Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)  (อ่าน 108459 ครั้ง)

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม







I'm loving the pain
I never wanna live without it
So why do I try
You drive me insane
Now we're screaming just to see who's louder

- Ariana Grande (Why Try)

และผมก็ยืนอยู่ตรงนั้น มองหน้าเขา
ในฐานะผู้แพ้อย่างเต็มคราบ

“เชือกรองเท้าหลุดนะสไปเดอร์แมน” เสียงนั้นอยู่สูงเหนือหัว เขาตัวสูง ดูเป็นผู้ชายที่เพิ่งจะย่างเข้าสู่วัยรุ่นไม่นานนัก
   
เด็กชายอายุหกขวบยกหน้ากากตัวเองออกเล็กน้อยและมอบรอยยิ้มที่เคลือบความประหลาดใจให้คนตัวสูงกว่า ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร เด็กวัยรุ่นก็คุกเข่าและผูกเชือกรองเท้าให้ซะแล้ว
   
“ขอบคุณครับ” เด็กน้อยพูด อันที่จริงก็แทบจะเหมือนเป็นการตะโกน เพราะเสียงเพลงมันช่างดังเหลือเกิน ใช่แล้ว…ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในงานเลี้ยงปีใหม่
   
“เรียบร้อย อย่าทำหลุดอีกล่ะอุตส่าห์ผูกให้แน่นแล้ว เดี๋ยวเราน้อยใจ”
   
“พี่ใจดีจังเลยฮะ” เด็กน้อยยิ้ม
   
คนตัวโตกว่าจับไปที่หน้ากากฮีโร่ของคนตรงหน้า จัดแจงวางมันในตำแหน่งที่เหมาะสม จากนั้นก็ใช้มือลูบไปยังศีรษะของเจ้าของ
   
“สวัสดีปีใหม่นะ”
   
“สวัสดีปีใหม่ครับ”
   
ทั้งสองยิ้มให้กัน


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2017 22:02:56 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
«ตอบ #1 เมื่อ05-12-2016 16:24:08 »

สารบัญ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2019 21:13:16 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
«ตอบ #2 เมื่อ05-12-2016 16:30:43 »

Part I
เด็กมีปัญหา

1
มรดก




ผมไม่รู้ตัวว่านอนมองเพดานมาตั้งแต่เมื่อไหร่
   
ความจริงก็คือ สองสามวันมานี้ผมไม่ง่วงเลยสักนิด ตั้งแต่คุณพ่อและคุณแม่เสียไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสัปดาห์ก่อนนั่นแหละ
   
เมื่อวานคืองานศพวันสุดท้าย ร่างของพวกท่านทั้งสองถูกฝั่งเคียงข้างกันในสุสานประจำตระกูลหลังบ้าน ผมยังเห็นมองเห็นพวกท่านได้เพียงแค่ลุกไปทอดมองใกล้ๆ หน้าต่างบานใหญ่ใกล้โต๊ะอ่านหนังสือ แต่ผมไม่ทำหรอก มันเศร้าเกินกว่าจะทำใจ เพราะเหตุนั้นเองที่ผมเลือกจะปิดม่านใหญ่สีครีมไว้มาหลายวัน ถึงจะมองอะไรข้างนอกไม่เห็น แสงสว่างจากพระอาทิตย์ยังลอดเข้ามาได้ก็เป็นอันโอเค
   
Rrrrrrr.
   
เสียงกริ่งดังขึ้นจากโทรศัพท์ภายในที่ตั้งไว้บนโต๊ะข้างเตียง
   
“ตื่นแล้ว” ผมพูดหลังจากกดสัญญาณรับ
   
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณหนูปั๊ม อาหารเช้าพร้อมแล้วครับ คนขับรถจะมารับตอนแปดโมงครึ่งตามที่ตกลงกันไว้”
   
“กำลังไป” ผมเด้งออกจากเตียงและเดินแกว่งแขนไปตามทางที่ตกแต่งด้วยเชิงเทียนระบบไฟฟ้าและบรรดาภาพที่พ่อของผมประมูลมันมาได้อย่างภูมิใจ
   
แต่ตอนนี้ผมชักจะเกลียดบรรยากาศแบบนี้ชะมัด อย่างกับบ้านร้างไม่มีผิด
   
ผมสบสายตากับลุงเอก พ่อบ้านที่ทำงานมาตั้งแต่ก่อนผมเกิด ผมขาวโพลนกับแววตาใจดีเป็นเอกลักษณ์ของเขาเสมอ เขาอยู่ในชุดฟอร์มจนผมสงสัยว่าเขาตื่นกี่โมงกันแน่ แต่ช่างเถอะ มันงานของเขานี่นา
   
ผมนั่งเก้าอี้ตรงมุมโต๊ะ ด้านหน้ามีอาหารเช้าแบบอเมริกันที่ควันยังกรุ่นวางอยู่ก่อนแล้ว
   
“ผมว่าจะเปลี่ยนโต๊ะทานข้าว” ผมบอก ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ โต๊ะตัวยาวที่นั่งได้เกือบสิบคน “ให้มันเป็นโต๊ะเล็กๆ สำหรับสองคนพอ ลุงเอกว่าไง”
   
“ก็ดีนะครับ” พ่อบ้านพยักหน้าเห็นด้วย “บางทีเราต้องการอะไรที่หดหู่น้อยกว่านี้”
   
ผมพยักหน้ารับเช่นกัน บางทีลุงเอกก็พูดอะไรหลายๆ อย่างที่ใจผมไม่อยากแสดงมันออกมาได้เหมือนกัน
   
พวกเขาจะเกลียดผมมั้ย”
   
“ถ้าพูดแบบไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป ผมว่าพวกเขาเกลียดครับ”
   
“ผมก็ว่าอย่างนั้น” ผมตักมันฝรั่งอบเข้าปาก “แต่ทุกอย่างมันเป็นของผม ผมไม่กลัว”
   
“ระวังไว้ก็ดีครับ ไปครั้งนี้ก็อย่าลืมสร้างความประทับใจกับพวกบอร์ดบริหารแล้วกัน”
   
ผมยักไหล่ ไม่สนใจบทสนทนาต่อจากนั้น ตั้งใจว่าทานอาหารเช้าให้เสร็จก็จะได้ไปอาบน้ำสักที

   
หลังจากพ่อแม่จากไป สิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้ย่อมก็คือมรดกอันเป็นทรัพย์สินทั้งหมดที่มี และธุรกิจที่มีชื่อพวกเขาเป็นหุ้นส่วนก็จะถูกโอนมาเป็นชื่อผมในปริยาย พวกธุรกิจเห็บหอยเล็กๆ พวกนั้นผมไม่กังวลหรอก ยังไงซะผมก็ทำอะไรกับมันไม่ได้อยู่แล้ว ก็แค่เป็นผู้ถือหุ้น…
   
แต่สำหรับสายการบิน FIRST AIR อันเป็นธุรกิจของครอบครัวมาตั้งแต่รุ่นปู่มันไม่ง่ายขนาดนั้น บริษัทของเราเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ ได้ความเชื่อมั่นมากมายจากหลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน แน่นอน มันก็ต้องมี ‘ผู้ถือหุ้น’ เช่นกัน และวันนี้ พวกเขาเหล่านั้นจะมาประชุมกันเพื่อวางแผนแนวทางการบริหารกันต่อไป ซึ่งมีโอกาสเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่ผมจะเด้งจากเก้าอี้ CEO ที่เคยเป็นของพ่อ เพราะได้ข่าวมาว่าพวกผู้ใหญ่ไม่ค่อยพอใจที่เด็กอายุสิบเก้าจะสามารถบริหารธุรกิจสายการบินอันมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศได้ แต่ถึงยังไง ผมไม่มีทางจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้นแน่นอน มันเป็นของผมทั้งหมด เป็นของผมตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ด้วยซ้ำ
   
รถฟิมล์ดำราคาแพงจอดเทียบยังตึกอันเป็นชื่อของนามสกุลผม ‘เตมีชัย ทาวเวอร์’ ผมก้าวลงมาจากรถด้วยชุดสูทสีดำสนิท มีเพียงเสื้อเชิ้ตเท่านั้นที่เป็นสีขาวซ่อนอยู่ภายใน ผมบอกเวลาให้คนขับรถมารับ และเดินไปในอาคารอย่างมั่นใจ
   
พนักงานต้อนรับและยามรักษาความปลอดภัยทำความเคารพผม ซึ่งเขามอบสายตาแปลกใจและแสดงท่าทีตื่นเต้นที่เห็นทายาทเจ้าของตึกแวะมาที่นี่อีกครั้งหลังจาก… เอ ผมไม่ได้มาที่นี่นานแค่ไหนแล้ว โห นานจนลืมไปแล้วด้วยซ้ำ
   
ลิฟต์ทะยานสู่ชั้น 32 อันเป็นชั้นบนสุด ทันที่ประตูเปิดออกปรากฏผู้ชายร่างเล็กพอๆ กับผมกำลังยิ้มอย่าประหม่ามาให้ ผมจำได้ดีว่าเขาคือเลขาของคุณพ่อ
   
“สวัสดีครับคุณปั๊ม ทุกคนกำลังรอคุณอยู่พอดี” เขาพูดเสียงสั่นๆ พลางผายมือเล็กๆ นั้นไปยังทางข้างหน้า ผมพยักหน้าให้เขาก่อนจะเดินนำไปอย่างใจเย็น
   
“ชื่ออะไรครับ” ผมถาม เขาดูตกใจเล็กน้อยที่ผมพูดด้วย
   
“เอ่อ… เรียกตรองก็ได้ครับ ผมเป็นเลขาของพ่อคุณ”
   
“ผมรู้แล้ว ผมพอจำได้” ผมยิ้มให้เขา อย่างน้อยผูกมิตรกับใครไว้บ้างก็ดี
   
“ครับ… อ่า ให้ผมช่วยถือมั้ยครับ” เขาทำท่าจะยื่นมารับกระเป๋าแฟ้มสีดำหนังกลับที่ผมถือมา
   
“ไม่เป็นไร ผมถือเองได้” ผมยิ้มให้อีกครั้ง
   
เราเดินกันมาตามทางจนเจอห้องประชุมขนาดใหญ่ พอผมผลักประตูเข้าไปก็ถึงกับผงะ
   
เบื้องหน้าของผมคือห้องขนาดใหญ่ ชนิดที่ว่าจะเรียกเป็นอารีน่าก็ไม่ผิด เสียงที่พูดกันหึ่งในตอนแรกเงียบในทันทีเมื่อผมก้าวขาผ่านประตูกระจกบานใหญ่ไป เลขาหนุ่มเดินนำผมไปยังหัวโต๊ะที่อยู่ไกลสุดทาง ผ่านบรรดาพวกพนักงานทั้งหญิงและชาย นั่งเรียงกันบนที่ยกพื้นซึ่งเกือบคล้ายกับอัฒจรรย์ ไม่ต้องมีตาหลังก็รู้ว่าตอนนี้พวกเขากำลังมองไล่มาแบบไม่ต้องสงสัยเลย
   
ผมนั่งข้างๆ ลุงวินัย เพื่อนสนิทของพ่อ (เขาบอกอย่างนั้นนะ) ที่กำลังมองมาด้วยสายตาอบอุ่นภายใต้กรอบแว่นหนาที่คลาสสิก ถัดไปตามลำดับนั้นคือคณะผู้บริหารและหุ้นส่วนที่ผมเคยคุ้นหน้าคุ้นตามาอยู่บ้าง และทุกคนล้วนมีอายุกันหมดแล้วทั้งนั้น
   
“สวัสดีครับทุกท่าน” ผมกล่าวทักทายทุกคน พลางขยับเนคไทให้เข้าที่ อืม…เอาเข้าจริงก็ประหม่าเหมือนกันโว้ย
   
“สวัสดีปั๊ม พวกเราใส่ชุดดำสามสิบวันเป็นการไว้อาลัยพ่อแม่ของปั๊มนะ” ลุงวินัยขยับตัวมาจับไหล่ผม เดาว่านั่นเป็นการปลอบใจนะ
   
“ขอบคุณทุกคนมากครับ” ผมกวาดสายตาไปรอบๆ ทุกคนใส่สีดำกันหมดจริงๆ แม้พวกกัปตันและลูกเรือที่ไม่สามารถละทิ้งยูนิฟอร์มได้ก็มีผ้าเช็ดหน้าสีดำพับอยู่ในกระเป๋าเสื้อ
   
“เอาล่ะ เรามาพูดเรื่องจริงจังกันหน่อยดีกว่า” ลุงวินัยขยับกรอบแว่นตา “เราเรียกบอร์ดผู้บริหารและพนักงานของบริษัทมาในวันนี้เพื่อรับทราบถึงทิศทางในการบริหารองค์กรในอนาคตข้างหน้านะ”
   
“ครับ ผมฟังอยู่” จะดูเย็นชาไปหรือเปล่าวะ... ไม่หรอกมั้ง
   
“พวกเราตกลงกันแล้วว่าปั๊มจะได้รับทุกอย่างที่เป็นของปั้มเมื่อถึงเวลา เมื่อปั๊มอายุครบยี่สิบห้าปี”
   
“พวกคุณลุงตกลงกันตอนผมไม่ได้อยู่ด้วยเหรอครับ แบบนี้มันมัดมือชกกันไปหรือเปล่า”
   
“ฟังนะปั๊ม ตอนนี้ปั๊มยังไม่ได้มีชื่ออยู่ในบอร์ดบริหาร คณะกรรมการจึงต้องตกลงกันเองก่อน มันถูกต้องแล้วจ้ะ” เสียงจากผู้หญิงที่นั่งถัดจากลุงวินัย ผมไม่อยากใส่ใจเธอเท่าไหร่
   
“นั่นแปลว่าผมยังไม่มีสิทธิ์ในการครอบครองบริษัทที่เป็นของผมในชอบธรรมหรอครับ”
   
“มันจะเป็นของปั๊มตอนอายุถึงเกณฑ์ไงลูก” ลุงวินัยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขาดูเป็นมิตรมากที่สุดในบรรดาคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้จริงๆ
   
“สิ้นปีนี้ผมจะอายุยี่สิบ” ผมเคาะโต๊ะสีดำมันนั้นด้วยนิ้วทั้งห้า “หมายความว่ามันจะเป็นของผมในอีกห้าปีข้างหน้าใช่มั้ยครับ”
   
“ใช่แล้วจ้ะ” เสียงจากผู้หญิงคนเดิม คราวนี้ผมขอมองหน้าเธอหน่อย จำได้ว่าเธอเคยมางานเลี้ยงปีใหม่ที่บ้านผมจัดอยู่บ่อยๆ “แต่ปั๊มจะยังได้เงินเข้าบัญชีเหมือนเดิมปกติ ตามจำนวนที่ CEO ได้ประจำเดือนตอนที่พ่อแม่ปั๊มยังอยู่นะจ๊ะ”
   
“ผมไม่ได้ต้องการเงินครับ” กูมีเยอะแล้ว... “ผมแค่อยากได้ของๆ ผม”
   
“ปั๊ม เข้าใจพวกลุงหน่อยนะ”
   
“เข้าใจว่าพวกคุณกำลังกีดกันการครอบครอบสิ่งที่พ่อแม่สร้างมาไว้ให้ผมงั้นเหรอครับ?” ผมช้อนตามองลุงวินัย เขาหลบตาทันที และผมก็กวาดสายตามองทุกคน และทุกคนก็หลบตาเช่นกัน
   
“ผมไม่ได้จบบริหารมา ถึงที่สาขาที่เรียนอยู่ก็ไม่ใช่ แถมไม่มีประสบการณ์ในการสร้างธุรกิจอะไรเลย แต่ผมไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะไม่รู้ว่า ถึงผมจะอายุยี่สิบห้า สามสิบ หรือห้าสิบ ผมก็ไม่มีทางที่จะได้มันกลับมาคืน เพราะพวกคุณจะต้องใช้เวลาที่ผมยังอายุไม่ถึงเกณท์ในการจะแย่งมันไป”
   
“ไม่ใช่นะปั๊ม ฟังลุงก่อน...”
   
“จริงๆ ผมก็คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ที่มาวันนี้เพราะลึกๆ แล้วคิดว่าพวกคุณจะใจดีก็ได้ แต่ก็เป็นได้แค่ความคิดจริงๆ” ผมลุกขึ้นยืน จัดสูทตัวเองให้เข้าที่ “ขอให้สนุกกับธุรกิจที่พ่อแม่ผมสร้างมาครับ ลาก่อน”
   
ผมยกมือไหว้ทุกคนในที่นั้นอย่างเชื่องช้า ทันทีที่ผมหันมาก็สะดุดใจเล็กน้อยที่เห็นเลขาของพ่อยืนรออยู่แล้ว อืม…นี่มันคนของพ่อจริงๆ แต่เสียดายที่หลังจากนี้เราคงไม่ได้ร่วมงานกัน
   
“เดี๋ยวก่อน” เสียงทุ้มชวนสะกดดังขึ้นระหว่างที่ผมกำลังเดินไปตามทาง น่าแปลกที่เท้าของผมมันกลับหยุดกึกเหมือนกับโดนสั่งอย่างทันที ผมหันไปทางต้นเสียงก็เห็นว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ สวมเครื่องแบบกัปตันอย่างเต็มยศกำลังจ้องมองมาที่ผมผ่านดวงตาสีน้ำตาลที่เข้ากับผิวสีออกแทน รูปร่างเขาใหญ่จนบังสายตาผมไม่ให้เห็นใครต่อใครที่อยู่ด้านหลัง คิ้วเข้มแบบธรรมชาติขมวดเข้าหากัน เหนือปากหนาแบบผู้ชายแท้ๆ ซึ่งกำลังเม้มเป็นเส้นตรงนั้นคือจมูกแท่งสวยที่เข้ารูปจนน่าอิจฉา ผมนึกขำที่ขณะเห็นว่าเขากล้าที่จะใช้มือข้างขวาล้วงกระเป๋ากางเกง อืม กาละเทสะขององค์กรนี้ได้ใจไปเลย
   
“นั่นกัปตันธีรศักดิ์ ประดับแก้ว กัปตันฝีมือดีของสายการบินเราครับ” ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆ กระซิบอยู่ข้างๆ ไอ้ห่าเอ๊ย เลขานี่ียังอยู่อีกเรอะ
   
“ครับ?” ผมกระตุกยิ้มใส่ ‘กัปตันฝีมือดี’ ที่ว่า
   
“ในฐานะบุคลากรที่ทำงานที่นี่มานาน ได้รับใช้พ่อแม่ของคุณ ผมเห็นด้วยว่าทุกอย่างมันควรเป็นของคุณ...”
   
โอ้ น่าคุยด้วยหน่อย
   
“แต่ผมคิดว่าสิ่งที่คุณวิชัยพูดมันเป็นความจริงที่คุณต้องยอมรับ”
   
“…”
   
“คุณคิดว่าถ้าคุณจะขึ้นมาบริหารตอนนี้ พวกผม... หมายถึง พนักงาน กัปตัน และลูกเรือทุกคนจะยอมรับในตัวคุณงั้นเหรอ?”
   
ทั้งห้องเงียบกริบ ผมได้ยินแม้กระทั่งเสียงแอร์และเสียงหายใจของตัวเอง เลขาหนุ่มหน้าเสียและเดินหลีกทางทันทีเมื่อเห็นว่าผมกำลังก้าวขาไปข้างหน้า ผมแสยะยิ้มให้ระหว่างที่ระยะห่างของผมและกัปตันปากเก่งคนนั้นใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่นานนักผมก็อยู่หางจากเขาไม่ถึงเมตร
   
“แล้วทำไมผมจะต้องทำให้พวกคุณยอมรับด้วย” ผมเอียงคอถาม
   
“ข้อแรกของผู้บริหาร คือการซื้อใจลูกจ้างของคุณ” เขาตอบกลับมา “คุณน่าจะรู้”
   
“ผมไม่รู้”
   
“แต่พ่อแม่คุณรู้ดี”

[ต่อด้านล่าง]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-02-2017 19:53:08 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
«ตอบ #3 เมื่อ05-12-2016 16:31:52 »

ง่อววววววว รอ

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
«ตอบ #4 เมื่อ05-12-2016 16:33:28 »


เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้บ บ้าฉิบ! ไอ้นี่มันหักหน้าผมกลางที่ประชุมเลยเรอะ
   
ผมแสร้งทำเป็นยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “คงไม่มีโอกาสทำแล้วล่ะครับ ผมไม่ได้ขึ้นบริหาร คงไม่มีเวลาพิสูจน์ว่าจะซื้อใจใครต่อใครได้หรือเปล่า”
   
“อย่าคิดไปเองสิครับ” โอ้ย อีกหนึ่งดอก “คุณยังมีเวลาก่อนที่คุณจะอายุครบยี่สิบห้า ลืมแล้วเหรอ?”
   
เขายิ้มอย่างร้ายกาจก่อนจะเดินแทรกตัวผมออกไปจากห้อง เล่นซะผมตัวเซจนเลขาข้างๆ ต้องคว้าแขนไว้ ผมไม่กล้าสู้หน้าใครอีกแล้ว... ผมก้มหน้าก้มตาก่อนจะหันหลังกลับและเดินออกไปอย่างช้าๆ โดยมีเลขาตามมาติดๆ และพนันได้เลย สายตาเป็นร้อยคู่กำลังทิ่มแทงตามหลังผมมาแน่นอน


“คุณปั๊มครับ ผมจัดการส่งเอกสารที่คุณขอไปให้ทางอีเมลแล้วนะครับ” เสียงสั่นๆ จากปลายสายทำให้ผมหงุดหงิด มันเป็นเสียงเลขาของผม (ชั่วคราว) นั่นเอง
   
“เป็นอะไร? กลัวเหรอ? ถ้าจะเป็นทีมฉันอย่าขี้ขลาด”
   
“ปะ…เปล่าครับ! ผมแค่หนาวไปหน่อย” โอ๊ย ไม่เนียนเลยไอ้บื้อ “เอ่อแล้วคุณปั๊มครับ คุณพอจะบอกได้มั้ยว่าคุณจะเอาเอกสารพวกนั้นไปทำไม เพราะถ้ามันเป็นเรื่องไม่ดี ผมจะมีปัญหา...”
   
“นั่นไง ไม่ทันไรก็ขี้ขลาดแล้ว ถ้าคิดจะช่วยฉันแล้วอย่าพูดให้มันมากเข้าใจมั้ย!”
   
“คะ…ครับๆ งั้นผมขอตัวแล้วนะครับ”
   
“เดี๋ยว!” ผมมองดูนาฬิกาบนหน้าจอมือถือ “สามทุ่มแล้ว นายยังอยู่ที่ทำงานเหรอ?”
   
“ใช่ครับ”
   
“ไม่มีพ่อไม่มีแม่หรือไง”
   
“คุณปั๊มจะไล่ผมออกเหรอครับ...”
   
“อะไรของนาย ฉันแค่ถาม ฉันมีสิทธิ์ไล่ใครออกที่ไหน” งงกะมัน
   
“มีครับ”
   
“อ้าว ฉันมีสิทธิ์ไล่คนออกเหรอ”
   
“เปล่าครับ หมายถึงผมมีพ่อมีแม่ครับ”
   
“อ้าว! แล้วทำไมไม่รีบกลับไปดูแลท่านล่ะ เลิกทำงานได้แล้ว คนที่นี่เขาไม่มาดูแลนายเหมือนคนที่บ้านหรอกนะ ทำงานให้มันพอดีหน่อย”
   
“คะ…ครับๆ เดี๋ยวผมจะกลับบ้านเลยครับ แค่นี้นะครับคุณปั๊ม”
   
ผมเปิดอีเมลทันทีหลังจากที่กดวางสาย จากนั้นก็ดาวน์โหลดเอกสารทั้งหมดที่แนบมาและสั่งมันปริ้น พ่อบ้านหน้าตายเดินไปหยิบกระดาษที่กำลังออกมาจากเครื่อง หลังจากที่กวาดสายตาอย่างลวกๆ ไปรอบๆ ข้อมูลในนั้นจนหมดแล้วเขาจึงยื่นมาให้ผมที่กำลังเหยียดขาอยู่บนโซฟา
   
“น่าสนใจนะครับ” เขาพูดเสียงเรียบ “ขอเดาว่านี่คือคนที่หักหน้าคุณหนูวันนี้”
   
ผมรับเอกสารพวกนั้นมา มันเป็นข้อมูลทั้งที่เป็นสาธารณะและความลับเท่าที่เลขาของพ่อจะหามาให้ได้ ความลับของนายธีรศักดิ์ ประดับแก้ว...
   
“หาอะไรร้อนๆ ให้ทานหน่อยสิ” ผมบอกพ่อบ้าน เพราะไม่อยากให้ใครมาจ้องเวลาทำเรื่องเลวๆ แบบนี้
   
“งั้นผมจะจัดชาร้อนๆ กับขนมนิดหน่อยมาให้นะครับ อรรถรสจะได้มากขึ้น”
   
อืม…กัดกันเข้าไป
   
ทันทีที่พ่อบ้านออกไปแล้ว ผมก็เริ่มอ่านเอกสารตรงหน้าทันที ใบแรกเป็นประวัติส่วนตัวคร่าวๆ ประกอบด้วยรูปภาพขนาดเล็กๆ ที่มุมขวา เป็นรูปเขา...กับใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์กว่าที่ได้เห็น ดูร่าเริง ใจดี…และ อืม… เปี่ยมไปด้วยความฝัน
   
   
ชื่อ : ธีรศักดิ์ ประดับแก้ว
ชื่อเล่น : ธีร์
อายุ : 35 ปี
เกิด : 28 FEB 1981
การศึกษา : โรงเรียนXXXX
ปริญญาตรี : วิศวกรรมศาสตร์, วิศวกรรมการบินและอวกาศ มหาวิทยาลัยXXX GPA. 3.92
วุฒิพิเศษ : เทคนิคการบิน วิทยาลัยXXX GPA. 3.78
ปริญญาโท : ศิลปศาสตร์, การบริหารธุรกิจการบิน มหาวิทยาลัยXXX GPA. 3.80


เรียนเก่งใช่ย่อยนะเนี่ย... แถมเรียนบริหารการบินซะด้วย ไม่แน่ว่าในอนาคตหมอนี่อาจจะ Take Over บริษัทที่ทำอยู่ก็ได้นะ
   
ผมพลิกหน้ากระดาษอีกแผ่นหนึ่ง ใบนี้เป็นประวัติการทำงานกับ FIRST AIR ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อนเลย แปลว่าตลอดเวลาการทำงานของเขา ที่นี่เป็นที่แรกและที่เดียว

ประวัติการทำงาน FIRST AIR
ตำแหน่ง : Pilot
ค่าตอบแทนประจำเดือน : 90XXX per. MONTH
เริ่มทำงานเมื่อ : 24 JAN 2005


“ของทานเล่นมาแล้วครับ” เสียงจากพ่อบ้านทำให้ผมสะดุ้งโหยงจนต้องมองกลับไปด้วยสายตาไม่พอใจ ตกใจหมด!
   
“ขอบคุณมาก ฝันดีนะ”
   
“ครับ ผมจะนอนเลยก็ได้ครับ”
   
เฮ้อ วันนี้เป็นอะไรวะ เจอแต่คนขาดๆ เกินๆ ทั้งวัน พ่อบ้านก็มาเป็นกับเขาด้วย
   
ทันทีที่ลุงเอกพ่อบ้านคนเก่งเดินพ้นประตูไป ผมก็หยิบข้อมูลอีกแผ่นออกมา อันนี้ขึ้นหัวข้อว่าข้อมูลส่วนตัว หึๆๆ นี่สิที่น่าสนใจ

อันนี้คือข้อมูลเท่าที่ผมหาได้จากการสืบและการได้ยินคนพูดกันในออฟฟิศนะครับคุณปั๊ม
คุณธีร์อายุสามสิบห้าปี ยังโสด และไม่เคยมีประวัติว่าเคยมีคู่ควงหรือคบกับใครเลย
แต่… ทุกคนที่ผมได้หลอกถามมายืนยันว่า คุณธีร์มีสัมพันธ์ลับๆ แบบเรื่องบนเตียงกับบรรดาพนักงานหน้าตาดีๆ ในสายการบินเราเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นแอร์โฮสเตส สจ๊วส และ…


เดี๋ยวนะ ขอค้างตรงนี้แปบ…

สจ๊วส!? นี่อ่านไม่ผิดใช่มั้ย ผู้ชายอะเหรอ?

และ…พวกผู้บริหาร (ที่ยังไม่แก่นะครับ เดาว่าเขาจะนิยมคนที่อายุน้อยกว่า) เคยมีประวัติเด็กฝึกงานภาคพื้นที่สุวรรณภูมิพยายามจะกระโดดให้รถชนขณะจับได้ว่าคุณธีร์กำลังมีคู่ควงคนใหม่ แต่เรื่องก็เงียบไปเพราะเด็กฝึกงานคนนั้นเลือกที่จะลาออกไปเอง

หล่อขนาดนั้นเลยเหรอวะ ผมเหล่มองรูปเขาที่ใส่ชุดนักบินเต็มยศในกระดาษแผ่นแรกแล้วรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ หน้าตาก็…งั้นๆ
   
ผมหันกลับมาอ่านข้อมูลตรงหน้าต่อ

มีแหล่งข่าวน่าเชื่อถือบอกว่า เมื่อปีก่อนเขาโดนจับให้จะหมั้นหมายกับคู่หมั้นที่พ่อแม่เลือกมาให้ ตอนแรกดูเหมือนเขาจะไม่ยินยอม แต่พอได้เจอตัวกัน เขาก็เริ่มเปิดใจและตกลงคบหากันซึ่งคาดว่าน่าจะรักกันจริงๆ แต่โชคร้าย ก่อนงานหมั้นประมาณสามเดือนฝ่ายหญิงประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่นอกชายฝั่งฮาวายซะก่อน…

อืม…

คุณธีร์กลายเป็นคนละคน ไม่สุงสิงกับใคร ไม่มีข่าวคาวกับใครๆ อีก ได้ยินมาว่าการทำงานกับเขายากขึ้นด้วย เพราะเขารู้สึกแย่ที่ตัวเองเป็นกัปตันแต่คนรักกลับเสียชีวิตเพราะเครื่องบินตก

“ไม่ใช่ความผิดตัวเองสักหน่อย” ผมถึงกับบ่นพึมพำกับตรรกะไร้สาระแบบนั้น  โคตรจะซีรีส์เลยวุ้ย

เขาเคยคิดจะลาออก แต่ถูกท่านประธานรั้งตัวไว้เพราะเสียดายฝีมือ เขาจึงยอมทำงานต่อ รวมแล้วอายุการทำงานกับสายการบินเรา 9 ปี ตอนนี้ยังไม่มีใครเดาได้ว่าอนาคตของเขาจะเป็นยังไงต่อไปหลังจากที่เราเสียท่านประธานไป เขานับถือในตัวพ่อคุณปั๊มมาก
(ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติมจากนี้ สามารถขอมาได้ที่ตรองเลยครับ)


อะไรเนี่ย แค่นี้!?
   
ผมพลิกกระดาษไปมาก็พบว่ามันไม่มีอะไรเพิ่มเติมแล้วจริงๆ โอ๊ย กำลังสนุกเลย
   
ข้อมูลที่เป็นตัวอักษรหมดแล้ว อีกแผ่นเป็นรูปบรรดาหนุ่มๆ สาวๆ ที่เคยมีข่าวกับกัปตันธีร์ ส่วนมากถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็จะเป็นพวกเอ็กซ์ๆ หน้าอกหน้าใจเบ้อเร่อ แต่กลายเป็นว่าพวกหนุ่มๆ มีแต่พวกขาวๆ ตี๋ๆ ตัวเล็กๆ ทั้งนั้นเลย อืม… พิมพ์นิยมของจริง
   
ตื๊ดดดดดดด
   
ผมจัดการโทรหาเลขาอีกครั้ง
   
“ครับคุณปั๊ม ผมกำลังจะเก็บของกลับบ้านแล้วครับ”
   
“อะไร ยังไม่ออกจากออฟฟิศอีกเหรอ!?”
   
“อย่าไล่ผมออกนะครับ…”
   
“ไร้สาระไปใหญ่แล้ว” ผมพ่นลมใส่ปลายสาย “และถ้าข้อมูลมันจะมีแค่นี้ก็โทรมาเล่าให้ฟังก็ได้นะ จะได้ไม่เสียเวลา”
   
“ให้ผมหาข้อมูลเพิ่มตอนนี้เลยมั้ยครับ”
   
“ไม่ต้อง!!”
   
โอ๊ยยยย อะไรมันจะอยากทำงานขนาดนั้นวะ
   
“ฉันแค่จะโทรมาบอกว่า ช่วยหาข้อมูลไฟล์ทที่กัปตันธีร์รับผิดชอบมาให้หน่อย ถ้าหาได้แล้วส่งมาในข้อความด้วย แต่ไม่ต้องทำตอนนี้นะ กลับบ้านก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน”
   
“อ่า… ครับๆ” ผมได้ยินเสียงจดอะไรยุกยิกใกล้ๆ หูจากอีกฝั่ง “มีอะไรอีกมั้ยครับคุณปั๊ม”
   
“ไม่มีแล้ว… เฮ้ย!! มีๆๆๆ”
   
“อะไรครับ?”
   
“ตกลงกัปตันเขาเป็น…หรือเปล่า”
   
“เป็น…? เป็นอะไรครับ?”
   
“ก็นั่นแหละ…”
   
“อะไรหรือครับ?”
   
ใสซื่อเกินไปนะ…
   
“เป็นโรคหูดมั้ง!! ไม่มีอะไรแล้ว แค่นี้แหละ และอย่าให้รู้ว่ายังไม่กลับนะ”
   
ติ๊ด!
   
โอ๊ย อยู่กับคนแบบนี้ทั้งวันมีหวังประสาทแดก
   
ทันทีที่วางสายจากเลขาปัญญาอ่อนแล้ว ผมก็จัดการโทรหาอีกเบอร์หนึ่ง
   
“ฮาโหล…” เสียงงัวเงียดังขึ้นทันทีหลังจากโทรติดไม่นานเท่าไหร่
   
“หลับแล้วเหรอ ลืมไปว่าที่นั่นคงยังไม่เช้า”
   
“คุยได้ มีอะไร…เพิ่งถึงเมื่อเย็นนี้เอง” เสียงของ ‘ไวน์’ เพื่อนสนิทจากแดนไกลยังคงเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะกระปรี้กระเปร่าขึ้น
   
“กูมีอะไรทำแล้ว”
   
“ได้มรดกจากพ่อมึงแล้วล่ะสิ อย่ารีบใช้หมดนะ”
   
“ให้มันน้อยๆ หน่อย สลดหรือไว้อาลัยบ้างก็ยังดีมั้ง มึงยังฝังพ่อกับกูอยู่เลยนะเมื่อวาน” ผมนึกถึงเหตุการณ์ที่ว่า หลังจากจบพิธีไอ้ไวน์ก็บินกลับไปญี่ปุ่นทันทีเพราะต้องสะสางเรื่องโปรเจ็กต์ที่ค้างไว้ให้จบเพราะว่ามันไม่ได้เตรียมตัวที่จะกลับมาไทย ปกติเราจะเจอกันแค่ซัมเมอร์ละครั้งเท่านั้น การที่มีเหตุการณ์น่าเศร้าเกิดขึ้นเสียก่อนทำให้มันต้องมาหาผมเร็วกว่ากำหนด ทำให้การปิดเทอมของมันช้ากว่าเดิมนิดหน่อยเพราะมีงานค้าง ผิดกับผมที่เลือกเรียนที่สวีเดน ปิดเทอมก่อนมันเกือบเดือนเลย
   
“สลดแล้ว จะทำอะไรก็พูดมา”
   
“เกมประจำซัมเมอร์นี้ไง” ผมพูดรหัสลับของเรา ซึ่งแน่นอนเรารู้กันอยู่สองคน
   
“ซัมเมอร์เหรอ!?” น้ำเสียงมันดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที เพราะโค้ดลับของเราคำนี้มันแสบอย่าบอกใครเชียวล่ะ “กับใครล่ะคราวนี้”
   
“คนในที่ทำงานพ่อ”
   
“โห ไม่แก่หงักเลยเหรอวะ มึงอยากลองของแปลกเหรอ”
   
“มึงนี่เพ้อเจ้ออีกคนละ ยังไม่แก่โว้ย เป็นกัปตันที่หักหน้ากูกลางที่ประชุมบอร์ดบริหารต่อหน้าคนทั้งบริษัท”
   
“โห แสบว่ะ สมควรแล้ว”
   
“เออไง ไม่คิดเลยว่าซัมเมอร์เกมปีนี้จะมาเร็วกว่าที่คิด”
   
“แล้วมึงจะเริ่มเมื่อไหร่”
   
“เดี๋ยวนี้เลย”
   
“โหดจริงหนูปั๊ม หึหึหึ” ไอ้ไวน์หัวเราะอย่างน่ากลัว “ระวังด้วยล่ะมึง อย่าโหดเกินไปล่ะ”
   
“คงไม่ทำอะไรมากหรอก ยังคิดอยู่ว่าจะใช้แผนไหนดี มาหักหน้าแบบนี้กูไม่ชอบ เลยคิดจะแก้แค้นก็แค่นั้น”
   
“หนูปั๊มขาโหดกลับมาแล้วสินะ ยังไงก็ขอให้สนุกนะมึง”
   
“กลับมาช่วยกูเร็วๆ สิ”
   
“ภาวนาไม่ให้เมนเทอร์ป้อนเอฟให้กูแดกก่อนดีกว่า แค่นี้แหละกูง่วง”
   
“เออ แค่โทรมาบอก ไปนอนเถอะ”
   
“บายยยยยยย”
   
สิ้นเสียงลากยาวๆ กวนประสาทนั้นผมก็ตัดสายทันที จัดการโยนโทรศัพท์ลงบนโซฟาข้างๆ ตัวและหยิบกระดาษใบแรกขึ้นมาอีกครั้ง รูปกัปตันตอนยังหนุ่มกำลังส่งสายตามาให้
   
หึ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเกมปีนี้จะเป็นคุณ

จบตอน

#theneoclassic
สวัสดีคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบ

นักเขียนหน้าใหม่ จริงๆ แวะเวียนในวงการนี้มาก็หลายปี ถึงเวลาเปิดตลาดจริงๆ จังๆ สักที
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในการกลับมาขีดๆ เขียนๆ อีกครั้งหลังจากทิ้งความฝันไปกับการเป็นพนักงานออฟฟิศ
ผมรู้สึกว่ามันช่วยเติมเต็มและมันทำให้สมองผมไม่ตายและมีจิตวิญญาณอยู่ ทำให้ตัวเองไม่ลืมว่าชอบอะไร

นิยายเรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยบุคคลที่มีชีวิตจริงๆ ที่ผมแอบชื่นชอบ และที่ผมแอบเกลียด 5555 เพื่อให้เข้าถึงอารมณ์มากที่สุดแต่ปรับเปลี่ยนบริบทให้แตกต่างออกไป (นี่มันอารมณ์ส่วนตัวล้วนๆ5555) เรียกได้ว่าสนองนี้ดตัวเองจริงๆ ครับ ไหนๆ ในชีวิตจริงมันไม่ค่อยสมหวัง ก็ขอฟินในนิยายนี่แหละเนอะ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม และขอบคุณหนังสือ Y ทุกเล่มที่ช่วยให้ผมผ่านพ้นหลายๆ เรื่องมาได้
หากคุณเปิดกระทู้นี้อยู่ผมขอสัญญาว่าจะลงจนมันจบ อาจจะไม่ได้เร็วตามใจต้องการบ้าง แต่จะไม่ทิ้งแน่นอนครับ

ถ้าคุณชอบ รบกวนบอกต่อกันไป และคุยกับผมสักนิดสักหน่อย มันเป็นกำลังใจกองโตได้เลยล่ะครับ
ผมจะแวะไปอ่านนิยายของคนอื่นๆ เพื่อเก็บเป็นประสบการณ์และแรงบันดาลใจอย่างแน่นอน ผมชอบการแบ่งปันครับ 

สามารถแวะเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ Twitter ส่วนตัวผมนะครับ
https://twitter.com/thene0classic
รบกวนติด #firemetothemoon เผื่อเราจะหาเจอกันได้ง่ายขึ้นน้า

แล้วเจอกันตอนหน้าครับผม

ออฟไลน์ usguinus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
«ตอบ #5 เมื่อ05-12-2016 16:55:15 »

น่าสนุกมากค่าาา รอนะคะ สู้ๅ :katai2-1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
«ตอบ #6 เมื่อ05-12-2016 17:38:36 »

เล่นกับความรู้สึกของคนอื่นนี่ไม่ดีเลยนะปั๊ม

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
«ตอบ #7 เมื่อ05-12-2016 18:44:17 »

ปั๊มร้ายจัง แต่ก็ชอบนะ รู้สึกว่ามีสีสันดี ดูแสบๆ เผ็ดๆ รอดูว่าจะจัดการพระเอกได้มั้ย หรือว่าสุดท้ายแล้วจะโดนพระเอกเล่นงานกันแน่ ฮ่าๆๆๆๆ
เอ๊ะ? ว่าแต่ว่าพระเอกนี่คือกัปตันธีร์ปะ?

สู้ๆ น้า เป็นกำลังใจให้

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
«ตอบ #8 เมื่อ05-12-2016 20:15:08 »

สนุกกกกกกกกกกกกกกกกกก

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
«ตอบ #9 เมื่อ05-12-2016 20:49:29 »

สนุกมากๆค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
« ตอบ #9 เมื่อ: 05-12-2016 20:49:29 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
«ตอบ #10 เมื่อ06-12-2016 10:27:14 »

จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
«ตอบ #11 เมื่อ06-12-2016 12:08:39 »

ทำไมร้ายยยยยย  :hao6:

ออฟไลน์ bookie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
    • facebook
Re: Fire Me to the Moon • EP1 | 12/5/2016
«ตอบ #12 เมื่อ07-12-2016 02:32:42 »

นิดนึงที่"บรรดาภาพที่พ่อ"ป่ะคะ ถ้า "ภาพที่บรรดาพ่อ"คือพ่อมีเยอะ(หลายคน)

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP2 | 12/10/2016
«ตอบ #13 เมื่อ10-12-2016 23:52:11 »

2
กัด



“ปั๊ม นายอยากจะทำอะไรสนุกๆ มั้ย”
   
เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อพยักหน้า ไม่นานนักเขาก็ถูก ‘ไวน์’ เพื่อนจากโรงเรียนเดียวกันลากแขนไปตามทาง
   
“นั่นใช่มั้ย” ไวน์ชี้นิ้วไปยังเด็กผู้ชายที่กำลังยืนกินไอติมอยู่ข้างๆ สนามเด็กเล่น “นั่นคือคนที่ขโมยการบ้านนายไปส่งเป็นชื่อของตัวเองจนนายต้องทำใหม่ให้ทันก่อนปิดเทอมใช่หรือเปล่า”
   
“ใช่”
   
“นายไม่ชอบเขาใช่มั้ย”
   
เด็กน้อยชื่อปั๊มส่ายหน้า แต่ทว่าอีกฝ่ายตีความว่าเห็นด้วย
   
“ดี งั้นเราจะแก้แค้นกัน”
   
“แก้แค้น?”
   
“ใช่ เอาให้สาสมกับที่มันทำกับนายเลย” แล้วไวน์ก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันคือธนบัตรสีเทาจำนวนสามใบ
   
“นายเอาเงินพวกนี้มาจากไหน” คนตัวเล็กกว่าทำตาโต
   
“ชู่ว เงียบน่า” ไวน์ยัดมันใส่มือของปั๊ม ซึ่งดูท่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจจะรับไว้เท่าไหร่ “เอาไปใส่ในกระเป๋าสีฟ้าที่มันพิงไว้ตรงชิงช้าสิ เห็นมั้ย”
   
ปั๊มมองไปตามนิ้วของอีกฝ่ายซึ่งชี้ไปยังเป้าหมายที่ว่า “เอางี้เลยเหรอไวน์”
   
“เอาน่า เชื่อฉันสิว่าใครทำเรา เราต้องแก้แค้น”
   
ปั๊มไม่มีทางเลือก และอีกอย่างสิ่งที่เพื่อนพูดมานั้นก็น่าสนใจไม่น้อย ใช่… บางทีเรื่องบางเรื่องมันก็ควรจบลงที่การเอาคืน
   
เด็กหนุ่มเดินออกไปยังลานกว้างซึ่งเป็นสนามเด็กเล่น เด็กๆ หลายคนกำลังสนุกสนานจนไม่มีใครสังเกตเห็นเด็กชายเสื้อสีเขียวกำลังเดินก้มหน้าก้มตาไปยังชิงช้าที่ไม่มีใครเล่น ปั๊มเหลือบมองศัตรูที่กำลังกินไอศกรีมอยู่ หมอนั่นไม่ได้สนใจอะไรเลยสักนิด และทันทีนั้นเอง เงินก้อนนั้นก็ถูกยัดลงไปในกระเป๋าเป้สีฟ้าลายการ์ตูนชื่อดังซึ่งเป็นตัวแทนแห่งการทำความดี สวนทางกับเหตุการณ์ในตอนนี้ชะมัด
   
ปั๊มวิ่งกลับมาหาเพื่อนที่หลบอยู่ริมพุ่มไม้ เขาเหงื่อแตกจนเปียกไปทั้งใบหน้าเพราะความตื่นเต้น
   
“ทีนี้ก็ตามฉันมา” ไวน์กึ่งวิ่งกึ่งเดินนำไปยังตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ดูเก่าเพราะไม่ค่อยมีใครใช้ ก่อนจะยื่นกระดาษใบเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกงอีกซึ่งมันคือตัวเลขทั้งหมด
   
ปั๊มมองที่กระดาษแผ่นนั้น “เบอร์ใครเหรอ?”
   
“โทรไปเถอะน่า พูดแค่ว่า ‘ลูกคุณขโมยเงินจากครูประจำชั้นมาสามพันบาท’”
   
“ไวน์…”
   
“จะทำหรือไม่ทำ” คนถูกเรียกเริ่มหงุดหงิด “อย่าให้ฉันต้องเสียเงินเก็บไปฟรีๆ สิ”
   
“ก็ได้…” ปั๊มเริ่มวิตก ขณะที่มือกำลังกดปุ่มตามเลขในใบนั้นในใจกลับปั่นป่วน อย่ารับนะ อย่ารับนะ
   
“สวัสดีค่ะ…” เสียงผู้หญิงใจดีดังขึ้นจากปลายสาย
   
“ละ…ลูกคุณขโมยเงินมาจากครูประจำชั้นสามพันบาท!!”
   
ปึก!
   
เขาวางหูลงในแทบจะทันที ใจยังคงเต้นโครมครามไม่หยุด
   
“เก่งมากเลยปั๊ม เราไปกินขนมกันเถอะ” ไวน์ชูนิ้วโป้งให้เพื่อนและเดินหนีไปอีกทาง ปั๊มที่กำลังสับสนหันกลับไปยังสนามเด็กเล่นอีกครั้ง
   
ผู้หญิงคนหนึ่งดูท่าจะอารมณ์เสียมาก กำลังลากแขนลูกชายซึ่งยังมีไอศกรีมอยู่ในมือมาที่กระเป๋าเป้ใบนั้น เมื่อผู้เป็นแม่เห็นธนบัตรสีเทาสามใบอยู่ในช่องเล็กๆ ด้านขวาก็ร้องลั่น ไม่รอช้าที่จะใช้มืออีกข้างตีไปยังก้นของลูกชายที่ทำเรื่องไม่ดี เด็กคนนั้นร้องในแทบจะทันที ไอศกรีมในมือหล่นไปอยู่ที่พื้น
   
ถึงภาพข้างหน้าจะสะเทือนใจแค่ไหน ปั๊มกลับมีความรู้สึกประหลาดแทรกเข้ามาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ เขากระตุกยิ้มเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นของตัวเอง ใช่ เขากำลังลิ้มรสการแก้แค้นที่อร่อยกว่าที่คิด!
   
“ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะ” เสียงทุ้มแตกหนุ่มของใครคนหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลัง ปั๊มตกใจจนสะดุ้งหนีและวิ่งออกไปให้เร็วที่สุด และเมื่อตั้งสติคิดว่าพ้นแล้วเขาจึงตัดสินใจหันกลับไปมอง
   
เด็กวัยรุ่นผู้สวมเสื้อเชิ้ตลายหมากรุกทับเสื้อยืดสีขาวกำลังมองเขามาด้วยสายตาที่ดูตัดสิน พลางส่ายหัวอย่างเอือมระอากับสิ่งที่ได้เห็นก่อนหน้านี้ แย่ล่ะ!…โดนจับได้ซะแล้ว
   
ถึงจะอยู่ในห้วงความรู้สึกที่ผสมปนเป…   

แต่ปั๊มจำเขาได้ นั่นคือคนที่ผูกเชือกรองเท้าให้เขาตอนงานเลี้ยงปีใหม่ที่คฤหาสน์นั่นเอง…




‘เที่ยวบินที่คุณธีร์รับผิดชอบที่เร็วที่สุดคือวันนี้ตอนหกโมงเย็นครับ
กรุงเทพ – กัวลาลัมเปอร์ (มาเลเซีย)’

ผมอ่านข้อความที่ส่งมาจากเลขาอีกครั้งก่อนจะกดปุ่มล็อคหน้าจอ อืม…ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ กำลังนั่งแกว่งขาอยู่ในออฟฟิศลูกค้าสัมพันธ์ประจำสนามบิน ข้างๆ เป็นกองเอกสารคู่มือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รวมถึงข้อกำหนดต่างๆ ซึ่งบอกถึงสิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อเจอลูกค้าหลายๆ ประเภท ผมอ่านมันครบทุกเล่มแล้วเพื่อฆ่าเวลา ใช่ ผมกำลังรอ…
   
“น้ำชาค่ะคุณปั๊ม” พนักงานภาคพื้นคนหนึ่งนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ อาจจะเห็นว่าผมนั่งอยู่นานแล้วล่ะสิ
   
“ขอบคุณครับ”
   
“และนี่ ป้ายสำหรับ Crew แขวนไว้ตลอดเวลาที่อยู่ที่สนามบินนะคะ” เธอยื่นสายคล้องคอสีครีมซึ่งเป็นสีประจำสายการบินให้กับผม ข้อมูลในบัตรที่เชื่อมติดกันนั้นเป็นชื่อและตำแหน่งของผมเสร็จสรรพ ดูท่าจะทำสดๆ ร้อนเลยสิเนี่ย
   
“คุณปั๊มอยากได้อะไรอีกมั้ยคะ”
   
“ยังไม่ต้องการตอนนี้ครับ ขอบคุณมาก” ไม่อยากรับปาก ก็ไอ้คนที่รอยังไม่โผล่หัวมาสักที!
   
พนักงานภาคพื้นคนนั้นยิ้มอย่างจริงใจให้ก่อนจะเดินออกไป แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเจอเข้ากับใครที่ผลักประตูเข้ามาพอดิบพอดี
   
“อ้าว สวัสดีค่ะกัปตันธีร์ แหมวันนี้หล่อเชียว” เสียงเริงร่าผิดปกติทำให้ผมแอบย่นจมูกอย่างหมั่นไส้ ถึงไม่ได้หันหลังไปเห็นก็รู้ได้ว่าเป้าหมายของผมปรากฏตัวขึ้นแล้ว
   
“ขอบคุณครับ เอ่อ…เรามีแขกเหรอครับ” เสียงทุ้มนั้นถาม
   
“ค่ะ… นี่คุณ”
   
โดยไม่ต้องรอให้ใครหน้าไหนแนะนำ ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้กึ่งอลูมิเนียมเกรดปานกลางพลางหันมาทางเขา กัปตันไม่มีท่าทีประหลาดใจหรืออารมณ์อื่นใดๆ เลยสักนิด สิ่งเดียวที่จับสังเกตได้คือคิ้วที่หนาเข้มนั้นกำลังย่นเข้าหากัน ก็เหมือนที่เคยเห็นมาก่อน…
   
“คุณมาทำอะไรที่นี่” เสียงที่ถามดูราบเรียบ ไม่มีอิโมชั่นใดๆ
   
“ก็มาดูธุรกิจของตัวเองในอนาคตไงล่ะ เผลอๆ อาจจะได้ซื้อใจอะไรก็ตามที่คุณว่าไว้ด้วยก็ได้นะ” ผมยิ้มกวนๆ
   
“โดยการนั่งดื่มชาในห้องแอร์เนี่ยนะ?”
   
“ก็ที่นี่ไม่เสิร์ฟน้ำเปล่ายี่ห้อที่ผมดื่มได้นี่” เออ จดเรื่องนี้ไว้ในสมุดแล้วด้วย คนเราต้องได้ดื่มน้ำดีๆ นะจะบอกให้
   
“ผมหมายความว่า การซื้อใจไม่ใช่แค่ทำตัวตามสบายไปวันๆ ในที่ทำงานของตัวเอง มันมีอะไรมากกว่านั้น ลองออกไปดูบ้าง” เขาขยับแขน ทำให้เห็นถุงเสื้อที่แบกมาด้วย ในนั้นมีชุดกัปตันเต็มยศเรียบกริบอยู่ ตอนนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนสีฟอก ลำลองเหลือเกิน
   
“ผมนึกว่าพนักงานทุกคนต้องแต่งเครื่องแบบตั้งแต่ก่อนเข้ามาที่สนามบินซะอีก” ผมกอดอกมองไปยังถุงพลาสติกด้านๆ ในมือเขา
   
“พอดีผมมีธุระ ถ้าเห็นว่าไม่สมควรก็ขอโทษครับ” ว่าแล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวที่อยู่ใกล้ๆ กัน
   
“เอ่อ มีอะไรเรียกใช้ได้นะคะ” พนักงานภาคพื้นสาวคนเดิมพูดเบาๆ ก่อนจะผลักประตูออกไป ยังอยู่อีกเหรอเนี่ย!?
   
ผมเหลือบมองไปยังห้องแต่งตัว หลังกระจกขุ่นๆ นั้นผมเห็นกัปตันตัวดีกำลังง่วนอยู่กับการถอดกางเกง เฮ้อ เกลียดที่ต้องมาเห็นจริงๆ
   
แต่เราต้องรุกต่อ “วันนี้คุณมีบินเหรอ”
   
“ถามทำไม” เขาส่งเสียงตอบกลับมา
   
“มันเป็นความลับบริษัทหรือไง”
   
“เปล่า” เขาผลักประตูห้องแต่งตัวเอง ทำให้เห็นว่ากำลังยัดเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้าไปในกางเกงสแล็คทรงสุภาพอยู่ โอ้ย ทำให้มันเสร็จๆ ก่อนไม่ได้หรือไงนะ “มันเป็นความลับของผม”
   
ผมมองรอยยิ้มที่กระตุกขึ้นสักแวบหนึ่งในเสี้ยววินาทีแล้วขนลุกซู่ รอยยิ้มแรกที่ได้เห็นจากคนตรงหน้าเลยนะเนี่ย
   
“ถามจริง มาทำอะไร?”
   
“ผมแค่อยากรู้เรื่องการทำงานของพนักงานทุกคน” ผมยักไหล่ “คุณช่วยได้มั้ยล่ะ”
   
“นี่จริงจัง?”
   
“ผมเป็นคนซีเรียสมาก” ผมพูดพร้อมกับฉีกยิ้ม
   
กัปตันธีร์เสยผมขึ้นอย่างลวกๆ ระหว่างที่เหล่มา “มีเวลาทั้งวันใช่มั้ย”
   
“ตอนนี้ปิดเทอมครับ”
   
“ครับ? โอ้โหเป็นเกียรติจริงๆ”
   
“ไม่ต้องเลย คุณก็เพิ่งพูดคำนี้ให้ผมได้ยินเหมือนกันแหละ”
   
“ผมนับถือระบบอาวุโส คุณไม่ต้องยกมือไหว้ผมก็ดีขนาดไหนแล้ว”
   
“โอ๊ย เราจะพูดเรื่องความนอบน้อมกันอีกนานมั้ย สรุปว่าคุณจะช่วยผมหรือเปล่า” ผมกอดอก แต่อีกฝ่ายกลับเค้นลมออกมาซะอย่างนั้น
   
“ถ้ามีเวลาก็ตามมา” เขาพูดระหว่างที่สวมสูทกัปตันพร้อมกับถือหมวกมาไว้ในมือ อ่า ก็ต้องยอมรับว่าเขามีสไตล์
   
ผมเดินตามกัปตันออกมายังสนามบินที่สุดแสนจะกว้างขวาง ผ่านด่านรักษาความปลอดภัยต่างๆ อย่างง่ายดายเพราะป้ายที่แขวนคออยู่ ระหว่างทาง ทุกๆ ครั้งที่ผ่านบรรดาลูกเรือของสายการบินอื่นๆ พวกนั้นจะต้องรีบซุบซิบและมองมายังคนตัวสูงที่อยู่ตรงหน้าจนผมรู้สึกหมั่นไส้ซะเต็มประดา ไอ้หมอนี่มีอะไรดีกันนะ
   
“ยังเสียใจอยู่มั้ย” อยู่ๆ เขาก็โพล่งขึ้นขณะที่เรากำลังขึ้นบันไดเลื่อนแบบราบที่ไหลไปตามทาง
   
“หืม?”
   
“เพิ่งผ่านงานศพพ่อแม่มาไม่นาน แต่ดูไม่ค่อยเสียใจเท่าไหร่เลย”
   
“อ๋อ ผมเป็นพวกไม่อยากเศร้าให้ใครเห็น” อันนี้พูดความจริงนะ
   
“ก็ดี” เขาหันมามอง “นึกไม่ออกเลยว่าคนอย่างคุณเศร้าจะเป็นยังไง”
   
“ไม่มีวันได้เห็นแน่นอน”
   
ผมแอบได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอแต่ก็ไม่ได้ทักอะไร จนเราเดินเข้ามาในเกต ทุกคนทักทายต้อนรับกัปตันธีร์เป็นอย่างดี แต่กับผม พวกเขาทำหน้างงก่อนจะยกมือขึ้นมาไหว้ทักทาย เล่นเอาผมต้องพนมมือไปตลอดทาง ก็ไม่อยากอายุสั้นนี่นะ
   
เราเดินผ่านงวงช้างมายังตัวเครื่อง พนักงานต้อนรับทักทายผมอย่างเป็นกันเอง ถึงพวกเธอจะประหลาดใจไม่น้อยที่เห็นลูกท่านประธานมาเยี่ยมเยียนแบบไม่ทันตั้งตัว
   
“เพิร์ล วันนี้คุณปั๊มจะมาศึกษาการทำงานของลูกเรือเรา ลองอธิบายเขาดูนะ”
   
“อ๋อ ได้เลยค่ะ ดีจังเลยนะคะคุณปั๊ม” แอร์ฯ สาวยิ้มร่า
   
“เอ่อ… ผมช่วยเท่าที่ได้นะครับ”
   
“คงช่วยอะไรได้เยอะเลยล่ะ ฝากด้วยนะครับ” ประโยคหลังกับตันธีร์พูดกับแอร์สาว โอ๊ย ทำหน้าตายียวนกรุ้มกริ่มเหลือเกิน หลังจากนั้นเขาก็แยกตัวเข้าห้องขับไป
   
“เอ่อ ผมต้องเริ่มจากอะไรครับ”
   
“เดี๋ยวรอผู้โดยสารสักครู่ แล้วก็ทยอยบอกที่นั่งเขาก็ได้ค่ะ” เธอบอก ยิ้มตลอดเวลาเลย ใจบริการที่แท้จริงแฮะ
   
หลังจากนั้นก็เริ่มมีผู้โดยสารทยอยกันขึ้นมา ผมทำตามที่เธอแนะนำคือช่วยแอร์ฯ คนอื่นๆ บอกที่นั่งและช่วยปิดช่องใส่สัมภาระเมื่อเห็นว่ามันเต็มแล้ว โอ๊ย เหนื่อยเหมือนกันนะ
   
เวลาผ่านไป ผมสังเกตเห็นว่าคนแทบจะเต็มแล้วแต่เครื่องยังไม่ออกสักที พวกแอร์ฯ กับพนักงานภาคพื้นกำลังวิ่งวุ่นกันใหญ่
   
“มีอะไรกันเหรอครับ” ผมตัดสินใจถามแอร์คนเดิม
   
“มีไฟนอลคอลค่ะ”
   
“รอแบบนี้ไม่ทำให้ไฟล์ทดีเลย์เหรอครับ”
   
“ปกติเรารอได้แล้วแต่กรณีค่ะ รายนี้เป็นสองสามีภรรยาและค่อนข้างชรามากแล้ว เห็นว่าหลงทาง” เธออธิบาย “นั่นไง มานั่นแล้วค่ะ”
   
ผมมองออกไปตามเธอ เห็นพนักงานภาคพื้นกำลังจูงตากับยายที่คงเป็นคู่รักกันเดินมาตามงวงช้าง ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงช้า เพราะดูเหมือนขาของทั้งคู่ก็ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเท่าไหร่ตามกาลเวลาของชีวิต ผมรีบวิ่งไปช่วยถือกระเป๋าและรับช่วงต่อจูงมือตากับยายและพาทั้งคู่เข้ามาในเครื่อง
   
“เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณเพิร์ลไปทำอะไรเถอะครับ”
   
ผมขอดูตั๋วจากคุณตา โห…ใครออกที่นั่งให้คนชราท้ายลำแบบนี้นะ เห็นมั้ยว่าลำบาก
   
หลังจากเดินอย่างช้าๆ พาคู่รักวัยชรามายังที่แล้วผมก็จัดการใส่กระเป๋าไว้ในช่องเก็บของให้ทันทีเพื่อความรวดเร็ว
   
“อย่าลืมรัดเข็มขัดนะครับ” ผมจัดแจงช่วยทั้งคู่
   
“ขอบใจนะลูก เป็นเด็กฝึกงานเหรอจ๊ะ” คุณยายถามพลางชี้มาที่ตัวผม เอ่อ…ซึ่งกำลังอยู่ในชุดลำลองแขนยาวสีขาวและกางเกงสีเดียวกัน คุณชายมาเลยกู เพิ่งสังเกตนะเนี่ย
   
“ประมาณนั้นครับ ไปก่อนนะครับ” ผมรีบวิ่งไปยังหน้าลำเพื่อจะออกไปด้านนอก แต่…
   
แคร๊ก!!
   
แอร์ฯ คนหนึ่งปิดประตูเครื่องต่อหน้าต่อตา ทันทีที่เธอจัดการเสร็จจึงหันมาเพื่อเตรียมทำงานต่อ แต่เมื่อเห็นผมแล้ว…
   
“ว๊าย คุณปั๊ม!”
   
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ไม่ต้องรอให้เธอกลับไปเปิดประตูอีกครั้ง เสียงเครื่องยนต์กระชากตัวก็ทำให้ผมรู้ชะตากรรมทันที…


ผมนั่งสงบจิตสงบใจอยู่ที่นั่งลูกเรือใกล้กับประตูทางออก ยิ้มเจื่อนๆ ให้กับบรรดาผู้โดยสารที่เดินผ่านไป คุณตาคุณยายตัวปัญหาเมื่อกี้ยิ้มให้พร้อมกับขอบคุณอีกครั้ง แต่ผมไม่โกรธนะ แค่จำ ฮึ่ยยยยย
   
พวกแอร์ฯ ลากกระเป๋าตามกันออกไปยังงวงช้าง สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเหมือนคนรู้สึกผิด โดยเฉพาะคนสวยที่ปิดประตูขังผมไว้ อยากขอเบอร์มานั่งเคลียร์เลยครับ ตะเตือนใจ
   
ไม่นานนักประตูห้องขับก็เปิดออก กัปตันผู้ช่วยที่ยังดูหนุ่มเดินออกมาก่อน เขาผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นผมนั่งอยู่ข้างๆ ประตู แต่ทำเป็นกระแอมจัดเนคไทถือกระเป๋าเดินตามสาวๆ ออกไป ทิ้งเวลาไม่นานอีกคนก็ตามมา เขาหยุดกึกทันทีเมื่อเห็นผม
   
“อ้าว”
   
“อะไร! ตกใจเหรอ!?” ผมมองค้อนอย่างตั้งใจกวนตีน “อยู่ดีๆ ก็ได้มาเที่ยวมาเลเซียเฉยเลย”

[ต่อด้านล่าง]


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2016 00:14:20 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP2 | 12/10/2016
«ตอบ #14 เมื่อ10-12-2016 23:58:04 »

ไม่ได้คิดไปเองแน่นอน ผมเห็นว่าเขาพยายามกลั้นขำ
   
“แล้วทำไมไม่บอกลูกเรือล่ะ”
   
“เฮ้อ ช่างเหอะ” ผมสะบัดหัวแล้วทำท่าจะลุกตามเขาไป “เราจะกลับกันกี่โมง”
   
“อะไร?” เขาถามเสียงเข้ม ไอ้บ้านี่ขมวดคิ้วบ่อยจัง
   
“ก็กลับกรุงเทพไง คุณจะขับไฟล์ทกลับเมื่อไหร่”
   
“สายการบินของเราไม่มีกลับในวันนี้”
   
“หมายความว่ายังไง” ผมกอดอกแหงนมองคนตัวสูงกว่าตรงหน้า
   
“เครื่องนี้บินไปกลับมาทั้งวันเที่ยวสุดท้ายเลยจบที่นี่ พอบำรุงเครื่องแล้วจะใช้ได้ในวันพรุ่งนี้ แล้วอีกอย่าง วันนี้ลูกเรือก็เพลียมาก ทุกคนต้องการพักผ่อน”
   
“เดี๋ยวๆ เราต้องอยู่ที่นี่คืนนึงเหรอ!?”
   
“ใช่” เขากระตุกยิ้ม “หรือจะขับกลับไปกรุงเทพเองก็ไม่มีใครห้ามนะ”
   
เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป นั่นไง อยู่ดีๆ ได้มาฮอลิเดย์เฉ้ย! ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยกู


“สวัสดีครับคุณปั๊ม” เสียงเลขาลอยมาจากปลายสาย
   
“ช่วยจองโรงแรมให้หน่อย ตอนนี้ไม่มีอะไรติดตัวเลยนอกจากมือถือ”
   
“คุณปั๊มโดนปล้นเหรอครับ คุณปั๊มควรจะโทรหาตำรวจสิครับไม่ใช่จองโรงแรม”
   
“โอ๊ย นี่โง่หรือกวนตีนอยู่ฮะ! ฉันอยู่มาเลเซีย”
   
“ไปทานอาหารเหรอครับ”
   
“ประเทศมาเลเซีย! ไม่ใช่โรงแรมมาเลเซีย! ไม่มีอารมณ์กินปากเป็ดทอดตอนนี้หรอกนะโว้ยยยย ช่วยจองโรงแรมให้ที!!”
   
“ได้ครับๆ ขอโทษครับ อยากได้โรงแรมประมาณไหนดีครับ”
   
“ขอเตียงสบายๆ และเช็คอินได้ทันทีก็พอ แค่นี้แหละ ขอบคุณมาก!” ผมกดวางสายอย่างหัวเสีย จะทนอยู่กับสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหนวะเนี่ย แค่เริ่มต้นก็พังไม่เป็นท่า
   
“ตรองไม่ใช่เลขาของคุณ ควรจะพูดกับเขาดีๆ นะ” เสียงทุ้มเจ้าปัญหาอันแสนจะคุ้นหูดังอยู่ใกล้ๆ กัปตันหนุ่มยืนมองอยู่ พร้อมกับสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เหมือนเดิม
   
“เขาเป็นเลขาของพ่อผม” ผมพูด พลางกอดอก “แล้วเขาก็เต็มใจจะช่วยผมเอง ช่วยไม่ได้”
   
“เอาแต่ใจจังเลยนะ”
   
“ไม่ใช่ตลอดเวลาหรอกหน่า!” จะหนักตอนที่อารมณ์เสียแบบนี้ไงแหละ ฮึ่ย!
   
เขาส่ายหัวอย่างเอือมระอาจากนั้นก็ก้มมองนาฬิกาข้อมือใต้เสื้อสูทสีดำ
   
“ไม่ได้เอาอะไรมานอกจากโทรศัพท์แบบนี้จะใช้ชีวิตยังไง หิวหรือยัง?”
   
“อย่ายุ่งหน่า... นี่คุณแอบฟังผมหรือไง!?”
   
“ก็มันได้ยินพอดี จะเอายังไง ถ้าหิวจะได้พาไปหาอะไรกิน ไม่มีเงินไม่ใช่หรือไง ยังไงซะมันก็เป็นความผิดผมที่ให้คุณมาเอง”
   
“คุณกำลังโดนผีนักบุญเข้าสิงแล้วครับ”
   
“ก็ตามใจนะ”   

“เดี๋ยว! ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไม่ไป” เขาทำท่าจะเดินหนีแต่ผมขัดไว้ซะก่อน หึ ยอมให้เพราะหิวหรอกนะ
   
เขาหันกลับมาเหล่มอง “งั้นก็ตามมา ผมจะไปเปลี่ยนชุดที่โรงแรมก่อน”
   
“ดีแล้ว ไม่อยากเดินกับกัปตันเต็มยศตลอดเวลา” ผมบ่นไล่หลังขณะเขาเดินนำไป




“ไม่มีที่พักว่างเลยครับ มีแต่โฮสเทล ห้องเดี่ยวที่ว่างส่วนมากเป็นโรงแรมนอกเมืองต้องเดินทางไกล” เลขาโทรมาแจ้งข่าวขณะที่ผมนั่งรอคนเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่บนโซฟาหน้าล็อบบี้โรงแรมที่เขาพัก
   
“อ้าว ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ไกลนิดไกลหน่อยก็ได้”
   
“ผมกลัวคุณปั๊มจะเดินทางลำบาก…”
   
“โอ๊ยยยยย เอามาสักที่นึงเถอะ ไม่ได้ก็เอาตั๋วถูกๆ…”
   
“เอามานี่” อยู่ๆ ก็มีมือใหญ่หนาคว้าโทรศัพท์ผมไปอย่างดื้อๆ กัปตันธีร์กลับมาอยู่ในชุดลำลองสบายๆ ด้วยเสื้อยืดแขนยาวสีฟ้าซึ่งขนาดพอดีตัวแนบรัดสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบจนปรากฏขึ้นเด่น กำลังยืนทำหน้าไม่พอใจอยู่ข้างๆ
   
“ฮัลโหล… ตรองนี่พี่เอง ครับ…ใช่ครับเขาอยู่กับพี่ ตรองไม่ต้องทำอะไรแล้วครับเดี๋ยวพี่จัดการเอง ครับๆ ขอบคุณครับ”
   
เขาว่างสายก่อนจะหันมาหาผม “นอนมันที่นี่แหละ”
   
“อะไรนะ!?”
   
“นี่ปีสองพันสิบหกแล้ว ไม่ใช่ยุคค้าทาส ใช้อะไรใครก็มีเหตุผลหน่อย ถึงจะเป็นลูกน้องตัวเองก็เถอะ แล้วก็อย่าใช้เงินเปลืองนักเลย เงินของพ่อแม่ทั้งนั้น”
   
“ผมแค่อยากนอนสบายๆ”
   
“ห้องที่นี่ก็ออกกว้างจะนอนตรงไหนก็นอนไปสิ ผมจะบอกให้นะ เวลาเรามาทำงานเราเรามาในนามบริษัท ถ้าเขาเปิดห้องแบบไหนโรงแรมแบบไหนให้ก็ต้องยอมรับ เข้าใจมั้ย”
   
“คำพูดโคตรโบราญเลย เปิดห้อง… ทำอย่างกับม่านรูด”
   
“ถ้าไม่หุบปาก มันจะกลายเป็นม่านรูดเดี๋ยวนี้แหละ”
   
ผมค้อนตาเขียวปั๊ด “มะ…หมายความว่าไง”
   
“ช่างเถอะ ผมชักหิวพอๆ กับคุณแล้ว”
   
แล้วเราสองคนก็ออกไปหาอะไรกิน ฝืนใจเดินผ่านร้านอาหารญี่ปุ่นของโรงแรมอย่างหมดอาลัยตายอยาก ถ้ามีเงินอยู่กับตัวจะจัดสารพัดปลาดิบอย่างไม่ลังเล จุดนี้ปลาซ็อคเกอร์ ปลาดุก ปลาหมอดิบ ปลาอะไรดิบๆ ก็กินได้ โอ๊ยหิววววว
   
กัปตันหนุ่มพาออกจากโรงแรมด้วยรถแคมรี่ ตอนแรกเขาพูดว่าจะขึ้นรถไฟใต้ดิน แต่พอเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของผมแล้วเขาก็เปลี่ยนใจเรียกอูเบอร์ให้มารับหน้าโรงแรมแทน เออ ค่อยคุยกันได้หน่อย
   
“ติ่มซำหรอ” ผมถามเมื่อเรามายืนอยู่หน้าร้านอาหารที่เป็นช่องหนึ่งของตึกแถว ดูจากสภาพแล้วเหมือนเป็นร้านอาหารดั้งเดิมที่ขายกันมานาน แต่คนมาใช้บริการเยอะ
   
“มันเป็นร้านติ่มซำ แต่บะกุ๊ดเต๋อร่อยมาก” เขากระตุกยิ้ม
   
“มันสะอาดใช่มั้ย” ผมถาม แต่พอเห็นเขาแยกเขี้ยวใส่เลยพูดต่อโดยไม่ให้เขาแทรก “คือผมเป็นพวกกินอะไรก็ได้แต่สุขอนามัยต้องมาก่อน”
   
“เขาเปิดมาเกือบร้อยปีแล้ว ไม่เห็นมีใครตายสักคนนะ”
   
“เอาดีเอ็นเอพวกลูกค้าขาประจำมาตรวจสิ อาจมีสารพิษตกค้าง ทำให้ตายก่อนอายุขัยก็ได้”
   
“จะไม่กินก็เรื่องของคุณนะ” เขาทำท่าจะเดินหนี ผมเลยกระตุกชายเสื้อเขาไว้
   
“โอ๊ยขี้งอนจังเลย ไปด้วย”
   
แล้วเราก็นั่งอยู่ในร้าน ผมพยายามโฟกัสที่ใดที่หนึ่ง เพราะกลัวว่าสายตาจะสอดส่ายไปมาทั่วร้านแล้วจะเจอหนูกำลังเดินเล่นแล้วกินไม่ลงเอาได้ แต่ถึงยังไงก็ไม่อยากจะมองหน้าคนตรงข้าม ก็เลยต้องทำเป็นอ่านเมนูซ้ำๆ ไปหลายรอบ ตอนนี้จำได้ขึ้นใจแล้วว่าร้านนี้มีอะไรขายบ้าง
   
“ทำไมเลือกนานจัง” เขาถาม คิ้วขมวดท่าประจำ
   
“เอ่อ…” แต่ละอย่างไม่เคยกินเลย จำได้ว่าบะกุ๊ดเต๋อะไรนี่พ่อชอบกินมากคงจะอร่อย แต่ก็ยอมรับว่าไม่ชอบกลิ่นมันสักนิด อยากจะสั่งซาลาเปาติ่มซำก็ไม่รู้ว่าไส้มีส่วนผสมอะไรบ้าง โอ๊ย ถ้าเป็นเนื้อคนขึ้นมาล่ะ หนังเรื่องซาลาเปาเนื้อคนมันทำจากเรื่องจริงๆ นะครับ
   
“เอาติ่มซำชุดนึงก็ได้” ผมบุ้ยปาก
   
กัปตันธีร์หันไปสั่งแม่ค้า แล้วก็ตักน้ำแข็งมาสองแก้วมาวางที่โต๊ะ เวรแล้วไง!
   
เขาเห็นผมกำลังหันมองซ้ายมองขวาอยู่เลยถาม “จะเอาอะไร”
   
“ทีนี่เขามีน้ำแร่ขายมั้ย”
   
เขามองผมกลับมาประมาณว่า ‘เอาจริงดิ’ แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะรินให้อย่างเอือมๆ จากนั้นก็ดันแก้วขุ่นๆ พร้อมหลอดมาตรงหน้า
   
“ผมไม่ดื่ม”
   
“ร้านเขามีแค่นี้ จะกินหรือไม่กิน”
   
“คุณๆ ที่นี่เขาไม่มีน้ำแร่ขายเลยเหรอ เอาแค่น้ำเปล่าแบบดีๆ ก็ได้ ถามให้หน่อยสิ” ผมชะโงกไปยังตู้เครื่องดื่ม เห็นฉลากขวดน้ำยี่ห้อไม่ได้เรื่องอยู่หลายขวด
   
“ไม่มี! นี่คุณอย่าเรื่องมากได้มั้ย”
   
“เอ๊า ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วย! ก็ผมกินไม่ได้เข้าใจมั้ย!!” ผมมองหน้าดุๆ ของเขา รู้สึกอยากจะร้องไห้ “ผมขอยืมเงินหน่อยสิ เดี๋ยวจะไปหาร้านสะดวกซื้อเอง
   
“ไม่ให้! ถ้าเรื่องมากมันก็จะลำบากแบบนี้เข้าใจหรือยัง”
   
และความอดทนของผมก็พังทลาย… “นี่คุณ!! ผมไม่ได้อยากเรื่องมาก ดัดจริตหรอกนะ แต่ผมเป็นพวกกินอะไรชุ่ยๆ ไม่ได้จริงๆ ก็ร่างกายมันเป็นแบบนี้ ถ้าท้องเสียหรือเป็นไข้ขึ้นมามันลำบากกว่ามั้ย ไหนจะค่ารักษามันแพงกว่าค่าน้ำอีกหรือเปล่า!? ถ้าคุณคิดว่าผมดัดจริตก็เรื่องของคุณ ไม่มีใครรู้ตัวเองได้ดีเท่าผมหรอก แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้รำคาญอารมณ์เสียตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ไม่พอใจก็ด่ากันมาแรงๆ เลยเถอะ มาพูดพร่ำเหน็บแนมแบบนี้ไม่รู้หรือไงว่ามันทำให้ผมสมเพชตัวเองขนาดไหน!!”
   
ผมสะบัดตัวออกไปนอกร้าน รู้สึกดวงตาจะอุ่นๆ เหมือนกำลังมีน้ำใสๆ เอ่อล้นออกมาจากข้างใน ผมก้มหน้ามองถนนเพื่อข่มอารมณ์ตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ นั่นไง น้ำตามันไหลออกมาจนได้ อ่อนหัดฉิบหาย
   
ขณะผมเดินล้วงกระเป๋าอยู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าข้างในมีธนบัตรอยู่สองสามใบ เฮ้ยยยย สวรรค์เข้าข้าง เออ… เคยได้ยินว่าที่นี่ก็รับเงินไทยนี่หว่า ลองเอาไปซื้อน้ำแล้วกัน
   
“เดี๋ยว” ใครคนหนึ่งคว้าข้อมือผมในทันที เสียงคุ้นๆ นั้นไม่ต้องบอกเลยก็รู้ว่าใคร …กัปตันธีร์เห็นว่าผมมองก็รีบหลบหน้า สายตาของเขาไม่เหมือนกับแต่ก่อนอีกต่อไป มันกลายเป็น…อ่อนโยน ใช่มั้ยวะ? นี่ไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย
   
“ไปนั่งรอที่ร้าน” เขาสั่ง แต่คราวนี้ไม่หุนหันเหมือนตอนแรก
   
ด้วยความอึ้ง ผมกลับพยักหน้าอย่างว่าง่ายและจับจ้องมือใหญ่ที่กำลังคว้าข้อมือไว้อยู่ กัปตันเห็นอย่างนั้นจึงรีบปล่อยทันที เขามองผมอีกครั้งก่อนจะกระแอมไอเดินไปข้างหน้า เดาว่าคงหาร้านสะดวกซื้อแน่นอน


เรากลับถึงโรงแรมก็ค่ำแล้ว แน่นอนเลยว่าเราเงียบตลอดเวลาขณะที่ร่วมโต๊ะกัน ถามคำก็ตอบคำ เหมือนกลายเป็นว่าเกิดการเกรงใจกันขึ้นมาอย่างนั้น ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย ความรู้สึกตอนนี้มันเหมือนกับว่าเราผิดทั้งๆ ที่จริงแล้วไม่ใช่ด้วยซ้ำ กลายเป็นว่าตอนนี้คนที่หนักใจกลายเป็นผมไปได้ซะนี่ มันต้องเป็นผมที่ยืนกรานว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกต้องและโวยวายกลับไปบ้างไม่ใช่เหรอวะ เออ ออกจะงงๆ อยู่เหมือนกัน
   
“จะอาบน้ำก่อนมั้ย” เขาถาม ผมแค่พยักหน้าก่อนและรีบคว้าผ้าเช็ดตัวไป
   
ระหว่างที่น้ำกำลังชำระล้างร่างกาย ในหัวของผมก็พลันคิดไปต่างๆ นานาถึงต้นเหตุที่ทำให้เกิดภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องการงี่เง่าเป็นลูกคุณหนูของผมแน่ๆ ผมประสบปัญหาโดนกระแนะกระแหนแบบนี้มาตลอดชีวิตจนนับครั้งไม่ถ้วน ผมชินซะแล้ว แต่ที่หนักใจนี่สิ ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรวะ จะบอกว่ารู้สึกผิดที่ทำให้กัปตันธีร์ต้องเดินออกไปซื้อน้ำก็ไม่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์…
   
ใช่! ใช่แน่ๆ! ที่ผมกำลังเป็นอยู่ คือรู้สึกแย่ที่กัปตันต้องมารู้สึกไม่ดีและคิดตัวเองทำให้ผมรู้สึกแย่ โอ๊ย เข้าใจยากนิดหน่อยแต่มันก็จำกัดความได้แบบนี้จริงๆ แหละ เขาแก่กว่าผมตั้งเยอะ มันใช่เรื่องที่ต้องมารับมือกับความงอแงแบบนี้หรือไงเล่า โอ๊ย ทำตัวเด็กจังเลยกู
   
เนี่ย! แล้วก็มาหงุดหงิดที่ตัวเองฟุ้งซ่านอีก พังครืนไปหมดเลยชีวิต!
   
หลังจากอาบน้ำเสร็จ อีกฝ่ายก็เดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างไม่รีรอ ตอนนี้ทุกอณูของร่างกายผมมันพองแน่นไปหมดด้วยความอึดอัด จะพูดกันสักคำได้มั้ยวะ ประมาณว่า ‘อาบน้ำก่อนนะ’ ‘สบายตัวมั้ย?’ ก็ได้ แต่ก็นั่นแหละ เขาจะมาพูดแบบนั้นกับมึงทำไม เพี้ยนแล้วกู
   
ไม่นานนักเขาก็ออกมาจากห้องน้ำ เขาอยู่ในชุดนอนซึ่งเป็นเสื้อยืดกับกางเกงขายาวหลวมๆ เขาดูประหลาดใจที่ผมยังไม่ใส่เสื้อผ้าสักที แน่ล่ะ ผมยังนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ประเด็นคือไม่มีอะไรจะใส่ครับ กูไม่ได้เอาม้าาา!
   
“ทำไมไม่หยิบชุดในกระเป๋าไปใส่ล่ะ นั่งหนาวอยู่ทำไม” เขาถาม
   
“ผมมีมารยาทพอที่จะไม่รื้อของส่วนตัวของคุณนะ” ผมพูด แต่ไม่กล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ
   
เขาถอนหายใจยาวจากนั้นก็เดินฉับๆ ไปยังกระเป๋า คว้าเสื้อยืดแบบเดียวกับที่เขาใส่พร้อมกางเกงขาสั้นซึ่งเหมือนจะเป็นอันเดอร์แวร์
   
“ซักแล้ว ยังไม่ได้ใส่เลย” เขาชิงพูดก่อน เพราะเห็นว่าผมเอาแต่จ้องกางเกงในสีขาวในมือเขา โอ๊ย จะดีเหรอวะเนี่ย
   
เออเอาเหอะ เป็นไงเป็นกัน ไม่ใส่ก็ต้องแก้ผ้านอนปะวะ
   
หลังจากที่เข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำเสร็จ ออกมาพบว่าห้องด้านนอกนั้นมืดสนิท กัปตันหนุ่มนอนนิ่งอยู่บนเตียงเรียบร้อย
   
“คุณมีไนท์ครีมมั้ย” ผมถามเสียงสั่นๆ มาคิดได้ทีหลังว่ากำลังเปิดการ์ดคุณหนูอีกแล้วกู
   
“ไม่มี” เขาพูดในความมืด “จะให้ไปซื้อมั้ย”
   
“ไม่เป็นไร แค่ถามดู” ใครจะกล้าให้ไปวะ แค่นี้ก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว
   
เอาล่ะ ขอนอนสักที ทนให้ถึงตอนเช้าไม่ไหวแล้ว
   
“จะทำอะไร” เขาถามอีกรอบ
   
“ก็นอนไง”
   
“จะนอนที่โซฟาทำไม!”
   
“ก็ผมเกรงใจ” ผมเริ่มหงุดหงิดละ “แล้วก็เลิกดุสักทีได้มั้ย ไม่ชอบเลย”
   
“ผมเนี่ยนะ” เขาถาม จับน้ำเสียงได้ว่าเขากำลังขบขันอยู่ หึ!
   
“นอนที่เตียงไปเหอะ มันเป็นที่ของคุณ”
   
ผมได้ยินเสียงสะบัดผ้าห่ม จากนั้นก็ปรากฏร่างใหญ่เดินเข้ามาใกล้ๆ ด้วยความสายตาสั้นผมจึงได้แต่เพ่งดูจนไม่ทันได้สังเกตว่าเขากำลังจะทำอะไร…
   
“เฮ้ย!!” เขาคว้าเอวผมไว้ด้วยมือข้างเดียว จัดการหิ้วเหมือนกับอุ้มลูกหมาจนผมตัวลอย ไม่ทันได้ดีดดิ้นอะไรรู้ตัวอีกทีหน้าก็กระแทกกับฟูกนุ่มๆ ปากกำลังจะโวยวายแต่… โอ้ เตียงนุ่มจ๋า… (งดงอแงชั่วขณะ)
   
“สบายกว่าใช่มั้ยล่ะ” เขาพูดขณะที่เดินอ้อมไปขึ้นเตียงอีกฝั่ง กัปตันคว้าหมอนใบใหญ่มากั้นระหว่างเราสองคนไว้ ปัญญาอ่อน ของแบบนี้มันต้องใช้หมอนข้างไม่ใช่หรอ
   
“ขอโทษนะ” อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาในความมืด
   
“ไม่ได้ทำจมูก ไม่เจ็บหรอก” เสียงผมดูอู้อี้เพราะนอนคว่ำอยู่ ใช่ครับ ท่าเดิมที่เขาโยนลงมานั่นแหละ
   
“ไม่ใช่” เขาถอนหายใจอีกแล้ว “เรื่องวันนี้ต่างหาก”
   
“อ่า…” ฉิบหายแล้วไง ไม่ได้เตรียมสคริปต์มาด้วย
   
“ผมลืมไปว่าคุณ…”
   
“นี่เลิกเรียกผมว่าคุณได้มั้ย” ผมร้อง “มันได้ยินแล้วรู้สึกตัวเองอย่างกับเทวดา”
   
เขาเงียบไปสักพัก แต่ก็พูดต่อ “ฉันลืมไปว่าเธอโตมายังไง แล้วฉันโตมายังไง ฉันผิดเองที่ว่าไปอย่างนั้น”
   
“อ่า…” เอาไงดีๆๆๆๆๆๆ “ผมก็ขอโทษเหมือนกัน”
   
“หึๆ”
   
เขาหัวเราะอีกแล้ว อะไรเนี่ย!?
   
“มีอะไรน่าขำเหรอ อยู่ดีๆ นึกถึงการ์ตูนวัยเด็กขึ้นมารึไง”
   
“เปล่า ฉันขำที่เธอขอโทษต่างหาก”
   
“เอ๊า! ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไรนะ ไม่ใช่คนงี่เง่าสักหน่อย”
   
“แค่เอาแต่ใจ”
   
“นั่นก็แล้วแต่คนจะคิด ผมขี้เกียจแก้ตัวแล้ว”
   
“คนเราไม่เหมือนกัน”
   
“แล้วคุณเป็นแบบไหนล่ะ” ผมยันตัวขึ้นมองผ่านหมอนใบใหญ่ที่กั้นอยู่ ตกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าเขาหันมาทางนี้อยู่ก่อนแล้ว
   
กัปตันยิ้มกรุ้มกริ่ม 5555 ตลกว่ะ อยากถ่ายรูปเก็บไว้ ทำไมเหตุการณ์นี้ต้องมาเกิดตอนกลางคืนด้วย มันแอบถ่ายยากกกก
   
“เธอพูดมาสิ”
   
“อืม…” ผมคิด “พวกเอาจริงเอาจัง ขี้โวยวาย ขี้หงุดหงิด เบื่อโลก”
   
“ไม่มีอะไรดีเลยเหรอ”
   
“ก็ยังไม่เห็นอะไรนอกจากนี้เลย”
   
“โอเค” เอาพยักหน้า “แต่เธอน่ะเป็นคนซับซ้อน”
   
“ยังไง?”
   
“ตอนฉันไปงานศพพ่อแม่เธอดูเศร้ามาก แต่วันที่เข้ามาประชุมบอร์ดบริหารก็เงียบอย่างประหลาด แล้วอยู่ๆ ก็ร่าเริงออกมาดูงานที่สนามบิน ดูสับสนอับจนหนทางตอนจะหาน้ำกินที่ร้านติ่มซำ” เขาอธิบาย “แค่ไม่กี่วันฉันเจอเธอมาหลายรูปแบบเหลือเกิน แต่ละอย่างก็ไม่เข้ากันสักนิด”
   
“ก็คงซับซ้อนอย่างที่คุณว่าแหละ” ผมพยายามจบเรื่อง รู้สึกประหลาดที่มีใครแจกแจงเรื่องตัวเองให้ฟังแบบนี้ “คุณมีแฟนยัง”
   
“ถามทำไม”
   
“แค่อยากรู้ว่าใครจะทนคนอย่างคุณได้” ถามไปงั้นแหละ จริงๆ ก็รู้แล้ว หึหึ
   
“ไม่มี”
   
“จริงอะ หน้าตาก็ไม่ได้แย่ เห็นตอนคุยกับเลขาของผม เรียกแทนตัวเองว่าพี่ด้วย เคยกิ๊กกันหรือไง?” เหอๆ แซวได้เกรียนมากเลยกู
   
“ตรองอะนะ เห็นกันมาตั้งแต่เป็นเด็กฝึกงานแล้ว พามันไปเลี้ยงน้ำเลี้ยงขนมบ่อย พอจะสนิทกัน”
   
“อ๋อเหรอ” แล้วทำไมกูต้องมีความรู้สึกหมั่นไส้ด้วยวะ
   
“ทำไม หวงเลขาหรือไง”
   
“ใช่ กลัวจะทำงานไม่ได้เรื่องไปมากกว่านี้” ผมนอนพลิกตัวไปอีกข้าง “นอนแล้วนะ ถ้าตื่นก่อนก็ปลุกด้วย”
   
ผมดึงผ้าห่มขึ้นมา ก่อนจะควานหามือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ ว่าจะส่งข้อความให้เพื่อนรักสักหน่อย

ถึง : ไวน์
ดูท่าเกมนี้จะเดือดกว่าที่คิด
ถึงกูพูดว่าจะเล่นเกม แต่เอาจริงกูยังไม่มีแผนอะไรเลย
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่กูสับสนมากขนาดนี้
   
ถ้ามีมึงอยู่คงมีแผนที่สนุกกว่านี้
ที่เจอวันนี้มันทำให้กูไขว้เขวชะมัดเลยว่ะ
รีบกลับมาช่วยกูเล่นเกมนี้เหอะ : )

ฝากความคิดถึงให้หนัง AV ที่ถูกกฎหมายด้วย
รักมิยาบิมาก
จาก : ปั๊ม



จบตอน



สวัสดีครัชชช theneoclassic มาอัพตอน 2 แล้ว ตอนนี้หนูปั๊มรู้สึกสับสนเพราะว่าไม่รู้จะทำยังไงกับเกมต่อ เอาเข้าจริงปั๊มเป็นพวกไม่มีแผนการล่วงหน้า ไม่เคยวางทางการใช้ชีวิตว่าจะเป็นยังไง การเกิดเหตุการณ์ในบทนี้เลยเปลี่ยนทัศนะคติปั๊มไปเต็มๆ แล้วแผนการของปั๊มจะเป็นยังไงก็ต้องติดตามกันต่อไป ตอนหน้าจะได้รู้แย้วครับ

บทๆ นึงยาวไปมั้ยฮะ มีอะไรติชมกันบอกมาได้เลยน้า

อีกนิดๆ คิดไว้อยู่แล้วว่าคงมีคนพูดถึงปั๊ม (อาจจะมีคนไม่ชอบ) 555 แต่ผมต้องการตัวละครแบบเทาๆ ไม่ดีไม่ร้ายจัด ซึ่งคนแบบนี้มีอยู่จริง เจอแล้วปวดหัวเนอะ

กัปตันธีร์อายุ 35 ผมคิดว่ากำลังดีเลยนะ มีใครชอบคนมีอายุบ้างหรือเปล่า อิอิอิ

เจอกันตอนหน้าครับ <3


 :katai5:


magic-moon ขอบคุณน้าที่รอ 555 สนุกจริงเหรอเขินเลย ฮือๆๆ
usguinus ขอบคุณฮะ ติดตามตอนต่อไปด้วยน้า

sirin_chadada จริงๆตัวละครปั๊มนี้พยายามทำให้กลมมาฮะ ไม่เลวร้าย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่ได้ดี 100 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน คนเทาๆ แบบนี้มีอยู่โดยทั่วไป และมีสาเหตุที่ตัวละครนี้เป็นแบบนี้ 55 ติดตามกันต่อไปด้วยนะฮะ ขอบคุณที่อ่าน เย่

Hamzholic อ้าวคุณเพื่อน เผ็ดมั้ย…อืม ตีความคำว่าเผ็ดได้ยังไงหว่า แต่เผ็ดก็ได้ ชอบคำนี้555

puiiz ขอบคุณฮะ ติดตามกันต่อไปด้วยนะ

PrimYJ ตอนที่ 2 มาแย้ววววว มาอ่านแล้วบอกฟีดแบคด้วยนะฮะ ขอบคุณที่ติดตามครัช

Snowermyhae เดี๋ยวมีคนร้ายกว่าปั๊มอีก ฮ่า!

bookie โอ้ววว ขอบคุณมากๆ ฮะแบบขอบคุณจริงๆ คุณทำให้ผมรู้เลยว่าอ่านทุกบรรทัด และผมชื่นใจมากกก ขอบคุณนะฮะ


 :katai5:


ฝากติดตามแฟนเพจ https://www.facebook.com/thene0classic ได้นะฮะ หรือจะคุยกันใน twitter ผ่าน #firemetothemoon ก็ได้นะครับ ยั๊กนะ <3


 :katai5:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2016 00:49:23 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Fire Me to the Moon • EP2 | 12/10/2016
«ตอบ #15 เมื่อ11-12-2016 00:37:34 »

อร๊ายยยยยย ยิ่งอ่านยิ่งชอบ   :ling1: :ling1: :ling1:
รอตอนต่อไป
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: Fire Me to the Moon • EP2 | 12/10/2016
«ตอบ #16 เมื่อ11-12-2016 01:01:23 »

ขอให้คุณธีร์นำทางให้ปั๊มได้เจอแต่สิ่งดีๆด้วย

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
Re: Fire Me to the Moon • EP2 | 12/10/2016
«ตอบ #17 เมื่อ11-12-2016 01:32:04 »


อ่านตอนเริ่มต้นสมัยอดีต เป็นอะไรที่หงุดหงิดใจมาก คือคิดขึ้นมาเลยว่า "คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล" มากๆ อีเพื่อนไวน์นิสัยไม่ดี มาดึงด้านมืดในจิตใจน้องปั๊ม แล้วดันโดนคนที่คาดว่าน่าจะเป็นกัปตันธีร์ (แอบเดานะ) เห็นอีก น่าอายชะมัด!

ตอนช่วงที่สนามบินกับบนเครื่องบินดี จากนั้นก็มีความฟินต่อเนื่องเป็นระยะ โดยเฉพาะตอนที่กัปตันธีร์พูดว่า “ถ้าไม่หุบปาก มันจะกลายเป็นม่านรูดเดี๋ยวนี้แหละ” คือแบบ แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย ร้ายอะ  :z3: แต่ก็ชอบนะ อิอิ

ส่วนตอนที่เจ็บปวดที่สุดน่าจะเป็นตอนกินน้ำ คืออินมาก เพราะโดยส่วนตัวเราก็เป็นคนแบบปั๊ม คือลองจินตนาการร้ายก๋วยเตี๋ยวที่มีเหยือกน้ำพลาสติกตั้งไว้ให้ แล้วเราไม่รู้ว่าที่มาที่ไปของน้ำมาจากไหนดิ ไหนจะแก้วน้ำสีขุ่นๆ อีก คือรับไม่ได้มากๆ แล้วกัปตันธีร์คือดุมาก บังคับจิตใจมาก คืออ่านแล้วอินอะ น้ำตาคลอเลยตอนนั้น คือถ้าปั๊มทนกินตอนนั้นคือจะโกรธคนเขียนมากอะ เพราะขนาดตอนที่คุณกัปตันผู้ติดดินเอาเงินมายื่นให้ ใจเราตอนอ่านคือยังไม่อยากรับเลย แถมยังมีการอยู่ๆ มาจับมือด้วย เป็นเราคงสะบัดมืดทิ้ง คือบอกกับตัวเองเลยว่า ถ้าไม่ขอโทษนะ จะเลิกอ่านนิยายเรื่องนี้ตลอดไป

ผลปรากฏคือดันมาฟินเอาตอนกลับโรงแรมไง ทั้งตอนคุณกัปตันอาบน้ำเสร็จแล้วใส่ชุดนอนออกมา (ยอมรับว่าแอบจินตนาการถึงอิมเมจเวียร์ที่คนเขียนแปะไว้ แล้วฟินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก!) ไหนจะตอนอุ้มมานอนอีก ตอนคุยกันอีก โอ๊ยยยยยยยย เขินนนนน

แถมคุณกัปตันธีร์ยังมีการขอโทษตามที่เราต้องการด้วย เลยเป็นอันว่าเราให้อภัย งื้อออออออ รออ่านบทต่อไปนะ


 :hao5:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: Fire Me to the Moon • EP2 | 12/10/2016
«ตอบ #18 เมื่อ11-12-2016 01:36:53 »

โอ้โห สนุกอ่ะคุณหนูปั๊มจะซื้อใจพนักงานได้มั้ย

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP2 | 12/10/2016
«ตอบ #19 เมื่อ12-12-2016 01:42:13 »

สนุกมากค่ะ และฟินมากค่ะ จริงๆพี่กัปตันเค้าก็ใจดีนะ แต่น้องปั๊มก็แสบไง 5555555
เราแอบอินตอนที่ปั๊มไม่ยอมกินน้ำของร้านด้วย แบบเข้าใจปั๊มเลย บางคนก็อ่อนไหวกับเรื่องความสะอาดมากนะ บางทีกินอะไรผิดแปลกไปสักหน่อยหรือไม่สะอาดก็อาหารเป็นพิษไปเลย เรานี่เป็นบ่อย เวลาไปกินอะไรที่ไหนก็ต้องเซฟสุดๆเลยเพราะไม่คุ้มค่ายา 555555
เป็นกำลังใจให้นะคะ จะรออ่านตอนต่อไปนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Fire Me to the Moon • EP2 | 12/10/2016
« ตอบ #19 เมื่อ: 12-12-2016 01:42:13 »





ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP3 | 12/19/2016
«ตอบ #20 เมื่อ19-12-2016 02:02:31 »

หมายเหตุ: ชื่อนิยายเรื่องนี้เกิดจากการเล่นคำที่คนเขียนต้องการเล่ามู้ดของเรื่อง
ลองคิดว่า ถ้า FLY ME TO THE MOON = โรแมนติก
fire me to the moon = ?

ตามนั้นเลยครับ





“แม่อยากให้ลูกรู้ว่าแม่รักลูกมากนะ” เสียงจากปลายสายฟังดูอ่อนโยน

เด็กชายอายุสิบขวบจับโทรศัพท์ในมือแน่น

“แม่รีบกลับมานะฮะ”

“แม่กลับไปหาลูกเสมอจ้ะ”

“ครับ แค่สิบเดือนเอง” เขายิ้มกับตัวเอง “ทำงานให้สนุกนะฮะ”

“เรียนให้สนุกจ้ะ แค่นี้นะลูก”

หลังจากที่วางสาย เขารู้ทันทีว่าจะต้องโตขึ้นเพื่อสู้กับความเดียวดายอันแสนยาวนานนี้ ซึ่งในอนาคตมันจะมาอีกหลายครั้งแน่นอน

…. วันนี้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ



“นี่คืออีเมลของคุณสำหรับการใช้งานในบริษัท ส่วนนี่เบอร์โต๊ะทำงานของคุณครับ” เลขาหนุ่มของผมวางเอกสารที่สำคัญไว้ให้ ตอนนี้ผมใช้อำนาจเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้โต๊ะทำงานเก่าของพ่อมาไว้ในครอบครอง ผมตัดสินใจแล้วว่าหลังจากนี้จะเข้ามาที่บริษัทบ่อยขึ้นเพื่อดูความเป็นไปต่างๆ ด้วยตัวเอง อยากให้เรียนรู้นัก ก็ขอสักหน่อยแล้วกัน

แต่…ตอนนี้ผมมีเรื่องอยากจะถามเลขานิดหน่อย

“เคยกิ๊กกับกัปตันธีร์หรือเปล่า” ผมจู่โจม อีกฝ่ายหน้าซีดทันที อย่างกับโดนใครเปิดก๊อกที่ท้ายทอยแล้วเลือดไหลหมดตัวในห้าวิฯ

“ไม่เคยครับ”

“แน่ใจ? ได้ยินเมื่อวานเรียกกันพี่เรียกกันน้อง ดูสนิทสนม”

“พี่ธีร์เคยพาไปกินข้าวแค่ไม่กี่ครั้งเองครับ”

“แล้วไม่เอะใจบ้างเหรอว่าอยู่ดีๆ ทำไมเขาถึงพาไป”

เขาหวังฟันมึงน่ะสิ!

“ไม่นะครับ พี่ธีร์เขาใจดี” เลขาหนุ่มยิ้มอย่างโอนโยน

โอ๊ย นี่โดนล้างสมองไปด้วยหรือไงวะ ไม่อยากรู้แม่งแล้ว ผมรีบโบกมือไล่เลขาออกไปเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เฮอะ! ไอ้ประวัติที่ว่าเจ้าชู้ชอบกินเด็กที่ทำงานรายงานอะไรมานั่น ทีหลังก็วงเล็บไปด้วยสิว่าเป็นประสบการณ์ตรง น่าหงุดหงิดชะมัด

ผมไม่คิดจะเปลี่ยนอะไรในห้องทำงานของพ่อเลย อะไรที่อยู่ตรงไหนก็ปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้นต่อไป ทุกๆ ตารางนิ้วในห้องนี้จะทำให้ผมนึกถึงท่าน และมันก็ทำให้ผมรู้สึกดี

ว่าแต่ มีอีเมลบริษัทเป็นของตัวเองมันเจ๋งชะมัด ลองอวดไอ้ไวน์ดีกว่า


   ทักทายจากอีเมลบริษัท!
   ตอนนี้กูได้นั่งกระดิกเท้าอยู่ในห้องทำงานของพ่อแล้ว
   ถึงแม้พวกคนแก่บางคนในนี้ไม่ค่อยเห็นด้วยก็เหอะ
   คราวก่อนมึงได้ข้อความจากกูหรือเปล่า?
   เพราะมึงไม่ตอบกลับมาเลย
   
   ตอบกลับด่วน
   C U BROOOO 



หึหึ เท่สุดๆ แค่ส่งเมลบริษัทในห้องทำงานแบบนี้ก็รู้สึกฮึกเหิมแล้ว

ตืดดดดดดดดดดด!

เสียงโทรศัพท์สำนักงานร้องขณะที่ผมยังมองหน้าจอคอมฯ โอ้ ตื่นเต้น สายแรกของการทำงานในห้องพ่อ

“สวัสดีครับ”

“เล่นบ้าอะไรอยู่เนี่ย” เสียงปลายสายเปิดบทสนทนาทันทีที่รับ ไม่ทันจบประโยคก็เดาได้แล้วว่าใคร

“ว่าไงกัปตัน คุณกำลังคุยกับรักษาการซีอีโอเชียวนะ”

“นี่ฉันจริงจังนะ เธอทำอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่า”

“รู้สิ ก็กำลังศึกษาดูงานในแบบของผม ง่ายๆ นั่งสบายๆ อ่านรีพอร์ต ไม่อยากลุยภาคสนามแล้ว เดี๋ยวได้ไปมาเลเซียอีก” ประโยคหลังผมกระแทกเสียงให้ดูจงใจด่านิดนึง

“คิดบ้างมั้ยว่ามันอันตราย” เสียงกัปตันปลายสายดูกังวล ผมรู้สึกไม่ค่อยดีกับน้ำเสียงของเขาจังเลย

“ใจเย็น ไม่เห็นมีปืนสักกระบอก” ผมหัวเราะพร้อมกับหยอดมุข ผมรู้น่าว่าเขาหมายถึงอะไร อันตรายที่ว่าก็คงหนีไม่พ้นคนในบริษัทนี่แหละ “ใครจะทำอะไรผมได้ ไม่ต้องห่วงนะ”

“ไม่ได้ห่วง”

“รู้หรือเปล่าที่คุณกำลังทำคือเป็นห่วง”

“ก็อาจจะเป็นห่วง” อยู่ดีๆ ปลายสายก็พูดเสียงเย็นเปลี่ยนบรรยากาศไปทันที อะไรของเขาวะ

“เห็นมั้ยยอมรับแล้ว ฮ่าๆ” หัวเราะเก้อๆ เปลี่ยนสถานการณ์สักนิดเถอะครับ

“ก็ห่วงแบบเพื่อนมนุษย์ กลัวเธอจะตกเป็นอันตราย”

“เสียใจด้วย ผมไม่ใช่อีหนูของคุณ ไม่ต้องห่วงวิตกกังวลมากนะครับ” ยอมรับว่ากวนส้นตีน ฮ่าๆๆๆๆ

“งั้นก็มาเป็นอีหนูของผมมั้ยล่ะครับ”

ตายโหง!

“เอ่อ… มีอะไรอีกมั้ย” เวรเอ้ย ไม่น่าแซวเลยกู หน้าชาเต็มๆ

“ค่อยว่ากัน ถ้าคิดว่าไม่มีอะไรก็อย่าประมาท ดูแลตัวเองด้วย ฉันกำลังบินไปนิวเดลีพรุ่งนี้จะกลับ”

“ผมเป็นเจ้านายคุยนะ ไม่ต้องรายการทุกเรื่องมั้ย?” พูดกับกูอย่างกะกูเป็นเลขา “ไปทำงานของคุณซะ แค่นี้แหละ”

แล้วผมก็วางสายไปอย่างดื้อๆ โดยไม่ให้เขาพูดอะไรต่อ หึหึ

แปะแปะ… โอ๊ยยย หน้าชาไม่หายเลย นี่ถึงกับเอามือตะปบหน้าตัวเอง ไร้ความรู้สึกใดๆ ครับ สงสัยชาจนเซลล์ผิวตายด้านแล้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ประตูห้องทำงานถูกเคาะตามมาด้วยการโผล่หัวมาของเลขาผม ตรองถือกระเป๋าใบเล็กๆ ไว้ในมือเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก

“ผมไปกินข้าวนะครับ” เสียงเล็กๆ นั้นเอ่ย

เอ๊า เที่ยงแล้วเหรอเนี่ย ทำไมไม่รู้สึกหิวเลย

“ไปสิ” ผมโบกมือ “แล้วถ้าจะไปไหนไม่ต้องขออนุญาตฉันก็ได้นะ”

“ไม่ได้ครับ เลขาเก่าของคุณพ่อคุณเคยหนีไปซื้อกาแฟ ทำให้คู่ธุรกิจติดต่อไม่ได้ เสียหายหลายล้านเลย”

“อ๋องั้นมาขออนุญาตบ่อยๆ แล้วกันเนอะ” ถ้าเสียอีกหลายล้านมีหวังพ่อกับแม่ลุกขึ้นมาหักคอกูแน่นอน

“งั้นผมไปนะครับ” ตรองทำท่าจะหันหลัง

“เดี๋ยว”

“ครับ?”

“ปกติไปทานข้าวกับใครตอนกลางวัน”

“อ่า… คนเดียวครับ”

โอ๊ย น่าสงสาร ทำไมทำหน้าหงอยเหงาแบบนั้นวะ

“งั้นรอแปบเดี๋ยวฉันไปด้วย” ผมคว้ากระเป๋าตังค์ก่อนเดินนำเลขาออกไป ทำเซียนเหมือนรู้ว่าอยู่ตรงไหน


ผมเคยได้ยินมาว่าที่ตึกเรามีศูนย์อาหารระดับกลางคอยบริการพนักงานทุกคน ทั้งชั้นถูกเนรมิตเป็นร้านรวงเรียงกันเกือบครึ่งร้อย พอมาเจอกับตาผมแปลกใจมากที่แต่ละร้านไม่ได้ราคาถูกๆ เลย แบบนี้พนักงานเงินน้อยจะสะดวกใจได้ยังไงวะ หลังจากพยายามมองๆ ดู จะว่าไปผมก็ไม่เห็นพวกพี่ยามกับป้าแม่บ้านมาทานอาหารที่นี่เลย บางทีคนพวกนั้นคงนำอาหารมาเองไม่ก็ออกไปทานที่ตลาดข้างๆ ตึก สังเกตจากราคาร้านต่างๆ ที่เดินผ่านมาแล้ว… อืมครับ เป็นผมผมก็ทำ

“ร้านไหนอร่อยแนะนำหน่อยดิ”

“อ้าวไหนบอกไม่หิวครับ”

เฮ้อ บางทีก็อยากเอาขวานเจาะไปที่หน้าเอ๋อๆ ของไอ้เลขานี่จัง

“เอ่อ… ร้านนั้นครับ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่อร่อยมาก” มันคงเห็นสายตาเอาเรื่องของผมเลยชี้ไปที่ร้านใกล้ๆ ทางเข้าอย่างลนๆ เออ คนมุงเยอะดีแฮะ

ผมเดินไปยังเป้าหมายตามที่เลขาชี้ ปัญหาอยู่ที่ผมไม่รู้ว่าก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่หน้าตาเป็นยังไงนี่สิ ถึงจะเคยได้ยินมาบ้างแต่ก็ไม่เคยได้ลิ้มลองสักที เขาสั่งกันยังไงหว่า ต่อแถวก่อนแล้วกัน เนียนๆ ลักจำจากคนหน้าไป

“สวัสดีครับคุณธารทอง”

ผมหันขวับตามเสียง ใครเรียกชื่อจริงกูวะ บ้าเอ๊ยยยย มาซะเต็มยศเลย ใช่ครับ ธารทองคือชื่อจริงผมเองครับ

ด้านหลังผมมีผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ (เล่นเอาผมกลายเป็นคนแคระไปเลย) ยืนยิ้มให้เหมือนกับรู้จักผมมานาน ดูจากการแต่งตัวแล้วคงจะทำงานอยู่ในตึกละมั้ง แต่ใส่สูทแบบนี้คงจะเป็นระดับสูงพอดู แต่งงตรงที่แจกความเป็นมิตรใส่กูขนาดนี้ เอ่อ…เรารู้จักกันตอนไหนวะครับ?

“อ่า สวัสดีครับ” ผมยิ้มกลับตามมารยาท


[ต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP3 | 12/19/2016
«ตอบ #21 เมื่อ19-12-2016 02:04:24 »

คนด้านหลังเอียงคอเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยสักลายดอกไม้สีแดงผสมเขียวอยู่บริเวรซอกขอด้านขวา ดูท่าจะสักมานานแล้ว เพราะสีดูด้านๆ ไม่เหมือนรอยใหม่ แต่นี่ถ้าไม่สังเกตไม่มีทางเห็นเลยนะเนี่ย ปกเสื้อสูทมันบังไว้แท้ๆ ทำให้รู้ได้เลยว่าหมอนี่คงจะเคยเกเรมาก่อนแน่นอน

“ครับ?” เลิกคิ้วมองไปก่อน ลองเชิงๆ

“เราชื่อเพชรนะ ทำงานอยู่สายการบินเฟิร์สแอร์นี่แหละ มาเก็ตติ้งไดเรกเตอร์”

อ๋อ! ว่าแล้วว่าทำไมคุ้นๆ หน้า ผมจำได้ว่าคนนี้ก็อยู่ในห้องตอนประชุมบอร์ดบริหารด้วย นั่งถัดจากลุงวินัยไปไม่กี่เก้าอี้เอง

“ครับ”

“มากินข้าวแบบนี้ ใกล้ชิดพนักงานจังเลยนะ” เขาพูดยิ้มๆ ตอนนั้นเองที่แถวเคลื่อนพอดี ไอ้เพชรอะไรนี่ถือวิสาจับเอวผมและดันให้ไปข้างหน้า เฮ้ย! ใช่เรื่องมั้ยวะ

“อ่าครับ… อยากรู้ว่าศูนย์อาหารที่นี่เป็นยังไง” แถวไม่เคลื่อนแล้ว ปล่อยเอวกูได้แล้วมั้งไอ้ยักษ์!

“อร่อยทุกร้านเลย เราก็มาที่นี่เป็นประจำ”

“ครับ” ผมยิ้มแหยๆ ให้อีกฝ่ายรวมทั้งสะบัดตัวให้หลุดจากมือปลาหมึกอย่างจงใจ โชคดีที่ถึงคิวผมจนได้

“เอาก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ครับ” ผมสั่งอย่างฉะฉาน

“เส้นอะไรคะพ่อหนุ่ม”

เวร! แล้วมันมีเส้นอะไรบ้างวะเนี่ย โอ๊ย เส้นก๋วยเตี๋ยวมันมีกี่ประเภทนะ

“ผมแนะนำว่าเส้นใหญ่นะ” อยู่ๆ ก็มีเสียงกระซิบข้างๆ ใบหู เล่นเอาขนลุกสู้ ไอ้เพชรอะไรนี่มัน…

“ว่าไงจ๊ะ…”

“เส้นใหญ่ครับ” ผมพูดเสียงสั่นๆ เพราะตกใจที่มีคนมากระซิบใกล้ๆ ไงล่ะ และก็ช่วยไม่ได้ ไหนๆ เส้นใหญ่ก็มาอยู่ในหัวแล้ว สั่งเลยแล้วกัน แต่ขอเพิ่มอ็อปชั่นหน่อยนะ

“ไม่ใส่ผงชูรสกับถั่วงอกนะครับ”

“สารพิษในอาหารเดี๋ยวนี้มันเยอะเนอะ” นั่นไง กระซิบอีกแล้ว ขนลุกจนจะแข็งเป็นหนามทุเรียนแล้วนะ “ไว้ว่างๆ จะไปพากินอาหารคลีนๆ นะ”

“ไม่เป็นไรไปเองได้” ขอเลิกครับหน่อยเถอะ และดูท่าก็ไม่ได้อายุเยอะกว่ากันเท่าไหร่ น่าจะห่างจากผมไม่กี่ปีด้วยซ้ำ

“หึๆ” เพชรหัวเราะในลำคอขณะที่คนขายยื่นจานอาหารมาพอดี หน้าตามันดูใช้ได้ และด้วยความที่ผมไม่คิดจะปรุงอะไรเพิ่มอยู่แล้วจึงรีบหยิบตะเกียบและรีบเดินไปหนีไปทันที

“แล้วเจอกันนะท่านประธาน” เสียงกวนๆ แว่วมาแต่ผมไม่คิดจะสนใจเลยสักนิด ขนลุกโว้ยยยยยยย


“สวัสดีครับป๊า วันนี้ปั๊มไปนั่งในห้องทำงานมาด้วยแหละ ป๊าอย่าโกรธนะ แต่ผมไม่อยากให้ใครมานั่งห้องป๊าจริงๆ ปั๊มทำใจไม่ได้อ่า… อ๋อแม่ครับ วันนี้ปั๊มนั่งรถผ่านร้านเป็ดย่างแถวๆ ตึกเรามาด้วย จำได้ว่าเคยไปด้วยกัน คิดทุกอย่างเลย คิดถึงป๊า คิดถึงแม่ คิดถึงปู่กับย่าด้วย”

เหมือนคนบ้าใช่มั้ยครับที่พล่ามอยู่คนเดียว แต่ผมกำลังอยู่ที่หลุมศพครอบครัวหลังบ้านนั่นเองครับ วันนี้ต้องกลับบ้านมาเร็วหน่อยเพราะเวียนหัวอย่างกะทันหัน คงเป็นก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่แน่ๆ อาจจะเป็นเพราะว่าแม่ครัวคงจะเผลอใส่ผงชูรสไป พอดีผมแพ้น่ะ แต่ถ้าได้รับได้ในปริมาณไม่เยอะมากก็จะคลื่นไส้แบบนี้แหละ

“ขอโทษที่รบกวนครับคุณปั๊ม มีแขกมารอพบครับ กลัวว่านานกว่านี้เขาจะรอ” ลุงเอกเดินออกมาจากตัวบ้านเพื่อมาตามผม เฮ้ย ใครจะมาหาเวลานี้วะ

ผมเดินเข้าไปในห้องรับแขกแล้วก็ตกใจแทบสะดุ้ง กัปตันธีร์!! แม่งแต่งตัวซะเต็มยศแถมพ่วงมาด้วยกระเป๋าเดินทางใบโตที่ตั้งอยู่ข้างโซฟา เขาอยู่ในชุดนักบินเต็มยศนั่งเท้าคางกับพนักเก้าอี้หลับตาอย่างเหนื่อยล้า รอมานานแค่แล้วเนี่ย

“ขอโทษที่ผมไม่เรียกให้เร็วกว่านี้ครับ” ลุงเอกเข้ามาพูด

“พี่ชัยปล่อยให้เข้ามาได้ยังไงวะ” ผมบ่นถึงยามหน้าบ้าน “แล้วรู้ได้ยังไงว่าบ้านเราอยู่ไหน”

“เขาคงเคยมาตอนเลี้ยงปีใหม่ทุกปีน่ะครับ แต่คุณปั๊มมัวแต่ฉลองอยู่ที่ต่างประเทศ”

“นี่ก็เลิกกัดสักทีได้มั้ยเนี่ย”

“ขอโทษครับ… แล้วก็ขออนุญาตถาม เขาใช่คนที่คุณปั๊มเคยให้เลขาสืบประวัติ…”

“ชู่ว!” ผมชูนิ้วชี้ “เลิกพูดสักทีน่า ไปเอาโกโก้ร้อนมาให้แก้วนึงไป”

“ดูผิดปกตินะครับ” ลุงเอกพ่อบ้านที่อยู่มานานหรี่ตามอง “แต่รอสักครู่ครับ ผมจะทำมาให้แขกของคุณด้วยอีกแก้ว”

ผมจ้องจนคุณพ่อบ้านขี้เผือกเดินหายลับไป เฮ้อ แล้วกัปตันเขาจะมาทำอะไรเวลานี้เนี่ย หาเรื่องเปลี่ยนที่นอนอีกหรือไง เออจริงสิ ไหนเขาบอกว่าไปอินเดียจะกลับพรุ่งนี้

“คุณๆๆ” ผมเขย่าไหล่คนที่นั่งอยู่ นึกอิจฉาเบาๆ เมื่อทันทีที่สัมผัสได้ถึงมัดกล้ามที่แน่นหนานั้น อยากมีกล้ามบ้างโว้ย

“หือ… อ้าวมาแล้วเหรอ” กัปตันหนุ่มบิดขี้เกียจก่อนจะมองหน้าผม ดูท่าเขาจะเหนื่อยมากนะเนี่ย

“ไหนบอกกลับมาพรุ่งนี้ แล้วนี่อะไร มาบ้านคนอื่นกลางค่ำกลางคืนไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้”

“ซื้อของมาฝาก"

“ฮะ!?” ผมนี่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยครับ

“อ่ะนี่” กัปตันค้นอะไรยุกยิกอยู่ในกระเป๋าพักใหญ่ก่อนจะยื่นสิ่งหนึ่งมา มันคือ…

“เครื่องรางนำโชค เห็นขายในเมืองเขาว่ามันเหมาะสำหรับผู้นำ เธอควรพกไว้”

“ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้หรอก” ผมรับพวงขนนกนานาชนิดนั้นมาอย่างงงๆ แอบเห็นหินมีอักขระแปลกๆ ห้อยต่องแต่งอยู่ด้วย “แล้วจะบอกได้ยังทำไมกลับมาวันนี้”

“ซื้อไฟล์ทกลับมา”

“ฮะ? ซื้อตั๋วกลับมาเลยเหรอ มีธุระด่วนหรือไง”

“ไม่ใช่ ซื้อไฟล์ทคือสลับเที่ยวบินกับกัปตันอีกคน ไอ้นั่นเลยต้องอยู่นิวเดลีอีกวันแทนฉัน เข้าใจมั้ย”

“อ่อ” พยายามจะเข้าใจนะ “เพื่อซื้อของมาฝากแค่นี้เหรอ”

“โกโก้ครับคุณ” ยังไม่ทันได้คำตอบก็มีคนมาเผือกอีกแล้วจ้า ผมรับแก้วทั้งสองใบมาก่อนจะส่งสายตาดุๆ ไปให้ พ่อบ้านพยักหน้าอย่างรู้กันและหายวับไปในครัวอีกรอบ คราวนี้คงจะไม่ออกมาแน่ถ้าไม่ได้เรียก

“อ่ะ” ผมยื่นแก้วเครื่องดื่มอุ่นๆ ให้กัปตัน

“จริงๆ จะมาด่าเรื่องที่ทำวันนี้ด้วย แต่ขี้เกียจแถมง่วงมาก คงต้องไว้วันอื่น” เขาว่า

“ด่าเลยได้มั้ย พร้อมแล้ว”

“ไม่ได้ ของแบบนี้ต้องจริงจังและใช้เวลา”

โอ้ แบบนี้จะนับว่าเป็นเรื่องดีได้ใช่มั้ยเนี่ย ขี้หูจะได้ไม่เต้นระบำอีกวัน

“งั้นก็กลับบ้านบ้านดิ”

“ว่าจะไม่กลับแล้ว เดี๋ยวเปิดโรงแรมเอา มีไฟล์ทที่ต้องแทนกัปตันที่อยู่อินเดียตอนหกโมงเช้า”

“หา!?” ผมเงยหน้ามองนาฬิกาข้างฝา “อีกไม่กี่ชั่วโมงเองนะ” ถ้าเป็นกัปตันก็ต้องยิ่งเตรียมตัวให้เร็วขึ้นกว่านั้นอีกไม่ใช่หรือไง

“ก็นั่นไง ฝันดีนะ”

ผมมองคนตัวใหญ่ที่งัวเงียจนสภาพดูเหมือนลูกวัวเพิ่งคลอดไม่มีผิด โอ๊ย สงสาร แล้วจะแลกไฟลท์กลับมาทำไมเนี่ย ไม่ใช่จะมาสั่งสอนอย่างเดียวแล้วม้างงงง นี่ถ้าเดาแบบใจหมาเลยคืออาจจะติดหญิงชัวร์

“ไม่ต้องเลย นอนมันที่นี่แหละ อยู่ใกล้สนามบินกว่าบ้านคุณชัวร์”

“ไม่เป็นไร”

“นี่! ใครจะช่วยอะไรก็รับไว้บ้างได้มั้ยฮะ”

“ด่าตัวเองอยู่หรือไง”

“เออ เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนอยู่มาเลเซียคุณถึงช่วยผม นี่ไง! ถึงเวลาตอบแทนบ้างแล้ว นอนนี่แหละ กว่าจะไปหาโรงแรม กว่าจะได้นอน เดี๋ยวคุณง่วงจนทำเครื่องบินตกก็ซวยกันพอดี”

“ฉันมืออาชีพพอ”

“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องมืออาชีพไม่มืออาชีพ มันเกี่ยวกับสุขภาพ คุณครึ่งชีวิตแล้วนะ ตายไปแบบคนชราดีกว่าโรคสะสมหรือเปล่าล่ะ”

“เป็นห่วงหรือไง” กัปตันใช้ประโยคเด็ดที่ผมกวนตีนเขาในโทรศัพท์วันนี้

“งั้นก็ไปนอนวัดที่ไหนก็ไปป่ะ” ผมเท้าเอว เริ่มหงุดหงิดละนะ ไม่ค่อยทำดีกับคนอื่นนักหรอกนะเว้ยยย

“ก็ได้ เปลี่ยนใจแล้วจะนอนที่นี่” ไอ้คนตัวใหญ่เอนตัวเหยียดแขนขาสบายใจ  น่าหมั่นไส้ชะมัด ตัวใหญ่จนจะเกินครึ่งโซฟาอยู่แล้ว

“ลุงเอก จัดห้องให้แขกด้วย” ผมตะโกนเข้าไปในห้องครัว ไม่นานพ่อบ้านก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้มแบบ…น่ากลัว อะไรของเขาวะ ยิ้มทำไม ขนลุก

“จัดให้นอนในห้องคุณปั๊มใช่มั้ยครับ”

“จะบ้าเรอะ ห้องนอนแขกก็มี เร็วๆ เลยกัปตันเขาง่วงจะตายอยู่แล้ว” ผมโวยวายไล่หลังพ่อบ้านที่เดินขึ้นบันไดไป

“เธอก้าวร้าวแม้กระทั่งพ่อบ้านเลยเหรอ” กัปตันธีร์ส่งเสียงถามเบาๆ

“ปกติผมก็พูดกับเขาแบบนี้แหละ อยากให้อ่อนหวานกันไปถึงไหน”

อีกฝ่ายยักไหล่ เอ๊า อะไรของเขา

“เอากระเป๋าไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวพ่อบ้านยกขึ้นไปให้”

“ฉันยกเองได้ สงสาร แกแก่แล้ว”

เล่นซะกูรู้สึกผิดเชียว…

“เออตามใจ งั้นรอตรงนี้นะ เดี๋ยวลุงเอกคงมาตาม”

“ขอบใจ”

“ฮะ!? อะไรนะ!?” จริงๆ ได้ยินครับ แต่กวนตีนไปงั้น

“ฉันบอกว่าขอบใจ”

“ดีใจจัง”

“ดีใจทำไม”

“ก็แปลว่าผมไม่ต้องเป็นหนี้คุณคราวที่แล้วไง เจ๊ากันไปเลย” ผมยิ้มร่า ฮ่าๆๆ

“เออก็แล้วแต่จะคิด แต่จริงๆ ไม่ได้เห็นมันเป็นบุญคุณอะไรเลยนะ ฉันเต็มใจ”

“ใครจะรู้ลึกๆ คุณอาจจะคิดก็ได้” และผมก็ไม่อยากติดค้างใครจริงๆ นี่หว่า “ผมง่วงแล้ว เจอกันพรุ่งนี้เช้านะ”

“แล้วบอกไม่ชอบ แต่ถือติดตัวเลยนะน่ะ” กัปตันชี้มายังเครื่องรางที่อยู่ในมือผม

“อ้าวก็เป็นของฝากไม่ใช่เหรอ จะให้โยนทิ้งมั้ยล่ะ” ผมพูดแค่นั้นก็เดินขึ้นห้องนอนเลย ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงแหะ

หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จผมก็หรี่ไฟเตรียมจะนอน ตั้งใจจะไปปิดม่านเพราะวันนี้แสงจันทร์ส่องสว่างเหลือเกิน แต่ยังไม่ทันจะได้จับอะไร ผมก็เห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่ตรงสุสานของครอบครัว ผมเพ่งสายตาสู้กับความมืดก็พบว่านั่นคือกัปตันธีร์นั่นเอง เขาไม่ได้อยู่ในชุดนักบินแล้ว เป็นเสื้อยืดกับกางเกงขายาวชุดนอนประจำตัวเขานั่นแหละ

เขากำลังนั่งคุกเข่าพร้อมกับพนมมือบ่นงึมงับซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าผมไม่มีทางได้ยิน ทำอะไรของเขาวะ ยังไม่ทันอึดใจอยู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองผมซะงั้น เล่นเอาผมสะดุ้งจนต้องรีบปิดม่านทันที ไม่อยากโดนด่าว่าเป็นพวกชอบสอดรู้เรื่องชาวบ้าน

ผมนอนเล่นโทรศัพท์เช็คกล่องข้อความไปพลางๆ อยู่ๆ การแจ้งเตือนก็เด้งว่ามีอีเมลส่งเข้ามา ใครวะจะส่งอะไรมาตอนนี้ได้ นอกจาก…

กล่องข้อความขาเข้า
(1)ข้อความใหม่

จาก : ไวน์
มึงจำได้ใช่มั้ยว่ากูต้องเรียน ไม่ใช่รอรับทรัพย์อย่างมึง

เกิดอะไรขึ้น กูตามไม่ค่อยจะทันแล้ว

ดูท่าเป้าหมายมึง ‘ยาก’ จริงๆ แฮะ
เอ๊ะ หรือตัวมึงเองที่รู้สึกว่า ‘ยาก’
คิดจะเล่นเกมแล้วอย่าถอยหลังสิวะ
ลองคิดหาแผนใหม่ๆ ไม่ต้องกลัวจะพัง

เกมแม่งก็คือเครื่องบันเทิงใจเว้ย เหมือนเวลามึงเล่น Xbox หน้าเกมดี ปกเกมสวย
แต่พอเล่นจริงแล้วรู้ว่าห่วยก็เพราะได้ลองปะวะ
หาวิธีอะไรง่ายๆ มั้ย 555

ขอโทษอีกครั้งที่ไม่ได้อยู่ด้วย
กูจะกลับไทยอีกทีสิ้นเดือน เอาจริงก็ไม่อีกกี่อาทิตย์
คิดถึงสาวไทยจะแย่อยู่แล้ว แต่คิดถึงมึงมากกว่า

เท่านี้ก่อนนะพอดีกูกำลังหัวปั่นกับการสอบ

ไม่อยากบอกเลยว่ารัก แต่รักมึงว่ะ
ไวน์

ปล. กัปตันคนนี้มีอะไรดีวะ กูงง… อยากรู้เรื่องมากกว่านี้ แต่ไว้ทีหลัง


จบตอน



 :mc4: :mc4:  :mc4: :mc4:

(ยาวนิดนึง)
โอ๊ยยยย ไม่มีอะไรแก้ตัวเลยครับ
พอดีไปงานแต่งเพื่อนที่หัวหินมา แต่ดั๊นนนนน ลืมเอาไฟล์ต้นฉบับมา
ก็เลยอัพไม่ได้จริงๆ แง

เลยมาแก้ตัวด้วยการรีบขับรถ 300 กิโลเมตรแล้วอัพทันทีเมื่อถึงบ้าน
ขอโทษด้วยจริงๆ นะฮะ เสาร์หน้าไม่เปี้ยวแล้วแน่นอน >_<

ว่ากันด้วยเรื่องตอนนี้
จริงๆ แล้วเนื้อหาส่วนนี้จะยาวพอสมควร คือคลุมไปถึงค่อนๆ บทหน้าด้วย
แต่พอมีรีไรท์ใหม่แล้ว ด้วยอะไรหลายๆ อย่างเลยตัดเป็นบทต่างหากดีกว่า
ทั้งการเปิดตัวละครใหม่ และการคลุมเครือหลายๆ อย่างของกัปตันและปั๊ม
และการจุดประกายการทำงานในตัวปั๊ม
เลยอยากให้เนื้อหาเป็นเอกเทศ และทำให้ส่วนนี้ค่อนข้างน้อยกว่าบทอื่น ต้องขออภัยด้วยนะฮะ  :mew6:

จะมีคนถามมั้ยหว่าว่าทำไมใช้รูปพี่เวียร์บทที่แล้ว
เพราะว่าตอนเขียน ฝันถึงคนนี้ฮะ เป็นฝันที่ตลกมาก ฝันว่าจะไปตปท แต่เครื่องดีเลเพราะนักบินยังไม่กลับจากกองถ่าย
ตลกมาก พอมาถึงเขาประกาศว่าเหนื่อยอยากให้เข้าใจกันแบบตัดพ้อ เป็นคอเมดี้ที่ฟิวชั่นดี ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ



puiiz น่ารักมากกก ตามอ่านด้วย ขอบคุณนะฮะ มอบเป็ดให้

magic-moon สาธุ U_U แงง ปั๊มยังเด็ก ลองผิดลองถูกก่อนแล้วกันเนอะ 55

Hamzholic ทำเซียนเหมือนเรียนมา (เสียงปั๊ม)

♠DekDoy♠ ซื้อด้วยเงินดีมั้ยน้า (เสียงในหัวปั๊มคิด)

PrimYJ ดัดแปลงจากประสบการณ์ตัวเองเลยฮะ 5555 ตลกดี


เจอกันตอนหน้าครับ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:


พูดคุยกันได้ที่ https://www.facebook.com/thene0classic
หรือจะคุยกันใน twitter ผ่าน #firemetothemoon

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Fire Me to the Moon • EP3 | 12/19/2016
«ตอบ #22 เมื่อ19-12-2016 12:06:55 »

ยาวๆเราชอบค่ะ   :mew1: :mew1:
เวลานายเอกคุยกับเลขาน่ารักดี
 :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
Re: Fire Me to the Moon • EP3 | 12/19/2016
«ตอบ #23 เมื่อ21-12-2016 03:15:07 »

ปั๊มกับธีร์นี่คือจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยใช่มั้ย
ไม่มีใครยอมให้ใครเลย โดยเฉพาะคุณหนูปั๊มเนี่ยคือเยอะสิ่งจริงๆ

ตอนนี้ยังไม่อยากตัดสินอะไรมาก ต้องรอดูต่อไปว่าจะยังไงต่อ
ไหนจะนายเพชรอะไรนั่นที่เจอที่โรงอาหารอีก จะมาจีบนายเอกเปล่าก็ไม่รู้?

เอาเป็นว่ารอตอนต่อไป
เสาร์หน้าห้ามเบี้ยวน้าาาา

ป.ล.คำตกหล่นเยอะมากเลย แนะนำว่าให้รีไรท์จ้า

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP4 | 12/25/2016
«ตอบ #24 เมื่อ25-12-2016 01:39:30 »

4
เก๊ก



ผมนั่งอ่านข้อความจากเพื่อนรักขณะรออาหารเช้าในห้องครัว พ่อบ้านกำลังทำเครปให้อย่างขมักเขม่น บางทีก็นึงสงสัยนะว่าลุงเอกแกแก่จริงๆ หรือแกล้งกวนอารมณ์ไปงั้น บางทีก็กระฉับกระเฉงเกินอายุ ถึงจะรู้ว่าแกควรจะปลดระวางได้แล้ว แต่ลุงแกยืนกรานว่ายังไม่มีแผนจะเกษียณอายุในเร็วๆ นี้
   
“แขกของคุณฝากขอบคุณอีกครั้งก่อนที่เขาจะไปสนามบินครับ” ลุงเอกพูดตอนที่เขาวางจานแพนเค้กไว้ตรงหน้าผมพอดี
   
“กัปตันออกไปกี่โมง”
   
“ตีห้าครับ”
   
“หา!!” ได้นอนกี่ชั่วโมงวะนั่น
   
แต่ที่กูงงกว่าคือลุงเอกแกรู้ได้ยังไงเนี่ยแหละ สรุปว่าเป็นพ่อบ้านหรือเป็นยาม
   
“น่าสงสารเขานะครับ”
   
“กลัวเครื่องบินตกจริงๆ”
   
“วันนี้คุณปั๊มมีแผนจะไปไหนหรือเปล่าครับ”
   
“ว่าจะเข้าออฟฟิศ” พูดแล้วก็จ้วงแพนเค้กเข้าปาก อืม อร่อยดีแฮะ
   
“คุณปั๊มครับ… วันนี้วันเสาร์”
   
ฮะ! เอ้าเหรอ ชีวิตปิดเทอมก็แบบเนี้ย ลืมวันลืมคืน
   
“ดูคุณอยากเข้าออฟฟิศจังเลยนะครับ มีแผนจะทำอะไรหรือเปล่า” พ่อบ้านพยายามมองอย่างรู้ทัน
   
“ก็แค่ไปดูกิจการที่มันเป็นของเราหน่า” ผมว่า ในปากกำลังเคี้ยวตุ้ย “หายไปนานๆ เดี๋ยวก็ลอยไปไม่รู้ตัว”
   
“คงไม่แย่ขนาดนั้นหรอกมั้งครับ”
   
“อะไรก็เกิดขึ้นได้ลุงเอก”
   
เออ พูดถึงบริษัท ลองโทรหาเลขาผมหน่อยดีกว่า
   
“สวัสดีครับคุณปั๊ม” เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากปลายสาย รำคาญจริงๆ
   
“ฉันฝากทำรายงานหน่อยสิ”
   
“ได้ครับ ซับเจ็กต์อะไรครับ”
   
“เรื่องราคาอาหารที่ศูนย์อาหารในตึก ลองรีเสิร์ชราคาคร่าวๆ มาจากที่ตัวเองเคยกินนั่นแหละ แล้วก็ลองหาข้อมูลมาด้วยว่าควรจะลดราคาเท่าไหร่ให้พอกับฐานเงินเดือนตำแหน่งที่ได้เงินน้อยที่สุด อ้อ แล้วก็เพิ่มเรื่องจำนวนเครื่องปรับอากาศที่พอเหมาะด้วยนะ”
   
ก็ที่ไปทานข้าววันนั้นมันร้อนฉิบหายเลยครับ คนอื่นเขาทนกันได้จริงๆ เหรอวะ
   
“ครับผม แค่นี้ใช่มั้ยครับ”
   
“แค่นี้ก่อน ฉันใช้งานหนักไปหรือเปล่า”
   
“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของผม” น้ำเสียงอีกฝ่ายยังคงสดใส “ผมดีใจที่คุณปั๊มใส่ใจรายละเอียดขนาดนี้ ผมจะตั้งใจทำรายงานให้ดีเลย”
   
“เก็บปากไปอ้อนแฟนโน่น แค่นี้แหละ อ๊ะ มีสายซ้อน”
   
“เออคุณปั๊ม มีคนขอเบอ…”
   
ผมเผลอกดสลับสายทั้งๆ ที่เลขายังไม่ทันพูดจบ อ้าว ก็มันเว้นช่วงเกิน จะฟังต่อก็ไม่ทันซะแล้ว ไม่พูดให้มันเร็วๆ หน่อยวะ
   
ว่าแต่ เบอร์ใครวะไม่คุ้นเลย
   
“ไงคุณธารทอง”
   
ขนลุกวาบขึ้นมาทันที… อย่าบอกนะว่า
   
“นั่นใครครับ”
   
“เราเอง เพชร ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่”
   
ไอ้ห่า มาเป็นฉายาเลยนะ
   
“อ๋อ มีอะไรเหรอ”
   
“พอดีเรานึกอยากกินซูชิ และจำได้ว่าเคยเปรยๆ ชวนไว้ เลยขอเบอร์จากเลขาคุณมาเผื่อว่าว่างจะได้พาไปด้วยกัน”
   
อ้าวไอ้เลขา วอนซะแล้วมั้ยล่ะ
   
“เราเจอกันแค่ครั้งเดียวเองนะ”
   
“ต้องเจอกันกี่ครั้งถึงจะชวนได้ล่ะ ออกมาเหอะ เราก็เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ไม่ค่อยมีเพื่อนเหมือนกัน”
   
โอ๊ยยยย รู้ดีไปหมด ตื้อจริงๆ วะ เอาไงดีเนี่ย
   
“เรากำลังทานข้าวเช้าอยู่ ขอโทษด้วยนะ”
   
“งั้นก็ไปตอนมื้อเที่ยงก็ได้”
   
“แล้วถ้ามื้อเที่ยงเราเผลอทานไปล่ะ”
   
“งั้นก็จะชวนไปมื้อเย็นเลย”
   
“โอ้โห งั้นกูไปก็ได้” หลุดคำหยาบไปจนได้ ก็มันอารมณ์เสียนี่หว่า แม่งบังคับแบบไม่ให้มีทางเลือกเลย ปฏิเสธไปวันนี้ก็ดูท่าจะไม่ได้เลิกราวีง่ายๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วก็คงต้องเลยตามเลย
   
“ฮ่าๆ มื้อเที่ยงแล้วกันนะ”
   
“เลี้ยงด้วย”
   
“ไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว ส่งโลเคชั่นบ้านมาในไลน์ด้วยเดี๋ยวไปรับ เราแอดไปแล้ว”
   
โอ้โหมึงไวดีแท้
   
“เออๆ เอายังไงก็เอา”
   
ผมตัดสายก่อนจะทำอย่างที่อีกฝ่ายสั่ง แล้วมานั่งนึกใจว่า เกิดอะไรขึ้นวะ ทุกอย่างแม่งไวไปหมด


“สวัสดี” เพชรลดกระจกมินิฯ สีครีมคันสวยมาทักทาย มันกำลังมองลอดแว่นดำ แถมอยู่ในสภาพเต็มยศซะเทียบกับกัปตันธีร์ในชุดนักบินชิดซ้ายไปเลย หนำซ้ำกลิ่นน้ำหอมตลบอบอวนไปหมด นี่มึงฉีดหรือมึงอาบครับพี่
   
“เต็มยศไปมั้ยล่ะ” ผมถึงกับต้องก้มมองตัวเอง เสื้อโปโลกับกางเกงขาจั๊มพร้อมรองเท้าไนกี้ นี่มันสไตล์ลูกกระจ๊อกชัดๆ
   
“ขึ้นมาเถอะ หิวจะตายอยู่แล้ว”
   
อ้าวแล้วมาเร่ง ทำไมมึงไม่หาอะไรกินไปก่อนวะ
   
แต่ถึงกระนั้นผมก็ขึ้นรถมันแต่โดยดี กลิ่นน้ำหอมที่ว่าเคยแรงผมก็กลับทนมันได้อย่างเหลือเชื่อ จมูกคงตายด้านไปแล้วครับ วันหลังผมคงต้องฉีดน้ำหอมตัวเองให้มากขึ้นกว่าเดิมบ้างใช่หรือเปล่าเนี่ย
   
รถจอดที่ห้างหรูใจกลางเมือง จากนั้นเราก็ตรงดิ่งไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่แพงหูฉี่ ผมเหล่มองมันอยู่แปบนึงนึกในใจว่ามันจะเลี้ยงไหวเร้อ แต่มันทำแค่ยักคิ้วยียวนเดินนำเข้าไปในร้าน เฮ้อ พ่อเงินถุงเงินถัง ตำแหน่งในบริษัทได้เงินเยอะเท่าไหร่วะ แบบนี้ต้องลงตรวจสอบ
   
“เดี๋ยว!” มันขัดผมขณะที่ผมกำลังจะหย่อนก้นนั่ง เล่นเอาผมชะงักเลย
   
“อะไร!?”
   
เพชรยิ้มให้ผมก่อนจะก้มลงไปผูกเชือกรองเท้าให้โดยผมไม่ได้ขอเลยสักนิด ฉิบหายแล้ว โต๊ะข้างๆ มองกันเต็มไปหมด มันใช่เรื่องมั้ยวะ
   
“ลุกขึ้นมาเลยนะ ทำอะไรเนี่ย”
   
“เดี๋ยวก็สะดุดล้มเอาหรอก นี่ถ้าเราไม่เห็นก่อนแย่แน่เลย” หลังจากจัดการเชือกรองเท้าเสร็จมันก็ลุกขึ้นมายิ้มอย่างภูมิใจ เกลียดหน้ามันจริงๆ
   
“สั่งเลยนะ” มันว่าขณะที่ย้ายตัวไปนั่งอีกฝั่ง เทคแคร์ดูแลเก่ง ใจปล้ำจริงโว้ย
   
ติ๊ดดดดดด
   
ใครโทรมาเวลานี้วะ
   
“ฮัลโหลครับ”
   
“ไปสนิทกับผู้จัดการฝ่ายการตลาดตอนไหน” เสียงทุ้มเย็นยะเยือกแว่วมาจากปลายสาย ใครโทรมาอีกล่ะ คนแปลกหน้าติดต่อกูเยอะจริงแฮะวันนี้
   
“เอ่อ…ใครครับ”
   
“กินปลาทองแทนข้าวหรือไง นี่ฉันเอง”
   
“กัปตันเหรอ” ผมว่าน่าจะใช่นะ เสียงคุ้นๆ
   
“อะไรกัน ฉันจีบเธอก่อนคุณเพชรอีกนะ”
   
อ่าครับ อย่างที่คิดไว้ พูดอย่างนี้มีคนเดียว
   
“บินกลับแล้วเหรอ”
   
“ใช่ ถึงสุวรรณภูมิปุ๊บเลขาเธอก็โทรมาบอกเลยว่าคุณเพชรขอเบอร์เธอไป”
   
อย่างนี้นี่เอง ไอ้เลขานี่ยังจำเป็นอยู่มั้ย ยุ่งทุกเรื่องจริงๆ
   
“เอาจริงนะปั๊ม ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี อย่าไปยุ่งกับคนนี้มาก เขาร้ายกว่าที่เธอคิด ทั้งเขากับคุณวินัยพ่อของเขานั่นแหละ”
   
หะ!? เพชรนี่เป็นลูกของลุงวินัยงั้นเหรอ
   
“คิดมากไปเองหรือเปล่า” ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ คนที่กำลังนั่งมองเมนูอาหารไม่มีทีท่าจะสนใจแต่อย่างใด
   
“เธอคิดว่าคนที่เพิ่งจบปริญญาตรีจากต่างประเทศแค่นั้นจะได้นั่งตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดเลยหรือไง เขากับพ่อของเขาทำอะไรไว้เยอะแต่แค่ไม่มีใครพูด”
   
“ว่าแล้วเชียว… ทำไมคุณไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้ล่ะ”
   
“ฉันมีงานต้องทำ”
   
“วันนี้มีบินอีกมั้ย”
   
“ไม่มี ฉันเหนื่อยมากว่าจะกลับบ้านนอน”
   
“งั้นอย่าเพิ่งกลับ มาหาผมที่ห้าง XX หน่อย ผมกำลังอยู่กับคนที่คุณพูดถึง” ผมกระซิบกระซาบ
   
“หะ!? ไวไฟกันจังเด็กสมัยนี้”
   
“อย่าพูดมากน่า”
   
“ส่งชื่อร้านมาในข้อความ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
   
แหม่ ว่าคนอื่นเร็ว ตัวเองก็ใช่ย่อย เนียนเลยนะคุณธีร์!

ผมวางสายก่อนจะเหล่มองคนตรงข้าม หึ ไม่อยากเชื่อเลยว่าไอ้นี่จะร้ายกาจอะไร แต่ก็จริงที่กัปตันว่า อายุเท่านี้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งที่ตัวเองเป็นอยู่ได้แน่นอน ชักเห็นด้วยกับกัปตันแล้วแฮะ เรื่องนี้มันคงมีเงื่อนงำ
   
หลังจากสั่งอาหารไป ไม่นานนักทั้งหมดก็วางอยู่บนโต๊ะ โอ๊ยยย ละลานตาเหลือเกิน ผมรักซูชิ มันไม่เคยทำให้ผมท้องเสียเลย แต่ดูผมจะแสดงออกนอกหน้าไปหน่อย ไอ้คนตรงข้ามมันยิ้มภูมิใจใหญ่
   
“ชอบกินซูชิเหมือนกันน่ะสิ”
   
“อย่ายุ่งน่า”
   
“คุณธารทองขี้เหวี่ยงจังนะ รู้ตัวหรือเปล่า”
   
“มีคนบอกหลายคนแล้ว” ผมคีบแซลมอนเข้าปาก
   
“แต่ก็ดีแล้ว น่ารัก”

[ต่อด้านล่าง]


ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP4 | 12/25/2016
«ตอบ #25 เมื่อ25-12-2016 01:40:58 »

อะไรของมันเนี่ย มาชมผู้ชายด้วยกัน ขนลุก
   
“เลิกเรียกธารทองได้มั้ย เหมือนนายเป็นครูเลย เรียกปั๊มเห้ออออ”
   
“ทำไมอะ ธารทอง ชื่อเพราะดีออก”
   
“แต่มันเป็นชื่อจริง”
   
“เรียกชื่อไหนก็เหมือนกันปะ”
   
“อ่ะงั้นตามสบาย” เอาที่มึงสบายใจเลยครับ
   
อันที่จริงผมไม่ชอบเพราะเวลามีคนได้ยินชื่อจริงของผมก็มักจะมีพวกที่ชอบถามต่อว่า ‘มันแปลว่าอะไร’ ‘มีความหมายหรือเปล่า’ ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะว่า กูก็ไม่รู้โว้ยยยยย
   
“เราอยู่ตอนที่ปั๊มเข้าตึกครั้งแรกด้วย กัปตันคนนั้นมันแสบจริงๆ ไล่ออกไปยังล่ะ”
   
หือ ทำไมอยู่ดีๆ พูดเรื่องนี้วะ
   
“ยัง เราไล่ใครออกได้ที่ไหน”
   
“ไล่ได้ดิ ตอนนี้ปั๊มอยู่ในฐานะรักษาการซีอีโอเลยนะ”
   
“จริงเหรอ”
   
เอ๊ะ หรือกูจะไล่มึงก่อนดี ไอ้นี่ดูจากการพูดการจาแล้วเป็นพวกเสี้ยมไม่เบา แต่มานึกๆ ตามแล้วก็ตลกแฮะ ตอนนั้นปะฉะดะกับกัปตันแทบตาย ขายหน้าก็ขายหน้า ต่อมาน่ะเหรอ ผมเกือบลืมอารมณ์นั้นไปสนิทเลย ต้องขอบใจไอ้เพชรอะไรนี่ด้วยที่เตือนสติ ผมเป็นคนเสียหน้าไม่ได้จริงๆ กัปตันจะต้องโดนเล่นแน่ แต่เล่นยังไงนั้นก็ขอเก็บไปคิดก่อน แต่เกมยังไงก็คือเกม มันต้องเล่น ไอ้ไวน์ก็บอกอยู่!
   
“คิดว่าบริษัทเป็นไง”
   
“ก็ดีนะ”
   
“ถ้าเราเป็นปั๊มเราไปใช้ชีวิตวัยรุ่นปีสุดท้ายให้สุดเหวี่ยงดีกว่า มันไม่เครียดเกินไปสำหรับคนอายุเท่านี้เหรอ”
   
“จะให้สนุกแค่ไหน”
   
“สนุกให้มากพอ จะได้ไม่ต้องรู้เรื่องว่าบริษัทเราเกือบจะล้มละลายไงละ”
   
เกร๊ง!
   
เชี่ยยย ทำตะเกียบหล่น
   
“ว่าไงนะ” ผมถามอีกรอบเพื่อความชัดเจน เมื่อกี้อาจจะหูแว่ว
   
“อ้าวยังไม่รู้เหรอ” เพชรโน้มตัวเข้ามาใกล้ขึ้น “ปีนี้เราขาดทุนย่อยยับเลยนะ ถ้าไม่ได้พ่อเราช่วยมีหวังไม่รอดแบบนี้แน่…”
   
“มาทานข้าวกันเหรอครับ” เสียงทุ้มแต่ตอนนี้มันมาได้จังหวะอย่างกับระฆังดังสนั่นหวั่นไหว ผมแทบหัวใจวายผละออกจากโต๊ะ กัปตันธีร์นั่นเอง เขาอยู่ในชุดสบายๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสองเม็ดกับกางเกงยีนสีฟอก ไปเปลี่ยนชุดที่ไหนมาวะ
   
ดูเหมือนเพชรจะตกใจไม่น้อยเช่นกัน มันมองผมสลับกับคนที่ยืนอยู่ คงงงสินะพ่อคุณ
   
“สวัสดีคุณณณณณณ” ผมรีบทักทายกัปตันอย่างร่าเริงออกนอกหน้า ลืมไปว่าเพชรกำลังมองอยู่ เลยไอแค่กๆ ไปสองสามที คิดซะว่าเมื่อกี้เส้นเอ็นกระตุกแล้วกันเนอะ
   
“เอ่อ…” เพชรดูท่าทางเก้ๆ กังๆ และผมก็ไม่ได้คิดไปเองด้วย สายตาของมันดูเย่อหยิ่งขึ้นมาทันที
   
“สวัสดีครับคุณเพชร”
   
ฮะ! กัปตันไหว้เพชร เฮ้ย แก่จนเกือบจะเป็นลุงได้อยู่แล้วนะโว้ยยยยย
   
ผมอึ้งที่ไอ้เพชรมันแค่พยักหน้ารับเนี่ยแหละ เด็ดฉิบหาย
   
“พอดีผมผ่านมาแถวนี้ เห็นพวกท่านสองคนกำลังทานข้าวกันอยู่ เลยว่าจะเข้ามาทักทายน่ะครับ” กัปตันบอกเพชร สีหน้าเขาเรียบ ไม่แสดงท่าทีใดๆ ไม่แม้จะมองผม อ้าว…อะไรของเขา
   
“มีอะไรอีกมั้ย” เพชรเท้าคาง ฟังจากน้ำเสียงก็รู้เลยว่ากัปตันกำลังโดนไล่ โอ๊ย หาทางอะไรทำอะไรเข้าสิ จะมาช่วยไม่ใช่หรือไง
   
Rrrrrrrr
   
หือ เบอร์บ้าน? ลุงเอกมีอะไรปะวะ
   
“ว่าไงลุงเอก”
   
“คุณธีร์เขาเตี๊ยมกับผมให้โทรเข้าหาคุณน่ะครับ”
   
“ฮะ!?”
   
ผมเหลือบมองเจ้าของชื่อ นั่นไง มีการทำหน้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เนียนเนอะไอ้ยักษ์
   
“เขาบอกให้คุณปั๊มอ้างว่าผมไม่สบายกะทันหันครับ”
   
“งั้นผมไปก่อนนะครับ” เสียงกัปตันพูดเบาๆ อ้าว จะไปไหนของเขา จะตื่นตูมมากก็ไม่ได้ ไม่รู้สองคนนี้เตี๊ยมอะไรกันบ้าง
   
“พอคุณธีร์เดินออกไปสักพัก ให้คุณรีบทำทีจะกลับบ้านแล้วไปกับเขาที่ลานจอดรถชั้นบีนะครับ”
   
“โอเค แค่นี้แหละ” ผมกดวางสาย
   
“มีอะไรเหรอ” เพชรถามขณะที่ตักอูนางิมาให้ ฮืออออ แอบเสียดายซูชินะเนี่ย ยังไม่หนำใจเลย
   
“พอดีพ่อบ้านไม่สบาย เราต้องไปดูหน่อย”
   
“พ่อบ้านเนี่ยนะ? สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”
   
โห…ใจดำไปปะวะ
   
“สำคัญสิ เขาอยู่กับเราแค่สองคนนะ”
   
“อ่อ นั่นสินะ เราลืม ขอโทษครับ” เพชรแทบจะยกมือไหว้ “ไปเถอะไม่เป็นไร”
   
“เราก็ขอโทษด้วยนะ เอาเงินมั้ย”
   
เพชรโบกมือ “ไม่เป็นไรๆ คราวหน้าค่อยเลี้ยงเราคืน”
   
เอ๊า จะมีคราวหน้าอีกเหรอวะ
   
“เอ่อ… ไว้เจอกันนะ”
   
“เจอกันแน่นอนคุณธารทอง เราทำงานที่เดียวกันนะอย่าลืม” เพชรยิ้ม… ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่ชอบรอยยิ้มนี้เลยแฮะ
   
ผมโบกมือลาก่อนจะวิ่งออกจากร้านไป เอาล่ะ ทีนี้ก็ตามหาพ่อแผนเยอะ ลานจอดรถชั้นบีที่ว่ามันไปยังไงนะ ร้ายจริงๆ นี่ดูหนังสายลับมาไปหรือเปล่าคุณกัปตันโคนันคุง


“อิ่มแล้วเหรอ”
   
“เฮ้ย! ตกใจหมด” ผมนี่หันขวับตามเสียงแทบไม่ทัน กัปตันยืนพิงรถสีบรอนซ์คันหนึ่งอยู่ น่าจะเป็นรถของเขาเอง ทำไมโผล่มาแบบไม่ทันให้รู้ตัวอยู่เรื่อย นี่เป็นผีหรือเปล่า จะได้ทำใจว่ามีซิกซ์เซนส์
   
“ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าการไปอยู่ที่ออฟฟิศแบบนั้นน่ะมันอันตราย”
   
“คุณไม่ได้บอกอะไร ตอนนั้นคุณง่วงจนไม่ได้ด่า จำไม่ได้เหรอ”
   
กัปตันดูนึกขึ้นได้ ก็เออสิ ตอนนั้นง่วงเป็นลูกวัวเพิ่งเกิดเลย
   
“ฉันได้ยินมาว่าคนที่ตึกไม่ค่อยพอใจที่เธอไปอยู่ที่นั่น”
   
“ผิดตรงไหนก็มันโต๊ะทำงานพ่อผม”
   
“เรื่องหมั่นไส้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเธอเป็นลูกใครหรอกนะ” กัปตันปลดกระดุมแขนเสื้อพร้อมกับถกมันขึ้น “เขาหมั่นไส้ที่พวกเขาทำอะไรไม่ได้ต่างหาก”
   
“หมายความว่าไง มันมีคนคิดจะทำอะไรไม่ดีในบริษัทเหรอ”
   
กัปตันยักไหล่ “ฉันแค่เดา แต่ที่ได้ยินมันก็สักพักแล้ว บริษัทเราไม่ได้กำไรมากเท่าไหร่ในช่วงนี้”
   
“แล้ว…” ว่าจะถามเรื่องล้มละลายที่เพชรบอกมา แต่คิดอีกทีเอาไว้ก่อนดีกว่า เรื่องนี้ขอสืบเอง
   
“แล้ว…คุณจะไปไหนอะ” ผมถามเมื่อเห็นว่าเขาเข้าไปสตาร์ตรถ
   
“กลับบ้านไง ง่วงจะตายอยู่แล้ว”
   
“คุณยังไม่ได้บอกเลยว่าทำไมผมถึงไม่ควรอยู่ใกล้เพชร” อุตส่าห์เตี๊ยมแผนอะไรกับพ่อบ้านตัวดีไม่ใช่เหรอ
   
“มันอันตราย”
   
“อันตรายยังไง แต่จากที่ผมเห็น ดูท่าเขาแค่ไม่ชอบคุณนะ”
   
“ก็ต้องไม่ชอบกันอยู่แล้ว ตามประสาผู้ชาย”
   
นั่นไง! ผมพอจะเข้าใจแล้ว เรื่องพรรค์นี้นี่เอง
   
“เคยแย่งหญิงกันเหรอ” ผมกระทุ้งสีข้างแซว เขาหลบอย่างกับเด็กบ้าจี้
   
“ไร้สาระน่า” กัปตันโบกมือแถมยังปิดประตูหนีอีกต่างหาก ไม่ยอมหรอก ผมรีบวิ่งกระโดดขึ้นไปนั่งข้างคนขับซะเลย
   
“ตามมาทำไมเนี่ย”
   
“บอกมา เคยแย่งหญิงกันใช่ป่ะ เรื่องลูกผู้ชายอะไรทำนองนี้ใช่มั้ย”
   
กัปตันถอนหายใจ ฮ่าๆ ยอมแพ้ผมจนได้ “ก็มีบ้าง”
   
“ใช่จริงด้วย! ดูจากการเขม่นกันก็พอเดาออกแล้ว!”
   
“ฉลาดจริงนะ ทีนี้ก็ออกไปจากรถฉันได้แล้ว”
   
“เดี๋ยวๆๆๆๆ ที่คุณบอกอันตราย…” ผมเพิ่งคิดได้ “อย่าบอกนะว่าคุณคิดว่าเพชรมันจะทำอะไรผม…”
   
“ใครจะรู้ ฉันเคยโดนแย่งเด็กฝึกงานที่เคยจีบมาแล้ว”
   
“สวยขนาดนั้นเลยเหรอ”
   
“ไม่อะ น่ารักมากกว่า”

“นึกว่าคุณชอบผู้หญิงสวยๆ”

“ก็ชอบนะ แต่ที่พูดถึงนี่เป็นผู้ชาย”
   
แอ่กกกกกก สำลักน้ำลายตัวเองเลยครับ เฮ้ย ลืมไป ไอ้ประวัติที่ตรองเลขาของผมหาให้มา มีเรื่องเด็กฝึกงานที่พยายามฆ่าตัวตายด้วย คนเดียวกันหรือเปล่าวะ ถ้าคนเดียวกันยอมรับแล้วก็ได้ว่ามันอันตราย
   
“ตกใจอะไร ฉันกล้ายอมรับ ฉันแมนพอ”
   
“ใจคอคุณจะเหมาหมดเหรอ…”
   
“ฉันชอบใครฉันก็เอาได้หมดแหละ” เขาหันมายิ้ม ความหมายของประโยคมันทะแม่งๆ ไปปะวะ “เอาไปรักนะ”
   
อ้วกกกกกกแตกกกกกก
   
“จะว่าไปเธอก็น่ารักดีนี่หว่า” เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ แทบจะสิงกูอยู่แล้วพี่!
   
โอ๊ย นรกเถอะครับ “หยุดเลย กลัว”
   
“ล้อเล่น ฉันไม่ชอบเธอหรอก เธอขี้เหร่”
   
แหนะ มาดูถูกกูอีกกกก
   
“ทำอย่างกับผมจะชอบคุณ ชอบผู้ชายเนี่ยนะ!? ไม่มีทาง”
   
“ลองดูดิ”
   
“เวรเอ๊ยยยย! กลับเองก็ได้” ผมทำท่าจะเปิดรถ แต่ไอ้คนขับดันล็อคอัตโนมัติซะก่อน เหวออออ ช่วยด้วยยยย!
   
“หึ ฉันพูดไปงั้นแหละ เธอไม่ได้เป็นสเป็กฉันสักอย่าง แค่รวยฉันก็ไม่ชอบแล้ว”
   
อ้าว คุณผู้ชมครับ ไอ้นี่มันดูถูกคนรวยครับ มันเหยียดฐานะ!!
   
“แล้วชอบแบบไหน”
   
“จริงๆ แล้วฉันมันเป็นพวกยังไงก็ได้” เขาว่า “แต่ก็เคยคบคนรวยกว่า มันไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ ฉันมันเป็นพวกติดดิน”
   
“ได้ข่าวว่าเงินเดือนเกือบแสน” ผมบ่นงึมงำ
   
“รู้ได้ยังไง? สืบเรื่องของฉันเหรอ?”
   
“ถ้าสืบแล้วจะทำไมครับ” ผมยิ้มกวน “ซีอีโอต้องรู้เรื่องทุกคนสิ”
   
“ขอให้มันได้เป็นเถอะไอ้ซีอีโอเนี่ย อ่อนปวกเปียกแบบนี้จะบริหารอะไรได้”
   
“ไม่ได้อ่อนปวกเปียกสักหน่อย!” ทำไมชอบดูถูกจังวะ
   
“แต่จากมุมมองของฉันเธอเป็นแบบนั้น… คาดเข็มขัด” เขาชี้มาตัวผม
   
“จะไปไหน”
   
“เดี๋ยวพาไปส่งบ้าน” กัปตันธีร์เหยียบคันเร่ง
   
“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งพาไปที่บ้านได้มั้ย”
   
“ทำไม อยากไปบ้านคุณเพชรแทนเหรอ”
   
“บ้าเรอะ! …ผมหิวอะ พาไปหาอะไรกินหน่อยดิ เมื่อกี้ยังกินซูชิไม่อิ่มเลย”
   
กัปตันส่ายหัวเหมือนเอือมระอา
   
“ฉันรำคาญเธอก็ตรงนี้แหละ”
   
“เฮอะ! ทำกับผมชอบคุณตายแหละ”
   
“ระวังจะชอบเข้าสักวันแล้วกัน” เขาหัวเราะ “ฉันมีเสน่ห์จะตาย”
   
เข้าข้างตัวเองไปปะวะ นี่ถ้าตัดว่าเป็นกัปตันอาวุโสหน้าที่การงานดี ผมขอยืนยันไว้ตรงนี้เลยว่าเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรจากผู้ชายขี้เก๊กธรรมดาๆ คนนึงเลยครับ! ตอนนี้แถมหลงตัวเองด้วยอีกตะหาก ใครมันจะชอบคนแบบนี้ได้วะ ถ้าไม่ได้แกล้งหรือหน้ามืดตามัว…
   
หือออ เดี๋ยวนะ
   
แกล้ง…
   
ผมหันไปมองคนข้างๆ ที่กำลังสนใจแค่ถนนตรงหน้า เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าผมกำลังมองอยู่…
   
โอเคกัปตัน ขอบคุณที่มอบแผนดีๆ สำหรับปิดเทอมฤดูร้อนนี้ให้

…หึๆๆ แผนการพลั่งพลูในหัวผมแล้วครับพี่น้องงงงงง

จบตอน


โอ๊ยยๆๆๆ ลงผิดเวลาคนอ่านหายหมดเลย ขอโทษด้วยนะครับบบบบบ จากนี้ไปจะลงรูปตอนจบว่า next time แล้วกันเนอะ แต่ให้เขาใจกันว่าก็เวลาเดิมครับ เสาดึก ถึงตีหนึ่งอาทิตย์แบบนี้ ไม่อยากสัญญาอะไร รู้สึกแย่กับตัวเองด้วย 55555

วันนี้คุณหนูเขาโดยหลอกมาทานซูชิของโปรด โรคคนแพ้ซูชินี่มีจริงนะฮะ (คนเขียนก็เป็น) คราวนี้มาสานต่อเรื่องเกมสักที ได้รู้กันแล้วนะว่าเป็นอะไร 555 แต่คนอย่างหนูปั๊มเนี่ยจะไปรอดเร้ออออ ต้องรอดูๆ ซึ่งที่ปั๊มทำอย่างนี้มีเหตุผลน้า (ซึ่งนั่นก็คือพาร์ทอดีตที่จะใส่ทุกบทนั่นแหละฮะจะเป็นตัวเฉลยว่าปั๊มเติบโตมายังไงถึงเล่นแบบนี้ 555 /เงยหน้ามอง อ้าวบทนี้ไม่มีแงะ ฮืออ)

ส่วนกัปตันธีร์ โนคอมเม้นท์
ตอนเขียนนี่แบบหงุดหงิดมากๆ ถ้าเราเจอแบบนี้ นี่มันพวกให้ความหวังชัดๆ ไม่ชอบเล้ย เค้าใจอ่อนนะ U_U 

puiiz : คุณน่ารักมาก ทุกครั้งที่ลงจะคิดถึงคอมเม้นท์คุณเสมอ จุ้บ

Hamzholic : สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อน รักตั้งแต่ 11 ปีที่แล้ว <3

เจอกันตอนหน้าฮะทุกคน เมอรี่คริสมาสต์นะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2016 01:45:37 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
Re: Fire Me to the Moon • EP4 | 12/25/2016
«ตอบ #26 เมื่อ27-12-2016 00:05:16 »

แอบชอบเพชรมากกว่ากัปตันธีร์อะ งือออออ คงเป็นเพราะคาแรกเตอร์ด้วย ด้วยความที่เพชรดูเริงร่ากว่า (เสียที่พูดดูอวดพ่อตัวเองไปหน่อย มันดูชัดเลยว่าร้าย) ในขณะที่กัปตันดูเหมือนคนอดนอนแล้วมาฟึดฟัดใส่ตลอด หยอดนายเอกอยู่ แต่ชอบมาหยอดในจังหวะที่แบบเถียงๆ กัน ตอนนี้คะแนนเพชรสำหรับเราเลยนำอะ คือเอาจริงๆ อยากเห็นคุณกัปตันรีแลกซ์บ้าง ไม่ตึงบ้าง มาด้วยความสดใสบ้างอะไรบ้าง ไรเงี้ย รอๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Fire Me to the Moon • EP4 | 12/25/2016
«ตอบ #27 เมื่อ27-12-2016 00:27:24 »

เพิ่งเห็นว่าอัพแล้ว  :hao7: :hao7:
กัปตันนี่ข่าวไวตลอด
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ nutiez

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Fire Me to the Moon • EP4 | 12/25/2016
«ตอบ #28 เมื่อ27-12-2016 13:37:11 »

คุณกัปตันนี่แอบติดชิพติดตามตัวน้องปั๊มเอาไว้รึเปล่า รู้ทุกเรื่องแถมข่าวไวมากด้วย เผลอๆจะคิดว่าเป็นสตอล์กเกอร์แล้วนะ 555

ออฟไลน์ bookie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
    • facebook
Re: Fire Me to the Moon • EP4 | 12/25/2016
«ตอบ #29 เมื่อ28-12-2016 23:50:59 »

ให้คะแนนกัปตัน เพชรนี่แววร้ายมาแล้ว

แนะนำหนูปั๊มสืบเรืองใน บ เสร็จแล้วจัดนังเพชรก่อนเลย

กัปตันเอาไว้กินทีหลัง เอ้ย!! แกล้งทีหลัง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด