ไม่ได้คิดไปเองแน่นอน ผมเห็นว่าเขาพยายามกลั้นขำ
“แล้วทำไมไม่บอกลูกเรือล่ะ”
“เฮ้อ ช่างเหอะ” ผมสะบัดหัวแล้วทำท่าจะลุกตามเขาไป “เราจะกลับกันกี่โมง”
“อะไร?” เขาถามเสียงเข้ม ไอ้บ้านี่ขมวดคิ้วบ่อยจัง
“ก็กลับกรุงเทพไง คุณจะขับไฟล์ทกลับเมื่อไหร่”
“สายการบินของเราไม่มีกลับในวันนี้”
“หมายความว่ายังไง” ผมกอดอกแหงนมองคนตัวสูงกว่าตรงหน้า
“เครื่องนี้บินไปกลับมาทั้งวันเที่ยวสุดท้ายเลยจบที่นี่ พอบำรุงเครื่องแล้วจะใช้ได้ในวันพรุ่งนี้ แล้วอีกอย่าง วันนี้ลูกเรือก็เพลียมาก ทุกคนต้องการพักผ่อน”
“เดี๋ยวๆ เราต้องอยู่ที่นี่คืนนึงเหรอ!?”
“ใช่” เขากระตุกยิ้ม “หรือจะขับกลับไปกรุงเทพเองก็ไม่มีใครห้ามนะ”
เขาพูดแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป นั่นไง อยู่ดีๆ ได้มาฮอลิเดย์เฉ้ย! ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยกู
“สวัสดีครับคุณปั๊ม” เสียงเลขาลอยมาจากปลายสาย
“ช่วยจองโรงแรมให้หน่อย ตอนนี้ไม่มีอะไรติดตัวเลยนอกจากมือถือ”
“คุณปั๊มโดนปล้นเหรอครับ คุณปั๊มควรจะโทรหาตำรวจสิครับไม่ใช่จองโรงแรม”
“โอ๊ย นี่โง่หรือกวนตีนอยู่ฮะ! ฉันอยู่มาเลเซีย”
“ไปทานอาหารเหรอครับ”
“ประเทศมาเลเซีย! ไม่ใช่โรงแรมมาเลเซีย! ไม่มีอารมณ์กินปากเป็ดทอดตอนนี้หรอกนะโว้ยยยย ช่วยจองโรงแรมให้ที!!”
“ได้ครับๆ ขอโทษครับ อยากได้โรงแรมประมาณไหนดีครับ”
“ขอเตียงสบายๆ และเช็คอินได้ทันทีก็พอ แค่นี้แหละ ขอบคุณมาก!” ผมกดวางสายอย่างหัวเสีย จะทนอยู่กับสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหนวะเนี่ย แค่เริ่มต้นก็พังไม่เป็นท่า
“ตรองไม่ใช่เลขาของคุณ ควรจะพูดกับเขาดีๆ นะ” เสียงทุ้มเจ้าปัญหาอันแสนจะคุ้นหูดังอยู่ใกล้ๆ กัปตันหนุ่มยืนมองอยู่ พร้อมกับสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เหมือนเดิม
“เขาเป็นเลขาของพ่อผม” ผมพูด พลางกอดอก “แล้วเขาก็เต็มใจจะช่วยผมเอง ช่วยไม่ได้”
“เอาแต่ใจจังเลยนะ”
“ไม่ใช่ตลอดเวลาหรอกหน่า!” จะหนักตอนที่อารมณ์เสียแบบนี้ไงแหละ ฮึ่ย!
เขาส่ายหัวอย่างเอือมระอาจากนั้นก็ก้มมองนาฬิกาข้อมือใต้เสื้อสูทสีดำ
“ไม่ได้เอาอะไรมานอกจากโทรศัพท์แบบนี้จะใช้ชีวิตยังไง หิวหรือยัง?”
“อย่ายุ่งหน่า... นี่คุณแอบฟังผมหรือไง!?”
“ก็มันได้ยินพอดี จะเอายังไง ถ้าหิวจะได้พาไปหาอะไรกิน ไม่มีเงินไม่ใช่หรือไง ยังไงซะมันก็เป็นความผิดผมที่ให้คุณมาเอง”
“คุณกำลังโดนผีนักบุญเข้าสิงแล้วครับ”
“ก็ตามใจนะ”
“เดี๋ยว! ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไม่ไป” เขาทำท่าจะเดินหนีแต่ผมขัดไว้ซะก่อน หึ ยอมให้เพราะหิวหรอกนะ
เขาหันกลับมาเหล่มอง “งั้นก็ตามมา ผมจะไปเปลี่ยนชุดที่โรงแรมก่อน”
“ดีแล้ว ไม่อยากเดินกับกัปตันเต็มยศตลอดเวลา” ผมบ่นไล่หลังขณะเขาเดินนำไป
“ไม่มีที่พักว่างเลยครับ มีแต่โฮสเทล ห้องเดี่ยวที่ว่างส่วนมากเป็นโรงแรมนอกเมืองต้องเดินทางไกล” เลขาโทรมาแจ้งข่าวขณะที่ผมนั่งรอคนเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่บนโซฟาหน้าล็อบบี้โรงแรมที่เขาพัก
“อ้าว ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ไกลนิดไกลหน่อยก็ได้”
“ผมกลัวคุณปั๊มจะเดินทางลำบาก…”
“โอ๊ยยยยย เอามาสักที่นึงเถอะ ไม่ได้ก็เอาตั๋วถูกๆ…”
“เอามานี่” อยู่ๆ ก็มีมือใหญ่หนาคว้าโทรศัพท์ผมไปอย่างดื้อๆ กัปตันธีร์กลับมาอยู่ในชุดลำลองสบายๆ ด้วยเสื้อยืดแขนยาวสีฟ้าซึ่งขนาดพอดีตัวแนบรัดสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบจนปรากฏขึ้นเด่น กำลังยืนทำหน้าไม่พอใจอยู่ข้างๆ
“ฮัลโหล… ตรองนี่พี่เอง ครับ…ใช่ครับเขาอยู่กับพี่ ตรองไม่ต้องทำอะไรแล้วครับเดี๋ยวพี่จัดการเอง ครับๆ ขอบคุณครับ”
เขาว่างสายก่อนจะหันมาหาผม “นอนมันที่นี่แหละ”
“อะไรนะ!?”
“นี่ปีสองพันสิบหกแล้ว ไม่ใช่ยุคค้าทาส ใช้อะไรใครก็มีเหตุผลหน่อย ถึงจะเป็นลูกน้องตัวเองก็เถอะ แล้วก็อย่าใช้เงินเปลืองนักเลย เงินของพ่อแม่ทั้งนั้น”
“ผมแค่อยากนอนสบายๆ”
“ห้องที่นี่ก็ออกกว้างจะนอนตรงไหนก็นอนไปสิ ผมจะบอกให้นะ เวลาเรามาทำงานเราเรามาในนามบริษัท ถ้าเขาเปิดห้องแบบไหนโรงแรมแบบไหนให้ก็ต้องยอมรับ เข้าใจมั้ย”
“คำพูดโคตรโบราญเลย เปิดห้อง… ทำอย่างกับม่านรูด”
“ถ้าไม่หุบปาก มันจะกลายเป็นม่านรูดเดี๋ยวนี้แหละ”
ผมค้อนตาเขียวปั๊ด “มะ…หมายความว่าไง”
“ช่างเถอะ ผมชักหิวพอๆ กับคุณแล้ว”
แล้วเราสองคนก็ออกไปหาอะไรกิน ฝืนใจเดินผ่านร้านอาหารญี่ปุ่นของโรงแรมอย่างหมดอาลัยตายอยาก ถ้ามีเงินอยู่กับตัวจะจัดสารพัดปลาดิบอย่างไม่ลังเล จุดนี้ปลาซ็อคเกอร์ ปลาดุก ปลาหมอดิบ ปลาอะไรดิบๆ ก็กินได้ โอ๊ยหิววววว
กัปตันหนุ่มพาออกจากโรงแรมด้วยรถแคมรี่ ตอนแรกเขาพูดว่าจะขึ้นรถไฟใต้ดิน แต่พอเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของผมแล้วเขาก็เปลี่ยนใจเรียกอูเบอร์ให้มารับหน้าโรงแรมแทน เออ ค่อยคุยกันได้หน่อย
“ติ่มซำหรอ” ผมถามเมื่อเรามายืนอยู่หน้าร้านอาหารที่เป็นช่องหนึ่งของตึกแถว ดูจากสภาพแล้วเหมือนเป็นร้านอาหารดั้งเดิมที่ขายกันมานาน แต่คนมาใช้บริการเยอะ
“มันเป็นร้านติ่มซำ แต่บะกุ๊ดเต๋อร่อยมาก” เขากระตุกยิ้ม
“มันสะอาดใช่มั้ย” ผมถาม แต่พอเห็นเขาแยกเขี้ยวใส่เลยพูดต่อโดยไม่ให้เขาแทรก “คือผมเป็นพวกกินอะไรก็ได้แต่สุขอนามัยต้องมาก่อน”
“เขาเปิดมาเกือบร้อยปีแล้ว ไม่เห็นมีใครตายสักคนนะ”
“เอาดีเอ็นเอพวกลูกค้าขาประจำมาตรวจสิ อาจมีสารพิษตกค้าง ทำให้ตายก่อนอายุขัยก็ได้”
“จะไม่กินก็เรื่องของคุณนะ” เขาทำท่าจะเดินหนี ผมเลยกระตุกชายเสื้อเขาไว้
“โอ๊ยขี้งอนจังเลย ไปด้วย”
แล้วเราก็นั่งอยู่ในร้าน ผมพยายามโฟกัสที่ใดที่หนึ่ง เพราะกลัวว่าสายตาจะสอดส่ายไปมาทั่วร้านแล้วจะเจอหนูกำลังเดินเล่นแล้วกินไม่ลงเอาได้ แต่ถึงยังไงก็ไม่อยากจะมองหน้าคนตรงข้าม ก็เลยต้องทำเป็นอ่านเมนูซ้ำๆ ไปหลายรอบ ตอนนี้จำได้ขึ้นใจแล้วว่าร้านนี้มีอะไรขายบ้าง
“ทำไมเลือกนานจัง” เขาถาม คิ้วขมวดท่าประจำ
“เอ่อ…” แต่ละอย่างไม่เคยกินเลย จำได้ว่าบะกุ๊ดเต๋อะไรนี่พ่อชอบกินมากคงจะอร่อย แต่ก็ยอมรับว่าไม่ชอบกลิ่นมันสักนิด อยากจะสั่งซาลาเปาติ่มซำก็ไม่รู้ว่าไส้มีส่วนผสมอะไรบ้าง โอ๊ย ถ้าเป็นเนื้อคนขึ้นมาล่ะ หนังเรื่องซาลาเปาเนื้อคนมันทำจากเรื่องจริงๆ นะครับ
“เอาติ่มซำชุดนึงก็ได้” ผมบุ้ยปาก
กัปตันธีร์หันไปสั่งแม่ค้า แล้วก็ตักน้ำแข็งมาสองแก้วมาวางที่โต๊ะ เวรแล้วไง!
เขาเห็นผมกำลังหันมองซ้ายมองขวาอยู่เลยถาม “จะเอาอะไร”
“ทีนี่เขามีน้ำแร่ขายมั้ย”
เขามองผมกลับมาประมาณว่า ‘เอาจริงดิ’ แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะรินให้อย่างเอือมๆ จากนั้นก็ดันแก้วขุ่นๆ พร้อมหลอดมาตรงหน้า
“ผมไม่ดื่ม”
“ร้านเขามีแค่นี้ จะกินหรือไม่กิน”
“คุณๆ ที่นี่เขาไม่มีน้ำแร่ขายเลยเหรอ เอาแค่น้ำเปล่าแบบดีๆ ก็ได้ ถามให้หน่อยสิ” ผมชะโงกไปยังตู้เครื่องดื่ม เห็นฉลากขวดน้ำยี่ห้อไม่ได้เรื่องอยู่หลายขวด
“ไม่มี! นี่คุณอย่าเรื่องมากได้มั้ย”
“เอ๊า ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วย! ก็ผมกินไม่ได้เข้าใจมั้ย!!” ผมมองหน้าดุๆ ของเขา รู้สึกอยากจะร้องไห้ “ผมขอยืมเงินหน่อยสิ เดี๋ยวจะไปหาร้านสะดวกซื้อเอง
“ไม่ให้! ถ้าเรื่องมากมันก็จะลำบากแบบนี้เข้าใจหรือยัง”
และความอดทนของผมก็พังทลาย… “นี่คุณ!! ผมไม่ได้อยากเรื่องมาก ดัดจริตหรอกนะ แต่ผมเป็นพวกกินอะไรชุ่ยๆ ไม่ได้จริงๆ ก็ร่างกายมันเป็นแบบนี้ ถ้าท้องเสียหรือเป็นไข้ขึ้นมามันลำบากกว่ามั้ย ไหนจะค่ารักษามันแพงกว่าค่าน้ำอีกหรือเปล่า!? ถ้าคุณคิดว่าผมดัดจริตก็เรื่องของคุณ ไม่มีใครรู้ตัวเองได้ดีเท่าผมหรอก แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้รำคาญอารมณ์เสียตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ไม่พอใจก็ด่ากันมาแรงๆ เลยเถอะ มาพูดพร่ำเหน็บแนมแบบนี้ไม่รู้หรือไงว่ามันทำให้ผมสมเพชตัวเองขนาดไหน!!”
ผมสะบัดตัวออกไปนอกร้าน รู้สึกดวงตาจะอุ่นๆ เหมือนกำลังมีน้ำใสๆ เอ่อล้นออกมาจากข้างใน ผมก้มหน้ามองถนนเพื่อข่มอารมณ์ตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ นั่นไง น้ำตามันไหลออกมาจนได้ อ่อนหัดฉิบหาย
ขณะผมเดินล้วงกระเป๋าอยู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าข้างในมีธนบัตรอยู่สองสามใบ เฮ้ยยยย สวรรค์เข้าข้าง เออ… เคยได้ยินว่าที่นี่ก็รับเงินไทยนี่หว่า ลองเอาไปซื้อน้ำแล้วกัน
“เดี๋ยว” ใครคนหนึ่งคว้าข้อมือผมในทันที เสียงคุ้นๆ นั้นไม่ต้องบอกเลยก็รู้ว่าใคร …กัปตันธีร์เห็นว่าผมมองก็รีบหลบหน้า สายตาของเขาไม่เหมือนกับแต่ก่อนอีกต่อไป มันกลายเป็น…อ่อนโยน ใช่มั้ยวะ? นี่ไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย
“ไปนั่งรอที่ร้าน” เขาสั่ง แต่คราวนี้ไม่หุนหันเหมือนตอนแรก
ด้วยความอึ้ง ผมกลับพยักหน้าอย่างว่าง่ายและจับจ้องมือใหญ่ที่กำลังคว้าข้อมือไว้อยู่ กัปตันเห็นอย่างนั้นจึงรีบปล่อยทันที เขามองผมอีกครั้งก่อนจะกระแอมไอเดินไปข้างหน้า เดาว่าคงหาร้านสะดวกซื้อแน่นอน
เรากลับถึงโรงแรมก็ค่ำแล้ว แน่นอนเลยว่าเราเงียบตลอดเวลาขณะที่ร่วมโต๊ะกัน ถามคำก็ตอบคำ เหมือนกลายเป็นว่าเกิดการเกรงใจกันขึ้นมาอย่างนั้น ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย ความรู้สึกตอนนี้มันเหมือนกับว่าเราผิดทั้งๆ ที่จริงแล้วไม่ใช่ด้วยซ้ำ กลายเป็นว่าตอนนี้คนที่หนักใจกลายเป็นผมไปได้ซะนี่ มันต้องเป็นผมที่ยืนกรานว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกต้องและโวยวายกลับไปบ้างไม่ใช่เหรอวะ เออ ออกจะงงๆ อยู่เหมือนกัน
“จะอาบน้ำก่อนมั้ย” เขาถาม ผมแค่พยักหน้าก่อนและรีบคว้าผ้าเช็ดตัวไป
ระหว่างที่น้ำกำลังชำระล้างร่างกาย ในหัวของผมก็พลันคิดไปต่างๆ นานาถึงต้นเหตุที่ทำให้เกิดภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องการงี่เง่าเป็นลูกคุณหนูของผมแน่ๆ ผมประสบปัญหาโดนกระแนะกระแหนแบบนี้มาตลอดชีวิตจนนับครั้งไม่ถ้วน ผมชินซะแล้ว แต่ที่หนักใจนี่สิ ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรวะ จะบอกว่ารู้สึกผิดที่ทำให้กัปตันธีร์ต้องเดินออกไปซื้อน้ำก็ไม่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์…
ใช่! ใช่แน่ๆ! ที่ผมกำลังเป็นอยู่ คือรู้สึกแย่ที่กัปตันต้องมารู้สึกไม่ดีและคิดตัวเองทำให้ผมรู้สึกแย่ โอ๊ย เข้าใจยากนิดหน่อยแต่มันก็จำกัดความได้แบบนี้จริงๆ แหละ เขาแก่กว่าผมตั้งเยอะ มันใช่เรื่องที่ต้องมารับมือกับความงอแงแบบนี้หรือไงเล่า โอ๊ย ทำตัวเด็กจังเลยกู
เนี่ย! แล้วก็มาหงุดหงิดที่ตัวเองฟุ้งซ่านอีก พังครืนไปหมดเลยชีวิต!
หลังจากอาบน้ำเสร็จ อีกฝ่ายก็เดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างไม่รีรอ ตอนนี้ทุกอณูของร่างกายผมมันพองแน่นไปหมดด้วยความอึดอัด จะพูดกันสักคำได้มั้ยวะ ประมาณว่า ‘อาบน้ำก่อนนะ’ ‘สบายตัวมั้ย?’ ก็ได้ แต่ก็นั่นแหละ เขาจะมาพูดแบบนั้นกับมึงทำไม เพี้ยนแล้วกู
ไม่นานนักเขาก็ออกมาจากห้องน้ำ เขาอยู่ในชุดนอนซึ่งเป็นเสื้อยืดกับกางเกงขายาวหลวมๆ เขาดูประหลาดใจที่ผมยังไม่ใส่เสื้อผ้าสักที แน่ล่ะ ผมยังนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ประเด็นคือไม่มีอะไรจะใส่ครับ กูไม่ได้เอาม้าาา!
“ทำไมไม่หยิบชุดในกระเป๋าไปใส่ล่ะ นั่งหนาวอยู่ทำไม” เขาถาม
“ผมมีมารยาทพอที่จะไม่รื้อของส่วนตัวของคุณนะ” ผมพูด แต่ไม่กล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ
เขาถอนหายใจยาวจากนั้นก็เดินฉับๆ ไปยังกระเป๋า คว้าเสื้อยืดแบบเดียวกับที่เขาใส่พร้อมกางเกงขาสั้นซึ่งเหมือนจะเป็นอันเดอร์แวร์
“ซักแล้ว ยังไม่ได้ใส่เลย” เขาชิงพูดก่อน เพราะเห็นว่าผมเอาแต่จ้องกางเกงในสีขาวในมือเขา โอ๊ย จะดีเหรอวะเนี่ย
เออเอาเหอะ เป็นไงเป็นกัน ไม่ใส่ก็ต้องแก้ผ้านอนปะวะ
หลังจากที่เข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำเสร็จ ออกมาพบว่าห้องด้านนอกนั้นมืดสนิท กัปตันหนุ่มนอนนิ่งอยู่บนเตียงเรียบร้อย
“คุณมีไนท์ครีมมั้ย” ผมถามเสียงสั่นๆ มาคิดได้ทีหลังว่ากำลังเปิดการ์ดคุณหนูอีกแล้วกู
“ไม่มี” เขาพูดในความมืด “จะให้ไปซื้อมั้ย”
“ไม่เป็นไร แค่ถามดู” ใครจะกล้าให้ไปวะ แค่นี้ก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว
เอาล่ะ ขอนอนสักที ทนให้ถึงตอนเช้าไม่ไหวแล้ว
“จะทำอะไร” เขาถามอีกรอบ
“ก็นอนไง”
“จะนอนที่โซฟาทำไม!”
“ก็ผมเกรงใจ” ผมเริ่มหงุดหงิดละ “แล้วก็เลิกดุสักทีได้มั้ย ไม่ชอบเลย”
“ผมเนี่ยนะ” เขาถาม จับน้ำเสียงได้ว่าเขากำลังขบขันอยู่ หึ!
“นอนที่เตียงไปเหอะ มันเป็นที่ของคุณ”
ผมได้ยินเสียงสะบัดผ้าห่ม จากนั้นก็ปรากฏร่างใหญ่เดินเข้ามาใกล้ๆ ด้วยความสายตาสั้นผมจึงได้แต่เพ่งดูจนไม่ทันได้สังเกตว่าเขากำลังจะทำอะไร…
“เฮ้ย!!” เขาคว้าเอวผมไว้ด้วยมือข้างเดียว จัดการหิ้วเหมือนกับอุ้มลูกหมาจนผมตัวลอย ไม่ทันได้ดีดดิ้นอะไรรู้ตัวอีกทีหน้าก็กระแทกกับฟูกนุ่มๆ ปากกำลังจะโวยวายแต่… โอ้ เตียงนุ่มจ๋า… (งดงอแงชั่วขณะ)
“สบายกว่าใช่มั้ยล่ะ” เขาพูดขณะที่เดินอ้อมไปขึ้นเตียงอีกฝั่ง กัปตันคว้าหมอนใบใหญ่มากั้นระหว่างเราสองคนไว้ ปัญญาอ่อน ของแบบนี้มันต้องใช้หมอนข้างไม่ใช่หรอ
“ขอโทษนะ” อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาในความมืด
“ไม่ได้ทำจมูก ไม่เจ็บหรอก” เสียงผมดูอู้อี้เพราะนอนคว่ำอยู่ ใช่ครับ ท่าเดิมที่เขาโยนลงมานั่นแหละ
“ไม่ใช่” เขาถอนหายใจอีกแล้ว “เรื่องวันนี้ต่างหาก”
“อ่า…” ฉิบหายแล้วไง ไม่ได้เตรียมสคริปต์มาด้วย
“ผมลืมไปว่าคุณ…”
“นี่เลิกเรียกผมว่าคุณได้มั้ย” ผมร้อง “มันได้ยินแล้วรู้สึกตัวเองอย่างกับเทวดา”
เขาเงียบไปสักพัก แต่ก็พูดต่อ “ฉันลืมไปว่าเธอโตมายังไง แล้วฉันโตมายังไง ฉันผิดเองที่ว่าไปอย่างนั้น”
“อ่า…” เอาไงดีๆๆๆๆๆๆ “ผมก็ขอโทษเหมือนกัน”
“หึๆ”
เขาหัวเราะอีกแล้ว อะไรเนี่ย!?
“มีอะไรน่าขำเหรอ อยู่ดีๆ นึกถึงการ์ตูนวัยเด็กขึ้นมารึไง”
“เปล่า ฉันขำที่เธอขอโทษต่างหาก”
“เอ๊า! ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไรนะ ไม่ใช่คนงี่เง่าสักหน่อย”
“แค่เอาแต่ใจ”
“นั่นก็แล้วแต่คนจะคิด ผมขี้เกียจแก้ตัวแล้ว”
“คนเราไม่เหมือนกัน”
“แล้วคุณเป็นแบบไหนล่ะ” ผมยันตัวขึ้นมองผ่านหมอนใบใหญ่ที่กั้นอยู่ ตกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าเขาหันมาทางนี้อยู่ก่อนแล้ว
กัปตันยิ้มกรุ้มกริ่ม 5555 ตลกว่ะ อยากถ่ายรูปเก็บไว้ ทำไมเหตุการณ์นี้ต้องมาเกิดตอนกลางคืนด้วย มันแอบถ่ายยากกกก
“เธอพูดมาสิ”
“อืม…” ผมคิด “พวกเอาจริงเอาจัง ขี้โวยวาย ขี้หงุดหงิด เบื่อโลก”
“ไม่มีอะไรดีเลยเหรอ”
“ก็ยังไม่เห็นอะไรนอกจากนี้เลย”
“โอเค” เอาพยักหน้า “แต่เธอน่ะเป็นคนซับซ้อน”
“ยังไง?”
“ตอนฉันไปงานศพพ่อแม่เธอดูเศร้ามาก แต่วันที่เข้ามาประชุมบอร์ดบริหารก็เงียบอย่างประหลาด แล้วอยู่ๆ ก็ร่าเริงออกมาดูงานที่สนามบิน ดูสับสนอับจนหนทางตอนจะหาน้ำกินที่ร้านติ่มซำ” เขาอธิบาย “แค่ไม่กี่วันฉันเจอเธอมาหลายรูปแบบเหลือเกิน แต่ละอย่างก็ไม่เข้ากันสักนิด”
“ก็คงซับซ้อนอย่างที่คุณว่าแหละ” ผมพยายามจบเรื่อง รู้สึกประหลาดที่มีใครแจกแจงเรื่องตัวเองให้ฟังแบบนี้ “คุณมีแฟนยัง”
“ถามทำไม”
“แค่อยากรู้ว่าใครจะทนคนอย่างคุณได้” ถามไปงั้นแหละ จริงๆ ก็รู้แล้ว หึหึ
“ไม่มี”
“จริงอะ หน้าตาก็ไม่ได้แย่ เห็นตอนคุยกับเลขาของผม เรียกแทนตัวเองว่าพี่ด้วย เคยกิ๊กกันหรือไง?” เหอๆ แซวได้เกรียนมากเลยกู
“ตรองอะนะ เห็นกันมาตั้งแต่เป็นเด็กฝึกงานแล้ว พามันไปเลี้ยงน้ำเลี้ยงขนมบ่อย พอจะสนิทกัน”
“อ๋อเหรอ” แล้วทำไมกูต้องมีความรู้สึกหมั่นไส้ด้วยวะ
“ทำไม หวงเลขาหรือไง”
“ใช่ กลัวจะทำงานไม่ได้เรื่องไปมากกว่านี้” ผมนอนพลิกตัวไปอีกข้าง “นอนแล้วนะ ถ้าตื่นก่อนก็ปลุกด้วย”
ผมดึงผ้าห่มขึ้นมา ก่อนจะควานหามือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ ว่าจะส่งข้อความให้เพื่อนรักสักหน่อย
ถึง : ไวน์
ดูท่าเกมนี้จะเดือดกว่าที่คิด
ถึงกูพูดว่าจะเล่นเกม แต่เอาจริงกูยังไม่มีแผนอะไรเลย
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่กูสับสนมากขนาดนี้
ถ้ามีมึงอยู่คงมีแผนที่สนุกกว่านี้
ที่เจอวันนี้มันทำให้กูไขว้เขวชะมัดเลยว่ะ
รีบกลับมาช่วยกูเล่นเกมนี้เหอะ : )
ฝากความคิดถึงให้หนัง AV ที่ถูกกฎหมายด้วย
รักมิยาบิมาก
จาก : ปั๊มจบตอน
สวัสดีครัชชช theneoclassic มาอัพตอน 2 แล้ว ตอนนี้หนูปั๊มรู้สึกสับสนเพราะว่าไม่รู้จะทำยังไงกับเกมต่อ เอาเข้าจริงปั๊มเป็นพวกไม่มีแผนการล่วงหน้า ไม่เคยวางทางการใช้ชีวิตว่าจะเป็นยังไง การเกิดเหตุการณ์ในบทนี้เลยเปลี่ยนทัศนะคติปั๊มไปเต็มๆ แล้วแผนการของปั๊มจะเป็นยังไงก็ต้องติดตามกันต่อไป ตอนหน้าจะได้รู้แย้วครับ
บทๆ นึงยาวไปมั้ยฮะ มีอะไรติชมกันบอกมาได้เลยน้า
อีกนิดๆ คิดไว้อยู่แล้วว่าคงมีคนพูดถึงปั๊ม (อาจจะมีคนไม่ชอบ) 555 แต่ผมต้องการตัวละครแบบเทาๆ ไม่ดีไม่ร้ายจัด ซึ่งคนแบบนี้มีอยู่จริง เจอแล้วปวดหัวเนอะ
กัปตันธีร์อายุ 35 ผมคิดว่ากำลังดีเลยนะ มีใครชอบคนมีอายุบ้างหรือเปล่า อิอิอิ
เจอกันตอนหน้าครับ <3

magic-moon ขอบคุณน้าที่รอ 555 สนุกจริงเหรอเขินเลย ฮือๆๆ
usguinus ขอบคุณฮะ ติดตามตอนต่อไปด้วยน้า
sirin_chadada จริงๆตัวละครปั๊มนี้พยายามทำให้กลมมาฮะ ไม่เลวร้าย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่ได้ดี 100 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน คนเทาๆ แบบนี้มีอยู่โดยทั่วไป และมีสาเหตุที่ตัวละครนี้เป็นแบบนี้ 55 ติดตามกันต่อไปด้วยนะฮะ ขอบคุณที่อ่าน เย่
Hamzholic อ้าวคุณเพื่อน เผ็ดมั้ย…อืม ตีความคำว่าเผ็ดได้ยังไงหว่า แต่เผ็ดก็ได้ ชอบคำนี้555
puiiz ขอบคุณฮะ ติดตามกันต่อไปด้วยนะ
PrimYJ ตอนที่ 2 มาแย้ววววว มาอ่านแล้วบอกฟีดแบคด้วยนะฮะ ขอบคุณที่ติดตามครัช
Snowermyhae เดี๋ยวมีคนร้ายกว่าปั๊มอีก ฮ่า!
bookie โอ้ววว ขอบคุณมากๆ ฮะแบบขอบคุณจริงๆ คุณทำให้ผมรู้เลยว่าอ่านทุกบรรทัด และผมชื่นใจมากกก ขอบคุณนะฮะ

ฝากติดตามแฟนเพจ
https://www.facebook.com/thene0classic ได้นะฮะ หรือจะคุยกันใน twitter ผ่าน #firemetothemoon ก็ได้นะครับ ยั๊กนะ <3
