- LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - LOVE ANALYST - [วิเคราะห์การรัก] ความเสี่ยงที่ 32 P.14 ✽update 2.11.2018✽  (อ่าน 127799 ครั้ง)

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ



ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

วิเคราะห์การรัก

เพราะความรักมีความเสี่ยง โปรดศึกษาวิเคราะห์ก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

#วิเคราะห์การรัก

สารบัญ

ความเสี่ยงที่ 1
ความเสี่ยงที่ 2
ความเสี่ยงที่ 3
ความเสี่ยงที่ 4
ความเสี่ยงที่ 5
ความเสี่ยงที่ 6
ความเสี่ยงที่ 7
ความเสี่ยงที่ 8
ความเสี่ยงที่ 9
ความเสี่ยงที่ 10
ความเสี่ยงที่ 11
ความเสี่ยงที่ 12
ความเสี่ยงที่ 13
ความเสี่ยงที่ 14
ความเสี่ยงที่ 15
ความเสี่ยงที่ 16
ความเสี่ยงที่ 17
ความเสี่ยงที่ 18
ความเสี่ยงที่ 19
ความเสี่ยงที่ 20
ความเสี่ยงที่ 21
ความเสี่ยงที่ 22
ความเสี่ยงที่ 23
ความเสี่ยงที่ 24
ความเสี่ยงที่ 25
ความเสี่ยงที่ 26
ความเสี่ยงที่ 27
ความเสี่ยงที่ 28
ความเสี่ยงที่ 29
ความเสี่ยงที่ 30


คู่มือการอ่าน
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2018 22:41:36 โดย idee »

ออฟไลน์ ณัฐฐา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: -LOVE ANALYST- นักวิเคราะห์การรัก
«ตอบ #1 เมื่อ03-05-2017 17:18:35 »

รอค่ะ  :z13:

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
Re: -LOVE ANALYST- นักวิเคราะห์การรัก
«ตอบ #2 เมื่อ03-05-2017 17:26:30 »

-LOVE ANALYST-
วิเคราะห์การรัก

ความเสี่ยงที่ 1

"บัณฑิต ยิ้มหน่อยครับ!"

แชะ!

แชะ!

แชะ!

"เอ้า รูปสุดท้ายแล้ว คุณพ่อคุณแม่ กดไลค์หน่อยครับ"
แชะ!

ผมซึ่งเป็นบัณฑิตหมาดๆ ในชุดเสื้อครุยสีทึบ ในมือหอบช่อดอกไม้หลากสียิ้มอย่างอ่อนแรงให้พี่ตากล้องจ้างหลักพันถ่ายหลักหมื่นที่เพื่อนของเพื่อนผมหามา นี่มันจะห้าโมงแล้วนะครับ! ผมยืนยิ้มเหงือกบานกลางสนามมาตั้งแต่บ่ายโมงกว่าๆ ให้ตายเหอะ ขาสั่นไปหมดแล้ว นี่คนกลับกันจะหมดคณะแล้วเฮ้ย! พอแล้วมั้งเพ่!

“พอแล้วพี่ นี่แสงจะหมดละคร้าบบ” ผมยกไม้ยกมือบอกพี่ตากล้องสุดฟิต พี่เขาพยักหน้าหงึกหงักแล้วเปิดกล้องดูรูปเร็วๆ

“คร้าบน้องวิน พี่เชครูปตรงนี้แป๊บนึง ไปพักเหอะครับ”
ผมเดินไปนั่งยืดขากับขอบฟุตบาท ใครว่ารับปริญญามีแต่ยืนยิ้มชิวๆ ผมนี่โคตรเหนื่อยเลยครับเนี่ย!

เตี่ยกับแม่ผมท่านก็ดูเหนื่อยแต่ก็ยังยิ้มกว้าง คุยกับญาติๆอย่างอารมณ์ดี แหงสิครับ ผมเป็นลูกชายคนเดียวนี่นา แถมเป็นหลานคนสุดท้องด้วย ตี๋เล็กของตระกูลเรียนจบแล้วนะครับ อาแปะอาโกวทั้งหลายงี้มาแสดงความยินดีกันใหญ่

หลังจากจ่ายเงินกับตกลงกับพี่ตากล้องเรื่องวันรับรูปส่งรูปอะไรเทือกๆนี้เสร็จ ผมก็เดินเอาดอกไม้ไปวางรวมกันไว้ในรถเข็นคันเล็กริมสนาม ถอดเสื้อครุยที่ทั้งร้อนทั้งหนักออกแล้ววางสุมไว้ข้างบนอีกที เอาน่ะ ใช้วันนี้วันสุดท้ายแล้ว จะยับบ้างก็ช่างมันเถอะ

"เห้ย ไอ้ตี๋!!" เสียงไอ้อาร์ตเพื่อนผมตะโกนเสียงดังมาจากหน้าคณะ ผมขมวดคิ้วแล้วรีบหันควับไปที่ต้นเสียง

พวกแม่ง... เพื่อนผมเองแหละครับ ถึงวันนี้จะอยู่กันไม่ครบแก๊ง แต่ตัวจี๊ดก็ยังยืนสุมหัวกันอยู่ตั้งสามคน ไอ้ตัวเสียงดังสุดนั่นไอ้อาร์ตครับ คนดูจะทรงเกาหลีอปป้าที่สุดนั่นไอพีท ส่วนคนที่ยืนเก๊กหล่อคิ้วเข้มอยู่ชื่อไอ้น้ำ

"เอ้ย.. ไอ้วิน มึงจะกลับยังอ้ะ.." พอเห็นญาติๆผมหันตามไปมอง ไอ้เชี่ยอาร์ตเปลี่ยนชื่อเรียกผมอย่างไวเลยครับ เอ่อ ลืมบอกไป..ผมไม่ได้ชื่อตี๋ครับ... ผมแค่หน้าตี๋เฉยๆ..

"เออ ว่าจะกลับแล้ว ที่บ้านจะไปเลี้ยงกันต่อว่ะ" ผมตอบกลับไปเสียงดัง

"มานี่ก่อนเด่ะ" ไอ้อาร์ตเรียก ผมหันไปพยักหน้ากับเตี่ยนิดหน่อยว่าผมไปแป๊บนึงนะ แล้วก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาพวกมัน ว่าก็ว่าเถอะครับ แก๊งค์ผมนี่ถ้าอยู่ครบๆเป็นบอยด์แบนด์ได้เลยนะ ตอนเป็นพี่ว้ากช่วงปีสามงี้ละโคตรรุ่งเรือง เดินเรียงหน้ากระดานทำหน้าเข้มไปเข้มมา น้องๆงี้ตามกรี๊ดกันตลอดๆ

"โคตรไม่คุ้นหน้ามึงเวลาไม่ใส่แว่น" อาร์ตมองหน้าผมแล้วพูดขึ้น

"เอ้า รับปริญญา กูก็อยากจะหล่อใสๆแบบไม่มีแว่นงะ" ผมว่า

"ตี๋เอ้ยย มึงรู้ป่ะว่าหน้าเต้าหู้เข้าไปอีกก" ไอ้พีทรีบพูด ส่วนอีกสองคนขำก๊าก

"เกาหลีไงมึง โวะ! พวกมึงนี่ไม่เข้าใจเทรนกูเลอะ!" เออ กุรู้ว่ากูหน้าจืด แล้วยังไงล่ะ ไม่หล่อเหมือนพวกมึงนิ่

"มาเซลฟี่กันก่อนเว้ยตี๋ กูจะอัพรูป" ไอ้น้ำหยิบโทรศัพท์มือถือมันออกมาชู ไอ้พีทรีบจัดทรงผมอย่างรู้งาน ส่วนผมกอดคอยิ้มแฉ่งอยู่กับไอ้อาร์ตอยู่ด้านหน้า ปล่อยให้กำแพงมนุษย์สองคนอยู่ข้างหลังไป แหม ผมกับมันไซส์มาตรฐานชายไทยน่ะครับ 175 พอดีไม่มีขาดเกิน (จริงๆผมว่าอาร์ตมันสูงไม่ถึงหรอกครับ แต่ถ้ามันจะยืนยันอย่างงั้นก็ตามใจ) ส่วนไอ้น้ำกับไอ้พีทผมถือเป็นยักษ์ ความสูงแม่งทะลุ 180 ไปแล้ว ไอ้น้ำยืดแขนยาวๆหามุมดีๆ แล้วกดถ่ายรูป

แชะ

"ไหนๆ เอามาเชคเด้ะ" ผมชะเง้อคอไปมอง อื้อหืออ ยังกะเด็กน้อยสองคนถ่ายกับดารา พีทมันเป็นพรีเซนเตอร์คณะตอนปีสองครับ ไอ้ใบปลิวโฆษณาหลักสูตรคณะน่ะมีหน้ามันยิ้มหราอยู่ ส่วนน้ำเป็นหนึ่งในสามของมือกลองของคณะตลอดห้าปี (ที่ต้องมีฝีมือและหน้าตา เอาไว้แข่งกับมหาลัยอื่นอ่ะครับ..) ในขณะที่ผมกับอาร์ตเป็นเด็กยกของ ใช่สิวะ กูมันไม่หล่อเท่าพวกมึงนิ่

"นี่พวกกูว่าจะไปกินเหล้ากันต่อ มึงเลี้ยงที่บ้านเสร็จตามมามั้ย พวกที่เหลือก็ว่าจะตามมา" น้ำว่าพร้อมกดโทรศัพท์อัพไอจียิกๆ

"เหอะ วันนี้ญาติกูมาเยอะ ไปไม่ได้ว่ะ" ผมบอกปฎิเสธไป

"โห่มึง ครั้งสุดท้ายแล้วนะ" พีทร้อง

"พ่องสิ! วันซ้อมใหญ่ก็เพิ่งแดกไป กูนี่แหละเก็บศพพวกมึงมา!! ไม่มีอ่ะสำนึกบุญคุณ แล้วแต่ละตัวแม่งอย่างกาก!!" ผมโวย

"ฮ่าๆๆๆ มึงนี่นะ ใครใช้ให้มึงอ่อนแพ้แอลกอฮอลวะตี๋" ไอ้เชี่ยอาร์ตหัวเราะเสียงดังไปป่ะ

"กินนิดเดียวก็ตัวแดงยังกะกวนอูลง" ไอ้น้ำพูดแล้วเอามือมาขยี้หัวผม โว๊ะ! เสียทรงหมด!!

ผมแยกเขี้ยวกลับไป ผมกินเหล้าแล้วหน้าแดงตัวแดงครับ ถึงจะไม่ได้เมามากก็ตาม คนกินด้วยงี้ตกใจประจำ เพราะงั้นผมเลยไม่ค่อยอยากกินเหล้ากับคนไม่สนิทเท่าไหร่

"ไม่รู้แหละ วันนี้กูไปไม่ได้ว้อย! พวกมึงไปเหอะ เดี๋ยวกูไปละ" ผมยืนยัน พวกแม่งยืนอิอ๊ะเล็กน้อยก่อนจะปล่อยให้ผมเดินกลับไปหาเตี่ยกับแม่และคนอื่นๆ

เสียงเพื่อนผมหัวเราะเฮฮาแว่วมาให้ได้ยินในขณะที่ผมกำลังเดินไปขึ้นรถ พวกมันคงกำลังวางแผนเมาของคืนนี้ ผมหันกลับไปมองหน้าคณะในบรรยากาศครึ้มๆ ผมก้มมองใบปริญญาบัตรที่อยู่ในมือแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ

จริงๆ แล้วผมเรียนจบมาเกือบหกเดือนแล้วแหละครับ กว่าจะรับปริญญานี่ แต่ผมก็ยังแวะเวียนมาที่คณะอยู่บ่อยๆ เหมือนปิดเทอมแต่ไม่มีโปรเจ็กให้ทำ แต่เอาล่ะครับ ได้เวลายอมรับแล้วล่ะว่าชีวิตนักศึกษาสถาปัตย์เป็นเวลา 5 ปีของผมมันจบลงแล้วจริงๆ...

เอาว่ะ ก้าวต่อไปของชีวิตกำลังจะเริ่ม!


---- 3 เดือนต่อมา ----


12.11

คลิก!

ผมกดส่งเมลล์คอนเฟิร์มสเปกกระจกกลับไปให้ลูกค้าแล้วก็บิดซ้ายบิดขวาไล่ความเมื่อย นั่งทำงานมาตั้งแต่เก้าโมง ยังไม่ได้ลุกไปไหนเลยครับ นี่นั่งจ้องจอจนตาปวดตุบๆ ไปหมด ใส่คอนแทคนานๆไม่ดีจริงๆด้วยแหละ

แต่เอาเหอะครับ เพราะเวลานี้มัน..
พักเที่ยงแล้ว! อยากจะลุกขึ้นมาเต้นรอบโต๊ะ
ป้าแม่บ้านจะซื้อข้าวให้ผมหรือยังหว่า.. ลงทุนไปอ้อนมาเมื่อเช้าเลยเชียวนะ
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยครับ อโศกแลนด์นี่ช่วงเที่ยงแออัดยังกับอะไร ผมชอบนั่งชิวตากแอร์กินข้าวบนออฟฟิสมากกว่า

ผมพลิกไอโฟนขึ้นมาเลื่อนๆฆ่าเวลา โอ้โห พวกแม่งคุยอะไรกันเยอะแยะวะ ผมกดเข้าไปอ่านไลน์ห้อง "แหล่งซ่องสุม" แหม่ ชื่อห้องมันก็ตั้งกันไปงั้นแหละครับ นี่มันห้องรวมแก๊งค์ครับ 11 คนคุณภาพแห่งรุ่น 76

ผมเริ่มไล่อ่านข้อความที่ค้างอยู่

Nahm_Tect : ว่อยยย อาชีพสถาปนิกแม่งน่าเบื่อแสดดดดดด
นั่งดราฟห้องน้ำมาเป็นเดือนแล้วกูเนี่ยยยยยยยยยยย

Artis_Tect : แล้วใคร หมาที่ไหนบอกกูว่าต้องเรนเดอร์ทรีดีได้เทพๆ!! มาถึงงี้เปิดเอ๊กเซลให้กูทำใบ BOQ เฉยเลยห่านนนนนนน!

Pete_Int : วะฮ่าฮ่า หนุ่มอินทีเรียอย่างกูได้เจอเซลล์ขายหลอดไฟน่ารักประจำเลยยย

Nut_tect : แล้วทำไมกูกับไอ้เอ็มได้เดินแต่ไซท์ก่อสร้างวะ แม่ง โลกไม่ยุติธรรมมม



หึ... บ่นเรื่องงานกันอีกแล้วพวกนี้ ผมพิมพ์ตอบกลับไปบ้าง


Wyn_Tect : มาทำคอนซัลท์กะกูดิ่ มาๆ แอร์เย็นเน็ตแรงกลับตรงเวลานะโว้ย

Artis_Tect : เชี่ยตี๋ กูไม่ได้เรียนเก่งแบบมึงนิ่

First_Tect : โอ้ยยย ไอ้ตี๋ กูอิจฉาาา ออฟฟิสกูนี่ตีสามมาสามวันแล้ว

Thep_int : เออ มีแต่คนแย่งตัวไปทำงาน เทพจังนะตี๋วินนน

ผมยิ้ม เอ้า ไอ้เทพ มึงอ่ะเทพไม่ใช่กู...
ผมนั่งอ่านไลน์ไปขำไป พวกแม่งเข้ามาตัดพ้อชะตากันใหญ่เลย เห็นท่าน่าจะบ่นกันอีกนาน ผมวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะแล้วเดินไปหยิบข้าวกล่องจากแพนทรี่มานั่งกินที่โต๊ะ

ครับครับ ผมโดนดึงตัวมาทำงานบ.ที่ปรึกษาและวิเคราะห์ที่ดิน ไอ้ที่ต้องมานั่งวิเคราะห์กำไรขาดทุนตั้งแต่แบบมันอยู่ในกระดาษ สร้างได้กี่หลัง ขนาดห้องเท่าไหร่ คืนทุนมั้ยอะไรแบบนี้แหละครับ วันๆนั่งอยู่กับแบบ คอม และก็รายการคำนวน ไม่มีเขียนแบบหรือนั่งดราฟ โห สวรรค์คนเกลียดการตีแคดข้ามคืนอย่างผมชัดๆ แถมออฟฟิสผมผู้หญิงเยอะมาก ดาวล้อมเดือนครับพูดเลย น้องวินคะ พี่วินขาตลอด ชีวิตดี

"วินนน กินข้าวที่โต๊ะคนเดียวไม่เหงาเหรอจ้ะ" นั่นไง นี่พี่ฝ้ายครับ หัวหน้าผมเอง สวยเช้งมาทุกวัน ส่วนที่เดินตามหลังมานั่นน้องแคร์ น้องในแผนก

"กินไปอ่านอะไรเพลินๆไปครับพี่" ผมตอบ

"แหม อย่าให้รู้นะว่าคุยกับแฟน เจ้ไม่ยอมนะยะ ทรัพยากรผู้ชายออฟฟิสมีน้อย"

"น้อยแต่มีคุณภาพนะครัชช" ผมส่งยิ้มกลับไปให้

"อย่าอ้อยเจ้!! เจ้เอาจริง!" พี่ฝ้ายทำปากจิ๊จ๊ะในขณะที่น้องแคร์ก้มหน้างุดๆ "บ่ายนี้พรีเซนต์กับบ. Xx design นะ อย่าลืมเตรียมเอกสารด้วย"

"เรียบร้อยแล้วคร้าบ จองห้องประชุมแล้วด้วย"

"น่ารักที่สุดดด สุดหล่อของเจ้" พี่ฝ้ายพูดแล้วบอกว่าจะเดินลงไปช้อปปิ้งตลาดนัดข้างตึกกับน้องแคร์ก่อน

ผมนั่งเล่นโทรศัพท์ไปอีกสักพัก

First_Tect : เออ น้องปาล์มปีสามมันบอกว่า อีกเดือนนึงมันจะให้พวกเราไปว้ากปีหนึ่งอ่ะ

ไอ้เฟิร์สประธานว้ากรุ่นผมแจ้งข่าว

Thep_Int : เฮ้ยยยยยย ได้เวลาคืนสังเวียนละโว้ยยย

ไอ้เทพตอบมาอย่างเร็วเป็นคนแรก หลังจากนั้นเหรอครับ โอ้ย โทรศัพท์จะระเบิด ทุกคนตื่นเต้นที่จะได้ลงสนามอีกครั้ง แถมยังนัดเตรียมงานที่ร้านเหล้า(?)กันอย่างเร็วอีกต่างหาก
ใช่ครับ..
มันนัดกันคืนนี้... โอ้ยแม่ง เร็วไป๊!! เรื่องอื่นพวกมึงกระตือรือร้นแบบนี้มั้ยเนี่ย

Nahm_Tect : ตี๋ มึงอ่ะเลิกงานเร็วสุด มึงไปจองโต๊ะเลย วันนี้วันศุกร์ เดี๋ยวโต๊ะเต็ม เจอกันหัวช้าง

เอ้า เชี่ยนี่
โยนใส่กูซะงั้น แล้วกว่าพวกมึงจะตามกันมาอ่ะนะ กูไม่รากงอกเลยเรอะ...แต่ถึงจะเถียงไปมันก็ต้องเป็นกูสินะ...
ผมตอบตกลงกลับไปเร็วๆ แล้วหันไปเตรียมเอกสารประชุมช่วงบ่าย ปล่อยสมาชิกที่เหลือคุยกันต่อไป

----------

20.45

นั่นงะ กะอะไรไว้ไม่เคยพลาด....

จะสามทุ่มอยู่รมร่อ ยังมีไอ้วินคนนี้แหละครับ นั่งหัวโด่เด่อยู่โซนเอ้าท์ดอร์ท่ามกลางเก้าอี้เปล่าๆอีกสิบตัว... พวกแม่งยังไม่โผล่ซักตัวเลยครับ ร้านคนก็เยอะ หญิงโต๊ะนู้นมองมาทำหน้าสงสารใส่ผมอีกแล้ว ผมยิ้มเจื่อนๆตอบกลับไป อ้าว.. แล้วไหงสาวผมยาวคนสวยสบตากับผมแล้วก็หลบไปเฉยเลย อะไรวะเนี่ยย

ข้าวผัดปูจานเล็กที่สั่งมาแก้เก้อนั้นพร่องไปเยอะแล้ว เด็กเสิร์ฟเดินมามองเป็นรอบที่สิบ
เอ้า ก็ได้วะ กินนำพวกมันไปก่อนละกัน...

"น้อง ลีโอสองขวด"

-----------

21.20

"เฮ้ย ไอ้ตี๋ พวกกูมาแล้ววว" ในที่สุดก็มีคนมา! เอ็มกับนัทโผล่หน้าเข้ามาในร้านแล้วพุ่งตัวเข้ามาตบไหล่ผมแรงๆ เจ็บมั้ยให้ทาย

"โอ้ยห่าาาา กว่าจะมานะมึงงง" ผมว่า

"น่อวว นั่งหน้าใสเชียวนะครัชช" นัทพูดเสียงดัง

"เห้ย น้องตี๋ มึงนำไปก่อนเลยเหรอเนี่ย แดงละมึง" เอ็มพยักหน้ามาที่ขวดเบียร์เปล่าๆ สองขวด

"น้องอะไรล่ะ! พวกมึง! กูยังไม่เมา กูตัวแดงเฉยๆ" ผมยักไหล่พร้อมกระดกเบียร์ที่เหลือในแก้วเข้าปาก

"ฮ่าๆ เอาว่ะมึง"

"น้อง! ช้างทาวน์นึง แก้วเพิ่มสอง" ไอ้นัทหันไปสั่งเด็กเสิร์ฟเพิ่ม

หลังจากนั้นไอ้พวกที่เหลือก็ทยอยกันมาครับ ไอ้น้ำมาถึงร้านเป็นคนสุดท้าย ว่าจะครบก็เกือบห้าทุ่มพอดี แม่งง กูมาตั้งแต่สองทุ่มครึ่ง เบียร์หมดไปสี่ทาวน์แล้วเนี่ย! ไอ้น้ำมองมาแล้วทำหน้ายุ่ง ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามผม

"เชี่ยตี๋ มึงแดกไปเยอะเหรอ องค์ลงละมึง"

"ไม่อ่ะ ปกติ" ผมกินไปไม่เยอะเท่าไหร่หรอกครับ ไม่ได้เมา แต่กำลังมึนแบบสนุกเลย

"เอ้า มากันครบแล้ว ก่อนคุยงาน ชนแก้วกันเว้ยยยยย!!" เสียงไอ้เฟิร์สจากอีกฟากของโต๊ะพูดซะดัง ก่อนจะมีเสียงแก๊งๆของแก้วกระทบกันไปทั่ว

23.50

เอะอะชนแก้ว เอะอะหมดแก้ว ไม่เห็นแม่งจะได้การได้งานห่าอะไรกันเลย เหมือนหาเรื่องมาอัพเดทชีวิตกินเหล้ากันธรรมดานี่แหละครับ.. ตอนนี้ทาวน์เบียร์เปล่าๆอยู่บนโต๊ะเกินครึ่งโหลแล้ว ผมอ้าปากหาววอดๆ รู้สึกหน้าร้อนวูบวาบไปหมด กินเยอะไปป่ะวะเนี่ย

"พี่ครับ โต๊ะนั้นฝากมาอ่ะครับ" เด็กเสิร์ฟเดินเอากระดาษใบเล็กๆ มายื่นให้ผม พยักพเยิดไปทางโต๊ะเยื้องๆ


หวาน 08x xxx xxxx


อุ่ย เอาว่ะ

"ง่อววววว ไอ้ตี๋ว่ะะะ" เชี่ยอาร์ตนำมาเลยครับ

"แหม่ ถอดแว่นแล้วมีหญิงเลยนะมึงงงง" ไอ้บอยเอาศอกสะกิดผม

"พ่อง! กูหล่ออยู่แล้วแสดด" ผมย้อน

"น่อวววว"  เสียงแซวอื้ออึง

ผมหน้าร้อนใจเต้นตุบๆ หันไปมองทางโต๊ะรอบๆหาเจ้าของกระดาษแผ่นเล็กนี่ ก็ไม่เห็นมีสาวๆสบตากลับมาซักคน

ผมมองงงๆ
ผิดป่ะวะ
เขาจะให้ไอ้น้ำที่อยู่ตรงข้ามป่ะวะ ร้อยทั้งร้อยเวลาอยู่กับพวกแม่ง ไม่มีคนสนผมหรอกครับ ออร่าพวกมันบังหมด
ต้องใช่แน่ๆ ใครเขาจะแจกเบอร์มึงเนี่ย

"นี่" ผมเรียก
"กูว่าเขาจะให้มึงอ่ะ อึ๊ก!" ผมยื่นกระดาษไปให้หน้าไอ้น้ำ โอ่ย สะอึกอีก เอาเข้าไป

"หน้าแดงหมดละมึง ไหวป่ะเนี่ย แดกน้ำเปล่าไป๊" บอยที่นั่งข้างผมส่งแก้วให้ ผมดื่มน้ำอึกๆ

ไอ้น้ำแบมือรับกระดาษไป ดูๆเสร็จก็เก็บลงกระเป๋าเสื้อ แล้วเลื่อนแก้วเบียร์ผมออกไป "ไม่ต้องแดกละ" มันพูดเรียบๆ แล้วปล่อยให้ผมนั่งสะอึกต่อ

"อ่ะๆ เรื่องงานบ้าง! ฟังๆ พวกมึง" เฟิร์สพูดเสียงดัง

"หน้าที่เหมือนเดิม กู เทพ บอย เอ็ม เป็นตัวว้าก ตี๋วิน อาร์ต พวกมึงเป็นหน่วยกดดันและจิกกัด ปั่น นัทมึงเป็นพี่เทวดาโอ๋น้อง น้ำ พีท ไปยืนหล่อเป็นหน้าเป็นตา ส่วนไอ้กล้าใต้ มึงไม่ต้องพูด"

"เอ้า! อะไหร้นิ ไมกูไม่ได้พู้ดนิ" ไอ้กล้าแย้ง ทำเอาทุกคนฮาครืน

"ห่า ก็มึงสำเนียงทองแดง!" ปั่นโวย

"ก้อไมทำแบบนี้กะกูนิ กูพูดกลางแล้วนิ" กล้ายืนยัน

"โห ไอ้ฟาย กลางมากเลยมึง อยู่กลางยะลาเลยเนี่ย" อาร์ตแซว

"หน้ามึงอ่ะ น้องเห็นก็กลัวตายห่านึกว่าโจรใต้ ยืนเฉยๆ ก็พอ" เอ็มว่า

โว้... นอกเรื่องอีกละ ไปห้องน้ำดีกว่า ผมส่ายหัวเบาๆแล้วลุกขึ้นยืน โอ้ย ทุกอย่างช้าไปหมดเลยเว้ยย

"มึงไหวป่ะ? กูไปด้วยมะ" ไอ้น้ำถามผม

"กุไปเองได้แสดด"

"เหรอๆ ไมเสียงยานคางจังวะ ฮ่าๆ" ไอ้บอยขำใส่ผมที่ยืนเอนๆ

"กูง่วงงงงไงงง"

"ไปดีๆ อย่าร่วงกลางทางนะมึง" น้ำพูดแล้วหันกลับไปคุยต่อ

หน้าห้องน้ำทำไมสเต็ปเยอะจังวะ ไม่เหมาะกับคนเมาจริงๆ ใครออกแบบร้านนี้วะเนี่ย ผมเดินก้มหน้าดูพื้นไป จังหวะกำลังจะก้าวขึ้นก็ชนเข้ากับใครบางคนในกางเกงยีนส์สีเข้มที่เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี

“เห้ยยย” ผมร้องเสียงยานคาง ไอ้ที่ชนน่ะไม่แรงหรอกครับ แต่ด้วยความมึน (ไม่เมาจริงๆ สัญญา) ผมว่าผมหน้าคว่ำจูบบันไดปูนเปลือยนี่ก่อนจะทรงตัวได้แน่ๆ

*หมับ*

คนที่เพิ่งเดินสวนไปจับข้อมือผมไว้แล้วดึงหน่อยๆ ผมที่ทรงตัวไม่ค่อยจะอยู่เซวืดจนหลังชนกับเจ้าตัว

"ใครวะ.." ผมตั้งท่าจะโวย

"กระดาษใบนั้น.. ของนาย ไม่ใช่ของไอ้หน้าหล่อนั่น ไปเอาคืนมาด้วยนะ" เสียงทุ้มๆ บอกอยู่ข้างหลังหูผม

"หาา ยังไงนะ.." ผมขมวดคิ้วแล้วหันขวับกลับไป เชี่ย สูงเท่าไอ้พีทเลยมั้งเนี่ย ไฝเล็กๆใต้ตาข้างขวาของคนตรงหน้าดึงความสนใจให้ผมมองตามันตรงๆ ไอ้นี่มันยังอยู่ในชุดนักศึกษาอยู่เลยครับ
"กระดาษอะ..ไร"

"ตามนั้นอ่ะ..." อ้าว หลบตากูทำไม ผมยังงงไม่จบแต่มันก็เดินหนีไปเฉยเลย
ผมยกมือเกาหัว

กระดาษอะไรวะ...
...
.....


อ๋อ!!
ไอ้กระดาษเบอร์นั่นอ่ะนะ!?
ชื่อหวาน..ใช่มั้ยนะ?..

คนเมื่อกี้แม่งต้องเป็นเพื่อนกับสาวที่ชื่อหวานแน่ๆ ว่าแต่ว่าน้องเขาแจกเบอร์ให้ผม! ไม่ใช่ไอ้น้ำว่ะ! เรตติ้งกูยังดีอยู่สินะ ผมอมยิ้มกับตัวเอง

---

00.23

ผมเดินโงนเงนกลับมาที่โต๊ะ
พวกแม่งยังเสียงดังเฮฮากินเบียร์กันยังกับน้ำอยู่เลย

"อาทิตย์หน้าวันพุธ เข้าคณะไปส่องน้องกันก่อน ยังไม่ได้ดูทรงเด็กใหม่เลย" ไอ้เทพเสนอ

"ดีดี จะได้รู้ว่าใครแจ่ม" ไอ้นัทยิ้มระรื่น

"สัส มีเมียแล้วเงียบปากไป ปล่อยคนโสดอย่างกูนี่" พีทเขวี้ยงเศษทิชชู่ในมือใส่แขนนัท

"เออ น้องกลองที่แม่งคัดกันมา ไม่รู้เป็นไงบ้าง กลับไปดูก่อน กีฬาถาปัดอายเขาตาย" บอยมือกลองอีกคนหันไปพยักหน้ากับคำพูดของน้ำ

"งั้นต้องชวนทอมเอ้ด้วยเด่ะ" บอยพูด ครับ มือกลองปีผมมีสามคน ชายสองทอมหนึ่ง เลือกกรี๊ดกันเลยครับสาวๆ

"ไม่รู้เอ้มันว่างป่ะนะ เห็นต้องออกต่างจังหวัดเรื่อยๆ เดี๋ยวกูถามให้" อาร์ตพูด มันสองคนทำงานที่เดียวกันครับ

นัดแนะกันเรื่องเข้าคณะไปส่องเด็กเสร็จก็ตีหนึ่งกว่าๆ
ไอ้นัทก็พูดขึ้นมาว่าจะกลับไปหาแฟน ปั่นกับกล้าบอกว่ากลับด้วยเด่ะ ส่วนบอยกับเทพบอกว่ามีไปตรวจไซท์ต่างจังหวัด เอ้า กลับไปซะครึ่ง จะอยู่ทำไมล่ะครับ โน่น ไอ้เฟิร์สสั่งคิดเงินแล้ว

"... อะไร.." ไอ้น้ำถามผม

"กระดาษเมื่อกี้อ่ะ.." ผมแบมือใส่หน้ามัน

"กระดาษทำไม.."

"ของกู.. น้องหวานเขาให้กู.." ผมบอกมัน

"เห้ยย จริงง่ะ มึงรู้ได้ไงไอ้ตี๋" อาร์ตถามสอดขึ้นมา

"เพื่อนเขาบอกกู.. ตอนเดินไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้..นู่น!" ผมชี้ไปมั่วๆ โอ้ย โต๊ะไหนนะเมื่อกี้อ้ะ
เพื่อนอีกสี่คนหันไปมองงงๆ

"มึงเพ้อละ" พีทว่า

"เอามาาาาา" ผมจ้องหน้าไอ้น้ำ

"ไม่ให้..... เอ้า นี่เงิน" มันยิ้มกวนตีนแล้วหยิบเงินจากกระเป๋าส่งให้เฟิร์สที่กำลังนับแบงก์

"ปะ กูไปส่ง คืนนี้นอนคอนโดมึงนะตี๋ ขี้เกียจขับไกลๆ" พีทพูดเร็วๆแล้วควงกุญแจรถโชว์

"เห้ยย กูด้วยดิ่" อาร์ตแทรกตัวเข้ามายืนแบบเอนๆ

"กูก็ไป" ไอ้น้ำหยิบกระเป๋ามาสะพาย นี่พวกมึงถามอะไรกูรึยังวะเนี่ย

"แหม พวกมึงนี่ตัวติดกันอีกละนะ จตุรเทพมั้งแสดดดด" ไอ้เฟิร์สแซวอย่างอิจฉา มันต้องกลับออฟฟิสครับ มันว่าต้องบินไปพรีเซนต์ที่ลาววันจันทร์ งานทุกอย่างต้องพร้อมคืนวันเสาร์ นี่แม่งออกมากินเหล้ากับเพื่อน กูละนับถือจริงๆ

พีทเดินนำหน้าไปที่รถบีเอ็มสีแดงของมัน(ไม่ต้องอิจฉาครับ คันเก่าของที่บ้านมัน ใช้มาตั้งแต่ปีสองละ) ไอ้อาร์ตกับผมเดินกอดคอเซซ้ายทีขวาที ส่วนน้ำถือสัมภาระของพวกผมสองคน

"เอ้า ระวังหัวๆ" พีทเปิดประตูหลังแล้วยัดพวกผมเข้าไป

"เดี๋ยวไอ้ตี๋.. คีย์การ์ด.. กุญแจ.." น้ำเอี้ยวตัวมาจากเบาะข้างคนขับ

"อือ" ผมหยิบของที่มันถามหาแล้วส่งให้ "อ่ะ.."

"พวกมึงนี่เมาแล้วทิ้งตัวนะ" ไอ้พีทว่าขำๆ

"คราวที่แล้วกูเป็นคนเก็บพวกมึงนะ" ผมพูด

"เมาก่อนได้เปรียบ บาย..." อาร์ตพูดเสียงง่วงแล้วหลับตาไปเลย

"ชิบหาย ต้องลากพวกมันไปเรอะ" น้ำพูดเซ็งๆ

"หึหึ กูเอาคืนไง..." โอ้ย มึน พูดจบแล้วผมก็หลับกองอยู่เบาะหลังกับอาร์ตมันเนี่ยแหละครับ...

-----------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณมากๆ ที่กดเข้ามาอ่าน Love Analyst กันนะคะ
ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของวัยทำงานค่าา

น้อมรับคำติชมทุกท่านนะคะ ขอบคุณเล้าเป็ดด้วยค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2017 16:02:57 โดย idee »

ออฟไลน์ ชมรดา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
สนุกอ่ะ  ชอบๆจ้า  ติดตามจ้า

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ MeganMP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
สนุกดีนะ ชอบๆ ไม่ใช่ว่าพระเอกเป็นเด็กปี1นะ  :hao7:

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
------------
ความเสี่ยงที่ 2


"อือออออ..."
ปวดหัวชิบหายยยยยยเลยยยยยครับบบบบบ
ไอ้บ้าที่ไหนมันสั่งช้างวะ ไม่น่ากินผสมกันเลยยย ตื่นมายังกะโดนช้างเหยียบ

ผมดึงผ้าห่มขึ้นปิดหน้าแล้วพลิกตัว แสงจากหน้าต่างข้างเตียงแยงตาเป็นบ้า แล้วนี่อะไร
ขา? ขน?

"งื่ออออ" เสียงไอ้อาร์ตดังลอดออกมาจากใต้ผ้าห่มอีกฟาก


เชี่ย จะนอนซุกขนหน้าแข้งมันอยู่แล้ว!


"ตื่นได้แล้วพวกมึง สายโด่งแล้วยังเน่าอยู่เลย...แล้วมึง ไอ้พีท ไม่ได้เมาก็ตื่นสายเหมือนเมาเลยนะ! ออกมาจากผ้าห่มได้แล้วสัส" ไอ้น้ำพูดเสียงดัง

"ก็เตียงห้องนี้มันสบายนี่หว่า" พีทพูดเสียงเคลิ้มจะหลับ

ผมพลิกตัวหนีขนหน้าแข้งไอ้อาร์ตหันไปอีกข้าง

"อุ่ยเหี้ย!!" อุทานเสียงดังเพราะแม่งนอนบนหมอนใบเดียวกับผมครับ หันมาเจอผมยุ่งๆของไอ้พีทระยะประชิด ตกใจเหมือนเจอตีนไอ้อาร์ตเมื่อกี้เลย ดีที่นอนหันหลังชนกัน

ผมลุกขึ้นมานั่งเกาหัวแกร่กๆ ไอ้น้ำยืนพิงประตูห้องนอนดูกองเพื่อนด้วยความสมเพช สภาพมันอาบน้ำแต่งตัวซะเรียบร้อย

"จะกลับแล้วเหรอวะ" ผมมองนาฬิกา นี่มันสิบโมงกว่า

"เปล่า ยังไม่กลับ กูออกไปข้างนอกมาเมื่อกี้ มึงไปอาบน้ำไป หิวละ ให้ไว"

"เอออ.." ผมลากเสียงยาวลุกขึ้นหาววอดๆ แล้วพาร่างตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ ถอดเสื้อกล้ามกับบ๊อกเซอร์ที่ใส่นอนออก

ผมอาบน้ำพร้อมมีความรู้สึกว่าพี่เสือลีโอกับช้างยังวิ่งไล่กันอยู่ในหัวผม ซาฟารีมั้งพวกมึง!

คณะไหนๆก็กินเหล้ากินเบียร์เป็นน้ำทั้งนั้นแหละครับ หมอเอย บัญชีเอย ไม่ใช่แค่ถาปัด วิศวะที่เขาว่ากัน คนมันจะกินเยอะก็เยอะครับ ไม่เกี่ยวกับคณะหรอก ตัวผมเรียนสายแบบนี้มาก็ไม่ได้กินเป็นอาชีพ เอาว่ากินสนุกๆชิลๆกับเพื่อนฝูงนี่โอเค นี่ยังไม่เคยเมาแล้วออโต้ไพลอตเลยนะครับ เมาแล้วหลับอย่างเดียว เอ๊ะ จะว่าไปเมื่อคืนผมมีสติถอดคอนแทคเลนส์ด้วยล่ะ..
แต่ทำไมจำไม่ได้เลยวะ.. หรือนี่จะเป็นการภาพดับที่เขาว่ากัน

ผมก้าวออกมาจากโซนอาบน้ำแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมานุ่ง ก่อนจะยืนแปรงฟันหน้ากระจกไปมองหุ่นตัวเองไปด้วย
ก้างจริงๆ ก้างจริงๆ ก้างจริงๆ ผมพูดกับตัวเอง
เมื่อคืนแม่งไม่น่ากินเยอะเลย บวมเบียร์กันไปสิกู ซิกส์แพคยิ่งจะรวมกันเป็นก้อนเดียวอยู่ เวทก็ไม่ค่อยจะขึ้น นอนดึกแล้วตาโหล ผิวซีดๆของผมวันนี้ยิ่งซีดขึ้นไปอีก ดูรวมๆแล้วโทรมเป็นพิเศษครับพูดเลย

ผมเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาข้างนอกพลางเช็ดผมไปด้วย

"เชี่ยอาร์ต ไปอาบน้ำไปมึงงง" ผมเอาเท้าเขี่ยกองผ้าห่มรูปคนบนเตียง
"เออออ มึงอย่าพูดเสียงดังดิ! กูปวดหัววว" ไอ้อาร์ตใต้กองผ้าห่มนั่นขยับๆ ตอบผม
"ไอ้พีทมันออกไปอาบน้ำข้างนอกแล้ว น้ำแม่งแต่งตัวรอตั้งแต่ไก่โห่แล้ว เหลือมึงเนี่ย!"

ผมบอกมันแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบกางเกงใน เสื้อยืดย้วยๆกับขาสั้นตัวเก่งออกมาใส่โดยไม่เกรงกลัวสายตาเพื่อนในห้อง ไม่อายอ่ะจะทำไม

ไอ้อาร์ตเดินมึนๆ ผ่านหลังไปเข้าห้องน้ำ

"ตี๋มึงผอมลงป่ะเนี่ย" พีทที่พาดตัวนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงทักผม น้ำหันหน้าขึ้นมามองจากเก้าอี้มุมห้องที่มันนั่งอ่านการ์ตูนอยู่

"เออว่ะ ตอนกูแบกขึ้นมานี่เบาหวิวเลย แดกข้าวมั่งมั้ย" น้ำพูดสมทบ

"อ้าว นี่กูไปเล่นฟิตเนสมาไง กำลังลีน กูบิ้วต์กล้ามอยู่" ผมพูดยืดๆแล้วสวมเสื้อเข้าคอ เบ่งกล้ามแขนให้ดู
ไอ้น้ำขำกิ๊กกั๊ก

"โคตรกะหร่อง อย่างมึงอ่ะนะ จะมีกล้าม"

"กูกับไอ้น้ำงี้จะรอดูเลยตี๋" พีทเสริม

"แน้ะ ไอ้พวกเชี่ยนี่ เดี๋ยวกูจะเป็นกัปตันอเมริกาให้มึงดู!!" ผมประกาศกร้าวก่อนจะหยิบแว่นสายตากรอบหนาที่ตอนนี้นานๆ จะใส่ทีมาสวม ทำสายตามุ่งมั่น แม่งหัวเราะกันหนักกว่าเดิมอีก
โอ้ยย แม่ง อย่าให้กูมีกล้ามนะพวกมึง

หลังจากรอไอ้อาร์ตอาบน้ำเสร็จ ก็ได้เวลาเคลื่อนขบวนไปหาอะไรกินแถวๆละครับ นี่มันจะเที่ยงแล้ว

คอนโดที่(เตี่ย)ผมซื้อไว้อยู่กลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า โลเคชั่นดี๊ดี มีหนึ่งห้องนั่งเล่น สองห้องน้ำ สองห้องนอน ซึ่งอีกห้องที่ว่าผมเอาโต๊ะทำงาน โต๊ะดราฟ คอม เข้าไปตั้งจนกลายเป็นฐานทัพเรียบร้อย

ด้วยความที่พื้นที่เหมาะขนาดนี้หลายๆครั้งพวกแม่งก็จะผลัดกันมาขอนอนด้วยจนชินไปแล้ว
คนไหนทำงานดึก ห้องไอ้ตี๋
คนไหนเมา ห้องไอ้ตี๋
คนไหนว่าง ไม่มีที่ไป ก็ยังห้องไอ้ตี๋อีก
นี่ถ้าทำ airbnb เก็บเงินนี่รวยไปแล้วเนี่ย!

พวกผมสี่คนเดินชิวไปร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำ สั่งเส้นเล็กเส้นใหญ่อะไรกันไปคนละชามสองชามแล้วแต่ละคนก็นั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไป

"แน้....ไอ้น้ำ.. น้องพลอยมึงอ่ะ.. อะไรอ่ะยังไง ไหนมึงบอกห่างๆกันแล้วไง" อาร์ตชูโทรศัพท์ขึ้นแล้วเอาศอกสะกิดน้ำที่นั่งข้างๆ

"เหยย.. น้องอัพเตตัสโคตรมุ้งมิ้งอ้ะ ขอบคุณที่มาส่งนะคะแฮชแทก better together นี่อาไร้" ไอ้พีทเสริม

"ก็น้องเขาจะไปวิ่งตอนเช้าวันนี้ กูเลยไปส่งสวนลุมไง ไม่มีไร" ไอ้น้ำพูดปัดๆ

"อ่ออออ ที่มึงหายไปตอนเช้าเพราะงี้นี่เองงง" ผมพูดแล้วรับเอาชามก๋วยเตี๋ยวจากเด็กเสิร์ฟ

"พอๆ กูบอกว่ามันไม่มีอะไรไงพวกมึง จบๆ" ไอ้น้ำส่งตะเกียบกับช้อนให้ทุกคน "เอ้า แดก"

"นี่มึงยังคบกะเขาอยู่? ไหนคราวที่แล้วบอกพวกกูว่าเลิกแล้ว? นี่ดีกันแล้ว?" อาร์ตถามเป็นชุด

"เลิกกันแล้ว" น้ำถอนหายใจแล้วตอบเรียบๆ

"เอ้า!" ผมกะไอ้พีทพูดออกมาพร้อมกัน อะไรของแม่งวะ

"ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว ทำไม กูจะไปเจอเขาไม่ได้เรอะ ก็เป็นพี่เป็นน้องกัน" ตอบเสร็จก็ก้มหน้ากินเส้นเล็กต้มยำในชามเฉยเลย

ไอ้อาร์ตส่ายหน้าเซ็งๆ ผมมองหน้าไอ้พีท แล้วขยับปากบอกว่า ช่างแม่งเหอะ

ไอ้น้ำมันเป็นเพื่อนที่ดีครับ แต่มันคงไม่ได้เป็นแฟนที่ดีเท่าไหร่
เอาเป็นว่าเท่าที่พวกผมรู้ เรียนมาห้าปีแม่งเปลี่ยนแฟนไปเจ็ดคน ด้วยเหตุผลว่าเบื่อบ้าง เข้ากันไม่ได้บ้าง รำคาญบ้าง
พวกผมเป็นผู้ชายฟังแล้วยังอยากจะถีบเลยครับ คำว่ากะล่อนบวกเจ้าชู้นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ
แต่คนนี้มันคบนานสุดละครับ น้องพลอยเป็นรุ่นน้องคนสวย หมวยๆ ตัวเล็กน่ารัก เด็กกว่าพวกผมสองปี ก็เด็กว้ากพวกผมแหละเอาจริงๆ พวกมันคบกันมาตั้งแต่ตอนก่อนทำทีสิส ตอนเปิดตัวงี้งงกันใหญ่ว่าไปชอบกันตอนไหนวะ

"แล้วน้องมึงอ่ะไอ้พีท" ไอ้น้ำถามเปลี่ยนเรื่องขึ้นมา

"น้องไร กูไม่มีเด็ก" ไอ้พีทรีบพูด

"อย่ามาตลก กูเห็นมึงแอดหญิงเป็นสิบในเฟส" ผมว่า

"เซลทั้งนั้นอ่ะมึง คอนเนคชั่นไง อ่อยไปก่อน ตัวอย่างผ้าม่านนี่จะมาอย่างไว" ไอ้พีทยิ้มเจ้าชู้
ไอ้นี่ก็ใช่ย่อยครับ ไม่มีเป็นตัวเป็นตนหรอก เรียกว่าหว่านไปทั่วจะดีกว่า

"มึงนี่เชี่ยจริงๆ..." อาร์ตยกนิ้วกลางให้ "กูนี่ไม่เห็นจะมีบ้างเลย...เนอะตี๋" เอ้า ไหงมาเข้ากู

"สาวอโศกไม่มีแจ่มๆเลยเหรอวะ" พีททำหน้าสงสัย

"มี สาวๆออฟฟิสบัญชีข้างล่างนี่อย่างสวย แต่กูขี้เกียจจีบแล้วอ้ะ" ผมว่า

"คืออยากให้เขาจีบ?" อาร์ตถาม

"ก็เหี้ยละครับ กูหมายถึงกูกำลังสนุกกับการทำงาน! จีบหญิงใช้พลังงานนะสัส" ผมตอบ

"มึงอ่อนเองป่าวว" น้ำพูดขำๆ

"ถึงเขาจีบจริงมึงก็ไม่รู้ตัว ตอนพี่ปอยรุ่น 73 ตามจีบมึงเป็นเดือนมึงก็ง่าวเหอะ มีหน้าเอาเบอร์เขาไปให้เพื่อนโรงเรียนมึงอีก!" ไอ้พีทขุดประวัติผม อีกสองตัวหัวเราะนำมาเลยครับ

"เอ้า กูไม่รู้นิ่!! บอกมาเลยเด่ะ นี่ จีบ! กูจะได้เคลียร์!" ผมตบโต๊ะโวย ใครจะไปรู้วะครับ

"เซนส์ช้าชิบหาย..." อาร์ตบอก "เสียดายพี่ปอย อย่างสวยเลยนะมึง"

"เออน่ะ กูขี้เกียจคิดเรื่องอะไรแบบนี้ละ จะแดกมั้ยเนี่ยลูกชิ้นน่ะ ไม่งั้นกูแย่ง!" ผมชูตะเกียบ

ใช่ครับ นี่ผมพูดจริงๆ ตั้งแต่ทำงานมาผมไม่คิดเรื่องอะไรแบบนี้เลย ผมเลิกกับ 'ฟ้า' เพื่อนปีเดียวกันที่กลายมาเป็นแฟนผมไปเมื่อตอนเรียนจบ (เกือบปีแล้วนะครับ)

ฟ้าเป็นคนเก่ง น่ารัก ไม่ได้สวยจัดแต่เป็นคนมีสเน่ห์ ปีหนึ่งนี่อย่างป๊อบ ตอนปีสามฟ้าเป็นหัวหน้าฝ่ายพยาบาลแล้วผมเป็นว้าก เลยได้สนิทกัน เราไม่ได้มีช่วงจีบกันจริงๆ ด้วยซ้ำ ติวด้วยกัน ทำงานด้วยกัน เข้าค่าย ออกทริปด้วยกัน ไปๆมาๆก็เลยลงเอยกันตอนปีสี่

แต่นั่นแหละครับ พอช่วงที่ทำทีสิสต่างคนต่างจมลงไปกับงานตัวเอง ไม่ได้ใกล้ชิดกันเหมือนเดิม พอเงยหน้ามาอีกทีก็กลายเป็นว่าเรา 'เฉยๆ' กับกันและกันไปแล้ว ผมกับฟ้าก็คุยกันตรงๆ ไม่มีน้ำตา ไม่มีการโวยวายจากใคร มีแต่อาการโหวงๆในใจกับความงงของเพื่อนคนอื่นๆเท่านั้น

แล้วผมก็โสดมาจนตอนนี้แหละครับ

"เดี๋ยวกูกลับละ" น้ำพูดแล้วมองนาฬิกา

"อ่ะแน่ะ! มึงจะไปรับน้องพลอยอ่ะเด่ะ!" ผมรีบแซว

"แน้ ตัดกันไม่ขาดว่ะ" อาร์ตเสริม

"เสือกน่ะพวกมึง" น้ำว่าด้วยเสียงไม่จริงจัง

"เอาเถอะพ่อคู้นน.. เออ ใช่! แล้ววันพุธเอาไง เข้าคณะกะกูป่ะ เดี๋ยววนมารับที่รถไฟฟ้า" พีทถามเมื่อนึกขึ้นได้

"อือ กูไปด้วย" ผมพูด

"เดี๋ยวกูไปเอง ไม่รู้เลิกกี่โมง" น้ำบอก

"กูถามเอ้ก่อน ถ้าทอมไปด้วยกูไปกะทอม" อาร์ตพูดแล้วจิ้มโทรศัพท์ น่าจะไลน์ถามเอ้เลย

"โอเค งั้นกูมารับมึงทุ่มนึงละกันตี๋ น่าจะถึงคณะสองทุ่มพอดี" พีทสรุป

"ตามนั้น"

แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันไป

------

วันพุธ

19.45

ผมเดินตากแอร์อยู่ในเซเว่นใต้คอนโด
โทรศัพท์สั่นครืดๆ อยู่ในกระเป๋า ผมกดเข้าไปอ่านเร็วๆ


Pete_Tect : ตี๋ กูมาแล้วววว

Wyn_Tect : มึง!... มา!... สาย!... มาก!!

Pete_Tect : โอ๋ๆ ไม่โกรธนะ งอนแล้วหน้าเหี่ยวนะครับมึง กุรออยู่หน้าป้อมยามนะ



ไอ้นี่... ผมเดินเร็วๆ ไปขึ้นรถที่กำลังจอดกระพริบไฟอยู่


"ไหนทุ่มนึงของมึงเชี่ยพีท!... กูเดินเซเว่นไปเป็นร้อยรอบ น้องพนักงานเข้าใจว่ากูมาจีบเขาแล้ว!
นี่มันจะสองทุ่มแล้วแสดดดด ป่านนี้เข้าไปจะได้ทำอะไร เขาถึงกันหมดละ ไอ้เทพโทรตามกูตั้งสองรอบ
น้องประชุมเชียร์จะเสร็จละมั้ง" ขอด่ามันแป๊บนึงครับ แป๊บนึงจริงๆ สัญญา

ไอ้พีทมองอึ้งๆ
"เป็นชุดเลยมึงนิ่.. เออๆ กูสายเอง... อ่ะ!... ไถ่โทษๆ" มันยื่นโค้กกระป๋องแดงในมือมาให้ผม ง่อวว เอาของโปรดผมมาล่อนะ รับมาสิครับจะรออะไร
"ด่าจบแล้วเนอะ กูออกรถได้ยัง" มันถาม

"เออๆ"

ผมเปิดกระป๋องดังกริ๊ก พร้อมๆกับรถที่ออก

------

"ก้มหน้าลงไป!"
"โตๆ กันแล้ว ทำไมต้องให้พวกผมสอนเรื่องมารยาท"
"ผู้หญิงไม่ต้องใส่สั้น ไม่อยากดู!!"
"ผมไม่ใช่พี่คุณ ไม่ต้องเรียก!!"

ไดอาลอกแม่งไม่พัฒนากันเลยเหรอวะ ผมนั่งคิดเงียบๆ ตอนนั่งดูน้องประชุมเชียร์กัน นี่ได้ยินมาแต่รุ่นไหนรุ่นไหน เหมือนเดิมเด๊ะเลย

เด็กปีหนึ่งในชุดเรียบร้อยยืนเข้าแถวหน้ากระดานเรียงสิบ ไล่ตามระดับความสูง ผู้หญิงอยู่หน้า ผู้ชายอยู่หลัง ก้มหน้ามองพื้นในขณะที่พวกพี่รอบๆ ตะโกนกันโหวกเหวก

ที่คณะผมเลือกเอาปีสามเป็นพี่ว้ากให้กับเด็กปีหนึ่ง ปีสองมีหน้าที่ทำสันทนาการเล่นตลกให้พวกน้องๆดู ปีนี้ปีหนึ่งมีราวๆ เก้าสิบคนต่อพี่ว้ากแปดคน ถือว่าไม่เยอะไม่น้อยไป น่าจะกำลังดี

คณะผมไม่ได้ถือว่าว้ากแรงหรืออะไรเลยครับ เป็นกิจกรรมขำๆ กันซะอีก เหมือนมาเล่นละครให้น้องดูเป็นเวลา 4 เดือน ให้น้องมีเรื่องคุยกัน วาดคัตเอ้าท์ เม้าท์พี่ จำชื่อเพื่อน อะไรซะมากกว่า ไอ้เรื่องรับโหดๆนี่ลืมไปเหอะครับ ไม่มีซะหรอก

"คราวหน้า ผมสั่งอะไรไว้ อย่าลืมแล้วกัน!" น้องปาล์ม หัวหน้าเชียร์ปีนี้ตะโกนออกมา แล้วพี่ว้ากทั้งแปดคนก็เดินเร็วๆ หายออกไปจากสนาม ปีหนึ่งเริ่มแตกแถวออกมาคุยกันถึงงานที่จะต้องทำต่อ ดีครับ ถือว่าโอเค

พวกผมที่เข้าคณะมาสังเกตการณ์นั่งดูความเคลื่อนไหวผ่านกระจกอยู่ในห้องมืดๆ ติดกับลานที่น้องเข้าแถวกันเริ่มคุยกันบ้าง

สักพักเดียวพี่ว้ากของปีนี้ทั้งแปดคนเดินเข้ามาทักพวกผมอย่างคุ้นเคย
"เห้ยพี่วินนน!!! เพิ่งมาเหรอพี่ คิดถึงงง" เต้ หลานรหัสผม หนึ่งในว้ากปีนี้วิ่งเข้ามาหาทันทีที่เจอหน้า

"ไอ้เต้!!!!" ผมตบไหล่มัน

"พี่ วิชาเอนเทคไม่ไหวแล้วว่ะฮืออออออ ช่วยหน่อยยย" มันร้อง

"แหม นึกว่าคิดถึงกู นี่คือจะอ้อนให้กูติว!" ผมผลักหัวมัน

"ผมก็ไม่ไหวแล้วพี่วินนนน" น้องเอกเดินเข้ามาเอาหัวถูกับแขนผม

"พอเลยแสดด คุยงานก่อน!" ผมสะบัดใส่ พวกมันทำหน้าตาเสียใจ แล้วหันไปฟังน้องปาล์ม ประธานปีนี้สรุปงาน



"พวกผมจะว้ากกันสี่เดือน ตั้งแต่เปิดเทอมเมื่อสามเดือนก่อน ประชุมเชียร์อังคารกับพฤหัส แต่พอหลังจากเดือนนี้ไป พวกผมปรับให้เป็นจันทร์ พุธ ศุกร์ เว้นศุกร์สิ้นเดือนตรงนี้ เพราะน้องส่งงานครับพี่" ปาล์มเขียนสรุปบนกระดาน

"แล้วงานที่ต้องออกข้างนอกอ่ะ กำหนดยัง" บอยถามขึ้นมา

"อีกสามเดือนมีสิบสามถาปัตย์ครับ ยังตกลงเจ้าภาพไม่ได้ ตอนนี้มีน้องสมัครกลองหกคน แต่ยังไม่ได้คัดจริงๆจังๆเลย" เอก มือกลองรุ่นน้องรายงาน

"เดี๋ยวกูมาช่วยดู" น้ำพูดขึ้น


กลองที่คณะสถาปัตย์อย่างพวกผมมีกัน ไม่ใช่กลองโป๊งชึ่งสามช่านะครับ เป็นกลองลูกใหญ่ๆเหมือนกลองสะบัดชัยอย่างนั้นเลย ถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ คนอื่นที่ไม่ใช่มือกลองห้ามแตะ แถมจะตีต้องใช้แรงเยอะเป็นบ้า เพราะงั้นมือกลองนี่ต้องคัดมาอย่างดี เวลามีงานรวมตัวเด็กถาปัตย์หลายๆมหาลัยก็จะมีการดวลกลองกัน สนุกโคตรเลยครับเอาจริงๆ

"ต่อนะพี่.. หลังปิดว้าก แจกรุ่นตอนวันศุกร์นี้" ปาล์มวงวันที่บนกระดาน "แล้วขนน้องขึ้นรถไปมีตติ้งที่ระยองต่อเสาร์อาทิตย์นี้กับนี้เลยครับ รุ่นพี่เฟิร์สจะไปกันกี่คนอ่ะ ผมจะได้จองที่พักกับรถให้?"

พวกพี่ปีแก่ๆ อย่างผมยุกยิกเชคตารางในมือถือกันใหญ่

"งั้นเดี๋ยวกูรวมให้แล้วบอกมึงเอง" ผมพูดอาสา "ไม่ต้องเตรียมรถเผื่อพวกกูหรอก เปลืองตัง ขอแค่ที่พักพอ เดี๋ยวขับตามไปเอง พวกมึงโอเคมั้ย" ผมหันมองแก๊งค์ ทุกคนพยักหน้าหงึกๆ

หลังจากนั้นปาล์มกับเอกก็พูดเรื่องที่จะให้พวกผมลงว้ากในอีกสามอาทิตย์ รวมทั้งตกลงเรื่องรับน้อง คัดกลอง อะไรอีกมากมาย
"ประมาณนี้ฮะพี่ พักกันก่อนเนอะ" ปาล์มมองพวกผมแล้วพูดเหนื่อยๆ

โอ้ยเมื่อย

ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วเดินไปส่องน้อง ๆ ริมหน้าต่าง ปีหนึ่งยังคุยงานกันอยู่เลยแฮะ.. โห ปีนี้หญิงแจ่มสมคำบอกเล่าจริงๆด้วย เห็นทีต้องเข้ามาบ่อยๆ ซะแล้วสิ

ว่าแต่...

ไอ้คนสูงๆ ที่ยืนเด่นอยู่ตรงกลางนั่นหน้าคุ้นชิบหาย... ผมเดินเข้าไปใกล้หน้าตาอีกนิดแล้วหรี่ตามอง
คิ้วเข้มๆ หางตาตกๆ กับไฝใต้ตาข้างขวา... โคตรคุ้น...

นั่นมันคนที่เจอในร้านเหล้านี่หว่า!!
หรือว่า ???


"เต้! มานี่ดิ้" ผมเรียกหลานรหัส มันเดินมาหาแบบงงๆ
"ปีหนึ่งมีคนชื่อหวานป่ะวะ" ผมถาม

"มีดิ่.. อย่างดัง.. โคตรป๊อบเลย" มันตอบเร็วมากครับ

"อ่ออ..."

"ทำไมพี่ รู้มาจากไหน? สนใจเหรอ?" มันเอาศอกสะกิดผม สายตาเป็นประกาย

"อยากรู้เฉยๆ" ผมหันไปมองทางปีหนึ่ง ให้ตายดิ่! พรหมลิขิตชัดๆ จู่ๆ ก็รู้สึกดีใจยังไงก็ไม่รู้สิครับ

"จริงดิ่ ชอบป่าววว คู่แข่งเยอะน้าา" เต้พูดล้อๆ

"โวะ บอกว่าเปล่า กูอยากรู้เฉยๆ!" ผมยกเท้าขึ้นจะถีบมัน แต่ไอ้ตัวแสบวิ่งหนีไปไกลเชียวครับ

เอาว่ะ น้องหวานเป็นน้องปีหนึ่งคณะผม!!!
ถ้าจะเริ่มจีบ ถ้าจะอ่ะนะ.. เริ่มจากคนที่โชคชะตาจัดมาให้แบบนี้ดีกว่าไม่ใช่เหรอครับ..


------------
tbc

เอ็นดูตี๋วินกันด้วยนะคะ อิอิ
ฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยค่า
 :pig4:  :pig4:  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2017 22:19:54 โดย idee »

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ชอบค่ะ สนุกกกกกกก ติดตามๆๆๆๆ

สรุปคือตอนนี้ตี๋ก็ยังเข้าใจว่าหวานคือเพื่อนของน้องคนหล่ออยู่ใช่มั้ยคะ 55555555555
น่าจะมันอยู่อ่ะ  55

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
รอดูหน้าน้องหวานที่แท้จริงค่ะ  :hao7:

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 3


"ครับ... ใช่ครับ... ผังนี้เราได้มากสุด 20 ยูนิตครับถ้าเป็นทาวน์เฮ้าส์... ไม่ครับ มันมีระยะร่น.... ครับ ... เกรงว่ามันจะไม่คุ้มครับ ราคาที่ดินเราสูงไป.... ครับ.... ตามเอกสารที่เราส่งไปเลยครับ.... ครับ.... ขอบคุณครับ"

จีบหญิงกะผีน่ะสิครับ...

นี่ผ่านมาอาทิตย์นึงผมยังไม่ได้โงหัวขึ้นมาจากโต๊ะทำงานเลย งานที่ปรึกษาของผมช่วงนี้ช่างฮอตซะเหลือเกิน คนนู้นจะเอาผัง คนนี้จะเอาราคา ไหนจะต้องตามเจ๊ฝ้ายคนสวยไปประชุมอีกเยอะแยะ ผมยัดกระดาษแผ่นใหญ่ลงซองแล้ววางกองไว้บนโต๊ะ โอ้ย นี่ผมต้องหาเวลาเคลียร์โต๊ะซะบ้างแล้วล่ะครับ เอกสารมันเยอะเกินไปแล้ว
ผมนั่งถอนหายใจได้ไม่ถึงสามเฮือก หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็กระพริบเตือนว่าผมมีประชุมในอีกสิบนาที.. ผมหันควับไปมองโต๊ะเจ้านายสุดสวยของผมแล้วก็พบกับความว่างเปล่า.. นี่พี่ฝ้ายไปไหนอะครับ...

อ้าว นั่นน้องแคร์เดินมานู่นแล้ว
"พี่วินคะ คนจากบริษัท AA มาแล้วค่ะ แคร์บอกพี่ฝ้ายแล้ว แต่พี่ฝ้ายบอกให้พี่เข้าก่อนเลย"

"โอเค พี่ไปเดี๋ยวนี้แหละ" ผมรวบเอกสารลวกๆ หยิบสมุดกับปากกาแล้วหันไปยิ้มอ่อนกับน้องแคร์
พี่ฝ้ายคร้าบบ นี่รับบรีฟครั้งแรก พี่เล่นปล่อยลูกนกลูกกาอย่างผมออกไปชนลูกค้าแล้วเหรอคร้าบบ ตามมาเร็วๆนะครับเจ๊

ผมเปิดประตูแล้วก้าวไวๆเข้าห้องประชุมหลังเคาะประตู

"สวัสดีครับ.. ขอโทษที่ทำให้รอ" ผมพูดแล้วเงยหน้ามองคู่สนทนาที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง พร้อม ๆ กับที่อีกฝ่ายเอี้ยวตัวมามองผม

เชรดด...

หลุดออกมาจากละครเรื่องอะไรวะเนี่ย....

ผู้ชายตรงหน้าผมอายุน่าจะยี่สิบปลายๆ รูปหล่อหน้าคมคิ้วเข้ม ใส่เสื้อเชิ้ตดำ ทับด้วยสูทโคตรเนี้ยบสีเทา ยืนล้วงกระเป๋าดูวิวริมกระจกห้องประชุม นี่พรี่มาถ่ายหนังเหรอครับ

ผมกลืนน้ำลายด้วยความประหม่าไปดังเอื๊อก นี่อีกนิดกูจะคิดว่ากูเป็นอั้ม พัชราภาในละครแล้วนะแสด
"ผมมาวินทร์ รัตติอนันต์ เป็นนักวิเคราะห์ที่นี่ครับ เชิญนั่งก่อนเลยครับ" ผมแนะนำตัวแล้วเดินนำไปที่โต๊ะประชุมอีกฟาก

“ยินดีครับ”
อีกฝ่ายตอบเสียงนุ่มแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ พลางหยิบนามบัตรออกมาจากเสื้อสูท
"สวัสดีครับคุณมาวินทร์ ผมตะวัน จากบริษัท AA ครับ" ผมเอื้อมมือข้ามโต๊ะไปรับแล้วรีบหยิบนามบัตรของตัวเองส่งให้บ้าง

ผมดูนามบัตรที่รับมาแล้วสะดุดกับนามสกุล.. อื้อหือ... ชัด...ลูกชายเจ้าของบริษัท AA บริษัทส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ มาดคนรวยนี่มันรวยจริงๆ

"พอดีผมได้คอนเนคชั่นมาจากบริษัทที่เคยออกแบบโรงงานให้ผมน่ะครับ เขาว่าที่นี่รับพัฒนาโครงการ ผมมีที่อยู่สามไร่ ติดถนนใหญ่ ว่าจะทำคอนโดน่ะครับ" เขาพูดเร็วๆ

"อ๋อ รับครับ เราทำครบวงจร ตั้งแต่วิเคราะห์พื้นที่ คิด Feasibility และระยะคืนทุน วางผัง จนถึงขายเลยครับ" ผมตอบ "ไม่ทราบว่าตอนนี้มีในหัวคร่าวๆรึยังครับ ว่าอยากให้ออกมาเป็นแบบไหน อาคารสูงหรืออาคารเตี้ย เกรดไหนครับ"

"จริงๆ แล้วไม่มีเลยครับ ผมน่าจะต้องขอคำแนะนำทางนี้อีกมาก" คุณชายตะวันตอบยิ้มๆ
อ่ออ เข้าใจๆ เป็นลูกค้าประเภทมีตัง มีที่ แต่ทำยังไงดีน้า สินะ

"ยินดีเลยครับ" ผมตอบกลับ คิดเอาเองว่าทำท่ามั่นใจก็ชนะไปกว่าครึ่งแล้ว เมื่อไหร่พี่ฝ้ายจะมาอ่ะครับบบบ

"ทางทีมเราจะทำการวิเคราะห์พื้นที่เบื้องต้นก่อน ว่าสามารถสร้างตึกแบบไหนได้บ้าง กี่ยูนิต รันราคาเบื้องต้น แล้วเปิดประมูลผู้ออกแบบ ตามด้วยผู้รับเหมา ประมาณนี้ครับ" ผมเปิดคอมแล้วเอาปากกาชี้อธิบายการทำงานคร่าวๆ แล้วหยิบเอกสารอีกชุด
"แล้วนี่เป็นรายละเอียดบริษัทเราครับ มีโครงการที่เคยทำ และรายชื่อทีมงานด้วย"
“อย่างโปรเจ็กต์ของคุณตะวัน น่าจะใกล้เคียงกันกับงานโครงการนี้ที่เราเคยทำไปเมื่อปีที่แล้วครับ” ผมเปิดเอกสารในมือแล้วเอื้อมส่งให้คนฝั่งตรงข้าม “ขออนุญาตครับ”

"ดีเลย ผมจะได้ศึกษาก่อน ขอบคุณครับ" คนหน้าคมรับแล้วหยิบไปพลิกดู "แล้วทีมที่จะดูโครงการนี้...."

น่าน...พูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้ ไม่มั่นใจล่ะสิ ดูออกแน่ ๆ ว่ากูเป็นมือใหม่... เจ๊ฝ้ายครับบ ช่วยผมด้วยย
ผมทำใจดีสู้เสือมองหน้าว่าที่ “ลูกค้า” ที่กำลังก้มดูเอกสารแล้วตอบกลับไป

"ไม่ต้องห่วงครับคุณตะวัน หัวหน้าทีมที่จะรับผิดชอบคือคุณชนันญา คุณฝ้ายน่ะครับ แกเป็นไดเรคเตอร์ฝ่ายพัฒนาและวิเคราะห์ที่ดิน แต่วันนี้แกเข้าประชุมกับคุณตะวันไม่ได้ ต้องขอโทษด้วยนะครับ"

"แล้วคุณมาวินทร์ล่ะครับ? ดูโปรเจ็กนี้ด้วยรึเปล่า หรือเป็นส่วน Business Development"  อีกฝ่ายละสายตาจากแฟ้มในมือขึ้นมามองหน้าผม

"อ่า.. ดูสิครับ ผมเป็นนักวิเคราะห์และผู้ประสานงานโครงการครับ" ผมยิ้มอ่อนตอบไป ในมือนี่กำปากกาหมึกซึมด้ามเก่งจนแน่น ความประหม่านี่พุ่งปรี๊ด นี่ความน่าเชื่อถือกูไม่มีขนาดนั้นเลยเรอะ สูท ZARA ตัวละสองพันสี่ (ลดแล้ว) ไม่ได้ช่วยกูเลยใช่มั้ยยยยย

ผมเกือบจะกลั้นหายใจรอคำถามถัดไปของคุณตะวัน

"เดี๋ยวผมให้เลขาฯส่งข้อมูลของที่ดินให้คุณมาวินทร์นะครับ ทางนี้ส่งใบเสนอราคาให้ผมได้เลย"

เฮ้ย...

ส่งใบเสนอราคาได้เลย ไม่มีถามต่อแล้วเหรอ ยะเฮ้!!! ผมแอบทำตาโตดีใจอยู่คนเดียว
จริงป่ะเนี่ยยย!! การคุยกับลูกค้าคนเดียวครั้งแรกของกูววว นี่ลูกค้ามีเงินเขาคุยกันไม่ถึงสิบห้านาทีแบบนี้เหรอ? โหยยย เท่ห์ไปเลยยยย

"ทางคุณมาวินทร์สะดวกไหมครับ?" คนตรงหน้าผมถามขึ้นเมื่อเห็นผมเงียบไปนาน

"อ้ะ สะดวกครับ ยังไงถ้าได้ข้อมูลจากทางคุณตะวันแล้ว ไม่เกิน 3 วัน ทางเราจะส่งตารางเวลา และใบเสนอราคาให้ครับ" ผมพูดรัวๆ

"ตกลงครับ พอดีผมมีต้องไปที่อื่นต่อ คงต้องไปแล้ว ยังไงฝากด้วยนะครับ" คุณตะวันขำนิดๆกับท่าทางของผม แล้วลุกขึ้น

“ครับผม ขอบคุณมากครับ” ผมพูดแล้วลุกขึ้นเดินตามอีกฝ่ายไปทางประตู

“ครับผม แล้วพบกันใหม่ครับ... อ้อ ปากกาสวยจังนะครับคุณมาวินทร์” คุณชายตะวันหันกลับมาพูดยิ้มๆ

เหอ..

“อ้ะ..อ๋อ!... ครับ เป็น LAMY รุ่นเก่าแล้วน่ะครับ” ผมยกปากกาในมือขึ้นมาชูไว้อย่างเก้ๆกังๆ

“ครับ สวยมากเลย” อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วอมยิ้ม ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งผมกับปากกาด้ามเก่งในมือเอาไว้หน้าประตู

เยสสสส คุยกับลูกค้าก็ไม่ยากนี่นา!!!
รีบสรุปแล้วรายงานให้พี่ฝ้ายรู้เลยดีกว่า!!!

_ _ _ _


“กรี๊ดด! วิน เธอได้คุยกับคุณตะวัน รัชยานนท์ ลูกชายบริษัท AA เลยเหรอ ตัวจริงเป็นไง หล่อมั้ย??” พี่ฝ้ายรับนามบัตรไปดูแล้ววี๊ดว้ายเสียงดัง

“อ้าวพี่ ไม่สนงานเหรอ”

“สนสิ แต่ชั้นอยากรู้ว่าเขาหล่อเหมือนในรูปมั้ย เป็นแรงผลักดันในการทำงาน” พี่ฝ้ายมองหน้าผมด้วยสายตาเป็นประกาย

“อ่ะ ก็หน้าตาดี.. แหละ”

“โคตรหล่อเลยค่ะพี่ฝ้าย” น้องแคร์ที่นั่งพิมพ์งานอยู่เงยหน้าขึ้นมาบอกท่าทางจริงจัง

“ดี เจ้าของหล่อด้วย เป็นงานที่ดีด้วย...” พี่ฝ้ายพูด ว่าแล้วหัวหน้าผมก็ก้มอ่านเอกสารที่ผมเพิ่งพิมพ์ให้เร็วๆ
“แล้วเป็นไง คุยง่ายมั้ย” พี่ฝ้ายถามในขณะที่ยังไม่เงยหน้าจากกระดาษ

“ง่ายเลยพี่ คุยแป๊บเดียวเอง เขาดูๆพอร์ตเราแล้วก็บอกว่าจะส่งข้อมูลที่ดินมาให้ แล้วให้เราส่งใบเสนอราคาได้เลย”

“ดี งานนี้พี่จะให้วินเป็น Project Manager”

หะ.. อีกทีซิ
“อะไรนะพี่” ผมเนี่ยนะ “ผมเพิ่งทำงานได้สามเดือนเองนะ!”
 
“เออ แกเนี่ยแหละวิน โครงการนี้ไม่ใหญ่มาก เหมาะจะเรียนรู้ เดี๋ยวเจ๊ประกบเอง” พี่ฝ้ายสรุปสั้นๆ

“หรือแกจะมีปัญหา..” เหวอ หันขวับพร้อมสายตาพิฆาตมาทางนี้แล้ว

“โอ้ย ไม่มีคร้าบคนสวย อย่าใจร้ายกับผมมากละกันนะคร้าบ” ผมมองตาปริบๆ 

“ดีมาก จงไปตามข้อมูลจากคุณตะวันสุดหล่อของเจ๊มา วันพรุ่งนี้เอามาคุยกันบ่ายสอง ห้ามเลท”
 
งานช้างหล่นใส่หัวก็งานนี้ล่ะครับ

- - -

19.56

“ไปไม่ได้” ผมพูดเรียบ ๆ ใส่โทรศัพท์ เสียงสูงโวยวายออกมาจากปลายสาย
“งานเข้าอ่ะดิ่ กูต้องส่งงานพรุ่งนี้บ่ายเนี่ย เย็นนี้ไปกับพวกมึงไม่ได้หรอกอาร์ต นี่กูต้องวางเลย์เอ้าท์ต่อ” ผมเอาไหล่หนีบโทรศัพท์ไว้แล้วคีย์ข้อมูลใส่คอม
“มึงเตรียมงานกันไปก่อนเลย... เออ... ไม่เป็นไร.... วันพุธนี้ที่จะเข้าว้ากกันกูไม่เบี้ยวหรอกน่า... เออ... ทริปรับน้องด้วย ไปๆ กูเคลียร์งานไว้ละ.. โอเค.... แค่นี้ก่อนนะมึง บาย..”

ผมกดตัดสายแล้ววางมือถือไว้มุมโต๊ะ ไอ้อาร์ตโทรมางอแงเพราะเดอะแก๊งค์นัดบรีฟกันครับวันนี้ เพราะอีกสองวันจะได้เวลาที่พวกผมจะได้ลงว้ากน้องในนาม “พี่ปีแก่” โอ้ยใครวะช่างคิดชื่อนี้ เอาเป็นว่าพี่ว้ากรุ่นก่อนหน้าจะมารวมกันสำแดงเดชกันน่ะครับ นัยว่าจะให้น้องทำความรู้จักรุ่นพี่ๆที่จบไปแล้วด้วย ถัดไปอีกสองวันก็จะเป็นวันรับรุ่นของน้อง ตามติดด้วยทริปบันเทิงเสาร์อาทิตย์ รับน้องที่ทะเลตามแผนที่เจ้าปาล์มหัวหน้าว้ากมันวางแผนเอาไว้

พูดว่านัดบรีฟอ่ะครับ... แต่มันก็นัดกันที่ร้านเหล้าเอกมัย คงจะได้คุยหรอกงานเนี่ย ถ้าได้งานซักยี่สิบนาทีนี่ผมไหว้เลย
กลับมาตั้งสติต่อดีกว่า ผมไม่อยากพลาดครับงานนี้ เจ๊ฝ้ายไว้ใจให้ผมคุม ผมต้องทำให้ได้ดี

_ _ _ _

23.08


บ้าบอออ

นี่ผมออกจากออฟฟิสตอนห้าทุ่มเหรอ บ้าไปแล้ว ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาการกลับบ้านเร็วนี่เป็นเรื่องโกหกใช่มั้ยครับ
รายละเอียดเยอะกว่าที่ผมคิดไว้มาก แถมยังติดขัดตรงนั้นตรงนี้เต็มไปหมด
ให้ตายดิ่! นี่คิดไม่ตกจนต้องปริ้นผังกลับมาด้วยเลย ผมสะพายกระเป๋า พยายามรวบเอกสารในมือแล้วเดินเร็วๆไปที่รถไฟฟ้า
เอาน่ะ เดี๋ยวกลับคอนโด อาบน้ำแล้วค่อยรื้ออีกที เผื่อจะคิดอะไรดีๆออกได้

_ _ _ _

00.14

ผมอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเสร็จก็ล้มลงมานอนแผ่หราตากแอร์บนเตียง ไม่เคยคิดขอบคุณเตี่ยขนาดนี้เลยครับเรื่องซื้อคอนโดกลางเมือง ผมเหลือบตามองแบบที่ดินวางกระจายอยู่บนพื้น

“อืมมมมม”

ผมครางฮือในคอ ก่อนจะตัดใจจากเตียงนุ่มนิ่ม ลุกขึ้นมาจ้องเจ้ากระดาษสีซีดๆ บนพื้นอีกรอบ
ที่ดินโลเคชั่นดีขนาดนี้ จะทำ Community mall ก็ได้.... แต่คอนโดก็น่าจะดี..... ทำไงดีวะ.. หรือจะมิกซ์กันไปเลย.. แต่ถ้าจะทำแบบนั้น ต้องคิดแผนทั้งสามแบบเลยนะ ทันมั้ยวะเนี่ย... ผมมองนาฬิกา เอาน่ะ มันจะซักเท่าไหร่กัน....

...
....
......
.........

เท่าไหร่ล่ะ.... ก็ตีสามน่ะสิครับ!

ผมมองดูไฟล์คำนวณที่ดินเป็นครั้งสุดท้ายแล้วกดเซฟ (ไม่นับไฟล์ชื่อ Final และ Final revised หรือ Final Final Final ที่ผมทำไปเมื่อกี้อ่ะนะ) หัวงี้มึนไปหมดแล้วครับเนี่ย ผมบิดขี้เกียจแล้วหาววอดๆ ตั้งนาฬิกาปลุกแล้วเตรียมทิ้งตัวลงบนเตียง       

ครืด... ครืดดดด....

ใครวะโทรมาป่านนี้... ผมก้มดูชื่อแบบตาจะปิด..

“อือ.. น้ำ ว่าไง...” ผมรับโทรศัพท์เสียงง่วงๆ

(เอ้า หลับแล้วเหรอวะ กดเปิดประตูรับพวกกูหน่อยดิ่ อยู่ข้างล่างคอนโดมึงเนี่ย)

“อื้อหือ ความเกรงใจนั้นมีบ้างมั้ยยย นี่กูกำลังจะนอนน” ผมว่า

(ดีเลย แปลว่ามึงยังไม่หลับ นี่ไอ้อาร์ตจะน็อกละ เปิดเร็วๆ)

“เออ ดี ให้มันได้แบบนี้ อีกหน่อยกูจะเก็บเงินพวกมึง”

ผมกดตัดสายแล้วเดินโงนเงนออกไปกดรหัสเปิดประตูด้านล่าง ตามด้วยรหัสลิฟต์ให้พวกมันกดขึ้นมาชั้น 46 นี่ได้ ขอบคุณที่เลือกเทคโนโลยีสะดวกๆ แบบนี้ให้ด้วยนะครับเตี่ย

_ _ _ _

กริ๊ก

“ให้ไว กูง่วงมากแล้ว” ผมทำเสียงบูด (หน้าก็บูด) ใส่พวกแม่งที่ยืนเด่อยู่หน้าประตู “แล้วไอ้พีทล่ะ” ผมมองซ้ายมองขวา

“มันขับมาส่งอ่ะ แต่ไปละ มีคิวส่งไอ้เทพกับไอ้กล้าต่อ” ไอ้อาร์ตพูดเสียงยืดๆ ผมพยักหน้ารับรู้ไปส่งๆ

“เข้ามาๆ อยากทำอะไรทำ ไม่ต้องชวนกูคุยนะ กูง่วงมากก นอนละ”

ผมตัดบทแล้วตรงดิ่งเข้าห้องนอน อาร์ตเดินตามมาแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น ส่วนไอ้น้ำทำตัวมีน้ำใจโดยการล็อกประตูหน้าให้ก่อนแล้วเดินตามเข้ามา

“โห นี่กระดาษอะไรเต็มไปหมดเลยวะ ไม่เก็บเรอะ” มันมองงานผมแบบอึ้งๆ

“ห้ามแตะ เดี๋ยวกูจำไม่ได้ว่าอะไรวางไว้ไหน” ผมเอาหน้าซุกหมอนแล้วพูดเสียงอู้อี้

“ถ้ามึงจะนอนบนเตียง กูขอสั่งให้ไปอาบน้ำก่อน กูเพิ่งเปลี่ยนผ้าปู” ผมเงยหน้ามาพูดเสียงเขียวดักไว้ก่อน

“โวะ อนามัยจังนะ” น้ำพูดติดตลก ผมจ้องมันแบบที่ตาจะปิด ถ้ามีซับไตเติ้ลก็น่าจะอ่านได้ว่า กูไม่ได้พูดเล่น จริงจังนะแสด

“เออๆ กูอาบน้ำก็ได้ จะเอาให้ตัวหอมฉุยมานอนข้างมึงเลยครับตี๋”

“ดีมาก”

ผมมุดตัวลงผ้าห่มแล้วก็หลับไปอย่างเร็วเลยครับ...

...
...
....

“อือ...”

แอร์มันร้อนจังคืนนี้.... ต้องปรับแอร์หน่อยแล้ว... ผมยื่นมือออกไปควานหารีโมทที่โต๊ะข้างเตียง แล้วก็ต้องขมวดคิ้วทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ โอ้ย ทำไมเอามือออกไปไม่ได้อ้ะ...
หนัก...
ผมผงกหัวขึ้นแล้วลืมตามองในความมืด
 
อื้อหือ สิงกูเลยมั้ยเชี่ยน้ำ!
 
ผมที่อยู่ใต้ผ้าห่ม เอ้ะ อย่าเรียกว่าใต้ผ้าห่มเลยครับ เอาเป็นว่าผ้าห่มมันม้วนรอบตัวผมอยู่ยังกับแยมโรลยักษ์ แถมไอ้น้ำที่นอนอยู่ข้างๆยังเอามือเอาขามาก่ายในท่าหมีโคอาล่ากอดหมอนข้างอีกต่างหาก นี่ขยับอะไรไม่ได้เลยว้อย

“น้ำ.. น้ำ.....” ผมเรียกมันพร้อมขยับตัวยุกยิก

นิ่ง...

ผมยื่นหน้าไปใกล้แล้วสูดหายใจลึกๆ

“น้ำ!... ไอ้น้ำ!... ไอ้น้ำว้อยยย!” ผมพูดเสียงดังใส่หู ทำเอาคนนอนข้างๆสะดุ้งลืมตา เอาสิ มึงจะไม่ตื่นก็เกินไปละ

“เอ้ยย... อะไรวะตี๋” มันถามผมเสียงแหบๆ

“กูไม่ใช่หมอนข้างสัด ขยับไม่ได้เลยเนี่ย จะสิงกูเรอะ” ผมพูดง่วงๆ ไม่น่าดิ้นกับพูดเสียงดังเลย พลังงานยิ่งน้อยๆอยู่

“อืออ.. แบบนี้ดีแล้ว....” มันพูดแล้วก็หลับตาซุกหน้าลงผ้าห่มต่อ “นิ่มดี...”

“กูไม่ได้ถามว่านิ่มรึเปล่า ห่า กูให้มึงถอยไป กูร้อน”

“แต่กูหนาว”

“แหงดิ่ ผ้าห่มอยู่ที่กูหมดเนี่ย”

“เอาน่ะ แบ่งกัน นอนๆ” มันตบๆมือที่กำลังก่ายอยู่ลงบนก้อนผ้าห่ม
 
นี่ผมงงหรือผมงง แบ่งอะไรของมึงวะ
แต่เอาเถอะครับ นอนก็นอน อีกแป๊บเดียวก็เช้าละ

....
.......
_ _ _ _

7.48       

ผมน่าจะได้นอนต่ออีกนิด.. ถ้าไม่ใช่เพราะว่า

“เชี่ยยยยย นี่ถ้ากูรู้ว่าพวกมึงรักกันขนาดนี้.. กูจะชงคู่มึงทุกเช้ากลางวันเย็นเลย ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะไอ้อาร์ตครับ เอาซะลั่นห้องนอนเลย “กูจะเข้ามาแปรงฟัน เจอช็อตเด็ดคนดังของพวกมึง ไปไม่เป็นเลย ฮ่าๆๆๆ”

ผมลืมตาอย่างงัวเงีย เห็นอาร์ตยืนหัวเราะตัวงออยู่ปลายเตียง
“พ่องสิ” ผมพูด แยมโรลผ้าห่มก็ยังอยู่ ไอ้คนผิวเข้มหน้าหล่อก็ยังเกาะอยู่ท่าเดิมแทบไม่ขยับ
แต่ผมเห็นนะ ว่ามันแอบยิ้มมุมปากอยู่
“เชี่ยน้ำ กูรู้ว่ามึงตื่นละ ขยับออกไปเลยเร็วๆ กูปวดแขนจะตายละ”
ผมพูดจบปุ๊บ ไอ้น้ำก็ลืมตาปั๊บ กระพริบตาปริบๆ คิดว่าน่ารักเหรอไอ้ฟายย

“ฮ่าๆ หวงเนื้อหวงตัวนะมึงเนี่ยย” มันยกแขนยกขาออกจากตัวผมแล้วบิดขี้เกียจ

ผมรีบกลิ้งตัวให้ผ้าห่มหลุดออกจากร่างแล้วยืดแขนยืดขา
“ฮ่าห์ ฟรีด้อมมมมม”

“กูอาบน้ำเสร็จละ พวกมึงไปอาบน้ำ จะได้ออกไปทำงานพร้อมกันนะคร้าบ” อาร์ตพูด

“เดี๋ยวกูอาบในห้อง มึงไปอาบข้างนอกปะไอ้น้ำ” ผมสั่งการแล้วลุกจากเตียง หยิบผ้าขนหนู แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

อย่างที่บอกแหละครับ คอนโดผมนี่ยังกับ Airbnb พวกเดอะแก๊งค์ชอบมานอนบ่อยๆ หนักเข้ามันก็เอาชุดมาทิ้งไว้คนละชุดสองชุด แปรงสีฟัน ผ้าขนหนูพร้อม ชั้นวางของในห้องน้ำนี่อย่างกับโฮสเทล หลังๆนี่มีแปะชื่อไว้ด้วยนะครับว่าของใครเป็นของใคร
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวกันจนเสร็จ ผมก็คว้าเอากระเป๋า เอกสาร กระดาษที่ยังคงวางเกะกะอยู่บนพื้นรวมๆมาใส่แฟ้ม แล้วก็รีบลากเพื่อนสองคนที่ยังนั่งทำตัวชิวออกมาจากห้อง

_ _ _ _

“มึงจะรีบทำไมเนี่ย กูเข้าตั้งสิบโมง” อาร์ตโอดโอยขณะพวกผมก้าวออกจากลิฟต์

“เออ กูก็เข้าสายได้ เมื่อคืนกลับออกมาตั้งห้าทุ่ม” น้ำเสริม

“แต่เพื่อนตี๋มึงเข้าเก้าโมงไงครับแสด.. กูไม่ได้อยู่ออฟฟิสดีไซน์เหมือนพวกมึงนะ” ผมย้อน
อื้อหือ นี่แดดข้างนอกตอนแปดโมงครึ่งจริงเหรอวะ ร้อนชิบผายเลย นี่พวกผมต้องเดินไปขึ้นรถไฟฟ้ากันครับ

“เออ.. กูรู้ครับตี๋ ออฟฟิสกูไม่มีคนแต่งตัวเหมือนคนขายเครื่องกรองน้ำแบบมึง”
แน่ะ พูดไม่พอ ไอ้อาร์ตยังเอานิ้วมาชี้ๆ อีกต่างหาก อะไร แค่มีแจ็คเกตสูทสีดำกูก็เหมือนเซลขายของตามบ้านเรอะ

“เดี๋ยวพ่อต่อยหน้าแหกเลยเชี่ยอาร์ต ไม่รู้จักสไตล์เลอ” ผมมองตาขวาง “แล้วนี่อะไร มึงแต่งตัวงี้ไปทำงาน? เขาไม่ด่ามึงเรอะ”

อาร์ตอยู่ในเสื้อยืดย้วยๆสีเทา กับกางเกงยีนส์ขาเดฟขาดเข่า หิ้วกระเป๋าผ้า และรองเท้า Adidas Stan Smith สีขาวเขียว เอาเป็นว่าทั้งตัวมันเนี่ย รองเท้านี่ดูดีสุดละครับ

“ก็กูไม่ต้องออกไปเจอใครอ่ะ นั่งอยู่หน้าคอมทั้งวัน” มันย้อน

“กูก็ไม่ต้องออกไปเจอใคร แต่อย่างมึงนี่ก็กากไปป่ะ” น้ำพูด
ร่างสูงๆที่กำลังก้าวขายาวๆ ของมันอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเกือบจะเรียบ กางเกงยีนส์สีดำตัวเดิม และรองเท้าหนังหัวแหลม สะพายกระเป๋าหนังใบเก่งของมันไว้ข้างตัว เออ ลืมไป มันหล่อ แม่งใส่อะไรก็ดูดี

“เอาน่ะ ช่างกู เจ้านายกูยังไม่ด่าเลย” อาร์ตพูดอย่างตัดรำคาญ

ผมส่ายหน้าแล้วนึกได้ “เออ แล้วพรุ่งนี้ต้องเข้าคณะว้ากน้องแล้วนิ่ เมื่อคืนตกลงพวกมึงไปคุยกันว่าไง”       

“ก็ไม่มีไร ไปถึงคณะทุ่มครึ่ง ลงจริงสองทุ่มถึงสามทุ่มครึ่ง น้องมันจะเริ่มกันตั้งแต่ทุ่มนึง” ไอ้น้ำตอบขณะเดินขึ้นบันไดเลื่อน 

ฟังแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว “แล้วไง แค่เนี้ย? นี่พวกมึงแดกเหล้ากันอย่างเดียวสินะ”

“กินกันไม่เยอะหรอก วันนี้ทำงาน” ไอ้น้ำตอบเรียบๆ แล้วเดินก้าวฉับๆ ไปแตะบัตรที่หน้าทางเข้า

“กูว่าละ ดีนะที่ไม่ไป” ผมพูดกับตัวเอง แล้วเดินตามเข้าไปบ้าง

“บาย กูกะไอ้น้ำไปทางนี้” อาร์ตโบกมือหยอยๆ

“เค แล้วเจอกันพรุ่งนี้” ผมบอกแล้วเดินแยกออกไปขึ้นบันไดฝั่งตรงข้าม จริงๆแล้วออฟฟิสผมก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องเวลาเข้างานเท่าไหร่หรอกครับ แต่จะให้ไปสายโด่งเลยก็คงไม่ดี นี่เพิ่งพ้นโปรมาไม่ถึงสองอาทิตย์เลย

เออ จะว่าไป ผมมีพรีเซนต์งานบ่ายสองนี่หว่า ต้องรีบละ ยังทำพรีเซนต์ไม่เสร็จเลย

_ _ _ _
(มีต่อ)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2017 20:43:02 โดย idee »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
_ _ _ _
 
“ใช้ได้นี่นา”

“จริงเหรอพี่?” ผมถามเสียงตื่นเต้น

“เออสิยะ! ไม่ดีรึไง อยากให้เจ๊สั่งทำใหม่เหรอ” พี่ฝ้ายคนสวยแหวขึ้นเสียงดัง

“ไม่ใช่สิพี่ ผมไม่แน่ใจว่าที่ทำมาสามแบบนี่ ผมจะเลือกแบบไหนดี” ผมชี้ๆ ที่ตารางที่เขียนไว้

“เนี่ย อันนี้ก็ดี หรือจะเลือกแบบนี้ดีอ่ะครับ”

“บ้า คนเลือกอ่ะลูกค้า ไม่ต้องคิดแทนเขา” พี่ฝ้ายพูดดุๆ “พวกเราน่ะมีหน้าที่เตรียมข้อมูล ทำการวิเคราะห์เพื่อให้เขาตัดสินใจ จะทำไม่ทำ นั่นมันเงินเขา”

อื้อหือ

ผมงี้เหมือนมีคนมาเปิดโลกให้เลยครับ เออว่ะ เราไม่ใช่เจ้าของเงินนี่นา หน้าที่ของที่ปรึกษา ก็คือให้คำแนะนำ หน้าที่นักวิเคราะห์ คือการดูโดยรวมถึงความเป็นไปได้ ตาสว่างว่ะ

“เฮ่ยยยย พี่เท่ห์ว่ะ” ผมพูดดังๆ

“ชมว่าสวยสิยะ” เจ๊แกมองมาแบบเคืองๆ “ส่ง proposal ไปตามนี้ แล้วก็เตรียมพรีเซนต์ นัดวันคุณตะวันของชั้นได้เลย” พี่ฝ้ายวงตัวเลขค่าที่ปรึกษาในกระดาษ แล้วสั่งงานต่อ

“โอเคครับ เดี๋ยวผมโทรไปนัดเลย” ผมรับคำ

...
...

“เอ.. เบอร์คุณตะวัน” ผมไล่นิ้วตามกองนามบัตร เมื่อหาเจอก็กดโทรศัพท์ รอไม่นานนักเสียงสาวโอเปอเรเตอร์ปลายสายก็ตอบกลับมา

[สวัสดีค่ะ บริษัท AA ค่ะ]

“สวัสดีครับ ผมมาวินทร์จากบริษัท OO เรียนสายคุณตะวัน รัชยานนท์ครับ”

[กรุณาถือสายรอสักครู่ค่ะ]

“ครับ ขอบคุณครับ”

สายถูกโอนไปด้วยเสียงเพลงกุ๊งกิ๊งก่อนจะมีคนรับ   

[สวัสดีครับ คุณมาวินทร์ ผมตะวันครับ]

“สวัสดีครับคุณตะวัน ผมมาวินทร์ จะแจ้งความคืบหน้าของโครงการพัฒนาที่ดินครับ”

[ครับ เป็นยังไงบ้างครับ]

“ทางผมจัดส่ง Proposal ไปทางอีเมลล์เมื่อสักครู่นะครับ ตอนนี้เตรียมตัวเลือกการพัฒนาไว้สามทาง อยากขอนัดคุณตะวันเข้าไปนำเสนอครับ”

[ได้สิครับ นัดมาได้เลย] เสียงนุ่มบอกอย่างอารมณ์ดี

“เป็นวันศุกร์ สะดวกมั้ยครับ” ผมเชคตารางเร็วๆ

[ได้ครับ วันศุกร์เช้าผมว่าง ว่าแต่ ถ้าผมอยากให้คุณมาวินทร์ไปดูที่ด้วยกันเลย จะได้มั้ยครับ? อาจจะใช้เวลาถึงเที่ยงหรือบ่ายโมง]

“ไม่มีปัญหาครับ ดีเลย ผมจะได้เก็บข้อมูลเบื้องต้นด้วย” ผมกดล็อคเวลาในปฏิทิน

[โทรเข้าบริษัท รอนานมั้ยครับ]

“ไม่ครับ ไม่นานเลยครับ” ผมรีบปฏิเสธ

[เอ่อ ถ้ายังไง คราวหน้าคุณมาวินทร์ติดต่อผมโดยตรงเลยก็ได้ครับ]

“ไม่เป็นไรครับคุณตะวันโทรเข้าบริษัทก็ไม่ได้รอนานอะไร”

[เบอร์ผม 08x-xxx-xxxx นะครับ] คุณชายตะวันรีบบอกเบอร์โทรศัพท์

“เอ่อ..”

[เถอะครับ.. เดี๋ยวจะพลาดกัน เผื่อมีอะไรจะได้แจ้งกันโดยตรง]

“อ่ะ ได้ครับๆ คราวหน้าผมจะโทรไป เดี๋ยวผมอีเมลล์คอนเฟิร์มนัดไปอีกทีนะครับ”

[ขอบคุณครับ ไว้พบกันวันศุกร์นะครับคุณมาวินทร์]

ปี๊บ...
แล้วสายก็ตัดไป..
ดูเจ้าของโครงการจะกระตือรือร้นจังแฮะ
ถึงกับแจกเบอร์ส่วนตัวกันเลยทีเดียว
งานหินแน่ๆ

“พี่วินค้า ดูตรงนี้ให้หน่อยสิ สูตรมันใช้ไม่ได้อ้ะ” น้องแคร์โบกมือเรียกขอความช่วยเหลือจากโต๊ะตรงข้าม ผมกดส่งอีเมลล์แล้วลุกขึ้นไปช่วยน้องต่อ

_ _ _
 
วันพุธ

ผมรีบเคลียร์งานตั้งแต่เที่ยงวัน ยอมอดข้าวกลางวันเพื่อนั่งทำงานเลยนะครับเนี่ย
หลังจากบอกพี่ฝ้ายคนสวยเรียบร้อย ผมก็พุ่งตัวออกจากออฟฟิสตอนหกโมงพอดีเด๊ะ แต่เนี่ยแหละครับ การจราจรของอโศกแลนด์แดนมหัศจรรย์ เอาอะไรไม่ได้เลยย

ผมขับรถมาถึงคณะในเวลาทุ่มสิบห้าพอดี ทั้งๆที่ที่ทำงานกับมหาลัยผมมันก็ไม่ได้ไกลกันขนาดนั้น.. นี่เหยียบเบรคจนเมื่อย ถ้ามารถไฟฟ้า แว้บเดียวก็ถึงละ (แหะ.. ผมมีรถนะครับ แต่ด้วยความงกค่าน้ำมันส่วนใหญ่เลยจอดไว้เฉยๆ ไม่ค่อยได้ขับ)

ผมกดโทรศัพท์หาเฟิร์ส ไอ้นี่น่าจะมาถึงละ

“ไง อยู่ไหนละ” ผมถาม

[ห้องเดิม เข้ามาเลย ตอนนี้ปีสามเริ่มละ โล่งๆทางสะดวก]

“โอเค เจอกัน”
 
ผมกดตัดสาย

ใครเป็นคนต้นคิดวะว่าพี่ว้ากต้องหลบน้อง สมัยผมนี่ต้องฝากเพื่อนซื้อข้าวขึ้นมากินในสตู ลำบากลำบน จะไปซื้อของทำโมเดลในร้าน ก็ต้องส่องดูก่อนว่ามีปีหนึ่งอยู่รึเปล่า ไปไหนก็ต้องไปกันเป็นแผง แต่งตัวต้องเป๊ะ สแลค เข็มขัด เนคไทด์มาเต็ม เอาเป็นว่าต้อง keep cool ตลอดเวลาล่ะครับ

ผมเดินก้าวไวๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องประชุม เดอะแก๊งค์นั่งอยู่เกินครึ่งแล้ว

“ไง” ผมทักรวมๆ พวกที่นั่งๆยืนๆ อยู่หันมาพยักหน้ารับรู้กันใหญ่

“โอเค ไอ้ตี๋มาละ เหลืออีกสาม บอย กล้าใต้ นัท” เทพเขียนชื่อผมลงกระดาน “นี่ผังยืนวันนี้” มันชี้ให้ผมดู

“โอเค...”

ผมมองตำแหน่ง น้องจัดแถวเรียงสิบ ผู้หญิงอยู่หน้า ผู้ชายอยู่หลัง พี่ยืนล้อมน้อง ข้างหน้าสาม ประกบตามแถวข้างละสามซ้ายขวา หลังอีกสอง (ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นชื่อไอ้กล้าใต้ ผู้ไม่มีบทพูด) หน้าสุดเป็นพีท เฟิร์ส น้ำ
แหม่ เอาพวกหน้าตาดีไว้อวดน้องสินะ ผมหาชื่อตัวเอง นู่นครับ หลุดไปอยู่ท้ายแถวเฉยเลย อะไรฟระ อดส่องน้องสาวๆเลย

“นี่เหมือนนัดกันแต่งตัวมาเลยว่ะ” ไอ้เฟิร์สพูด ทำให้ผมต้องมองไปรอบห้องบ้าง
ทุกคนใส่เสื้อแขนยาวสีขาวพับแขน กางเกงสแลค รองเท้าหนัง บรรยากาศเหมือนตอนจะเข้าว้ากสมัยปีสามไม่มีผิด

“นี่กูเอาไทด์มาด้วยนะ” ไอ้ปั่นชูไทด์ขึ้น หัวเราะขำๆ “ตลกเนอะ.. พวกมึงไม่ได้เอามากันใช่ป่ะ” มันว่าเบาๆ

“เฮ่ย กูก็เอามา!!” ผมพูดขึ้นมาพร้อมตบกระเป๋าตัวเอง

“พวกกูด้วย” พวกที่เหลือสมทบ

“ต้องมาเต็มดิ่วะ” ไอ้พีทเสริม
 
ผมมองไปหาอาร์ตที่ยืนก้มหน้านิ่งๆ “อาร์ต มึงไม่ได้เอามาเหรอ ไม่เป็นไรหรอก พวกกูไม่ได้นัดกัน”

“หึหึหึ นี่กูติดมาเฉยๆ นะเนี่ย” อาร์ตพูดลอยหน้าลอยตาแล้วหยิบไทด์ออกจากกระเป๋ากางเกง ยิ้มกวนตีนให้ผม

“ฮ่าๆ เชี่ยมากมึงนี่” ผมว่า พอดีกับที่บอย นัท กล้าเดินเปิดประตูเข้ามาพร้อมชุดเต็มยศ ผูกไทด์เรียบร้อย ในมือมีถุงขนมและน้ำพะรุงพะรัง พวกมันวางลงกลางโต๊ะแล้วว่าซื้อเสบียงมาฝาก โทษฐานมาช้า

“โอ้ย คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ว่ะพวกมึง” เฟิร์สพูดเสียงดัง

“คำพูดแก่เหี้ยๆ” อาร์ตล้อ

“อ่ะ ใครจะกินอะไรหยิบก่อนเลย หมดกูไม่รู้นะ” ไอ้นัทพูดแล้วรีบหยิบขนมออกไปถุงหนึ่ง

“งั้นกูกินโค้กนะ” ผมรีบเดินไปที่โต๊ะขนม แล้วหยิบเจ้ากระป๋องแดงๆ สุดโปรดออกมาเปิดดังกริ๊ก..

อ่าห์ ชอบเสียงนี้จังครับ สดชื่นน

“มึงนี่ยังติดโค้กไม่เลิกนะ” อาร์ตกระทุ้งผมเบาๆ

“เออ นี่กูนอนตีสามตีสี่มาสองวันติดละ น้ำตาลตก ง่วงมาก อยากได้คาเฟอีน” ผมบอก

“กาแฟมั้ยมึง” น้ำเดินเข้ามาที่โต๊ะขนมแล้วพูด “หัดกินสิวะ”

“มันขมอ่ะ ไม่อร่อย ไม่ชอบ”

“เขากินเอาตื่น ไม่เอาอร่อย” น้ำขมวดคิ้วแล้วพูดตอบผม ชูกาแฟดำกระป๋องในมือโชว์ไปด้วย

“เหอะ ไม่เอาอ่ะ” ผมส่ายหน้าแล้วเดินถอยออกมาพิงกำแพง อาร์ตเดินตามมาอยู่ข้างๆ
 
“เออ บทวันนี้เอาไง การจิกกัดของมึงกับกูอ่ะ” มันถามขึ้น

“มึงโซโล่เลย เดี๋ยวกูหาช่องแทรกเอง วันนี้เหนื่อย ขี้เกียจตะโกน ไม่ได้กินข้าวกลางวันด้วย” ผมพูดพลางถอนหายใจ ปวดกระเพาะขึ้นมาจี๊ดๆ

“เอ้า มึงไหวป่ะ แดกขนมก่อนมั้ย”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ไม่อ่ะ กูโอเค” ว่าแล้วก็ดื่มโค้กในมือที่เหลืออยู่ครึ่งกระป๋องแบบรวดเดียวหมด 
 
ผ่านมาเกือบปี แต่พออยู่กับพวกมันแบบนี้เหมือนได้ย้อนเวลากลับมาเป็นเด็กปีสามเลยครับ ผมคิดถึงคณะ คิดถึงเวลาที่กินที่นอนในสตูดิโอ คิดถึงเวลาทำงานดึกๆ เวลาหลับในห้องเรียน คิดถึงเวลาออกทริปกันกับพวกมัน วางแผนโน่นนี่ คิดบทว้าก ทำอะไรได้ตามใจ ไม่ต้องระวังอะไรมากเหมือนชีวิตการทำงาน เฮ่ออ พรุ่งนี้ก็ต้องเข้าตั้งแต่เก้าโมงอีกแล้วสินะ.. ง่วงนอนเป็นบ้า
 
“พี่ครับ ได้เวลาแล้ว” เต้ หลานรหัสผมเปิดประตูแล้วยื่นหน้าเข้ามาถาม “พร้อมยังครับ”

“พร้อมดิ่ ไปได้เลย” เฟิร์สตอบเร็วๆ “ใส่ไทด์ให้เรียบร้อยพวกมึง จำที่ยืนได้นะ” มันหันกลับมามอง ทุกคนพยักหน้าแล้วเดินเข้ามารวมกลุ่มกัน

“ลุยเว้ยยย” อาร์ตพูด
_ _ _ _

“ถาปัดปีหนึ่ง! ถาปัดปีหนึ่ง! แถวตอนเรียงสิบ ปฏิบัติ!!!”

_ _ _ _

เย้
ฝากตอนที่ 3 ไว้ด้วยค่าาาา
ขอบคุณทุกคนที่คอมเมนต์นะคะ ดีใจที่มีคนอ่าน ฮือออออ  :monkeysad:
จะรีบมาต่อในเร็ววันฮ่ะ
จุ๊บุ <3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2017 16:54:24 โดย idee »

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน ชอบตี๋วิน ว่าละว่าอิคุณตะวันจะต้องจีบน้องวินของเรา โอ้ยยยย
ตอนหน้าจะเจอหวานแล้วใช่ไหม จะรู้แล้วใช่ไหมว่าน้องผู้ชายคนนั้นคือหวาน ฮืออออ
แต่เราว่าน้ำวินนี่มีเคมีนะคะ มันยังไงๆอยู่ สัมผัสได้ตั้งแต่ตอนแรกละ ขอให้เป็นจริง เฮ้ย!! ฮ่าๆๆ
แต่ส่วนตัวชอบความสัมพันธ์แบบเหมือนจะเป็นเพื่อนที่เกินเลยแต่ก็ไม่ใช่อ่ะ ส่วนน้ำวินนี่...ยังไม่กล้าฟันธงว่าน้ำคิดรึเปล่า
รอตอนต่อไปนะคะ  :ling1:

ออฟไลน์ aunszMT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
นี่จะคุณตะวัน หรือน้องหาน ดี

ออฟไลน์ Bronc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ตี๋วินเสน่ห์แรงแท้ มีคนตามจีบหลายคน อิอิ แต่รู้ตัวไหมอีกเรื่อง
เชียร์น้ำ +1 555

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ตี๋วินคนฮอตต :katai2-1:

ออฟไลน์ ชมรดา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ zonpine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ชอบน้องผช.ที่เจอในผับมากกว้าค่ะ5555
แต่ไม่รู้ว่าน้องจะได้เป็นพระเอกไหม ชอบเรื่องนี้นะคะเนื้อหาและภาษาเป็นแบบที่เราชอบเลย
เป็นกำลังใจให้ในการแต่งค่ะ มาต่อไว้ๆนะ :mew1:

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 4

น้องๆ ปีหนึ่งหอบแฮ่กจากการจัดแถวป็นรอบที่สี่ หลังจากที่เฟิร์สตะโกนบอกว่ารอบก่อนๆ นั้นยังไม่เร็วพอ
พวกผมยืนตีหน้านิ่งบอกบุญไม่รับยืนคุมเชิงประจำตำแหน่งที่กำหนดไว้

สนามที่พวกผมใช้ในการว้ากคือลานกลางแจ้งครับ เป็นที่จัดกิจกรรมเกือบทุกอย่างในคณะ
ลานโล่งๆ มองเห็นท้องฟ้าได้เต็มตา ยิ่งตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะตกดินด้วย ปุยเมฆดูน่าจะนุ่มนิ่มมีสีทองเรืองๆที่ขอบ แถมด้วยพระอาทิตย์ดวงโตส่องแสงสีส้มอยู่ที่ขอบฟ้า ในขณะที่ด้านบนมีสีน้ำเงินอมม่วงของเวลากลางคืนกระจายไปทั่ว
ภาพตรงหน้าทำให้ผมมองจนเพลิน ตกหลุมรักทุกทีที่เห็น

ไม่มีที่ไหนท้องฟ้าสวยเท่าคณะผมอีกแล้วครับ
 
ปีหนึ่งถูกจัดแถวให้หันหน้าเข้าหาพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน ประจันหน้ากับพี่ว้ากสามคนตรงหน้าที่อยู่ในมุมย้อนแสงพอดิบพอดี
พีท เฟิร์ส น้ำ ยืนตัวตรงเอามือไพล่หลังอย่างเท่ๆ แสงสีส้มที่อยู่ด้านหลังทำให้กลายเป็นภาพย้อนแสง เมื่อบวกกับเงาที่ทอดยาวไปหาแถวของเด็กปีหนึ่งทำให้พวกมันดูน่าเกรงขามขึ้นไปอีก

แน่นอนครับ ดีเทลพวกนี้พวกผมคิดเอาไว้หมดแล้วแหละ ดีไซน์เนอร์นะครับ
 
“ก้มหน้าลงไป จะมองพวกผมหาอะไร!” เอ็มตวาดขึ้นเสียงดัง น้องผู้หญิงด้านหน้าสะดุ้งเฮือก

“น้องพวกผมบอกว่าพวกคุณมันสุดจะทน! พวกผมเลยต้องลงมาจัดการ ทำไม! มีปัญหาอะไรกับน้องผมมากเลยเหรอ!” เฟิร์สพูดอย่างเหลืออด

“หรือน้องผมมันไม่น่าเคารพ ไม่ดีพอสำหรับพวกคุณ” บอยเอ่ยเสียงเรียบ ส่งสายตาอาฆาตไปด้วย อื้อหือ ผมยืนอยู่ไกลตั้งเยอะยังสัมผัสได้ พวกนี้นี่เล่นใหญ่จริงๆครับ

“ไม่ต้องเคารพหรอกม้าง อยู่กันเองได้ ไม่ต้องมีรุ่นพี่ก็ได้เนอะ” มาละครับ ไอ้อาร์ตตัวจิกกัดหมายเลข 1 ผมที่ยืนตรงข้ามมันสบตากันผ่านแถวน้องแบบรู้จังหวะ มันพยักหน้าให้ผมพูดแทรก 
 
ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆแล้วพูด “เก่งๆกันทั้งนั้นแหละ กร่างกันจัง ข้ามหัวพวกผมไปเลยก็ได้นะ ถ้าไม่อยากจะนับรุ่นกันล่ะก็”

“คิดว่าจะทำอะไรก็ได้งั้นสิ! คิดว่าไม่ต้องเห็นหัวพวกคนที่อยู่มาก่อนใช่ไหม” เอ็มตะโกน

“ผมเดินเขามา ยังไม่เห็นมีใครทัก เดินลงบันไดก็จะชนอยู่แล้ว” พีทส่ายหัว  “ผมผิดหวังจริงๆ ผมคิดว่าพวกคุณน่าจะมีมารยาทมากกว่านี้”    

“รุ่นน้องแบบนี้ไม่อยากได้!!” เฟิร์สตะโกน

การไซโคน้องเริ่มขึ้นเป็นระยะจากตัวว้ากทั้งหลาย ตะโกนบ้าง ทำเสียงเย็นบ้าง จิกกัดบ้างสับกันไป น้องหลายคนก้มหน้านิ่ง ส่วนผู้หญิงบางส่วนเริ่มสีหน้าไม่ค่อยดี

พวกผมเริ่มเดินขยับตัวเพื่อเดินสำรวจน้องใกล้ๆ เผื่อมีคนอาการไม่ดีแล้วล้มลงไป

“ใครยืนไม่ไหว ต้องรู้ตัว รีบออกมาเลยนะครับ อย่าเป็นภาระของเพื่อนคุณ” ปั่นพูดเสียงเบาละมุนตัดอารมณ์ สมเป็นพี่ที่เอาไว้โอ๋น้องจริงๆ

แหม่ จริงๆ พวกผมก็ห่วงน้องนะครับ

“วันนี้พวกคุณมีกี่คน?” เฟิร์สถามเสียงโหด

(...)

“เงียบทำไม เพื่อผมถาม ตอบสิ!” เทพตะคอกเสียงดัง

“แปดสิบสี่คนค่ะ/ครับ!!” น้องตะโกนตอบพร้อม

“แล้วรุ่นคุณมีกี่คนหา!!” เทพพูดต่อ

“กะ.. เก้าสิบคนค่ะ/ครับ!!!!”

“คนหายไปหกคน ไปไหนกันน้า” ผมแกล้งพูดแบบลอยหน้าลอยตา

“รักเพื่อนมากใช่มั้ยพวกคุณน่ะ ผมอยากรู้ว่าทำไมวันนี้มีคนขาดประชุมเชียร์ถึงหกคน ใครบอกเหตุผลมาซิ!!” เอ็มเค้นคำตอบ
 
น้องผู้หญิงแถวหน้าๆ ยกมือขึ้น “ข ขออนุญาตพูดค่ะพี่”
 
“ผมไม่ใช่พี่คุณ ไม่ต้องเรียกผมว่าพี่! อยากพูดก็พูดเสียงดังๆ เพื่อนคุณจะได้รับรู้” พีทจ้องตา
 
“ค..ค่ะ ขออนุญาตพูดค่ะ!” เสียงใสๆพูดสั่นๆในช่วงแรก “สามคนลาไปธุระให้ที่บ้าน หนึ่งคนไปทำเรื่องย้ายหอ อีกสองคนไม่ทราบค่ะ!!” น้องปีหนึ่งคนนั้นตอบเสียงดังฟังชัด
 
แหม ตอบงี้ก็เข้าทางสิครับ
ผมสบตากับอาร์ต มันพยักหน้าให้ผมพูด
 
“ไหนบอกน้องผมว่ารักเพื่อนมากไง เพื่อนจะไปตายที่ไหนก็ไม่ต้องสนใจงั้นสิ?” ผมพูดแบบเฉือดเฉือน (ก็เล่นใหญ่ตามเพื่อนอ่ะนะครับ)
 
“ผมให้เวลาสิบนาที ไปหามาให้ได้ว่าเพื่อนที่เหลือสองคนนั่นอยู่ที่ไหน” เฟิร์สพูดเสียงเย็น แล้วให้สัญญาณพวกผมเดินหันหลังออกจากลาน น้องปีหนึ่งกรูเข้ามารวมคุยกันแล้วพยายามโทรศัพท์ถามคนที่หายไป ที่พวกผมทำแบบนี้เพราะอยากให้น้องใส่ใจเพื่อนด้วยกันครับ เพื่อนไปไหน กลับถึงหอรึยัง ไม่ใช่หายไปไหนไม่รู้ เกิดมีเรื่องอะไรขึ้นมาจะได้ช่วยกันทัน
แถวมหาลัยนี่ถึงคนจะเยอะก็ใช่ว่าจะปลอดภัยครับ
 
อาร์ตเดินตีคู่มาข้างผม
“แหม่ เสียงมึงไม่โหดเลอ น้องจะกลัวมั้ยเนี่ย” มันกระซิบ

“กูไม่ต้องโหดมากก็ได้ป่ะวะ ดูตัวว้ากซะก่อน ไอ้บอย เฟิร์ส เอ็ม เทพ เล่นซะใหญ่เชียะ”

“เออ มึงพูดถูกไอ้ตี๋ ไอ้เฟิร์สนี่ท่าทางจะเก็บกด อินจังวะ กูนี่ตามไม่ทัน”

“เออ เอาน่ะ ไปต่อกันดีกว่า” ผมตัดบท

“ฉากสองๆ แอ๊คชั่น!” อาร์ตตีหน้านิ่ง เก๊กขรึมซะจนทำเอาผมอยากขัดขามันซักป้าบ หมั่นไส้
 
ยังครับ
อย่าคิดว่ามันจะจบ..

ละครนี่มันต้องมีสปินออฟ พวกผมเดินก้าวยาวๆ มายืนประจำที่แล้วพยักหน้าให้กัน

“ถาปัดปีสาม ถาปัดปีสาม แถวตอนเรียงแปด ปฏิบัติ!!!” น้ำตะโกนเรียกแถวอยู่ที่สนามบาสที่อยู่ห่างออกมาจากลานกิจกรรมที่ปีหนึ่งอยู่กัน พวกน้องว้ากผมทั้งแปดคนวิ่งกระหืดกระหอบจากในคณะออกมา น้องปีหนึ่งหันมามองตามกันเป็นแถบ
สำเร็จ..
แต่โอ้ย เดินแบบรีบๆนี่ไม่ดีเลย ปวดท้องไปหมด
 
คือตามสูตรแล้วต้องเรียกพวกน้องปีสามผมมาเล่นละครด้วยครับ จัดฉากว่าปีสามต้องโดนด่าว่าดูแลน้องไม่ดี น้องหายไปไหน ทำไมไม่รู้เรื่อง ทำไมน้องไม่เคารพ สารพัดอ่ะครับ ต้องให้น้องปีหนึ่งเห็นว่าพวกนี้ก็โดนเรียกไปว่าเหมือนกัน

“พวกคุณเป็นถึงปีสามแล้ว ทำไมควบคุมอะไรไม่ได้เลย โตซะเปล่า!!” ไอ้เฟิร์สตะโกนเสียงดัง

มั่นใจว่าปีหนึ่งต้องได้ยินแน่ๆ

“ขอโทษครับ!!!” ตอบเสียงดังพร้อมเพรียง แต่หน้าพวกมันงี้อมยิ้มกันไม่หยุด มันหันหลังให้พวกน้องๆอยู่ครับ

“แล้วมึงจะยิ้มกันทำไมเนี่ย เดี๋ยวพวกกูก็หลุดหรอก” ผมพูดใส่เสียงเรียบๆ ไกลขนาดนี้ปีหนึ่งไม่ได้ยินหรอก

“ใช้ไม่ได้!!” บอยตะคอกแล้วปั้นหน้ายักษ์ใส่ ไอ้น้องปาล์มหัวหน้าว้ากปีนี้ยิ้มกริ่มแล้วผิวปากวิ้ว “โอ้ว พี่บอยเท่ห์จังเลยคร้าบ”

“แสด หยุดเลย ก้มหน้าไป ไม่เนียนเลยพวกเมิงนิ่”  อาร์ตหันไปว่าปาล์มเบาๆ

“พวกผมเพิ่งจบไปไม่เท่าไหร่ ทำไมคณะมันเละขนาดนี้! อยากทำลายสิ่งที่พวกผมทำมาตลอดใช่มั้ย!!”

“ต้องให้พวกผมทำยังไง ต้องเข้ามาทุกวันเลยมั้ย!”

เทพรับหน้าที่ตะโกนว้ากน้องต่อเรื่องระเบียบวินัย สลับไซโคกับเอ็มไปเรื่อย ผมยืนเอามือกดท้องที่ปวดแปล๊บๆ แล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างแถวปีสาม
 
“พี่วินเป็นไร” น้องเอก หนึ่งในว้ากปีนี้ชะโงกหน้ามามองผม

“หือ ไม่เป็นไรนิ่” ผมรีบตอบ

“เหรอ….”

“ทำไม จ้องกูทำไม มีอะไร”

“พี่วินไม่ใส่แว่นแล้วแปลกดีอ่ะ ไม่ชิน” มันหันกลับไปมองไอ้เอ็มที่กำลังว้ากอยู่แล้วพูดลอย ๆ “หล่อขึ้นเย้อะ”

“คือเมื่อก่อนกูไม่หล่อ”

“เมื่อก่อนน่ารัก” มันทำหน้าทะเล้นใส่ 

“พ่องสิ” ผมด่าเบาๆ
 
“ผมพูดอยู่ทำไมไม่ฟัง!!!!” จู่ๆน้ำก็ตะคอกขึ้นมา “ไม่เห็นพวกผมเป็นพี่แล้วรึไง!!!” น้ำจ้องหน้าน้องๆแบบเอาเรื่อง ปีสามก็ทำเป็นจ๋อยก้มหน้าลงไปมองพื้น หน้าตาสงบเสงี่ยมแต่ก็ยังยิ้มอยู่

“ทำตัวให้สมกับเป็นปีสามหน่อย” เฟิร์สตะโกน “ต้องให้พวกผมลงมาคุม ทำอะไรเองเป็นมั้ย? น่าผิดหวังที่สุด!”
“ผมหวังว่าจะไม่ต้องยึดรุ่นพวกคุณคืน” พีทพูดเสียงดัง “เป็นพี่ซะเปล่า.. ควบคุมตัวเองยังไม่ได้ จะไปคุมปีหนึ่งได้ยังไง”

“เอ้าๆ พอละ ไปต่อที่ปีหนึ่งกันดีกว่า” ปั่นมองนาฬิกาแล้วพูดขึ้นเบาๆ พวกผมเตรียมจะเดินไปหาปีหนึ่งที่ลานโล่ง
 
“เดี๋ยว.....” เสียงไอ้กล้าร้องขัดขึ้น

“ว่าไงไอ้กล้า” พีทถาม

“กูก้ออยากได้บทพู้ดบ้างนิ” กล้าคนใต้ตีหน้าเศร้าพูดขึ้นมาเบาๆ ทำเอาพวกน้องว้ากปล่อยหัวเราะพรูด พวกผมงี้กลั้นขำกันไหล่สั่น ใช่เวลามั้ยมึง..

“ไม่ได้ว้อยย” เทพพูดจบก็เดินนำไปเรียกแถวกลางลานนู่นเลยครับ
 
_ _ _
 
ขณะนี้เป็นเวลาสามทุ่ม
 
น้องปีหนึ่งผ่านการว้ากไปอีกหนึ่งชั่วโมงสิบห้านาที ตอนนี้พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว มีแต่แสงไฟสปอร์ตไลท์สี่ดวงที่ให้ความสว่างลานกิจกรมโล่งๆ เด็กปีหนึ่งแปดสิบสี่ชีวิต และพี่ปีแก่อย่างพวกผมอีกจำนวนสิบเอ็ดคน เพื่อนผมก็กำลังว้ากเด็กอย่างจริงจัง ที่แว่วเข้าหูผมก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ผมซึ่งบทพูดไม่ค่อยจะมีก็ยืนมองท้องฟ้าที่มีพระจันทร์เสี้ยวลอยเด่นอยู่กลางอากาศแทน จริงๆ แล้วอาการปวดท้องของผมติดจะแย่ลงด้วยซ้ำ ลมที่พัดปะทะเข้าที่ใบหน้าทำให้ผมรู้สึกตัวเย็นมือเย็นไปหมด ผมปวดหัวหนึบ เดี๋ยวเลิกแล้วออกไปกินข้าวก็น่าจะดีขึ้น
 
ผมกำมือที่ชื้นเหงื่อ ลองเดินซักหน่อยดีกว่า..
 
ผมเอามือไพล่หลังแล้วเดินวนดูน้องอยู่ที่สามแถวหลังสุดท้าย เผื่อว่าจะมีน้องคนไหนไม่ไหวแล้วล้มพับไป แต่น่ะแหละ นี่มันโซนผู้ชายครับ ผมไม่น่าจะต้องห่วงอะไรเท่าไหร่หรอกเนอะ

ว่าแต่เด็กเดี๋ยวนี้มันสูงจังวะ
ผมเดินตัดแถวเข้าไปมองดูความเรียบร้อย แล้วก็เจอกับสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองผมอย่างตื่นๆ

ใบหน้าหล่อเหลาที่โดนแสงสปอร์ตไลท์ส่องไปครึ่งหนึ่งทำให้ดูคมเข้มกว่าที่เคย ผมสบตาในขณะที่ก้าวเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนหน้าคุ้น อยู่ใกล้กันขนาดนี้ทำให้ผมสังเกตเห็นหางตาตกๆ กับไฝใต้ตาด้านขวา และความสูงกว่าผมเกือบสิบห้าเซนต์ได้อย่างชัดเจน
 
เพื่อนน้องหวานที่ร้านเหล้า..
 
“ทำไม.....” มันพูดเสียงเบา สายตายังจ้องหน้าผมเหมือนไม่เชื่อสายตา คิ้วเข้มๆของมันขมวดมุ่นแบบไม่เข้าใจ

อ้อ มันเพิ่งเจอผมนี่หว่า
ทำหน้ายังกับเจอผี
 
ผมพูดเสียงเบา “เออ ผมเป็นพี่บัณฑิตคุณ ตกใจมากสิ” ผมยิ้มมุมปาก
“ตั้งใจประชุมเชียร์ไป”

ผมหมุนตัวเดินออกมาด้านหลังแถว ในระหว่างนั้นความปวดก็แล่นแปล๊บจนต้องเอามือกุมท้องไว้
 
/“ปีหนึ่งคนนั้นคุณหันไปมองอะไร!!” เสียงเทพตวาดมาจากด้านหน้า/
 
“โอ้ย.. ปวดชิบ” ผมเงยหน้าขึ้นสูดอากาศ ปวดท้องจนมึนหัวเลยเหรอเนี่ย ดีที่ตรงนี้น้องปีหนึ่งหันหลังอยู่ ผมว่าจะนั่งลงไปกับพื้นสักหน่อย ไอ้กล้าใต้ที่ยืนอยู่อีกมุมขยับตัวทำท่าจะเดินเข้ามาหาผม

“ไอ้ตี๋... มึงเป็นไร้นิ่” มันพูดเสียงเบา
 
/“มองตรงไปข้างหน้า!!! หันหลับมาเดี๋ยวนี้!!!”/
 
“ปวดท้อง ละ.. แล้วก็มึนหัว มึนหัวมากๆเลย” ผมตอบเสียงสั่น
 
/“บอกให้หันมา!” เสียงพีทตะโกน/
 
สายตาผมพร่าเลือน ผมเอื้อมมือจะไปจับแขนไอ้กล้ามันเป็นที่ยึด ความเจ็บที่ท้องเข้าเล่นงานผมอีกครั้งจนต้องงอตัว
แล้วสติผมก็ดับวูบไป 

....
...


_ _ _ _


กลิ่นแอมโมเนียฉุนกึ้กที่ลอยเข้าจมูกทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้น
ผมกระพริบตาปริบๆ เมื่อกี้ผมยืนว้ากอยู่ไม่ใช่เหรอวะ.. ผมปวดท้อง.. แล้วไงต่อนะ…

ชิบหาย….

“เห้ย!” ผมลุกพรวดขึ้น

“พี่วิน อย่างเพิ่งลุก! เป็นไรมั้ย” น้องผู้หญิงหน่วยพยาบาลตกใจ

“พี่เป็นลมเหรอ” ผมถามงงๆ

“ใช่ดิ่ นี่พวกเพื่อนพี่เป็นห่วงกันใหญ่.. แกๆ ไปบอกพวกพี่อาร์ตหน่อยดิ่” น้องหันไปพูดประโยคสุดท้ายกับเพื่อน

“ตอนกำลังว้ากอ่ะนะ” ผมย้ำ

“ใช่พี่ พี่น้ำอุ้มออกมาอ่ะ พวกหนูตกใจแทบแย่”

ผมเอามือทึ้งหัว ตายห่า ภาพพจน์กู

“ตี๋!!!” อาร์ตกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาผม ตามมาด้วยพีท น้ำ และเฟิร์ส “มึงเป็นไรมากมั้ย”

“ไม่เป็นไรละ นอนน้อย ไม่ได้กินข้าว โรคกระเพาะเลยกำเริบว่ะ” ผมตอบ พลางรับเอาผ้าชุบน้ำที่น้องพยาบาลส่งให้มาเช็ดหน้า ผมคลายเนคไท

“มึงแดกโค้กด้วย” อาร์ตพูดอย่างโกรธๆ “ลืมไปเลย กูน่าจะห้ามมึง”

“โง่มากไอ้ตี๋ กินโค้กตอนท้องว่าง” พีทว่า

“กูก็นึกว่ามึงจะเดินไปตรวจแถว จู่ๆร่วงลงไปเลยนะมึง” น้ำบ่น

เฟิร์สนั่งลงข้างผมแล้วถอนหายใจเบาๆ “ดีที่หัวไม่ฟาด แม่ง ตกใจหมด”

“เออ ไม่ต้องรุมว่ากู ขอโทษษษ แค่นี้กูก็อายจะตายห่าละ เป็นลมต่อหน้าปีหนึ่ง รู้ถึงไหนอายถึงนั่น โอ้ยยย” ผมเอาผ้าปิดหน้า

“นี่พวกหนูอบรมการปฐมพยาบาลมา ไม่นึกเลยว่าจะได้ใช้กับพี่ว้าก ปกติจะเป็นน้องนะเนี่ย” น้องพยาบาลมาเสริมทัพ ยื่นแก้วน้ำหวานให้ผม

“ไม่ต้องย้ำครับบบ พี่อ่อนเองงงง” รับมาแล้วดื่มรวดเดียว “แล้วนี่ยังไง กี่โมงแล้ววะ”
 
“สามทุ่มสิบห้า กูปิดว้ากวันนี้ของพวกเราเรียบร้อย น้องทยอยกันกลับละ ที่เหลือกำลังสรุปกับพวกไอ้ปาล์มปีสามอยู่” เฟิร์สบอก
“ถ้าไม่นับเรื่องมึงเป็นลม วันนี้โอเคเลยนะ” มันพูดล้อๆ

“แม่ง กูต้องกลายเป็น พี่คนนั้นที่เป็นลมตอนว้ากอ่ะมึง ของปีหนึ่งแน่เลยแสดดดด” ผมโวยวาย

“ชัวร์ กูรับประกัน” อาร์ตพูดโดยมีอีกสามคนพยักหน้าเห็นด้วย

“เฮ่ออ กลับไปหาพวกนั้นกัน” ผมพูดแล้วยันตัวลุกขึ้นยืน นี่กูต้องโดนล้อยันลูกบวชเลยสินะ

_ _ _ _

ผมรู้สึกขอบคุณพวกแม่งอยู่ในใจที่ไม่ล้อผมเกินไปกว่า “เชี่ยตี๋อ่อนแอแสดด” หรือ “ตี๋แม่งกาก” หลังจากที่ผมเดินเข้าวงประชุมไป ส่วนใหญ่หันกลับมาด่าผมเรื่องไม่ดูแลสุขภาพกับการกินน้ำอัดลมมากกว่า โห มิติใหม่มากครับ ชีวิตวัยทำงานแม่งเป็นแบบนี้นี่เอง นี่ถ้าสมัยเรียนผมต้องตื่นมาพร้อมรอยปากกาตราม้าบนหน้าผากแล้วเนี่ย
 
“วันนี้กูเอารถมา ใครกลับกะกูป่ะ” ผมที่ยืนเคี้ยวขนมปังตุ้ยๆ ถามขึ้นหลังจากเริ่มสลายตัวจากการประชุม

นัท บอย กล้า ขอติดรถผมไปที่รถไฟฟ้า พีท น้ำ เทพ ไปด้วยกันเพราะไอ้พีทเอารถมา ส่วนคนอื่นๆก็สลายโต๋ไปละครับ ผมแปลกใจนิดๆ ที่วันนี้ไม่มีใครชวนไปกินเบียร์ต่อ ท่าทางพวกมันคงอยากกลับบ้านไปพักพอๆ กันกับผมแหละครับเนี่ย 

“กูไปด้วย” อาร์ตวิ่งมายืนข้างผม “เอ้ะ กูขับให้มึงดีกว่า”

“ไม่ต้องมึง กูขับได้”

“เอาน่ะ กูขับให้ วันนี้กูใจดี” อาร์ตยืนยัน ผมเลยตามใจมันโดยการยื่นกุญแจรถให้

“ดี งั้นมึงเอาไปเลย” ผมเดินนำไปที่จอดรถ

...

“ตี๋ มึงโอเคใช่มั้ยนิ กูงี้ตกใจอย่างแหรง” ไอ้กล้าหันมาพูดกับผมขณะเดินไปขึ้นรถ

“โอเคแล้ว กูไม่ได้กินข้าวกลางวัน โรคกระเพาะกำเริบอ่ะ ยืนนานด้วย” ผมตอบพลางเปิดประตูรถ “ยังดีหัวไม่ฟาด”

“เออ ต้องขอบคุณไอ้เด็กนั่นนิ รับมึงได้ไวกว่ากูอีก”

เด็ก เด็กไหน..กล้ามันพูดอะไรวะ...

“เด็กที่ไหน อะไรวะกล้า” ผมงง

"เด็กที่อุ้มมึงไง"

ผมขมวดคิ้ว "ไหนบอกว่าน้ำแบกกูออกมา"

“นั่นมันตอนหลังสุดแหล่วว ก่อนหน้านั้น ตอนมึงจะล้มนิ เด็กหน้าหล่อๆ สูงๆ มันออกจากแถวมาคว้าตัวมึงไว้ก่อน ไม่งั้นหัวแตกคางแตก เจ็บมากกว่านี้แล้วนิ” กล้าพูดจบก็เข้าไปในรถ ปิดประตู

อื้อหือ ผมนี่งงไปเลยครับ



นี่กูโดนปีหนึ่งหิ้วด้วยเหรอวะ นี่จะเอาหน้าไปไว้ไหนวะไอ้ตี๋วิน!!
ปีหนึ่ง..
ปีหนึ่ง…

ตายห่า...

น้องหวานกูก็ต้องเห็นภาพนั้นด้วยสิเฮ้ย ป่านนี้น้องคงมีความสังเวชกูแทนการแอบปลื้มชื่นชม เรตติ้งตกฮวบๆ แล้วเนี่ยยย
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถ
ไว้ทำคะแนนตอนวันแจกรุ่น กับตอนไปเที่ยวทะเลละกันนะครับน้องหวาน!

_ _ _



แฮ่ ตอนที่ 4 มาเสิร์ฟละค่าาา
ขอบคุณมากๆที่คลิกเข้ามาอ่านกัน และทิ้งคอมเมนต์ไว้นะคะ ทุกเมนต์และความคิดเห็นมีความหมายมากๆเลยค่า ฮืออ ดีใจ
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหะ ส่วนเรื่องป้าย เอาจริงๆ ตอนนี้คนเขียนเองก็ยังลังเล ว่าจะทีมไหนดีน้าา
คนอ่านว่ายังไงกันบ้างคะ  :o8:

พบกันตอนหน้าค่ะ
จุ๊บุ
:กอด1: :กอด1: :กอด1:

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2017 17:02:47 โดย idee »

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 5

วันศุกร์แล้วครับ ผมโยนๆเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเตรียมไประยองเย็นนี้ กิจกรรมวันนี้เยอะแยะเหลือเกิน ตอนเช้ามีประชุมกับคุณชายตะวัน ตอนบ่ายต้องเคลียร์งาน เย็นก็ต้องพุ่งตัวไปคณะรับรุ่นปีหนึ่ง แล้วหอบร่างขึ้นรถ(เผลอๆก็ต้องขับ) ไประยองยาวเสาร์อาทิตย์ นี่วันจันทร์ผมไม่ได้ลางานด้วยนะครับ สามวันนี้จะนอนได้ถึงสิบชั่วโมงมั้ย..
 
หลังจากเป็นลมล้มพับไปเมื่อวันพุธ พอกลับถึงคอนโดผมก็หลับเป็นตาย ไอ้อาร์ตทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีขับรถมาส่ง แล้วมันก็กลับไป (นึกว่ามันจะมานอนคอนโดผมซะอีก) ตื่นมาอีกทีไลน์ส่วนตัวนี่มีแจ้งเตือนเป็นสิบๆ จากพวกแม่งทั้งหลาย ทั้งถามไถ่อาการ ทั้งเตือนเรื่องกินข้าว ห้ามกินน้ำอัดลมอีกต่างหาก ขอบใจนะที่เป็นห่วง แต่นี่เพื่อนหรือพ่อวะครับ..
 
ผมหอบหิ้วสัมภาระที่เยอะเกินวันปกติขึ้นรถไฟฟ้า หลังจากนัดแนะกันในห้องไลน์เมื่อคืน ปีแก่ๆ 11 คนอย่างพวกผมตกลงกันว่าจะเข้าคณะสักสองทุ่ม ที่น่าจะเป็นเวลารับรุ่นพอดี กะว่าผูกข้อไม้ข้อมือกันเสร็จก็แยกกันขับรถไปสี่คัน (แหงแหละ ผมไม่เอาไปหรอก) ผมก็จะไปแก๊งค์เอฟโฟร์ของผมครับ ให้ไอ้พีทมันขับไป เพราะงั้นตอนนี้ต้องแบกของที่จะไประยองมาเลย
 
มา...
มาประชุมที่ตึกโคตรหรูเนี่ยครับ!!
 
ผมยืนอึ้งอยู่หน้าล็อบบี้ โห ก็เคยได้ยินแต่ชื่ออ่ะนะบริษัท AA อะไรเนี่ย แต่ก็ไม่นึกว่ามันจะขนาดนี้ มีสวน vertical garden กับน้ำตกในล็อบบี้ด้วย นี่พารากอนรึเปล่าครับ หลังจากยืนอึ้งและถ่ายรูปเก็บไว้สองสามรูป (แหม ก็ตกแต่งมาซะสวย ด้วยสัญชาติญาณสถาปนิกมันอดไม่ได้ครับ..) ผมยืนกดโทรศัพท์ยิกๆ หาเจ๊ฝ้ายคนสวย
 
[กลัวชั้นเบี้ยวเหรอยะสุดหล่อ ชั้นจอดรถอยู่ รอในล็อบบี้แหละ อีกห้านาทีก็ถึงแล้ว]
 
เจ๊เขาว่าอย่างงี้อ่ะครับ…
 
อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัด ผมหามุมสงบนั่งรอ พลางกดโทรศัพท์หาหม่อมแม่ของผม เอ้า ก็ต้องรายงานซะหน่อยว่าจะไปต่างจังหวัด แต่ไอ้เรื่องเป็นลมนี่ก็ลืมๆไปเหอะครับ เดี๋ยวจะโดนห้ามซะเปล่าๆ
 
(ว่าไงลูกชาย หายไปหลายวันเลยนะ)

“เอ้า ม๊า ก็คุยกันในไลน์ตลอดไง”

(ย่ะ ไลน์มันไม่ได้ยินเสียงนิ่ นี่ แล้วเสาร์อาทิตย์กลับบ้านมั้ย) แหม แม่นี่รู้ทันจริงๆ ถามตรงประเด็นเชียว

“แหะๆ กำลังจะโทรมาบอกเนี่ยม๊า ว่าไม่ได้กลับนะ จะไประยองกับเพื่อนอ่ะ”

(อะไร๊! นี่ไม่ได้กลับมาตั้งสามอาทิตย์ละนะวิน นี่จะสิงที่คอนโดเลยรึไง) แม่ผมแหวขึ้น

“โหย ไม่เอาดิ่ เดี๋ยวกลับมาวันอาทิตย์แล้วอยู่บ้านยาวเลยก็ได้เอ้า!!”

(ย่ะ แล้วนี่ไม่ทำงานเหรอ)

“นี่ออกมาประชุมอ่ะม๊า เดี๋ยวไปละ”

(เอ้อ โชคดีๆ แค่นี้แหละ)

“บายครับม๊าาา”
 
เอ้อ เนอะ ไม่ได้กลับบ้านมาพักนึงละ อาทิตย์หน้าอยู่บ้านชดเชยหน่อยน่าจะดีกว่า หม่อมแม่งอนแล้ว มาทำงานก็อาจจะลำบากขึ้นนิดนึง ขึ้นมอไซค์มารถใต้ดินเอาละกัน ผมนั่งวางแผนการเดินทางอยู่ในใจก็พอดีกับที่เจ๊ฝ้ายเดินสวยๆเข้ามาหาพอดี
โห ผมรู้นะว่าพี่ฝ้ายเป็นผู้หญิงสวย หุ่นดี แต่วันนี้พี่แกจัดเต็มมากครับ พี่ฝ้ายม้วนผมเป็นลอน ใส่เสื้อเชิ้ตแขนกุดสีดำ กระโปรงทรงดินสอแคบๆ บวกรองเท้าบูทหุ้มข้อเท้าสูงปรี๊ดลายเสือ และปากแดงแปร๊ด
 
“โห วันนี้จัดเต็มเลยนะพี่ สวยเชียว” ผมแซว

“วันนี้ต้องสวยสิ นัดคุณตะวันเชียวนะยะ” ว่าแล้วก็สะบัดผมโชว์

“คร้าบบบ”

“พอละ เจ๊ว่าขึ้นไปเลยเหอะ เตรียมของมาพร้อมใช่มั้ย?”

“อื้อ พร้อมครับ” ผมพยักหน้ารับ “ชั้น 24 ครับ”
 

หลังจากผ่านพิธีกรรมแลกบัตรและแสกนเนอร์กดลิฟต์อะไรงงๆ เรียบร้อย ตอนนี้ผมกับพี่ฝ้ายก็มายืนอยู่หน้าห้องส่วนตัวของท่านชายตะวันแล้วครับ ต้องขอบคุณเลขาคนสวยนะเนี่ย ทางเข้ามาถึงโซนผู้บริหารนี่ยังกับเขาวงกต ให้เข้ามาเองคงหลงตาย
 
“คุณชนัญญากับคุณมาวินทร์จากบริษัท OO ค่ะ” คนนำทางผมมาพูดใส่อินเตอร์คอมหน้าห้องโคตรเว่อร์ เว่อร์มาก เว่อร์ได้อีก อินเตอร์คอมที่ห้องส่วนตัวอ่ะนะ เคาะเอาไม่ได้เรอะ

“เข้ามาได้เลยครับ” เสียงคุณชายตอบสั้นๆ แล้วคุณเลขาก็เปิดประตูให้ผมกับพี่ฝ้ายเดินเข้าไป
 
..
...

คือถ้าครั้งที่แล้วพี่แกหลุดออกมาจากละคร ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกันอ่ะครับ

อยากจะถามว่าพี่มีคนเซทอัพใช่มั้ย ที่เห็นอยู่นี่มันเรื่องหลอกลวงใช่รึเปล่า คนอะไรจะมาดดีขนาดนี้ ครั้งนี้ไม่ได้ยืนล้วงกระเป๋าครับ แต่ยืนเก๊กไขว้ขาพิงโต๊ะทำงานใหญ่เบิ้มจิบกาแฟจากแก้วกระเบื้องแอร์เมส วันนี้คุณตะวันใส่เชิ้ตสีน้ำเงิน เนคไทสีดำ สูทสีดำ รองเท้าเงาแว้บ ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มเมื่อเห็นพวกผม

“สวัสดีครับคุณชนัญญา คุณมาวินทร์” อื้อหือ อะไรจะมีออร่าขนาดนั้น พี่ฝ้ายกูละลายไปรึยัง..

“สวัสดีค่าคุณตะวัน ต้องขอโทษทีที่คราวที่แล้วฝ้ายไม่ได้อยู่ประชุมด้วยนะคะ พอดีติดงานอยู่อีกที่ค่ะ” เออ ยังอยู่แฮะ

“ไม่เป็นไรครับ วันนั้นคุยไอเดียคร่าวๆกับคุณมาวินทร์ไปแล้ว” คุณตะวันวางแก้วบนโต๊ะ “ผมเห็น Proposal แล้วล่ะ โอเคเลยนะครับ ผมเซ็นไว้ให้แล้ว ขอจากเลขาด้านนอกได้เลย”     
 
เห้ยย โอเคเลย ไม่ต่อสักคำเรอะ
 
“โอ้ ดีเลยค่ะ วันนี้ฝ้ายกับวินเอาแนวคิดกับแบบคำนวนเรื่องเงินลงทุนมานำเสนอต่อค่ะ” พี่ฝ้ายพูด

“งั้นเชิญนั่งเลยครับ” คุณตะวันเดินนำไปที่โต๊ะประชุมขนาด 6 คนที่ตั้งอยู่อีกมุม โห ห้องนี้ใหญ่จังวะเนี่ย

เวลาผ่านไปสามสิบห้านาทีโดยผมแทบไม่ได้พูดอะไรเลย ยกเว้นคลิกสไลด์กับช่วยหยิบเอกสารให้

หัวหน้าคนสวยของผมเริ่มการนำเสนอแบบที่เรียกว่า “ขายงาน” ได้โคตรลื่นไหล ถึงผมจะเป็นคนทำข้อมูลทั้งหมดนี่ก็เหอะ ต้องยอมรับจริงๆ ว่าผมยังอ่อนด้อยเรื่องการพรีเซนต์ต่อหน้าลูกค้าจริงๆ ให้ตาย เมื่อวานนี้ลองพูดงานให้เจ๊แกฟังก็ยังมีวกไปวนมา (นี่ขนาดทำเองนะครับ) พอมานั่งฟังเจ้านายพรีเซนต์ผมงี้นั่งเคลิ้มซะจนน้ำลายจะยืดอยู่ข้างโต๊ะ ถ้ามีตังจะยัดใส่มือแล้วให้ทำโปรเจ็กเดี๋ยวนี้เลย เมื่อไหร่ผมจะทำได้แบบนี้อ่ะครับ! สกิลนี้ต้องฝึกยังไงเหรอ ต้องพยายามอีกมากนักตัวกูเอ้ย!!
 
“ประมาณนี้ค่ะ สามทางเลือก หนึ่งคอนโด สองคอมมูนิตี้มอลล์ สามคือทั้งสองอย่าง พื้นที่นี้มีศักยภาพพอทำได้ค่ะ” พี่ฝ้ายสรุป
“อืมม ผมว่าทางเลือกที่สามน่าสนใจ ทำทั้งสองแบบไป ให้มัน Sustain ด้วยระบบของกันและกัน” คุณตะวันเปิดเอกสารแล้วทำท่าคิด “ถ้ายังไงผมอยากให้ลองคิดเรื่องเวลาคืนทุนกับโมเดลนี้ครับ ถ้าทำแล้วมันโอเค ผมว่าอันนี้น่าจะดีสุด” เขาว่า
 
อื้อหือ นักธุรกิจเขาตัดสินใจกันเฉียบขาดแบบนี้นี่เอง
 
“ได้เลยค่ะ ทางนี้ตอนทำก็คิดว่าโมเดลนี้น่าสนใจ น่าจะดึงคนได้เยอะ คอมมูนิตี้มอลล์ด้านหน้าจะช่วยอัพราคาให้กับคอนโดข้างหลังด้วย”

“ขอบคุณนะครับคุณฝ้าย ทางนี้ทำการบ้านมาดีมาก วางใจขึ้นเยอะเลยครับ”

“ต้องขอบคุณวินน่ะค่ะ งานนี้ฝีมือเขาล้วนเลย ฝ้ายมาช่วยคุมเฉยๆ”
 
ผมนั่งตัวแข็ง.. ละสายตาจากการจ้องกระดาษกับปากกาลามี่ด้ามน้ำเงินของผมแล้วยิ้มแห้งๆ ใส่คนทั้งคู่ เห้ยพี่ บอกกันอย่างนี้ไม่เป็นไรเหรอ เกิดเขาหาว่าเอาเด็กที่ไหนไม่รู้มาจับโปรเจ็กต์เป็นร้อยๆล้านงี้ จะไหวเหรอวะ
 
“โอ้ ดีเลย ขอบคุณนะครับคุณมาวินทร์ งานนี้ผมดีใจมากที่ได้ทีมเก่งๆมาช่วยดู” ลูกค้าหมาดๆ ของผมยิ้มหล่อโปรยให้พี่ฝ้าย แถมเผื่อแผ่มาถึงผมด้วย โอ่ย ขนหัวลุกไปหมด นึกว่าจะโดนโวยซะแล้ว

“ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาส งานนี้ผมเต็มที่ครับ” ผมตอบ
 
คุณชายตะวันที่นั่งตรงข้ามยกนาฬิกาขึ้นมาดู “นี่จะสิบเอ็ดโมงแล้ว เราไปดูไซท์กันมั้ยครับ ผมเตรียมรถตู้ไว้แล้ว”

“ได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ” ผมรีบเก็บข้าวของยัดใส่กระเป๋า
คุณตะวันลุกขึ้นมาก่อนแล้วเดินนำไปที่ประตู ตามด้วยพี่ฝ้ายเดินสวยๆ และผมผู้หิ้วคอมเอย กระดาษแบบเอย เป้ไปเที่ยวเอย เดินตามปิดท้ายเป็นเด็กยกของ (ก็ไม่ผิดอ่ะนะครับ...)
 
“วันนี้ของเยอะเลยนะครับคุณมาวินทร์” คุณชายตะวันพูดขึ้นขณะพวกเรากำลังลงลิฟต์

“แหะๆ จะไปทริปทะเลกับพวกที่คณะน่ะครับ” ผมยืนตัวลืบติดผนัง ของเยอะจนสังเกตได้

“โอ้ ดีจังเลย ผมก็อยากหาเวลาไปเที่ยวบ้างเหมือนกันครับ อิจฉาจัง” อีกฝ่ายพูดอย่างสนอกสนใจ

“ทริปรับน้องน่ะครับ ไม่ได้เที่ยวเท่าไหร่ น่าจะหนักที่ดูน้องมากกว่า” ผมยิ้มตอบ
 
พี่ครับ ถ้าพี่จะเที่ยวอ่ะนะ รอบโลกสามรอบนี่ขนหน้าแข้งพี่ยังไม่กระดิกซักเส้นเลยนะครับ
 
“แล้วนี่จะมีเวลาทำงานให้ผมเหรอครับ” มิสเตอร์ตะวันยิ้มขำๆ

“มีสิครับ!” ผมรีบตอบ พี่ฝ้ายยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ

“ฝ้ายไม่ปล่อยหรอกค่าา ให้เวลาเที่ยวแค่เสาร์อาทิตย์นี้เท่านั้นนะยะ!” เจ้านายผมประกาศกร้าวต่อหน้าลูกค้า

“ฮ่ะๆๆ ออฟฟิสนี้รื่นเริงดีนะครับ” คนหน้าเข้มหัวเราะ “อ้ะเชิญครับ” เขาพูดขึ้นเมื่อลิฟต์เปิดพอดี
 
_ _ _ _

อย่างที่ว่าอ่ะเนาะครับ ที่ดินโลเคชั่นดี๊ดี นั่งรถมาไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงแล้ว ผมก้าวลงจากรถ ตามด้วยคุณชายตะวัน และพี่ฝ้ายเจ้านายผม

“อ้ะ ที่ดินยังไม่ได้เคลียร์นี่ครับ พี่ฝ้ายไหวมั้ย” ผมหันไปมองคนสวยประจำรถ (แหงแหละ มีอยู่คนเดียว) พี่ฝ้ายลงมายืนบนถนนก็จริง แต่ข้างหน้านี่ดินล้วนเลยนะครับ บูทส้นสูงสุดเปรี้ยวคู่นั้นใส่ลุยไม่ได้แน่ๆ “พี่รอบนรถมั้ยครับ ผมลงไปถ่ายรูปแป๊บเดียว” ผมบอก

“นั่นสิ งั้นฝ้ายขออนุญาตส่งตัวแทนเป็นวินไปนะคะคุณตะวัน ลืมเลยว่าต้องเดินไซท์” พี่ฝ้ายหันไปบอกคนร่างสูงที่กำลังหยิบร่มออกจากรถ

“ได้สิครับ น่าจะเดินดูรอบๆ เท่านั้นเองแหละครับ” ว่าจบคุณตะวันก็หยิบร่มส่งให้ผมคันหนึ่ง “นี่ครับคุณมาวินทร์”
ผมทำหน้างง

“แดดมันร้อนครับ กางร่มดีกว่า”

“โอ๊ะ ไม่เป็นไรเลยครับ เดินตรวจงานแบบนี้ผมสบายมาก ปกติครับ” ผมรีบปฏิเสธ

คุณชายตะวันยัดร่มใส่มือผม “ใช้เถอะครับ หน้าซีดๆ เป็นลมผมอุ้มไม่ไหวนะครับคุณมาวินทร์”
 
ฉึก ฉึก ฉึก!!
ผมงี้หน้าร้อนวาบรับร่มมาแบบจำใจ เพราะดันไปนึกถึงเรื่องที่เป็นลมวันก่อน พูดมานี่เป๊ะยังกับตาเห็น
 
อ้าว แล้วทำไมพี่แกไม่กางร่มวะ

“คุณตะวันไม่กางร่มเหรอครับ” ผมเดินตามไปติดๆ

“ไม่ล่ะครับ ผมชอบโดนแดด อุดอู้อยู่ในห้องทั้งวันเลยปกติแล้ว ไม่ค่อยได้ออกมาหรอกครับ” เขายิ้ม
 
หึหึหึ ถ้าพี่ต้องออกมากินข้าวตอนกลางวันนอกตึกแบบชาวออฟฟิสทั่วไป พี่จะไม่พูดแบบนี้ เชื่อดิ่!
 
แต่จะไปบังคับให้เขาเข้าร่มก็ไม่ใช่เรื่องอ่ะนะ ผมเลยปล่อยให้คุณชายเดินในทุ่งหญ้า(?)ตามสะดวก ส่วนผมก็เดินตามและถ่ายรูปไปเรื่อย
 
“ต้นไม้ในไซท์นี่ใหญ่มากเลยนะครับ จริงๆแล้วอยากจะเก็บไว้”คุณตะวันชี้ให้ดูต้นก้ามปูขนาดใหญ่ แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาหลายเมตรเชียวครับ ที่กะๆดูด้วยสายตาส่วนต้นนี่น่าจะสักสี่ห้าคนโอบได้

“เห็นด้วยเลยครับ ดีใจจังที่มีคนคิดแบบนี้ คนส่วนใหญ่จะโค่นทิ้งซะมาก เพราะมันจะทำให้พื้นที่ขายน้อยลง” ผมบอก

“ถ้าเป็นไปได้ เก็บไว้นะครับ มุมโน้นมีอีกสองต้นเล็กกว่านี้หน่อย เก็บแค่ต้นเดียวได้ก็ยังดี พื้นที่มันจะน้อยลงอีกเท่าไหร่กันเชียว” เขาชี้มือไปอีกมุมหนึ่งของที่ดินแล้วหันหน้ามามองผม

“ได้เลยครับ ผมสนับสนุนเต็มที่ จะเก็บต้นใหญ่ๆไว้ทุกต้นเลยครับถ้าเป็นไปได้” ผมยิ้ม
 
คนรวยๆ ที่มีความคิดแบบนี้หายากนะครับ

โดยปกติเห็นที่ดินหน่อยไม่ได้ ต้องเคลียร์ให้เกลี้ยง มีอะไรในไซท์พ่อตัดเหี้ยน ไม่สนใจหรอกครับว่าควรจะดูแลรักษาอะไรหรือเปล่าหรือเปล่า มันเกะกะการทำงานขวางทางตึกก็เอาออกไป มีบ่อก็ถมมีต้นไม้ก็ตัด เคสที่เลือกล้อมย้ายนี่น้อยมากครับ เพราะใช้เงินเยอะ ยุ่งยากทั้งการเตรียมที่ทางจะขน ตัดแต่งต้นไม้ ย้ายไม่ดีต้นไม้จะช้ำและตายอีก ทุกคนก็เลยอยากเลือกทางง่ายๆคือตัดทิ้ง ขุดรากออก จบ ผมเห็นแล้วไม่ชอบใจทุกทีสิน่า

“คุณมาวินทร์นี่เรียนจบมานานรึยังครับ” คุณชายตะวันถามขึ้นขณะเดินไปชี้หมุดทองเหลืองบอกเขตที่ดินที่แกบ่นว่ามันน่าจะเคลื่อนตำแหน่ง

“อ้ะ ผมเพิ่งจบมาเกือบปีน่ะครับ ทำที่นี่ที่แรกเลย” ผมตอบแบบแอบโกงเวลาไปนิดหน่อย “แหะๆ จริงๆเรียกผมว่าวินเฉยๆก็ได้ครับ เต็มยศเชียว”

“ฮ่ะๆ ผมว่าแล้ว หน้าเด็กแบบนี้น่าจะเพิ่งจบ จริงๆตอนเจอกันครั้งแรกผมนึกว่าเป็นเด็กฝึกงานของบริษัทซะอีก” คนหน้าคมพูดไปขำไป

“อ้าวว ซะงั้นเลยนะครับบ” ผมยกกล้องถ่ายรูปแล้วถอนหายใจพรืด มีแต่คนบอกว่าหน้าอ่อน ไม่รู้อ่อนกว่าอายุจริงหรืออ่อนประสบการณ์อ่ะนะ ผมกลับไปใส่แว่น ใส่เจลทำผมปาดข้างดีมั้ยครับ เอาให้เพิ่มอายุไปสิบปีเลย

“เดี๋ยวดูตรงนี้เสร็จก็โอเคแล้วล่ะครับ ผมถ่ายเก็บไว้หมดแล้ว” ผมชูโทรศัพท์ขึ้น

“โอเคครับ กลับกันดีกว่า” คุณตะวันหมุนตัวแล้วเดินนำไปที่รถ

ผมเปิดเชครูปในกล้อง เผื่อตรงไหนพลาดไปจะได้ไม่ต้องมาอีก “เดี๋ยวภายในพุธหน้า ผมส่งรายการคำนวนกับเลยเอ้าท์ใหม่ไปนะครับ…” ผมเดินถือร่มตามไป “อ้ะ คุณตะวันอยากให้รังวัดที่ใหม่ด้วยไหมครับ เดี๋ยวผมติดต่ออีกทีมให้”

“ได้ครับ วินจัดการได้เลย” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง..

“จริงๆ ถ้าผมเรียกคุณว่าวินเฉยๆ คุณเรียกผมว่าพี่ตะวันก็ได้นะครับ”

“อุ่ย.. ไม่ดีมั้งครับ…” ผมแย้ง

“จะได้เท่ากันไงครับ” เขาสรุปแบบที่ผมงงๆ “เรียกแบบนั้นเถอะครับ” พูดจบแล้วก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งฉับ
“อ่า.. ครับ…”
 
อะไรฟะเนี่ย…
 
ผมนั่งรถกลับไปที่ตึกสุดหรูแบบไม่ค่อยเข้าใจนัก
_ _ _
 
17.44
 
“พี่ฝ้ายครับ ผมลองวางแปลนใหม่ไว้นี่นะ” ผมหยิบแปลนที่เพิ่งพริ้นท์ออกมาวางไว้บนโต๊ะเจ้านาย “อันนี้ปรับจากคอมเมนต์วันนี้อ่ะ”

“ที่เก็บต้นไม้ไว้อ่ะนะ ทำเสร็จแล้วเหรอ” พี่ฝ้ายหันขึ้นมาถามผม

“ใช่ครับ แต่ยังไม่ได้ลองรันราคานะ ผมทำไว้สองแบบให้พี่รีวิวก่อน”

“โอเค” พี่ฝ้ายพยักหน้า

“แหะๆ งั้นผมไปก่อนนะครับ คืนนี้ต้องไประยองที่ผมบอกไว้อ่ะครับ” ผมตั้งท่าจะลุก

“วิน! ไปกับเพื่อนจริงใช่มะ! เธออย่านอกใจเจ๊นะ!” พี่ฝ้ายพูดเสียงดัง บวกความดราม่าสามสเต็ป

“ฮ่าๆ กับเพื่อนสิครับพี่” ผมขำ

“เพื่อนที่ไหนไม่เคยแนะนำให้รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าตา!” พี่ฝ้ายทำท่าปาดน้ำตา ทำเอาน้องแคร์ที่นั่งอยู่ด้วยขำพรูด

“เพื่อนจริงๆ คร้าบบบ” ผมลากเสียงยาว “เดี๋ยวผมเอาคอมไปเผื่อ มีอะไรด่วนบอกนะครับ” พูดแล้วก็ม้วนสายชาร์ตแบตไปด้วย ว่าก็ว่าเหอะครับ ไปไหนไม่มีคอมติดไปเนี่ย ว้าวุ่นตลอด เผื่องานเข้าแบบปัจจุบันทันด่วนจะได้มีข้อมูลทำงาน

“ย่ะ ถ่ายรูปตอนเล่นน้ำทะเลมาให้เจ๊ด้วยนะ” พี่ฝ้ายทำเสียงงอนๆ เรียกเสียงขำกิ๊กกั๊กจากน้องแคร์และผมได้อีก
 
_ _ _ _
 
19.40
 
ควรจะมาถึงคณะก่อนหน้านี้เกือบสองชั่วโมงครับ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผมโทรหาไอ้เฟิร์สหัวหน้าว้ากแล้วมันบอกมาว่าไม่ต้องรีบ มานั่งรวมกลุ่มกินข้าวกันก่อนดีกว่า เข้าไปทั้งแก๊งค์เวลาน้องรับรุ่นพอดีจะได้เปิดตัวแบบหล่อๆ เลยไปนั่งกินข้าวแกล้มเบียร์กันที่ร้านหน้ามหาลัยกัน (นี่น่าจะจุดประสงค์หลักของพวกแม่ง..) กว่าจะได้เข้าคณะก็เนี่ยครับ มืดแล้ว แต่ผมไม่ได้กินกับพวกมันนะครับบอกไว้ก่อน ไม่อยากเดินตัวแดงให้น้องปีหนึ่งเห็นกันอ่ะ…
 
พวกผมเอาของที่ต้องเอาไประยองกองไว้ในห้องประชุมที่ตอนนี้เรียกได้ว่าวุ่นวายโคตรๆ น้องๆปีสามที่รับผิดชอบเรื่องทริปนี้กำลังเชคเรื่องคิวรถบัสและเชคชื่อคนที่จะขึ้นรถของทุกชั้นปี ส่วนพวกปีสี่ก็ดูเรื่องการรับรุ่นวันนี้ ประเพณีคณะน่ะครับ
 
วันนี้คนเข้าคณะคึกครื้นเชียวครับ ทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ รวมไปถึงพี่ปีแก่ๆที่จบไปหลายปีก็โผล่หน้ากันมาให้เต็มห้องไปหมด ผมกวาดตาไปทั่วห้อง ของรุ่นผมที่เพิ่งรับปริญญาไปหมาดๆ นอกเหนือจากแก๊งค์ว้ากเกอร์สิบเอ็ดชีวิตที่เพิ่งเข้ามา ก็ยังมีทอมเอ้ที่เป็นมือกลอง กับเพื่อนๆในรุ่นอีกราวๆเจ็ดแปดคนที่ตอนนี้ยืนจับกลุ่มคุยกันบ้าง เดินแซวน้องบ้างไปตามเรื่อง ผมพยักหน้าทักทายไปทั่วๆ
 
“ว่าไงวิน! กว่าจะโผล่มาได้นะ” เจ้าของเสียงใสโผล่เข้ามาทักผม ส่งยิ้มคุ้นตามาให้

“อ้าว ฟ้า ไม่เห็นบอกว่าจะมา เป็นไงบ้างล่ะ”

“บอกแล้วย่ะ ในเฟสบุครุ่นไง นี่ไม่ได้เชคเลยสิ”

“ไม่ค่อยได้เข้าอ่ะ มัวแต่ทำงาน”

“ทำงานจนเป็นลมอ่ะนะ” ฟ้าพูดยิ้มๆ

“เฮ้ย! รู้ได้ไง” ผมร้อง

“แหม่! ไม่รู้เลยมั้ง ข่าวใหญ่จะตาย!” ฟ้าประชด “แล้วนี่เป็นอะไรมากรึเปล่า โรคกระเพาะเหมือนเดิมเหรอ ไปหาหมอยัง”

“เหมือนเดิมแหละ นอนน้อย ไปกันใหญ่เลย แต่ไม่เป็นไรละ” ผมอธิบาย

“จริงๆเล้ยย นายเนี่ย” ฟ้าบ่นอุบ

“นี่ฟ้าไประยองด้วยป่ะเนี่ย” ผมถามขึ้น

“ไม่อ่ะ เหนื่อยไป เสาร์อาทิตย์เราขอพักเถอะ” ฟ้าส่ายหน้าดิก “เดินทางดีๆล่ะ”
 
ผมกับฟ้ายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากๆครับ มากจนหลายคนงงกันเลยแหละว่าเรายังปกติกันได้ยังไง ผมสามารถคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ได้กับฟ้าเหมือนเดิม พ่อแม่เราก็รู้จักกัน แม่ผมกับแม่ฟ้าสนิทกันด้วยครับ ชอบโทรคุยกันบ่อยๆ แค่เราไม่ได้เป็นแฟนกันเท่านั้นแหละครับ 
 
“อ้ะๆๆ นี่อะไรก๊านนนน” ไอ้อาร์ตที่เดินเฉียดไปส่งเสียงแซว “นัดกันมารึเปล่าน้าาาา”

“สวัสดีเพื่อนอาร์ต” ฟ้าหันหน้าไปทักทาย “แล้วอาร์ตล่ะ.. นัดใครมารึเปล่าน้าาาาาาาา” ฟ้าแกล้งพูดลอยหน้าลอยตา

“เฮ่ยๆ อะไรๆ เราตกข่าวเหรอ” ผมถามฟ้า

ไอ้อาร์ตรีบโบกมือปฏิเสธ “เห้ย ไม่มี!! ฟ้าอย่าชงดิ่!” ท่าทางมันเรียกหัวเราะจากฟ้ากับผมได้เยอะเชียว

“ว่าแต่ สวยขึ้นนะเราอ่ะ มีแต่งน่งแต่งหน้า สมัยเรียนไม่เห็นทำงี้เลอ” อาร์ตรีบเปลี่ยนเรื่อง

“แหม สมัยเรียนก็ไม่รู้จะแต่งให้ใครดูป้ะ”

“ให้พวกเราดูไงงงง” พีทเดินยิ้มแป้นเข้ามาพร้อมกับเทพ “เป็นไงบ้าง”

“สบายดีๆ แหม นี่ไปกินกันมาก่อนเข้าคณะล่ะสิ ละมุดมากกก” ฟ้าพูด

“รู้ทันพวกเราตลอดเลย” ไอ้เทพบ่น
 
...

“ฟังทางนี้หน่อยค่าาา” พวกผมหันไปทางเสียงแจ๋วๆ ที่หน้าห้อง

“น้องๆพี่ๆคะ เดี๋ยวพอสองทุ่มสิบห้า ปีหนึ่งเริ่มร้องเพลง พี่ๆ ทยอยกดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้านะคะ บนนั้นจะมีเทียนสีขาวอยู่ รอพวกว้ากให้สัญญาณแล้วจุดเทียน แล้วค่อยๆ เดินช้าๆ ลงมาทางโถงลิฟต์แก้วเข้าลานแล้วมายืนล้อมน้องเป็นวงไว้นะคะ พอเสร็จก็ร้องเพลงคณะ จากนั้นก็ผู้ข้อไม้ข้อมือน้องได้เลย อันนี้สายสิญจ์หยิบเก็บไว้คนละกำ แล้วส่งต่อเลยค่าาา” น้องหมิว ประธานรุ่นปีสี่พูดเสียงดัง แล้วส่งลังใส่สายสิญจ์ที่ถูกตัดเป็นเส้นๆเรียบร้อยแล้วมาให้กับน้องคนอื่นๆ แล้วส่งต่อมาเรื่อยๆ ให้พวกเด็กๆก่อนละกันครับเดี๋ยวมันจะไม่พอเอา พอถึงตาพวกผมหยิบเอาไว้คนละนิดหน่อยก็พอแล้ว
 
“พวกปีเราขึ้นไปก่อนเลยดีมั้ย เดี๋ยวคนเยอะ” ผมเสนอ พอใกล้ๆเวลาผมว่าลิฟต์จะเต็มน่ะ

“เอ้อ เอาสิ ดีเหมือนกัน  นี่ๆ งั้นพวกพี่ขึ้นไปก่อนนะ” พีทพยักหน้าเห็นด้วย หันไปพูดประโยคหลังกับน้องๆ

พวกผมกดลิฟต์กันขึ้นมายืนส่องน้องๆปีหนึ่งจากบนดาดฟ้า คุยเฮฮากันบ้าง บางคนจุดบุหรี่ขึ้นสูบ บางคนก็เอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปลานกิจกรรมจากมุมสูง ไม่นานนักน้องๆตั้งแต่ปีสองถึงปีห้าก็ตามขึ้นมาสมทบจนพื้นที่ดูเล็กลงไปถนัดตา เทียนสีขาวเล่มเล็กถูกแจกจ่ายไปทั่ว
 
วันนี้ลานกิจกรรมที่ใช้เป็นที่รับรุ่นของปีหนึ่งคือคอร์ทกลางที่ถูกล้อมรอบด้วยตึกของคณะสถาปัตย์เหมือนทุกๆปีที่เคยทำมา ถึงลานนี้จะขนาดค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับลานที่อยู่ข้างนอก.. ลานที่ผมเป็นลมอ่ะครับ นั่นแหละ.. แต่ผมว่าลานนี้ทำให้รู้สึกว่าพวกเราเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่จริงๆ คงเป็นเพราะตึกเรียนสูงแปดชั้นที่หันเอาระเบียงล้อมอยู่แบบนี้นี่แหละครับ ทุกครั้งที่มีกิจกรรมอะไร พี่ๆน้องๆในคณะก็จะต้องมาเกาะตามระเบียงเพื่อชะโงกหน้าดูทุกที
 
มันอบอุ่นดีน่ะผมว่า
 
เหมือนตอนนี้ที่พวกผมยืนพิงระเบียงชั้นแปดมองดูเด็กปีหนึ่งเข้าแถวอยู่นี่แหละครับ
 
“คิดถึงสมัยปีหนึ่งเนอะ” ผมพูดขึ้นเบาๆ

“อื้อ” น้ำที่ยืนเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆผมเงยหน้าขึ้นมามอง “เหมือนกัน”

“เออ ยังจำได้อยู่เลย วันที่พวกพี่แบงค์ให้รุ่น ยืนร้องเพลงอยู่ตั้งสามชั่วโมง.. แม่ง อย่างนาน” อาร์ตพูดขึ้น

“แต่รุ่นผม พวกพี่ก็ให้ยืนสามชั่วโมงนะ” อดีตน้องว้ากคนหนึ่งที่ยืนใกล้ๆแย้งขึ้น

“เอ้า เอาคืนดิ่ จะได้เหมือนๆกันไง” อาร์ตตอบ ทำเอาน้องที่อยู่แถวนั้นขำพรืด
 
ไม่นานนักน้องหมิวก็โผล่หน้าขึ้นมา

“ได้เวลาแล้ว ปีสองนำไปก่อนเลย ตามด้วยปีสาม สี่ ห้า และพี่บัณฑิตปิดท้ายนะคะ”
จบคำของน้องหมิวพูด ทุกคนบนดาดฟ้าก็เริ่มตั้งแถวและค่อยๆจุดเทียนเล่มเล็กในมือทันที จากนั้นก็ค่อยๆเดินลงบันไดไป
 
ผมยังจำได้อยู่เลยครับ หลังจากต้องยืนร้องเพลงคณะอยู่ในลานนี่เป็นเวลาสามชั่วโมง เสียงเริ่มแหบแห้งเพราะน่าจะร้องไปสองร้อยกว่ารอบ ตรงส่วนโถงลิฟต์ที่เป็นกระจกด้านหน้าพวกผมก็เริ่มมีแสงสว่างจุดเล็กๆ วิบวับ ค่อยๆ เคลื่อนตัวเป็นสายลงบันไดมาจากชั้นแปด เป็นภาพที่สวยติดตาผมมาก ทุกคนก็คงคิดเหมือนกัน เป็นพี่ๆ ทุกคนในคณะนี่แหละครับ ที่ถือเทียน ลงมาทีละคนๆ แลวมายืนล้อมพวกผมเอาไว้ แล้วร้องเพลงไปด้วยกัน จบด้วยการผูกข้อไม้ข้อมือกันทีละคนๆ นัยว่ารับเราเป็นรุ่นน้องอย่างเป็นทางการ
 

และวันนี้ ภาพแบบนั้นมันกำลังจะกลับมา
ผมกำลังจะได้ทำหน้าที่ของ “รุ่นพี่” อีกครั้งแล้วครับ



(มีต่อจ้ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2017 20:55:48 โดย idee »

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ผมเดินเอามือป้องเทียนไม่ให้ลมพัดดับลงบันได พอมาจนถึงคอร์ทกลางที่น้องๆ ปีหนึ่งกำลังร้องเพลงอยู่ก็เรียงแถวล้อมน้องไว้แบบที่ตกลงกันเอาไว้ ผมยืนเป็นคนสุดท้ายของเดอะแก๊งค์ ข้างหนึ่งของผมเป็นไอ้กล้าใต้ (ซึ่งอีกฝั่งของมันคือไอ้เทพผู้ยังมีกลิ่นละมุด) ส่วนอีกข้างเป็นฟ้าที่กำลังตั้งใจเอามือป้องเทียนอยู่ หน้าปีหนึ่งแต่ละคนดูเหนื่อยมากครับ แต่สายตาทุกคนนี่เป็นประกายปิ๊งๆ
 
ไม่นานนักทุกคนก็ร้องเพลงคณะเสียงดังก้องไปทั่วลาน แสงเทียนวูบไหวย้อมคอร์ทกลางให้เป็นสีส้มทองอร่าม น้องปีหนึ่งหลายคนดีใจน้ำตารื้นจนหุบยิ้มไม่อยู่ อย่าว่าแต่น้องเลยครับ พวกผมก็อมยิ้มไม่หยุดเหมือนกัน ได้มีน้องเพิ่มมาอีกหนึ่งรุ่นแล้วนะพวกเรา
 
“ยินดีต้อนรับ นักศึกษาสถาปัตย์ รุ่น 81 น้องของพวกผม” เฟิร์สพูดเสียงก้อง

“พี่หวังว่าพวกน้องทำชื่อเสียงที่ดีให้แก่คณะ เหมือนๆ ที่รุ่นพี่ของพวกคุณได้ทำมาตลอด” น้องปาล์มพูดขึ้นบ้าง

“ต่อไปนี้ เป็นพี่เป็นน้องกันแล้วนะครับ มีอะไรบอกกัน พวกพี่ยินดีช่วยเหลือเสมอครับ” น้องเต้หลานรหัสผมก็ได้บทพูดเหมือนกันน้า..
 
“ต่อไป เชิญพี่ๆ นั่งลงเป็นวงกว้างๆ แล้วผูกข้อมือรับน้องกันได้เลยค่าา เด็กๆเข้าแถววนไปนะคะ” น้องหมิวพูดเสียงดัง
 
บรรยากาศเริ่มคึกครื้นขึ้นเยอะครับ น้องๆต่างเข้าไปให้พี่ปีโตๆ ผูกข้อไม้ข้อมือให้เป็นการใหญ่ แถวชักเริ่มไม่เป็นแถวแล้วครับ วุ่นวายหน่อย แต่บรรยากาศแบบนี้แหละคณะผม
 
อ้ะ มาแล้วๆ ฟ้าผูกเสร็จละครับ ตอนนี้ตาผมละ

“น้องชื่ออะไร อยู่ภาคไหนครับ” ผมยิ้มแล้วถามน้องผู้หญิงหน้าตาน่ารักตรงหน้าที่ยื่นข้อมือให้

“แจนค่ะ อินทีเรีย 308” เธอยิ้มจนตาหยี 

“พี่ชื่อวินนะครับ เรียนเต็ก รุ่น 76 ตั้งใจเรียนนะคร้าบ มาอยู่คณะนี้ต้องอดทนนะ โชคดีๆ” ผมพูดไปผูกข้อมือไป พอเสร็จน้องก็เขยิบไปทางกล้าต่อ
 

จากนั้นก็ไม่ได้หยุดเลยครับ


ผมถามชื่อ อวยพรผูกข้อมือน้องๆ หลายต่อหลายคนได้สักพัก สายสิญจ์ที่เตรียมไว้ก็หมด ผมยิ้มแหะๆ ให้กับน้องผู้ชายชื่อนิว (เพิ่งถามเมื่อกี้) ตรงหน้า
“แป๊บนึงนะ”
 
ผมหันไปถามคนข้างๆ
“ฟ้าๆ มีเหลือมั้ยอ้ะ”

“อื้อ เหลือแค่นี้อ้ะ เธอแบ่งไปดิ่” ฟ้ายื่นสายสิญจ์ส่วนของตัวเองมาให้สี่เส้น

“ขอบคุณๆ”

“เฮ้ย ของกูก็หมดนิ” กล้าหันมาแบมือขอบ้าง

“โอ้ย ปล้นกูมั้ย นี่ถ้าหมดต้องไปเอาจากน้องหมิวละ” ผมบอกขณะหยิบให้มันไปครึ่งหนึ่ง แล้วหันกลับมาผูกข้อมือต่อ

“อ้ะ มาละครับน้องนิว ขอให้ผ่านสตูแบบชิวๆ ได้นอนเต็มอิ่มนะคร้าบบ” ผมพูด

“มาๆ ต่อเลย เส้นสุดท้ายแล้ว”

ผมก้มหน้าหยิบสายสิญจ์เส้นต่อไป พอเงยหน้าขึ้นก็สบตาเข้ากับคนที่จ้องอยู่ก่อนแล้ว

..
ไอ้หน้าหล่อนี่นา
“ไง” ผมทัก

“นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว” คนตรงหน้าผมพูดขึ้น

“หือ เนี่ยอ่ะเหรอ” ผมชูสายสิญจ์เส้นเดียวในมือขึ้น “เส้นสุดท้ายพอดี.. เอามือมาดิ่ เพื่อนน้องหวานใช่มั้ย”

มันมองหน้าผมอึ้งๆ ไม่นึกว่าผมจะจำได้ล่ะสิ “อะ อื้อ..” มันตอบเสียงเบาๆ แล้วขมวดคิ้ว “รู้จักหวานด้วยเหรอ”   

“รู้ดิ่ ปีหนึ่ง ป๊อบด้วยนี่” ผมตอบหน้านิ่ง “แต่ยังไม่เคยเจอเลย คนไหนล่ะ” พูดพลางเอาสายสิญจ์วนรอบข้อมือของมัน ทำไมมือใหญ่จังวะ..

“จะอวยพรอะไรผมดีอ่ะ” คนตรงหน้าผมถามแล้วยิ้มกริ่ม

“อืมมม อะไรดี ขอให้ได้เอวิชาสตู”

มันทำหน้ายู่ “ไม่เอาอ่ะ ผมเก่งแล้ว”

“ฮ่าๆๆ เดี๋ยวก็รู้ นี่ยังไม่ได้เริ่มของจริงป่ะ” ผมหัวเราะ “แล้วอยากได้อะไร จะได้จัดให้ถูก”

“อยากสมหวัง”

“เห้อ .. เอาซะกว้างเชียว โลภว่ะ…” มันมองผมด้วยสายตาจริงจัง “เออๆ เอ้าๆ ขอให้สมหวังละกัน” ผมอวยพรตามใจพร้อมผูกข้อมือเสร็จสรรพ

“นี่เรียนภาคไหน รหัสอะไรล่ะ”

“เต็ก 012” คนตรงหน้าตอบผม

“เอ้ย บังเอิญจัง!... เอ้า ฟ้า! น้องเธอแน่ะ” ผมสะกิดคนข้างๆ “พอดีเลย”

ฟ้าละมือจากน้องที่เธอกำลังอวยพรอยู่ “เอ้ยยย มีผู้ชายเพิ่มในสายแล้วววอ้ะะะะ” ฟ้าพูดเสียงตื่นเต้น

“เหลนรหัสแล้วมั้ย” ผมแซว

“วิน!!” ฟ้าเอามือตีไหล่ผมดังป้าบแล้วหันไปพูดกับไอ้ปีหนึ่งนี่แทน “ยินดีต้อนรับเข้าสายพี่ พี่ชื่อฟ้านะคะ โอ้ยดีใจ มีน้องหน้าตาดี!” ฟ้าพูดอย่างดีใจแล้วชวนไอ้หล่อหน้าผมคุยไปเรื่อย

“เอ๊ะ ไอ้ตี๋นิ” ไอ้กล้าสะกิดไหล่จึกๆ ผมเลยหันกลับไปเลิกคิ้วถาม

“ว่าาา”

“น้องคนนี้แหละนิ ปีหนึ่งที่มาอุ้มมึงตอนมึงเป็นลม กูจำด่าย” กล้าพูด
 
เอ้ยย ไอ้หมอนี่เนี่ยนะ
ตายห่าา
 
“ว้ายย น่ารักอ้ะ” ฟ้าพูดขึ้นเสียงดังจนผมหันกลับไปมอง

เด็กปีหนึ่งตรงหน้ายิ้มแบบที่สาวน่าจะกรี๊ดด้วยความหล่อใส่พวกผมก่อนจะลุกขึ้นยืน “งั้นผมไปก่อนนะครับ ขอบคุณมากครับพี่ฟ้า.. พี่วินด้วย” ทำไมคำว่าพี่ของกูมันเบาจังล่ะวะ ไอ้เด็กนี่ กวนตีนกูป่ะเนี่ย 

ร่างสูงเดินฉับๆ ออกกไปแบบไม่รีรอ

“เอ้อ แล้วมันชื่ออะไรนะ ยังไม่ได้ถามเลย” ผมหันกลับไปถามฟ้าแบบเพิ่งนึกขึ้นได้

ฟ้าหันมาพูดแล้วยิ้มกว้าง “ชื่อหวานอ่ะ น่ารักดีเนอะ”
 

หา…….

“ห้ะ ชื่ออะไรนะ...”

“หวาน ชื่อหวาน แบบหวานเจี๊ยบอ่ะ” ฟ้าย้ำ
 
เหมือนมีคนเอาถังน้ำแข็งมาราดหัวผมเลยครับตอนนี้
โป๊ะกว่านี้มีอีกมั้ยครับ !!!!
 
_ _ _

ตอนที่ 5 มาแล้วค่า ยาวไปหน่อยนะคะ หวังว่าจะชอบกันค่ะ

/คุณตะวันนี่น่าหมั่นไส้ในทุกท่วงท่า
/ในที่สุดเจ้าหวานก็มีบทซักที!
/ตี๋วินทำงานหนักจังงง TvT
/ชอบอาร์ตจังเลยค่ะ เป็นตัวละครที่เขียนแล้วสนุกจัง :3

ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณทุกๆคอมเมนต์เลยค่ะ ดีใจ  :pig4: :pig4: :pig4:
พบกันในเร็ววันค่า :D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2017 21:12:06 โดย idee »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฮือออออ น่าร๊ากกกกก เรายังหลังรักตี๋วินเลย ไม่แปลกที่ตี๋จะมีคนมารุมรัก  :hao7: :ling1:
อยากอ่านต่อแล้ววววววว

ออฟไลน์ kingkongkaew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตี๋วินไม่มีสาวเข้าหา แต่เหมือนจะมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เรียงคิวเป็นพระเอกหลายคนเหลือเกิน

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
กรี้ดดดดด ตอนนี้ยาวมากกกกกกกกก ดีสุดๆค่ะ

โอ้ยละยิ่งเลือกไม่ถูกเลยว่าใครดีน้า

ตืดตามตอนต่อไปค่ะ :-[

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
เชียร์หวานนะ  อิอิ  บึกบึนแข็งแรงดี  555
อุ้มตี๋วินไว้ตอนเป็นลม  เหอๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5

ออฟไลน์ aunszMT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
เป็นไงละตี๋เจอหวานเข้าไป หวานจี๊ดเลยไหม55

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอตี๋วินอยู่ทุกวันเลยยยยยยย เข้ามาดูทุกวันเลยนะคะ คนเขียนสู้ๆ

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ความเสี่ยงที่ 6

ผมเจอหวานแล้ว
 
หวานเป็นน้องปีหนึ่งของผม
หวานเป็นรุ่นน้องภาคผม เรียนเต็ก
หวานอยู่สายรหัสเดียวกันกับฟ้าแฟนเก่าผม
 
และ


…...

หวานเป็นผู้ชาย
หวานเป็นคนอุ้มผมตอนเป็นลมอีกต่างหาก
 
วอทดาฟัก… อะไรจะแจ็คพอตขนาดนี้วะครับ..
 
หลังจากจบการผูกข้อไม้ข้อมือก็ได้เวลาพักเพื่อจะเตรียมตัวขึ้นรถไปมีตติ้งกันที่ระยองต่อ
ผมก็นั่งหน้ามึนรอพวกเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ แบ่งกลุ่มเพื่อรอขึ้นรถบัสที่จอดรอไว้ น้องหมิวบอกว่าปีนี้คนจะไปทริปมีทั้งหมดเกือบๆ สามร้อยคน น้องปีหนึ่งแปดสิบนิดๆ พวกปีสองถึงปีสี่อีกร้อยห้าสิบ ปีห้าน้อยหน่อย (ตั้งใจทำทีสิสไปเถอะพวกมึงน่ะ!!)
รวมกันกับพี่ปีแก่ๆ อย่างพวกผมอีกราวๆ สามสิบคน เสียงขานชื่อดังล้งเล้งไปหมด
 
ผมนั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าคณะ
 
“มีหวานเดียวแหละพี่ ไอ้หวานที่พี่เคยถามไง หล่อๆ มีไฝตรงนี้” เต้ หลานรหัสสุดรักของผมเอามือชี้หน้าตัวเอง

เออ กูแค่ถามเพื่อความมั่นใจไง
เผื่อชื่อมันจะโหล..
 
“เอาข้าวป่ะเฮีย” มันยื่นข้าวกล่องมาให้ ขณะที่ตัวมันเคี้ยวตุ้ยๆ

“ไม่เอาอ่ะ กินไปเมื่อตอนเย็นก่อนเข้าคณะ”

“เออ วันนี้ตอนผูกข้อมือนี่เฮียป๊อบนะ น้องต่อคิวกันเป็นแถวเลย บางคนไม่ได้บ่นเสียดายกันใหญ่”  มันพูดแล้วนั่งลงข้างๆ ผม

“เหอะ มึงเห็นของไอ้พีท ไอ้น้ำ ไอ้บอยรึเปล่า ยังกะงานแจกลายเซ็น โน่น ยังยืนอ่อยน้องอยู่นู่น” ผมพยักหน้าไปทางคอร์ทกลาง นี่งานมีทแอนด์กรีทหรือเปล่าครับ ยืนหัวเด่ยิ้มร่าเริงอยู่สามคนในดงผู้หญิง 

“เออจริง เดินมาดอยสายสิญจ์จากพวกผมตั้งสามสี่รอบ” เต้เห็นด้วย

“ทริปนี้จัดรถไปกี่คันอ่ะ” ผมถามขึ้นมา

“ไปกันสี่คันอ่ะพี่ ให้น้องเป็นหลัก พวกปีโตบางคนก็ขับรถไป”

“เออ ดีแล้ว ไม่เปลือง กูก็ไปกับเดอะแก๊งค์ พีท อาร์ต น้ำ”

“ขับดีๆ พี่ไม่ต้องรีบ ไปถึงก็น่าจะเช้ามืดแหละ เข้าที่พักก่อน กิจกรรมจริงๆ เริ่มสิบเอ็ดโมงโน่น”

“ดีๆ กูจะได้นอนก่อน ไม่ไหวๆ” ผมส่ายหัว

“เออ ไม่เป็นไรแล้วใช่ป่ะ ที่วันก่อนเฮียเป็นลมอ่ะ” เต้ถามขึ้นเร็วๆ “ผมงี้โคตรตกใจเลย”

“เออ ไม่เป็นไรละ นอนน้อย โรคกระเพาะด้วย” ผมเสมองไปทางอื่น อายอ่ะครับไม่ใช่อะไร...

“โอ้ย ดูแลตัวเองบ้างเฮีย โค้กอ่ะเลิกๆเหอะ” มันบ่นครับ มันบ่นผม!

“มึงกินเหล้า ดูดบุหรี่งี้แย่กว่ากูแดกโค้กป่ะเต้..” ผมทำหน้ายุ่ง
 
“พอกันอ่ะ..” น้ำเดินนำเข้ามา อ้าว งานมีทติ้งมึงจบแล้วเรอะ “นี่อาร์ตกับพีทไปไหนอ่ะ” มันถาม

“พีทไม่รู้ มันอยู่กับมึงไม่ใช่เรอะ แต่อาร์ตกูเห็นมันเดินไปกับพวกน้องหมิวปีสี่ทางนู้นเมื่อกี้” ผมบอก “เดี๋ยวกูโทรหาให้”
ผมกดโทรศัพท์หาอาร์ต บอกมันว่ารออยู่หน้าคณะบวกกับฝากมันตามหาไอ้พีทให้ด้วย พูดจบผมก็วางสายไป
 
“พี่น้ำ เป็นไงบ้างพี่ บริษัทดีไซน์ที่ทำอยู่” ไอ้เต้ถาม “ผมกำลังมองหาที่ฝึกงานตอนปีสี่อ่ะ”

“ก็ดี แต่มาถึงต้องดราฟก่อนอ่ะ นี่กูเขียนห้องน้ำมาสามเดือน เพิ่งได้แตะบันไดหนีไฟเมื่ออาทิตย์ก่อน” มันพูดเซ็งๆ

“โห งี้คือลืมเรื่องดีไซน์ไปได้เลย” น้องผมถอนหายใจหนักๆ “อยากออกแบบว่ะพี่ เข้าไปจะได้ทำมั้ยอ่าา”

“ทีละขั้นไงมึง อย่าใจร้อน รักจะเป็นเทพดีไซน์ล่ะก็” น้ำพูดอย่างใจเย็น

“ก่อนอื่นมึงก็จะได้เป็นเทพห้องน้ำ ต่อไปก็เป็นเทพบันไดหนีไฟเหมือนไอ้น้ำไง” ผมแทรกขึ้น

“เออ ถูกของมึง ตอนนี้หลับตาตีแคดห้องน้ำได้ละ สบาย” ไอ้น้ำพูดเสียงไร้อารมณ์

“ถ้าอยากออกแบบ มึงต้องไปบริษัทเล็กๆหน่อย จะได้มีโอกาสทำทุกอย่าง” น้ำแนะนำ

“อือ เห็นด้วย เข้าบริษัทใหญ่ต้องอดทน” ผมเสริม “มึงลองถามพวกไอ้เฟิร์สดูดิ่ รายนั้นบริษัทเล็กจริง มีเต็กอยู่สามคน ทำแม่งทุกอย่างตั้งแต่ออกแบบยันส่งเอกสาร เหนื่อยหน่อย”

“แต่ลองดูก็ดี กูเคยฝึกงานแบบนั้นแล้วอ่ะ จบมาเลยมาอยู่บริษัทใหญ่ดูบ้าง” น้ำพูดขึ้น
 
หลายๆคนในรุ่นผมก็ทำงานกันหลากหลายนะครับ คนที่ยังทำสถาปนิกสายออกแบบก็เยอะ หน้าไซท์ก็มีบ้าง ส่วนคนที่ออกไปทำอย่างอื่นเลยก็มี แต่มีผมเนี่ยแหละครับ ออกมาทำที่ปรึกษาอยู่คนเดียว
 
ผมเป็นมนุษย์ตรรกะตรงแด่วครับ จะมาออกแบบเอาใจลูกค้า ให้แก้แล้วแก้อีกงี้คงทนไม่ได้ (ไอ้ประเภท ทำไมออกแบบออกมาแล้วดูไม่แพงเลย หรือบอกว่างานไม่สวยแต่อธิบายเหตุผลไม่ได้ว่าไม่ชอบตรงไหนน่ะ) หรือจะให้ไปอยู่ราชการที่ต้องมีการเมืองเยอะๆ ก็คงไม่ได้อีก อาจารย์ที่ปรึกษาผมเลยแนะนำว่าผมน่าจะทำได้ดีกับอะไรที่มีข้อเท็จจริง มีตัวเลขให้เห็น จับต้องได้มากกว่า
 
ผมมันพวกต้องเอาเหตุเอาผลมาเป็นที่ตั้งน่ะครับ ไม่ชอบเดาเอาสุ่มๆ 
เลยมาเป็นนักวิเคราะห์อยู่นี่ไง...

_ _ _ _

 
“เต็กปีหนึ่ง เต็กปีสอง รถคันที่หนึ่งนะคะ ส่วนอินปีหนึ่งปีสอง รถคันที่สอง เต็กอินปีสาม รถคันที่สาม นอกนั้นอยู่คันที่สี่เลย” น้องหมิวเจ้าประจำประกาศเสียงดัง “ตัวแทนรถออกมารับน้ำดื่มด้วยค่าาา”
 
ลานหน้าคณะตอนนี้เต็มไปด้วยคนมากมายครับ ปีสี่กำลังช่วยเชคตามรายชื่อเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้หลงลืมใครไว้ที่คณะ ส่วนพวกที่ขับรถตามไปเองก็ต้องรายงานตัวนะครับ เดี๋ยวจะไม่มีที่นอนเอา ส่วนพวกผมปีโตแล้วก็ใช้ไอ้น้องเต้ที่นั่งคุยกันเมื่อกี้นี่แหละครับไปจัดการให้ ลอยตัวครับพูดเลย 
 
เวลาตอนนี้ประมาณสี่ทุ่มครึ่ง หลังจากมองดูน้องๆ บางส่วนทยอยกันเดินแถวขึ้นรถ พวกผมก็ได้เวลาเคลื่อนตัวกันบ้าง นอกเหนือจากพวกผมที่แบ่งรถกันไปสามคัน (ของพีท บอย และก็ปั่น) เพื่อนๆที่เข้าคณะมาวันนี้แต่ไม่ได้ไปทริปก็เตรียมตัวกลับบ้านเหมือนกัน
 
ตอนที่กำลังยืนรอระหว่างแบ่งรถกันอยู่สายตาผมก็เหลือบไปเห็นร่างสูงเด่ไอ้น้องหวานคนนั้น..

อืม ผู้ชายอะไรวะชื่อหวาน พ่อแม่มันคิดอะไรอยู่วะตอนตั้งชื่อ ชอบกินของหวานตอนท้องงี้ ตอนเด็กๆมันจะโดนล้อมั้ยอ่ะครับ หรือว่ามันเพิ่งมาเปลี่ยนเองตอนโต หรือตอนเด็กๆหน้ามันจะหวาน
เอ่อ.. อันนี้ไม่น่าจะใช่แฮะ..
หรือมันจะมีพี่ชื่อเปรี้ยว เออ อันนี้เข้าท่า.. ผมคิดหาเหตุผลไปเรื่อย จนรู้ตัวอีกที เจ้าของชื่อคนนั้นก็ยืนยักคิ้วให้ผมจึกๆ มองกลับมาทำให้ผมต้องรีบหันหน้าหนี
 
ก็ไม่ได้อยากมองหรอกครับ แต่มันตัวสูงไง
แล้วกูก็แค่สงสัยเรื่องชื่อมึงเท่านั้นแหละ
 
“นั่งเบียดๆ กันไปหน่อยละกันนะ แป๊บเดียว รถไอ้บอยกับปั่นเต็มแล้วอ่ะ”
พีทบอกหลังจากที่เอ้กับฟ้าเดินมาขอติดรถออกจากคณะ

“สบายมาก เราไม่เกี่ยงอ่ะ” เอ้ ผู้หญิงผมสั้นเกรียนสุดจะคูลบอกปัดๆ

อย่างที่ว่าอ่ะครับ เอ้เป็นหนึ่งในสามมือกลองคณะ ตอนที่ปีผมออกไปเชียร์โต้กับที่อื่น สาวๆงี้กรี๊ดกันแทบสลบ ถึงขนาดมีคนถ่ายรูปเอาไปลงเพจคณะอะไรนั่นเช่นเดียวกับพวกไอ้น้ำ พีท และบอยผู้เป็นสมบัติคณะ (ตามที่คนอื่นเขาเรียกกัน) คนกดไลค์กันเป็นร้อยเป็นพัน
 
ไม่อยากจะพูดว่าผมยังไม่เคยได้ลงเลยอ่ะครับ ว่าแต่เป็นชัตเตอร์กดติดวิญญาณอยู่ข้างหลังพวกมันนี่นับมั้ยอ่ะครับ ถ้านับก็ได้ลงเยอะอยู่นะผมกะไอ้อาร์ตเนี่ย
 
“โอเค เอาของขึ้นรถหมดแล้วใช่ป่ะ” พีทถามแล้วกดเปิดประตูรถ BMW สีแดงของมัน

“กูนั่งหน้า!” อาร์ตรีบพุ่งตัวไปที่ประตูรถข้างคนขับทันที “กูเมารถ”

“เห้ยย ไม่เอาา กูเมากว่ามึงอีกเชี่ยอาร์ต มึงก็รู้” ผมแย้ง

“มึงนั่งข้างหลังตรงกลางไปก่อน เดี๋ยวกูเปลี่ยนให้” มันไม่ยอมครับ

“ต้องเปลี่ยนนะมึง พีท ถ้าไม่เปลี่ยนกูจะอ้วกใส่รถมึง!” ผมรีบขู่

พีทส่ายหัวด้วยความเซ็ง “เออๆ พวกมึงไปนั่งไป เดี๋ยวตอนแวะพักกูให้เปลี่ยน”     
 
ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งเบาะหลังตรงกลาง น้ำอยู่ด้านขวา ส่วนฟ้ากับเอ้นั่งเบียดกับผมที่ฝั่งซ้าย จะได้ลงง่ายๆ
อาร์ตรับหน้าที่กดเลือกเพลงสำหรับการเดินทางอยู่เบาะหน้า “เอาเพลงไรดีอ้ะ”

“ไม่เอาบอสซ่า เดี๋ยวกูหลับ” พีทตอบ อาร์ตกดสุ่มเพลงร็อคขึ้นมาจากไอโฟนของมัน “จัดไป”

ฟ้าย่นหน้า “นี่ต้องไปทะเลด้วยความเมทัลระดับนี้เลยเหรอ”

“ปลุกใจๆ” อาร์ตตอบขำๆ “เออ นี่ฟ้าทำอยู่ที่เดิมป่ะ ที่ทำคอนโดเยอะๆ” มันถามต่อ

“ช่ายย อยู่ห้องแบบเลยอ่ะ เหนื่อยดี ต้องคุยกับมาร์เก็ตติ้งด้วย แต่คงเหนื่อยไม่เท่าเอ้เนาะ” ฟ้าพยักหน้าไปทางอีกคน

“ใครจะอยากอยู่หน้าไซท์แบบเร๊าา” เอ้พูดขึ้น “ไอ้อาร์ตยังไม่เอาด้วยเลย แม่งเลือกฝ่ายแบบเฉย”

“ใช่ดิ่ ใครจะอยากออกไปตากแดดเหมือนมึงครับทอม ร้อนจะตาย” อาร์ตเบ้หน้าใส่ “กูชอบห้องแอร์”

“หวาย อ่อนนน ผู้ชายอะไรไม่แมนเลอออ” เอ้พูดล้อๆ

“ครับ ครับ บนรถนี่มึงแมนสุดละครับทอม” อาร์ตประชด
 
อย่างที่ผมเคยบอกครับ อาร์ตกับเอ้ทำงานที่เดียวกันแต่คนละฝ่าย อาทิตย์นึงจะเจอกันสักครั้ง เอาจริงๆสองคนนี้ตอนเรียนก็ไม่ได้สนิทกันมากนักนะครับ เพิ่งเห็นว่าแซวเล่นกันก็หลังจากเริ่มทำงานนี่เอง จริงๆ สมัยก่อนเอ้สนิทกับน้ำและบอยมากกว่าเพราะฝึกกลองด้วยกันตลอด กินนอนด้วยกันเป็นเดือนๆ
 
“เออ นี่ เมื่อกี้เราไปดูฝ่ายพยาบาลมา เลยขอยามาเผื่ออ่ะ” ฟ้ายื่นซองยามาให้ผม “แก้โรคกระเพาะ จะได้ไม่เป็นลมอีกไง”

“เอ้ย อย่าแซวดิ่ อายนะเนี่ย! แต่ขอบคุณมากฟ้า ช่วยได้เยอะเลย ขอบคุณมากๆ” ผมหยิบของมาจากมือแล้วพลิกซ้ายพลิกขวาดู

“สบายมาก” ฟ้าตอบ
 
ผมว่าทั้งรถเงียบนะ เงียบจนถึงขนาดได้ยินเสียงแอร์คลอไปกับเพลงร็อคของไอ้อาร์ตเลย

“อ้ะ เราลงตรงนี้แหละ” ฟ้าพูดขึ้น พีทเปิดไฟเลี้ยวและชิดซ้ายให้ตามคำขอ

“ขอบคุณมาก เที่ยวให้สนุกล่ะ”

“ขอบใจๆ” ทั้งสองคนพูดขณะก้าวลงจากรถ

“กลับบ้านดีๆล่ะ” อาร์ตเปิดกระจกแล้วพูดลา

“อย่ากินเหล้าเยอะล่ะ” ฟ้าเสริม “พีทขับรถดีๆนะ”

“คร้าบ” เจ้าตัวตอบรับเสียงยานคาง

“บายยย” ต่างฝ่ายต่างก็ร่ำลากัน อาร์ตกดกระจกข้างตัวขึ้นจนสุด
 

หลังจากพีทเลี้ยวรถออกมาได้ไม่เท่าไหร่อาร์ตก็ถามขึ้นทันที

“ตี๋ มึงกับฟ้านี่คุยกันได้เหมือนเดิมเลยเหรอวะ”

“เออ นั่นดิ่ กูกำลังจะถามเลย” พีทอดไม่ไหว

“กูก็คุยกะเขาแบบนี้ตลอดแหละ” ผมตอบ “ทำไม แปลกเรอะ”

“แปลกสิ มึงเป็นแฟนเก่ากันนะ ตอนนั่งแจกรุ่นน้องก็นั่งติดกัน แถมยังเอายามาเผื่อมึงอีกอ้ะ” อาร์ตหันหลังกลับมามองหน้าผม

“ไม่มีแบบ เข้าหน้ากันไม่ติดบ้างเหรอวะ กูกับแฟนเก่าที่เป็นเด็กอักษรนี่ เขาไม่มองหน้ากูเลยนะ” พีทถาม

“ใช่ๆ พวกมึงเหมือนเดิมมาก เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยอ่ะ” อาร์ตพูด

“โว๊ะ หนึ่ง เชี่ยพีท มึงบอกเลิกเขา สอง เชี่ยอาร์ต ทำไมกูกับฟ้าจะเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ ไม่ได้มีเรื่องอะไรกันนี่หว่า คบกัน เลิกกันก็จบ เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี กูก็เหมือนพวกมึงที่เป็นเพื่อนเขาแหละ แค่ไม่ได้คบเป็นแฟนแค่นั้นเอง” ผมเถียง

“รู้ได้ไง เขาอาจอยากกลับมาเป็นแฟนกับมึงก็ได้” พีทโต้

“ไม่อ่ะ ฟ้ากับกูตกลงกันแล้วว่าตอนนี้เป็นเพื่อนกันดีกว่า มันไม่รู้สึกเหมือนแฟนแล้วอ่ะ” ผมตอบหนักแน่น 

“แม่ง คนจริง” น้ำพูด “ตรงชิบหายยยยเลยยย” มันลากเสียงยาว

“เออสิวะ! ไม่มีใครกั๊กเหมือนมึงหรอก!” ผมพูดเสียงดัง โดยมีพีทหัวเราะเป็นลูกคู่ และอาร์ตนั่งพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้างๆ

“เอ้า กูกั๊กอะไร” น้ำทำเสียงสูง

“น้องพลอยไง น้องพลอย ยังต้องถามอีกเหรอวะ” พีทเฉลย

“ไม่มีไรแล้วอ่ะ พี่น้องกัน ปกติๆ”

“ไอ้ตี๋อ่ะกูเชื่อ ว่ามันเลิกกับฟ้าจริงแต่ยังเป็นเพื่อนกัน แต่มึงน่ะ ให้ตายกูก็ไม่เชื่อ น้องพลอยยังเมนต์ยังกดไลค์เหมือนเดิมอยู่เลย แหววกว่าเดิมอีก” อาร์ตพูดรัวๆ
“แฮชแท๊ก bettertogether ก็ยังอยู่ ห่าา ไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่” มันหยิบโทรศัพท์ให้ดูหน้าไอจีด้วยครับ ทำเอาไอ้น้ำเงียบไปเลย

“เออ กูไม่ได้เป็นไรกันแล้วจริงๆ เชื่อกูเห้อะ” มันพูดโอดโอย

“เอาที่มึงสบายใจเถอะครับคุณน้ำ” ผมประชดใส่ มันมองผมแล้วทำเบื่อโลก ทำเอาไอ้อาร์ตที่หันมาคุยอยู่หัวเราะพรูด ก่อนจะเลิกสนใจแล้วหันกลับไปเลือกเพลงในไอโฟนของมัน ส่วนพีทก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วตั้งใจขับรถต่อ
 
สรุปพวกผมก็ยังเค้นมันไม่ได้อยู่ดีครับ แต่ก็ไม่ใช่ธุระอ่ะนะ ถ้ามันจะไหลไปได้เรื่อยๆก็ตามใจเหอะครับ
ผมขอนอนสักงีบแล้วกัน ถือซะเป็นการตุนล่วงหน้านะ
 
_ _ _ _
 
 
“นี่ๆ กูจะแวะปั๊มข้างหน้านะ พวกมึงจะเอาอะไรกันมั้ย” เสียงพีทพูดขึ้นทำให้ผมลืมตาตื่นมาแบบงงๆ
“อาร์ต ตี๋กับน้ำมันหลับป่ะวะนั่น หันไปปลุกพวกมันดิ้”

ผมลืมตามาพอดีกับที่อาร์ตหันหลังกลับมาดู ผมมองไปข้างๆ ไอ้น้ำที่เอาหัวพิงกระจกอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาพอดี

“พวกมันตื่นละ” คนตัวเล็กสรุป
ผมกระพริบตาปริบๆ บิดขี้เกียจแล้วหาวออกมาวอดใหญ่

“เดี๋ยวออกจากนี่กูเปลี่ยนขับให้มั้ย พวกมึงจะได้หลับบ้าง” ผมเสนอระหว่างพีทเลี้ยวรถ

“ไม่เป็นไร อีกชั่วโมงนึงก็ถึงแล้วแหละ น่าจะถึงซักตีสามพอดี นอนทีเดียว” ไอ้พีทตอบ “จอดนี่เนอะ”
มึงไม่ได้นอนหรอกเชื่อดิ่ แม่งต้องมีวงเหล้ากันตั้งกะไปถึงชัวร์..
 
“อือ โอเค เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อน” อาร์ตขยับตัว

“ไปด้วยดิ่” ผมบอก

“กูก็ปวด” พีทก็ด้วย

“ไปกันให้หมดนี่แหละ โว้ะ” อาร์ตบอกตัดหน้าไอ้น้ำที่กำลังจะอ้าปาก
 
หลังจากพวกผมทำธุระกันเสร็จ ก็ได้เวลาเดินหาของกินในเซเว่นแล้วครับ
ผมเดินเลือกหยิบขนมกรุบกรอบใส่ตะกร้าไปเรื่อย ตามจริงแล้วผมไม่ค่อยชอบกินขนมถุงๆแบบนี้เท่าไหร่หรอกครับ นานๆ จะกินซักทีนึง แต่งวดนี้ผมตั้งใจจะไม่กินเหล้าครับ! เลยว่าจะหาของกุบกิบไปนั่งกินในวงแทน
 
“พวกมึงจะกินน้ำอะไรกัน.. ไอ้ตี๋… มึงห้ามแดกโค้ก” ไอ้พีทที่ยืนอยู่หน้าตู้แช่เย็นอยู่หันขวับมาบอก ขณะผมกำลังจะอ้าปาก

“เอ้า….” ผมร้อง

“เออ เอาน้ำเปล่าไปให้หมดนี่แหละ” พีทพูดแล้วหยิบน้ำขวดใหญ่ออกมาสามสี่ขวด “เผื่อตอนกินเหล้าด้วย”

“พวกกูอดเป็นเพื่อนมึงเลยนะเนี่ย” อาร์ตเดินมาโยนขนมใส่ตะกร้าที่ผมถืออยู่ “ขอบคุณพวกกูซะ”

“กราบขอบพระคุณครับคุณเพื่อน ผมจะไม่ลืมน้ำใจทุกท่านในครั้งนี้เลย”

“มากไปแสด” อาร์ตเอาศอกกระทุ้งผมเบาๆ

“ไปกันยัง” ไอ้น้ำที่กำลังเดินมาตามถามขึ้น

“กูอยากนอนต่อแล้วอ่ะ” มันพูด
 
_ _ _ _
 
ขึ้นรถมาผมก็นั่งหน้ามึนอยู่บริเวณเบาะหลังเหมือนเดิมครับ (ไอ้อาร์ตไม่ยอมแลกที่กับผมซะงั้น มันบอกว่าอยากจะเอนเบาะนอน) ไหนๆอีกชั่วโมงเดียวก็จะถึงรีสอร์ทละ ผมก็เลยไม่อยากหลับบนรถ ไอ้อาร์ตน่าจะหลับ (ไม่งั้นก็ต้องได้ยินเสียงจ้อมัน) ส่วนไอ้น้ำก็คอพับไปแล้วครับ ตื่นมาคุยกับไอ้พีทที่กำลังขับรถดีกว่า

“เดี๋ยวนี้มีตติ้งทะเลนี่เขาทำอะไรกันบ้างวะ ตอนพวกเราปีหนึ่งนี่เป็นไง กูลืมไปแล้วอ่ะ” ผมถามขึ้น

พีททำท่านึก “อืมมม รุ่นพวกเราปีหนึ่งก็เล่นเกม.. กินเหล้า แล้วก็เล่นโปโลน้ำแบบถอดกางเกง ที่พอลงไปแล้วพวกพี่ว้ากเอากางเกงไปซ่อนอ้ะ แม่ง.. ต้องเดินโทงๆ ขึ้นมาขุดหากางเกงที่ฝังไว้ในทราย เกมอะไรทุเรศชิบเป๋ง”
 
เออ ชัดเลย ภาพงี้ย้อนมาเป็นฉากๆ เกมอะไรเนี่ยจำไม่ได้หรอกครับ แต่เอะอะก็จะให้ถอดกางเกงลงทะเลอย่างเดียว พวกพี่ผู้ชายน่ะไม่เท่าไหร่ คือของมันก็เหมือนๆกันจะกลัวอะไร แต่พวกพี่ผู้หญิงนี่ดิ่! น่ากลัวมากครับพูดเลย นั่งมองอยู่ริมชายหาดไม่พอ บางคนยังเอากล้องขึ้นมาส่องด้วย
 
โหย ขนลุกพรึ่บ
 
“เออ กูจำอย่างอื่นไม่ได้เลยว่ะนอกจากการแก้ผ้า” ผมพูด “กูเคยถามฝั่งผู้หญิง เล่นเกมชิวๆ ทายคำงี้ บอลชายหาดงี้ เล่นน้ำทะเลงี้”

“จริง ภาพงี้ติดตากูไปเป็นเดือน” พีทพูดแล้วทำหน้ายู่

“ปีนี้ต้องมีอีกแหงๆ ไปนั่งไกลๆกันเหอะมึง กูไม่อยากเห็น ห้าปีที่ผ่านมานี่มันมากพอละ ทำไมชีวิตกูจะต้องมาเห็นของผู้ชายเป็นร้อยเป็นพัน” ผมโอดโอย

“ฮ่าๆ ไอ่เชี่ยตี๋นี่ มึงก็ว่าไป แต่พวกไอ้ปาล์มบอกว่าปีนี้ไม่มีแก้ผ้านะ” พีทว่า “มันว่าจะรับรวมกันทั้งหญิงชาย”

“เชื่อก็โง่ละ” ผมพูด “ไม่มีกูให้เตะเลย”

ไอ้พีทหัวเราะเสียงดัง
 
ผมกับมันนั่งคุยเรื่อยเปื่อยไปอีกสักพัก จู่ๆมันก็ถามขึ้น

“เออนี่ตี๋ กูถามอะไรหน่อยสิ”

ผมพยักหน้า “อือ ถามมาดิ่”

“มึงไม่เหงาบ้างเหรอวะ” มันพูด “ไม่มีแฟนอ่ะ”

“หือ ยังไง เหงาอะไรวะ”

“กูเหงา” พีทพูด “กูต้องมีคนคุยด้วยตลอด”

“เหอ.. มึงก็เลยคุยไปทั่วงี้” 

“ตื่นเช้า ทำงาน กินข้าว ทำงาน กินข้าว กลับบ้าน จบ” มันพูด “มันเงียบไปว่ะ”

ผมทำท่าคิด “กูว่า… มึงแค่ปรับตัวไม่ได้เท่านั้นแหละ ปกติมึงเจอหน้าเพื่อนทุกวันเพราะอยู่หอเดียวกัน พอมาตอนนี้ ทุกคนแยกไปทำงานที่นั่นที่นี่ ไม่ได้เจอกันเหมือนเดิม ออฟฟิสมึงคนน้อยด้วยนิ่ มึงรู้สึกว่าสังคมมึงแคบลง มึงเลยรู้สึกเหงา”
 
มันพยักหน้า
 
“ซึ่งกูจะบอกว่า ที่มึงคุยกับหญิงไปทั่ว แม่งไม่ใช่ทางแก้ว่ะ” ผมพูดแทรกมันที่กำลังจะอ้าปาก

“มึงลองหาอย่างอื่นทำ หาเวลาอยู่กับตัวเองบ้าง อ่านหนังสือ ดูหนัง อะไรก็ได้คนเดียว มันดีกว่าที่คิด เชื่อกู”

มันถอนหายใจ “มึงนี่ให้คำปรึกษาได้ทุกครั้งจริงๆ” 

“ก็กูรู้สันดานมึงไง” ผมตอบ
 
“เอ๊ะตี๋ รีสอร์ทมันชื่ออะไรนะ” พีทชะลอรถแล้วถามขึ้น “ใช่อันนี้รึป่าววะ”

“บ้านใกล้ทะเล” น้ำที่ไม่รู้ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ตอบให้ “คุยกันขนาดนี้ใครจะหลับลง” มันบ่น

“ไอ้อาร์ตยังกรนอยู่เลอ” ผมชี้ไปหาอาร์ตที่เบาะหน้า

“มีแต่แม่งแหละหลับได้หลับดี” พีทพูดขำๆ แล้วหมุนพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปยังรีสอร์ท
 
ผมมองไปยังลานจอดรถ

“อ้าว ยังไม่มีใครถึงเลยว่ะ” พีทพูด ผมจับเบาะด้านหน้าแล้วชะโงกไปดู “จริงด้วย”

“เห้ย ดีๆ งั้นกูจะได้เชคอินแล้วนอนเอาแรงก่อน” พีทพูดอย่างดีใจ

“เย้ ได้นอนบนเตียงแล้ว” จู่ๆไอ้อาร์ตก็ทะลึ่งดีดตัวขึ้นมาจากเบาะ

“เชี่ย!” ผมอุทาน ตกใจหมดห่านี่

“ฮ่าๆ ขวัญอ่อนว่ะมึง” มันขำใส่ ผมเลยโบกไปที่กลางกบาลมันไปหนึ่งที

“โอ๊ย! ไม่เห็นต้องตีกูเลยอ้ะ!” มันโวย

“อ่ะๆ พอๆนะครับพวกมึง ลงไปได้ละ กระเป๋าใครก็หยิบเอาเองนะครับ” น้ำพูดตัดบท
 
“เอ้า ลงๆ” ผมเปิดประตู
 
_ _ _ _
 
พวกผมเช็คอินเข้าที่พักเป็นกลุ่มแรก
หลังจากโทรถามคันของบอยกับปั่นแล้ว พวกมันว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะถึง ส่วนรถบัสน่าจะอีกชั่วโมง น่าจะถึงช่วงตีสี่นิดๆ
กิจกรรมคงได้เริ่มกันสิบเอ็ดโมงละครับ
 
ตอนนี้เป็นเวลาตีสาม แต่ทางรีสอร์ทก็ยังมีพนักงานอยู่ที่ฟร้อนท์นะครับ ดีจริงๆ นึกว่าจะต้องไปเคาะเรียกซะแล้ว
 
“เซ็นชื่อตรงนี้เลยค่ะ” สาวต้อนรับเงยหน้าขึ้นบอกพวกผม แหม่.. น้องกับเพื่อนนี่จ้องไอ้พีทกับไอ้น้ำซะจะทะลุแล้วครับ 
“บ้านหลังนี้จองไว้ว่านอน 15 คน มีห้องนอน 3 ห้องใหญ่ ทางเราจัดเตียงไว้ห้องละ 5 คนนะคะ ตามมาทางนี้เลยค่า” อีกคนที่อยู่ด้วยกันพูดขึ้น แล้วสาวสองคนก็เดินนำพวกผมออกไปที่บ้านพัก
 
โฮลี่ชิท
มืด ชิบ หาย เลย ครับ
 
พนักงานสาวสองคนที่นำหน้าผมถือไฟฉายส่องทางเดินด้วยความคล่องแคล่ว นี่พรี่ต้องมีญาณวิเศษหรือพลังจิตก่อนมั้ยครับ ถึงจะเดินได้แบบน้อง ผมหันไปสบตากับอาร์ตแล้วพยักหน้าให้กัน
 
ถ้าโดนหลอกไปฆ่ากูก็จะมีเพื่อนละนะ
 
ผมมองดูแล้ว รีสอร์ทนี่ถือว่าเป็นระดับกลางๆ ไม่ได้หรูหราอะไรมาก ห้องพักส่วนใหญ่เป็นบ้านพักหลังใหญ่ ปลูกอยู่ห่างๆกันพอให้มีบริเวณเป็นส่วนตัว คงเอาไว้สำหรับคนที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆแบบนี้แหละครับ นี่พวกปีสี่ก็น่าจะเหมาทั้งรีสอร์ทไว้ หาที่ได้ดีเหมือนกันนะ หลังจากเดินตามสองสาวผู้นำทางไปสักพัก พวกผมก็ถึงที่นอนคืนนี้แล้วครับ บ้านหลังใหญ่มีสามห้องนอน สามห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น มีครัวเล็กๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง พนักงานแนะนำบ้านคร่าวๆ แล้วก็ขอตัวกลับไป
 
พวกผมเดินสำรวจบ้านอยู่สักพักก็ยกของเข้าไปไว้ในห้องนอนห้องหนึ่ง ฟูกเดี่ยว 5 เตียงถูกวางปูไว้ที่พื้นอย่างดีพร้อมหมอนและผ้าห่มมุมหนึ่ง อีกฟากเป็นห้องโล่งๆ ที่พวกผมวางกระเป๋าเป้กองไว้   

“พวกเราก็นอนห้องนี้ไปเลยละกัน แล้วพอพวกมันมาถึงค่อยว่ากัน” ผมสรุป

“โอเค รับทราบ ลาก่อน กูจะนอนละ” อาร์ตเดินแล้วทิ้งตัวจองที่

“มึงนอนมาตลอดทางยังไม่พออีกเรอะ” พีทบ่น “กูเนี่ยคนขับ” มันนั่งลงรื้อของออกจากกระเป๋า

“รีบๆ อาบน้ำ ล้างหน้าล้างตาแล้วนอนเหอะ พวกแม่งมาถึง ไม่ได้นอนแล้วแน่ๆ” น้ำพูดออกมา
 
พวกผมพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตากันทีละคนสองคน แล้วกลับมานอนเอาแรง
 
_ _ _ _
 
เสียงคุยกันที่อยู่ด้านนอกทำให้ผมงัวเงียตื่นขึ้น ท่าทางว่าพวกแม่งจะมาถึงกันแล้ว ผมคว้าแว่นสายตาข้างตัวมาใส่ลวกๆ ก่อนเปิดประตู ชะโงกหน้าออกไปดูคนที่มาใหม่
 
“เอ้า มึงหลับกันแล้วเหรอ” ไอ้นัททักผม

“อือ ไม่รู้แหละ กูนอนตุนก่อน” ผมหาวใส่มัน “แล้วนี่พวกเด็กมากันยัง” ผมมองเพื่อนๆคนอื่นๆเดินเข้าเดินออกห้องนอนอีกสองห้องอย่างง่วงๆ

“บัสมาถึงหลังกูสักสิบนาทีได้ กูเลยต้องช่วยต้อนทุกคนเข้าบ้านพัก ตอนนี้เรียบร้อยละ” นัทตอบ 

“อ่ออ มิน่ามาช้า” ผมดูนาฬิกา ตีสี่ครึ่งแล้วเหรอเนี่ย
 
ผมกวาดสายตาไปทั่วๆ แล้วก็สะดุดกับลังเบียร์กระป๋องที่เฟิร์สเพิ่งยกเข้ามา “นี่พวกมึงจะกินกันตั้งแต่ตอนนี้เลยเรอะ” ผมตกใจ

“แหม่ เอามาวางไว้ก่อนไง หรือมึงอยากเปิดก่อนก็ได้นะครัช” บอยที่กำลังยกมาอีกสองลังพูดสมทบ

“ไม่เอา แสด กูกลับไปนอนต่อละ” ผมทำหน้าเซ็ง กลับไปนอนดีกว่าครับ “เออ ห้องนี้นอนได้อีกคนนะ ใครจะเข้ามานอนก็เอาเลย” ผมบอก 
 
_ _ _ _

(มีต่อ)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2017 17:31:41 โดย idee »

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
_ _ _ _
 
11.00

/ปรี๊ดดดดดดดด/
/ปรี๊ดดดดดดดด/

 
เสียงนกหวีดแหลมๆ ดังขึ้นในขณะที่พวกผมนอนกลิ้งกันอยู่ในห้อง

สี่คนในห้องนี้ตื่นแล้วครับ ไปๆมาๆก็ไม่มีใครเข้ามานอนในห้องพวกผมเพิ่ม มีบางคน (เช่นไอ้เทพ บอย และนัท) นอนกองๆกันอยู่ที่หน้าห้องเพราะมันเปิดเบียร์กระป๋องกินกันตั้งแต่ที่มาถึง น่าจะเพิ่งหลับไปเมื่อหกโมงนี่เอง หลังจากที่ออกไปหาอะไรกินรองท้องตอนเก้าโมงครึ่ง ผมก็กลับมานอนตากแอร์ผึ่งพุงฟังเพลงในโทรศัพท์อยู่บนฟูกอันริมสุด ถัดไปเป็นอาร์ตที่นอนเล่นโทรศัพท์ และพีทที่แต่งตัวเรียบร้อยกำลังนั่งเช็ดผมให้แห้งอยู่ปลายเตียง ส่วนน้ำออกไปเดินเล่นแล้วพักหนึ่ง   
 
“เรียกรวมแล้วว่ะ” พีทพูดขึ้น เอาขาเขี่ยๆอาร์ตที่อยู่ข้างๆ “ลุกๆ” 

“ยังไม่อยากออกไปว่ะะะ” อาร์ตอิดออด “กูอยากนอนตากแอร์อ้ะ”

“มึงนิ่ จะนอนแม่งทั้งวี่ทั้งวันเลยเรอะ” ผมบ่นแล้วพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง หันไปคว้าหมวกแคปสีขาวกับแว่นกันแดดออกมาจากเป้ “ไปเหอะ”
 
ผมเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่น ทุกคนออกมาพร้อมอยู่แล้ว วันนี้ผมอยู่ในชุดเสื้อกล้ามยืดย้วยๆสีเทาตัวใหญ่ กางเกงขาสั้นสีดำและเสื้อคลุมแขนยาวสีขาว หมวกและแว่นพร้อม ช่างแตกต่างกับไอ้พวกในห้องนี่เหลือเกิน บางคนอยู่ในชุดเสื้อยืดแขนสั้นบ้าง เสื้อกล้ามบ้าง หมวกบ้างแว่นบ้าง มีแต่ผมนี่แหละที่มาเต็มสตรีม ใครไม่เคยโดนแดดเผาคงไม่รู้หรอกครับว่ามันเจ็บแสบขนาดไหน ตอนปีหนึ่งแขนกับหลังคอผมนี่ไหม้เป็นแถบๆเลยครับ หลังจากนั้นมาต่อให้โดนแซวยังไง ผมก็ไม่ยอมถอดเสื้อคลุมนี่เด็ดขาด เอาสิ
 
หลังจากพยายามปลุกขี้เมาสามคนที่นอนกองอยู่หน้าห้อง (ก็ได้แค่พยายามอ่ะครับ ไม่ตื่นหรอก) พวกผมก็ออกมาเดินหล่อว์ๆกันริมทะเล ในขณะที่น้องปีหนึ่งออกมายืนเข้าแถวรวมเพื่ออกกำลังกายตอนเช้าโดยมีปีสามเป็นผู้นำ แหงแหละว่าท่าออกกำลังกายอะไรนี่เป็นแค่ข้ออ้าง ผมยืนกอดอกดูเด็กๆทำท่าตลกๆอยู่ไกลๆ แล้วก็ยืนหัวเราะไปด้วยอยู่สักสิบห้านาทีได้
พวกน้องปาล์มปีสามก็เดินมาบอกให้กระจายตัวไปตั้งฐานให้น้องเล่นเกมกันได้แล้ว
 
“พวกผมจะแบ่งน้องเป็นสี่กลุ่มตามสีผ้าพันคอ มี แดง เหลือง ชมพู ฟ้า กลุ่มละยี่สิบนะพี่ เรามีฐานสี่ฐาน ปีสอง สาม สี่กับห้ารวมกัน แล้วก็ฐานของพวกพี่ ก็วนได้กลุ่มละฐานพอดี เล่นกลุ่มละ 20 นาที เดี๋ยวอีกสิบนาทีเริ่มได้เลย” ปาล์มพูดเร็วๆ
 
พวกผมแปดคนย้ายตัวกันมาอยู่มุมหนึ่งของหาด (ผมว่าคนเมาสามคนนั้นน่าจะตื่นอีกทีราวๆบ่ายสอง) มีร่มห้าคันกางเอาไว้ให้พอมีที่บังแดด กับเตียงผ้าใบอีกสี่ตัว 

“เอ้า ปีเราไม่มีผู้หญิงเลยนี่หว่า” เฟิร์สบอกงงๆ “แล้วเล่นไรดีวะ”

“นั่นดิ่ เอาไงดี” พีทบ่นเบาๆ

“ไหนใครลองเสนอมาหน่อยดิ่ กูจะกินเบียร์รอ” จู่ๆ ไอ้เอ็มก็หยิบเบียร์กระป๋องออกมาจากเป้ที่มันถืออยู่ครับ กูก็ว่าละมันแบกอะไรมาดูท่าหนักๆ

“เฮ้ย ไอ้เอ็ม เอางี้เลยเรอะ!” ผมร้อง

“เอางี้แหละ โตแล้วจะทำอะไรก็ได้เว้ย! ใครเอาบ้าง” มันถามแล้วยักไหล่ใส่ผม แล้วโยนเบียร์กระป๋องให้คนที่ยกมือ
เอาว่ะ กินเบียร์ไปด้วย รับน้องไปด้วย เออ ก็คุ้นอยู่นะ เหมือนภาพนี้เคยเกิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน

“จะให้ดีพวกเราต้องเล่นกับน้องด้วยดิ่วะ” ปั่นเสนอ “จะได้สนิทกันไว้ไง”
 
“เอ้ย กูคิดออกแล้ว!” อาร์ตพูดขึ้นมา
“นี่ไง แบ่งน้องกลุ่มหนึ่งออกเป็นสองฝ่าย กลุ่มละ 10 แล้วพวกเราส่งตัวแทนลงไปฝ่ายละคนเป็นหัวหน้าทีม ใส่หมวกเอาไว้  ต่างฝ่ายต่างต้องแย่งหมวกของหัวหน้าทีมฝั่งตรงข้ามมาให้ได้  ลงไปเล่นในน้ำ ฝ่ายไหนหมวกหลุดก่อนแพ้” ไอ้อาร์ตอธิบาย “เอาหมวกขาวไอ้ตี๋ กับหมวกสีน้ำตาลของมึงอ่ะน้ำ” มันชี้ให้เสร็จสรรพ
 
พวกผมพยักหน้าหงึกๆ เออ ก็น่าจะสนุกดี “แล้วใครต้องเป็นคนลงไปเล่นกับน้องนิ” กล้าถามขึ้น

“อืมม ตอนนี้เรามีกับแปดคน น้องมีสี่กลุ่ม ก็รอบละสองคนพอดีไง” ผมพูดแล้วมองไปรอบๆ “ก็จับคู่กันไปละกัน”

“เห็นด้วยๆ” ทุกคนเห็นพ้องต้องกันครับ อ้ะ นู่นๆ น้องสีฟ้าเดินมาแล้ว 
 
หลังจากแนะนำตัวรุ่นพี่และพี่ปีหนึ่งกันแล้ว หลังจากแนะนำตัวพอเป็นพิธี พวกผมก็ให้น้องแบ่งออกเป็นสองกลุ่มตามใจชอบ ให้กลุ่มหนึ่งผูกผ้าพันคอไว้ อีกกลุ่มให้ถอดเก็บ รอบแรกเป็นของเฟิร์สกับเอ็มครับ ผ่านไปด้วยความเฮฮา เกมของไอ้อาร์ตนี่ใช้ได้เลย พวกผมอีกหกคนที่เหลือก็ตะโกนเชียร์กันอย่างเมามัน น้องๆเล่นกันอย่างสนุก ช่วยกันปกป้องรุ่นพี่ฝ่ายตัวเองกันใหญ่ แต่ก็ได้บรรยากาศดีครับ
สรุปแล้วทีมของเฟิร์สชนะไปครับ ไม่รู้เพราะไอ้เอ็มมันเมาเบียร์รึยัง แต่มันขยับตัวหนีช๊าา ช้าครับ กลับขึ้นฝั่งด้วยอาการเปียกมะล่อกมะแล่ก
 
รอบต่อไปเป็นน้องสีแดง พวกผมส่งพีทกับน้ำลงไปพร้อมกัน (ก็ตัวมันยักษ์พอๆกันอ่ะครับ) น้องผู้หญิงนี่สู้ตายถวายชีวิตมาก อืม พวกมึงน่าปกป้องขนาดนี้เลยเหรอวะ หน้าตาช่างมีผลจริงๆ
 
“พวกนี้แม่งอ่อยแสดดด ดูไอ้พีท ใส่เสื้อขาวลงน้ำอ้ะ” อาร์ตหันมาพูดใส่ผม

“เออจริง” ทั้งไอ้พีทกับไอ้น้ำเลยครับ ถึงไอ้พีทจะมีเสื้อรด.สีเข้มใส่คลุมเอาไว้ แต่ข้างในนี่มึงตั้งใจโชว์หุ่นมากเลยนะ ส่วนไอ้น้ำ เสื้อสีเทาของแม่งก็ไม่ได้ช่วยปกปิดหุ่นมันเล้ย  ยิ่งโดนน้ำ มันก็ลู่ติดตัวไปเท่านั้นอ่ะ
 
ไอ้พีทกับไอ้น้ำเป็นพวกหล่อคนละแบบครับ พีทหล่อใสๆประมาณว่าเกาหลีอปป้า ยิ้มทีตาหยีดูไม่มีพิษมีภัย (แต่นั่นล่ะครับ มันหน้าม่อนะ) ส่วนไอ้น้ำเป็นพวกหล่อเข้ม ผิวแทนๆเหมือนพวกนักบอล เอ่อ จริงๆแล้วก็ใช่ มันเข้ามหาลัยมาด้วยโควต้านักกีฬาฟุตบอลน่ะครับ เพราะงั้นเวลาผมอยู่ด้วยกันทั้งกลุ่ม ผมกับไอ้อาร์ตจึงดูจืดจาง เหมาะเป็นแบ๊กกราวน์พวกมันสองคนมากๆ   
 
พวกกูเลยไม่เคยเกิดซักที
 
พูดถึงคนหล่อ.. จะว่าไปก็ยังไม่เห็นไอ้น้องหวานหน้าหล่อนั่นเลยนะ.. ผมสังหรณ์ใจว่ามันจะต้องโผล่มาตอนถึงตาผมลงเล่นแหงๆ ผมเคยบอกรึยังว่าผมคิดอะไรไม่ค่อยพลาดน่ะ

โว้ว แล้วผมจะไปนึกถึงมันทำไมวะ
 
กลับมาที่เกมกันต่อ รอบนี้จะว่ายากก็ยากนะครับ ไอ้พีทก็สูง ไอ้น้ำก็สูง แย่งหมวกที่อยู่บนหัวมันยิ่งยากเข้าไปอีก น้องผู้หญิงก็ช่วยสู้ฝ่ายตรงข้ามสุดๆ ทั้งผลักทั้งดัน กว่าที่น้องผู้ชายคนหนึ่งจะกระโดดคว้าหมวกของไอ้น้ำได้นี่ลุ้นกันไปเป็นแถบๆ
 
“เหนื่อยแสดดด” ไอ้พีทเดินหัวเปียกขึ้นมา “ใครต่อ น้องสีเหลืองมารอละ”

“พวกกูๆ” ปั่นกับกล้าใต้ยกมือ
 
อื้อหือ การจับคู่ระหว่างพี่เทวดากับโจรใต้สำเนียงทองแดงมาละครับ 
 
ทีมของกล้าชนะไปด้วยเวลาไม่ถึงสิบห้านาที ใครจะไปกล้าตบหมวกจากหัวไอ้กล้าวะ.. หน้าโหดชิบเผง นี่ร่างส่วนบนมันแม่งยังไม่เปียกเลยมั้งครับ ส่วนพี่ปั่นคนอบอุ่น (ได้ยินน้องผู้หญิงเขาเรียกกัน) ก็โดนน้องสาดน้ำใส่แล้วชิงเอาหมวกไปอย่างง่ายดาย ชิห์ อ่อนจริงๆ
 
โอ๊ะ ได้เวลาผมลงสนามกับน้องสีชมพูแล้วครับ คู่ปรับผมจะเป็นใครไปได้นอกจากไอ้อาร์ต หลังจากจบการแนะนำตัวของพวกผม น้องๆก็ทำการแนะนำตัวให้พี่ๆรู้จักทีละคนด้วยชื่อเล่น ภาค และรหัส
 
ผมเคยคิดอะไรพลาดที่ไหน...
ไอ้น้องหวานนี่อยู่กลุ่มนี้ครับ…
 
ผมจัดการฝากแว่นกันแดด Gentle Monster ไว้ที่ไอ้พีท (หายไม่ได้นะครับ ไม่มีเงินจะซื้อละ) แล้วก้าวออกมายืนด้านหน้าพร้อมไอ้อาร์ต หันหลังให้พวกน้องๆ ขณะที่เอ็มอธิบายกติกาการเล่น
 
“ถ้าเข้าใจแล้ว ต่อแถวหน้าพี่ที่น้องๆ รู้สึกอยากจะปกป้องได้เลยครัชช เลือกทีมได้เลยคร้าบบบบบบบ จะอยู่กับใครระหว่างพี่ตี๋วิน กับพี่เชี่ยอาร์ตคร้าบบบบ” เอ็มตะโกนถาม ทำเอาน้องฮากันครืน

“ทำไมหน้าชื่อกูต้องมีเชี่ยด้วยอ่ะ” อาร์ตค้อนขวับ

“มันจะได้สามพยางค์เท่ากันไง” เอ็มยักคิ้วใส่ “เอ้าๆ น้องแบ่งกันเสร็จแล้วใช่มั้ยครับบ พี่หัวหน้ากลุ่มหันมาได้เลยคร้าบบบบบ”
 
ผมหมุนตัวหันไปดูลูกทีมตัวเอง อืม น้องผู้หญิงเจ็ดคน และน้องผู้ชายสามคน.. หนึ่งในนั้นคือไอ้หวานนี่แหละครับไม่ต้องเดา มันยืนอมยิ้มมองมาที่ผมจากปลายแถว แหม ผูกผ้าพันคอสีชมพูเข้ากับชื่อมึงเชียวนะ

ผมยิ้มให้น้องๆผู้หญิงในทีม “น้องผู้หญิงดูแลพี่ด้วยนะคร้าบบบบ ส่วนน้องผู้ชาย เอาหมวกไอ้อาร์ตมันให้ได้นะครัช”
น้องๆผู้หญิงตบปากรับคำอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ส่วนน้องผู้ชายก็ดูแข็งขันดีนะ
 
“เอ้า ถ้าพร้อมแล้ว ทีมพี่เชี่ยอาร์ตถอดผ้าพันคอคร้าบบ ลงน้ำได้เลยยยยย” เฟิร์สพูดเสียงดัง
ผมขยับตัวจะเดินไปที่ทะเล

“อ้ะอ้ะ นี่รอบสุดท้ายแล้ว กูขอเพิ่มกติกา.. “ เอ็มทำหน้าเจ้าเล่ห์ “ทีมใครแพ้ หัวหน้าทีมต้องโดนจับฝังทราย!!!” 
 
ไอ้บ้าาา มาเปลี่ยนกติกาอะไรตอนกูจะเล่น!!
ผมอ้าปากกำลังจะด่าว่าเก็บไว้ให้พ่องเล่นเหอะครับเพื่อน

แต่ว่า
 
“เอาดิ่! กูมั่นใจว่าไม่แพ้!” อาร์ตพยักหน้า ผมอึ้ง

“ไอ้ห่านนนนนนน ถามความสะดวกกูมั้ยมึงงงงง” ผมโวยวาย “ทีมมึงมีผู้ชายตั้งหกคน”

“กลัวหราาาาาา” อาร์ตลากเสียงยาว

“ไม่กลัว” ผมว่าไปก่อน

“แต่ถ้ากูชนะ น้องผู้ชายฝั่งมึงต้องโดนด้วย” ผมยื่นข้อเสนอโดยมีเสียงสนับสนุนจากน้องทีมผมเป็นลูกคู่

“ด้ายยยย” มันว่า
 
“นี่ เอาให้ชนะนะเว้ย พี่ไม่อยากโดนฝังทรายอ่ะ” ผมหันไปพูดกับน้องในทีม น้องๆพยักหน้าให้

“ไม่ต้องห่วง ไม่แพ้หรอกน่า”
ผมแอบสะดุ้งเล็กๆ กับเสียงข้างตัวที่จู่ๆก็พูดขึ้นมา
 
เห้ย
วาร์ปมายืนข้างๆ อะไรตรงนี้วะไอ้เด็กหวานนี่! ตกใจหมด
 
“เอ้า ลงทะเลกัน!!” ผมว่าแล้วใส่หมวกเดินนำหน้าลงน้ำไป
 
_ _ _ _

ตอนที่ 6 มาแล้วค่ะ

ดีใจที่มีคนรอตี๋วิน <3 ฮืออ มากอดทีนึง
จริงๆแล้วตี๋วินเป็นคนน่าแกล้งพอประมาณนะคะ เพราะความเป็นคนจริงจังทำให้มีคนเข้ามาหยอดบ่อยๆ
แต่ฮีก็จะคิดว่าเขาเล่นไปซะหมดแหละ (แต่จริงจังก็มีนะ) ฮีเซนส์ช้าเรื่องนี้ค่ะ แยกไม่ค่อยออก

จะรีบมาต่อในเร็ววันฮ่ะ
จุ๊บุ
  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2017 17:33:52 โดย idee »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด