่งทำให้บูมทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว

"นั่นน้องแป๋มนี่" อุ้ยจำได้แม่นเลยทีเดียวเพราะมันก็แอบปลื้มน้องเขาอยู่เหมือนกัน

"เพื่อนพี่บูมเหรอคะ หวัดดีค่ะ พอดีวันนี้แป๋มชวนพี่บูมมาเป็นเพื่อนแป๋มซื้อของน่ะค่ะ พวกพี่ๆ มาซื้อของเหมือนกันเหรอคะ" แป๋มหันมาถามเสียงใส

"ครับ ไม่รู้มาก่อนเลยว่าน้องแป๋มรู้จักกับบูมด้วย" น้ำเสียงของอุ้ยดูมีเลศนัยชอบกล

"รู้จักสิคะ บูมวง Zenith ใครๆ ก็รู้จักค่ะ อ้าวนั่นพี่ทิวนี่คะ แป๋มกับเพื่อนๆ ชอบพี่ทิวร้องเพลงมากเลยค่ะ ปีที่แล้วก็ไปดูที่เมืองทองด้วย" แป๋มหันไปทักทายและยิ้มให้กับทิว

"ขอบคุณครับ"

ทิวฝืนพูดได้เท่านี้ แล้วสีหน้าก็กลับมาเรียบเฉยเหมือนเดิม คอยแอบมองดูบูมกับแป๋มด้วยแววตาที่มีคำถามหลายอย่าง

"เห็นเงียบๆ มึงนี่ก็ไม่ใช่เล่นเลยนะไอ้บูม"

ต้องแอบเดินไปกระซิบข้างหูบูมแล้วก็ขำ บูมได้แต่ยิ้มเหมือนกับไม่รู้จะทำสีหน้าแบบไหน บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกกังวลใจเมื่อเห็นเพื่อนอีกคนหนึ่งดูเงียบๆ ไป

"ตามสบายละกัน เดี๋ยวพวกกูไปดูของทางนู้นก่อน" ต้องบอกแล้วพยักพเยิดให้เพื่อนตามมา

"ทิว" บูมเรียกเพื่อนเหมือนกับพยายามจะทักทายเพราะเห็นทิวดูเงียบๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ดูผิดปกติไปจากที่เคยเป็น

ทิวหันมามอง ยิ้มเล็กน้อย แต่มันก็ดูเป็นรอยยิ้มที่แฝงความเศร้าอยู่ในที

"เราไปก่อนนะ" แล้วทิวก็เดินตามกลุ่มเพื่อนๆ ไป บูมได้แต่มองตาม ช่วงนี้จะว่าไปแล้วเขากับทิวก็ไม่ค่อยได้คุยกันเลยเพราะมัวแต่ยุ่งๆ กันอยู่

หลังจากการออกรายการทีวีแข่งขันภาษาอังกฤษคราวนั้นแล้ว ก็เป็นที่รู้กันไปทั่วโรงเรียนว่าบูมกับแป๋มคบกันเป็นแฟน สำหรับทิวแล้ว มันช่างเป็นข่าวที่น่าช้ำใจเสียจริงๆ แต่จะทำยังไงได้ มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ความผิดของบูมที่จะมีแฟนและต้องให้เวลากับแฟน ก็เป็นเพียงเรื่องธรรมดาของผู้ชายในวัยนี้ มีแต่ทิวนั่นแหละที่กำลังคิดว่าตัวเองผิดธรรมชาติอยู่คนเดียว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"กลับมาแล้วเหรอบูม เอาของไปเก็บแล้วขึ้นไปคุยกับแม่"

คุณทิพย์นภาบอกลูกชายด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก วันนี้เห็นทีเธอจะต้องอบรมลูกชายคนเล็กให้หนัก แต่เธอก็เลือกวันที่สามีไม่อยู่เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องเหมือนคราวนั้นอีก

บูมเอาของไปเก็บบนห้องแล้วก็ลงมาหาแม่ที่ห้องข้างล่างที่มีไว้สำหรับนั่งเล่นหรือคุยกันเฉพาะในครอบครัว วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลยนอกจากบูมกับแม่ พี่บีมก็ไปเข้าค่ายศิลปะที่ต่างจังหวัด ส่วนพ่อก็ไปดูงานต่างประเทศ

"ทำไมถึงกลับบ้านมืดๆ ค่ำๆ ติดๆ กันทุกวันอย่างนี้ล่ะบูม ที่พ่อกับแม่เคยอนุญาตให้ ไม่ได้หมายความจะให้บูมไปทุกวันเสียเมื่อไร นี่อะไร ไม่สามทุ่มไม่เคยถึงบ้าน"

บูมหน้าสลดทันที เขานึกอยู่แล้วว่าแม่ต้องบ่นเรื่องนี้ "บูม...ไปเดินเที่ยวกับเพื่อนครับ"

"เดินเที่ยวกับเพื่อน" แม่ทวนคำเสียงดัง

"เที่ยวอะไรกันได้ทุกวัน บูมกำลังปิดบังอะไรแม่อยู่หรือเปล่า บอกแม่มาตามตรงได้ไหม หรือว่าบูมมีแฟน"

บูมสะดุ้งตกใจ แต่ก็พยายามเก็บอาการไว้ให้ดูเป็นปกติมากที่สุด แต่มีหรือที่คุณทิพย์นภาจะไม่สังเกตเห็น

"บูมมีแฟนใช่ไหม บอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ"

"ครับ" บูมรับคำเสียงอ่อยๆ เมื่อไม่รู้ว่าจะหลบหลีกยังไง

"บูม" แม่เรียกเสียงดังจนบูมตกใจ

"ทำไมถึงได้ขยันหาแต่เรื่อง แม่เคยบอกแล้วใช่ไหมเรื่องผู้หญิงน่ะ เอาไว้ให้เรียนจบก่อนก็ได้ ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะแยะที่บูมจะหาแฟนดีๆ สักคน ทำไมถึงชอบหาเรื่องให้พ่อแม่กลุ้มใจแบบนี้นะ เคยเห็นในข่าวไหมพวกวัยรุ่นใจแตก เรียนไปไม่เท่าไรก็มีแฟน แล้วก็ท้อง แล้วก็ไปทำแท้ง บูมจะให้พ่อกับแม่ต้องมากังวลเรื่องพวกนี้อีกเหรอ"

"แม่...แต่บูมไม่คิดอะไรถึงขนาดนั้นนะแม่" บูมเถียง

"แล้วจะให้แม่มั่นใจได้ยังไง เอาแค่ตอนนี้บูมก็ทำตัวเหลวไหลแล้ว กลับมามืดค่ำขนาดนี้ได้อ่านหนังสือหนังหาบ้างไหม เดี๋ยวเกรดตกพ่อก็จะได้ดุเอาอีก"

บูมได้แต่ก้มหน้าเพราะไม่รู้ว่าจะเถียงว่าอย่างไร

"แม่ขอสั่งห้าม ต่อไปนี้บูมห้ามไปเดินเที่ยวเล่นเกินหนึ่งวันต่ออาทิตย์ ถ้าบูมไม่เชื่อ แม่จะริบบัตรเครดิต แล้วก็จะลดค่าขนมของบูมด้วย"

น้ำเสียงเด็ดขาดของแม่ทำให้บูมไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากทำตามเพียงอย่างเดียว ก็ยังดีที่แม่ไม่บอกให้เขาเลิกกับแฟนไปด้วย แต่ถ้าแม่ต้องการให้ทำอย่างนั้นจริงๆ เขาก็คงต้องทำตาม นี่ถ้าพี่บีมรู้ว่าบูมยังคงกลัวพ่อกับแม่และไม่มีจุดยืนอย่างนี้ พี่บีมคงไม่พอใจเหมือนกัน

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"พี่บูมคะ พี่บูมโตแล้วนะคะ ไม่ใช่ลูกแหง่ ทำไมจะต้องอะไรขนาดนั้นคะ"

แป๋มว่าอย่างอดไม่ได้เมื่อบูมมาบอกเธอว่าคงจะไปเดินเที่ยวเล่นกับเธอได้แค่อาทิตย์ละครั้งเท่านั้น พอถามไปถามมาก็ได้ความว่าแม่เป็นคนสั่งห้าม นั่นแหละจึงทำให้แป๋มเกิดอาการไม่พอใจขึ้นมาทันที

บูมถึงกับสะอึกเมื่อสาวน้อยที่เพิ่งกลายมาเป็นแฟนได้ไม่ถึงเดือนต่อว่าเช่นนั้น มันเสียดแทงเข้าไปในใจของบูมเลยทีเดียวล่ะ ฟังๆ ไปแล้วมันก็เหมือนเขาถูกหยามศักดิ์ศรี เหมือนเป็นผู้ชายอ่อนแอ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่มีความเป็นผู้นำและไม่มีความกล้าหาญเอาเสียเลย

"แป๋มจะกลับบ้าน" เห็นบูมเงียบไปแป๋มก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้น

"เดี๋ยวก่อนสิแป๋ม ฟังพี่ก่อน" บูมร้องห้ามพลางดึงมือแฟนสาวไว้

แป๋มมองที่มือของบูมที่จับมือเธออยู่อย่างไม่ชอบใจนัก

"พี่ขอโทษ" บูมรีบปล่อยทันทีเมื่อรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม แป๋มก็กลับมานั่งที่ตามเดิม

จังหวะนั้น พนักงานในร้านเอาไอศครีมที่สั่งไว้มาเสิร์ฟพอดี บูมกับแป๋มรอจนพนักงานคนนั้นเดินออกไปแล้วจึงคุยกันต่อ

"พี่สัญญานะว่าพี่จะพยายามมาเป็นเพื่อนแป๋มให้ได้มากที่สุดก็แล้วกัน แป๋มอย่าโกรธพี่นะ แป๋มให้โอกาศพี่อีกสักครั้งได้มั๊ย"

ดูเหมือนคำอ้อนวอนของบูมจะได้ผลอยู่บ้าง แป๋มจึงลดอาการกระฟัดกระเฟียดลง แค่ได้เห็นว่าบูมยังห่วงใยความรู้สึกของเธออยู่ก็ทำให้แป๋มรู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ดูเหมือนคำขู่ของแม่จะไม่ค่อยได้ผลนักคราวนี้ บูมไม่ได้กลับมืดค่ำทุกวันก็จริง แต่ก็ไม่ได้ไปแค่วันเดียวตามที่แม่ห้าม แถมพอกลับมาก็ยังคุยโทรศัพท์กับแฟนเป็นชั่วโมงๆ ไม่ได้อ่านหนังสือหนังหา ทำให้คุณทิพย์นภาเดือดดาลมากทีเดียว แต่คราวนี้เธอใช้วิธีเข้าหาบีมแทน เพราะสังเกตเห็นว่าช่วงหลังๆ มานี้บูมดูจะสนิทกับพี่ชายมากขึ้น

"น้องชายของเราชักเอาใหญ่แล้วรู้ไหม"

ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าก็ทำให้บีมเข้าใจอารมณ์ของผู้เป็นแม่ทันที จริงๆ เขาก็สังหรณ์ใจอยู่แล้วล่ะที่แม่เรียกให้มาหา ไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้วที่แม่แทบไม่เคยทำอย่างนี้กับบีมเลย

"อายุเท่านี้ริมีแฟน เดี๋ยวนี้กลับบ้านมืดๆ ค่ำๆ หนังสือหนังหาไม่อยากจะอ่าน กลับมาแล้วก็เอาแต่โทรศัพท์ พ่อกับแม่บอกอะไรก็ไม่ฟัง แม่ห้ามแล้วว่าให้ไปเดินเล่นได้แค่วันเดียว นี่ไม่ฟังแม่เลย" บ่นแล้วก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ

บีมดูจะแปลกใจกับพฤติกรรมของน้องชายที่แม่เล่าให้ฟังอยู่เหมือนกัน ไม่คิดว่าบูมจะถึงกับกล้าขัดคำสั่งของแม่ได้ถึงขนาดนี้

"บีมช่วยพูดกับน้องหน่อยได้ไหมลูก แม่เป็นห่วงบูม เป็นแบบนี้หนักเข้าบูมมันจะเสียคน" ในที่สุดแม่ก็บอกความต้องการออกมา

"แม่ครับ บูมเขาโตแล้วนะครับแม่ ผมว่าพ่อกับแม่ปล่อยเขาบ้างเถอะครับ"

"บีม" แม่เสียงแหวอีกแล้ว แต่สักพักเธอก็ปรับสีน้ำเสียงให้อ่อนลง

"ถ้าบีมเป็นแม่ บีมก็จะรู้ว่าแม่เป็นห่วงลูกๆ ของแม่มากแค่ไหน ที่พ่อกับแม่เคยทำแบบนั้นกับบีมก็เพราะว่าพ่อกับแม่รักและเป็นห่วงบีม อยากให้บีมมีอนาคตที่ดี มันอาจจะทำให้บีมอึดอัด แต่สักวันบีมจะเข้าใจ คนเป็นพ่อเป็นแม่ยังไงก็รักลูกทุกคน พ่อกับแม่ก็อยากเลือกหนทางชีวิตที่ดีที่สุดให้ลูกของตัวเอง บีมเข้าใจแม่หรือเปล่า"

บีมอึ้งจนพูดไม่ออกเลยทีเดียวเมื่อได้ฟังจากแม่แบบนั้น ถามว่าเขารักน้องไหม แน่นอนเขาก็ต้องตอบว่ารัก แต่คนที่เป็นพ่อเป็นแม่คงไม่ใช่แค่รักลูกอย่างเดียว แต่ต้องคิดเผื่อและมองหาหนทางที่ดีที่สุดไว้สำหรับลูกเสมอ บางทีเขาก็อาจจะคิดอะไรไม่ลึกซึ้งเท่าพ่อกับแม่ที่มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าก็ได้ ที่สำคัญ ยังคนไม่เคยมีลูกอย่างบีมก็อาจจะมีมุมมองอย่างหนึ่ง แต่คนที่เป็นพ่อเป็นแม่แล้วก็อาจจะมีมุมมองอีกอย่างหนึ่งเช่นกัน

"น้องมันยังเด็กนะบีม เขาไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างนี้ตั้งแต่ทีแรก น้องยังขาดประสบการณ์ชีวิตอีกหลายอย่าง แม่กลัวว่าบูมจะเตลิด บีมไม่ได้อยากให้น้องเป็นอย่างนั้นใช่ไหม บีมช่วยพ่อกับแม่หน่อยนะลูก เตือนน้องมันบ้าง ก่อนที่พ่อจะรู้แล้วเป็นเรื่องใหญ่ ยังไงก็เห็นแก่อนาคตของน้องนะลูก"

นับว่าเป็นครั้งแรกที่แม่ขอร้องบีมอย่างนี้ บีมจะขัดคำขอร้องของผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็กจนโตได้อย่างนั้นหรือ อีกอย่างหนึ่งก็คงเป็นเพราะเริ่มเป็นห่วงบูมแล้วล่ะ

ก็คงจะจริงอย่างที่แม่ว่า บูมไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาเหมือนทิวหรือเพื่อนคนอื่นๆ เคยอยู่แต่ในกรอบ เคยแต่ถูกบังคับให้คิด ให้ทำ ทักษะทางสังคมก็ยังน้อย การที่อยู่ดีๆ จะปล่อยให้บูมเป็นอิสระโดยไม่ห้ามอะไรเลยนั้นอาจไม่เป็นผลดีกับบูมได้ การที่บูมดื้อกับแม่คราวนี้เหมือนจะบอกอะไรบางอย่างได้อยู่เหมือนกันว่าบูมยังหาจุดยืนของชีวิตไม่ได้ บางอย่างบูมก็ทำเยอะไป บางอย่างบูมก็ทำน้อยไป เพราะเขายังไม่เคยมีประสบการณ์ที่จะคิดและตัดสินใจในเรื่องพวกนี้มากนัก จำเป็นต้องมีคนคอยให้คำแนะนำ เขาก็คงจะนิ่งเฉยดูดายไม่ได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"เดี๋ยวนี้พี่บีมอยู่ข้างพ่อกับแม่แล้วเหรอครับ"

นั่นคือสิ่งที่น้องชายย้อนถามกลับมาเมื่อบีมมาคุยกับบูมตามที่แม่ขอร้องไว้

"ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะบูม" บีมมีสีหน้าตกใจ

"ฮึ" บีมแค่นหัวเราะ "ผมนึกว่าพี่บีมจะเข้าใจผม เชื่อใจผม แต่พี่บีมก็คิดเหมือนพ่อกับแม่อีกคน"

เห็นสีหน้าโกรธขึ้งของน้องชายแล้วบีมก็ใจเสียเหมือนกัน เพิ่งจะกลับมาดีกันได้ไม่เท่าไรก็จะบาดหมางใจกันอีกแล้ว

"บูม...พี่เข้าใจเรื่องที่บูมอยากมีแฟนนะ พี่เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่พี่แค่อยากให้บูมเห็นอีกด้านหนึ่งว่าพ่อกับแม่ก็เป็นห่วงบูม พี่เองก็ไม่สบายใจที่บูมกลับบ้านมืดค่ำบ่อยๆ ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ มันไม่เป็นผลดีกับอนาคตของบูมเองนะ"

แทนที่บูมจะเข้าใจ บีมก็ต้องหน้าหงายรอบสองเมื่อบูมตอบมาว่า "พอเถอะครับ ผมไม่อยากคุยอะไรแล้ว"

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับบูม ทำไมบูมดูก้าวร้าวมากขึ้นขนาดนี้ บทจะเชื่อมั่นในตัวเอง บูมก็ดูเชื่อมั่นจนเลยเถิด หรือบูมจะเป็นอย่างที่แม่พูดไว้ว่าบูมไม่ได้ถูกเลี้ยงมาแบบนั้นตั้งแต่ทีแรก จากคนที่เคยถูกกดดัน พอได้รับอิสระขึ้นมาหน่อยเขาก็อาจจะเหลิงและหลงได้ ดูไปแล้วก็น่าห่วงอยู่เหมือนกัน

"โอเค งั้นพี่กลับห้องก่อนละกันนะบูม พี่ขอโทษด้วยนะที่ก้าวก่ายเรื่องของบูมมากเกินไป"

บีมว่าแล้วก็ขอตัวเดินออกจากห้องน้องชายไปด้วยสีหน้าหนักใจ รู้สึกผิดที่บีมเองก็คงมีส่วนทำให้น้องชายมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวมากขึ้น

เรื่องที่คุณทิพย์นภากังวลก็ถือว่าเข้าเค้าทีเดียว คำพูดของแฟนสาวที่หาว่าบูมเป็นลูกแหง่นั้นทำให้บูมอยาก "ลองดี" ดูบ้างเพื่อลดความรู้สึกดูถูกตัวเอง บูมไม่อยากได้ยินคำนั้นอีก มันทำให้เขาดูอ่อนแอ ไม่เป็นลูกผู้ชาย เขาไม่ชอบให้ใครมาว่าเขาแบบนี้เลย แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่บูมทำอยู่ตอนนี้ก็ยังขาดความพอดีเพราะเขาเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ชีวิตอย่างนี้มาก่อน คงต้องอาศัยเวลาอีกสักพักให้บูมค่อยๆ ปรับแต่งจังหวะความคิดและชีวิตให้ลงตัวมากกว่านี้

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2015 15:21:45 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 11 ✦ คนเจ้าปัญหา



ช่วงนี้บูมกับแป๋มต้องห่างๆ กันไปบ้างเพราะบูมต้องซ้อมกับวงก่อนไปแข่งชิงรางวัลวงดนตรีเยาวชนยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทยในเร็วๆ นี้ แต่ความสัมพันธ์ก็ยังคงดำเนินไปตามเดิม เวลาว่างหลังเลิกเรียนก็ยังออกไปกินข้าว เดินเล่นหรือซื้อของด้วยกันตามประสาหนุ่มสาวกันอยู่

ช่วงนี้ทิวดูเงียบๆ ไปจนผิดสังเกต แม้ว่าจะซ้อมดนตรีด้วยกันบ่อยๆ แต่ความสนิทสนมกับบูมก็ดูน้อยลงไปจนรู้สึกได้ ไม่ใช่แต่บูมเท่านั้นที่รู้สึกถึงความผิดปกตินี้ เพื่อนๆ คนอื่นๆ ในห้องก็เริ่มรับรู้และสงสัยถึงพฤติกรรมที่แปลกไปของทิวเช่นกัน หลายคนเกิดคำถามในใจว่า

"เป็นไรของมันวะ"

วันนี้ก็เช่นกัน พอซ้อมเพลงเสร็จแล้ว ทิวก็เก็บกระเป๋าเตรียมกลับบ้านทันที ปกติชอบเล่นเตะบอลก็ไม่ค่อยเล่นเหมือนเมื่อก่อน

"ทิว วันนี้ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันไหม" บูมชวนเพื่อนพลางยิ้ม เขารู้สึกคิดถึงทิวอย่างบอกไม่ถูก แต่คำตอบของทิวก็ทำให้บูมถึงกับหน้าเสีย

"ไม่ดีกว่า เราจะกลับบ้าน วันนี้แป๋มไม่ชวนนายไปไหนเหรอ" น้ำเสียงเหมือนแฝงความน้อยใจอยู่ในที

"ทิว..."

บูมพูดเสียงเบา ออกอาการผิดหวังที่ถูกทิวปฏิเสธ ปกติทิวไม่เคยปฏิเสธบูมอย่างนี้เลยนี่นา

"พอดีวันนี้น้องแป๋มเขาต้องไปธุระกับครอบครัว เขาก็เลยขอกลับก่อน"

"อ๋อ..." ทิวสะพายกระเป๋าเป้ เตรียมตัวเดินออกไป "เราไปก่อนนะ วันนี้เราไม่สะดวกจริงๆ"

พูดจบทิวก็เดินออกไปทันที บูมตัดสินใจคว้ามือเพื่อนไว้ก่อนที่เจ้าของร่างจะเดินตัวปลิวหนีไปเสียก่อน

"เดี๋ยวก่อนสิทิว"

"มีอะไรหรือเปล่าบูม" ทิวหยุดและหันมามอง

ทิวไม่รู้ว่ามันเป็นคำถามที่ดีที่เขาควรจะถามเพื่อนไหม มันฟังดูห่างเหินหมางเมินชอบกล บูมค่อยๆ ปล่อยมือเพื่อนเพราะคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มมองด้วยสายตาแปลกๆ

"นายโกรธอะไรเราหรือเปล่า"

คำถามนั้นเหมือนจะไม่ค่อยมั่นใจนัก ที่ผ่านมาบูมกับทิวสนิทกันและเข้ากันได้ดีกว่าใครๆ ยังไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกันเลย นอกจากเรื่องที่บูมมีแฟนแล้ว ความรู้สึกทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ก็ไม่น่าจะมีอะไรให้ทิวไม่พอใจได้

"เปล่า...นายไม่ต้องคิดมากหรอก เราไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้โกรธอะไรนายเลย"

ทิวพยายามยิ้มอย่างเต็มที่เพื่อให้บูมสบายใจว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร

"แต่นายดูไม่เหมือนเดิมเลยนะทิว" บูมยังไม่วายสงสัยอยู่ดี

"เฮ้ยจริงเหรอ...ไม่หรอก เราก็เหมือนเดิมแหละ สงสัยนายจะคิดมากไปเอง"

ทิวพยายามกลบเกลื่อน มันอาจจะดูไม่เป็นธรรมชาตินัก แต่เมื่อเพื่อนยืนยันขนาดนี้ บูมก็ควรจะเลิกสงสัย

"ถ้างั้น...เราไปบ้านนายด้วยได้ไหม" บูมไม่เลิกความพยายาม ยังไงวันนี้เขาก็ต้องใช้เวลากับทิวบ้างให้ได้

"ไม่มีอะไรหรอก เราแค่อยากคุยกับนาย" บูมชี้แจงเมื่อเห็นทิวเลิกคิ้วสงสัย

ทิวพยักหน้าตกลง จริงๆ เขาก็ไม่ควรจะท่ามากจนเกินไป ยิ่งทำอย่างนั้นก็จะยิ่งทำให้คนอื่นสงสัย เป็นผู้ชายต้องน้อยๆ เข้าไว้ คิดมาก เรื่องเยอะมันดูจะผิดวิสัยของผู้ชายมากไป

ก็เป็นอันว่าบูมได้มาเที่ยวบ้านทิวอีกครั้ง ไปถึงเขาก็ช่วยทิวรดน้ำต้นไม้ที่มีอยู่มากมายหน้าบ้าน แม่ของทิวกลับมาพอดี วันนี้บูมก็เลยโชคดีที่จะได้กินอาหารฝีมือคุณแม่ของทิวไปด้วย

"นายกับแป๋มเป็นไงมั่ง" อยู่ดีๆ ทิวก็ถามขึ้น

บูมหันไปมองหน้าเพื่อน เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของทิวหายไปทันทีที่ถามคำถามนั้น จะว่าไปก็ดูเศร้าๆ อยู่ไม่น้อย

"ก็ดี แล้วนายล่ะทิว นายไม่คิดอยากจะมีแฟนกับเขามั่งเหรอ นายหล่อมากเลยนะ รู้ตัวหรือเปล่า" คนถามถามไปยิ้มไป

"ยังหรอก เรายังไม่อยากรักใครตอนนี้"

"แน่ใจนะว่านายไม่ได้แอบรักใครอยู่" บูมถามเล่นๆ แต่ก็เล่นเอาคนฟังนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย

"ไม่มีหรอก ไปร้องเพลงกันดีกว่า"

ทิวปฏิเสธแล้วก็รีบตัดบท เขาไม่อยากสนทนาเรื่องนี้นานนัก คุยไปคุยมาอาจจะเผลอพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปได้

"อืม...ก็ดีเหมือนกัน"

บูมพยักหน้าพร้อมกับยิ้มดีใจ

จากนั้นสองหนุ่มก็หยุดกิจกรรมรดน้ำต้นไม้แล้วย้ายมุมมาที่ห้องนั่งเล่นที่มีคีย์บอร์ดตัวเดิมของทิวตั้งอยู่ ก็ร้องเพลงกันอยู่ดีๆ นั่นแหละ จนกระทั่งบูมร้องเพลง "ฉันดีใจที่มีเธอ" พร้อมกับมีทิวคอยเล่นคอร์ดและร้องประสานเสียงในบางช่วงให้ พอร้องท่อนฮุกแรกจบไป บูมก็ต้องตกใจเมื่อสังเกตเห็นว่าทิวน้ำตาไหล

"ทิว เป็นไร"

ทิวหยุดเล่นคีย์บอร์ด พยายามคิดหาคำตอบที่เขาควรจะตอบเพื่อน บางทีเขาก็นึกโมโหตัวเองจริงๆ ที่แสดงอาการอย่างนี้ให้เพื่อนเห็น จะว่าไปแล้วถ้าไม่นับเรื่องที่บูมมีแฟนจนต้องแบ่งเวลาบางส่วนไปให้แฟนใหม่ที่เพิ่งคบกัน บูมก็ยังคงปฏิบัติตัวเหมือนเดิมกับทิวทุกอย่าง ไม่มีอะไรต่างไปจากเดิมเลย ทิวไม่ดีใจเลยหรือที่มีบูมเป็นเพื่อนที่สนิทสนมขนาดนี้ ทิวกำลังจะเรียกร้องเอาอะไรจากเพื่อนกันแน่ ที่ได้มาจากบูมในตอนนี้ยังไม่พออีกหรือไง

"เปล่า...เพลงมันเพราะดีนะ ความหมายก็ดี ตรงกับความรู้สึกของเราตอนนี้เลย"

ทิวกำลังจะเช็ดน้ำตา แต่บูมดูเหมือนจะมือไวกว่ารีบคว้าผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วซับน้ำตาให้เพื่อน นั่นยิ่งทำให้ทิวร้องให้ด้วยความซาบซึ้งใจมากขึ้น ทิวเลยต้องรับผ้าเช็ดหน้ามาจากมือของบูมแล้วซับน้ำตาของตัวเอง ตั้งแต่มีเพื่อนมาก็หลายคน ทิวก็ไม่เคยมีความรู้สึกน้อยใจหรือต้องมานั่งร้องให้แบบนี้กับเพื่อนเลย นี่ถ้าพวกนั้นมันมาเห็นเข้าคงสงสัยเขาน่าดู

ไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันต่อ แม่ก็เรียกกินข้าวเสียแล้ว เด็กๆ จึงต้องละจากการร้องเพลงแล้วไปกินข้าวกับแม่ในห้องครัวที่มีโต๊ะสำหรับกินข้าวของคนในครอบครัวจัดไว้อยู่ ความจริงก็มีแค่ทิวกับแม่เท่านั้นที่กินข้าวด้วยกันสองคนอย่างนี้มานานแล้ว

บูมดูจะชอบอาหารที่แม่ของทิวทำมาก เขาชมไม่ขาดปากและกินข้าวไปตั้งสามจาน เยอะที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลยล่ะ เล่นเอาคนทำอาหารยิ้มอย่างมีความสุขที่เห็นคนกินชอบมากขนาดนั้น

บูมกับทิวมาเดินเล่นดูต้นไม้ด้วยกันหน้าบ้านอีกครั้งหลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จแล้ว

"ถ้าวันหนึ่งอยู่ดีๆ มีคนที่นายเคยรู้จักมาบอกว่าชอบนาย นายจะทำยังไงน่ะบูม"

ท่าทางก็แปลกไป คำถามก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ แม้ว่าจะเอะใจสงสัยแต่บูมก็ยังไม่ได้คิดอะไรมากนัก

"ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง เรายังไม่เคยเจอเหตุการณ์นี้เลย แล้วนายล่ะทิว ถ้าเป็นนายนายจะทำยังไง"

"เราเหรอ...ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง" ทิวหัวเราะแหะๆ "ก็เหมือนนายนั่นแหละ เรายังไม่เคยรักใครเลย"

บูมเอียงคอสงสัย

"เราว่านายดูแปลกๆ ไปนะทิว ชอบถามคำถามแปลกๆ ด้วย นายมีอะไรหรือเปล่า บอกเราได้นะ นายเคยช่วยเราตั้งหลายอย่าง ถ้านายมีอะไรนายก็บอกเราได้นะ เราอยากช่วย ถึงช่วยเองไม่ได้เราก็จะหาคนมาช่วย"

บูมพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ดูจริงจังขึ้น

"ไม่มีไรหรอก เราก็แค่ถามไปอย่างงั้นแหละ" ทิวแก้ตัว แต่สีหน้าก็ยังดูครุ่นคิดจนทำให้อีกฝ่ายยากที่จะคลายความสงสัยไปได้

"แน่ใจนะทิว หรือว่า...นายแอบชอบใครอยู่หรือเปล่าถึงได้ถามอย่างนี้ แอบชอบสาวในห้องเหรอ" บูมยิ้มและทำเสียงล้อเลียน

"เปล่า...ไม่ได้ชอบใคร" ทิวปฏิเสธเป็นพัลวัน

"เอาเหอะ ถ้านายยังไม่อยากบอกตอนนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก เรารอได้ แต่นายรู้ไว้นะทิว เราน่ะ...มีชีวิตอย่างนี้ได้ก็เพราะนาย เรายินดีจะช่วยนายนะ พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกเรานะ"

ทิวพยักหน้า แล้วก็ตั้งใจว่าต่อไปจะไม่ถามคำถามที่เสี่ยงกับการย้อนเข้าหาตัวเองอย่างนี้อีกแล้ว

เดินเล่นและคุยกันอยู่สักพัก บูมก็ขอตัวกลับบ้าน ทิวโทรเรียกแท็กซี่ให้มารับเพราะบ้านเขาอยู่ในซอยลึกพอสมควร พอบูมขึ้นแท็กซี่ไปแล้ว ทิวก็โบกไม้โบกมือให้จนรถเคลื่อนออกไปจนลับตา ทิวมองตามแล้วก็ถอนหายใจ ไม่รู้เลยว่าต่อไปอารมณ์จะแปรปรวนมากแค่ไหน เขาจะพยายามเตือนตัวเองก็แล้วกันว่าบูมไม่ได้ทำอะไรผิด ยังไงๆ บูมก็ยังเป็นเพื่อนเหมือนเดิม ความรู้สึกดีๆ ที่ได้จากเพื่อนก็ได้มามากพอแล้ว เวลาที่เพื่อนให้มาก็เพียงพอแล้ว ใช่ไหมทิว มันพอแล้วใช่ไหม นายไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้ใช่ไหม

กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นแบบนี้ มันก็ผ่านมาจนเขาอายุ 17 ปีแล้ว แต่ก็ใช่ว่าที่ผ่านมาจะไม่มีอะไรแปลกๆ ให้ทิวสงสัยตัวเอง ก็มีเหมือนกัน ตั้งแต่พ่อจากไป ทิวก็รู้ว่าในใจลึกๆ โหยหาความอบอุ่นนี้จากพ่อ เป็นความอบอุ่นในแบบที่แม่ไม่สามารถทดแทนให้ได้

หลายครั้งทิวรู้สึกชอบเวลาที่เห็นผู้ชายวัยกลางคนที่หน้าตาท่าทางใจดี ทิวชอบเข้าไปคุยด้วยหรือชอบเข้าไปอยู่ใกล้ๆ บางครั้งก็เผลอคิดไปว่าถ้าเขาได้กอดผู้ชายคนนั้นคงจะอบอุ่นมาก แต่เขาก็ไม่เคยได้ทำอย่างนั้นหรอก กับเพื่อนๆ ก็ไม่เคยได้กอดอย่างนั้น อย่างมากก็กอดคอ

จนกระทั่งได้รู้จักกับบูม แล้วบูมก็กลายเป็นผู้ชายคนแรกที่มอบความอบอุ่นในแบบที่ทิวเรียกร้องหามาตลอดชีวิตให้ มันเหมือนการเสพติดเสียแล้ว พอได้มาแล้วเขาก็อยากจะได้สิ่งนั้นต่อไป

แต่ทิวก็รู้ว่ามันยังมีอะไรที่มากกว่าการเสพติด ความใกล้ชิดและความผูกพันมันทำให้เขาคิดไปไกลกว่านั้นแล้ว นั่นแหละคือเหตุผลที่ทิวไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกต่อไปว่าสิ่งที่ได้จากเพื่อนในตอนนี้มันเพียงพอแล้ว มันไม่พอไม่ใช่เพราะว่าบูมให้มาน้อยไป แต่มันไม่พอเพราะบูมไม่ได้ให้ในสิ่งที่เขาอยากได้ต่างหากล่ะ

มาถึงตรงนี้ทิวก็เริ่มจะยอมรับกับตัวเองได้แล้วว่าเขาเป็นเกย์!!!

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ดูเหมือนบูมจะเริ่มให้เวลากับทิวมากขึ้น ถึงทิวจะไม่พูดอะไร แต่บูมก็เดาเอาเองว่าทิวน่าจะน้อยใจที่เขาไม่ค่อยมาหา แต่กลับไปให้เวลากับแป๋มมากเกินไป จะว่าไปแล้ว บูมก็มีความสุขดีเวลาอยู่กับทิว เวลาอยู่กับแฟน บูมรู้สึกว่าเขาถูกคาดหวังให้ต้องทำอะไรหลายอย่าง ต้องเสียสละ ต้องอดทน ต้องยอมแม้จะไม่เห็นด้วย ต้องคอยเอาใจ ต้องคอยทำให้ประทับใจ บางทีมันก็เยอะไปเหมือนกันที่ผู้ชายคนหนึ่งต้องถูกคาดหวังมากขนาดนี้จากคนที่เป็นแฟน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้บูมรู้สึกอย่างนั้น คนเป็นแฟนกัน มีความรักให้กัน การเอาอกเอาใจหรือคอยดูแลย่อมเป็นเรื่องธรรมดา ยกเว้นว่าไม่รักกันจริงหรืออีกฝ่ายเรียกร้องมากไปจนเกินรับได้นั่นแหละ บูมยังไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุใดกันแน่

แต่เพราะแบบนี้นี่แหละที่ทำให้บูมกับแป๋มต้องทะเลาะกันอีกแล้ว

"พี่บูมยังเห็นแป๋มเป็นแฟนพี่บูมอยู่หรือเปล่าคะ ถ้าอย่างงั้น...ก็ควรจะมีเวลาให้แป๋มบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ซ้อมดนตรีแล้วก็เรียนๆๆๆๆ"

"แป๋ม ช่วงนี้พี่ต้องซ้อมเยอะเพราะว่าอาทิตย์หน้าพี่ต้องไปแข่งแล้ว อีกอย่าง มันก็ใกล้สอบแล้วด้วย พี่ก็ต้องอ่านหนังสือบ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าพี่ไม่แคร์แป๋มนะ"

"พี่แคร์แป๋มจริงๆ เหรอคะ แล้วที่สัญญาแป๋มไว้พี่บูมก็ทำไม่ค่อยได้ นอกจากจะซ้อมเพลง อ่านหนังสือจนไม่มีเวลาให้แป๋มแล้ว พี่ก็ยังเป็นลูกแหง่เหมือนเดิม ไม่เห็นจะ..."

"น้องแป๋ม!!!" บู

มพูดเสียงดังด้วยความไม่พอใจจนแป๋มต้องหยุดชะงัก เธอดูตกตะลึงทีเดียวที่เห็นบูมทำเสียงและสีหน้าไม่พอใจอย่างนั้น เท่านั้นยังไม่พอ คนที่อยู่ในร้านอาหารเดียวกับพวกเขาสองคนต่างก็หันมามองด้วยความสงสัย

คำว่า "ลูกแหง่" เสียดแทงใจบูมเหลือเกิน เขาเกลียดคำนี้ เขาไม่ได้อยากได้ยินมันอีกแล้ว

"ถ้าน้องแป๋มยังอยากเป็นแฟนกับพี่อยู่ น้องแป๋มต้องเลิกเรียกพี่แบบนี้เข้าใจไหม" บูมยื่นคำขาดด้วยเสียงและมือไม้ที่สั่นเทา

"พี่บูม"

ดูเหมือนแป๋มจะตกใจและผิดหวังกับการกระทำของบูมมาก บูมไม่ควรจะเสียงดังกับเธอในร้านอาหารอย่างนี้ บูมควรจะให้เกียรติเธอบ้าง นี่เล่นพูดเสียงดังจนเธอรู้สึกอับอายไปหมดแล้ว

"งั้นก็เลิกกันวันนี้ซะเลย แป๋มก็เบื่อที่จะอยู่กับคนเจ้าปัญหาอย่างพี่แล้ว คนอะไรก็ไม่รู้ เดี๋ยวก็ปัญหานั่น เดี๋ยวก็ปัญหานี่"

แป๋มพูดด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาค่อยๆ ไหลลงอาบแก้มใสนั้น

"แป๋ม" บูมเรียกเสียงสั่นเครือ แต่ละเรื่องที่แป๋มพูดมานั้นล้วนแต่เสียดแทงใจบูม ใครล่ะจะมาอยู่กับคนเจ้าปัญหาอย่างบูมได้

"แป๋มไปแล้วนะคะ ถ้าเป็นไปได้ก็อย่ามาเจอกันอีก"

แป๋มหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วก็เดินลิ่วออกไปจากร้านทันที แต่แปลกที่บูมไม่คิดจะวิ่งตามไป ใช่...เขาผิดเอง เขามัวแต่โมโหจนลืมดูไปว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ที่ไหน

เหมือนบูมจะได้สติคืนกลับมาแต่มันก็คงสายไปเสียแล้ว เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นพร้อมกับมองดูภาพสาวน้อยที่เพิ่งเป็นแฟนกันได้ไม่นานเดินหนีไปด้วยอารมณ์โกรธกรุ่น

น่าแปลกที่บูมก็ไม่รู้สึกอยากวิ่งตามแป๋มไป ถ้าบูมทำอย่างนั้นแป๋มอาจจะยอมใจอ่อนบ้างก็ได้ แต่คำพูดนั้นของแป๋มก็ทำให้บูมต้องคิดเสียใหม่

"งั้นก็เลิกกันวันนี้ซะเลย แป๋มก็เบื่อที่จะอยู่กับคนเจ้าปัญหาอย่างพี่แล้ว คนอะไรก็ไม่รู้ เดี๋ยวก็ปัญหานั่น เดี๋ยวก็ปัญหานี่"

คนเจ้าปัญหาอย่างบูมจะมีใครอยากคบล่ะ นอกจาก...

"ทิว" บูมพึมพำเรียกชื่อเพื่อนที่เขาสนิทด้วยมากที่สุดในตอนนี้ขึ้นมา

"เช็คบิลล์ด้วยครับ" บูมร้องบอกพนักงาน พอจ่ายเงินแล้วบูมก็รีบวิ่งออกไปเรียกแท็กซี่ทันที

"ไปลาดพร้าวครับ" บูมบอกเมื่อได้รถแท็กซี่แล้ว

พอมาถึงบ้านของทิวก็เห็นว่าบ้านปิดไว้ ไม่เปิดไฟ แสดงว่าคงไม่มีใครอยู่ในบ้านตอนนี้ บูมพยายามโทรหาทิวเท่าไหร่ก็ไม่ติด ไม่รู้ว่าแบ็ตหมดหรือปิดเครื่อง แต่ยังไงวันนี้เขาก็ต้องคุยกับทิวให้ได้

ลืมไป...บูมยังไม่ได้โทรบอกที่บ้านเลย ว่าแล้วบูมก็โทรศัพท์หาแม่ทันที

"แม่ครับ วันนี้ผมจะนอนค้างบ้านเพื่อนนะครับ พอดีมีงานที่ต้องทำด้วยกัน บูมกลัวทำเสร็จไม่ทันครับ"

"จะทำอะไรก็ทำไป"

แม้ว่าคุณทิพย์นภาจะพูดด้วยเสียงเบาเพราะเธอยังอยู่ในห้องประชุมอยู่ แต่บูมก็สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงนั้น

"ครับแม่ สวัสดีครับ"

บูมวางสายลงด้วยความไม่ค่อยเข้าใจแม่นัก ไม่รู้เหมือนกันว่าที่บ้านจะโกรธอะไรเขากันนักกันหนา พี่ชายก็พลอยเป็นไปด้วยอีกคนหนึ่ง

เมื่อติดต่อทิวไม่ได้ บูมจึงทำได้เพียงยืนรออยู่หน้าบ้าน พอเมื่อยขาก็นั่งพิงประตู ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหนเขาก็จะรอ แปลกนะ บูมน่าจะรู้สึกเสียใจมากกว่านี้ที่เพิ่งเลิกกับแฟนที่คบกันได้ไม่ถึงสองเดือน แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เสียใจมากขนาดนั้น แล้วที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือการที่บูมมาหาทิวที่บ้านทันทีหลังจากเลิกกับแฟนนี่แหละ เขาอยากจะหาคนปลอบใจหรือก็คงเปล่า บูมไม่ได้รู้สึกเศร้าจนต้องการการปลอบใจขนาดนั้นหรอก

ราวๆ สี่ทุ่ม ก็มีรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านทิว บูมพยายามเพ่งมองแต่ไฟหน้ารถก็แยงตาจนมองไม่เห็นอะไร บูมรีบลุกขึ้นยืนใช้มือบังแสงไฟ พอรถดับไฟหน้าลงจึงเห็นทิวกับแม่เปิดประตูลงมาจากรถ

"บูม" ทิวร้องเรียกเพื่อนเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

"ทิว" บูมร้องเรียกเพื่อนด้วยความดีใจเช่นกัน

ทันทีที่ทิวก้าวเดินมาหา บูมก็เดินแกมวิ่งไปกอดเพื่อนไว้ แม้ว่าทิวจะตั้งตัวไม่ทันแต่ก็กอดเพื่อนตอบแต่โดยดี รู้สึกสับสนว้าวุ่นในใจไปกับความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้มากทีเดียว

"บูม...ทำไมนายชอบทำอย่างนี้กับเรา รู้ไหมว่าเราจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว" ทิวคิดในใจ

แม่ของทิวมองดูเพื่อนสองคนที่ยืนกอดกันแล้วก็ยิ้มด้วยความเอ็นดู

"คิดถึงขนาดนั้นเลยหรือบูม" คุณทิษณาสัพยอกกับเพื่อนของลูกชาย

นั่นแหละบูมจึงรู้ตัวว่าลืมทำความเคารพแม่ของเพื่อนไป เขารีบปล่อยแขนออกจากเพื่อนแล้วก็หันไปสวัสดีคุณทิษณา

"สวัสดีครับแม่"

"มานั่งรอทิวตั้งแต่เมื่อไรจ๊ะ" ถามพลางรับไหว้และยิ้มอยู่ในที

"ตั้งแต่ทุ่มกว่าแล้วครับ"

"ตายแล้ว แล้วทำไมไม่โทรหาทิวล่ะลูก" คุณทิษณาทำน้ำเสียงตกใจ

"โทรแล้วครับ แต่ไม่ติด" บูมบอก

ทิวจึงรีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาดูก็พบว่าแบ็ตหมดแล้ว ไม่รู้ว่าหมดไปตั้งแต่ตอนไหน

"แบ็ตหมดแล้วแม่ ถึงว่าไม่เห็นมีใครโทรหาทิวเลย" ทิวหันไปพูดกับแม่แล้วก็หัวเราะเบาๆ

"บูมกินอะไรมาหรือยังลูก"

บูมพยักหน้า จริงๆ ก็กินไปได้นิดเดียวแต่เกิดเรื่องเสียก่อน ไม่เป็นไรหรอก ค่อยหาอะไรในครัวกินทีหลังก็ได้

"แม่ล่ะครับ"

"กินแล้วจ้ะ พอดีทิวเขาอยากไปกินข้าวนอกบ้านกับแม่ ก็เลยพาเขาไปเสียหน่อย นานๆ ที"

คุณทิษณายิ้มด้วยแววตาแฝงไปด้วยความเมตตา บูมชอบแม่ของทิวก็เพราะอย่างนี้แหละ

"เข้าไปในบ้านกันเถอะ" คุณทิษณาบอกเด็กๆ

"ครับ" ทิวกับบูมรับคำพร้อมกัน

คุณทิษณาพอจะเดาได้ว่าบูมคงมีเรื่องอะไรบางอย่างจึงได้มานั่งรอทิวอยู่ตั้งนาน เธอจึงขอตัวขึ้นไปอาบน้ำข้างบน ปล่อยให้เด็กๆ นั่งคุยกันตามลำพัง จะได้คุยกันได้สะดวกใจ

"มีอะไรหรือเปล่าบูม มานั่งรอเราตั้งนานแบบนี้" ทิวถามเมื่อเห็นว่าแม่ขึ้นไปบนบ้านแล้ว

สีหน้าของบูมดูเศร้าลง แม้ไม่ถึงกับเศร้ามากแต่ก็พอสังเกตเห็นได้

"เรากับแป๋มเลิกกันแล้วนะทิว"

!!!???

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2015 16:57:12 โดย sarawatta »

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
:a5: จบตอนแค่นี้หรอคะ... ค้าง...............อ่ะค่ะ :o12:

ดีใจจังที่บูมเลิกกับแป๋มแล้ว เย้ๆๆๆๆ :z2:
แต่จะเลิกกันแค่วันเดียวรึเปล่า ไม่ใช่พรุ่งนี้กลับไปคืนดีกันอีกน๊าา คงสงสารทิวแย่เลย...

พอเลิกกับแฟน บูมก็นึกถึงทิวคนแรก จะว่าไปดูเหมือนว่าบูมเองก็รักทิวมาตั้งแต่แรก
ตั้งแต่ที่ทิวดูแลช่วยเหลือบูมหลายๆอย่าง เพียงแต่บูมไม่รู้ตัวเท่านั้น มันคงอยู่ลึกมากๆในใจบูม ก็รอลุ้นกันต่อไป...

ตอนต่อจากนี้จะเริ่มมาม่าหลายรสแล้วใช่มั้ยคะ
จัดมาเลยค่ะ  พร้อม......!! จะเตรียมทิชชู่ไว้ทั้งกล่อง หุหุ

 :pig4: ขอบคุณมากค่ะสำหรับเรื่องราวมิตรภาพที่น่ารักของทิวกับบูมในทุกๆตอน
รอตอนต่อไป สัปดาห์หน้านู๊นน....................ค่ะ
 :กอด1: :กอด1: คงคิดถึงทิวกับบูมแย่เลย
+เป็ดน้อย เป็นกำลังใจให้คนเขียนเหมือนเดิมค่ะ

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
แป๋มเอาเเต่ใจอ่ะ

เลิกอ่ะดีเเล้ว เต่ก็ยังไม่สนับสนุนไม่คบกับทิว

เพราะรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่อ่ะ กลัวพ่อเเม่อีก โอ้ยยยยยยยยยย ปวดหัวเเทน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด