รีบปั่นอย่่างสุดชีวิต เพราะจะรอดูแรงเงา แทบตาย

บทที่ 1
เย้ !!!!!!!!!!
เสียงร้องของเหล่านักเรียน ม.ต้น ม.ปลาย ที่ผ่านพ้นช่วงการสอบอันแสนหนักหน่วงในวันสุดท้ายได้จบลงแล้ว และนี่ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งของเหล่านักเรียนทั้งหลาย ซึ่งกำลังจะก้าวข้ามจากชีวิตเด็กมัธยมต้นไปสู่การเป็นเด็กมัธยมปลาย
“ นี่ ไอ้เวน .... ” ปึ๊กกก เสียงหนังสือกระทบหัวเด็กนักเรียนหญิงเจ้าของเสียงเมื่อกี้ ที่กำลังจะพูดกับเพื่อนก็ถูกขัดด้วยหนังสือเล่มใหญ่ของ แวน นักเรียนชายคนหนึ่งในห้อง ซึ่งก็คือเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของเด็กสาวคนเมื่อกี้นี้เอง
“ นี่ พะแพง กูบอกมึงกี่ครั้งแล้ว ว่า กู ชื่อ แวน วอ แอ นอ แวน ไม่ใช่ เวน ไอ้นี่นิ ”
ไอ้แวนบอกอย่างหัวเสีย ซึ่งมันก็ไม่ได้จะใส่ใจนัก เพราะมันเองก็บอกแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ซึ่งถ้านับดู ก็คงนับไม่ไหวหรอก
“ เออๆ ก็ แวน กับ เวน มันใกล้ๆกันนี่นา ”
“ เฮ้อ เอา เมื้อก็แกจะพูดไรก็พูดมา พะแพง อย่าชักช้านะ ”
“ มานี่ มานี่ เดอะแกงค์ ”
พะแพงก็ได้เรียกรวมพล ซึ่งสมาชิกก็คือเพื่อนในห้องนี่หละ ก็มี พะแพง พิมพ์ อิง ซึ่งเป็นผู้หญิง แวน เนย์ ออม ม่าน และมีอีกหนึ่งคน คือ พัต ซึ่งไม่ได้อยู่ห้องนี้ เพราะปีที่แล้วเขาทำคะแนนได้ดีจึงได้เลื่อนไปอยู่ห้องคิง ซึ่งอีกหน่อยก็คงตามมาเอง
“ นี่ พรุ่งนี้ไปซื้อของขวัญกัน ”
พะแพงเปิดเรื่องขึ้นมา
“ อ้าว ซื้อทำไมวะ วันเกิดใครก็ไม่มี หรือให้ในโอกาสอะไร ” ไอ้แวนขัดขึ้นมาซึ่งมันก็จริงอย่างที่มันพูด
“ นั่นสิ ” และเพื่อนๆ ในกลุ่มก็เอ่ยเห็นด้วยกับแวน
“ พวกมึงคงยังไม่รู้สินะ ว่าเทอมหน้านะ ไอ้พัต มันจะไปเรียนเมืองนอกแล้วนะ ”
“ ฮะ ” เพื่อนๆ ในกลุ่มที่เหลือต่างก็ตกใจ เพราะไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย
“ เฮ้ย ทำไมพวกกูไม่รู้เรื่องมาก่อนเลยละวะ ไอ้พะแพง ” ไอ้ม่านขาประจำขี้ตื่นตูม มันจับไหล่ของพะแพงแล้วเขย่าจนพะแพงเองหัวสั่นหัวคลอน จนไอ้ออมซึ่งเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดมาจับมือของมันออกนั่นแหละถึงหยุด
“ ใจเย็นๆ ก่อน ม่าน ไหนพะแพงงบอกพวกเราหน่อยสิ ว่าทำไมไอ้พัตถึงต้องไปเรียนเมืองนอก แล้วพะแพงรู้ได้ยังไง ”
“ เราก็เพิ่งรู้เมื่อเช้านี่เอง ตอนไปหาคุณน้านะ คุณน้าแกก็เลยบอกฉัน คุณน้าแกบอกว่า จะส่งมันไปอยู่กับน้าอรอยากให้มันเรียนภาษาด้วย ลึกมากกว่านี้กูก็ไม่ได้ถามวะ แฮ่ๆๆ ” เกาหัวไปด้วยพร้อมกับยิ้มแหยๆ ส่งให้ แล้วก็ตามด้วยฝ่ามือของไอ้แวนที่ตบลงมาเบาๆ ที่ถึงกับทำให้พะแพงเกือบหน้าทิ่มดินเลยทีเดียว
“ โห รู้แค่นี่ดันมาบอกกุ เสียเวลาจริงๆ ” ไอ้แวนบอกแล้วหันมาหาเด็กหนุ่มซึ่งต้องบอกว่าตัวเล็กเท่าๆ กันกับเด็กผู้หญิงเลยทีเดียว
“ นี่ไอ้เนย์ มึงรู้เรื่องนี้ไหม ? ” แวนหันมาถามเนย์ ซึ่งเนย์ก็ได้แต่ส่ายหน้า พร้อมทำตาปริบๆ
“ แล้วทำไมมึงคิดว่ากูต้องรู้เรื่องก่อนพวกมึงด้วยละ ” เนย์ตอบออกมา เพราะทุกสายตาหันมามองที่เนย์คนเดียว
“ อ้าว ก็กูเห็นมึงสองคนทำตัวยังกะเป็น ผัวเมียกัน พวกกูก็คิดว่ามึงน่าจะรู้ ” แวนว่าพรางทำสสายตากรุ้มกริ่มมายังเนย์น้อย
“ ไอ้เหี้ยนี่ กุกับมันไม่ได้เป็นไรกันเว้ย ”
“ แนะ ร้อนตัว ”
“ เปล่าสักหน่อย ”
“ อ้าว ก็เมื่อกี้... ”
“ หยุดเลยทั้งสองคนนั่นนะ เฮ้อ ” และแล้วก็เป็นออม หรือออมสิน ที่เป็นคนหยุดเหตุการณ์นี้ไว้ ว่าเสร็จก็หันไปหาพะแพง
“ แล้วนี่พัตมันจะไปวันไหนเหรอ พะแพง ”
เพื่อนๆ ที่มัวแต่ฟังแวนกับเนย์เถียงกันก็หันมาหาพพะแพง พร้อมทั้งส่งเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ นั่นสิ พัตจะไปวันไหน ”
“ อืม ถ้าจำไม่ผิดน่าจะวันอังคารหน้านะ ”
“ โห นี่ก็วันศุกร์แล้ว แต่ก็ยังมีเวลาเลือกของขวัญให้อยู่นะ ” อิงทำท่าครุ่นคิดนิดหน่อย
“ แล้วนี่เราจะซื้ออะไรละ ” พิมพ์เสนอต่อ
“ ง่ายๆ เลยพวกมึง ไม่ต้องคิดมาก นี่ไงเอาไอ้เนย์แพคใส่กล่องไปวางไว้ในห้องนอนมันแค่เนี้ย ”
แวนนำเสนอความคิดพร้อมกับบกอดคอเนย์ที่ทำท่าจะขาดอากาศหายใจอยู่ในอ้อมแขนของแวนแล้ว
“ ไอ้บ้าแวน มึงคิดได้ไง ไอ้เลว ไอ้เวร ” เนย์ว่าแวนพรางตีแขนตีขาแล้วดิ้นออกจากวงแขนของแวน
“ ฮ่าๆๆๆๆ ก็จริงนี่หว่า ” แวนว่าพรางลักหอมแก้มเนย์น้อย แต่ก็ถูกกำปั้นของคนที่เป็นหัวข้อสนทนาเขกลงที่หัวให้
“ โอ๊ยยย มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้พัต ”
“ มานานพอที่จะเห็นมึงทำอะไรนั่นแหละไอ้แวน ” พัตว่าพรางเดินเข้าไปหาเนย์ แล้วยีหัวเนย์เล่นทีสองที
“ แล้วนี่พวกมึงสุมหัวกันทำไรอยู่ ทำไมไม่รอกุบ้าง ” พัตถามพร้อมกอดคอเนย์ซึ่งเนย์เองก็ยืนอยู่นิ่งๆ ให้พัตกอดคอ
“ แล้วมึงไม่คิดที่จะบอกพวกกูเลยเหรอวะ เรื่องที่มึงจะต้องไปเรียนเมืองนอกนะ ” อิงว่าเข้าให้ พัตเองก็ดูจะตกใจที่เพื่อนรู้เรื่องแล้ว ซึ่งเขาเองก็คิดว่าพรุ่งนี้จะบอกอยู่เหมือนกัน ก้มหน้ามามองก็เห็นเนย์เงยหน้าขึ้นมองเขาอยู่เหมือนกัน พัตก็ได้แต่ถอนหายใจ แล้วบอกกับเพื่อนๆ ไป
“ ความจริงกูกะว่าพรุ่งนี้กูถึงจะบอก แต่ไหนๆ ก็รู้กันแล้วกูก็จะบอกนะ อืม ใช่นั่นแหละวันอังคารนี้กูก็จะบินไปแล้ว ส่วนเรื่องวุฒิแม่บอกว่าค่อยจะส่งไปให้ทีหลัง กุคิดว่าแม่น่าจะให้กูเรียนจนจบ ตรี ที่โน่นเลยละ ” พัตว่าแล้วก็หันมามองดูเนย์ซึ่งก้มหน้าอยู่
“ แต่กูก็จะพยายามโทรมาหาพวกมึงบ่อยๆ แล้วกัน แล้วของขวัญนะ ไม่ต้องหรอก แค่พวกมึงไม่ลืมกู ยังเป็นเพื่อนกุแค่นี้กูก็ดีใจแล้ววะ ” พัตว่า แต่นั่นก็ไม่ทำให้เพื่อนๆ หายห่วงมากนักหรอกนะ
“ เออ งั้นพวกกูจะจัดเลี้ยงส่งมึงก็แล้วกัน เอาวันอาทิตย์เลยดีไหม ” ออมว่าพรางหันไปถามความคิดเห็นของเพื่อนๆ
“ เออดีเหมือนกันวะ แล้วจะจัดที่ไหนดีละเนี่ย ” อิงถามต่อ
“ จะยากอะไรก็จัดที่บ้านไอ้พัตมันนั่นแหละ ” พะแพงว่าต่อ
“ อ้าวเฮ้ย แล้วทำไมต้อง...” ยังไม่ทันที่พัตจะพูดจบ ม่านก็ยกมือขึ้นห้ามพัต
“ โทษฐานที่มึงไม่ยอมบอกเพื่อนไง ” เพื่อนๆ ต่างก้พยักหน้าเห็นด้วยไม่เว้นแม้แต่เนย์เอง
“ เออๆ เอางั้นก็ได้ วันอาทิตย์นะ ” เพื่อนๆ ต่างก็พยักหน้ากันเป็นพลันวัน
แล้วหลังจากที่ตกลงอะไรกันเสร็จเรียบร้อยแล้วซึ่งนานมากจนฟ้าจะมืดแล้ว ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านเพื่อพรุ่งนี้จะได้เตรียมตัวไปซื้ออุปกรณ์การจัดเลี้ยงซึ่งหัวโจก ก็คงไม่พ้น แวนและพะแพง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันอาทิตย์
ตอนนี้เวลา 17.05 น.แล้ว ตอนนี้ผมก็มายืนอยู่หน้าคฤหาสน์ (เรียกบ้านไม่ได้หรอกเพราะมันใหญ่มากกกก มากี่ครั้งต้องมีแผนที่ติดตัวเลยละ เวอร์ไป) ซึ่งก็คือที่อยู่ของไอ้คุณชายพัตนั่นแหละ ตอนนี้ผมก็ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเหล่าบรรดาเพื่อนๆ ที่พากันยกโขยงมาตั้งแต่บ่ายสามแล้ว
บ้านของมันหลังใหญ่มากเดินเข้ามาก็จะเป็นถนนทอดยาวเข้าไปสู่บริเวณบ้าน ซึ่งตรงหน้ามีน้ำพุขนาดใหญ่ ที่สวยงามมาก และในบ่อนั้นยังเลี้ยงปลาคราฟ ไว้อีกเป็นยี่สิบกว่าตัวเลยที่เดียว พอเดินเข่าไปอีกหน่อยก็จะมีทางแยกออกไปทางขวา ซึ่งก็คือทางประตูเข้าไปภายในบ้านของมันนั่นแหละ ซึ่งผมไม่เดินเข้าไปหรอกกลัวหลง ผมเดินไปตามทางตรงหน้าที่ทอดยาวไปสู่หลังบ้านซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงครั้งนี้ เพราะด้านหลังนี้เป็นส่วนที่มีต้นไม้สูง และมีสวนหย่อมเล็กๆ ที่เหมาะแก่การจัดงานเลี้ยงเป้นอย่างมาก ซึ่งพื้นที่ก็กว้างมากพอที่จะรองรับคนได้เป็นยี่สิบคนเลยทีเดียว ก่อนที่จะถึงตรงที่จัดงานเลี้ยงนั้น ผมก็หันไปเห็นต้นดอกกุหลาบสีขาว ซึ่งมันกำลังออกดอกเบ่งบานอยู่ สิบกว่าดอก ซึ่งผมจำได้ว่าปีก่อนนั้นผมได้ให้มันเป็นของขวัญวันเกิด ไม่คิดว่ามันจะยังมีชีวิตอยู่ และออกดอกสวยงามขนาดนี้ ซึ่งมันถูกจัดให้อยู่เพียงต้นเดียว ซึ่งตอนนี้มีกิ่งก้านมากมายแล้ว เลยทำให้มันดูเด่นขึ้นมาเลยทีเดียว
“ มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ละจ๊ะ หนูเนย์ ”
หันไปก็เจอกับน้าพร ซึ่งก็คือแม่ของไอ้พัต ยืนมองเขาอยู่ก่อนแล้ว
“ มาถึงทำไมไม่เข้าไปละ มัวแต่มายืนดูดอกไม้อยู่นี่หละ ”
“ แฮะๆ ครับ กำลังจะเข้าไปครับ ” ว่าแล้วผมก็ยกมือสวัสดีแล้วก็เดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนๆ ที่กำลังสนุกกันอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
ผมเลือกที่จะนั่งข้างกับไอ้ม่าน และก็ออม เพราะสองคนนี้ดูจะเป็นคนที่เรียบร้อยดูเป็นคนมากกว่าพวกนั้นอยู่หน่อยนึง ในงานนี้ก็มีพวกยำ อาหารทะเล หมูกระทะ และน้ำอัดลมตั้งเรียงรายอยู่ ซึ่งแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีแอลกอฮอล์เลย เพราะไอ้แวนและพิมพ์ สองคนนี้แอบขนเข้ามา เป็นลังๆ เลยละครับ ตอนนี้ผ่านมาจนกระทั่งสามทุ่มแล้วละครับ พวกเพื่อนๆ ก็พากันจับจองสถานที่เอาไว้ร้องคาราโอเกะกันครบแล้ว ตอนนี้ต่างคนต่างเมา ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามานั่งอยู่บนตักของไอ้พัตตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ในมือของแต่ละคนก็มีแก้วเหล้าบ้าง เบียร์บ้างอยู่ในการครอบครองของแต่ละคน
“ เนย์ มึงจะคิดถึงกูไหม? ” ตอนนี้ผมเมาแล้วและก็ไม่ค่อยจะมีสติเท่าไหร่เลยไม่รู้ว่าไอ้พัตมันพูดอะไรไปบ้าง และก็ไม่รู้ว่าตัวเองตอบอะไรไปบ้างเหมือนกัน
“ อืม คิด ถึง สิ๊ ” มึงจะถามอะไรวะกูเมาแล้ว
“ พัตเองก็จะคิดถึงเนย์นะ จะคิดถึง ให้มากๆ เลย ” ไอ้พัตมันพุดอะไรวะ งึมงัมๆ ข้างๆ หู รู้สึกรำคาญ เลยปัดๆ ออกไป
“ เออ เหมือน กาน ” แล้วหลังจากนั้นไม่นาน แม่ของไอ้พัตก็ออกมาไล่ให้เข้าไปนอนในบ้านแล้ว ผมเองก็เดินสลึมสลือเข้าไป
แม่ง ทำไมบ้านมันใหญ่จังหวะ เดินเหมือนอยู่ในเขาวงกตเลย แล้วผมก็เลือกห้องที่อยู่ใกล้มือที่สุด ห้องใครไม่รู้นอนก่อนแล้วกัน แล้วผมก็พาตัวเองเข้าไป เออดีวุ้ย มีหมอนมีที่นอน ผ้าห่ม เปิดแอร์ให้พร้อม แล้วผมก็ล้มลงนอนไปที่เตียงนั่นแหละ แล้วหลังจากนั้นก็หลับสบายไปเลย
...
เช้าวันต่อมา
ผมรู้สึกถึงแดดร้อนๆ ที่สาดเข้ามากระทบกับผิวของผม ผมก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงหัวไว้ แต่ทำไม ผมถึงขยับไม่ได้ นี่เหรอว่าผมโดนผีอำเข้าให้แล้ว ฮะ ไม่จริงน่า มานอนที่บ้านหลังนี้ก็หลายที่ ไม่เคยมีผีมาอำสักครั้งนี่นา ว่าแล้วผมก็หลับตาทำสมาธิ พุทโธ พุทโธ เข้าไว้ แล้วผมก็เริ่มรู้สึกได้ว่าน่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์นอนก่ายพาดตัวผมอยู่ เฮ้ออย่างนี้ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อยเพราะสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากร่างกายนั้น
เอ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อนนะ คนงั้นเหรอ ว่าแต่เมื่อคืนนี้ เราเดินเข้ามานอนในห้องใครก็ไม่รู้ แล้วนี่ก็คงจะเป็นร่างของเจ้าของห้องอย่างนั้นสิ ว่าแล้วผมก็เอื้อมมือไปข้างหลัง แต่พอโดนตัวเท่านั้นหละ ผมถึงกับไม่อยากให้มันเป็นเหมือนในหนัง ในนิยายเลย ก็เพราะร่างกายท่อนบนนั้นที่มือผมไปสัมผัสมันไม่มี เสื้อผ้าเลยนะสิ ว่าแล้วผมก็เลยก้มลงมองตัวเองอีกที
ช็อค ช็อค ช็อค ช็อค ช็อค ช็อค ร่างกายของผมไม่มีเสื้อผ้าเลยสักชิ้น แง่งงงงงงง
มันต้องไม่จริงใช่มั้ย นี่ผมไม่ได้เสียหายอะไรใช่มั้ย นี่ผมต้องฝันไปแน่ๆ ว่าแล้วก็หยิกแก้มตัวเองแรงๆ
“ โอ๊ยยยยยยยย เจ็บ ” เจ็บจริงนี่หว่า ไม่ได้ฝันไป แต่คงเพราะผมเสียงดังไปหน่อยเลยทำให้คนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังผม ขยับตัวลุกขึ้น เพราะรู้สึกได้ถึงการพองตัวขึ้นของที่นอนข้างๆ ตัว
แต่ผมยังนอนอยู่เฉยๆ ผมยังไม่พร้อมที่จะรับความจริง แต่ก็มีเสียงเรียกชื่อผมออกมา
“ เนย์..” เพราะเสียงนั้นช่างคุ้นเคยเหลือเกิน ผมจึงจำต้องค่อยพยุงตัวลุกขึ้น แล้วค่อยๆ หันหน้าไปหาเจ้าของเสียงนั้น ในใจก็ภาวนาว่าไม่ใช่หรอก ขอให้ไม่ใช่ แต่เมื่อผมหันกลับมาก็พบกับร่างเปลือยเปล่าของอีกคน ที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวเท่านั้นที่เจ้าของร่างนำมาปิดบางส่วนเอาไว้ และทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นไปก็พบเข้ากับใบหน้า และดวงตาที่คุ้นเคยเหลือเกิน คำภาวนาของผมไม่เป็นจริง เพราะคนตรงหน้ากลับเป็นคนที่ผมขอให้ไม่ใช่เมื่อกี้นี้
“ พ...” ผมกำลังจะเรียกชื่อ เพื่อให้มั่นใจว่าใช่จริงๆ แต่
“ เนย์ ” พร้อมกับแรงโถมกอดที่ประดังเข้ามาหาผม
นี่มันเป็นความจริงใช่ไหม?............................................
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
To be continue.....