- ดื่มครั้งที่ 3 -
วันนี้ผมมาที่ร้าน IT 's LOVE เช้ากว่าปกติ เพราะพี่จีบบอกว่าถ้าผมมีเรียนเช้าให้แวะมารับพี่เขาด้วยเนื่องจากว่ารถยังซ่อมไม่เสร็จ และวันนี้ผมก็มีเรียนตอนเก้าโมงเช้าพอดี วันนี้ที่ร้านออกจะแตกต่างไปจากปกตินิดหน่อยด้วยเพราะเวลาที่ผมมาเหยียบร้านต่างออกไปจากเดิม ประตูหน้าร้านยังแขวนป้ายไม้ลวดลายสวยงามที่มีคำว่า Close ไว้ แต่ถ้าลองผลักประตูกระจกใสเข้าไปจะพบว่ามันไม่ได้ล็อค เนื่องจากเจ้าของร้านมาแล้ว
บุคคลที่เคยเห็นผ่านตามาบ้างกำลังจัดเรียงอุปกรณ์สำหรับใช้งานอยู่หลังเค้าน์เตอร์บาร์ ส่วนสูงไล่เลี่ยกับผู้เป็นน้องคนกลาง ทรงผมอันเดอร์วีคัตนั่นทำให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างพี่จีบและพี่ไลค์ คนน้องจะตัดผมทรงอันเดอร์คัตที่ดูสุภาพเรียบร้อยมากกว่า บรรยากาศภายในร้านตอนนี้ดูสงบเงียบ มีแค่เสียงวอร์มเครื่องชงกาแฟดังเบาๆ กลิ่นหอมที่ลอยวนในอากาศ ณ เวลานี้เป็นกลิ่นของสเปรย์ปรับอากาศกลิ่นสดชื่น ถ้าสายๆหน่อยคงอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟคั่วบดคุณภาพดี
ผมยืนมองหลังของพี่ไลค์ที่ขยับไปทางนั้นทีทางนี้ที ดูจะวุ่นวายอยู่ไม่น้อยและอีกฟากของร้านก็มีร่างของชายหนุ่มอีกคนกำลังสาละวนกับการจัดโต๊ะและเก้าอี้ให้เป็นระเบียบ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วผลักประตูกระจกเข้าไป เสียงกระดิ่งดังกังวานเสียงใสบ่งบอกให้คนภายในร้านรับรู้ว่ามีแขกมาเยือน เจ้าของทรงผมอันเดอร์วีคัตหันมามองกัน ในมือของเขายังถือ Picher ค้างอยู่ ใบหน้าหล่อที่ไม่ค่อยแตกต่างจากพี่จีบมากนักกำลังขมวดคิ้วยุ่ง คงคิดว่าลูกค้ามาผิดเวลาแน่ๆ
"เอ่อ..ร้านเปิดเก้าโมงครึ่งครับ"
พี่ไลค์วาง Picher ลงบนเค้าน์เตอร์ก่อนจะส่งยิ้มมาให้กัน ผมส่งยิ้มกลับไปให้พร้อมกับยกมือขึ้นเกาแก้มเล็กๆ.. ว่าแล้วไง ผมมาที่นี่ทุกวันจะไม่รู้เวลาเปิดปิดร้านได้ยังไง
"ผมมาหาพี่จีบครับ"
ผมก้าวเข้าไปใกล้พี่ไลค์มากขึ้น ดวงตาคมที่จ้องมามาเบิกขึ้นก่อนจะร้องอ๋อออกมาเบาๆแล้วชี้นิ้วไปทางพี่จีบ
"ไอ้จีบอยู่ตรงนั้น"
พี่ไลค์ยกยิ้มนิดๆแล้วช่วยมองหาคนที่ผมกำลังตามหา ผมพยักหน้ารับแล้วหันไปยิ้มให้เขาอีกครั้ง
"ขอบคุณครับ"
ผมยกมือไหว้พี่เขาก่อนจะหมุนตัวไปในทิศทางที่พี่จีบอยู่ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขา คนที่กำลังจัดโต๊ะก็หันมาสบตากันพอดีก่อนยิ้มทักทายและเดินเข้ามาหาผม ผมส่งยิ้มให้เขากลับไปเหมือนกัน ช่างเป็นเช้าที่สดใสจริงๆเลยเนอะ
"มาไวดีว่ะ"
พี่จีบเดินมาหยุดตรงหน้าผม วันนี้เขาก็ยังอยู่ในชุดนักศึกษาที่เรียบร้อยเช่นเคย และวันนี้ผมก็เรียบร้อยกับเขาเหมือนกันเพราะมีเรียนวิชารวมคณะอื่น
"กลัวจะไปสายไงพี่ แล้วนี่กินข้าวเช้ายังครับ?"
"ยังเลย ไปกินที่มอเลยแล้วกัน"
พี่จีบเดินกลับไปหยิบเสื้อสูทที่พาดอยู่บนเก้าอี้บาร์ขึ้นมาสวมใส่และหยิบกระเป๋าเป้แบรนด์ดังขึ้นมาสะพาย.. อยากจะบอกว่าโคตรไม่เข้ากันเลยครับ แต่ไม่ว่าจะยังไงพี่จีบก็ยังเป็นบุคคลที่ดูดีในสายตาผม
"เฮ้ยๆ เดี๋ยวก่อน นี่อะไรยังไง น้องเขาเป็นใคร ทำไมต้องไปมอพร้อมกันวะจีบ?"
พี่ไลค์ที่ยืนเงี่ยหูฟังบทสนทนาระหว่างสองคนมานานเดินอ้อมจากหลังเค้าน์เตอร์บาร์มันยืนขั้นกลางระหว่างผมกับพี่จีบ ใบหน้าหล่อๆหันมองหน้าผมสลับกับหน้าน้องชายตัวเอง พี่จีบทำหน้าเซ็งๆแต่ก็ยอมตอบกลับไป
"ไม่ถามสักเรื่องได้ป่ะมึง"
พี่จีบมองพี่ชายของตัวเองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ พี่ไลค์ส่ายหน้ารัวราวกับว่าเรื่องของน้องชายเขาจะไม่ยอมพลาดสักเรื่อง
"ไม่ได้ มึงเป็นน้องกูนะจีบ"
"ถ้ากูมีแฟนมึงจะยังเสือกเรื่องของกูอีกไหม?"
"ทุกเรื่องของมึงกูต้องรู้อ่ะ"
พี่ไลค์ยิ้มหวานหยดย้อยจนผมแอบขนลุก พี่จีบถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับยอมแพ้แล้วส่ายหน้าเบาๆ... คงจะปลง
"กูยอมมึง นี่คิส ลูกค้าประจำร้านเราไง มึงไม่คุ้นบ้างเหรอ?"
พี่จีบหันมองผมแว็บหนึ่งก่อนจะหันไปมองหน้าพี่ชายที่ทำสีหน้าครุ่นคิดหนัก แต่ผมนี่กำลังกลั้นยิ้มกับสถานะใหม่ที่พี่จีบหยิบยื่นให้ 'ลูกค้าประจำร้าน'
"อ๋อ ก็ว่าหน้าคุ้นๆแต่คิดไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน น้องคิสเหรอ หน้าตาน่ารักว่ะ"
พี่ไลค์พูดจบก็หันมามองผมด้วยแววตาวิบวับ ผมรู้สึกหวั่นแปลกๆเลยขยับตัวไปหลบหลังพี่จีบช้าๆอย่างแนบเนียน
"อย่าทำหน้าตาหื่นกามใส่น้อง"
พี่จีบผลักหัวพี่ชายตัวเองที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ พี่ไลค์จิ๊ปากเบาๆแต่ก็ยังส่งยิ้มหวานมาให้ผม
"มึงนี่.. แค่เห็นว่าน้องน่ารักเฉยๆ กูยังชอบผู้หญิงอยู่เว้ย"
"เออๆ แล้วนี่จะถามอะไรอีกไหม กูจะสายแล้ว"
พี่จีบว่าก่อนจะยืนจ้องหน้าพี่ไลค์ เมื่อไม่มีคำตอบเขาเลยสะกิดแขนผมเป็นสัญญาณว่าไปกันได้แล้ว แต่ในจังหวะนั้นพี่ไลค์ก็พูดขึ้นจนผมชะงักเท้า
"มึงให้น้อง..มารับ?"
พี่ไลค์มองหน้าพี่จีบด้วยแววตาสงสัย ผมได้แต่ยืนมองอยู่เงียบๆ ปล่อยให้พี่จีบเป็นคนตอบน่าจะดีกว่า
"ใช่ ถามมากจังวะมึง"
พี่จีบบุ้ยปากเล็กน้อยใส่พี่ชายตัวเอง ผมที่แอบมองอยู่เกือบหลุดขำท่าทีที่เหมือนเด็กโดนขัดใจของพี่จีบ ดูน่ารักน่าเอ็นดูไปได้
"แล้วรถมึงล่ะ?"
"รถกูยังซ่อมไม่เสร็จไง กูไปละ"
พูดจบพี่จีบก็คว้าแขนผมออกไปทันที ทิ้งไว้แต่พี่ไลค์ที่ยังตะโกนอะไรไม่รู้โหวกเหวกอยู่ในร้าน แต่พี่จีบไม่ได้สนใจเลยสักนิด เจ้าตัวพาผมมาหยุดที่รถแล้วแบมือขอกุญแจ ผมส่ายหน้าน้อยๆเพราะกลัวว่าจะโดนแกล้งอีก ถ้าคราวนี้โดนอีกผมโกรธพี่จีบจริงๆด้วย
"กลัวจะโดนแกล้งอีกหรือไง?"
พี่จีบถามอย่างรู้ทัน ใบหน้าคมเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จนผมรู้สึกเสียวสันหลัง มือกำกุญแจในกระเป๋ากางเกงไว้แน่น อย่าใจอ่อนกับมายไอดอลเด็ดขาด!
"อือ ผมขี่เองดีกว่า"
ผมตอบรับก่อนจะเบี่ยงตัวไปขึ้นคร่อมรถแล้วจัดการใส่หมวกกันน็อกทันที สตาร์ทรถเสร็จสรรพไม่สนใจว่าพี่จีบจะมองเขาด้วยสายตาแบบไหน
"โอเค วันนี้กูยอมซ้อนท้าย"
วันนี้? ยังจะมีวันหลังอีกเหรอวะ รู้สึกตัวเองพัวพันกับไอ้พี่จีบนี่มากไปแล้วมั้ง ไม่ใช่ว่ามันเป็นเรื่องไม่ดีแค่กลัวแฟนคลับเขามาตามรุมกระทืบแค่นั้นเอง พี่จีบพูดจบก็ขึ้นนั่งซ้อนท้ายผมดิบดีแถมด้วยแขนแกร่งโอบรอบเอวผมไว้หลวมๆ คิดว่าคนอย่างไอ้คิสจะเป็นยังไงเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้? คำตอบคือตัวแข็งทื่อตาเบิกค้าง ท่าทางอึกอักแบบน้ำท่วมปากนี่มันยังไงกัน
"พะ พี่จีบ กอดเอวผมทำไมวะ?"
ผมพยายามแล้วที่จะควบคุมเสียงไม่ให้สั่น แต่ทำไม่ได้ ตอนนี้หน้าร้อนวูบวาบทั้งๆที่อากาศก็เย็นเพราะฝนเพิ่งตกไปตอนหกโมงเช้า บางทีเสียงหัวใจของคนเราก็ดังจนน่ารำคาญว่าไหม
"ก็กูไม่ไว้ใจ ปกติไม่เคยซ้อนท้ายใครนี่หว่า"
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาพร้อมกับยื่นหน้าข้ามไหล่จนรู้สึกได้ว่ากระจกหมวกกันน็อกด้านข้างเกิดฝ้าจางๆเพราะลมหายใจอุ่นๆของพี่จีบรดลงมา ระยะห่างแค่เพียงน้อยนิดทำให้หัวใจเต้นโครมครามจนกลัวว่าอีกคนจะได้ยิน แผ่นหลังเล็กๆโดนอกแกร่งแนบชิด ได้แต่ท่องไว้ในใจว่าพี่จีบชอบสกินชิพ ไม่ได้ชอบคิส
"อ่ะเอ่อ.. ผมขับช้า ปล่อยเอวผมเถอะ"
เหตุการณ์แบบนี้แน่ครับ ถึงจะไม่ได้คิดอะไรด้วย ถึงจะแมนๆเตะบอลกันทั้งคู่แต่ท่าทางแบบนี้มันก็ชวนให้ใจสั่นอยู่นะ อีกอย่างที่สำคัญคือเพจคนดังมหา'ลัย โคตรน่ากลัว
"ไม่ปล่อย กูกลัวนี่"
น้ำเสียงที่ผมได้ยินมันไม่จริงใจเลยว่ะ แถมสายตายังเหลือบไปเห็นรอยยิ้มทะเล้นของพี่จีบผ่านกระจกด้วย... ให้ตายเถอะ ไม่ว่าจะยังไงเขาก็หาทางแกล้งผมอีกจนได้ล่ะน่า! ทุบให้หายซ่าสักทีดีไหม
"เดี๋ยวก็เป็นข่าวอีก"
ผมพึมพำเบาๆ แต่พี่จีบกลับได้ยินแถมกระชับกอดแน่นขึ้นด้วย คางมนเกยลงบนไหล่ผมก่อนจะออกแรงถูไปมาเบาๆ โอย กูขนลุกครับพี่จีบ ผมหดคอหนีพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดเขาแต่เหมือนกับว่าพี่จีบจะยิ่งออกแรงกอดผมมากขึ้น สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ เล่นเอาเหงื่อออกตั้งแต่เช้าเลยครับคนเรา
"ก็บอกว่าช่างหัวคนอื่นไงวะ เราทำอะไรแล้วมีความสุขก็ทำไป"
ผมโคตรอยากเห็นหน้าพี่จีบตอนพูดประโยคนี้เลย.. มันหมายความว่าพี่ชอบเป็นข่าวกับผมหรือเปล่า? แค่มโนเข้าข้างตัวเองก็เขินแล้วเว้ย
"หมายความว่าไงอ่ะ?"
ผมถามเพื่อความแน่ใจ แต่พี่จีบไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เขาแบมือออกตีลงบนหน้าขาของผม สะดุ้งสิครับรออะไร
"ออกรถเร็วๆ จะสายแล้วมึง"
ผมยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงห้าสิบนาทีเข้าไปแล้ว ให้ตายเถอะชีวิต ยังไม่ได้กินอะไรมาเลยนะเว้ย แถมผมยังมีเรียนสี่ชั่วโมงติดเพราะเป็นวิชาเอก ผมไม่สนทนากับพี่จีบอีกแล้วรีบออกรถทันที
ตอนนี้ผมจอดเทียบฟุตบาทที่หน้าคณะบริหารเพราะตัวตึกมันถึงก่อนคณะของผม พี่จีบลงจากรถแต่ไม่ยอมเดินเข้าคณะสักที จนผมสงสัยเลยเปิดกระจกหมวกกันน็อกขึ้นแล้วถามออกไป
"มีอะไรหรือเปล่าพี่?"
ผมมองไปยังคนตัวสูงที่ยืนขมวดคิ้วยุ่งอยู่ ดวงตาคมจับจ้องอะไรบางอย่างหลังพุ่มไม้คณะ แต่เพียงไม่นานเขาก็เปลี่ยนใบหน้าเป็นเจ้าเล่ห์ทันที พี่จีบหันมายกยิ้มมุมปากให้ผมก่อนจะสาวเท้าเข้ามาชิด มือหนารั้งท้ายทอยของผมเข้าหาอกแกร่งทันที โอ้โห... ให้ผมทายนะ ต้องมีคนแอบถ่ายรูปเราสองคนอยู่หลังพุ่มไม้แน่ๆ ไอ้พี่จีบก็ไปแกล้งเขา ไม่สงสารผมที่จะเป็นคนโดนยำเละเลยหรือยังไงวะ แล้วหัวใจบ้านี่จะเต้นแรงไปไหน! สติแล้วความแมนจงอยู่กับข้า อาเมน
"พี่จีบปล่อยผมนะเว้ย"
ผมประท้วงดิ้นออกจากมือแกร่งที่ล็อคคอผมไว้แน่น มืออย่างกับคีมคีบจะแข็งไปไหนวะเนี่ย ถึงผมจะดิ้นแรงแค่ไหนเจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าจะปล่อยแถมยังหัวเราะโรคจิตออกมาอีก
"หึหึหึ... อยู่นิ่งๆน่า กำลังสนุกเลย"
พี่จีบก้มหน้าลงมากระซิบข้างหู ดีนะที่ยังมีหมวกกันน็อกคั่นกลางระหว่างเราไว้ ไม่อย่างนั้นระยะห่างอันน่าเสียวไส้คงทำให้ผมใจเต้นแรงอีกแน่ๆ
"พี่จีบไม่เล่นนะเว้ย ผมกลัวถูกแฟนคลับพี่กระทืบเนี่ย"
ผมยอมหยุดดิ้นแต่ก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงติดโมโห มือหนารีบคลายออกแล้วผละตัวผมมามองหน้ากัน ดวงตาคมจ้องมาแต่ผมก็ต้องหลบเพราะมองตาคู่นั้นทีไรเผลอเคลิ้มไปซะทุกที
"บอกแล้วไงว่าใครทำร้ายมึงกูจัดการเอง เข้าใจ๊?"
มือหนาแปะลงบนหมวกกันน็อกก่อนจะโยกหัวผมไปมาเบาๆ พูดเหมือนจะปกป้องกันอีกแล้ว.. ทำแบบนี้บ่อยๆผมก็กลายเป็นคนอ่อนแอดิวะ ยิ่งมีคนมาเสนอตัวปกป้องผมก็ยิ่งกลายเป็นเด็ก หนักกว่านั้นคือผมอยากอ้อน แต่คงไม่เหมาะจะอ้อนพี่จีบเพราะเรายังไม่สนิทกัน
"พี่แม่ง... พูดไปเรื่อย รีบไปเรียนได้แล้วครับ"
ผมโบกมือไล่อีกคนไปโดยไม่ยอมมองหน้า พี่จีบหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพยักหน้ารับ
"ตั้งใจเรียน เออ ตอนเที่ยงมาหากูที่คณะหน่อยได้ไหม?"
"หือ มีธุระไรป่ะวะพี่?"
ผมหันไปมองพี่จีบทันทีด้วยสีหน้าสงสัย ตอนนี้ผมปิดกระจกหมวกกันน็อกลงเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าคมเข้มเลื่อนเข้ามาใกล้จนจมูกโด่งชนเข้ากับกระจกหมวกกันน็อกเบาๆ ไอ้พี่จีบบ้า! หัวใจกูจะวายแล้วครับ เลิกแกล้งสักทีสิเว้ย นี่ถ้าไม่มีกระจกกันไม่อยากจะคิดเลย แค่นี้ก็หน้าร้อนจะระเบิดอยู่แล้ว นึกว่าตัวเองเป็นภูเขาไฟพร้อมปะทุซะอีก ผมเอนหลังหนี พี่จีบหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน นี่ผมคงทำหน้าตลกใส่มันอีกแล้วสินะ
"มีเรื่องให้ช่วย ไปล่ะ"
แล้วเขาก็ไม่ได้รอคำตอบของผม พี่จีบหันหลังเดินจากไปพร้อมกับยกมือขึ้นมาโบกให้ทั้งอย่างนั้น โคตรเท่ครับบอกได้คำเดียว หลังจากพี่จีบเดินลับสายตาผมก็มองไปรอบๆตัวก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขี่ออกไป
ผมรีบสาวเท้าเข้าบริเวณโรงอาหารก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆไอ้ภีมที่กำลังยัดแซนวิชเข้าปาก ส่วนไอ้ออยนั่งแกะเปลือกไข่ต้มอยู่ตรงข้ามผม สงสัยเหลือเกินว่าแดกไข่ต้มฟองเดียวจะเอาอะไรไปอิ่ม
"วันนี้พี่จีบมากับมึงอีกแล้วเหรอวะ?"
ไอ้ออยเอ่ยถามกันทั้งๆที่สายตายังไม่ละจากการแกะเปลือกไข่ ผมว่าวันนี้มันคงได้กินแค่ไข่แดงเพราะไข่ขาวติดเปลือกไข่ออกไปหมดแล้ว นี่มันปัญหาระดับชาติจริงๆ ผมชะงักกับคำพูดมันไป คือมันรู้ได้ยังไงว่าพี่จีบมากับผม เพราะผมไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเลยนะ
"รู้ได้ไงวะ?"
ผมมองไอ้ออยอย่างต้องการคำตอบ มันเหลือบตาขึ้นมามองผมแว็บหนึ่งก่อนจะกับไปขมวดคิ้วยุ่งกับไข่ต้มของมัน
"เพจคนดังอัพรูปอ่ะดิ แคปชั่นทำกูเกือบสำลักน้ำ"
ไข่ต้มในมือของไอ้ออยแหว่งซ้ายแหว่งขวาแต่มันก็ยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจก่อนจะใช้ฟันกัดซองซอสปรุงรสแล้วบีบมันลงไป ระวังติดคอนะเพื่อนกูเป็นห่วง
"แคปชั่นไรวะ?"
ผมถามออกไปก่อนจะยกแก้วชานมของไอ้ภีมมาดูดอย่างหน้าตาเฉย มันหันมาถลึงตาใส่ผมแล้วคว้าแก้วน้ำกลับไปทั้งๆที่หลอดยังคาปากผมอยู่ ได้เรื่องสิครับชานมกระเซ็นเป็นสายเลอะเสื้อนักศึกษาเลย ผมเบ้ปากแต่ไอ้ภีมยิ้มสะใจ
"เชี่ยภีม แม่ง"
ผมบ่นกระปอดกระแปดทั้งๆที่ปากยังคาบหลอดเจ้าปัญหาอยู่ ก้มหน้าลงมองเสื้อตัวเองก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา ถ้าไอ้พี่ดีพอยู่มันบ่นผมหูชาแน่ที่ทำเสื้อเลอะขนาดนี้ เป็นจุดอย่างกับงานศิลปะสะบัดปลายพู่กัน
"สมน้ำหน้า"
ไอ้ภีมยักคิ้วก่อนจะกัดแซนวิชโชว์ผมไปอีกคำ หมั่นไส้เว้ย แต่ทำอะไรไม่ได้ ไอ้ออยก็เคี้ยวไข่ต้มตุ่ยๆแต่ก็ยังจะหัวเราะออกมาอีก ขอให้ติดคอตาย!
"บอกมาได้ละว่าแคปชั่นอะไร"
ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะรู้สึกตัวเองจะหน้าบาง ยางอายเริ่มเอ่อขึ้นบนใบหน้า ทำตัวเอง เลอะเอง เฮ้อ ไอ้ออยกลืนไข่ต้มลงคอแล้วยกขวดน้ำดื่มกระดกอึกๆ แถมดื่มเสร็จยังใช้หลังมือปาดน้ำที่เลอะมุมปากออกอีก... สาบานเถอะว่าครั้งหนึ่งมันเคยลงประกวดดาวคณะ แมนกว่าผู้ชายอีกมั้ง เห็นแล้วก็เครียดกลัวว่ามันจะหาผัวไม่ได้ ดีไม่ดีได้เมียไปอีก
"หวานขนาดนี้เป็นแค่แฟนคลับ หรือ เป็นแฟนครับกันแน่ ใครรู้ช่วยแอดมินสืบข่าวสองคนนี้ด้วยนะ แถมมีติดแท็ก จีบคิส ด้วย"
ผมเบิกตากว้าง แอดมินนี้เป็นสาววายหรือยังไงวะ เห็นผู้ชายเข้าใกล้กันหน่อยต้องคิดว่าเป็นแฟนกันตลอดเลยหรือยังไง... แต่หน้าจอสี่เหลี่ยมของไอ้ออยที่ส่งมาให้ดู ถ้าเป็นมุมมองก็โคตรเหมือนแฟนกันเลยไง ไปอิงแอบแนบชิดซบอกกันหน้าคณะเนี่ย แล้วก็เพิ่งเห็นว่าไอ้พี่จีบมันเอาจมูกแตะลงบนหมวกกันน็อกผม ฮ่วย!! มึงจะแกล้งแฟนคลับมึงไปถึงไหนครับพี่ครับ คนซวยมันเป็นผมเนี่ย
"เชี่ย"
ผมสบถออกมาเบาๆก่อนจะรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนวูบวาบ ไอ้ภีมที่กินเสร็จเรียบร้อยแล้วใช้มือทั้งสองข้างเข้ามาประคองหน้ากันก่อนจะจ้องหน้าผมอย่างเอาเป็นเอาตาย
"พี่มันมาจีบมึงเหรอ?"
ผมเบิกตาโตกว่าเดิม อ้าปากพะงาบๆเพราะไม่คิดว่าไอ้ภีมจะถามออกมาแบบนี้ แล้วเรื่องบ้าๆที่เกิดขึ้นกับผมคือทำไมต้องใจเต้นแรงกับสิ่งที่ไอ้ภีมถาม
"จีบอะไรเล่า เพิ่งรู้จักกันนะมึง แล้วพี่จีบมันก็แมนไม่ใช่เหรอวะ?"
ผมดึงมือไอ้ภีมออก มันพยักหน้ารับเบาๆแต่ก็ยังจ้องหน้าผมอยู่แบบนั้น มึงต้องการอะไรจากกูอีกชายภีม แค่แฟนคลับของพี่มันกูก็กลัวจะตายอยู่แล้ว ยังโดนมึงคาดคั้นอีก โว้ยยย
"แล้วมึงแมนป่ะ?"
อ้าว ไอ้ออยทำไมมึงถามเพื่อนมึงแบบนี้อ่ะ เห็นผมเป็นคนแบบไหนวะเนี่ย ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มองนมมองก้นผู้หญิงมาตลอด.. นี่ไม่ได้หื่นนะ มันก็เรื่องธรรมดาของผู้ชายป่ะวะ แหะๆ ผมแยกเขี้ยวใส่มันก่อนจะเอื้อมมือไปดีดหน้าผาก คำถามมึงนี่ทำกูใจแป้ว ช่วงนี้ยิ่งเขินไอ้พี่จีบบ่อยด้วย
"แมนๆเตะบอลเลยครับน้องสาว"
ผมยืดอกแล้วทุกกำปั้นลงไป เป็นไงเท่ใช่ไหมล่ะ แต่ขอสารภาพนะครับ โคตรจุกเลย เผลอทุบแรงไปหน่อย ไอ้ออยเบ้ปากใส่ผมแบบคนที่ไม่เคยเชื่ออะไรเลย
"กูจะดูว่ามึงจะแมนได้นานแค่ไหน ดูอย่างไอ้ภีมดิ แมนๆเล่นบาสฯยังมีแฟนเป็นพี่ดีพเลย"
ไอ้คนถูกพาดพิงถึงกับหันขวับขึ้นมาจากโทรศัพท์ทันที แต่มันก็คือเรื่องจริงซึ่งไอ้ภีมไม่สามารถปฏิเสธได้
"เงียบๆไปไอ้ออย"
ไอ้ภีมชี้หน้าอย่างคาดโทษ ประมาณว่าถ้ามึงยังพูดออกมาอีกคำเดียวแก้วชานมจะไปแปะอยู่บนหน้ามัน
"โธ่ เพื่อนกูจะหนีไปมีผัวกันหมดแล้วเหรอ งั้นกูหนีไปมีเมียบ้างดีป่ะ?"
ไอ้ออยยังไม่เลิกพูดจาเพ้อเจ้อ แถมยังทำหน้าตาชวนฝันอีก ไอ้ภีมทนไม่ได้จนต้องล้วงน้ำแข็งหลอดในแก้วปาใส่ไอ้ออย รายนั้นสะดุ้งตกใจแล้วรีบสะบัดมือไปมาด้วยความรังเกียจ
"ยี้ๆๆๆ กูจะฟ้องพี่ดีพว่ามึงสกปรก!"
ไอ้ออยเบะปากลงเป็นเส้นโค้ง ผมได้แต่นั่งหัวเราะกับความบ้าบอของเพื่อน ส่วนไอ้ภีมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจถึงออยจะฟ้องไปพี่ดีพก็เข้าข้างแฟนตัวเองอยู่ดี แต่เหมือนผมจะลืมปฏิเสธอะไรไอ้ออยไปนะ...
"เห้ย!! กูไม่ได้จะมีผัวนะไอ้ออย พี่เขาไม่ได้มาจีบกู!"
พอคิดได้ก็รีบร้องแก้ตัวอย่างเอาเป็นเอาตาย ความคิดหมาไม่แดกของไอ้ออยถ้ามีใครได้ยินแล้วเอาไปพูดต่อทั้งผมทั้งพี่จีบจะเสียหายเอาได้ง่ายๆ
"เออๆไม่จีบก็ไม่จีบ กูจะคอยดู"
"ดูอะไรของมึง?"
"เปล้า ไปเรียนเหอะ"
สรุปผมก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ไอ้ออยพูด มิหนำซ้ำยังลืมกินข้าวเช้าไปซะอย่างนั้น พอเลิกเรียนปุ๊ปผมก็ดิ่งตรงไปหาพี่จีบที่คณะทันที ไม่ได้สนใจเพื่อนที่ตะโกนโวยวายโหวกเหวกว่าผมจะรีบไปไหน
ผมยืนหอบแฮ่กอยู่ตรงต้นเสาหน้าโรงอาหารบอกตามตรงว่านัดกับพี่จีบเหมือนเป็นคำพูดไม่มีน้ำหนัก เพราะไม่อาจติดต่อเขาได้ ถ้าพี่จีบเบี้ยวนัดผมก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันเลยจำใจยืนรออย่างใจเย็นอยู่ตรงนี้ ไม่นานนักผมก็รู้สึกว่ามีมือใครบางคนมาสะกิดเข้าที่หัวไหล่ พอหันกลับไปก็อ้าปากร้องลั่นทันที จนเจ้าของมือต้องปิดปากผมเอาไว้
"อื้อออ อ่อย(ปล่อย)"
ผมประท้วงก่อนจะแงะมือพี่คินออกจากปากแล้วหอบหายใจอีกรอบ ก็ใครบอกให้พี่เขาใส่หน้ากากผีมาหลอกกันล่ะวะ
"ตกใจขนาดนั้นเลยเหรอน้องคิส"
เสียงทุ้มหวานติดหัวเราะเอ่ยถามขึ้น ผมช้อนตามองพี่เขาอย่างเคืองๆแต่ก็ยอมพยักหน้ารับ สองสิ่งที่ผมกลัวมากคือความเร็วกับผีนี่ล่ะ หัวใจจะวายตาย
"ขวัญเอ้ยขวัญมานะมึง"
พี่จีบกลั้นหัวเราะก่อนจะวางมือลงมาลูบหัวกันเบาๆ ผมส่งสายตาเคืองๆไปให้แต่ก็ไม่ปัดมือนั่นทิ้ง ก็ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นเพราะสัมผัสของพี่จีบนี่หว่า
"ไปหาที่นั่งกัน"
พี่แก็ปมองผมก่อนจะจับแขนเสื้อพี่คินแล้วลากออกไป ไอ้คนบ้าก็มองหน้าผมด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์จนผมหลุดขำออกมา พี่คินนี่โอเวอร์แอคติ้งได้ตลอดสิน่าให้ตายเถอะ
"กินข้าวด้วยกันนะ"
พี่จีบชวน ผมรีบพยักหน้ารับเพราะไม่ได้กินอะไรมาแต่เช้า ร่างสูงส่งยิ้มมาให้กันก่อนจะเดินตามเพื่อนอีกสองคนออกไปซึ่งผมก็เดินตามไปด้วย
ผมซื้อทั้งข้าวทั้งก๋วยเตี๋ยวมาตั้งไว้แล้วลงมือจัดการมัน คนอื่นมองมาอย่างทึ่งๆจนผมหยุดมือกินแล้วเลิกคิ้วมองพวกเขา
"ทำไมกินเยอะจังวะ"
พี่จีบหันมาถามผมทั้งๆที่ตัวเองยังถือช้อนค้างอยู่ พี่คินมองผมไม่วางตาส่วนพี่แก็ปก็กินข้าวของตัวเองไปปกติ ผมรีบเคี้ยวข้าวแล้วกลืนลงคอก่อนจะตอบออกไป
"เมื่อเช้าไม่ได้กินข้าวอ่ะ"
ตอบเสร็จก็คว้าขวดน้ำมากระดกอึกใหญ่แล้ววางลงก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆไปให้เพราะเจอสายตาดุๆของพี่จีบ
"ทำไมไม่กิน หลังจากมาส่งกูก็เหลือเวลาอีกตั้งเยอะ"
คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน มือยังถือช้อนค้างอยู่แบบนั้น ถ้าผมไม่กลัวพี่จีบต่อยหน้าผมคงอ้าปากงับข้าวคำนั้นไปแล้ว
"แหะ.. คุยกับเพื่อนเพลินไปหน่อยเลยลืมกิน"
ผมก้มหน้าลงด้วยความอาย ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยเล็กน้อย จะให้บอกความจริง่วาคุยเรื่องแคปชั่นรูปตัวเองกับพี่จีบในเพจคนดังมหา'ลัยมันก็รู้สึกคันยุบยิบในหัวใจแปลกๆ
"อ๋อ เออ กินเข้าไปเยอะๆ"
พี่จีบพูดจบก็เลื่อนช้อนของตัวเองมาจ่อหน้ากัน ผมมองด้วยความสงสัย คือส่งมาทำไม? จะป้อนเหรอ
"กินดิ ป้อน"
คำสั้นๆ น้ำเสียงราบเรียบธรรมดาแต่มันกลับทำให้หัวใจดวงน้อยๆเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว ยิ่งสายตาติดล้อเลียนของพี่คินส่งมายิ่งทำให้ผมทำตัวไม่ถูก ได้แต่ยึกยักจะปฏิเสธก็ไม่กล้าจะตอบรับก็รู้สึกขัดเขิน
"เร็วๆกูเมื่อยแขนแล้วเนี่ย"
เหมือนจะเร่งเร้าให้รับ สุดท้ายผมก็หมดหนทางบ่ายเบี่ยงจำใจอ้าปากงับข้าวในช้อนเข้าปากไปอย่างว่าง่าย พี่จีบยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะใช้ช้อนคันเดิมตักข้าวเข้าปากตัวเองอย่างสบายใจ และเหมือนไอ้พี่คินที่รอจังหวะมานานได้โอกาส สายตาเจ้าเล่ห์ส่งมาให้ก่อนคำถามของพี่คินจะทำให้ผมสำลักข้าวอย่างหนัก
"วันนี้ก็มาด้วยกันอีกแล้วเหรอวะ สองคนนี้แอบกิ๊กกันป่ะเนี่ย"
สายตากรุ้มกริ่มส่งมาพร้อมกับรอยยิ้มเข้าเล่ห์ ผมชะงักแล้วสำลักข้าวอย่างหนักเมื่อฟังประโยคนั้นจบ จากมีซัมติงตอนนี้พัฒนาเป็นกิ๊กแล้วเว้ย ไอ้เชี่ยพี่คินนน สมองมึงคิดเป็นแต่เรื่องชู้สาวหรือยังไงวะ ผมไอโขลกอย่างหนักดีนะที่ปิดปากทันไม่อย่างนั้นทั้งโต๊ะคงได้รับกระสุนเมล็ดข้าวกับผัดกะเพราหมูแน่ๆ พี่จีบส่งขวดน้ำมาให้ผมอยากรวดเร็วก่อนจะช่วยลูบหลังกันขณะที่ผมดื่มน้ำ
"แค่ก กิ๊กบ้าอะไรของพี่คินวะ แค่มาด้วยกันเอง"
ผมพูดออกไปทั้งๆที่ยังไม่หายจากอาการสำลักเท่าไหร่ พี่จีบที่ลูบหลังกันอยู่ก็ไม่เคยคิดจะพูดปฏิเสธเพื่อนบ้างหรือยังไงวะ เอาแต่ยิ้มบ้าบออยู่ได้ คิดจะแกล้งอะไรผมอีกล่ะ
"รถมันก็มีนะน้องคิส จะรบกวนน้องคิสทำไมล่ะ"
"มึงลืมเหรอว่ารถกูเสียยังซ่อมไม่เสร็จ"
พี่จีบพูดด้วยท่าทางสบายๆไม่มีความกังวลเรื่องรถเสียเลยสักนิด แต่พี่คินนี่หรี่ตามองพี่จีบเหมือนกับมองอะไรบ้างอย่างออก
"อ๋อหราาาา ยังซ่อมไม่เสร็จเหรอ อืมๆ"
เสียงพี่คินกวนตีนชะมัด แต่พี่จีบก็ไม่ได้สนใจอะไรแถมยังแอบจิ้มลูกชิ้นในชามก๋วยเตี๋ยวผมไปอีกด้วย ฮึ่ย ของโปรดเลยนะเว้ยแต่ที่ไม่โวยวายเพราะคนขโมยเป็นพี่จีบหรอกนะ ถ้าเป็นพี่คินผมคงโวยจนโรงอาหารแตก
ผมกินอาหารจนหมดแล้วลูบท้องตัวเองป้อยๆ อิ่มแล้วหนังตาก็เริ่มหย่อน และเหมือนสมองจะประมวลผลอะไรบางอย่างได้ ที่พี่จีบนัดผมมาที่นี่เพราะว่ามีธุระนี่หว่า เจ้าตัวลืมแล้วหรือเปล่าเนี่ย
"พี่จีบมีธุระอะไรกับผมครับ?"
พี่จีบหันมามองผมทั้งๆที่คาบหลอดอยู่ ภาพตรงหน้าทำให้ผมอยากจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วถ่ายรูปสักสองสามรูป องศานี้ท่าทางแบบนี้ โคตรเซ็กซี่เลยว่ะมายไอดอล
"หือ.. ลืมไปแล้วว่ะ ถ้าคิดออกจะบอกแล้วกัน"
พี่จีบยักคิ้วให้ก่อนจะดูดน้ำทั้งๆที่มองหน้าผมอยู่ สายตากรุ้มกริ่มที่ส่งมานั่นคืออะไรกันครับ ช่วยบอกผมทีเถอะ!! หัวใจเจ้ากรรมมันจะพังลงมากองอยู่นอกอกอยู่แล้ว โทษฐานที่เต้นแรงเกินไป
"อะ อือ"
ถึงกับตอบรับติดอ่างไปเลยครับ... แล้วผมก็เหมือนโดนหลอกให้มานั่งกินข้าวเที่ยงด้วยกันยังไงก็ไม่รู้เพราะจนแล้วจนรอดพี่จีบก็คิดธุระของตัวเองไม่ออก ไม่รู้ว่าเพจคนดังจะอัพเดทอะไรกันอีกไหม สงสัยต้องสมัครเฟซลับเอาไว้ติดตามเพจเองซะแล้วล่ะมั้ง
---------------------------------------------------
Q & A กับ ไลค์ และ จีบ
Q : รถจีบยังซ่อมไม่เสร็จอีกเหรอ ได้ข่าวว่าส่งซ่อมไปนานแล้วนะ
ไลค์ : ซ่อมไม่เสร็จที่ไหนกัน ก็รถมันจอด... อื้อออ อ่อยอู! (ปล่อยกู) /จีบเอื้อมมือไปปิดปากพี่ไลค์พร้อมล็อคคอ
จีบ : พอดีว่าอะไหล่รถต้องนำเข้าจากต่างประเทศเลยใช้เวลานานหน่อยน่ะครับ เลยยังซ่อมไม่เสร็จ ^^
--------------------------
Q & A กับ แก็ป
Q : คิดว่าคินเป็นคนยังไง?
A : คนบ้า แต่ก็น่ารัก
Q : เอ๊ะ ชมกันแบบนี้มีซัมติงอะไรกันหรือเปล่า? /เหล่มอง
A : ขอเปลี่ยนคำถามครับ ^^
Q : .......
ตอนที่ 3 มาแล้วว ~ เรายังคงเห็นพี่จีบเนียนไปเรื่อย น้องคิสก็ยังคงเป็นเด็กน่ารักน่าแกล้ง
ไม่รู้ว่าโดนพี่จีบหลอกสกินชิพมากี่รอบแล้วด้วย หึหึ
Q & A เหมือนจะเผยด้านมืดตัวละครยังไงก็ไม่รู้ 555555
ปล. อ่านให้สนุกน้า