◑﹏◐ Dead Lover ♂ วิญญาณป่วนกวนรัก [จบ] ประกาศตีพิมพ์ (หน้า 16)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◑﹏◐ Dead Lover ♂ วิญญาณป่วนกวนรัก [จบ] ประกาศตีพิมพ์ (หน้า 16)  (อ่าน 119859 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



:pig2: = = = = = =  :mew3: = = = = = =  :pig2:


ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการของ กุ๊กกู๋ นะครับ
Dead Lover วิญญาณป่วนกวนรัก นั้น เป็นนิยายระหว่างวิญญาณน่ารัก? กับคนสุดโหด
ที่จะมาสร้างความฮา ขำ ป่วน และดราม่าให้กับนักอ่านทุกท่านนะครับ
แน่นอนว่าตัวละครหลักของเรื่องนี้มีสามตัว คือ
ไม้ แม็กกี้ และ มิวส์
สามคนนี้ ใครจะอยู่ ใครจะไป ต้องติดตามกันเอาเองนะครับ ^^

ขออนุญาติฝาก FanPage ด้วยนะครับ จิ้มที่รูปมัสคอต Mr.กุ๊กกู๋ ติ๊งต๊องด้านล่างเลย



สารบัญ
- Image ตัวละคร - จิ้ม -
- บทนำ - คลิก -
- ตอนที่ 1 - คลิก -
- ตอนที่ 2 - คลิก -
- ตอนที่ 3 - คลิก -
- ตอนที่ 4 - คลิก -
- ตอนที่ 5 - คลิก -
- ตอนที่ 6 - คลิก -
- ตอนที่ 7 - คลิก -
- ตอนที่ 8 - คลิก -
- ตอนที่ 9 - คลิก -
- ตอนที่ 10 - คลิก -
- ตอนที่ 11 - คลิก -
- ตอนที่ 12 - คลิก -
- ตอนที่ 13 - คลิก -
- ตอนที่ 14 - คลิก -
- ตอนที่ 15 - คลิก -
- ตอนที่ 16 - คลิก -
- ตอนที่ 17 - คลิก -
- ตอนที่ 18 - คลิก -
- ตอนที่ 19 - คลิก -
- ตอนที่ 20 - คลิก -
- ตอนที่ 21 - คลิก -
- ตอนที่ 22 - คลิก -
- ตอนที่ 23 - คลิก -
- ตอนที่ 24 - คลิก -
- ตอนที่ 25 - คลิก -
- ตอนที่ 26 - คลิก -
- ตอนที่ 27 - คลิก -
- ตอนที่ 28 - คลิก -
- ตอนที่ 29 - คลิก -
- ตอนที่ 30 - คลิก -
- ตอนที่ 31 - คลิก -
- ตอนที่ 32 - คลิก -
- ตอนที่ 33 - คลิก -
- ตอนที่ 34 - คลิก -
- ตอนที่ 35 - คลิก -
- ตอนที่ 36 - คลิก -
- บทส่งท้าย - คลิก -


ผลงานเก่าของ Mr.กุ๊กกู๋   

- Heart never forget หัวใจไม่เคยลืมนาย -
- Sketch Lover ร่างกายชายรัก -

**หมายเหตุ**
[[ไม่แน่ใจว่าลงได้ไหมเนื่องจากเมื่อก่อนไม่รู้จักเล้าเป็ดเลยขออนุญาตแทรงลิ้งค์ไปอีกเว็บ
ถ้าผิดกฎรบกวนผู้รู้ PM มาแจ้งนะครับ จะได้ลบลิ้งค์ที่เชื่อมโยงออกจ้า T^T แต่ก็อยากฝากผลงานเก่าๆ ง่ะ]]

 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2017 21:02:20 โดย Mr.กุ๊กกู๋ »

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
Re: Dead Lover ตัวตายตัวแทน... By Mr.กุ๊กกู๋
«ตอบ #1 เมื่อ15-07-2013 16:27:05 »

บทนำ


   ในคืนที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ... ฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักตอกย้ำให้มิวส์ซึ่งอยู่ในอารมณ์อ่อนแอต้องท้อแท้มากขึ้นไปอีก ทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันเกิดของมิวส์ และเขาก็ได้ไปซื้อของเตรียมจัดงานเลี้ยงกับก้องแฟนหนุ่มสุดหล่อแล้วแท้ ๆ แต่ทว่าในขณะที่มิวส์กำลังถือของพะรุงพะรังเพื่อที่จะกลับห้องพักอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์์ที่ดังขึ้นก็ทำให้เขาต้องกดรับสาย


   “ว่าไงก้อง มิวส์กำลังกลับห้อง ฝนตกหนักเลย เดี๋ยวมิวส์โทรกลับนะ" พูดจบก็ทำท่าจะวางสาย หากแต่เสียงจากปลายสายที่ดังขึ้นทำให้มิวส์ต้องหยุดชะงัก


   “เดี๋ยวมิวส์ ก้องมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย" ก้องเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน ก่อนที่จะพูดต่อเพราะกลัวจะโดนตัดสาย "เราเลิกกันเถอะ"


   เสียงจากปลายสายที่ดังมาทำให้มิวส์อึกอักชะงักไปชั่วขณะ


   “ทำไม" มิวส์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ก่อนจะหาเหตุผลที่เข้าท่ามาปลอบใจตัวเอง "ก้องล้อมิวส์เล่นใช่ไหม วันนี้เป็นวันเกิดมิวส์ จะแกล้งให้มิวส์ตกใจ แล้วมาเซอร์ไพรซ์ทีหลังใช่ไหม รู้น่า"


   “ก้องพูดจริง ๆ ที่บ้านคงรับไม่ได้ที่ก้องคบกับมิวส์... มิวส์ฟังนะ มิวส์กับก้องเป็นผู้ชาย แล้วนี่เราก็กำลังจะเรียนจบแล้ว ถ้าก้องยังคบกับมิวส์ต่อไปอนาคตก้องต้องจบเห่แน่ ๆ ชีวิตของก้องต้องแต่งงานกับผู้หญิงเท่านั้น และก้องก็มีผู้หญิงที่กำลังคบหาดูใจอยู่แล้ว ตัดใจจากก้องเถอะมิวส์ ก้องขอโทษ เราอย่าเจอกันอีกเลย แค่นี้นะ...”


   หลังจากที่ปลายสายพูดประโยคที่ยืดยาวออกมาจนจบ เขาก็กดตัดสายทิ้งทันที ไม่รอฟังคำขอร้องของมิวส์สักนิด


   ถ้ารู้อยู่แล้วว่าเรื่องทุกอย่างจะลงเอยแบบนี้ แล้วก้องจะตัดสินใจคบกับมิวส์ตั้งแต่ทีแรกทำไม ความสัมพันธ์ที่ร่วมกันสร้างมาตลอดสองปี คำสัญญาที่บอกว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป มันไม่มีความหมายเลยใช่ไหม


   ประโยคบอกเลิกของก้องยังคงดังซ้ำ ๆ อยู่ในโสตประสาทของมิวส์ ถุงของต่าง ๆ นานาที่ตั้งใจซื้อมาเพื่อฉลองในงานวันเกิดด้วยกันสองคน ไหลหลุดออกจากนิ้วมือเพราะคำพูดของก้อง แม้แต่เรี่ยวแรงที่ถือร่มก็ยังไม่มี


   มิวส์เดินฝ่ากลางสายฝนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลับไปถึงหอพัก... หอพักที่เคยอยู่ด้วยกันกับก้องตั้งแต่ที่ตัดสินใจคบกัน แต่บัดนี้... ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำร่วมกันมามันจบลงแล้ว


   ...หลังจากที่ก้าวขาผ่านธรณีประตูเข้าไป มิวส์จะรู้ไหมว่านี่อาจจะเป็นลมหายใจคืนสุดท้ายของเขา...


   ความอ่อนแอที่เกิดขึ้นส่งผลให้ร่างเร้นลับที่แฝงกายอยู่ในห้องหอห้องนี้มาหลายปีแสยะยิ้มออกมา ร่างของมันเน่าเฟะและบิดเบี้ยวราวกับตกจากที่สูงแล้วกระแทกกับพื้นด้วยความรุนแรง


   “ฮิ ๆ ๆ ๆ" แล้วเสียงหัวเราะอันแหลมสูงของมันก็ดังขึ้น หากแต่เจ้าของห้องไม่ได้ยินเสียงนั้นแต่อย่างใดจนกระทั้งมันได้ใช้พลังงานบางอย่างในตัวช่วยให้รูปลักษณ์ของมันกลับมาเหมือนกับในตอนแรกก่อนที่มันจะเสียชีวิตก่อนจะเดินผ่านทะลุกำแพงไปอยู่หน้าห้อง


   ก๊อก ก๊อก ก๊อก...


   เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นเรียกสติของมิวส์ให้กลับคืนมา เพราะยังเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยทำให้มิวส์ไม่ได้ส่องเลนส์ประตูดูว่าใครเป็นคนเคาะ เขาตัดสินใจเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มาเยือนทันที


   หลังประตูบานนั้น ปรากฏร่างของชายหนุ่มหน้าตาดีแถมจมูกโด่งดวงตาเรียวได้รูปอีกต่างหาก เขาดูดีกว่าก้องทุกประการหากแต่ผิวที่ซีดเผือดของเขาทำให้เสน่ห์ของร่างนั้นหดหายไป


   “นายเป็นใคร" มิวส์เอ่ยถาม


   “ฉันคือผู้ที่จะมาช่วยให้นายหลุดพ้นจากความเสียใจ" ร่างนั้นตอบออกมา น้ำเสียงของมันไร้โทนสูงต่ำ


   “ช่วยยังไง" มิวส์เอ่ยถามอีกครั้ง แม้จะสงสัยว่าหมอนี่เป็นใครแต่หากมีวิธีที่ทำให้เขาดีขึ้นเขาก็พร้อมที่จะยอมรับและทำตามคำแนะนำทุกอย่าง


   “นายอยากให้ฉันช่วยหรือเปล่า" ร่างซีดเผือดนั้นถามออกมา เมื่อเห็นว่ามิวส์พยักหน้ามันก็เดินเข้าไปในห้องทันที


   ห้องที่เคยสว่างไสวด้วยดวงไฟกลับมืดมิดทันทีที่ร่างนั้นเดินเข้ามา ไฟทุกดวงภายในห้องดับลง ลมที่บางเบาในตอนแรกก็หนักหน่วงขึ้นจนมิวส์รู้สึกผวา


   “นาย... นายยังอยู่หรือเปล่า" มิวส์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะความมืดมิดเลยทำให้เขามองไม่เห็นอะไร และใจหนึ่งก็กลัวว่าแขกที่มาใหม่รายนี้จะเป็นพวกมิชฉาชีพหรือเปล่า ...แต่เขาก็คิดผิด...


   “อยู่" ร่างนั้นตอบออกมา เสียงของมันดังเบา ๆ อยู่ที่หลังใบหูซึ่งมิวส์เองก็ไม่รู้ว่าร่างนั้นได้มาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่


   พอรู้ตัวอีกที ร่างซีดเผือดนั้นก็โอบกอดมิวส์เอาไว้แน่น มันดันจมูกถู ๆ ไถ ๆ บริเวณใบหน้าอันขาวใสของมิวส์ ...หากแต่ว่าการกระทำนั้นไม่ได้ทำให้มิวส์เคลิบเคลิ้มแต่อย่างใด


   “ปล่อยฉัน" มิวส์ว่า ในใจทั้งรู้สึกกลัวและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หมอนี่ไม่ใช่โจรมิชฉาชีพ แต่มันเป็นโรคจิตที่กำลังจะทำมิดีมิร้ายกับเขาต่างหาก


   “ก้องมันทิ้งนายไป... และฉันก็เฝ้ามองดูนายมาตั้งนานแล้ว" ร่างแปลกหน้ายังคงกอดมิวส์เอาไว้อย่างแนบแน่น "ให้คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่นายจะต้องเสียใจเรื่องมัน ให้ฉันคนนี้ได้เป็นคนปลดปล่อยนายออกจากความทุกข์นี้เถอะนะ"


   แทนที่มิวส์จะปฏิเสธ แต่ความเสียใจกับคำพูดที่เห็นแก่ตัวของก้องนั้นทำให้มิวส์รู้สึกสับสน และความเสียใจก็ทำให้เขาตัดสินใจตอบสนองกับคำพูดของชายแปลกหน้า


   “อื้อ" ทันทีที่มิวส์ตอบรับ ฉากเร่าร้อนในรสรักก็เริ่มขึ้น ชายแปลกหน้าปฏิบัติการจู่โจมต่าง ๆ นานาตามแบบฉบับคนรักที่ชอบทำกัน ทั้งกอด จูบ ลูบ คลำหากแต่ไม่มีอะไรเกินเลยมากไปกว่านั้น


   สัมผัสที่อบอุ่นทำให้มิวส์รู้สึกเคลิบเคลิ้มไปด้วย คำบอกเลิกที่เห็นแก่ตัวที่ยังดังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลาทำให้มิวส์รู้สึกว่าตัวเองไร้คุณค่า เพราะฉะนั้นในเมื่อก้องไม่เคยเห็นความสำคัญ แล้วเขาจะต้องทำตัวให้มีคุณค่าอีกทำไม


   “ไปอยู่กับฉันนะ" เสียงที่บางเบาแต่เร่าร้อนถูกเอื้อนเอ่ยออกมา ก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมาด้วยความพอใจ '...ในปรโลก หึหึ'


   มิวส์ที่โดนความเสียใจเข้าครอบงำทำให้สติขาดไปดันพยักหน้ารับ ร่างของคนทั้งสองยังคงคลอเคลียกันอยู่อย่างใกล้ชิด แล้วจากความอบอุ่นที่เคยเกิดขึ้นมันก็เปลี่ยนเป็นความหนาวเย็นจนมิวส์ไม่เคยรู้สึกสัมผัส


   และเมื่อรู้สึกว่าอากาศรอบกายหนาวเหน็บยิ่งขึ้น... สติที่เคยโดนความเสียใจเข้าครอบงำก็กลับมาทำงานอีกครั้ง


   “ว๊ากกกก..." แล้วเสียงร้องโหวกเหวกก็ดังขึ้นเมื่อรู้ว่าร่างของตัวเองกำลังตกจากระเบียงหอพักชั้นสูงสุด


   'ตุบ' ทันทีที่ร่างของมิวส์ตกลงสู่พื้นเบื้องล่าง ชายหนุ่มแปลกหน้าผู้เป็นตัวการก็แสยะยิ้มออกมาและมองร่างนั้นด้วยความสมเพช ดวงตาของมันลุกวาวราวกับกำลังได้ของเล่นชิ้นถูกใจ แล้วร่างที่เคยปรากฎราง ๆ เป็นวิญญาณติดที่มาหลายปีก็พลันสลายหายไป มันพร้อมไปชดใช้กรรมในนรกต่อไป เพราะมันได้หายตัวตายตัวแทนรายใหม่ได้แล้ว...


   ส่วนมิวส์ หลังจากที่ลมหายใจดับสิ้นลง วิญญาณของตนก็ออกจากร่าง หากแต่เพราะความเป็นจริงยังไม่สิ้นอายุขัย เลยทำให้มิวส์ยังไม่ต้องไปชดใช้กรรมในนรกหรือสวรรค์


   มิวส์ต้องกลายเป็นวิญญาณรายต่อไป และเขาต้องเฝ้ามองและหาเหยื่อที่เสียใจในเรื่องความรักรายใหม่... หากเขาต้องการจะไปชดใช้กรรมให้ไวที่สุดเขาก็ต้องหาเหยื่อมาแทนที่ให้ได้ แต่หากหาไม่ได้ วิญญาณของเขาก็จะติดอยู่ที่ห้องพักแห่งนี้ตลอดไป ไม่ได้ไปผุดไม่ได้ไปเกิด ...แล้วความอาฆาตแค้นจากคนที่ตายโดยไม่รู้ตัวก็เริ่มขึ้น...



-----------
จบบทนำ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2013 02:15:28 โดย gugzabb »

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
Re: Dead Lover ตัวตายตัวแทน... By Mr.กุ๊กกู๋
«ตอบ #2 เมื่อ15-07-2013 16:32:24 »

ตอนที่ 1



   หลังจากที่มีข่าวว่านักศึกษาชั้นปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งกระโดดตึกฆ่าตัวตายเพราะเสียใจในเรื่องของความรัก หอแห่งนั้นก็ปิดห้องพักชัั้นบนสุด(ชั้นเกิดเหตุ) เพราะไม่อยากให้ผู้ที่มาพักใหม่ต้องหวาดผวา จนกระทั่งเวลาผ่านไป 10 ปี เศรษฐกิจการเงินที่เริ่มฝืดเคืองทำให้เจ้าของหอตัดสินใจเปิดห้องพักชั้นนั้นอีกครั้ง ...โดยที่ไม่ได้ทำบุญหรือนิมนต์พระมาปัดเป่าดวงวิญญาณร้ายที่ยังแฝงกายอยู่ภายในหอพักแห่งนี้


   วิญญาณของมิวส์ที่ยังคงรูปลักษณ์หน้าตาเหมือนก่อนจะสิ้นใจทุกประการพลันแสยะยิ้มออกมาทันทีที่รู้ข่าว มันมองเหล่าแม่บ้านที่ช่วยกันทำความสะอาดห้องพักด้วยความรู้สึกดีใจ เพราะในที่สุดความหวังของมิวส์ที่เฝ้ารอใครสักคนจะมาเป็นตัวตายตัวแทนนานนับ 10 ปีก็ใกล้จะเป็นจริง


   หลังจากที่ห้องพักชั้นบนสุดของหอพักแห่งหนึ่งซึ่งถูกปิดตายมานานนับสิบปีถูกป่าวประกาศให้กลับมาเช่าได้อีกครั้ง เหล่านักศึกษาหลายคนที่ไม่อยากเดินทางไกลก็ตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่ และการจองห้องพักก็ถูกแย่งกันจองอย่างว่องไวจนกระทั่งเหลือห้องพักห้องสุดท้าย... ห้องของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เคยกระโดดตึกฆ่าตัวตายเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่ยังไม่มีใครกล้าจองเข้าพัก


   ...แล้วในที่สุดก็มีคนกล้าดีเดินเข้ามาจองห้องพักจนได้...


   “เฮ้ย ไอ้ไม้มึงจะพักหอนี้จริงเหรอวะ" แม็กกี้ คู่หูของไม้เอ่ยทักขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นผวา แม้จะไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ข่าวลือเรื่องการกระโดดตึกตายของชายหนุ่มคนหนึ่งในหอพักแห่งนี้ก็ยังมีให้ได้ยินอยู่เรื่อย ๆ


   “เออสิวะ... มันใกล้มหาลัยดีออก” ไม้ ชายหนุ่มหน้าตาดีนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ของมหาลัยแห่งหนึ่งเอ่ยขึ้นกับเพื่อน(รัก)คู่หู ...ใช่ สำหรับคนภายนอกอาจจะเข้าใจว่าไม้กับแม็กกี้มีความสัมพันธ์กันฉันท์เพื่อนเท่านั้น เพราะทั้งคู่สนิทกันมาตั้งแต่ชั้นมัธยมปลายแล้ว แต่ทว่าสำหรับพวกเขามันไม่ใช่... คำว่าเพื่อนมันก็แค่อดีต เพราะตอนนี้มันได้พัฒนากลายมาเป็นคนสำคัญของกันและกันไปแล้วล่ะ เพราะความใกล้ชิดนั่นแหละเลยทำให้ทั้งสองลงเอยกันด้วยดี


   “แต่ว่ามันมีข่าวลือเรื่องคนกระโดดตึกนะ" แม็กกี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นผวา ไม่รู้ว่าเขามโนไปเองหรือเปล่าเพราะจู่ ๆ กลิ่นเทียน กลิ่นธูปที่ไหนไม่รู้ก็ลอยเข้ามาในจมูกทำให้เขาต้องรีบกระโดดไปเกาะแขนของไม้ด้วยความฉับไว "หยึย...ไปหาหออื่นดีกว่า"


   “อย่าป๊อดได้ไหมไอ้แม็กกี่้ที่รัก มีกูอยู่ทั้งคนยังจะกลัวอะไร ถ้าผีมาหลอก มึงก็แค่กอดกูไว้เท่านั้นก็จบโอเคเปล่า..." พูดจบก็ใช้มือขยี้ศีรษะคู่หัวแรง ๆ ก่อนจะลากให้เข้าไปติดต่อกับเจ้าพนักงานที่ดูแลหอพัก


   หลังจากที่คุยกับพนักงานที่ดูแลหอพัก ปรากฏว่าห้องพักเหลืออยู่เพียงห้องเดียวเท่านั้นซึ่งก็คือห้องที่มีประวัติเมื่อ 10 ปีก่อน พนักงานไม่ได้โกหกชายหนุ่มที่มาติดต่อขอเช่าห้องแต่อย่างใด เธอเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟังทุกประการหากแต่ว่าเขาไม่ได้กลัวสิ่งเร้นลับที่มองไม่เห็นเลยสักนิด


   “เอาห้องนี้ครับ" ไม้ยืนยันกับพนักงานโดยไม่สนใจคนที่กำลังยืนหน้าบึ้งงอนเป็นตูดเป็นอยู่ข้าง ๆ เลยสักนิด


   “อย่าเพิ่งตัดสินใจเลย ขึ้นไปดูห้องก่อนดีกว่าไหม" แม้ชายหนุ่มหน้าหล่อที่มาติดต่อขอพักห้องจะยืนยันหนักแน่น แต่เพื่อยืนยันคำมั่นใจอีกรอบเลยขอให้ชายหนุ่มไปเห็นห้องกับตาก่อนดีกว่า


   หลังจากที่ประตูห้องถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างผู้มาเยือนสามคน กลิ่นอับที่ไม่รู้ว่ามาแต่ไหนก็ได้ลอยเข้ามาปะทะจมูกกับร่างทั้งสาม


   “ไม้... กูว่าไปดูหออื่นดีกว่า" แม็กกี้กระตุกแขนไม้พลางยกมือปิดจมูก "แค่เดินเข้ามากลิ่นก็แรงขนาดนี้แล้ว อยู่ไปไม่รู้จะเจออะไรบ้าง"


   “ไม่! กูชอบที่นี่" ไม้ตอบออกมาพลางพยายามหาต้นตอของกลิ่นอับ เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ดูข้าวของและรื้อห้องอย่างไม่เกรงใจใครสักนิด จนในที่สุดเขาก็พบสาเหตุของกลิ่นอับ


   ไม้ส่งยิ้มให้แม็กกี้พร้อมกับจูงมือไปยังหลังตู้เสื้อผ้า "เห็นไหม มันไม่มีอะไรหรอก ก็แค่หนูตาย"


   แม็กกี้มองดูร่างของสัตว์ที่แห้งกรัง แถมยังมีหนอนสีขาวตัวเล็ก ๆ ชอนไชอยู่บนหนูตัวนั้นด้วยความขยะแขยงก่อนที่จะเดินไปที่ระเบียงดาดฟ้าห้องพักเพื่อสูดเอาอากาศที่บริสุทธิ์ ส่วนไม้ได้ไปทำการเจรจาต่อรองกับพนักงานเรื่องห้องพัก


   “ผมยังยืนยันจะอยู่ที่นี่ครับ แต่ว่าเดี๋ยวรบกวนทำความสะอาดห้องให้ใหม่ด้วยนะครับ เพราะหลังตู้มีซากหนูตายหนึ่งตัว" สิ้นเสียงของไม้ ร่างลึกลับที่แฝงกายดักฟังมานานก็แสยะยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ ...มิวส์ วิญญาณหนุ่มที่ต้องตายเพราะโดนเล่ห์กลของวิญญาณร้ายตนก่อนหน้าหลอกให้ตกตึกได้เฝ้ารอเวลานี้มานานแสนนาน... เวลาที่จะมีเหยื่อรายใหม่มาพักในห้องพักห้องนี้


   'ถึงเวลาที่จะเป็นอิสระแล้ว แต่จะเอาใครมาเป็นตัวแทนดีนะ หึหึหึ...!'




   หลังจากที่ไปดูห้องพักใหม่เสร็จ ไม้กับแม็กกี้ก็กลับมาที่ห้องพักห้องพักห้องเดิม เหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์กว่าจะถึงวันย้ายหอ ไม้เฝ้ารอให้ถึงวันนั้นอย่างใจจดใจจ่อผิดกับแม็กกี้ที่ไม่อยากให้วันนั้นมาถึงเลยสักนิด


   “เป็นไรว๊า งอนกูเหรอที่รัก" ไม้ที่เห็นแม็กกี้นั่งขมวดคิ้วเป็นปมมาหลายชั่วโมงอยู่บนเตียงเอ่ยขึ้น พร้อมกับเข้าไปนั่งกระแซะออดอ้อนอยู่ข้าง ๆ


   “กูไม่ชอบหอนั้นนี่หว่า น่ากลัว วังเวงจะตายไป" แม็กกี้ตอบออกมา พอนึกถึงหอพัก 10 ชั้นที่สภาพเก่า ๆ โทรม ๆ หากแต่เพราะสีที่โดนทาทับใหม่นั้นทำให้หอที่ถูกสร้างมานานหลายปีดูใหม่ขึ้น แต่มันก็ยังเก่าในสายตาของแม็กกี้อยู่ดี มิหนำซ้ำข่าวลือเรื่องคนกระโดดตึกตายเมื่อสิบปีก่อนยังช่วยตอกย้ำให้ความกลัวในจิตใจของแม็กกี้มีเพิ่มมากขึ้นไปอีก "มึงก็รู้ไม่ใช่เหรอว่ากูกลัวผี"


   “อืม" ไม้ตอบออกมา เขารู้มาเสมอว่าคู่หูคนนี้กลัวผีเป็นชีวิตจิตใจ แต่ก็นั่นแหละนะ... ผีมีจริงในโลกที่ไหน มันไม่เคยอยู่ในความคิดของไม้เลยสักนิด และถ้าแม็กกี้ยังคงกลัวผีอยู่อย่างนี้ เขาก็จะได้หลอกให้แม็กกี้นอนกอดและทำอะไร ๆ ได้ง่ายขึ้น ...การย้ายไปอยู่หอพักหอนั้นนอกจากจะอยู่ใกล้มหาลัยแล้ว มันยังเป็นแผนของไม้ที่จะทำให้แม็กกี้กับเขาได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นอีกด้วย


   “มึงรู้แล้วมึงยังจะไปหอนั้นอีกทำไม" แม็กกี้ต่อว่า


   “ก็มันใกล้มหาลัย" มันเป็นเหตุผลเดียวที่น่าฟังที่สุดของไม้เลยล่ะ "ถ้ามึงกลัวก็บอกแล้วไงให้กอดกูเอาไว้ กูไม่ถึงมึงไปไหนหรอกเข้าใจไหม"


   พูดจบก็เอื้อมมือไปกอดกับร่างขาว ๆ เนื้อแน่นสมส่วนที่นั่งงอนอยู่ข้าง ๆ พอจะซุกจมูกไปที่ใบหน้า ร่างที่โดนกอดก็หันหน้ามาปะทะทันทีทำให้ริมฝีปากของคนทั้งคู่เกือบจะชนกัน


   “มึงอ่ะ ก็เป็นงี้ประจำ เอาแต่ใจไม่ฟังอะไรกูสักครั้ง" แม็กกี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อก่อนที่ริมฝีปากจะชนกันเขาได้ดันร่างที่กำยำกว่าออกไปเบา ๆ


   “โถ่ที่รัก... มึงก็เข้าใจกูหน่อยดิวะ ปีสี่แล้วงานมันเยอะนี่นา อยู่ใกล้มหาลัยสะดวกที่สุด" พูดจบก็ลุกขึ้นไปกอดหวังจะออดอ้อน และเมื่อเห็นว่ายังไม่ได้ผล ไม้ก็เลยต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้คู่หูของเขาสบายใจได้ที่สุด "งั้นก่อนย้ายหอไปทำบุญกันดีไหม"


   “อืม... ก็ได้" หลังจากที่แม็กกี้ตอบตกลง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้า




   ก่อนวันย้ายหอ... ไม้กับแม็กกี้ได้ไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้ สังฆทานที่ถูกหิ้วมามากมายจากในมือของแม็กกี้ทำให้ไม้บ่นอุบอิบตลอดทาง


   “ย้ายหอแค่นี้ถวายสังฆทานทำไมเยอะแยะจังวะ" ที่ไม้ต้องบ่นก็เพราะถังสังฆทานที่เตรียมมาไม่ใช่แค่ถังสองถัง แต่มันเต็มรถแท็กซี่ที่นั่งมา รวมถึงช่องว่างภายในกระโปรงหลังรถแท็กซี่อีกด้วย กว่าจะขนเข้าอุโบสถเพื่อถวายพระสงฆ์ได้ก็เล่นเอาไม้เหนื่อยจนร่างแทบจะสลาย ...ก็เพราะทั้งคู่ได้ตกลงกันเอาไว้ ว่าถ้าไม้ไม่ขน แม็กกี้ก็จะไม่ย้ายไปอยู่หอพักกับไม้ด้วยน่ะสิ


   “ก็... ไม่รู้แหละ หอพักไม่น่าไว้ใจ ต้องทำบุญเยอะ ๆ ไว้ก่อน วิญญาณเร่ร่อนจะได้ของกันครบ และพวกนั้นจะได้ไม่มาหลอกหลอนเรา" แม็กกี้ว่า


   หลังจากที่เถียงกันสักพัก เจ้าอาวาสก็เดินมาแล้วการทำพิธีถวายสังฆทานก็เริ่มขึ้น...


   “หลวงพ่อครับพวกผมสองคนกำลังจะย้ายหอพัก... พอดีเพื่อนผมไม่สบายใจก็เลยอยากจะมาถวายสังฆทานให้กับเจ้าที่เจ้าทางและวิญญาณเร่ร่อนที่หอพักใหม่น่ะครับ" ไม้เอ่ยขึ้น


   “พนมมือซะ" เจ้าอาวาสบอก จากนั้นเสียงสวดมนต์ก็ดังขึ้น ไม้กับแม็กกี้นั่งพนมมือพลางอธิษฐานให้เจอแต่สิ่งดี ๆ ไม่มีอะไรมาเบียดเบียน จนกระทั่งบทสวดจบลง...


   “คิดดีทำดีนะโยม หอใหม่ของพวกโยมเจ้าที่แรง... ถ้าจิตไม่อ่อนก็คงไม่มีอะไรร้าย ๆ เกิดขึ้น"


   “ได้ยินไหม อย่าจิตอ่อน" ไม้แอบกระซิบที่ข้างหูของแม็กกี้ จนคนที่โดนตอกย้ำว่าอย่าจิตอ่อนต้องเอาศอกกระทุ้งที่สีข้างของคนพูดเบา ๆ


   “มานี่มา" เจ้าอาวาสกวักมือเรียกทั้งคู่เข้าไปหา ก่อนจะหยิบสายสิญจน์ผูกข้อมือมาสองเส้น แล้วก็ผูกให้กับชายหนุ่มทั้งคู่
“มีอะไรไม่ชอบมาพากลก็มาปรึกษาหลวงพ่อได้เสมอนะโยม"


   หลังจากที่ผูกสายสิญจน์เสร็จ ทั้งคู่ก็ลากลับเพื่อเตรียมไปขนของย้ายหอ... เจ้าอาวาสมองร่างของสองหนุ่มที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน สำหรับชายหนุ่มหน้าตาดี ผิวขาวเหลือง จมูกโด่ง หน้าตาคมสัน แต่รูปร่างสูงกำยำกว่านั้นท่านไม่ได้นึกห่วงอะไร แต่ชายหนุ่มอีกคนที่มีผิวคล้ำกว่าและรูปร่างที่เล็กกว่าเล็กน้อยท่านรู้สึกเป็นห่วง และมีลางสังหรณ์ว่าชะตาของเขาอยู่ในเกณฑ์ดวงตกและมีสิทธิ์ที่จะถึงฆาต... แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิตใจของชายหนุ่มทั้งคู่เท่านั้น


   พอกลับมาถึงหอพัก ภารกิจเก็บของเตรียมย้ายหอก็เริ่มขึ้น ห้องที่เคยสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบค่อย ๆ เละเทะด้วยเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายเรี่ยราดก่อนจะถูกยัดลงกระเป๋า และในระหว่างที่กำลังเก็บของอยู่นั่น การทะเลาะวิวาทของคู่หูหน้าหล่อก็เริ่มขึ้น


   “ไอ้แม็กกี้... นี่อะไร" ไม้แย้มรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความประชดสุดฤทธิ์ ในมือก็ถือแผ่นกระดาษสีชมพูอ่อนขนาด A5 เอาไว้ จากนั้นไม้ก็อ่านข้อความในกระดาษด้วยน้ำเสียงที่ดัดจริิตที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้จนผู้หญิงยังอาย


   "น้องแม็กกี้ครับ พี่ชอบน้องแม็กกี้นะครับ ถ้าเมื่อไหร่ที่น้องแม็กกี้ไม่มีใครให้จำเอาไว้ว่ายังมีพี่ที่จะยืนอยู่ข้าง ๆ หัวใจของน้องแม็กกี้เสมอนะครับ... พี่จะรอวันที่น้องแม็กกี้เปิดใจให้พี่นะครับ... พี่นัยย์" สิ้นเสียง...  ไม้ก็ขยำกระดาษทิ้ง "ถุย... กูจะอ้วก"


   แต่แทนที่แม็กกี้จะตอบโต้ เขากลับแสยะยิ้มออกมาก่อนที่จะหยิบกล่องซีดีเอ็กซ์ขึ้นมาแล้วเหล่ตามองไม้ด้วยสายตาจับผิด


   กระดาษที่ซ่อนอยู่ในกล่องซีดีถูกหยิบขึ้นมาบ้าง และในขณะที่แม็กกี้กำลังจะอ่าน ไม้ก็พยายามจะแย่งกลับคืนมา


   “อย่าอ่าน เอามา...” ไม้โวยวายลั่น หากแต่แผ่นกระดาษยังคงอยู่ในมือแม็กกี้ "ขอร้องที่รัก...”


   พูดจบก็คุกเข่าส่งสายตาอ้อนวอนราวกับลูกหมาตัวน้อยที่กำลังจ้องเจ้านายเพื่อขอขนมหวานที่สุดแสนอร่อย แต่ทว่าเจ้านายผู้โหดร้ายกลับดันศีรษะของเจ้าลูกหมาบึกบึนตัวนั้นออกไปแล้วก็คลี่แผ่นกระดาษออกมาอ่านแล้วแสร้งทำเสียงดัดจริตขึ้นมาบ้าง


   “ดูเสร็จแล้ว ถ้าไม่มีใครช่วย... ก็โทรมาเรียกปั๊มได้เสมอนะครับ พี่ไม้สุดหล่อ" สิ้นเสียง แม็กกี้ก็หันไปมองหน้าไม้ด้วยความฉับไว "หึหึ... ถุย ไอ้เชี่ยไม้ มึงบอกมาเลยนะว่านี่หมายความว่ายังไง"


   “โอย... ที่รัก มันไม่มีอะไรจริง ๆ" ไม้ทำเสียงออดอ้อน


   “ไม่มีอะไร! หึหึ" แม็กกี้แสร้งทำเสียงไม่เชื่อใจก่อนที่ความหมั่นไส้ที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้เขาเคาะกบาลคนที่ตัวโตกว่าหนึ่งที "มึงกล้ามากนะ... ที่ดูซีดีโป๊แล้วไม่ชวนกู!”


   “อ้าว! มึงไม่ได้โกรธเรื่องจดหมายหรอกเหรอ" ได้ยินคำพูดของแม็กกี้ ไม้ก็ต้องเอ่ยถามด้วยความสงสัย


   “ไม่! กูรู้ว่ามึงรักกูหัวปรักหัวปรำ มึงไม่ทำอะไรอย่างงั้นหรอก" แม็กกี้ว่า... “แต่กูโกรธมึง... ที่มึงไม่ชวนกูดู โอ๊ย... ไอ้เชี่ยเอ้ย เปิดดูเดี๋ยวนี้เลย"


   “เหอะ ๆ" ไม้หัวเราะในลำคอ ไม่รู้ว่าคนอดดูซีดีโป๊กำลังคิดอะไรอยู่... “เอาไว้ไปดูที่หอใหม่ละกัน"


   หลังจากที่เคลียร์ปัญหากันได้ ไม้กับแม็กกี้ก็รีบเก็บของให้เสร็จสรรพ เพราะเดี๋ยวรถที่จ้างขนของจะมารับเย็นนี้แล้ว... พอเก็บของเสร็จ ทั้งคู่ก็ทิ้งร่างที่เหนื่อยสายตัวแทบขาดไปบนเตียงนอนที่ไร้ผ้าคลุม


   “เหนื่อยชะมัด ของมึงนี่เยอะกว่าที่คิดอีกนะไอ้แม็ก" ไม้บ่น...


   “อย่ามาโบ๊ยที่เยอะน่ะมันหนังโป๊ นิยายเกย์กับการ์ตูนอีโรติกมึงต่างหาก" แม็กกี้เถียงกลับ


   “เถียงกูเหรอ" พูดจบก็เหยียดแขนไปล็อกคอของคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ


   “เชี่ยไม้ เหงื่อมึงเยอะ กูเหม็นนะโว้ย" คนที่โดนล็อกคอจนจมูกจ่ออยู่บริเวณรักแร้บ่นอุบอิบ


   “อ้าว! ก็มึงชอบไม่ใช่เหรอกลิ่นตัวกู ดมซะ สมน้ำหน้าขี้บ่นดีนัก" ไม้เถียงกลับ พลางหัวเราะชอบใจที่ได้กลั่นแกล้งคนพิเศษ "ว่าแต่มึงยังคิดมากเรื่องหอใหม่อยู่หรือเปล่าวะ"


   “คิด" แม็กกี้ตอบสั้น ๆ โดยที่ยังโดนล็อกคอและนอนอยู่ในท่าเดิม


   “มึงยังกลัวอยู่เหรอ" ไม้ถามอีกครั้ง


   “เออ!" แม็กกี้ตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ พลางพยายามดันร่างให้ออกจากการโดนล็อกคอแต่ก็ไม่สำเร็จ "ถ้ากูโดนผีหลอกแล้วเป็นอะไรขึ้นมาใครจะรับผิดชอบวะ"


   “กูบอกแล้วมันไม่มีอะไรหรอก ถ้ามึงกลัว... มึงก็แค่หลับตาแล้วกอดกูแน่น ๆ ก็พอ ก็สัญญา... ว่ากูจะไม่ทิ้งมึงไปไหน"


   สิ้นเสียงของไม้ เขาก็เอาแขนที่ล็อกคอของแม็กกี้ออกก่อนที่จะเปลี่ยนไปกอดคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ด้วยความเอ็นดู... “มึงก็รู้นี่ว่ากูไม่มีวันที่จะทิ้งมึง...”


   “แล้วถ้ามึงมีธุระ มึงไปเรียน กูจะอยู่ยังไง"


   จบประโยคคำถามของแม็กกี้ ไม้ก็ยิ้มออกมา เพราะนี่ก็เป็นอีกแผนหนึ่งที่เขาต้องการย้ายไปอยู่หอนั้น "หึ ๆ ถ้ามึงไม่กล้าอยู่ห้อง มึงก็ต้องไปกับกูทุก ๆ ที่เข้าใจไหม ...แต่มันไม่มีไรหรอกน่า เชื่อกูเถอะ"


   “เออ...” พูดจบก็กอดรักฟัดเหวี่ยงกัน... เป็นปกติที่คู่รักคู่นี้จะชอบหยอกล้อกันรุนแรง ๆ เพราะไม้ค่อนข้างที่จะชอบความซาดิสม์ แต่มันก็เป็นการซาดิสม์ที่อยู่ในขอบเขต ไม่ได้ทำให้คนรักเจ็บตัวมากมาย และที่แม็กกี้ยอมก็เพราะหลังจากที่คบเป็นเพื่อนสนิทกับไม้มาหลายปีจนกระทั่งความสัมพันธ์พัฒนาขึ้น เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองชอบที่ไม้กลั่นแกล้งแรง ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือ... เขาเป็นมาโซคิสม์นั่นเอง!


-------------------
จบตอนที่ 1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2013 00:48:05 โดย gugzabb »

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
Re: Dead Lover ตัวตายตัวแทน... By Mr.กุ๊กกู๋
«ตอบ #3 เมื่อ15-07-2013 16:33:08 »

          ตอนที่ 2


          รถขนของที่นัดไว้กันไว้ตั้งแต่บ่ายสี่โมงเย็นมาช้ากว่าเวลานัดหนึ่งชั่วโมง และกว่าจะขนของขึ้นรถเสร็จก็ปาไปหกโมงเย็นแล้ว... เนื่องจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่ใช่มหาวิทยาลัยในเมืองใหญ่ เลยทำให้ตึกรามบ้านช่องข้างทางเงียบเหงากว่าปกติ แค่พระอาทิตย์ตกฟาก ก็เหมือนกับว่าโลกที่เคยวุ่นวายต้องแปรเปลี่ยนไปอีกโลกที่ไม่ต่างจากป่าช้าสักเท่าไหร่...


   แต่นั่นก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับว่า... ทำไมมหาวิทยาลัยแห่งนี้ถึงได้มาสร้างอยู่ไกลจากตัวเมืองนักนะตั้ง 10 กว่ากิโลเมตรแหนะ หอพักที่ผุดขึ้นใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัยก็มีไม่กี่แห่งเท่านั้น รอบข้างส่วนใหญ่ก็มีแต่ป่าไม้และทิวเขาเท่านั้น เลยทำให้บรรยากาศในยามพลบค่ำแบบนี้น่าวังเวงมากขึ้นไปอีก


   ทันทีที่รถขนของขับเคลื่อนไปถึงหอพัก บรรยากาศที่รอบข้างมีแต่ความมืดมิดและเสียงนกที่ไม่อาจทราบสายพันธุ์ที่ร้องโหวกเหวกขึ้นก็ได้ทำให้คนที่กลัวผีจับจิตขนลุกขึ้นมาในบันดล


   “ไอ้ไม้... นี่ขนาดยังไม่สองทุ่มเลยนะ" แม็กกี้กระตุกแขนไม้เบา ๆ "มึงฟังเสียงนั่นดิ"


   “ก็แค่เสียงนก อยู่กับป่ากับธรรมชาติดีออก" ไม้ปลอบใจ "อย่ามัวพูดมากอยู่เลย ช่วยกันยกของดีกว่า"


   พูดจบ... ก็ช่วยกันขนของขึ้นห้อง รวมทั้งคนขับรถ จนกระทั่งสองทุ่มกว่า การขนของขึ้นห้องก็สำเร็จเสร็จสิ้น หลังจากที่จ่ายค่ารถขนของเรียบร้อยแล้ว ไม้กับแม็กกี้ก็ขึ้นไปนอนพักอยู่บนห้อง


   “ไง... กลิ่นอับไม่มีแล้ว" ไม้ประชดประชันพอเห็นร่างที่กลัวผีจับจิตยังคงนั่งผวา เขาก็เลยไปนั่งข้าง ๆ ก่อนที่จะกอดหมับที่ร่างนั้นด้วยความเอ็นดู "ดูหนังโป๊กันไหมเบบี๋"


   “หยุดเลยไอ้ไม้ กูเหนื่อยอยู่นะ เกิดดูตอนนี้ก็เสียอารมณ์เปล่า ๆ" แม็กกี้ตอบกลับก่อนที่จะแกะอ้อมกอดของไม้ออกแล้วทำท่าว่าจะลุกไปย้ายข้าวของให้เข้าที่ แต่ทว่ามือของไม้ที่คว้าเอาไว้ก็ทำให้แม็กกี้ต้องชะงักเสียก่อน


   “เดี๋ยวสิ! วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ค่อยจัดห้องพรุ่งนี้ก็ได้น่า" ไม้พูดพลางพยักหน้าหงึก ๆ เพื่อให้คนฟังเห็นด้วย "มาเล่นจ้ำจี้ให้หายเหนื่อยก่อนดีกว่า... นะที่รัก"


   “ไอ้เชี่ย มึงก็คิดแต่เรื่องแบบนี้แหละ" แม็กกี้ต่อว่า แต่ทว่าในประโยคต่อมา ทำไมความคิดของเขาช่างตรงข้ามกับคำต่อว่าในครั้งแรกจังเลยนะ "เอาให้ถึงที่สุดเลยละกัน เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ได้ปลดปล่อยบ้างก็ดี"


   สิ้นเสียงของแม็กกี้ รอยยิ้มสุดแสนเจ้าเล่ห์ของไม้ก็แสยะออกมา จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบโซ่ในกระเป๋าใบหนึ่งออกมาพร้อมกับแม่กุญเจ


   “ไปนอนอยู่บนเตียง" ไม้สั่ง ส่วนแม็กกี้ก็ปฏิบัติตาม "ตั้งท่าให้พร้อม"


   แขนและขาทั้งสองข้างของแม็กกี้ถูกกางออก จากนั้นคนซาดิสม์ก็ค่อย ๆ บรรจงใช้โซ่พันธนาการแขนและขาของร่างที่นอนอยู่เอาไว้ เมื่อเห็นว่ามันแน่นหนาแล้ว ปฏิบัติการคลายความเหน็ดเหนื่อยก็เริ่มขึ้น ...โดยที่พวกเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าในขณะที่กำลังล่ามโซ่แม็กกี้อยู่นั้น สายสิญจน์ที่ถูกผูกอยู่ที่ข้อมือของแม็กกี้ได้ขาดสะบั้น


   ไม้ใช้นิ้วมือไต่ไปตามร่างกายของแม็กกี้ ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปยันศีรษะ แล้วก็วนกลับลงมาอีกรอบ พอเห็นว่าร่างที่นอนอยู่ขนลุกขนพองด้วยความจั๊กจี๋ ไม้ก็เปลี่ยนมาใช้มือนวดที่ต้นขาให้เบา ๆ


   “ปวดตรงไหนบอกได้นะ" คนที่กำลังนวดบอก


   “แล้วแต่มึงเลย อยากทำไรให้กูก็ทำไปเหอะ" คนที่โดนพันธนาการอยู่ตอบกลับมา


   ในขณะที่แม็กี้กำลังเคลิ้มสบายจนเกือบจะหลับอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ของห้องพักก็ดังขึ้น


   “ใครโทรมาวะ" ไม้บ่นอุบอิบเพราะมันทำให้เขาเสียอารมณ์กับการเล่นสนุก ๆ กับคู่หู แต่ก็ไม่วายที่จะเดินไปรับสาย "สวัสดีครับ"


   “สวัสดีค่ะ" เสียงของผู้หญิงวัยกลางคน เอ่ยออกมา ถ้าจำไม่ผิดไม้จำได้ว่าเสียงนี้น่าจะเป็นเสียงของพนักงานที่เคยมาเปิดห้องให้ดูในวันที่มาดูหอ "พอดีจะโทรมาแจ้งให้ลงมาทำสัญญาให้เรียบร้อย และมารับคีย์การ์ดเข้าหอพักด้วยค่ะ"


   “อ๋อ... ตอนนี้เลยเหรอครับ" ไม้เอ่ยถาม


   “ใช่ค่ะ"


   “ครับ"


   จากนั้นก็วางสาย แทนที่ไม้จะอธิบายอะไรให้แม็กกี้ฟังบ้าง เขากลับวิ่งหน้าตั้งออกจากประตูห้องไปในทันที


   “เฮ้ย ไอ้ไม้มึงจะไปไหนวะ" แม้จะมีเสียงตะโกนถามให้หลังของแม็กกี้ แต่ทว่าไม้ก็ไม่สนใจสักนิด ไม้รู้ว่าแม็กกี้คงกำลังกลัว และการแกล้งให้แม็กกี้ติดอยู่กับเตียงนอนลุกไปไหนไม่ได้บนห้องที่หมอนั่นเชื่อว่ามีประวัติ... มันคงน่าสนุกไม่น้อย


   “มึงกลับมาก่อน เชี่ยละ ทิ้งกูไว้อย่างงี้เนี่ยนะ" แม็กกี้ยังคงบ่นอุบอิบต่อไป และทันทีที่เสียงฝีเท้าของไม้ที่ดังอยู่ภายนอกห้องจางหายไป ไม่รู้ว่าเขาอุปทานไปเองหรือเปล่า อากาศรอบข้างที่เคยร้อนก็เย็นลงจนกระทั่งเขารู้สึกหนาว ...ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่ยังร้อนจับจิตอยู่เลย


   ร่างวิญญาณที่เฝ้ามองทุกการกระทำของไม้กับแม็กกี้ตั้งแต่เข้าห้องมาแสยะยิ้มทันที พอเห็นเหยื่อที่ไปไหนไม่ได้ไม่ต่างจากหนูที่กำลังติดจั่นมันก็ต้องหาวิธีต้อนรับสักหน่อย


   ...แล้วไฟในห้องที่เคยสว่างไสวก็ดับลง...


   คนที่เคยโวยวายลั่นพลันเงียบเสียงลง แม็กกี้สอดส่ายสายตาไปทางซ้ายขวาด้วยความรู้สึกกลัวจับใจ ปากที่พยายามจะท่องบทสวดต่าง ๆ นานาเท่าที่นึกได้ก็ดันแข็งขึ้นมาจนพูดอะไรไม่ออกเพราะความกลัว


   'ยินดีต้อนรับสู่ห้องใหม่นะ' เสียงของมิวส์ที่เอ่ยออกมาข้าง ๆ ใบหูของแม็กกี้ทำให้แม็กกี้ขนลุกขึ้นมาฉับพลัน แม้เขาจะไม่ได้ยินเสียงนั่น แต่ทว่าลมเบา ๆ ที่ปะทะใบหูของเขาก็ทำให้เขารู้ว่า มันต้องมีอะไรบางอย่างแฝงกายอยู่ในห้องนี้แน่นอน


   แล้วความรู้สึกที่เหมือนปูไต่ตามร่างกายก็เริ่มขึ้น ...มันเป็นความรู้สึกเดียวกับที่ไม้ใช้นิ้วมือไต่ไปตามตัวของแม็กกี้ แต่ทว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้อง แล้วเขารู้สึกถึงสัมผัสแบบนั้นได้อย่างไร


   “ออกไป อย่ามายุ่งกับกู" แม็กกี้พยายามเค้นเสียงออกมาสุดฤทธิ์ ภาพที่เห็นรอบข้างมีเพียงความมืดมิดแต่สัมผัสที่ได้รับมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่


   'ปูไต่ ปูไต่ หึหึ' พอเห็นความกลัวของคนที่นอนอยู่ มิวส์ก็ยิ่งรู้สึกสนุก เขาต้องทนอยู่กับความเดียวดายบนหอพักแห่งนี้มานานนับสิบปีไม่ได้ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันที่ไหน เพราะหลังจากที่เขาสิ้นลมหายใจ หอพักชั้นนี้ก็ถูกปิดทันที และมีการนำผ้ายันต์ต่าง ๆ นานามาแปะไว้ตามห้องต่าง ๆ แต่พอห้องพักเหล่านี้ถูกเปิดให้เช่าอีกครั้ง แม่บ้านที่ทำความสะอาดก็แกะผ้ายันต์ออกทั้งหมดทำให้เขากลับมามีชีวิตที่ไร้ลมหายใจอย่างอิสระอีกครั้ง


   'เอ๋... ว่าแต่ถ้าแกล้งให้กลัว มันจะไม่รีบเผ่นหนีออกจากหอพักก่อนเหรอเนี่ย' คิดได้ดังนั้น นิ้วมือที่เคยเพ่นพ่านอยู่ตามร่างกายก็ต้องหยุดชะงัก ห้องที่เคยมืดมิดก็กลับมาสว่างไสวอีกครั้งเพราะวิญญาณของมิวส์ได้ไปกดสวิชต์ให้


   แล้วความสับสนก็แล่นเข้ามาในหัวของวิญญาณ(เกือบ)ร้าย เขาจำเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนสิ้นลมหายใจได้ ตั้งแต่เรื่องที่ก้องแฟนหนุ่มของเขาบอกเลิก จนกระทั่งมาถึงร่างปริศนาที่มาปรากฏอยู่หน้าห้อง มันหลอกให้เขาตายใจจนสุดท้ายมันก็ใช้ช่วงเวลานั้นผลักให้เขาตกจากตึก


   ความอาฆาตเกิดขึ้นในจิตใจของมิวส์ทันที หากแต่มันเป็นการอาฆาตวิญญาณชั่วร้ายตนนั้น ในเมื่อเขาไม่ได้มีพันธะผูกแค้นกับมนุษย์แต่อย่างใด แล้วทำไมเขาต้องหลอกให้คนเหล่านี้กลัวด้วยนะ


   ...หรือว่าเขาควรจะทำดีกับคนเหล่านี้ เพื่อที่จะได้มีเพื่อนคุยให้หายเหงา ถึงวันที่มีใครสังคนผิดหวังในเรื่องของความรักเมื่อไหร่ ค่อยหลอกให้มันตกตึกเพื่อที่จะมาเป็นผีติดที่แทนเขาก็ได้นี่นา


   ใช่... มิวส์ควารจะทำแบบนั้น การหลอกคนไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีนัก แต่การแกล้งปรากฏตัวให้เห็นแล้วตีสนิทมันน่าสนุกกว่าเยอะเลย แถมยังได้เพื่อนอีกต่างหาก แต่ทว่า... แล้วการปรากฏตัวให้มนุษย์เห็นมันทำยังไงกันนะ


   ในขณะที่มิวส์กำลังคิดอยู่นั้น ร่างที่ออกจากห้องไปนานก็วิ่งกลับมา พอไม้เห็นว่าแม็กกี้สลบไสลไปอยู่บนเตียงพร้อมกับเส้นผมที่ฟูฟ่องก็เข้าใจได้ทันทีว่าหมอนี่ต้องโดนสิ่งที่มองไม่เห็นหลอกหลอนแน่นอน ...แต่ถึงแม้แม็กกี้จะมองไม่เห็น แต่กับไม้มันไม่ใช่อย่างนั้น


   “มึงทำอะไรแม็กกี้" ไม้เดินไปที่บริเวณตู้เสื้อผ้า หากเป็นคนธรรมดาคงไม่เห็นร่างวิญญาณที่แฝงกายอยู่ในห้องแต่ทว่าเขามองเห็นมันชัดเจนเลยล่ะ เห็นตั้งแต่วันที่มาดูห้องครั้งแรกแล้ว และที่เขาอยากมาอยู่ที่นี่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เขาอยากรู้สาเหตุของอาถรรพ์ห้องพักที่เกิดขึ้น


   มิวส์ที่ยืนอยู่ตรงบริเวณหน้าตู้เสื้อผ้า หันซ้ายหันขวาเพื่อมองดูว่ามีใครอยู่ในละแวกนี้หรือเปล่า ก่อนจะชี้เข้าหาตัวเอง


   “มึงนั่นแหละ" แม็กกี้ตวาดเสียงดังลั่น พลางจะคว้ามือไปจับกับวิญญาณตรงหน้า แต่ทว่าร่างที่ไร้เนื้อกายก็ไม่ต่างอะไรกับอากาศธาตุที่เขาไม่สามารถสัมผัสได้


   “นายมองเห็น...” มิวส์ยังคงงุนงงเมื่อไม่แน่ใจว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่าเขาก็ยกมือขึ้นมาตบที่ใบหน้าของตัวเองอย่างแรง "โอ๊ยยย... ไม่ได้ฝันนี่หว่า"


   “มึงจะบอกได้ยังว่ามึงแกล้งอะไรไอ้แม็กกี้" ไม้เอ่ยถามอีกครั้ง พอเห็นการกระทำของดวงวิญญาณเขาก็ต้องพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเอือมระอา 'วิญญาณปัญญาอ่อนนี่หว่า'


   “ก็แค่ทำไฟดับแล้วแกล้งปูไต่ แล้วตานั่นมันก็สลบไป" มิวส์ตอบออกมาตามความจริงทุกประการ ใครที่บอกว่าผีชอบหลอกเห็นจะไม่จริงซะแล้วล่ะ เพราะมิวส์ไม่ได้หลอกอะไรไม้สักนิด


   “ปูไต่?” ไม้ทวนคำก่อนจะทำสีหน้างุนงง "มึงหมายความว่ายังไง"


   พูดจบก็ทำหน้าถมึงทึงที่บ่งบอกถึงความหึงหวงสุดฤทธิ์ หากแต่ดวงวิญญาณที่ทำผิดกลับยิ้มเหยเกออกมาพร้อมกับพนมมือไหว้เพื่อเป็นการไถ่โทษอย่างหวาดกลัว


   “ขอโทษ... ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว" มิวส์พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นผวาสุดฤทธิ์ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นวิญญาณแท้ ๆ แทนที่จะทำให้คนกลัว แต่เขากลับกลัวคนเสียนี่ เสียชื่อผีชะมัด!!!


   “เออ! ดี ถ้ามึงแกล้งอะไรไอ้แม็กกี้อีก อย่าหาว่ากูไม่เตือน" ไม้พูดด้วยน้ำเสียงที่เชียบขาด สีหน้าและหน้าตาที่คมเข้มหล่อเหลาของเขาในยามที่อยู่ในมาดโหดแบบนี้ช่างดูดีเหลือเกิน ขนาดมิวส์ก็ยังอดชื่นชมไม่ได้ "ว่าแต่มึงชื่ออะไร"


   “มะ... มิวส์ครับ" ดวงวิญญาณตอบออกมา ที่ต้องมีหางเสียงเพราะคิดว่าการทำตัวเชื่อง ๆ กับหมอนี่น่าจะเป็นผลดีกว่า ...คนอะไรดุชะมัด...


   “ชื่อแปลกว่ะ... มะมิวส์" ไม้ทำสีน่าประหลาดใจ


   “มะ.. ไม่ใช่ครับ มิวส์เฉย ๆ ครับ" มิวส์ลอบถอนหายใจออกมา ...คนอะไรน่ากลัวชะมัด จะให้เขาไม่พูดตะกุกตะกักได้ไงเล่า


   "เออ... ก็ว่าอยู่คน...เอ้ยผีอะไรชื่อมะมิวส์ กูชื่อไม้ ส่วนนั่นแม็กกี้" ไม้แนะนำตัวบ้าง ฉับพลันมือก็ยืดไปพิงกับประตูตู้เสื้อผ้าจนเกิดเสียงดัง ' ปั้ง' จากนั้นก็โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ กับใบหน้าของดวงวิญญาณ "มึงนี่ก็หน้าตาดีนะ ว่าแต่มึงตายได้ยังไงเนี่ย"


   ที่ต้องชมก็เพราะมิวส์เป็นชายหนุ่มที่หน้าหวานเกินชาย ผิวก็ขาวใสผุดผ่องหากแต่เพราะตอนนี้เป็นดวงวิญญาณเลยทำให้ไม่อาจระบุสีผิวที่แท้จริงได้ชัด ส่วนดวงตาที่กลมโตและสดใสก็เข้ากับใบหน้าหากแต่ภายในดวงตาคู่นั้นกลับแฝงไปด้วยความเศร้าจนไม้สัมผัสได้


   “ตกตึกตาย ฮือ ๆ ๆ" พูดจบก็มีเสียงสะอื้น


   “ทำไมถึงโดด" ไม้เอ่ยถามเพราะอยากรู้ว่าทำไมหมอนี่ถึงคิดสั้นได้ขนาดนี้


   “ฮือ... ก็ไม่ได้อยากโดดหรอก แค่โดนผีตัวก่อนมันหลอก พอรู้ตัวอีกทีก็กลายมาเป็นวิญญาณซะแล้ว" มิวส์ตอบทั้งที่น้ำเสียงยังคงสะอื้น เขาจำเรื่องราววันนั้นได้เป็นอย่างดี ทันทีที่มีข่าวว่าเขาคิดสั้นกระโดดตึกตาย พ่อกับแม่ก็มารับศพเขา ภาพของพ่อแม่ที่ร้องไห้ออกมาทำให้หัวอกคนเป็นลูกต้องหัวใจแทบสลาย คำก่นด่าต่าง ๆ นานาที่หาว่าเขาโง่เอาชีวิตมาทิ้งเพราะเสียใจเรื่องความรักยังคงตอกย้ำอยู่ในหัวของเขามาตลอดระยะเวลา 10 ปี


   คนพวกนั้นจะรู้ไหมว่าความจริงเขาไม่ได้ต้องการจะฆ่าตัวตายเลยสักนิด แต่เรื่องราวมันเกิดขึ้นทั้งหมดก็เพราะไอ้ผีบ้าตนก่อนหน้ามันทำให้เขาเป็นอย่างงี้...


   “แล้วมึงจะทำยังไงต่อไป" ไม้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบก่อนจะคิดอะไรบางอย่างแล้วทำหน้าถมึงทึงออกมา ตาก็โตจนแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว "หรือว่ามึงคิดจะหาใครมาตายแทนมึง"


   “เปล่าคร้าบ" มิวส์ยกมือปิดตาเพราะภาพของคนหน้าหล่อที่กำลังทำหน้าเกรี้ยวโกรธมันน่ากลัวยิ่งกว่าวิญญาณอย่างเขาซะอีก "ฉันก็แค่เหงา อยากมีเพื่อนก็เท่านั้น"


   ท้ายที่สุดมิวส์ก็จำต้องโกหกออกไปแบบนั้น เพราะไม่อยากให้หมอนี่สงสัยอะไร และหากหมอนี่รู้ความจริงว่าเขากำลังรอให้ใครบางคนเสียใจเรื่องความรักจนจิตตกแล้วอยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุด จากนั้นเขาก็จะหลอกให้คน ๆ นั้นกระโดดตึกตายแล้วสุดท้ายกลายมาเป็นวิญญาณติดที่แทน ...มีหวังเขาโดนหมอนี่จับลงหม้อถ่วงน้ำก่อนที่จะได้ลงมือทำอะไรแน่นอน


   “แต่กูไม่ให้มึงเป็นเพื่อน เพราะมึงเป็นผี" คำพูดที่เสียดแทงใจมิวส์ถูกเอ่ยมาจากปากของไม้ พอเห็นว่าดวงวิญญาณมีท่าทีที่เศร้าสลดลง เขาก็เลยต้องเอ่ยอะไรออกไป "แต่ถ้ามึงอยากคุยกับกู... มึงต้องเป็นลูกน้องกู เชื่อฟังคำสั่งกู ห้ามเป็นผีเถลไถล ห้ามแกล้งใคร ถ้ากูไม่ได้สั่ง เข้าใจไหม!!!”


   เสียงประกาศิตที่ดังลั่นทำให้วิญญาณติดที่อย่างมิวส์ต้องเผลอเอ่ยปากตอบรับโดยอัตโนมัติ


   “ครับ ๆ ฉันจะทำตามที่นายสั่งทุกประการ"



---------------------
 :hao6:

จบตอนที่ 2

 

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ตอนแรกนึกว่าน่ากลัว ที่ไหนฮามิวส์อ่ะ

มิวส์จริง ๆ แล้วเป็นพี่ไม้นะ ขู่ได้ขู่เอาแม้กระทั่งผี 555

หาเพื่อนผีหล่อ ๆ มาเป็นน้องมิวส์สักตนสิ

ออฟไลน์ Fujoshi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
มาต่อๆๆๆๆ

ชอบแนวนี้ น่ารักทั้งสามคนเลยแอร๊ยยยยยยย

ว่าแต่แฟนเก่าผีมิวส์นี่จะรู้สึกว่าตัวเองผิดบ้างมั้ยอ่ะ ฮึ้ยยย หมั่นไส้มัน

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
อ่านตอนแรกคือหลอน

ตอนต่อมาคือฮา  มิวส์ดันเป็นผีที่กลัวคนซะงั้น ดูต๊องๆ น่ารักๆ

ออฟไลน์ pockypocky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
กำลังจะน่ากลัวเลย ฮาซะงั้น 55555555

แล้วมาต่อไวๆนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
ตอนที่ 3  :mew1:


         หลังจากที่คุยกับไอ้วิญญาณปัญญาอ่อนเสร็จ ไม้ก็กลับมาดูแลแม็กกี้ที่ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง เขาแกะโซ่ที่พันธนาการร่างของแม็กกี้ออก ก่อนจะใช้มือลูบไปที่ศีรษะเพื่อให้เส้นผมที่ฟูฟ่องกลับเข้าที่ จากนั้นก็ห่มผ้าห่มให้

   “มึงจะยืนดูกูอีกนานไหม" ไม้เอ่ยขึ้น "จะไปทำไรก็ไป ๆ ให้กูมีเวลาส่วนตัวบ้างเถอะ"

   “ก็... อยากจะไปอยู่หรอกนะ" มิวส์ถามด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก พอเห็นสายตาที่เขียวปั๊ดของไม้หันมามอง ความกลัวก็กำเริบทันที แต่ปากก็ไม่วายจะพูดอะไรออกไปตามจริง "...แต่นี่มันห้องของฉัน แล้วจะให้ฉันไปอยู่ที่ไหน"

   “วอนซะแล้วไอ้นี่" ไม้ลุกขึ้นมาจากเตียง ทำท่าจะเข้าไปคว้าคอเสื้อของวิญญาณมา แต่ทว่าเขาก็สัมผัสไม่ได้ "รอดตัวไปนะมึง"

   สิ้นเสียง ร่างที่สั่นผวาของวิญญาณก็กลับมาเป็นปกติ นี่เขาไม่อยากจะคิดเลย ถ้าเกิดหมอนี่จับร่างของเขาได้ เขาจะโดนทารุณกรรมเช่นไรบ้าง

   “มึงออกไปอยู่ตรงระเบียงก็ได้นี่" พูดจบก็ชี้นิ้วไปทางระเบียงทันที "เออ... จริง ๆ มึงก็ไปอยู่ด้านล่างหอก็ได้นี่วะ ไม่เห็นต้องอยู่แต่ในห้องเลย"

   “เรื่องนั้น..." มิวส์ก้มหน้าพลางคิดถึงเหตุการณ์วันแรกที่แม่บ้านได้มาจัดการกับห้องพักจนเขาเป็นอิสระ




   วันนั้นเป็นวันที่มิวส์รู้สึกดีใจที่สุดในชีวิต เพราะเขาเฝ้ารอเวลานี้มานาน เวลาที่จะไม่ต้องติดอยู่ในห้องปิดตายที่เต็มไปด้วยผ้ายันต์ทำให้เขาออกไปไหนไม่ได้

   แต่ทว่าทันทีที่ลงไปถึงหอพักชั้นล่างและพอจะก้าวออกจากเขตรั้วของหอพัก ชายชราที่นุ่งชุดขาวก็ปรากฏกายขึ้นตรงหน้าและดักไม่ให้เขาออกจากหอแห่งนี้ไปได้

   “จะไปไหนไอ้หนู" ชายชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ท่าทางที่ไร้เรี่ยวแรงนั่นไม่ได้ทำให้มิวส์รู้สึกกลัวแต่อย่างใด

   “อย่ายุ่งน่ะลุง" พูดจบก็ก้าวขา แต่ยังไม่ทันที่จะพ้นเขตรั้วของหอพักพลังอะไรบางอย่างก็ทำให้วิญญาณหนุ่มรู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปทั่วร่าง จนกระทั่งเขาต้องชักขากลับคืนมา อาการนั้นจึงหายไป

   “เจ้าเป็นวิญญาณที่ติดอยู่ในหอแห่งนี้ ไม่มีสิทธิ์ออกไปเร่ร่อนที่ไหนทั้งนั้น" ชายชราคนดังกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงดุ แต่ถึงกระนั้นในความโหดเหี้ยมก็ยังแฝงไปด้วยความใจดีช่วยบอกวิธีที่จะทำให้เขาสามารถออกไปเที่ยวเตร่ภายนอกได้ "ถ้าเจ้าอยากไปข้างนอก ต้องให้ใครสักคนในหออนุญาตพาเจ้าออกไปไม่เช่นนั้นเจ้าก็ไม่มีวันที่จะออกไปจากที่นี่ได้"

   “ทำไมมันยุ่งยากจังเลยลุง" มิวส์เอ่ยถาม การที่เขาเป็นอิสระจากห้องพักชั้นสิบมันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด เพราะถ้าออกไปข้างนอกเขตหอไม่ได้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับที่เคยเป็นมาอยู่ดี

   “มันเป็นหน้าที่ของเจ้าที่อย่างข้าน่ะ" ชายชราตอบออกมา "แต่ข้าว่าอยู่ในนี้แหละดีแล้ว ไปข้างนอกก็มีแต่อันตราย ไหนจะเจอวิญญาณตัวอื่น ไหนจะเจอยมบาลที่ตามไล่ล่า เชื่อข้าเถอะอยู่นี่ดีที่สุด"

   สิ้นเสียงของลุงเจ้าที่ มิวส์ก็พยักหน้ารับก่อนจะหายตัววับกลับเข้าไปในห้อง




   “กูก็ไม่ได้บอกให้มึงไปอยู่นอกเขตหอนี่วะ แค่ไปนั่งเล่นข้างล่างคงไม่เป็นไรมั้ง" หลังจากที่ได้ฟังเรื่องของมิวส์จบ ไม้ก็เอ่ยขึ้น "ไปทำความรู้จักสนิทสนมกับลุงเจ้าที่ด้วยไง จะได้ไม่เหงา... และจะได้เรียนรู้การเป็นผีที่ดี"

   “ไม่เอาอะ ลุงเจ้าที่น่ากลัวจะตาย" พอนึกถึงหน้าตาโหด ๆ ดุ ๆ ก็ไม่อยากลงไปแล้ว แต่ทว่าพอคิดอะไรดี ๆ ออกมันก็ชักทำให้มิวส์สนใจที่จะทำตามคำพูดของไม้แล้วสิ หากแต่มันต้องมีข้อเสนอสักหน่อย... "แต่ถ้านายสัญญาว่าจะพาฉันออกไปเที่ยวข้างนอก ฉันจะลงไปอยู่ข้างล่างให้นายกับแฟนได้จู๋จี๋กันตามสบายก็ได้นะ ว่าไง..."

   “เออ!” ไม้กระแทกเสียง ก่อนจะทำสีหน้าถมึงทึง "มึงรีบลงไปเลยไป"

   หลังจากที่วิญญาณใจเสาะหายวับไป ไม้ก็เริ่มเทคแคร์ดูแลกับร่างที่นอนสลบไสลอยู่บนเตียงทันที มือแข็งแกร่งที่มักซุกซนจับนู่นนี่นั่นบนร่างกายก็ดันสงบลงกว่าทุกครั้ง เขาลูบคลำบริเวณหน้าผากในใจก็นึกรู้สึกผิดที่ปล่อยให้หมอนี่อยู่บนห้องคนเดียว

   “กูขอโทษ" สิ้นเสียงสำนึกผิด คนที่นอนหลับมาตลอดก็พลันลืมตาตื่นขึ้นมา

   แม็กกี้มองซ้ายทีขวาทีด้วยความหวาดผวา เมื่อไม่พบอะไรผิดปกติเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

   “เฮ้อ... ฝันไปเหรอเนี่ย" แม็กกี้เอ่ยเบา ๆ ส่วนไม้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

   “ฝันอะไร" ไม้เอ่ยถาม

   “ก็ฝันว่าผีหลอกน่ะสิ แถมมันยังไม่เล่นปูไต่ด้วย" ในขณะที่เล่า จู่ ๆ เขาก็ขนลุกขนพอง "หยึย... คิดแล้วน่ากลัวชะมัด ผีไรวะทะลึ่งจริง ๆ เหมือนมึงเปี๊ยบเลย"

   พอได้ยินคำตอบของแม็กกี้ ไม้ก็ต้องหลุดขำออกมา หมอนี่เข้าใจว่าสิ่งที่เจอเป็นเพียงความฝันสินะ

   “โอ๋ ขวัญเอ๊ยขวัญมา ก็แค่ฝัน ไม่มีอะไรหรอกน่า" พูดจบก็ทำท่าจะกอดปลอบ หากแต่คนที่จะโดนกอดกลับยกมือขึ้นมาดันเอาไว้ได้ทันเสียก่อน "โถ่... ที่รัก เป็นไรของมึงอีกเนี่ย"

   “หมดอารมณ์แล้ว ฝันร้ายตั้งแต่คืนแรกเลยเว้ย เฮ้อ... ไปอาบน้ำดีกว่า"

   หลังจากที่ประตูห้องน้ำถูกปิดลง ไม้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนแรกเขาคิดว่าแม็กกี้จะตื่นขึ้นมาโวยวายและย้ายหอ แต่พอหมอนี่คิดว่าสิ่งที่เจอเป็นเพียงแค่ฝัน เขาก็เลยไม่ต้องเสียเวลาทะเลาะเรื่องหอกับหมอนี่

   “มึงอยู่คนเดียวได้ไหมวะ" ไม้ตะโกนถามในขณะที่แม็กกี้กำลังอาบน้ำ

   “ไม่ได้" แม็กกี้บอก "มึงจะไปไหน"

   “ไปซื้ออะไรข้างล่างมาตุนไว้ มาให้มึงกินนั่นแหละ" ไม้ตอบออกไป ข้ออ้างเรื่องการซื้อของกินน่าจะเป็นวิธีเดียวที่เขาขอปลีกตัวได้อย่างง่ายที่สุด แต่ทว่า...

   “รอกูอาบน้ำเสร็จก่อนไม่ได้เหรอ" แม็กกี้ตะโกนกลับมา พอคิดถึงความฝันมันก็ทำให้เขายังรู้สึกกลัวอยู่เลย

   “ไม่อ่ะ กูหิว แป๊บเดียวเดี๋ยวกูมา" พูดจบก็ไม่รอฟังเสียงโวยวายของคนที่กำลังอาบน้ำอยู่ ชายหนุ่มร่างสูงหยิบคีย์การ์ดและกุญแจห้องแล้ววิ่งออกจากห้องไปในทันที

   โชคดีที่ชั้นล่างของหอพักมีร้านสะดวกซื้อเปิดจนถึงสี่ทุ่ม ไม้เข้าไปเลือกซื้อของใช้ที่จำเป็นรวมถึงของกินที่แม็กกี้ชอบ... หลังจากที่ชำระเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินไปยังศาลพระภูมิที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บริเวณทางเข้าออกเขตรั้วของหอพัก

   ธูปที่เพิ่งซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อถูกจุดขึ้นมาก่อนที่ร่างสูงกำยำจะนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้าศาล

   “ช่วยคุ้มครองลูกกับเพื่อนของลูกจากสิ่งชั่วร้ายด้วยนะครับ" ไม้เอ่ยขึ้นจากนั้นก็นำธูปปักลงที่กระถางสำหรับปักธูปตรงหน้าศาลพระภูมิ จากนั้นเขาก็หยิบไส้กรอกที่เพิ่งให้ทางร้านสะดวกซื้ออุ่นให้ออกมาเป็นของถวาย "กินให้อร่อย ๆ นะครับ"

   หลังจากที่ถวายเสร็จ ลมเย็นยะเยือกที่จู่ ๆ ก็พัดขึ้นมาทางด้านหลังทำให้ไม้ต้องหันไปดูแล้วก็พบกับร่างวิญญาณเจี๋ยมเจี้ยมกำลังทำหน้าแหย ๆ พลางคลำหน้าท้องของตัวเอง

   “หิวเหรอ" ไม้เอ่ยถาม พอเห็นว่ามิวส์พยักหน้าเขาก็แบ่งไส้กรอกอีกถุงออกมาแล้วถวายหน้าศาลพระภูมิพร้อมกับอธิฐาน ชั่วครู่ไส้กรอกถุงนั้นก็ไปอยู่ในมือของมิวส์

   “โห...เจ๋ง” มิวส์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความอัศจรรย์ใจ ก่อนจะหยิบไม้เสียบที่ติดมาด้วยจิ้มไส้กรอกแล้วยัดเข้าไปในปาก

   สัมผัสที่นุ่มลิ้น รสชาติที่เอร็ดอร่อยแบบนี้ เขาไม่ได้สัมผัสมานานนับ 10 ปีแล้ว แม้วิญญาณอย่างเขาจะไม่ได้รู้สึกหิวกระหายอาหารเหมือนยามที่เป็นมนุษย์ แต่ทว่าพอได้กินไส้กรอกที่รสชาติแสนธรรมดาอีกครั้งมันกลับทำให้เขารู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งวิเศษที่สุดในชีวิต

   ในขณะที่มิวส์กำลังกินไส้กรอกอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ร่างอีกร่างที่นั่งอยู่ในศาลพระภูมิมานานก็พลันปรากฏกายออกมาตรงหน้าชายหนุ่มผู้ที่นำของอร่อย ๆ มาให้กิน

   “เฮ้ย...” ไม้โพล่งขึ้นด้วยความตกใจดวงตาก็โบกโพลงเมื่อเห็นชายชราที่สวมชุดขาวทั้งร่างปรากฏกายขึ้น เขาแต่งกายชุดไทยไม่ต่างกับพวกทวยเทพเทวดาในละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ที่เคยเห็นในโทรทัศน์สักเท่าไหร่

   “ไม่ต้องตกใจ ข้าแค่จะมาขอบคุณที่เจ้าเอาของอร่อย ๆ มาให้ข้ากิน ไอ้พวกเด็กหอนี้ก็แปลก มากราบไหว้ขอพรทีไร ก็เอาแต่ดอกไม้กับพวงมาลัยมาถวาย ไม่ค่อยถวายของกินให้สักเท่าไหร่" พูดไปก็บ่นไป "เออ... ว่าแต่เจ้ามองเห็นไอ้วิญญาณหน่อมแน้มนั่นด้วยเรอะ"

   พอมองไปตามนิ้วมือที่ชี้ไป ก็เห็นมิวส์กำลังกินไส้กรอกด้วยความตะกละ

   “เห็นครับ" ไม้ตอบออกไป จะว่าไปแม้เขาจะเป็นคนจิตแข็ง(มาก) ไม่กลัวผี ทว่าตั้งแต่เกิดมาเขาก็ไม่เคยมองเห็นผีหรือดวงวิญญาณเลยสักครั้งนี่นา แล้วทำไมเขาถึงมองเห็นหมอนี่ได้นะ "นั่นสิ... ทำไมผมถึงมองเห็นมันได้นะ แล้วยังมองเห็นลุงอีกด้วย"

   “อืม...ตามที่ข้าเคยศึกษามา ถ้าไม่ใช่พวกที่มีสัมผัสพิเศษมาแต่เกิด ผู้ที่จะเห็นดวงวิญญาณได้นั้นก็คือผู้ที่อยู่ในช่วงจิตตกขั้นรุนแรงที่สุด แต่เจ้าไม่น่าจะใช่คนจำพวกนั้น" ท่านเจ้าที่ตอบออกมา พลางทำสีหน้าเคร่งเครียดเพื่อที่จะนึกหาเหตุผลที่เป็นไปได้ "อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเจ้ากับไอ้หน่อมแน้มนั่นมีกรรมในชาติก่อนที่เคยร่วมทำกันมา พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นคู่บุญคู่กรรมกัน แม้จะอยู่ในคนละโลกแต่ก็สามารถมองเห็นกันได้ หรือไม่เช่นนั้นก็เจ้ากับไอ้หน่อมแน้มนั่นมีจิตหรืออะไรบางอย่างที่ตรงกันทำให้สามารถสื่อถึงกันได้"

   “คู่บุญคู่กรรม" ไม้ทวนคำก่อนที่จะชี้นิ้วไปที่ร่างของวิญญาณหน่อมแน้ม "กับไอ้นั่นเนี่ยนะ ...”

   “ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่มันก็น่าจะใช่ หรือถ้าไม่... จิตของเจ้าหรือพลังงานบางอย่างในตัวก็คงสื่อถึงไอ้หน่อมแน้มนั่นได้ เลยทำให้เจ้ามองเห็น" เจ้าที่ตอบพลางลูบครางทำสีหน้าครุ่นคิด "ส่วนที่เจ้ามองเห็นข้าก็เพราะข้าสามารถปรากฏตัวให้ใครเห็นก็ได้ และข้าเห็นว่าเจ้ามองเห็นไอ้หน่อมแน้มนั่น ข้าก็เลยคิดว่า... ข้ากับเจ้าน่าจะทำความรู้จักกันไว้หน่อย เพราะคงมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นกับเจ้าและเพื่อนของเจ้าอีกเยอะเลย"

   “ลุงหมายความว่าไง" ไม้ยังคงงุนงงกับสิ่งที่เจ้าที่พูด "เพื่อนผมเกี่ยวอะไรด้วย"

   “ข้าก็ไม่รู้... มันเป็นเรื่องของอนาคต" เจ้าที่เอ่ยขึ้นก่อนที่จะทำมือป้องปากแล้วกระซิบที่ข้างหูของชายหนุ่มเบา ๆ "ระวังไอ้หน่อมแน้มนั่นไว้หน่อยก็ดี ถึงยังไงมันก็เป็นวิญญาณอาฆาต"

   “ครับ งั้นผมไปก่อนนะลุง ไว้เดี๋ยวว่าง ๆ มาคุยด้วยใหม่ อ่อ... ฝากไอ้หน่อมแน้มไว้ด้วยนะลุง ผมไม่อยากให้มันไปยุ่งบนห้องพัก" ไม้กล่าว พอเห็นสีหน้าที่ทำท่าจะปฏิเสธของเจ้าที่จึงหาข้อแลกเปลี่ยนที่ทำให้เจ้าที่ต้องรีบพยักหน้าตอบตกลงทันที "ถ้าลุงช่วยดูแลไม่ให้มันไปยุ่งกับผมในเวลาส่วนตัวได้ล่ะก็ ผมจะเอาของอร่อย ๆ มาถวายลุงทุกอาทิตย์เลย"

   พอไม้เดินจากไป การสนทนาของสองตัวประหลาด? หนึ่งวิญญาณ หนึ่งเจ้าที่ก็เริ่มขึ้น

   “เจ้าคิดจะทำอะไรกับสองคนนั้นหรือไม่" น้ำเสียงที่เฉียบขาดถูกเปล่องออกมาจากปากของท่านเจ้าที่

   “ข้าไม่ทำหรอกน่า คนอะไรน่ากลัวชะมัดเกิดทำอะไรไม่ดี ๆ ออกไปมีหวังโดนจับถ่วงน้ำแน่ ๆ" มิวส์ตอบออกมาโดยไม่ต้องเสียแรงใช้เศษเสี้ยวของสมองส่วนไหนคิดเลย เพราะแค่นึกถึงใบหน้าสุดโหดยามโกรธของไอ้หนุ่มหน้าหล่อนั่น ตัวของเขาก็สั่นระริกแล้ว "มีแต่ไอ้หนุ่มนั่นแหละที่จะทำผม ท่านลุงต้องช่วยผมนะ หาพระกันคน หรือของขลังที่ทำให้คนไม่กล้ายุ่งให้ข้าที"

   “ไร้สาระน่า พระกันคนมีที่ไหน ไอ้นี่! เป็นวิญญาณแต่ทำตัวหน่อมแน้ม เสียชาติวิญญาณหมด!!!" ลุงเจ้าที่บ่นอุบอิบ "ว่าแต่เจ้าทำอะไรได้บ้าง"

   “ทำอะไร?” มิลส์ทวนคำด้วยความฉงน พอเห็นสีหน้าที่งุนงงของวิญญาณหน่อมแน้มลุงเจ้าที่ก็ต้องยกมือกุมขมับก่อนที่จะขยายประโยคคำถามให้มันเข้าใจ

   “ข้าหมายความว่าเจ้าน่ะทำอะไรอย่างที่วิญญาณทำกันได้บ้าง อย่างเช่นหายตัว เดินทะลุกำแพงอะไรอย่างงี้"

   “อ๋อ...” มิวส์พยักหน้าเข้าใจก่อนที่จะทำสีหน้าครุ่นคิด "ก็...หายตัวได้ภายในหอได้ เดินทะลุกำแพงได้ จับสิ่งของบางอย่างได้ ก็น่าจะแค่นี้มั้งครับ"

   “อ๋อ งั้นแค่นี้ก็คงพอแล้วล่ะ ไอ้หนุ่มนั่นไม่อยากให้เจ้าขึ้นไปก่อกวน งั้นก็มานอนกับข้าก็ได้" พูดจบท่านเจ้าที่ก็เดินไปยังบริเวณทางเข้าศาลพระภูมิ แล้วร่างก็หดเล็กลงก่อนจะปรากฏเป็นร่างราง ๆ ในศาลพระภูมินั่น พอเห็นไอ้วิญญาณหน่อมแน้มทำหน้างงท่านก็ดุเข้าให้ "เอ้า! รีบมาสิวะ ข้าอุตส่าห์ชวนแล้วนะ"

   “เอ่อ... แล้วจะหดร่างเข้าไปในนั้นยังไงล่ะนั่น" ก็มิวส์เป็นวิญญาณติดที่นี่นา แถมเพิ่งมีโอกาสออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันได้ไม่กี่วันเท่านั้น จึงไม่แปลกที่ความรู้และประสบการณ์ในการเป็นวิญญาณจะเท่าหางอึ่ง

   “เดินมาที่หน้าศาลเลย พลังของศาลจะทำให้เจ้าตัวเล็กลงและเข้ามาอยู่ในนี้เอง"

   สิ้นเสียงของท่านเจ้าที่ มิวส์ก็ปฏิบัติตามแต่โดยดี




จบตอนที่ 3 :bye2:
------------------
ตอบคอมเม้นท์ครับผม ^^

คุณ iamnan ::: ขอบคุณนะครับสำหรับเม้นท์แรกที่หลงเข้ามาอ่าน ฮ่า ๆ ตอนแรกก็คิดงั้นครับว่าจะให้หลอน ๆ แต่เอาฮาดีกว่า จะได้ไม่กลัวกัน คิคิ

คุณ Fujoshi ::: ขอบคุณครับ มาต่อแล้วน๊า ^^

คุณ aloney ::: ^^ ขอบคุณครับ กังวลตั้งนานว่าเรื่องนี้จะออกมาฮาไหม แต่พอได้อ่านคอมเม้นท์บอกว่าฮากันชักจะดีใจแล้วสิครับ ได้กำลังใจมาเพียบเลย

คุณ pockypocky ::: มาต่อแล้วครับ ขอบคุณที่แวะมาอ่าน + เม้นท์นะครับ ดีใจจัง ฮาอีกคนแล้ว ^^

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
วิญญาณหน่อมแน้ม 555
มิวส์อย่าทำอะไรให้แม็คกี้กลัวนะ เดี๋ยวไม้จะมาเล่นงานมิวส์เอา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
ฮาดี ตอนแรกนึกว่าจะขนหัวลุกซะแล้ว

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
ตอนที่ 4



         ทางด้านของแม็กกี้ หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเขาก็นั่งรอเจ้าของห้องอีกคนอยู่บนเตียง แต่ทว่าเวลาผ่านไปหลายนาทีก็ไม่มีวี่แววว่าหมอนั่นจะโผล่กลับมาที่ห้องเลยสักนิด จนกระทั่ง...

   “กูจะให้เวลามึงอีกสองนาที ถ้ามึงไม่กลับขึ้นมา พรุ่งนี้กูจะกลับบ้านจริง ๆ ด้วย" แม็กกี้บ่นอุบอิบ พลางจับเวลาทันที

   นาฬิกาค่อย ๆ เดินไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งนาทีร่างที่เขารอคอยก็ยังไม่กลับมาที่ห้อง ผ่านไปสองนาทีก็ไม่กลับมา

   “หึ ๆ เจอกันอีกทีตอนเปิดเทอมละกันนะไอ้ไม้" พูดจบก็เดินไปเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าเพื่อเตรียมจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดในวันพรุ่งนี้

   จนกระทั่งรูดซิปกระเป๋าเสร็จปุ๊บ เสียงล็อกของลูกบิดที่หน้าประตูก็ดังขึ้นปั๊บ แล้วร่างที่รอคอยก็ปรากฏออกมา

   “ทำอะไรน่ะ" พูดจบก็เดินไปหาและถือวิสาสะรูดซิปกระเป๋าเปิดออกมาทันที

   “เอาคืนมา" แม็กกี้เอ่ยเถียง "พรุ่งนี้กูจะกลับบ้าน"

   “กลับทำไม" ได้ยินคำพูดของคู่หู ไม้ก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยทันที

   “ก่อนมาอยู่ที่นี่มึงเคยบอกว่าอะไร" แม็กกี้เอ่ยถาม ไม้ทำสีหน้าครุ่นคิดไม่รู้ว่าหมอนี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไร

   “ไม่รู้"

   “หึ...” แม็กกี้หัวเราะในลำคอ "มึงบอกว่าจะไม่ทิ้งให้กูอยู่ห้องคนเดียว แต่มึงไม่รักษาคำพูด"

   “กูขอโทษ" ไม้เอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด แล้วเขยิบเข้าไปใกล้ ๆ กับคนที่กำลังงอนก่อนจะใช้มือโอบกอดจากด้านหลังจนคางเกยอยู่ที่หัวไหล่ "ยกโทษให้กูนะ มึงจะทิ้งให้กูอยู่หอพักที่มีประวัติคนเดียวจริง ๆ เหรอ มึงไม่รัก มึงไม่สงสารกูเหรอ"

   ไม้พยายามใช้ลูกอ้อนต่าง ๆ นานาเพื่อไม่ให้แม็กกี้ไปจากที่นี่ แต่ทว่าความโกรธที่เกิดขึ้นจากการที่โดนทิ้งให้อยู่ห้องคนเดียวมันทำให้แม็กกี้ไม่มีวันให้อภัยเขาง่าย ๆ หรอก รู้ทั้งรู้ว่าเขากลัวผีมากแค่ไหนก็ยังกล้าทิ้งเขาเอาไว้แบบนี้

   “ไว้เปิดเทอมเดี๋ยวกูกลับมา"



   เช้าวันรุ่งขึ้น... แม็กกี้ก็ตัดสินใจออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ก่อนจะไปเขาไม่ลืมที่จะไหว้เจ้าที่และขอพรให้คนที่ยังนอนหลบอยู่บนห้องอยู่รอดปลอดภัยด้วยความสงบสุข

   'คุ้มครองไอ้ไม้ด้วยนะครับ' แม็กกี้เอ่ยในใจก่อนจะปักธูปไว้ที่กระถางด้านหน้าศาล 'ขี้เซาฉิบหาย จะเซอร์ไพรซ์ตื่นมาส่งกูหน่อยไม่ได้ เปิดเทอมค่อยเจอกันละกัน'

   หลังจากที่ขอพรเสร็จ แม็กกี้ก็เดินออกจากหอและเตรียมหารถกลับเข้าเมืองทันที

   ท่านเจ้าที่กับมิวส์ที่อยู่ในศาลมองดูร่างนั้นเดินจากไปแล้วความสงสัยก็เกิดขึ้น

   “เอ๋... นั่นมันแฟนท่านไม้สุดโหดนี่นา" มิวส์เอ่ยขึ้นด้วยความฉงน "หรือว่าเมื่อคืนจะแกล้งหนักไปหน่อยนะ"

   “ฮ่า ๆ ๆ เจ้าไปแกล้งอะไรวะ หน่อมแน้มแบบนี้แกล้งคนเป็นด้วยเรอะ" ท่านเจ้าที่หัวเราะขำขัน

   “จะลองดูไหมล่ะท่านลุง" พูดจบก็ทำปูไต่ที่ต้นแขนของชายชราไปจนถึงต้นคอ และพอจะขึ้นไปบนใบหน้าชายชราก็หันมาตวาดพร้อมกับเขกกบาลวิญญาณโรคจิตแรง ๆ หนึ่งที

   “ไอ้วิญญาณทะลึ่ง!!!"

   “โอ๊ยยย... เจ็บนะท่านลุง" มิวส์ยกมือกุมศีรษะตรงจุดที่โดนเขก พอคิดอะไรดี ๆ ออกตาก็ลุกวาวขึ้นมาด้วยความดีใจ "เอ๊ะ! ถ้าตานั่นไม่อยู่ ห้องก็เหลือเพียงท่านไม้สุดโหดคนเดียวสิ เราก็ขึ้นไปอยู่ด้วยได้ใช่ไหมนี่"

   “เฮ้ย ๆ ๆ น้อย ๆ หน่อย เจ้าจะไปอยู่กับไอ้หน้าหล่อทำไม อยู่กับข้าก็ได้" เหตุผลที่ต้องขัดเพราะกลัวจะไม่ได้ของกินอร่อย ๆ จากชายหนุ่มหน้าหล่อ

   “ไม่รู้ล่ะ เดี๋ยวมานะท่านลุง" พูดจบก็วิ่งออกจากประตูศาลพระภูมิแล้วหายตัวขึ้นไปบนห้องนอน(เก่า)ของตัวเองทันที

   ร่างสูงใหญ่กำยำกำลังนอนตะแคงกอดหมอนข้างอยู่บนเตียงนอน แม้จะอยู่ในช่วงที่กำลังหลับไหล แต่หมอนี่ก็หน้าตาหล่อเหลาทีเดียวเชียวล่ะ ยิ่งการที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแล้วเผยให้เห็นร่องกล้ามนั้น ยิ่งทำให้เสน่ห์ของหมอนี่ล้นหลามมากขึ้นไปอีก นี่มิวส์ไม่รู้เลยว่าถ้าเขายังเป็นมนุษย์และมีลมหายใจอยู่ เลือดกำเดาจะไหลไปสักกี่ลิตรแล้ว

   “น่ากินจริง ๆ" สายตาที่ลุกวาวมองดูร่างที่นอนอยู่ด้วยความหิวกระหาย การที่ไม่ได้พบปะผู้คนมานานนับสิบปีทำให้ผีติดที่อย่างเขามีนิสัยจากหน้ามือกลายเป็นหลังมือไปได้ขนาดนี้เลยหรือนี่ เพราะตอนที่มีชีวิตอยู่ เขาไม่เคยแสดงอาการหื่นกามประเจิดประเจ้อขนาดนี้ แต่พอมาเป็นวิญญาณเท่านั้นแหละ ยางอายที่เคยมีกลับหายไปหมด

   “ขอนอนกอดหน่อยละกันไอ้โหดรูปหล่อ" พูดจบก็ค่อย ๆ เดินไปนอนบนเตียงแล้วนอนลงตรงที่ว่างข้าง ๆ ก่อนที่จะกอดหมับไปที่ร่างกำยำร่างนั้นด้วยความสุขใจ

   แล้วกลิ่นกายอ่อน ๆ ของคนรูปหล่อก็ลอยเข้าจมูก "เฮ้ย... วิญญาณได้กลิ่นตัวมนุษย์ด้วยเหรอเนี่ย"

   บ่นจบก็สูดหายใจแรง ๆ อีกครั้ง ...นี่ถ้าสูดร่างของไม้เข้าไปในจมูกได้ มิวส์คงไม่ลังเลที่จะรีบทำเลยล่ะ คนอะไรตัวหอมชะมัด

   ไม่รู้ว่าเพราะลมหายใจที่สูดเข้าไปแรงเกินไปหรือเปล่า เลยทำให้คนที่กำลังกอดอยู่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

   “ไม่เอาน่าแม็กกี้ ยังง่วงอยู่เลย" ไม้พูดด้วยน้ำเสียงที่งัวเงีย เขารู้สึกถึงสัมผัสที่อบอุ่นจากด้านหลัง... พอตั้งสติได้ เขาก็นึกได้ว่าเช้านี้แม็กกี้จะกลับบ้านนี่หว่า แล้วนี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย และพอหันหลังไปจะลุกจากเตียงเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างหน้าตาใส ๆ ดวงตากลมโตกำลังนอนอยู่ข้าง ๆ จากนั้นพลังซัดจากหน้าแข้งที่ไม่ต้องใช้สมองคิดก็พุ่งเข้าไปยังวิญญาณร่างนั้นทันที

   “โอ๊ยยย...” มิวส์ร้องด้วยน้ำเสียงที่โอดครวญก่อนจะตกเตียงทันทีที่โดนแรงเตะ ...นี่เขาเป็นวิญญาณนะ แล้วเขาโดนมนุษย์อย่างไม้สัมผัสได้ยังไงล่ะเนี่ย แถมแรงเตะของหมอนี่ยังทำให้เขาจุกไปหลายนาทีเลยล่ะ ...ใครว่าวิญญาณไร้ความรู้สึกก็คิดใหม่ซะนะ เพราะวิญญาณน่ะก็เจ็บเป็นเหมือนกัน

   “มึงคิดจะทำอะไรกู" ไม้พูดด้วยเสียงฉุนเฉียว พอสายตาเหลือบไปหากระเป๋าของแม็กกี้แต่ไม่พบ ความโกรธก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นไปอีก "แล้วไอ้แม็กกี้มันหายไปไหน"

   “ผม...ไม่ได้จะทำอะไรลูกพี่นะ" ความน่ากลัวของมนุษย์ซาดิสม์จอมโหดรายผู้นี้ทำให้มิวส์ต้องเปลี่ยนสรรพนามของตัวเองให้ดูสุภาพขึ้นทันที และต้องเทิดทูนหมอนี่เอาไว้เหนือศีรษะ

   “โกหก... ก็มึงนอนกอดกู" ไม้ต่อว่า

   “ก็ลูกพี่หล่อ... เอ๊ย... ก็...” พอคิดหาคำแก้ตัวไม่ได้ วิญญาณหน่อมแน้มก็ต้องรีบหาเรื่องใหม่มาคุยทันที "เอ้อ... ผมจะมาบอกลูกพี่ว่า ตาแม็กกี้อะไรนั่นออกจากหอพักไปแล้ว เห็นสะพายกระเป๋าเป้ใบเล็ก ๆ ไปด้วย แถมท่านเจ้าที่ยังบอกว่าหมอนั่นอธิษฐานให้ท่านเจ้าที่คุ้มครองลูกพี่ แล้วบอกว่าจะกลับมาอีกทีตอนเปิดเทอม"

   พูดจบก็ตั้งการ์ดเพื่อป้องกันการประทุษร้ายจากชายหนุ่มจอมโหดทันที ตัวก็สั่นงก ๆ

   “เออ! ขอบใจที่มาบอก" ไม้พ่นลมหายใจออกมา เขาไม่ได้โกรธที่แม็กกี้ตัดสินใจจะไปจากหอนี้จนกว่าจะเปิดเทอมเลยสักนิด แต่เขารู้สึกหงุดหงิดที่ตัวเองไม่ยอมตื่นเพื่อที่จะได้ไปส่ง ไม่รู้ป่านนี้หมอนั่นจะเป็นยังไงบ้างนะ แต่ก็ช่างเถอะ เดี๋ยวเปิดเทอมเมื่อไหร่ก็กลับมาเองนั่นแหละ เพราะไม่ว่าจะโกรธกันสักแค่ไหน อย่างน้อยหมอนั่นก็ไม่เคยผิดคำพูดของตัวเองสักครั้ง

   “แล้วลูกพี่จะทำไง" มิวส์เอ่ยถาม มือก็พยายามตั้งท่าป้องกันตัวเอาไว้ตลอดเวลา

   “ก็ไม่ทำไง เดี๋ยวเปิดเทอมหมอนั่นก็กลับมาเองนั่นแหละ" ไม้ตอบแบบปัด ๆ แม้ว่าน้ำเสียงจะฟังดูโผงผางและไม่เสียใจ แต่ในใจลึก ๆ น่ะ ไม้ก็มีความรู้สึกเหมือนคนปกติทั่วไปนั่นล่ะ เพียงแค่เขาเลือกที่จะแสดงออกในด้านโหดให้คนทั่วไปได้เห็นมากกว่า

   “ครับ! แล้วผมล่ะ ผม ผม" มิวส์ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่ม "ผมกลับมาอยู่บนห้องกับเจ้านายได้ไหม"

   “มึงกล้าเหรอ" ไม้แกล้งทำน้ำเสียงข่มขู่ "กูโหดสัด ๆ เลยนะ ถ้าไม่ใช่ที่รักของกู ก็อย่าหวังว่ากูจะยอมอ่อนโยนด้วย"

   “เอ่อ...” สีหน้าของมิวส์อ้ำอึ้งขึ้นมา แล้วความสับสนก็เกิดขึ้น

   ไปอยู่กับลุงเจ้าที่ก็น่าเบื่อ ห้องก็เล็กแคบ นอนก็ไม่สบาย แถมตาลุงนั่นยังกรนเสียงดังอีก ทำอะไรผิดมารยาทนิดหน่อยก็โดนด่าจนหูแฉะ แต่ถ้าอยู่กับหมอนี่ก็ต้องเจอกับอะไร ๆ ที่ซาดิสม์ แถมยังอาจจะโดนทุบตีบ่อย ๆ พอลองชั่งน้ำหนักดู ก็ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนน่าอยู่กว่ากันนะ ...ฮือ ชีวิตวิญญาณทำไมมันน่าสงสารเยี่ยงนี้เนี่ย

   “โอเค ๆ ไม่ต้องเลือกละ มึงก็เหงา กูก็อยู่คนเดียว งั้นเราก็อยู่ด้วยกันนี่แหละ ตกลงป่ะ" พูดจบก็เอื้อมมือไปกอดคอ... แต่ทว่าร่างที่เคยโดนลูกเตะพลังหน้าแข้งอย่างรุนแรงกลับไม่สามารถจับต้องได้อีกครั้ง "อ้าวเฮ้ย! เมื่อกี้ยังเตะได้อยู่เลย แล้วไหงตอนนี้จับไม่ได้วะ!!! มึงเล่นตลกอะไรกับกูอีกหรือเปล่า"

   “เปล่าครับเปล่า" มิวส์ที่พอเห็นสีหน้าเดือดดาลของคนซาดิสม์ต้องรีบปฏิเสธออกมา พร้อมกับยกมือขึ้นมาทำท่า 'บ๊ายบาย' เพื่อช่วยยืนยันว่าเขาไม่รู้เรื่องจริง ๆ "ผมก็ไม่รู้... โถ่เจ้านาย เชื่อผมเถอะ"

   “เออ...” ไม้ตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด "นับตั้งแต่วันนี้จนกระทั่งเปิดเทอมกูจะให้อิสระกับมึง มึงอยากทำอะไรในห้องนี้มึงก็ทำไป แต่ถ้าแม็กกี้กลับมาเมื่อไหร่มึงจะต้องกลับไปอยู่กับลุงเจ้าที่เข้าใจไหม!”

   “ครับ ๆ" มิวส์ผงกหัวรับ

   ท่าทีของวิญญาณหน่อมแน้มตนนี้ทำให้ไม้แอบขำอยู่ในใจ มิวส์จะรู้ไหมหนอว่าที่เขาแกล้งทำเสียงดุและท่าทางโหด ๆ ก็เพราะต้องการแกล้งเพื่อความสนุกเท่านั้น หน้าตาน่ารักแบบมิวส์น่ะ ถ้ายังคงสภาพเป็นมนุษย์ล่ะก็เขาคงทำอะไรรุนแรง ๆ แบบนี้ไม่ลงหรอก แต่ถ้าเป็นวิญญาณมันก็น่ากลั่นแกล้งไม่น้อยเลยล่ะ

   'โถ... ไอ้เด็กน้อย เชื่อฟังอย่างงี้จะให้กูไล่มึงไปอยู่กับท่านเจ้าที่ได้ไงล่ะ' สิ้นเสียงความคิดในใจ เขาก็หันไปยิ้มให้กับมิวส์ มันเป็นรอยยิ้มที่ทั้งจริงใจและเอ็นดูมาก ๆ เลยล่ะ และนับตั้งแต่จำความได้ นอกจากแม็กกี้... เขาก็ไม่เคยคิดจะยิ้มแบบนี้ให้กับใครสักคน...

   ...และนับจากวันนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างดวงวิญญาณติดที่กับมนุษย์จอมโหดก็เริ่มขึ้น แล้วเหตุนี้ความสัมพันธ์ของสองชีวิตที่อยู่ในโลกซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันจะลงเอยเช่นใดกันนะ


จบตอนที่ 4
---------------

ตอบเม้นท์คนอ่านที่น่ารัก

คุณ iamnan ::: ฮ่า ๆ ๆ โหดขนาดนี้ไม่กล้าจะทำอะไรแล้วมั้งครับ (แต่ก็ไม่แน่ หึหึหึ) ..ขอบคุณที่ติดตามนะครับ

คุณ uknowvry ::: ^^ ขอบคุณคร้าบ... สงสัยเรื่องนี้จะเป็นแนวผีคอมมาดี้ไปแล้ว ^^ ...ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านและเม้นท์ให้ด้วยนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2013 02:23:06 โดย gugzabb »

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
น่ารักอ่ะมิวส์ ความรักของคน(ไม้) กับวิญญาณ (มิวส์) จะเป็นยังไงต่อไปน้อ o18



ออฟไลน์ Fujoshi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
โอ๊ยยยยย
อ่านแล้วยิ้มตลอดเลย เขียนเรื่องได้น่ารักมากค่ะ o13
ว่าแต่แม็กกี้กลับไปคราวนี้จะเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย

บางทีก็แอบเชียร์ 3P นะ เพราะชอบทั้งสามคนเลยเลือกไม่ถูก

แต่ก็แล้วแต่คนเขียนเนอะ
จะติดตามเรื่อยๆจ้า มาอัพบ่อยๆนะ เป็นกำลังใจให้ สู้ๆ :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
เรื่องน่ารักจริงๆ
ตัวละครสนุก สดใสดี
อ่านแล้วติดหนึบเลย ชอบ
บวกและเป็ดขอบคุณ :mc4:

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
ตกลงแล้วใครจะคู่กับใครเนี่ยยยยย!!

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
มารอวิญญาณหื่นด้วยคนนน  :hao3:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
แม็กกี้หนีกลับไปแล้ว ไม้จะไม่ตามเหรอปล่อยมิวส์อยู่กับไม้ 2 ต่อ 2 สงสารมิวส์อ่ะ 555

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
 ตอนที่ 5  :mc4:




      หลังจากที่มิวส์ได้รับอนุญาติจากเจ้าของห้องสุดโหดให้เหาะเหินเดินอากาศได้ตามสะดวกสบายภายในห้องพัก เขาก็เอาแต่นั่งอยู่บนเตียงนิ่ง ๆ แล้วจ้องมองเจ้านายสุดโหดว่าวัน ๆ หนึ่งจะทำอะไรบ้าง

   แล้วช่วงเวลาที่มิวส์รอคอยก็มาถึง เมื่อเจ้านายสุดโหดของเขาเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวทำท่าจะเข้าไปในห้องน้ำ

   “เจ้านาย... จะทำอะไร" มิวส์เอ่ยขัดขึ้นก่อนที่ไม้จะเดินเข้าห้องน้ำ รู้ทั้งรู้ว่าเจ้านายจะอาบน้ำแต่ก็ขอถามเพื่อความแน่ใจหน่อยละกัน

   “อาบน้ำ" ไม้ตอบออกไป "ทำไม... จะมาดูกูอาบน้ำเหรอ"

   ได้ยินคำเอ่ยชวนจากน้ำเสียงที่ยั่วยวนของเจ้าชายสุดหล่อ เลือดกำเดาของวิญญาณติดที่อย่างมิวส์ก็แทบพุ่ง หากแต่ว่ามันไม่มีออกมาให้พุ่งน่ะสิ

   มิวส์แสยะยิ้มออกมา แต่ทว่าก่อนที่จะได้ตอบอะไรออกไป ไม้ก็ดันเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน

   “ตอบช้าจริง กูไม่รอละ" พูดจบก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วเสียงที่ตะโกนจากภายในห้องน้ำอีกครั้งทำให้มิวส์ต้องรู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาฉับพลัน "มึงอย่าเข้ามาในหองน้ำนะ ถ้าเข้ามา กูเอามึงตายรอบสองนี้"

   “คร้าบ...” มิวส์ตอบด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย พอสายตามองไปเห็นช่องระบายอากาศเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านบนของผนังห้องน้ำ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นมาทันที แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรอย่างที่คิด น้ำเสียงของเจ้านายสุดโหดก็ทำให้เขาต้องจ๋อยไปอีกรอบ

   “แล้วก็อย่าริอาจลอยมาส่องดูกูที่รูระบายอากาศล่ะ แต่ถ้าอยากตายมึงก็มา"

   “โด่... ดุชะมัด" มิวส์เอ่ยเบา ๆ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมา แล้ววิญญาณหน่อมแน้มก็ตัดสินใจไปนั่งกอดเฝ้ารอเจ้านายที่หน้าห้องน้ำ... ไม่รู้ทำไมถึงต้องทำแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่จะนั่งรออยู่บนเตียงก็ได้ แต่ทว่ากับเจ้านายคนนี้เหมือนมีพลังพิเศษอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาอยากประจบประแจงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

   มิวส์นั่งรออยู่หน้าประตูห้องน้ำไม่นานมากนัก เสียงลูกบิดก็ดังขึ้น เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคนที่กำลังอาบน้ำเพิ่งเสร็จกำลังจะเดินออกมา และในจังหวะนั่นเอง ไม้ที่ไม่ได้สังเกตว่าไอ้ผีหน่อมแน้มมันนั่งอยู่หน้าประตู ก็ได้เดินฝ่าทะลุออกไปทันที

   ใบหน้าของมิวส์จมวับไปกับง่ามขาอันแข็งแกร่งของเจ้านายสุดหล่อในบันดล และดูเหมือนว่าไม้จะเพิ่งรู้สึกตัวว่าเหมือนมีลมปะทะที่บริเวณง่ามขา พอหันหลังกลับไปดูก็พบกับร่างของวิญญาณหน่อมแน้มที่กำลังนั่งตัวแข็งอยู่ในหน้าห้องน้ำ

   “อ้าวเฮ้ย!!! มึงมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย" ไม้พูดด้วยน้ำเสียงอันดังก้อง

   หลังจากที่สติกลับคืนมา วิญญาณติดที่อย่างมิวส์ก็รู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้า นี่ถ้าสามารถเปลี่ยนผิวจากซีดเผือดเป็นผิวปกติของมนุษย์ได้ล่ะก็ ป่านนี้แก้มของเขาคงแดงเปล่งปลั่งเป็นมะเขือเทศไปแล้ว

   “กลิ่นเมื่อกี้นี้มันอะไร หอมชะมัด" มิวส์เอ่ยขึ้น ...เขาหมายถึงกลิ่นตอนที่ไม้เดินฝ่าร่างเขาออกไปพอดีน่ะนะ

   “กลิ่น?” ได้ยินดังนั้นไม้ก็ทวนคำด้วยความฉงน "กลิ่นเชี่ยไรวะ"

   “อ่อ... เปล่า เปล่าครับเจ้านาย" มิวส์เอ่ยขึ้น "เจ้านายรีบแต่งตัวดีกว่า ผมอยากไปเที่ยวข้างนอกแล้ว... น๊า นะนะนะ"

   “เออ ๆ" ไม้ตอบรับ พอเห็นสีหน้าที่ออดอ้อน ดวงตาที่กลมโตลุกวาวราวกับเด็กอนุบาลที่กำลังจะได้ของเล่นชิ้นถูกใจ ไม้ก็ต้องหลุดขำออกมา ...จะว่าไป เขาชักรู้สึกว่าไอ้ผีหน่อมแน้มตนนี้มันน่ารักน่าเอ็นดูเสียแล้วสิ ถึงจะติ๊งต๊องและปอดแหกไปหน่อยก็เถอะ แต่ทำตัวน่ารัก ๆ อยู่ในโอวาทแบบนี้ก็ไม่รู้ทำไม เขาชักถูกใจอยากได้หมอนี่มาดูแลแล้วสิ

   “มึงหยิบจับสิ่งของได้หรือเปล่าวะ" ไม้เอ่ยถาม เพราะชักนึกอะไรสนุก ๆ ออก

   “ถ้าไม่หนักมากก็ได้ครับ" มิวส์ตอบด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ

   “งั้น... ไปหยิบเสื้อกับกางเกงที่อยากให้กูใส่พามึงไปเที่ยวมาให้ชุดหนึ่งดิ"

   สิ้นเสียงคำสั่ง มิวส์ก็ปฏิบัติตามทันที ถ้าเป็นหมอนี่ต่อให้สั่งอะไรมาเขาก็ยินดีทำทุกอย่างนั่นแหละ ดีกว่าต้องไปโดนพลังเตะหรือเจออะไรแผลง ๆ ที่หมอนี่จะสรรหาวิธีมากลั่นแกล้ง

   หลังจากที่เลือกชุดอยู่สักพัก มิวส์ก็ต้องชะงักไปชั่วครู่ เพราะไม่รู้ว่าเจ้านายสุดโหดคนนี้จะไปไหนบ้าง จึงไม่รู้จะเลือกชุดประมาณไหนดี

   “ว่าแต่เจ้านายจะออกไปที่ไหนบ้างครับ" มิวส์เอ่ยถาม

   “เอ้า! มึงอยากไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ กูก็จะพามึงไปเที่ยวไง" ไม้ตอบกลับด้วยความฉับไว

   “เที่ยว? ที่ไหนบ้างครับ"

   “ก็พาไปเที่ยวห้าง พาไปดูหนัง พอเย็นก็ไปเดินกินบรรยากาศที่สวนสาธารณะกันดีไหม"

   “ดีครับ ดี ๆ" มิวส์ตอบกลับ พอรู้ว่าจะได้ไปเดินเที่ยวสวนสาธารณะด้วย ใส่เสื้อยืด กางเกงสามส่วนธรรมดา ๆ ก็ได้มั้ง

   พอเจอชุดที่ถูกใจ มิวส์ก็หยิบมันไปให้กับเจ้านายสุดโหดของเขาทันที

   ไม้เหลือบมองดูเสื้อยีดส์สีขาว มีลายอาร์ต ๆ สีดำตรงกลางเสื้อ กับกางเกงผ้ายีนส์สามส่อนที่หยิบมา แล้วรอยยิ้มก็ผุดขึ้นที่ใบหน้า เขาไม่ลังเลยสักนิดที่จะรีบหยิบมันมาสวมใส่

   “ทำไมถึงเลือกชุดนี้" ไม้เอ่ยถาม เพราะการที่มิวส์เลือกชุดนี้ มันทำให้ไม้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อสามเดือนก่อน... วันนั้นไม้ให้แม็กกี้เลือกชุดที่จะใส่ไปเดินเที่ยวสวนสาธารณะด้วยกันให้ ซึ่งแม็กกี้ก็หยิบเสื้อยืดกับกางเกงขาสวามส่วนตัวนี้มาเหมือนกัน

   “ก็... มันเหมาะที่จะใส่ไปเดินสวนสาธารณะ ผมชอบให้เจ้านายใส่เสื้อสีขาวอ่ะ ใส่แล้วดูเท่ดี" เพราะสายตาผมจะได้แทะโลมเจ้านายด้วย ก็เสื้อสีนี้มันมองเห็นเนื้อแน่น ๆ ของเจ้านายง่ายดี...

   “อืม...” ไม้ตอบรับ หลังจากที่เขาแต่งตัวเสร็จ เขาก็อธิบายเรื่องราวคล้าย ๆ กันที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อนให้มิวส์ฟัง "ตอนนั้น... แม็กกี้ก็เลือกชุดนี้ให้กู ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม พอเห็นมึงเลือก กูก็เลยอยากรู้เนี่ยแหละ"

   เหมือนว่าเรื่องที่ไม้เล่าจะซึ้ง แต่ทว่ามันไม่ได้ทำให้วิญญาณอย่างมิวส์รู้สึกซึ้งไปด้วยเลยสักนิด 'กะจะแทะโลมเจ้านายเหมือนกันล่ะสิ'

   มิวส์ทำได้แค่คิด ก่อนที่จะตอบด้วยเหตุผลที่น่าฟัง "ก็มันใส่สบาย ๆ อ่ะ เจ้านายใส่เสื้อตัวไหนก็เท่อยู่แล้วล่ะ"

   “มึงนี่ก็ปากหวานดีเนอะ" คนที่ได้ชื่อว่าเป็น 'เจ้านาย' เอ่ยชมก่อนที่ประโยคถัดไปจะทำให้ลูกน้องซึ่งเป็นวิญญาณผีหน่อมแน้มถึงกับร้อนวูบวาบที่ใบหน้า "กูชักจะชอบมึงแล้วสิ"

   ทำไมนะ... มิวส์เองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าหมอนี่มีดีอะไร นอกจากใช้กำลังข่มขู่และชอบทำตัววางก้าม ก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีพอที่จะทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวเลย หากเขายังเป็นมนุษย์ นิสัยโผงผางแบบนี้คงไม่ได้แอ้มเขาหรอก ...หรืออาจเป็นเพราะว่าการที่ไม้เป็นคนรุนแรงแต่ตรงไปตรงมาแบบนี้ มันทำให้เขาคิดว่านี่แหละคือความจริงใจ ไม่ใช่การเสแสร้ง...

   ใช่... พอเอ่ยถึงคำว่า 'เสแสร้ง' ภาพของชายหนุ่มผิวขาว ตาตี่ ส่วนสูงพอ ๆ กันก็ลอยเข้ามาในหัวของมิวส์ทันที ก้องเป็นคนที่มีบุคลิกลักษณะนิสัยภาพนอกดูดีทุกประการ อีกทั้งนิสัยที่ให้เกียรติมิวส์เสมอทำให้ไม่แปลกเลยที่มิวส์จะตกหลุมรักเขาเอาง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่ในตอนนั้น เขาเองก็มีผู้ชายที่หน้าตาดีกว่ามาจีบตั้งเยอะแยะ แต่เขาก็ดันไปเลือกไอ้ตี๋นั่น เพียงเพราะนิสัยใจคอภายนอกที่เห็น จนท้ายที่สุด 'ก้อง' ก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องสิ้นลมหายใจ

   “เป็นอะไร" เสียงที่ดังขึ้นทำให้สติของมิวส์กลับคืนมา ไม้เห็นว่าจู่ ๆ ไอ้วิญญาณหน่อมแน้มนั่นก็นิ่งเงียบไปก็รู้สึกใจไม่ดี

   “เปล่าครับ" มิวส์ปฏิเสธออกไป พอคิดถึงเรื่องก้องทีไรเขาก็ต้องอยู่อย่างไม่สงบใจทุกครั้ง

   “เปล่าก็ดี ไปข้างนอกกันเถอะ กูหิวข้าวแล้ว"



   กว่าที่จะออกจากหอพักได้ พิธีการที่วุ่นวายสำหรับการเชิญชวนให้วิญญาณติดที่อย่างมิวส์ได้ออกไปเที่ยวเตร่ข้างนอกก็เล่นเอาเสียเวลาไปหลายนาทีเหมือนกัน เพราะไหนจะต้องเตรียมธูปเทียนและดอกไม้ให้ครบตามที่ท่านเจ้าที่สั่ง ยังต้องเสียเวลาไปซื้อหมูหันมาถวายท่านเจ้าที่อีก

   “ท่านเจ้าที่... ถ้าผมจะพาไอ้มิวส์ต้องออกไปข้างนอกเนี่ยผมต้องไปซื้อหมูหันมาถวายทุกครั้งเลยป่ะ" หลังจากที่ของทุกอย่างครบ มิวส์ก็เอ่ยปากถามกับชายชราชุดขาวที่ยืนอยู่บริเวณหน้าศาลพระภูมิ

   “ก็เออสิวะ... จริง ๆ ไม่ต้องเป็นหมูหันก็ได้ ของกินอร่อย ๆ อะไรก็เอามาเถอะ เพียงแต่ครั้งแรกมันต้องถวายหนัก ๆ เท่านั้น" ท่านเจ้าที่ตอบออกมาโดยที่พยายามเก็บอาการขำไว้ในใจสุดฤทธิ์ ...ไอ้หนุ่มนี่ก็ซื่อเหมือนกันแฮะ หลอกง่ายดี

   ความจริงแล้วการที่จะขอให้พาวิญญาณออกนอกสถานที่ที่เจ้าที่ดูแลนั้น เพียงแค่จุดธูปไหว้แล้วเอ่ยปากเชิญชวนก็ได้แล้ว แต่ที่ท่านเจ้าที่ต้องสั่งให้ไปซื้อหมูหันมาถวายก็เพราะว่า ความละโมภโลภมากบวกกับความตะกละของตัวเองก็เท่านั้นแหละ

   “งั้นผมไปก่อนล่ะนะ" หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายไม้ก็เอ่ยลาทันที "ป่ะ ไอ้มิวส์ไปกันได้แล้ว"

   ในขณะที่ไม้เดินออกจากเขตรั้วหอพักด้วยความสบายใจ มิวส์ที่นึกถึงความเจ็บปวดทรมานในวันที่เขาเคยคิดจะออกจากที่นี่แล้วมีพลังบางอย่างมาทำให้ร่างกายปวดแสบปวดร้อนหลังจากที่ก้าวขาออกไป ก็เลยทำให้เขากล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะออก จะก้าวขาออกไปก็กลัวจะเกิดอาการแบบครั้งนั้น

   การกระทำของมิวส์ทำให้ท่านเจ้าที่หัวเราะชอบใจอยู่เบื้องหลัง เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มหน้าหล่อเดินไปไกลแล้ว ท่านเจ้าที่จึงช่วยสงเคราะห์ให้ไอ้วิญญาณหน่อมแน้มกล้าที่จะออกจากหอพักด้วยการถีบก้นแรง ๆ หนึ่งที

   "โอ๊ยยย...." ร่างของมิวส์กลิ้งหลุน ๆ ไปตามแรงถีบ ปากก็โห่ร้องราวกับกำลังปวดแสบปวดร้อนไปทั่วร่างกาย แต่ทว่าพอตั้งสติได้ มิวส์ก็ต้องฉีกยิ้มออกมาจนแก้มแทบปริ "ไม่เจ็บนี่หว่า... ขอบคุณนะท่านลุง"

   พูดจบก็รีบวิ่งตามไปยังร่างของเจ้านายสุดโหดทันที




   รถประจำทางที่กำลังวิ่งบนท้องถนนที่เงียบสงบ บัดนี้ไม่มีใครรู้เลยว่านอกจากพวกเขาแล้วยังมีวิญญาณอีกหนึ่งตนกำลังนั่งโดยสารไปด้วย เว้นก็แต่ไม้เท่านั้น

   มิวส์ทอดสายตามองสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงชันแล้วความรู้สึกสดชื่นที่เขาไม่เคยสัมผัสมากว่า 10 ปีก็ทำให้ใบหน้าของเขาในยามนี้อยู่ในอารมณ์ที่เคลิบเคลิ้มที่สุด... ผิดกับไม้ที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาไม่เข้าใจว่าไอ้วิญญาณหน่อมแน้มนี่จะมานั่งตักเขาทำไม แม้ที่นั่งจะเต็มพอดีก็เถอะ แต่มันก็ยืนได้นี่นา

   “มานั่งตักกูทำไม" ไม้ทำปากขมุบขมิบ พูดด้วยน้ำเสียงที่เบาที่สุด เพราะไม่อยากให้คนที่โดยสารบนรถจับพิรุทธิ์และสงสัยว่าเขากำลังคุยกับใคร

   “ก็ที่นั่งมันเต็มนี่ครับ" มิวส์ตอบออกมา ...อีกอย่างตักเจ้านายก็อุ่นจะตายไป

   ได้ยินคำตอบของวิญญาณหน่อมแน้ม ไม้ก็ได้แต่พ่นลมหายใจออกมาเท่านั้น แล้วทนให้มันนั่งตักไปจนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทาง

   ไม้เดินเข้าไปในห้างและสถานที่แรกที่เขาตัดสินใจไปก็คือโรงหนัง

   “เรื่องนี้นะคะ" พนักงานขายบัตรถามย้ำเมื่อเห็นว่าไม้เลือกเรื่องที่จะดูได้แล้ว... ไม้พยักหน้าเป็นคำตอบ จากนั้นพนักงานก็ถามต่อ "กี่ที่ดีคะ"

   “สองที่ครับ ตรงนี้ครับ" พูดจบก็จิ้มที่หน้าจอที่เป็นสัญลักษณ์ที่นั่ง ซึ่งเขาเลือกที่นั่งประจำเวลาที่มาดูหนังกับแม็กกี้

   ใช่! แต่นี่เขาไม่ได้มาดูหนังกับแม็กกี้นี่นา แล้วเขาซื้อตั๋วมาสองใบทำไม กว่าจะรู้ตัว ก็ต้องเสียตังค์ฟรี ๆ ให้กับค่าตั๋วหนังตั้งใบหนึ่ง

   พอถึงเวลาหนังฉาย ไม้กับมิวส์ก็ตรงเข้าไปยังโรงหนังทันที ซึ่งหนังที่เขาเลือกดูมันเป็นหนังผีด้วยล่ะ

   ไม้กับมิวส์นั่งเก้าอี้ติดกัน เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงบ่าย คนจึงยังไม่เยอะมากนัก และที่นั่งข้าง ๆ คนพวกเขาก็ว่างเสียด้วย

   ทั้งสองนั่งดูหนังไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหนังเกือบจบ เสียงสะอื้นที่ดังอยู่ข้าง ๆ เลยทำให้ไม้ต้องหันไปเอ่ยถาม

   “เป็นไรวะ"

   “หนังมันซึ้งครับ" มิวส์ตอบกลับ แม้วิญญาณจะไม่มีหยาดน้ำตา แต่ถ้ารู้สึกซึ้งเมื่อไหร่ก็สามารถส่งเสียงสะอื้นได้ไม่ต่างจากมนุษย์ "เจ้านายดูสิครับ น่าสงสารผีในเรื่อง ที่เธอไม่ไปไหนก็เพราะยังมีห่วง... และรอการกลับมาของใครบางคน แต่ทว่าท้ายที่สุดการรอคอยของเธอก็ว่างเปล่า และจบลงโดยที่เธอต้องอยู่โดดเดี่ยวในปรโลกต่อไป มันคล้าย ๆ กับผมเลย...”

   ดวงตาที่กลมโตและบวมเป่งในยามนี้ช่างดูน่าเอ็นดูเหลือเกิน... เกิดมาเขาก็เพิ่งเคยเห็นวิญญาณสะอื้นไห้ คิดแล้วก็อดขำไม่ได้ ท้ายที่สุดไม้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาลั่นโรงหนัง ทั้ง ๆ ที่ฉากในหนังกำลังเป็นฉากซึ้ง

   แม้จะไม่มีเสียงตำหนิหลุดออกมา แต่ทว่าเสียงพ่นลมหายใจและรังสีอำมหิตที่สัมผัสได้ก็ทำให้ไม้รู้ว่าเสียงหัวเราะของเขาเมื่อครู่ ได้ทำให้คนที่มาชมหนังในรอบนี้กำลังอาฆาตเขา และทันทีที่หนังจบ ชายหนุ่มผู้หัวเราะขำขันกับฉากหนังที่กำลังเศร้าก็รีบวิ่งออกจากโรงเป็นคนแรกทันทีก่อนที่จะโดนรุมประชาทัณฑ์






จบตอน

ปล. ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อเรื่องจาก 'ตัวตายตัวแทน' เป็น 'วิญญาณป่วนกวนรัก' นะครับคิดว่าน่าจะเข้ากับบทเนื้อเรื่องที่เป็นแนวฮา ๆ มากกว่า
-----------------------

คุยกับคนอ่านที่น่ารัก

คุณ naruxiah :: ^^ ขอบคุณคร้าบ อัพแล้วนะครับอยากรู้ว่าเป็นไงต่อติดตามได้เลยครับ

คุณ Fujoshi :: ชอบคุณคร้าบ ^^ ดีใจจังตอนแต่งกังวลมากๆว่ามันจะออกมาฮาไหม อ่านแล้วยิ้มหรือเปล่า อ่านเม้นท์นี้นี่ยิ้มแก้มปริแล้วครับ อิอิ

คุณ puppyluv :: ขอบคุณคร้าบ ^^ พอดียังเป็นสมาชิกใหม่ของบอร์ดนี้บวกเป็ดคืออะไร งง ๆ ตอนนี้เข้าใจแล้ว ต้องบวกเป็นให้คนเม้ท์ทุกคนเลยดีกว่า >.< จากใจ

คุณ sang som :: ใครคู่ใครต้องติดตามกันต่อไปครับ ^^

คุณ nunnan :: อ๊ะ... วิญญาณหื่นมาแล้วนะครับ

คุณ iamnan :: ฮ่าๆๆ บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรร้ายแรงอย่างที่คิดก็ได้คร้าบ เอิ้กๆ มิวส์อาจจะชอบ *0*
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2013 02:26:54 โดย gugzabb »

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
เดี่ยวไม้ก้ต้องหลงมิวส์ใช่ม่ะ เพราะความน่ารักกก  :mew3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ผีนู๋มิวส์น่ารักอ่ะ มันต้องมีสักวันที่เราจะได้ลวนลามคน สู้ ๆ นะมิวส์ 555

nOsTrAdamUsz

  • บุคคลทั่วไป
เนื้องเรื่องน่ารักดีนะคะ ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ คาแรคเตอร์แต่ละตัวก็น่ารักดี
เป็นกำลังใจให้คนเขียนตลอดนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่อัพให้
พวกเราทุกคนในเล้าได้อ่านกันนะคะ ^++++^

เทมปุระกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ oumpatta

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-43
อยากให้ไม้คู่กับแม้กกี้ตลอดอ่ะ ไม่ยากเปลี่ยนให้ไปชอบมิวส์เลย คิดไปไกลเนาะเรา แต่คนเขียนอย่าแต่งแบบนี้เลยนะTT

ออฟไลน์ Mr.กุ๊กกู๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-0
    • แฟนเพจ
          ตอนที่ 6




         อาจเป็นเพราะความเคยชินที่เขามักจูงมือแม็กกี้เสมอเวลามาดูหนัง เลยทำให้เขาเผลอเอื้อมมือไปจับที่แขนของมิวส์ให้วิ่งออกไปด้วย และผลที่ได้ก็คือ ไม้สามารถสัมผัสร่างของวิญญาณร่างนี้ได้ด้วย


   เสียงหอบหายใจแฮก ๆ ดังขึ้นทันทีที่ไม้มั่นใจว่าตัวเองปลอดภัย แล้วสายตาอาฆาตแค้นก็หันไปมองร่างที่ตัวเองลากออกมาทันที
   

        “มึงทำให้กูขำ กลับห้องเมื่อไหร่ก็เอามึงตายแน่!” ไม้ข่มขู่


   “เอ้า... ผมทำอะไรเจ้านาย" วิญญาณหน่อมแน้มที่โดนกล่าวหาพยายามเถียง เขาก็ดูหนังเงียบ ๆ นี่นา ไม่ได้ทำอะไรให้หมอนี่ต้องขำเลยสักนิด


   “ก็มึงทำหน้าตาให้กูขำอะ ยังไงมึงก็ต้องโดนลงโทษ" ไม้ยังต่อว่าอย่างเอาแต่ใจ... จนกระทั่งเพิ่งสังเกตเห็นว่าตัวเองกำลังจับแขนของมิวส์อยู่ "ว่าแต่... นี่กูจับมึงได้ด้วยเหรอเนี่ย"


   “นั่นสิครับ... ผมเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน" มิวส์เอ่ยขึ้นบ้าง เพราะเขาเองก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมเขาถึงโดนเจ้านายสุดโหดจับได้ในบางเวลา และในขณะนั้น... เนื้อวิญญาณที่เคยสัมผัสได้เมื่อครู่ก็กลายเป็นอากาศธาตุจนไม้ไม่สามารถสัมผัสมันได้อีกต่อไป


   “อีกแล้ว!” ไม้บ่น "ช่างเถอะ... ว่าแต่มึงอยากกินไรเป็นพิเศษหรือเปล่า"


   จู่ ๆ เขาก็รู้สึกอยากเอาอกเอาใจหมอนี่ขึ้นมา หลังจากที่ดูหนังจบไม้ก็คิดได้ว่าการที่มิวส์เป็นผีติดที่มาสิบกว่าปีคงจะอด ๆ อยาก ๆ และการที่ออกไปไหนไม่ได้และไม่มีใครมองเห็นก็คงจะเหงามาก ถ้าเขาพอจะทำอะไรให้วิญญาณนี่รู้สึกมีความสุขได้ เขาก็ยินดีที่จะทำเลยล่ะ ...เพียงแต่ต้องแลกกับการที่หมอนี่จงรักภักดีกับเขาตลอดไป


   “ไม่หิวครับ" มิวส์ตอบด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์


   “กูรู้ว่ามึงไม่หิว แต่ถ้ามึงได้กินของอร่อย ๆ มันก็รู้สึกดีไม่ใช่เหรอไง เอ้า... ว่ามา อยากกินอะไร"


   สิ้นเสียงของไม้ มิวส์ก็แทบจะร้องไห้ออกมา แม้เจ้านายจะโหดร้ายป่าเถื่อนแค่ไหน แต่จิตใจลึก ๆ ของเจ้านายคนนี้ก็ถือว่าเป็นคนดีเชียวล่ะ พอนำไปเปรียบเทียบกับก้อง นอกจากคำพูดที่สวยหรู... ก็ไม่เห็นว่าหมอนั่นจะสนใจอะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักนิด


   “เจ้านาย...” มิวส์ทำน้ำเสียงซาบซึ้ง ตาก็ลุกวาวราวกับว่าบุญคุณของเจ้านายสุดโหดครั้งนี้มีท่วมท้นจนเขามิอาจทดแทนได้หมดสิ้น

   “ว่าไง... ไอ้ลูกน้อง" ไม้ถามกลับ ปากก็ฉีกยิ้มออกมา ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกชอบที่หมอนี่เรียกเขาว่า 'เจ้านาย'


   “เจ้านายไม่ต้องซื้ออะไรให้ผมหรอก" มิวส์ตอบออกไป ไม่ใช่เพราะเขาไม่ได้อยากกินอะไรนะ แต่ทว่า... “แต่... ให้ผมกินเจ้านายก็พอแล้ว"


   “กินกู?” ไม้ขมวดคิ้ว "มึงหมายความว่ายังไง นี่มึงกล้าดีถึงขนาดจะกินกูเลยเรอะ!!"


   ใบหน้าที่ถมึงทึงขึ้นมาทันตาทำให้มิวส์ต้องรีบก้มหน้าและตั้งการ์ดป้องกัน "ไม่ใช่! ผมไม่ได้หมายความอย่างงั้น"


   “แล้วมึงหมายความว่าไง" น้ำเสียงของไม้ยังคงความโหดไว้ไม่เปลี่ยนแปลง


   “กะ... ก็...” มิวส์ทำเสียงตะกุกตะกัก มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาปิดตาเพราะไม่อยากจะรอดูว่าหลังคำพูดประโยคถัดไปของเขา จะเกิดอะไรร้าย ๆ ขึ้นกับเขาบ้าง "ขอแค่สัมผัสเนื้อ นม ไข่ เจ้านาย... เบา ๆ ก็พอ"


   “ไอ้ผีหื่น!!!” ไม้ต่อว่า ยิ่งสีหน้าที่เคลิบเคลิ้มราวกับว่ากำลังจินตนาการฉากวาบหวิวยิ่งทำให้ไม้อดหมั่นไส้ไม่ได้ "ถึงกูจะเป็นอย่างงี้ แต่กูก็รักแฟนกูคนเดียวนะว้อย อย่าริอาจคิดอะไรเกินเลยเชียวนะ"


   “โถ่... เจ้านาย" มิวส์ถอนหายใจด้วยความเสียดาย แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่คลายความหวัง "เจ้านายก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ ผมเป็นวิญญาณนะ แฟนเจ้านายไม่รู้หรอกว่าผมทำอะไรกับเจ้านายบ้าง นะ ๆ ถือซะว่าเมตตาวิญญาณตัวน้อย ๆ หน่อยนะ"


   “หึ" ไม้พ่นลมหายใจออกมา "ถ้ามึงกล้าขอ... กูก็กล้าให้"


   ไม้ยอมรับว่าแม็กกี้เป็นผู้ชายที่ตอบสนองความต้องการของเขาได้ในทุก ๆ เรื่อง ทั้งหน้าตาและความชอบส่วนตัวที่เหมือน ๆ กัน และนั่นทำให้ไม้บอกกับตัวเองเอาไว้ว่าจะไม่มีวันหักหลังแม็กกี้เด็ดขาด แม้ว่าเขาอาจจะดูเป็นคนไม่น่าเชื่อใจก็เถอะนะ แต่เขาก็ไม่เคยทำร้ายความไว้ใจของแม็กกี้เลยสักครั้ง และในครั้งนี้... เขาก็ยังยืนยันว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะมิวส์เป็นวิญญาณ มันคงไม่มีอะไรเสียหาย และเขาก็ไม่ได้คิดจะละลาบละล่วงไอ้ผีหน่อมแน้มนั่นด้วย


   “เย่... เจ้านายใจดีที่สุด" มิวส์คลี่ยิ้มออกมา พอเห็นเจ้านายไม่สนใจแถมยังเดินนำลิ่ว ๆ ไปข้างหน้า เขาก็รีบเดินตามด้วยความเชื่องทันที



   
   หลังจากที่เดินเล่นภายในห้างเสร็จ สถานที่ต่อไปที่ไม้จะไปก็คือสวนสาธารณะ ซึ่งตั้งอยู่ชานเมือง รอบ ๆ สวนสาธารณะมีต้นไม้และดอกไม้ที่ถูกจัดตกแต่งประดับประดาไว้อย่างสวยงาม


   มิวส์กวาดสายตามองไปรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้ยังคงงดงามเสมอ แม้ช่วงนี้ต้นพญาเสือโคร่งจะหมดฤดูออกดอกไปแล้ว แต่ทว่าความทรงจำเก่า ๆ เมื่อครั้งที่เขาเคยมาเดินเล่นกับก้องก็ทำให้มิวส์สัมผัสได้ถึงความสวยงามของดอกพญาเสือโคร่งและวันวานที่เขาเคยมาเดินเล่นที่นี่


         แม้ว่าจะโกรธเกลียดเครียดแค้นคนที่ทำให้เขาต้องเสียใจและกลายมาเป็นวิญญาณมากสักแค่ไหน แต่จิตใต้สำนึกลึก ๆ ของมิวส์ คนเคยรักยังไงมันก็ยังรักอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ ต่อให้สามารถกระชากลมหายใจของก้องแล้วเอาชีวิตของเขาคืนมาได้ เขาก็ไม่ทำหรอก เพราะเขาคงลงมือทำร้ายคนที่เคยรักมากที่สุดในชีวิตไม่ได้


   “เจ้านายชอบมาเดินเล่นที่นี่เหรอครับ" มิวส์เอ่ยถามในขณะที่เขากับไม้กำลังเดินอยู่บนถนนเส้นหนึ่งภายในสวนสาธารณะ นอกจากข้างทางที่มีต้นพญาเสือโคร่งสวยงามตลอดทางแล้ว ยังมีน้ำพุถูกประดับประดาเป็นจุด ๆ


   “มันก็ร่มรื่นดีนะ" ไม้ตอบออกมา "เมื่อก่อนตอนที่อยู่ในเมืองมาวิ่งออกกำลังกายกับแม็กกี้ที่นี่ทุกวัน"


   “เจ้านายกับแม็กกี้ดูรักกันดีจังเลยนะครับ" ไม้เอ่ยแซวขึ้นบ้าง เพราะไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหน ไม้ก็จะนึกถึงแม็กกี้เสมอ ๆ "น่าอิจฉาจัง"


   “เฮ้ย! อิจฉาไรวะ คนเป็นแฟนกันก็ต้องรักกันดิ" ไม้ตอบตรง ๆ


   “นั่นสินะครับ" มิวส์เอ่ยยิ้ม ๆ หากแต่ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มกลับแฝงความเศร้าเอาไว้เมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต


   “เล่าเรื่องของมึงให้ฟังหน่อยได้ไหม" ไม้เอ่ยขึ้น ก่อนที่จะไปนั่งอยู่ม้านั่งใต้ร่มไม้ ลมที่พัดมาตลอดเวลาทำให้ยามเย็นของวันนี้มีอากาศที่สดชื่นเหมาะแก่การเดินเล่นในสวนสาธารณะในขณะที่พระอาทิตย์ยังทอแสงรำไรเป็นที่สุด "มึงเคยบอกว่าโดนผีตนก่อนหน้าหลอก ก็เลยกระโดดตึกตาย มันหลอกมึงยังไงวะ"


   “เอ่อ...” มิวส์มีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย พลางเดินไปนั่งข้าง ๆ กับเจ้านายสุดโหด "เจ้านายสัญญานะว่าผมเล่าแล้วเจ้านายจะไม่หัวเราะและดูถูกผม"


   ที่ต้องถามแบบนั้นก็เพราะหลังจากที่วิญญาณหลุดออกจากร่าง คำดูถูกต่าง ๆ นานาที่มิวส์ได้ฟังจากคนที่อยู่ภายในหอทำให้เขารู้สึกกลัว... กลัวว่าเจ้านายก็จะตัดสินมิวส์จากสิ่งที่เห็นเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่แปลกหรอก ถ้าไม่เจอกับตัวก็คงไม่มีใครเชื่อว่าผีมีจริงในโลก


   และนับจากวันนั้น หลังจากที่พ่อและแม่มารับศพและติดต่อการยกเลิกเรื่องหอพัก มิวส์ก็ไม่มีโอกาสได้พบหน้าพ่อและแม่อีกเลย มิหนำซ้ำ เจ้าตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้อย่าง 'ก้อง' นับตั้งแต่วันที่สิ้นลมหายใจ หมอนั่นก็ไม่เคยโผล่มาที่นี่อีกสักครั้ง ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไง


   “เรื่องแบบนี้ใครเขามาหัวเราะกันวะ" ไม้ทำสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ใช่เพราะโกรธที่มิวส์พูดออกมาแบบนี้ แต่โกรธที่... “มีใครหัวเราะกับการจากไปของมึงงั้นเหรอวะ ทำไมถึงได้กลัวว่ากูจะหัวเราะนัก"


   สำหรับไม้แล้ว แม้เขาจะเป็นคนโผงผางหรือขวานผ่าซากแค่ไหน แต่สำหรับคนที่รู้จักและสนิทสนมกันจริง ๆ จะรู้ว่าเขาเป็นคนที่จริงใจมาก ๆ คนหนึ่งเลยทีเดียว และเขาก็เกลียดนักพวกที่ชอบดูถูกคนอื่น อีกทั้งจำพวกที่มักเสแสร้งใส่หน้ากากทำดีเข้าหาแล้วสุดท้ายก็ไปตลบหลังทำร้ายไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือการกระทำก็ตาม


   “ก็... ไม่หรอกครับ พวกเขาคงไม่รู้เหตุผลที่ผมกระโดดตึกก็เลยคิดว่าผมโง่ที่ฆ่าตัวตาย" มิวส์เอ่ยขึ้น "แต่จริง ๆ ผมน่ะไม่ได้ฆ่าตัวตายและไม่เคยคิดจะฆ่าเลยนะครับ... เฮ้อ...”


   “เริ่มเลยนะครับ...” จบประโยคนี้ มิวส์ก็ตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้ไม้ฟัง อีกทั้งยังเล่าย้อนไปกระทั่งความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนรัก...


   ก้องกับมิวส์เป็นเพื่อนร่วมคณะกันหากแต่เรียนคนละสาขาวิชา มิวส์เป็นนักศึกษาที่ถือว่าป๊อบปูล่าสำหรับเหล่าผู้ชายเพศรุก? เพราะผิวที่ขาวเนียนของเขา อีกทั้งดวงตาที่กลมโตกอปรกับหน้าตาจิ้มลิ้มเลยทำให้เขากลายเป็นรับ? ที่น่ารักน่าเอ็นดูในสายตาผู้ล่าเพศรุกเหล่านั้นไปโดยปริยาย ยิ่งเวลาที่มิวส์ยิ้มทีนะ ไม่ว่าชายแท้ หญิงเทียมหรือเพศไหน ๆ ก็มีสิทธิ์ใจละลายได้เหมือนกันทั้งนั้น


   แม้ว่ามิวส์จะเปิดโอกาสให้ทุกคนที่เข้าได้ทำความรู้จักสนิทสนมด้วย แต่มิวส์ก็ไม่เคยมีอะไรเกินเลยกับคนเหล่านั้นเลยสักครั้งจนกระทั่งในวันหนึ่ง ก้อง...ชายหนุ่มหน้าตาสุขุมที่มีบุคลิกนิ่งเงียบก็ได้เข้ามากระชากใจของมิวส์ไป ก้องมีความแตกต่างจากคนอื่น คือทุกครั้งที่พูดคุยด้วยเขาจะพูดจาด้วยถ้อยคำที่สุภาพเสมอ ไม่เคยมีสักครั้งที่คำลงท้ายของก้องจะไร้คำว่า 'ครับ'


   แต่ก็นั่นแหละ วาจาหวานเหล่านั้นกลับถูกฉาบไปด้วยพิษร้ายที่ไม่มีใครมองเห็น หลังจากที่ก้องกับมิวส์คบกันจนกระทั่งปี 4 ในวันเกิดของมิวส์และอีกไม่กี่เดือนคนทั้งคู่ก็จะเรียนจบระดับปริญญาตรีแล้ว ก้อง... ก็ได้ทำให้ความผูกพันธ์ที่เคยสร้างขึ้นร่วมกันกับมิวส์แหลกสลายเป็นผุยผง


   ก้องตัดสินใจบอกเลิกมิวส์เพราะเอาเรื่องครอบครัวมาอ้าง และในคืนนั้นหลังจากที่มิวส์กลับห้องพัก ความเสียใจที่ถูกระบายออกมาทางน้ำตาและสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ทำให้วิญญาณร้ายที่รอคอยเวลานี้มานานปรากฏตัวให้มิวส์เห็น


   วิญญาณร้ายตนนั้นถือได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลากว่าก้องทุกประการ จิตใจที่ย่ำแย่ทำให้มิวส์เปิดประตูต้อนรับร่างของมันให้ย่างกรายเข้ามาในห้องอย่างง่าย ๆ วาจาหวานที่พูดราวกับห่วงใยความรู้สึกของมิวส์ทำให้มิวส์ที่กำลังจิตตกถึงขีดสุดเผลอไผลไปกับอารมณ์ชั่ววูบ และท้ายที่สุดในระหว่างที่กำลังเคลิบเคลิ้มนั้น วิญญาณร้ายมันก็หลอกให้มิวส์ที่ยังพร่ำเพ้อไปยืนอยู่ที่บริเวณริมระเบียงและท้ายที่สุดมันก็ผลักมิวส์ให้ตกจากระเบียงห้อง...


   “เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับเจ้านาย...” มิวส์เอ่ยขึ้น แม้ว่าท่าทีจะซึมเศร้าแต่น้ำเสียงกลับไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้นด้วย อาจเป็นเพราะเรื่องก็เกิดขึ้นมานานสิบปีแล้ว และเขาก็พอจะทำใจได้กับสภาพวิญญาณแบบนี้ ยิ่งพอได้มีโอกาสรู้จักกับไม้ วิญญาณที่ไร้เพื่อนอย่างเขาก็กลับมามีความสุขขึ้นอีกครั้ง มันเป็นความสุขที่เขาไม่ได้สัมผัสมาตั้ง 10 ปีแหนะ


   “แล้วมึงรู้สึกยังไงกับก้อง" ทันทีที่ฟังเรื่องราวในอดีตของวิญญาณติดที่เสร็จ ไม้ก็เอ่ยถาม... เขารู้สึกตงิดใจแปลก ๆ ว่าคบกันมาตั้งหลายปีแล้วจะมาบอกเลยโดยอ้างเรื่องทางบ้านแค่นั้นจริง ๆ น่ะหรือ


   “ถ้าถามว่ารู้สึกยังไง...” มิวส์ทำน่าครุ่นคิดและเว้นจังหวะชั่วครู่ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเงียบ "รักมากแค่ไหนก็เกลียดมากแค่นั้นครับ ก็ถือว่าเจ๊าไปละกัน"


   “เหรอ... แล้วมึงไม่คิดเหรอว่าก้องอาจจะแกล้งมึงก็ได้ บางทีก้องอาจจะมาเซอร์ไพรซ์ในวันเกิดมึงทีหลังก็ได้" ไม้เอ่ยถามด้วยความสงสัย


   “ไม่หรอกครับ... ผมถามก้องแล้ว ถ้าก้องเซอร์ไพรซ์จริง อย่างน้อยในคืนที่ผมตกตึก ก้องก็น่าจะมาหาผมที่ห้องบ้างใช่ไหม แต่ว่าผมไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเลย"


   “แต่มึงก็ไม่เห็นก้องเลยไม่ใช่เหรอ บางทีก้องอาจจะอยู่ที่งานศพมึง อาจจะช่วยเตรียมงานจนไม่ได้กลับมาที่หอพักก็ได้ เพราะพ่อกับแม่ของมึงก็เคลียร์เรื่องหอพักให้ไม่ใช่เหรอ" ไม้ยังคงพยายามที่จะเสนอความคิดเห็น เพราะเขาไม่เชื่อหรอกว่าก้องจะเลิกกับมิวส์ได้ง่าย ๆ แบบนั้น ถ้าการเลิกกันมันง่ายขนาดนั้น แล้วความสัมพันธ์ที่ร่วมสร้างกันมาน่ะมันก็คงไม่มีค่าเลยใช่ไหม เพราะฉะนั้น...


   “กูจะพามึงไปที่บ้าน... ทั้งบ้านก้องแล้วก็บ้านพ่อแม่ของมึง... เพื่อสืบหาความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น”


   “จริงเหรอครับเจ้านาย...” ดวงตาที่กำลังอยู่ในโหมดเศร้าสร้อยกลับลุกวาวขึ้นมาอย่างฉับพลัน พอรู้ว่าสามารถออกจากหอพักได้ มิวส์ก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย


   “จริงสิ!” พูดจบก็ยิ้มให้กับร่างที่เป็นวิญญาณ มันเป็นรอยยิ้มของคนสุดโหดแต่กลับดูดีที่สุดในโลก "กูเองก็อยากจะรู้ความจริงเรื่องนี้เหมือนกัน...”


   “ครับ" มิวส์ยิ้มรับ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมไม้ถึงต้องจะมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเขา ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรเกี่ยวเนื่องกันเลยสักนิด อีกอย่างเขาก็เป็นแค่วิญญาณ คบไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา... คิดดังนั้นมิวส์ก็ชักจะรู้สึกหลงไหลในความจริงใจของเจ้านายคนนี้เสียแล้วสิ คนอะไรนอกจากหล่อแล้วยังจริงใจอีกต่างหากน่าอิจฉาแฟนของเจ้านายชะมัด ...หรือเราจะทำให้เจ้านายกับแฟนเจ้านายแตกแยกกันดีนะ






จบตอนที่ 6


ปล 1 สำหรับใครที่ชอบ Dead Lover วิญญาณป่วนกวนรัก อยากลองอ่านผลงานอีกเรื่องของกระผมลองไปอ่านได้เลยครับ
>>> จิ้มตรงนี้ เรื่อง Sketch Lover ร่างกายชายรัก <<< พอดีเขียนใกล้จบแล้ว แต่ไม่ได้ลงที่นี่ T^T เพิ่งรู้จักเล้าเป็ด(ไปอยู่โลกไหนมาฮะ)
เรื่องนั้นเป็นเรื่องแนวขาสั้น มัธยมนะครับ... จะออกแนวใส ๆ มากกว่าเรื่องนี้ แต่ไม่ฮาเท่า... คนละแบบอ่าครับ

ปล. 2 เห็นเรื่องอื่น ตอนที่ 5-6 อยู่หน้าไกลลิบ ๆ ของเรายังอยู่หน้าแรกอยู่เลย ฮ่าๆ สู้ๆ(ให้กำลังใจตัวเอง) ^^  :pig2:

--------------------------


คุยกับคนอ่านที่น่ารัก

คุณ nunnan :: ^^ ต้องติดตามกันต่อไปครับ แต่คนเขียนหลงมิวส์เองแล้วครับตอนนี้ ฮ่าๆๆ

คุณ uknowvry :: ตอนหน้าไปบ้านมิวส์ด้วย *0*

คุณ iamnan :: ฮ่า ๆ ตอนนี้ลวนลามเจ้านายสุดโหดไปก่อนละกันเน้อ

คุณ nOsTrAdamUsz :: ขอบคุณครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ น่ารักจัง แวะไปทักทายที่เพจด้วย ^^ <3 เอาใจไปโล้ด อิอิ

คุณ เทมปุระกุ้ง :: ขอบคุณครับผม ^^

คุณ oumpatta :: มันเป็นรักที่ซับซ้อนครับ ฮ่าๆ ต้องติดตามกันต่อไป ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-07-2013 18:29:20 โดย gugzabb »

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
ตอนหน้าจะได้รู้เรื่องก้องแล้วใช่ม่ะะะะ  :katai3:

ออฟไลน์ Fujoshi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
แอร๊ยยยยยยยย

ตอนหน้าน่าอ่านอ่ะ รอนะคะ
อยากรู้เหมือนกันว่า จริงๆแล้วก้องอยากเลิกกับมิวส์หรือเปล่า

ว่าแต่อัพบ่อยนะคะเนี่ย ขยันมากเลยค่ะ o13

ออฟไลน์ GoodNice

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

มิวส์น่ารักอ่ะ แถมทะลึ่งอีกด้วย 5555   :impress2:


ตอนหน้าจะเป็นไงนะ    :hao7:

Candy CAT

  • บุคคลทั่วไป
ไอ้ก้อ งงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!! แกมันน่านัก!!!! :angry2:

ตอนต่อไปจะรู้เรื่องก้องแล้วใช่ไหมเนี้ยยยยย :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด